Summoner Master Forum
November 26, 2024, 01:34:10 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 ... 3 4 [5] 6  All
  Print  
Author Topic: (จบบริบูรณ์) Legend Thaliwilya of Alimathea:Final Saga ,อัพสารบัญเรียบร้อย  (Read 91573 times)
0 Members and 24 Guests are viewing this topic.
Uria
Member
*****
Offline Offline

Posts: 185


Email
« Reply #120 on: April 24, 2009, 08:30:19 PM »

 - -* ยิ่งอ่านยิ่ง...มีกีอัสด้วย
เด๊ยวใส่เดธโน๊ตเลยกะได้นะครับ - -*
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #121 on: April 24, 2009, 08:52:10 PM »

ตอนนี้เท่าที่ดูท่าเอาลิสชื่อ การ์ตูนที่น่าจะมีส่วนเอี่ยว ด้วยในเรื่องมาเรียงดูมันเริม่เยอะแล้วนะเนี่ย

1. Gundam 00
2.Code Geass
3.kamen rider den-o
4.kamen rider Decade
5.mamotte lollipop

เท่าที่ เจ๊พอจะเดาออกอ่ะนะ นอกจากนั้น คงมีอีกล่ะมั้ง ไปๆมาๆมันเละแล้วนะเนี่ย
จะจบแบบไหนหว่า
Logged


ginn
Member
*****
Offline Offline

Posts: 9


« Reply #122 on: April 26, 2009, 02:25:46 AM »

เฮ้ย ลืมไปอีกหลายเรื่อง

1.Kamen rider kiva
2.negima
3.otoko juuku
4.evangelion


ลืมไปไ้ด้ยังไง

ปล.คนเขียนนิยายเรื่องนี้หน้าโครตเหมือนอาเบะ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #123 on: April 26, 2009, 04:25:38 PM »

Quote
1.Kamen rider kiva
2.negima
3.otoko juuku
4.evangelion

อ่านะ อันนี้ลืมอยู่เหมือนกันว่าแต่ เนกิมะ มันเอี่ยวไรด้วยล่ะเนี่ย

Quote
ปล.คนเขียนนิยายเรื่องนี้หน้าโครตเหมือนอาเบะ

ไม่ใช่ว้อย ตรูคือ คิระ ยามาโตะ จาก gundam Seed Deatiny ต่างหากว้อย
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #124 on: April 26, 2009, 04:40:20 PM »

Saga 18 Emperor Recca..


ยามเช้าที่มืดมิด ที่ซึ่งหิมะ โปรยปรายท่ามกลาง ทุ่งกว้างตัดกับต้นสนน้อยใหญ่ ทั่วทุ่งแห่งนี้
ที่เคยเต็มไปด้วยดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ  และเปลี่ยนสีในฤดูร้อน ร่วงโรยเมื่อใบไม้ร่วง และเหี่ยวแห้งเมื่อ ลม

เย็นแห่งฤดูหนาว....มาเยือน ทุ่งแห่งนี้ก็ปกคลุมด้วยหิมะอันขาวบริสุทธิ ทว่าเงาของหิมะกลับไม่ทอประกายเป็น
สีฟ้า ในยามเช้าที่มืดมิดและหนาวเหน็บราวกับค่ำคืน ที่ยาวนานไม่รู้จบนี้ ความรู้สึกของ ฉันถูกทิ้งไว้
อย่างโดดเดี่ยว ความเงียบสงัดที่ราวกับจะกลืนกินฉันลงไป ความอ้างว้าง เมื่อปราศจากเธอ...


“ นาย...จะไปจริงๆเหรอ ”
R2 กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าๆ เมื่อ ชายตรงหน้าเธอนั้นกำลังจะเดินจากเธอไป ท่ามกลางทุ่งหิมะอันหนาวเหน็บนี้

“ อืม..ทุกคนกำลังรอ เพื่อผืนดินแห่งใหม่ ”
ชายตรงหน้าตอบเธอโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

“ ถ..ถ้าอย่างนั้นฉันจะไป... ”
“ ไม่ได้ ”
R2 กล่าวได้ไม่ทันจะขาดคำ ชายคนนั้นกลับตะคอกออกมา มือของเขาสั่นเทาด้วยความ
รู้สึกเช่นไรนั้น มิอาจรู้ได้ หากรู้เพียงแต่หัวใจของเค้ากำลังขัดขืนกับ อุดมการณ์

“ มันอันตราย...อันตรายเกินไปถึงเธอจะเป็นนักรบ...แต่ชั้นก็ไม่อยากให้เธอต้องไปเสี่ยง ”
ชายหนุ่ม กล่าวด้วยน้ำเสียงเทา ซึ่งนั่นได้ทำให้ R2 เข้าใจถึงความรู้สึกของเค้า ในขณะนี้

“ งั้นสัญญาได้ไหม...ว่าจะ..กลับมา ”
R2 กล่าวพลางก้มหน้าด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในอก แม้จะอยากห้ามเค้าไว้แต่เธอรู้ดีว่า
ไม่อาจขัดขวางเขาได้

“ อืม..ชั้น..สัญญา.. ”
ชายหนุ่มกล่าวจบ ก็วิ่งเตลิดออกไปเพื่อไม่ให้เธอตามเขามา ทิ้งให้ R2  ยืนมองจนเค้าหายลับไปจากสายตา

........................
.............................

“ หลังจากนั้นนายก็ไม่กลับมาอีกเลย...เดรค (Drake) บางทีชั้นอาจเห็นภาพของนายซ้อน
ทับกับใครบางคนในตอนนี้ซะแล้วสิ ”
R2 คิดขณะที่นั่งมอง เรกกะ ซึ่งกำลัง รอให้คณะสมาชิกจากทุกอาณานิคม ที่ยังคัดค้านกับการ เข้าร่วมกับสหพันโลก
เข้ามาจนครบ  โดยมี เฟนท์ ลอว์เรนซ์ ยืนคุ้มกันอยู่ข้างๆ

“ เอาล่ะทุกท่าน ในที่สุดก็มากันพร้อมแล้วสินะ ”
เรกกะ กล่าวเมื่อเห็นว่า ทุกคนมากันพร้อมแล้ว เค้าจึง ถอดเอา หน้ากากตาขวาออก ก่อนที่ ดวงตาข้างขวาจะเปล่งแสงสัญลักษณ์แห่ง Genesis ออกมา

“ ในนามของ เรกกะ ไฮเดย์ พวกเจ้าจงอยู่ใต้อานัติของเรานับแต่บัดนี้ ”
สิ้นคำ แสงก็เปล่งประกายเจิดจ้าไปทั่วทั้งห้องก่อนที่ บรรดาคณะสมาชิก จะถูกสะกดด้วย Genesis

“ All Hari Recca….. All Hari Recca…. ” 
สมาชิกทุกคนในห้องต่างลุกขึ้นกล่าวสรรเสริญ เรกกะ กันอย่างพร้อมเพรียง

“ เท่านี้ ไพ่ทุกใบในมือก็พร้อมแล้ว..หึๆ ”
เรกกะ เปรย ก่อนจะ สะบัดชายเสื้อคลุมออกแล้วเดิน จากไปพร้อมกับ
 เฟนท์ ลอว์เรนซ์ และ R2 ที่ตามกันออกมา

“ อีกซักพัก ทาง สหพัน จะติดต่อเข้ามาระหว่างนี้ ท่านผู้นั้นอยากจะขอ
พบเพื่อพูดคุยกันซักเล็กน้อย ถ้าการติดต่อเข้ามาแล้ว จะไปตามให้ อีกที ”
อิจิกิ กล่าวขณะที่เดินสวนมามาตามทางเดิน จนพบกันระหว่างทาง

“ งั้นฝากด้วยนะ ”
เรกกะ ตอบก่อนจะเดินแยกออกไปอีกทาง ก่อนที่ทุกคนจะตามไปด้วย ส่วน อิจิกิ นั้นเดินย้อนกลับทางเดิมไป

“ พลังของ เรกกะ ตอนนี้น่าจะทำได้..ทำให้ Dragoon Requiem สำเร็จ ”
เฟนท์ คิดขณะที่เดินตามไปก่อนจะนึกย้อนไปถึง เหตุการณ์บางส่วนของ ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา


พวกเรา ได้เดินทางมาที่ หอคอยแห่งนภา Sky Pillar ที่ตั้งของ สมาคมมังกรนภากาศ หรือ สหประชาคมโลก
ซึ่งกุมอำนาจของ ทั้งเทอร่าเลยก็ว่าได้ ภายในองค์กร นั้นบริหารจัดการ กันโดย เหล่ามังกรชั้นสูงที่อยู่มากว่า
ร้อยปีชักใยอยู่เบื้องหลัง  ซึ่งมี
ทอลเมนอส มังกรแห่งรุ่งอรุณ(Tolmenos, the Golden Dawn Dragon) เป็นผู้นำฝ่ายตะวันออก
อิลคิมซูม มังกรแห่งพายุฝนอันบ้าคลั่ง (Ilkimsumm, the Tempest Dragon) เป็นผู้นำฝ่ายตะวันตก




คัลราซิลย่า มังกรแห่งนภาสีเงิน (Kallasilya, the Sky Dragon) เป็นผู้นำฝ่ายเหนือ
ซุเรเทอเลี่ยน มังกรแห่งพายุฝนฟ้าคะนอง (Suletirion, then Thunderstrom Dragon ) เป็นผู้นำฝ่ายใต้



การบริหารของ องค์กร นั้นจะใช้มุนษย์ฉากบังหน้า แล้วตัวเองคอยชักนำความเป็นไปขององค์กร
อีกที ซึ่งผู้นำสูงสุดที่มีสิทธิอำนาจในการตัดสินใจทั้งหมดก็คือ...

เฟนท์ ที่คิดมาจนถึงตรงนี้ พวกเค้าก็ได้มาถึงห้องเป้าหมายแล้ว เมื่อประตูเปิดออก ภายในห้องนั้น
เป็นห้องเล็กๆที่ประดับตกแต่งอย่างเรียบง่าย ไม่มีเครื่องมืออำนวยความสะดวกใดๆมีเพียงโต๊ะวางแจกัน
กับ โคมไฟโบราณ 1 ดวงเท่านั้น

“ เข้ามาสิ ”
ที่กลางห้องเจ้าของเสียงเอ่ยเชิญชวญพวกเค้าให้เข้ามา ผู้ที่เชื้อเชิญนั้น เป็นมังกร กายสีเขียวมรกต และ
มีขนาดไม่ใหญ่มาก กำลังคอยพวกเขาอยู่ ด้วยทีท่าที่สงบนิ่ง

“ ผู้นำสูงสุดของสภามังกร นภากาศ มหามังกรนักปราชญ์ อีสควอเทีย (Isquatia, the Great Elder Dragon) ”
เฟนท์ คิด ขณธที่ทุกคนพากันเดินเข้าไป นั่งในห้อง ตามคำเชื้อเชิญ



“ ก็นึกอยู่แล้วว่าเธอจะต้องมา แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะเร็วอย่างนี้. ”
อีสควอเทีย  กล่าวน้ำเสียงเรียบ

“ ที่จริงว่าจะมาแค่ ยับยั้งเรื่อง คาทราสโทฟี ตามที่ อาจารย์ บอกมาเท่านั้นเองน่ะครับ แต่ไปๆมาๆ
ก็เลยว่าจะทำให้ที่นี่มันเข้าที่เข้าทางไปด้วย ก็เลย...แต่ไม่นึกเลยนะครับว่า ประธานสูงสุดจะเป็น
 อาจารย์ ไปได้น่ะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวแบบเขินๆ โดยพยายามแก้ตัวกับเรื่องที่พวกเค้าบุกมา ยังสภากลาง
ของที่นี่ แล้วก็ได้พบกับ อีสควอเทีย หลังจากที่คุยกันแล้ว ถึงได้รู้ว่า อีสควอเทีย เคยเป็นอาจารย์
วิชาประวัติศาสตร์ ที่ลอว์เรนซ์ เรียนด้วยตอนอยู่ที่อดีต เมื่อ สองร้อยกว่าปีที่แล้ว

“ ไม่มีใครเรียกว่า อาจารย์ มานานแล้วสินะ...นึกถึงเมื่อก่อนจริงๆ สมัยที่ยังสอนเธออยู่ตอนนั้นเธอกับ ก๊วนน่ะซนไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว ตั้งแต่ เหตุการณ์ เสียเมอริเซีย พอได้มาพบเธออีกครั้งแบบนี้มันรู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันนะ ”

อีสควอเทีย กล่าวขณะที่ระลึกถึงความหลังสมัยนั้น ซึ่งแม้จะเลือนรางแต่ก็ไม่อาจลืมได้ ถึงวีรกรรมของ ลอว์เรนซ์
และพวกพ้องในครั้งนั้น ทั้ง ลอว์เรนซ์ เจนัส นีน่า ลากูน่า และ ทุกฝ่ายไม่ว่าจะมนุษย์ เทพ หรือ ปีศาจ ที่ร่วมกันต่อสู้
เพื่อ ปกป้องเทอร่าให้พ้นภัย



“ จริงสิโทษทีนะได้มาพูดถึงเรื่องเก่าๆเลย คุยเพลินไปหน่อยเอ้อ โทษทีนะทุกคนพอดีเรื่องที่ชั้นจะพูด อยากจะขอคุยเป็นการส่วนตัวกับ เรกกะ แล้วก็ สองคนนั้นน่ะ ช่วยทีนะ ”
อีสควอเทีย กล่าวก่อนจะชี้ไปที่ เฟนท์ และ R2 ดังนั้น ลอว์เรนซ์ จึงกล่าวลาก่อน จะเดินออกจากห้องไป

“ เรื่องอะไรหรือครับที่จะคุยด้วยน่ะ ”
เรกกะ กล่าวถามด้วยความอยากรู้

“ ที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกเพียงแต่... ”
อีสควอเทีย กล่าวก่อนจะหยุดไปแค่นั้น

“ เพียงแต่อะไรหรือครับ ”
เฟนท์ ก็ถามขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นว่า อีกฝ่ายเงียบไป

“ เพียงแต่ ฉันแค่เห็นว่า สิ่งที่พวกเธอกำลังจะเริ่มทำกันต่อไปจากนี้ หากผิดพลาด
เพียงน้อย เรื่องราวก็อาจไม่จบลงแค่นั้น เพราะฉนั้นจึงอยากจะให้พวกเธอได้ตริตรองอีกสักครั้ง ”
อีสควอเทีย กล่าวน้ำเสียงเรียบ

“ ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ เราเตรียมใจเอาไว้แล้วล่ะครับ ”
เรกกะ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ แม้จะแผ่วเบาเมื่อนึกถึงการเตรียมใจในแผนการของพวกเค้า
ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ เฟนท์ ได้ยอมตกลงร่วมมือกับ เค้าอีกครั้ง

“ ฉันเองได้ฟังเรื่องของพวกเธอมาจาก ลอว์เรนซ์ บ้างแล้ว ที่ผ่านมาพวกเธอเจออะไรมา
บ้างฉันเองก็พอจะเข้าใจ

เพียงแต่ ที่ฉันอยากขอให้เธอตริตรอง ให้ดีก่อนจะลงมือ ก็เพราะ จุดจบของเรื่อง
มันอาจไม่เป็นอย่างที่พวกเธอต้องการ

ให้เป็นก็ได้ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่จะไม่เคยเกิด เลยอยากจะเล่าเรื่องหนึ่งให้พวกเธอได้ฟังเอาไว้
 มันเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว  ”

อีสควอเทีย กล่าวทันทีที่เริ่มกล่าวถึงเรื่องนี้ ดวงตาของมังกรชราผู้นี้ก็ดูเศร้าสร้อยลง ในทันที

“ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นกว่าพันปีมาแล้ว ในยุคนั้นเป็นการเริ่มบุกเบิกเมอริเซีย
ของบรรพบุรุษ ชาวฟีเลเซีย ในการออกหาดินแดนแห่งใหม่ ”
อีสควอเทียกล่าว ทว่าทันทีที่เริ่มเล่าออกมานั้น R2 ก็เริ่มมีสีหน้าแปลกๆเธอ
ขมวดคิ้วพลางเบือนหน้าหนีเล็กน้อยราวกับกำลังกลุ้มใจถึงบางเรื่อง

“ ตำนานของ อัศวินทาลิวิลย่า มันเริ่มขึ้นมาจากตรงนั้น เมื่อ บุรุษชาว ฟีเลเซีย คนหนึ่งได้
ปราบมังกรทมิฬ ที่อยู่บน

แผ่นดินน้ำแข็ง แอนดิซอง ลงได้ เนื้อหาของตำนาน ถูกเล่าขานสืบต่อกันมา
เพียงแค่นั้นหากแต่ความจริงแล้ว วีรกรรม
นั้นก็แฝงมาพร้อมกับ เรื่องเศร้า ที่ไม่ควรจะเกิด  ”

อีสควอเทีย  กล่าว ในขณะที่ R2 นั้นดวงตาของเธอสั่นระเรื่อ ราวกับกำลังเกิดความทุกระทมในหัวใจ
เมื่อได้ฟังเรื่องนี้ เธอกำมือแน่นจนข้อซีดขาว และเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พลางกัดฟันด้วยความเจ็บปวด
 เมื่อนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา ทันทีที่ได้ฟัง ที่ อีสควอเทีย กล่าว ซึ่งในขณะที่ เรกกะ กับ เฟนท์ ไม่ได้สังเกต แต่
 อีสควอเทีย ได้เหลือบไปมองเป็นครั้งคราวราวกับรู้ว่าเธอจะแสดงปฏิกิริยาเช่นไร เมื่อเล่าเรื่องนี้ขึ้นมา

“ เรื่องเศร้าที่แฝงมากับ ตำนานงั้นเหรอครับ ”
เรกกะ ภล่าว ซึ่ง อีสควอเทีย ก็ ผงกหัวตอบก่อนจะเอ่ยปากเล่าต่อไป

“ ในยุคนั้นการบุกเบิกแผ่นดินนับเป็นเรื่องที่อันตรายไม่น้อยเพราะ ต้องเผชิญทั้งกับ
สัตว์ร้าย โรคภัย หรือแม้แต่สงคราม ในระหว่างการเดินทางนั้น นักรบมังกรหนุ่มคนหนึ่งชื่อของ เค้าคือ เดรค
เค้าเป็น หัวหน้ากลุ่มบุกเบิก ที่เดินทางไปถึงแอนดิซอง โดย เดินทาง อ้อมผ่าน ไปยาวไกล ซึ่งระหว่างการเดินทาง เค้าได้พบกับ หญิงสาวชาวอาริมาเทีย ซึ่งเป็น นักรบมังกร เหมือกับเขา เธอชื่อ ลาชาฟ ลาเอล (Rasharp Rael)  ”

วินาทีที่ ชื่อของ ลาชาฟ ถูกกล่าวออกมาสีหน้าของ R2 ก็ดูตกใจไม่น้อยแต่เธอยังคงเก็บอาการไว้อยู่

“ ทั้งสองได้พบกัน และเกิดรักชอบกันขึ้น ทว่าการเดินทาง นั้นก็ยังคงต้องมีต่อไป
ทั้งสองจึงต้องพรากจากกัน ฝ่ายชายสัญญาว่าจะกลับมารับเธอเมื่อการเดินทาง
ของเค้าสิ้นสุดดังนั้น ลาชาฟ จึงได้มอบ ดาบให้กับ เดรค เพื่อป้องกันตัวจากภัยต่างๆ ”

อีสควอเทีย เล่ามาถึงตรงนี้ ความสนใจของทุกคนก็จับจ้องอยู่ที่เรื่องที่เค้าเล่าอยู่ เมื่อเห็นดังนั้น
 จึงเริ่มเล่าต่อในทันที เมื่อสังเกตว่า R2 นั้นเริ่มจะผ่อนคลายลงบ้าง

“ หลังจากที่แยกจากกัน ราชาฟ ก็ได้เฝ้าภาวนาให้ เดรค รอดปลอดภัยกลับมา ทว่า คำภาวนากลับไม่เป็นผล...
เดรค สู้กับมังกรทมิฬ ที่ปกครอง ผืนแผ่นดินที่พวกเค้าบุกเบิกไป การต่อสู้ในครั้งนั้น เดรค
สามารถจัดการกับมังกรร้ายลงได้ แต่เค้าเองก็ได้รับบาดเจ็บจากากรต่อสู้อย่างสาหัส และได้

สิ้นใจลง ณ ตรงนั้นท่ามกลางบ่อเลือดที่ท่วมท้นอยู่บนพื้นหิมะ  วีรกกรมของ เดรค ได้ถูกยกย่องให้เป็น
 ต้นกำเนิดของนักรบมังกรที่กลายเป็นอัศวินคนแรก ทาลิวิลย่า เรื่องเล่านี้ได้ขจรออกไป
พร้อมกับข่าวการตายของ เดรค.. ”

อีสควอเทีย เล่ามาถึงจุดนี้ ทีท่าของ R2 นั้นก็บอก ออกมาอย่างที่สุดว่าตัวเธอนั้นไม่ต้องการจะฟังอีกต่อไปแล้ว เธฮลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง ขณะที่ เรกกะ กับ เฟนท์ ได้แต่นั่ง งงกับท่าทีของเธอ

“ ถ้าจะไปก็ฟังให้จบก่อนสิ.. ”
อีสควอเทีย กล่าว R2 ที่กำลังจะออกไปนั้นหยุดยืนอยู่หน้าประตูแทน
ก่อนที่ใครจะได้ทันกล่าวอะไร อีสควอเทีย ก็เริ่มเล่าต่อทันที

“ หลังจากที่ ลาชาฟ รู้ว่า เดรค ตายแล้วด้วยความโศกเศร้า เธอจึงอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ขอมอบเวลาของเธอทั้งหมดให้กับ เดรค เพื่อให้เวลาของเค้านั้นกลับมาเดินอีกครั้งและแล้ว...  ”
อีสควอเทีย กล่าวแล้วหยุดไป เมื่อจะเล่าต่อจากตรงนี้  R2 นั้นเลิกคิดที่จะออกไปแล้ว

“ หลังจากนั้นเป็นยังไงต่อเหรอครับ ”
เฟนท์ ถามขึ้น อีสควอเทีย จึงเริ่มเล่าต่อทันที

“ พระผู้เป็นเจ้าได้รับฟังคำภาวนาของเธอ และได้นำเวลาของเธอไปมอบให้กับ เดรค เพื่อให้เวลาของเค้าเดินต่อไป
 เพื่อตอบแทนความรักของเธอที่มีต่อเค้า ด้วยชีวิตที่มอบให้แก่เขา และแทนกองเลือดด้วยกลีบกุหลาบ เดรค ฟื้นกลับ

ขึ้นมาอีกครั้งแต่ทว่าเมื่อเค้ากลับไปที่ อาริมาเทีย อีกครั้งเพื่อพบเธอ กลับต้องพบกับความโศกเศร้า ที่เวลาของเค้านั้นแลกมากับการสูยเสียคนที่รักยิ่งไป.. เดรคได้ ภาวนากับ พระผู้เป็นเจ้าให้มอบเวลาของเค้า คืนกลับให้แก่เธอ

จากนั้นจึงชักดาบที่ เธอมอบให้เค้า ใช้ป้องกันตัวจบชีวิตของเค้าลง... แต่เวลาที่ได้นำออกไปแล้วนั้นไม่สามารถ มอบ
คืนให้ได้อีก..แต่ด้วยแรงแห่งรักที่ทั้งสองมีต่อกัน ลาชาฟ ได้กลับฟื้นขึ้นมาพร้อมความเป็นอมตะ เพื่อที่จะอยู่ต่อไปใน


ส่วนของ ชายคนรัก ที่ยอมมอบชีวิตให้เธอ ด้วยชีวิตที่เป็นอมตะไม่แก่ไม่ตาย ทำให้เธอต้องอ้างว้าง
ด้วยรักที่มากเกินนำมาซึ่งความทุกข์ชั่วนิรันด์  เรื่องราวนี้ก็ได้แพร่ออกไป และเพื่อไม่ให้ตำนานที่
เป็นเหมือนความหวังนี้ต้อง เป็นเหตุ


ให้นึกถึงโศกนาฏกรรม ผู้คนจึงพากันลืมเลือนเรื่องนี้ไป และเล่าขานแต่เพียงวีรกรรมของ
 เดรค ที่ต่อมาผู้สืบทอดกลายเป็นนามที่รู้จักกันในชื่อ ลอว์เรนซ์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งตระกูลซราเบลด
 ขึ้นและสืบทอดพลังของ ทาลิวิลย่ามา ส่วนดาบที่ ลาชาฟ มอบให้ แก่เดรคนั้นต่อมาได้ชื่อว่า มาคายาเดีย... ”

อีสควอเทีย เล่าจบทุกคนก็ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะ เมื่อได้รับรู้ถึงเรื่องที่แฝงมากับตำนาน

“ เป็นเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ ”
เฟนท์ เปรยขึ้นเล็กน้อยด้วยความรู้สึก โล่งๆในหัวใจ

“ นั่นสิแต่ก็นับเป็นเรื่องที่น่าประทับใจนะ ”
เรกกะ เปรยตามพลางถอนหายใจ

“ อะไรกันน่ะ นี่มันเรื่องรักน้ำเน่าชัดๆเลยไม่ใช่เหรอ รักกันไปรักกันมา แย่งกันตายแทน น่าเบื่อ ”
เสียงของ ทาลิคนัสก้องขึ้นในหัวของเรกกะ ทันทีที่ได้ฟังจนจบ

“ เฮอะ นายนี่ไม่หัวทางนี้เอาซะเลย ทั้งที่เรื่องออกจะ โรแมนติก ขนาดนี้ ”
ทาลิควอส แย้งขึ้นมาทันที

“ นี่ความรักคืออะไรเหรอ มันเล่นได้รึเปล่า พูดได้ไหม ขยับได้ไหม ”
ทาไนซ ถามขึ้นมาด้วยความไร้เดียงสา

“ ทาไนซ เจ้าน่ะยังเด็กนัก ความรักก็คือสิ่งที่แสดงถึงความเป็นชายชาตรีไง ”
ทาโซรอส พยายามจะอธิบาย

“ ความรักนั้นสง่างาม เป็นของคู่กับผู้ที่สง่างามเช่นเรา ”
ทาลูคัส แทรกขึ้นมากลางคันในทันที

“ ช่างเป็นเรื่องที่…เศร้าอะไรเช่นนี้ ”
ทาเวนทอส กล่าวเสียงซึมเหมือนจะร้องไห้

“ แต่ชั้นว่าพวกนายน่ะแหล่ะจะทำเรื่องออกทะเลเอา ”
เรกกะ สนทนาด้วยความคิดหลังจากที่ฟัง เหล่าบุคลิคอื่นๆเถียงกันไปเถียงกันมา

 “ มันไม่ใช่เรื่องที่น่า ปลาบปลื้มอะไรแบบนั้นหรอก หมอนั่นก็แค่ไส
ส่ง คำสาปที่ฉันมอบให้คืนมาเท่านั้นเอง ”
R2 กล่าวน้ำเสียงประชดประชัน

“ R2 ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ ดูเธอ อารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ”
เรกกะ หันไปดุใส่เธอ

“ นี่ขอถามหน่อยสิ ทำไมถึงแทนชื่อตัวละครเป็น ฉัน ล่ะ….หรือว่า ”
เฟนท์ หันไปถามบ้างเนื่องจากเอะใจในคำพูดของเธอ ซึ่งมาถึงตรงนี้ อีสควอเทีย
ก็หรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้นมา

“ อย่างนั้นสินะ เจ้ายังไม่ลืม เรื่องในอดีตไปหมดซะทีเดียวสินะ ”
อีสควอเทีย กล่าวจบ R2 ก็เปิดประตูก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกจากห้องไป
ด้วยหน้าตาบึ้งตึง

“ R2 ! ”
เรกกะ พยายามจะไปรั้งเธอไว้ แต่อีสควอเทียก็ห้ามเอาไว้ซะก่อน

“ ปล่อยเธอไปเถอะ ที่จริงคนผิดก็คือฉัน ที่ดันไปเล่าเรื่องที่เค้าไม่อยากนึกถึง
แต่ฉันเองก็แค่อยากพิสูจน์เท่านั้นเองล่ะนะ ”
อีสควอเทีย กล่าวจบ เรกกะ จึงยอมกลับมาโดยสงบ

“ นี่เรกกะ นายเคยบอกว่า R2 เป็นอมตะใช่ไหม ”
เฟนท์ ถามขึ้นมาทันทีที่ เรกกะ นั่งลงอีกครั้ง

“ อืมใช่ ยัยนั่นน่ะ เป็นอัศวินมังกรทาลิเลีย ที่ปราบอัลคารากอนลงได้ แล้วก็ผนึกพลัง
ของมันลงในร่าง เลยทำให้เธอเป็นอมตะ…ว่าแต่ถามทำไมเหรอ ”
เรกกะ กล่าวพร้อมหันไปถามหลังจากที่ตอบแล้วทันที

“ งั้นนี่หรือว่า… ”
เฟนท์ กล่าวพร้อมหันไปหา อีสควอเทีย เพื่อจะขอคำยืนยัน

“ ใช่ เฟนท์ เธอมีความรู้สึกที่ไวใช่ย่อยเลยนะ….อย่างทีเธอคิดนั่นล่ะ
นักรบหญิงในเรื่องก็คือเธอนั่นล่ะ R2 คือ ลาชาฟ ที่เคยมีใจให้กับ เดรค อัศวินทาลิวิลย่า ตัวจริง ”
อีสควอเทีย กล่าวขณะที่ เฟนท์ ซึ่งคิดเอาไว้แล้วนั้นก็ได้แต่ตีสีหน้าซึมๆ ด้วยความเวทนาที่มีขึ้นมาบ้าง
ขณะที่ เรกกะ ซึ่งไม่ได้นึกถึงมาก่อน จะหันกลับไปมองที่ประตูที่ R2 วิ่งออกไป

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #125 on: April 26, 2009, 04:40:45 PM »

“ ตอนที่เธอมากับพวกเจ้า ฉันก็รู้สึกคุ้นๆอยู่แต่ไม่นึกเลยว่า เรื่องที่คุณปู่เล่าให้ฟังจะเป็นเรื่องจริง ”
อีสควอเทีย กล่าวน้ำเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกผิดที่ไปเล่นกับความรู้สึกของเธอ

“ แล้วทำไมเธอถึงได้บอกว่า เดรค ไสส่งคำสาปคืนให้แก่เธอล่ะครับ ”
เรกกะ ถามขึ้นมาด้วยวามสงสัย

“ ก็อย่าหาว่าฉันจุ้นไม่เข้าเรื่องเลยนะ แต่ศึกที่ คาทราสโทฟี น่ะฉันเห็นหมดแล้ว บางทีคำสาปนั่นอาจจะเป็น
รหัสที่ใช้เดินระบบ คาทราสโทฟี ก็ได้ ซึ่งมันก็คือ Genesis แห่งการเอาชนะทุกสิ่ง
 ที่เจ้าได้รับมาตอนนี้ไงล่ะ เรกกะ  ”
อีสควอเทีย กล่าวซึ่งนั่นทำให้ เรกกะ เลื่อนมือขึ้นมาแตะที่หน้ากากของตัวเอง ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ

“ บางทีเวลาที่เธอมอบให้ เดรค ไปอาจเป็น สิ่งนี้ก็ได้แต่เพราะคำวิงวอนของ เดรค ที่เข้าใจผิด
ว่าเธอรักเค้ากลับส่ง รหัสนั่นคืนให้แก่เธอ ทำให้เธอไม่ได้ตายตามที่หวังสินะ ”
เฟนท์ กล่าวด้วยสายตา ที่เศร้าซึมไม่ว่าจะด้วยความคิดเวทนาต่อ เดรค ที่ถูกเธอหลอก
หรือเธอ กลับถูกสวรรค์เล่นไม่ซื่อ กันตัวเค้าก็ไม่อาจแน่ใจได้

“ สุดท้าย ก็เป็นแค่…..เรื่องหลอกลวง ”
เฟนท์ เปรยเสียงซึม แต่ทว่า อีสควอเทีย ได้แย้งขึ้นมา

“ นั่นก็ไม่แน่เสมอไปหรอกนะถึงความจริงในตอนนี้ เธออยากจะตายจริงๆก็ตามเถอะ ”
อีสควอเทีย กล่าวทำให้ เฟนท์ และ เรกกะ หันมาฟังด้วยความตั้งใจ

“ แต่บางทีคำภาวนาของเธอในตอนนั้นอาจไม่ใช่เรื่องหลอกลวงก็เป็นได้….
บางทีนั่นคงเป็นตัวตนที่แท้จริงของเธอ ”
อีสควอเทีย กล่าวซึ่งขณะเดียวกัน R2 ที่ออกไปก่อนนั้น เธอยังคงนั่งพิงกำแพง
ฟังบทสนทนาผ่านกำแพงหน้าห้อง ด้วยใบหน้าที่เศร้าซีมและเปรอะไปด้วยน้ำตา

“ เดรค….ฮึก ”
R2 เปรยก่อนจะก้มหน้าลงน้ำตาเช็ดหัวเข่าด้วยความรู้สึกที่โศกเศร้าที่สุด



“ เรื่องที่เล่าไปนั้นฉัน อยากให้พวกเธอเก็บไปคิดกันให้ดีด้วยล่ะ… ”
 อีสควอเทีย กล่าวซึ่ง เรกกะ กับ เฟนท์ ก็ได้แต่มองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ

“ ความตายไม่ใช่ทางออกที่ดีเสมอไป ถึงจะทำเพื่อทุกคนแต่มันก็เป็นสิ่งที่โหดร้ายกับทุกคนที่
อยู่ข้างหลังเรา เหมือนที่ เดรค ทอดทิ้ง ลาชาฟ ไปและทำให้เธอต้องเศร้าโศกเพียง

 ตามท้องเรื่องนั่น พวกเจ้าก็ควรคิดดูนะ
หากเจ้าคิดว่าทำเพื่อคนอื่น ก็จงอย่าลืมนึกถึงความรู้สึกของพวกเค้าด้วย  ”
 อีสควอเทีย กล่าว เรื่องในครั้งนี้ทำให้พวกเขาเริ่มเข้าใจถึงสิ่งที่ อีสควอเทีย ต้องการจะสื่อให้พวกเขาได้รับรู้

“ แต่ถึงยังงั้น Dragoon Requiem ก็จะต้องเดินหน้าต่อไป แต่พวกเราจะไม่ทำให้มันผิดพลาดเด็ดขาด ”
เรกกะ กล่าวท่ามกลางความเงียบสงัดที่ ไม่อาจบรรยายคำพูดใดออกมาได้

“ เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว รีบมาเถอะ ”
เสียงของ ลอว์เรนซ์ ดังลงมาจากลำโพงที่อยู่ มุมเพดานห้อง ทั้งสองจึงขอตัว
ลาและเดินออกจากห้องมา

“ หวังว่ามันคงจะไม่ซ้ำรอยประวัติศาสตร์ เหมือนที่แล้วๆมาหรอกนะ ทั้ง เดรค ทั้ง กาเร็ท แล้วก็ ลอว์เรนซ์ ”
อีสควอเทีย เปรยขึ้นเงียบๆ กับตัวเองพลางนึกย้อนถึงยุคสมัยที่ผ่านมา รวมไปถึงคำพูดของคนๆหนึ่ง

“ มนุษย์ น่ะพยายามจะขังตัวเองเอาไว้ในเวลาที่หยุดนิ่ง ถึงได้สร้างสิ่งต่างๆขึ้นมาแล้วก็
พยายามจะคงให้มันอยู่
ดังเดิม แต่ความจริงก็คือความจริง เวลาไม่อาจหยุดเดินลงได้ มันจะเดินต่อไปเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะโหดร้ายหรือน่ายินดีก็ตาม นั่นล่ะคือ เวลา ”
คำพูดนั้นแว่วขึ้นมาในหัวของ อีสควอเทีย เมื่อครั้นนึกถึงเรื่องเก่าๆ

“ ความปราถนา เวลา ความรู้สึก สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์ยังเป็นมนุษย์ ”
อีสควอเทีย เปรยขึ้นเงียบอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยท่าที เหนื่อยใจ


………………….
……………………………..

“ การติดต่อในวันนี้ของเรา ก็เพื่อจะแถลงการณ์ อะไรซักหน่อย ”
เรกกะ กล่าวตอนนี้เค้าและ เฟนท์ เปลี่ยนชุดสำหรับออกมาสัมภาษณ์ในครั้งนี้ ซึ่ง เรกกะ สวมชุดเสื้อลุมสีขาว
แบบจักรพรรดิ และติดผ้าคลุมสีดำที่ด้านหลัง นั่งลอยชายอยู่บนเก้าอี้บัลลังค์สีแดงที่ตกแต่งอย่างอลังการ
 ส่วนเฟนท์ อยู่ในเครื่องแบบอัศวินสีขาวเต็มยศและผ้าพันคอสีดำ ยืนอยู่ข้างๆบัลลังค์ ของ เรกกะ



“ มีเรื่องที่จะประกาศงั้นเหรอ ”
ลูเทเซีย กล่าวผ่านหน้าจอมอนิเตอร์ ที่ใช้เป็นช่องสื่อสารกับทาง เรกกะ ในตอนนี้
ซึ่งช่องสื่อสารนี้กำลังออกอากาศไปทั่ว เทอร่า หลังจากคำถามของ ลูเทเซีย เรกกะ ก็ลุกขึ้นยืนก่อน
จะกางแขนทั้งสองข้างออกและผายมือขึ้น วาดท่าทางราวกับเป็นพระผู้ช่วยให้รอด(Meisiah)

“ ข้าขอประกาศให้ สหประชาคมโลก เข้าร่วมการจัดตั้ง สหพันโลก ”
สิ้นคำประกาศของ เรกกะ ลูเทเซีย และทุกคนที่กำลังดูการถ่ายทอดนี้อยู่
ได้ตกสู่วังวนแห่งความตื่นตระหนกกันเลยทีเดียว  บัดนี้คำพูดของเค้ากำลังจะพลิก
โฉมหน้าของ เทอร่า ในวินาทีนี้

“ หมายความว่า ท่าน จะให้ เทอร่า ทั้ง เทอร่า เข้าร่วมกับระบบ สหพันโลกอย่างไม่มีข้อกังขาเลยงั้นหรือ ”
ลูเทเซีย กล่าวด้วยความรู้สึกไม่ไว้วางใจในตัวของอีกฝ่าย

“ แน่นอน เราจะทำการเจรจากันที่โรงเรียน St. Magnus Avademy ของโลกอสในเที่ยงของวันพรุ่งนี้ ”
เรกกะ กล่าวจบก็ตัดการติดต่อไปทันที ยังผลให้การออกอากาศนี้จบลง ท่ามกลางความแตกตื่นของ ประชาชน
ทั่ว เทอร่า นี่จะเป็นการพลิกโฉมหน้าประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ มันกำลังจะกลายเป็นการรวม เทอร่า ให้เป็นหนึ่งเดียว
กันในพริบตา

“ นี่นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี ยิ่งเลยมิใช่รึ แล้วเหตุใดพระองค์ถึงได้มีสีพระพักต์ หวาดวิตกเช่นนี้ล่ะเพคะ ”
เฟรเซีย ที่ยืนคุมเชิงอยู่ข้างๆเก้าอี้ในห้องสภาของสหพันโลก ได้กล่าวถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นท่าที
ของ มาเรียลูส และ ลูเทเซีย ดูไม่ยินดีกับเรื่องนี้ทั้งที่ ตอนนี้กลุ่มสมาชิก อาณานิคมอื่นๆกำลัง
แสดงความยินดี ที่การจัดตั้งสหพันโลกขึ้นนั้นได้รับการยอมรับ อย่างเป็นทางการแล้ว

“ ท่านพี่คะ….มันต้องมีอะไรแฝงอยู่ใช่ไหมคะ ”
มาเรียลูส กล่าวเพราะเธอนั้นรู้ตัวจริงของ Dragoon ซึ่งก็คือ เรกกะหลังจากการแทรกแซงงานประชุม
สากลระดับโลก ในครั้งนั้น Dragoon กลับหายไปและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งเขากลับกายเป็น
องค์ประธานสูงสุดแห่ง สหประชาคมโลกไปเสียแล้ว


“ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่เราควรจะยินดี...พี่คิดว่ามันต้องมีอะไรแน่นอน ”
ลูเทเซีย กล่าวขณะที่ สุซาคุ ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พยักหน้าสนับสนุน เหตุผลของ เขา

“ การจัดตั้งสหพันโลกก็เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันแก่ทุกประเทศ เพื่อให้สงครามหมด
ไปไม่แน่บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ เรกกะ เล็งเอาไว้ ”
ลูเทเซีย กล่าวพลางคิดทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้

“ จริงสิจะว่าไปแล้ว ทำไมตาขวาของ องค์ประธานสูงสุดถึงต้องปิดไว้ใต้หน้ากากด้วยล่ะ ”
เฟรเซีย เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย ซึ่งนั้นได้ทำให้ ลูเทเซีย และ มาเรียลูส เห็นพ้องกันในทันที

“ ไม่ผิดแน่ นายเองก็น่าจะรู้ใช่ไหม สุซาคุ ”
ลูเทเซีย กล่าวถามกับ องครักษ์ สุซาคุ ถึงสันนิษฐานที่พวกเค้า พอจะเดาได้

“ พะย่ะค่ะ ต้องเป็นสิ่งนั้นแน่ ”
สุซาคุ  ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ

“ ถ้าเป็นแบบนั้นเท่ากับว่า การที่เค้าได้ขึ้นเป็นประธานสูงสุดของ สหประชาคมโลก อย่างไร้ข้อกังขา
ก็มีคำอธิบายทุกอย่างครบเลย รวมถึงการที่เหล่าสมาชิกสหภาพพร้อมใจกันยอมตามเค้า ”
มาเลียลูส กล่าวขณะที่พวกเค้าเริ่มจะรู้ถึงความคิดของ เรกกะ ที่กำลังจะทำอะไรบางอย่าง

“ นี่หรือว่าที่ตาขวานั่นคือ Genesis  ”
เฟรเซีย อุทานเมื่อรู้ถึงสิ่งที่พวกเค้ากำลังตีความกันอยู่ตอนนี้

“ ถ้าเช่นนั้นจะทำอย่างไรดีคะท่านพี่ ”
มาเรียลูส กล่าวถามด้วยความกระวนกระวาย

“ นี่ มาเรีย จำได้ไหม คนที่เราช่วยเอาไว้ ระหว่างทางเคลื่อนกองกำลัง
กลับน่ะตอนนี้เค้าอยู่ไหนล่ะ เพราะเค้านั่นล่ะ
คือกุญแจสำคัญที่เราน่าจะใช้ต่อรองได้ ”
ลูเทเซีย กล่าวก่อนที่ จะมีสาวนางหนึ่งเดิน เข้ามาหาพวกเค้าที่กำลังสนทนากันอยู่

“ อ้าวนั่นไงเธอมาแล้ว….ลุกไหวแล้วเหรอ ซาน ”
มาเรียลูส กล่าวถามขณะที่หญิงสาวที่เข้ามาหาพวกเค้าคือ ซาน ที่น่าจะตายไปแล้ว
นั่นเอง

“ ค่ะ…ต้องขอบพระคุณท่านจริงๆท่านมาเรียลูส ที่ทรงพระกรุณา ช่วยหม่อมฉันไว้แล้วยังทรงดูแล ฉันอีก
ทั้งที่ฉันเป็น Valkyrier ที่ทำให้ประเทศ โลกอส ต้องแปดเปื้อน… ”
ซาน กล่าวอย่างถ่อมตน ขณะที่ มาเรียลูส ขยั้นขยอจะให้เธอ เลิกทำแบบนี้ เพราะตัวเธอนั้นไม่ถือ
เป็นบุญคุณอยู่แล้ว 

“ ถ้าอยากจะตอบแทนล่ะก็…พอจะมีเรื่องหนึ่งที่เธอช่วยได้ ”
ลูเทเซียกล่าวจบก็หันมาหาเธอ

“ รู้จัก เรกกะ ไฮเดย์ ไหม ”
ลูเทเซีย ถามขณะที่ ซาน ได้แต่มองตอบกลับไปด้วยสายตาประหลาดใจ
กับคำถามของเขา

…………………..
…………………………….


“ นี่ เรกกะ นายคิดยังไงกับเรื่อง ที่ท่านอีสควอเทีย เล่าให้ฟังน่ะ ”
เฟนท์ ถามขึ้นมาขณะที่ พวกเค้าสองคนกำลังเดิน ไปตามทางในอาคารแห่งนี้เพียงลำพังสองต่อสอง

“ ทำไมเหรอ….ชั้นก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เศร้าอยู่เหมือนกันน่ะ ”
เรกกะ กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆไม่แฝงอะไรไว้

“ แค่นั้นเองเหรอ ”
เฟนท์ ถามอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ

“ อืมแค่นั้นล่ะ ”
เรกกะ ตอบกลับไปด้วยความสงสัยว่าจะถามย้ำทำไมนักหนา

“ ก็ถ้า Dragoon Requiem สมบรูณ์น่ะ…..แน่ใจเหรอว่ามันจะไม่จบเหมือนอย่างตำนานในเรื่องนั้นน่ะ ”
เฟนท์ กล่าวก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกลังเลที่เกิดขึ้นมาในขณะนี้ ทว่า เรกกะ กลับหยุดเดินลง
เอาดื้อ ทำให้ เฟนท์ หยุดตามด้วยความสงสัย

“ ไม่ต้องห่วงหรอกชั้นคำนวณมาดีแล้วไม่มีทางที่เราจะทำพลาด….อย่างแน่นอนว่าแต่นายยังจำสัญญาได้ไหม ”
เรกกะ กล่าวเสียงเรียบก่อนจะหันมามองเค้าด้วยสายตาจริงจัง

“ อืม..จำได้สิชั้นจะคอยเป็นดาบให้นายเองจะฟาดฟันทุกสิ่งที่ขวางนายไว้ ”
เฟนท์ กล่าวพร้อมกับส่งสายตากลับไปทั้งคู่ต่างมองลึกลงไปในดวงตาของกันและกัน
และรับรู้ว่าคำพูดเหล่านั้นออกมาจากใจ อย่างแท้จริงไม่ใช่การโกหก

“ อืม…ถ้ามีนายไม่ว่าอะไรพวกเราก็จะสามารถผ่านมันไปได้…อย่างแน่นอน ”
เรกกะ กล่าวก่อนจะ เริ่มออกเดินอีกครั้ง

“ Yes Your Majesty ”
เฟนท์  กล่าวพร้อมกับแสดงความเคารพก่อนจะเดินตามไปติดๆ

“ เพื่อชดใช้ บาปทั้งหมดของชั้น…ชั้นจะจบมันด้วยมือของชั้นเองด้วย Dragoon Requiem นี่แหละ ”
เรกกะ คิดขณะที่เดิน ออกจากทางไปสู่แสงสว่างข้างนอก

……………………
…………………………….

เที่ยงวันต่อมา


“ ทุกๆท่านคะ บัดนี้การประชุมเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้าแล้วค่ะ
หากการเจรจาสำเร็จ สันติสุขจะเกิดขึ้นทั่วทั้งเทอร่า ตอนนี้ที่หน้า โรงเรียน St.Magnus ได้มี
ฝูงชนมารอ

กันอย่างหนาแน่น ส่วนภายในโรงเรียนขณะนี้ ทาง สหพันโลก ได้เข้ามาเตรียมการทุกอย่างไว้
ก่อนแล้วนะคะ…อ๊ะดูนั่นสิคะ มาแล้วค่ะ ยานส่วนตัวของ ท่านองค์ประธานสูงสุดแห่ง
สหประชาคมโลก ท่าน เรกกะ ไฮเดย์ มาถึงแล้วค่ะ  ”

เสียงรายงานข่าวนี้ดังขึ้นอย่างเป็นระยะ ก่อนที่ ยานไซเบอทิก้า ดราก้อน ซึ่ง เรกกะ โดยสารมา กับยาน คอสมิกแสวน
ซึ่งติดตามมา อารักษขา โดยพวก ลอว์เรนซ์ และพวก เซโร่ไม่นานหลังจากยานจอด ลงเมื่อประตูยานเปิดออก

เรกกะ ได้เดินลงมาเพียงคนเดียวเท่านั้น พร้อมทั้งกำชับให้ทุกคนรออยู่ที่ยานเพื่อ เป็นการแสดงความบริสุทธิ
ใจต่อการเข้าประชุมเจรจา

“ โอนั่นท่านประธาน เรกกะ นี่ท่านมาถึงแล้ว ”
“ นั่นเหรอท่านประธาน เรกกะ ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ยังดูหนุ่มอยู่เลยไม่ใช่เหรอ ”
“ ท่าน เรกกะ! ”

เสียงสรรเสริญ ชื่อของ เรกกะ นั้นดังมาจากฝูงชนที่มารอกันอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าโรงเรียน
ซึ่งในกลุ่ม ผู้ที่มาก็มี มิมิ โคเว็ท และพวกชารี่ รวมอยู่ด้วย

“ คุณ เรกกะ ค้า จำเอลิต้า ได้ม้ายยย ”
เอลิต้า ตะโกน พลางทำท่าจะปีนรั้วข้ามไปหา ทว่าเธอก็ถูกตำรวจจับลากลงมาซะก่อน
จนพวก โคเว็ท ต้องเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ยแล้วพาออกมา

“ ทำอะไรของเธอน่ะ เอลิต้า ไปทำแบบนั้น เดี๋ยวก็ถูกหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายหรอก ”
โคเว็ท เอ็ดใส่ เอลิต้า ขณะที่ เรกกะ ซึ่งมองเห็นพวก เค้า ทั้ง 5 คนจากด้านในของโรงเรียน
แล้วแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น

“ ชารี่ ซิกนัม เอลิต้า ยังอยู่กันดีสินะ พวก โคเว็ท ก็ด้วย ”
เรกกะ คิดขณะที่เดินมาจนถึงหน้าอาคาร รับรอง ซึ่งมีตัวแทนที่ส่งมารับตัวเค้าไปยัง
สถานที่ประชุม ทว่า เมื่อ เรกกะ ได้พบกับผู้ที่มารับตัวเค้า นั้นทำเอาเค้าแทบจะล้มลงเสียตรงนั้น

“ ซ….ซาน ”
เรกกะ เปรยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เมื่อได้พบกับ ซาน ที่เค้าคิดว่าน่าจะตายไปแล้ว
ในสนามรบ แต่ทว่าด้วยฐานะของเค้าในตอนนี้ไม่อาจแสดงออกได้ว่ารู้จักกับเธอมาก่อน
เค้าจึงต้องเก็บงำเอาความรู้สึกของตัวเองไว้

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #126 on: April 26, 2009, 04:41:01 PM »

“ พี่นี่…พี่ยังไม่ตายงั้นเหรอ เป็นไปได้ยังไงกัน ”
เฟนท์ ที่มองผ่านมอนิเตอร์ในยาน คอสมิกแสวน กล่าวด้วยความตระหนก กับสิ่งที่พบ
ทว่า ลอว์เรนซ์ ก็เข้ามาตบบ่าเขาเบาๆ นั่นทำให้ เฟนท์ รู้ตัวและพยายามเก็บอาการ ก่อนจะ เดินออกไปจากห้อง
ตามหน้าที่ที่ได้รับมา


……..

ตอนนี้ ซาน ได้เดินนำ เรกกะ เข้ามาในอาคาร รับรอง เพื่อที่จะเดินขึ้นบันได ไปยังห้องประชุมที่ชั้นบนสุด

“ นี่ เรกกะ…อ..เอ่อหมายถึงท่านประธาน ”
ซาน กล่าวก่อนจะชะงักไป แม้จะมีเพียงพวกเค้าสองคนเท่านั้นที่อยู่ในอาคารระหว่างทางขึ้นไปยังห้องประชุม
แต่เธอก็รู้ถึงตำแหน่งที่ เรกกะ มีอยู่ในตอนนี้ ทำให้เธทำตัวไม่ค่อยจะถูกนัก

“ ไม่เป็นไร คุยแบบสบายๆเถอะ แล้วเธอจะถามอะไรชั้นเหรอ ”
เรกกะ กล่าวก่อนที่ ซานจะ รับคำและเริ่มกล่าวต่อ

“ คือเธอจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าฉัน รอดมา..ได้ยังไง ”
ซาน กล่าวซึ่ง เรกกะ ก็นิ่งเงียบไปซักครู่ก่อนจะตอบออกมา

“ ไม่จำเป็นหรอกก็เธออยู่ตรงนี้แล้วนี่… ”
เรกกะ ตอบขณะที่ พวกเค้ากำลังขึ้นบันได ไปอย่างช้าๆ

“ ง..งั้นเหรอ….นี่ทำไมเธอถึงได้เป็น ประธานสูงสุดของ สหประชาคมโลกได้ล่ะ ”
ซาน ถามแต่เค้ากลับเงียบและไม่ตอบ เพราะตอนนี้ตัวตนของ เค้าคือ ประธานสูงสุดของสหประชาคมโลก
ไม่อาจที่จะพูดคุยสนิทชิดเชื้อกับ คนที่ไม่สมควรจะได้เคยเห็นหน้ากันมาก่อนในสายตาของผู้คน

ด้วยความระแวงในจุดนี้ว่าอาจมีการดักจับภาพได้ เค้าจึงไม่ตอบและไม่แสดงทีท่าใดๆต่อเธอ
ซึ่ง ซาน เองก็พึ่งจะนึกขั้นได้ เธอจึงพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ก่อนจะเริ่มถามต่อโดยไม่หันกลับไปมอง


“ คือ เรกกะ …ตอนนั้นที่ เกาะหลักศิลาน่ะ..ที่เธอบอกให้ฉัน มีชีวิตอยู่ต่อไปน่ะ…. ”
ซาน กล่าวขณะที่พวกเขาเดินกันขึ้นมาจนเกือบจะถึง ห้องประชุมแล้ว
ซึ่งตรงนี้ซาน รู้ว่าไม่ได้มีการติดตั้งกล้องเอาไว้ในส่วนนี้ เธอจึงหันกลับไปเผชิญหน้ากับเค้าตรงๆ
ด้าน เรกกะ นั้นแม้อยากจะตอบคำถามของ เธอแม้อยากจะพูดคุยกับเธอ แต่ก็ไม่อาจทำได้

เค้ายังคงต้องสวมหน้ากากของผู้มีอำนาจอยู่ให้ถึงที่สุด ซาน ที่เห็น เรกกะ นั้นยังคงเสแสร้งอยู่
แม้จะไม่ได้แสดงอกแต่เธอก็รู้ เป็นอย่างดีว่าตอนนี้เค้ารู้สึกเช่นไร เพราะตัวเองก็รู้สึกเช่นเดียวกับเค้า

ที่สุดแล้วเธอจึงตัดสินใจลงไปเพราะจากนี้ไปสิ่งที่รออยู่ข้างหน้านั้น คืออะไรที่
เธอยากที่จะต้องยอมรับ

“ ซาน…เธอเคยเป็นเพื่อนกับเค้ามาก่อนใช่ไหม ที่จริงชั้นก็ไม่อยากฝืนใจเธอแต่ว่า
บางทีถ้ามันเป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เมื่อถึงตอนนั้น เรกกะ ก็คือศัตรูของเธอ
 ระหว่างหัวใจกับ อุดมการณ์เธอจะเลือกอะไร… ”

คำพูดของ ลูเทเซีย ที่กล่าวเอาไว้กับเธอ ก่อนการเตรียมการประชุมนี้ ได้ดังก้องขึ้นมาในหัวของเธอ
ในตอนนี้นี่คือโอกาสสุดท้ายแล้วที่เธอ จะได้ใกล้ชิดกับเค้า เป็นครั้งสุดท้าย

“ มีบางอย่างที่ฉันไม่ได้บอกไปนั่นคือ เธอกับฉัน เราไม่ใช่เพื่อนกันแต่เรา…. ”
ซาน คิดขณะที่ยื่นหน้าเข้าไปหา เรกกะ ด้วยสายตาที่เศร้าสร้อย มันเป็นการจากลา
ความรู้สึกของเธอนั้น อยากจะสื่อ ออกไปด้วยจุมพิตนี้ ยามที่ริมฝีปากของทั้งสอง ประกบกัน

ก่อนที่ น้ำตาแห่งความปิติ จะไหลริน เมื่อ เธอแยก ตัวออกมา เรกกะ ยังคงฝืนที่จะใส่หน้ากากต่อไป
แม้จะเจ็บปวดหัวใจ แต่นี่เป็นสิ่งที่เขาได้เลือกแล้ว และ เธอเองก็เช่นกัน

“ ขอโทษค่ะ..ที่ดิฉันทำอะไรแบบนั้นไป ”
ซาน กล่าวก่อนจะ ปาดคราบน้ำตาออก

“ ไม่เป็นไร… ”
เรกกะ ตอบและพวกเค้าทั้งคู่ก็ออกเดินต่อไป เพื่อไปสู่ประตู แห่งการตัดสิน

“ หัวใจของสองเราได้คำตอบแล้วใช่ไหม เรกกะ ”   
“ อืม…ลาก่อน…ซาน ”
“ ลาก่อน….เรกกะ ”

เมื่อประตู ที่ประชุมเปิดออก ภายใน เหล่าสมาชิกอาณานิคม ต่างๆจากทั้งเทอร่า ได้มารวมกัน ณที่นี้
เพื่อเป็นสักขีพยานในการ ประกาศสันติอย่างเป็น เอกฉันท์

…………

ตอนนี้ ภายในห้องประชุม เรกกะได้มายืนอยูตรงแท่นที่กลางห้อง เพื่อเริ่มการเจรจา โดยมี
ลูเทเซีย และมาเรียลูส ที่นั่งอยู่คู่กัน ตรงโต๊ะที่ห่างออกไปด้านหน้าแท่นของเค้า เป็นประธานฝ่าย สหพันโลก

“ สหประชาคมโลกจะเข้าร่วมกับ สหพันโลก มติที่ประชุมจะใช้ระบบโหวตตามประชาธิปไตยใช่ไหม ”
เรกกะ กล่าวขึ้น

“ แต่ก่อนหน้านั้น เรามีบางอย่างอยากจะสอบถามคุณก่อน ”
มาเรียลูส กล่าวจบ ลูเทเซีย ก็ดีดนิ้วเป็นสัญญาณ ไม่นานที่พื้นรอบๆแท่นก็มีผนังโลหะล้อมขึ้นมาจน
บังมิดถึงหัวของ เขาทำให้ ที่ประชุมไม่อาจ มองเห็นตัวเค้าได้ แต่ที่แท่นที่ เรกกะ ยืนอยู่นั้น
มีจอมอนิเตอร์ อยู่ และกำลงัทำงานพร้อมกับ มอนิเตอร์ตัวบนขนาดใหญ่ ที่ห้อยลงมาจากเพดาน

เพื่อเจรจาผ่านทางมอนิเตอร์ ท่ามกลางความสับสนในที่ประชุมขณะนี้ที่ เริ่มสงสัยว่าเหตุใด
ต้องทำกันถึงขนาดนี้ ทว่า ลูเทเซีย ก็ปรามเพื่อให้ที่ประชุมสงบลงก่อนจะเริ่มการ เจรจาต่อ
กันเพียงแค่คัวเค้ากับ มาเรียลูส เท่านั้น

“ เราคิดว่าที่ตาขวาใต้หน้ากากปิดตานั่น คือ Genesis ใช่หรือไม่
กรุณาตอบคำถามของเราด้วยคำสัตย์ด้วย ”
ลูเทเซีย กล่าวถามผ่านทางมอนิเตอร์ ของเค้ากับ เรกกะ ซึ่งเรกกะ ก็ได้เปิด
 เอาหน้ากากออก เผยดวงตาที่มีสัญลักษณ์ของ Genesis ให้เห็นเป็นประจักษ์แก่สายตา

“ จริงๆด้วยสินะ…เรกกะ คุณใช้ Genesis นั่นในการครอบครอง ตำแหน่งของ ประธานสูงแห่ง
สหประชาคมโลกใช่ไหม ”
มาเรียลูส กล่าวด้วยท่าที ไม่พอใจ

“ ใช่…ผมใช้มันทำให้สมาคมมาอยู่ใต้อานัติ ”
เรกกะตอบ เสียงเรียบ

“ เป้าหมายของ นายไม่ใช่การเจรจาเข้าร่วมเพียงอย่างเดียวสินะ ”
ลูทเซีย กล่าวขณะที่ เรกกะ นันก็ไม่ได้ตอบอะไรพวกเขา

“ หากเราให้ สหประชาคมโลกเข้าร่วม กับ สหพันโลกตอนนี้ เท่ากับว่า คุณที่มีอำนาจ
เสียงของสมาคมสูงกว่าจะได้เข้ามา เป็นประธานของ สหพันโลกด้วยซึ่งนั้นเท่ากับ เทอร่า
 จะตกอยู่ในมือของคุณทันที ”
มาเรียลูส กล่าวแต่ เรกกะ ยังคงไม่ตอบโต้แต่อย่างใดราวกบกำลังรอคอยอะไรบางอย่างอยู่

“ ถ้าหากจะเข้าร่วมกับการจัดตั้งนี้ คงต้องขอให้ จำกัดการลงเสียงของคุณลง เหลือเพียง 20 % เท่านั้น ”
ลูเทเซีย กล่าวจบ เรกกะ ก็หัวเราะออกมานิดหน่อยทำให้ ทั้งสองหยุดยิงคำถามใส่เขาด้วยความแปลกใจ

“ ถ้าชั้นบอกว่าใช่ล่ะ…ถูกต้องเป้าหมายของชั้นคือ การเข้าเป็นประธานสูงของสหพันโลกและขึ้น
เป็นจ้าวโลกไปเลย เทอร่า จะอยู่ในกำมือของชั้นและจะไม่มีใครมาขวางทั้งนั้น ”
เรกกะ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่แยแสต่อ คณะที่ประชุมแม้แต่น้อย

“ นี่นายเอาจริงหรือนี่ ”
ลูเทเซีย อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อว่า เรกกะ จะยอมรับออกมาง่ายๆเช่นนี้

“ พวกคุณล่ะต้องการอะไรถึงได้จัดตั้งสหพันโลกขึ้นมา ”
เรกกะ ย้อนถามกลับไปใส่อีกฝ่ายบ้าง

“ แน่นอน เพื่อสร้างสันติโดยให้อำนาจที่เท่าเทียมกัน แก่ทุกฝ่าย ”
มาเรียลูส ตอบทว่าทันทีที่ได้รับคำตอบ เขากลับหัวเราะเยาะต่อความคิดของเธอ

“ สร้างสันติด้วยการแบ่งปันงั้นเหรอ สมเป็นเธอจริงๆ เหมือนกับ
พระแม่อลาน่า กลับมาเกิดอย่างที่เค้าลือกันซะจริง…แบ่งปันเหรอ เจรจาเหรอ ของแบบนั้นน่ะ
ทำให้ ทุกฝ่ายรวมกันเป็นหนึ่งไม่ได้หรอก ”

เรกกะ แย้งกลับไป

“ แล้วสำหรับนายอะไรคือสิ่งที่จะสร้างความสงบและสันติได้ล่ะ ”
ลูเทเซีย กล่าวถามกลับไปอีกครั้ง

“ นั่นก็คือความพร้อมที่จะทำลายยังไงล่ะ ”
เรกกะ ตอบกลับอย่างมั่นใจ

“ ความพร้อมที่จำทำลายงั้นเหรอ ”
ทางฝ่าย มาเรียอุทานกันยังไม่ทันจะจบดีอยู่ๆเพดานก็ถล่มลงมาก่อนที่
ผนังโลหะที่ครอบตัวของ เรกกะ ไว้
จะถูกทำลายจบขาดเป็นชิ้นๆ

“ ใช่..และจะไม่มีใครมาขวางด้วย ”
เรกกะ เปรยข้นขณะที่ เฟนท์ ซึ่งสวมเกราะ เจอรัลดีน เข้ามาก่อนแล้วได้ปรากฏตัวขึ้นกลางที่ประชุม

“ บังอาจมากไปแล้ว…เราจะไม่ยอมให้ลบหลู่ องค์ประธานของเราไปมากกว่านี้อีกแล้ว ”
เฟนท์ ประกาศเสียงกร้าว

“ ตอนนี้มีรายงานจากหอสังเกตการ กองทัพ จากอาณานิคม ของสหประชาคม
โลกกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาปิดล้อม
อ่าวของ เราทั้งหมดเลยครับ และมีกองทัพภาคอากาศบางส่วนกำลังตรงมาทางนี้ครับ ”
เสียงรายงานดังขึ้นมาจาก มอนิเตอร์ ของ ลูเทเซีย


“ เอาล่ะไม่ต้องตกใจไปทีนี้เรามาโหวตกันต่อเถอะ ”
เรกกะ กล่าวด้วยสีหน้าระรื่น ที่จัดการมัดมือมัดเท้า อีกฝ่ายได้หมดในคราเดียว

“ ที่แท้ก็เป็นการถ่วงเวลาเองงั้นหรอกเหรอ การจัดประชุมนี่เป็นแค่ฉากบังหน้าสินะ
ที่จริงแล้วแกต้องการจะยึดอำนาจด้วยกำลังอยู่แล้วงั้นสิ ”
ลูเทเซีย สบถเมื่อถูกต้อนจนมุมอย่างง่ายดาย

“ นายคงไม่รู้สินะ ก่อนจะเข้ามาในที่ประชุมนี้ เมื่อวาน ชั้นไปพบกับบรรดาผู้นำทั้งหมดแล้วจัดการด้วย Genesis
ของชั้นทั้งหมดแล้ว ดังนั้นก็เหลือแต่พวก นายเท่านั้น ที่มี Genesis จึงสามารถป้องกันจาก Genesis ของชั้นได้
การที่นายอ่านใจชั้นไม่ได้นั่นล่ะคือ คำตอบ ต้องขอบใจ เซโร่ ที่ให้ข้อมูลของพวกนายมา ”

เรกกะ พลางเย้ยหยันด้วยคำพูดที่รุนแรง ขณะที่เมื่อพวกเค้ามองไปยังดวงตาของบบรดาผู้ร่วมประชุมทุกคน
ต่างก็มี สัญลักษณ์ Genesis ทำงานขึ้นมาที่ดวงตากันทุกคน


“ หมายความว่า เซโร่ ทรยศพวกเรางั้นเหรอ ”
มาเรียลูส กล่าวขณะที่กำลัง ชุลมุน กันอยู่นี้ ก็มีการติดต่อเข้ามาในที่ประชุมก่อนที่
จะขึ้นภาพบนจอ ใหญ่ที่ผนังด้านหลังของ พวก ลูเทเซีย

“ โคร..โน่ ”
เรกกะ เปรย เมื่อได้เห็นฝ่ายผู้ติดต่อเข้ามา ซึ่งก็คือโครโน่ นั่นเอง

“ เรกกะ แย่แล้วเมื่อครู่มีการติดต่อมาจาก หอคอย แห่งนภา อิคดราซิล ทั้ง 6 ต้นของทุกทวีป
เริ่มเปล่งแสงแล้ว ”
เฟนท์ กล่าวหลังจากได้รับการติดต่อแล้ว

“ หมายความว่า พวกมันทำสำเร็จแล้วงั้นเหรอ นี่เราช้าไปจริงๆสินะ ”
เรกกะ คิดหาทางออกจากสถานการณ์อย่างถี่ถ้วนที่สุดในขณะนี้

“ เจ้าพยายามได้ดี เรกกะ แต่เสียใจด้วย ตอนนี้ แรคนารอค สมบูรณ์แล้ว
ข้าได้ กุญแจแห่ง อามาเกดโดน มาไว้ในกำมือแล้ว จากนี้จงระวัง โอดิน กำลังจะแผลงฤทธิ์ ”
โครโน่ กล่าวขณะที่ เรกกะ ได้แต่เพียงกัดฟันด้วยความเจ็บใจ ที่ถูกโต้แผนกลับมา

“ เฟนท์ ข้าเสียดายจริงๆที่เจ้า ยอมทรยศลดตัวไปจากข้า ตอนนี้เจ้าจึงไม่ได้เป็น อานิม่า อีกต่อไปแล้ว ”
โครโน่ กล่าวซึ่ง เฟนท์ เองก็ได้แต่ ปั้นหน้าอยู่ใต้หน้ากากเกราะ ของ เจอรัลดีน

“ เรกกะ ถึงเจ้าจะเป็น อานิม่า ต้นแบบที่สมบูรณ์ยังไงแต่ สำหรับข้าเจ้านั้น
ไม่ได้อยู่ในสายตาเลย เพราะมีผู้ที่เหมาะสมที่จะปกครองโลกมากกว่าเจ้า ”
โครโน่ กล่าวต่ออย่างไม่หยุด ด้วยความเจ็บใจ เรกกะ จึงแกล้งตีสีหน้า นิ่งเรียบและย้อนถามกลับไป

“ แล้วใครล่ะที่จะเหมาะสมไปยิ่งกว่าข้า ”
เรกกะ กล่าวทว่าทันที โครโน่ ผายมือไปให้กล้อง ไปจับภาพที่อีกคนซึ่งอยูข้างๆ
ทั้ง เรกกะ และ เฟนท์ ก็ได้แต่ตกตะลึงกับภาพตรงหน้า

“ เรกกะ…เฟนท์ ตอนนี้ พี่ คือศัตรู ของน้อง ”
เสียงนี้คือเสียงของ เซน่า ไฮเดย์ พี่สาวของ เรกกะ และที่ยืนอยู่เคียงข้างเธอนั้น
คือ ไอ ที่ควรจะตายไปด้วยแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ มาธิอัส เองก็อยู่ที่ตรงนั้นด้วย

“ พ…พี่ ”  “ ไอ ”
เรกกะ และ เฟนท์ เปรยออกมาพร้อมกันด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตา
บุคคลที่พวกตนต่างคิดว่าสูญเสียไปแล้วได้กลับมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเค้า ทั้งหมด

ขณะเดียวกัน กำแพงพลังงานที่ปิดกั้น ทวีปเมอริเซีย มากว่าสองร้อยปีนับจากมหาสงครามแห่งเทอร่า
ได้สลายตัวลง พร้อมกับ เผยให้เห็น แผ่นดินและผืนน้ำที่คงรูป อยู่กลางอากาศกำลังลอยตัวขึ้นสูงจากพื้นผิว

ทวีป เมอริเซีย ทั้งทวีป กำลังลอยขึ้นไป พร้อมกับ อิคดราซิล ต้นที่ 7 ซึ่งเป็นของเมอริเซีย ได้เปล่งแสงขึ้น
และพร้อมจะประสานเสียงกับ ต้นอื่นๆที่ทวีปอื่นทั้งหมด


โปรดติดตามตอนต่อไป

Neat Saga

หากมนุษย์ ประกอบขึ้นด้วย ความปราถนา เวลา และ ความรู้สึก
แล้วเหตุใด ความปรารถนาจึงไม่สมหวัง เวลาจึงมิอาจหยุดรอ และ ความรู้สึกกลับถูกเมินเฉย

“ เซน่า ไฮเดย์ ผู้สืบเชื้อสายราชวงศ์คนสุดท้ายแห่ง ทวีปเมอริเซีย ไม่สิตอนนี้เธอคือผู้นำสูงสุดของเรา
ตามแผนการณ์ของ อิสฮาน เจ้าหญิงแห่ง Valhala แผ่นดินสวรรค์อันเลื่อนลอยนี้ ”

“ พี่จะเป็นคนหยุดน้องเอง แม้การสังหารจะจำเป็นก็ตาม… ”

“ ผมจะเป็น ดาบที่คอยฟาดฟันศัตรูและความอ่อนแอ่ของเค้า R2 เธอก็ช่วยเป็นโล่ให้เค้าปกป้องเค้าด้วย ”

“ พอแล้วจะไม่ดีกว่าเหรอ นายน่ะทำดีที่สุดแล้ว…ไม่ต้องฝืนหรอก เพราะคนสุดท้ายที่จะอยู่กับนายคือฉันเอง ”


ความสับสน ทางเลือก เวลา คำตอบ….ม่านแห่งการตัดสินได้เปิดออกแล้ว Next Saga 19 Odin จงเป็นดั่งทวยเทพ

เรกกะ เจ้าจงก้าวข้าม ชีวิตที่เป็นอมตะ และ เวลา ที่เป็นนิรันด์ไปสิ ข้างหน้าสิ่งที่รออยู่ คือ ห้วงแห่ง คาออส
จงเป็นดั่ง ผู้สร้าง จงเป็นพระเจ้า….


บทนี้ ปมหลายอย่างเปิดเผยแล้ว เริ่มด้วยชื่อ อาเจ๊ R2 ของเราไม่นึกเลยว่า เจ๊ จะมีเรื่องเศร้าแบบนี้
T_T ตำนานบางอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นแฮะ จากภาคแรกตำนานของ ทาลิวิลย่า
เป็นต้นกำเนิดของตระกูลซาราเบลด ส่วนที่มาของ ดาบมาคายาเดีย ยัง…เอ่อไม่พูดดีกว่า
เศร้าอ่ะ เนี่ยนะดาบวิเศษแห่งตำนาน ของอัศวินมังกรผู้เกรียงไกร นี่มานอะไรกานน

เรื่องที่สอง คืนชีพกับโผล่กันมา แบบนี้ ตกลงเรื่องนี้มันยังไงเนี่ย ที่สำคัญรอดกันมาได้ไง
พวกแกเป็น อานิม่า กันหมดเร้อ ยิ่งหนู ไอ เรกกะ เป็นคนลงมือฆ่าเอง ไหงไม่ตาย
เป็น งง อีกอย่าง คิดว่าคงลืมลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ เรกกะ กับ ซานไป
เลยไม่ได้รู้กันเลยว่าสองคนนี้เค้าเป็นยังไงกันมาแน่ เพราะดันซูมไปที่ เฟนท์ เต็มๆ

เรื่องที่สาม หนึ่งเดือนที่ผ่านมา เรกกะ เฟนท์ ไปทำอะไรกันม้าาาา ไม่เชื่อหรอกว่าแค่ไปบุกสภามังกร
ทำไมดูสนิทชิดเชื้อเชื่อฟังกันดี ทั้งที่ตอกก่อนๆยังแค้นจะฆ่าจะแกงกันให้ได้ อันนี้คงต้องรอต่อไป

เรื่องที่สี่ คิดไงกับการเปลี่ยน look ของ เฟนท์ และ เรกกะ มั่งส่วนตัวผมคิดเองนะว่า
มันสวยดีอ่ะ แต่เฟนท์ นี่หน้าออกเกย์ไงมะรุ คิดไปเองอ้ะเปล่าเนี่ย

เรื่องสุดท้าย ตอนต่อไป ศึกหนักละสิ (ของคนเขียนนะ) เรกกะ เอ๋ยนายกะลังจาทำอาไรอ่า
ครองโลกเหรอ ภาพพจน์ อัศวินยึดมั่นคุณธรรมแตกเพล้งเป็นชิ้นๆ หลังๆ เรื่องนี้ตัวเอกมันชักจะเลวลงๆ
แล้วสิเนี่ย เฮ้อจบดีกว่า เตรียมไปเขียนบทที่ 19 ต่อละ

ป่ะ ถอนสมอ ติดเครื่องออกเดินทางได้  (ออกทะเล ซ่า……ซ่า….ซ่า….)


เกือบลืม ภาพโปรโมท ภาคสามเอาไปยั่วน้ำลายก่อนเน้อ




Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #127 on: April 26, 2009, 07:04:56 PM »

น่าน D.N.Angel   

เรกกะ...ทำไมนายทำอย่างงี้  พระเอกน่ะ เลวบ้างสะใจดีแต่เลวตอนจบไม่เพอร์เฟ็คนะเรกกะ -*-

หนู R2 เป็นไงล่ะ  ไปป่วนงานพิเศษของเรกกะเค้า แฟนตายเลย 
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #128 on: April 26, 2009, 07:09:57 PM »

ง...งั้น ไอ้ภาพนั่นที่หนูเห็น ก็ใช่อย่างที่หนูคิดจริงๆอ่ะดิ กรี้ดดดดดด อยากจะร้องซะให้ตาย
หนู นิวะ คุง จะมาแปลงร่างเป็น ทาลิวิลย่า เหรอเนี่ยแถมลากคู่เกย์มาด้วย  ::010::เหอะๆ

ให้เดานะ ไอ้หัวดำที่อยู่ข้างซ้ายของภาพคือ ดาร์ค ใช่มะ ส่วนข้างขวาสุดหัวทอง ครัด
แล้วไหง หนูได มีสองง่า ว่าแต่ทำภาพออกมาได้ไงนิ เกือบเหมือนๆ


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #129 on: April 26, 2009, 07:17:02 PM »

Quote
น่าน D.N.Angel
Quote

ง...งั้น ไอ้ภาพนั่นที่หนูเห็น ก็ใช่อย่างที่หนูคิดจริงๆอ่ะดิ กรี้ดดดดดด อยากจะร้องซะให้ตาย
หนู นิวะ คุง จะมาแปลงร่างเป็น ทาลิวิลย่า เหรอเนี่ยแถมลากคู่เกย์มาด้วย  เหอะๆ

ให้เดานะ ไอ้หัวดำที่อยู่ข้างซ้ายของภาพคือ ดาร์ค ใช่มะ ส่วนข้างขวาสุดหัวทอง ครัด
แล้วไหง หนูได มีสองง่า ว่าแต่ทำภาพออกมาได้ไงนิ เกือบเหมือนๆ

เฮ้ยเดี๋ยวไม่ช่าย ใครว่าเรื่อง d.n.angel จะมาอยู่ในทาลิวิย่า ชื่อ d.n.a.น่ะ
เป็นคำย่อไม่ได้มา จาก disuke niwa angel นะขอร้าบ แต่มาจาก dragoon nox Age

(ยุคมืดอัศวินมังกร) ว่าแต่ไอ้ D.N.Angel เนี่ย เรื่องไรอ่ะมะเคยดูเคยแต่
ภาคสามกะจะเขียนแหวกแนว เนื่องจากนิยม พระเอกเลวขึ้นมา เลยจะเอาเป็นไม่เป็นอัศวินละ
 เป็นโจรดีกว่า
55+ จะได้ไปทำงานกะหนู R2 ไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ เรกกะ ส่งเค้กมาซะดีๆ

ขออภัยนะ ไม่เคยดูเรื่องนี้เลยจริงๆ แค่ทำภาพออกมาตามอารมณ์ บวกชื่เรื่องมันจะยาว เลยย่อเอา
(แถ สุดชีวิต ที่จริงเค้ารู้กันให้ทั่ว สารทิศ แล้วว่าพี่ชอบการ์ตูนแแนวนี้)


Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #130 on: April 26, 2009, 07:28:42 PM »

ปากบอกไม่เคยดูแต่ไหง รู้ชื่อตัวเอกซะครบทุกตัวอักษรเลย 

ตกลงนี่ นี่ วาการุรุม่อน กับ ปิโยม่อน เค้าเอาจริงดิ
งี้ถ้าเอามาเรียงมันจะเป็นแบบนี้แล้วนานิยายพวกเราน่ะ

1 Legend of the Thaliwilya =Digimon เป็นแกนหลัก

2.Legend Thaliwilya of the Arimathea  = Code Geass เป็นแกนหลัก คู่กะ Gundam 00

3.Legend D.N.A. of Thaliwilya  = D.N.Angel เป็นแกนหลัก

4.War of Actor in terra  = Kamen Rider Kabuto (มารค์ไรเดอร์คาบูโตะ
กับพระเอกท่าชี้นิ้วขึ้นฟ้าสโลแกนคุณย่าเคยบอกไว้)

5. Multi Armor Actor V.O.W. กับ E.E.  = Gundam Seed Destiny+
 Mamotte Lollipop

6.Summonner VR!  = Negima + Yugi-oh +  Lylical Magical Nanoha+Pokemon+Rockman EXE  (อันนี้เยอะง่ะ)



ตายล่ะหว่าไหงพอมาดูๆมันเละเทะเงี้ย แต่พออ่านๆดูไหมมันสนุกได้หว่า ยังงกะตัวเอง
นี่ข้อมูลลับสุดยอดเลยนะเนี่ย (ตรงไหน)


 
Logged


ginn
Member
*****
Offline Offline

Posts: 9


« Reply #131 on: April 26, 2009, 11:29:59 PM »

เรกกะเปนคิงแล้วๆๆๆๆๆๆๆ



ปล.เหอะๆ

ทาลิวิลย่าไตรภาค

ป๋าสตีเว่น สปีลเบิร์กน่าจะเอาไปทำหนังได้แล้วนะ


5555

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #132 on: April 27, 2009, 04:43:06 PM »

เอาฟะ ไหนๆความแตกแล้ว(อุตส่าห์ไม่เขียนลงไปตรงๆดันมีคนรู้จักเรื่องนี้อีก เรื่องตั้งเกือบ10ปีได้มั้ง)

ชื่อเต็มๆ Legend Daisuke Niwa Angel of Thaliwilya

เป็นไงล่ะ เหอๆเดี๋ยวพอจบครบไตรภาค ก็เตรียมพบกับการยำใหญ่นิยายตัวเอง
กับ Thaliwilya  Triangle Dragoon ป่ะเลยเป็นงิ น่าสนนะเนี่ยเหอๆ

เ้อ้า ภาพเปรียบเทียบความเหมือน







สังเกตุคนผมแดงดีๆ มันคือ......ตัวเอกภาคถัดไป 555+

แหม่อุตส่าห์เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นไม้ตายไม่เคยงัดออกมาใช้ สุดท้ายตกม้าตาย
ตรงนิทาน Ice and Snow ในเรื่องของมันเนี่ยแหละ ไม่รู้ป้า R2 จะทำอ่าไรดี บทน้อยขิงๆ

กะเลยจับป้าแกเปลี่ยนเป็น ฟรีเดอทร์  จับลอว์เรนซ์ พันปีก่อนเป็น เอเรียต แล้วเอาไปปนกะ โคดกีอัส
งามแท้ๆช่างเป็นงานศิลป์ ที่ชวนจิตตกมากมาย เหอๆเปรียบไปได้นะฉาน

เอาเถอะ เรกกะ มาเลวตอนปลายแบบนี้ก็ดีนะ เพราะที่แล้วมาประมาณครึ่งเรื่องก่อนค่อนข้างไร้สาระ
ยังไม่มีฉากเรียกน้ำตาซักกะหยด ว่าแต่ภาคที่แล้วก็ทีแล้วนิหว่า สดใสต้นๆแล้วมาหดหู่เอาตอนปลายๆ

มุขพระอาทิตย์ขึ้นนะเนี่ย ลูบหลังแล้วตบหัว เหอๆ หลอกให้คนอ่านโล่งไปกับเนื้อเรื่อง
แล้วจับกระชากน้ำตาตอนท้ายๆ (ฮา)

ช่างเถอะว่าแต่ บทที่ 19 ขอเตือนก่อน ผู้ที่สุขภาพตาไม่ค่อยดี แนะนำอ่านทีละน้อยจะดีกว่า เพราะมันยาว
แถมอ่านไปต้องคิดไปไม่งั้นไม่รู้เรื่องนะเออ

งั้นไหนๆรีไพกระทู้ทั้งทีขอแถมมันส์ๆหน่อยละกัน

เริ่มด้วยใครเป็นใครใน Code Geass (เอาเข้าไป )

เรกกะ = ลู...
เฟนท์= สุ...
ซาน=คา...
โครโน่= ชไน...

แค่นี่อนละกันเหอๆ
 
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #133 on: April 27, 2009, 05:16:54 PM »

อ่ะหุ จะรอ Get ภาพการ์ด นิวะคุง แบบรีมิกซ์ละกันนะค้า
โอม ภาค3 จงมาไวๆ

กรี้ดดดดดดดดดดดดดดด น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #134 on: April 27, 2009, 05:26:30 PM »

Hawwww~Omochikaeriiiiiiiiii  

ไดจังน่าร้ากกกกพลังเคะ    อยากอ่านไวๆ

Quote
น่าน D.N.Angel
Quote

ง...งั้น ไอ้ภาพนั่นที่หนูเห็น ก็ใช่อย่างที่หนูคิดจริงๆอ่ะดิ กรี้ดดดดดด อยากจะร้องซะให้ตาย
หนู นิวะ คุง จะมาแปลงร่างเป็น ทาลิวิลย่า เหรอเนี่ยแถมลากคู่เกย์มาด้วย  เหอะๆ

ให้เดานะ ไอ้หัวดำที่อยู่ข้างซ้ายของภาพคือ ดาร์ค ใช่มะ ส่วนข้างขวาสุดหัวทอง ครัด
แล้วไหง หนูได มีสองง่า ว่าแต่ทำภาพออกมาได้ไงนิ เกือบเหมือนๆ

เฮ้ยเดี๋ยวไม่ช่าย ใครว่าเรื่อง d.n.angel จะมาอยู่ในทาลิวิย่า ชื่อ d.n.a.น่ะ
เป็นคำย่อไม่ได้มา จาก disuke niwa angel นะขอร้าบ แต่มาจาก dragoon nox Age

(ยุคมืดอัศวินมังกร) ว่าแต่ไอ้ D.N.Angel เนี่ย เรื่องไรอ่ะมะเคยดูเคยแต่
ภาคสามกะจะเขียนแหวกแนว เนื่องจากนิยม พระเอกเลวขึ้นมา เลยจะเอาเป็นไม่เป็นอัศวินละ
 เป็นโจรดีกว่า
55+ จะได้ไปทำงานกะหนู R2 ไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ เรกกะ ส่งเค้กมาซะดีๆ

ขออภัยนะ ไม่เคยดูเรื่องนี้เลยจริงๆ แค่ทำภาพออกมาตามอารมณ์ บวกชื่เรื่องมันจะยาว เลยย่อเอา
(แถ สุดชีวิต ที่จริงเค้ารู้กันให้ทั่ว สารทิศ แล้วว่าพี่ชอบการ์ตูนแแนวนี้)




<---แถ? /me ดึงด้ายแดงใส่ 
« Last Edit: April 27, 2009, 05:28:27 PM by boy » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #135 on: April 28, 2009, 02:41:06 AM »

ว่าจะถามนานแล้วล่ะขอรับ ท่าน Gee ท่านเป็นใครเหยอ ทำแต่อันใดมา ไหงดูรู้จักนิยายข้าน้อยดีจัง
ทั้งที่เมมท่าน หยั่งกะพึ่งสมัคร (โพสแค่ 3 กระทู้ )
ช่วยตอบข้าน้อยที

ว่าแล้วนอกเรื่อง หน่อยทุกท่านคงเริ่มเอะใจสินะ ที่ D.N.Angel ทำใหม่ถึงพึ่งจะมีผลกระทบเอาตอนนี้
จะบอกว่าข้าน้อยเก็บงำมันไว้ก็ใขช่ที แล้วมันยัง..โป็กกก

การุรุม่อน: แล้วจะไปพูดวกวนเป็นนิยายให้คนอ่านเค้างงทำม้าย

อ้าวเหรอโทษที อารมณ์มันพาไป ที่จริงพึ่งรู้ตัวเหมือนกันนะเนี่ย ว่าเรื่องนี้มันได้รับ ผลกระทบจากเรื่องข้างบน
ไปตั้งกะแรกแล้ว จำ แมกกี้ กันได้มิ เจ้ามังกรน้อยผู้ที่มีบทใหญ่เกินตัวแต่ดัน บทน้อยอีก (ยังไงเนี่ย)
ถ้าเปรียบตอนที่มัน พาเรกกะ บิน ท่องท้องฟ้าเนี่ยมัน เอ่อ เจ้า Wiz ใช่มะ....ใช่ป่ะ เรกกะ


เรกกะ:ไม่รู้ว้อย ตอนนี้จะครองโลกก่อนไม่สน รุ่นพี่ลอว์เรนซ์ จะตามมาทำไมวะซีรี่ย์เนี้ย
มาแย่งบทข้อยบ่ได้ดอก 555+

เออนั่นสิเนอะ ลอว์เรนซ์ มาทำไมหว่า มาแล้วมันดูกากๆชอบกล
แถมไปเป็น ให้ เรกกะ อีก แล้วตกลง เจ้า เฟนท์ กับ เรกกะ พวกแก๊ไปทำอะไรกันมา ถึงได้สนิทขนาดนี้ เก๊าะ รอดูตอนต่อไปไงคร้าบ 555(มายั่วเขาอีก)

อีกประเด็น Dragoon Requiem มันคืออะไรหว่า อันนี้เก๊าะไม่พูดละ คงรู้อยู่แล้ว

ไปก่อนเน้อ




Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #136 on: April 28, 2009, 03:18:27 AM »

Saga 19 Odin จงเป็นดั่งทวยเทพ

12 ปี ก่อน

“ นี่…เรกกะ มาเล่นด้วยกันสิ ”
น้ำเสียงใสซื่อของ เด็กสาวผมสั้นสีทอง ดวงตาของเธอเป็นสีน้ำเงิน เธอกำลัง นั่งสานมงกุฎดอกไม้อยู่ในสวน
ดอกไม้ที่ปลูกขึ้นบนแปลงขนาดใหญ่ใน ห้องกว้างที่ผนังเป็นโลหะ แสงสว่างที่ส่องลงมาในตอนนี้เป็นแสงจาก

หลอดไฟ ที่ให้คุณสมบัติเหมือนแสงอาทิตย์ เพื่อเลี้ยงดูดอกไม้เหล่านี้ ขณะที่ เรกกะ ในตอนนี้มีอายุมากกว่าเธอ 5 ปี
กำลังยืนมองเธอด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย และเย็นชา

“ นี่มาเล่นด้วยกันสิ..นะ เรกกะ ”
เด็กสาวที่เรียกเค้าเมื่อครู่วิ่งเข้ามาจูงมือเค้า ด้วยสีหน้างอแง จะให้เค้าไปเล่นกับเธอให้ได้
เรกกะ ที่ยอมตามเธอไป ก็เข้าไปในแปลงสวนดอกไม้ ก่อนที่ เธอจะคะยั้นคะยอ ให้เค้านั่งลง

เล่นกับเธอ และแล้วเธอก็นำมงกุฎ ดอกไม้ที่สานไว้สวมให้แก่ เขาก่อนจะยิ้มด้วยสีหน้าที่เบิกบานสดใส
ราวกับ ต้นฤดูใบไม้ผลิ

“ แบบนี้มันจะดีหรือครับคุณหนู เซน่า ”
เรกกะ กล่าวเสียงเรียบยังคงสีหน้าที่เย็นชาเอาไว้ ทันทีที่ เด็กสาวได้ยินเธอ ก็ตีหน้าบูดใส่ทันที

“ บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกคุณหนูน่ะ เรกกะ เป็นน้องของพี่นะ ต้องเรียกพี่สิ ”
เด็กสาว กล่าวน้ำเสียงง้องอน ซึ่ง เรกกะ เองก็รู้สึกตะขิดตะขวงเล็กน้อย ที่จะเรียกแบบนั้น

“ ค..ครับพี่ ”
เรกกะ กล่าวด้วยทีท่าที่นอบน้อม ซึ่งเด็กสาวนั้นยังไม่ค่อยพอใจ ที่ค้าทำตัวเหมือนกับเป็น
เบี้ยล่าง มากกว่าเป็น น้องชายของเธอ แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยอมที่จะเล่นด้วยทั้งๆอย่างนั้น

“ งั้นวันนี้ เรามาเล่นเป็น เจ้าชายกับเจ้าหญิงนะ..พี่ให้ เรกกะ เป็นเจ้าชาย ส่วนพี่ก็จะเป็นเจ้าหญิงเอง ”
เด็กสาวกล่าว ด้วยหน้าที่ยิ้มแย้ม ขณะที่ เรกกะ พยักหน้ารับ และสวมมงกุฎดอกไม้ที่เธอมอบให้
เด็กสาว นั่งเล่นกับเค้า ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มเบิกบานอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่เค้านั้นตีหน้าสงบเสงี่ยม
เย็นชาราวกับตุ๊กตาที่ไร้หัวใจ

“ นี่เรกกะ…จู๊บบบบ ”
เด็กสาวเรียกเค้าก่อนจะยื่นหน้ายื่นปากเข้ามาใกล้ใบหน้าของเค้า ที่สุดแล้ว เรกกะ ที่เผลอตกใจ
จนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ก็ถอยจนล้มหงายลง ด้วยความผวา ใบหน้าของเค้าแดงระเรื่อ ด้วยความเคอะเขิน
ขณะที่ยันตัวลุกขึ้นมา

“ คุณห…เอ้ย พี่ครับเมื่อกี้จะทำอะไรน่ะ ”
เรกกะ กล่าวถามตะกุกตะกัก ก่อนที่เด็กสาวจะยิ้มน้อยๆให้เค้า

“ ก็เล่นเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายอยู่นี่ พี่เป็นเจ้าหญิง เรกกะ เป็น เจ้าชาย เจ้าหญิงต้องจุมพิตเจ้าชายเพื่อ
ถอนคำสาปไม่ใช่เหรอ ”
เด็กสาวกล่าวอย่างอารมณ์ ในขณะที่ เรกกะ ตีสีหน้าเอือมๆด้วยความหน่ายใจ

“ พี่ครับ…เจ้าชายต้องเป็นฝ่ายมอบจุมพิตต่างหาก แล้วก็คำสาปอะไรกันล่ะครับ ผมไม่ได้ถูกสาปซะหน่อย ”
เรกกะ กล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย แต่ทั้งๆอย่างนั้น เด็กสาวกลับยืนซึมไป

“ เป็นอะไรไปเหรอครับพี่ ”
เรกกะ ถามขึ้นด้วยความกังวลเมื่อเห็น เธอซึมไปเฉยๆ

“ มีสิ…คำสาปน่ะ…เรกกะ น่ะไม่เคยจะยิ้มเลยไม่ใช่เหรอ พี่ก็เลยคิดว่าน้องโดนคำสาปจากแม่มดใจร้าย
ก็เลยจะจุมพิต เพื่อถอนคำสาปน่ะ  ”
เด็กสาวกล่าว ด้วยสีหน้าซึมๆ วินาทีนี้ เค้าได้รับรู้ถึงความรู้สึกของเด็กสาวที่ปฏิบัติกับเค้า
เธออยากให้เค้าแสดงอารมณ์ที่แท้จริงและ เป็นน้องชายของเธอจริงๆไม่ใช่หุ่นรับใช้ที่ไร้อารมณ์
ไร้ความรู้สึก

“ งั้นผมขอโทษนะครับ…พี่ จากนี้ไปผมจะพยายามยิ้มให้ได้จะต้องเป็นน้องชายของพี่ให้ได้ ”
เรกกะ กล่าวจบเด็กสาว ก็หันกลับมามองเค้าด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส

“ นี่ เรกกะเจ้าชายน่ะต้องปกป้องเจ้าหญิงใช่ไหม ”
เด็กสาวถามเค้า ซึ่ง เรกกะ ก็ผงกหัวเป็นเชิงตอบให้แก่เธอ

“ งั้นสัญญากับพี่ได้ไหม…ว่าน้องจะเป็นเจ้าชายที่คอยปกป้องพี่และรักพี่เหมือนในนิทานน่ะ ”
เด็กสาวกล่าว ถามด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสา แม้จะเป็นความคิดของเด็กๆ
แต่ในขณะนั้น มันนับเป็น คำพูดที่มีค่ากับเค้ามาก ตัวเค้าเป็นเพียง ชีวิตเทียมที่ ถูกสร้างขึ้น

 เพื่อให้คอยรับใช้ และดูแล เธอ ซึ่งจะเติบโตเป็นผู้นำ ในกาลข้างหน้า ดังนั้นชีวิตของเค้า
จึงมีไว้เพื่อมอบแด่เธอ เพื่อคอยปกป้องเธอด้วยชีวิต โดยไม่มีการตอบแทนใดๆ หัวใจของเค้า

ราวกับถูกผนึกด้วยน้ำแข็งที่เย็นเฉียบ เมื่อรู้ว่าชีวิตของตนไม่มีค่า แต่เธอ เป็นคนที่ละลาย
น้ำแข็งและมอบความอบอุ่นให้แก่เขา

“ ครับพี่ ผมสัญญา ”
เรกกะ ตอบด้วยน้ำเสียงเต็มใจ ซึ่งดังออกมาจากหัวใจของเค้า เด็กสาวยิ้มตอบด้วย
ทีท่าร่าเริง ก่อนจะยื่นนิ้วก้อย ขึ้นมา

“ งั้นมาเกี่ยวก้อยสัญญากัน..นะ ”
เด็กสาวกล่าว ขณะที่รอให้เค้า ยื่นนิ้วมาเกี่ยวก้อยกับเธอ


“ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่หัวใจอันเย็นชาของเราได้มีความอบอุ่นแทรกเข้ามา….ฤดูใบไม้ผลิคงมาพร้อมกับเธอสินะ ”
เรกกะ คิดขณะที่ ยื่นนิ้วก้อยเกี่ยวสัญญากับเธอ นับแต่วันนั้น เธอและเค้าต่างก็อยู่ร่วมกัน
ราวกับป็นพี่น้องกันอย่างแท้จริง เวลาได้ล่วงเลยไปแม้สำหรับเค้าที่เป็น อานิม่า จะเป็นเพียงช่วงเวลา

สั้นๆเพราะเวลาที่เป็นนิรันด์ของเขา แต่ช่วงเวลานั้นก็ทำให้เค้าแทบจะลืมไปว่าตนไม่ใช่มนุษย์
เมื่อกาลเวลาผ่านไป ผู้คนย่อมเปลี่ยนแปลง แต่ตัวเค้านั้นกลับหยุดนิ่งอยู่ที่เดิมไม่มีเวลาหรือ

การเปลี่ยนแปลงใดๆสำหรับเขา แต่กระนั้น เด็กสาวที่เติบโตขึ้นเป็นพี่ของเค้าอย่างแท้จริง
 ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ยังคงดูแลเค้าราวกับเป็นพี่แท้ๆ  จนเมื่อเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น
 ทำให้พวกเค้าต้องระเห็จหนีกันออกมา และมาอยู่ที่ โลกอส ใช้ชีวิตอยู่กันเพียงแค่สองพี่น้อง

ช่วงเวลาที่มีความสุขด้วยกันนี้ได้ผ่านเลยไป ราวกับมันจะอยู่ไปตราบชั่วนิรันด์ แต่แล้ว
โชคชะตาก็ยังคงเดินต่อไปมิได้หยุดลง แม้ความปราถนาของพวกเค้าจะหยุดลงที่ช่วงเวลา

นั้นหากแต่ เวลาก็มิอาจหยุดตาม ความปราถนาจึงมิอาจคงอยู่ได้ตลอดไป นั่นคือช่วงของชีวิต
เพราะไม่อาจสมปราถณาได้ทั้งหมด และไม่ยั่งยืนตลอดกาล ถึงต้องดิ้นรนไปข้างหน้าเพื่อไปให้ถึงอนาคตที่
ความปราถนา นั้นมีอยู่ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า มนุษย์ …..



……………………….


“ เรกกะ โครโน่ ได้เล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว แต่พี่อยากจะฟังจากปากของน้องเอง
ทั้งหมดที่ทำอยู่นี่ เป็นสิ่งที่น้องทำเพื่อพี่ใช่ไหม….. ”
เซน่า ได้ถามคำถามกับน้องชาย ของเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง ต่อหน้า เรกกะ ที่ได้แต่ตกตะลึงในสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
เมื่อเห็นว่า เรกกะ นั้นยังไม่ตอบอะไร เธอจึงแน่ใจและเริ่มกล่าวต่อ

“ ทำไมกัน เรกกะ พี่เคยขอแบบนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ พี่น่ะขอแค่ได้อยู่กับน้องตลอดไปก็…. ”
“ เพื่อเธอเหรอ…หึ ”
ขณะที่ เซน่า กล่าวด้วยความอาวรณ์อยู่นั้น เรกกะ ก็แย้งขึ้นมาทันที

“ อย่าคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นสิ ผมน่ะไม่ได้ทำเพื่อพี่ ซักหน่อยที่ผมทำก็เพื่อตัวผมเอง
คนอย่างพี่ที่เอาแต่ยึดติดอยู่กับอดีต น่ะเป็นผู้ปกครองไม่ได้หรอก ”
เรกกะ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา พลางตีสีหน้าเรียบเฉย ทว่าขณะที่พูดอยู่นี้
มือทั้งสองข้างของเค้านั้น ก็ได้แต่สั่นระริก ที่ต้องโกหกพี่ของตน ขณะที่ เซน่า ได้แต่
อึกอึงกับคำตอบของ เรกกะ

“ หากพี่ยืนยันจะขวางผม…ผมก็จะกำจัดพี่ด้วย ”
เรกกะ ตะคอกจบก็ หันหลังให้ ก่อนจะเดินจากออกไป
โดยไม่แยแส ว่าตอนนี้คำพูดของเค้าได้ ทำให้คนที่เค้าเป็นห่วงเป็นใยที่สุดกำลังเสียใจ
ภาพบนมอนิเตอร์ได้ย้ายกลับไปที่ โครโน่ อีกครั้ง ขณะที่เค้ากำลังจะเดินออกไป

“ เรกกะ เจ้าบังอาจทำให้ท่าน เซน่า ต้องเสียใจ ทั้งที่ท่านไว้ใจเจ้าที่สุด ตอนนี้เจ้าแสดงให้เห็นแล้วว่าเจ้าคือคนทรยศ ”
โครโน่ กล่าวโดยเอาความจงรักภักดีมาเป็นเรื่องังหน้าเพื่อจะผลักให้ เรกกะ กลายเป็นศัตรูโดยสมบรูณ์
และตอนนี้การกระทำของเค้าได้แสดงออกไปสู่สายตาของประชาชนทั้งหมดแล้ว การ

กระทำของเค้าทั้งหมดที่แสดงออกมาในที่ประชุมนี้ทั้งการ แทรกแซงด้วยกำลัง
และข่มขู่ด้วยอำนาจของเค้าได้ทำให้เค้ากลายเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกไปแล้ว

“ อีก ไม่นานเจ้าจะได้รู้ซึ้งถึงพลังของ โอดิน แล้วเจ้าจะต้องพ่ายแพ้ในที่สุด ”
โครโน่ กล่าวจบก็ตัดช่องการสื่อสารไป ขณะที่ เรกกะ เดินออกไปโดยโบกมือเป็นสัญญาณให้

เฟนท์ เดินตามแผนต่อ ไม่นานนัก กองทัพของเขาก็เข้าปิดล้อมที่นี่ได้สำเร็จและจับตัวบรรดาผู้นำ
ไปเป็นตัวประกัน ก่อนจะถอยกลับไปเพื่อเตรียมรับมือกับ Empyrean Adjust

“ เรกกะ นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ”
ซาน ที่ได้แต่ มองยานของ เรกกะ และกองทัพถอนตัวกลับไป พร้อมกับตัวประกัน
โดยที่ สุซาคุ และ เฟรเซีย องครักษ์ ทั้งสองได้แต่ขบฟันอย่างเจ็บแค้นที่ไม่อาจปกป้อง
 นายเหนือหัวของตนได้

…………………..

“ ไม่นึกเลยว่าพวกมันจะแอบไปสร้างของใหญ่ขนาดนั้นเอาไว้ ในทวีปที่
เวลาปิดตายอย่าง เมอริเซีย ได้เลยนะเนี่ย ”
R2 กล่าวขณะที่ จอมอนิเตอร์บนยาน ไซเบอทิก้า กำลังฉายภาพของ แผ่นเมอริเซีย ทั้งทวีปกำลังลอยตัวขึ้น
โดยมี ปราการลอยฟ้า ซึ่งลอยตัวอยู่เหนือ มหาพฤกษา อิคดราซิล ที่กำลังเปล่งแสง อยู่


“ ขนาดของป้อมปราการ โดยเฉลี่ยแล้วสัดส่วนน่าจะยาวกว่า สามกิโลเมตร
วงรอบเกือบๆสองกิโลเมตรได้แน่ะ ”
เรโค่ ที่ติดต่อเข้ามาจาก ยานคอสมิกที่บินตามกันมานี้ โดยมียานลำเลียงของกองทัพ
ที่พาตัวพวก ผู้นำตามมาด้วยติดๆ

“ ที่น่าสนใจน่ะคือทำไม พี่สาวของนายถึงได้ไปเป็นพวกของมันได้ล่ะ ”
เซโร่ แทรกเข้ามา ซึ่งภายในห้องบังคับการของ ยานไซเบอทิก้า เรกกะ ยังคงช๊อกกับ
การสนทนากับพี่สาวของเขาที่ โรงเรียนอยู่ไม่น้อย ทั้งที่ตัวเค้าคิดว่าพี่สาวของเค้า
 คงจะหายสาบสูญไปแล้ว

“ ถ้ายังไง ตอนนี้ขอเวลาให้เค้าซักหน่อยก็แล้วกัน ไว้ไปสมทบกับทัพใหญ่ที่ แหลมคาดาร่า
ก่อนแล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที  ”
R2 กล่าวจบก็ตัดการสื่อสารไป ก่อนจะหันไปเพื่อคุยกับ เรกกะ

“ ไม่นึกเลยว่า มาธิอัส จะทรยศเรา ที่เค้าหายตัวไปพร้อมกับ พี่สาวนายก็เพราะแบบนี้สินะ ”
R2 กล่าวขณะที่กังวลกับ ท่าที ของ เรกกะ อยู่หน่อยๆ

“ เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ นายจะช่วยตอบพวกเรามาหน่อยได้ไหม ”
เฟนท์ ถามขึ้นขณะที่ R2 เขม่นไปที่เค้า ด้วยสายตาหงุดหงิดหน่อยๆ เพราะรู้สึกว่า ตั้งแต่ที่ เค้าได้รู้ว่า
ซาน และ ไอ ยังมีชีวิตอยู่ เค้ากับ เรกกะ ก็เริ่มมีท่าทีแปลกๆไป

“ ที่จริง เซน่ากับ ชั้น เราหนีออกมาจาก Empyrean Adjust เพราะความเปลี่ยนแปลง
ภายในองค์กร ช่วงก่อนที่พวกนายจะถูกปลุกจาก Cold Sleep โครโน่ น่ะคิดจะฮุบอำนาจ

ไว้คนเดียว และเพื่อการนั้นมันจึงได้ขับไล่ พี่เซน่า ชั้นที่ต่อต้านก็เลยถูกพวกมัน
ทำร้ายจนสูญเสียความทรงจำ แต่พี่ ก็พาชั้นหนีรอดออกมาได้… ”

เรกกะ กล่าวตอบขณะที่ปิดหน้าปิดตาด้วยมือขวาส่วนมือซ้ายปล่อยตกแกว่งอยู่
ท่าทีของเขาตอนนี้ สลดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ แล้วทำไมตอนนี้พวกนั้นถึงได้ มาเอาตัวพี่นายกลับไปซะล่ะ ”
เฟนท์ ถามต่อโดยไม่แยแสว่าตอนนี้เขาจะรู้สึกเช่นไร แต่คิดว่าเพราะตัว เรกกะ อยากที่จะเก็บงำ
ทุกอย่างไว้เป็นความลับ ถึงต้องพบกับความทรมานเช่นนี้

 “ เซน่า ไฮเดย์ ผู้สืบเชื้อสายราชวงศ์คนสุดท้ายแห่ง ทวีปเมอริเซีย ไม่สิตอนนี้เธอคือผู้นำสูงสุดของเรา
ตามแผนการณ์ของ อิสฮาน เจ้าหญิงแห่ง Valhala แผ่นดินสวรรค์อันเลื่อนลอยนี้ ”
เรกกะ กล่าวไปก่อนจะหยุดและเงยหน้าขึ้นมองทั้งสอง

“ ถ้าเป็นมันคงพูดแบบนี้ล่ะแต่ที่จริงเจ้า โครโน่ มันรู้แล้วต่างหากว่าการจะเดินระบบ แรคนารอค
ได้เต็มอัตราจะต้องใช้ รหัสพันธุกรรมของพี่ในการ เปิดระบบสูงสุด เพราะงั้นแล้ว มาธิอัส เองก็คง

จะทำข้อตกลงกับมันแล้วก็ สืบหาที่อยู่ของพี่จากชั้น พร้อมกับเอา โซลการ์ดมาให้ชั้น
โดยไม่บอกถึงอันตรายของการใช้เพื่อปิดปากชั้นซะแต่นี่คงอยู่นอกเหนือ

การคาดการณ์ของพวกมันเพราะชั้นยังไม่ตาย และกำลังจะเป็นภัยคุกคามพวก
มันถึงได้รีบเร่งเดินระบบนี้กันยังไงล่ะ ”

เรกกะ ตอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เค้ารู้ออกมาทั้งหมด ซึ่งมาถึงตอนนี้ R2 และ เฟนท์ก็พอจะตีความได้แล้วว่า
เซน่า ถูกเป่าหูจนเชื่อว่า เจตนาของ เรกกะ นั้นคือสิ่งที่ขัดกันกับความต้องการของเธอ

“ แล้วนายจะเอายังไงต่อ ”
เฟนท์ ถามขึ้น ทว่า เรกกะ เองก็ตื้อตันเกินกว่าจะตอบได้ในสภาพนี้ เมื่อเห็นว่า เรกกะ ยังนิ่งซึมอยู่
เค้าจึงเข้าไปกระชากคอเสื้อ เรกกะ ขึ้นมา

“ มาถึงขั้นนี้แล้วเราจะถอยอีกไม่ได้แล้วนะไม่ว่ายังไงนายก็ต้องทำให้ Dragoon Requiem สมบรูณ์ให้ได้
ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกที่ต้องสู้กับคนที่ไม่อยากสู้… ”
เฟนท์ ตะคอกใส่ ก่อนจะโยนร่างของ เรกกะ ลงไปกระแทกกับเก้าอี้ ซึ่ง เรกกะ
ที่ตอนนี้ตัวเค้าไม่มีกำลังใจจะทำอันใดอีกแล้วก็ได้แต่นั่งแหมะอยู่บนเก้าอี้

โดยรับสายตาย่ำยีของ เฟนท์ ไปก่อน
ที่เฟนท์ จะสบถด้วยความหงุดหงิด ขณะที่ออกจากห้องไป โดยมี R2 เดินตามออกมาด้วย

 “ ไม่คิดว่าพูดแรงไปหน่อยเหรอ ”
R2 ถามขณะที่เดินตามออกมา

“ ผมจะเป็น ดาบที่คอยฟาดฟันศัตรูและความอ่อนแอ่ของเค้า R2 เธอก็ช่วยเป็น
โล่ให้เค้าปกป้องเค้าด้วย ”
เฟนท์ กล่าวก่อนจะเดิน ตัดออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบของเธอ

“ เอาแต่ใจซะจริงนะ ”
R2 เปรยก่อนจะมองไปที่ประตูห้อง ที่ เรกกะ อยู่ข้างในนั้น เธอกำลังคิดว่าควรจะทำอย่างไรในขณะนี้


……………
…………………………

“ ท่าน เซน่า โปรดอย่าเสียใจไปเลย ตอนนี้ท่านต้องยืนหยัดเพื่อสันติของ ทุกคนนะขอรับ ”
โครโน่ กล่าวปลอบ เซน่า ที่ยังคงช็อกกับคำตอบของเรกกะ อยู่บ้าง ในตอนนี้ที่มือของเธอ
ถืออุปกรณ์ที่คล้ายกับแท่งคริสตัล ซึ่งมีปุ่มกดติดตั้งอยู่

“ คือกุญแจอามาเกดโดน นี่ถ้ากดลงไปแล้ว จะทำให้อีกหลายชีวิตต้องสาบสูญไปใช่ไหมคะ ”
เซน่า ถามซึ่งโครโน่ ก็พยักหน้ารับว่าที่เธอรู้นั้นถูกแล้ว

“ ถ้าอย่างนั้น ฉันจะขอเป็นคนถือเจ้าสิ่งนี้ไว้เอง เพราะตัวฉันนั้นไม่สามารถที่จะ
ทำสิ่งใดได้เลย ดังนั้นฉันจะขอเป็นคนแบกรับบาปนี้ไว้เองค่ะ ”
เซน่า กล่าวหลังจากที่เธอตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า หากนี่คือสิ่งที่จะหยุด เรกกะ ได้
แม้จะต้องสูญเสียกันอีกมากมายซักเพียงใด เธอจะขอเป็นคนที่แบกรับมันไว้เอง

“ ท่าน เซน่า ความรับผิดชอบนี้ใหญ่หลวงนักท่านจะรับมันไว้แน่หรือ ”
โครโน่ กล่าวถามถึงความรู้สึกของเธอเพื่อเป็นการย้ำให้กับใจของเธอ
ยามที่เวลานั้นมาถึง

“ ค่ะนี่ก็เพื่อสิ่งที่พวกคุณพ่อตั้งใจเอาไว้…เพื่อสันติของทุกคน ”
เซน่า กล่าวอย่างมั่นใจที่จะแบกรับ บาปอันยิ่งใหญ่นี้

“ พี่จะเป็นคนหยุดน้องเอง แม้การสังหารจะจำเป็นก็ตาม… ”
เซน่า คิดและตัดสินใจแล้วว่าเธอจะไม่ลังเลอีก ต่อไปยามที่ต้องเผชิญหน้ากับ เรกกะ
ขณะที่ โครโน่ มองเธอด้วยสายตาแฝงเลศนัย ก่อนที่ พวกเค้าทุกคนจะขอตัว แยกกันไป

จัดการธุระของแต่ละคน และให้เธอรอ อยู่ภายในสวนแปลงดอกไม้
ที่เธอเคยเล่นด้วยกันกับ เรกกะ ในสมัยเด็กๆ ซึ่งภาพความทรงจำในตอนนั้นมันได้ผุดขึ้น
มาเมื่อครั้นที่เธอกลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้ง

“ เรกกะ ”
เซน่า เปรยด้วยความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจ

…………………..
………………………….

“ กองกำลังมังกร ที่เจ้าต้องการกับรหัสเดินเครื่องระบบ แรคนารอค ข้าก็ทำให้ตามที่สัญญาแล้ว…แล้วทำไม
เจ้าถึงไม่รักษาสัญญา ที่ว่าจะไม่ลาก ท่าน เซน่า มาเกี่ยวด้วยล่ะ ”
มาธิอัส กล่าวถามด้วยโทสะ ที่ โครโน่ ผิดสัญญากับเขา ทว่ายังไม่ทันที่เค้าจะได้ทำอะไรต่อไป
ลูกศรลำแสง สามดอกก็พุ่งทะลวงร่างของเค้าจากด้านหลัง จนล้มลงแน่นิ่งในพริบตา

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #137 on: April 28, 2009, 03:22:17 AM »

“ ทำได้ดีมาก ผิง  ”
โครโน่ กล่าวชมขณะที่ ผิงสมาชิกทีมของ หลีเมย่ ซึ่งเป็นผู้ยิง ธนูมา
กำลัง เดินเข้ามาสมทบพร้อมกับ หลีเมย่ และ หลง สมาชิกทีมอีกคนของเธอ โดยมี ฮายาเตะ ตามาคนสุดท้าย

“ โอดิน พร้อมจะยิงแล้วค่ะ ”
ฮายาเตะ กล่าวจบ โครโน่ ก็ยิ้มขึ้นมาด้วยความกระหยิ่มในใจ ก่อนจะเอา วิทยุ ขึ้นมาแล้วต่อสายไปยัง
 ห้องของ เซน่า

“ ท่านเซน่า ขอรับเราเตรียมการพร้อมแล้วขอรับ ”
เสียงของ โครโน่ ดังขึ้นก่อนที่ เซน่า จะตั้งนิ้วขึ้นไว้บนปุ่มกด พร้อมกับพยายามจะลบเลือน
ความหลังทั้งหมดที่ผุดขึ้นมาเมื่อมาถึงสวนแห่งนี้ ไปกับการกดสวิตซ์ ที่จะพลิกโฉมหน้า

ประวัติศาสตร์ได้ในคราเดียว ทันทีที่ ปุ่มถูกกดลงไป มหาพฤกษาอิคดราซิล
ที่ใต้ปราการ นี้ก็หยุดเปล่งแสงก่อนที่แสงทั้งหมดจะไปรวมกันที่ ยอดแหลม ของปราการลอยฟ้า

 Valhala(ว่ากันว่าเป็นที่พักพิงของเหล่านักรบแห่งโอดิน) ก่อนที่ อิคดราซิล ที่ทวีปคาดาร่า
จะเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้น ต่อมากองทัพขนานใหญ่ของ สหประชาคมโลกที่ เรกกะ สั่งให้มารวมกันเพื่อจะเปิดศึกกับ

Empyrean Adjust ที่แหลมทวีปคาดาร่า ก็ถูกลำแสงที่พุ่งขึ้นมาจาก อิคดราซิล
กลืนกิน จนหายไปในพริบตา ไม่เหลือแม้ร่องรอยว่า เคยมีกองเรือ และทัพศึกมากมายมหาศาล

อยู่ ณ ที่ตรงนี้ และแม้ กองทัพจะหายไปทั้งกอง แต่กลับไม่เกิดความเสียหายใดๆ แก่
พื้นที่บริเวณนั้นเลย เพียงแค่กองทัพของ เรกกะ เท่านั้นที่สลายหายไป

“ นี่ล่ะคือพลังของพระเจ้าพลัง ที่จะลิขิตทุกอย่างให้อยู่หรือไปได้อย่างอิสระ ลำแสงแห่งOdin ”
โครโน่ เปรยหลังจากที่ได้ดูผลอันเป็นที่น่าพอใจ จากมอนิเตอร์ ในห้องที่เค้าใช้จับตาดู เทอร่า มาตลอด

“ และด้วยป้อมปราการลอยฟ้า Valhala ที่ ยกทวีปเมอริเซียทั้งทวีปขึ้นมา นี้จะเป็น
ฐานป้องกันให้แก่เรา อย่างหนาแน่น ”
หลีเมย่ สำทับความต่อให้อีกที

“ จากนี้ไป Valhala จะลอยตัวสูงขึ้นจนถึงจุดเหนือชั้นบรรยากาศ เมื่อถึงตรงนั้นจะไม่มี
พาหนะใด ตามขึ้นมาได้และเราจะสามารถเชื่อมต่อกับ อิคดราซิล ทั้งหมดที่เหลือได้ซึ่ง
นี่ก็คือ แผนการ แรคนารอค(Ragnarok)  ”
ฮายาเตะ อธิบายแผนการทั้งหมดที่พวกเค้าวางมาอย่างเนิ่นนาน

“ แผนการของ อิสฮาน คือการทำให้เทอร่า รวมเป็นหนึ่งโดยการแทรกแซงด้วยกำลัง
จากนั้นเก็บรวบรวม God Send ซึ่งเป็นแกนพลังงานของระบบ แรคนารอค และใช้พลังของ

โอดิน กำราบความแข็งข้อของ เทอร่า ที่รวมเป็นหนึ่ง ให้จบลง และให้พวกเรา อานิม่า ที่มีชีวิตนิรันด์
ปกครอง เทอร่า ที่เกิดขึ้นใหม่นั้นไปตลอดกาล นั่นก็จะเป็นสันติสุขที่แท้จริง

เพื่อให้แผนการนี้สำเร็จ จึงได้มอบ
 ทั้ง Valhala แทนประเทศ ลำแสงOdin แทนอำนาจ และ ฮูกีนมูนีน แทนปัญญา ”

โครโน่ กล่าวขณะที่ตอนนี้ ห้องที่มืดสนิท มาตลอดโดยมีเพียงแสงไฟจาก
จอมอนิเตอร์ประปรายเต็มห้องเท่านั้น ได้สว่างขึ้นจนเห็นสภาพของห้องทั้งหมด
แกนกลางของห้องเป็น เสาสูง ที่ซึ่งเก็บรบรวมข้อมูล และรักษาระบบประมวลผลอัจฉริยะ
 ฮูกีนมูนีน เอาไว้

“ อิคดราซิล ของ ทวีปโทร่า ที่จมไปจากการแทรกแซงของ ราฟ กำลังเริ่มเชื่อมต่อกับ อิคดราซิล ของเราแล้วค่ะ ”
ฮายาเตะ รายงานสถานะทั้งหมดจากการที่เธอสามารถติดต่อดดยตรงกับ ฮูกีนมูนีน ได้

“ ตอนนี้เท่ากับเราครอบครองไปได้ 2 ใน 7 ของเทอร่าแล้วสินะ เหลืออีก 5 ต้นก็จะครอบครองได้ทั้งหมด  ”
โครโน่ เปรยอย่างพึงพอใจ ต่อแผนการที่เดินหน้าไปได้ด้วยดี

“ เอาเถอะถึงตอนนี้ พวกแกจะมาชั้นก็มี เซอไพร์ ไว้รับมือพวกแกอยู่แล้ว ”
โครโน่ คิดขณะที่ ชายตามองไปยังมอนิเตอร์ หนึ่งซึ่งกำลังฉายภาพการ
เข้าร่วมกันของ กองทัพ สหพันโลก ที่นำโดย สุซาคุ และ เฟรเซีย ซึ่ง

สิ่งนี้จะเป็นกองหนุนให้แก่เขา ได้อย่างแน่นอน อีกทั้ง ซาน และ ไอ
ตอนนี้เท่ากับว่าพวกเธอตกอยู่ในมือของเค้าแล้ว ดังนั้น เฟนท์ จึงไม่ใช่ปัญหา
สำหรับเค้าอีกต่อไป 

………………..
…………………..

“ แย่แล้วล่ะ เมื่อกี้จับสัญญาณพลังงานมหาศาลไว้ได้มันปรากฏขึ้นตรงจุดรวมพละกำลังพอดีเลยลองเช็คดูน่ะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่ ยูปี้ กำลังง่วนอยู่กับแผงควบคุมเพื่อนำภาพสิ่งที่เกิดขึ้นฉายบนจอของยาน คอสมิคแสวน
ภาพที่ปรากฏขึ้นคือ บริเวณจุนัดหมายนั้นว่างเปล่าไม่มี กองกำลังหรือใครอยู่ตรงนั้น ทั้งที่ไม่ได้เกิด
ความเสียหายในบริเวณรอบๆเลยแม้แต่น้อย

“ อะไรกัน ที่ตรงนั้นป่านนี้มันน่าจะมีกองกำลังไปรวมกันตั้งมากมายแล้วนี่…แต่ทำไมถึงได้ไม่มีใครเลยล่ะ ”
อิจิกิ ถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“ ยูปี้ ลองประสานระบบย้อนเวลาเข้ากับกล้องที ย้อนกลับไปก่อนที่ พลังงานที่เาจับได้ จะหายไปซัก 10 วินาที ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบ มังกรภูต ยูปี้ของเขา ก็จัดการกดแผงควบคุมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ภาพบนจอ
จะเริ่มเปลี่ยนไป ภาพของ กองกำลังขนาดใหญ่ มากมายมหาศาล ที่มารวมกันในจุดนั้น กำลังถูกแสงสว่างที่
พุ่งตรงมาจาก อิคดราซิล ของทวีปคาดาร่า ได้เข้ามากลืนกินกองทัพทั้งหมดให้หายไปในพริบตา

“ นี่คือเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นก่อนที่เราจะรู้ตัวด้วยซ้ำ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าว ขณะที่ เซโร่ และพวกได้แต่อ้ำอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ แบบนี้มันไม่ใช่สงครามแล้ว…. ”
เซโร่ สบถพลางทุบกำปั้นลงกับโต๊ะข้างๆ พลังอำนาจของ ลำแสงOdin เป็นสิ่งที่ยากเกินรับมือหาก
มันถูกยิงมาอีกครั้ง พวกเค้าคงจบลงจริงๆ

“ นี่ชั้นมีเรื่องจะถามหน่อย ”
เสียงของ เฟนท์ ดังขึ้นก่อนที่ภาพของเขาจะถูกนำขึ้นจอ

“ นี่ตอนนี้เรามีสถานการณ์จะรายงานหน่อย เรกกะ เป็นยังไงบ้างแล้วล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวโดยพยายามจะรายงานถึงเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

“ เรื่องนั้นเอาไว้พูดกับเค้าเองดีกว่า แต่ชั้นมีเรื่องจะถามพวกนาย สามคนนั้นหน่อย ”
เฟนท์ กล่าวพร้อมชี้ผ่านทางจอ ไปที่พวก เซโร่

“ ตอนที่ ชั้นอยู่ข้างในที่ประชุม ในภาพที่ โครโน่ ส่งมานอกจาก พี่เซน่า แล้วไอ ก็อยู่ตรงนั้นด้วย
 และชั้นก็เห็นดวงตาของเค้า เรืองแสงหน่อยๆเหมือนกับถูก Genesis ควบคุมอยู่
พวกนายเคยบอกใช่ไหมว่า Genesis พวกนั้นเป็นพลังที่พวกนายเองก็ใช้ได้ ”
เฟนท์ ถามซึ่ง เรโค่ เองก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเข้ามาใกล้จอ เพื่อที่จะคุยกับเขา

“ หมายถึงไอ เลมูเรีย สินะ ที่จริงเธอไม่ได้ถูกควบคุมด้วย Genesis หรอกแต่เป็นพลังของเธอเอง
Genesis น่ะเป็นพลังเฉพาะตัวบุคคล ที่มีมาแต่กำเนิด หากแต่การจะปลุกพลังนั้นขึ้นมา จำเป็นต้อง

ปลดเงื่อนไข ของมันให้ได้ซะก่อน ยกตัวอย่าง ลูเทเซีย ที่มี Genesis ในการอ่านใจ
 เงื่อนไขการปลุกพลังก็คือความแค้นด้วยความแค้นของหมอนั่นที่

มีต่อราชวงศ์ ก็เลยทำให้ Genesis ตื่นขึ้น คิดว่าของ ไอ ก็
อาจเป็นความแค้นด้วยเหมือนกัน แต่เดิมพลังของพวกเค้าคงไม่ตื่นขึ้นง่ายๆหรอก
แต่เพราะพวกเราใช้พลังกระตุ้นมันอีกที ”

เรโค่ อธิบายอย่างช้าๆขณะที่ เฟนท์ เองเริ่มจะคิดแล้วว่าสาเหตุที่ ไอ เป็นอย่างที่เค้าได้
เห็นจากตอนที่ แลกเปลี่ยนความทรงจำกับ R2  นั้นเพราะความแค้นของเธอที่มีต่อ Empyrean Adjust
 ทำให้เธอเป็นแบบนั้น

“ เดิมที ไอ น่ะไม่ใช่มนุษย์แต่เป็น ชาวเลมูเรีย เธอถูกนำมาทดลองตั้งแต่ยังเด็ก เพื่อใช้ Rider System
ในการต่อกรกับ อาคูม่า ที่เคยรุกราน นิคโคอุ หลังจากพวกมันถูกผนึกไป โครงการนี้จึงล้มไป

และเธอที่เป็นเพียงอาวุธ ก็เลยต้องถูกกำจัด แต่ว่าเรา ไปขอ มิโกะ ของนิคโคอุ ในการไว้ชีวิตเธอ
แล้วก็ให้ เรโค่ ผนึก Genesis ของเธอ ให้นำพลังออกมาใช้ยามที่ต้องจัดการกับ อาคูม่า ”

เซโร่ เล่าต่อจากนั้น เพื่อทำให้เรื่องเริ่มกระจ่างขึ้นไป

“ เดิมที Genesis ของ ไอ คงเป็น การเอาชีวิตรอด แต่เพราะเธอถูกจับทดลองมาหลายต่อหลายครั้ง
เพราะฉะนั้นอะไรรอบตัวเธอก็คือ สิ่งที่อันตรายทั้งนั้นสำหรับเธอ ทำให้เธอเป็นอันตรายกับ

 คนรอบข้างได้ ดังนั้นเราจึงต้องผนึกความทรงจำของเธอ ไปพร้อมกับ Genesis นั่นด้วย
เพราะเมื่อมันทำงานจะเพิ่มสมรรถนะให้แก่เธอเพื่อเอาชีวิตรอด ”

อิจิกิ ตอบต่อจาก เซโร่ อีกหน

“ ให้ สรุปง่ายๆ Ganesis ไม่ใช่พลังวิเศษ ที่รับมอบมาแต่มันคือ ปฏิธานที่แรงกล้าของ มนุษย์ที่ถูกกระตุ้นให้
มีตัวตนขึ้นมาในรูปของพลัง เหมือนที่ R2 เองได้รับการกระตุ้นจากการผนึกพลังของ อัลคารากอน

ทำให้ Genesis ของเธอตื่นขึ้น เป็นการถ่ายทอดความทรงจำให้แก่ผู้อื่นได้ ส่วนที่เธอเป็นอมตะก็คง
เพราะพลังของ รหัสคาทราโทฟี นั่นล่ะ ดังนั้น Genesis จึงไม่ใช่อะไรที่จะมอบให้กันได้  ”

เรโค่ กล่าวจบ เฟนท์ จึงเข้าใจได้ถึงเรื่องทั้งหมด ในทันที

“ บางที ตอนนั้น โครโน่ อาจจะเป็นคนคลายผนึกออก พอความทรงจำของเธอกลับมา บวกกับเธอ
ได้รู้ว่า เราเป็น Valkyrier ฆาตกรที่ พรากชีวิต พ่อบุญธรรม ที่เธอรักไป เธอก็เลย… ”
เฟนท์ คิดอยู่ในใจด้วยความรู้สึก เวทนาเมื่อคิดถึงความรู้สึกของ ไอ ในขณะนั้น
มันคงไม่แตกต่างไปจากตอนที่เค้าได้รู้ว่า คนที่ฆ่าพี่ของ เค้าจริงๆคือ ไอ

“ ถ้าอย่างนั้น พลัง Genesis ของ เรกกะ ก็อาจตื่นขึ้นเพราะถูกกระตุ้นจาก ทั้งพลังของ ทาลิวิลย่า แล้วก็ รหัส
คาทราสโทฟี ที่ถ่ายทอดมาส่วนหนึ่งในตอนนั้นสินะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเมื่อได้กระจ่างในสิ่งที่เค้าสงสัยเกี่ยวกับ พลัง Genesis ของ เรกกะ

“ จริงสิ เรื่องรายงานเกือบลืมไปเลย เดี๋ยวชั้นจะส่งข้อมูลไปให้ ตอนนี้เรา ต้องหยุดขบวนรบเพื่อวางแผนก่อน ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็ ตรงไปที่แผงควบคุมก่อนจะ รัวแป้นบนแผง เพื่อส่งข้อมูลที่พวกเค้ามีไป

………………..
…………………………..

“ เรกกะ… ”
R2 เรียกเค้า ที่ตอนนี้ยังคงซึมเศร้าอยู่ บนโซฟา ยาวสองเก้าอี้ ในห้องพักที่อยู่ข้างๆห้องบังคับการ
 เพียงลำพัง

“ ก่อนที่ชั้นจะได้ความทรงจำทั้งหมดกลับคืนมา ตอนที่เจอกับเธอ และ มาธิอัส ตอนนั้นชั้น
คิดแค่ว่าทำยังไงก็ได้เพื่อที่จะช่วยทุกคน ความคิดในตอนนั้นก็คงประมาณอยากเป็น
วีรบุรุษ เหมือนกับในการ์ตูน เท่านั้นเอง…ไม่ได้
คิดหรอกว่ามันจะมาเป็นแบบนี้ ”

เรกกะ กล่าวขณะที่ตอนนี้ตัวเค้านั่ง หมดอาลัยพลางย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องก่อนๆนี้

“ ตอนนั้นนายนิสัยดีกว่าตอนนี้เยอะล่ะ ”
R2  กล่าวขณะที่เดินเข้ามานั่งลงข้างๆเค้า


“ พอมานึกย้อนดูมันก็น่าขำนะ ตอนนั้นชั้นเองไม่เคยคิดจะทำอะไรจริงๆจังๆเลย แค่คิดว่าให้
เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆก็ดีแล้วแต่หลังจากความทรงจำเหล่านี้กลับมาชั้นถึงได้มีเป้าหมาย….
เป้าหมายที่ลืมไปเมื่อนานมาแล้ว ”
เรกกะ กล่าวด้วยน้ำเสียงทีไม่มั่นคง

“ เพื่อ พี่ของนาย…สินะ ”
R2 กล่าวขณะที่ก้มหน้าลง ก่อนจะหันหลังไปชนกับหลังของ เรกกะ

“ ชั้นเคยคิดแบบนั้นเพื่อพี่ที่ อาจจะยังอยู่ที่ไหนซักแห่ง จะไม่ต้องหนีจากการถูกไล่ล่าของ โครโน่ …..มันก็แค่นั้น ”
เรกกะ เปรยก่อนจะพิงหลังชนกับ R2 ไปในวินาที ความรู้สึกของพวกเค้าทั้งสองราวกับจะรวมเข้าด้วยกัน
เมื่อ R2 เข้าใจในตัวของ เรกกะ

“ แต่ตอนนี้ นายทำแบบนั้นไม่ได้แล้วล่ะ ”
R2 ตอบเสียงเรียบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้น และเริ่มคิดถึง เดรค ที่เคยทำเพื่อเธอ
โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอนั้นต้องการสิ่งใด

ความรักของ เดรค ที่คือเอา คำสาปที่เธอให้เค้าไปนั้นกลับมา นั้นเหมือนกับ เรกกะ
 ที่พยายามจะทำสงครามชี้ขาดกับ Empyrean Adjust เพื่อ พี่สาวของเค้า แต่มันกลับทำ
ให้เค้ากลายเป็นศัตรูของเธอแทน

“ พอแล้วจะไม่ดีกว่าเหรอ นายน่ะทำดีที่สุดแล้ว…ไม่ต้องฝืนหรอก
เพราะคนสุดท้ายที่จะอยู่กับนายคือฉันเอง ”
R2 กล่าวก่อนจะขยับมือไปกุมมือของเค้า เพื่อจะปลอบโยนหัวใจที่เจ็บช้ำของเค้า
 เวลาได้เดินผ่านไปเรื่อยๆ อย่างเงียบๆ ท่ามกลางความารู้สึกที่ราวกับจะจบลงตรงนี้
เสมือน เวลาของเค้าและเธอ จะหยุดอยู่ตรงนี้ไปชั่วนิรันด์

“ ขอบใจนะ…แต่ตอนนี้ชั้นไม่อาจให้สิทธิพิเศษกับพี่เพียงแค่คนเดียวได้อีกต่อไปแล้ว…. ”
เรกกะ กล่าวจบก็ ดึงมืออก่อนจะ ลุกขึ้นยืนหยัดใหม่อีกครั้ง

“ นี่ เรกกะ นาย….เกลียดฉันรึเปล่า ที่ทำให้นายต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องแบบนี้ ”
R2 ถามเค้าด้วยคำถามที่เธอต้องการคำตอบมานานแล้ว

“ เรื่องนั้นเองเหรอ….ชั้นต้องขอบคุณเธอมากกว่าถ้าไม่ได้เจอเธอ ชั้นเองคงมาไม่ถึงตรงนี้
ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมานะ ”
เรกกะ กล่าวจบก็เดินไปที่ ประตูที่จะเชื่อมไปยังห้อง บังคับการ

“ เรกกะ สัญญาแล้วนะว่าจะทำให้ฉันตายด้วยรอยยิ้มอย่าลืมซะล่ะเพราะฉนั้น…..นายต้องมีชีวิตต่อไปนะ ”
R2 กล่าวแม้เธอจะแกล้งยกเอาเรื่องสัญญานี้ขึ้นมาอ้าง แต่ความรู้สึกของเธอนั้น เพียงแค่
ไม่ต้องการจะสูญเสียเค้าไปอีกเหมือน ที่เธอสูญเสีย เดรคไป เรกกะ ไม่ตอบอะไรแค่
ผงกหัวก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป

“ เหมือนกันมากเลย นายกับ เดรค น่ะ แต่ตอนนี้…….ชั้นรู้แล้วว่าแค่ความคล้ายคลึงมัน
ไม่ได้ช่วยอะไรเลย นายก็คือนาย เรกกะ อย่าตายซะล่ะ ”
R2 เปรยกับตัวเองขึ้นเพียงลำพัง ขณะที่ น้ำตาหยดแรก ตั้งแต่ที่เธอจะลืมเลือนความรู้สึกนี้ไปเมื่อ
นานมาแล้วได้ไหลลงอาบใบหน้าของเธออีกครั้ง  หลังจากที่เธอลบเอาความรู้สึกเหล่านั้นไปนานแล้ว


………………………..
………………………………….

เวลาได้ล่วงเลยไป จนในที่สุด…..

“ ตอนนี้ กองกำลังของเรายังพอมีอยู่บ้าง แต่ถึงส่งไปเพิ่มก็คงไม่ต่างอะไรไปจากเดิมอยู่ดี
 มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้นล่ะ ”
เรกกะ กล่าวหลังจากที่อธิบายแผนการณ์ ทั้งหมดแก่ พวก ลอว์เรนซ์ ผ่านจอมอนิเตอร์ของ ยาน
แล้ว

“ เราจะบินขึ้นไปพร้อมกองยาน ที่มากับเราในตอนนี้ จนถึงระดับหนึ่งจากนั้น ยานไซเบอทิก้าดราก้อน
จะแยกตัวฝ่าเข้าไปที่ Valhala พวกเราที่เหลือต้องคอยตัดกำลัง ของสหพันโลก ใช่ไหม ”
ลอว์เรนซ์ ทวนแผนการณ์ อีกครั้งเพื่อความแน่นอน

“ อืม..เพราะรอบๆ  Valhala น่าจะต้องมีอาณาเขตป้องกันไว้อยู่ คงจะเข้าไปกันไม่ได้ทั้งหมด
แน่เพราะฉะนั้น ชั้นจะให้ เฟนท์ ไป กับ ชั้นแค่สองคนเท่านั้น เพราะถึงเกิดอะไรขึ้นก็ยังมีร่างของ
 ทาลิวิลย่า ช่วยสนับสนุนอยู่ ”

เรกกะ กล่าว ขณะนี้ที่ ด้านนอก ยาน เฟนท์ ซึ่งเตรียมพร้อมอยู่ ในคอสของ Valkyrier ซึ่งนำอยู่หัวทัพ
ยานรบ นับร้อย ที่ระดมรวมกำลังใหม่ อีกครั้งจาก อาณานิคมทั้งหมดที่ เรกกะ ควบคุมอยู่

ในขณะที่ สุซาคุ ซึ่งขึ้นมาทำหน้าที่ แทน ลูเทเซีย ชั่วคราวก็ จัดการระดมพลทัพทั้งหมดของ สหพันโลก
เข้ามาประจันด้วยเช่นกัน โดยมี ซาน คอยนำหน้าทัพ เพราะ ตัวสุซาคุ ต้องบัญชาการ การรบร่วมกับ เฟรเซีย

กองทัพของทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันอยู่เหนือมหาสมุทร ที่อ้างว้างจากการที่ ทวีปเมอริเซีย ถูกยกขึ้นไป
จนเกิดเป็นหลุม สูบน้ำทะเลลงไปเติมเต็มแทน  โดยเหนือขึ้นไปมี ปราการลอยฟ้า Valhala และ
แผ่นดิน เมอริเซีย กำลังลอยตัวไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ

………………..
………………………..

“ ลมเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ โคเว็ท รีบกลับเข้ามาก่อนเถอะ ”
มิมิ ตะโกน เรียกโคเว็ท อยู่หน้า ซุ้มหลบภัย ที่ทางโลกอส เตรียมไว้ในเขต โรงเรียน St. Magnus
เพื่อรองรับชาวเมืองที่อพยพ มา
จากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วภูมิภาค ทำให้ ผู้คนต่างหลั่งไหลกัน มาเรื่อยๆ

“ แต่พวก ชารี่ น่ะยังไม่มาเลยนะ ”
โคเว็ท แย้งขณะที่ตัวเธอนั้นพยายามออกตามหา บริเวณรอบๆที่ ผู้คนเริ่มทยอยกัน
มามากขึ้นเรื่อยๆแล้ว

“ แต่นี่ลมแรงมากแล้วนะ อีกเดี๋ยวพายุคงจะพัดมาแล้ว มันอันตรายน้า ”
มิมิ กล่าวพลางออกไปลาก ตัว โคเว็ท กลับเข้ามา

“ ชารี่ ซิกนัม เอลิต้า ไปไหนของพวกเธอกันนะ เวลาแบบนี้ด้วย ”
โคเว็ท คิดขณะที่ ยอมตาม มิมิ กลับไปในที่สุด

………………..
…………………………

ตอนนี้ระดับน้ำทะเลทั่วทั้งเทอร่า เริ่มลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบกระทบที่มาจากการที่ เมอริเซีย ยกตัวขึ้นไป
จนเกิดเป็นหลุมสูบน้ำทะเล จนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ อากาศ ทั่วทั้ง เทอร่า
ก็พากันแปรปรวนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  ที่โลกอส เริ่มมีพายุลมโหมกระหน่ำ ซึ่งเป็นผลมาจาก อิคดราซิล
ของ อาริมาเทีย นั้นกำลังเปล่งแสงสีเขียวจางออกมา และเป็นผลให้เกิดลมพายุแปรปรวนไปทั่วทั้งทวีป

ทวีป เลาดิเชีย ซึ่งอยูท่างตะวันตกเฉียงใต้ เกิดความแห้งแล้งขึ้นอย่งรุนแรง ภูเขาไฟทั่วทั้งทวีป
เกิดการปะทุขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ ต้นอิคดราซิล ของทวีปนี้ เรืองแสง สีแดง

ทวีป คาดาร่า ซึ่งอยู่ทางเหนือ เวลาของทวีป ไม่เปลี่ยนเป็นกลางคืนหากแต่สว่างของ ดวงอาทิตย์นั้น
เฉิดฉายเจิดจ้ากว่าทุกครั้ง และต้นอิคดราซิล ของที่นี่ เรืองแสงสีขาว

ทวีป ดิสอาปจูร่า ซึ่งอยู่ทางตะวันออก เกิดพายุฝนโหมกระหน่ำจนพื้นดินเละเป็นโคลน
เกิดน้ำท่วมและน้ำป่าไหลบ่า โดยที่ฝนไม่มีท่าทีจะหยุดลงเลย อิคดราซิล ของที่นี่เรืองแสง สีน้ำตาล

ทวีป มิสรายิม ซึ่งมีแผ่นติดกับทางตะวันออกของ ดิสอาปจูร่า แต่กลับเกิดพายุหิมะ
พัดอย่างต่อเนื่องจนทั้งทวีปจมอยู่ใต้กองหิมะสีขาว  อิคดราซิล ของทวีปนี้เรืองแสงสี ฟ้า

ห่างออกทางตะวันออกสุดจาก มิสรายิม อาณาเขตที่เคยเป็นพื้นที่ทวีป โทร่า ซึ่งถูก ราฟ
ทำลายไป เกิดคลื่นลมและกระแสน้ำวน มากมายทั่วน่านน้ำบริเวณนั้น ซึ่งในวังวนน้ำวน
ที่ใหญ่ที่สุด ต้น อิคดราซิล ที่จมอยู่กับแผ่นดิน ทวีปโทร่า เรืองแสงออกมาจาก ใจกลาง
น้ำวนนั้นแสงที่เปล่งออกมา เป็นแสงสีดำ 


“ เทอร่า กำลังปั่นป่วนเพราะการประสานเสียงของ อิคดราซิล ทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวแทนของธาตุต่างๆ
ทำให้เกิดมหันตภัยไปทั่วเลย นี่แสดงว่า แรคนาอค กำลังจะเริ่มแล้วล่ะสิ ”
ชารี่ กล่าวขณะที่เธอ และพวก พากันบินออก มาจากโลกอส และเริ่มตรวจสอบพื้นที่ต่างๆทั่วเทอร่า
ซึ่งผลจากการที่พลังของธาตุ ถูกกระตุ้นออกมาจากอิคดราซิล ทำให้ ทวีปทั้งหมดเริ่มเกิดมหันตภัย

“ และทันทีที่ อิคดราซิลของ เมอริเซีย ประสานเสียงด้วย จากตำแหน่งตรงนั้น จะ
สามารถใช้ลำแสงOdin ทำลายได้ทั้ง เทอร่า เลย ”
ซิกนัม เปรย เมื่อเริ่มที่จะเห็นแววหายนะที่กำลังจะเกิด

“ ถ…ถ้าอย่างนั้นก็แย่น่ะสิ… ”
เอลิต้า อุทานน้ำเสียงผวา

“ งั้นสิ่งที่เราต้องทำมีเพียงอย่างเดียวสินะ ”
ชารี่ ตอบก่อนที่พวกเค้าทั้งสามจะมุ่งหน้าออกเดินทางไป

………………….
…………………………

บัดนี้ ที่น่านน้ำเขต เมอริเซีย กองกำลังทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกัน อย่างเอาเป็นเอาตาย
นี่คือสงครามครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โดยมี เทอร่า เป็นเดิมพัน

“ Protection ”
เสียงกังวานขึ้นพร้อมกับ ที่กำแพงพลังงานสีน้ตาลถูกสร้างขึ้น กันกระสุนอนุภาค อิออน ของ ซาน ที่ระดมยิงมา
ซึ่งกระสุนนัดอื่นทั้งหมดพุ่งเข้าทำลาย กองยาน ด้านหลังของ เฟนท์ ที่เกราะป้องกันกางไม่ถึงแทน

“ ชิ…สู้กันบนฟ้าแบบนี้ Crisisor ของเราเสียเปรียบกว่า ”
เฟนท์ เปรยก่อนจะ ปลดเกราะลง

“ เฟนท์ น้องกับ เรกกะ รีบหยุดสงครามนี่เดี๋ยวนี้นะ ไม่อย่างนั้นพี่จะออมมือเหมือนกัน ”
ซาน กล่าวก่อนจะรวมประจุทั้งหมดไปไว้ที่ ปืนทั้งสองกระบอก ก่อนจะลั่นไกออกไป

“ Apollo Coffin ” (โลงศพเทพสุริยะ)
สิ้นเสียงจากปืนทั้งสองกระบอก มวลพลังงานที่สะสมไว้ก็กระจายตัว พุ่งออกไปเป็นลูกพลังงานเล็กๆ
วนเข้าชนทำลาย กองยานไปนับสิบลำ โดยที่ลำแสงของ ยานรบและ Gazor นั้นถูกลูกพลังงาน
ปัดทำลายจนไม่อาจเข้าถึงตัวเธอ

« Last Edit: April 28, 2009, 03:24:43 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #138 on: April 28, 2009, 03:25:15 AM »

“ Ava-Trans ”
เสียงดังออกมาจากกลุ่มควันที่เกิดจากการระเบิดของยาน นับสิบ ก่อนที่ เฟนท์ ซึ่งสวมร่าง เจอรัลดีน
จะพุ่งออกมา พร้อมพลองยาว คาร์เนเลี่ยน  ขณะที่ ซาน ไหวตัวทันจึงยกปืนขึ้นเล็งจะยิงสวนกลับไป
ในขณะที่พลองได้พุ่งเข้ามาประชิดตัวเธอแล้ว

…………..

“ นี่เจ้ายังไม่ยอมแพ้ อีกงั้นเหรอ เรกกะ ทั้งที่เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าไม่มีทางชนะเราได้ หากลำแสงOdin สามารถยิงไป
ยังจุดนั้นได้เมื่อไหร่ แม้แต่เจ้าที่เป็น อานิม่า ถึงจะเป็นอมตะก็ต้องถูกลบหายไปอยู่ดี ”
โครโน่ กล่าวผ่านช่องการสื่อสารที่ต่อเข้ามาที่ยาน ไซเบอทิก้า ในขณะนี้

“ ทำแบบนั้นมันจะดีเหรอ แล้วชีวิตของ พวกผู้นำที่อยู่ในยานลำเลียงด้านหลังทัพหน้าเหล่านี้ล่ะ ”
เรกกะ ยกเอาเรื่องพวกผู้นำที่เค้า พามาด้วยอ้างเป็นตัวประกันต่อรอง ด้วยสีหน้าที่นิ่งเรียบ
ราวกับไม่ใส่ใจว่าวิธีนี้คือการกระทำอันชั่วช้าไม่ต่างไปจาก ทรราชย์ เลยก็ว่าได้

“ ชีวิตเล็กๆน้อยๆพวกนั้นน่ะข้าไม่สนอยู่แล้วอย่าคิดเอามาต่อรองเลย ”
โครโน่ กล่าวอย่างไม่ใยดี เพราะเดิมทีเจตนาของเค้าคือการ ปกครองเทอร่า โดยใช้ เซน่า เป็นฉาก
ส่วนตัวเค้าจะบงการเองทั้งหมด ดังนั้นสำหรับเค้าแล้ว พวกผ้นำเหล่านั้น ก็นับเป็นตัวเกะกะที่จะต้องเก็บ
ไปด้วยอยู่แล้ว
 
“ เรื่องนั้นน่ะ ถึงเจ้าไม่สนแต่ข้าว่ามีคนที่สนอยู่นะ ”
เรกกะ กล่าวจบช่องการสื่อสารที่เปิดทิ้งไว้เพื่อให้ ได้ยินบทสนทนาของเขา กับ โครโน่ ก็เปิดขึ้นมา
มันเป็นช่องสัญญาณของ พวกสหพันโลก ซึ่ง สุซาคุ เป็นผู้ทำการติดต่อในขณะนี้

“ ไม่ได้นะ พระองค์กับเหล่าผู้นำคนอื่นยังอยู่ในนั้น หากคิดเช่นนั้น เราจะเลิกให้ความสนับสนุนท่าน ”
สุซาคุ แย้งในเรื่องนี้ ทว่าตัวโครโน่ นั้นไม่สนอยู่แล้วแต่หาก หมดการสนับสนุนในตอนนี้ เรกกะ
อาจเข้ามาขวางเค้าไว้ได้ เพราะ Valhala ยังขึ้นไปสูงพอจะพ้นจากการไล่ตาม ดังนั้นกำลังของ
สหพันโลกจึงยังจำเป็นอยู่  

“ พื้นที่นั้นเรายังยิงไม่ได้อยู่แล้วจนกว่า อิคดราซิล จะประสานเสียง ครบทั้งหมดเราจะ
ให้เวลาถึงแค่ตอนนั้นเท่านั้น…พวกท่านไม่มีสิทธิ แย้งในเรื่องนี้ หรอกนะ โลกอส เองอยู่ใน
เขตอาริมาเทีย ซึ่งตอนนี้ 4ต้นจาก 7 ต้นที่เหลือ เราประสานเสียงกับทาง อาริมาเทียไปแล้ว
 หากขัดขืน จะเป็นอย่างไรคงรู้นะ ”

โครโน่ กล่าวจบก็ตัดการติดต่อไป ด้านสุซาคุ ก็ได้แต่กัดฟันก้มหน้ารับ ความอัปยศนี้ก่อนจะตัดสายไป


“ เชอะ เจ้าโครโน่ ยังวางแผนเอาไว้เฉียบขาดเหมือนเดิมนะ เรื่องที่จะเอา สหพันโลก
มาเป็นพวกคงไม่สำเร็จแล้ว…ถ้าอย่างนั้น.. ”
เรกกะ คิดขณะที่กำลังตัดสินใจในการดำเนินแผนขั้นต่อไป ซึ่งตอนแรก เค้าตั้งใจจะใช้ ตัวประกัน
ในการต่อรอง เอาสหพันโลกมาเป็นพวก ทว่าตอนนี้คงไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะเกมไปอยู่ฝั่ง

 โครโน่ เกือบทั้งหมดเสียแล้ว หลังจากตัดสินใจแล้ว เค้าก็เปิดช่องการสื่อสาร ไปที่
 ยาน คอสมิกแสวนทันที


“ ตอนนี้ หมากของเราคงไม่มีมากกว่านี้อีกแล้ว เตรียมดำเนินตามแผนการขั้นต่อไปเลย ชั้นจะออกไปเอง ”
เรกกะ ส่งข้อความจบ ก็ลุกจากเก้าอี้ เพื่อจะออกจากยานไป ขณะที่ ลอว์เรนซ์ ซึ่งย้ายมาอยู่ที่ยานลำนี้แทน
ตั้งแต่ก่อนการรบจะเริ่ม โดย ให้ พวก เซโร่ ดูแลยานคอสมิคแสวน

“ ตอนนี้ให้ พวก เซโร่ เอายานคอสมิคแสวน ถอยไปแล้ว นายเองก็เตรียมการเดินแผน
ขั้นต่อไปเลย ยานลำเลียงที่พ่วงกับยานของเราอยู่จะนำลงจอดบนทะเล จากนั้นให้เริ่มแผนการ
ขั้นต่อไป ”
เรกกะ กล่าวจบก็เดินอุ้ม แมกกี้ ออกจากห้องไปพร้อมกับ R2 โดยให้ ลอว์เรนซ์ และยูปี้ คุมหางเสือยานแทน
เมื่อทั้งสองเดินมาถึง  ฐานยานแล้ว เรกกะ จึงเอ่ยปากขึ้น

“ นี่ R2 เรื่องในอีตของเธอน่ะคือ…..เอ่อช่างเถอะไม่มีอะไรหรอก ”
เรกกะ กล่าวออกไปแต่ก็ชะงักก่อนจะปัดไม่ถามต่อ

“ อยากให้ฉันเล่าสินะ ”
R2 กล่าว ซึ่ง เรกกะ ก็ทำตาโตด้วยความสงสัย ที่เธอรู้ความคิดของเขา

“ งั้นก็ต้องมีชีวิตกลับมาให้ได้นะ….แล้วฉันจะเล่าให้นายฟังทั้งหมดเองเพราะฉนั้นห้ามตายเด็ดขาด ”
R2 กล่าวซึ่ง เรกกะ เองหลังจากที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้นก็รู้สึกดีกับเธอขึ้นมาบ้างหลังจากที่เค้าฟื้น
ความทรงจำแล้วเค้าและเธอแทบจะไม่ได้คุยกันอย่างสนิทสนมเหมือนแต่ก่อน ซึ่งเป็นเพราะ
เรื่องที่เกิดขึ้นมากมาย และ

ความไม่ไว้ใจที่เกิดขึ้นมา ในระหว่างนั้น แต่ในตอนนี้ทุกสิ่งกำลังจะจบลงในอีกไม่ช้า
 เลยทำให้พวกเค้ามีเวลาพอที่จะเข้าใจถึงความรู้สึกของกันและกัน

“ ได้สิชั้นสัญญา…เธอเองก็ต้องรักษาสัญญาด้วยนะ…กลับมาเล่าให้ชั้นฟังให้ได้ล่ะ ”
เรกกะ กล่าวขณะที่ เดินไปใกล้เธอ ก่อนจะยกมือขึ้นโอบไหล่ของเธอไว้

“ ฉันเป็นอมตะ นะนายนั่นล่ะ อย่าผิดสัญญาชิงตายซะก่อนล่ะ ”
R2 แย้งด้วยสีหน้าไม่จริงจังนัก ก่อนที่เธอจะยกมือขึ้นโอบ เขากลับ
ทั้งสองจ้องตากันอยู่สักครู่ ก่อนจะค่อยๆยื่นหน้าเข้าหากัน เพื่อที่จะแบ่งปันความรู้สึกของกันและกัน

“ Seraphic Pistol ”
เสียงดังวาลเข้ามาก่อนที่ ผนังยานจะระเบิดออก ทำให้ทั้งสองผละออกจากกันด้วยแรงสะเทือน

“ เรกกะ ฉันจะเป็นคน หยุดเธอเอง ”
ซาน ที่บุกเข้ามาจากรูที่ผนังยานซึ่งที่เธอพึ่งยิงไป กล่าวขณะหัน ปากกระบอกปืนมาที่เค้า

“ Great of Dragon ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ หอกซึ่งคลุมด้วยลำแสงมังกรจะพุ่งไปปัดปากกระบอกปืนจนเบนทิศ
ทำให้กระสุนพลาดเป้าไป ก่อนที่ลำแสงมังกรจะวนกลับมา หา R2 ที่แปลงเป็น ทาลิเลีย
แล้ว  ก่อนที่เธอจะรับหอกกลับมาและพุ่งเข้ากระแทก ซาน ให้ไปติดขอบยาน

“ รีบไปสิ นายมีเรื่องที่จะต้องทำไม่ใช่เหรอ ”
R2 ตะโกน ขณะที่พยายามกดตัว ซาน ไว้เพื่อถ่วงเวลา

“ อื้ม..ขอบใจนะ…มาเร็ว แมกกี้ ”
เรกกะ กล่าวขอบคุณเธอ ก่อนจะเรียกเจ้าลูกมังกรมา ร่างของมันก็เปล่งแสงและกลายเป็น โล่ มิคาเอล

“ Royal Form ”  “ Regeneration ”
สิ้นเสียง เรกกะ ก็เปลี่ยนร่างเป็น อัศวินทาลิวิลย่า แห่งจิตวิญญาณได้สำเร็จ ทันกับที่ ซาน หลุดจากการรวบของ R2
ได้แล้ว จึงระดมสาดกระสุนใส่ แต่ เรกกะ ก็ปัดออกไปได้หมด ก่อนพุ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว


“ เธอน่ะต้องมาเจอกับฉัน ”
R2 กล่าวพร้อมกับรวบตัวเธอ ออกพุ่งลงทะเลไปเพื่อให้ เรกกะ บินขึ้นไปต่อได้


“ เฟนท์ ตามฉันมาเร็ว ”
เรกกะ ตะโกน เรียก ขณะที่ เฟนท์ ซึ่งสลัดพ้นออกจาก การถูก กลุ่ม Gazor ล้อมเอาไว้
ด้วยการทำลาย Gazor ทั้งหมดทิ้งแล้วจึงไปสมทบกับ เรกกะ เพื่อตรงขึ้นไปที่ Valhala

ในขณะที่ ยานคอสมิคแสวนตอนนี้ ถอยไปไกลจาก สนามรบแล้ว ส่วนยาน ไซเบอทิก้า
 ก็ลงจอดสู่พื้นน้ำพร้อมกับ ยานลำเลียงเป็นที่เรียบร้อย

“ ยูปี้ มาเร็ว เราต้องรีบออกจากที่นี่ก่อน ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่ วิ่งออกมาจากห้องบังคับการเพื่อไปยังประตูยาน โดยให้ แมกกี้ แปลงเป็นดาบมาคายาเดีย
ไปด้วย

“ Grand Form ” “ Evolution ”
สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ ก็เปลี่ยนเป็น อัศวินมังกรเทพ ทาลิวิลย่า และทะยานออกจาก
ไซเบอทิก้า ดราก้อน ก่อนที่มันจะระเบิดได้ทัน

“ ขอบอกเอาไว้ก่อนเลย พวกเราน่ะเก่งระดับเทพ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวประโยคประจำตัวก่อน วาดมือไปตามคมดาบ และเมื่อดาบเรืองแสง
แล้วเค้าก็ตวัดมันออกไป เกิดเป็นคลื่นพลังงานพุ่งออกมาเป็น ลำแสงมังกรนับร้อย
ทะลวงทำลาย กองยาน สหพันโลก ไปเป็นทาง และเปิด ทางให้ เรกกะ กับเฟนท์ ไปด้วย
ลำแสงทั้งหมดพุ่งไปจน เกราะ ที่คลุมทวีปและ Valhala ไว้

“ ตอนนี้ล่ะ เฟนท์ ”  “ เข้าใจแล้ว ”
เรกกะ กล่าวหลังจากที่เห็นลำแสงของ ลอว์เรนซ์ ซึ่งเป็นสัญญาณพวกเค้าทั้งสองก็เตรียมรวมพลังานเอาไว้ในทันที
และเมื่อลำแสงเริ่มอ่อนลง พร้อมกับที่ตัวเกราะพลังงานของ Valhala เริ่มผ่อนการป้องกัน

“ Great of Dragon ”  “ Geo Javalin ”
เสียง เรกกะ ก็ยิงส่งลำแสงมังกรสีรุ้งขนาดใหญ่ขึ้นไปจากโล่มิคาเอล ของเค้า พร้อมๆกับที่
หอกลำแสงที่เกิดจากมวลพลังงานอิออน ของเฟนท์ จะพุ่งไปพร้อมๆกัน การโจมตีประสานนั้น

ได้กระแทกเข้ากับเกราะที่กำลังอ่อนลง จนเกิดระเบิด ขึ้นเป็น ช่องโหว่ของเกราะพลังงาน
 พวกเค้าทั้งสองจึงจะอาศัยจังหวะที่ เกราะยังไม่อาจฟื้นตัวได้ทัน บุกเข้าไปในนั้น ทว่า

“ นั่นมัน ”
เรกกะ เปรยเมื่อได้เห็น ทัพมังกร ดำแห่กรูกันออกมาจากช่องว่างของเกราะนั้น พวกมันบินขึ้นมาจาก
พื้นของทวีป ที่อยู่ด้านล่าง Valhala และแห่กันออกมามากมายนับไม่ถ้วน
ซึ่งประกอบด้วย

จ้าวแห่งมังกรปีศาจ เบอซินซิเลออส(BurZinZileos, the Evil Dragon Lord)

มังกรอำนาจมืด อินโกเรลู(Ingoleru, the Dark Force Dragon)

มังกรอัสนีดำ อิสิโลเม่ (Isilome, the Black Thunder Dragon)


“ Great of Dragon ”
สิ้นเสียง ก้มีลำแสงมังกรพุ่งขึ้นมาถึง 6 ลำ 6 สี ด้วยกันก่อนที่ลำแสงจะกวาดทำลายทัพมังกรดำจน
สิ้นหายไปในคราเดียว

“ รีบไปก่อนเลยที่นี่พวกเราจะจัดการเอง ”
เหล่า อัศวินทาลิวิลย่า ทั้ง 6 ธาตุ แห่งเมอริเซีย ของลอว์เรนซ์ ซึ่งสวมร่างของเหล่ามังกร ทั้งหกมา
ได้กล่าวขึ้นก่อนจะพากันตีฝ่า กองทัพ มังกรดำจนเปิดทางให้แก่พวกเค้าได้ในที่สุด

“ เกือบไม่ทันแน่ะ ”
ลอว์เรนซ์ เปรยพลางถอนหายใจ ด้วยความโล่งอก ที่เค้าส่งตัวช่วยไปทันพอดีทว่า
นอกจากทัพมังกรแล้วยังมีอีกสิ่งที่มาเป็นอุปสรรค์อีกชั้น เมื่อ
เหล่า Valkyrier ฝ่าย โครโน่ ที่ ยังเหลืออยู่ ได้ออกมารอต้อนรับเค้า

 แทน ซึ่งมี ฮายาเตะ(Hayate, the Valkyrier of Amber) ที่สวมชุดเกราะเป็นชุดสีดำตัดลายแดง
หลังของเธอมีปีกเหล็กกล้าสีดำสนิท กางอยู่และสร้างละอองอนุภาคอิออน ห่อหุ้มตัวเธอ
ไว้ไม่หล่นลงไป



 หลง(Long, the Valkyrier of Maya) ลูกทีมของหลีเมย่ ซึ่งสวมชุดเกราะเป็น
เสื้อเชิ้ตสีฟ้าและกางเกงขายาวผ้าสีดำ
Crisisor ของเค้าเป็น กรงเล็บแห่งทาปาส(Tapas Claw)



  ผิง(Ping, the Valkyrier of Dahna) ลูกทีมอีกคนของหลีเมย่ ซึ่งสวมชุดเกราะเป็นเสื้อกั๊กสีดำ
 และ Crisisor
ของเธอคือ ธนูแห่งเรย์ดอน(Raydon Arrow)



และสุดท้าย หลีเมย่ ที่ปล่อย bit ทั้งสี่ออกไปสกัดพวกเค้า

“ ชิ… ”
เรกกะ สบถก่อน ที่โล่จะเปล่งแสง และแล้วร่างบุคลิคของเค้า ก็แยกออกมาจากร่างและ
มีตัวตนกลายเป็นอัศวินทาลิวิย่าทั้ง 6 ของอาริมาเทียไป

“ จัดการที ”
เรกกะ สั่งขณะที่ พวกเค้ารีบเร่งความเร็วขึ้นไปอีก เพราะ เกราะกำลังจะหุบลงแล้ว

“ Vortex Blast ”  “ Burst Speed ”
สิ้นเสียง Crisisor ของ ผิง และ หลง ธนูของ ผิงที่ยิงออกมาด้วยการรวมประจุอิออนเป็นลูกธนู
ก็เกิดระเบิด ออกมาเป็นระเบิดคลื่นไฟฟ้า ขนาดใหญ่พุ่งเข้ามา ขณะที่ หลง เข้ารัวกรงเล็บใส่ เรกกะ ทว่าเค้ายกโล่

ขึ้นกันไว้ทัน  แต่คลื่นไฟฟ้าก็กำลังจะมาถึงแล้ว ส่วน เฟนท์ ตอนนี้กำลังถูกไล่ต้อนโดย Bit ทั้งสี่
ของ หลีเมย่ และต้องคอยโยกตัวหลบพัดเหล็กที่เจ้าหล่อนขว้างมาด้วย

“ เฟนท์ คิดแล้วเชียวว่าเธอต้องทรยศ…พวกอัศวินมังกรนั่นก็ด้วยฉันจะไม่มีวันยกโทษ
ให้กับคนที่ก่อสงครามเด็ดขาด ”
หลีเมย่ ตะโกน ขณะที่รุกไล่ เฟนท์ ไป

“ หลีเมย่ ที่เธอคิดอยู่น่ะมันเป็นแค่ความแค้นเท่านั้นนะ ตาสว่างได้แล้ว โครโน่ กำลังหรอกใช้เธออยู่
หมอนั่นมันไม่ได้ต้องการสร้างสันติ แต่เป็นการครองโลก ถึงเธอจะแค้นในโชคชะตา แค่ไหนก็ตาม
แต่เธอก็ไม่ควรเอาอารมณ์เป็นตัวตัดสินนะ ”
เฟนท์ กล่าวทว่า หลีเมย่ กลับไม่ยอมฟัง

“ ไม่ต้องมาพูด คนทรยศอย่างนาย กับ อัศวินมังกรที่ดีแต่สร้างภาพ
นั่นฉันจะไม่มีวันเชื่อคำพูดพวกนายเด็ดขาด….ทั้งหมดก็เพราะสงครามเพราะ
แกด้วยเจ้าอัศวินมังกร ทำไมวันนั้นแก ถึงไม่ช่วยฉันช่วยเหลือ
หมู่บ้านของฉันที่ถูกข่มเหงด้วยอำนาจ ของ บริทเทเนอร์ ”

หลีเมย่ ตะคอกพลางอ้างถึงเหตุผลที่เธอต้องมาเป็น Valkyrier และโทษใส่พวกเขาแทน

“ นี่มันเห็นแก่ตัวชัดๆ หลีเมย่เธอไม่ได้ต้องการ สร้างสันติเลยที่เธอทำมันก็แค่การสนองความ
ต้องการของเธอเองเท่านั้น ”
เฟนท์ กล่าวขณะที่ควงพลองปัดพัดเหล็กจนกระเด็นตกน้ำไป แต่หลีเมย่ ก็ได้ให้ Bit ทั้งหมดสะสมพลังงาน
เตรียมยิงลำแสงพิฆาตแล้ว

“  อย่างนายจะมาเข้าใจอะไรฉันเล่า”  “ Extream Charge ”
หลีเมย่ กล่าวจบพร้อมกับ เสียงกังวาลของ Bit ทั้งสี่ ลำแสงพิฆาตก็พร้อมที่จะถูกยิงออกมา
ขณะเดียว กัน เรกกะ ก็ถูก หลงไล่ต้อนด้วยความเร็วจนปลีกตัวไปไม่ได้ อีกทั้งระเบิดคลื่นไฟฟ้า

ที่ ผิง ปล่อยออกมาตอนนี้ ทำให้ เหล่าอัศวินทาลิวิลย่า ทั้งของ เค้า และ ลอว์เรนซ์
ขยับไม่ได้ ทั้ง 12 ตนพร้อมกัน ในขณะที่ เหล่ามังกรดำได้กรู ทยอยกันออกมาเรื่อย
ก่อนที่เกราะคุ้มกันจะปิดลงในที่สุด

………………
……………………..
ขณะเดียวกัน ด้านล่างตอนนี้ กองทัพของ เรกกะ ได้ถูกตีแตกจนต้องถอยร่นไปแล้วเพราะไม่มีผู้บัญชาการ
สุซาคุ และ เฟรเซีย จึงนำ Iris และ Caribur ออกมารับ ลูเทเซีย มาเรียลูส และคนอื่นๆ
หนีออกจากยานลำเลียง

“ ตอนนี้ มาเรีย ล้าง Genesis ของ เรกกะ ออกจากบรรดาสมาชิกทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้เราต้องรีบหนีออกไปให้เร็วที่สุดเลย ”
ลูเทเซีย กล่าวขณะที่ ตอนนี้บรรดาสมาชิก ต่างๆได้หลุดจากการควบคุมของ เรกกะ เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
Genesis Cancel ของ มาเรียลูส ซึ่ง เฟรเซีย กำลังช่วยนำทางเหล่าสมาชิกออกไปยังยานลำเลียงอีกลำที่นำมา
จอดข้างยาน

“ แปลกมากเลยนะครับที่ เรกกะ จะทิ้งท่านกับสมาชิกท่านอื่น เอาไว้ที่นี่ ”
สุซาคุ กล่าวด้วยความสงสัย ถึงการกระทำของ เรกกะ

“ ช่างมันเถอะตอนนี้เราไม่มีเวลามาคิดแล้วรีบออกจากที่นี่ก่อนเถอะ ”
ลูเทเซีย กล่าวจบ พวกเค้าก็ตามกันออกไปจากยาน


…………………..
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #139 on: April 28, 2009, 03:25:46 AM »

ด้าน เรกกะ ที่ตอนนี้ถูกคลื่นไฟฟ้า ตรึงเอาไว้แล้วส่วน เฟนท์ ก็กำลังต้านทานลำแสงพิฆาต
ของหลีเมย่  ด้วยเกราะพลังานเต็มกำลัง แต่ก็ถูกผลักจนถอยร่นมาเรื่อยๆ

“ นี่เราต้องมาจบแค่นี้หรือเนี่ย ”
เรกกะ คิดเมื่อตอนนี้เค้าถูกต้อนจนมุมอย่างสู้ไม่ได้ ขณะที่ ลอว์เรนซ์ ซึ่งจะตามขึ้นมาช่วยก็ต้องรับมือกับ ฮายาเตะ

“ ชั้นคือ อานิม่า ฮายาเตะ ไฮเดย์ (Hayate Highday) รับมือ ”  “ Sorrow Book ”
สิ้นเสียง ฮายาเตะ Crisisor ของเธอซึ่งอยู่ในรูป ของหนังสือสีดำจะกังวานเสียงออกมา และเปลี่ยนรูปเป็น
หอกเกฮาน่า ของเอมิล

“ Gahana Spear ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ ฮายาเตะ ดึงพลังจาก Crisisor ของเอมิล ที่เปลี่ยนมาจาก Crisisor ของเธอ
ออกมาใช้ได้ เหมือนกับตัวเธอเป็น เอมิล เองเลยทีเดียว

“ นี่มัน… ”
ลอว์เรนซ์ อุทานหลังจากยกดาบขึ้นประกับหอกของเธอ ก่อนจะผละออกจากกัน


“ Sorrow Book ”  “ Seraphic Pistol ”
สิ้นเสียง หอกในมือก็เปลี่ยนเป็น ปืนคู่ของ ซาน ทันทีก่อนที่ เธอจะระดมยิงกระสุน แบบที่ ซาน ทำได้
ลงมา แต่ลอว์เรนซ์ ก็สามารถ บินหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด

“ รู้ไว้ซะ Crisisor ของชั้นคือ Sowrow Book ที่แปลงมาจาก แส้ Sorrow Soul
ของ Amber Valkyrie ลำดับที่ 13 ซึ่งพลังของมันคือการจำลองรูปแบบและพลังของ Crisisor
ที่เคยเห็นมาได้ ”
ฮายาเตะ กล่าวอธิบายถึงพลังของเธอ ซึ่งเป็นพลังของ  Valkyrier คนที่ 13

“ ลำดับที่ 13 เหรอ แต่Valkyrier มีแค่ 12 คนที่ตาม God Send ที่ต้องพิทักษ์เท่านั้นนี่ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวด้วยความสงสัย

“ Valkyrier มีทั้งหมด 12 คนนั่นล่ะ เพียงแต่ลำดับที่ 1 ของ Valkyrier ไม่ได้มีตัวตนอยู่ในตอนนี้ ”
โครโน่ เปรยขณะที่จับตาดูการต่อสู้ด้านนอกอยู่ภายใน ห้องที่เก็บรักษา ฮูกีนมูนีน และด้านล่าง
ใต้สะพานทางเดินที่ทอดยาวนี้ ด้านล่าง มีเครื่องแกนพลังงานทรงกระบอก ที่ติดตั้ง ลูกแก้ว God Send
ทั้ง 12 ลูกเอาไว้ในช่องรอบตัวถัง ซึ่งตรงกลางของ แกนนี้ มีเครื่อง Crisis Terminal เก็บไว้เครื่องหนึ่ง
บนถังแกนพลังงานนี้ 



“ จะ…ไม่ไหวอยู่…แล้ว ”
เฟนท์ ที่ต้านลำแสงไว้อย่างสุดกำลัง เริ่มจะอ่อนแรงลง จนในที่สุดเกราะพลังงานก็แตกออก
ทว่าก่อนที่ ลำแสงพิฆาตจะคร่าชีวิตเขาไปนั้น


“ Magma Tear Axe ”
เสียงกังวานขึ้นก่อนที่ ขวานซึ่งลุกด้วยเพลิงโหม จะถูกเหวี่ยงมาปัดลำแสงพิฆาต จนเบนทิศออกไป
ส่วนตัวขวานก็ วนกลับไปหาเจ้าของอีกที

“ อะไรกัน ”
หลีเมย่ อุทานขึ้นขณะที่ ทุกคนเองต่างก็ประหลาดใจกับสิ่งที่เกิด ขึ้น

“ Krustalalos Rod ”
เสียงกังวานขึ้นอีก ก่อนที่ เอลิต้า จะบินเข้ามายังจุดที่คลื่นไฟฟ้าแผ่ออกมา
และโปรยละอองอนุภาคสีฟ้าที่ไหลออกมาจาก คฑาของเธอ ลงไปคลื่นไฟฟ้า พลันหายไปในบัลดล
ยังผลให้ อัศวินทาลิวิลย่า ทั้ง 12 หลุดจากพันธนาการพร้อมกับ เรกกะ ขณะที่ ซิกนัม รับขวาน
ที่เธอขว้างไปช่วยเฟนท์กลับมา

“ เอลิต้า ซิกนัม ”
Valkyrier ฝ่ายโครโน่ ทั้งหมดอุทานขึ้นพร้อมกันเมื่อเห็นพวกเธอทั้งสอง
ด้าน ผิง ที่เตรียมจะยิงใส่พวกเธอนั้น กลับถูกจานร่อนสีฟ้า ของ ชารี่ ที่เขวี้ยงมาปัด

จนศรเบนทิศพลาดเป้าไปอีก แล้ว ชารี่ ก็เปิดกระเป๋าออกและหยิบเอาแท่งโลหะ แท่งที่สามที่
เธอยังไม่เคยใช้ออกมามันเป็นแท่งโลหะ สีขาว

“ Pagoda Form ”
เสียงกังวานขึ้น พร้อมกับที่ชุดของเธอเปลี่ยนเป็นชุดเกราะ สีขาวแบบอัศวินและแท่งโลหะ กลายเป็นดาบ
ขนาดเหมาะมือแก่เธอ



“ Five Horn Strike ”
สิ้นเสียง ชารี่ ก็พุ่งเข้าไปโดยแทงดาบไปข้างหน้า ละอองอนุภาครอบตัวเธอจับกลุ่มกันกลาย
ใบดาบแหลม 5 เล่ม พุ่งออกไปแบบควบคุมได้เหมือนกับ Bit ทั้งสี่ของ หลีเมย่

“ พวกทีม ฮาร์ทไฟล์ นี่พวกมันยังอยู่อีกเหรอ ”
หลีเมย่ สบถขณะที่ หลบดาบของ ชารี่ ส่วนใบดาบทั้งห้านั้น ได้แทงเข้ากับ Bit ทั้งสี่จนระเบิดในทันที

“ ชารี่ ซิกนัม เอลิต้า…พวกเธอ ”
เรกกะ กล่าวด้วยความรู้สึกประหลาดใจที่พวกเธอมาช่วยเค้าไว้ได้ทันพอดี


“ รีบไปสิคะ ท่านเรกกะ มีสิ่งที่ต้องไปทำอยู่ไม่ใช่เหรอคะ ”
ชารี่ กล่าวจบก็ ถอยกลับมาขวาง พวกเค้าจาก อีกฝ่าย

“ เอลิต้า จะรักษาให้นะๆๆ ”
เอลิต้า กล่าวพลางโบกคฑาเล่นไปมา ด้วยท่าทางร่าเริงเหมือนทุกครั้งก่อนที่ละอองซึ่งโปรยออกมาจาก
คฑของเธอจะ ช่วยรักษาและฟื้นฟูพลังแก่พวกเค้า

“ ว้าวสุดยอดเลยน้องสาวรู้สึกประปรี้กระเป่า ขึ้นเยอะเลย ”
ทาลิคนัส กล่าวด้วยท่าทีฟิตปั๋ง หลังจากที่ได้รับการรักษา

“ ปกติ เค้ามีแต่เจ้าชายมาช่วยเจ้าหญิงไม่ใช่เหรอ ”
ทาไนซ เอ่ยด้วยความสงสัยแบบเด็กๆ

“ ช่างน่าอายอะไรเช่นนี้ต้องให้สตรีมาช่วย เรานี่มันใช้ไม่ได้จริงๆ ”
ทาลูคัส เปรยด้วยท่าทีเศร้าสลด

“ ทำไมมากันช้านักย้าาาา ”
ทาลิควอส บ่นใส่ด้วยความไม่พอใจ

“ ต้องลำบากพวกคุณแท้ ขอโทษจริงๆนะขอรับ ”
ทาเวนทอส กล่าวพลางโค้งให้อย่างสุภาพ

“ อิสตรี นี่แหละคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง ”
ทาโซรอส เอ่ยขึ้นทว่าประโยคที่พูดออกมานั้นเหมือนจะชวนให้เข้าใจผิดอยู่ไม่น้อย

“ มันพูดอะไรของมัน ”
เสียงของ เหล่า อัศวิน ทาลิวิลย่า ของเมอริเซีย ประสานเสียงขึ้นพร้อมกัน หลังจาก
การสนทนาอันแสนวุ่นวายของ พวก ทาลิคนัส จบไป

“ พวกเธอแน่ใจ แล้วหรือที่จะช่วยชั้นน่ะ ”
เรกกะ กล่าวถามกับพวกเธอ ว่ารู้ถึงสิ่งที่พวกเค้าทำอยู่หรือไม่

“ ค่ะ เรารู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ท่าน เรกกะ ทำอยู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง แต่ตอนนี้ท่าน โครโน่
เองก็ไม่ได้ถูกไปซะหมดทีเดียว ดังนั้นการกระทำนี้พวกเราทำเพื่อตอบแทน ท่าน…ท่านเรกกะ
ที่อบอุ่น คนก่อน ”
ซิกนัม กล่าวถึงความตั้งใจของพวกเธอ นี่เป็นการตอบแทนความหวังดีของเค้าคนเดิม
ที่สูญเสียความทรงจำไป ก่อนที่เค้าจะได้ความทรงจำกลับคืนมา

“ พวกเธอ…ขอบใจมากนะที่ยังเชื่อในตัวชั้น ”
เรกกะ กล่าวออกมาจากใจจริง นี่ไม่ใช่การเสแสร้งเพื่อหาตัวหมากมาใช้ แต่เป็นความรู้สึกจริงๆของเค้า

“ ก็พวกเรา เป็น เพื่อนกันนี่คะ ”
เอลิต้า กล่าวเสียงร่า

“ อืม….พวกเราช่วยที เปิดทางออกให้ชั้นที ”
เรกกะ ตะโกนก่อนที่ ทาลิวิลย่า ทั้ง 12 จะรับคำ และเตรียมใช้ท่าพิฆาตเพื่อโจมตีเกราะพลังงาน
ของValhala

“ แย่ล่ะสิหยุดพวกมันไว้ ”
ฮายาเตะ ออกคำสั่งแต่ก่อนที่เธอจะได้ทันกลับไปขวาง ก็ถูก ลอว์เรนซ์ รั้งลงมา ก่อนจะอัดด้วย ลำแสงมังกรที่
ยิงออกจากฝ่ามือ แต่เธอก็สร้างเกราะพลังงานขึ้นมากันได้ทัน

“ ขอบอกไว้ก่อนเลย ไม่ให้ไปขวางหรอกน่า คู่ต่อสู้ของเธอคือชั้น ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็พุ่งเข้าไป กระหน่ำดาบใส่เธอเป็นพัลวัล

“ Great of  Dragon… ”
ขณะที่เสียง เรกกะ และเสียงของเหล่า ทาลิวิลย่าทั้ง 12 ประสานขึ้นพร้อมกันนั้น
พวก หลีเมย่ที่คิดจะเข้ามาขวาง ก็ถูก ชารี่ ซิกนัม เอลิต้ าและ เฟนท์ ขวางเอาไว้

ขณะเดียวกันที่ด้านล่างนั้น กองเรือและยานทั้งหมดเริ่มถอยออกห่างเมื่อได้เห็น
แสงสว่างที่เปล่งวาบอกมาจากการรวมพลังของ เหล่า ทาลิวิลย่า


“ นั่นมันแย่แล้ว รีบออกยานเร็ว ”
ลูเทเซีย ที่เห็น แสงสว่างที่เปล่งวาบขึ้นท่าม กลางสนามรบได้สั่งการให้ออกยานหลบหนีทันที
โดยมี Iris และ Caribur ของ สุซาคุ และ เฟรเซีย ช่วยกันคุ้มกัน

“ G.O.D.!!!! ”
สิ้นเสียงลำแสงมังกรพลังงาน ทั้ง 13 สายก็รวมเข้าเป็นหนึ่งก่อนจะเจาะทะลวงเกราะป้องกัน
ของ Valhala ไปจนถึง ส่วนของอุปกรณ์ที่สร้างเกราะ ของ ป้อมปราการ จนพังในครั้งเดียว

ทำให้เกราะพลังงานที่หุ้ม ป้อมปราการ และ ทวีปเมอริเซียทั้งทวีปไว้ พังทลายลงแผ่นดิน
เมอริเซีย ได้ร่วงหล่นลงในทันทีโดยที่ ทัพมังกร ดำบางส่วนซึ่งยังอยู่ใต้ เมอริเซีย นั้นต่างโดน

แผ่นดินทั้งแผ่นทับกดลงไปด้วยกัน และความเร็วในการตกนั้น ได้พัดเอา เหล่ามังกรดำที่
ยังตกค้างอยู่ออกจากผืนทวีปที่ซึ่งแห้งแล้ง และดินเป็นสีดำ มีเพียง ต้น อิคดราซิล ที่เปล่งแสง

อยู่เท่านั้น จนหมด แผ่นดินแห่งเมอริเซีย ได้หวนคืนกลับสู่ เทอร่า แล้วทันทีที่ ผืนดิน
ประกบเข้ากันอีกครั้ง ก็เกิดแรงกระทบพัดเอาน้ำที่อยู่ด้านล่างจนเกิดคลื่นยักษ์

พัดไปรอบๆ แผ่นดินได้ประกบเข้าด้วยกันก่อนจะเชื่อมต่อสนิทดังเดิม ระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่าง
รวดเร็วในพริบตา เป็นผลให้ คลื่น พัดเข้าไปยังส่วนของ ทวีปอื่นที่จะได้รับผลกระทบ
ทว่า ผู้คนได้อพยพไปยังส่วนที่ปลอดภัยกันก่อนอยู่แล้วความเสียหายจึงมีแค่ส่วนน้อย

ตอนนี้ เหลือ เพียงแค่ปราการ ลอยฟ้า Valhala เท่านั้น ที่ต้องจัดการ เมื่อไร้เกราะคุ้มกัน เรกกะ กับ เฟนท์
ก็บุกเข้าไปข้างในได้ทันก่อนที่มันจะขึ้นไปในระดับที่สูงกว่านี้จนไม่อาจตามได้ทันพอดี

“ จากนี้ไปจะเป็นการตัดสิน ของพวกเราแล้วนะ เฟนท์ ”
เรกกะ กล่าวขณะที่ เฟนท์ เดินตามเข้ามา

“ จากนี้ไปก็ขึ้นกับพวกเราแล้วล่ะ ”
เฟนท์ ตอบกอ่นที่พวกเค้า จะออกวิ่งไปตามทางสู่ห้องใจกลางของ Valhala หัวใจแห่งOdin


“ เข้ามาเลยเจ้าพวกแมงเม่า ชั้นจะเผาให้วอดไปเลยหึๆๆฮ่าๆๆๆ ”
โครโน่ กล่าวจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ขณะที่ตัวเค้าเปลี่ยนไปสวมชุด เกราะ Valkyrier ของเค้า
ซึ่งเป็นเสื้อโค้ท สีดำสนิท พร้อมหมวกทรงเรือ สีขาว และCrisisor รูปร่างคฑา ที่มีอัญมณีสีแดง

เรียงตัวลอยกันอยู่รอบอัญมณี ที่เชื่อมกับคฑา ส่วนมือซ้ายนั้นติดโล่ สีแดงทองซึ่งปล่อยละอองอนุภาค
ออกมาเรื่อยๆ  (Chrono, the Valkyrier of Odin)



…………..


“ Charge Rider Water Blade ”
สิ้นเสียงคลื่นดาบสีฟ้าสองลำก็พุ่งตัดหน้าพวกเขาไปแบบฉิวเฉียด

“ จากตรงนี้ไปชั้นจะให้ใครผ่านไปไม่ได้ทั้งนั้น ”
ไอ ซึ่งสวมเกราะอัศวินมังกรวารี ขณะที่ยืนขวางทางไปสู่ห้องหัวใจแห่ง Odin


“ เรกกะ ไปก่อนเลย ที่นี่ชั้นจะจัดการเอง ”
เฟนท์ กล่าวจบ เรกกะ ก็รับคำก่อนจะ พุ่งฝ่าออกไป ครั้น ไอ จะเข้าไป ขวาง เฟนท์ ก็
กระชากตัวเธอ ออกมาจากทาง


“ ที่ต้องสู้กับคนที่ไม่อยากสู้ด้วยไม่ใช่แค่ชั้นคนเดียวแต่นายด้วย เฟนท์
พยายามเข้าล่ะ ชั้นเองก็จะไม่ยอมให้มันล้มเหลวอีกเด็ดขาด ”
เรกกะ คิดขณะที่มุ่งตรงไปสู่ห้อง หัวใจแห่ง Odin ที่ โครโน่ รออยู่

โปรดติดตามตอนต่อไป

Final Saga

ทุกคนชั้นมาคิดดูแล้วบางที ตัวชั้นที่เป็นเพื่อนกับทุกคน อาจจะเป็น ชั้นที่เป็น ซาราเบลด แต่ตอนนี้
ในตัวชั้นยังมี ไฮเดย์ ที่เป็นชั้นอีกคน ระหว่างสองทางเลือกชั้นคงไม่อาจกลับไปเป็นซาราเบลด ได้อีก
แต่สิ่งที่ชั้นทำในตอนนี้ขอให้พวกนาย เชื่อในตัวชั้นด้วย นี่คือสิ่งที่ ซาราเบลด บอกกับชั้นในหัวใจ...

Final Saga Requiem ............ ด้วยบทเพลงส่งวิญญาณ  ลาก่อนทุกคนชั้นไม่อาจก้าวไปในแสงสว่างได้อีกแล้ว...



และแล้วก็ช่วงสครีมจ้า ทำไม๊ทำไม เรกกะ จ๋า ทำไมยังไม่บอกอีกหนอ ว่าเจ้าต้องการอันใด
ทั้งที่ เพื่อนๆต่างแห่กันมาช่วยประคบประหงม นายแท้ๆแต่ยังแข็งใจชั่วต่อไป เป้าหมายนายคืออะไรกันล่ะเนี่ย
แล้วยังชื่อตอนต่อไปอีก นายสัญญาแล้วน้า ว่าจะไม่ตายอ่ะ เดี๋ยวป้า เสียใจไม่รู้นะเออ พูดถึงป้า

โอ้ แฟนกะกิ๊ก ตีกัน ตอน ซานโผล่มานี่ นึกว่าจะพูดแบบนี้น่ะเนี่ย “ หนอย เรกกะนอกใจฉันเรอะ ” ฮาเหอๆๆ
กำลังจา Love seen แต่พี่ท่านโผล่มาขวาง ซะก่อน เลยค้างคาเลย ว่าแต่นี่สินะ เหตุซึนามิ ถล่มตุลาฯ
เตือนภัย โปรดระวัง ทวีปกำลังหล่นจากฟ้า ขอให้อพยพด่วนเนื่องด้วย ฮานามิ เอ๊ยซึนามิ จะมาเยี่ยมบ้านท่าน



คิดเหมือนกันมะ ว่าก่อน เรกกะ จะความทรงจำกลับมา รู้สึกตอนนั้นจะโง่กว่าตอนนี้นะ
เนี่ย พอความจำฟื้นพี่แกฉลาดเป็นกรดเลย เหอๆ เอาเถอะตอนหน้า อวสานแล้ว มาเอาใจ

ช่วยกันว่า เรกกะ จะครองโลกได้ไหม เอ๊ะ หรือต้องเชียร์ โครโน่ ให้ขวางเรกกะ ให้สำเร็จ
 แต่รายนี้สำเร็จก็ครองโลกนิหว่า เอาเข้าไป เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงประโยคของท่าน เจ้า หลิงเฉินในเนกิมะ

“ ธรรมมะ ปะทะ อธรรม อะไรนั่นไม่มีอยู่หรอก ความจริงโลกนี้คือการต่อสู้กันของฝ่ายธรรมมะ นับร้อยที่
ไม่ลงรอยกัน และผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์ ”

ช่างตรงจริงๆ ว่าแล้วจะให้ใครเป็นคนเขียนประวัติศาสตร์ดีล่ะ เรกกะ ...โครโน่
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #140 on: April 28, 2009, 11:56:44 AM »

อ๊ากกก  การ์ดครบแล้วล่ะ

แต่การ์ดผิงหน้าบีบเหมือนจงใจยัดใส่ปลากระป๋อง      ผมกะว่าจะถามว่า  ..ทำไมหนูชารี่มีหลายฟอร์มจัง?

ครั้งหน้าตอนสุดท้ายแล้วววว 
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #141 on: April 28, 2009, 12:16:29 PM »

Quote
ทำไมหนูชารี่มีหลายฟอร์มจัง?

สงสัยจะเป็นเพราะว่า ชารี่ จังมีต้นแบบมาจาก เกรซ นี่ล่ะมั้งคะ
 

ซึ่งเกรซ เป็น Valkyrie ที่มีอสูรพิทักษ์ 3 ตัว คือ
1. ใช้ดาบ

2.ใช้หน้าไม้

3.ใช้แส้



คิดว่า ฟอร์มเหล่านี้น่าจะมีที่มาแบบนี้ล่ะค่ะ สังเกตุจากชื่อฟอร์ม จะเป็นชื่อของอสูร ทั้งสามตัวค่ะ
(ละเอียดจริงนะฉัน) ที่จริงคิดเหมือนกันว่า ทำไมหลีเมย่ ที่เป็นตัวแทน ฟีโอโดร่า ถึงไม่มีมังกรพิทักษ์4ตัว
เข้ามาเกี่ยวด้วย แต่พอจะนึกเอาทำเนาอ่ะนะคะ ว่า ไอ้แท่งๆบินได้คือตัวแทน มังกรทั้ง 4

ผิดถูกประการใด ขออภัยด้วยนะคะ


ส่วนที่หนูรู้เรื่องของนิยาย ท่านเกรม่อน ดีเนี่ย เพราะที่จริงหนูตามเรื่องท่านมาตั้งกะเรื่องแรกแย้ว
แต่เมมเก่า จำพาสบ่ได้ เลยสมัครใหม่ค่ะ (ที่เมมหายเพราะคุณเกรม่อนหยุดพิมพ์ไปช่วงนั่นล่ะค่ะ)

ส่วนตัวจะมิกซ์เอาการ์ตูนมาเยอะหนูไม่ซีเรียสค่ะ แต่หนูชอบตรงการผูกเรื่องอ่ะ นักรบตัวแทนของ Valkyrie
แต่ล่ะตัวมีเอกลักษ์ที่บ่งบอกความเป็น Valkyrie ตัวนั้นๆด้วย ถึงบางส่วนจะดูความสามารถมันมั่วๆอ่ะนะคะ
แต่ส่วนใหญ่ ค่อนข้างมีจุดเชื่อมกับ Valkyrie มาก อยู่เหมือนกัน

ว่าแต่ตอนหน้าอวสานแย้ว


Quote
โอ้ แฟนกะกิ๊ก ตีกัน ตอน ซานโผล่มานี่ นึกว่าจะพูดแบบนี้น่ะเนี่ย “ หนอย เรกกะนอกใจฉันเรอะ ” ฮาเหอๆๆ

โอย ตอนหน้า R2 จังกับ ซาน จัง จะตบกันแย่ง เรกกะ ไหมคะเนี่ย (แอบฮา)

เผลอแปปเดียวนี่พิมพ์มาขนาดนี้แล้วเรอะ เอาเป็นว่าแล้วจะรอดูผลงานท่านต่อไปเรื่อยๆนะค้า


Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #142 on: April 28, 2009, 12:48:43 PM »

โห ละเอียดแท้ ทีมงานเองยังอาย ทำไมรู้ดีจังจ๊ะหนูจ๋า  ถูกค่า เจ็ตอบแทนเกรม่อนคุงเลยเอ้า
ชารี่ ได้ต้นแบบมา  จาก เกรซ ซึ่งมีอสูร3ตัวพิทักษ์ วิหารที่เก็บ God Send ไว้
ดังนั้น ชารี่ ก็เลยมี ฟอร์ม 4ฟอร์ม คือ ฟอร์ม ต้นแบบที่ไม่มีพลังอะไร
ส่วนอีก3จะแยกเป็นอย่างนี้

1 Pagoda ฟอร์มนี้ใช้ดาบในการต่อสู้ จะถนัดในการรบประชิด หรือเวลาปะทะซึ่งๆหน้า

2.Zephyr ฟอร์ม นี้ใช้จู่ระยะไกล ซ฿่งเป็นรูปแบบที่ ชารี่ จะใช้เมื่อ ศัตรูถนัดการสู้ประชิด อย่างตอน
สู้กับ เฟนท์ เป็นต้น เพราะ เฟนท์ ถนัดการสู้ประชิดตัว

3.Raydawn ฟอร์ม นี้ไม่ได้ใช้ไว้ต่อสู็แต่ใช้สำหรับสนับสนุนการจู่โจม ด้วยการตรึงศัตรูไว้ด้วยแส้ หรือ
ใช้ในงาน จิปาถะ เช่นการเอาตัวรอดจากกับดักในวิหาร God Send ดังนั้นฟอร์มนี้จึงเหมาะ
เอาไว้ลุยดันเจี้ยนมากกว่า

ส่วน ฟีโอโดร่า ตีความได้ถูกอีกเหมือนกัน Bit ทั้งสี่แทนตัวของเหล่ามังกร 4 ตัว
ส่วนพัดเหล็กแทนตัวของ ฟีโอโดร่า

พูดถึง ฮายาเตะ จังไหงหนังสือเจ็แก ดูจะโกงสุดในเรื่องเลยมั้งเนี่ยเอาพลังของ Valkyrier
คนไหนมาใช้ก็ได้ ขอแค่เคยเห็นก็พอ แล้ว ลอว์เีรนซ์ คุงจะชนะไหมเนี่ย

ว่าแต่เจ็แกโกงแบบนี้ แล้วโครโน่ จะเออะไรไปโกงล่ะเนี่ย แต่ดูจากชื่อท่าพอจะทำเนาเอาได้ว่า เกรม่อนคุง
คงให้ใช้พลังจาก God Send ทั้ง 12 ซึ่งท่าแต่ละอย่างมีพลังต่างกันจะเท่ากับ ว่า
ท่าเดียวแยกออกเป็น 12 ท่า 


กลายเป็นโกงกว่าพระเอกอีก พูดก็พูดนะ ทำไมตอนนี้เรกกะ เหมือนจะโง่
 ตัวเองมี Genesis ตอนสู้กับพวก Valkyrier ไม่สะกดเอามาเป็นพวกซะล่ะ
หรือว่าลืมว่า ตัวเองมี Genesisห๊า ช่างดีกว่า รีบไปเตรียมบทเตรียมภาพ

มาเขียน วาย ได คุง กะฮิวาตาริคุง ก่องล่ะ ตายล่ะ แล่้วนี่เดี๊ยนจะทำภาพ ดาร์ค คุงออกมายังไงดีเนี่ย
เวอชั่นนี้ ทำยากนะว้อย ไดคุง ยังพอว่า(ทำอยู่ทุกวันแอบเอาหนุ่มๆที่ทำมาวายเล่น) แล้วยังเจ้า แครด
อีก 




Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #143 on: April 28, 2009, 01:04:28 PM »

^
^
มีตอนนึง หนูมาเรียใช้ genesis สะกด genesis คนอื่นไม่ให้ทำงานได้ในอาณาเขตนึงไม่ใช่เหรอครับ?   ???
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #144 on: April 28, 2009, 01:58:01 PM »

Quote
มีตอนนึง หนูมาเรียใช้ genesis สะกด genesis คนอื่นไม่ให้ทำงานได้ในอาณาเขตนึงไม่ใช่เหรอครับ?

เอ่อ คือ genesis ของ มาเรียลูส นั้น คือการล้างผลอำนาจของ genesis ที่คนได้รับมานะครับ ไม่ใช้่การ
สะกด แต่ว่าที่เขียนบอกว่าป้องกัน genesis คือ ผู้มี genesis จะไม่ถูกผลกระทบจาก genesis
ของคนอื่น เหมือนมีภูมิคุ้มกันอะไรประมาณนั้น ส่วนที่ เรกกะ ไม่ใช้ genesis นั้นคาดว่า

จากตอนที่ บุกการประชุมสากล ที่ราฟ เข้าไปฆาตกรรมหมู่ คางุยะไม่สามารถ สะกดให้ ราฟ
หยุดนิ่งได้ ส่วน ลูเทเซ๊ย นั้นก็อ่านใจไม่ได้ทั้งหมด สาเหตุเป็น อานิม่า นั้นน่ามีความต้าน genesis ในระดับหนึ่ง แต่ราฟ ไม่ได้เป็น อานิม่า ที่สมบูรณ์ เลยถูก ลูเทเซีย อ่านใจได้แต่ไม่ได้ทั้งหมด

ดังนั้นที่เรกกะ ไม่ยอมใช้ genesis ในตอนนี้ เนื่องมาจากว่า อีกฝ่ายมี ฮายาเตะ
ที่ป้องกัน Genesis สมบรูณ์แน่นอน เพราะเธอเป็น อานิม่า แท้ แต่เหตุผลจริงๆที่ไม่ใช้
ทั้งที่ท่าใช้แล้วน่าจะได้พวก
หลีเมย่ มาเป็นพวกแน่นอนคือ

เรกกะ : สู้กันบนฟ้าอ่ะ ขืนใช้ Genesis ก็ต้องกลับร่างเดิมก่อน แล้วระยะสะกด มันแค่ เมตรกว่าๆเองแถมต้องมองตาอีกฝ่ายด้วย ถ้ากลับร่างเดิมกลางอากาศก็โดนมันหลับตายิงม่องเท่งก่อนใช้พอดี
ไม่ก็โหม่งโลกตาย


อืม สรุป ตอนสู้จะทำให้ใช้ไม่ได้สินะ  (ไมเหตุผลมันแปลกๆหว่า )

ว่าไปแล้ว ตอนหน้าอวสานแล้ว คงจะได้เฉลย สาเหตุที่ชื่อเรื่องมันเป็น R.R. แล้วสินะ
หึๆปมสุดท้ายที่ยังไง้ยังไง ก็ยังไม่คลายจะได้รู้กันตอนหน้าแล้วว่าหมายถึงอะไร ชื่อเจ๊ R2 เหรอ อันนั้นมันคลายไปแล้ว
หรือหมายถึง Dragoon Requiem งั้นต้องเป็น D.R. สิเอ หรือว่า Rashap X Recca กันหนอ
เหอๆแล้วแต่จะคิดนะเออ




 
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #145 on: April 28, 2009, 06:23:18 PM »

จะละเอียดก็ไม่แปลกนิคะ การ์ดซํม ซีรี่ย์ 12 Valkyrie เราตามซื้อเก็บจนครบเลย ชอบมากๆภาพสวย
โดยเฉพาะ Byna (เขียนถูกป่ะมะแน่ใจมันนานละ) กับดาบ Alex... อะไรนั่น ดูขลังมากๆ
เสียดาย ดาบราคาแพงเว่อเลยต้องตัดใจ พูดถึง 12 Valkyrie

ตอนนี้ valkyrier ออกมาแล้ว 13แต่ โครโน่ คุงไม่ใช่ Valkyrier ของ 12 Valkyrie นิ
แต่เป็นของ Odin แล้วจากที่นับดูมันขาด Byna ไปนิ แสดงบว่า Valkyrier ลำดับที่1 ที่บอกว่า
ไม่มีตัวตนอยู่
กับเครื่อง Termi อะไรนั่น เป็นของ Byna ใช่ป่ะ ว่าแต่ใครจะใช้ล่ะ ไม่ใช่มะมีบทน้า

Valkyrie จะออกไม่ครบ 12 ตัวก็ไม่ใช่ Valkyrie สิ

อีกหนึ่งปม เครื่อง termi ที่ใช้แปลงร่างของซาน เรกกะ เก็บไปไม่ใช่เหรอ
 ตอนส่งเมลล์ไปนัดเฟนท์ มาหาที่ท่าเรืออ่ะ บทที่ 16 อ่ะค่ะ แล้วไหงเครื่องยังไม่ได้คืนแต่แปลงร่างได้เฉย


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #146 on: April 30, 2009, 03:07:53 PM »

Final Saga Requiem ....

........ ด้วยบทเพลงส่งวิญญาณ  ลาก่อนทุกคนชั้นไม่อาจก้าวไปในแสงสว่างได้อีกแล้ว...

…………………………………………………………………………………………………..

“ Great of Dragon ”
สิ้นเสียง ลำแสงมังกรนับสิบสาย ก็พุ่งออกจากดาบมาคายาเดีย ที่ ลอว์เรนซ์ ฟาดออกไป
ทั้งหมดมุ่งตรงไปที่ ฮายาเตะ ซึ่งกำลังคอยท่าอยู่

“ Sorrow Book ”  “ Carnalian Gauntlet ”
เสียงกังวาล ขึ้นจากปืนคู่ที่อยู่ในมือของเธอ ก่อนที่มันจะเปลี่ยนรูปเป็น
สนับมือ แบบของ เฟนท์ ทันทีที่เธอยื่มันมันออกไปสร้างเกราะพลังงาน อนุภาคของเธอก็เปลี่ยนเป็น
สีน้ำตาล และสร้างกำแพงพลังงานจำลองรูปแบบที่แข็งแกร่งที่สุดใน Valkyrier คนอื่นที่พึงจะมีได้
เกราะสามารถทานการโจมตีทั้งหมดของ ลอว์เรนซ์ ไว้ได้แต่แรงกระทบก็ทำให้เธอถอยครูดไปไกล
เช่นกัน

“ อึก…พลังรุนแรงอะไรแบบนี้ เกราะของ เฟนท์ เป็นเกราะที่แกร่งที่สุดในบรรดา
พวกเราแล้วแท้ๆยัง… ”    “ Sorrow Book ”
ฮายาเตะ คิดขณะที่ เธอปลดกำแพงพลังงานออก พร้อมกับที่ สนัมมือทั้งสองข้างรวมกลับไปเป็น
หนังสืออีกรอบ

“ แย่ล่ะสิอีกฝ่ายมีรูปแบบการต่อสู้ที่มากกว่า 5 รูปแบบขึ้นไป ถึงพลังของเราจะเหนือกว่า
แต่อีกฝ่ายสามารถพลิกแพลงการจู่โจมได้ ทำให้ส่วนต่างของพลังที่ว่านั่น หายไป ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่จับดาบให้กระชับขึ้นไปอีก


“ เท่ากับว่าตอนนี้พลังของเราสูสีกัน… ”
ทั้งสองคิดด้วยความคิดที่เหมือนกัน ขณะที่ดูเชิงกันอยู่ในตอนนี้ เหนือน่านฟ้า ทวีปเมอริเซีย ที่ตอนนี้ถูกปลดลงไปจาก
Valhala แล้ว
 

…….

“ ก็าซซซซซซซซซซซ ”
เสียงคำรามอันดังกึกก้อง ดังกังวานขึ้นมาจากด้านล่าง สนามรบแห่งฟากฟ้า บนทวีปเมอริเซีย
ที่พื้นผิว ทวีป ราบเป็น แถบนั้น มังกรกายสีแดง และ ฟ้า กำลังอาละวาดด้วยความโกรธและสับสน

ที่สภาพรอบๆตัวของพวกมัน เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทั้งการตกลงมาพร้อมกับ ผืนทวีป จากValhala
และสงครามที่เป็นกันอยู่ตอนนี้ ได้เร่งความเครียดของพวกมันจน อาละวาดด้วยพลังเต็มที่

เมฆพายุ และ ลมร้อนอันแห้งแล้ง ได้แผ่รัศมี ออกมา นี่เป็นการปะทะ กันอีกครั้งของ
มังกร ทาราสควีย์ และ นิลคาบาลนอร์ ที่สืบเนื่องยาวนานมาตั้งแต่เมื่ป สองร้อยปีที่แล้ว

 


การอาละวาดของ พวกมัน ทำให้บรรดา กองทัพ สหประชาคมโลก และสหพันโลก
ต้องถอนกำลังถอยห่างออกจาก จุดนั้น ทั้งที่ยังไม่ทันตั้งตัวหลังจาก รับคลื่นยักษ์ที่เกิดจาก
การร่วงหล่นของแผ่นทวีปทั้งแผ่น


“ เฮ้ๆ ดูท่าจะไม่ดีแล้วแฮะ ”
ไลท์ ที่กลายเป็น ทาลูคัส ของ เมอริเซีย กล่าวขณะที่ เห็นสภาพการณ์ เบื้องล่าง
ซึ่งกลุ่มพลังอำนาจของ มังกรทั้งสองตัวนั้น กำลังแผ่ขยายมาครอบคลุมถึง
น่านฟ้าที่พวกเค้ากำลังปะทะกันอยู่

“ ดูเหมือน ว่ามังกรสองตัวนั่นก็จะอยู่ในแผนของพวกมันด้วย ล่ะมั้งเพราะถ้าพวก
มันเสียแผ่นดินเมอริเซียไปก็จะมีการ อาละวาดของ มังกรสองตัวนั่น ป้องกันไม่ให้
 อิคดราซิล ถูกแทรกแซงได้กลับกัน พวกเราก็จะตามขึ้นไปไม่ได้ด้วย ”
ดาร์ค เปรยในตอนนี้ พวกเค้าอัศวินทาลิวิลย่า ทั้ง 12 ตน คือกลุ่มที่ว่างมือที่สุดแล้วหลังจาก
จัดการกับกองทัพ มังกรดำ ทั้งหมดที่กรูกันออกมาลงแล้ว

“ งั้นมัวรออะไรอยู่เล่า ที่นี่ก็กำลังตึงมืออยู่พวกเรารีบลงไปจัดการ ให้มันเสร็จๆเถอะ ”
ไฟร์ กล่าวซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ดังนั้น อัศวิน ทาลิวิลย่า ทั้ง 12 จึงลงไปจัดการกับ
มังกรทั้งสอง แทนและทิ้งให้ ลอว์เรนซ์ กับ พวก ชารี่ รับมือ กับ พวกของ ฮายาเตะ ไป

“ ทำไม….ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้…..ทั้งที่พวกเธอเองก็มีเป็าหมายเพื่อสันติของโลกไม่ใช่รึไง ”
หลีเมย่ ตะคอกขณะที่ เรียกเอาพัดเหล็กที่ ถูกลอว์เรนซ์ ปัดทิ้งไปตอนแรกกลับขึ้นมาจากทะเล
ก่อนจะ เร่งสร้างอนุภาคจาก พัดอีกที อนุภาคที่หลั่งไหลออกมา
ได้จับตัวอัดแน่นกันจน กลายเป็น Bit สี่อันดังเดิม

“ แล้วทำไม…ทำไม…ถึงได้ไม่เข้าใจกัน~~~ ”
หลีเมย่ ตะโกนเสียงหลง ท่ามกลางความสับสนต่อ สถานการณ์รอบตัวเธอที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนี้
อารมณ์กำลังตีกับอุดมการณ์ หัวใจของเธอถูกบีบคั้น ด้วยสถานการณ์ รอบตัว จนตอนนี้เธอไม่อาจรู้ดีชั่วอีกแล้ว
มีเพียงความแค้น ต่อสงครามเท่านั้นที่เป็นแรงผลักให้เธอ เดินหน้าต่อไป

“ ท่าน หลีเมย่ ”
หลงและผิง เอ่ยขึ้นพร้อมกัน พวกเค้ารู้สึกเป็นห่วงต่อสภาพจิตใจของ หลีเมย่ ดังนั้น จึงพยายามจะ
จบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ด้วยสายสัมพันธุ์ ที่อยู่ร่วมงานกันมานาน กับ หลีเมย่ ความต้องการของพวกเค้าทั้งสองจึง
เป็นความต้องการของ หลีเมย่ เช่นเดียวกัน

“ เพื่อ หลีเมย่ พวกเราจะแพ้ไม่ได้ ”
ทั้งสองกล่าว ก่อนจะ เริ่ม จู่โจมประสาน กับ หลีเมย่ โดยที่ Bit ทั้งสี่จะคอยยิง
ต้อนทางหนี ของพวก ชารี่ เอาไว้ส่วน หลง ใช้ความเร็วของเขา ลากเอา ซิกนัม ที่มีพลังมากที่สุด
 ออกจากกลุ่ม และให้ ผิง สร้างคลื่นไฟฟ้า ตรึงอีกสองคนที่ ด้อยกว่าไว้

“ นี่มัน….การโจมตีประสาน ”
ซิกนัม กล่าวขณะที่ ยกขวานรับการบุกของ หลง ที่ต้อนเธออกห่างจาก กลุ่มส่วน เอลิต้า ที่ต้องกางกำแพง
อนุภาค คุ้มกันการยิงของ Bit ทั้งสี่ เอาไว้ จึงไม่สามารถ สนับสนุนได้ และ ชารี่
ที่ต้องสู้กับอาวุธกินระยะ อย่างธนูของ ผิง จึงทำให้เธอลำบากไม่น้อย

“ ซิกนัม เอลิต้า ใจเย็นๆไว้ก่อน พวกเราก็โจมตีประสานบ้างสิ  ใช้ฟอร์เมชั่น A ”
ชารี่ สั่งจบ ซิกนัมกับ เอลิต้า ก็รับคำก่อนจะเริ่มทำตาม
ซิกนัม ออกแรงเหวี่ยงขวานไปรอบๆ จน หลง ต้องผละตัวออกห่าง ในช่วงวินาที
นี้ ชารี่ ก็พุ่งเข้ามา พร้อมกับคมดาบอนุภาค อีกห้าเล่มที่สร้างขึ้น

ขณะที่ Bit ทั้งสี่ของ หลีเมย่กำลังจะตามมา คุ้มกันนั้น ขวานของ ซิกนัมก็ถูกขว้างออกมา
กวาดทำลาย ทีเดียวจนหมด ในช่วงนั้น ผิง ที่ไม่ทันระวัง จึงถูกกระสุนพลังงาน

ที่รวมจากอนุภาคยิง กระแทกจนไปชนกับ หลง ทันทีที่รูปขบวนของอีกฝ่าย
แตกไม่เป็นท่า ชารี่ก็ เปลี่ยนฟอร์มของตัวเองกลับ ก่อนจะหยิบเอาแท่งโลหะ
สีเขียวออกมาแล้วกดปุ่มลงไป

“ Zephyr Form ”
สิ้นเสียง ชารี่ ก็เปลี่ยนชุดเกราะใหม่พร้อมกับ แท่งโลหะเปลี่ยนเป็น หน้าไม้

“ Golden Feather ”
สิ้นเสียง ชารี่ก็ลั่นไกหน้าไม้ลงไป ลูกดอกอนุภาครูปขนนก ถูกยิงออกมาครั้งละสามดอก
 และยิงรัวออกมาราวกับห่าฝน

“ Bit Recovery จากนั้น Ex-Charger จัดการเลย ”
หลีเมย่ สั่งจบพัดของเธอ ก็เปล่งแสงเร่งสร้างอนุภาคขึ้นมา

“ Bit Recovery ”
สิ้นเสียงจากพัด อนุภาคก็รวมตัวเป็น  Bit ทั้ง 4 อันอีกครั้ง
ก่อนที่พวกมันจะไปตั้งขบวน เป็นลำกล้องสำหรับยิงลำแสงพิฆาต

“ Extream Charge ”
สิ้นเสียง ลำแสงพิฆาต ก็พุ่งออกไปกวาดล้าง ลูกดอกทั้งหมดแต่เพราะการโจมตีนี้เป็นสวนกลับเพื่อป้องกันเท่านั้น
ดังนั้น ชารี่ จึงหลบมาได้ และยิงลูกดอกต่อ แต่คราวนี้ ผิงที่ ตั้งตัวได้แล้วจึงยิงศรอนุภาคสวนออกไป

กลายเป็นการดวลอาวุธเน้นระยะ ไปแทน ส่วน เอลิต้า ตอนนี้ ก็รวบรวมอนุาคแล้ว ยิงส่งออกปเป็นช่วงๆ
อยู่ด้านหลัง ซิกนัมที่คอย รับมือ กับ หลง ในขณะที่ หลีเมย่ คอยสวนการจู่โจมของ เอลิต้า พร้อมหาจังหวะจู่โจม

การปะทะของ ทั้งสอง ทีมนี้ สูสีกันเนื่องจาก ความสามัคคีของแต่ล่ะทีม ต่างแน่นแฟ้นไม่แพ้กันและกัน
ทำให้การต่อสู้ไม่อาจรู้ผลได้โดยเร็ว

 “ เก่งจริงๆ….สมแล้วที่เป็นทีมตัวจริง คุณหลีเมย่ ทั้งการวางแผนจู่โจมแล้วก็แก้ลำกลับ ”
ชารี่ คิดขณะที่ เธอยังคงต้องเพ่งสมาธิไปที่การ ดวลลูกศร กับ ผิง

“ ไม่เบาเลยนี่คือฝีมือของ ทีมนอกคอกงั้นเหรอ ทั้งสติปัญญา การตัดสินใจนับว่าเฉียบแหลม
ไม่ได้ด้อยไปกว่าเราหรือ เสนาธิการ เอลิซ่า ของทีม Celestial Saber เลย ”
หลีเมย่ เองก็คิดว่า ชารี่มีความสามารถในการเป็นผู้นำที่สูง ไม่น้อยไปกว่ากัน

…..

“ เธอน่ะชอบ เรกกะ อยู่ไม่ใช่เหรอ ”
R2 กล่าวขณะที่ควงหอกเพื่อปัดลำแสงกระสุน ที่ระดมยิงมาของ ซาน พลางถอยห่างเพื่อหาช่องจู่โจม
พวกเธอทั้งสอง สู้กัน อยู่เหนือน่านน้ำ ใต้ น่านฟ้า ที่พวก ลอว์เรนซ์ กำลังปะทะกัน
ซึ่งการ ปะทะของพวกเธอก็ไม่ได้ ด้อยไปกว่ากันและกันเลย

“ เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกัน นี่คือความปรารถนาของคุณพ่อและคุณแม่ ที่ฝากฝังให้ฉันขจัดสงคราม ”
ซาน กล่าวขณะที่กัดฟันข่มความรู้สึก ของตัวเองเอาไว้แล้วลั่นไกออกไปด้วย ความมุ่งมั่นต่ออุดมการณ์

“ งั้นเองสินะ เธอยังสับสนอยู่ล่ะสิระหว่าง หน้าที่กับหัวใจ แต่ปากก็บอกอยู่ป่าวๆว่าไม่สน
จะลั่นไกแต่ละทีกลับต้องข่มน้ำตา จนแทบร้องออกมาเป็นเลือดเชีวนะ ”
R2 เปรยจากที่เห็นสภาพของ ซานตลอดช่วงที่สู้อยู่กับเธอ คำพูดของเธอ
ทำให้ซาน ฉุนขึ้นมาชั่วขณะ เธอจึงหยุดระดมยิง แล้วเปลี่ยนมาโจมตีเต็มกำลังแทน

“ Apollo Coffin ”
สิ้นเสียง ลูกพลังงานนับร้อย ก็พุ่งออกไปโดยการควบคุมของเธอ ทว่าR2 ก็บินฉวัดเฉีวยน
หลบได้อย่างคล่องแคล่ว

“ เธอน่ะจะคิดเข้าข้างตัวเองไปถึงไหนกัน อ้างแต่อุดมการณ์ ปฏิเสธหัวใจของตน แล้วมา
ระบายความเสียใจกับฉันแทน แบบนี้มันลำบากนะ ”
R2 กล่าวยั่วเธอต่อไป จนในที่สุดเมื่อ ซาน คุมลูกพลังงานทั้งหมดรวมศูนย์ไปที่เธอที่อยู่กลางวงล้อม
เธอ จึงเริ่มร่ายคาถาออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา ทันทีที่ลูกพลังงานทั้งหมดพุ่งเข้าหา ร่างของ R2 กลับหายไปจาก
ตรงนั้นและมาโผล่ด้านหลัง ซาน แทน

“ เวทมนต์ งั้นเหรอ ”
ซาน คิดขณะที่ตอนนี้ตัวเธอเอง ไม่สามารถป้องกันตัวได้ เพราะพลังงานและ
สมาธิทั้งหมดต้องส่งไปกับการควบคุมลูกพลังงาน จากการใช้ท่าเมื่อครู่ ทำให้ หอกของ R2
สามารถเข้าประชิดตัวเธอได้อย่างไม่ยาก

“ เธอน่ะไม่เคยเข้าใจในตัว เรกกะ เลยแม้แต่น้อย ”
R2 กล่าวขณะที่รวมพลังไปไว้ที่หอกเพื่อใช้ ลำแสงมังกร

“ พูดอย่างกับเข้าใจเค้าดีนักล่ะ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่หอกของเธอ จะถูก ชูริเคน พุ่งปัดหอกของ เธอจนหลุดมือไป

“ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ”
R2 อุทานเมื่อเห็น ผู้ที่เข้าแทรกการดวลระหว่างเธอ ซาน และก็ต้อง ตกตะลึงเข้าไปด้วยกันทั้งคู่
เมื่อผู้ที่มาช่วยนั้น คือ เอมิล และ ไรด์

“ ถึงจะเป็นศึกของความรักแต่ขอโทษด้วยนะ ที่พวกเราต้องเข้ามาแทรกเพราะเราคง
ให้เธอทำร้ายเพื่อนของเราไม่ได้หรอก ”
เอมิล กล่าวขณะที่กระชับหอกในมือขึ้นมา ส่วน ไรด์ ก็รับ ชูริเคน ที่ขว้างไปคืนมา

“ ให้ตายสิ จะรุมกันงั้นเหรอไม่สิที่ต้องแปลกใจมากกว่าทั้งที่
ฉันเป็นคนช่วยพวกเธอให้รอดมาได้แท้ แต่ก็ยังเลือกจะเข้าฝ่ายกับ พวกนั้นอีกรู้งี้ให้
เรกกะ ใช้ Genesisซะก็สิ้นเรื่องไปแล้ว ”
R2 เปรยขณะที่ ยกมือขอยอมแพ้ ด้วยสีหน้าไม่จริงจังอะไร

“ ก็จริงนะถ้าตอนที่อยู่ เกาะหลักศิลา ไม่ได้เธอช่วยไว้ล่ะก็พวกเราคง
ไปสวรรค์กันก่อนใครเพื่อนแล้วล่ะ แต่ไม่ต้องห่วงเราจะไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้หรอก
สบายใจได้ ”
ไรด์ กล่าวหยอกๆ

“ ไรด์ เอมิล...ดีล่ะถ้ามีพวกเธอ...ถ้ามีพวกเธอล่ะก็ ”
ซาน เปรยด้วยความปลื้มปิติ ที่ได้พบกับ เพื่อยของเธอ อีกครั้งทว่า ความยินดีนั้นกลับกลายเป็นความ
แปลกใจเมื่อ ไรด์ และ เอมิล เดินเข้ามาล็อคแขนเธอ แล้วพาถอยห่างออกจาก R2 สร้างความประหลาดใจ
ให้ทั้งกับ R2 และ ซาน

“ เดี๋ยวสิ นี่พวกเธอจะทำอะไรน่ะ ”
ซาน เริ่มโวยวาย เมื่อเห็นท่าทีแปลกของพวกเขา ซึ่ง R2 ก็มองด้วยสายตาที่อยากรู้เช่นกัน

“ แล้วพวกนายจะเอายังไงกับฉันล่ะ ”
R2 ถามเมื่อเห็นพวกเค้าทำท่าแปลกๆ

“ ก็ไม่ทำอะไรทั้งนั้นล่ะ ”
ไรด์ ตอบเสียงใส ทำเอา ซาน และ R2 งงเข้าไปอีก

“ ชั้นก็บอกไปแล้วนี่ว่าจะไม่ให้เธอทำร้าย เพื่อนของเรา แต่ไม่ได้บอกซักหน่อยว่า
จะขวางเธอน่ะ อยากทำอะไรก็เชิญ ”
เอมิล กล่าวจบ ซาน ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ แต่ริมฝีปากของ R2 กลับเหยียดยิ้มด้วยความขบขัน
เล็กน้อย

“ งั้นก็ขอบใจ.. ”
R2 กล่าวจบหอกของเธอที่ตกน้ำไปก็ลอยกลับขึ้นมา ก่อนเธอจะท่องคถา และเมื่อบริกรรมพิธี
ร่างของเธอ ก็พุ่งทะยานขึ้นไปเป็นแสง ที่รวดเร็ว มั่งขึ้นไปยัง Valhala ที่กำลังจะ ออกนอกชั้นบรรยากาศไปแล้ว

“ แปลกคนซะจริงเลยนะยัยนั่นน่ะ ทั้งที่ปากบอกว่าจะจับพวกเราเป็น ตัวประกันแต่สุดท้าย ดันเก็บเอา
เครื่อง Terminal ที่เราทำตกไปมาคืนให้เฉย แล้วก็บอกให้พวกเราทำตามใจ เนอะ ”
ไรด์ เปรยด้วยยิ้ม ใสๆที่ไม่เคร่งเครียดไปกับสถานการณ์

“ น..นี่มันยังไงกัน ”
ซาน กล่าวขณะที่มองหน้าทั้งสองคน เลิกลั่กไปมาด้วยความ งง งวย

“ ก็ไม่อะไรทั้งนั้นล่ะ ซาน นี่เธอยังคิดว่าตอนนี้พวกเราจะเปลี่ยนแปลงอะไร
ได้อีกงั้นเหรอ...นอกจากคอยดูผลที่จะเกิดต่อไปจากนี้ ”
เอมิล กล่าวเสียงเรียบ ทำให้เธอนิ่งไปซักครู่ แม้หลังจากขบคิดอยู่นาน แต่เธอก็ยังทำใจยอมรับ
ความเป็นจริงในตอนนี้ไม่ได้ตามนิสัยที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆของเธอ
“ แล้วสิ่งที่พวกคุณพ่อฝากฝังไว้กับพวกเราล่ะ ”
ซาน อ้างถึงอุดมการณ์ ของพวกเธอขึ้นมา แต่ เอมิล กลับส่ายหน้าเบาๆ

“ ซาน อุดมการณ์พวกเราน่ะ จบลงไปแล้ว พวกเราแพ้ตั้งแต่ที่ถูก โครโน่ หลอกใช้แล้ว ตอนนี้เรา
ได้แต่รอดูผลจะเกิดต่อไป ”
เอมิล กล่าวตัดกำลังใจของเธอ จนสิ้นในครั้งเดียว ซาน ที่รู้สึกหมดหวังจนถึงกับทำให้เธอทรุดตัวลง
โชคดี ที่ เอมิล กับ ไรด์ รับไว้ทัน ไม่งั้นเธอคงจมลงไปในทะเล ซาน ชะโงกหน้าดู
เงาตัวเองอยู่บนผิวน้ำที่ห่างไปจากใบหน้าของเธอไม่

มากนัก แต่สำหรับเธอในตอนนี้กลับรู้สึกว่ามันห่างออกไป ไกลแสนไกล
ตัวตนของเธอทำเพื่อสิ่งใดคำตอบที่ควรจะสะท้อนออกมาจากเงาของเธอ แต่มันกลับเรือนลาง

“ เฟนท์ ถ้าเป็นน้อง....จะทำยังไงนะตอนนี้น้องตั้งใจจะทำอะไรกัน ”
ซาน คิดก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ไปยัง ปราการ Valhala ที่ลอยตัวสูงไกลออกไปทุกทีๆ

............................
......................................


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #147 on: April 30, 2009, 03:08:34 PM »

“ Attack Ride Time Walk ”
สิ้นเสียง ไอ สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างรวดเร็วเหนือกาลเวลา ไปชั่วขณะ ในวินาทีนั้น
เฟนท์ ต้องรับเอาคมดาบของ เธอ ที่กระหน่ำฟันมานับร้อยครั้ง ในชั่วเสี้ยววินาที
 ก่อนที่เธอ จะตวัดดาบครั้งสุด กระแทกจนร่างของเค้า ปลิวกระเด็นไปกระแทกกับผนังทางเดิน

แต่ยังไม่ทันที่จะได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่กำลังจะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง หัวของเค้าก็ถูกมือของเธอจับ
 กระแทกเข้ากับผนังอีกครั้งแล้วครั้งเล่า จนจมลงไปในผนังนั้น เธอจึงปล่อยมือออก ถุงมือเหล็กของเธอนั้น

ฉีกขาดไปกับการเสียดสีทุกครั้งที่ต้องจับหัวของ เฟนท์ กระแทกซ้ำไปมาและการเหวี่ยงดาบ ที่จับไว้อย่าง
แนบแน่น จนตอนนี้มือของเธอแดงและระบบไปทั้งสองข้างแล้ว

ส่วนเฟนท์ ที่ตอนนี้ยังคงสลึมสะลือ อยู่จากการถูกจับกระแทกไปมา จนลืมความเจ็บจากแผลถูก
ดาบของเธอ บาดลึกลงไปใต้ชุดเกราะ

“ ไอ...เธอกำลัง...ถูกหลอก..อยู่นะ ”
เฟนท์ กล่าวเสียงตะกุกตะกัก ขณธที่ หน้ากากของเกราะ ส่วนหนึ่งแตกร้าวออกมา เผยใบหน้าของของเค้า
ที่บอบช้ำจาการปะทะกับเธอ ที่ริมฝีปากนั้นมีเลือดไหลซึมออกมาหน่อยๆ

“ ถูกหลอก..งั้นเหรอ..ใช่สิฉันน่ะถูกหลอกมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วทุกคนก็เป็นเหมือนกันหมด
เห็นฉันเป็นแค่เครื่องมือ ไม่สนเลยว่าฉันจะรู้สึกยังไง..แม้แต่เธอเอง..เฟนท์ แม้แต่เธอก็ยังหลอกลวง ”
ไอ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ อยู่ภายใต้หน้ากากของชุดเกราะอัศวินมังกรวารี

เฟนท์ ที่ได้ยินแบบนั้นก็พยายามจะยันตัวลุกขึ้นมาโดยเอา พลองช่วยค้ำเพื่อยกตัวขึ้น
ถึงกระนั้นเค้าก็ยังคงเซถลาไปมาอยู่ จากอาการมึน

“ ไม่ใช่นะ ไอ ชั้นน่ะ.. ”
“ ใช่สิ... ”
เฟนท์ พยายามจะแย้งแต่ก็ถูกเธอขัดขึ้นมาซะก่อน

“ ทั้งเธอทั้ง เรกกะ ทุกคนต่างก็หลอกลวงฉัน โกหก ฉัน ไม่มีใครสนใจความรู้
สึกของฉันเลย..ถ้าจะอยู่ต่อไปแบบนี้ล่ะก็สู้ลบมันให้หมดไปซะยังจะดีกว่า ”
ไอ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือราวกับจะร้องไห้

“ ไอ... ”
เฟนท์ เปรยถึงสีหน้าของเธอจะถูกหน้ากากบดบังเอาไว้ แต่การแสดงออกของเธอได้ทำให้เค้ารู้ว่า เธอกำลังสับสน
จากอดีตที่ผ่านมา

“ การที่ความทรงจำที่คิดว่าไม่เคยมีกลับคืนมา มันคงทำให้เธอสับสนมากเลยสินะ..
บางทีเรกกะ เองก็อาจจะเหมือนกัน ”
เฟนท์ คิดและเมื่อลองจินตการดูว่าหากเค้าเป็นเธอ ก็คงจะสับสนเช่นเดียวกัน

“ อย่างที่ เรกกะ บอกไว้ ตอนนี้โลก มันสับสนวิปริตไปหมดแล้ว ไม่ว่า ไอ พี่ หรือคนอื่นๆ
ต่างก็ถูกปั่นหัวไปจนหมด มีวิธีเดียวที่จะจบเรื่องนี้ได้ ”
เฟนท์ คิดขณะที่ กระชับ พลองไว้ด้วยสองมือ

“ โลกที่สับสนเกิดจาก ความพยายามที่คิดจะทำให้ โลกกลายเป็นสวรรค์ แต่มันกลับสร้างสรรค์นรกขึ้นมา
โลกที่จองจำผู้คนเหล่านี้ไว้ วิธีที่จะปลดปล่อยผู้คนไม่ให้ขังตัวเองไว้ในอดีตก็คือ.. ”
เรกกะ คิดขณะที่กำลัง ตรงไปตามทางเดินที่มืดสลัวนี้ จนมาหยุดอยู่ที่บานประตูขนาดใหญ่ ซุ่งอยู่สุดทาง

“ Dragoon Requiem ”
ความคิดของ เรกกะ และ เฟนท ์ ในตอนนี้ได้พ้องเข้าด้วยกัน เฟนท์ ตัดสินใจลบภาพของ ไอ ออกไปจากหัว
เพื่อจะสู้ตัดสินกับเธอ เพื่อให้แผนการดำเนินต่อไป ในขณะที่ เรกกะ ตัดสินใจและเลือกที่จะเผชิญหน้า กับ
โชคชะตา ของเค้า

“ ไอ...ที่เธอพูดมามันเห็นแก่ตัวเกินไป...เกินไปจริงๆนั่นแหละ ”
เฟนท์ ฝืนใจกล่าวเสียงแข็งออกมา พร้อมกับตีสีหน้า เย็นชาออกมาให้เธอเห็น และหลบซ่อนความรู้สึกของตนเอาไว้

“ ด้วยการตัดสินใจ นี้มันจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ชั้นจะทำได้เพื่อเธอ.. ”
เฟนท์คิด ขณะที่ ไอ ที่ได้ยิน คำพูดของเค้า ก็นิ่งชะงักไปเมื่ออยู่ๆท่าทีของเค้ากลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“ เห็นแก่ตัวงั้นเหรอ...พูดมาได้นะ..ทุกคนก็เห็นแก่ตัวเองกันทั้งนั้นล่ะ ถึงหลอกลวงย่ำยีหัวใจของคนอื่น ”
ไอ ตะหวาดก่อนจะควงดาบสองปลายขึ้นมากระชับไว้

“ เพราะงั้นก็เลยอยากจะลบมันทิ้งไปงั้นเหรอ...แบบนั้นน่ะ มันก็แค่หนีไปจากความจริงเท่านั้น ”
เฟนท์ กล่าวทำให้เธอ อึกอึงไปด้วยคำพูดของเขา

“ ถึงโชคชะตาจะเล่นตลกกับเธอ มามากมายแค่ไหน มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่ จะมาลบความ
ปราถนาของคนอื่นหรอกนะเธอเองก็มีเหมือนกันใช่ไหมล่ะความปรารถนาน่ะ ถึงได้พยายามที่จะ
มีชีวิตอยู่เรื่อยมา ”
เฟนท์ กล่าวจบ ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันอยู่สักพักก่อนจะพุ่งเข้าปะทะกัน

..........................
..................................
แอ๊ดดดดด  ครืนนนนน ปึง!~

เสียงครางที่ดังขึ้นจากการลากประตู บานยักษ์ทั้งสองที่ค่อยเปิดออก ที่อีกฟากของประตู เป็นห้องที่ส่องสว่าง
ด้วยแสงไฟจนกลายเป็นสีส้ม ทั้งห้องภายในนั้นโอโถง มุมของห้องและผนังทั้งหมด เว้าโค้ง จนทำให้ห้อง

มีลักษณะเป็นเหมือนข้างในทรงกลมของลูกบอล ขนาดใหญ่ ที่ใจกลาง มีเสาเครื่องจักรขนาดใหญ่ ที่
สายไฟของมันเชื่อมต่อระโยงระยาง ขึ้นไปบนเพดาน และที่บริเวณ ฐานเครื่องใกล้ๆกันนั้น

มีแกนแท่งโลหะ ทรงกระบอก
ซึ่งติดตั้ง God Send ทั้ง 12 เอาไว้เชื่อมติดกับพื้น โดยที่ มีสายไฟจาก เสาเครื่องจักรเชื่อมต่ไปที่มันด้วย

ระหว่างประตูนี้และประตูอีกฟากเชื่อกันไว้ด้วยสะพานทางเดินสีขาวไร้ราวกั้นที่ทอดยาวไป
ไกลจนถึงอีกฝั่ง เส้นทางนั้นไม่กว้างและก็ไม่แคบจนเกินไป รอบๆของห้องนั้นยังเต็มไปด้วย

จอภาพโฮโลแกรม ลอยค้างติ่งอยู่ในอากาศ ประปรายและบดบังผนังของห้องจนแทบมองไม่เห็น
บนจอภาพเหล่านั้น ฉายสภาพ จากทั่วทั้งเทอร่า ให้เค้าได้เห็นในเวลาเดียวกันทั้งหมด

“ ยินดีต้อนรับกลับมานะ พี่น้องของเรา...เรกกะ ไฮเดย์ ”
เสียงของโครโน่ ดังมาจาก กลางสะพานที่ทอดยาวนี้ เรกกะ ที่มองเห็นอีกฝ่ายอยู่ก็ไม่รีรอที่จะ
ฟังสุรเสียงใดของอีกฝ่ายต่อไป

“ Great of Dragon ”
สิ้นเสียง ลำแสงมังกรก็พุ่งออกจาก โล่ ออกมานับ สิบสาย ลำแสงทั้งหมดพุ่งตรงไปยัง โครโน่ ทว่าก่อนที่
จะเข้าถึงตัวของอีกฝ่าย

“ God Send ”  “ Gate of Valhal ”
สิ้นเสียงที่กังวานมาจาก เสาจักรกล สภาพของห้องก็เปลี่ยนไป กลายเป็น หุบเขาที่ มีคลื่นไฟฟ้า สถิตย์
อยู่ทั่ว สภาพที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนี้ สร้างความประหลาดใจให้ แก่ เรกกะ จนถึงกับต้องนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

“ อัศนีแห่ง ทอร์ เอ๋ยจงคำรามเพื่อข้า ”
สิ้นคำของ โครโน่ คลื่นไฟฟ้า รอบก็ผันเป็น สายฟ้า ก่อนจะพุ่ง มาสลายลำแสงมังกรจน หายไปหมดในคราเดียว
แล้วสภาพห้องก็ เปลี่ยนกลับมาดังเดิม


“ เมื่อกี้นี้มัน...อะไรกัน ”
เรกกะ คิดด้วยใจที่สับสนไปชั่วขณะ กับสิ่งที่พึ่งเกิดไป

“ นี่คือพลังของ God Send หัวใจแห่งหุบเขา Valhal อันเป็นที่สถิตของ เทพแห่งอัศนี ทอร์ (Thor) ยังไงล่ะ ”
โครโน่ กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ เรกกะ เริ่มแสดงออกมาอย่างเห็นชัดถึงความสงสัยของเขา

“ God Send ชิ้นนี้ถูกพิทักษ์ ในานมของ Brightte ซึ่งมีหน้าที่ปกปักษ์รักษาทางเข้าแห่งหุบเขา Valhal
สภาพที่เปลี่ยนไปเมื่อครู่คือพลังของ God Send ชิ้นนี้ที่จะสามารถเรียกใช้พลังจาก Valhal ได้ ”
โครโน่ อธิบาย จบเรกกะ ก็เข้าใจได้อย่างถ่องแท้แล้ว ว่าพลังของเค้าในตอนนี้ ไม่อาจเทียบเคียง
กับ โครโน่ ได้แม้แต่น้อย

“ นายเองก็คงจะรู้สินะ ชิ้นอื่นๆก็เหมือนกันต่างมีพลังที่จะควบคุมหรือเรียกใช้ พลังอันกล้าแข็งได้
พูดได้เลยว่า หากควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ ข้าก็ไม่ต่างไปจากพระเจ้า ”
โครโน่ กล่าวก่อนจะทยอยสำแดงอำนาจของ God Send แต่ละชิ้นขึ้นมา

“ God Send Sword of Adamas ”
สิ้นเสียง ก็ปรากฏดาบขนาดใหญ่ ลอยขึ้นอยู่เหนือพวกเขา

“ นี่คือ ดาบแห่งชัยชนะ อาดามาส ที่ปกป้องในนามของ  Bryna เมื่อมีพลังของสิ่งนี้ข้าคือผู้กุมชัยชนะต่อทุกสิ่ง ”
โครโน่ เปรยก่อนจะ ดีดนิ้วเคาะไม้เท้าของตน อีกทีอัญมณี ทั้งสี่รอบหัวไม้เท้าก็เริ่มหมุน
อีกครั้งก่อนจะหยุดและส่งเสียงออกมา

“ God Send World of Dream ”
สิ้นเสียง ดาบแห่งชัยชนะได้จางหายไป ก่อนที่สภาพของห้องจะเปลี่ยนอีกครั้ง คราวนี้
ห้องกลายเป็นมิติที่เวิ้งว้าง และมีประกายแสงที่ลอยละล่อง ออกมาเรื่อยๆคละคลุ้งไปทั่ว

“ นี่คือมิติแห่งความฝันที่ถูกพิทักษ์ โดยนามแห่งDaniella มิตินี้หากจินตนาการซึ่งสิ่งใดมันก็จะ
ปรากฏขึ้นมายกตัวอย่างเช่น ที่นี่กำลังมีฝนตกลงมา  ”
โครโน่ กล่าวจบน้ำฝนก็เริ่มโปรยปรายลงใน มิตินี้ทั้งที่ไม่มีเมฆ หรืออะไรเลยที่จะทำให้ฝนตกลงมาได้
หากแต่ฝนนั้นเมื่อต้องเนื้อถูกตัวกลับไม่เปียกหรือชื้นเลยแม้แต่น้อย

“ ถึงมันจะบันดาลสิ่งใดได้แต่ที่จริงมันก็แค่ความฝันเท่านั้น
แต่ด้วยพลังนี้ข้าจะควบคุมความฝันของผู้คนได้  ”
โครโน่ กล่าวจบก็เรียกใช้ God Send อันต่อไปทันที มิติได้จางหายไปและกลับมาเป็นห้องเดิม

“  God Send Genevieve Orb ”
สิ้นเสียงก็เกิดทรงกลมพลังงานใสขึ้นห่อล้อมตัวของ โครโน่ ไว้

“ นี่คือ God Send ที่ถูกพิทักษ์ ในนามแห่ง Geraldine มันคือลูกแก้วเจนนะวีฟ ซึ่งกลั่นตัวขึ้นมาจาก
กระแสแห่งชีวิต (Life Stream) ที่จะปกป้องผู้ครอบครองจากพิษภัย ความเจ็บป่วย ได้ทุกชนิด

ด้วยพลังนี้ข้าจะไม่มีวันทรมานด้วยพิษร้ายหรือโรคภัยใด ก็มิอาจกร้ำกรายข้า ความเป็นอมตะ
ของข้าจะไม่มีวันอยู่อย่างทุกข์ทรมาน เพราะโรคร้าย  ”

โครโน่ กล่าวจบก็ยกเลิกพลังนี้และเปลี่ยนไปใช้อันต่อไป


“ God Send Emblame of Unholy Gods ”
สิ้นเสียง ก็ปรากฏลายเส้นตราสัญลักษณ์ วาดขึ้นในอากาศ ก่อนที่ตราจะเปล่งแสง
ปีศาจ และ เทวทูต ได้ปรากฏขึ้น จาก ตรานั้น แต่ทั้งสองกลับเป็นดั่งหุ่นเชิด เพราะต่างไม่มี
ท่าทีของการมีความรู้สึกเลยแม้แต่น้อยนิด

“ นี่คือ ตราเทพมาร ซึ่งถูกปกป้องในนามแห่ง Grace ผู้ครอบครองมันจะสามารถอัญเชิญได้ทั้ง
เทพและปีศาจแลกกับอายุขัย ของตน แต่ข้าคือ อานิม่า ผู้เป็นอมตะ จึงไม่มีวันสูญเสียสิ่งใดเป็น
ข้อแลกเปลี่ยนทั้งนั้นด้วยอำนาจนี้ข้าจะอยู่เหนือสวรรค์และนรก ควบคุมได้ทั้งเทพและมาร ”

โครโน่ เปรยจบก็ เปลี่ยนไปยังอันต่อไป ทันที

“ God Send Flare of Soul ”
สิ้นเสียง สภาพห้องก็เปลี่ยนไปอีกครั้งคราวนี้ พวกเค้าได้เข้ามาใน ถ้าภูเขาไฟอันร้อนระอุ ที่
ประปรายไปด้วยดวงไฟ ซึ่งล่องลอยอยู่กลางอากาศ นับล้านๆดวง

“ นี่คือ God Send ที่ถูกพิทักษ์ โดย Brenda มันสามารถเรียกใช้พลังแห่งภูเขาไฟ Badia ดวงไฟเหล่านี้คือ
ดวงไฟแห่งชีวิต เมื่อดับลง 1 ดวงแปลว่าสิ่งมีชีวิตได้ตายลง1สิ่ง หากดวงไฟส่องสว่างขึ้น 1 ดวง แปลว่า

มีชีวิตเกิดขึ้นใหม่ 1 ชีวิต ด้วยพลังนี้ข้าควบคุมชีวิตของทุกสิ่งในเทอร่า และรังสรรค์เป็นจ้าวแห่งชีวิต
 แต่เสียดายที่ทั้งเจ้าและข้า เราต่างก็เป็น อานิม่า ที่สมบูรณ์ ดังนั้นไฟของข้าและของเจ้าจึงไม่อยู่ในที่นี้ด้วย ”

โครโน่ กล่าวจบ God Send ชิ้นถัดไปก็ทำงาน

“ God Send Mirror of Mandara ”
สิ้นเสียงสภาพของ ภูเขาไฟ Badia ได้จางหายไปกลับมาเป็นดังเดิม ก่อนจะปรากฏ
บานกระจกใส ขนาดใหญ่ขึ้นขวางกั้นระหว่างพวกเค้าทั้งสองไว้ และแม้จะ
มองทะลุผ่านกระจกเห็นอีกฝ่ายแล้ว บนกระจกยังมีภาพสะท้อนของพวกเค้าทั้งสองคนอยู่ด้วย

โดยภาพของ เรกกะ และ โครโน่ ที่สะท้อนออกมานั้น เป็นร่างของพวกเค้าสองร่างที่เหมือน
กันหากร่างหนึ่งนั้นดำมืด และมีสีหน้าที่เย็นชาต่างกับอีกร่างหนึ่งที่สว่างสดใสและมีใบหน้าที่อ่อนโยน

“ นี่คือ God Send ที่ถูกปกป้องโดย Maya กระจกแห่งสรวงสวรรค์ มีพลังในการสะท้อนภาพจิตใจ
ส่วนลึกของผู้ที่ส่องมันออกมา ด้วยอำนาจนี้ข้าจะมองทะลุซึ่งจิตใจของผู้คน ที่ภาพบนกระจกไม่สะท้อน
ด้านใดด้านหนึ่งของทั้งเจ้าและข้านั้นเพราะเราเป็น อานิม่า สิ่งที่อยู่สูงกว่าจิตใจของตน กระจกนี้จึงไม่อาจ
สะท้อนด้านใดของเราได้ หากแต่มีพลังนี้ข้าก็สามารถล่วงรู้ได้ถึง ความคิดของผู้อื่น ”

สิ้นคำของ โครโน่ God Send ชิ้นต่อไปก็สำแดงพลัง พร้อมกับที่ บานกระจกได้หายไป

“ God Send Circle of Time ”
สิ้นเสียง ก็ปรากฏ จักรกลซึ่งประกอบด้วงวงแหวนฟันเฟือง และส่งเสียงติ้กตอก ออกมาเหมือน นาฬิกา

“ คิดว่าเจ้าคงเคยเห็นมันมาแล้ว เพราะตอนที่ไปนำมันออกมาจาก มิติแห่งกาลเวลา กับทีมฮาร์ทไฟล์
เจ้าก็อยู่ด้วยนี่เนอะ ”
โครโน่ กล่าว ซึ่ง เรกกะ เอง ก็จำได้ถึงรูปลักษณ์ ของเครื่องนี้ เค้าเคยพบมันตอนที่ช่วย พวก ชารี่ ไปเก็บกู้มันมา
ตอนที่เค้าสูญเสียความทรงจำไป

“ คิดว่าเจ้าคงรู้ถึงพลังของมันมาบ้างแล้ว สิ่งนี้พิทักษ์อยู่ในนรามแห่ง Josslyn มันคือวงแหวนแห่งกาลเวลา
แต่อำนาจของมันไม่ใช่การควบคุมเวลาหรอกนะ หากแต่เป็นการล่วงรู้ซึ่งเวลา ทั้งในอดีตและอนาคต แน่นอน

พลังของมันก็เป็นดั่งความทรงจำให้แก่ผู้ครอบครอง เพราะเวลาทั้งหมดนั้น ข้าจะรับรู้มันได้ก่อนทุกคน
 เวลาของทุกสิ่งก็จะเป็นดั่งความทรงจำของข้าเท่านั้น ”

โครโน่ เปรย และแล้ว วงแหวนแห่งกาลเวลาก็หายไป ก่อนที่ ชิ้นต่อมาจะเริ่มทำงาน

“ God Send Cup of Bless ”
สิ้นเสียง เหยือจอกซึ่งรูปลักษณ์นั้นทพออกมาด้วยความประณีต และงดงาม ได้ปรากฎขึ้นต่อหน้าพวกเขา

“ นี่คือ จอกแห่งพระพรศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถูกปกป้องโดยนามแห่ง  Anita ด้วยอำนาจของสิ่งนี้ ข้าจะสามารถรักษา โรคภัยได้ทุกชนิด เมื่อรวมกับลูกแก้วเจนนะวีฟ อันก่อนแม้ข้าจะพลาดท่าถูกวางพิษ ข้าก็สามารถรักษาได้ สมดั่งปราถนา ”
โครโน่ กล่าวจบชิ้นถัดไก็ทำงานต่อ จอกได้หายไป

“ God Send The Forbidden Book ”
สิ้นเสียง หนังสือเล่มหนา ก็ปรากฏขึ้นในมือของโครโน่ เมื่อพลิกหน้ามันออกมา ก็ปรากฎ แสงที่ฉายออกมา
เป็นศัพท์ วิชาชั้นสูง ทั้งมนตราคาถา แผนที่เก็บสิ่งลับ หลักการใช้อาวุธชั้นสูง

“ นี่คือ หนังสือต้องห้าม ซึ่งปกป้องโดย Dahna สิ่งนี้ได้บันทึกสรรพวิชาชั้นสูง
 ทุกแขนงเอาไว้ทั้งหมด แน่นอนต่อให้เป็นข้าก็คงมิอาจเรียนรู้ได้ทั้งหมดแต่หากใช้คู่กับสิ่งนี้ล่ะก็ ”
โครโน่ กล่าวจบ ก็สั่งให้ ชิ้นต่อไปทำงานต่อทันที

“ God Send Hemelt of Absolute Knowledge ”
สิ้นเสียง ก็ปรากฏหมวก รูปทรงประหลาดซึ่งติดปีกนกเอาไว้ที่ปีกหมวกทั้งสองข้าง

“ สิ่งนี้คือ หมวกรู้แจ้ง ถูก พิทักษ์โดย Feodora มันคือของที่จะนำมาใช้คู่กับ ตำราต้องห้ามเล่มนี้อย่าง
ดีเลยทีเดียว เพราะหมวกนี้มีอำนาจที่จะทำให้ผู้สวม เรียนรู้ สรรพวิชาที่ตัวเองได้เห็นได้อย่างถ่องแท้ในครั้งเดียว”
โครโน่ กล่าวจบก็ ส่งของทั้งสองกลับไป ก่อนจะเดิน God Send ชิ้นสุดท้าย

“ God Send Gate of Hell ”
สิ้นเสียง สภาพห้องก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้มันกลายเป็นความมืดมิด ที่ว่างเปล่าไป

“ พลังของสิ่งนี่คือ ประตูไปสู่ยมโลก หากข้าต้องการทำลาย เทอร่า เพียงเปิดประตูนี้เหล่า
วิญญาณร้ายก็จะแห่กันขึ้นมาบนโลก และนำ เทอร่า เข้าสู้หายนะ
มันเป็นประตูที่ปกป้องในนามของ Cynthia เป็นอาวุธสุดท้ายที่ข้าจะใช้.. ”

โครโน่ เปรยจบ ห้องก็กลับคือสู่สภาพเดิม ก่อนที่เค้าจะยิ้มกระหยิ่มในชัยชนะที่แทบไม่ต้องลงแรงอะไรเลย หาก
ต้องสู้กับ เรกกะ ด้วยพลังที่เขามีในตอนนี้

« Last Edit: June 25, 2009, 10:56:53 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #148 on: April 30, 2009, 03:09:14 PM »

“ และสุดท้าย เมื่อรวมพลังของทั้ง 12 สิ่งเข้าด้วยกันกับการประสานเสียง
 ของ อิคดราซิล ลำแสงโอดีน ที่จะบันดาลและสลายทุกสิ่งได้ดั่งใจก็จะทำให้ข้าเป็นพระเจ้า
ถึงพวกอแกจะ ตัดส่วนของ เมอริเซ๊ย ลงไปจาก Valhala ได้แต่ลำแสงโอดินก็ยังยิงได้อยู่ดี เรกกะ
เจ้าไม่มีวันชนะข้าอย่างเด็ดขาด ”

โครโน่ ข่มหลังจากที่สำแดงอำนาจทั้งหมดออกมา ให้เป็นที่ประจักษ์ ทว่า ใบหน้าที่หวาดกลัวหรือยอมจำนน ที่เค้าต้องการเห็น กลับไม่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ เรกกะ

“ คิดจะปกครองผู้คนด้วยของแบบนั้นน่ะเหรอ...ความคิดเจ้าช่างไม่ต่างไปจากเด็กๆเลยนะ น้องของข้า ”
เรกกะ กล่าวพลางยกโล่ขึ้นกระชับไว้ เพื่อรับการบุก

“ คนที่ทำตัวเหมือนเด็กท่านพี่เองไม่ใช่เหรอ ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างผู้ใหญ่ซะจะดีกว่าไหม ”
โครโน่ กล่าวจบ ทั้งสองก็ปะทะกันโดยงัดเอาพลังทั้งหมดที่มีออกมาใช้
ทันทีที่ โครโน่ ปลดปล่อยพลังของ God  Send ทั้งหมดออกมา สภาพรบอห้องก็สลับผลัดเปลี่ยนกันไปมา
อย่างรวดเร็ว เพื่อใช้พลังของแต่ละชิ้น รวมทังอาวุธวิเศษ เครื่องป้องกันครอบจักรวาลต่างก็ถูกงัดออดมา

...................
..................................

“ นี่ มิมิ เราสองคนเนี่ยเหมือนคนนอกไงก็ไม่รู้เนอะ.. ”
โคเว็ท เปรยขึ้นอย่างเงียบๆขณะที่ นั่งแกว่งขาเล่นอยู่บนโต๊ะ ไปพลางๆโดยมี มิมิ
กำลังดูอัลบั้มรูปถ่ายที่พวกเธอถ่ายด้วยกันไว้ เมื่อก่อนนี้ ทั้งรูปรวมในห้องเรียน รูปตอนกิจกรรมต่างๆ

แม้แต่รูปตอนที่ เฟนท์ ไป เดทกับ ไอ ที่พวกเธอแอบไปตามถ่ายโดยไม่ได้บอก ทั้งสองคน หรือ
ตอนเตรียมงานโรงเรียน มี่ภาพนั้นได้สิ้นสุดลงเพียงแค่วันนั้น เพราะหลังจากนั้น เป็นวันที่พวกเค้าต้องพบ

กับความเปลี่ยนแปลงหลังจาก วันที่ ไอ เสียพ่อบุณธรรมไปพวก เฟนท์ ก็เปิดเผยตัวเป็น Valkyrier พร้อมกับที่
เรกกะ หายตัวไป และกลับมาอีกครั้งในฐานะ ของประธาน สหประชาคมโลก 

“ ไหงพูดแบบนั้น โคเว็ท.. ”
 มิมิ กล่าวเสียงทุ้ม ด้วยความสงสัย

“ ไม่อยากจะเชื่อเลยเนอะ ว่าตอนนี้เพื่อนของเรา กำลังสู้กับคนทั้งโลกอยู่น่ะ ”
โคเว็ท เปรย หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเธอแล้ว มิมิ ก็ถึงกับถอนหายใจ

“ เฮ้อ..ก็ทำไงได้ล่า พวกเราน่ะไม่ได้มีพลังอะไรแบบนั้นกันซักหน่อยนี่เนอะ ”
มิมิ บ่นอุบอิบ ขณะที่มองผ่านหน้าต่างซุ้มหลบภัยออกไป ด้านนอก
ท้องฟ้ายังคงมืดมัวไปเมฆหมอก และแสงที่วาบมากับเสียงระเบิดที่แว่วมาจากสนามรบ
ที่ห่างไกลออกไป

.........................
................................

“ แฮ่กๆ...ดูท่า...ฉฮ่ก..จะต้องตัดสินกัน...ในกระบวนนี้สินะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวไปหอบไปพลาง ก่อนจะจับดาบให้กระชับขึ้น

“ แต่ ฉันว่าคงไม่ต้องแล้วล่ะ ”
ฮายาเตะ กล่าวเสียงเรียบก่อนจะลดมือลง และ คืนกลับ Crisisor ของเธอสู่รูปเดิม
สร้างความประหลาดใจให้แก่ ลอว์เรนซ์ ไม่น้อย

“ นี่มันอะไรกัน ”
ลอว์เรนซ์ ถามด้วยความสงสัย ซึ่งเธอก็ยิ้มน้อยๆก่อนตอบ

“ ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะฉันชอบเธอขึ้นมาก็ได้มั้ง ”
ฮายาเตะ กล่าวหยอกเล่นๆขึ้นมาทำเอา ลอว์เรนซ์ ถึงกับเสียหลักไม่เป็นท่า

“ ล้อเล่นหรอกน่า...แผนของฉันสำเร็จด้วยดีแล้ว การแสดงนี่ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ”
ฮายาเตะ กล่าวแก้ก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียง กลับมาเหมือนเดิม ทำให้ ลอว์เรนซ์ สงสัยใน
ความหมายของสิ่งที่เธอพูด

“ ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นหรอกน่าฉันไม่ได้ซ่อนอะไรไว้ทั้งนั้นล่ะ แต่กับเขาล่ะก็ไม่แน่... ”
ฮายาเตะ เปรยออกมาพร้อมกับ รอยยิ้มที่มุมปากของเธอ

“ เขา....งั้นเหรอ.. ”
ลอว์เรนซ์ ถามขึ้นโดยที่ ไม่ระวางต่อท่าทีของเธอยังคงเตรียมจับอาวุธเพื่อสู้อยู่

“ ใช่เพราะถ้า เขา จะต้องนำมันออกมาแสดงจนครบหมดเพื่อข่ามขู่เป็นแน่ เพราะอย่างนั้นล่ะ
 แผนของฉันถึงได้สำเร็จแล้วยังไง ”
ฮายาเตะ กล่าวพลางจ้องมาที่เค้า ด้วยสายตาที่ไม่มีอะไรแอบแฝงไว้ เพื่อจะให้ เค้าเชื่อ

“ ถึงจะไกลไปหน่อยสำหรับตอนนี้ แต่ยังไงก็ต้องกลับขึ้นไปก่อนล่ะ ” “ Sorrow Book ”
สิ้นคำ หนังสือของเธอก็ส่งเสียงขึ้นมา ก่อนมันจะเปลี่ยนรูปเป็น หอกของ เอมิล

“ ไปก่อนล่ะโชคดีนะ ”
ฮายาเตะ กล่าวจบก็ยกหอกตั้งหัวขึ้นก่อนจะรวมประจุอนุภาคไปที่หัวหอก และอาศัยแรง
พุ่งของหอกลากตัวเธอขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อตรงไปยัง Valhala

“ ไหงมาทิ้งกันเฉยๆงี้ล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ บ่นทว่าในใจลึกๆแล้วเค้าก็รู้สึกโล่งอยู่เหมือนกัน แต่พอมาคิดทบทวนอีกที
หากนั่นเป็นข้ออ้างของเธอ เพื่อขึ้นไปช่วย โครโน่ ทาง เรกกะ ก็คงลำบากพอกัน แต่ด้านล่างของเขาตอนนี้
 เหล่า ทาลิวิลย่าทั้ง 12 เองก็เริ่มต้าน พวก ทาราสควีย์ กับ นิลคาบาลนอร์ เอาไว้ไม้อยู่แล้ว จึงตัดสินใจลง
ไปช่วยแทน
...................
.........................


“ อ็าคคคคค ”
เสียงร้องของ เรกกะ ดังก้องไปทั่วห้องหัวใจแห่ง โอดิน ที่กำลัง แปรปรวนด้วยพลังจาก God Send ทั้ง 12
เรกกะ ที่ไม่อาจสู้พลังของ โครโน่ ที่ได้รับการหนุนด้วย God Send ได้ จึงเป็นฝ่ายถูกรุกไล่ จนในที่สุดก็ถูก

ดาบแห่งชัยชนะ Sword of Adamas  เสียบทะลุอกไป ติดเข้ากับผนังห้อง ในที่สุด โดยที่โครโน่ ไม่ได้เป็น
ผู้จับดาบเข้าไปแทงเองหากแต่ดาบนั้นถูกควบคุมให้ ลอยไปสู้กับเขาเท่านั้น

“ ที่จริงไม่เห็นจะต้องฝืนเลยนี่ ยังไงซะเราก็เป็น อานิม่า ทั้งคู่อยู่แล้วไม่มีวันตาย แต่ก็ไม่ได้ หายทรมาน
แล้วท่านพี่เล่าจะ สู้ต่อไปทำไมลืมความบาดหมางในอดีต แล้วมาร่วมมือกันซะดีกว่าไหม ”
โครโน่ กล่าวขณะที่ ค่อยบีบมือเข้าหากัน เพื่อ เป็นการ กดให้ดาบแทงลึกลงไป
กระตุ้นความเจ็บปวดให้ เรกกะ ตัดสินใจออกมาโดยไว

“ อึก...แบบนั้นน่ะไม่มีวันซะล่ะ...อัก ”
เรกกะ ที่ตอบกลับไปนั้นทำให้ โครโน่ หงุดหงิดจนออกแรงบังคับให้ ดาบกดลึกลงไปอีก
จนเรกกะ คืนร่างกลับจากการ เป็น ทาลิวิลย่า ก่อนจะร้องโหยหวนอย่างทรมาน ส่วน แมกกี้ ที่หลุด
จาการรวมร่างก็หล่นลงมานอนสลบกับพื้นห้อง


“ เลิกถือถิฐิ แล้วยอมซะไม่ดีกว่าเหรอ เพื่อท่าน เซน่า ด้วยไง ท่านพี่จะได้ อยู่กับ ท่านเซน่า แล้วก็ปกครอง
เทอร่า ไปพร้อมกับพวกเรา แบบนั้นก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ทั้งความตั้งใจขององค์กรก็สัมฤทธ์ผล ท่านเซน่า กับ
 ท่านพี่ ก็ได้อยู่ด้วยกันสมปรารถนา กันทั้งสองฝ่าย แบบนั้นน่ะไม่ดีหรอกเหรอ  ”

โครโน่ กล่าวยื่นข้อเสนอ ที่คิดว่า เรกกะ ยากจะปฏิเสธเขาได้ขึ้นมา นั่นได้ทำให้ เรกกะ ต้องกัดฟันด้วย
สีหน้าที่เคียดแค้น

“ อย่ามาทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย...เจ้ามันก็เห็นคนอื่น..เป็นแค่เครื่องมือ..อย่างเจ้าทำให้
ความปรารถนาของใครเป็นจริงไม่ได้ทั้งนั้น โลกที่เจ้าจะสร้างมันก็เป็นเพียงแค่..คำหลอกลวง

ถ้าตัวเจ้าจะปกครองด้วยอำนาจนั้นก็ไม่ต่างไปจากเจ้าถูกอำนาจของเจ้าปกครองไปด้วย เป็นเพียง
แค่เครื่องมือของพระเจ้าเท่านั้น ไม่มีทางเป็นพระเจ้าได้ และไม่มีทางสร้างอะไรขึ้นมาได้ทั้งนั้นแม้แต่จะทำลายก็ยังไม่ได้...อ็าคคค ”

เรกกะ กล่าว คำพูดของเค้าได้ทำให้ ความอดทนที่ โครโน่ มีหมดไปคมดาบได้ฝังลึกลงไปจนมิดด้าม
จน เรกกะ กระอักออกมา เป็นสายเลือด ทั้งความทรมาน ความ เจ็บปวดที่เป็นอยู่ตอนนี้ น่าจะเกินขีดจำกัดที่ทำให้

มนุษย์ตายได้อย่างง่ายๆไปแล้ว แต่ด้วยความ เป็น อานิม่า เค้าจึงไม่อาจตาย ได้แต่รับเอาความทรมาน
และความเจ็บปวดที่สะสมเพิ่มเข้ามา

“ สร้างไม่ได้ ทำลายไม่ได้ งั้นเหรอตอนนี้ข้ามีพลังของ God Send อยู่ในกำมือแล้ว
ข้ามีพลังที่จะลิขิตทุกสิ่ง ข้าเป็นพระเจ้า ที่บันดาลสิ่งใดทำลายสิ่งใดก็ได้ เจ้ายังคิดว่าจะมีสิ่งใด
ที่ข้าทำลายไม่ได้แล้ว สร้างไม่ได้อีกล่ะ ”

โครโน่ ย้อนถามกลับไปเพื่อที่จะต้อนให้ เรกกะ จนมุมในที่สุด ทว่า สิ่งที่ ออกจาก ปากของ เรกกะ นั้น
คือคำตอบที่เค้า ไม่อาจคาดถึง

“ สิ่งนั้น...อึก..คือ..ความปรารถนา...ยังไง...ล่ะ... ”
เรกกะ กล่าวด้วยน้ำเสียง ตะกุกตะกัก ขณะที่เอื้อมมือ ลงมาจับที่ด้ามดาบ


“ ความปราถ..นา...งั้นเหรอ ”
โครโน่ เปรยขณะที่ทบทวนในคำพูดของ เรกกะ ด้วยความสงสัย

“ ใช่แล้ว..ความปรารถนา ถึงเจ้าจะลิขิต ชีวิต ลิขิตชะตา ของใครได้ตามใจเจ้า แต่เจ้าไม่อาจ
ลิขิตความปรารถนาของ ผู้คนได้ ”
เรกกะ กล่าวก่อนจะกัดฟันทนต่อความเจ็บปวดขณะที่ดึงดาบออกจาก ร่าง


“ เหลวไหลน่ะ...ความปรารถนางั้นเหรอ...นั่นมันก็แค่กิเลสของ มนุษย์ เท่านั้นโลกที่ข้าจะ
สร้างขึ้นมา มันจะไม่มี
ซึ่งกิเลส ที่เห็นแก่ตัวของ มนุษย์ ความปรารถนา อะไรนั่น ข้าจะทำลายมันเอง ”

โครโน่  ตะหวาดด้วยเสียง อันดัง ขณธที่ เรกกะ ดึงดาบออก มาได้สำเร็จ ก่อนจะ กระโดลงมา
 ที่สะพาน แล้วปักดาบลงไปกับพื้น

“ ความปรารถนา ไม่ใช่กิเลส แต่เป็นความหวัง ที่จะนำพามนุษย์ก้าวไปข้างหน้า..นั่นคือสิ่งที่มนุษย์
มีเพื่ออยู่ต่อไป  ”
เรกกะ กล่าวขณะที่ บาดแผลได้จางหายไปและฟื้นคืนสภาพด้วยพลังของ อานิม่า

“ แล้วไม่ใช่เพราะ ความปรารถนาพวกนั้นหรือไง มนุษย์ ถึงได้ทำสงครามถึงได้
สร้างความขัดแย้ง วิธีที่จะจบมันก็คือการทำลาย ความปรารถนา ไม่ใช่หรือยังไง ”

โครโน่ พยายามจะแย้งกลับไป เมื่อตอนนี้ อุดมการณ์อันหนักแน่นของเค้าเริ่ม จะสั่นคลอน
ซึ่งในจุดนี้ เรกกะ รู้ดีว่า โครโน่ จะถือเอา อุดมการณ์ของตนเป็นจุดยืนก่อนเสมอ
ดังนั้นหากทำให้มันสั่นคลอนได้เพียงน้อย ไม่นานมันก็จะพังทลายลงมา และเมื่อนั้นชัยชนะจะเป็นของเขา

“ นั่นมันเป็นมุมมองของ อานิม่า ที่ได้แต่เฝ้ามองเวลาของมนุษย์ที่ผ่านไปเพียงช่วงสั้นๆเท่านั้น
แต่เพราะมนุษย์มีเวลาและชีวิตที่จำกัด พวกเค้าถึงขวนขวาน และ ปรารถนาที่จะไปยังอนาคต
ชั้นที่ เคยได้ลองเป็น มนุษย์มาแล้ว ย่อมเข้าใจดี ถึงสิ่งที่เรียกว่าความใฝ่ฝัน ”

เรกกะ กล่าวซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ตัวเค้าค้นพบระหว่างที่ ความทรงจำตอนเป็น อานิม่า
ยังไม่กลับฟื้นคืน ตัวเค้าจึงได้ใช้ชีวิต และ รับรู้และเข้าใจ ในตัวของ มนุษย์

“ ความใฝ่ฝันงั้นเหรอ มันก็แค่เรื่องเพ้อฝัน ที่มนุษย์สร้างขึ้น สุดท้ายแล้วมันก็จะนำมาแต่ความสิ้นหวัง
เมื่อไม่อาจทำให้สำเร็จได้ แล้วมนุษย์ก็จะดำดิ่งลงสู่ความมืด พวกเราถึงต้องขึ้นเป็นผู้นำ เพื่อนำเหล่ามนุษย์
ออกมาสู่แสงสว่าง..ห๊ะ..นี่ข้า.. ”

โครโน่ พยายามจะเอา อุดมการณ์ และ ทฤษฎีของตน ขึ้นมาอ้างต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ตัวว่า
สิ่งที่เขาพูดมานั้นเริ่มที่จะบรรจบกับ หลักการของ เรกกะ ทีละน้อยๆ เรกกะ ที่เห็น แบบนั้นก็
ยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นว่า โครโน่ เริ่มจะแสดงถึงจุดยืนของตัวเองออกมาให้เด่นชัด

“ หึ..โครโน่ โลกที่ เจ้า ปรารถนา น่ะมันก็ไม่ได้ต่างไปจากที่ พี่คิดหรอก..เพียงแต่
เจ้าถูกอำนาจของ God Send ครอบงำ จนหลงเดินผิดทางก็เท่านั้น ”
เรกกะ กล่าวขณะที่พยายามจะเข้าใกล้ โครโน่ ที่เริ่มสับสนในความคิดของตัวเองขึ้นมา

............

“ ทุกคนต่างก็มีความฝันมีความปรารถนา และต้องการจะไปให้ถึงจุดนั้นเหมือนกัน จึงมีการปฏิวัติเรื่อยมา ”
เฟนท์ กล่าวขณะที่ ประพลองกับคมดาบของ ไอ ที่ฟาดลงมา ก่อนจะ งัดขึ้นจน ไอ เสียหลัก
แล้วจึงถอยห่างออกจาก ไอ
........

“ แต่เพราะผู้คนกับ โลกนี้ไม่เป็นอย่างที่เราต้องการจะให้เป็น ”
เรกกะ กล่าวขึ้นเพื่อที่จะให้ โครโน่ ยอมรับถึงความตั้งใจของตนเอง
................

“ เพราะงั้น เธอถึงอยากจะสร้างมันขึ้นมางั้นเหรอ..แต่ว่า ”
ไอ ที่ตั้งหลักได้กล่าวก่อนจะ คว้าเอาอัญมณี ออกมาจากกล่องเก็บ
...............

“ พอ..พอได้แล้วข้าไม่อยากจะฟังอะไรจากเจ้าอีกต่อไปแล้ว อ็าคคคค ออกไป..ออกไปให้ห่างจากข้า ”
โครโน่ กล่าวก่อนจะกุมขมับและเริ่มมีอาการเสียสติ การควบคุม God Send จึงเริ่ม สะเปะสะปะ
ทำให้ทั้งห้องเกิดความโกลาหล ไปหมด เรกกะ ที่พยายามจะเข้าไปหา โครโน่ กลับถูก
คลื่นความแปรปรวนของพลังที่ควบคุมไม่อยู่นี้เล่นงานเอา

“ ชิ..แย่ล่ะสิ สับสนจนเสียสติเลยควบคุม God Send เอาไว้ไม่อยู่แล้วงั้นเหรอ ”
เรกกะ สบถ ขณะนั้นเอง ก็มีสายฟ้าฟาดลงมาที่ ปลายสะพานอีกด้าน จนตอนนี้ทำให้สะพานเอียงถล่มลง
จนพวกเค้าทั้งสอง เซถลาลงไปกับแรงเหี่ยวของสะพาน ไม้เท้าของ โครโน่ จึงได้หลุดมือ ออกไปในตอนนี้ด้วย

“ ครืนนนนนนนนนนน ”
เสียงคำรามที่ดังกึกก้องขึ้นมาจาก คลื่นพลังที่แปรปรวนซึ่งกำลังจะไปรวมกันที่กลางห้อง
กังวานขึ้นก่อนจะเกิด กระแสลมพัดผวนไปทั่ว จนเรกกะ และ โครโน่ ปลิวไปกระแทก กับผนัง

ห้อง ในตอนนี้กลุ่มพลังงานได้ก่อรูปขึ้นกลายเป็น ทูตสวรรค์ ขนาดกายใหญ่โต สวมหมวกเขาสัตว์
ดวงตาซ้าย นั้นปิดสนิท องค์ทรงถือดาบขนาดใหญ่ไว้ในพระหัตถ์  ครั้นเมื่อ ทรงผายพระหัตถ์
ก็เกิดลมกรรโชก พัดไปทั่วทั้งห้อง 

“ น..นี่มัน..โอดิน(Odin) ”
เรกกะ เผยอด้วยความตกตะลึง เมื่อตอนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเค้าคือ เทพแห่งนอร์ท โอดิน



“ เป็นเพราะ หลุดการควบคุมก็เลยกลายเป็นอัญเชิญ เทพ โอดิน ลงมาแทนงั้นเหรอ..แต่ทำไมกัน... ”
เรกกะ สบถขณะที่พยายามจะลุกขึ้นสายตาก็สอดส่องหาตัว แมกกี้ เพื่อจะรวมร่างเป็น ทาลิวิลย่า ทว่า แมกกี้ก็
 อยู่ไกลเกินไป ที่ใกล้ที่สุด ตอนนี้ ก็คือ แกนพลังงานของห้องที่ ติดตั้ง God Send ทั้ง 12 ชิ้นไว้กับ Terminal Crisis

อีกเครื่องหนึ่งที่ วางอยู่บน เครื่องนั้น

“ จริงสิ ถ้าเอา God Send  ออกจากเครื่องได้ล่ะก็ ”
เรกกะ คิดก่อนจะเอื้อมมือไปจับ God Send ทว่าทันทีที่ แตะถูก
ร่างของเค้าก็ร้อนวูบขึ้นมาจนต้องปล่อยมือ ออกทันที

“ ครืนนนนนนน ”
โอดิน คำรามก้องขึ้นมาอีกครั้งก่อน สายฟ้า จะฟาดลงมาทั่วห้องอย่างบ้าคลั่ง

“ ท่านพี่ เรกกะ เอา Terminal Crisis บนแกนหลักออกมาใช้สิคะ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น มาจาก ฝั่งประตู ที่เค้าเข้ามา เมื่อมองขึ้นไปปรากฏว่า ฮายาเตะ นั่นเอง ที่ตะโกนลงมา
วินาที นี้เค้าไม่คิดจะระแวงอะไรอีกแล้ว มือของเค้าทุบลงไปที่กระเปราะแก้ว ซึ่งครอบ เครื่อง Terminal Crisis
เอาไว้บนแกนพลังงาน  ก่อนจะหยิบมันออกมา

“ Code Number คือ Faiz ”
ฮายาเตะ ตะโกน ขณะที่ เธอเดินฝ่าลมลงมาตามสะพานที่ถล่มทอดลงมาด้านล่าง เพื่อไปหา โครโน่
ด้าน เรกกะ ที่ได้รหัสสำหรับเดินเครื่องมาแล้ว ก็กดหมายเลข 5 บนเครื่อง 3 ครั้งทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

“ นี่ทำไมถึงไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะ ”
เรกกะ หันไปถาม ฮายาเตะ ขณะที่ต้องเอี้ยบตัวหลบ สายฟ้าที่ฟาดลงมานี้ด้วย

“ ไม่จริงน่า..ก็ Terminal เครื่องนั้น เป็น ของ พี่ เรกกะ นี่ แล้วทำไม....หวา ”
ฮายาเตะ เปรยด้วยความแปลกใจที่อะไรๆก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ขณะที่พยุงร่างของ โครโน่ ออกมาเพื่อ สายฟ้า
ที่กระหน่ำลงมาอย่างบ้าคลั่งนี้
............
......................

« Last Edit: April 30, 2009, 03:50:08 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #149 on: April 30, 2009, 03:09:38 PM »

“ อึกทำไมถึงได้แเก่งแบบนี้...ไอ นี่เธอเก่งขนาดนี้เลยงั้นเหรอ...นี่เป็นพลังของเธอหรือพลังจากการทดลองกันแน่ ”
เฟนท์ คิดขณะที่รับการโจมตีสองชั้นของ ไอ เอาไว้แม้จะไม่พลาดท่าแต่
การโจมตีนั้น ก็หนักหน่วงเสียจนเค้าเองเกือบทานเอาไว้ไม่อยู่

“ ไม่ยอมแพ้หรอกน่า..เอ๋ เดี๋ยวนี่ฉันมาคิดเรื่องแพ้ชนะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..ไม่สินี่ไม่ใช่
เวลามาคิดนะจะให้ เฟนท์ ชนะไม่ได้ ถ้าเค้าชนะ สิ่งที่คุณพ่อพยายามทำมา.. ”
ไอ คิดก่อนจะตัดใจ คว้าเอาอัญมณี สีแดงออกมาจากกระเป๋าเก็บด้านข้างเข็มขัด
ก่อนจะบรรจุ มันลงไป

“ Final Attack Ride   Golden Crusher !!!! ”
สิ้นเสียง ดาบปลายสองคมก็เปล่งแสงวาบขึ้น พร้อมๆกับที่ มวลพลังงานของ เฟนท์ รวมไว้เสร็จพอดี

“ Geo… ” 
เฟนท์ กล่าวได้ยังไม่ทันจบ ไอ ก็กระแทกตัวเข้ามาจนเค้ากระเด็นออกไปจาก ช่องทางเดิน ออกมาด้านนอกยาน
และกำลังถูกแรงดึงดูด ดึงลงไปข้าล่างเนื่องจากอยู่สูงเกินกว่าที่ทั้งสองจะลอยตัวได้

“ ..Javalin... ”
เฟนท์ กล่าวต่อโดยฝืนความจุกจากการถูกกระแทกออกมา

“ แย่ล่ะถ้าตำแหน่งนี้ล่ะก็..ท่าของเราปล่อยได้เร็วกว่า เฟนท์ อยู่แล้วแต่ถ้าใช้ตรงนี้ล่ะก็ เฟนท์ อาจจะ... ”
ไอ คิดขณะที่ลังเลอยู่นั้น ความลังเลของเธอก็ส่งผ่านออกมาทางสายตาโดยที่ไม่รู้ตัว
เฟนท์ ที่เห็นว่าเธอ ยังลังเล อยู่จึงพยายาามยื้อ การยิงของเค้าไว้ก่อนจะมจ้องมองไปที่เธอ

“ เป็นอะไรไปล่ะ..ยิงมาเลยสิ..เธอตัดสินใจแล้วไม่ใช่เหรอ...เธอเลือกอุดมการณ์
มาก่อนหัวใจตั้งแต่แรกแล้วนี่..ก็แค่อ้างเรื่องความรู้สึกแต่ที่จริงเธอทำเพื่อใครซักคนใช่ไหมล่ะ ”
คำพูดดังแว่วขึ้นมาในหัวเมื่อเธอได้เห็นสายตาของ เฟนท์ ที่จ้องมาที่ เธอขณะที่ พวกเขากำลัง
ร่วงหล่นลงไป หัวหันทิศลงเบื้องล่างเรื่อยๆ จนพวกเค้าทั้งสองใกล้กันจนสบตากันได้

“ สายตาของ เฟนท์ กำลังบอกอะไรเราอยู่ เค้ารู้อยู่ก่อนแล้ว...ถึงหัวใจของเรา ”
ไอ คิดขณะที่ กำดาบในมือแน่น จนเหงื่ออาบชุ่มมือที่แดงและระบบนั้น

“ ถ้าเธอทำเพื่อสิ่งนั้นล่ะก็...ยิงมาเลย ชั้นจะรับเอาความรู้สึกนั้นไว้เอง...ไอ ”
สายตาของ เฟนท์ บอกเช่นนั้น ในที่สุดเธอก็เผยอ ออกมาโดยไม่รู้ตัว


“ …Strike… ”
สิ้นคำคมดาบทั้งสองปลายก็ขยายออกจน กลายเป็นคมดาบแสงสีทองที่มีขนาดใหญ่
ก่อนที่เธอจะยกมันขึ้นแนบกับตัว เฟนท์ ที่เห็นว่าเธอตัดสินใจได้แล้ว ก็ยิ้มส่งให้เธอเป็น
ครั้งสุดท้าย ก่อนจะยกมวลพลังงานขึ้นมา

“ ....Hyper!!!! ”
สิ้นเสียง หอกลำแสงขนาดยักษ์ก็พุ่งออกมา แรงสะท้อนของการยิงส่งผลให้ร่างของ เฟนท์ กระเด็นถอยออกมา
ในขณะที่ ไอ ก็เหวี่ยง ดาบออกไปดาบสองปลายได้หมุนควงออกไปเป็นวงจักร พัดผ่าหอกลำแสงของ

เฟนท์ ไล่ไปเรื่อยจนเกือบจะถึงตัวของ เฟนท์ ทว่ามันกลับหยุดลงเนื่องด้วยพลังงานนั้น
ใช้ไปกับการต้านลำแสงแล้ว แต่ ไอ ที่ออกแรงพุ่งตัวลงมารับดาบของเธอก่อนจะ เสียบมันเข้าไป
ที่อกของ เฟนท์ จนมิดด้าม

“ เธอ...ทำสำเร็จ..แล้วนะ..ไอ... ”
เฟนท์ กล่าวขณะที่เอามือ ขึ้นมาจับมือของ ไอ แยกออกจากด้ามดาบ ขณะที่ เลือดไหลออกมาจาก ปากเรื่อยๆนั้น

“ เฟนท์ ...นี่หรือว่าเธอ.... ”
ไอ เปรยเมื่อได้รู้ถึงความตั้งใจแต่แรกของ เฟนท์ แล้วในตอนนี้ก่อนที่เธอจะถูก ปล่อยมือ ให้ปลิวออกห่างไปจากเค้า

“ ลาก่อน...ไอ..เธอ คือคนที่ชั้นรักที่สุด...ตลอดมาและตลอดไป ”
เสียงอันแผ่วเบาของ เฟนท์ ที่ดังก่อนจะแผ่วไปตามระยะทางที่ออกห่างจากเขามากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนที่ ร่างของ เฟนท์ จะกระแทกเข้ากับ ผนังของยานอนุภาครอบๆตัวที่ถูกกระตุ้นจากสะเก็ดไฟ

ที่เกิดจากการเสียดสี ทำให้เกิดระเบิดขึ้น ก่อนที่จะมีเพียง คมดาบของ
ไอ เท่านั้นที่ กระเด็นปลิวออกมา

“ เฟนท์!!!!!.... ”
ไอ ตะโกนสุดเสียง ขณธที่พยายามจะเอื้อมมือไปให้ถึงทั้งที่รู้อยู่ ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว
เธอได้เข้าใจถึงสิ่งที่เรียกว่า รัก ในตอนที่เธอได้เสียมันไปแล้ว ในตอนนี้

ขณะที่ร่างของ เธอ ค่อยๆร่วงหล่นลงมา คนที่มารับเธอไว้ ก็คือ ลอว์เรนซ์ ที่บินสวนขึ้นมา

“ เฟนท์ ... ”
ไอ ครวญทั้งน้ำตาด้วยเสียงสุดท้ายที่เธอจะเปล่งออกมาไหว ก่อนจะหมดสติไป

“ หลับให้สบายเถอะนะ แต่อย่าตยซะล่ะเพื่อชีวิตคนที่สำคัญของเธอที่เค้าขอมมอบให้ ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขณะที่มองลงไปด้านล่างนั้น มังกร ทาราสควีย์ และนิลคาบาลนอร์
ต่างถูกจัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ กองทัพของสหพันบุกโลกเข้าควบคุมตัว

Valkyrier ทั้งหมดที่อยู่ด้านล่างซึ่งมีเพียว กลุ่มของ ชารี่ และ หลีเมย่ เท่านั้น
ส่วน ซาน  เอมิล และ ไรด์ ยืนดูการตัดสินสุดท้ายของศึกนี้อยู่บริเวณ
หน้าผาของเกาะร้างใกล้ๆแห่งหนึ่ง ส่วนอัศวินทาลิวิลย่า ทั้ง 12 นั้นค่อยๆจางหายไปเพราะ
พลังที่มีนั้นถูกใช้จนหมดสิ้นแล้ว

“ เหลือแต่ข้างบนนั่นสินะ...เรกกะ ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขณะที่ ทอดสายตามองขึ้นไปด้านบนที่ตอนนี้ Valhala ลอยขึ้นไปสูงจนเห็นเป็นเพียงจุดเล็กๆ
เท่านั้น

......................

“ เอ๋ นี่มันอะไรกันน่ะ ”
ซาน เปรยขึ้นเมื่อเห็นว่า เครื่อง Terminal ที่เธอปลดออกมาถือไว้นั้น กำลังทำงานด้วยตัวเอง

“ บนหน้าจอมีอะไรเขียนไว้ด้วยน่ะ ”
ไรด์ เอ่ย ขณะที่ชี้ไปทีเครื่องของเค้าที่เป็น เช่นเดียวกับ ซาน

“ บางทีนี่อาจเป็นระบบ ที่องค์กรทิ้งเอาไว้เพื่อกรณี ที่แผนการณ์เปลี่ยนไปก็ได้นะ ”
เอมิล กล่าวขณะที่ยกเครื่องของเค้าขึ้นมา ซึ่งมันก็เป็นแบบเดียวกัน
 ไม่เพียงแต่พวกเขา  ด้านพวกชารี่ เองก็ เริ่มทำงานแบบเดียวกัน
บนหน้าจอ เครื่องนั้น มีเพียงตัวเลข 5 เขียนเอาไว้สามตัวเท่านั้น

ที่จริงแล้วตอนนี้ เครื่อง Terminal ทั้งหมด กำลัทำงานขึ้นพร้อมกันทั้ง 12 เครื่อง
เครื่องของ ราฟ ที่ถูกทิ้งไว้ที่สนามรบของ เกาะหลักศิลา ก็เริ่มทำงานเช่นกัน
แม้แต่เคครื่อง ของ เฟนท์ ที่เหลือรอดมาจากการระเบิด ก็ด้วย

......

“ นี่มัน... ”
ฮายาเตะ เปรยก่อนที่ ชุดเกราะและ Crisisor ของ เธอจะกลับคืนเป็นเครื่อง Terminal และเริ่มทำงาน
แบบเดียวกับ เครื่องอื่นๆ อีก 11 เครื่องที่ยังอยู่ข้างล่าง

“ นี่หรือว่า เจ้าเครื่องนี่มัน ”
เรกกะ กล่าวขณธที่แสดง เครื่องที่เค้าถืออยู่ในมือมันกำลัง ทำงานเช่นเดียวกัน

“ ถึงเหล่า Valkyrier ทั้งหมดของ Empyrean Adjust ”
เสียงดังขึ้นจากเครื่อง ทั้ง 13 เครื่องพร้อมกัน

“ นี่มันเสียงของ อิสฮาน นี่ ”
เจ้าของที่อยู่กับเครื่องทุกคนเปรยขึ้นพร้อมกัน

“ เมื่อใดที่ระบบนี้ทำงานขึ้นนั่นแปลว่า เทอร่า ไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ด้วย การแทรกแซงของเรา
แต่การจะตัดใจยอมแพ้เลยซะทีเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมกันได้ ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่ระบบนี้ทำงาน ั่นแปลว่า

ยุคสมัย กำลังจะล่มสลายลง ก่อนจะถึงเวลานั้น Valkyrier คนสุดท้าย ที่เราจะขอฝากฝัง เทอร่า ไว้กับเจ้า นี่คือพลังที่จะยุติ ทุกสิ่งและนำไปสู่การเริ่มต้นอีกครั้ง มันคือ Crisisor อาวุธแห่งวิกฤติ ดาบ Alexandrite ขอจงใช้หัว
ใจของเจ้าชี้นำยุคสมัยของมนุษย์ด้วย ”

สิ้นเสียง เครคื่องทั้งหมดก็ ได้พุ่งขึ้นไปยัง Valhala และมารวมกันที่ เครื่องของ เรกกะ
ก่อนที่มันจะหลอมรวมเป็นเครื่องเดียว

“ 555...Faiz...Code Standing By ”
เสียงดังกังวานขึ้นจาก ตัวเครื่อง ก่อนที่ เรกกะ จะกดปุ่มด้านข้างเครื่องลงไป

“ Code Slash ”
สิ้นเสียง ชุดเกราะValkyrier สีเงินก็ออกมาประกอบเข้ากับร่างของเขา
ก่อนที่ ปีกสีขาวซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของ ประจุอิออน จะสยายออกมา



“ มานี่ แมกกี้ ”
สิ้นคำของ เรกกะ แมกกี้ ก็ฟื้นขึ้นมาก่อนที่มันจะเปลี่ยนร่างของตัวเอง กลายเป็นโล่ และลอยไปเข้ามือของ
เรกกะ เองและเมื่อ โล่ห์ สัมผัสถูก ละอองอิออน มันก็เปลี่ยนเป็นดาบ
สีแดงเพลิงที่มีรูปลักษณ์ประนีต วิจิตรตาราวดับดาบวิเศษของทวยเทพ

“ ในที่สุด Valkyrier ลำดับที่หนึ่งก็ กลับมาแล้วสินะ Valkyrier แห่ง Bryna เรกกะ ไฮเดย์ ”
ฮายาเตะ เปรยขณะที่ จับจ้องไปยังร่างอันงดงามราวกับทูตสวรรค์ ที่อยู่ตรงหน้า
(Recca, the Valkyrier of Bryna)



...............................

“ นี่เห็นฉันเป็นหน่วยกู้ภัยหรือไงกัน งานนี้ฉันช่วยคนไปตั้ง 3 คนแล้วนะ ทั้ง Valkyrier สองหน่อนั่น
แล้วยังมานายอีกนะ มาธิอัส ให้ตายสิ ”
R2 บ่นอุบอิบ ขณะที่ พยุงร่างซึ่งเวื้อผ้าอาบด้วยเลือดไปหมด ทว่าร่างของ เจ้าของกลับ
ไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย

“ นี่เธอ ถ่อมาถึงนี่เพื่อจะช่วยชั้นงั้นเหรอ ”
มาธิอัส กล่าวถามด้วยสภาพที่อิดโรย

“ เปล่าหรอกแค่อยากจะมาด่านายเท่านั้นล่ะ อานิม่า ขั้นทดลองอย่างนายถึงไม่เป็น
อมตะแต่การฟื้นตัวก็เร็วอยู่แล้ว ”
R2 บ่นขณะที่ พยุง มาธิอัส ออกเดินไปตามทาง

“ นั่นสินะ..ที่จริง ตัวตนจริงๆของชั้น มาธิอัส ไบทร์ ตัวจริง ยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ ชั้นมันก็แค่ มาธิอัส ไฮเดย์ ล่ะน่ะ ”
มาธิอัส กล่าวขณะที่ R2 เหล่มามองเค้าด้วยสายตาเอือมๆ

“ น่าอิจฉาจังเลยนะพวก อานิม่า อย่างนายเนี่ย มีนามสกุล ไฮเดย์ กันหมดนี่กะจะเป็นพี่น้องกับ
เรกกะ ให้หมดเลยรึไงนะ ไม่ใช่ Code Geass ซะหน่อย ”
R2 บ่น ไปเรื่อยเปื่อยขณะที่ยังคงแบกเค้าเอาไว้อยู่

“ โรคบ้า การ์ตูนของเธอนี่แก้ไม่หายจริงๆแหะ เรื่องมันจบไปตั้งกะร้อยปีที่แล้วยังไปขุดมาอีกนะ
ขนาดชื่อแฝงตัวเองยัง ไม่ลงทุนคิดเลย..เหะๆ ”
มาธิอัส กล่าวหยอกกลับใส่ ขณะที่ R2 เบือนหน้าหนีอย่าง งอนๆ

............................
.....................................

“ พลังที่จะยุติทุกสิ่งงั้นเหรอ ”
เรกกะ คิด จนถึงตอนนี้ตัวเค้าก็ยัง คงยืนนิ่งอยู่ก่อนจะ ขยับคมดาบชี้ออกไป

“ Dragon Stinger ”
สิ้นเสียง ละอองอนุภาคก็รวมเข้าด้วยกันที่ดาบก่อนจะพุ่งออกไปเป็นลำแสง แทงทะลุร่างของ โอดิน
และสลายไปพร้อมๆกับ ชุดเกราะของ เค้า ก่อนที่ แมกกี้ จะคืนร่าง

“ นี่ ฮายาเตะ เธอใช่ไหม... ”
เรกกะ เปรยถามขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาเธอสะดุ้งไปหน่อย

“ Shut Down System น่ะเธอไม่ได้ลบมันออกจาก ฮูกีนมูนีน ทั้งที่ถ้าเป็น โครโน่ จะต้องลบมันออกไปแน่ ”
เรกกะ กล่าว ซึ่ง ฮายาเตะ ก็ผ่อนสีหน้าลงก่อนจะตอบอกกไป

“ ฉันไม่เห็นด้วยกับโครโน่ ตั้งแต่ตอนที่เค้าเริ่มเปลี่ยนไป เพราะพลังของ  God Send แล้วเพื่อไม่ให้ เค้า ต้องทำผิดไปจนถึงขั้นที่ไม่อาจแก้ไขสิ่งใดได้อีก ... ”
ฮายาเตะ กล่าวขณะที่วางร่างของ โครโน่ ลง

“ เธอก็เลยซ่อนระบบนั้นไว้แทนที่จะลบมันทิ้ง เพราะมีเธอคนเดียวที่สามารถเชื่อมกับ
ฮูกีนมูนีน ได้โดยตรงถ้าไม่ใช่เธอก็ไม่มีทางรู้ได้..แต่ว่าแบบนี้จะดีแล้วเหรอ ระบบนี้น่ะ... ”
เรกกะ กล่าวก่อนจะถามเธอโดยที่ไม่หันไปมอง

“ อืม...ระบบนี้เมื่อทำงาน มันจะทำให้ พลังของ อานิม่า ทั้งหมดหายไปพร้อมๆกับ Crisisor ทั้งหมด
ตอนนี้พวกเราก็เป็นได้เพียง มนุษย์ ธรรมดาๆเท่านั้น ”
ฮายาเตะ กล่าวขณะที่ลูบลบเอาเขม่าออกจากใบหน้า ของ โครโน่

“ แต่เท่านี้เราก็จะได้รู้ถึงความหมายของ ชีวิตซักที... ”
ฮายาเตะ เปรยอย่างโล่งใจ ที่ตอนนี้ ทุกอย่างได้จบลงไปอย่างที่เธอต้องการแล้ว

“ นี่ ฮายาเตะ ... ”
เรกกะ เรียกเธอก่อนจะหันกลับมา

“ ชั้นไม่คิดว่า โครโน่ จะยอมรับการกระทำของตัวเองต่อไปจากนี้ได้หรอกนะ เพราะงั้นเธอสัญญาได้
ไหมว่าจะอยู่เคียงข้าง เซน่า ตลอดไป ”
เรกกะ ถามคำถามของเค้า ทำให้ ฮายาเตะ สงสัยอยู่บ้างแต่เธอก็ พยักหน้ารับ

“ ฉันสัญญา... ”
ฮายาเตะ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ออกมาจากใจจริง

“ ถ้าอย่างนั้ชั้นขอเชื่อเธอ... ”
เรกกะ กล่าวจบ ก็ก้มลงเอือมมือไปเปิดเปลือกตาของ โครโน่ ขึ้นก่อนที่ จะถอดเอาหน้ากากที่ ตาขวาออก

“ โครโน่ จงมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อรับใช้ Dragoon รับใช้ เซน่า ”
สิ้นเสียง Genesis ของเรกกะ ก็ทำงานก่อนจะปรากฏ สัญลักษณ์ ขึ้นที่ดวงตาของ โครโน่ อันเป็น
สัญญาณว่า เค้าได้รับซึ่งคำสั่งที่จะอยู่ไปตลอดชีวิต

“ นี่คือสิ่งที่ชั้นจะทำให้ได้ในตอนนี้...หลังจากนี้ ชั้นขอฝาก พี่เซน่า ด้วย ”
เรกกะ  กล่าวจบ ฮายาเตะ ที่อึ้งไปได้ซักพัก ก็ตั้งสติได้

“ ท่านพี่ เรกกะ แล้วหลังจากนี้พี่จะไปไหนล่ะ จะไม่อยู่ร่วมกับพวกเรางั้นเหรอ ”
ฮายาเตะ ถามด้วยความสงสัยต่อคำสั่ง Genesis ของเค้าที่ บอกให้ เชื่อฟังในตัวของ
 เซน่า และ Dragoon แต่กลับไม่มีเค้า

“ นี่ ลำแสงโอดิน ยังยิงได้ใช่ไหม ”
เรกกะ ถามขึ้นโดยที่ไม่ตอบคำถามของเธอ เมื่อเห็นว่า เรกกะ คงจะไม่ยอมตอบ
เธอจึงเลือกที่ตอบคำถามของเค้าก่อน

“ ก็ยิงได้อยู่หรอก แต่สวิตซ์ทำงานน่ะมันอยู่ ที่ เซน่า  ”
ฮายาเตะ กล่าวจบ เรกกะ ก็ออกเดิน ไปยังบันไดลิง ที่ทอดขึ้นไปด้านบน

“ ฮายาเตะ คำขอสุดท้ายช่วยฟังชั้นทีได้ไหม..เชื่อในตัวชั้นให้ถึงที่สุดทีเถอะ ”
เรกกะกล่าวจบ ก็ออกไต่บันได ลิงขึ้นไป
โดยมีสายตา ขอบคุณ ของ ฮายาเตะ ส่งไล่หลังไป

.........................
« Last Edit: April 30, 2009, 03:43:16 PM by greamon » Logged


Pages: 1 ... 3 4 [5] 6  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.226 seconds with 21 queries.