Chapter1 เหตุแห่งเพลิง
ณ ตอนเหนือแห่งทวีปเมอริเซีย อันเป็นสถานที่ตั้งของ จักรวรรดิซาโลม (Zalom) ซึ่งได้รวมเอาแคว้นใหญ่น้อยที่ตั้งอยู่ในเขตตอนเหนือนั้นเข้าไว้ด้วยกัน จนทำให้มีเนื้อที่กว้างใหญ่ถึงหนึ่งในสี่ของทวีปเมอริเซีย (Merrisia) แต่ทว่าความกว้างใหญ่ไพศาลนั้นกลับไม่สามารถก่อประโยชน์ใดๆได้เลย เนื่องจากสภาพภูมิประเทศแห่งนี้ช่างแห้งแล้งกันดารนัก มีแต่ทะเลทรายที่กินอาณาบริเวณกว้างไกลสุดสายตา ไร้ซึ่งความร่มรื่นของป่าไม้ และความชื่นฉ่ำของกระแสน้ำ ทำให้ทุกสรรพสิ่งที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้ต้องดำเนินชีวิตด้วยความยากแค้นแสนเข็ญ ความลำบากที่ได้รับถูกแปรเปลี่ยนเป็นความอดทนเพื่อความอยู่รอด อดทนเพื่อรอสักวันจะได้ผันไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
ลมเหนือพัดกระหน่ำไปตามเนินทรายสูงๆต่ำๆได้หอบเอาเม็ดทรายเป็นตันๆลอยหมุนคว้างขึ้นไปในอากาศ สายลมอันร้อนผ่าวที่ดังวีดหวิวอย่างหน้าสะพรึงกลัวเสียดสีกับเม็ดทรายซึ่งพัดหมุนตัดกับเส้นขอบฟ้าที่ไร้ซึ่งต้นไม้แม้เพียงสักต้นมาขวางกั้น เมื่อลมเริ่มสงบลง เม็ดทรายที่มันได้หอบหิ้วมาก็ค่อยๆปลิวตกลงสู่ผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่ จนเกิดเป็นเนินทรายใหม่ๆขึ้นมา และเมื่อกระแสลมสงบลงมิได้เคลื่อนไหวใดๆอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่ปรากฏขึ้นแก่สายตา ณ ที่นั้น คือ เมืองที่ยิ่งใหญ่แลดูน่าเกรงขามยิ่ง รังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวกำแพงเมืองสีขาวซีดที่เปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นทรายและรอยเผาไหม้จากแสงแดด รวมกับความร้อนระอุของผืนทะเลทราย ทำให้รู้สึกประหวั่นกลัวยิ่งนักเมื่อได้เข้าไปใกล้ แสงอาทิตย์ยามเที่ยงสาดส่องลงมาเหนือสถานที่แห่งนี้และกระทบกับยอดหลังคาปราสาทรูปโดมทรงกลมสีแดง มีธงแดงผืนใหญ่ปักไว้เหนือยอดทรงกลมซึ่งบัดนี้กำลังโบกไสวไปตามกระแสลมเหนือแลดูเหมือนดั่งเปลวไฟที่กำลังโหมกล้า เสียงโบกสะบัดของธง ชวนให้รู้สึกสะพรึงกลัวยิ่ง ดั่งสร้างไว้เพื่อกักขังความเหี้ยมโหดที่อยู่ภายใน ทางเข้าประตูใหญ่สลักลวดลายของสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาดูน่ากลัวยิ่งนัก
เมื่อผ่านเข้าประตูบานใหญ่ไป ก็จะพบกับตลาดใหญ่กลางเมือง ผู้คนจำนวนมากเดินไปมากันขวักไขว่ดูสับสนวุ่นวายเสียงตะโกนเร่ขายสินค้า เสียงพูดคุย เสียงต่อรองราคาดังเซ็งแซ่ไปทั่ว
ผู้ชายในเมืองนี้รูปร่างสูงใหญ่กำยำล่ำสัน หน้าตาของเขาเหล่านี้ดูถตัวเองทึงดุดัน นัยน์ตาส่องประกายเป็นสีเหลืองบุษราคัมเมื่อแสงแดดสะท้อนดูราวกับตาของเสือร้าย ผิวเนื้อมีสีเข้ม ผมเผ้าดูรุงรัง บ้างก็ไว้หนวดเคราดกหนา สวมเสื้อคลุมยาวเพื่อป้องกันแสงแดดที่แผดเผาและป้องกันฝุ่นทรายที่ผัดมากับสายลม ฝ่ายสตรีนั้นดวงตาโตคมประกาย ผิวเนื้อออกสีน้ำตาลไม่เข้มนัก สวมผ้าคลุมเนื้อหนายาวมิดชิด และมีผ้าคลุมหน้าเปิดช่องแค่ที่ตาไว้เพื่อป้องกันแสงแดดที่โหดร้ายมิให้เผาไหม้ผิวเนื้อ แต่ภายในนั้นกลับสวมเสื้อผ้าเนื้อบางเบาสีต่างๆ นี่คือรูปลักษณ์ของผู้คนในจักรวรรดิซาโลม การดำเนินชีวิตด้วยอาศัยแรงกายเป็นปัจจัยในการดำรงชีวิต การค้าขายแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่สร้างความคึกคักให้แก่จักรวรรดิซาโลม ผ้าไหม เพชรจินดา และสัตว์เลี้ยงคือสินค้าหลักของผู้คนที่นี่
ต่อจากตลาดใหญ่กลางเมืองนั้น เป็นทางเข้าสู่เขตที่พำนักของเหล่าผู้มีอำนาจปกครอง และผู้มียศศักดิ์ ภายในที่แห่งนั้นประดับประดาด้วยเพชรมณีสีสด ทางเดินปูด้วยพรมสีแดงฉาดซึ่งตัดกับสีพื้น และเสาซึ่งเป็นสีขาวนวล บรรยากาศต่างจากภายนอกอย่างสิ้นเชิง ที่นี่มีแต่ความเงียบที่ดูอึมครึมเท่านั้น ระหว่างทางเดินใหญ่นั้นเป็นทางแยกย่อยทั้งซ้ายขวาซึ่งแยกไปยังส่วนต่างๆอีกมากมาย
สุดปลายทางเดินใหญ่นั้น เป็นเขตพระราชฐานมีห้องโถงขนาดใหญ่ที่ประตูเข้าทำด้วยทองคำประดับด้วยอัญมณีเป็นลวดลายทั่วทั้งบาน ณ ห้องโถงนั้นมีเสาใหญ่สิบหกต้นค้ำตัวห้องอยู่ ทางเดินปูด้วยไหมพรมสีแดงสดชั้นดี และในห้องนั้นกว้างขวางยิ่ง ณ ที่นั้น มีเสียงสนทนากันระหว่างบุรุษสองคนที่แยกได้จากโสตสัมผัสว่าเป็นเสียงของผู้นำกำลังเจรจากันอยู่ในใจกลางห้องโถงที่มากด้วยสิ่งประดับล้ำค่ามากมายเหลือคณานับ
การรวบรวมแคว้นต่างๆที่เหลือในผืนทะเลทรายที่ข้ามอบหมายให้เจ้าไปจัดการ บัดนี้รุดหน้าไปถึงไหนแล้ว
น้ำเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงนั้นดังกึกก้องห้องโถง เพียงแค่เปล่งเสียงออกมาธรรมดาๆ กลับดังกังวานเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจ
ข้าแต่พระองค์ แม้พระองค์จะมิได้ทรงนำทัพเองเหมือนแต่ก่อน แต่ด้วยพระบารมีของพระองค์ และความเก่งกล้าสามารถของเหล่าทหารหาญแห่งจักรวรรดิซาโลม บัดนี้เราสามารถรวบรวมแว่นแคว้นต่างๆได้สำเร็จแล้วพระเจ้าค่ะ เสียงของชายคนที่สองดังขึ้น แม้ฟังดูมีอำนาจ ทว่าเป็นรองน้ำเสียงของชายคนแรก