Chapter2 ในอ้อมแขนแม่
ณ ห้องบรรทมในเขตพระราชฐานชั้นใน ภายในห้องนั้นถูกตกแต่งอย่างประณีตบรรจงแตกต่างจากส่วนอื่นๆภายในปราสาทอย่างสิ้นเชิง ของเด็กเล่นนานาชนิด อีกทั้งเครื่องบรรณาการสูงค่าจากแคว้นต่างๆมากมายถูกนำมาวางไว้ ณ ห้องนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ ซาร์ อิสฮาน โอรสของ ซาดิน และ เนริมอร์ที่เพิ่งประสูติได้ไม่นาน กลางห้องนั้นมีเปลนอนหลังใหญ่ สลักเสลาลวดลายอย่างประณีต ประดับด้วยอัญมณีเม็ดเล็กๆหลากสีเป็นรูปร่างต่างๆสวยงามยิ่งนัก
ในเปลนั้น ซาร์ อิสฮาน โอรสน้อยกำลังนอนหลับอย่างเป็นสุข ข้างเปลนั้นมีหญิงวัยกลางคนผู้ทำหน้าที่เป็นแม่นมคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ และไม่ใกล้ไม่ไกลจากเปลนอนมากนักมีนางกำนัลอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ นางกำลังเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดในท้องพระโรงอย่างออกรส
ท่านแม่นมเชื่อหรือไม่ พอพระนางเนริมอร์เอ่ยปากนะ องค์ซาดินก็รับปากว่าจะคิดทบทวนใหม่ โอ้ ท่านต้องได้เห็นสีหน้าของ อุปราช บลาส เซจ คงจะโกรธจนลมออกหูเลยล่ะท่าน
เจ้าเบาเสียงของเจ้าลงหน่อยเถิด ประเดี๋ยวพระโอรสน้อยก็ตกใจเสียงเจ้าจนตื่นกันพอดี แม่นมปราม
นางกำนัลจึงค่อยเบาเสียงลง ท่านแม่นม ข้าว่าข้าก็อยู่รับใช้ในวังนี่มาก็นานหลายเพลาแล้ว เห็นความโหดร้ายเด็ดขาดของ พระนางเนริมอร์ ก็ออกบ่อยครั้ง แต่หลังจากมีพระโอรสแล้ว ดูพระนางแปลกไปนะ ดูอย่างวันนี้เถิด พระนางทรงขอร้ององค์ซาดินให้หยุดสงคราม เพื่อเห็นแก่ประชาชน หรืออย่างการที่พระนางทุ่มเทความรักให้พระโอรสน้อยสิ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพระนางจะรักลูกได้ถึงเพียงนี้
แม่นมก้มหน้าลงมองพระโอรสองค์น้อยพลางพูดว่า
แม้แต่สัตว์เดรัจฉานยังรักลูกของมัน มนุษย์เราก็มิผิดกัน พระนางเนริมอร์ ช่างน่าสงสารนัก พระนางถูกจับแต่งงานตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ความรักที่ควรได้รับจากพ่อแม่ก็แทบจะไม่รู้จัก เมื่อมาอยู่ที่นี่ความรักที่ควรได้รับจากสามีนั้นก็มิใช่ความรักที่สมบูรณ์นัก เพราะในตอนนั้น องค์ซาดิน เองก็ยังทรงพระเยาว์เกินกว่าจะเข้าใจความรักได้ เมื่อพระนางไม่เคยได้รับความรัก ไม่เคยถูกรัก และไม่เคยรักใคร พระนางจึงมีอารมณ์รุนแรงอย่างที่เจ้าเห็น พระนางเป็นคนที่รักแรง เกลียดแรง จึงไม่น่าแปลกใจเลย ในเมื่อพระนางโหยหาความรักตลอดมา เมื่อพระนางมีพระโอรสน้อยแล้วจึงทุ่มเทชีวิตจิตใจให้เช่นนี้ เพราะพระนางรู้ดีว่าพระนางมีพระโอรสที่สามารถทุ่มเทความรักให้ และที่สุดแล้วพระโอรสเองนี่แหละจะเป็นผู้ที่รักพระนางตอบและรักพระนางมากที่สุด
ช่างน่าสงสารยิ่งนัก ข้าคงมิอาจมีชีวิตอยู่ได้หากข้าเป็นพระนาง นางกำนัลครวญพลางมองไปรอบๆห้อง มิน่าเล่า ห้องนี้ถึงได้สวยงามแปลกตากว่าทุกๆที่ในปราสาท เพราะพระนางตกแต่งทั้งห้องด้วยตัวพระนางเอง
เจ้าหยุดพูดเสียเถิด จวนจะถึงเวลาที่ พระนางเนริมอร์ จะเสด็จมาหาพระโอรสแล้ว หากพระองค์ได้ยินว่าเจ้านั่งพูดคุยเรื่องของพระนางเช่นนี้มีหวังคงโดนประหารกันทั้งคู่เป็นแน่แม่นมปรามอีกครั้ง
สิ้นคำของแม่นม นางกำนัลต้นห้องก็เปิดประตูเดินเข้ามา กล่าวเสียงเบาว่า
พระนางเนริมอร์ เสด็จแล้ว
ทันใดนั้น เนริมอร์ ก็เดินเข้ามาแทบจะทันที แม่นมและนางกำนัลต่างสะดุ้งสุดตัว เนื่องด้วยเกรงว่า พระนางเนริมอร์ อาจจะทรงได้ยินในสิ่งที่พูดกัน แต่ เนริมอร์ มิได้เหลียวมองนางทั้งสองเลย กลับรีบเดินตรงไปยังเปลของโอรสน้อยอย่างรวดเร็ว นางค่อยก้มตัวลง ยื่นมือไปสัมผัสพวงแก้มของโอรสน้อยอย่างเบามือ ใบหน้าของนางเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มอันอ่อนหวาน แม่นมและนางกำนัลค่อยคลายความตระหนกลง ต่างแอบถอนหายใจกันอย่างโล่งอก มีเพียงนางกำนัลที่เปลี่ยนเป็นความฉงนสนเท่ห์แทน ภาพของ เนริมอร์ ยามเมื่ออยู่กับบุตรชายนั้น เป็นสิ่งที่นางมิเคยเห็นมาก่อน เนริมอร์ ในเวลานี้ช่างผิดแผกจากเมื่อก่อนเหลือเกิน นางมีวิญญาณของความเป็นแม่อยู่เต็มเปี่ยม
ลูกสุดที่รักของแม่ เนริมอร์ พูดเสียงเบาจนแทบจะกระซิบ
เจ้ารู้หรือไม่ว่าแม่รักเจ้ามากเพียงใด แม่แทบจะทนไม่ได้แม้เพียงสักนาทีที่จะห่างเจ้า