“ เอาล่ะทีนี้ก็… ”
“ ยอดเยี่ยมมากเลยนะ…คล้ายกับใครคนนึงที่ชั้นรู้จักเลยนี่ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจาก ประตูทางเข้าห้องเก็บรักษา เมื่อ หันไปก็พบว่ามี เงาของใคร
บางคนกำลังตรงมา
ครั้นเมื่อเค้าคนนั้นเข้ามาจนถึงระยะที่แสง พระจันทร์ซึ่งส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา
ใครคนนั้นก็คือ ฮิวาตาริ ซาโตชิ นั่นเอง(Hiwatari Satoshi)
“ ฮิ…ฮิวาตาริ คุง ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ ”
ไดสุเกะ คิดด้วยความตกใจขณะที่ ฮิวาตาริ เดินเข้ามาใกล้ไปทุกขณะ
“ พวกเราสองคน เคยพบกันมาก่อนงั้นเหรอ ”
ฮิวาตาริ ถามเมื่อเห็นว่า ไดสุเกะ ในคราบ ดาร์ค เอาแต่จ้องมาที่เค้า
เหมือนกับเห็นคนที่ไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอ
ครั้นเมื่อ ไดสุเกะ รู้ตัวก็คิดจะเบือนหน้าหนี เพราะกลัวอีกฝ่ายรู้ว่าเป็นเค้า แต่ช่วงที่เผลอนั้น
เค้าก็ถูก ฮิวาตาริ พุ่งเข้าใส่ จนล้มลงด้วยกัน
“ ไม่ยอมปล่อยให้รอดไปหรอก ”
ฮิวาตาริ กล่าวขณะที่สายตาของทั้งสองจ้องผ่านซึ่งกันและกัน
(อย่าริอ่านแล้วนึกไปถึงฉากวายในอนิเมหรือหนังสือนะ เราไม่สนับสนุนความวายแต่เราลงทุนเพื่อ
ความวายเลย 555+)
“ ชั้นมีชีวิต อยู่ก็เพื่อจะจับนายเท่านั้น เรื่องอื่นชั้นไม่สนทั้งนั้นล่ะ ”
ฮิวาตาริ ตะคอกใส่ขณะที่ ออกแรงกดไหล่ทั้งสองของ ไดสุเกะ จน ไดสุเกะ เริ่มเจ็บ
“ โอ้ย..ข..ขยับตัวไม่ได้ ”
ไดสุเกะ คิดขณะที่พยายามดิ้นรนหาทางหนีออกจากสถานการณ์นี้
กริ้ก!
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่กุญแจมือถูกคล้องลงไป
“ ยังไงก็ไม่ยอมปล่อยให้นายหนีไปหรอก ”
ฮิวาตาริ ย้ำอีกครั้งขณะที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนกับจะเย้ยหยัน หรือ จะแฝงความนัยอื่นเอาไว้
(ให้ถูกคือท่านฮิวาตาริ อยากวายกะ ดาร์ค ก็บอกมาเถอะ - -*)
“ ใครก็ได้ช่วยชั้นทีเถอะ ชั้นยังไม่อยากถูกเพื่อนร่วมชั้นจับใส่คุกหรอกนะ ใครก็ได้ช่วยชั้นที… ”
“ ทำได้ดีมาก ไดสุเกะ ที่เหลือปล่อยชั้นจัดการเอง ”
ระหว่างที่ความคิดของเค้ากำลังร้อง ขอให้ใครมาช่วยกลับมีเสียงหนึ่งตอบรับออกมา
ก่อนที่ตัวเค้าจะรู้สึกราวกับจนหายลงไปในความมืดชั่วขณะ และกำลังจะมีใครมาแทนที่
“ มานี่ซิ วิซ!! ”
สิ้นเสียง ก็เกิดลมกรรโชก พัดออกจากร่างของ ดาร์ค จน ฮิวาตาริ ต้องถอยออกห่าง
แกร๊ง! แกร๊ง!
เสียงดังขึ้นจาก กุญแจมือ ที่สวมให้ ดาร์ค ไปนั้นตกลงมากระทบกับพื้นกระเบื้อง
และมันอยู่ในสภาพที่ถูกปลดออกเรียบร้อย
“ เอาล่ะนี่คือคำถาม ใครคือชั้น….ตัวจริง ”
เสียงของ ไดสุเกะ เปลี่ยนไปมันฟังดูขรึมและลึกลับ กว่าทุกครั้ง หลังจากที่คำถามดังขึ้น
ลมก็สงบลง พร้อมกับสีหน้า ที่เหยเก ของ ฮิวาตาริ เมื่อดาร์ค กลับมีสองคนขึ้นมา
“ ด..ดาร์ค…ดาร์ค มีสองคนหรือเนี่ย ”
ฮิวาตาริ อุทานด้วยความประหลาดใจ และแล้วที่สุดเมื่อ ความประหลาดใจนั้นทำให้เกิดช่องว่าง
ดาร์ค ที่อยู่ด้านหลังของ ฮิวาตาริ ก็สลายตัวกลายเป็นเงาดำพุ่งอ้อมเข้าไปหา ดาร์ค อีกคนที่ยืน
อยู่ฝั่งหน้าต่างซึ่งในมือนั้น ถือ ขนนกฟีนิกซ์ เอาไว้ก่อนแล้ว
“ ถ้างั้นขอ รับ ขนนก ฟีนิกซ์ ไปก่อนนะ….มานี่ซิ วิซ! ”
สิ้นคำ ดาร์ค ก็ทิ้งตัวลงไปจากหน้าต่างขณะที่ เงาดำซึ่งก็คือเจ้า วิซ ได้พุ่งตามลงกลายเป็น ปีกให้แก่เขา
ก่อนจะบินหนีไป
“ เล่นกันแบบนี้เลยเหรอ….ไม่สนุกเลยนะ…อุบ ”
ฮิวาตาริ ที่ได้แต่มองลับหลัง อาชญากรที่ตัวเองพลาดท่าจนปล่อยให้หนีไปได้ อยู่ซักพักก่อนจะรู้สึก
เจ็บขึ้นมา
“ ท่านผู้กำกับฮิวาตาริ จอมโจร ดาร์ค หนีไปแล้วครับ งานศิลปะ ก็ถูกมันขโมยไปแล้ว จะให้ทำยังไงต่อครับ ”
นายตำรวจ คนอื่นๆที่ออกไปก่อนหน้าวิ่งกลับเข้ามารายงาน ฮิวาตาริ ขณะที่ เค้าเองก็พยายามฝืนไม่แสดงอาการ
ต่อหน้าทุกคน
“ ไม่ต้องตามไป…ยังไงมันก็หนีไปแล้ว ตอนนี้ไปตรวจสอบสภาพความเสียหายภาย
ในก่อนจากนั้นถอนกำลังซะ ”
ฮิวาตาริ พยายามฝืนพูดออกมาให้เป็นปกติที่สุดก่อนที่ นายตำรวจทั้งหมดจะรับคำสั่ง
แล้วออกจากห้องเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ เมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว ฮิวาตาริ ที่ฝืนต่อไปไม่ไหวก็ล้มลง
กุมใบหน้าเสียครึ่งด้วยความ เจ็บปวดที่กำลังแล่นไปทั่วทั้งร่างในตอนนี้
“ อย่านะ…ชั้น…ไม่ยอมให้แกออกมาหรอก…ออกไปจากตัวชั้นเดี๋ยวนี้นะ…แครด(Krad) ”
ฮิวาตาริ สบถพร้อมกับกุมขมับอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหยุดครวญ
“ ไม่ไหวๆ…นายท่านอย่าฝืนเลยจะดีกว่า ให้ แครด คนนี้จัดการเถอะ…หึๆๆ ”
น้ำเสียงของ ฮิวาตาริ เปลี่ยนไปก่อนที่เค้าจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาและสีผมเปลี่ยนกลายเป็นสีทองแทน
ก่อนที่ ปีกสีขาวงอกออกมาจากกลางหลัง
……………………
……………………….
…………………………..
“ และแล้วการต่อสู้เพื่อตัดสินเรื่องเมื่อ พันกว่าปีก่อน กำลังจะเริ่มจนได้สิน้า…ฮิๆๆ ”
เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้น เธอสวมเสื้อคลุมและคลุมหัวด้วยฮู๊ดของเสื้อคลุมนั้น
ขณะที่ทอดสายตามองลงมาจาก ยอดเข็มทิศลม ที่ปักอยู่บนหลังคาของ หอนาฬิกาบนพิพิธภัณฑ์
………………..
…………………………………..
“ นี่….นี่ ดาร์ค… ”
“ อะไรเล่าชั้นได้ยินแล้วไม่เห็นต้องตะโกนเลย! ”
“ ก็ตอนนี้ได้ ขนนกฟีนิกซ์ มาแล้วทำไมชั้นถึงยังเป็นนายอยู่ล่ะ ”
“ เรื่องแค่นั้นเองเหรอนายถึงกับต้องพูดซะดัง…เดี๋ยวมันก็เปลี่ยนของ มันเองล่ะน่า ”
“ ด..ได้ไงกันเล่า ถ้าชั้นไม่เปลี่ยน กลับเป็นเหมือนเดิมแล้วพรุ่งนี้ชั้นจะไปโรงเรียนยังไงล่ะ ”
“ นั่นมันเรื่องของนาย.. ”
“ ดาร์ค!! ”
ไดสุเกะ และดาร์ค ตอนนี้ทั้งสองเถียงกันอยู่กับตัวเอง
ขณะที่บินตัดผ่านท้องฟ้าของเมืองยามราตรีนี้
“ ดาร์ค นี่นายฟังชั้นอยู่รึเปล่า ”
เสียงของ ไดสุเกะ ยังคงบ่นต่อไปไม่ยอมหยุดขณะที่ระหว่างบินอยู่นี้ วิซ ก็
เคาะเท้าของมันเรียก เค้า
“ เงียบก่อน ไดสุเกะ มีบางอย่างกำลังมา ”
“ อะไรอีกเล่า…ชั้นน่ะ.. ”
ขณะที่คุยกันอยู่นั้น ก็มีดาบนับสิบเล่มพุ่งตกลงมา โชคดี ที่ วิซ ไหวตัวทัน จึงบินหลบออกมาได้แบบเฉียดฉิว
“ หวานี่มันอะไรอีกล่ะ ”
“ ชิ เป็นมันจริงๆเหรอเนี่ย ”
ขณะที่ ดาร์ค มองหาตัวการของการโจมตีเมื่อครู่นั้นก็ได้พบกับ อีกบุคคล
ซึ่งมีปีกสีขาวสยายโบยบินอยู่เหนือเค้าในตอนนี้
“ เป็นแกจริงๆสินะ แครด… ”
ดาร์ค สบถขณะที่ให้ วิซ พาบินลงไปหลบยังหลังคาบ้านใหญ่หลังหนึ่งซึ่งตั้งเยื้องออกไปริมผา
“ ร…รู้จักกันเหรอ ดาร์ค ”
ไดสุเกะ ถามขึ้น ขณะที่ วิซ เปลี่ยนร่างคืนจากปีกกลับเป็น หนูตามเดิม
“ เออ รู้จักดีเลยล่ะระหว่างเราสองคน น่ะเป็น… ”
“ เป็น…. ”
ดาร์ค กล่าวไปจนมาหยุดเอาตรงท้าย ทำให้ ไดสุเกะ ทวนเสียง ทว่าก่อนที่ดาร์คจะทันตอบ
แครด ก็เอ่ย ปากเสียก่อนแล้ว
“ เป็นคู่ชีวิตกันยังไงล่า…เนอะ ดาร์ค ที่รัก~ ”
สิ้นคำของ แครด ดาร์ค ก็ตีหน้าเบ้ทันที
“ จ..จริงเหรอ ดาร์ค นาย.. ”
“ บ้าเปล่าจะไปใช่ได้ไงเล่า ชั้นกับเจ้าหมอ นี่น่ะ เป็นศัตรูกันต่างหากเฟ้ย ศัตรูน่ะศัตรูเข้าใจไหม ”
ดาร์ค รีบแย้งทันที เพราะกลัว ไดสุเกะ จะเข้าใจผิดไปอีกคน
“ ใช่แล้วเรา เป็นศัตรูกัน…ศัตรูที่ผูกพันกันด้วยสายใยแห่งรักไงล่ะฮ้า~ ”
แครด กล่าวระห้อยก่อนจะพุ่งลงมาหา ดาร์ค พร้อมกางแขนเตรียมโอบเต็มที่ แต่ ดาร์ค ก็โดดหลบ
ไปที่จั่วหลังคาอีก ด้านทำให้ แครด หน้าทิ่มไปแทน
“ นี่แก…ผ่านไปเป็นร้อยเป็นพันปี แล้วยังไม่เลิกบ้าอีกเรอะ ”
ดาร์ค แย้งใส่ด้วยความรำคาญ ขณะที่ แครด ยกหน้าขึ้นมาทอดสายตาระทวยอ่อนๆใส่
ชวนสะอิดสะเอียน จนดาร์ค อดที่จะอ้วก ไม่ไหว
“ แหมตัวเอง อ่ะไม่เจอกันตั้ง 40 ปีทั้งทีขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยไม่ได้เหรอ ”
แครด ยังคงทำเอียงอายเหมือนหญิงสาวถูกชายหนุ่มเกี้ยวพาราสี
“ ไม่ต้องมาสะดีดสะดิ้น เลยไอ้ ชะนี คราบนักบุญ ”
ดาร์ค ตะคอกกลับไปแบบรับไม่ได้กับ กริยา ที่ แครดแสดงออก
“ แค่นี้ไม่เห็นต้องโมโหกันเลยก็ได้นี่เพราะพวกเราสองคน ก็ก้าวข้ามความบาดหมาง
ข้ามพ้นซึ่งความรัก ข้ามเขตแดนแห่งความเกลียดชัง จนได้มาพานพบกันและกลายเป็นโชคชะตาไงล่า
พวกเรามีความสัมพันธ์ ที่ก้าวพ้นความเป็นศัตรูกันไปแล้วนา ”
แครด ร่ายอย่างเมามันเมื่อเห็นว่า ดาร์ค ยังไม่ยอมจำนน ซึ่งทันทีที่ ร่ายจบ ทั้ง ดาร์ค ทั้งวิซ
ก็รับแทบไม่ไหว กับความเลี่ยนสุดๆของ บทร่ายที่ แครด เอ่ย จนต้องอาเจียน รดหลังคาไป
“ โอ้กกกก…พอๆ พอเลยแก เป็นชะนีแล้วยังบ้าลิเก อีก นี่ ไดสุเกะ
Dragoon Driver นายเก็บไว้ตรงไหน ”
“ เอ๋ เครื่องนั่น น่ะเหรอ เหน็บอยู่ที่เข็มขัดน่ะ ”
ดาร์ค ได้ยินดังนั้นก็เหลือบไปมองที่ เอวซ้าย ซึ่งเหน็บเครื่องแพคคอมขนาดพกพา
เอาไว้กับเข็มขัดอยู่
“ พร้อมนะ วิซ ”
“ กิ้วววว ”
กล่าวจบ ดาร์ค ก็คว้าเอาเครื่องที่เรียกว่า Dragoon Driver ขึ้นมาบนหน้าปกเครื่องมีสัญลักษณ์
วงกลมสีแดงเล็กใหญ่ต่างกันสองวงเชื่อมกันด้วย เส้นสีดำหนึ่งเส้น เมื่อ ดาร์ค แตะลงไปที่สัญลักษณ์
บนเครื่อง ฝาเครื่องก็เปิดออก เผยด้านในให้เห็น ซึ่งด้านใน มีหน้าจอ อยู่ตรงกับช่องสำหรับใส่อะไร
บางอย่างที่คล้ายบัตรลงไปได้ ถัดมาจะมีปุ่มที่สามารถเอานิ้วใส่ลงไปตรงนั้นแล้วหมุนปุ่มได้
เหมือนที่หมุนรหัสโทรศัพท์ สมัยกลาง ที่ฝั่งฝาเครื่องด้านในก็มีช่องกระเป๋าซึ่งเก็บเอาการ์ดสีแดง
เอาไว้หลายใบ เมื่อเปิดเครื่องมา แล้ว ดาร์ค จึงยื่นมือเข้าไปที่ช่องกระเป๋าเก็บการ์ดแล้วคลี่ดูจน
เจอการ์ดสีน้ำเงิน ก่อนจะหยิบมันมาเสียบลงไปช่องด้านล่างหน้าจอ
“ Dragon Ride ”
เสียงทุ้มกังวานขึ้นจาก เครื่องขณะที่ ด้าน แครด เห็นดาร์ค กำลังทำอะไรอยู่นั้น
จึงงัดเอา เครื่องแบบเดียวกันขึ้นมา ทว่าที่หน้าปกเครื่องนั้น เป็นสัญลักษณ์ วงกลมสีเหลืองตัด
แบ่งด้วยเส้นสีแดง
“ ฮ…เฮ้เดี๋ยวสิ ดาร์ค นี่จะทำอะไรน่ะ ”
“ เฉยๆแล้วหุบปากไปเถอะน่า ไม่ได้ใช้มาตั้ง 40 ปีแล้วเครื่องมันอืดไปเยอะเลย ”
ดาร์ค ตอบปัดๆ ไดสุเกะ ไปขณะที่รอจน หน้าจอของเครื่องแสดงภาพขึ้นมา
มันเป็นภาพของ อัศวินมังกรกายสีขาวซึ่งมีปีกสยายกว้างและมือขวามีโล่ที่ประดับด้วย
พลอยสีฟ้าเจียระไนเป็นสัญลักษณ์แบบหนึ่ง
“ อะฮ่ามาแล้ว วิซ จะเริ่มเลยนะ ”
ดาร์ค สอดนิ้วลงไปในช่องของปุ่มที่อยู่ถัดจากหน้าจอ ก่อนจะหมุนจนสุดแล้วปล่อยนิ้วออก
ขณะที่ปุ่มหมุนกลับเข้าที่ก็เกิด เสียงกังวานก้องกลับมาจากเครื่องด้วย
“ Tha…Tha..Thaliwilya ” (Thaliwilya)
เสียงที่ดังออกมานั้นกระตุกเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของ วิซ จะเปลี่ยนเป็นอัศวินมังกรแบบ
ในภาพที่ปรากฏอยู่บนเครื่อง
“ แว้ก…วิซ…กลายเป็นตัวอะไรไปแล้วเนี่ย ”
“ จะตกใจอะไรกัน ไดสุเกะ ถ้าแค่นี้ก็แหยแล้วล่ะก็ระวังจะหัวใจวายเอาไม่รู้ตัวนา ”
ไดสุเกะ ร้องเสียงหลงทันทีที่ เห็นร่างที่เปลี่ยนไปของ เจ้า วิซ
“ Dragon Ride ” “ Tha…li…wil…ya..Dragoon ” (Thaliwilya, the God of Dragoon)
เสียงแบบเดียวกันนั้นกังวานขึ้นจาก เครื่องของ แครด ก่อนที่ แครด จะเปลี่ยนร่างเป็น อัศวินมังกร
เช่นกันทว่ากายและเป็นสีทอง อีกทั้งอาวุธกลับเป็นดาบไม่ใช่ โล่ เหมือนที่เจ้า วิซ เป็น
“ ทำไมถึงไม่แปลงร่างเองล่ะ ดาร์ค ให้ลูกน้องมาสู้แทนนี่คิดจะดูถูกกันเหรอ ”
แครด ที่เปลี่ยนร่างแล้วกล่าว ก่อนจะดึงไพ่ สีแดงออกจาก เครื่องแล้วบรรจุลงไปในช่องใส่
หน้าจอ ของเครื่องแสดง ภาพของดาบสิบเล่มที่ปักทิ่มลงบนพื้น ขึ้นมาก่อนจะส่งเสียง
ก้องกังวาน
“ Attack Ride! Sword Cemetry ” (Sword Cemetry)
สิ้นเสียง ก็ปรากฏดาบนับสิบขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามาหา พวกเค้าตามที่ แครดสั่ง
“ ลูกไม้ตื้นๆแบบนั้น ยังจะใช้มาอีกเรอะ ”
ดาร์ค เองก็ดึงการ์ด ออกมาจากช่องเก็บเช่นกันก่อนจะใส่ลงไปในเครื่อง ภาพบนหน้าจอแสดง
ภาพมวลหมู่ดาวตกและจอมเวทย์ หญิงผู้ร่ายฝนดาวตกนั้นมา
“ Attack Ride! Meteor Swarm ”(Meteor Swarm)
สิ้นเสียงซึ่งกังวานจากตัวเครื่อง เหนือท้องฟ้า ก็ปรากฏมวลหมู่ดาวตกพุ่งลงมา
ทำลายดาบทั้งสิบเล่มจนหมด
ก่อนที่บางส่วน จะพุ่งลงมาที่ แครด แต่มันก็หลบได้อย่างสบายๆ ก่อนจะชักดาบออกจากฝัก
แล้วพุ่งเข้าไปหา แต่ วิซ ก็มารับไว้ด้วยโล่ ขณะที่ ดาร์ค ดึงเอาการ์ดใบต่อไปขึ้นมาใส่ลงไปในเครื่อง
ปรากฏภาพ ของเทพีผู้ถูกแขวนพันด้วยโซ่เพื่อเป็นเครื่องสังเวยแก่ โพเซดอน(Poseidon) เทพีอันโดรเมดา
บนหน้าจอพร้อมเสียงอ่านคำสั่งที่ดังก้องออกมา
“ Attack Ride! Andromeda ”(Andromeda)
สิ้นเสียง ปรากฏสายโซ่นับสิบเส้นพุ่งเข้าไปมัดดาบของ แครด เอาไว้
“ ชิ..เล่นกันแบบนี้เองเรอะ ”
แครด สบถขณะที่พยายาม ยื้อดาบเอาไว้ ไม่ให้ถูกดึงไป แต่โซ่เส้นอื่นก็ย้ายไปมัดแขนและขา
แทน
“ จบกันแค่นี้ล่ะนะ ”
ดาร์ค กล่าวขณะที่ ยัดการ์ดสีแดงอีกสองใบลงไปในเครื่องพร้อมกัน
ปรากฏภาพ ของหญิงสาวซึ่งมือขวาของ นางวางดาบลงและมือซ้ายของนางยกโล่ขึ้นสองภาพ
ก่อนเสียงอ่านตำสั่งของ เครื่องจะดังขึ้น
“ Final Attack Ride ! Justice Yin! ”(Yin)
สิ้นเสียง โล่ของ วิซ ก็เปล่งแสงก่อนมันจะยกโล่ขึ้นตั้งเล็งไปที่ แครด
เมื่อ ดาร์ค หมุนปุ่มบนเครื่องให้ทำงานแล้วแสงที่เรืองรองอยู่บนโล่ ก็พุ่งออก
ไปเป็นลำแสงมังกร แครด ที่เห็นท่าไม่ดี แล้วจึงปล่อยมือจากดาบก่อนจะ คว้าเอาเครื่อง Dragoon Driver
ขึ้นมาแล้วดึงการ์ดสีแดงใส่ลงไปสองใบ ปรากฏ ภาพของ นักบวชชั้นสูงกำลังขับไล่วิญญาณร้าย
ก่อนที่ แครด จะหมุนปุ่มเทื่อให้ เครื่องอ่านคำสั่ง ในขณะที่ลำแสงมังกร ใกล้เข้ามาทุกขณะ
“ Final Attack Ride! The Hierophant High Priest of Ekklesia ”(High Priest of Ekklesia)
สิ้นเสียง ก็เกิดภาพสะท้อนของนักบวชในภาพขึ้นเหนือ แครด ก่อนที่นักบวชชั้นสูง
จะร่ายพรศักดิ์สิทธิ์ ใส่ลำแสงมังกร และโซ่ที่พันธนาการเอาไว้ก็คลายออกและสลายกลายเป็นควัน
ฟุ้งกระจายไปพร้อมกัน
“ ดูท่าจะยังไม่จบนะ ดาร์ค…อุบ…น…นี่มันทำไมต้องตอนนี้ด้วย ”
แครด ที่ทำทีจะผยองกลับ แต่ก็เกิดรู้สึกปวดที่ศีรษะขึ้นมาจนต้องเอามือกุม ขณะที่ควันซึ่งยังฟุ้งอยู่นั้น
ทำให้ ดาร์ค และ วิซ ไม่ทันสังเกตมาที่เค้า
“ ออกไปนะ… แครด ”
“ ท…ท่าน ซาโตชิ…ก็ได้วันนี้จะพอแค่นี้ก่อน ”
เสียงของ ฮิวาตาริ ดังขึ้นมาในหัว ก่อนที่ แครด จะสบถอย่างไม่พอใจแต่จำใจต้องถอยเพราะคงจะ
คุมร่างกายของ ฮิวาตาริ เอาไว้ได้อีกไม่นาน
“ แค่กๆๆ…เจ้านั่นมัน…แค่ก ไปไหนแล้วเนี่ย ”
“ กิ้ววว…กิ้ววว ”
ดาร์ค กับ วิซ ที่ยังคงสำลักควันที่เกิดจาก การปะทะอยู่ยังคงไม่รู้อีกฝ่ายได้ถอยไปแล้ว จนเมื่อควันจาง
นั่นเอง
“ หนีไปแล้วเรอะ…ช่างเถอะเราเองก็กลับกันเถอะ ไดสุเกะ.. ”
ดาร์ค เปรยขณะที่ดึงเอาการ์ดทั้งหมด ที่ใส่ลงไปในเครื่องออกมาเก็บไปที่ช่องเก็บการ์ด
รวมทั้งการ์ดสีฟ้าที่ใช้เปลี่ยนร่างให้ วิซ ด้วยเมื่อทั้งหมดถูกดึงออกมา วิซ ก็กลับคืนร่าง
เป็น หนูเหมือนเดิม
“ ไกลขนาดนี้คงไม่มีใครเห็นไอ้ที่ใส่ไปเต็มที่ขนาดนั้นได้หรอกนะ… ”
ดาร์ค เก็บเครื่องลงไปก่อนหันลงไปมองที่ระเบียงด้านล่าง มีใครบางคนกำลังเดินออกมาที่ระเบียง
“ เมื่อกี้ เสียงอะไรนะ ดังยังกับฟ้าผ่าแน่ะ ”
เสียงที่คุ้นหูเอามากๆดังขึ้นก่อนที่ เจ้าของ เสียงจะเดินออกมา พ้นชายคา เธอคือ ริสะ นั่นเอง
วินาทีที่เห็น ริสะ นั้นหัวใจก็เต้นแรงขึ้น อย่างควบคุมไม่ได้
“ อ..นี่มันเป็นไปไม่ได้…แย่ล่ะสิ กำลังจะเปลี่ยนร่างกลับ.. ”
ดาร์ค ครวญ ขณะที่กำลังจะเสียหลักลงไป ก็ได้ วิซ ช่วยแปลงเป็นปีกหิ้วลงมา
“ ริสะ ไปอาบน้ำได้แล้ว ”
“ จ้า ”
อีกเสียงดังขึ้น ก่อนที่ ริสะ จะรับคำแล้วเดินกลับเข้าไป วิซ จึงหิ้ว ดาร์ค ลงมาที่ระเบียงแทน
ขณะที่ ริสะ เดินออกจากห้องไปทว่าคนที่เข้ามาแทนกลับเป็น ริคุ แฝดคนพี่แทน
เมื่อ ริคุ เดินออกมาเพื่อจะสูดอากาศที่ระเบียง เธอก็หันไปเจอกับ ดาร์ค ที่กำลัง ลงมาที่นั่นพอดี
“ อ..อ๊าาาาา…โจรโรคจิต!...อุบ ”
ริคุ ที่เจอ ดาร์ค เข้าแบบไม่ทันตั้งตัวก็กรีดร้องออกมาด้วยความผวา ด้าน ดาร์ค เองก็
ตกใจไม่แพ้กันที่ อยู่ๆจะมีคนออกมาเห็นเค้าพอดี และเพื่อไม่ให้เธอ ส่งเสียงดังจนคนอื่นกรูกันขึ้นมาอีก
เค้าจึงต้องเข้าไป ปิดปากเธอไว้
“ ย..อย่า..อย่าเสียงดังสิ ชั้นไม่ใช่คนร้ายอะไรหรอก ”
ดาร์ค ที่พยายามจะทำให้เธอ ใจเย็นลงกลับไปทำให้เธอ กลัวหนักขึ้นไปอีก
“ ว้าย..ออกไปนะ ออกไป! ”
ริคุ ดิ้นจนหลุดก่อนจะตะโกน ดังกว่าเก่า อีก คราวนี้ ดาร์ค ที่กำลังจะคืนร่างด้วยอยู่แล้วก็
รับมือเธอไม่ไหว ร่างของเค้าเองก็เริ่มจะซ้อนขึ้นมากับร่างของ ไดสุเกะ แล้ว
ก่อนที่จะมี ใครมาเห็นเข้า เค้าจึงให้ วิซ แบก ออกไปจากที่นี่ทันที
“ ม..ไม่จริงเมื่อกี้ที่เราเห็นนั่น ”
ริคุ เปรยหลังจาก ที่ ดาร์ค ได้จากไปแล้ว แต่สิ่งที่เธอเห็นก่อนเค้าจะไปก็คือร่างของ ไดสุเกะ ที่ซ้อนขึ้นมา
ในตอนนั้น
“…นิวะ คุง.. ”
ริคุ เปรยออกมาท่ามกลางความเงียบสงัด ของราตรีนี้ ก่อนที่ ประตูห้องจะเปิดออก พร้อมกับ ริสะ
ที่วิ่งหน้าตื่นขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
“ น..นี่ ริคุ อยู่ไหน…มันอยู่ไหนเจ้า…โจรโรคจิตน่ะ ”
ริสะ ถามไปหอบไป ขณะที่ ริคุ เองยังดูเหมือนจะเหม่อ อยู่
“ หา!ไม่จริ้งงงง…น..นี่..ริคุ หรือว่าเธอเหม่อขนาดนี้…ย..อย่าบอกนะว่า โดนเข้าให้แล้ว ”
“ จะบ้าเหรอพูดอะไรของเธอน่ะ ริสะ คิดไปถึงไหนกันเนี่ย ”
……………………
………………………..
บ้าน นิวะ
ณ ชั้นใต้ดินที่ลึกลงมา 2 ชั้นของ บ้านนิวะ ที่นี่เป็นห้องที่โถงที่ไม่ใหญ่มาก ลักษณะเหมือนเป็นภาย
ในหอคอยเก่าของ ยุคกลาง ที่กลางห้องมีแท่น สำหรับทำพิธี ตั้งอยู่ซึ่งบนแท่นตอนนี้ วางเอา
ขนนกฟีนิกซ์ ที่พึ่งโจรกรรมมาได้เอาไว้ ในขณะที่ ไดคิ กับ เอมิโกะ ซึ่งแต่งตัวเหมือนพวก
จอมขมังเวทย์ กำลังประกอบพิธี อยู่หน้าแท่น โดยมี ไดสุเกะ
ที่กลับคืนร่างจาก ดาร์ค แล้ว กับเจ้าวิซ คอยมองอยู่ห่างๆ
“ ในนามของผองเทพ ผู้เกรียงไกร โปรดมอบอำนาจศักดิ์สิทธ์ ผนึกวิญญาณร้ายในสิ่งนี้ มิให้ออก มาด้วยเถิด ”
สิ้นเสียงของ ไดคิ ก็เกิดแสงสว่าง เรืองรองออกมาจาก ขนนกฟีนิกซ์ ก่อนที่ เอมิโกะ จะนำเอา
การ์ดสีขาวมาวางลงบนแท่นพิธี แสงทั้งหมดที่เปล่งออกมารอบๆ ขนนกฟีนิกซ์ ก็ถูกดูดลงไป
ในการ์ดจนหมดก่อนที่การ์ดจะปรากฏภาพของ ขนนกฟีนิกซ์ ขึ้นมา ส่วนของจริงก็ยังคงอยู่
เหมือนเดิมหากแต่ว่าพลังที่สถิต
อยู่ข้างในได้ถูกผนึกเอาไว้ในการ์ดเรียบร้อยแล้ว
“ เสร็จแล้วจ้ะ ได-จังเองก็ไปนอนได้แล้วนะ ”
เอมิโกะ กล่าวขณะที่ ยกเอา ขนนกฟีนิกซ์ ออกจากแท่นพิธีเพื่อจะเอาไปเก็บ
“ ครับ ไปนอนแล้วนะครับ…อ๊ะเดี๋ยวสิ บอกผมมาก่อนสิครับว่าไม่เป็นไรแล้วน่ะ ”
ไดสุเกะ ที่ตกปากรับคำไปก่อนจะนึกขึ้นมาได้ จึงรีบแย้งถามทันที
“ อะไรหรือจ้ะ ได-จัง ”
เอมิโกะ ถามกลับด้วยสีหน้างงๆ
“ ผมน่ะไม่ว่ายังไง…ก็จะไม่ออกไปขโมยอีกแล้ว…ทั้งน่ากลัว ทั้งลำบากอีก.. ”
“ แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกจ้ะ ”
“ เอ๋ ”
ไดสุเกะ ที่พยายามจะอธิบายว่าตนไม่อยากจะออกไปทำงานของ ดาร์ค อีกแล้ว ก็ถูก เอมิโกะ ขัดขึ้นมาซะก่อน
พร้อมกับที่ รูปถ่ายของ ริสะ ที่ตกอยู่ในห้องของเขา จะมาอยู่ในมือของ เอมิโกะ
“ เพราะตราบใดที่ลูกยังชอบ ฮาราดะ ริสะ อยู่ ลูกก็จะต้องแปลงเป็น ดาร์ค อีกแน่นอน ”
ทันทีที่ เห็นรูปของ ริสะ D.N.A. ในร่างของเค้าก็พาลจะทำงานเอาขึ้นมาเสียดื้อๆ
จนต้องละสายตาไม่หันไปมอง ขณะที่ แม่ของเค้า หัวเราะคิกคัก ด้วยความชอบใจก่อนจะ
หันด้านหลังรูปกลับเพื่อไม่ให้ ไดสุเกะ มองจนเปลี่ยนร่างเป็น ดาร์ค ไป
“ อ..อะไรกันน่ะ คุณแม่ไปเอารูปนั้นมาจากไหน.. ”
ไดสุเกะ ถามด้วยท่าทีรนราน ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เอมิโกะ คงไปเอามาจากห้องของเค้า
เมื่อคิดดังนั้น เค้าก้หน้าแดงขึ้นมาด้วยความเขินทันที
“ อะ..เอาคืนมาน้า ”
ไดสุเกะ ร้องขณะที่ เข้าไปคว้าเอา รูปมาจากมือ ของ เอมิโกะ แต่ก็ วืด ไปเพราะเธอยก
มันขึ้นสูงเกินกว่าตัวเค้าจะคว้าถึง
“ เพราะ D.N.A.ของ ดาร์ค น่ะจะมีผลต่อความรู้สึกรักชอบของลูก
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ ได-จัง เปลี่ยนเป็นดาร์ค และ ดาร์ค ก็เปลี่ยนเป็น ได-จัง
ด้วยเหตุผลเดียกันยังไงล่ะจ้ะ ”
เอมิโกะ อธิบายต่อทันทีโดยไม่สนท่าทีของ ลูกชายที่กระโดดกระผือรือ จะเอารูปคืน
แต่เมื่อฟังคำอธิบายจบ ไดสุเกะ ก็รีบหันไปหา ไดคิ ต่อทันที
“ ม..ไม่จริงใช่ไหมครับ คุณตา นี่มันเรื่องล้อเล่นใช่ไหมครับเนี่ย ”
ไดสุเกะ ถามอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ ไดคิ ก็ส่ายหน้าปฏิเสธลูกเดียว
“ อย่างที่ เอมิโกะ พูดน่ะแหละ เพราะเจ้ายังไม่ได้ พระแม่มาเรีย ที่เป็นของเจ้าเองมายังไงล่ะ ”
ไดคิ ตอบหลังจากที่ฟังคำตอบแล้ว ไดสุเกะ ก็นึกไปถึงคู่พี่น้องฮาราดะ ขึ้นมาในหัวทันที
“ หา! พระแม่มาเรีย..ของผม..ถ้าอย่างนั้น.. ”
ไดสุเกะ ทวนคำอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่รู้มา
“ ช่าย ช่าย ใช่ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ถ้าสมหวังในรักก็จะคืนสภาพเดิมอย่างสมบูรณ์ได้ ฮิๆๆ ”
เอมิโกะ ตอบให้หายสงสัยกันไปในทีเดียวทันที ด้าน ไดสุเกะ ที่กระจ่างในข้อสงสัยทั้งหมด
ก็มานั่งคิดต่อ แต่เมื่อทบทวนถึงเหตุผลที่เค้ากลายเป็นดาร์ค และ ดาร์ค กลายเป็นเค้าแล้ว…
“ จะเปลี่ยนร่างกลับไปมาด้วยเหตุผลเดียวกันงั้นเหรอ …นี่หรือว่า ดาร์ค เองก็ ”
………………….
………………………..
“ เงื่อนไขกว่าพันปี ของพวกเรา 3 คนน่ะ…พึ่งจะเริ่มเท่านั้นเองนะ ฮิๆๆๆ ”
เสียงหัวเราะที่ดังแว่วมากับสายลมในยามค่ำคืนนี้ จะยังคงก้องกังวานต่อไปจนกว่า
รุ่งสางของวันถัดไปจะมาเยือน……………
โปรดติดตามตอนต่อไป
Next Notice
ทั้งๆที่…อยากจะใช้ชีวิตแบบนักเรียนธรรมดาแท้ๆ อึ้ย ไม่อยากจะคิดถึงมันเล้ย
จากนี้ไปชีวิตผมจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย
กิ้วววว ตอนต่อไป Notice 1.2 ยังมี…อีกคน..
ต่อไปตาฉันออกโรงแล้วสิ นะ ฮิๆๆๆ….
เสร็จสิ้นสักทีกับปฐมบทเริ่มต้นของภาคสามที่อ่าน ยังไง้ยังไง มันก็มาจากต้นฉบับแท้ๆ
ไปๆมาๆ แครด หื่นได้อีก - -* เพราะคิดว่าทำอะไรให้มันแตก ต่างบ้างคงจะดีเพราะใจไม่รู้จะเริ่มเรื่องยังไง
ในหัวมันมีแต่ นิวะคุง นิวะคุง นิวะคุง เต็มไปหมด เมื่อจับต้นชนปลายไม่ถูกก็เลยเอา อนิเมกับหนังสือมารวมกัน
แล้วมิกซ์ ใส่สีป้ายเล่นเข้าไปใหม่แล้วยัดพล็อตตัวเองลงไป มันเลยออกมาเป็นแบบเนี้ย เอาเป็นว่า
ภาคนี้เด่นๆคือ การ์ดตัวละครแบบรีมิกซ์จากการ์ตูนก็แล้วกันเน้อ แต่คอยอ่านต่อไปน้า รับรองไม่ซ้ำ
กับซีรี่ย์ต้นฉบับแน่ (แต่แค่คล้ายๆน่ะ เหอๆ) แล้วก็มี 3ตอนของภาคนี้แต่ดูเหมือนเราจะหักหลัง
คนดูอีกแล้วนะเนี่ย
(ภาคที่แล้วบอกมี 25 ไปๆมาๆ เหลือ 20 ภาคนี้บอกมีสามไปๆมาๆ ดันแยกเป็น
ตอนย่อยแล้วนับรวมเป็น 1 ตอนฮ่วย)
ส่วนตัวละครอื่นกะลังเร่งทำภาพอยู่รอต่อไป ตอนหน้าคงเห็น ริสะ กับ ริคุ แล้ว อ่อ อาร์เจนติเน่ ด้วย