Chapter12 บุรุษในถ้ำวงกต
เป็นเวลาเพิ่งจะฟ้าสางเมื่อซาดินในชุดเต็มยศก้าวออกมาจากกระโจมที่พัก บัดนี้กองทัพเพลิงแห่งซาโลมได้มาตั้งค่ายอยู่ที่โขดหินใหญ่อันเป็นปราการทางธรรมชาติที่บ่งบอกว่ากองทัพใกล้จะถึงถ้ำวงกตเต็มที เมื่อซาดินเห็นว่าดวงอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้าเท่าใดนักก็รีบสั่งเคลื่อนทัพทันที ด้วยเกรงว่าหากยิ่งออกเดินทัพช้าเท่าใดก็จะยิ่งเป็นอุปสรรคแก่กองทัพมากขึ้น เนื่องจากเมื่อดวงอาทิตย์เริ่มฉายแสงอันร้อนแรงแล้ว ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะแผดเผาเม็ดทรายให้ร้อนระอุยิ่งกว่าเดินบนกระทะเหล็กลนไฟเสียอีก เมื่อพลแตรเป่าแตรเคลื่อนทัพเป็นสัญญาณ กองทัพอันประกอบไปด้วย กองกำลังนกโมฮาห้าสิบนาย และ ทหารเดินเท้าอีกร้อยนาย ก็ออกเคลื่อนพลทันที ระหว่างทางที่กองทัพเพลิงแห่งซาโลมผ่านมานั้นได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคิเมร่าทะเลทราย(Desert Chimera), สุนัขเขาดาบ(Saber Horn Hound) หรือ แม้กระทั่งฝูงมังกรไฟ(Fire Dragon) แต่ด้วยความชาญศึกของซาดินจึงสามารถนำทัพฝ่ามาได้โดยแทบมิต้องเสียเลือดเนื้อ
เมื่อเริ่มเข้าเขตภูเขาไฟการเคลื่อนทัพก็เริ่มลำบากมากขึ้น หินภูเขาไฟน้อยใหญ่มากมายกระจัดกระจายไปทั่ว พื้นทรายเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากความร้อนของดวงอาทิตย์และสภาพภูมิอากาศใกล้ภูเขาไฟ ทั่วบริเวณนี้มีตัวสกาเลต (Scarlet) อาศัยอยู่อย่างชุกชุม แนวหินเริ่มสูงชันและสลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ สักพักซาดินก็เห็นปากทางเข้าถ้ำวงกต มีกลิ่นกำมะถันอ่อนๆโชยมาเป็นระยะๆ ทั่วบริเวณปากถ้ำยังคงมีร่องรอยของกองทัพชุดก่อนๆหลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นรอยเท้าคนจำนวนมาก ของใช้ติดตัวของทหารบางนายที่ลืมทิ้งไว้นอกถ้ำ หรือแม้แต่กระเป๋าสัมภาระที่ทหารวางทิ้งที่ปากถ้ำ ซาดินมองสำรวจสภาพรอบๆปากถ้ำอย่างละเอียดก่อนที่จะจัดสัดส่วนกองทัพเสียใหม่
นกโมฮาตัวใหญ่เกินไปเอาเข้าถ้ำไม่ได้ พวกเจ้าสิบคนจงอยู่ที่นี่ดูแลนกโมฮา จัดเรียงเสบียงอาหารสัมภาระเสียใหม่ให้เปลืองเนื้อที่น้อยที่สุด พร้อมทั้งตรวจเช็คสภาพและเตรียมเกวียนรถลากสำหรับให้นกโมฮาลากสมบัติกลับซาโลม พวกที่เหลือเตรียมน้ำ เสบียง คบไฟ และเชื้อเพลิงให้พร้อม ของที่เป็นภาระในการบุกถ้ำจงทิ้งไว้ข้างนอกให้หมด พยายามให้ตัวเองเดินสบายและสะดวกในการเคลื่อนไหวมากที่สุด รถเสบียงและน้ำอยู่หลังขบวน ให้ทหารยี่สิบนายปิดท้ายขบวน เมื่อเข้าไปภายในถ้ำแล้วจงเงียบให้มากกว่าความเงียบ เราไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม มันจะรู้ว่าเราเข้ามาในถ้ำนี้ก่อนที่เราจะรู้ว่ามันเป็นตัวอะไรไม่ได้
เมื่อซาดินสั่งการเสร็จแล้วจึงมองสำรวจตรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนที่จะชูกระบองคู่กายขึ้นสูงเป็นสัญญาณ แล้วทั้งหมดก็เคลื่อนทัพเข้าสู่ถ้ำนั้นอย่างเงียบกริบ คบเพลิงเพียงไม่กี่อันถูกจุดเพียงเพื่อแค่พอมองเห็นทางเดินเท่านั้น ภายในถ้ำนั้นเป็นอุโมงค์คดเคี้ยวสลับซับซ้อนนัก อากาศในนั้นมีกลิ่นอับฉุนและมีกลิ่นกำมะถันโชยมาเป็นระยะๆ ตามผนังถ้ำมีการวาดภาพด้วยสีแดงเป็นรูปของสัตว์ประหลาดชนิดต่างๆกำลังฆ่าฟันมนุษย์ด้วยวิธีต่างๆกัน สักพักซาดินก็มาถึงห้องขนาดไม่ใหญ่นัก มีซากทหารและโครงกระดูกจำนวนไม่น้อยกองระเกะระกะอยู่ตามพื้น บางศพไหม้เกรียม บางศพมีสภาพแหลกเหลว ที่ด้านตรงข้ามมีอุโมงค์แยกเป็นสามทาง เมื่อซาดินให้สัญญาณ หัวหน้ากองทหารสองนายคือหัวหน้ากองทหารเดินเท้าและหัวหน้ากองทหารนกโมฮารีบออกไปสำรวจบริเวณโดยรอบทันที ซาดินนั่งลงข้างศพที่ดูใหม่ที่สุดพลางพิจารณาสภาพศพ หัวหน้ากองทหารทั้งสองรีบกลับมารายงานเสียงเบา
ฝ่าบาท ศพทหารเพิ่งตายไม่นานนัก คาดว่าจะเป็นทหารชุดก่อนหน้าที่พวกเราจะมาถึงพ่ะย่ะค่ะ
ซาดินเงยหน้าขึ้นมองอุโมงค์ข้างหน้า เอาคบเพลิงปลุกเสกของบลาส เซจมา
นายกองจึงส่งสัญญาณให้นายหมู่ที่ถือกล่องใบหนึ่งอยู่ในมือ นายหมู่ก็รีบวิ่งมาทันที นายกองเปิดกล่องออก ภายในกล่องบรรจุคบเพลิงตัวด้ามมีสีดำสนิทอยู่หนึ่งอัน ซาดินจุดไฟที่ปลายคบเพลิงนั้นแล้วเปลวไฟสีเงินก็สว่างขึ้นทันที ซาดินเดินเข้าไปใกล้อุโมงค์แรกพลางยื่นคบเพลิงเข้าไปที่ปากอุโมงค์ ทันใดนั้นไฟก็ค่อยๆหรี่ลงจนเกือบดับ ซาดินชักมือออกพลางเดินไปหน้าอุโมงค์ถัดมาและทำเหมือนเช่นเดิม คบไฟก็ค่อยๆหรี่ลงเหมือนครั้งแรก ซาดินจึงเดินไปยังอุโมงค์ที่สาม คราวนี้ไฟสีเงินก็ลุกโชติช่วงขึ้นทันที ซาดินยิ้มน้อยๆอย่างพอใจ พลางส่งสัญญาณให้เดินเข้าอุโมงค์ที่สามนั้น