เนริมอร์ได้ยินคำตอบที่เกินความคาดหมายของตนจนต้องหันไปมองอำมาตย์เฒ่าอย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจ ซึ่งนาริสก็ได้แต่ยิ้มและโค้งให้เป็นนัยว่าพระโอรสทรงเติบโตและเข็มแข็งขึ้นดั่งที่เขาบอกจริงๆ เนริมอร์ยิ้มกว้างและสวมกอดลูกแน่น
ลูกรัก ดูท่าเจ้าจะเข้มแข็งกว่าแม่แล้วด้วยซ้ำ นางเพ็งพิศใบหน้าของอิสฮาน สองมือลูบไล้พวงแก้มลูก เจ้าคือความภาคภูมิใจของแม่
เมื่อเด็กน้อยได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้าง หัวใจพองโตรู้สึกราวกับตัวโตขึ้นกว่าเดิม เมื่อลูกโตขึ้น ลูกจะเป็นคนปกป้องสมเด็จแม่เอง
เนริมอร์ หัวเราะอย่างเอ็นดู แม่เชื่อจ๊ะ แต่ตอนนี้องครักษ์ของแม่...เนื้อตัวเจ้าเหนียวเหนาะมอมแมมไปหมด ดูไม่ค่อยสมกับเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์เลย มา...เดี๋ยวแม่จะพาไปอาบน้ำแล้วเราค่อยทานมื้อเที่ยงกันดีไหมจ๊ะ
พ่ะย่ะค่ะ อิสฮานเกาะแขนแม่กึ่งเดินกึ่งกระโดดอย่างร่าเริงก่อนจะหันไปทางอำมาตย์เฒ่า พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องหนังสือนะ ท่านนาริส
พ่ะย่ะค่ะ นาริส ตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มองสองแม่ลูกจากไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู และเวทนาสงสารในโชคชะตาของทั้งคู่อยู่ในที
S
ภายในเขตที่อยู่อาศัยของเผ่าฟูดินัน พวกผู้ชายในเผ่าต่างช่วยกันสร้างศาลาแปดเหลี่ยมสำหรับเด็กๆ ศาลานี้เดิมทีเป็นศาลาที่มีไว้เพื่อกิจกรรมของเด็กๆทั้งเผ่า เด็กๆจะมาทำกิจกรรมร่วมกันที่นี่ในเวลากลางวันเมื่อบรรดาพ่อแม่ต้องออกไปทำงานในป่าในไร่ เด็กๆจะมารวมตัวกันที่นี่ทุกวันโดยจะมีเด็กสาวและผู้เฒ่าผู้แก่ในเผ่าช่วยกันดูแลซึ่งรวมถึงจะถ่ายทอดวิชาความรู้ต่างๆที่จำเป็นให้ด้วย ทว่าศาลาหลังเก่าหลังจากถูกโจมตีโดยฝูงมังกรไฟจนพังพินาศหมดก็ไม่ได้รับการก่อสร้างใด เพราะ กว่าจะสร้างที่อยู่อาศัยและสิ่งปลูกสร้างที่จำเป็นต่างๆเสร็จ เด็กๆก็ต้องมาชุมนุมกันในลานกว้างหน้าบ้านบันดาราแทนเป็นเวลาแรมเดือนเลยทีเดียว
นอกจากจะมีการละเล่นต่างๆให้เด็กๆแล้ว การเรียนการสอนของเผ่าฟูดินันนั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นการเรียนรู้วิถีชีวิตการดำรงชีพในป่า ไม่ว่าจะเป็นการปรุงยา หาสมุนไพร ล่าสัตว์ ทอเครื่องนุ่งห่ม การสัมผัสกับจิตธรรมชาติฯลฯ หมุนเวียนกันไปในแต่ละวันโดยผู้เฒ่าผู้แก่ที่เคารพนับถือในเผ่าที่มีเวลาว่างมาสอนให้ ในทุกๆวันวูจินจะเจียดเวลามาอยู่กับเด็กๆเพื่อสอนคุณธรรมและศีลธรรมให้แก่เด็กๆด้วย ซึ่งการเรียนรู้ด้านคุณธรรมนั้นวูจินจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษเลยทีเดียว จึงต้องมีการเรียนด้านคุณธรรมและศีลธรรมทุกเช้าของแต่ละวันแม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นานนักเมื่อเทียบกับการเรียนรู้ด้านอื่นๆ แต่ผู้เฒ่าก็คิดว่าการเรียนแบบค่อยๆซึมซับนั้นคงนานและฝังลึกอยู่ในจิตใจของเด็กๆได้มากกว่า
เมื่อสอนเด็กๆเสร็จเรียบร้อยวูจินก็มักจะเข้ามาดูการสร้างศาลาแปดเหลี่ยมเป็นประจำ และในวันนี้ก็อีกเช่นกันที่วูจินมาตรวจดูอาคารที่ก่อสร้างตามปกติ ก็ทันได้ยินเสียงหลานชายกำลังพยายามอธิบายอะไรบ้างอย่างแก่เหล่าช่างไม้ด้วยสีหน้าอ่อนใจ
... ทำไมพวกท่านถึงไม่ยอมเข้าใจว่าไม้พวกนี้มันอ่อนเกินไปที่จะใช้ทำคาน
ท่านฮารีซัน ไม้นี้หาง่ายที่สุดในป่าละแวกนี้แล้ว หลังจากโดนไฟเผาพวกต้นไม้ก็ถูกเผาเกือบหมด ไม้เนื้อแข็งก็ยังไม่โตเต็มที่ ที่ใช้ได้เราก็เอาไปสร้างบ้านหมดแล้ว ก็เหลือแต่ไม้พวกนี้แหละที่โตพอจะเอามาใช้ก่อสร้างได้ ชายที่ดูเหมือนหัวหน้างานกล่าว
ใช่ครับ ถ้าจะเอาไม้ที่เนื้อแข็งกว่านี้เราต้องเข้าไปในป่าลึก ซึ่งกว่าจะตัดกว่าจะขนย้ายมา มันลำบากมากนะท่าน ชายอีกคนหนึ่งกล่าวเสริม
แต่ว่ามันไม่ปลอดภัยสำหรับเด็กๆนะครับ ถ้าเด็กๆเข้ามาใช้ศาลาแล้วเกิดมันรับน้ำหนักไม่ไหวขึ้นมาล่ะฮารีซัน พยายามชี้ถึงเหตุผล
ไม่หรอก จะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นได้ยังไง เด็กๆตัวเบาจะตาย ชายคนแรกส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ
ใช่ๆ ไม่เห็นเคยมีเหตุการณ์อย่างนั้นมาก่อนในเผ่าของเราเลย ชายคนที่สองพยักหน้าสนับสนุน
วูจินส่ายหน้าน้อยๆเดินยิ้มเข้ามาหาคนทั้งสาม คุยอะไรกันอยู่รึ?
ท่านปู่ ท่านผู้เฒ่า คนทั้งสามกล่าวทัก โค้งคำนับผู้มาใหม่
เรากำลังคุยถึงเรื่องไม้พวกนี้ครับ ฮารีซันผายมือไปยังกองไม้ข้างๆ