Chapter5 เปลวไฟในน้ำตา
เมื่อ เนริมอร์ รู้ว่า ซาดิน ตกลงใจจะทำศึกแน่แล้ว เย็นวันนั้นนางจึงรุดเข้าไปพบ ซาดิน ภายในห้องเขตพระราชฐานชั้นใน ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นเวลาที่ ซาดิน ทำงานอื่นนอกเหนือจากการว่าราชการ
ซาดิน เนริมอร์เอ่ยเรียกผู้เป็นสามีด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความร้อนรนกังวลใจ
ซาดิน ซึ่งขณะนั้นกำลังง่วนอยู่กับการดูแผนที่ภูมิประเทศทางการทหารอยู่ จึงมิได้ใส่ใจใดๆมากนัก เพียงแต่เหลือบตาขึ้นมามองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเป็นภรรยาของตนจึงได้ยืดตัวขึ้น และยิ้มให้
อ้า! เนริมอร์ เจ้ามาได้จังหวะดีจริงเชียว ข้ากำลังจะให้ทหารไปตามเจ้าอยู่พอดี
ซาดิน การศึกครั้งนี้ข้าไม่ขอยุ่งเกี่ยวนะ เนริมอร์ รีบเอ่ยอย่างร้อนตัว
ซาดินขมวดคิ้วลงทันที ทั้งแปลกใจระคนสงสัยในตัวผู้เป็นภรรยานัก ทำไมรึ? ก่อนนี้เจ้าก็ยินดีที่จะร่วมทัพจับศึกเคียงบ่าเคียงไหล่ข้าด้วยทุกครั้งครามิใช่หรือ
แต่บัดนี้เรามีลูกแล้วนะ อิสฮาน ยังเล็กนักท่านจะให้ข้าทิ้งลูกไปได้อย่างไร ใครจะดูแลเขาเล่า
ก็แม่นมกับพวกนางกำนัลไงเล่า เจ้าคิดว่าเรามีข้าทาสบริวารไว้ทำไมรึ ซาดิน กล่าวอย่างมิอาทรร้อนใจนัก
ซาดิน ท่านก็เป็นเสียอย่างนี้ ท่านมิเคยสนใจไยดีลูกของเราเลย เมื่อคราวที่ อิสฮาน ล้มป่วย ข้าให้คนไปตามท่านครั้งแล้วครั้งเล่าท่านก็ไม่มาดูดำดูดีเลย เนริมอร์ ตัดพ้อ
ซาดิน เอียงศรีษะเล็กน้อยราวกับพยายามรำลึกเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวว่า ในตอนนั้นถึงข้าจะอยู่หรือไม่มันก็ไม่ทำให้ อิสฮาน หายป่วยได้เพราะข้าไม่ใช่หมอ
เนริมอร์ ชะงักนิ่งอึ้งกับวาจาที่เย็นชาของสามี ซาดิน หันมามองหน้า เนริมอร์ พลางขมวดคิ้วเข้าหากัน
ข้าก็ตามหมอหลวงให้แล้วอย่างไรเล่า แล้วอีกอย่างการดูแลลูกก็เป็นหน้าที่ของผู้เป็นแม่มิใช่หรือ
ท่านรักลูกของเราบ้างไหม เนริมอร์ กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาระคนวิงวอนราวกับจะเป็นตัวแทนของบุตรชายร้องขอความรักจากผู้เป็นบิดาก็มิปาน
เหลวไหล ความรักเป็นเรื่องโง่เขลาเป็นความรู้สึกของพวกคนอ่อนแอ มันไม่มีประโยชน์อะไรต่ออนาคตของลูกเรา
คิ้วของ เนริมอร์ ขมวดเข้าหากันดวงตาเบิกกว้าง นางจ้องมองลึกลงไปยังดวงตาของ ซาดิน ราวกับจะเค้นหาความจริง
นี่ท่านพูดอะไรออกมา ในใจของ เนริมอร์ เจ็บปวดนัก นางพูดพลางจ้องมอง ซาดิน เขม็ง ท่านไม่คิดจะทำหน้าที่ของผู้เป็นพ่อเลยหรือ
ข้ากำลังทำอยู่ เจ้าคิดว่าข้าทำศึกครั้งนี้เพื่อใครกัน ซาดิน พูดด้วยระดับเสียงปกติหากแต่แฝงการตำหนิในน้ำเสียงนั้น อนาคตของอิสฮานจะต้องเป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง มรดกที่ข้าจะให้กับเขาคือทวีปเมอริเซียอย่างไรเล่า
ซาดิน มอง เนริมอร์ ครู่หนึ่งก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ พอเถิด ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้าเรื่องนี้ ข้าขอสั่งให้เจ้าเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้
เนริมอร์ กัดริมฝีปากแน่นก่อนจะตะโกนเสียงดังลั่นอย่างเดือดดาล
ไม่!! ข้าจะอยู่ที่นี่ ข้าจะอยู่กับลูกของข้า
ซาดิน ถึงกับนิ่งอึ้งที่ เนริมอร์ กล้าที่จะขึ้นเสียงใส่ตน เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ว่าจะเรื่องใดหรือแม้กระทั่งที่ตนมีฮาเร็มที่ใหญ่โตมีสาวงามรายล้อมมากมายนางก็มิเคยมีปากมีเสียง แต่นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางกล้าตวาดใส่เขา ข้างฝ่าย เนริมอร์ นั้นก็โกรธเกรี้ยวจนตัวสั่น ขบกรามแน่น จ้องมองผู้เป็นสามีอย่างแค้นเคือง ซาดินจ้องหน้า เนริมอร์ อย่างเคร่งเครียดแล้วพูดด้วยเสียงราวกับคำรามว่า ข้าสั่งเจ้า!! ในฐานะกษัตริย์แห่งซาโลม
ณ ห้องบรรทมของ ซาร์ อิสฮาน
เนริมอร์ นั่งอุ้มลูกชายตัวน้อยไว้แนบอก นางนั่งบนเบาะทรงกลมสีแดงใบใหญ่ สีหน้าของนางนิ่งเฉยสายตาจับจ้องออกไปนอกหน้าต่างแต่แววตากลับว่างเปล่า ทั้งแม่นม และนางกำนัลต่างก็มองหน้ากันไปมาด้วยความประหลาดใจ ด้วยว่าหลังจากที่นางกลับมาจากการเข้าพบ ซาดิน แล้ว ก็ตรงเข้าอุ้มโอรสน้อยที่กำลังหลับอย่างเป็นสุขในเปลแล้วเดินไปนั่งที่เบาะกลมนั้นโดยไม่พูดจาใดๆเลย ระหว่างนั้นนางต้นห้องก็เปิดประตูเข้ามาโค้งคำนับทูลว่า
มีราชโองการมาเพคะ
แล้วจึงหลีกทางให้ทหารผู้ถือราชโองการสามนายเดินเข้ามา ทหารทั้งสามโค้งคำนับแล้วจึงคุกเข่าโดยทหารที่ถือราชโองการยังคงยืนอยู่
องค์ ซาดิน จักรพรรดิแห่งซาโลม มีราชโองการว่า เนื่องด้วยจักรวรรดิ ซาโลม จะได้ประกอบการศึกอันทรงเกียรติด้วยการรวบรวมแผ่นดินทั้งหลายในทวีป เมอริเซีย เข้าไว้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน ในภารกิจอันสำคัญยิ่งนี้ องค์จักรพรรดิจึงมีรับสั่งให้ พระนาง เนริมอร์ เข้าร่วมในกองทัพอันเกรียง....