Chapter 24 เคียวปีศาจ
บริเวณที่ราบรกร้างนอกเขตเมืองฟอร์เรนเชียเวลานี้คลาคร่ำไปด้วยพลรบของกองทัพเพลิงทมิฬ ประกอบไปด้วยนักรบเพลิงมารสองพันนาย กองกำลังนกโมฮาห้าพันนาย ผู้ฝึกสัตว์แห่งซาโลมสามร้อยนาย สุนัขเขาดาบ(Saber Horn Hound)หกร้อยตัว สุนัขป่าสองหาง (Two Tails Hell Hound)สามร้อยตัว กริฟฟินดำ(Black night Griffin)ห้าร้อยตัว มือเพชฌฆาตแห่งซาโลมห้าร้อยนาย มังกรดำโนฟโฮทิออนสิบตัว ทหารฝีมือดีหนึ่งหมื่นนาย และทหารชั้นเลวอีกหนึ่งหมื่นห้าพันนาย ราโชยูนั้นนั่งอยู่ในเพิงพลขนาดใหญ่ที่เพิ่งจะถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆจากต้นไม้ที่หาได้ในบริเวณนั้น เพิงนั้นตั้งอยู่บนเนินสูงซึ่งแม่ทัพใหญ่สามารถมองสอดส่องและสั่งการทัพได้อย่างทั่วถึง
แสงทองของรุ่งอรุณที่จับอยู่ตรงเส้นขอบฟ้านั้นสร้างความหงุดหงิดในใจให้กับแม่ทัพทมิฬที่รอคอยการมาของทัพฟีเลเซียอยู่ไม่น้อย เหล่าทหารแห่งซาโลมที่ตั้งขบวนทัพเป็นทิวแถวต่างก็รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ทุกคนต่างจับจ้องไปที่เนินสูงสุดเขตที่ราบอีกฟากหนึ่งอันเป็นจุดที่ทัพฟีเลเซียจะต้องเคลื่อนทัพมาประจัญกับพวกตน ทั่วทั้งท้องทุ่งนั้นนิ่งสงัดแม้ว่าจะมีทหารนับหมื่นนายประจำการอยู่ทว่ากลับไร้ซึ่งเสียงใดๆ แม้แต่นกหรือแมลงที่เคยออกมากินน้ำค้างยอดหญ้าในยามเช้า มาวันนี้ก็กลับเงียบงัน
ไม่นานนักทั่วทั้งท้องทุ่งราบก็เริ่มรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กๆที่เกิดขึ้น ก้อนกรวดเล็กๆตามพื้นนั้นสั่นตามแรงสะเทือนจนดูราวกับกำลังเริงระบำ พลันเหล่าทหารก็ได้ยินเสียงควบของม้านับหมื่นที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆจากที่ใดที่หนึ่งของทุ่งราบ เสียงแตรก้านยาวหลายร้อยคันดังประสานกังวานจนสะท้อนก้องไปทั่วทั้งบริเวณ ฝูงสุนัขศึกต่างเริ่มส่งเสียงขู่คำรามไปยังทิศทางเบื้องหน้า แม่ทัพทมิฬยิ้มน้อยๆอย่างพึงพอใจก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณให้พลกลอง เสียงกลองก็ดังกระหึ่มระรั่วก้องเพื่อปลุกใจเหล่านักรบเพลิงให้ฮึกเหิมยิ่งขึ้น
S
ชาร์ล คลาแรนซ์ กระชับสายบังเหียนแน่นควบรถศึกขึ้นเนินสูงมุ่งหน้าสู่ที่ราบกว้างอันเป็นที่ตั้งมั่นของกองทัพซาโลม เสียงกลองและเสียงโห่ร้องของทัพซาโลมดังสนั่นลั่นทุ่ง แม่ทัพหนุ่มควบรถม้าของตนทะยานขึ้นสู่ยอดเนินก่อนจะยกมือขึ้นเป็นสัญญาณ แสงจากดวงอาทิตย์ที่เพิ่งจะเคลื่อนโผล่พ้นเส้นขอบภูเขาสะท้อนกับชุดเกราะสีเงินจนเกิดประกายเจิดจ้า ผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่ต้องลมโบกสะบัดจนดูเหมือนว่าเขามีปีกสีน้ำเงินขนาดใหญ่โอบรอบปกป้องเขาอยู่ การปรากฏตัวของแม่ทัพแห่งฟีเลเซียทำให้ทั่วทั้งท้องทุ่งเกิดความเงียบไปชั่วขณะเลยทีเดียว
ชาร์ลกวาดสายตาประเมินกองทัพข้าศึกอย่างรวดเร็ว และทันทีที่แม่ทัพใหญ่ตวัดมือลงลูกธนูนับพันดอกก็ถูกยิงข้ามเนินสูงใส่ทัพหน้าของซาโลมดั่งห่าฝน เสียงดีดของสายเอ็นและเสียงลูกธนูที่ว่ายแหวกอากาศครั้งแล้วครั้งเล่านั้นไม่ต่างกับเสียงเพลงแห่งความตายที่บรรเลงเพื่อประหัตประหารศัตรู
ทัพหน้าของซาโลมที่มั่วแต่ตกตะลึงต่างก็วิ่งหลบพลางใช้อาวุธและโล่ปัดป้องฝนธนูเป็นพัลวัน บ้างก็วิ่งหลบฝนธนูจนชนกันล้มลุกคลุกคลาน บ้างก็ถูกลูกธนูล้มตายเสียก็มาก เมื่อแม่ทัพหนุ่มเห็นว่าทัพหน้าของซาโลมเริ่มระส่ำระสายจนไม่เป็นขบวนแล้วจึงได้ให้สัญญาณอีกครั้ง ฝูงนกซอร์วิง ซอร์กริฟฟิน และ นกร็อคแดงก็โผทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบนด้วยความเร็วสูงก่อนจะพุ่งตัวลงจิกทึ้งเหล่าทหารซาโลมและฝูงสุนัขศึกอย่างเต็มกำลัง บ้างก็โฉบเอาเหล่าข้าศึกไม่ว่าจะเป็นทหารหรือสุนัขศึกขึ้นสูงสู่ห้วงอากาศก่อนจะจิกทึ้งนับครั้งไม่ถ้วน บนท้องฟ้าที่ไร้ซึ่งแผ่นดินให้เหยียบยืนเหยื่อที่เคราะห์ร้ายแทบจะไม่มีทางต่อกรกับนกยักษ์ได้เลย เมื่อจิกทึ้งจนหน่ำใจแล้วมันก็ปล่อยเหยื่อทิ้งกลางอากาศ ร่างเหยื่อก็ดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็วจนร่างกายแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี ซอร์วิงบางตัวเสียท่าถูกสุนัขศึกตะครุบตัวไว้ได้ก็ถูกกัดกินจนตายไปก็มาก เมื่อซาโลมดูเหมือนจะเสียเปรียบเหล่าทัพนก กองทัพก็รีบส่งมังกรดำโนฟโฮทิออนออกมาจัดการกับเหล่านกยักษ์ทั้งหลาย ซึ่งฟีเลเซียก็ไม่รอช้าที่จะส่งมังกรดิมมินูวเลี่ยนเข้าต่อกรด้วย ทำให้การสู้รบทวีความรุนแรงและดุเดือดยิ่งขึ้น