Summoner Master Forum
November 28, 2024, 01:45:50 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: @@ นิยายSMN Chapter11 สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม @@  (Read 7208 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« on: December 19, 2004, 03:05:11 AM »

Chapter11  สมบัติล้ำค่าแห่งซาโลม


                       หกปีต่อมาหลังจากที่ซาดินวางแผนบุกยึดทวีปเมอริเซีย    ซาโลมก็กำลังตกอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่   ทั่วทั้งเมืองมีแต่ความสลดหดหู่และเสียงร่ำไห้ของบรรดาหญิงสาวที่ต้องสูญเสียทั้งสามีและลูกชายในวัยกำลังโตให้กับกองทัพ   ชายหนุ่มที่ถูกเกณฑ์เข้ากองทัพต้องถูกฝึกอย่างหนักแทบไม่ได้กินได้นอน    เด็กๆจำนวนมากมายต้องตายลงเนื่องจากการฝึกที่แสนโหดร้ายทารุณของกองทัพ   ส่วนเด็กๆที่สามารถเอาชีวิตรอดจากการฝึกหฤโหดนี้ก็ดูราวกับว่าความสดใสร่าเริงของวัยเด็กได้ตายจากพวกเขาไปเสียแล้ว   กลับกลายเป็นผู้ไม่มีความรู้สึก ไม่มีความอ่อนไหว ไร้ชีวิตจิตใจ  มีชีวิตอยู่เพื่อห้ำหั่นศัตรูเท่านั้น   ในขณะที่กองทัพเองก็เริ่มเข้าสู่ภาวะฝืดเคืองในด้านงบประมาณ    แม้ว่าจะเก็บภาษีเพิ่มมากขึ้นก็ยังไม่เพียงพอ  




                       ภายในท้องพระโรงในปราสาทแห่งซาโลม   ซาดินกำลังออกว่าราชการตามปกติ   เหล่าทหารและเสนาบดีต่างอยู่กันพร้อมหน้า
                       “เรื่องสมบัติโบราณในถ้ำวงกตใต้ภูเขาไฟนั้น  บัดนี้มีความคืบหน้าอย่างไรบ้างท่านนาริส”  ซาดิน เอ่ยถามพลางหันหน้าไปทาง อำมาตย์เฒ่า
                       “กองทัพที่ส่งไปไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาเลยฝ่าบาท” นาริส  โค้งศีรษะลงก่อนจะตอบ  
                       “อะไรกัน !!  นี่เป็นกองทัพที่สามแล้วนะ   ข้าเสียเวลากับถ้ำนี้มากว่าปีแล้ว  ในนั้นมันมีสิ่งชั่วร้ายอะไรอยู่กันแน่   ข้าอยากรู้นัก”  ซาดิน พูดเสียงกร้าวพร้อมกับขบฟันแน่น
                       “พระอาญามิพ้นเกล้า   กระหม่อมเห็นว่าเราอย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ด้วยวิธีนี้อีกเลย   เราสูญเสียกำลังทหารไปกับถ้ำนี้มิใช่น้อยเลยนะฝ่าบาท   แล้วอีกอย่างถ้ำนี้จะมีสมบัติอยู่จริงรึไม่ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด   อาจจะเป็นแค่คำพูดโคมลอยของมหาอุปราชเท่านั้นก็เป็นได้ ” นาริส ทูลแฝงคำเหน็บแนม บลาส เซจ อยู่ในที
                       ซาดินนิ่งเงียบอารมณ์ยังคงคุกรุ่น  ในขณะที่บลาส เซจเองก็ครุ่นคิดอยู่เช่นกัน   ดวงตาเจ้าเล่ห์ของเขาหรี่เล็ก   สักพักจึงค่อยๆแสยะยิ้ม “ถ้าเช่นนั้นใยฝ่าบาทไม่เสด็จไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เองเลยเล่า”
                       ซาดินหันควับไปทางบลาส เซจทันที   ในขณะที่คนอื่นๆในท้องพระโรงส่งเสียงคัดค้านเสียงดังเซ็งแซ่  
                       “รู้สึกว่าท่านมหาอุปราชชอบมีความคิดแปลกประหลาดพิสดารเกินปกติอยู่เสมอ   บ่อยครั้งเหลือเกินที่ข้าสงสัยในเจตนาของท่าน   ซึ่งครั้งนี้ข้าคงต้องขอฟังคำชี้แจงของท่านเสียหน่อยแล้ว”  นาริส กล่าวยิ้มพลางโค้งให้น้อยๆ
                       บลาส เซจกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะโค้งให้ซาดินทูลว่า “ฝ่าบาท  ข้าพระองค์มั่นใจว่าภายในถ้ำลึกลับนั้นต้องมีสมบัติอยู่แน่นอน   หากแต่กองทัพที่ท่านนาริสส่งไปล้วนแล้วแต่อ่อนด้อยฝีมือทั้งนั้น   แม้แต่ตัวท่านนาริสเองบัดนี้ยังถอดใจมิหมายจะบุกถ้ำอีก   ทั้งหากยังคงส่งทหารด้อยฝีมือไปก็รังแต่จะเสียเวลาเสียการณ์ไปเปล่าๆ    เช่นนี้แล้วข้าพระองค์จึงเห็นว่าพระองค์ผู้ทรงเก่งกล้าสามารถน่าจะแสดงให้ท่านมหาอำมาตย์รวมถึงเหล่าทหารแห่งพระองค์ได้ประจักษ์เป็นขวัญตาถึงความห้าวหาญเก่งกาจของพระองค์”
                       “ท่านมหาอุปราชนี่ก็ช่างคิดเสียเหลือเกิน   ในถิ่นที่ไม่รู้จักมักคุ้น    อีกทั้งในนั้นมีสิ่งใดอยู่ก็มิอาจรู้ได้   กลับเสนอให้เจ้าเหนือหัวเข้าไป....”
                       “ท่านมหาอำมาตย์ก็พูดเกินไป   จากที่ข้ารู้มา...ในถ้ำนั้นมันมีอะไรอยู่ท่านก็ใช่ว่าจะมิรู้ มิใช่หรือ”
                       “ท่านรู้หรือ  ท่านนาริส”  ซาดินถามแทบจะทันทีด้วยสีหน้าฉงนระคนประหลาดใจ
                       นาริส ชะงักเล็กน้อยก่อนโค้งศีรษะตอบ “ทูลฝ่าบาท  ยังเป็นแค่การสันนิษฐานเท่านั้น   หม่อมฉันมิอยากชี้เจาะจงให้แน่ใจในทันที”
                       “ว่ามา”  ซาดินโน้มตัวมาข้างหน้านั่งเท้าคาง  มีสีหน้าสนอกสนใจ
                       “จากบันทึกเก่าแก่ที่หม่อมฉันได้ค้นคว้ามา   อารยธรรมโบราณบูชาภูเขาไฟดั่งเป็นเทพเจ้า  ทุกๆปีจะมีพิธีบูชายัญมนุษย์ให้แก่มังกรที่เป็นพาหนะของเทพเจ้า   ทั้งสภาพภูมิประเทศแถบนั้นมีภูเขาไฟอยู่มาก   ปากถ้ำเทลาดลึกลงไปใต้ภูเขาไฟ   อีกทั้งกองทัพได้รายงานมาก่อนจะบุกเข้าถ้ำว่าที่ปากถ้ำนั้นจะมีกลิ่นกำมะถันบางๆโชยออกมาเป็นระยะๆ   หม่อมฉันสันนิษฐานว่าใต้ถ้ำนั้นอาจมี มังกรแมกม่า(Magma Dragon)อาศัยอยู่  และหากมีการซุกซ่อนสมบัติในนั้นจริงก็น่าจะมีสัตว์ประหลาดที่ชนเผ่าโบราณปล่อยเอาไว้ให้เฝ้าสมบัติ  รวมไปถึงอาจจะมีการซ่อนกับดักกลไกกระจายอยู่ทั่วทั้งถ้ำ...”
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #1 on: December 19, 2004, 03:06:43 AM »

                        เสียงซุบซิบดังอื้ออึงไปทั่วท้องพระโรง   ซาดินเอนหลังกลับไปพิงพนักกล่าวเสียงเบา
                        “มิน่าเล่า   ข้ามิแปลกใจเลยที่ไม่เหลือใครรอดกลับมาสักคน...   ดีล่ะข้าจะไปเอง”
                        “ฝ่าบาท!! มันอันตรายเกินไป”  
                        “ฝ่าบาทโปรดทรงคิดทบทวนดูใหม่เถิด”
                        เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างพากันคัดค้านจนแทบจะพร้อมเพรียงกัน
                        “ฝ่าบาท   มีนักแสวงโชคจำนวนมากมายที่ต่างสังเวยชีวิตให้กับถ้ำนี้มานับไม่ถ้วนและยังมิเคยมีผู้ใดรอดชีวิตกลับมาได้แม้สักคนเดียว...”  นาริสยังไม่ทันพูดจบ  ซาดินก็พูดแทรกขึ้นมา
                        “ข้าเบื่อที่จะต้องมานั่งรอฟังความล้มเหลวซ้ำซาก และข้าก็ไม่ได้ออกรบทัพจับศึกมานานพอดูแล้ว   ชักรู้สึกเบื่อๆเต็มที...  ยังไงเสียสมบัติเหล่านั้นเมื่ออยู่ในอาณาจักรของข้า   ก็ย่อมเป็นของข้าโดยชอบธรรมอยู่แล้ว   อีกอย่างข้าไม่เพลี่ยงพล้ำง่ายๆหรอกพวกเจ้าอย่ากังวลไม่เข้าเรื่องเลย   ท่านจงเตรียมทัพให้พร้อมอีกสองวันข้าจะออกเดินทาง”
                        เมื่อซาดินกล่าวเช่นนี้  นาริสจึงมิอาจโต้แย้งใดๆได้อีก   จึงได้น้อมรับคำบัญชาโดยมีบลาส เซจแสยะยิ้มให้อย่างล้อเลียน


                        อีกฟากของปราสาท   เนริมอร์กำลังสั่งการต่างๆภายในวังตามปกติ   ทันใดนั้นก็มีนางกำนัลคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบผ่านบรรดาข้าราชบริพารที่ยืนเรียงรายรอรับคำสั่งจากเนริมอร์อยู่   เนริมอร์หันไปมองนางกำนัลซึ่งบัดนี้หมอบอยู่ข้างที่ประทับด้วยสายตาคมดุ   เนื่องจากถูกขัดจังหวะอย่างไร้มารยาท
                        “พูดธุระของเจ้ามา   หากไม่ใช่เรื่องสำคัญมากพอที่ทำให้ข้าต้องยุติงานในวันนี้   ข้าจะสับขาของเจ้าทิ้งซะ”
                        นางกำนัลชี้มือชี้ไม้เปะปะไปทางอุทยาน ระร่ำระลักฟูดปนหอบ “พระโอรส! พระโอรสอิสฮาน...”
                        นางกำนัลพูดยังไม่ทันจบ   เนริมอร์ก็ลุกพรวดออกวิ่งไปทางอุทยานทันที   จนบรรดานางกำนัลต่างตกตะลึงวิ่งตามเสด็จแทบไม่ทัน   เนริมอร์วิ่งไปอย่างแทบไม่รู้สึกตัว   มือและเท้าของนางเย็นเฉียบ   หัวใจของนางเล่าก็ราวกับจะหยุดเต้นเสียให้ได้   นางวิ่งจนมาถึงบริเวณอุทยานโล่งกว้าง   ทันทีที่นางเห็นกลุ่มพวกลูกขุนนางและนางกำนัลมุงกันอยู่ที่ข้างสระน้ำ   นางรีบวิ่งเข้าไปผลักกลุ่มเด็กๆและนางกำนัลที่ล้อมอยู่ไปคนละทิศละทาง   อิสฮานน้อยวัยเจ็ดชันษานั่งน้ำตาไหล   หากแต่พยายามกลั้นเสียงร้องไห้ไว้  เนื้อตัวเปียกปอน ที่ขามีรอยถากจากเศษกิ่งไม้   มีเลือดออกเป็นทางยาวประมาณคืบหนึ่งแต่ไม่ลึกนัก   นางรีบถลาไปกอดบุตรชายไว้แนบอก  
                        “เลือด!  หมอหลวง  หมอหลวง   ไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้” นางตะโกนสุดเสียง  “ลูกแม่ทำไมเป็นแบบนี้   ไหนให้แม่ดูหน่อยสิ” เมื่อนางค่อยคลายความตระหนกลงได้   ความโกรธแทบจะระเบิดก็เข้าครอบงำทันที   นางหายใจแรงดวงตาลุกวาว   มือสั่นจนแทบจะคุมไม่อยู่  นางหันไปทางบรรดานางกำนัลพี่เลี้ยงที่ต่างหมอบจนตัวติดพื้น
                        “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้!  เกิดอะไรขึ้น”
                        เหล่านางกำนัลต่างพากันมองหน้ากันไปมาไม่กล้าเอ่ยปาก   ด้านเด็กๆคนอื่นๆก็พากันร้องไห้แต่มิกล้าให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดออกมา   เนริมอร์ยิ่งโกรธหนัก   ชี้มือไปทางนางกำนัลพี่เลี้ยงที่อยู่ใกล้ที่สุด   ตวาดเสียงดังว่า
                        “ตอบ!!”
                        นางกำนัลสะดุ้งสุดตัว   ตะกุกตะกักตอบ  
                        “พ...พระ... พระอาญามิพ้นเกล้า   ตอนที่พระโอรสเล่น....เล่นกับทุกๆคนอยู่   บุตรท่านหัวหน้าเสนาฝ่ายซ้าย” นางพยักเพยิดใบหน้าไปยังเด็กชายที่แต่งตัวดูหรูหราภูมิฐานที่นั่งหมอบร้องไห้ตัวสั่นเทาอยู่ทางด้านหลังสุด  “ก็...ก็ลองเวทย์ใหม่ที่เพิ่งเรียนมากับบุตรของมหาดเล็กคนนี้...จ...จนกระเด็น ไปชนต้นไม้” นางหันหน้าไปทางเด็กชายที่เนื้อตัวมอมแมมไปด้วยขี้ดินและฝุ่นทราย  “พอบุตรท่านเสนาปล่อยพลังเวทย์อีกครั้ง    แล้ว...แล้วอยู่ๆพระโอรสก็ท่องคาถาอะไรไม่ทราบ   เวทย์ก็ย้อน...ย้อนกลับมาใส่พระโอรสจนกระเด็นตกน้ำ   แล้วก็ทรง...ทรงถูกกิ่งไม้ใต้น้ำถากเอา...”
                        เนริมอร์บัดนี้ควบคุมอารมณ์โกรธไม่อยู่แล้ว   ตะโกนเสียงดังว่า
                        “ประหารให้หมด”  นางชี้มือไปยังบุตรของหัวหน้าเสนาฝ่ายซ้ายที่เวลานี้ผวาจนสุดตัว  “เจ้าโทษฐานที่ปล่อยพลังเวทย์ใส่พระโอรส”  นางชี้มือไปยังบุตรของมหาดเล็ก “เจ้าโทษฐานที่เป็นแค่ลูกมหาดเล็กแทนที่จะยอมโดนพลังเวทย์   กลับบังอาจให้พระโอรสปกป้องเจ้า  และพวกเจ้า”  นางกราดมือไปยังบรรดาเด็กๆที่เหลือและพวกนางกำนัลพี่เลี้ยง “โทษฐานที่ไม่ดูแลพระโอรสให้ดี    ทหารลากไปประหารให้หมด”
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #2 on: December 19, 2004, 03:07:53 AM »

                       “พระนางได้โปรดเมตตาด้วย  พระนางโปรดเมตตาด้วย” บรรดาเด็กๆต่างร้องไห้กระจองอแงทั้งนางกำนัลต่างร้องไห้วิงวอนขอชีวิต
                       “ไม่นะสมเด็จแม่”  อิสฮานผวาไปกระตุกแขนเนริมอร์ไว้  
เนริมอร์ชะงักเล็กน้อยความโกรธเกรี้ยวค่อยคลายลง   สีหน้าของนางอ่อนโยนขึ้นเมื่อหันไปหาบุตรชายซึ่งมีสีหน้าตกใจ นัยน์ตายังคงชื้นแฉะด้วยน้ำตาอยู่
                       “พวกมันปล่อยให้ลูกบาดเจ็บถึงเพียงนี้  พวกมันสมควรตาย” นางเอามือประคองใบหน้าของอิสฮานไว้  “แล้วนี่   ใครสอนวิชาบ้าบออย่างนี้ให้เจ้ากันฮึ  วิชาทำร้ายตัวเองอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน”
                       “ท่านราชครูสอนลูก    ท่านบอกว่าเป็นวิชาที่เอาไว้ย้ายความเจ็บปวดไปให้คนอื่น  แต่ว่าลูกไม่รู้จะย้ายไปที่ใครดี  ถ้าย้ายไปที่บุตรท่านเสนา   ลูกก็กลัวเขาจะเจ็บ   ถ้าย้ายไปที่พวกนางกำนัล   ลูกก็กลัวพวกนางจะเจ็บ   ก็เลยเหลือลูกคนเดียว  ลูกก็เลยคิดว่าย้ายมาที่ลูกคงจะดีที่สุด”
                       “เด็กโง่   เจ้าไม่รู้รึว่าคนพวกนี้อย่าว่าแต่เจ็บแทนเจ้าเลย   พวกมันตายแทนลูกได้ด้วยซ้ำ”
                       อิสฮานเหลือบดูบรรดาข้าราชบริพาร “สมเด็จแม่   อย่าทรงลงโทษพวกเขาเลย   พวกเขาเป็นเพื่อนลูกนะ  ถ้าพวกเขาตายแล้วใครจะเล่นกับลูกล่ะ”
                       “พวกมันสมควรตายแล้ว   เพื่อนเล่นน่ะหาเอาใหม่ก็ได้    เจ้าจะเอาสักกี่คนแม่ก็หาให้เจ้าได้”
                       “ไม่เอา   สมเด็จแม่อย่าทรงลงโทษพวกเขาเลยนะ”
                       องค์ชายน้อยพูดอ้อนพลางกอดแขนพระมารดาไว้    เนริมอร์ซึ่งขณะนี้ลืมความโกรธจนหมดสิ้นแล้ว   นางพิศดูใบหน้าบุตรชายอย่างอ่อนใจพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
                       “เอาเถอะ  แล้วแต่ลูกเถิด    โอ๊ะ!นั่นหมอหลวงมาแล้ว   ไปทำแผลกันดีกว่าลูก”
                       เนริมอร์รีบอุ้มอิสฮานขึ้นและออกเดินไปทางพระราชวังทันที   ทันใดนั้นนางก็หยุดชะงักราวกับจะนึกขึ้นได้   นางหันกลับมายังบรรดาเด็กๆและนางกำนัลที่ยังคงหมอบอยู่ที่พื้นมิกล้าลุกไปไหน  
                       “จำใส่หัวของพวกเจ้าไว้   อย่าให้มีครั้งที่สองอีก   ไสหัวไปได้แล้ว”  แล้วนางจึงรีบสาวเท้าไปโดยมีเสียงสรรเสริญและขอบคุณจากบรรดาเด็กๆและเหล่านางกำนัลดังอยู่เบื้องหลัง
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.067 seconds with 21 queries.