Chapter 4 ทหารไร้วิญญาณ
ทุกคนในท้องพระโรงทั้งเสนาอำมาตย์น้อยใหญ่ต่างก็ตีความปริศนาในคำทำนายของนาซาอีกันไปต่างๆนานา ซาดินจึงกล่าวขึ้น
เอาล่ะๆ พวกเจ้าเงียบกันได้แล้ว ท่านทั้งสองมีความเห็นอย่างไรบ้าง พลางหันหน้าไปมอง บลาส เซจ และ นาริส สุไลมาน บลาส เซจ รีบก้าวออกมาโค้งคำนับพลางกล่าวว่า
ฝ่าบาท คำทำนายของนาง นาซาอี นั้น เป็นการยืนยันถึงสิ่งที่เรากำลังจะหารือกันในวันนี้อย่างแน่นอน การประสูติของพระโอรสน้อยนับเป็นมหามงคลยิ่ง แสงทองของดวงอาทิตย์ที่สาดส่องไปทั่วซาโลมในวันประสูตินั้น ก็คือ นิมิตหมายที่บ่งบอกว่ายุคทองของ จักรวรรดิซาโลม ได้มาถึงแล้ว และคำทำนายในวันนี้ก็ยิ่งเป็นการยืนยันว่า ฝ่าบาทจะมีชัยเหนือทวีป เมอริเซีย ทั่วทุกแว่นแคว้นจะต้องยอมศิโรราบอยู่แทบเท้าฝ่าบาท เมอริเซีย จะต้องเป็นของชาวซาโลม และตระกูลอิบริด ชั่วลูกชั่วหลานเป็นแน่แท้
ซาดิน เมื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างพอใจยิ่ง ข้างฝ่ายบรรดาเสนาอำมาตย์ต่างก็ส่งเสียงดังอื้ออึงอีกครั้ง ทั้งเสียงสนับสนุน และเสียงคัดค้าน โต้ตอบกันไปมาจนฟังไม่ได้ศัพท์ ด้าน เนริมอร์ นั้นก็ว้าวุ่นใจยิ่งนัก นางมองไปยัง นาริส สุไลมาน เมื่อเห็นว่ามหาอำมาตย์ใหญ่ก็มีทีท่ามิเห็นชอบด้วยเช่นกัน นางจึงค่อยมีความหวังขึ้น
นาริส ครั้นเมื่อคิดว่าเงียบอยู่ต่อไปคงไม่เป็นการดีแน่ จึงก้าวออกมายืนอยู่เบื้องหน้า ซาดิน โค้งคำนับแล้วจึงทูลว่า
ฝ่าบาท ท่านหมายจะพิชิต เมอริเซีย นี้ ทรงตริตรองดีแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ? อาณาจักรทั้งสามทางใต้นั้นล้วนแล้วแต่มียอดฝีมืออยู่มากมาย ทั้งวิชายุทธก็ออกจะแปลกพิสดารกว่าเรามากนัก อีกทั้งสภาพภูมิประเทศที่แตกต่าง ทหารแห่งพระองค์แม้จะเก่งกาจชำนาญศึก แต่ก็เฉพาะในถิ่นทุรกันดารนี้เท่านั้น คู่ต่อสู้ที่ผ่านมาก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงพวกแคว้นเล็กแคว้นน้อย....
อ้า!! ท่านนาริส สุไลมาน มหาอำมาตย์ผู้ยิ่งใหญ่ เหตุไฉน ท่านจึงมีใจเยี่ยงอิสตรีเช่นนี้เล่า ท่านผู้เปรียบเสมือนราชสีห์ที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับกลัวการตะปบหนูตัวกระจ้อยในพงไพร ท่านพูดราวกับว่าซาโลมจะต้องปราชัยในการศึกครั้งนี้ ถ้อยคำดูแคลนเช่นนี้ มิน่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของท่าน บลาส เซจ ว่า เหน็บแนม
ข้ามิได้ดูแคลน หรือ ขลาดกลัวตามที่ท่านกล่าวหาหรอก ท่านมหาอุปราช นาริส สุไลมาน กล่าวด้วยทีท่าสงบ ฝ่าบาท ลองตรองดูเถิดว่า สิ่งที่กระหม่อมทูลนั้นเป็นจริงดังว่าหรือไม่ ?
ซาดิน นิ่งเงียบไปสักพักราวกับกำลังชั่งใจ ในสิ่งที่ได้ฟัง นาริส จึงกล่าวต่อไปว่า
จากประสบการณ์ที่กระหม่อมได้กรำศึกน้อยใหญ่มานับครั้งไม่ถ้วน กระหม่อมเกรงว่าในการทำศึกครั้งนี้ สิ่งที่เราจักได้มา จะมิคุ้มค่ากับสิ่งที่เราจะต้องเสียไปนะฝ่าบาท
ท่านคิดเช่นนั้นหรือ
ซาดิน เปรย คิ้วขมวดเข้าหากัน พลางหันหน้าไปมอง บลาส เซจ ราวกับจะขอความเห็น
ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าเหตุการณ์จะเป็นดั่งที่ท่านว่า ท่านมิได้ฟังคำทำนายถึงพระโอรสดอกหรือ ? บลาส เซจ เอ่ย ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เหมือนเหยียดหยัน
นาริส หันกลับไปตอบ บลาส เซจ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดุจกัน
ก็แล้วตัวท่านแน่ใจได้อย่างไรว่า ท่านตีความคำทำนายได้ถูกต้อง
สีหน้า บลาส เซจ กลับมาเรียบเฉยมิบ่งบอกอารมณ์ใดๆ พลางกล่าว
มหาอำมาตย์พูดเช่นนี้ หมายความว่า ข้าตีความผิด แล้วท่านสามารถตีความได้ถูกต้องกว่าข้างั้นรึ ? เช่นนั้นแล้วข้าคงต้องขอฟังการวิเคราะห์อันชาญฉลาดจากท่านเสียหน่อยแล้ว
ท่านยกย่องข้าเกินไปแล้ว มหาอุปราช ข้ามิได้มีเจตนาจะดูแคลนท่าน หากแต่เพียงข้าอยากให้ท่านคิดให้รอบคอบกว่านี้เสียก่อน
นาริส กล่าวพลางหันมาโค้งคำนับให้ ซาดิน อีกครั้ง แล้วจึงทูลไปว่า
ฝ่าบาท ข้าพระองค์มิใช่นักปราชญ์ที่จะวิเคราะห์ถอดความคำทำนายได้ดีกว่าคนอื่นๆ หากแต่ ข้าพระองค์เห็นว่าแทนที่พระองค์จะทรงก่อสงครามขึ้นทั่วผืนทวีป ไยพระองค์มิหันหน้ามาพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองอยู่เย็นเป็นสุขเล่า เมื่อบ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข นั่นต่างหากจึงจะเรียกว่ายุคทองของซาโลม ฝ่าบาท เราสูญเสียมามากพอแล้วกับการทำศึกสงคราม ทั้งทรัพย์สินในท้องพระคลัง ทั้งไพร่พลมากมาย