Tag 02 โอเระ ทันโจว พระเอกมาแล้ว Return
หากแสงสว่างและความมืดคือพี่น้องกัน แล้วความดีกับความชั่วนั้น อะไรที่จะใช้เป็นตัวตัดสิน
หากเลือกความถูกต้องก็จะต้องเปิดเผยและเดินไปแสงสว่าง แต่หากหนทางที่มีอยู่มีแค่เพียงความมืดนั้นล่ะ
จะเลือกทางใด................
..............................
.......................................
ทวีป เมอริเซีย มหานคร เมกกะโทโปลิส(Meggatopolis) หลังการ ก่อตั้ง 18 ปี
มหานครที่ยิ่งใหญ่และก้าวล้ำทาง นวัตกรรมมากที่สุด ในทวีป เมอริเซีย ซึ่งตั้งอยู่
ใจกลางทวีป ระหว่างช่องรอยต่อของเขตแดน ซาโลม(Zalom) และ ฟีเลเซีย(Felasia)
โดยมี มิราบิลิส อยู่ในเขตการปกครองย่อย มหานครนี้เป็นสหราชอาณาจักรที่มิได้เป็นของใครผู้ใด
ผู้หนึ่งไม่ หากแต่เป็น นครกลางที่ ทุกอาณาจักรในเมอริเซีย ทั้งหมดช่วยกันบริหาร
เพราะมหานครนี้ ถูกจัดตั้ง ขึ้นเพื่อการติดต่อกับ ดินแดนในทวีปอื่นๆ
เนื่องจากในอดีต เมอริเซีย ที่ค่อนข้างจะปิดกั้นจากภาย นอกไม่เคยได้รู้ถึงข่าวสารภายนอกทวีปมากนัก
ทำให้ เมอริเซีย เคยถูกรุกรานจาก อาณานิคม นอกทวีปจน ล่มสลายไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนี้
อาณาจักรทั้ง 5 ของเมอริเซีย ซาโลม ฟีเลเซีย แอนดิซอง ฟูดินัน และ มิราบิลิส
ทั้งหมดได้ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่พร้อมกับการก่อตั้ง มหานคร เมกกะโทโปลิส ขึ้นเพื่อใช้เป็น
สถานติดต่อกลางของทั้งทวีป เป็นการป้องกันปัญหาสงครามภายในและนอกทวีป
โดยจะใช้การลงมติร่วมกันของ แต่ละอาณาจักรในการที่จะรับหรือยื่นเรื่องเข้าออกนอกทวีป
เพื่อให้เกิดความเป็นกลาง ในช่วง 18 ปีที่ผ่านมานี้ เมอริเซีย จึงกลายเป็น ทวีปกลางของ เทอร่า ไปในทันที
โดยอยู่ภายใต้ องค์สภาสูงของ เมกกะโทโปลิส ที่ปกครอง โดย มหารานี เซน่า ไฮเดย์(Zena Highday)
อาคารองค์สภา สูงสุด แห่งเมกกะโทโปลิส
ภายในโถง ประชุมใหญ่ที่ประดับตกแต่งแบบเรียบง่ายสบายตา ที่ใจกลางมีเพียง โต๊ะประชุมยาว
ที่รายล้อม ไป ด้วยเก้าอี้ โดยที่ ตรงหัวโต๊ะประชุมนั้น หญิงวัยกลางคนอยู่
ในชุดกระโปรงเครื่องแบบ สีชมพู เธอไว้ผม สั้นสีทอง และแซ่กปลายผมไปไว้ที่ข้างหู ที่ด้านหลัง
ของเธอ มีชายในชุดสวมหน้าในชุดสีดำ สวมผ้าพันคอสีดำ และหมวกเหล็กสีดำ ปิดหน้าด้วย ผ้าปิดปาก
ที่อยู่ตรงคอเสื้อ ยืนมองดูเธออยู่ห่างๆ
“ ตามความเห็นของพวกเราแล้ว ”
“ ทางเราควรรับข้อเสนอของ รัลเซรุส เพราะฝ่ายโน้น เค้าเป็นขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่มาก ”
“ ถึงจะต้องเข้าร่วมกับสงครามก็ตาม แต่ต่อให้หลีกหนีต่อไปซักวันสงครามก็จะต้องมาเยือน
เมอริเซีย อีกเป็นแน่ ในตอนนี้เราควรจะรับข้อเสนอของ รัลเซรุส ”
“ ถ้าได้กำลังของ รัลเซรุส มาพวกเราก็ไม่ต้องกลัวกับ สงครามที่อาจเกิดขึ้นอีก ”
เสียงที่ก้องอยู่ในหัวของ นางตอนนี้มันทำให้นางเกิดความสับสน และลังเล อยู่เต็มหัวใจ
“ พวกตระกูล รัลเซรุส เป็นหนึ่งในสมาชิกของ องค์กรระหว่างประเทศที่มีขุมอำนาจมากที่สุดในตอนนี้
...แล้วก็ยังทำสงครามกับ อาณานิคมอื่นๆ ที่แข็งข้อ กับตัวเอง ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ ซักวันอาณานิคมทั้งหมดใน
เมอริเซีย ก็ไม่พ้นต้องทำสงครามด้วยอยู่ดี ”
ชายสวมหน้ากาก กล่าวขึ้น
“ แต่ถ้าเราไม่ทำ เมอริเซีย ก็จะต้องเกิดความสูญเสียเพราะสงคราม และอาจจะหนักหนากว่าที่ ผ่านๆมา
แต่ถ้าเรา เอาตัวรอดโดยการเข้าร่วมตามข้อเสนอของ รัลเซรุส นั่นก็เท่ากับเราทอดทิ้งอุดมการณ์ของตัวเอง
และทอดทิ้ง ผู้คนอีกมาก ที่ต้อง ร่วมรบในสงครามที่ไม่เป็นธรรมนี้ ”
นาง เปรยขณะที่หลับตาลงเพื่อใช้ความคิดตริตรองอย่างหนัก กับการตัดสินใจที่สำคัญยิ่งนี้
“ ถ้าหากเรา ปฏิเสธเค้าไป เมอริเซีย นี่ล่ะจะเป็นที่แรกที่พวก มันจะใช้เป็นตัวอย่างของการ
แข็งข้อต่ออำนาจของพวกมัน เซน่า ท่านจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ.. ”
ชายสวมหน้ากากกล่าว ก่อนจะกุมหมวกของตนแล้วค่อยๆถอดมันออก
“ ถึงจะต้องทิ้งอุดมการณ์ยังไง แต่ฉันก็ทอดทิ้งผู้คนของเราไปไม่ได้หรอก ”
เซน่า กล่าวด้วยน้ำเสียง ที่สั่นเครือราวกับจะร้องไห้ ออกมา
“ งั้นพิธีอภิเษกสมรส ในวันพรุ่งนี้ กับ ยูน่า รัลเซรุส ท่านก็จะรับข้อเสนองั้นสิ ”
ชายสวมหน้ากากกล่าว พลางเดินเข้ามาวาง หมวกหน้ากากลง บนโต๊ะ
“ เฟนท์ ถอดหมวกทำไมน่ะ ถ้าเกิดใครมาเห็นว่าเธอคือ Dragoon ก็ได้เป็นเรื่องใหญ่กันพอดี ”
เซน่า กล่าวอย่างรนราน ขณะที่ ชายสวนหน้ากาซึ่งถอดหมวกหน้ากากที่สวม เผยใบหน้าภายใต้หน้ากาก
ขึ้นมาเค้าเป็น เด็กหนุ่มผมสีดำ หูทั้งสองข้างเป็น หูของสุนัขป่า
“ ไม่เป็นไร..ถ้าเป็นตอนนี้พวก ผู้แทนคนอื่นกลับไปหมดแล้ว ถ้าจะมีก็พวก Valkyrier ด้วยกันนี่แหละ ”
เฟนท์ กล่าวขณะที่ ชักเก้าอี้ออกมานั่ง
“ ที่จริง เรื่องที่จะต้องแต่งงานกับ ยูน่า เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองน่ะ ฉัน.... ”
เซ่นา เปรยขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ ในความคิดของตัวเธอที่ตอนนี้สับสนไปหมดแล้ว
“ เฟนท์ นี่ฉันทำถูกแล้วรึเปล่า… ”
เซน่า กล่าวถามขณะที่ เฟนท์ กลับรวบมือของเธอมากุมเอาไว้เพื่อให้ความมั่นใจกับเธอ
“ ท่านเซน่า จากนี้ไปมันอาจจะเจ็บปวดสำหรับท่าน แต่ผมกับ Valkyrier คนอื่นๆจะคอยดูแลที่นี่เอง ”
เฟนท์ กล่าวขณะที่ ขอบตาของ เซน่า นั้นปริ่มด้วยน้ำตา เฟนท์ จึงโอบเธอเข้ามาเพื่อปลอบโยน
จิตใจที่สับสนของเธอ
..............................
..........................................
..........................................................
St. Magnus Academy เวลาพักกลางวัน
“ นี่จะต้องตามมารังควานผม ถึงที่โรงเรียน เลยหรือไง ”
โยไร ตะคอกใส่ หน้า R2 อาจารย์คนใหม่ ที่มาประจำชั้นเรียนของเค้าตั้งแต่วันนี้
เป็นต้นไป อย่างไม่พอใจ ขณะที่ R2 ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ฟังเค้าพล่ามบ่น อยู่ในห้องเรียน
ที่ไม่มีนักเรียนคนอื่นอยู่ในห้องแล้ว นอกจากเค้า กับ ยารุย และเธอกับ ลูกมังกรขาวที่ชื่อ แมกกี้
ซึ่งเป็นลูกมังกรที่มีขนาดปีกใหญ่กว่าตัวมาก และยังสามารถพูดภาษามนุษย์รู้เรื่องได้อีก
ลักษณะของมันนั้นเหมือนกับ ลูกมังกรที่St.Magnus
เคยเก็บมาเลี้ยงเอาไว้(St. Magnus' Baby Drgon)
“ เปล่านี่ ฉันก็แค่มาหางานทำ อีกอย่าง เรกกะ ก็อนุญาตแล้วด้วย ”
R2 เปรยเสียงเรียบ ขณะที่ หันไปมอง ยารุย ที่นั่งจ้องพวกเค้าอยู่ห่างๆ
“ สองคนนั่นคุยอะไรกันอยู่ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย แล้วอีกอย่าง....ยัยอาจารย์ใหม่นั่นทำไมถึงเอาแต่จ้องมาที่ฉันนะ ”
ยารุย คิดขณะที่ตีหน้าเซ็งๆไปเรื่อยเหมือนทุกครั้ง
“ ถ....ถึงจะเป็นคุณ เรกกะ ก็เถอะ แต่ยังไงผมก็ไม่ยอมให้มา จูงจมูกไปทำเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด
ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่อยากใช้ Freedom อีกแล้วน่ะ ”
โยไร พยายามจะยัดเยียดเหตุผลของเค้า ให้เธอ แต่ เธอกลับ เดินหนีเค้าไป หายารุย แทน
“ เธอสินะ นักเรียนตัวแสบที่เค้าพูดถึงกัน ”
R2 กล่าวขณะที่ จ้องมาที่หน้าของ ยารุย ด้วยความสนใจ จนทำเอา ยารุย รู้สึกอึดอัด
กับการกระทำของเธอ
“ ถ..ถ้าใช่แล้วจะทำไม ”
ยารุย กล่าวพลางหนีหน้าเธอด้วยความรู้สึก กระอักกระอ่วน ที่เธอหยิบยื่นขึ้นมา จนเค้าไม่ทันตั้งตัว
“ ว่าแล้ว เชียวคล้ายกันจริงๆด้วย... ”
R2 เปรย ขณฦะที่ ยารุย และ โยไร ส่งเสียงขึ้นด้วยความสงสัย ว่าเธอหมายถึงเรื่องอะไรกัน
“ ก่อนนี้ก็มีเจ้าลูกหมา ตัวหนึ่งที่หน้าคล้ายๆกันนี่ล่ะ แต่หมอนั่นนิสัยดีกว่าหน่อยล่ะ
ชื่ออะไรนา มันติดๆอยู่ที่ปากเนี่ย นึกไม่ออก ”
R2 กล่าว พลางตั้งท่านึกแต่นึกเท่าไหร่เธอก็นึกไม่ออก
“ เฟนท์ ไง เฟนท์ นีโอเวล (Feint Neovel) R2 ลืมแล้วเหรอ ”
เจ้าลูกมังกรแมกกี้ ของเธอ ตะโกนขึ้นดัง ขณะที่ ยารุย ได้ยิน ชื่อที่เจ้า ลูกมังกรเรียก เค้าก็
ตกใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ เฟนท์ นีโอเวล...เธอหมายถึง เฟนท์ ที่เป็นองครักษ์มือขวาของ มหาทรราชย์ เรกกะ
ที่ตายไปในสงคราม ragnarok น่ะเหรอ ”
ยารุย อุทานขึ้น ขณะที่ โยไร เข้ามาลากตัว เธอ และ เจ้าลูกมังกรปากมาก
ออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้ ยารุย นั่ง งง อยู่โดยที่ยังไม่ได้คำตอบ
“ นี่คุณ R2 พูดเรื่องแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นได้ยังไงกันน่ะ เรื่องของคุณกับคุณ เรกกะ
มันเป็นความลับที่จะแพร่งพรายไม่ได้เลยไม่ใช่หรือไง ถ้าใครรู้ว่า คุณเคยเป็น1ในคนที่ร่วมมือกับ
จักรพรรดิ์ เรกกะ ในสงคราม Ragnarok ล่ะก็.... ”
โยไร กล่าวไปได้ยังไม่ทันไร R2 กฌแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ เรื่องนั้นน่ะ ยังไงอีกไม่นานมันก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไปแล้วล่ะ เชื่อสิ
แต่เรื่องของฉันน่ะไม่มีใครรู้แน่นอน ”
R2 กล่าวจบก็เดินจากเค้าไปทิ้งให้ เค้ายืนสงสัย ในคำพูดของเธออยู่เพียงลำพัง
………………………….
…………………………………
…………………………………………
“ แต่งงาน!! พี่น่ะเหรอ ”
เสียงร้องตะโกนอย่างตกใจของ เด็กหนุ่มผู้มีผมสีทอง ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ สีฟ้า ที่ตั้งอยู่ภายในห้อง
ซึ่งมีกระจกหน้าต่างล้อมอยู่แถบหนึ่งเสมือน หน้าต่างรถ และที่ใต้ขอบหน้าต่าง ก็จะมีเคื่องประมวล
ผลแผงควบคุมและคันบังคับ นี่คือห้องบังคับของยานที่ไหนซักแห่ง ซึ่งจากภาพภายนอกกระจก
ยานลำนี้จอดอยู่ใต้น้ำซึ่งอาจจะเป็นแม่น้ำ ทะเลสาบ หรือบางทีอาจจะเป็นทะเล ก็เป็นได้
“ มติในสภาของ เมกกะโทโปลิส เป็นเอกฉันท์ ที่เห็นสมควรว่า
น่าจะผูกมิตรกับ ตระกลรัลเซรุส ที่มีอำนาจใน องค์กรที่กำลังรวบรวมอาณานิคม
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันอยู่น่ะ เพื่อที่จะให้เมกกะโทโปลิว ปลอดภัยจาก สงครามที่อาจจะเกิดขึ้น
จากการรวมอาณานิคม ได้ เพราะงั้น...... ”
ชายหนุ่มอีก คน ซึ่งมีผมสีแดงส้มที่นั่งอยู่หน้าแผงควบคุมของยาน กล่าวโดยไม่หันมามอง
แต่มือทั้งสองและสายตานั้นจับจ้องอยู่ที่แผงควบคุมของยานเพื่อที่จะจัดการเรียบเรียงข้อมูลภายใน
ระบบประมวลผลของยานลำนี้
“ เซน่า ก็เลยจะแต่งงาน กับพวกตระกูลรัลเซรุส ”
ชายหนุ่ม กล่าวก่อนจะหันกลับมาโดยรามือจาก แผงควบคุม
“ มาธิอัส ช่วยเล่าเกี่ยวกับ รายละเอียดของ องค์กรที่ว่านี่มาหน่อยได้ไหม
เอาเท่าที่นายรู้ทั้งหมดนั่นล่ะ ฉันมีความรู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากลซะแล้ว ”
เด็กหนุ่ม กล่าวน้ำเสียงจริงจัง ก่อนที่ชายหนุ่ม มาธิอัส จะหรี่ตาแคบลงเพื่อ นึกทบทวนเรื่องต่างๆ
ที่เค้าพอจะนึกออก
“ เรกกะ ถ้านายรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนายจะทำยังไงต่อไปล่ะ....เทอร่าที่
นายทำให้มันสงบลงด้วยการลบตัวตนนายออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์แล้วครั้งหนึ่ง
ถ้าเกิดอยู่ๆนายปรากฏตัวขึ้นมา เทอร่าจะวุ่นวายแค่ไหนกัน ”
มาธิอัส ย้อนถามก่อนที่จะตอบคำถามตามที่เค้าต้องการ
“ ฉัน...... ”
เรกกะ ได้เพียงแต่เปรยออกมาอย่างลอยๆเท่านั้น เค้าไม่แน่ใจเลยว่า การ
ออกไปปรากฏตัวของเค้านั้น จะส่งผลอย่างใดให้กับ เทอร่า บ้าง
“ 22 ปีก่อนฉันเลือกที่จะ ดำเนินแผนการ Dragoon Requiem เพื่อเร่งระดับ
ความเกลียดชังของผู้คนทั้งโลกมารวมที่ตัวฉันจากนั้นก็ ลบตัวฉันออกไป เพื่อให้ความเกลียดชัง
ทั้งหมดในโลกหายไปกับฉันด้วย…. ”
เรกกะ เปรยขึ้น ทำเอา มาธิอัส ที่กำลังจะหันกลับไปจัดการงานต่อ ต้องชะงักเพื่อฟังเค้า
“ แต่ดูเหมือนตอนนี้ ฉันคงจะต้องกลับสู่หน้าประวัติศาสตร์อีกครั้งแล้ว ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว
เทอร่า ก็จะต้องเกิดสงครามขึ้นอยู่ดี … ”
เรกกะ กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ สลัดซึ่งความลังเลออกไปจากใจหมดแล้ว
ทว่าก่อนที่เค้าจะทันกล่าวจบ ประตูห้องบังคับยานก็เปิดออกพอดี พร้อมกับเสียงแย้ง
ขึ้นมาจากผู้มาเยือน
“ คิดดีแล้วงั้นเหรอ ที่จะไปน่ะ ”
ผู้มาเยือนกล่าวขึ้น ก่อนที่ เรกกะ จะหันกลับไปมอง
“ R2 !! ”
เรกกะ อุทานด้วยความตกใจ
……………..
………………………
……………………………..
ในวันรุ่งขึ้น มหานครเมกกะโทโปลิส ได้จัดงาน พิธีอภิเษกสมรส อย่างยิ่งใหญ่ให้ กับ ยูน่า ทายาทแห่งตระกูลรัลเซรุส กับ มหารานี แห่งเมกกะโทโปริส เซน่า ไฮเดย์ มีการจัดวางกองกำลัง เพื่อป้องกันงานพิธี จาก
กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ จะให้งานพิธี อภิเษก นี้เกิดขึ้น ซึ่งก็มีอยู่จำนวน ไม่น้อยเลย
เพราะการกระทำแบบนี้ย่อมเท่ากับว่า พวกเค้าขาย ผู้มีพระคุณเพื่อเอาตัวรอด
ทำให้มีกลุ่มผู้ต่อต้านเกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เมื่อ อีกฝ่ายมีขุมอำนาจมากกว่า
อาณาจักรทั้งหมดของตน รวมกันเสียอีก การที่จะล้มล้างพิธีจึงแทบเป็นไปไม่ได้
“ ท่าน ยูน่า ทุกอย่างเตรียมการพร้อมแล้วครับ ”
นายทหาร คนหนึ่งเข้ามารายงาน ภายในห้องรับรองของ อาคาร ที่อยู่ใกล้กับ เวที จัดงานแต่งขนาดใหญ่
ใจกลางสวนพระตำหนักขนาดใหญ่ ของ เมกกะโทโปลิส ซึ่งมีฝูงชนที่ ส่วนมากถูกบังคับให้มาร่วม
เป็นสักขีพยานอย่างไม่เต็มใจนัก
“ เราไปกันเถอะนะ เซน่า ”
ชายวัยกลางคนผมสีม่วง ไว้เปียห้อยหลัง หันมากล่าวพร้อมกับ ยื่นมือของเค้าให้
แก่ เซน่า ซึ่งเธอก็จับมือของเค้าด้วยความไม่เต็มใจ ก่อนจะถูกจูง กันออกไป
เพื่อไปยัง เวทีงาน โดยมี เฟนท์ คอยตามอารักขา เซน่า ไปด้วยก่อนจะ หยุดรออยู่ที่
เชิงบันได เพื่อให้ ทั้งสองขึ้นไปบน เวทีงาน ส่วนตนจะอยู่คอยคุ้มครองที่ เชิงบันไดด้านล่างนี้
ขณะที่ทั้งสอง ก้าวขึ้นบันได เวทีไปนั้นเอง ก็มีบุคคลหนึ่งซึ่งสวม
เสื้อคลุมและหมวกปิดบังตัวเอง เดินสวน องครักษ์สวมหน้ากากชุดดำ หรือ เฟนท์
ตามขึ้นไปบนเวที ก่อนจะกระชากตัว เซน่า มาจาก ยูน่า ท่ามกลางความตกใจของ ผู้คนรอบๆ
นั้น ส่งที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ เฟนท์ ที่อยู่ภายใต้หน้ากาก กลับเป็น รอยยิ้ม
ที่แฝงด้วยเลศนัย ราวกับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้น
“ น….นี่แกเป็นใครกันน่ะ แสดงตัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ ”
ยูน่า สบถขณะที่ บรรดาทหาร ที่คุ้มกันอยู่ ได้แห่กันมาล้อม รอบเวที เอาไว้ โดยที่
เหล่าฝูงชนเริ่มแตกตื่นกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ ปล่อย นะ…เจ้าเป็นใครกันน่ะ ”
เซน่า กล่าว พลางดิ้นเพื่อจะสลัดตัวให้หลุดออกจาก อ้อมแขนของบุคคลผู้นี้
“ อยากรู้กันอย่างนั้นสินะ…. ”
เสียงที่ฟังดูสงบอย่างไร้ที่ติ ดังขึ้นผู้ที่ได้รับฟังมันนั้น
แทบจะสัมผัสได้ถึงความสุขุมของผู้กล่าวมันออกมา และทันทีที่
บุรุษปริศนาผู้มีเสียงอันสุขุมลุ่มลึก ถอดหมวกและเสื้อคลุมออก
สิ่งที่เค้าได้รับกลับมาก็คือสายตาที่ตกตะลึงของ ยูน่า เหล่าบรรดาทหาร แม้แต่ ประชาชน
ทั้งหมด ก็ไม่เว้น
“ ร….ร…เรกกะ…ฮ….ไฮเดย์…จักรพรรดิ ทรราชย์…นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน ”
ยูน่า กล่าวตะกุกตะกัก เสียงสั่นเทาด้วยความผวา พลางถอยหนีออกห่าง
“ ย…ยิงสิ…ยิงมันเลยจะรออะไรอยู่อีกเล่า ”
ยูน่า รีบสั่งการ ทหารที่ยังตกตะลึงอยู่ให้ ทำการใช้ปืนในมือ ยิงเรกกะ ทว่า
ที่อยู่ข้างๆเรกกะ นั้นมี เซน่า อยู่ด้วย ทำให้พวกเค้า เป็นห่วงความปลอดภัยของ ผู้นำ
มากกว่า คำสั่งของ ผู้ที่กำลังจะมีตำแหน่งเข้ามาเป็นผู้นำโดยมิชอบ
“ จักรพรรดิทรราชยื ยังไม่ตาย ”
“ เรกกะ ไฮเดย์ ยังมีชีวิตอยู่ ”
“ นี่ข่าวใหญ่เลยนะเนี่ย รีบไปเอากล้องมาเพิ่มเลย ”
“ โอ สวรรค์ นี่คือจุดจบของ เทอร่า งั้นหรือ ”
เสียงตะโกนโหวกเหวก และเสียงแตกตื่นของบรรดา ประชาชนที่ได้เห็น การปรากฏตัวของ
เรกกะ นั้นทำให้เกิดความวุ่นวาย จนทหารไม่สามารถทำการ ได้ ครั้นจะใช้อาวุธ
ก็เกรงว่าจะไปทำร้ายโดน เซน่า หรือ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ เข้า
“ ร…เรกกะ…น้อง…น้องยังมีชีวิต อยู่..ต…แต่ได้ยังไงกันล่ะ ”
เซน่า อุทานด้วยความตกใจไม่แพ้ คนอื่นๆที่ได้เห็นการปรากฏตัวของ
น้องชายเธอที่น่าจะตายไปนานแล้ว
“ หนอยไม่ได้เรื่อง เอามานี่ ถ้าพวกแกไม่กล้ายิงฉันจะยิงเอง ”
ยูน่า สบถด้วยโทสะ ก่อนจะกระชากเอาปืนยาวจาก นายทหาร คนหนึ่งที่อยู่ด้านล่าง เวที ขึ้นมา
ประทับบ่าเล็งยิง
“ ตายซะเถอะไอ้จักรพรรดิ โฉด ”
ยูน่า กล่าวจบก็ลั่นไกปืน ทันที ลูกกระสุนที่พุ่งออกไปนั้น แทนที่มันจะพุ่งตรงไปที่ เรกกะ
แต่ด้วยความไร้ฝีมือของ ผู้เหนี่ยวไก ทำให้ ลูกกระสุน พุ่งไปที่ เซน่า แทน
ในเสี้ยววินาที ชี้เป็นตายของเธอ นั้นกลับมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“ Protection ”
สิ้นเสียง กำแพงแสงสีน้ำตาลใส ก็พุ่งขึ้นมาจาก พื้นเวที ปกป้องเธอและ เรกกะ จาก
กระสุนที่ ยูน่า ยิงมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ สร้างความตระหนก ให้แก่ ทุกคนอีกครั้ง
แทบจะทุกสายตาที่หยุดลงจ้องมองไปยัง กำแพงแสงที่สร้างขึ้นเพื่อปกป้อง เรกกะ และ เซน่า
“ ก…กำแพงนั่น…นี่มันอะไร ”
ยูน่า เปรยด้วยความผวา ขณะที่ลดปืนลง
“ คิดว่าข้าคงจะต้องแนะนำให้พวกเจ้ารู้จักกันอีกครั้งหรือเปล่าล่ะ กับ องครักษ์ของข้า ”
เรกกะ กล่าวจบก็ ผายมือ ออกไปยังด้านล่างของ เวที ก่อนที่ เฟนท์ซึ่งสวมหน้ากากของ
บุรุษที่ถูกกล่าวขานว่าเป็น Dragoon จะเดิน แทรกฝูงชนขึ้นมา นั่งย่อเข่าทำความเคารพ
ต่อหน้า เรกกะ ต่อหน้าบรรดาฝูงชนที่มองดูเหตุการณ์ณืด้วยความตกตะลึง ที่เกิดขึ้น
ครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่ย่อเข่าลงทำความเคารพแสดงให้ ผู้คนเห็นในสิ่งที่ไม่อยากเชื่อ
แล้ว เฟนท์ จึงถอดหน้ากากออก บรรดาฝูงชนรอบๆก็ต้องตกใจ กันอีกครั้ง ไม่มีเสียง
ใดอาจแว่วจากปากของทุกคนได้
“ องครักษ์ ของเรา เฟนท์ นีโอเวล ”
เรกกะ เปรยเสียงเรียบ ขณะที่ เฟนท์ ถอดถุงมือสีดำของชุดออก
เผยให้เห็น สนับมือสีดำที่เค้าสวมไว้ใต้ ถุงมือ
“ เอาล่ะ…เริ่มกันเลย ทาลิคนัส (Thalignus, Arimathea’s Dragoon of Thaliwilya) ”
เรกกะ เปรยขึ้นด้วยเสียงอันแผ่วเบา ขณะที่หลับตาลงก่อน จะล้วงหยิบเอาไพ่ ที่มีหลังไพ่สีดำ
และหน้าไพ่เป็นสีขาวขึ้นมา และอีกครั้งเมื่อเค้า เบิกตา ขึ้นดวงตาซ้ายของเค้า ซึ่งมีศิลาฝังเอาไว้
ก็เรืองแสงสีแดงขึ้น ทันทีที่ เค้านำเอาหน้าไพ่สีขาว ไปส่องกับแสงที่เรืองออกมาจากตาซ้ายของเค้า
หน้าไพ่ก็ปรากฏภาพของ สัญลักษณ์แห่งธาตุไฟ ขึ้นมา เค้า ชักแขนเสื้อข้างขวา
ขึ้น ซึ่งที่ข้อมือขวาใต้แขนเสื้อนั้น มีสายคาดข้อมือที่มีจานใสขนาดเล็กที่ติดอยู่ที่กลาง
สายคาดแลดูคล้ายนาฬิกาข้อมือ ทันทีที่ เค้านำเอาหน้าไพ่ ในมือไปวางคว่ำลงที่
หน้าปัดจานนั้น ก็มีแสงส่องออกมาจากหน้าปัด ของสายคาด ก่อนที่มันจะตรึงเอาไพ่ให้
ลอยอยู่เหนือมันราวกับว่า แสงนั้น กลายเป็นขาตั้งให้กับไพ่
“ Blaze Form ”
เสียงดังกังวานขึ้นจากสายคาด นั้น ก่อนที่เรกกะ จะกดไพ่ลงไปจนติดกับ
หน้าปัดของสายคาด
“ Regeneration ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่จะเกิดแสงสว่างสีแดงเจิดจ้า ขึ้นและปรากฏร่างของ อัศวินมังกรสีแดงเพลิง
ขึ้นมาแทนร่างของ เรกกะ
“ โอเระ ทันโจว! มันแปลว่าพระเอกมาแล้ว ”
เรกกะ ที่กลายเป็นอัศวินมังกร ทาลิคนัสแห่งอาริมาเทีย หนึ่งในภาคอวตารแห่งอัศวินมังกร ทาลิวิลย่า
เอ่ยขึ้นพร้อมกับ วาดมือไปมา ทว่า ไม่มีใครในเหตุการณ์ณืนั้นสังเกตว่าเค้ากำลังทำอะไรอยู่หรอก
“ อ้าวไหงไม่มีคนสนใจเลยล่ะ.. ”
ทาลิคนัส เปรยขึ้นอย่าง งงๆขณะที่ ยืนเกาหัวด้วยความงง อยู่นั้นเอง เฟนท์ ลากเค้า กับ เซน่า บินขึ้น
ท้องฟ้าไปทันที
“ ยังจะมัวมาเล่นอีกนะ เรกกะ รีบไปเร็วเข้าเดี๋ยวก็ได้โดนเก็บอยู่นี่กันพอดี ”
เฟนท์ สบถ ก่อนจะ เหวี่ยงให้ ทาลิคนัส บินขึ้นก่อนแล้วจึง
ส่งตัว เซน่า ให้เค้าพาหนีไปโดยตัวเองจะคอยระวังหลังให้
“ โทษนะ ทาลิคนัส ขอผมควบคุมร่างกายเองเถอะ ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นในจิตใจของ ทาลิคนัส ขณะที่ ทาลิคนัส ยังมีทีท่า งงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
“ เอาก็เอา เรกกะ นายจัดการไปละกัน วุ่นๆแบบนี้ ไคลแมกซ์ไม่ออกแล้วล่ะ ”
ทาลิคนัส เปรยด้วยท่าทีเซ็ง ๆก่อนที่ ท่าทางของ เค้าจะเปลี่ยนกลับไปสุขุมเช่นเดิม
“ ร…เรกกะ…ค..คราวนี้เป็น เรกกะ จริงๆใช่ไหม ”
เซน่า กล่าวถามด้วยความสงสัย กับบุคลิคที่เปลี่ยนไปมาของเค้า
“ ครับพี่…ผมมารับ พี่แล้วครับ ”
เสียงของ ทาลิคนัส กลับคืนเป็นเสียงของ เรกกะ อีกครั้งก่อนที่ เค้ากับ เฟนท์
จะบินออกหายลับไป ทิ้งให้ยูน่า ยืนกระทืบเท้าด้วยอย่างหัวเสียที่ถูกฉีกหน้า
จนงานพิธีป่นปี้ไปหมด
“ ไซเบอร์ทิก้า ดราก้อน ออกยานไป ”
เสียงของ มาธิอัส ดังขึ้นในห้องบังคับยาน ที่ด้านนอกกระจกยาน ค่อยๆเลื่อนขึ้นสู่ผิวน้ำ
โดยในห้องมี R2 นั่งไขว่ห้างมองเหตุการณ์ ต่างๆที่เกิดขึ้นในงานพิธี ที่ เมกกะโทโปลิส ผ่านจอ
มอนิเตอร์ในห้อง
“ วุ่นวายกันไปหมดเลยนะเนี่ย.. ”
R2 เปรยอย่างไม่ใส่ใจอะไร ขณะที่ตอนนี้ ยานของพวกเธฮ ได้โผล่พ้นผิวน้ำขึ้นมาแล้ว
ตัวยานมีรูปร่างลักษณะ คล้ายกับมังกร ปีกยานนั้นใสเหมือนกับ ปีกแมลง
มันคือยาน ไซเบอทิก้า ดราก้อน (Cybertica Dragon)
ขณะที่ยานขึ้นมาจากผิวน้ำ และลอยลำ ขึ้นสู่ อากาศ ก็เปิดประตูทางเข้าใต้ยานออก
ซึ่งจังหวะพอดี กับที่ ทาลิคนัส เซน่า และ เฟนท์ มาถึงพอดี ทั้งหมดจึงหลบหายเข้าไปในยาน
ก่อนที่ มันจะดำกลับลงไปในทะเล อีกครั้ง
...................
...........................
“ เรกกะ....ทำไม....ทำไมถึงทำแบบนี้ล่ะ...พาพี่กลับไปเดี๋ยวนี้นะ ถ้าปล่อยเอาไว้ล่ะก็สงครามจะ.... ”
“ แล้วถ้ากลับไป พี่จะทำยังไงต่อล่ะ ”
สองพี่น้อง เรกกะ กับ เซน่า กำลังถกเถียงกัน โดยฝ่ายเซน่า พยายามจะขอให้ เรกกะ
ส่งตัวเธอกลับไปเพื่อไม่ให้ งานพิธีล่มจนเกิดเป็นข้อพิพาท ขึ้นอย่างที่เธอกลัว
แต่เมื่อ เรกกะ ย้อนถามกลับมาเธอก็อ้ำอึ้งไม่รู้จะตอบเช่นไร
“ ถึงกลับไป ก็จะต้องเป็นเหมือนเดิมอีก ยังไงก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงสงครามที่จะเกิดขึ้นได้อีกแล้ว ”
เรกกะ กล่าวซึ่ง เซน่า ที่ได้ฟังก็ก้มหน้าด้วยความผิดหวัง เธอเข้าใจดีมาตลอดว่า ไม่มีทางที่เธอจะ
หลีกหนีไปจากสงครามได้ ไม่ว่าจะวิธีใด เพราะสงครามมันได้เริ่มขึ้นมาตั้งนานแล้ว
เพียงแต่ เธอพยายามที่จะเลี่ยงและคิดว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น
“ แล้ว...ถ้ายังงั้นน้องมีวิธีที่จะแก้ไขเรื่องราวพวกนี้งั้นเหรอ... ”
เซน่า ย้อนถามกลับไปบ้าง แต่ เรกกะ กลับส่ายหน้าก่อนจะตอบขึ้นว่า
“ ไม่เลย...ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี...แต่ในเมื่อเราหาทางเลี่ยงสงครามไม่ได้ ก็มีแต่ต้อง
จบมันให้เร็วที่สุดไม่ใช่หรือครับ ”
เรกกะ ตอบ คำตอบของเค้าทำให้ เซน่า เกิดสนใจขึ้นมา ขณะที่ เรกกะ ก็ยื่นมือส่งออกไปให้เธอ
“ เพราะงั้นเรามาร่วมกันหาคำตอบและหนทางแก้ไข ไปพร้อมๆกันก็ได้นี่ครับ
จนกว่าพี่จะค้นหาคำตอบให้กับใจตัวเองแล้วก็หนทางแก้ไขเรื่องนี้ด้วย ”
เรกกะ กล่าวคำพูดของเค้า ทำให้เธอแปลกใจไปบ้าง
“ พี่เองก็คงลำบากใจสินะครับ ที่ต้องแบกรับภาระเหล่านั้นไว้ ผมเองที่ไม่ได้อยู่ดูแลพี่ให้ดีกว่านี้
แต่จากนี้ไปเราจะมาหาทางแก้ไขในสิ่งนั้นร่วมกันนะครับพี่ ”
เรกกะ กล่าวจบดวงตาของ เซน่า ก็เริ่มสั่นระเรื่อ ริมฝีปากสั่นเครือเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะ เข้าไปซบน้ำตากับ
อกของ เรกกะ พร้อมกับเปล่งเสียงร้องไห้ ที่ระบายเอาความทุกข์ใจจากการแบกภาระของอาณาจักร
และความซาบซึ้งที่ได้พบกับ น้องชายที่คิดว่าจะไม่มีวันได้พบกันอีกแล้ว ออกมาจนหมด
“ พี่ครับ.... ”
เรกกะ เปรย ขณะที่ยกแขนขึ้นโอบไหล่พี่สาวของตนไว้ โดยมี สายตาโล่งใจ
จาก เฟนท์ ที่ตามมากับเค้า และมาธิอัส กับ R2 คอยดูอยู่ห่างๆ
........................
...............................
To be continue