Summoner Master Forum
November 28, 2024, 08:45:44 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: @@ นิยายSMN Chapter14 ความสดชื่นแห่งผืนป่า @@  (Read 7945 times)
0 Members and 4 Guests are viewing this topic.
Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« on: December 19, 2004, 03:23:00 AM »

Chapter14 ความสดชื่นแห่งผืนป่า


                        ขณะเดียวกัน ณ ดินแดนที่อยู่ห่างไกลออกไป   ข้ามเทือกเขาสูงใหญ่ สู่ผืนแผ่นดินอันแสนอุดมสมบูรณ์   ที่ซึ่งมีเสียงดนตรีดังแว่วมาตามสายลม   เสียงหัวเราะครื้นเครงจากที่ใดสักแห่งในหมู่แมกไม้   และความสนุกสนานที่ดูเหมือนจะกระเพื่อมมาตามระลอกคลื่นของลำธารทุกสายในพงไพร   ในวันนี้เองเผ่าฟูดินันกำลังตระเตรียมงานประจำปีกันอย่างขมักเขม้น   ชาวบ้านจากหมู่บ้านในละแวกใกล้เคียงต่างก็ทยอยกันเดินทางมาที่ฟูดินันเพื่อร่วมงานประจำปีในวันนี้   ทุกคนต่างก็นำของเซ่นไหว้และอาหารมาเพื่อร่วมงานบวงสรวงเมกาลัสทา(Megalasta)   ซึ่งเป็นบริวารของเทพีเรนา(Rena)ผู้ควบคุมสายฝน   ชาวฟูดินันมีความเชื่อว่าปลาวาฬยักษ์เมกาลัสทาจะบินไปบินมาบนท้องฟ้าส่งเสียงครืนครืน   และจะทำให้เมฆกลายเป็นสายฝนให้ความชุ่มฉ่ำแก่ผืนแผ่นดินแห่งนี้
                        ผู้คนจากเผ่าใกล้เคียงต่างก็ช่วยกันลำเลียงข้าวปลาอาหารที่จะต้องใช้ในพิธีบวงสรวงมาไว้ที่บริเวณลานกว้างใจกลางเผ่าฟูดินัน   พวกผู้ชายเผ่าฟูดินันและรวมไปถึงผู้ชายเผ่าอื่นๆที่มาร่วมงานต่างก็ช่วยกันสร้างปะรำพิธีกันอย่างขยันขันแข็ง   บ้างก็ช่วยกันสร้างกระโจมชั่วคราวเพื่อเป็นที่พักให้แก่อาคันตุกะต่างเผ่า    ด้านฝ่ายผู้หญิงก็ช่วยกันออกไปเก็บผลไม้และดอกไม้มาประดับประดาปะรำพิธีและใช้บวงสรวงเมกาลัสทา   ส่วนพวกเด็กสาวๆก็จะช่วยกันดูแลเด็กๆที่พ่อแม่ต้องออกไปตระเตรียมพิธี   รวมไปถึงดูแลเด็กๆต่างเผ่าที่ติดสอยห้อยตามพ่อแม่มาร่วมงานประจำปีนี้ด้วย   เด็กๆต่างเล่นกันอย่างสนุกสนานแม้บางครั้งจะฟังกันไม่เข้าใจเพราะพูดกันคนละภาษา   แต่ไม่นานนักก็สามารถหาวิธีเล่นด้วยกันได้โดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆเลย     เด็กๆบางคนก็วิ่งไล่จับลูกหมาจิ้งจอกเก้าหาง(Jiu Wei Hu Le)ที่แอบเข้ามาเดินสำรวจที่มาของเสียงอึกทึก   บ้างก็เต้นระบำร้องรำทำเพลงไปตามจังหวะดนตรีที่นักดนตรีในเผ่าขับกล่อมกันอย่างเพลิดเพลิน
                        ไม่ไกลนักเด็กๆและชาวบ้านบางคนกำลังมุงดูชายร่างเล็กล่ำสันคนหนึ่งอยู่   แม้ใบหน้าจะกรำกร้านเพราะถูกแดดแผดเผาแต่ก็ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส   รอบๆตัวเขาเต็มไปด้วยเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆนานาสารพัด   ทั้งของจากแดนไกลและสิ่งประดิษฐ์แปลกตาวางกองเรียงกันจนแทบจะไม่มีที่จะขยับตัว   ในมือของเขาถือหม้อต้มน้ำรูปทรงประหลาดพลางบรรยายสรรพคุณของหม้อน้ำจากแดนไกลอย่างออกรส
                        “เจ้าหม้อต้มน้ำใบนี้ชาวแอนดิซองที่อยู่ทางโพ้นทะเลโน่นแน่ะ   เขาใช้มันกันทุกบ้านทุกครัวเรือนเลย   ทำไมน่ะรึ   ก็เพราะว่ามันสามารถต้มน้ำได้รวดเร็วยิ่งกว่าเวลาที่นกจะกระพือปีกเพื่อโผบินเสียอีก   ราคานั้นก็ถูกแสนถูก   ถ้าพวกเจ้าซื้อมันไปข้าจะให้มีดทำครัวที่คมแสนคมตัดอะไรก็ขาดแก่เจ้าไปด้วยนะ...”
                        “มีด้วยรึหม้อที่ต้มน้ำได้เร็วขนาดนั้นน่ะ”  หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น
                        “โอ๊ย!  เจ้าจะไปรู้อะไร   นี่น่ะมันหม้อต้มน้ำของประเทศแอนดิซองเชียวน้า   ข้าหาบเร่ขายของไปทั่วทุกแว่นแคว้นแต่มีแค่สินค้าของแอนดิซองนี่แหละที่ชั้นเยี่ยมที่สุด   ที่นั่นน่ะมีแต่ของดีๆ  ราคาแพงก็จริง แต่ลองว่าเป็นของประเทศร่ำรวยและรุ่งเรืองอย่างแอนดิซองแล้วล่ะก็  ดีทั้งนั้นแหละ ฮา ฮา  ของฟูดินันเราสู้ไม่ได้หรอก พวกเจ้าโชคดีขนาดไหนรู้ไหมที่ข้าแวะมาที่นี่ก่อน   มิฉะนั้นพวกเจ้าไม่มีวันได้เห็นหม้อน้ำมหัศจรรย์นี้หรอก”
                        “หึหึ   ของจากแอนดิซองมันแปลว่าต้องเป็นของดีทุกอย่างรึ โจซาน(Jozan, Fudenun’s Howker)”
                        พ่อค้าร่างเตี้ยหัวเราะแหยๆ   แล้วพลันมองไปยังชายชราในชุดเสื้อคลุมสีเขียวเจ้าของเสียงที่ค่อยๆเดินผ่านกลุ่มชาวบ้านที่อยู่ทางด้านหลังเข้ามา   ชาวบ้านต่างแหวกออกเป็นทางเดินให้แก่ชายชราผู้นี้พลางโค้งคำนับให้   ชายชราผู้มีใบหน้าเหี่ยวย่นและหนวดเครายาวสีขาวสะอาดบ่งบอกถึงวัยที่ล่วงเลยได้เป็นอย่างดี   แม้อายุจะมากจนต้องถือไม้เท้าค้ำยันหากแต่จังหวะการเดินกลับยังมั่นคงและกระฉับกระเฉงผิดกับคนในวัยเดียวกัน   จนแลดูเหมือนว่าไม้เท้ามีไว้เพื่อบ่งบอกถึงตำแหน่งในเผ่าเสียมากกว่าจะใช้พยุงเดิน      
                        “มันดีถึงขนาดนั้นเชียวรึ   ข้าจำได้ว่าเมื่อคราวก่อนที่เจ้าให้จานจากแอนดิซองแก่ข้า   เจ้าก็เทิดทูนนักหนาจะว่าตกอย่างไรก็ไม่แตกน่ะ   ตอนนี้มันทั้งบิ่นทั้งแตกเลยนะ”  ผู้เฒ่าพูดไปหัวเราะไปอย่างนึกขัน  พร้อมๆกับเสียงหัวเราะของผู้คนรอบข้าง
                        โจซานได้ยินดังนั้นก็หัวเราะกลบเกลื่อนเสียงดังพลางว่า “โถ.......ท่านผู้เฒ่า  ข้ามันก็แค่คนค้าขาย ก็โฆษณาบรรยายจนเป็นนิสัย โปรดอย่าถือสาข้าเลย”
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #1 on: December 19, 2004, 03:23:51 AM »

                         ท่านผู้เฒ่ายิ้มเล็กน้อยพลางส่ายหน้าช้าๆ   “เอาเถอะ   ข้าไม่ได้จะมาต่อว่าอะไรเจ้าหรอกนะ   แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าสอนความคิดที่ผิดๆกับชาวบ้าน ของทุกที่มีดีมีเลว เจ้าน่าจะบรรยายที่คุณภาพให้ชาวบ้านตัดสินใจมากกว่าสอนให้พวกเขาตัดสินใจว่าสิ่งใดดีเพียงแค่ว่ามันมาจากที่ๆ ร่ำรวย หรือแลดูรุ่งเรือง   เมื่อเห็นคนอยู่ในวัดไม่ได้แปลว่าคนนั้นต้องเป็นคนดี   เห็นคนที่อยู่ในโรงเรียนไม่ได้เป็นข้อสรุปว่าเป็นผู้มีความรู้  เจ้าว่าจริงไหม”
                         “โธ่! ท่านผู้เฒ่าวูจิน(Woojin, the Elder of Fudenun) ข้าก็ไม่ได้จะเทิดทูนอะไรประเทศแอนดิซองนักหนาหรอก   ยังไงๆข้าก็เป็นฟูดินันและรักฟูดินันอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ   ฮา ฮา ก็แค่กลยุทธในการค้านิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง” โจซานพูดพลางก้มคำนับ
                         วูจิน พยักหน้าน้อยๆเป็นเชิงรับรู้ก่อนที่จะเดินหันหลังจากไป   เพียงไม่กี่ก้าวท่านผู้เฒ่าก็เริ่มได้ยินเสียงโฆษณาสินค้าของพ่อค้าเร่ร่อนอีกครั้ง
                         “งั้นชิ้นนี้เป็นไง   ปากกาขนนกที่ทำจากขนของกริฟฟินลมสีน้ำเงิน(Blue Wind Griffin)  ซึ่งในโลกนี้มีเพียง10อันเท่านั้นนะ  เจ้าปากกาขนนกอันนี้ขุนนางในวังของประเทศแอนดิซองมอบให้ข้าเองเชียวนะ”
                         วูจินหัวเราะเบาๆ พลางส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเดินฝ่ากลุ่มคนออกไปตรวจตราความเรียบร้อยภายในลานพิธี   ทันใดนั้นเองก็มีเด็กชายกลุ่มหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาจากทางหอคอยทิศตะวันตก(Fudenun Watchtower) พลางตะโกนว่า “แย่แล้ว! แย่แล้ว!  พวกป่าทมิฬมา”
                         พวกเด็กๆในลานกว้างเมื่อได้ยินดังนั้นต่างก็รีบหลบอยู่หลังพี่เลี้ยง   พวกผู้หญิงก็เริ่มมายืนเกาะเป็นกลุ่มๆ   วูจินเดินเข้าไปใกล้เด็กๆ  ค่อยๆถามอย่างใจเย็น “พวกเจ้าว่าใครมากันนะ”
                         “ท่านปู่  พวกป่าทมิฬมา   เขากำลังจะเข้ามาในเขตหมู่บ้านแล้ว”  เด็กๆต่างรีบพูดอย่างร้อนรน
                         “ใจเย็นๆก่อน   พวกเจ้าอย่าเพิ่งตระหนกตกใจกันเลย  ดูสิ  พวกเด็กคนอื่นๆกลัวกันใหญ่แล้วเห็นรึเปล่า”  วูจินพูดพลางยิ้มให้อย่างเอ็นดู “ถ้าพวกป่าทมิฬมาเพราะมีประสงค์ร้าย   ป่านนี้พวกยามคงส่งสัญญาณเตือนแล้วล่ะ”  
                         “แต่นั่นเป็นพวกป่าทมิฬเชียวนะท่านปู่”  เด็กชายคนหนึ่งพูดขึ้น
                         “เด็กน้อยเอ๋ย... ปู่ล่ะหนักใจกับนิสัยเหมารวมของพวกชาวฟูดินันเราเสียจริง   ไหนจะเหมาเอาว่าของจากต่างชาติต้องดีทุกอย่าง   ไหนจะเหมาเอาว่าพวกป่าทมิฬจะต้องร้ายเสียทุกคน   ต้นไม้ในป่านี้มีต้นไหนมีแต่ผลเน่าหมดทั้งต้น  และมีต้นไหนมีแต่ผลสุกหวานหมดทั้งต้น   ต้นไม้ต้นเดียวกันแท้ๆยังมีทั้งผลเน่าและผลดีในต้นเดียวกัน   พวกเจ้าต้องพิจารณาอย่างเป็นธรรมก่อนตัดสินว่าสิ่งใดดีไม่ดีจากตัวตนของมัน   มิใช่ว่ามันมาจากไหนเท่านั้น   มิฉะนั้นเจ้าก็เหมือนคนมีตา แต่กลับหลับตาเดิน ก็พร้อมจะเดินสะดุด และหกล้ม หลงทางได้ทุกเมื่อ”
                         ชายชราลูบศีรษะเด็กชายที่ยืนฟังตาแป๋วอย่างเอ็นดู“ปู่สอนเด็กอย่างเจ้า   ยังพอมีหวังว่าจะเติบโตขึ้นมีคุณธรรมมากกว่าสอนพวกผู้ใหญ่ที่ยากจะดัดมากนัก   จนบางครั้งปู่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคนเรายิ่งโตมันยิ่งหัวทึบกันหรืออย่างไร หึ หึ  แต่เจ้าเองก็ยังน่าชมที่รู้จักระมัดระวังคนแปลกหน้า  เอาเถอะพวกเจ้ามากับปู่    ปู่จะแนะนำให้รู้จักเพื่อนจากป่าทางตะวันตก”
                         เด็กๆ รีบกรูกันเข้าล้อมรอบตัวท่านผู้เฒ่าพลางเดินตามไปอย่างกล้าๆกลัวๆระคนตื่นเต้น  ต่างก็อยากจะได้เห็นชาวป่าทมิฬอย่างใกล้ชิดตามประสาเด็กที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องต่างๆรอบตัว
                         ที่ซุ้มประตูฝั่งตะวันตกมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินตรงมาทางวูจินและกลุ่มเด็กๆ   รอยสักสีแดงสดบนใบหน้าที่หมดจดทำให้ใบหน้าของนางดูดุดัน   นางสะพายห่อผ้าขนาดใหญ่ไว้ข้างหลังที่ปลายด้านบนมีด้ามจับของดาบโผล่พ้นชายผ้ามาเล็กน้อย   นางค่อยๆลดฝีเท้าลงเมื่อเห็นวูจินและกลุ่มเด็กๆ   ด้านเด็กๆนั้นต่างก็พยายามเบียดตัวกันให้ใกล้วูจินมากที่สุด   ผู้เฒ่ายิ้มให้ผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร  เมื่อหญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าก็พอดีกับที่เด็กๆได้กรูกันไปหลบอยู่ข้างหลังวูจิน เรียบร้อยแล้ว   นางโค้งคำนับเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างอารมณ์ดี
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #2 on: December 19, 2004, 03:25:07 AM »

                       “เดี๋ยวนี้ท่านต้องมีผู้คุ้มกันมากมายขนาดนี้เชียวหรือ”
                       “ฮา ฮา แต่ดูเหมือนว่าจะพึ่งพาไม่ค่อยได้เท่าไหร่” วูจินพูดพลางลูบหัวเด็กคนหนึ่งที่ยืนหลบอยู่ข้างตน “สบายดีรึ ดามิก้า(Damica, the Black Wood Tamer)  ข้าเห็นเจ้าครั้งสุดท้ายตอนเจ้าอายุสิบห้าเองใช่ไหมนี่  นั่นมันกี่ปีมาแล้วล่ะ”
                       “สี่ปีแล้วท่านผู้เฒ่า   แล้วท่านล่ะเป็นอย่างไรบ้าง”
                       “ก็สบายดีตามประสาคนแก่นั่นแหละ   อ้อ!ข้าขอแนะนำเหล่าผู้คุ้มกันตัวน้อยของข้าหน่อย”
                       วูจินพูดพลางก้าวหลบไปทางด้านข้าง   เด็กๆที่ไม่ทันตั้งตัวต่างตกใจยืนตัวตรงกึ่งกล้ากึ่งกลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าดามิก้า   สาวชาวป่าทมิฬยิ้มเล็กน้อยกับอากัปกริยาของเด็กๆ   ดามิก้าย่อเข่าลงข้างหนึ่งยกมือขึ้นแล้วผิวปากเสียงดัง   เด็กๆสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงผิวปากของเธอ   เพียงไม่กี่อึดใจบรรดาสัตว์ป่าตัวเล็กๆที่อยู่บริเวณนั้นก็เข้ามาห้อมล้อมดามิก้าอย่างน่าประหลาด   มีทั้งหนูดิน(Geo Rat), โคล่าสแควร์เรล(Kolasquirrel), จิ้งจอกเก้าหาง , นกเนดา และ รวมถึงนกชนิดอื่นๆที่อาศัยในบริเวณนั้นด้วย   พวกเด็กๆต่างดีใจกันยกใหญ่จนลืมความกลัวเมื่อสักครู่ไปจนหมดสิ้น   พากันรุมล้อมดามิก้าอย่างตื่นเต้น
                       “ท่านทำได้อย่างไรคะ”
                       “ท่านสอนข้าทำแบบนี้มั่งได้ไหม”
                       “ท่านเรียกสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่านี้ได้ไหมฮะ”
                       “ข้าขอจับเจ้าหนูดินน้อยนี่ได้ไหมครับ”
                       เด็กๆต่างแย่งกันพูดเสียงดังเซ็งแซ่  บ้างก็ถามกันเองไปมาจนผู้มาเยือนไม่รู้จะตอบคำถามของใครก่อน
                       “ฮะ ฮะ ฮะ เดี๋ยวนี้เจ้าฝีมือล้ำลึกถึงขั้นทำให้เด็กๆหลงเสน่ห์เจ้าแล้วรึ”  วูจินแกล้งแหย่อย่างอารมณ์ดี
                       ดามิก้าเงยหน้าขึ้นตอบขณะกำลังสาละวนกับการตอบคำถามของเด็กๆ  “ท่านผู้เฒ่าก็กล่าวเกินไป   ข้าทำให้พวกสัตว์หลงเสน่ห์ได้เท่านั้นแหละค่ะ แต่พวกสัตว์ต่างหากที่ทำให้พวกเด็กน้อยเหล่านี้หลงเสน่ห์”  
                       “มาเถิด   เจ้าเพิ่งเดินทางมาถึงคงจะเหนื่อย   ข้าจะพาเจ้าไปที่พัก   มา!เด็กๆมาช่วยปู่พาแขกของเราไปพักผ่อนกัน”
                       “ครับ!ค่ะ!”
                       วูจินพาดามิก้าไปยังกระโจมที่พักโดยมีบรรดาเด็กๆล้อมหน้าล้อมหลังกันเป็นขบวน


   
                       ณ ใจกลางป่าใกล้มหาพฤกษาอิกดราซิล   มีหญิงสาวกลุ่มหนึ่งกำลังช่วยกันเก็บดอกไม้ป่าเพื่อนำไปประดับปะรำพิธี
                       “พวกเธอมาจากไหนจ๊ะ” หญิงชาวฟูดินันคนหนึ่งถามหญิงสาวต่างเผ่า
                       “พวกเรามาจากหมู่บ้านทางใต้นี่เองไม่ไกลจากฟูดินันเท่าไรหรอกจ้ะ”  หญิงสาวอีกคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นตอบ “เอ๊ะ!นั่นใครกำลังเดินมาน่ะ”
                       หญิงสาวคนอื่นๆพากันเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางที่หญิงสาวคนแรกบอก   เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินตัดผ่านพุ่มไม้ตรงมายังพวกเธอ   เมื่อเด็กหนุ่มมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าพวกเธอ   ร่างกายที่ล่ำสันสมส่วนของเด็กหนุ่ม  ผิวสีน้ำผึ้งอ่อน และผมสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายยาวเหนือบ่าช่วยขับให้ใบหน้าคมยิ่งดูโดดเด่น  และรอยยิ้มที่สดใสกับนัยน์ตาสีน้ำตาล เพียงเท่านี้ก็มีเสน่ห์เพียงพอให้บรรดาสาวๆต่างเขินอายและหน้าแดงไปตามๆกัน
                       “มี...มีอะไรให้เราช่วยหรือ  ท่านฮารีซัน” หญิงชาวฟูดินันคนหนึ่งพูดขึ้น
                       “เปล่าหรอกครับ   ข้าเพียงแต่รับอาสามาบอกพวกท่านว่าดอกไม้ที่จะใช้ในงานมีพอแล้ว   พวกท่านเริ่มทยอยกลับกันเถอะครับ ก่อนจะค่ำ มันอันตราย” ฮารีซันมองไปรอบๆขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “น้องของข้าไม่ได้อยู่กับพวกท่านหรือ”
                       สตรีทุกนางต่างหยุดภารกิจ   และมองมายังหนุ่มน้อย ด้วยท่าทีที่เขินอาย “นางมากับพวกเรานี่แหละจ้ะ   คงเก็บดอกไม้อยู่แถวๆนี้แหละจ้ะ”  หญิงชาวฟูดินันอีกคนรีบตอบ  พลางยิ้มกว้างจนเกินความจำเป็น
                       ฮารีซันยิ้มตอบพลางมองไปเบื้องหน้า “ข้าพอจะรู้แล้วว่านางอยู่ที่ไหน” เด็กหนุ่มยิ้มสดใส  ก่อนเดินมุ่งหน้าไปทางมหาพฤกษาอิกดราซิล   ในขณะที่บรรดาหญิงสาวต่างรีบมารวมกลุ่มกันทันที
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #3 on: December 19, 2004, 03:26:29 AM »

                      “หนุ่มน้อย หน้าตาน่ารักนั่นคือใครนะ” หญิงสาวต่างเผ่าที่ยังหน้าแดงไม่หายรีบถามขึ้น
                      “เขายิ้มให้ข้าด้วย” เสียงหนึ่งแทรกขึ้นอย่างตื่นเต้น
                      “นั่นน่ะ  ท่านฮารีซัน  ว่าที่หัวหน้าเผ่าฟูดินันยังไงล่ะ” หญิงสาวชาวฟูดินันที่หน้าแดงไม่แพ้กันตอบ
                      “ว้าย! ฟูดินันจะได้หัวหน้าเผ่าเป็นหนุ่มน้อยน่ารักหรือนี่” หญิงต่างเผ่าอีกคนร้องเสียงดัง ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของเหล่าหญิงสาว
                      “ช่างรูปงามจริงๆ  ข้าชอบน้ำเสียงเขาจัง ฟังดูใจดีแท้ ยิ้มก็อ่อนโยน” หญิงต่างเผ่าอีกคนกล่าว ตามองตามหลังชายหนุ่มไป
                      “ไม่ใช่แค่รูปงามเท่านั้นนะ   แต่ท่านยังจิตใจงามอีกด้วย   ทั้งยังนอบน้อมถ่อมตน   ไม่ถือตัวว่าเป็นลูกชายหัวหน้าเผ่าสักนิด   สาวๆในเผ่าต่างก็หมายปองท่านกันทั้งนั้น   ปีนี้ท่านก็จะอายุเต็ม17แล้ว และที่สำคัญท่านยังไม่มีคู่ใจด้วย   งานนี้แหละข้าจะต้องแต่งตัวให้งามที่สุด   เผื่อว่าท่านจะสนใจข้าบ้าง”
                      “ข้าด้วย”
                      “ข้าก็ด้วยเหมือนกัน”
                      บรรดาหญิงสาวทั้งต่างเผ่าในเผ่าต่างก็รีบกลับไปแต่งตัว ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวราวนกกระจอกแตกรัง
   


                      ที่ใต้ต้นอิกดราซิล   เด็กสาววัยสิบสองปีคนหนึ่งกำลังนั่งเรียงใบสีเงินยวงของต้นอิกดราซิลใส่ตะกร้าอย่างประณีตบรรจง   ผมสีน้ำตาลเข้มที่ประดับด้วยมงกุฎดอกไม้หลากสีส่งผลให้ใบหน้าขาวผ่องของวัยแรกสาวดูอ่อนหวานละมุนละไม   พวงแก้มที่เต็มไปด้วยเลือดฝาดของวัยสาวและริมฝีปากแดงระเรื่อที่อมยิ้มอยู่ตลอดเวลาทำให้เด็กสาวชาวป่าดูน่าทะนุถนอมยิ่งนัก
                      “วานาอัน   พี่นึกแล้วเชียวว่าเธอจะต้องมาอยู่ที่นี่”  ฮารีซันพูดเมื่อเดินเข้ามาใกล้น้องสาว
                      “พี่มาตามหาน้องเหรอจ๊ะ”  วานาอันหันมาส่งยิ้มให้อย่างร่าเริง  
                      “ท่านปู่ให้มาตามหา  เพราะเห็นว่าน้องหายไปนาน  นี่ก็เริ่มเย็นแล้วเรารีบกลับกันเถอะ”
                      วานาอันอมยิ้มน้อยๆ   มองไปในตะกร้าใบใหญ่ข้างตัว “พี่ช่วยหนูเก็บใบไม้อีกหน่อยสิคะ   อีกนิดเดียวก็จะได้เต็มตะกร้าพอดี   ท่านปู่จะได้มีไว้พอทำยาแจกพวกผู้ที่มาร่วมงานพิธี”
                      สองพี่น้องต่างช่วยกันรวบรวมใบไม้สีเงินยวงที่กระจายอยู่ตามพื้นจนเต็มตะกร้า
                      “วานาอัน วันนี้น้องได้ยินสิ่งใดจากพฤกษาเทพอิกดราซิลรึเปล่า”
                      เด็กหญิงมองไปยังต้นไม้ยักษ์    พร้อมตอบพี่ชายของเธอ“ไม่มีคำพูดใดค่ะ   แต่มีความรู้สึก ที่ตื่นเต้นยินดี ที่น้องสัมผัสได้”
                      “หา........... ต้นไม้รู้สึกสนุกกับงานเทศกาลเหรอ.......” เด็กหนุ่มทำหน้าสงสัย มองหน้าน้องสาว
                      “ท่านยินดีที่พวกเรามีความสุขไงละคะ   ไม่เพียงพฤกษาเทพ อิกดราซิลเท่านั้น  แต่บรรยากาศในป่าก็ดูราวกับกำลังร้องเพลงรองานเทศกาล” เด็กสาวตอบ โดยไม่ละสายตาจากมหาพฤกษาเลย
                      “น้องพี่นี่เก่งจริง   สื่อกับธรรมชาติได้มากมายนัก   พี่ยังไม่สัมผัสได้เยอะเท่ากับเธอ   อายุเท่านี้แต่ล้ำหน้าทุกคนในเผ่า   เว้นแต่ท่านปู่เท่านั้น”
                      “พี่ต่างหากล่ะที่เก่ง   จะได้เป็นหัวหน้าเผ่าแล้วนะคะ   ต่อไปทุกคนต้องเรียกท่านหัวหน้าฮารีซัน คิก คิก”
                      เด็กสาวยิ้มอย่างน่ารัก   ชายหนุ่มยืนขึ้นมองไปไกล   แววตาฉายความกังวล
                      “อย่าล้อพี่เรื่องนี้สิ”
                      นัยน์ตากลมโต สีน้ำตาลเข้ม อันไร้เดียงสา ของเด็กสาวจ้องมองไปยังพี่ชายของเธอ พยายามอ่านความนัย
                      “พี่รู้ว่าสักวันมันต้องมาถึง   แต่มันเร็วเกินไป    พวกผู้ใหญ่จะคิดยังไงกันบ้างก็ไม่รู้   คนตั้งมากมาย........”เด็กหนุ่มรู้สึกเครียดเกร็ง ริมฝีปากแห้งผากจนพูดลำบาก    วานาอันเข้ากอดเอวพี่ชายของเธอ
                      “พี่ฮารีซันเก่งที่สุด ทุกคนในเผ่าไม่มีใครสู้ได้    พี่ต้องเป็นหัวหน้าเผ่าที่ดี ที่เก่ง และทุกคนรักพี่นะคะ   น้องรู้สึกได้    ไม่มีใครจะปฏิเสธ หรือดูถูก   และทุกคนก็ยินดีจากใจจริงด้วย”
                      “วานาอัน......ขอบใจมาก” เด็กหนุ่มยิ้มลูบหัวน้องสาว
                      “จริงๆนะคะ ต้นไม้ในป่า ก็เห็นด้วย” เด็กสาวหยุดเล็กน้อย “พวกเขาให้กำลังใจพี่ด้วย แม้แต่พฤกษาเทพอิกดราซิลยังยินดีกับพี่เลย    ท่านปู่ก็รู้สึกในสิ่งเดียวกันแน่ๆค่ะ   ถึงกล้าที่จะแต่งตั้งพี่เร็วขนาดนี้”
                      ทันใดนั้นลมอ่อนๆ   ก็โชยพัดพุ่มกิ่งมหึมาที่ราวกับเมฆสีเงินของมหาพฤกษาให้ขยับไหวสลัดใบสีเงินโปรยปรายลงมายังบริเวณที่ทั้งสองยืนอยู่
                      เด็กหนุ่มเงยขึ้นกล่าวด้วยความตื้นตันใจ “ขอบคุณครับ ท่านเทพพฤกษา”
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #4 on: December 19, 2004, 03:28:11 AM »

                        ภายในงานเทศกาลนั้น   บรรดาชาวป่าแต่ละเผ่าต่างก็นำการแสดงประจำเผ่าของพวกตนมาแสดงกันอย่างเอิกเกริกทุกคนต่างแต่งกายอย่างสวยงามด้วยเสื้อผ้าลวดลายหลากสี   ต่างร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน   ปะรำพิธีที่ถูกตกแต่งอย่างประณีตและงดงามยิ่งทำให้พิธีบวงสรวงแลดูมีมนต์ขลังอย่างประหลาด   เครื่องบวงสรวงมากมายถูกนำมารวมไว้ที่บริเวณแท่นพิธีเพื่อเตรียมนำขึ้นถวายเป็นเครื่องบูชาแด่เมกาลัสทา   บรรดาบุคคลสำคัญจากต่างเผ่าและบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ของฟูดินันต่างนั่งสลับกันไปตามโต๊ะซึ่งตั้งเป็นแถวยาวอยู่ด้านหน้าของปะรำพิธี   มีวูจินนั่งเป็นประธานของงานอยู่ที่กลางโต๊ะนั่นเอง   โดยที่มีดามิกาจากป่าทมิฬนั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือและหัวหน้าเผ่าเซนทอร์นั่งอยู่ด้านขวามือ  
                        เมื่อได้เวลา   การแสดงต่างๆ  เครื่องดนตรีทุกชิ้น  และเสียงหัวเราะพูดคุยก็แทบจะหยุดเงียบลงพร้อมๆกัน   วูจินค่อยๆยืนขึ้น   โค้งคำนับเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มปราศรัย
                        “ข้า ในนามของเผ่าฟูดินันนี้   ขอกล่าวต้อนรับแขกผู้มาเยือนทุกๆท่านที่อุตส่าห์มีน้ำใจดีมาร่วมงานบวงสรวงกับพวกเราในวันนี้     อีกทั้งยังมาช่วยเราตระเตรียมงาน  ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของหรือแรงกายก็ดี   ข้าก็ขอให้พระเจ้า เทพีเรนา พฤกษาเทพอิกดราซิล   เทพเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงตอบแทนน้ำใจดีของพวกท่านทั้งหลาย” ทุกคนต่างปรบมือเพื่อเป็นการขานรับพรของท่านผู้เฒ่า  “และต่อไปนี้ข้าขอเริ่มต้นพิธีบวงสรวง ณ บัดนี้”
                        ทุกคนต่างโห่ร้องยินดีกันยกใหญ่   เสียงเพลงและการเต้นรำก็ดังกระหึ่มป่าอีกครั้ง
                        “ท่านยังคงเป็นขวัญใจเหมือนเช่นเดิมเลยนะท่านผู้เฒ่า”  หัวหน้าเผ่าเซนทอร์พูดขึ้น
                        “ ข้าก็แค่คนแก่คนหนึ่ง เพื่อนรัก”  วูจินกล่าวตอบอย่างอารมณ์ดี
                        “เป็นคนในเผ่าของท่านช่างมีความสุขจริงๆ   น้ำใจดี  สงบและร่าเริง   ช่างน่าอิจฉา”
                        “ที่เรามีความสุขอยู่ได้มาหลายชั่วอายุคนจนทุกวันนี้ก็เพราะได้กำลังพลของมนุษย์ครึ่งอาชาที่เก่งกาจของท่านช่วยคุ้มครองหรอก   ชาวฟูดินันต้องขอบคุณท่านจริงๆในเรื่องนี้”
                        “อย่าพูดเช่นนี้เลยท่านผู้เฒ่าเราต่างก็พึ่งพาอาศัยกันหรอก   เพราะเรามิได้เพาะปลูก หรือทอหูกด้าย   ด้วยผลิตผลทางการเกษตร พืชผักผลไม้ ผืนผ้าแพรพรรณที่ท่านกำนัลให้  เราจึงไม่ต้องลำบากไล่ล่า เก็บของป่า หรือทนหนาวเช่นบรรพบุรุษ”
                        ระหว่างที่ทุกคนกำลังเฉลิมฉลองงานเทศกาลกันอย่างสนุกสนานนั้น    มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาวูจิน  พลางกระซิบว่า  “ท่านผู้เฒ่า   มีชายคนหนึ่งอยากพบท่านเป็นการส่วนตัวครับ   ข้าบอกว่าให้มาพบท่านที่นี่เขาก็ไม่ยอม   ดึงดันจะให้ท่านไปพบเขาที่บ้านพักท่าเดียว   เขาบอกว่ามีเรื่องสำคัญมากที่จะต้องบอกท่านให้ได้”
                        วูจินพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้  ก่อนจะกล่าว “เขาอยู่ที่ไหนล่ะ  นำทางข้าไปสิ”
                        “ท่านจะไปไหนหรือ”  ดามิกาถามขึ้น
                        “เดี๋ยวข้าไปธุระใกล้ๆนี่แหละ   อีกประเดี๋ยวก็มา   ช่วยดูแลงานแทนข้าสักพักนะ”  ว่าแล้ววูจินก็เดินตามชายคนนั้นไป   เขานำวูจินมาถึงบ้านพักของชายคนหนึ่งที่มีอาชีพเก็บของป่า   ทันทีที่วูจินก้าวเข้าไปในบ้าน   ชายผู้มีอาชีพเก็บของป่าก็รีบกระเถิบเข้าหาวูจินทันที
                        “ท่านผู้เฒ่า  ท่านผู้เฒ่า  เกิด.....  เกิดเรื่อง....ใหญ่....แล้ว”  เขาพูดด้วยเสียงสั่นระคนประหม่า
                        “เกิดอะไรขึ้น  ใจเย็นๆค่อยๆเล่าให้ข้าฟังสิ”  วูจินพูดปลอบเสียงอ่อนโยน
                        “ข้ามีอาชีพเก็บของป่า   สามวันก่อนข้าขึ้นเขาคีรีบันดาเพื่อหาของป่าตามปกติเหมือนทุกครั้ง   แต่เมื่อเช้านี้เองระหว่างที่ข้ากำลังหาของป่าเพลินๆอยู่   จู่ๆบริเวณนั้นก็เกิดมีหมอกลงจัดอย่างไม่รู้สาเหตุ   และตอนนั้นเองข้าก็ได้เห็นเทพราชสีห์แองโกริออน (Angorion, the Earth Spirit)”
                        “แล้วท่านร้องหรือคำรามล่ะ”  วูจินถามเสียงเครียดลงเล็กน้อย
                        “ท่านไม่ร้องและไม่คำราม   ท่านยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เดินจากไปเลย”
                        “เจ้าแน่ใจรึ   เจ้ารีบจากมาก่อนที่ท่านจะร้องหรือคำรามรึเปล่า”
                        “โอ้  ท่านผู้เฒ่าแค่ข้าเห็นท่านเทพ  ข้าก็ตกใจจนก้าวขาไม่ออกแล้ว   ข้ารู้ว่าถ้าท่านร้องจะมีภัยธรรมชาติ  ถ้าท่านคำรามจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น   แต่นี่ท่านเงียบแล้วจากไปเฉยๆ   ข้าทั้งตกใจทั้งทำอะไรไม่ถูกเลยรีบมาบอกท่านนี่แหละ”
                        “ดีแล้ว   ขอบใจมาก  เจ้าไปพักผ่อนเถอะ   คงเหนื่อยมากสินะ   เอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยคุยกันใหม่แล้วกัน”
                        วูจินเดินกลับเข้าไปในงานสีหน้าครุ่นคิดถึงเรื่องที่ได้ฟังมาเมื่อสักครู่นี้
                        “เกิดอะไรขึ้นรึท่านผู้เฒ่า”  หัวหน้าเซนทอร์ถามขึ้น
                        “ไม่มีอะไรหรอก   เดี๋ยวหลังจบงานแล้วเราค่อยคุยกัน”  ฮารีซันซึ่งนั่งถัดไปจากหัวหน้าเซนทอร์มองตอบปู่ของตนด้วยสีหน้ากังวลระคนสงสัย   แต่วูจินกลับมีสีหน้าอารมณ์ดีเช่นเดิม    ท่านผู้เฒ่ายืนขึ้นพลางยกมือขึ้นเป็นสัญญาณก็บังเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
                        “เอาล่ะ   ข้ามีเรื่องที่น่าตื่นเต้นและน่ายินดีอย่างยิ่งจะประกาศในงานนี้  และขอให้ทุกท่านที่มาในวันนี้ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย”  วูจินส่งสัญญาณให้ฮารีซัน  ซึ่งเขาก็รีบลุกขึ้นทันที  แม้ในใจจะยังรู้สึกประหม่ากับตำแหน่งที่ได้รับ  เพราะแม้จะเป็นตำแหน่งหัวหน้าเผ่าอันทรงเกียรติและน่าภาคภูมิใจ   แต่ด้วยวัยของเขาเพียงเท่านี้ก็ดูเหมือนว่าเป็นตำแหน่งที่ดูหนักและยิ่งใหญ่เกินตัวยิ่งนัก
                        “วันนี้ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะแนะนำให้พวกท่านได้รู้จักหลานชายของข้า ฮารีซัน   ซึ่งข้าและผู้ใหญ่ทั้งหลายในเผ่าต่างเห็นพ้องต้องกันที่จะแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าเผ่าคนใหม่ของฟูดินัน”
                        ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องยินดีของทุกคนที่มาร่วมงานก็ดังกระหึ่มก้องป่าต้อนรับหัวหน้าเผ่าคนใหม่แห่งฟูดินัน
   
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.079 seconds with 21 queries.