Mission 02 หน้าที่ของนักรบ รวมร่าง Mansereg แห่งเพลิง
ในจักรวาลนี้เกิดขึ้นด้วยการซ้อนกันของมิติหลายๆมิติ และในแต่ละมิตินั้นก็จะมีโลกของแต่ละมิติอยู่
และในแต่ละโลกนั้นก็จะแตกย่อยลงไปสู่งสังคมที่เล็กกว่าลงไปเรื่อยๆ ในมิติที่เรียกว่า โลกเทอร่า
ราชอาณาจักรแห่งหนู เรโทเปีย ซึ่งรับสืบทอดเจตนารมณ์ ในการปกป้องมิติอื่นๆจาก ความชั่วร้าย
ที่เรียกว่า วอลซาร์ด (Walzard) เพื่อการนั้นเหล่า นักรบที่ได้รับการคัดสรรจึงเดินทางมายังมิติของโลกมนุษย์
และเข้าต่อสู้กับเหล่าอธรรม และปราบอธรรมที่ออกอาละวาดตัวแรกไปได้แล้ว แต่ทว่า..
“ ก็บอกว่าไม่ใช่แบบน้านนน ทำไมง่ายๆแค่นี้พวกเจ้าถึงได้เข้าใจกันยากนักหนา ห๊า~~ ”
เสียงตวาดบ่นใส่ เหล่าหนูหนุ่มสาว ทั้ง 3 ตัว จากปากของหนูเฒ่า ที่กำลังฝึกเหล่าหนู สามตัว
ซึ่งได้แก่ เจโอะ กัส และ อาคุ ให้ทำการแปลงร่างด้วยศิลามังกร ก้อนเล็กๆในมือ
“ เอ้า เริ่มใหม่ ทำแบบนี้ยื่นศิลาออกไปข้างหน้าด้วยมือขวา จากนั้นเอามือซ้าย
มาประกบที่ด้านล่างของศิลา แล้วถอยซองมือเข้ามาเก็บที่เอวซ้ายจากนั้นก็ ขับพลังในตัวทั้งหมด
ส่งไปยังศิลาแล้วพุ่งมันออกไป พร้อมกับพูดว่า ชูชูเฮนชิน(Chu chu Henshin) เอ้าลองซิ ”
หนูเฒ่ากล่าวพร้อมกับแสดงท่าทางให้ดู ก่อนจะหันไปข่มให้ทั้ง สามตัวทำตาม
ซึ่งพวกเค้าต่างก็แสดงสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นัก ยกเว้นแต่ เจโอะ ที่ยังคงหน้านิ่งตาตี่
ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเหมือนเดิม ทั้งสามเริ่มตั้วท่า ก่อนจะยื่นศิลาในมืออกไปข้างหน้าด้วยมือขวาโดยจับ
ที่ด้านบนของศิลาแล้วหงายศิลาลง จากนั้นจึงเอื้อมอีกมือไปจับที่ด้านล่างของศิลา เมื่อมือทั้งสองประกบศิลา
เข้าด้วยกันแล้วพวกเค้าก็ค่อยๆถอยมือกลับเข้าหาเอวซ้าย ก่อนจะออกแรงพุ่งมือทั้งสองข้างออกไป
อย่างเต็มแรงพร้อมกับตะโกนขึ้นมา
“ Chu Chu Henshin หวา~~ ”
สิ้นเสียงตะโกนที่ตามมาคือเสียง อุทานของทั้งสามตัวรวมไปถึงผู้เฒ่าด้วย
เพราะทั้งสามใส่แรงมากจนเกินไปทำให้ศิลาพุ่งกระเด็นหลุดออกไป แต่ว่า ชิน ก็กระโดดพุ่งเข้ามารับ ศิลา
ทั้ง3 ก้อนไว้ได้ทัน ทำให้หนูเฒ่าถอนหายใจด้วยความล่งอก ก่อนจะหันมาต่อว่าทั้งสาม
“ นี่พวกเจ้าหัดระวังกันหน่อยสิ ศิลาพวกนั้นเป็นของล้ำค่าของ ราชอาณาจักรเชียวนะถ้าเกิดเสียไปขึ้นมาจะทำยังไง ”
หนูเฒ่าเอ็ดใส่ ด้วยความโมโหขณะที่ทั้งสามได้แต่ก้มหน้ารับคำดูด่าจาก หนูเฒ่า
“ ขอโทษคร้าบ/ค่ะ ”
ใช่แล้วแม้จะปราบ อสูร เซอบูลรอส ได้ในครั้งที่แล้ว แต่ความจริงนักรบที่ถูกคัดสรรมานั้นกลับ
เกิดเรื่องสุดวิสัยเมื่อนักรบหนู 3 ใน 5 เกิดป่วยกระทันหันเพราะอาหารของ 3 หนูซึ่งเป็นคนครัวใหม่
ของโรงอาหารที่กำลังฝึกการแปลงร่างกันอยู่นี้ ซึ่งในวันเข้าเฝ้าเพื่อรับภารกิจนั้น
3 นักรบหนูตัวจริงได้ไปทานอาหารที่ หนูทำครัวทั้ง 3 เป็นผู้ปรุงและเกิดท้องเสียอย่างรุนแรงจน
ทำให้ไม่สามารถเข้าเฝ้าเพื่อรับ ภารกิจและออกเดินได้ในวันเดียวกับวันนั้น
พวกเค้าทั้ง 3 ตัวจึงต้องรับหน้าที่มาเป็นนักรบจำเป็น ปกป้องโลกจาก พวก วอลซาร์ด
ในฐานะของ Little Sentai Rato Ranger
………………….
……………………………
ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งมี อาคารเรียนด้วยกัน 5 หลังที่มีขนาดไล่เลี่ยกัน เชื่อมล้อม
สนามของโรงเรียนไว้ เป็นรูปตัว U ตัวอาคารเป็นแบบทรงยุโรปสมัยใหม่
มีนาฬิกาเรือนใหญ่ติดไว้ที่หน้าอาคารที่อยู่ตรงกลางด้านในสุด
นี่เป็นเวลาในช่วงเช้าที่บรรดานักเรียนพากันทยอยมาเข้าเรียน ตามปกติ
ห้อง 3 -A
ภายในห้องเรียนนี้ มีโต๊ะและเก้าอี้เรียนสำหรับนักเรียนทั้งหมด 42 คน โดยชายหญิงนั้นนั่งคละกันไป
เสียงพูดดังจอกแจกกันแต่หัววัน หลังจากที่ได้กลับ จากการเรียนการสอนในวันก่อนที่จะเป็นวันหยุดที่ผ่านมา
ทุกคนก็พากันล้อมวงคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาไปต่างๆนาๆ บางคนก็เล่าวันตัวเองเที่ยวที่ไหนมาบ้าง
บางคนก็กำลังเร่งมือทำการบ้านที่ไม่ได้ทำ บ้างก็ลืมบ้างก็ทำไม่ได้จึงเอามาช่วยกันขบกันคิดไป
นี่คือบรรยากาศในช่วงเช้าโดยรวมของ ชีวิตในรั้วโรงเรียนแห่งนี้
“ อรุณสวัสดิ์ทุกคน คุยอะไรกันอยู่เหรอ ”
ไทงะ ที่พึ่งเดินเข้ามาในห้องเรียนกล่าวทักทาย ไปยังกลุ่มเพื่อนชายหญิงที่กำลัง
นั่งล้อมวงคุยกันอย่างสนุกปาก เมื่อได้ยินคำถามของเค้า ทุกคนก็หันมาเป็นทิศเดียวกันก่อน
กล่าวขึ้นเป็นเสียงเดียวกันด้วย
“ เรื่องสัตว์ประหลาด ที่บุกเขตการค้าเมื่อวานน่ะ ”
ทั้งหมดกล่าวขึ้นแทบจะพร้อมกัน ขณะที่ ไทงะนั้นเกาหัวด้วยความฉงน
กับเรื่องที่พวกเค้าคุยกันเล็กน้อย
“ จริงสิจะว่าไปเมื่อวาน ไทงะบอกว่าออกไปซื้อของกับพี่สาว แถวย่านการค้านั้นด้วยนี่
แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า เกิดอะไรขึ้นบ้างเล่าให้ฟังหน่อยสิ ”
นักเรียนหญิง ผมสีดำยาวสลวย ในกลุ่มรีบลุกกระเสือกระสนเข้ามาจับมือทั้งสองข้างของ
ไทงะ พร้อมกับยิงคำถามเป็นชุดใส่เขา ขณะที่ตัวไทงะ เองก็ถึงกับชะงักเพราะเธอกำลังจับมือเค้าอยู่
“ จริงเหรอ!! ”
“ เล่าให้ฟังหน่อยสิ มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ ”
“ แล้วที่ว่ามีสัตว์ประหลาดน่ะจริงไหม ”
ไม่ทันไรเพื่อนฝูงก็แห่กันเข้ายิงคำถามใส่เค้าไม่หยุดไม่หย่อน ซึ่งตัวเค้าเองก็ตอบไม่ถูกเหมือนกัน
เพราะเหตุการณ์เมื่อวานที่ผ่านมานั้นเค้าเองนึกว่าฝัน ไปด้วยซ้ำจนเมื่อมีคำถามหนึ่งถูกถามขึ้นมาจาก
บรรดาเพื่อนฝูง
“ แล้วที่ว่ามีคนเห็นหนู พูดได้ 5 ตัวแปลงร่างออกมาจัดการพวกปีศาจนั่นล่ะเป็นความจริงด้วยรึเปล่า ”
เสียงที่ถามขึ้นอย่างราบเรียบดังขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะหันไปมองเป็นทางเดียวกันรวมทั้ง ไทงะ เองด้วย
“ วาตารุ(Wataru)!! ”
ไทงะ กล่าวเสียงดังขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจเมื่อได้เห็น เพื่อนนักเรียนชายผมเรียบสีบลอนด์
ซึ่งเป็นเจ้าของคำถามเมื่อครู่กำลัง แกะสลักท่อนไม้ในมือให้เป็นตุ๊กตาไม้อยู่
“ หนูพูดได้….นายพูดเรื่องอะไรน่ะ วาตารุ ที่ออกข่าวมาน่ะมีแค่ สัตว์ประหลาดอาละวาดอย่างเดียวเองนี่ ”
เพื่อนนักเรียนหญิงที่ยังคงจับมือของ ไทงะ เอาไว้หันไปถามด้วยความแปลกใจ
ก่อนที่เธอจะถูก ไทงะ สลัดมือ ออกอย่างสุภาพแล้วจึงแทรกตัวผ่านทุกคนออกไป เพื่อเข้าไปหา วาตารุ
“ วาตารุ นั่น…. ”
ไทงะ เอ่ยขึ้นความสนใจของเค้านั้นไม่ได้อยู่ที่คำถามของ วาตารุ แต่แรกแลเวหากแต่เป็น
ตุ๊กตาไม้แกะสลัก ที่ วาตารุ กำลังเอามีดแกะสลักมันอยู่ อย่างตั้งใจ
“ อ๋อ มิโนทอร์ นี่น่ะเหรอฉันเอาแบบที่นายทำใส่คอมพิวเตอร์ไว้มาลองแกะดูน่ะ….ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ ”
วาตารุ กล่าวพลางวางตุ๊กตาไม้แกะสลักลงบนโต๊ะเพื่อให้เค้าดู
มันเป็นรูปแกะสลักด้วยไม้ เป็นรูปของอมนุษย์ครึ่งวัว หรือ มิโนทอร์
[มิโนทอร์(Minotaur)
อมนุษย์ครึ่งวัวครึ่งคน ในตำนานมักถูกเล่าขานว่าเป็นผู้เฝ้าทางวงกต และคอย
จัดการกับผู้ที่หลงเข้ามาในทางวงกต มีตำนานนับร้อยที่กล่าวถึงมัน]
“ ไม่หรอกนี่มันยอดไปเลยล่ะ วาตารุคุง เนี่ยเก่งจังเลยนะ ”
ไทงะ กล่าวชมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่สายตานั้นจับจ้องอยู่ที่ตุ๊กตาไม้ ที่วางอยู่บนโต๊ะ
อย่างไม่วางตาเหมือนกับเด็กเห็นของเล่นไม่มีผิด ขณะที่ วาตารุ เองก็พลอยอดยิ้มด้วยความภูมิใจ
ไม่ได้
“ แหมทั้งสองคนเนี่ยคุยกันเพลินจนลืมพวกเราไปแล้วหรือไง ห๊า~~~ ”
เพือนนักเรียนหญิง ที่จับมือ ไทงะ ในตอนแรกแกล้งลากเสียงยาวๆเพื่อเรียกร้องความสนใจของทั้งสองที่
ดูจะเมินพวกเธอไปเลย เมื่อได้คุยกันถึงเรื่องของ โมเดลตุ๊กตาไม้เหล่านั้น
“ ม…ไม่เห็นต้องลากเสียงซะน่ากลัวขนาดนั้นก็ได้นะ มิโอะ(Mio) ”
ไทงะ กล่าวเสียงสั่นๆด้วยความหวาดเสียว กับรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากสายตาของ
เธอ ที่ราวกับจินเลือดกินเนื้อกันไปเลยทีเดียว แล้วุกคนก็ลืมเรื่องที่ วาตารุ ถามถึงก่อนหน้านี้ไป
โดยที่ตัว ไทงะ เองไม่ได้สังหรณ์ใจเลยว่า ในวันนั้นคนที่ได้พบเห็นเหล่า แรทโทเรนเจอร์
โดยตรงมีแค่เค้าเพียงคนเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นไม่น่าจะมีใครอื่นรู้เรื่องนี้ได้
…………………….
…………………………………
ยานไซเบอริก้า ดราก้อน
“ เฮ้อ~~~เหนื่อยจังเล้ย~~~ ”
กัส ลากเสียงด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะทิ้งตัวลงบน โซฟาขณะที่ เจโอะ นั้น
ก็ยังคงเอาแต่กินผลไม้ที่อยู่ในถาดบนโต๊ะรับแขก ภายในห้องนั่งเล่นแห่งนี้
อย่างเย็นใจ ส่วน อาคุ ก็ยังคงทำความสะอาดไปอย่างเรืงร่า แม้ผานการฝึกแปลงร่างที่แสนหนักหนามา แต่
เจ้าหนูสาวผู้ร่าเริงนี้ก็ยังสดใสอยู่ได้ทุกเมื่อ
“ เอ้าทุกๆคนเหนื่อยหน่อยนะ มากินเนยแข็งอบนี่กันก่อนสิ ”
ชิน เจ้าหนูหนุ่มขนสีขาว เดินเข้ามาพร้อมกับหอบเอาชามใส่เนยแข็งอบใบใหญ่ เข้ามา
วางที่โต๊ะในห้อง บรรดาหนูทั้งสาม ก็พากันดีใจอย่างเริงร่า ก่อนจะเข้ามารุมล้อมโต๊ะเพื่อหยิบ
เนยแข็งอบ ร้อนๆ ละลายหยาดเยิ้มเกาะเหนี่ยวกันเป็นก้อนซึ่งส่งกลิ่นหอมฉุย
มาเตะจมูกจนไม่ว่าหนูตัวไหนๆหากได้กลิ่นนี้ ล่ะก็ต้องน้ำลายสอเป็นแน่
“ ให้ตายสิ พวกเจ้าเนี่ยน้า แค่ฝึกแปลงร่างกว่าจะได้ก็หมดเข้าไปวันเต็มๆแล้ว
วิชาการต่อสู้ก็ยังไม่ได้เริ่มกันเลย เฮ้อ~~ ”
ผู้เฒ่าหนู เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับบ่นไปพลางถอนหายใจไปด้วยความ เหนื่อยหน่าย
ก่อนที่จมูกของผู้เฒ่า จะไปสะดุดเข้ากับกลิ่นเนยแข็งอบ ที่พวก หนูทั้ง 4 กำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย
ตัวหนูเฒ่าเองก็ไม่รอช้า รีบตรงดิ่งเข้าไปแทรก กลางวงเพื่อน
“ โอ้ เนยแข็งอบเรอะ ไม่ได้กินมานานแล้วนะเนี่ยไหนข้าขอลองก้อนสิ…อ้าว ”
หนูเฒ่า กล่าวด้วยอาการหลุดเต็มที่ ขณะที่สายตาก็สอดส่องดู เนยแข็งในชาม
แต่แล้วก็ต้องอุทานขึ้นมา เมื่อ เนยแข็งในชามนั้น หายหมดเรียบ ไม่เหลือแม้แต่
หยดของเนยที่ละลายออกมาเลย
“ น…นี่…กินกันหมดแล้วเรอะเนี่ย ”
หนูเฒ่า เปรยเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่อดกิน ขณะที่ค่อยๆหันมามองหน้าพวกหนูทั้ง 4 ตัว
“ เอ่อ…… ”
หนูทั้ง 4 ต่างเปรยขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่หนูเฒ่า จะโวยใส่เสีย ยกใหญ่อย่างหัวเสีย
ปิ๊บๆๆๆๆๆๆ
เสียงสัญญาณ ดังขึ้นจากลำโพงในห้อง ทำให้พวกเค้าทั้งหมดหยุดทำ กิจกันชั่วขณะ
“ ส..สัญญาณเตือน พวก วอลซาร์ด บุกแล้ว!! ”
หนูเฒ่า อุทานขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่ประตูห้องนั่งเล่นจะเปิดออกพร้อมกับที่ เฟอร์
เดินเข้ามาในห้อง
“ พวก วอลซาร์ด บุกโจมตีที่สวน สาธารณะ เตรียมตัวออกรบได้ ”
เฟอร์ หนูหนุ่มขนสีแดงผู้เป็นหัวหน้า ออกคำสั่ง น้ำเสียงเด็ดขาด
…………………..
……………………………..
แอ๊ดดดดดด
เสียงประตูคราดกับพื้นลากดังขึ้น ก่อนที่แสงจากหลอดไฟด้านนอกห้องจะสาดส่องเข้ามาในห้องที่มืดสนิท
เงาของเด็กหนุ่ม ผู้เปิดประตูได้เอือมเข้ามาแตะสวิทซ์ไฟที่ผนัง ก่อนที่หลอดไฟในห้องจะสว่างขึ้น
สภาพภายในห้องนั้น รกระเกะระกะ ไปด้วยชิ้นไม้แกะสลักมากมายที่วางอยู่เกลือนโต๊ะและพื้นห้อง
ที่กลางห้องนั้นมี โต๊ะซึ่งวางเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ เครื่องหนึ่งมันถูกเปิดทิ้งไว้ โดยปรากฏภาพ
โครงสร้างสามมิติของ มิโนทอร์ อยู่บนจอ เด็กหนุ่มปิดประตูก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่
โต๊ะหน้าเครื่อง แล้วเริ่มกดนิ้วลงไปบนแป้น พิมพ์ของคีย์บอร์ดที่อยู่ด้านหน้าจอมอนิเตอร์
“ คราวนี้คิดจะส่ง อะไรออกไปอีกล่ะ วาตารุ ”
เสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบดังขึ้น ก่อนที่เจ้าหนูน้อยขนสีดำ ดาร์คพิทแรท จะเดินออกมาจาก ลิ้นชักโต๊ะที่เปิดคาไว้
แล้วเดินขึ้นมาดูที่จอมอนิเตอร์
“ ฉันตั้งเวลาให้เครื่องส่งพวก อานูบิส วอริเออร์ ออกไปกันก่อนแล้วล่ะ เพราะต้องใช้เวลาเตรียม
เจ้านี่กันซักหน่อยคราวนี้ล่ะ เจ้าพวก หนู นั่นจะทำหน้ายังไงกันนะ อยากรู้ซะจริง ”
วาตารุ กล่าวจบก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะ ล้วงเอา ตุ๊กตาไม้ รูป มิโทอร์ ที่แกะสลักเสร็จ
แล้วขึ้นมา
“ แนวการออกแบบของนายเนี่ย…มันช่งยอดเยี่ยมจริงๆเลย ไทงะ
เพราะนายจะทำให้ผลงานชิ้นนี้กลายเป็นสุดยอดได้เลยเชียวล่ะ ”
วาตารุ กล่าวด้วยน้ำเสียงระรื่น ขณะที่เริ่มป้อนคำสั่งลงไปในเครื่อง อย่างรวดเร็ว
และเมื่อ เค้าหยุดมือลง ภาพโครงร่างสามมิติ ที่อยูในหน้าจอมอนิเตอร์ ก็
พุ่งออกมาเป็นเป็นลำแสงเข้าไปตีกรอบกันเป็นตารางครอบคลุม ตุ๊กตาไม้ ก่อนที่จะเกิด
ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นมา ตุ๊กตาไม้ได้หายไปแล้ว แต่กลับปรากฏร่างของ มิโนทอร์ ตัวเป็นๆ
ขึ้นมาที่ตรงหน้านั้นแทน ร่างของ อสูรอมนุษย์ครึ่งวัวครึ่งคนนี้มีร่างที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง
มันหายใจดังฝืดฝาดและร้อนระอุราวกับลาวาที่ครุกรุ่น ก่อนที่ร่างของมันจะสลายเป็นควันดำแล้วพุ่งออก
ไปข้างนอกผ่านทางหน้าต่าง้องที่เปิดทิ้งไว้
“ คราวนี้ใช้ วอลคานิคมิโนทอร์ งั้นเหรอ ”
ดาร์คพิทแรท เปรยขึ้น ขณะที่สายตาก็จับจ้องไปที่หน้าต่างที่เปิดคาไว้ ซึ่ง วอลคานิกมิโนทอร์ พึ่ง
จะใช้มันเป็นทางออก ไปอาละวาด
[วอลคานิคมิโนทอร์ (Volcanic Minotaur = มิโนทอร์ภูเขาไฟ):
อสูรผู้ถูกจองจำอยู่ในภูเขาไฟแห่งทะเลทรายมรณะ ในเขตราชอาณาจักรแห่งเพลิง ซาโลม(Zalom)
มันได้รับหน้าที่ให้เฝ้าทางเข้าไปสู่ห้องแห่งสมบัติของ ภูเขาไฟอุณหภูมิในร่างกายของมันนั้นสูงจนทำให้เกิด
ไอร้อนระบายออกมาจากร่างกายได้ และบางครั้งจะพุ่งออกมาเป็นเปลวไฟ ท่าพิฆาตคือ Burning Horn
ซึ่งจะเขาโง้งยาวและลุกโชนด้วยเปลวเพลิงของมัน ขวิดศัตรูจนพินาศสิ้น]
“ นายก็คิดว่ามันยอดไปเลยใช่ไหมล่ะ ดาร์คา(Darka) ”
วาตารุ กล่าวก่อนจะเอ่ยชื่อของ เจ้าหนูขึ้นมา
ขณะที่มันส่งสายตาขวางๆมามองด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
…………………..
……………………………………….