Summoner Master Forum
November 28, 2024, 03:37:15 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: @@ นิยายSMN Chapter12 บุรุษในถ้ำวงกต @@  (Read 8113 times)
0 Members and 2 Guests are viewing this topic.
Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« on: December 19, 2004, 03:09:29 AM »

Chapter12  บุรุษในถ้ำวงกต


                       เป็นเวลาเพิ่งจะฟ้าสางเมื่อซาดินในชุดเต็มยศก้าวออกมาจากกระโจมที่พัก   บัดนี้กองทัพเพลิงแห่งซาโลมได้มาตั้งค่ายอยู่ที่โขดหินใหญ่อันเป็นปราการทางธรรมชาติที่บ่งบอกว่ากองทัพใกล้จะถึงถ้ำวงกตเต็มที   เมื่อซาดินเห็นว่าดวงอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าเท่าใดนักก็รีบสั่งเคลื่อนทัพทันที   ด้วยเกรงว่าหากยิ่งออกเดินทัพช้าเท่าใดก็จะยิ่งเป็นอุปสรรคแก่กองทัพมากขึ้น   เนื่องจากเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มฉายแสงอันร้อนแรงแล้ว   ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะแผดเผาเม็ดทรายให้ร้อนระอุยิ่งกว่าเดินบนกระทะเหล็กลนไฟเสียอีก   เมื่อพลแตรเป่าแตรเคลื่อนทัพเป็นสัญญาณ   กองทัพอันประกอบไปด้วย กองกำลังนกโมฮาห้าสิบนาย และ ทหารเดินเท้าอีกร้อยนาย  ก็ออกเคลื่อนพลทันที   ระหว่างทางที่กองทัพเพลิงแห่งซาโลมผ่านมานั้นได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นคิเมร่าทะเลทราย(Desert Chimera), สุนัขเขาดาบ(Saber Horn Hound) หรือ แม้กระทั่งฝูงมังกรไฟ(Fire Dragon)  แต่ด้วยความชาญศึกของซาดินจึงสามารถนำทัพฝ่ามาได้โดยแทบมิต้องเสียเลือดเนื้อ




                       เมื่อเริ่มเข้าเขตภูเขาไฟการเคลื่อนทัพก็เริ่มลำบากมากขึ้น   หินภูเขาไฟน้อยใหญ่มากมายกระจัดกระจายไปทั่ว   พื้นทรายเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากความร้อนของดวงอาทิตย์และสภาพภูมิอากาศใกล้ภูเขาไฟ     ทั่วบริเวณนี้มีตัวสกาเลต (Scarlet) อาศัยอยู่อย่างชุกชุม   แนวหินเริ่มสูงชันและสลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ   สักพักซาดินก็เห็นปากทางเข้าถ้ำวงกต   มีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆโชยมาเป็นระยะๆ   ทั่วบริเวณปากถ้ำยังคงมีร่องรอยของกองทัพชุดก่อนๆหลงเหลืออยู่   ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าคนจำนวนมาก  ของใช้ติดตัวของทหารบางนายที่ลืมทิ้งไว้นอกถ้ำ หรือแม้แต่กระเป๋าสัมภาระที่ทหารวางทิ้งที่ปากถ้ำ   ซาดินมองสำรวจสภาพรอบๆปากถ้ำอย่างละเอียดก่อนที่จะจัดสัดส่วนกองทัพเสียใหม่
                       “นกโมฮาตัวใหญ่เกินไปเอาเข้าถ้ำไม่ได้   พวกเจ้าสิบคนจงอยู่ที่นี่ดูแลนกโมฮา   จัดเรียงเสบียงอาหารสัมภาระเสียใหม่ให้เปลืองเนื้อที่น้อยที่สุด   พร้อมทั้งตรวจเช็คสภาพและเตรียมเกวียนรถลากสำหรับให้นกโมฮาลากสมบัติกลับซาโลม  พวกที่เหลือเตรียมน้ำ เสบียง  คบไฟ และเชื้อเพลิงให้พร้อม  ของที่เป็นภาระในการบุกถ้ำจงทิ้งไว้ข้างนอกให้หมด  พยายามให้ตัวเองเดินสบายและสะดวกในการเคลื่อนไหวมากที่สุด   รถเสบียงและน้ำอยู่หลังขบวน  ให้ทหารยี่สิบนายปิดท้ายขบวน   เมื่อเข้าไปภายในถ้ำแล้วจงเงียบให้มากกว่าความเงียบ   เราไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ในนั้น   ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม   มันจะรู้ว่าเราเข้ามาในถ้ำนี้ก่อนที่เราจะรู้ว่ามันเป็นตัวอะไรไม่ได้”
                       เมื่อซาดินสั่งการเสร็จแล้วจึงมองสำรวจตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง   ก่อนที่จะชูกระบองคู่กายขึ้นสูงเป็นสัญญาณ    แล้วทั้งหมดก็เคลื่อนทัพเข้าสู่ถ้ำนั้นอย่างเงียบกริบ   คบเพลิงเพียงไม่กี่อันถูกจุดเพียงเพื่อแค่พอมองเห็นทางเดินเท่านั้น   ภายในถ้ำนั้นเป็นอุโมงค์คดเคี้ยวสลับซับซ้อนนัก   อากาศในนั้นมีกลิ่นอับฉุนและมีกลิ่นกำมะถันโชยมาเป็นระยะๆ   ตามผนังถ้ำมีการวาดภาพด้วยสีแดงเป็นรูปของสัตว์ประหลาดชนิดต่างๆกำลังฆ่าฟันมนุษย์ด้วยวิธีต่างๆกัน    สักพักซาดินก็มาถึงห้องขนาดไม่ใหญ่นัก มีซากทหารและโครงกระดูกจำนวนไม่น้อยกองระเกะระกะอยู่ตามพื้น   บางศพไหม้เกรียม   บางศพมีสภาพแหลกเหลว  ที่ด้านตรงข้ามมีอุโมงค์แยกเป็นสามทาง   เมื่อซาดินให้สัญญาณ   หัวหน้ากองทหารสองนายคือหัวหน้ากองทหารเดินเท้าและหัวหน้ากองทหารนกโมฮารีบออกไปสำรวจบริเวณโดยรอบทันที   ซาดินนั่งลงข้างศพที่ดูใหม่ที่สุดพลางพิจารณาสภาพศพ   หัวหน้ากองทหารทั้งสองรีบกลับมารายงานเสียงเบา
                       “ฝ่าบาท  ศพทหารเพิ่งตายไม่นานนัก   คาดว่าจะเป็นทหารชุดก่อนหน้าที่พวกเราจะมาถึงพ่ะย่ะค่ะ”
                       ซาดินเงยหน้าขึ้นมองอุโมงค์ข้างหน้า   “เอาคบเพลิงปลุกเสกของบลาส เซจมา”  
                       นายกองจึงส่งสัญญาณให้นายหมู่ที่ถือกล่องใบหนึ่งอยู่ในมือ   นายหมู่ก็รีบวิ่งมาทันที   นายกองเปิดกล่องออก   ภายในกล่องบรรจุคบเพลิงตัวด้ามมีสีดำสนิทอยู่หนึ่งอัน   ซาดินจุดไฟที่ปลายคบเพลิงนั้นแล้วเปลวไฟสีเงินก็สว่างขึ้นทันที   ซาดินเดินเข้าไปใกล้อุโมงค์แรกพลางยื่นคบเพลิงเข้าไปที่ปากอุโมงค์   ทันใดนั้นไฟก็ค่อยๆหรี่ลงจนเกือบดับ   ซาดินชักมือออกพลางเดินไปหน้าอุโมงค์ถัดมาและทำเหมือนเช่นเดิม   คบไฟก็ค่อยๆหรี่ลงเหมือนครั้งแรก    ซาดินจึงเดินไปยังอุโมงค์ที่สาม   คราวนี้ไฟสีเงินก็ลุกโชติช่วงขึ้นทันที    ซาดินยิ้มน้อยๆอย่างพอใจ   พลางส่งสัญญาณให้เดินเข้าอุโมงค์ที่สามนั้น
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #1 on: December 19, 2004, 03:10:22 AM »

                       ภายในอุโมงค์นี้ปูพื้นด้วยแผ่นกระเบื้องไปตลอดทาง   กองทัพเดินมาได้สักพักก็พบซากทหารนอนตายเกลื่อนพื้นถ้ำอีกครั้ง   มีธนูมากมายปักอยู่เต็มร่าง   กษัตริย์หนุ่มมองไปรอบบริเวณทั่วผนังทั้งสองด้านและพื้นถ้ำ   ซาดินหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ก็กลับหลังหันทันที   เหล่าทหารที่อยู่ทางด้านหลังพากันสะดุ้งด้วยความตกใจ   ซาดินชี้นิ้วไปที่นายทหารที่อยู่ใกล้พลางพูดเสียงเบาว่า
                       “เจ้า!  เดินไป”
                       นายทหารที่ถูกเลือกมองไปข้างหน้า ก็พลันเกิดความกลัวขึ้นมาจับใจรีบส่ายหัวปฏิเสธ   แทบจะทันทีร่างของนายทหารคนนั้นก็พุ่งไปชนกองซากศพอย่างแรงจนใบหน้าศพยุบไปแถบหนึ่ง   ซาดินหันหน้ากลับมาอีกครั้ง   เหล่านายทหารต่างตัวสั่นเงียบกริบมิกล้าปริปาก  ซาดินชี้นิ้วอีกครั้งคราวนี้มิต้องให้พูดซ้ำสอง   นายทหารที่ถูกเลือกก็แทบจะวิ่งไปยังทิศทางเบื้องหน้าทันที   เพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้นลูกธนูนับร้อยๆดอกก็พุ่งออกมาจากผนังด้านซ้ายใส่ทหารเคราะห์ร้ายอย่างแรงจนนายทหารคนนั้นกระเด็นไปติดผนังอีกด้าน   เขายังวิ่งต่ออีกสองสามก้าวก่อนที่จะล้มลงไปกองกับพื้น      
                       ซาดินจ้องมองเหตุการณ์เบื้องหน้านิ่งพลางเริ่มก้าวเข้าสู่ค่ายกลกับดักอย่างไม่สะทกสะท้าน   เขาค่อยๆเอากระบองคู่กายเคาะที่พื้นกระเบื้องข้างหน้าทีละแผ่นๆ   ทันใดนั้นก็มีลูกธนูพุ่งออกจากด้านข้างผนังไปยังผนังอีกฟากอย่างรวดเร็ว   ซาดินเคาะต่อไปอีกลูกธนูก็พุ่งออกมาอีกจนรู้ว่าทุกสามแผ่นจะมีกับดักอยู่แผ่นหนึ่ง   เขาค่อยๆนำกองทหารฝ่ากับดักไป   เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นก็มีฝูงผีเสื้อไฟ(Betterfire)ประมาณสามสิบตัวบินจากทางเบื้องหน้าตรงมายังพวกเขาทันที   กษัตริย์หนุ่มรีบสั่งให้ทหารหมอบลงทันที   พลางใช้กระบองเคาะที่แผ่นกระเบื้องกลไกครั้งแล้วครั้งเล่า   ลูกธนูนับร้อยๆดอกก็พุ่งเข้าใส่ฝูงผีเสื้อไฟ   เหล่าผีเสื้อค่อยๆร่วงลงสู่พื้นราวกับลูกไฟจนกระทั่งไม่เหลือสักตัวเดียว
เมื่อผ่านกับดักมาได้   กองทัพเพลิงก็พบกับห้องโถงกว้าง   ห้องนี้กว้างกว่าห้องแรก   มีอุโมงค์แยกที่ฟากตรงข้ามถึงห้าทาง   อากาศเริ่มมีกลิ่นกำมะถันฉุนรุนแรงขึ้น   การหายใจเริ่มยากลำบากมากยิ่งขึ้น   บรรยากาศร้อนอบอ้าวขึ้นเรื่อยๆ   ซาดินเดินถือคบเพลิงปลุกเสกเข้าไปสำรวจอุโมงค์ทั้งห้า   เมื่อมาถึงอุโมงค์ที่สี่ไฟสีเงินก็ลุกโชติช่วง   ทันใดก็มีเสียงคำรามดังก้องขึ้นมาจากภายในอุโมงค์นั้น   ซาดินและเหล่าทหารรีบถอยออกห่างปากทางเข้าทันที    กษัตริย์หนุ่มส่งสัญญาณให้ทหารแปรขบวนล้อมปากทางเข้าเป็นวงกว้าง   เสียงคำรามดังขึ้นเรื่อยๆ   เหล่าทหารจ้องปากอุโมงค์อย่างไม่วางตา   ฉับพลันที่กลางอุโมงค์อันมืดมิดนั้นก็ปรากฏดวงตาสีแดงวาวโรจน์คู่หนึ่งจ้องเขม็งมายังกลุ่มทหารตรงปากถ้ำ   ซาดินค่อยๆส่งคบเพลิงปลุกเสกให้ทหารที่อยู่ใกล้   สองมือกระชับกระบองคู่กายมั่น  
                       ชั่ววินาทีนั้นก็มีเปลวไฟพุ่งออกมาจากภายในอุโมงค์เป็นลำยาว   เหล่าทหารฝั่งตรงข้ามรีบถอยหลังออกห่างโดยเร็ว   เจ้าสัตว์ประหลาดเจ้าของตาสีแดงฉานคู่นั้นก็ค่อยเดินออกมาช้าๆที่กลางวงล้อมเผยให้เห็นร่างสูงใหญ่ของมิโนทอร์ภูเขาไฟ(Volcanic Minotaur) ที่ปากของมันมีควันไฟลอยออก   มันส่ายหัวไปมา   สายตาจ้องมองเหล่าทหารที่รายล้อมมันอยู่   เหล่าทหารผงะถอยหลังด้วยความตกใจ   ต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก   ซาดินมองเจ้าสัตว์ประหลาดตัวสั่นเทิ้ม   หากแต่มิใช่ด้วยความหวาดกลัว   เพราะใบหน้าของกษัตริย์หนุ่มนั้นแฝงด้วยรอยยิ้มแห่งความคึกคะนอง  
                       มิโนทอร์กระโจนเข้าใส่ทหารที่มิทันตั้งตัว   ขาของมันเหยียบทับร่างนายทหารคนหนึ่งไว้   บรรดานายทหารที่อยู่ใกล้นั้นก็รีบเข้าไปช่วยเหลือทันที   เจ้ามิโนทอร์ก็สะบัดเขาเหวี่ยงทหารไปคนละทิศละทาง   ฉับพลันมันก็พ่นไฟใส่ทหารที่อยู่ใต้อุ้งเท้าของมัน   ทำให้ทหารเคราะห์ร้ายร้องเสียงดังกึกก้อง   เสียงโหยหวนยิ่งทำให้มิโนทอร์คึกคลุ้มคลั่งไล่ขวิดทหารจนแตกกระเจิง   ซาดินโบกมือขึ้นเป็นสัญญาณ    เหล่าทหารก็ถอยออกตีเป็นวงกว้างล้อมเจ้าสัตว์ประหลาดอีกครั้ง  
                       ซาดินก้าวออกมายืนเบื้องหน้าสัตว์ร้ายอย่างมั่นคงเชื่องช้า   สายตาจ้องนิ่งประสานสายตากับเจ้ามิโนทอร์อย่างมิวางตา     เจ้ามิโนทอร์นั้นมิได้หุนหันพุ่งเข้าขวิดเหมือนดั่งที่มันกระทำแก่เหล่าทหารเมื่อครู่นี้   ด้วยสัญชาติญาณของมันทำให้มันสงบลง   และดวงตาจดจ้องเพื่อรอจังหวะเข้าจู่โจม     เจ้าสัตว์ร้ายเดินวนไปรอบๆ ตัวเขา   เมื่อมันเดินคล้อยหลังซาดินไปแค่ชั่วอึดใจ   มันพุ่งเข้าจู่โจมกษัตริย์หนุ่มทันที   ซาดินเอี้ยวตัวหลบพลางยกกระบองฟาดสวนกลับไปอย่างแรง   กระบองฟาดถูกส่วนหัวของมันจนเกิดแผลแตกเป็นทางยาว   มันคำรามเสียงดังลั่นด้วยความเจ็บปวด   มันหมุนตัวกลับก้มหัวลงวิ่งเข้าใส่ซาดินอีกครั้ง   ครั้งนี้ซาดินไม่เอี้ยวตัวหลบเหมือนเช่นครั้งก่อน   หากแต่ยกกระบองเตรียมอยู่ในท่าตั้งรับ   มิโนทอร์พุ่งเข้าปะทะซาดินเต็มแรง  ขาทั้งสองข้างของกษัตริย์หนุ่มที่ยันพื้นแน่นถูกแรงกระแทกจนถอยครูดไปกับพื้นไกลเกือบเมตร   กระบองของซาดินขัดแน่นระหว่างเขาทั้งสองข้างของมัน   มันพยายามดันให้ซาดินเสียหลัก   ในขณะที่ซาดินก็บิดกระบองงัดเขาของมันขึ้นสุดแรงเกิดจนหัวของมิโนทอร์บิดไปด้านข้าง   มันคำรามเสียงดังด้วยความเจ็บปวดและเคืองโกรธพลางฝืนแรงบิดหัวกลับ   ทันใดนั้นก็เกิดเสียงแตกหักดังลั่น   เขาข้างขวาของมิโนทอร์หักกระเด็น   ซาดินรีบพลิกตัวหลบ   เจ้าสัตว์ร้ายที่ไม่ทันระวังก็เสียหลักพุ่งเข้าชนผนังเต็มแรงจนเขาอีกข้างฝังลึกเข้าไปในผนัง   กษัตริย์หนุ่มฉวยโอกาสนี้เงื้อกระบองขึ้นฟาดใส่ท้ายทอยของเจ้ามิโนทอร์ภูเขาไฟจนสุดแรง   เจ้าสัตว์ร้ายคอขาดสะบั้นตายคาที่   เลือดมิโนทอร์ภูเขาไฟไหลออกเป็นทางยาว   เหล่าทหารแห่งซาโลมต่างโห่ร้องด้วยความยินดี  
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #2 on: December 19, 2004, 03:11:17 AM »

                      ฉับพลันนั้นเอง   เลือดของมิโนทอร์ซึ่งบัดนี้ไหลตัดผ่านวงล้อมของกองทัพได้กลายเป็นกำแพงขนาดมหึมาพุ่งขึ้นสูงจนสุดเพดานแยกกองทัพของซาดินออกจากกัน   เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วภายในถ้ำ   เศษหินจำนวนมากร่วงลงมาจากบนเพดาน   ซาดินและเหล่าทหารที่ยังเหลืออยู่ต่างหาที่หลบกันจ้าละหวั่น   ครั้นเมื่อแรงสั่นสะเทือนสงบลงแล้ว   ซาดินจึงเรียกรวมพลเพื่อตรวจสภาพความเสียหาย   บัดนี้อุโมงค์ห้าแยกถูกหินกลบไปหมดแล้วแต่กลับเกิดอุโมงค์เพิ่มขึ้นอีกถึงเจ็ดอุโมงค์   ส่วนบรรดาทหารก็พลัดหลงไปจนเหลือเพียงแปดสิบนายเท่านั้น   ซาดินตรวจดูกองทัพอีกครั้งก่อนที่จะคว้าคบเพลิงปลุกเสกมาจากนายทหารแล้วออกเดินทางต่อไป  
                      เมื่อเดินไปได้สักระยะหนทางก็ลาดลงเรื่อยๆ   บรรยากาศกลายเป็นร้อนระอุ   กลิ่นกำมะถันเริ่มรุนแรงร้ายกาจจนทุกคนต้องใช้ผ้าปิดจมูกไว้   มีเสียงน้ำเดือดแตกพล่านดังเป็นระยะๆ   สักพักเส้นทางนั้นก็นำซาดินและกองทัพออกมาสู่ลานกว้างที่มีทะเลสาบลาวาขนาดใหญ่อยู่กลางลานนั้น   ณ กลางทะเลสาบลาวานี้เองมีเกาะสูงหน้าตัดขนาดใหญ่ที่มีสมบัติจำนวนมากมายมหาศาลวางกองอยู่   แสงสว่างของลาวาส่องกระทบกับเหรียญทองและเพชรนิลจินดาจนระยิบระยับไปทั่วบริเวณราวกับเกาะนั้นเปล่งแสงได้เอง   เหล่าทหารต่างตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นในขณะที่ซาดินกลับนิ่งเฉย   สายตามองสอดส่ายไปทั่วบริเวณพลางส่งสัญญาณให้กองทหารอยู่ในความสงบ  
                      แทบจะทันทีทันใดคลื่นลาวาลูกโตก็ถาโถมเข้าใส่ฝั่งเบื้องหน้าอย่างแรง   พร้อมๆกับการปรากฏตัวของมังกรแมกม่าที่พุ่งขึ้นสู่ผิวลาวาและว่ายเข้าสู่ฝั่งที่ผู้บุกรุกล่วงล้ำเข้ามา   ลาวาไหลเจิ่งนองเผาไหม้พื้นที่ซาดินและกองทหารยืนอยู่อย่างรวดเร็วจนต้องรีบก้าวถอยหนี   มังกรร้ายร้องคำรามดังก้องพลางใช้หางฟาดใส่ลาวาไม่หยุด    ลาวาร้อนจัดก็กระเซ็นขึ้นตกใส่กองทหารบริเวณนั้นราวกับห่าฝน   ทั้งกองทัพต่างวิ่งหลบฝนลาวาอย่างชุลมุน   เมื่อเจ้ามังกรร้ายหยุดสร้างฝนลาวาแล้ว   เหล่าทหารก็วิ่งออกมาขว้างหอกและก้อนหินบริเวณนั้นใส่เจ้ามังกรเป็นการใหญ่   บ้างก็ส่งเสียงอึกทึกจนฟังไม่ได้ศัพท์   บ้างก็วิ่งไปมาหลอกล่อเจ้ามังกร  มังกรแมกม่านั้นมัวแต่สาละวนกองทหารที่อยู่ตรงหน้าจนมิได้เฉลียวใจใดๆ  
                      บัดนี้กษัตริย์หนุ่มปีนผนังถ้ำขึ้นไปจนอยู่สูงกว่ามันถึงสามเมตร   ครั้นเมื่อเจ้ามังกรพุ่งตัวไปกัดนายทหารคนหนึ่งแล้วสะบัดหัวขึ้น   ซาดินก็กระโดดทิ้งตัวลงจากผนังใช้กระบองคู่กายแทงทะลุเข้าไปในดวงตาของมังกรร้าย     เลือดสีแดงฉานพุ่งกระจายออกมาจากดวงตาเจ้ามังกร   มันร้องคำรามเสียงดังสนั่นและสะบัดตัวไปมาอย่างแรง    หางของมันกวาดเอาทหารบางส่วนตกลงไปในทะเลสาบลาวา   ซาดินยึดกระบองแน่นขาทั้งสองข้างเกี่ยวรัดส่วนหัวของเจ้ามังกรแมกม่าไว้แล้วก็เริ่มโยกกระบองไปมาอย่างแรง    มันกู่ร้องคำรามก้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมๆกับพยายามสะบัดหัวไปมาอย่างแรงหวังให้ซาดินหลุดจากหัวของมัน   แต่ยิ่งสะบัดแรงเท่าไหร่ซาดินก็ยิ่งรัดขาแน่นขึ้นเท่านั้น   ซ้ำปากแผลก็ยิ่งฉีกกว้างขึ้นเรื่อยๆ   เลือดสดไหลทะลักจนกระเซ็นเปรอะไปทั่วบริเวณนั้น   ตามลำตัวก็เต็มไปด้วยบาดแผลอันเกิดจากการโจมตีอย่างไม่หยุดของเหล่าทหารที่อยู่เบื้องล่าง   ฉับพลันมันก็บ่ายหัวลงกระโจนลงสู่ลาวาร้อนระอุ   ซาดินรีบถีบตัวออกจากหัวของมันทันที   เจ้ามังกรร้ายโถมตัวลงสู่พื้นลาวาเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว   ส่งผลให้เกิดคลื่นลาวาลูกโตสาดซัดเข้าใส่ฝั่งอย่างแรงจนทำให้พื้นบริเวณริมฝั่งยุบตัวลงสู่ทะเลสาบลาวาอันร้อนระอุเป็นบริเวณกว้าง    ลาวาร้อนจัดแตกกระเซ็นขึ้นสูงสู่อากาศเบื้องบนเกิดเป็นฝนลาวาอีกระลอก   ทำให้ซาดินและกองทัพต้องรีบหาที่กำบังเป็นการใหญ่      
                      ครั้นแล้วเมื่อเจ้ามังกรแมกม่าพุ่งตัวขึ้นสู่ผิวลาวาอีกครั้ง   ซาดินและกองทหารถึงกับตกตะลึงเมื่อบัดนี้บาดแผลของเจ้าสัตว์ร้ายกลับสมานเป็นปกติมิเหลือร่องรอยที่เคยบาดเจ็บไว้เลย   กองทหารต่างเข้าโรมรันเจ้ามังกรครั้งแล้วครั้งเล่า และทุกครั้งก็เป็นดั่งเช่นเดิม   เพียงแค่เจ้ามังกรกระโจนลงลาวาบาดแผลก็หายเป็นบิดทิ้ง   ซาดินมองเหล่าทหารที่เริ่มท้อและอ่อนกำลังลงเนื่องจากความเหนื่อยล้าและขาดอากาศหายใจ    กษัตริย์หนุ่มรำพันเสียงเบา
                      “เราจะจัดการกับมันอย่างไรดี....”
                      ขณะที่ซาดินกำลังคิดหาวิธีที่จะกำจัดเจ้ามังกรร้ายอยู่นั้น   สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นดวงตาข้างที่เขาได้ทิ่มทะลุด้วยกระบองคู่กาย   ดวงตาข้างนั้นปิดสนิทหากแต่มิได้มีเลือดไหลออกมา   ซาดินค่อยๆยิ้มออกมาพลางนึกในใจว่า
                      “หึหึ   อ้ายมังกรเจ้าเล่ห์   ใช้ลาวาสมานแผลตามร่างกายมาหลอกข้า   ลาวาสมานแผลได้แต่สร้างอวัยวะใหม่ไม่ได้   ทีนี้ล่ะดูสิว่าเจ้าจะหลอกข้าได้อีกไหม”

Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #3 on: December 19, 2004, 03:12:16 AM »

                      ซาดินรีบวิ่งไปทางด้านขวาของเจ้ามังกรที่ดวงตาปิดสนิท   รีบปีนผนังถ้ำขึ้นไปอีกครั้ง   กษัตริย์หนุ่มยืนรอจังหวะอยู่บนแง่งหินก้อนไม่ใหญ่นัก   สายตาจับจ้องความเคลื่อนไหวของเจ้ามังกรร้ายไม่วางตา   เพียงไม่กี่อึดใจเขาก็ถีบตัวลงจากแง่งหินอย่างเร็ว   ใช้กระบองแทงเข้าไปยังดวงตาอีกข้างหนึ่งอย่างแรง   ทันใดนั้นก็มีลาวาร้อนระอุสีแดงเข้มพุ่งออกมา   ซาดินรีบชักกระบองออกเหวี่ยงตัวลงจากหัวของมันทันที    เจ้ามังกรแมกม่าบิดตัวไปมาทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส   ด้านซาดินเมื่อลงสู่พื้นก็ต้องหอบหายใจอย่างแรง   เนื่องว่ากลิ่นกำมะถันที่รุนแรงจนแทบไม่มีอากาศหายใจ   กระบองคู่กายถูกลาวาจากดวงตาของเจ้ามังกรแมกม่าจนละลายไปส่วนหนึ่ง   เขาจ้องมองดูมังกรร้ายที่ค่อยๆสิ้นฤทธิ์หมดแรงไปอย่างช้าๆ    พลางโบกมือขึ้นเรียกรวมพลทหารอีกครั้งซึ่งบัดนี้เหลือเพียงห้าสิบเจ็ดคนเท่านั้น
                      ร่างไร้ลมหายใจของมังกรแมกม่าทอดตัวยาวพาดไปถึงเกาะกลางทะเลสาบลาวา   ซาดินใช้กระบองกดร่างของเจ้ามังกรเพื่อคะเนน้ำหนัก   จากนั้นก็สั่งให้นายทหารคนหนึ่งลองลงไปยืนทดสอบดู   ร่างของเจ้าสัตว์ร้ายจมลงเพียงเล็กน้อย   ซาดินจึงสั่งทหารทีละสองนายวิ่งไปตามลำตัวของมังกรจนไปถึงเกาะกลางทะเลสาบลาวา  
                      ณ เกาะมหาสมบัติกลางทะเลสาบลาวานี้มีสมบัติเพชรนิลจินดามากมายวางกองอยู่   เหล่าทหารต่างกระโดดโลดเต้นยินดีบ้างก็ยืนตะลึงงันเนื่องว่ามิเคยเห็นสมบัติมากมายขนาดนี้มาก่อน   ซาดินกวาดตามองสมบัติล้ำค่าสีหน้าเรียบเฉย   หากแต่แววตาก็มีประกายแห่งความยินดีฉายอยู่    แต่แล้วสายตาของเขาก็สะดุดอยู่ที่หีบทองคำใบเล็กจิ๋วที่ประดับด้วยเพชรสีแดงสดมีกุญแจสีทองดอกเล็กๆดอกหนึ่งเสียบคาอยู่ที่รูกุญแจนั้น   ที่พื้นมีรอยลากเส้นด้วยวัตถุมีคมลากผ่านใต้กล่องยาวเป็นเส้นกั้นระหว่างกองทัพและสมบัติ  
                      “น่าแปลกนัก  หีบขนาดแค่อุ้งมือใยจึงดึงดูดสายตาเราถึงเพียงนี้”
                      กษัตริย์แห่งซาโลมส่งสัญญาณให้เหล่าทหารทำการขนย้ายสมบัติ    หากแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หีบเล็กๆนั้น   เหล่าทหารก็ทยอยเดินเข้าไปใกล้สมบัติ   แต่แล้วจู่ๆนายทหารหน้าแถวประมาณแปดนายที่เพิ่งจะก้าวเท้าผ่านเส้นแบ่งเขตนั้นก็หยุดชะงักพลางค่อยๆ หมุนตัวเดินไปทางเจ้าหีบใบเล็กนั้นราวกับถูกสะกด
                      เหล่าทหารก็ถอยกลับออกมาเว้นแต่นายทหารแปดนายนั้นที่ยังคงเดินต่อไปไม่ฟังเสียง   นายทหารคนหนึ่งค่อยๆ ก้มลงหยิบหีบใบจิ๋วนั้นขึ้นมา   มือสั่นเทาค่อยๆ บิดลูกกุญแจเปิด   ทันใดนั้นก็มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกจากหีบอย่างรวดเร็ว   ปรากฏเป็นร่างของอินเฟอร์นอส(Infernos)ถือเคียวเพลิงลอยอยู่เหนือพวกเขา   ปากของมันอ้ากว้างมีเสียงหัวเราะดังสลับผสมปนเปกับเสียงสวดร่ายมนต์ดังกังวานออกมาก่อนที่มันจะสลายตัวไปกับกลุ่มควัน    เมื่อซาดินได้ยินเสียงร่ายมนต์นั้นในใจก็เกิดฮึกเหิมขึ้นทันที   หัวใจเต้นเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ   นายทหารทั้งแปดก็เริ่มหัวเราะและเต้นเร่าๆราวกับคลุ้มคลั่ง   ซาดินจึงรีบใช้มืออุดหูพลางตะโกนสุดเสียง
                      “อย่าฟัง!!   มันคือคำสาป   รีบปิดหูซะ”  
                      บรรดาทหารเมื่อได้ยินดังนั้นต่างก็รีบอุดหูเป็นการใหญ่   เว้นเสียแต่นายทหารทั้งแปดซึ่งอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงตะโกนของซาดิน   ทั้งแปดต่างกระโดดโลดเต้นอย่างบ้าคลั่งพลางชักดาบออกมาฟาดฟันใส่กันเองอย่างไม่รู้จักเจ็บปวด   อีกนายก็พุ่งเข้าฟาดฟันใส่นายทหารคนอื่นๆที่อยู่บริเวณนั้นอย่างชุลมุน   ในขณะที่นายทหารอีกนายก็พุ่งเข้าไปหาซาดินโดยกวัดแกว่งดาบในมือไปมาอย่างน่ากลัว   ซาดินยกกระบองขึ้นฟาดนายทหารเต็มแรงจนลอยละลิ่วตกสู่ทะเลลาวาร้อนระอุทันที    กษัตริย์หนุ่มมุ่งตรงไปยังนายทหารบ้าคลั่งที่เหลือแล้วใช้กระบองฟาดให้ตกลาวาไปคนแล้วคนเล่า   ในขณะที่ทหารต้องคำสาปบางคนก็ตาเหลือกถลนชักดิ้นชักงอจนตายไปเอง   เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้วซาดินจึงสั่งให้เริ่มทำการเคลื่อนย้ายสมบัติอีกครั้ง  
                      ระหว่างที่เหล่าทหารกำลังโกยสมบัติใส่หีบกันอยู่นั้น   จู่ๆก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างแรง   หินก้อนโตหลายก้อนร่วงลงมาราวกับเพดานถล่ม   จนเมื่อแรงสั่นสะเทือนสงบลงก็ปรากฏว่าซากเจ้ามังกรใหญ่บัดนี้ถูกหินทับจนจมลาวาไปเสียแล้ว   ในขณะที่ทางตรงข้ามมีกองหินที่ร่วงลงมาจากเพดานทับถมกันจนเกิดเป็นทางเดินยาวไปยังลานกว้างอีกฟากหนึ่ง   เหล่าทหารต่างมองหน้ากันไปมาด้วยความรู้สึกกลัวที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว   ด้วยกลัวว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้   แต่กลับซาดินมองไปยังหนทางเบื้องหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน   พลางโบกมือเป็นสัญญาณเคลื่อนทัพทันที  
                      กษัตริย์แห่งซาโลมเดินนำกองทัพสู่ทางใหม่อย่างมาดมั่นในมือมีคบเพลิงปลุกเสกที่ขณะนี้ลุกสว่างอย่างโชติช่วง   ทางใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้ไม่สลับซับซ้อนเหมือนทางที่เข้ามาสักนิดเดียว   ทั้งยังมีบรรยากาศไม่ร้อนอบอ้าวมากเท่าไหร่นัก   เหล่าทหารจึงเริ่มมีกำลังใจมากขึ้น   เมื่อเดินมาได้ระยะหนึ่งซาดินก็เห็นแสงสว่างเจิดจ้าเป็นลำแสงทอดตัวยาวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก  
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #4 on: December 19, 2004, 03:13:14 AM »

                     “นั่น  ทางออก”
                     บรรดานายทหารข้างหลังก็เริ่มกระซิบกระซาบบอกกันด้วยความยินดี   ต่างเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อจะได้สูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกถ้ำเสียที   ด้านซาดินก็ก้าวขาเร็วขึ้นเช่นกันหากแต่สีหน้ากลับฉายแววสงสัยครุ่นคิด พลางพึมพำเสียงเบา
                     “แปลกนัก   ทำไมไม่รู้สึกถึงลมสักวูบเลย”  
                     ซาดินก้าวเท้าผ่านแสงเจิดจ้านั้นออกไป   นัยน์ตาหรี่เล็กพยายามปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่าง   ทันใดนั้นกษัตริย์หนุ่มก็ตะโกนสั่งกองทหารที่ยังอยู่ในอุโมงค์ให้หยุดเคลื่อนทัพทันที   เขาไม่ได้ออกมาสู่นอกถ้ำหากแต่เข้ามาอยู่ในโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีฝูงหนูไฟ(Firat) จำนวนนับแสนตัวอาศัยอยู่เต็มห้องโถงนั้นจนโถงถ้ำนั้นสว่างไสวไปด้วยเปลวไฟของพวกมัน   ซาดินตกอยู่ในวงล้อมของหนูไฟจำนวนมหาศาล   อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นร้อนระอุดังอยู่ในไฟนรก    พวกมันค่อยๆ ล้อมกรอบซาดินเข้ามาเป็นวงแคบลงเรื่อยๆ   เหล่าทหารต่างตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า   บางคนพอตั้งสติได้ก็รีบวิ่งออกมาช่วยนายของตน   แต่เพียงแค่วิ่งฝ่ากองทัพหนูไฟไปได้แค่สี่ห้าก้าวก็ถูกฝูงหนูไฟตรงเข้าจู่โจม   พวกมันเกาะอยู่เต็มตัวจนมองไม่เห็นเค้าร่างเดิม   บัดนี้นายทหารเคราะห์ร้ายถูกฝูงหนูไฟขนาดใหญ่รุมโจมตี   จะได้ยินก็เพียงแต่เสียงร้องโหยหวนที่ค่อยเงียบเสียงลง   แค่นาทีเดียวทหารที่เข้ามาช่วยก็ไหม้เป็นจุลจนแทบไม่เหลือแม้แต่กระดูก    
                     หนูไฟตัวจ้อยซึ่งเมื่ออยู่เพียงลำพังกลางทะเลทรายก็เป็นเพียงเหยื่ออันโอชะของบรรดาสัตว์ใหญ่   หากแต่เมื่อรวมกันอยู่เป็นฝูงใหญ่นับแสนตัวเช่นนี้ก็กลับกลายเป็นดั่งพญามังกรไฟแสนร้ายกาจที่ยากจะต่อกร   ซาดินใช้กระบองฟาดใส่บรรดาหนูไฟครั้งแล้วครั้งเล่า   แต่ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมดจักสิ้น   หนูไฟบางตัวก็กระโดดกัดตามแขนขาที่โผล่พ้นชุดเกราะออกมา   ความร้อนจากบรรดาหนูไฟยิ่งเพิ่มอุณหภูมิให้ชุดเกราะจนแทบจะกลายเป็นเหล็กร้อนลนไฟ   ลวกผิวเนื้อของซาดินจนแสบร้อน  
                     ทันใดนั้นกษัตริย์หนุ่มก็แว่วได้ยินเสียงฝูงหมาเห่าหอนมาแต่ไกล   เสียงโซ่ลากกับพื้นดังสนั่น   บรรดาหนูไฟเริ่มส่งเสียงร้องวิ่งไปมาอย่างระส่ำระสาย   แทบจะทันทีก็มีสัตว์ร่างใหญ่กระโดดข้ามผ่านซาดินไป   เสียงเห่าคำรามดังสนั่น   เซเบอรัส(Cerberus) หมาสามหัวขนาดใหญ่ยักษ์ที่เฝ้าปากประตูนรก   มันตรงเข้ากัดหนูไฟตัวแล้วตัวเล่า   หัวทั้งสามของมันไล่กัดหนูไฟอย่างไม่กลัวความร้อนจากเปลวเพลิง    บรรดาหนูไฟต่างรุมกัดเกาะเจ้าหมาสามหัวจนแทบจะมองไม่เห็นตัว   หากแต่ไฟไม่อาจทำอันตรายใดๆให้มันต้องระคายผิว   เพียงมันสะบัดตัวหนูไฟก็กระเด็นไปตัวละทิศละทาง   ซาดินซึ่งบัดนี้ไม่มีหนูไฟมาคอยทำร้ายเนื่องจากบรรดาหนูไฟต่างหันไปโจมตีใส่เจ้าเซเบอรัสแทน   เขาได้รับบาดเจ็บจากเปลวไฟพอสมควรแต่ไม่เป็นอะไรมากนัก
                     “น่าแปลก  เซเบอรัสไม่น่าจะอยู่บนโลกมนุษย์   ทำไมมันมาอยู่ในที่นี้ได้”
                     กษัตริย์หนุ่มหันหน้าไปทางที่เจ้าหมายักษ์กระโดดเข้ามา   ที่ด้านบนเหนืออุโมงค์ที่เขาเข้ามานั้นยังมีอีกอุโมงค์หนึ่งซึ่งที่ปากอุโมงค์นั้นมีวงเวทย์เรืองแสงลอยเด่นอยู่    ที่ด้านหลังวงเวทย์นั้นมีบุรุษลึกลับผู้หนึ่งยืนอยู่ในเงามืด   มีเพียงแค่ประกายจากลูกแก้วบนไม้เท้าเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเป็นพ่อมด   เขาโค้งตัวเล็กน้อยในเงามืดก่อนที่จะชี้มือไปยังฝากตรงข้าม   ซาดินหันหน้าไปตามทิศทางนั้นก็ได้พบอุโมงค์เล็กๆอุโมงค์ซึ่งเมื่อครั้งเข้ามาเขาไม่ทันได้สังเกตเห็น   ซาดินรู้สึกว่าห้องเริ่มมืดลงเรื่อยๆรวมทั้งอุณหภูมิในห้องก็เริ่มเย็นลงด้วย   เขาจึงหันไปดูเจ้าหมาสามหัวอีกครั้งซึ่งตอนนี้แทบเท้าทั้งสี่ของมันมีซากหนูตายเป็นจำนวนมาก   ในปากทั้งสามยังมีหนูไฟที่ไฟค่อยหรี่ลงจนดับไปในที่สุด  
                     บัดนี้ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความมืดมิดอีกครั้ง   มีเพียงแสงจากคบเพลิงปลุกเสกที่ตกอยู่ที่พื้นและคบเพลิงอีกสองสามอันของบรรดากองทหารที่ยังเหลืออยู่   ซาดินเห็นเงาดำทะมึนของเจ้าเซเบอรัสกระโจนขึ้นไปทางอุโมงค์ด้านบนที่เขาเห็นบุรุษลึกลับผู้นั้นยืนอยู่   ซึ่งขณะนี้ไม่มีใครอยู่ที่นั้นอีกแล้ว   ซาดินเดินไปหยิบคบเพลิงปลุกเสกขึ้นมาพลางสำรวจกองทัพที่เหลืออีกครั้ง   ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังอุโมงค์เล็กๆนั้น
                     ไม่นานนักซาดินและกองทัพที่เหลือก็สามารถออกมาจากถ้ำวงกตได้   เหล่าทหารที่เหลืออยู่ต่างช่วยกันลำเลียงสมบัติขึ้นรถลากที่เตรียมไว้    ซึ่งสมบัติที่นำออกมานั้นต้องใช้รถลากถึงห้าสิบเจ็ดคัน   และแล้วซาดินก็นำกองทัพกลับซาโลมอย่างสมเกียรติโดยเก็บความสงสัยในตัวบุรุษลึกลับไว้ในใจ
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.077 seconds with 22 queries.