Summoner Master Forum
November 28, 2024, 03:53:29 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: @@ นิยายSMN Chapter 17 ห้วงสมุทรแห่งพระเมตตา @@  (Read 7423 times)
0 Members and 4 Guests are viewing this topic.
Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« on: December 19, 2004, 03:49:47 AM »

Chapter 17  ห้วงสมุทรแห่งพระเมตตา


                         ณ เมืองท่าแอนดิซอง   เวลานี้กำลังเกิดโรคระบาดอย่างหนัก   ประชาชนเริ่มเสียชีวิตเพราะโรคระบาดมากขึ้นเรื่อยๆ   โดยเฉพาะผู้ที่ยากจนเกินกว่าจะหาเงินไปซื้อยาได้
                         ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของประธานสภาพ่อค้าวาณิช
                         “นายท่าน!  นายท่านขอรับ”
                         ชายคนรับใช้นายหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งไปด้วยเครื่องเรือนราคาแพง   ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะฉลุหุ้มทอง   เก้าอี้ไม้ฝังมุกบุด้วยเบาะสีแดงเข้ม   ผ้าม่านเนื้อดีสีชมพูสลับเขียว   ฉากกั้นห้องแกะสลักเป็นรูปงูใหญ่พันหีบสมบัติ   แจกันประดับเพชรสีเขียวอ่อนและน้ำเงินเข้ม     โดยมีดอกไม้ที่ทำด้วยทองคำและเพชรขนาดใหญ่เสียบไว้ในแจกัน   ซึ่งทำให้แจกันรับน้ำหนักไม่ไหวจนต้องเอาแท่งทองรูปเรือสินค้าและรูปม้ามาดามไว้  รวมไปถึงภาพประดับฝาผนังกรอบทองที่มีรูปรูฟัสอยู่ในชุดเต็มยศโดยมีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ติดอยู่เต็มเสื้อจนแทบจะมองไม่เห็นสีของเสื้อผ้าที่สวมใส่    รอบๆกายเต็มไปด้วยของพระราชทานและรูปปั้นสัตว์ประหลาดในตำนานนานาชนิดเป็นฉากหลัง   แต่ที่แปลกที่สุดกลับเป็นใบหน้าที่กำลังยิ้มแฉ่งจนแก้มเบ่งเป็นสีแดงระเรื่อของตัวรูฟัสนั่นเอง    แม้ทั้งห้องจะประดับและตกแต่งด้วยเครื่องเรือนราคาแสนแพง   แต่ก็บ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าของบ้านที่ทำให้แม้แต่คนรับใช้ยังอดขำทุกครั้งที่เข้ามาในห้องนี้ไม่ได้
                         รูฟัสในชุดเสื้อตัวโคร่งลายจุดสีชมพูพื้นเหลืองกำลังนั่งอิ่มเอมกับไวน์ชั้นเลิศบนเก้าอี้นวมฝั่งมุกสีม่วงลายตารางสีส้ม เขาหันหน้ามามองช้าๆด้วยสีหน้าบูดบึ้งเมื่อเห็นคนรับใช้มองมายังเขาและกำลังพยายามกลั้นหัวเราะ
                         “เจ้าหัวเราะอะไรของเจ้า” พ่อค้าใหญ่ทำท่าจะสาดไวน์ใส่แต่เกิดนึกเสียดายขึ้นมาเสียก่อน  จึงยั้งมือไว้
                         “ขออภัยขอรับนายท่าน”
                         “มีอะไร....ถ้าหากไม่ใช่เรื่องสำคัญข้าจะไล่เจ้าออกซะ”
                         “เรื่องสำคัญแน่นอนขอรับ   ขณะนี้โรคระบาดแพร่ขจายไปทั่วทั้งเกาะแล้วขอรับ”
                         รูฟัสรีบขยับลุกขึ้นนั่งทันที  ทำให้แก้มและท้องของเขากระเพื่อมตามแรงเหวี่ยงจนแลดูเหมือนถุงน้ำขนาดใหญ่   สีหน้าของเขากลับไม่ได้ตระหนกตกใจแม้สักนิด   ตรงกันข้ามกลับมีสีหน้ายินดีปรีเปรมยิ่งนัก
                         “โอ้.....ดี!  ดีมาก! ฮา ฮา  รีบสั่งกว้านซื้อสมุนไพรจากทั่วทั้งเกาะและที่แผ่นดินใหญ่มาให้หมด   หึหึ ถ้ารวมกับสมุนไพรในโกดังทั้งสามสิบหลังของข้า    ข้าก็จะเป็นผู้เดียวในแอนดิซองที่มีสมุนไพรรักษาโรคนี้   ฮา ฮา ฮา”
                         รูฟัสหัวเราะเสียงดังจนตัวเขย่าไปทั้งตัว  
                         “สั่งร้านค้าสาขาทั่วทั้งเกาะว่าห้ามขายสมุนไพรเด็ดขาด   จนกว่าอีกสองอาทิตย์ให้หลังจึงค่อยนำออกขายด้วยราคาสูงขึ้นอีกห้าเท่าตัว   ไปได้  ฮา ฮา ฮา” เสียงหัวเราะอย่างสะใจของพ่อค้าใหญ่ดังก้องไปทั่วคฤหาสน์



                         เพียงเวลาแค่สองอาทิตย์เศษ  โรคระบาดก็ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ   ยอดผู้เสียชีวิตจากโรคร้ายพุ่งขึ้นสูงจนหน้าใจหาย   ซึ่งส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กและคนแก่ที่มีฐานะยากจน   แต่ในเวลาวิกฤตนี้ผู้ที่มีความสุขที่สุดคงไม่พ้นประธานสภาพ่อค้าวาณิชรูฟัส
                         “ฮา ฮา ฮา เงิน! เงินทั้งนั้น  ขายแค่สองวันยังได้เงินถึงขนาดนี้”
                         รูฟัสนอนตะแคงอยู่บนโซฟาสีแดงสด มีเหรียญทองตั้งเป็นแถวสูงล้อมรอบตัวพ่อค้าใหญ่จนดูคล้ายกับกำแพงทองคำ   เขาใช้มือขวาโยนเหรียญทองขึ้นฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า   เหรียญทองตกลงกระทบพื้นหินอ่อนสีขาวขัดมันเสียงกรุ๊งกริ๊งดังกังวานใส
                         “อ้า.....  ไพเราะอย่างกับเสียงพิณสวรรค์  ฮา ฮา  พวกเจ้าคิดว่าอย่างนั้นไหม”รูฟัสหันไปถามบรรดาพ่อค้าในสังกัดของตน   ซึ่งกำลังดื่มกินกันอย่างสำเริงสำราญ
                         “ท่านรูฟัสช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลเหลือเกิน   ไม่มีใครในแอนดิซองจะมีฝีมือด้านค้าขายทัดเทียมท่านอีกแล้ว”  พ่อค้าคนหนึ่งกล่าวยกยอรูฟัส
                         “ท่านกล่าวผิดแล้ว   ไม่ใช่เฉพาะแอนดิซอง  ต้องทั่วทั้งเมอริเซียต่างหากเล่า   ท่านรูฟัสคือพ่อค้าอัจฉริยะแห่งเมอริเซีย” พ่อค้าอีกคนแย้งขึ้น  ทำให้รูฟัสหัวเราะชอบใจเสียงดังลั่นจนตัวกระเพื่อมไปทั้งตัว
                         “ฮา ฮา ฮา ใช่!  ข้าคือพ่อค้าอัจฉริยะ  พ่อค้าอัจฉริยะแห่งเมอริเซีย  ฮา ฮา ฮา”
                         “ไชโย!  แด่ท่านรูฟัส พ่อค้าอัจฉริยะ แห่งเมอริเซีย”
                         พ่อค้าคนหนึ่งนำขึ้นเป็นต้นเสียง  ตามด้วยพ่อค้าคนอื่นๆจนเสียงดังไปทั่วคฤหาสน์
                         “ไชโย! ไชโย! แด่พ่อค้าอัจฉริยะ  ไชโย!”
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #1 on: December 19, 2004, 03:51:10 AM »

                           “แย่แล้ว!  ท่านรูฟัส  เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”  พ่อค้าคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาขัดจังหวะ   พลางชี้มือออกไปข้างนอกพูดไปหอบไปจนฟังไม่รู้เรื่อง   พ่อค้าที่อยู่ใกล้ที่สุดจึงยื่นแก้วเหล้าองุ่นให้   เขารับไปดื่มอย่างรวดเร็วแบบชนิดที่เรียกได้ว่าไม่กลัวสำลัก
                           “อะไรของเจ้า   มาสายแล้วยังมาขัดจังหวะการเลี้ยงฉลองของข้า   ถ้าเรื่องของเจ้าไม่ใหญ่จริง   เจ้าได้ออกไปยืนถือกะลาขอทานข้างถนนแน่” รูฟัสพูดอย่างหัวเสียที่ถูกขัดจังหวะ
                           “เจ้า....เจ้าหญิง...อลาน่า...สั่งซื้อ...สั่งซื้อสมุนไพรจากฟูดินันมาถึงสิบสองลำเรือ   แล้วตั้งโต๊ะแจกจ่ายสมุนไพรให้แก่ประชาชนโดยไม่คิดเงิน   นับรวมๆแล้วตอนนี้ทั่วทั้งเกาะก็เกือบแปดสิบแห่งแล้วขอรับ”
                           “ว่าไงนะ!!”
                           รูฟัสกลิ้งตกลงมาจากโซฟาหล่นกระแทกพื้นเสียงดังโครมใหญ่   เหรียญทองกระจายไปทั่วพื้น   หน้ารูฟัสแทบจะไม่มีสีเลือด   เนื้อตัวเย็นเชียบดวงตาเบิกกว้าง   เขากระตุกยิ้มน้อยๆอย่างหวั่นๆ
                           “เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ   งบประมาณของราชสำนักจัดสรรไว้หมดแล้วนิ   ไม่มีทางที่จะพอซื้อสมุนไพรมากมายขนาดนั้นแน่   ใช่แล้ว!เจ้าโกหก   ข้าจะโบยเจ้าร้อยทีและให้ออกไปเป็นขอทาน  ในฐานะที่บังอาจมาเล่นตลกกับข้า”  รูฟัสค่อยๆขยับลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล
                           “เป็นเรื่องจริงขอรับ   เจ้าหญิงไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดิน   แต่ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการจัดซื้อทั้งหมด”
                           “นี่มันบ้าอะไรกัน   มีใครที่ไหนจะทุ่มเงินมากมายขนาดนั้นให้คนอื่นฟรีๆ  หล่อนต้องเสียสติไปแล้วแน่ๆ” รูฟัสทั้งงงงวย ทั้งโมโหจนหนวดกระดิก   ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
                           “ตอนนี้ผู้คนทั่วทั้งเกาะต่างก็ไปรับบริจาคสมุนไพรกันเนื่องแน่นไปหมด   เมื่อกี้ที่จุดบริจาคหน้าปราสาทมีประชาชนต่อแถวยาวเกือบมาถึงหน้าคฤหาสน์ของท่านแล้วขอรับ”
                           รูฟัสรีบวิ่งอย่างล้มลุกคลุกคลานไปเปิดผ้าม่านดู   โดยมีบรรดาพ่อค้าวิ่งตามไปติดๆ   ที่ท้องถนนเบื้องล่างคลาคล่ำไปด้วยพูดคนมากมายต่อแถวรอรับบริจาคกันยาวเหยียด  โดยที่ท้ายแถวนั้นเลยคฤหาสน์ของพ่อค้าใหญ่ไปแล้ว   รูฟัสแทบเข่าอ่อน   เขารีบคว้าผ้าม่านไว้แน่นเพื่อช่วยพยุงตัว
                           “อย่างนี้สมุนไพรในโกดังอีกห้าสิบสองหลังที่เหลือจะทำอย่างไรล่ะ” พ่อค้าคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังรูฟัสกระซิบถามเพื่อนพ่อค้าด้วยกัน
                           “คงไม่พ้นต้องเอามาแจกเหมือนกันกระมัง หรือไม่ก็คงขายแบบถูกสุดๆ  เพราะสมุนไพรนี้เก็บไว้ได้ไม่นาน   ขืนเก็บไว้มีหวังได้เสียของไปเปล่าๆ” พ่อค้ากระซิบตอบ
                           รูฟัสนั้นได้ยินคำสนทนาเต็มสองรูหู    ความโกรธโหมกระหน่ำอย่างรวมเร็วเหมือนพายุร้าย   เนื้อตัวของเขาสั่นเทิ้ม   ใบหน้าแดงจัดจนแทบจะกลายเป็นคล้ำ   เขากระชากผ้าม่านอย่างแรงจนขาดเป็นสองท่อน  กัดฟันกรอด  ก่อนที่จะเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างโกรธแค้น
                           “นังเจ้าหญิงตัวแสบ  แก....แกจะต้องชดใช้  แกจะต้องชดใช้คืนไปร้อยเท่า”



                           ณ ท้องพระคลังส่วนกลาง  เจ้าหญิงอลาน่า  ซิสเตอร์โรซาน่า และ เหล่าซิสเตอร์ในคณะของซิสเตอร์โรซาน่ากำลังช่วยกันตรวจนับสิ่งของที่จะนำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนในวันรุ่งขึ้น   ทันใดนั้นอองเดรก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว และก้มลงถวายบังคมเจ้าหญิงอลาน่า   มือขวาถือหมวกเหล็กไว้   เมื่อเงยหน้าขึ้น  จึงเห็นหน้าของเขาอย่างชัดเจน ดวงตาคมเรียวสีฟ้าอมเทาดูเย็นยะเยือกราวน้ำแข็ง คิ้วยาวตรง ชี้ขึ้นเล็กน้อย จมูกโด่งเป็นสัน ใบหน้าเคร่งขรึมหยาบกร้าน ผมสีทองซีดประบ่า ริมฝีปากบางเม้มแน่นไร้รอยยิ้ม  มีร่องรอยของจอนและเคราที่เพิ่งโกน  ทำให้ใบหน้าเขาดูดุดัน   แม้จะเป็นใบหน้าที่ดูเข้มแข็งสมชายชาติทหาร   แต่ทว่า กลับดูไร้อารมณ์ และเย็นชายิ่งนัก
                           “ฝ่าบาท   กระหม่อมมีเรื่องสำคัญจะต้องกราบทูล........”  อองเดร พูดพลางใช้สายตามองเหล่าซิสเตอร์อย่างเย็นชาคล้ายจะเป็นการไล่ทางอ้อม  
                           “ขอบใจมากจ้ะทุกๆคน  ที่เหลือเดี๋ยวฉันจัดเองจ้ะ”  ซิสเตอร์โรซาน่าพูดกับบรรดาซิสเตอร์ทั้งหลาย   ก่อนที่เหล่าซิสเตอร์จะโค้งคำนับอลาน่าแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ   ในขณะที่ซิสเตอร์โรซาน่า หันไปตรวจนับสมุนไพรต่อไป
                           “ขอบคุณมากนะคะ  ซิสเตอร์ทุกท่าน”  อลาน่ายิ้มและก้มศีรษะเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนที่จะหันไปถามอองเดร “มีอะไรหรือจ๊ะ อองเดร”
“ทำไมฝ่าบาทถึงต้องเอาพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ออกมาใช้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้”  อองเดรพูดด้วยใบหน้าที่ราบเรียบ แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยความหงุดหงิด   ก่อนที่จะมองซิสเตอร์โรซาน่าอย่างกล่าวหา  อลาน่ารู้ทันความคิดของเขาจึงพูดขึ้นว่า
                           “นี่เป็นความประสงค์ของฉันเองจ้ะ และมันก็ไม่ใช่เรื่องไม่เป็นเรื่องนะจ๊ะ    ฉันกำลังทำสิ่งที่สมควรอย่างยิ่งและสำคัญที่สุดต่างหาก”
                           “แต่ เรามีงบประมาณแผ่นดินที่จัดสรรไว้สำหรับด้านสาธารณะสุขอยู่แล้ว   ใยพระองค์จึงยังจะต้องเอาพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ออกมาใช้ตั้งมากมายขนาดนี้พ่ะย่ะค่ะ”
                           แม้คำพูดจะแสดงถึงความเป็นห่วงแต่อองเดรก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
                           “เธอก็เห็นอยู่แล้วว่ามันไม่เพียงพอเลยมิใช่หรือจ๊ะ  โรคระบาดแพร่ไปทั่ว  แต่สมุนไพรกลับขาดแคลนและแพงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล    และที่สำคัญฉันไม่เคยลืมเลยว่าเงินทองของฉันก็มาจากภาษีของประชาชนเหล่านี้   ฉันเพียงแต่ใช้เงินของพวกเขาช่วยเหลือพวกเขาในยามวิกฤตจำเป็นที่สุด”
                           อองเดรยืนนิ่งฟังเหมือนไร้ความรู้สึก  แต่ภายในรู้สึกหงุดหงิดวุ่นวายใจ   พยายามคิดหาเหตุผลมาห้ามเจ้าหญิง   แต่ก็จนในเหตุผลของเจ้าหญิงเช่นกัน
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #2 on: December 19, 2004, 03:52:16 AM »

                       “พระอาญาไม่พ้นเกล้า   พระองค์ทรงทราบไหมว่าการที่พระองค์ทำเช่นนี้   ทำให้สมุนไพรที่รูฟัส ประธานสภาพ่อค้าเก็บกักไว้ราคาตก และเสียหายเป็นจำนวนมาก   และกระหม่อมทราบมาว่ารูฟัสโกรธมาก   การกระทำครั้งนี้เป็นการกระทบกระเทือนดุลย์อำนาจของสภาพ่อค้าวาณิชนะพ่ะย่ะค่ะ”
                       “อองเดร.....   เธอคงได้ทราบว่ารูฟัสได้กักตุนสมุนไพรในการรักษาเพื่อให้ของขาดแคลน   หวังจะโก่งราคาให้แพงขึ้น   แต่ฉันอยากให้เธอได้ทราบในอีกแง่มุมนึงว่ามีเด็กๆ และประชาชนเสียชีวิตไปเท่าไหร่  โดยเฉพาะคนที่ยากจน ตายวันละเป็นร้อยคน    เธอเห็นว่าสิ่งใดสำคัญกว่าระหว่างชีวิตประชาชนที่น่าสงสารของฉัน กับความพอใจของเขา”
                       อองเดรยังยืนนิ่ง  ตอบอะไรไม่ออก จึงพูดเสียงเบาว่า  “กระหม่อมเพียงแต่ห่วงความปลอดภัยองค์หญิง”
                       “อองเดร...   ในสายพระเนตรของพระเจ้า   ฉันได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นกิจการที่ดี   พระเจ้าจะทรงอวยพร คุ้มครอง และ ปกป้องฉันจากภยันตรายทั้งหลาย   ไม่มีใครทำอันตรายฉันได้หรอกจ้ะ”
                       “หากใครหน้าไหนหรืออะไรก็ตามมาทำร้ายพระองค์  กระหม่อมจะแทงทะลุอกของมันด้วยดาบน้ำแข็ง!”
                       เสียงที่เรียบเฉยเปลี่ยนเป็นดุดัน  อลาน่ายิ้มให้อองเดรแต่ในแววตาบ่งบอกความเศร้า  ก่อนจะกล่าวว่า
                       “ฉันไม่อยากให้เธอ พูดว่าจะฆ่าใครเพื่อฉัน...........”
                       “พระอาญามิพ้นเกล้า   กระหม่อมไม่มีเจตนาให้เสียพระทัย     กระหม่อมเพียงอยากทูลว่ากระหม่อมพร้อมถวายอารักขาเจ้าหญิงด้วยชีวิตของกระหม่อม”
                       “และด้วยชีวิตของฉัน..... ก็เพื่อมอบความรักและความสุขให้ประชาชนของฉันเช่นกันจ้ะ”
                       อองเดรถึงกับนิ่งอึ้งกับคำตอบของอลาน่า    อลาน่ายิ้มอย่างอ่อนโยน   “พรุ่งนี้ฉันจะออกไปเยี่ยมคนป่วยในเขตกักกันโรคติดต่อ กับบรรดาซิสเตอร์ในคณะของซิสเตอร์โรซาน่านะจ๊ะ”   
                       อองเดรตกใจกับคำพูดนี้อย่างยิ่ง นัยน์ตาเบิกกว้าง “องค์หญิง   พระองค์ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้น.....  พวกนั้นได้ยาที่จำเป็นในการรักษาแล้ว”
                       “เธอเข้าใจผิดแล้วอองเดร   สิ่งที่พวกเขาขาดแคลนที่สุดไม่ใช่ยารักษาโรค   แต่เป็นกำลังใจในการมีชีวิตอยู่ต่างหาก    ฉันอยากช่วยให้พวกเขามีกำลังใจต่อสู้โรคร้าย    ความรักจะช่วยเยียวยาหัวใจที่ทุกข์โศกของพวกเขา”
                       อลาน่าพูดประโยคนี้ด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย และด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนราวกับเทวดา   อองเดรรู้สึกพ่ายแพ้กับหัวใจที่ประเสริฐของอลาน่า ก้มหน้ากล่าวเสียงเรียบ
                       “กระหม่อมอยากทูลขอให้องค์หญิงอย่าแตะต้องผู้ป่วยเหล่านั้น   กระหม่อมเกรงพระองค์จะติดโรคร้าย”  
                       “ฉันคงรับปากเธอในข้อนั้นไม่ได้........”
                       สีหน้าของอองเดรที่เรียบเฉยมาตลอด   เวลานี้กับฉายแววกังวล และเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
                       “อองเดรจ๊ะ พวกเขาโดนรังเกียจราวกับตัวเชื้อโรค  ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ ไม่มีใครกล้าสัมผัสโดน  แม้แต่ญาติพี่น้องก็ไล่ให้มาอยู่ในเขตกักกันโรค   ทุกคนที่นั่นอยู่ในความทุกข์สาหัสทางจิตใจอยู่ 2 อย่าง คือ ไม่เป็นที่ต้องการ และไม่เป็นที่รัก    ฉันไม่อาจแสดงความรังเกียจพวกเขาซ้ำลงไปอีกได้   ตรงข้ามฉันจะต้องเป็นคนที่ให้ความรัก   ฉันอยากให้เขาได้รู้ว่ามีคนที่ยังเป็นห่วงพวกเขาทุกคนอยู่ .........”
                       อองเดรเงยหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อ   มองมายังอลาน่าราวกับวิงวอนให้เลิกล้มความคิด
                       “อองเดรไม่ต้องห่วงฉันหรอกจ้ะ   ฉันกับพวกซิสเตอร์มีพลังการรักษาจากพระเจ้า  ซ้ำรู้วิธีทำความสะอาด  และป้องกันตัวจากโรคติดต่อพวกนี้   ฉันรับรองกับเธอได้ว่าจะกลับมาโดยไม่ล้มป่วยไปแน่ๆจ้ะ”
                       “กระหม่อมไม่เข้าใจพระองค์เลย...........”  
                       “ฉันหวังว่าสักวันเธอจะเข้าใจจ้ะ   ฉันจะอธิษฐานต่อพระเจ้าให้เธอสามารถรับรู้และเข้าใจถึงน้ำพระทัยอันเปี่ยมด้วยความรักเมตตาของพระองค์    เอาล่ะฉันคงจะต้องกลับห้องเสียที   พรุ่งนี้ฉันจะต้องออกไปเยี่ยมประชาชนแต่เช้า”  อลาน่าพูดด้วยน้ำเสียงยินดีเมื่อคิดถึงภารกิจในวันพรุ่งนี้   เธอหันไปทางซิสเตอร์โรซาน่าซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก  
                       “ซิสเตอร์คะ   ฉันฝากดูแลทางนี้ด้วยนะคะ    ฉันคิดว่าฉันคงจะต้องตระเตรียมของใช้ส่วนตัวสำหรับวันพรุ่งนี้สักหน่อย”
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #3 on: December 19, 2004, 03:53:40 AM »

                        อลาน่าพูดพลางก้าวเดินออกจากห้องด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความสุขเมื่อนึกถึงภารกิจในวันพรุ่งนี้   จนเธอแทบจะทนนับนาทีคอยแสงอาทิตย์ของวันใหม่ไม่ไหว

                        เมื่ออลาน่าจากไปแล้ว   อองเดรมองซิสเตอร์โรซาน่าด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
                        “เป็นเพราะท่าน!   ท่านเสี้ยมสอนให้องค์หญิงงมงายกับเรื่องพระเจ้า   เสี้ยมสอนให้พระองค์งมงายเรื่องความรัก ความเมตตาจนทำอะไรเกินตัว  ไม่ห่วงสวัสดิภาพของพระองค์เอง”
                        โรซาน่านิ่งอึ้งไปชั่วขณะกับวาจาขององครักษ์หนุ่ม   ก่อนจะตอบด้วยท่าทีสงบนิ่ง
                        “ท่านเข้าใจผิดแล้ว   ฉันไม่ได้สอนอะไรองค์หญิงเลย   ฉันไม่สามารถสอนความรักความเมตตาให้แก่คนที่แสนประเสริฐกว่าฉันได้หรอกค่ะ............”  
                        อองเดรชะงักกับคำตอบของซิสเตอร์ เธอจึงกล่าวต่อไปว่า
                        “ท่านราชองครักษ์   จนป่านนี้ท่านยังไม่รู้อีกหรือว่าองค์หญิงมิได้บังเกิดมาเพื่อรับความรักจากใคร  แต่บังเกิดมาเพื่อมอบความรักให้แก่คนทุกคน”  โรซาน่ายิ้มราวกับจะอ่านใจขององครักษ์หนุ่มได้  “ท่านอยากให้องค์หญิงเก็บความใจดีไว้ให้ท่านผู้เดียวใช่หรือไม่”
                        อองเดรถึงกับสะดุ้งเย็นวาบไปทั้งหน้า   เขารีบเบือนหน้าไปทางกระสอบสมุนไพรและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเป็นการกลบเกลื่อน
                        “ข้า....ข้าเป็นห่วงความปลอดภัยขององค์หญิงต่างหาก   การที่พระองค์เที่ยวเดินไปทั่วทุกซอกทุกมุมในแหล่งสลัมอาจทำให้พระองค์ไม่ปลอดภัย และยิ่งเหตุการณ์ในวันนี้เท่ากับพระองค์สร้างศัตรูที่ร้ายกาจเพิ่มขึ้นอีก    พระองค์อาจถูกลอบทำร้ายเมื่อไหร่ก็ได้   ทางที่ดีควรให้พระองค์เก็บตัวอยู่ในปราสาทและออกมาภายนอกสำหรับภารกิจที่สำคัญๆเท่านั้น”
                        “การให้พระองค์อยู่แต่ในปราสาท  งดเว้นการออกช่วยเหลือประชาชนก็เหมือนกับจองจำพระองค์ในคุกนั่นแหละค่ะ   พระองค์บังเกิดมาพร้อมกับพระเมตตาของพระเจ้า   การช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากคือชีวิตของพระองค์         ท่านราชองครักษ์ ฉันมีเรื่องนึงอยากเล่าให้ท่านฟัง”
                        “ครั้งหนึ่งเมื่อพระองค์มีพระชนมายุเพียง เก้าชันษา   เจ้าหญิงได้เข้าร่วมพิธีขอบพระคุณพระเจ้าในมหาวิหารแห่ง แอนดิซอง ที่บรรดาขุนนางคนรวย และเชื้อพระวงศ์จะนั่งอยู่ด้านหน้า    ถัดมาเป็นพ่อค้าวานิช และที่อยู่ท้ายสุดคือคนยากจนซึ่งจะยืนอยู่ด้านหลังจนล้นออกไปนอกวิหาร     เจ้าหญิงทรงรู้สึกขัดแย้งในพระทัยอย่างมาก   พระองค์คิดว่าพระเจ้าเห็นมนุษย์ทุกคนเท่าเทียม ทรงให้แสงแดดส่องไปยังคนจนและคนรวยเท่ากัน     แล้วเหตุใดมนุษย์จึงมาแบ่งแยก     เจ้าหญิงลุกขึ้นวิ่งออกไปยืนอยู่แถวหลังสุดในวิหาร     บรรดาข้าราชบริพารต่างตกใจวิ่งออกมาตามเจ้าหญิง     เจ้าหญิงตรัสด้วยเสียงที่แจ่มใสว่า ‘ที่ตรงนี้ฉันมองเห็นพระเจ้าได้ชัดที่สุด และโดยเฉพาะท่ามกลางคนเหล่านี้     ฉันรู้สึกถึงความรักของพระเจ้ามากกว่าข้างใน     คงเป็นจุดที่ต่ำต้อยที่สุดตรงนี้แหละที่พระเจ้าจะทรงมองเห็นฉันได้ชัดที่สุดเช่นกัน’ คำพูดของเจ้าหญิงองค์น้อยสร้างความปลาบปลื้มแก่บรรดาคนยากจนจนหลายคนถึงกับหลั่งน้ำตา   ท่านคิดว่าเด็กที่มีอายุ เก้าขวบจะสามารถพูดเช่นนี้ได้หรือ  หากมิใช่การดลใจจากพระเจ้า”  
                        ซิสเตอร์โรซาน่าเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในอดีตของเจ้าหญิงอลาน่าให้องครักษ์หนุ่มฟังอย่างชื่นชม
                        “เมื่อทรงประทับรถม้าไปตามถนนหนทาง    บรรดาลูกสาวขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์คนอื่นล้วนนั่งเชิดชูคอราวพญาหงส์     แต่เจ้าหญิงกลับชอบชะโงกมองนอกหน้าต่าง และยิ้มให้ทุกคนที่พบเห็น     ทรงโบกมือให้ขอทาน บางครั้งก็ตรัสทักทายผู้คน     แม้คนส่วนใหญ่จะตกประหม่า    แต่ก็ล้วนปลาบปลื้มในความน่ารักของพระองค์   และทุกครั้งเมื่อในปราสาทจัดงานเลี้ยง     เจ้าหญิงจะสั่งให้เก็บอาหารที่เหลือไว้แจกคนจนตามท้องถนน    โดยทุกครั้งจะเสด็จแจกจ่ายโดยพระองค์เอง     เพราะไม่มีความสุขใดเทียบเท่ากับการเห็นคนยากจนรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข”
ซิสเตอร์โรซานายิ้มน้อยๆ ก่อนจะกล่าวว่า
                        “ฉันยืนยันกับท่านได้ว่า  จิตใจที่เปี่ยมรักเมตตาของเจ้าหญิงนั้นประเสริฐงดงามเกินกว่าที่ฉันจะสอนได้   หากแต่เป็นพระพรจากพระผู้เป็นเจ้าโดยแท้ค่ะ”
                        อองเดรยังคงทำหน้าเฉยชาและนิ่งเงียบไม่ตอบใดๆ   ซิสเตอร์โรซาน่ายิ้มน้อยๆเมื่อเห็นท่าทางขององครักษ์หนุ่มจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นเสียก่อน
                        “เอาล่ะค่ะนี่ก็จวนจะถึงเวลาภาวนาช่วงเย็นแล้ว    ฉันคงจะต้องขอตัวไปที่วิหารก่อนนะคะ”
                        เมื่อพูดจบซิสเตอร์โรซาน่าก็เดินจากไป   โดยทิ้งอองเดรให้ยืนอยู่เพียงผู้เดียว  
                        เมื่อทุกอย่างรอบตัวนิ่งสงบและเสียงฝีเท้าของซิสเตอร์โรซาน่าเงียบลงแล้ว   อองเดรจึงกวาดสายตาไปยังบรรดากระสอบสมุนไพรที่วางเรียงรายเบื้องหน้าก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่กระด้างเย็นว่า
                        “ต่อให้เป็นบัญชาของพระเจ้า   ข้าก็จะฝืนให้ดู”
                        แล้วจึงหมุนตัวเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.074 seconds with 21 queries.