ประกาศ Summoner Master Official Rule Team ประจำวันที่ 20/07/2009
ประกาศนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วัน เสาร์ ที่ 25/07/2009 เป็นต้นไป
เรื่องแก้ไขกฎ พร้อมตัวอย่างเรื่องที่ 1. การจดจำสภาพของการ์ดที่ทำให้เกิด Effectเดิม Effect ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการ์ดจะไม่มีการจดจำว่าการ์ดที่ก่อให้เกิด Effect ขึ้นมีสภาพอย่างไร แต่สภาพจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะของการ์ดใบนั้น อาทิเช่น Skill และ Ability ต่างๆ ว่าได้รับมาจาก Seal หรือ Mystic ที่มีค่าพลัง ธาตุ ค่าร่ายและอื่นๆ อย่างไร เพื่อเป็นสิ่งอ้างอิงสำหรับ Skill และ Ability บางประเภทที่จะยกเลิก Effect นั้นๆ เมื่อสภาพของการ์ดตรงกับเงื่อนไข
แก้เป็น
Effect ที่เกิดจาก Trigger Ability และ/หรือ Skill จะมีการจดจำสภาพของการ์ดที่ทำให้เกิด Effect ขึ้น ในตอนที่เกิด Effect ขึ้นมา และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกตัวอย่างตามกฎเดิม ข้อ1.“Seal ที่ Gaia ติดยกเลิก Skill และ Ability ของ Seal ใบอื่น”
มี Dragon ใบหนึ่งได้รับผลจาก Mathias Blythe, the Dragon Master ทำให้ At +1 Df +1 Sp +1 /
Turn จากนั้นผู้เล่นสั่ง Dragon ให้รวมร่างโดยมี Mathias Blythe, the Dragon Master เป็นใบรองรวมร่าง ต่อมาฝ่ายตรงข้ามร่าย Gaia ไปติดที่ Dragon นั้น แต่ผลของ At +1 Df +1 Sp +1 /
Turn จะยังไม่หายไป เพราะ Mathias Blythe, the Dragon Master ได้เปลี่ยนแปลงสภาพจาก Seal ใบอื่น ไปเป็น Seal ใบเดียวกับใบหลักแล้ว
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากข้อ1.
มี Dragon ใบหนึ่งได้รับผลจาก Mathias Blythe, the Dragon Master ทำให้ At +1 Df +1 Sp +1 / Turn จากนั้นผู้เล่นสั่ง Dragon ให้รวมร่างโดยมี Mathias Blythe, the Dragon Master เป็นใบรองรวมร่าง ต่อมาฝ่ายตรงข้ามร่าย Gaia ไปติดที่ Dragon นั้น ทำให้ผล At +1 Df +1 Sp +1 / Turn ถูกยกเลิกไป เพราะช่วงที่ Dragone นั้นได้รับ Ability นี้ Mathias Blythe, the Dragon Master มีสภาพเป็น Seal ใบอื่นอยู่ตัวอย่างตามกฎเดิม ข้อ2.“Thanyx, the Dragoon of Thaliwilya ยกเลิก Skill ของ Seal ฝ่ายตรงข้ามที่มี Df มากกว่าหรือเท่ากับ Thanyx, the Dragoon of Thaliwilya”
Thanyx, the Dragoon of Thaliwilya ติด Curse จาก Seal ที่มีค่า Df น้อยกว่าตัวมันเป็นเวลา 2 Turn แต่ต่อมา ผู้ควบคุมสั่งรวมร่าง Seal นั้นจนค่าพลังเปลี่ยนแปลงไปจนมา Df มากกว่า Thanyx, the Dragoon of Thaliwilya ทำให้ Curse ที่เกิดขึ้นถูกยกเลิกไป
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากข้อ2.
Thanyx, the Dragoon of Thaliwilya ติด Curse จาก Seal ที่มีค่า Df น้อยกว่าตัวมันเป็นเวลา 2 Turn แต่ต่อมา ผู้ควบคุมสั่งรวมร่าง Seal นั้นจนค่าพลังเปลี่ยนแปลงไปจนมา Df มากกว่า Thanyx, the Dragoon of Thaliwilya แต่ Curse ที่ติดอยู่ก็จะไม่ถูกยกเลิกไป
เรื่องที่ 2. การแสดงการ์ดในมือเมื่อเลือกให้ Ability ของการ์ดในมือทำงานเดิม เมื่อ Ability ของการ์ดในมือถูกเลือกให้ทำงาน จะต้องประกาศชื่อ แต่ไม่ต้องแสดงการ์ดในมือว่ามีการ์ดใบนั้นจริงหรือไม่ เพราะการ์ดในมือเป็นความลับ
แก้เป็น เมื่อ Ability ของการ์ดในมือถูกเลือกให้ทำงาน จะต้องประกาศชื่อของการ์ดและแสดงการ์ดนั้นให้ฝ่ายตรงข้ามดู โดยแสดงในช่วงเลือกการทำงานของ Ability เมื่อถึงช่วงที่ตรวจสอบความถูกต้องของ Ability นั้นๆ แล้วไม่มีการ์ดที่มีชื่อปกติ เหมือนกับที่ประกาศไว้ตอนแรกบนมือของผู้เล่น Ability นั้นๆ จะไม่ทำงานต่อหมายเหตุ ชื่อปกติ คือ ชื่อการ์ดที่ระบุไว้บนการ์ด โดยไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมโดย Effect ใดๆตัวอย่างตามกฎเดิม ข้อ1.Holy Votaress "เมื่อ Holy Prayer ตก Shrine จากสนาม เราสามารถร่าย Holy Votaress ในมือหรือใน Shrine ได้โดยไม่ต้องจ่าย Mp ค่าร่าย"
ช่วงที่ Holy Prayer กำลังตก Shrine จากสนาม ผู้เล่นเลือกให้ Ability ของ Holy Votaress ในมือทำงาน ทั้งๆ ที่ในมือของผู้เล่นนั้นไม่มี Holy Votaress อยู่ เพราะการทำงานของ Holy Votaress จะต้องเลือกทำงานตั้งแต่ตอนที่ Holy Prayer กำลังตก Shrine จากนั้นผู้เล่นจึงสั่งใช้ Slill ของ Refugium Peccatorum ใน Shrine เพื่อนำ Holy Votaress ขึ้นมือจากกองการ์ด และได้ร่าย Holy Votaress โดยไม่ต้องจ่าย Mp ค่าร่ายตามที่ประกาศไว้ตอนแรก
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากข้อ1.
ช่วงที่ Holy Prayer กำลังตก Shrine จากสนาม ผู้เล่นที่ไม่มี Holy Votaress ในมือจะไม่สามารถประกาศใช้ Ability ของ Holy Votaress ได้ เพราะต้องแสดง Holy Votaress ในมือตอนที่เลือกว่าจะให้ Ability นี้ทำงาน
เรื่องที่ 3. เปลี่ยนแปลงลำดับการทำงานของ Ability เมื่อร่ายของ Seal Cardเดิม Ability เมื่อร่าย, เมื่อร่ายสำเร็จ และเมื่อเข้ามาในสนามที่ทำงานช่วงเดียวกัน
แก้เป็น Ability เมื่อร่ายทำงานก่อน Ability เมื่อร่ายสำเร็จ และเมื่อเข้ามาในสนามเพิ่มเติม เนื่องจากความสับสนของ Text การ์ด และจากการแก้ไขครั้งนี้ ขอประกาศเปลี่ยน Text ของ Silk Fur Unicorn จาก “เมื่อผู้ควบคุม ร่าย N[Unicorn] เข้ามาในสนาม สามารถนำ N[Unicorn] 1 ใบเข้ามาในสนามจากมือผู้ควบคุม N[Unicorn] ที่นำเข้ามานั้นกลายเป็น Inactive Seal” เป็น “เมื่อผู้ควบคุม ร่าย N[Unicorn] สำเร็จ สามารถนำ N[Unicorn] 1 ใบเข้ามาในสนามจากมือผู้ควบคุม N[Unicorn] ที่นำเข้ามานั้นกลายเป็น Inactive Seal” โดยการแก้ไข Text ของการ์ดใบนี้จะทำให้รูปแบบการเล่นและ Combo ต่างๆ ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (เพราะ Ability เมื่อร่ายสำเร็จ ทำงานพร้อมกับ Ability เมื่อเข้ามาในสนาม)ตัวอย่างตามกฎเดิม ข้อ1.“เมื่อผู้เล่นร่าย Mystic Card Magician of Leprecsaun Book ได้รับ 1 Charge Counter”
ผู้เล่นร่าย Yin ไปที่ Magician of Leprecsaun Book แต่ฝ่ายตรงข้ามทำลาย Yin ใน
Step ของการร่าย ทำให้ Magician of Leprecsaun Book ไม่ได้รับ Charge Counter เพราะ Ability จะทำงานหลัง
Step ของการร่าย Yin
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากข้อ1.
ผู้เล่นร่าย Yin ไปที่ Magician of Leprecsaun Book และฝ่ายตรงข้ามทำลาย Yin ใน Step ของการร่าย แต่ Magician of Leprecsaun Book ก็ยังได้รับ Charge Counter เพราะ Ability จะทำงานก่อน Step ของการร่าย Yinตัวอย่างตามกฎเดิม ข้อ2.Templar Zealot "เมื่อผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามร่าย Mystic Card ผู้เล่นนั้นนำการ์ดใบบนสุด 1 ใบจากกองการ์ด 1 กองของตนออกจากเกม"
ผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม Death Sentence ไปที่ Templar Zealot ของเรา เราจึงร่าย High Priest of Ekklesia ทำลาย Death Sentence ใน
Step ของการร่าย ทำให้ Ability ของ Templar Zealot ไม่ทำงาน เพราะ Ability จะทำงานหลัง
Step ของการร่าย Death Sentence
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากข้อ2.
ผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม Death Sentence ไปที่ Templar Zealot ของเรา Ability ของ Templar Zealot จึงทำงานทันที เมื่อถึง Step ของการร่าย Death Sentence เราจึงร่าย High Priest of Ekklesia ทำลาย Death Sentence
เรื่องที่ 4. เปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ Skill ในมือเดิม การเลือกว่าการ์ดใบใดในมือที่ใช้ Skill จะเลือกเมื่อเลือกการทำงานของ Skill ก่อน
Step ของการใช้ Skill ในมือ
แก้เป็น การเลือกว่าการ์ดใบใดในมือที่ใช้ Skill จะเลือกเกิดเมื่อตรวจสอบความถูกต้องของ Skill หลัง Step ของการใช้ Skill ในมืออธิบาย การเลือกการ์ดที่ใช้ Skill ใบมือไว้ก่อนสามารถเกิดปัญหาในการเล่นเมื่อการ์ดที่เลือกไว้หายไปจากมือแต่มีการ์ดที่ชื่อเดียวกันอยู่บนมือด้วย ดังนั้นถ้าการเลือกว่าใบที่จะใช้ Skill ในมือเป็นใบใดหลัง Step ของการใช้ Skill จะแก้ปัญหานี้ได้ โดยจะเปลี่ยนเป็น เมื่อผู้เล่นประกาศใช้ Skill ในมือให้บอกชื่อของการ์ดที่จะใช้ Skill และแสดงการ์ดชื่อนั้น 1 ใบด้วยเพื่อให้รู้ว่ามีการ์ดนั้นในมือจริง แต่ก็ไม่จำเป็นว่าการ์ดใบนั้นจะต้องเป็นการ์ดที่ใช้ Skill แล้วหลังจาก Step ค่อยเลือกว่าเป็นการ์ดใบใดในมือที่ใช้ Skill (ที่มีชื่อเดียวกับที่ประกาศไว้ตอนแรก)
เรื่องที่ 5. การตกเป็นเป้าหมายของ Mystic Card ชนิด [PS] และ [PM] ของการ์ดที่กำลังร่ายเดิม การ์ดที่กำลังร่ายไม่สามารถตกเป็นเป้าหมายของ Mystic Card ชนิด [PS] และ [PM] ได้
แก้เป็น การ์ดที่กำลังร่ายไม่สามารถเป็นเป้าหมายการติด Mystic Card ชนิด [PS] และ [PM] ได้ตัวอย่างตามกฎเดิม ข้อ1.ผู้เล่นร่าย Seal เข้ามาในสนาม และฝ่ายตรงข้ามร่าย Fallen Spell เลือกนำ Zeus ลง Shrine แต่ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถเลือกให้ Seal ที่กำลังร่ายนั้นเป็นเป้าหมายของ Ability ของ Zeus ได้ เพราะการ์ดที่กำลังร่ายไม่สามารถตกเป็นเป้าหมายของ Mystic Card ชนิด [PS] ได้
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากข้อ1.
ผู้เล่นร่าย Seal เข้ามาในสนาม และฝ่ายตรงข้ามร่าย Fallen Spell เลือกนำ Zeus ลง Shrine ทำให้ Seal ที่กำลังร่ายนั้นยกเลิก Ability ได้ เพราะ Zeus ไม่ได้ติดที่ Seal ใบนั้น
เรื่องที่ 6. สภาพของ Seal ที่ติด Dimension Curseเดิม Seal ที่ติด Dimension Curse จะไม่อยู่ใน Line ใดๆ เว้นแต่มี Effect อื่นๆ ที่กำหนดให้ Seal ที่ติด Dimension Curse อยู่ใน Line ใดๆ และมีผลให้สามารถเทียบค่าพลังได้ตามปกติ
แก้เป็น Seal ที่ติด Dimension Curse เมื่อมี Effect อื่นๆ กำหนดให้อยู่ใน Line ใดๆ ให้ Effect ของ Dimension Curse ถือสิทธิเหนือกว่าในการส่งผล ทำให้ Seal จะไม่อยู่ใน Line ใดๆ ต่อไป และไม่สามารถเทียบค่าพลังจากการต่อสู้ได้
ตัวอย่างตามกฎเดิม ข้อ1.ผู้เล่นมี Seal ที่ติด Dimension Curse อยู่หนึ่งใบ และไม่มี Seal ใบอื่นในสนามเลย ฝ่ายตรงข้ามจึงสั่งโจมตีขึ้นมือ ผู้เล่นจึงร่าย Cool Moon ไปติดที่ Seal นั้น ทำให้ Seal ที่ติด Dimension Curse ติด Freeze Curse ด้วย ฝ่ายตรงข้ามจึงต้องเปลี่ยนมาเป็นการโจมตีปกติไปที่ Seal ใบนี้ใน Df Line แทน
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากข้อ1.
ผู้เล่นมี Seal ที่ติด Dimension Curse อยู่หนึ่งใบ และไม่มี Seal ใบอื่นในสนามเลย ฝ่ายตรงข้ามจึงสั่งโจมตีขึ้นมือ ผู้เล่นจึงร่าย Cool Moon ไปติดที่ Seal นั้น แต่เพราะ Seal ที่ติด Dimension Curse จะไม่อยู่ใน Line ใดๆ ในทุกกรณี แม้ว่าจะติด Freeze Curse แต่ก็ไม่มาอยู่ที่ Df Line ดังนั้นการโจมตีขึ้นมือจึงเกิดขึ้นตามปกติ
เรื่องที่ 7. ขั้นตอนการนับ Shrineเดิม เมื่อ Seal กำลังตก Shrine จะไม่เกิดการนับ Lv ใน Shrine ทันที
แก้เป็น ทำการนับ Lv ใน Shrine ตลอดเวลาตัวอย่างตามกฎเดิม ข้อ1.“ตราบเท่าที่ Ziz อยู่ในสนาม หรือใน Shrine ผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม Lv ใน Shrine สูงสุด -2 ตามจำนวน Leviathan, Behemoth และ Ziz ใน Shrine เรา”
ผู้เล่นมี Ziz ใน Shrine สองใบ เมื่อเข้าสู่ Subturn โจมตีจึงสั่งใช้ Skill ของ High Priest of Ekklesia ใน Shrine โดยเลือกทิ้ง Leviathan และ Behemoth ลง Shrine แต่เพราะขณะที่ Leviathan และ Behemoth กำลังตก Shrine นั้นยังไม่ถึงช่วงการนับ Lv ใน Shrine แต่ทั้งสองใบก็อยู่ใน Shrine แล้ว Ability ของ Ziz จึงทำงานทันที ทำให้ฝ่ายตรงข้ามถูกลด Lv ใน Shrine สูงสุดลง 16 และแพ้เกมไปก่อนที่ผู้เล่น Ziz จะแพ้เพราะ Lv ใน Shrine เต็ม
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากข้อ1.
ผู้เล่นมี Ziz ใน Shrine สองใบ เมื่อเข้าสู่ Subturn โจมตีจึงสั่งใช้ Skill ของ High Priest of Ekklesia ใน Shrine โดยเลือกทิ้ง Leviathan และ Behemoth ลง Shrine เพื่อให้ Ability ของ Ziz ทำงาน แต่เพราะการนับ Lv ใน Shrine เกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้ Lv ใน Shrine เต็มพร้อมกันกับการที่ฝ่ายตรงข้ามถูกลด Lv ใน Shrine ลง 16 ดังนั้นเกมนี้ทั้งสองฝ่ายจึงเสมอกันตัวอย่างตามกฎเดิม ข้อ2.เมื่อเข้าสู่ Discard Step ของผู้เล่น ผู้เล่นมีการ์ดในมืออยู่ 10 ใบจึงต้องเลือก Discard 3 ใบ โดยใบแรกผู้เล่นเลือกทิ้ง Ziz ใบที่สองผู้เล่นเลือกทิ้ง Ziz (เมื่อนับ Lv ใน Shrine พบว่ายังไม่แพ้เกม) จึงทิ้งใบที่สามโดยผู้เล่นเลือกทิ้ง Leviathan ทำให้ Ability ของ Ziz ทั้งสองใบใน Shrine ทำงานทันทีก่อนจะเกิดการนับ Lv ใน ส่วนของ Leviathan แต่ฝ่ายตรงข้ามที่มี Lv ใน Shrine อยู่ 3 แล้ว เมื่อถูกลด Lv ใน Shrine สูงสุดลง 12 ทำให้แพ้เกมไปก่อนที่ผู้เล่น Ziz จะแพ้เพราะ Lv ใน Shrine เต็ม
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปจากข้อ2.
เมื่อเข้าสู่ Discard Step ของผู้เล่น ผู้เล่นมีการ์ดในมืออยู่ 10 ใบจึงต้องเลือก Discard 3 ใบ โดยใบแรกผู้เล่นเลือกทิ้ง Ziz ใบที่สองผู้เล่นเลือกทิ้ง Ziz (เมื่อนับ Lv ใน Shrine พบว่ายังไม่แพ้เกม) จึงทิ้งใบที่สามโดยผู้เล่นเลือกทิ้ง Leviathan ทำให้ Lv ใน Shrine ของเขาเต็มทันที แต่เพราะ Ability ของ Ziz ทั้งสองใบใน Shrine ทำงานในช่วงเดียวกัน ฝ่ายตรงข้ามที่มี Lv ใน Shrine อยู่ 3 แล้ว เมื่อถูกลด Lv ใน Shrine สูงสุดลง 12 ด้วย ทำให้ Lv ใน Shrine ของเขาเต็มเช่นกัน ดังนั้นเกมนี้ทั้งสองฝ่ายจึงเสมอกัน
แก้ไข Text Silk Fur Unicorn (Merrisia 1st Impression 45)แก้ไขจาก"เมื่อผู้ควบคุม ร่าย N[Unicorn] เข้ามาในสนาม สามารถนำ N[Unicorn] 1 ใบเข้ามาในสนามจากมือผู้ควบคุม N[Unicorn] ที่นำเข้ามานั้นกลายเป็น Inactive Seal"
เป็น "เมื่อผู้ควบคุม
ร่าย N[Unicorn] สำเร็จ สามารถนำ N[Unicorn] 1 ใบเข้ามาในสนามจากมือผู้ควบคุม จากนั้น N[Unicorn] ที่นำเข้ามานั้นกลายเป็น Inactive Seal"
แก้ไข Text Rat in the Wheel of Fate (Hymn of Exodus II 118)แก้ไขจาก"นำ N[Rat] 1 ใบในสนามฝ่ายเราเข้ากองการ์ด จากนั้นแสดง N[Rat] 1 ใบจากกองการ์ดเราที่มี Mp ค่าร่ายไม่เกิน 2 แล้วนำเข้ามาในสนาม ถ้า Seal นั้นไม่ได้อยู่ในสภาพ Growth ให้ถือว่าอยู่ในสภาพ Growth
Turn ด้วย"
เป็น "นำ N[Rat]
ใบอื่น 1 ใบในสนามฝ่ายเราเข้ากองการ์ด จากนั้นแสดง N[Rat] 1 ใบจากกองการ์ดเราที่มี Mp ค่าร่ายไม่เกิน 2 แล้วนำเข้ามาในสนาม
จากนั้นถ้า Seal นั้นไม่ได้อยู่ในสภาพ Growth ให้ถือว่าอยู่ในสภาพ Growth
Turn ด้วย"
จึงเรียนมาเพื่อทราบ และปฏิบัติโดยทั่วกัน
Summoner Master Official Rule Team (SMORT)