เทพธรรมชาติแห่งฟูดินัน
อย่างที่ทราบว่าชาวฟูดินัน ใกล้ชิดธรรมชาติ เชื่อว่าในธรรมชาติ มีจิตวิญญาณ
และนับถือธรรมชาติเป็นเทพด้วยทีนี้เรามาดูกันว่าชาวฟูดินันนับถือเทพจากธรรมชาติอะไรกันบ้าง
Yggdrasil เทพแห่งชีวิตต้นอิกดราซิลเป็นต้นไม้ใหญ่เป็นต้นไม้มหัศจรรย์ที่ใหญ่โตสูงเท่าภูเขาคีรีบันดาเลยทีเดียว ลำต้นของมันใครคนจับมือกันยืนล้อมได้100คน มีใบมีสีเงิน
ยืนต้นมานาน นานมากจนไม่มีใครรู้ว่านานเท่าใด และอายุเท่าใด มันไม่เคยเหี่ยวเฉา มีแต่การผลัดใบซึ่งเมื่อผลัดใบ
พื้นที่บริเวณนั้นจะเป็นดั่งพื้นพรมสีเงิน ที่ลำต้นยักษ์มีสัญลักษณ์ประหลาดอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าหมายถึงอะไร
แต่ชาวฟูดินันเขียนสัญลักษณ์นี้ลงบนเครื่องมือทางการเกษตรของเขา เชื่อว่าจะทำให้พืชผลอุดมสมบูรณ์
มหาพฤกษานี้ยังมีความประหลาดอยู่อีกตรงที่แง่งรากของมันอันหนึ่งมีลำธารไหลออกมาจนขยายเป็นแม่น้ำ ใหญ่ไหลสู่ทะเลสาปนีรันดา
ชาวฟูดินันมองว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติที่ต้นไม้จะให้น้ำแทนที่จะดูดน้ำ จึงนับถืออิกดราซิลเป็นเทพแห่งชีวิต
เมื่อครั้งที่ทิโมธี เดินทางมาวิจัยอารยธรรมโบราณในฟูดินัน เค้าได้บันทึกไว้ว่า ".......ข้าพเจ้าสัษนิฐานว่า อาจมีตาน้ำใต้ดินและเผอิญต้นอิกดราซิลนี้ไปขึ้นอยู่บนนั้นจึงดูเหมือนมีน้ำไหลออกจากรากของมัน
และด้วยความที่มันขึ้นและมีรากติดกับตาน้ำใต้ดิน จึงอาจเป็นเหตุผลที่มำให้อิกดราซิลไม่เคยเหี่ยวเฉา และกลายเป็นต้นไม้ใหญ่โต
แต่ข้าพเจ้าก็ยังไม่เข้าใจในสีประหลาดของใบ ซึ่งจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน และการสำรวจของข้าพเจ้า ไม่มีต้นไม้ใดในป่า และไม่มีต้นไม้ใดในโลกที่มีลักษณะใบสีเงินเช่นนี้ นอกจากนี้ยังไม่เคยมีใครเห็นผลและเมล็ดของมัน ต้นไม้แบบอิกดราซิลอาจมีต้นเดียวในโลก......."
เมื่อครั้งนอริมอร์เผาป่าฟูดินัน อิกดราซิลได้คายน้ำออกจากใบสีเงินอย่างรวดเร็ว ไอน้ำจากจำนวนใบนับล้านสร้างเมฆก้อนใหญ่ให้ฝนตกดับไฟเป็นที่อัศจรรย์
บางครั้งเปลือกแก่ของอิกดราซิลกระเทาะออกมาชาวฟูดินันจะนำไปสร้างเครื่องรางต่างๆ และนำไปขาย เปลของซาร์ อิสฮานเอง ก็ทำจากเศษเปลือกของอิกดราซิลที่หมู่บ้านช่างสลักทางใต้ของซาโลม ซื้อจากพ่อค้าเร่ชาวฟูดินัน
Punishula สัตวเทพผู้ปราบมารในตำนานของชาวฟูดีนัน กล่าวกันว่า เมื่อเทพบารามันผู้ปกปักษ์ดูแลชาวโลกทรงเหนื่อยล้ากับภารกิจ อันไม่มีวันจบสิ้นนี้ ทรงอยากพักผ่อนในห้วงสวรรค์ ทรงหาวออกมาเป็นมัฉฉากึ่งวิหคสีขาวราวน้ำนมมีลายสักอักขระอันศักดิ์สิทธิ์ และเขาอันแหลมคม ก่อนจะพักบรรทมทรงสั่งเจ้ามัจฉาประหลาดที่โบยบินอยู่ว่า
"กายเจ้ามาคือลมอุ่นจากโอษฐ์เรา วิญญาณเจ้ามาจากความห่วงใยในมนุษย์ของเรา เราให้พรเจ้าให้ไม่มีภูตผีปีศาจตนใดทำอะไรเจ้าได้ เขาอันบริสุทธิ์ของเจ้าคือดาบที่ใช้ประหารเหล่าปีศาจร้าย ตลอดเวลาที่เราอยู่ในห้วงนิททราเจ้าจงเสาะหาเหล่าปีศาจอันมีอยู่ในโลกเถิด เจ้าจะชนะเหล่ามารด้วยความสนุกสนานเป็นสัญชาติญาณ"
ดังนั้น เมื่อใดที่องค์เทพนิทราPunishulaจะออกมาไล่ล่าเหล่ามารด้วยความสนุกสนาน จนมีคำกล่าวว่า"เมื่อบารามันหลับไหล ผู้ที่ฝันร้ายคือเหล่ามาร" เมื่อบารามันตื่นขึ้น ก็จะทรงสูดลมหายใจนำมัจฉาขาวกลับเข้าพระกายทิพย์
Angorion เทพราชสีห์แองโกริออน เป็นสัตวเทพ ที่มากับเมฆหมอก อาศัยอยู่บนคีรีบันดา ไม่เคยมีใครเคยสัมผัส มีแต่เพียงเคยเห็นเท่านั้น เพราะแองโกริออน จะปรากฎในม่านหมอกทึบ และหายไปในสายหมอกนั้น ยากที่ใครจะจับหรือหาเจอได้
เชื่อกันว่าแองโกริออน จะปรากฎกายเมื่อมีภัยอันตราย เหมือนเป็นการเตือนภัย และหากแองโกริออนส่งเสียงร้องออกมา แสดงว่าจะมีภัยธรรมชาติ แต่หากคำราม แสดงว่าจะเกิดเรื่องดีขึ้น
เมื่อครั้งก่อนที่ทัพซาโลมจะโจมตีฟูดีนัน มีข่าวลือหนาหูจากชาวบ้านที่ไปเก็บของป่าบนภูเขาว่า เห็นแองโกริออน ดังนั้นการเห็นโดยปราศจากเสียงใดๆ จึงเป็นการเตือนภัยนั่นเอง
Python มังกรเทพผู้พิทักษ์คีรีบันดาเทือกเขาคีรีบันดาที่ใหญ่โตและสลับซับซ้อน ยังเป็นที่อยู่ของมังกรสองหัวไพทอน มังกรสองหัวนี้ ตัวใหญ่โตแต่กินพืชหญ้าเป็นอาหาร ไม่เคยออกจากบริเวณหุบเขาเลย ไม่ทำร้ายสิ่งมีชีวิต
แต่มังกรไพทอนนี้ จะมีสัมผัสไวต่อสภาวะจิตของสิ่งมีชีวิต หากมีจิตที่ไร้พิษสงเช่นชาวบ้านที่เก็บฟืนหรือหาของป่า มันจะไม่ทำอะไร แต่หากมีจิตที่หวาดกลัววุ่นวายเช่นเวลามีภัยธรรมชาติ มันก็จะกดดันอึดอัด ส่งเสียร้องและกระสับกระส่าย
เมื่อคราวที่ทัพซาโลมยกมาประชิด ทันใดที่ทหารโห่ร้อง ไพทอนก็เริ่มหงุดหงิด เมื่อจิตเข่นฆ่านับแสนถูกปลุกเร้าเพื่อการรบ ไพทอนก็คลุ้มคลั่ง โจมตีใส่ทหารซาโลมจนแตกทัพไม่เป็นขบวน และเมื่อยิ่งทหารมีจิตสู้มันยิ่งโกรธ เมื่อทหารเริ่มหวาดกลัว มันก็ยังกระสับกระส่ายอาละวาด จนทัพซาโลมที่สู้กับมันถึง3วันสามคืนต้องถอยออกไปตั้งหลักไกลจากบริเวณเทือกเขา
เมื่อไร้จิตที่เป็นอกุศล ไพทอนจึงสงบลงได้
Harvest Spirit ภูตเก็บเกี่ยวว่ากันว่าต้นหมากรากไม้ใดที่มนุษย์ไม่ได้เก็บกิน ภูติเก็บเกี่ยวจะเป็นผู้เก็บเกี่ยวและทิ้งมันลงสู่พื้นดิน เพื่อให้เจริญงอกงามต่อไป
มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสาวชาวนาที่บิดาล้มป่วย เมื่อข้าวของเธอสุก เธอไม่มีเวลาที่จะเก็บเกี่ยวได้เพราะต้องดูแลพ่อ เธอเสียดายนักที่ปีนั้นผลผลิตดี แต่ข้าวมากมายกลับต้องปล่อยทิ้ง ให้นกกากิน และตกสู่พื้น เธอจึงขอร้องต่อภูติเก็บเกี่ยวให้รอเวลาที่พ่อเธอจะหายดี อย่าเพิ่งเกี่ยวข้าวของเธอลงพื้น
วันรุ่งขึ้นข้าวทั้งหมดกลับถูกเกี่ยวหมดทั่วท้องนา เธอตกใจร้องไห้ ได้มีชายคนหนุ่มคนหนึ่งถือเคียวรูปร่างประหลาด มาปลอบเธอและบอกว่า
ข้าวทั้งหมดของเธอเขาได้ช่วยเกี่ยวไว้ให้และได้เก็บไว้ในยุ้งฉางของเธอ เธอซาบซึ้งในน้ำใจชายหนุ่มนิรนาม จึงได้ทำอาหารเลี้ยงเขา และเมื่อเขาจากไป เธอได้พยายามไถ่ถามคนในหมู่บ้าน ก็ไม่มีใครเคยเห็นหรือเคยรู้จักชายคนนั้นเลย
ชาวฟูดินัน จึงมีประเพณี บูชาภูติเก็บเกี่ยว โดยจะช่วยเก็บเกี่ยวข้าวให้คนในหมู่บ้านที่ไม่มีคนงาน โดยเมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จ บ้านนั้นจะทำอาหารเลี้ยงผู้ที่มาช่วย และร้องเพลงรื่นเริงที่มีเนื้อหาเล่าถึงสาวชาวนาและภูติหนุ่ม
Undine เทพีสายน้ำแห่งทะเลสาปนีรันดาทะเลสาปนีรันดา เป็นอู่ข้าวอู่น้ำที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของชาวฟูดีนัน เชื่อกันว่าในทะเลสาปที่ใสบริสุทธิ์ เป็นที่สถิตย์ของเทพีแห่งสายชล
เมื่อคราวไฟไหม้ป่าฟูดินัน เทพีอันดีน ได้ทำให้น้ำไหลเอ่อล้นขึ้น และยังควบคุมให้กระแสน้ำไหลขึ้นทางเหนือเพื่อช่วยดับไฟด้วย
Megalasta ปลาวาฬกินเมฆเมกาลัสทา คือบริวารของเทพีเรนาผู้ควบคุมสายฝน ปลาวาฬยักษ์จะบินไปมาบนฟ้า ร้องคำรามเป็นเสียงครืนครัน เมื่อนั้นเมฆจะกลายเป็นฝน ขนาดของเมกาลัสทาไม่แน่นอน ถ้าตัวใหญ่จะเปลี่ยนเมฆได้ก้อนใหญ่ ถ้าตัวเล็ก จะเปลี่ยนได้แค่เมฆก้อนเล็ก
ชาวฟูดินัน มีพิธีบวงสรวงบูชาข้าวปลาอาหาร เพื่อให้เมกาลัสทาตัวโต จะได้มีฝนมาก
[/color]