Tag 04 Y Cross Over พิชิตศึกรักสามเส้า
ความเดิมในตอนที่แล้ว: ระหว่างการปะทะกับ Dark Elite4 โยไร เรกกะ และ ยารุย ทั้ง3 ต่างเสียเปรียบ
ในการต่อสู้ที่ระดับพลังของอีกฝ่ายนั้น เหนือชั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานหลังการปรากฏตัวของ ลอว์เรนซ์
บุรุษผู้รับสืบทอดพลังแห่งอัศวินมังกรทาลิวิลย่า เมื่อครั้งอดีตกาลกว่า 200 ปีที่แล้ว
ลอว์เรนซ์เคยข้ามกาลเวลามาช่วย เรกกะ ใน การปฏิวัติเมื่อ 22 ปีก่อน ทว่าในการกลับมาครั้งนี้
เค้ากลับถูกพลังด้านมืดเข้าครอบงำ และเข้าจู่โจมใส่ พวก โยไร จนเกือบจะจัดการได้อยู่แล้ว ทว่า
ผู้ที่เข้ามาขวางระหว่างการต่อสู้คือ เด็กหนุ่มปริศนาสองคนผู้อ้างตัวว่ามาจาก อีกโลกและ
ได้ใช้พลังประหลาด หยุดยั้งการต่อสู้เอาไว้พร้อมกับ พาตัวโยไร ไปยังโลก ใหม่
โลกแห่งความเป็นจริง ที่นั่นพวกเค้าได้พบกับ ผู้แต่ง Fic ที่สร้างเค้าขึ้น เกรม่อน
เด็กหนุ่มผู้ที่สร้างสรรค์พวกเค้าขึ้นมาบัด นี้ดวงชะตากำลังจะโคจรมาพบกัน.....
หอสมุดอนุสรณ์10ปี มหาลัย เกษตรศาสตร์ศรีราชา
ภายในห้องสำหรับบริการ คอมพิวเตอร์ซึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ ตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะทั่วห้อง
ซึ่งภายในห้อง บัดนี้ มีเด็กหนุ่ม 3 คนโดยที่คนหนึ่งมีอายุประมาณ 19 ปี ซึ่งแก่กว่า
ธนัท และ โยไร ถึง 4 ปีด้วยกัน
“ ตกลง ที่นี่คือ โลกที่เรียกว่าโลกแห่งความเป็นจริงงั้นเหรอ ”
โยไร เปรยขึ้นหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด จากปากของ ธนัท
“ ถูกต้องก็ตามนั้นล่ะ ที่นี่คือโลกที่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเหนือคำบรรยาย ตรรกะทางความเชื่อ
ของทุกคนจะขึ้นอยู่กับการพิสูจน์และวิจัย ผ่านทางวิธีการทางวิทยาศาสตร์เพราะ
ฉะนั้นอย่าเที่ยวไปพูดเรื่องเวทมนต์ สัตว์ประหลาดหรือมังกรเข้าซะล่ะ ”
ธนัท กล่าวเรียบๆอย่างไม่ร้อนรนขณะที่ เกรม่อน เด็กหนุ่มผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในโลกนี้กลับดู
จะมีท่าทีตกใจมากกว่าพวกเค้าเสียอีก
“ นี่เดี๋ยวสิ เรื่องนั้นน่ะช่างมันก่อนเถอะว่าแต่พวกนายน่ะมันเกิดจาก
จินตนาการของฉันไม่ใช่หรือไงแล้วอยู่ๆมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ไงกัน ”
เกรม่อน กล่าวท่าทียังคงแสดงออกถึงความสับสนและรนราน ต่อการมาของพวกเค้า
“ ก็แหมจะอธิบายยังไงดีล่ะ เอาเป็นว่า ล่าสุดนายกำลังดู การ์ตูนเรื่องอะไรอยู่เป็นหลักล่ะ ”
ธนัท ถามขึ้น ขณะที่ เกรม่อน ก็นั่งคิดถึงคำถามที่ ธนัท ถามมาพลางยกนิ้วขึ้นมานับไล่ไปเรื่อยๆ
“ เอ...ก็มี Nanoha Striker S, Code Geass R2, Samurai Sentai Shinkenger,
Gundam 00 ภาค2 แล้วก็ Kamen Rider Decadeเอ๊ะเดี๋ยวสิแล้วนี่นายจะถามไปทำไมเนี่ย ”
เกรม่อน นับไปเรื่อยๆตามจำนวนเรื่องที่ตนนึกออก ก่อนจะเอะใจสงสัยว่า ทำไม ธนัท จะต้องถามแบบนี้ด้วย
“ ก็นั่นล่ะ เรื่องล่าสุดที่นายดู คือ Decade ใช่ไหมล่ะ นั่นล่ะ คือสาเหตุที่ฉันข้ามมาโลกนี้ได้ ”
ธนัท กล่าวตอบ ขณะที่ เกรม่อน กับ โยไร ยัง งงๆกับคำตอบของเค้า อยู่ดี
“ เอาล่ะเรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะที่สำคัญ น่ะ คือตอนนี้นายกำลังกลุ้มใจอยู่ใช่มั้ยล่ะ ”
ธนัท กล่าวยกเรื่องอื่นขึ้นมาโดยเลี่ยงที่จะตอบ คำถามในเรื่องการมาของพวกเค้า
“ ก...ก็ใช่อยู่หรอกแต่ว่านะ.. ”
เกรม่อน ตอบอย่างลังเลขณะที่ ธนัท เดินเข้ามาตบบ่าเค้าเบาๆพร้อมส่งสายตาอย่างมี
หวังให้แก่เค้า แต่มันกลับทำให้เค้ารู้สึกสะอิดสะเอียนแปลกๆ
“ เราก็มาช่วยเรื่องรักสามเส้าของนายไงล่ะ ”
ธนัท กล่าวจบ ลูกตาของ เกรม่อน ก็แทบจะทะลักออกมาจากเบ้าทันที พร้อมกับสีหน้า
ผงะด้วยความแปลกใจสุดขีด
“ อ...เอ่อ ฉันว่าอย่าดีกว่านะ ”
เกรม่อน รีบ ปฏิเสธ ทันทีเมื่อ ธนัท เอ่ยปากจะช่วยในเรื่องของเค้า ขณะที่
โยไร นั้นยังคงสับสนกับ สถานการณ์ในตอนนี้ที่ไม่รู้ต้นรู้ปลายใดๆเลย
“ เอาน่าที่สำคัญฉันมีเรื่องที่จะบอกอีกอย่างด้วย ถึงต้องลำบากถ่อมาถึงนี่ไง ”
ธนัท กล่าวขึ้นแต่ยังไม่ทันจะอธิบายต่อ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาขัดจังหวะการสนทนาของพวกเค้า
“ เกรม่อนคุงงงงง!! ”
เด็กสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันเกรม่อน ตะโกนขึ้นมาพร้อมกับวิ่งตรงเข้ามาที่ประตูห้อง
“ หวา ซวยแล้ว ฉันขอตัวก่อนล่ะ!! ”
เกรม่อน กล่าวจบก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงต่อ รีบสาวเท้าโกยแนบเปิดประตูห้องวิ่งสวนเธอหนีไปทันที
“ สงสัยจะอาการหนักกว่าที่คิดนะเนี่ย ”
ธนัท เปรยขณะที่ทอดสายตามองทั้งสองวิ่งไล่กันออกจากห้องสมุดไป ขณะที่ โยไร
ก็ อดสงสัยไม่ได้ว่า พวกเค้าทำอะไรกันอยู่
…………………
…………………………
ภายในวิทยาเขต
อาณาบริเวณ ที่ครอบคลุมไปทั่วตั้งแต่เชิงเขา ไปจนถึง ตัวอาคารนับสิบหลังที่ตั้งเป็นบล็อกต่างๆ
เชื่อมกันด้วย ถนนหนทางที่ทอดยาวเป็นเหมือนท่อลำเลียง ที่คอยส่งน้ำไปหล่อเลี้ยง
แต่ละอาคารจะมีขนาดและลักษณะแตกต่าง กันโดยมีเอกลักษณ์ตามลักษณะการใช้งานของตึก
เช่นอาคารพละ ก็จะมีขนาดกว้างและ ภายในโอ่โถง เพื่อให้รองรับ จำนวนนักศึกษาที่จะเข้ามา
ใช้ทำกิจกรรมได้เพียงพอ
หรือ อาคารโรงอาหาร ที่มีบรรยากาศร่มรื่น เพื่อให้นักศึกษาที่มารับประทานอาหาร รู้สึก
อิ่มเอมกับบรรยากาศแบบธรรมชาติ (นี่มันรีสอร์ท หรือวิทยาลัยเขตกันแน่หว่าจนถึงตอนนี้ก็ยัง งง)
โรงอาหาร (บรรยายตั้งนาน สุดท้ายมาจบที่โรงอาหาร)
“ สรุปแล้ว เพราะ ธนัท เข้าไปช่วย โยไร จากโลกแห่ง วายครอส
แล้วก็เทคโอเวอร์หลุดมานี่เนี่ยนะ ”
เกรม่อน ทวนเรื่องราวทั้งหมดที่ฟังจากปากของธนัท อีกครั้งด้วยความที่ไม่อยากจะเชื่อหู
ของตนที่ได้ยินสิ่งที่ ธนัท อธิบายมา
“ อืม ก็ประมาณนั้นล่ะแต่ที่สำคัญกว่าอื่นใดมาวางแผน แก้ไขปัญหาหัวใจนายก่อนดีกว่าม้าง ”
ธนัท กล่าวพลางหยิบ แผ่นมันฝรั่งทอดในห่อที่วางอยู่บน โต๊ะเข้าปากอย่างสบายใจ
ด้าน โยไร ก็ยังคงตื่นเต้นกับสภาพรอบตัวที่แปลกตา กว่าที่เค้าเคยเห็น
ดีไซน์ของอาคารและ สภาพแวดล้อมของ โลกแห่งนี้ไม่เหมือนกับ โลกของเค้า
ทั้งลักษณะชีวิตประจำวัน ความเชื่อ
เผ่าพันธุ์ การเรียนรู้ประวัติศาสตร์ต่างๆ ทุกสิ่งนั้นล้วนดูแปลกใหม่ไปหมดสำหรับเค้า
“ นี่ โยไร ดูนายระสับระส่ายมาตั้งแต่เมื่อกี้ แล้วมีอะไรรึเปล่า ”
เกรม่อน หันมาถามเค้าด้วยความเป็นห่วง ซึ่งเค้าก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“ ม….ไม่ใช่หรอกนะ แค่รู้สึกว่า…ที่นี่มันแปลกๆน่ะ ”
โยไร กล่าวตอบแบบเก็บน้ำเสียง ด้วยว่าเค้ายังไม่รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ซักเท่าใดนัก
เค้าจึงพยายามระวังการพูดการจาเอาไว้เป็นพิเศษ
“ งั้นเหรอหืม… แปปนะ มีโทรศัพท์มาน่ะ ”
เกรม่อน กล่าวจบก็ เอามือล้วงลงไปในกระเป๋าก่อนจะควักเอา โทรศัพท์มือถือที่มีหน้าตาประหลาด
กว่าแบบที่ในโลกของเค้ามีใช้ มันเป็นเครื่องทรงสี่เหลี่ยม ที่มีปุ่มกดน้อยปุ่ม
ซึ่งมีอยู่เพียงสามปุ่มด้านข้างเครื่องเท่านั้น พื้นที่เหลือด้านหน้านั้นเป็นจอภาพทั้งหมด
ที่หัวเครื่องมีแท่งที่คล้ายกับจะเป็นเสาสัญญาณทว่า เกรม่อน กลับชักมันออกมา
ซึ่งกลายเป็นว่ามันคือแท่งพลาสติกที่มีลักษณะคล้ายดินสอแทน
ก่อนที่จะนำเอาแท่งนั้นมา จิ้มลงไปบนหน้าจอซึ่ง ภาพบนจอก็ดูเหมือนจะตอบรับกับการ
แตะแท่งนั่นลงไปในแต่ล่ะครั้ง
“ ฮัลโหล ”
เกรม่อน กล่าวใส่โทรศัพท์ ก่อนที่จะมีเสียงดังตอบกลับมา
“ เกรม่อน จริงเปล่าที่ว่า ตอนนี้แกตกบ่วงรักสามเส้าอยู่น่ะ ”
เสียงนั้นดังกลับมาก้องจนออกมาจาก โทรศัพท์ที่แนบกับหูของ เกรม่อน
ซะจน โต๊ะข้างๆหันมามอง ซึ่งเกรม่อน ต้องรีบหลบหน้าด้วยความอายทันที
“ นี่พูดเบาๆก็ได้ แล้วไปรู้มาจากไหนเนี่ย ”
เกรม่อนกระซิบพลางเอา แท่งพลาสติก จิ้มลงไปบนจอเครื่องอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนเป็นเบา
เสียงการสนทนาลง
“ หุๆๆ ไม่งั้นมีหรือเค้าจะเรียกเดี๊ยนว่า การุรุม่อนเจ้าแม่ข่าวลือจมูกไวปานสุนัขน่ะ ”
เสียงนั้นตอบกลับมา อย่างเย่อหยิ่งซึ้งก็ทำเอาเค้ารู้สึกปวดหัวกับ กริยาของอีกฝ่าย
ระหว่างที่ เกรม่อน กำลังสนทนากับผู้ที่ติดต่อเข้ามา ธนัท ที่เกิดอยากรู้ว่า เกรม่อน
กำลังคุยเรื่องอะไรขึ้น จึงยก จี้ห้อยคอของตนขึ้นมา
“ คอรัส แฮคสัญญาณมาหน่อยสิ ฉันอยากรู้ว่าพวกเค้าพูดอะไรกันอยู่ ”
ธนัท กล่าวกับ จี้ห้อยคอของเค้า ก่อนที่มันจะตอบกลับมา
/always…..Linking Access….Process Complete/(ตลอดเลยนะ…
ทำการเชื่อมต่อ…การทำการเรียบร้อย)
เสียงของ จี้ห้อยคอกังวานขึ้นจบ บทสนทนาที่ เกรม่อน พูดกับ ผู้ที่โทรเข้ามาหาเค้าก็ดังขึ้นมาทันที
“ เอางี้นะถ้าแกกลุ้มใจอยู่ล่ะก็ ฉันจะให้แกปรึกษาพี่ ปิโย ดูก็แล้วกัน ”
สิ้นคำ การุรม่อน ก็โอนสายไปให้อีกสาย โดยที่ไม่ฟังคำตอบของ เกรม่อนก่อนเลย
“ ไงจ้า น้อง เกรม่อนคุง คนดีของพี่ อยู่ที่นั่นเบื่อไหมเอ่ย ได้ยินว่า ไข้หวัด 2009 ระบาดหนักเลยนี่ ”
เสียงหวานใสของหญิงสาวดังขึ้นมาแทน
“ ก็ไม่ค่อpน่าเบื่อหรอกคร้าบ แต่มีเรื่องเข้ามาทุกวันแบบนี้ก็ชักอยากจะเบื่อๆบ้างแล้วล่ะ
ส่วนหวัด 2009 ตอนนี้มีคนในsec เรียน เป็นหวัดกว่าร้อยคนแล้วล่ะพี่ แต่คิดว่า
ไม่น่าจะเป็น 2009 หรอกมั้ง ว่าแต่พี่จะชวนผมคุยเรื่องอะไรกันเนี่ย ”
เกรม่อน ตอบกลับไปเรื่อยๆ ก่อนจะดึงเรื่องกลับเข้าสู่หัวข้อของการสนทนาในครั้งนี้
“ อ๋อใช่ๆ การุรุม่อน เล่าให้พี่ฟังแล้วล่ะ น้องกำลังตกบ่วงรักสามเส้าอยู่ใช่เปล่า
ว่าแต่เป็นยังไงมั่งล่ะ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว กำลังจะถึงไคลแมกซ์ยังเอ่ย
มีการตบตีแย่งชิงกันหรือยังใครบอกรักใครก่อน เล่ามาเลยพี่เตรียมอัดเสียงไว้แล้ว ”
เสียงตอบกลับของ ปิโยม่อนนั้น ดูสนอกสนใจออกนอกหน้าเหมือนเห็นปัญหาของเค้า
เป็นเรื่องเล่นเสียมากกว่า
“ นี่พี่ตั้งใจจะมาช่วยผมจริงรึเปล่าเนี่ย ”
“ อะก็จริงสิจ้า ”
“ แต่ดูเหมือนะพี่จะสนุกมากเลยนะ ”
“ แหมทำไมล่ะ ทุกทีพี่ก็เป็นคนสนุกอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วนี่ ”
“ เอ่องั้นผมต้องเล่าเรื่องให้ฟังใหม่หมดไหมเนี่ย ”
“ อันนั้นไม่ต้องหรอกจ้า การุรุม่อน เค้าเล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว ”
“ ถ้างั้นยิ่งต้องเล่าใหม่เลย ที่เจ้านั่นพูดไปมีเติมสีใส่ไข่แน่ชัวร์ ”
หลังจากบทสนทนาที่ผ่านมา เกรม่อน จึงเริ่มต้นเล่าปัญหาของตน ใหม่อีกครั้ง
……………………….
“ เรื่องก็เป็นอย่างที่ว่ามานี่ล่ะเพราะงั้น…. ”
หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว เกรม่อน ก็รวบรวมแรงใจทั้งหมดเท่าที่มีพูด
ในสิ่งที่ตนเองไม่เคยคิดว่าจะได้พูดออกมาเลย
“ พี่ ปิโยม่อนคร้าบช่วยผมทีสิคร้าบ ”
เกรม่อน กล่าวออกไปอย่างเต็มปากเต็มคำ โดยที่สีหน้ายังแสดงอาการรับไม่ได้อยู่
“ แหม เกรม่อนคุง ไม่เห็นต้องร้อนตัวไปเลยก็ได้นี่ ใครๆก็ต้องเคยผ่านคำว่าครั้งแรกมากันทั้งนั้นล่ะ
ที่จริงพี่เองยังแอบอิจฉาเลยนะที่น้องตกบ่วงรักสามเส้าได้เนี่ย ”
ปิโยม่อน กล่าวเสียงใส ขณะที่ เกรม่อน แทบจะโต้กลับไปทันควันเมื่อเห็นว่า พี่สาวของตนไม่
เห็นค่าของแรงใจที่เค้ารวบรวมเพื่อพูดออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว
“ แล้วตกลงนี่พี่จะช่วยผมไหมเนี่ย นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะ ”
เกรม่อน กล่าวสุดเสียงด้วย โทสะที่เริ่มจะปะทุขึ้นมานิดๆแล้ว
“ อ๊ะ ตายจริง พี่ต้องไปแล้วล่ะ ผลเป็นไงมั่งอย่าลืมมาเล่าให้ฟังกันนะ ”
สิ้นคำ ปิโยม่อน ก็ตัดสายไปทันที
“ เดี๋ยวสิ พี่ปิโยม่อน พี่ พี่ ”
เกรม่อน ตะคอกใส่ โทรศัพท์ อย่างร้อนรนแต่ว่าก็ไม่ทันที่จะห้าม
การวางสายของ ปิโยม่อน ไปได้ ขณะที่เค้าพึ่งจะรู้สึกตัวว่า เสียงของ
เค้ามันย้อนก้องออกมาดังกว่าปกติ จนเมื่อหันกลับไปยังทิศ ของเสียงก็เห็นว่า เสียงของเค้ามันดังออกมาจาก
จี้ห้อยคอของ ธนัท นั่นเอง
“ นี่นายเอา Note นั่นมา แฮค สัญญาณฉันงั้นเหรอ ”
เกรม่อน กล่าวน้ำเสียงเดือดดาล ขณะที่ ธนัท กับ โยไร ถึงกับสะดุ้ง
ซึ่ง ธนัท แทบจะปิดการทำงานของ คอรัส แทบไม่ทัน
“ สงสัยไม่ดีแล้วมั้งเนี่ย ฉันว่าเราชิ่งก่อนดีกว่า ”
ธนัท กล่าวจบ ก็จูงมือ โยไร ลากหนีไปทันที ปล่อยให้ เกรม่อน ยืนหัวเสียอยู่ตรงนั้น
………………..
…………………….
“ นี่ เอ่อ คุณ… ”
โยไร เปรยขึ้นขณะที่พยายามจะเรียก ธนัท
“ ธนัท อ้อแล้วก็ไม่ต้องมี “คุณ” ด้วยนะที่โลกของฉันมีหมอนั่นเรียกว่าคุณติดปากอยู่คนเดียวก็พอแล้ว ”
ธนัท แทรกขึ้นมา ก่อนที่ โยไร จะทันได้กล่าวต่อ
“ ธนัท นายพอจะบอกเหตุผลให้ผมฟังโดยละเอียดได้ไหม ว่าทำไมถึงได้พาผมมาที่นี่
แล้วยังพลังประหลาดนั่นอีก ”
โยไร กล่าวพลางจ้องไปที่ จี้ห้อยคอของเค้า ที่ใช้แฮค สัญญาณ โทรศัพท์ของเกรม่อนไป
“ อ๋อ เรื่องนั้นน่ะเหรอ เอาไงดีล่ะงั้น ฉันจะแนะนำตัวเองก่อนก็แล้วกัน
อ้อเรื่องของนายไม่ต้องบอกฉันหรอกนะ เพราะฉัน รู้มาหมดแล้วล่ะ ”
ธนัท กล่าว ขณะที่ ล้มตัวลงนั่งบนเนินทุ่งหญ้าที่ ยกตัวเป็นลูกคลื่น
ในทุ่งที่ห่างออไป จากส่วนของ วิทยาเขต ไม่ไกลนัก
“ งั้นเริ่มจากเจ้านี่ก่อนเลย ชื่อของมันคือ คอรัส คนในโลกของฉันเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า
Note เป็นอุปกรณ์ ที่มีการใส่ชุดคำสั่งโต้ตอบแบบผนึกมนตรา
ลงไปทำให้พวกมันเหมือนมีชีวิตสามารถพูดคุยโต้ตอบ และ
รับรู้ความรู้สึกของ ผู้คนได้ ” /All right/(ตามนั้นล่ะ)
ธนัท อธิบายขณะที่ คอรัส เองก็ตอบรับขึ้นมาด้วย ทำให้ โยไร รู้สึกแปลกใจมากขึ้นไปอีก
“ แล้วก็ Note นี่น่ะเมื่อ เปลี่ยนเป็นโหมด Duel ก็จะมีรูปร่างเป็นปลอกแขนแบบนี้ ”
ธนัท กล่าวจบ คอรัส จี้ห้อยคอของ ธนัท ก็เรืองแสงขึ้นก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นเกราะ
ปลอกแขนเข้ามาประกบ กับแขน ซ้ายของเค้า
“ ในโหมดนี้ มันจะทำให้ฉันใช้พลังของ การ์ดพวกนี้ได้ ที่โลก
ของฉันเรียกมันว่า การ์ดซัมมอนเนอร์ ที่จริงที่โลกแห่งความเป็นจริงนี่ก็มีเหมือนกัน
แต่ไม่ได้มีพลังขนาดที่จะเอาใช้ ทำอะไรแบบที่นายเห็นได้หรอก
เพราะที่นี่มันก็เป็นแค่เกมอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง ”
ธนัท อธิบาย จบก็ล้มตัวลงนอน แผ่หลาอย่างสบายอกสบายใจ
“ นายเนี่ยเป็นคนอารมณ์ดีจังเลยนะ ”
โยไร เปรยออกมาจากท่าทีที่ ธนัท แสดงให้เค้าเห็น
“ ก็ประมาณนั้นล่ะ เพราะ เกรม่อน เขียนให้ฉันเป็นแบบนี้นี่ อ้อจริงสิเกือบลืม
ไปเลยเรื่องที่ฉันมาพานายมาที่นี่น่ะ… ”
ธนัท กล่าวขึ้นพลางเด้งตัวกลับขึ้นมา แต่ทว่าก่อนที่จะทันเล่าเรื่องต่างๆ กลับมี
ปีศาจ สิบกว่าตนล้อมพวกเค้าเอาไว้โดยไม่รู้ตัว
ร่างของพวกมัน เป็นสีเทาซีด มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีโหนกและเขาแหลม
ร่างกายเป็นเนื้อไม้ที่ตายแล้ว
บริเวณนิ้วเท้านั้นเป็นรากไม้ ที่ยืดยาวออกมาราวกับกรงเล็บ
“ เหวอ…ป….ปีศาจพวกนี้มัน ”
โยไร อุทานขึ้นด้วยความผวา ขณะที่ ธนัท ดึงเอาไพ่ออกจาก ช่องเสียบสำรับ ออกมา ใบ 1
“ ชิ…เจตภูตรากไม้ต้องคำสาป (Cursed Root Wraith) นี่พวกมันปรากฏตัวขึ้นในโลกจริง
ได้แล้วงั้น เหรองั้นก็หมายความว่าเจ้านั่นกำลังเคลื่อนไหวอยู่สินะ ต้องรีบแล้ว ”
ธนัท สบถก่อนจะ ร่ายการ์ดในมือ ออกไป การ์ดที่โยนออกไปนั้น กลายเป็นร่างของ
มังกรซาลามันเดอร่า ที่มีขนาดตัวและปีกใหญ่กว่าปกติทั่วไป (Salamandera, the Fire Dragon)
“ เผาไอ้พวกรากไม้นี่ให้ราบไปเลย ราชันย์มังกรอัคคีซาลามันเดอร่า ”
สิ้นคำของ ธนัท ซาลามันเดอร่า ก็พ่นเพลิงออกมากวาดเผาร่างของ
พวกมันจนวอดวายไปหมดในคราเดียว ทว่า กลับเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับร่างของ ธนัทเช่นกัน
เพราะร่างของเค้าค่อยๆจางลงไปเรื่อยๆทุกขณะ
“ ธนัท ร่างของนายมัน.. ”
โยไร อุทานขณะที่สายตาก็จับจ้องไปที่ร่างซึ่งกำลังจะเรือนหายไปของ ธนัท
“ แย่ล่ะ เพราะมัวแต่ชักช้าเวลาในการ ข้ามมิติหมดแล้วงั้นเหรอเนี่ย ฟังนะ โยไร
นายต้องหาคำตอบของนายคำตอบในการต่อสู้ของนาย แล้วก็ช่วย เกรม่อน
หาคำตอบให้กับหัวใจของเค้าด้วย นี่คือสาเหตุที่ฉันพานายมาที่นี่ ถ้านายไม่รีบล่ะก็
เวลาของนายก็จะหมดลงเหมือนกัน ถึงตอนนั้น เจ้า พระจ้านั่นก็จะ….. ”
ธนัท ยังไม่ทันจบร่างของเค้า ก็หายไปก่อนเสียแล้ว
“ ธนัท…ธนัท…ถ้าผมทำไม่สำเร็จแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ”
โยไร เปรยขณะที่ เหม่อมอง ไปรอบๆตอนนี้ เหลือเพียงตัวเค้าคนเดียว
ไม่มีคนที่จะคอยแนะนำแนวทางใดๆให้อีกแล้ว
“ ถ้ายังไงเราไปสมทบกับ เกรม่อน ก่อนดีกว่า เพราะยังไงเค้าก็น่าจะช่วยเราได้
แล้วอีกอย่าง ถ้า ธนัท ยังหายไปแบบนี้ ที่โลกเดิมของเรา จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ ”
โยไร คิดก่อนจะออกวิ่งเพื่อกลับไปตามหาตัว เกรม่อน
……………….
………………..
……………………..
“ เกรม่อน…. ”
โยไร ตะโกนเรียกหา จนเมื่อเค้ามาถึง ข้างมุมของอาคารแห่งหนึ่ง เค้าก็เงียบเสียงไปเพราะ
เห็นเกรม่อน กับ เด็กสาวที่มาตามเค้าที่ห้องสมุดเมื่อกลางวันและ เด็กหนุ่ม
กำลังมีปากเสียงกัน โยไร ยืนมองดูอยู่ห่างๆ จากมุมนี้ เค้าได้ยินเสียงที่ตะคอกใส่หากันดังขึ้น
สองสามประโยค จากนั้น เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงนั้นก็ ซัดหน้า เกรม่อน จนล้มผับลงไป
ก่อนจะมีปากเสียงกันอยู่อีกพักหนึ่ง เด็กหนุ่มกับเด็กสาว ที่มาตามเค้าในห้องสมุดเมื่อกลางวัน
จึงเดินจากออกไป โดยมีเด็กหนุ่ม เป็นฝ่ายจูงมือลาก เด็กสาวไปขณะที่ เธอยังคงร้องไห้ เสียใจอยู่
เมื่อเห็นว่า คนอื่นไปกันหมดแล้ว โยไร จึงวิ่งเข้าไปช่วยพยุงร่างของ เกรม่อน ขึ้นมา
“ เป็น อะไรมากรึเปล่า เมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ ”
โยไร กล่าวถามด้วยความสงสัยขณะที่ช่วยพยุงให้ เกรม่อน ลุกขึ้น
“ อูยยย....ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ ตอนนี้เรื่องของ ฉันเคลียแล้ว เหลือแค่พวกนายเท่านั้นล่ะ
คิดจะทำอะไรต่อไปอีกล่ะ ”
เกรม่อน กล่าวถามขณะที่เอามือกุมริมฝีปากที่ ห้อเลือดจากการถูกซัดเมื่อครู่
“ เอ่อคือ เรื่องนั้น.......ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องทำยังไง ธนัท
เองก็หายตัวไปแล้วด้วยตอนนี้มีแต่นายเท่านั้นที่ผม....จะพึ่งพาได้... ”
โยไร กล่าวด้วยท่าทีที่ลังเล ตอนนี้เค้าไม่รู้ว่า เกรม่อน จะยอมช่วยเค้าหรือไม่
“ นายจะกลับใช่ไหมล่ะ.... ”
เกรม่อน เปรยขึ้น ก่อนที่ โยไร จะหันมามองด้วยความสนใจ
“ ที่จริงแล้ว ฉันเองก็เคยคิดเอาไว้เล่นๆใน หัวครั้งหนึ่งนะ ว่าถ้าพวกนาย ข้ามมิติมาได้ก็คงดี
แล้วมันก็เป็นจริง และถ้าเป็นที่อย่างที่ฉันคิดล่ะก็ จากที่ ธนัท เล่าให้ฟังว่าใช้พลังของ การ์ดพานายมา
อีกเดี๋ยวเวลาก็คงหมดแล้วนายก็จะถูกส่งกลับไปเอง ”
เกรม่อน กล่าวขณะที่ โยไร เมื่อได้ฟัง คำพูดของ เกรม่อนแล้ว ก็รู้สึกมีหวังขึ้นมา
ขณะที่ เกรม่อน จ้องมองการตอบกลับของเค้าอยู่ก่อนจะ ถอนหายใจออกมา
“ ถ้านายเอาแต่หนีความรู้สึกจริงๆของตัวเองไปเรื่อยๆแบบนี้ นายก็ไม่มีทางจะก้าวต่อไปได้หรอก ”
เกรม่อน เปรยออกมาด้วยน้ำเสียง เหนื่อยหน่าย เหมือนกับไม่พอใจกับ ทีท่าของ โยไร ก่อนจะเดิน
จากไปโดยไม่เหลียวกลับมา ทิ้งให้ โยไร ยืนมองเค้าด้วยความสงสัยกับคำพูดที่เค้าทิ้งไว้ให้
“ ตอนนี้ ที่โลกของเรา ทุกคนจะเป็นอะไรกันรึเปล่านะ คุณ เรกกะ
เองยังสู้พวกมันไม่ได้เลย ยารุย เองก็....จริงสิ ยารุย เป็นผู้ใช้พลังของ Yin Cross
ถ้าเรากลับไป....ถ้าจัดการกับพวกนั้นได้แล้ว ต่อไปเราจะทำยังไงดีล่ะ....เรากับ ยารุย ก็ต้องเป็น
ศัตรูกันน่ะสิ ....แล้วก็ถ้ากลับไปเราก็ต้องกลับไปสู้อีกงั้นเหรอ....... ”
โยไร คิดขณะที่ เดินไปตามท้องถนนในยามราตรีนี้ ก่อนจะหยุดเดินลง เพราะความคิดใน
หัวที่เริ่มจะขัดแย้งกันเอง แม้ใจหนึ่งจะอยากกลับไปที่โลกของเค้าเพื่อช่วยเหลือทุกคนแต่
หากเค้ากลับไป ก็จะต้องต่อสู้อีก ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ตัวเค้าเกลียดที่สุด และยังอาจจะต้องเป็นศัตรู
กับเพื่อน อย่าง ยารุย อีกก็เป็นได้ท่ามกลางความสับสน ในใจของเค้าตอนนี้มันทำให้เค้าตัดสินใจ
ไม่ถูกว่าควรจะกลับไปดีหรือไม่
“ พวกคุณทำให้เราผิดหวังแค่ไหน!!! ”
“ ตบลงไปสิตักน่ะ มันเจ็บนักเหรอแค่เนี้ยน่ะ นี่น่ะเหรอ ระเบียบเชียร์ที่เราสอนพวกคุณน่ะ ”
“ ไม่ได้เรื่องเลย พวกคุณเคยฟังเราบ้างไหม!! ”
เสียงตะคอกที่บันดาลออกมาด้วย โทสะ ดังก้องขึ้นมาระหว่างที่ โยไร กำลัง คิดเกี่ยวกับปัญหาในใจของเค้า
ด้วยความสงสัย เค้าจึงพยายามตามหาที่มาของเสียง เค้า ค่อยเดินเลาะไปตามทางลาด
ที่เชื่อมลงไปยังถนนชั้นล่าง ก่อนจะ แหวกแนวพุ่มไม้ที่อยู่ตรงข้างทางออกเพื่อจะยื่นหน้าเข้า