Summoner Master Forum
November 27, 2024, 12:49:57 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: @@ นิยายSMN Chapter 25 เกลียวคลื่นใต้ผืนน้ำ @@  (Read 10173 times)
0 Members and 2 Guests are viewing this topic.
Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« on: April 02, 2004, 11:22:33 PM »

Chapter 25 เกลียวคลื่นใต้ผืนน้ำ

                             ภายในพระราชวังแห่งเมืองท่าแอนดิซอง เวลานี้ถูกตกแต่งประดับประดาอย่างวิจิตรตระการตา   ด้วยเพราะวันนี้มีงานเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า‘วันแห่งชัยชนะ’   ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นวันชาติของแอนดิซองเลยก็ว่าได้   เหตุที่ถูกเรียกว่าวันแห่งชัยชนะนั้นตามพงศาวดารเก่าแก่ของแอนดิซองได้กล่าวไว้ว่า   ในยุคเริ่มแรกนั้นบรรพบุรุษจำนวนหนึ่งของชาวแอนดิซองซึ่งเดิมทีเป็นชาวฟีเลเซียได้เดินทางอพยพออกจากแผ่นดินใหญ่ข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อสำรวจและตั้งรกรากในอาณาจักรแห่งใหม่   พวกเขาได้เดินทางมาถึงแอนดิซองดินแดนที่ความอบอุ่นและความหนาวเย็นผสมผสานกันอย่างลงตัว   ที่ซึ่งต้นไม้แล้วน้ำแข็งสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างประหลาดจนเกิดภูมิประเทศที่สวยงาม   ทั้งยังง่ายต่อการป้องกันภัยจากศัตรูผู้รุกรานอีกด้วย   บรรพบุรุษในยุคนั้นจึงตัดสินใจที่จะตั้งรกรากบนเกาะที่สวยงามแห่งนี้   ทว่าบนเกาะแห่งนี้กลับมีมังกรดำเทียแมต(Tiamat, the Black Dragon)อาศัยอยู่ และได้ออกอาละวาดบริเวณที่ตั้งบ้านเรือนของชาวแอนดิซองหลายครั้ง  เหล่าบรรพบุรุษจึงได้รวมกำลังกันต่อสู้กับมังกรร้ายอย่างกล้าหาญ   การต่อสู้กับมังกรดำนั้นกินเวลาหลายวันทีเดียว   จนในที่สุดมังกรร้ายเทียแมตก็สิ้นฤทธิ์และถูกบรรพบุรุษของชาวแอนดิซองสังหารได้สำเร็จ   ในครั้งนั้นชาวแอนดิซองจัดงานเฉลิมฉลองชัยชนะกันถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนและได้จัดงานฉลองในวันเดียวกันนี้ทุกๆปีจนกลายเป็นประเพณีจนถึงทุกวันนี้
                             ในปีนี้งานเฉลิมฉลองก็ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่ไม่แพ้ปีใดๆเลย   ไม่ว่าจะเป็นริ้วธงหลากสีสัน  ทั้งเพชรนิลจินดาที่ประดับตกแต่งตามที่สำคัญๆต่างๆในเมือง   ชาวแอนดิซองไม่ว่าจะร่ำรวยหรือยากจนต่างก็แต่งตัวกันด้วยชุดเสื้อผ้าที่ดีที่สุดของตนออกมาเดินตามท้องถนนเพื่อชมการแสดงมากมายที่จัดเป็นซุ้มๆตลอดทางเดินสายหลักของแอนดิซอง
                             แม้แต่ภายในพระราชวังเองก็คึกคักไม่แพ้กัน   เหล่าขุนนางและพ่อค้าวาณิชทั้งน้อยใหญ่ต่างก็ทยอยกันมาคำนับเจ้าหญิงอลาน่าและร่วมงานเลี้ยงที่จัดขึ้น   ทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยชุดสวยงามราคาแพงระยับที่สุดเท่าที่ตนจะหาได้  ผ้าคลุมกำมะหยี่ยาวกรุยกรายหลากสีประดับด้วยเพชร พลอย ทองและมุก  
                             ทว่า แม้ทุกคนจะตกแต่งประดับประดากันมากสักแค่ไหนก็ไม่มีใครโดดเด่นและเป็นที่สนใจเท่ากับรูฟัส ประธานสภาพ่อค้าแห่งแอนดิซองไปได้   ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะความหล่อเหลาหรือเพราะเครื่องประดับล้ำค่ามากมายที่เขาประเคนใส่จนเดินแทบไม่ไหวเพราะความหนัก   หากแต่เป็นเพราะความไร้รสนิยมโดยสิ้นเชิงของเขาที่นำเอาเครื่องประดับสารพัดชนิดมาประดับตัวโดยไม่คำนึงถึงชนิด ขนาด รูปทรง และสีสัน   กระนั้นก็ดี รูฟัสกลับดูพออกพอใจอยู่ไม่น้อยเมื่อเห็นว่าใครๆต่างก็สนอกสนใจมองดูการแต่งตัวของตนเช่นนี้
                             ไม่นานนักเสียงแตรก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณการเสด็จมาของเจ้าหญิงแห่งแอนดิซอง   ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังประตูทองคำที่มีเพชรสีขาวเรียงประดับเป็นรูปกริฟฟอนเผือก(Albino Gryphon)อันเป็นประตูเชื่อมเขตพระราชฐานชั้นในซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของท้องพระโรง   บานประตูค่อยๆเปิดออกช้าๆพร้อมกับการเสด็จมาของเจ้าหญิงผู้ทรงสิริโฉมงดงามยิ่ง   จากวันที่เธอมาถึงเมืองท่าในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนด้วยวัยเพียงสิบสี่ปี   มาในวันนี้แม้วันเวลาจะผ่านไปถึงเจ็ดปีแล้วก็ตามแต่ความงดงามดั่งหญิงสาวแรกรุ่นก็มิได้เลือนหายไปเลย   ใบหน้าหวานยังคงเรียวงาม พวงแก้มอมชมพูด้วยเลือดฝาดของวัยสาว ปากอิ่มเต็มสีแดงระเรื่อ   เธออยู่ในชุดยาวสีน้ำเงินเข้มคอปาดที่ช่วยขับผิวขาวให้เนียนผุดผ่อง   เธอแทบจะไม่ใส่เครื่องประดับใดๆเลยเว้นเสียแต่มงกุฎประจำตำแหน่งและสร้อยทองคำเส้นเล็กๆ   แต่ในท่ามกลางผู้คนที่แข่งกันตกแต่งประดับประดาด้วยเครื่องประดับนานาชนิดจนดูไม่ต่างกับตู้โชว์สินค้า   เจ้าหญิงที่ทรงแต่งองค์อย่างเรียบง่ายกลับดูโดดเด่นและงดงามยิ่งกว่าใครๆทั้งหมด   ทำเอาบรรดาพ่อค้าและเหล่าขุนนางต่างก็ต้องกระดากอายกันไปตามๆกัน  
                             ผู้ที่ตามเสด็จในลำดับต่อมาก็คือซิสเตอร์โรซาน่า  และราชองครักษ์อองเดรนั่นเอง   ซิสเตอร์โรซาน่าในชุดเครื่องแบบประจำคณะเดินอย่างสงบเสงี่ยมตามเสด็จเจ้าหญิงอยู่ไม่ห่าง   ในขณะที่ราชองครักษ์อองเดรอยู่ในชุดเกราะเต็มยศสีน้ำเงินเข้มขริบทองเงาวาว  ผ้าคลุมสีขาวผืนใหญ่พริ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดโบกยาวก้าวเดิน   เขายังคงซ้อนใบหน้าไว้หลังหน้ากากสีน้ำเงินเข้มที่เผยให้เห็นเพียงดวงตาที่เย็นชาและไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
« Last Edit: June 18, 2004, 09:49:10 PM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #1 on: April 02, 2004, 11:23:57 PM »

                          เมื่อเจ้าหญิงอลาน่าขึ้นประทับบนบัลลังก์พระที่นั่งแล้ว   บรรดาเชื้อพระวงศ์ ขุนนาง และพ่อค้าทั้งหลายต่างก็ทยอยกันเข้าคำนับเจ้าหญิง   โดยเริ่มจากเชื้อพระวงศ์ ขุนนางชั้นสูง และพ่อค้าใหญ่เรื่อยไปจนถึงระดับชั้นผู้น้อย
                          ครั้นเมื่อพิธีคำนับผ่านไปแล้ว   อลาน่าจึงให้สัญญาณเปิดงานเลี้ยงฉลอง   เสียงดนตรีก็ดังกระหึ่มขับกล่อมทุกคนในงานเลี้ยงอย่างไพเราะ   เหล่าบรรดาขุนนางและพ่อค้าต่างก็พาภริยาของตนออกเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน   ข้างฝ่ายเจ้าหญิงอลาน่านั้นก็เสด็จทักทายเหล่าเชื้อพระวงศ์และขุนนางทั้งหลายรอบๆห้อง   เธอเองนั้นไม่ค่อยชอบงานเลี้ยงประเภทนี้นัก   ด้วยเพราะรู้สึกว่ามันช่างเป็นการสิ้นเปลื้องเวลาไปกับการร้องเล่นเต้นรำและการดื่มกินอย่างราชาของพวกคนชั้นสูง   ทั้งๆที่ยังมีผู้ยากไร้อีกมากมายข้างนอกปราสาทที่ไม่มีเสื้อผ้าหนาไว้กันหนาว ไม่มีขนมปังสักก้อนไว้เต็มท้องให้อิ่ม   เจ้าหญิงชายตามองออกไปนอกหน้าต่างเป็นครั้งคราว   ความคิดที่นำมาซึ่งความเบิกบานให้กับเธอท่ามกลางงานเลี้ยงที่ฟุ่มเฟือยและมีแต่ความอวดร่ำอวดรวยนี้ก็คือ อีกประเดี๋ยวเธอก็จะมีอาหารที่เหลือมากมายพอจะแจกจ่ายให้แก่คนยากไร้ได้ทั้งเมือง
                          ระหว่างที่กำลังสนทนากับกลุ่มขุนนางอยู่นั้น   พ่อค้าใหญ่รูฟัสก็เดินตรงรี่เข้ามาหาเจ้าหญิงอลาน่าแม้ท่าทางของเขาเหมือนกำลังวิ่งอยู่แต่ดูเหมือนว่าเขากำลังย่องเข้ามาช้าๆเสียมากกว่า  ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะเขากลัวเครื่องประดับจะร่วงหรือเพราะความหนักของทั้งเครื่องประดับและตัวเขากันแน่   อองเดรรีบก้าวเข้ามาขวางระหว่างเจ้าหญิงและรูฟัสทันที   ทำเอารูฟัสนั้นผงะถอยไปด้วยความตกใจเมื่อเห็นองครักษ์ร่างกำยำก้าวเข้ามาขวางและมองเขาด้วยสายตาเย็นชาจนแทบจะหนาวไปถึงกระดูก  
                          “เจ้าจะมาขวางข้าทำไมกัน   ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเจ้าหญิงเสียหน่อย” รูฟัสกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจแต่ก็ไม่กล้าจะเสียงดังนัก  เพราะอองเดรนั้นนอกจากจะไม่หลีกทางให้แล้ว   เขายังคงยืนนิ่งและจ้องหน้ารูฟัสด้วยสายตากร้าวแข็งเย็นเยียบ
                          “สวัสดีจ๊ะ รูฟัส” อลาน่าก้าวออกมาจากกลุ่มขุนนางสามคนที่กำลังสนทนาด้วย จากทางเบื้องหลังของอองเดร   “อย่าถือสาเขาเลยนะจ๊ะ   เขาเพียงแต่ทำตามหน้าที่ของเขาเท่านั้นเอง   ท่านมีธุระอะไรกับฉันหรือจ๊ะ” อลาน่าเอ่ยถาม
                          “กระหม่อมมีเรื่องจะกราบทูลพระองค์พะย่ะค่ะ   คิดว่าพระองค์คงจะได้ยินแล้ว   เกี่ยวกับการที่กระหม่อมลดราคาสินค้าหลายชนิด   ขายในราคาเกือบเท่าทุนเพื่อชาวแอนดิซองผู้ยากไร้จะได้สามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น”  รูฟัสพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน  “กระหม่อมเห็นสิ่งที่พระองค์ได้กระทำต่อประชาชนชาวแอนดิซองโดยเฉพาะผู้ยากไร้แล้ว   กระหม่อมรู้สึกตื้นตันใจมากและทำให้กระหม่อมรู้สึกอยากจะทำเพื่อประชาชนบ้าง   กระหม่อมก็หวังว่าจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของพระองค์บ้าง” พอรูฟัสพูดจบก็ยิ้มจนแก้มใสเบ่ง ดวงตาทั้งสองเล็กหยี
อลาน่ายิ้มน้อยๆ “ฉันก็หวังเช่นนั้นจ๊ะ”
                          “โอ๊ะ...กระหม่อมต้องขอตัวก่อน   พอดีกระหม่อมมีธุระต้องหารือกับพ่อค้าฝ่ายใต้เสียหน่อย” รูฟัสรีบกล่าวทันทีเมื่อเหลือบไปเห็นพ่อค้าร่างท้วมเดินอยู่อีกฟากของท้องพระโรง   เขาโค้งอย่างยากลำบากให้เจ้าหญิง  ขุนนางทั้งสาม และซิสเตอร์โรซาน่า ก่อนจะเหลือบตาไปมองอองเดรอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นักก่อนจะเดินจากไป   ซึ่งอองเดรก็ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้านต่อปฏิกิริยาของพ่อค้าใหญ่แม้สักนิด
                          “เป็นไปได้รึ   พ่อค้าที่หน้าเลือดที่สุดในแอนดิซองยอมลดราคาสินค้าเพื่อประชาชน” ขุนนางคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
                          “เป็นไปได้หรือไม่  มันก็เป็นไปแล้ว   เขาลดราคาตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้ว” ขุนนางคนที่สองกล่าวสำทับ
                          “หรือว่าสิ่งที่พระองค์กระทำจะสามารถเปลี่ยนจิตใจของเขาได้จริงพะย่ะค่ะ?” ขุนนางคนที่สามผู้ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีกระทรวงพาณิชถามอลาน่า
« Last Edit: April 02, 2004, 11:34:19 PM by Little Angel » Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #2 on: April 02, 2004, 11:25:12 PM »

                          “ท่านเสนาบดี   ฉันได้ตรวจสอบรายการสินค้าทั้งหลายที่รูฟัสลดราคาแล้ว   ร้านค้าของรูฟัสเป็นร้านใหญ่มีขายของหลายอย่าง แต่เขาเลือกลดราคาแค่บางอย่าง และบางอย่างเหล่านั้น เป็นสินค้าที่มีพ่อค้ารายย่อยร้านเล็กร้านน้อย ตั้งอยู่ใกล้กับร้านสาขาต่างๆของเขา    ดังนั้นฉันคิดว่ารูฟัสมีเจตนาอื่นมากกว่าจ๊ะ   จากการที่ฉันวิเคราะห์ดู   รูฟัสจงใจตัดราคาสินค้าอย่างนี้ก็เพื่อเอาชนะคู่แข่งที่เป็นร้านค้าที่ขายสินค้าอย่างเดียวกับสินค้าที่เขาลดราคาพวกนั้น   เมื่อเป็นเช่นนี้ร้านของเขาจะอยู่ได้ เพราะมีกำไรจากสินค้าอื่นมาช่วย   แต่ร้านที่ขายสินค้าชนิดนั้นแค่อย่างเดียว   จะมีทางเลือกเพียงแค่การสูญเสียลูกค้าทั้งหมด หรือไม่ก็ต้องลดราคาเข้าแข่ง   นี่ไม่ต่างกับการที่คนที่มีอาวุธครบมือแถมเสื้อเกราะเต็มตัว เข้าสู้กับคนที่มีดาบเล็กๆอันเดียว เป็นการต่อสู้ที่ไร้ความยุติธรรมที่สุด”
                          “แต่ก็เป็นการดีมิใช่หรือพะย่ะค่ะ   ประชาชนก็ได้ซื้อสินค้าราคาถูกลง” ขุนนางคนแรกเอ่ย
                          “มันจะเป็นผลดีก็เฉพาะในระยะสั้นเท่านั้นจ๊ะ   แต่ในระยะยาวบรรดาร้านค้าที่อยู่ได้ด้วยการขายสินค้าชนิดนั้นเท่านั้น จะขาดทุนจนต้องปิดกิจการ   ส่วนที่รอดอยู่ได้ก็จะต้องหาทางออกด้วยการกดดันให้บรรดาผู้ผลิตส่งสินค้าให้ตนด้วยราคาที่ต่ำกว่าเดิม   สุดท้ายแล้วเคราะห์กรรมมันวนกลับไปตกที่ชาวบ้านยากจนที่เป็นผู้ผลิต   เป็นการกดขี่ชาวบ้านที่ลำบากอยู่แล้วให้ยิ่งลำบากยิ่งขึ้น   เขาทำงานหนักเหมือนเดิมแต่กับได้รายได้ที่น้อยกว่าเดิม   บรรดาชาวบ้าน ชาวไร่ ชาวนาต่างหากที่จะยากจนลงกว่าเดิม   ซ้ำร้ายหากพวกชาวบ้านไม่มีกำไรพอที่จะประกอบอาชีพล่ะ    พวกเขาก็ต้องไปกู้ยืมเงินเพื่อมาลงทุนใช่มั๊ยล่ะจ๊ะ   แล้วพวกท่านคิดว่าพวกชาวบ้านจะไปกู้เงินจากที่ไหนล่ะถ้าไม่ใช่จากบรรดาพ่อค้าผู้ร่ำรวย” เจ้าหญิงกล่าวด้วยน้ำเสียงสลดลง “และยิ่งไปกว่านั้น   ถ้าไม่มีคู่แข่งเหลือ   ฉันเชื่อว่าคราวนี้ พ่อค้าที่มีเหลืออยู่เพียงผู้เดียวจะเลิกลดราคาสินค้า   แล้วหันมาขึ้นราคาสินค้าอย่างไร ชาวบ้านก็คงไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ”
                          “ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถยิ่งนักที่สามารถมองแผนการร้ายของประธานสภาพ่อค้าออกอย่างแจ่มแจ้ง” ขุนนางคนที่สองกล่าวชื่นชม
                          “ถ้าเช่นนั้นพระองค์ประสงค์จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรพะย่ะค่ะ” เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์ถาม
                          “ฉันคงต้องรบกวนท่านเสนาบดีให้กว้านซื้อสินค้าที่รูฟัสลดราคาทั้งหมด    เขาลดราคาจนเกือบจะเท่าทุนคงใช้งบประมาณไม่มากนัก   จากนั้นก็นำออกจำหน่ายโดยตั้งราคากลางเอาไว้เพื่อพยุงราคาของทั้งตลาด”
                          “ทรงพระปรีชายิ่ง   กระหม่อมจะรีบไปดำเนินการทันที” เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์รับคำ
                          อลาน่ายิ้มพลางผงกศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงขอตัวก่อนจะออกเดินต่อ
                          “องค์หญิงเพคะ   ทุกวันหม่อมฉันเห็นองค์หญิงคลุกคลีอยู่แต่กับบรรดาซิสเตอร์และการช่วยผู้ยากไร้   ทรงกระทำทุกอย่างกลมกลืนจนดูเหมือนว่าทรงเป็นซิสเตอร์คนหนึ่งในคณะของหม่อมฉัน   แต่วันนี้หม่อมฉันกลับได้เห็นเจ้าหญิงผู้มากไปด้วยปรีชา วิสัยทัศน์ และความรู้ด้านการค้าขาย   หากพระองค์เป็นเจ้าหญิงแม่ค้าก็คงจะเป็นแม่ค้าที่ค้าขายได้เก่งกาจและร่ำรวยที่สุดในแอนดิซองแน่ๆ” ซิสเตอร์โรซาน่ายิ้มกล่าวด้วยความชื่นชม
                          เจ้าหญิงอลาน่ายิ้ม ดวงตาเป็นประกาย “ฉันปลื้มใจอย่างบอกไม่ถูกทีเดียวจ๊ะที่ซิสเตอร์เห็นฉันเป็นซิสเตอร์คนหนึ่ง   ดีใจมากกว่าการเป็นอย่างอื่นทั้งหมด”
                          “องค์หญิงเพคะ   ทรงรู้ตัวไหมว่าตรัสอะไรออกมา   แม้สิ่งนี้จะทำให้หม่อมฉันหัวใจพองโต   แต่การที่พระเจ้าจะทรงเรียกใครให้เป็นนักบวชนั้น ถือเป็นกระแสเรียกที่ศักดิ์สิทธิ์ และพิเศษยิ่ง”
                          “ซิสเตอร์เห็นว่าฉันไม่มีคุณสมบัติหรือจ๊ะ” สีหน้าของเจ้าหญิงเปลี่ยนไป ฉายแววกังวล
                          “มิได้เพคะ ดิฉันไม่เคยเห็นใครจะ ครบครัน ในความอ่อนโยน เมตตา และสุภาพ สมแก่การเป็นนักบวชเท่านี้มาก่อนในชีวิต   แต่ทรงลืมหรือไม่เพคะว่าทรงเป็นเจ้าหญิงแห่ง แอนดิซอง   ดังนั้น ถ้าพระเจ้าจะทรงเรียกเจ้าหญิงให้บวชเข้ามาถวายตนแด่พระองค์จริงๆแล้ว   นั่นหมายความว่าอุปสรรคมันจะยากเย็นและสาหัสกว่าที่หญิงชาวบ้านธรรมดาจะมาบวชมากมายมหาศาลทีเดียวเพคะ   เจ้าหญิงเองน่าจะทราบดีกว่าหม่อมฉันนะเพคะ”
                          เจ้าหญิงอลาน่านิ่งอึ้งไปเมื่อรู้สึกเหมือนถูกดึงกลับมายังโลกแห่งความจริงที่เธอมีสถานภาพที่ถูกบังคับให้เป็นอยู่แล้ว   นั่นคือการเป็นรัชทายาทแห่งแอนดิซองและเธอไม่มีสิทธิ์เลือกที่จะเป็นอย่างอื่นได้อีก   เมื่อคิดได้ดังนี้ ก็ทำให้เธอเจ็บปวดในจิตใจยิ่งนัก
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #3 on: April 02, 2004, 11:26:13 PM »

                       อีกฟากหนึ่งของห้องมีหญิงสาวสามนางกำลังจับจ้องดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหญิงแห่งแอนดิซองอยู่   ทั้งสามอยู่ในชุดหรูหราและมากมายด้วยเครื่องประดับราคาแพง   ซึ่งเธอทั้งสามนั้นก็ได้รับความสนใจจากผู้คนที่อยู่รอบข้างมิใช่น้อยเลยทีเดียวเป็นต้นพวกบรรดาขุนนางและพ่อค้าหนุ่มๆ   แม้แต่พวกที่มีภรรยาแล้วก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองดูพวกนาง   ทว่าความโดดเด่นนี้มิใช่เพราะด้วยเครื่องประดับสูงค่าที่พวกเธอสวมใส่อยู่   แต่กลับเป็นชุดเสื้อผ้าที่บางและคว้านลึกกว่าที่ควรจะเป็นของพวกเธอต่างหาก    โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวคนกลางผู้มีรูปร่างอวบอัด  ใบหน้างามเย้ายวน ริมฝีปากเต็มอิ่มของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อยราวกับเชิญชวนให้หนุ่มๆฝากรอยประทับจูบอยู่ตลอดเวลา   เธออยู่ในชุดสีน้ำเงินสดที่คว้านลึกกว่าและกระโปรงที่ผ่าสูงกว่า   เผยให้เห็นเนินอกอวบเนียนและปลีน่องขาวกลมกลึง   เธอเดินนวยนาดนำหญิงสาวอีกสองคนตรงไปทางเจ้าหญิงอลาน่าด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ
                       ด้วยการมองเพียงแค่หางตาราชองครักษ์หนุ่มก็หมุนตัวเข้ามาขวางทางระหว่างกลุ่มคนทั้งสามและเจ้าหญิงอลาน่าทันที   หญิงทั้งสามชะงักด้วยความตระหนก   แต่หญิงสาวคนกลางดูจะตั้งสติได้เร็วกว่า   เธอยิ้มหวานส่งสายตายั่วยวนให้องครักษ์หนุ่มก่อนจะเอื้อมมือเรียวเล็กแตะเบาๆที่แขนของชายหนุ่ม  
                       “ท่านคิดว่าข้าจะทำอะไรเจ้าพี่เหรอ   ข้าเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้นเอง   ไม่มีความจำเป็นเลยที่ท่านจะต้องระแวงข้า”  ริมฝีปากอวบอิ่มกระซิบเสียงออดอ้อน  เธอเบียดกายเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น
                       แม้หนุ่มๆที่อยู่บริเวณนั้นจะรู้สึกอิจฉาตาร้อนองครักษ์หนุ่มอยู่ไม่น้อย   แต่อองเดรก็ยังคงมีสีหน้าเย็นชาเมื่อมองหญิงสาวผู้มีรูปร่างเย้ายวนตรงหน้า  
                       “สวัสดีจ๊ะ วิโอเรีย” เจ้าหญิงอลาน่าเอ่ยทักทาย   พลันสายตาก็เหลือบเห็นการแต่งตัวของญาติผู้น้องจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน “เสื้อผ้าของน้องไม่สั้นและคว้านลึกเกินไปหรือจ๊ะ”
                       วิโอเรียหันไปหัวเราะร่วนกับเพื่อนสาวทั้งสองก่อนจะชายตามองเสื้อผ้าของอลาน่าบ้าง “เดี๋ยวนี้ใครเขาจะใส่ชุดเหมือนนางชีเชยๆกันเล่าเพคะ   หม่อมฉันแต่งแบบนี้มีแต่คนชอบทั้งนั้น   พวกผู้ชายต่างก็เข้ามาเอาอกเอาใจยกย่องเทินทูนหม่อมฉัน”
                       ซิสเตอร์โรซาน่า มองดูหญิงสาวทั้งสองผู้เป็นญาติสนิท สนทนากันก็อดพิจารณาไม่ได้ว่า วิโอเรียนั้น มีใบหน้าคล้ายเจ้าหญิงอลาน่าอยู่ไม่น้อย   หากแต่ว่าบุคลิกและกริยานั้นต่างกันราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ   ในขณะที่อลาน่าฉายแววอ่อนโยนอยู่เสมอ   แต่วิโอเรียกับมีท่าทียั่วยวนและเย่อหยิ่งอยู่ตลอดเวลา   แม้สิ่งนี้จะเป็นที่ต้องตาของบรรดาชายที่รักสนุก   แต่สำหรับซิสเตอร์โรซาน่าการเห็นคนที่หน้าตาคล้ายเจ้าหญิงอลาน่าที่เธอรักอย่างยิ่งอยู่ในชุดน้อยชิ้นและทำท่าทางยั่วยวนเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่เอามากๆทีเดียว   แต่เธอก็ได้แต่สงวนท่าทีนิ่งเงียบไว้
                       “พวกเขาก็เพียงแต่หลงรูปลักษณ์ภายนอกของน้องเท่านั้นเองนะจ๊ะ   น้องเองก็เป็นหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาสะสวยอยู่แล้ว   การแต่งตัวแบบนี้แทบจะไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ” อลาน่าสอนอย่างอ่อนโยน  
                       วิโอเรียขยับเรือนร่างในชุดที่เน้นสัดส่วนเข้ามาใกล้ ยิ้มอย่างดูถูก
                       “หึ หึ  เจ้าพี่พูดแบบนี้เพราะเจ้าพี่อิจฉาหม่อมฉันที่ชายหนุ่มทั้งหลายลุ่มหลงหม่อมฉันแทนที่จะเป็นเจ้าพี่ใช่มั๊ยเพคะ” วิโอเรียยิ้มร่าพูดอย่างมีชัยโดยมีเพื่อนสาวหัวเราะคิกคักอยู่หลัง
                       อองเดรก้าวเข้ามาขวางพลางจ้องเขม็งด้วยสายตาเย็นชาแข็งกร้าวจนหญิงสาวทั้งสามต้องเงียบเสียงลง  
                       “ไม่เป็นไรจ๊ะ อองเดร”
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #4 on: April 02, 2004, 11:27:11 PM »

                       ทันทีที่วิโอเรียได้ยินอลาน่าพูดเช่นนี้ก็รีบข่มความตื่นตระหนกพลางก้าวเข้าไปใกล้อองเดรจนตัวของเธอเบียดชิดกับเสื้อเกราะของเขา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวน “ท่านนี่ช่างเป็นห่วงเป็นใยปกป้องดูแลเจ้าพี่อย่างดีจนข้าอดอิจฉาเจ้าพี่ไม่ได้จริงๆ   หากวันใดข้าจะขอให้ท่านมาปกป้องดูแลข้าบ้างหวังว่าท่านคงจะยินดีช่วยเหลือข้า”
                       “ข้าขอปฎิเสธ!” อองเดรพูดเสียงห้วนก่อนจะหันไปทางอลาน่าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “เชิญเสด็จเถิดพะย่ะค่ะองค์หญิง”
                       “ไปก่อนนะจ๊ะวิโอเรีย    พี่ยังมีภารกิจต้องทำอีก” อลาน่ายิ้มให้ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับซิสเตอร์โรซาน่า   ขณะที่อองเดรก็ก้าวตามไปทันทีโดยที่ไม่เหลียวกลับมามองหญิงสาวทั้งสามอีก
                       “หนอย  ผู้ชายหน้าโง่!กล้าปฏิเสธข้า   คอยดูเถิด...สักวันเจ้าจะต้องมาสยบแทบเท้าข้า” วิโอเรียกล่าวเสียงสั่นเทิ้ม
                       “แหม วิโอเรีย   ผู้ชายตาต่ำตามก้นผู้หญิงจืดๆแบบพี่สาวเธอน่ะ ไม่เห็นจะน่าสนใจเลยนะจ๊ะ” หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มพูดเพื่อหวังประจบ
                       “น่าสนใจสิ   การชนะใจคนเย็นชาแบบนั้นได้น่ะ มันน่าสะใจดีออก   คอยดูนะฉันจะต้องชนะ   จะต้องได้ทุกอย่างของอลาน่ามาเป็นของฉัน” วิโอเรียกล่าว นัยน์ตาคู่งามแข็งกร้าว
                       “นี่ วิโอเรีย   อย่าเพิ่งอารมณ์เสียเลย   นู่นดูสิ!พวกผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างเสานั่นกำลังส่งสายตาให้เธออยู่แน่ะ” เพื่อนสาวชี้ชวนให้วิโอเรียดูกลุ่มขุนนางหนุ่มๆ
                       “ดูคนนั้นที่มองเธอจนตาเยิ้มสิล้อหล่อ   แถมชุดไหมที่เขาใส่น่ะ ราคาต้องแพงมากแน่ๆเลย” หญิงอีกคนเสริม  ดวงตาลุกวาว
                       เมื่อวิโอเรียได้เห็นดวงตาที่หลงใหลเธอของชายหนุ่มมากมายก็ลืมความขุ่นมัวเมื่อครู่ ส่งสายตาโปรยเสน่ห์ให้บรรดาชายผู้จ้องมองเธอ
                       “เราเข้าไปคุยกับพวกเขากันเถอะ” เพื่อนสาวคนแรกเอ่ยชวน ยิ้มร่าส่งสายตาให้หนุ่มๆ ก่อนที่ทั้งสามเดินนวยนาดเข้าไปหา
Logged


Little Lamb, the Little Angel
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 5087


Email
« Reply #5 on: December 19, 2004, 04:25:43 AM »

มาเม้าส์กันต่อที่นี่เลยค่ะ

http://www.smnforum.com/yabb/index.php?board=2;action=display;threadid=5557;start=0#lastPost
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.077 seconds with 21 queries.