Chapter 9 เมื่อหิมะละลาย
ที่กราบเรือด้านหน้าซึ่งประดับประดาด้วยบรรดาดอกไม้สีขาวสะอาดตาและริ้วธงหลากสี รูปปั้นของนางไซเรน(Siren)ที่อยู่ตรงหัวเรือนั้นถูกตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเครื่องประดับนานาชนิดราวกับเป็นคนจริงๆ นกทะเลนับร้อยตัวบินวนเวียนเหนือผืนน้ำสีฟ้าอมเขียวดูช่างเป็นภาพที่สวยงามดุจภาพวาดของจิตรกรเอกก็ไม่ปาน
ราชองครักษ์อองเดร ยังคงยืนอย่างมั่นคงองอาจสายตามองออกไปยังท้องทะเลไกลโพ้น ผ้าพันคอผืนขาวพริ้วไสวตามแรงลมดูงามสง่า พลางคิดทบทวนอดีตที่ผ่านมา อดีตที่เขาไม่มีวันลืม อดีตที่เปลี่ยนแปลงเป้าหมายในชีวิตของเขา และอดีตที่นำพาเขามา ณ จุดนี้ จากเด็กกำพร้าที่ถูกนายทหารเก็บมาเลี้ยง แต่ไม่ใช่การให้ความรักเยี่ยงบุตร เขากลับถูกเลี้ยงดูให้เป็นทหาร ถูกสอนให้อยู่แต่ในกฎระเบียบที่เข้มงวด ให้รับรู้หน้าที่อันสูงสุดคือการจงรักภักดีต่อประเทศชาติและราชวงค์ ไม่รู้จักความหมายอื่นใด และไม่มีเป้าหมายใดในชีวิต...
ครั้งนั้นเมื่อสัตว์ประหลาดอมาดิลลอน(Armadillon) ห้าตัวพลัดหลงเข้ามาในเขตที่อยู่อาศัยแถบชานเมือง ชาวแอนดิซอง ต่างหนีเอาชีวิตรอดกันจ้าละหวั่น ทหารราบสองกองร้อยได้รับคำสั่งให้ทำการขับไล่อมาดิลลอนและทำการช่วยเหลือชาวบ้านทันที เหล่าทหารต่อสู้กับอมาดิลลอนอย่างดุเดือด ฝูงอมาดิลลอนที่ตกใจกับเสียงกรีดร้องของชาวบ้านและอาวุธที่เหล่าทหารพุ่งเข้าใส่ พวกมันจึงอาละวาดหนัก เข้าฟาดฟันใส่ทหารอย่างบ้าคลั่ง กว่าจะปราบเหล่าอมาดิลลอนลงได้ก็ใช้เวลาถึงสองชั่วโมง มีทหารบาดเจ็บนับสิบคน พยาบาลและคณะซิสเตอร์ต่างก็ออกช่วยเหลือทหารและชาวบ้านอย่างรวดเร็ว พลทหารอองเดรซึ่งขณะนั้นอายุเพียงสิบเจ็ดปียังเป็นเพียงทหารราบชั้นผู้น้อย และไม่เคยเผชิญหน้ากับการต่อสู้จริงมาก่อน ภารกิจแรกของทหารใหม่ หากศึกแรกได้รับชัยชนะนั่นหมายถึงการสอบผ่านการเป็นนักรบที่แท้จริง แต่หากได้รับความพ่ายแพ้ นั่นย่อมหมายถึงความล้มเหลวแห่งการฝึกฝนอันยาวนาน และยิ่งกับพลทหารใหม่ มันช่างไม่ต่างกับมดปลวกที่แค่ออกไปตายอย่างไร้ค่าเท่านั้น แม้นายทหารอองเดรจะมีความตั้งใจเต็มเปี่ยมแต่ทว่าความอ่อนประสบการณ์ และโชคที่ไม่เข้าข้าง เขาพลาดพลั้งถูกผลึกน้ำแข็งของอมาดิลลอนแทงทะลุสีข้างบาดเจ็บสาหัส และก่อนที่เจ้าอมาดิลลอนยักษ์จะตรงเข้าสังหารเขา นายกองก็ได้เข้าสังหารเจ้าสัตว์ร้ายบ้าคลั่งเสียก่อนที่มันจะสังหารเขา แต่มิใช่เพื่อช่วยเหลือเขาหากเพียงแค่เข้าฉวยจังหวะเมื่อเจ้าสัตว์ร้ายมัวพะวงกับเหยื่อตรงหน้าเท่านั้น นายทหารชั้นเลวนอนรอความตายด้วยความเจ็บปวดทั้งใจและกายอย่างแสนสาหัสเคียงข้างซากเจ้าสัตว์ยักษ์โดยไม่มีใครใส่ใจ สภาพของทหารยศต่ำสุดนอนจมกองเลือดที่ไหลออกมาไม่หยุดคงจะถูกมองว่าเกินเยียวยา การรักษาย่อมมีให้แก่ผู้ที่ยศสูงกว่าและผู้ที่พอมีหวังรอดมากกว่า พลทหารหนุ่มใช้เรี่ยวแรงที่มีอยู่น้อยนิดยันกายขึ้นนั่งพิงซากเจ้าสัตว์ยักษ์ขนปุย หอบหายใจรวยริน เพื่อจะบอกว่าเขายังมีแรงพอจะลุกได้ เขายังไม่ตาย แต่ภาพเบื้องหน้าคงมีแต่การวิ่งวุ่นของเหล่าทหารที่แบกร่างของเพื่อนที่บาดเจ็บ ภาพของเหล่านักบวชจำนวนน้อยนิดที่พยายามใช้พลังรักษาทหารบาดเจ็บนับสิบที่ร้องครวญคราง บางคนหันมามองเขาแต่เมื่อพิจารณาได้สักพักก็ส่ายหน้า ก่อนเดินผละจากไปรักษาผู้อื่น
เราคงต้องตายแบบนี้แน่.......... พลทหารอองเดรคิดในใจ
เขาไม่ใช่คนจำพวกที่จะร้องขอชีวิตหรือร้องขอความช่วยเหลือ เพราะเขาคิดว่าหากการร้องขอนั้นได้รับการปฎิเสธ คงเป็นความอัปยศนัก ความหดหู่ใจและสิ้นหวังได้ทำให้เขาเลือกทางที่จะตายอย่างทรนง คงจะเป็นเพียงสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาจำต้องเลือกยอมรับในขณะนี้
ระหว่างที่ตัดสินใจนั่งรอความตายที่กำลังก้าวกระชั้นเขาเข้ามาอย่างช้าๆ เขาก็รู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งจับจ้องเขาอยู่ เขารีบหันไปยังทิศทางนั้นทันที ชั่วขณะนั้นใจของเขาก็หล่นวูบตกประหม่าในทันใดเมื่อเห็นเจ้าหญิงน้อยอลาน่ายืนขมวดคิ้วจ้องมองบาดแผลของเขาอยู่ข้างๆ
พระอาญามิพ้นเกล้า..... ทรงเสด็จมาทำอะไรที่นี่ ที่นี่อันตรายมาก.... พระองค์นายทหารกล่าวเสียงแผ่ว
อลาน่าน้อยเงยหน้าขึ้นช้าๆ ยิ้มจนตาหยีตอบว่า ฉันมากับซิสเตอร์โรซาน่าจ๊ะ ซิสเตอร์มาช่วยคนบาดเจ็บ ซิสเตอร์อยู่ตรงนู้น เด็กน้อยหันหน้าพลางชี้มือไปอีกฟากของถนน เขาจึงเห็นแม่ชีรูปหนึ่งกำลังใช้พลังรักษาทหารที่บาดเจ็บนายหนึ่งอยู่ เด็กน้อยหันหน้ากลับมา คิ้วน้อยๆขมวดกันอีกครั้ง แววตาแสดงออกซึ่งความห่วงใย
คุณทหารก็บาดเจ็บเหมือนกัน คุณทหารท่าทางเจ็บมากนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันจะรักษาให้ ฉันรักษาเป็นนะ ฉันเห็นซิสเตอร์ทำบ่อยๆ ว่าแล้วเจ้าหญิงน้อยก็รีบเอามือแตะที่บาดแผลของเขา ทหารหนุ่มตกใจเป็นกำลังรีบเขยิบออกห่าง ความเจ็บปวดแล่นแปล๊บจากบาดแผลจนเขาชะงักค้าง คิ้วขมวดเกร็งกัดฟันแน่น ก่อนจะกล่าวเสียงแหบพร่า
องค์หญิง...... กระหม่อม.......จะทำให้พระหัตถ์สกปรก.........
บุรุษผู้ถูกสอนมาชั่วชีวิตว่าประเทศชาติและราชวงค์สำคัญยิ่งชีพ ณ บัดนี้เบื้องหน้าเขาคือเจ้าชีวิตผู้สูงส่งเทียมฟ้า เด็กหญิง เกิดความสงสัยในแววตา ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิม
ไม่สกปรกหรอกจ๊ะ แต่คุณทหารอย่าขยับอีกนะ คุณทหารต้องเจ็บมากแน่ๆ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ฉันจะพยายามช่วยอย่างเต็มที่