Chapter 19 ดวงตาปีศาจ
หลังจากที่ปรสิตพิษจากไปแล้ว หากแต่การประชุมยังคงดำเนินต่อไปอย่างเคร่งเครียด ทุกคนต่างก็ทุ่มเถียงกันถึงวิธีที่จะผ่านเจ้ามังกรยักษ์ไพทอนไปให้ได้ ทว่าก็ไม่มีใครสักคนจะสามารถหาวิธีผ่านมันไปได้ การประชุมที่ดูเหมือนจะยาวนานไม่มีที่สิ้นสุดทำให้ทุกคนเหนื่อยล้ากันเต็มที ซาดินเองก็เห็นว่าหากเป็นอย่างนี้ต่อไป ขวัญและกำลังของทหารคงจะหมดไปในไม่ช้า ทว่าตัวของเขาเองก็ไม่รู้จะผ่านเจ้ามังกรยักษ์ไปได้อย่างไรเช่นกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งให้หงุดหงิดรำคาญใจนัก
ฝ่าบาท หม่อมฉันมีความคิดบางอย่างจะเสนอ ไม่ทราบว่าพระองค์จะพอพระทัยหรือไม่ บลาส เซจเอ่ยขึ้นในที่สุด
รีบว่ามา ซาดินกล่าวเสียงกะตือลือล้น
หากเราไปทางช่องเขานี้ไม่ได้ และพระองค์ไม่ประสงค์จะอ้อมเทือกเขา ก็เหลืออยู่ทางเดียวบลาส เซจแสยะยิ้มพลางค่อยๆใช้นิ้วชี้ที่ยาวและเต็มไปด้วยรอยปูดโปนของกระดูกชี้ขึ้นฟ้า ทางอากาศพ่ะย่ะค่ะ
ทันใดก็เกิดเสียงพูดคุยโต้แย้งกระหึ่มจากบรรดาแม่ทัพนายกองจนฟังไม่ได้ศัพท์ ซาดินรีบยกมือขึ้นเป็นนัยให้เงียบเสียงลง ก่อนจะใช้มืออีกข้างลูบคางพลางยื่นหน้ามาฟังอย่างตั้งใจ
ว่าไป บลาส เซจ ซาดินสั่ง
การไปทางอากาศนี้มิใช้การขนกองทัพทั้งหมดขึ้นไป แต่เป็นการส่งกองทัพบางส่วนไปตัดกำลังของฟูดินันเสียก่อนเพื่อมิให้สามารถจัดกองทัพมาสู้กันเราได้ เมื่อกองทัพใหญ่เคลื่อนไปถึง และยังเป็นการส่งคนไปสำรวจจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญๆของฟูดินันอีกด้วย พระองค์คงจำได้ว่าเจ้ามังกรตัวนี้ก็จะคลุ้มคลั่งแม้แต่ในกรณีของภัยธรรมชาติ บลาส เซจพูดพลางกางแผนที่ลงบนโต๊ะ บริเวณนี้คือป่าทมิฬซึ่งอยู่ติดกับเทือกเขาด้านตะวันตก ซึ่งตามที่กระหม่อมสืบทราบมา บริเวณนี้มีชนเผ่าเล็กๆหลายเผ่าอาศัยอยู่ และชนเผ่าบริเวณนี้เป็นชนเผ่าที่แข็งแกร่งและป่าเถื่อนที่สุดของฟูดินัน ดังนั้นเราจะใช้พวกมันนี่แหละให้เป็นประโยชน์ หากเราส่งกองทัพขึ้นไปเผาป่าทมิฬนี่เพื่อล่อเจ้ามังกรใหญ่ให้มัวแต่สาละวนอยู่กับเทือกเขาด้านนี้ จังหวะนั้นเราก็เคลื่อนทัพไปอีกฟากหนึ่งของเทือกเขาฝั่งทิศตะวันออกที่ติดกับทะเลทางด้านนี้ แล้วข้ามเทือกเขาทางช่องเขานี้ การบุกเข้าฟูดินันก็ง่ายนิดเดียว
แล้วเราจะส่งกองทัพที่ว่าไปเผาได้ด้วยวิธีใดเล่า ในเมื่อเพียงแค่มีจิตสังหารเจ้ามังกรนั่นก็อาละวาดแล้ว ไอ้เจ้าตัวประหลาดเมื่อกี้ยังบอกเลยว่าพวกพรานล่าสัตว์ของฟูดินันยังขึ้นเขาแค่คราวละ3คนเท่านั้น ราโชยูถามขึ้น
ถูกต้อง เราส่งคนไปมากๆไม่ได้ ดังนั้นเราจึงจะส่งฝูงมังกรไฟบินข้ามหัวเจ้ามังกรยักษ์นี้ไปให้พ้นจากรัศมีที่มันจะสัมผัสถึงจิตสังหารได้ แล้วจัดการเผาป่าทมิฬเสียให้ราบเป็นหน้ากอง ภารกิจในครั้งนี้เราจะใช้คนเพียงแค่2คนเท่านั้น 1คือผู้ควบคุมสัตว์แห่งซาโลมเพื่อการคุมทัพมังกร และอีก1คือผู้ที่ไม่มีจิตใจที่จะสู้รบแต่มีพลังมากพอที่จะเผาฟูดินันให้ราบได้ในพริบตา
เมื่อพูดจบทุกคนก็หันไปมองเนริมอร์เป็นตาเดียว ในขณะที่เนริมอร์ก็จ้องบลาส เซจราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ บลาส เซจจ้องกลับ แสร้งโค้งคำนับอย่างอ่อนน้อม
พระนางคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะกระทำการนี้พ่ะย่ะค่ะ เพราะพระนางมีความห่วงหาในพระโอรสเกินกว่าจะมีจิตใจที่จะออกรบ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าพระนางคือผู้เดียวในกองทัพที่ไม่มีจิตสังหาร
มีสิ ข้ามีจิตสังหารที่จะฆ่าเจ้ายังไงล่ะ เนริมอร์ชะโงกตัวมาข้างหน้า เหยียดริมฝีปากขึ้นพูดเป็นเชิงสัพยอกหากแต่แววตานั้นฉายแววชิงชังชัดเจน เนื่องด้วยนางรู้ดีว่าแม้นนางจะโกรธเกลียดจนอยากจะปลิดชีพอุปราชเฒ่าเพียงใด แต่ในยามศึกสงครามเช่นนี้ความขัดแย้งภายในเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับกองทัพ
เนริมอร์ ซาดินกล่าวเตือนเสียงเรียบ
เนริมอร์ถอยตัวกลับไปนั่งท่าเดิม แล้วจึงเริ่มต้นกล่าวต่อ ช่างแสนรู้เสียเหลือเกินนะ ในเมื่อจะบินข้ามหัวเจ้ามังกรนั่นไปล่ะก็ จะเป็นคนที่มีจิตสังหารหรือไม่ก็ไม่ต่างกันมิใช่รึ
บลาส เซจหัวเราะเบาๆ ซึ่งนั่นก็เป็นการยั่วโทสะเนริมอร์ได้เป็นอย่างดี การจะข้ามไปโจมตีศัตรู จะต้องหยุดซุ่มดูจุดยุทธศาสตร์ของศัตรูก่อนมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ และการซุ่มดูนั้นแน่นอนว่าต้องดูจากที่สูง แต่ถ้าอยู่บนฟ้าก็จะเป็นจุดเด่นเกินไป ดังนั้นสังเกตการณ์ตามยอดเขาไหล่เขาย่อมจะดีกว่า และแน่นอนว่าเจ้ามังกรยักษ์ก็คงจะสัมผัสได้ทันทีถึงจิตสังหาร ฉะนั้นกระหม่อมจึงกล่าวว่าพระนางเหมาะสมที่สุดสำหรับภารกิจในครั้งนี้