Summoner Master Forum
November 26, 2024, 01:38:55 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 2 3 [4] 5 6  All
  Print  
Author Topic: (จบบริบูรณ์) Legend Thaliwilya of Alimathea:Final Saga ,อัพสารบัญเรียบร้อย  (Read 91587 times)
0 Members and 35 Guests are viewing this topic.
cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #90 on: April 12, 2009, 03:47:12 AM »

Quote
The harem of recca 

นั่นสิ ฮาเรมจริงๆด้วย แฮะ เห็นด้วยเต็มๆ

Quote
ตกลง heartfile เป็นศัตรูกับฝ่ายพวกเฟนท์,เอมิลใช่มั้ยเนี่ย

จากที่อ่านดูแล้ว น่าจะยังไม่ใช่คิดว่า โครโน่ คงเข้าใจผิดกันไปเอง ล่ะมั้ง

แต่ที่น่าตกใจอีกอย่าง เนลโปลเลียน กลับมาได้ไง

จำได้ว่าตอนแทรกแซงบริทเทเเนอร์ มันโดนเสาเมเมนโต้ โมรี่ ถล่มทับตายคาวังไปแล้วไม่ใช่เรอะ
ไหงมายืนหน้าเอ๋อเหรอ อยู่แบบนี้แถมพูดถึงแผนการไรด้วย

แต่ยังไม่ช็อคเท่า เฟนท์ เปลี๋ยนไป๋  แง รุ่นพ่อยังสนิทกันซะจนตายแทนกันได้
กลมเกลียวเหนียวแน่นยิ่งกว่าตังเมเหยาะน้ำตาลอีก

ไหงรุ่นลูกจะฆ่าจะแกงกันซะแหล่ว ไอ้มุข เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดเนี่ย มีกันทุกภาคเลยนะเนี่ย


Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #91 on: April 14, 2009, 06:17:55 PM »

รอบนี้เกรม่อนคุงไม่ว่างเลยฝากเจ๊มาลงแทน

Saga 14 ขอโทษนะ….

ด้วยความช่วยเหลือของ เรกกะ God Send ชิ้นสุดท้าย วงแหวนแห่งการเวลา
ก็ได้ถูกปลดออกจากผนึกมาในที่สุด ขณะเดียวกัน เฟนท์ ที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ ก็สาบานว่าจะฆ่า
เรกกะ ให้ได้หนทางที่จะก้าวสู่การปฏิวัติ อยู่ตรงหน้า หากเลือกที่จะเปลี่ยน ก็ต้องทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลังทำลายทุกอย่างไปจนหมด หรือหากไม่ ก็ต้องเดินต่อไปตามเส้นชะตา บัดนี้หนทางที่เค้าเลือกคือ….

…………………

“ เพราะงั้นนาย ถึงได้มาอยู่กับสามคนนี้ แล้วก็ช่วยกันไปเอา วงแหวนแห่งการเวลาออกมางั้นสินะ ”
R2 เปรยสีหน้าหน่ายๆหลังจากที่ฟังเรื่องราวจาก ปากของ เรกกะ

“ ก็นะ เราเล่าทุกอย่างไปแล้วทีนี้จะบอกได้ไหมว่าคุณเป็นใครน่ะ…ครับ ”
เรกกะ ถามเสียงแผ่วหน้าหงอๆ ด้วยความผวาอยู่ลึกๆ

“ นี่นายความจำเสื่อมขนาดนี้เลยหรือเนี่ย…แต่เอาเถอะบางทีลืมมันไปซะน่าจะดีกว่าล่ะนะ ”
R2 เปรยก่อนจะเมินหนีไม่ตอบคำถามของเค้า

“ นี่แล้วพวกเราจะเอายังไงดีล่ะ ”
ชารี่ ถามขึ้นกับกลุ่มของเธอที่ติดสอยห้อยตามขึ้นยานมาด้วย

“ ก็ต้องเอา God Send นี่กลับไปที่สำนักงานใหญ่น่ะสิ ”
ซิกนัม เอ่ยขึ้น

“ แล้วเราจะกลับไปยังไงล่ะ ยานก็พึ่งพังไปเพราะถูก เจ้ามังกรนั่น ยิงสายฟ้าใส่อ่า ”
เอลิต้า โวยวายขึ้นมา ขณะที่กลุ่มสาวๆยังหาทางออกกันไม่ได้นั้น เรกกะ ก็เดินออกจากกลุ่มไปเพื่อหาที่เงียบๆคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น  เค้าเดินมาสุดที่เก้าอี้ ซึ่งวางอยู่ข้างบานหน้าต่างของ ยาน

“ ทำไมกันนะพอพยายามจะนึกถึงเรื่องที่ลืมไป ใจเรามันก็รู้สึกเจ็บปวด
ขึ้นมาทันที ยิ่งพยายามจะขุดคุ้ยเท่าไหล่ก็ยิ่งทรมานมากเท่านั้น ”
เรกกะ คิดขณธที่ทอดสายตาเหม่อมองออกนอกหน้าต่างไปท้องฟ้ากว้าง
ก่อนที่ภาพตัวเค้าซึ่งเคยให้ แมกกี้ ช่วยพาบินเค้าบินไปได้อย่างอิสระ

 จะปรากกขึ้นในสายตาของเค้า
ทำให้เค้าสะดุ้งไป ทว่าเมื่อรู้สึกตัวภาพนั้นก็หายไปแล้ว เรกกะ
พยายามจะลืมมันแต่ก็ไม่อาจสลัดมันออกไปจากหัวได้

“ หะ… ”
เรกกะ สบถขึ้นก่อนที่ภาพบางอย่างจะหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเค้า
พร้อมกับเสียงต่างๆ ที่หูเค้าสัมผัสได้ทั้งที่ไม่มีใครในนี้ที่ส่งเสียง ไม่มีใคร ทีเค้าเห็นอยู่ในยานนี้
ร่างกายของเค้ารู้สึกราวกับไม่ได้อยู่ที่นี่

ที่ตรงหน้ามันเป็นภาพของ สมรภูมิ ทหารของแต่ละฝ่ายรบพุ่งกัน จนพินาศไปด้วยกัน
รอบตัวของเค้าอ้างว้าง ไม่มีสรรพเสียงใดแว่วเข้ามาในหูของเค้าหลังจากนี้เลย

เมื่อก้มลงดูที่มือของตน มันกลับชุ่มไปด้วยเลือด เค้าถึงกับผวาไปทันทีทว่าทันทีที่เค้าถอยผงะมานั้น
ที่ตัวของเค้าก็มีร่างหนึ่งตกลงมา เมื่อเค้าพลิกร่างนั้นขึ้นมา ก็พบว่า เป็น ซาน ที่เลือดท่วมตัว

ตามตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ไม่เพียงเท่านั้น ข้างๆ ก็ปรากฏ ศพ ของ เอมิล และ ไรด์
ขึ้นด้วย ในขณะนี้ เรกกะ เองก็เริ่มจะคุมสติเอาไว้ไม่อยู่ เค้าโยนร่างของ ซาน ลง

ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งหนีไป แต่ก็ต้องมาหยุดเมื่อได้เห็นร่างของ ไอ เดินเข้ามาหาด้วย
ร่างกายที่บอบช้ำทรุดโทรด เค้ากระพริบตาไปเพียงชั่ววูบเดียวเท่านั้น ไอ ก็หายไปจากตรงหน้าของเค้าแล้ว

แต่กลับกลายเป็นว่า เธอกำลังถูกเค้าแทงเข้ากลางอก ด้วยคมดาบที่เปื้อนเลือด เรกกะ ผวาจนเผลอปล่อยมือ
ร่างของ ไอ จึงล้มลงไปแน่นิ่งจมกองเลือดบนพื้นไป เรกกะ จ้องตาค้างพลางถอยหนีดด้วยความ

กลัวสุดขีด ก่อนจะหันหลังวิ่งกลับไป เพื่อหนีออกจากที่นั่น ทว่าเค้าก็ต้องหยุดกึกไปอีก เมื่อ
คนมาขวางทางเค้าไว้ คือ เฟนท์ ที่ถือดาบมาสองเล่ม เฟนท์ ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ ขณะที่ เรกกะ พยายาม

เดินถอยไปเรื่อยๆด้วยความระแวง แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที ร่างของเค้าก็ถูก คมดาบของ เฟนท์ แทงลึกลงไป
ที่ท้องแล้ว เฟนท์ กระชากดาบทั้งสองเล่มออก  เรกกะ เอามือกุมบาดแผล ด้วยสีหน้าทรมานเค้ารู้สึกอึดอัดแน่นหน้าอก

และหายใจไม่ออก ประสาทสัมผัสด้านชาไปหมดทั้งร่าง ก่อนจะล้มฟุบลงไปกับพื้น
 ความทรมานในตอนนี้เตือนให้เค้า
รู้ตัวว่ากำลังจะตาย เสี้ยววินาที นี้ราวกับตกนรกทั้งเป็น ร่างราวกับถูกคมมีดเฉือนไปมา ปอดขยายตัว

จนรู้สึกได้ว่ามันกำลังจะฉีกขาด นี่คงเป็นความรู้สึกกลัวความตาย เรกกะ ยื่นมือ ออกไป
เพื่อจะให้ เฟนท์ ที่อยู่ตรงหน้าช่วย ทว่า เฟนท์ กลับเหยียบ มือของเค้าก่อนขยี้มันอย่างไม่ใยดี

“ เรกกะ ….เรกกะ….นี่เรกกะ  ”
R2 เรียก เรกกะ พลางเขย่าตัวเค้าที่นั่งตาค้างไปอยู่ตั้งเมื่อครู่ ต้องเรียกและเขย่าอยู่สองสามทีกว่าเค้าจะสึกตัว

“ ….อ..หะ….ที่นี่… ”
เรกกะ เปรย ภาพรอบตัวเค้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว ความรู้สึกทรมานเมื่อครู่หายไปราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น

“ นายเป็นอะไรรึเปล่า ตั้งแต่ขึ้นมาเผลอทีไรนายเป็นเหม่อทุกที เรียกตั้งสามสี่ครั้งก็ไม่ยอมตอบ ”
R2 ถามด้วยความเป็นห่วงอยู่ลึกๆ แต่เรกกะ ก็ส่ายหน้าปฏิเสธทันที

“ ม..ไมเป็นไรหรอก…แค่รู้สึกเหนื่อยๆน่ะ ”
เรกกะ แย้งและแม้ R2 จะยังไม่ปักใจเชื่อในคำพูดของเค้านักแต่ก็ยอมถอยไปเพราะคิดว่าเค้าคงอยากได้เวลา
ทบทวนตัวเอง

“ เมื่อกี๊มันคืออะไรกัน…ภาพของคนพวกนั้นทำไมเราถึงได้รู้จึกเจ็บปวดกับคนที่เราไม่รู้จักนะแล้วก็คนที่ออกมาทำร้ายเรานั่น ทำไมตัวเราถึงรู้สึกโหยหา เหมือนกับเราหวังอะไรอยู่ลึกๆ กับเค้าคนนั้น ทำไมกัน…อา..นี่มันอะไรกันชั้น… ”
เรกกะ คิดอย่างหวาดวิตกกับมโนภาพที่ได้เห็น ก่อนที่เค้าจะรู้สึกวูบๆวาบๆ ที่สุดแล้วเค้าจึงฟุบลงไป
ทันที เสียงหน้าผากเค้ากระแทกเข้ากับกระจกหน้าต่าง ดังขึ้นก่อนร่างของเค้าจะล้มลงจากเก้าอี้

R2 แมกกี้ และสามสาว Valkyrier รีบพากันเข้ามาดูอาการของเค้าทันที

“ นี่เธอคนผมสีม่วงน่ะ…เอ่อ ซิกนัมใช่มะ ช่วยชั้นพยุงตัวเค้าที แล้วพวกเธอสองคนที่เหลือ ไปเอาเก้าอี้มาต่อ
กันจะได้ให้ เค้า นอนพัก แมกกี้ ไปที่ห้องเก็บของ เอาหมอนรองมา ”
 R2 กล่าวจบเธอ กับ ซิกนัมช่วยกันพยุงตัว ลอว์เรนซ์ ขึ้น
ส่วน ชารี่ กับ เอลิต้า ช่วยกันต่อเก้าอี้ทำเป็นเตียงชั่วคราวและ เจ้าลูกมังกร แมกกี้

นั้นไปหยิบหมอนรองหัวเข้ามาให้อีกที หลังจากพา เรกกะ ขึ้นไปนอนพักได้เสร็จ
ทุกคนก็พากันหมดแรงทั้งจากความตื่นเต้น และ ความลนลานก่อนหน้านี้

“ เรกกะ นายเป็นอะไรของนายนะ…. ”
R2 คิดขณะที่มองใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อของ เรกกะ ด้วยความกังวล

“ นี่ เอ่อ..คุณ… ”
ชารี่ เรียก เธอแต่ก็หยุดกึกไปเพราะไม่รู้ชื่อของเธอ


“ อาร์..ทู… ”
R2 เปล่งเสียงออกชัดถ้อยชัดคำ ขณะที่หันไปมอง ชารี่ ด้วยสีหน้าหน่ายๆ

“ เอ่อ..คือคุณ R2 คะ คือ เรกกะ น่ะปกติเค้าเป็นคนยังไงหรือคะ ”
ชารี่ ถามขึ้น ทำให้ R2 สงสัยในคำถามของเธอ

“ ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ ”
R2 ถามย้อนด้วยความอยากรู้

“ ก็จากที่ฟังแล้ว เรกกะ บอกว่าเค้าสูญเสียงความทรงจำ ฉันก็เลยคิดว่าตัวเค้าในตอนนี้คงไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง
แต่ดั้งเดิม อีกอย่างจากที่คุณ R2 เล่าให้ฟังเรื่องบุคลิคซ้อนนั้น… ”
ชารี่ ที่ยิงคำถามเป็นชุดหยุดกึกไปเมื่อ R2 ยกมือขึ้นปรามให้ฟังเธอก่อนจะถามต่อ

“ เรื่องบุคลิคซ้อนนั่นน่ะเป็นส่วนหนึ่งของพลังที่เค้ามี ส่วนร่างจิตดั้งเดิมที่แสดงอยู่ตอนนี้…
จะให้ว่ายังไงดีล่ะ สำหรับฉันๆว่าเค้าตอนนี้ดูปกติกว่าตอนก่อนจะเสียความทรงจำซะอีก ”
R2 เปรยก่อนจะหันไปมองหน้าของ เรกกะ

“ เอ๋นี่คุณจะบอกว่า ปกติเค้าบ้างั้นหรือคะ! ”
ชารี่ กล่าวเสียงหลงทันที

“ ก็นะ อาจจะบ้าก็ได้…ตายล่ะได้เวลาให้อาหารมังกรข้างล่างแล้วสิ…ฉันไปนะ ”
R2 ตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะยิ้มส่งๆ แล้วออกจากห้องไป

“ ฉันว่านายตอนที่เป็นแบบนี้คือตัวนายคนก่อนนะ…หรือไม่ใช่ล่ะ ”
R2 เปรยก่อนจะเดินลงบันไดไป โดยทิ้งเอาความรู้สึกเมื่อครู่ที่เธอพยายามอดกลั้นไม่แสดงออกไว้ทิ้งไป

………………….
…………………………….

“ Great of Dragon ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ลำแสงมังกรสีน้ำตาลได้พุ่งทะยาน ตรงเข้าไปหา
เนลโปลเลียน ที่ยืนอยู่ชั้นบนของ วิหาร ทว่าลำแสงก็สลายก่อนจะได้ทันถึงตัวของเขา

“ ได้ไงกัน ”
ลอว์เรนซ์ ในร่างอัศวินมังกรกายสีน้ำตาลรูปลักษณ์ ที่คล้ายกับ ทาโซรอส นี่คือร่าง
ทาโซรอส แห่งเมอริเซีย (Thasolos, the Dragoon of Thliwilya)



“ เจ้าคิดรึว่าลำพังตัวเจ้าจะหยุดแผนการนี้ได้ ”
เนลโปลเลียน กล่าวจบที่ข้างหน้าของเค้าห้วงแากาศเริ่มเกิดการ บิดเบี้ยวก่อนที่
สาเหตุการสลายของ ลำแสงจะโผล่ออกมา มันเป็นนักรบมารที่ สามารถพลางกายให้โปร่งใสได้

ลักษณะหัวของมันคล้ายกับมงกุฏ สองกุมด้ามดาบสีดำหันคมปักลงกับพื้นผ้าคลุมสีดำสนิทของมัน
โบกพลิ้วไปกับสายลม มารตนนี้คือมารนรก เฮลอาคูม่า (Hell Akuma)



“ เฮลอาคูม่า นี่แกผูกสัญญากับปีศาจไปแล้วงั้นเรอะ ”
ทาโซรอส สบถพลางตวัดดาบในมือด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

“ พันธสัญญาของเรากำลังจะสัมฤทธิ์ผลไม่มีทางให้แกมาขัดขวางได้หรอก ”
เฮลอาคูม่า กล่าวเสียงของมันแหบแห้งและเย็นเยือกจับขั้วหัวใจ สิ้นคำ
นักรบมารติดปีก และนักรบหุ้มเกราะที่เคยออกมาโจมตี เค้าที่โรงเรียน
ทีนึงก็ปรากฏขึ้นพร้อมๆกันมากมายนับไม่ถ้วน

“ ชิ…มารฟ้า(Sky Akuma) มารดิน(Earth Akuma) มากันมืดฟ้ามัวดินเชียวนะพวกแก
…ชั้นเองก็ไม่ยอมให้พวกแกทำสำเร็จหรอก ”
ลอว์เรนซ์ ตะหวาดก่อนจะบุกขึ้นไปเพื่อไปให้ถึงตัวของ เนลโปลเลียน
ขณะที่กองทัพ อาคูม่า ล้อมเข้ามาเรื่อยๆ




……………….
………………………

“ ซาน…อย่าตายนะ…ซาน…ฮึก…อย่าทิ้งชั้นไปอีกคนเลยนะ ซาน ”
“ ไม่ว่า….จะเกิด…..ใหม่อีก….ซักกี่ครั้ง…ฉัน…ก็ยังจะ..คง..รัก..เธอ..เรก…..กะ… ”
“ ซาน…ไม่นะลืมตาขึ้นมาสิ..ซาน…ไม่นะ..ไม่~~~~~~ ”

เสียงที่ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิดก่อนที่ ทุกอย่างจะสว่างขึ้น ตอนนี้ ภายในห้องบังคับการมีเพียง เรกกะ
เท่านั้นที่ลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้ที่เอามาต่อกันรองนอนให้เขา เค้าหันไปรอบๆด้วยความมึนงง
เค้าลุกขึ้นเดินสำรวจไปรอบ ในใจก็พลางคิดถึงเสียงที่ได้ยินตอนหลับไปเมื่อครู่

“ เสียงนั่นคงเป็นอีกเสี้ยวหนึ่งของความทรงจำของชั้นก็ได้ล่ะมัง…
แต่ทำไมกันพอคิดถึงเรื่องนี้แล้วมันทำให้รู้สึก…เศร้าอย่างบอกไม่ถูกเลย…ตัวตนของชั้นเป็นใครกันแน่นะ ”
เรกกะ คิดก่อนที่สายตาของเค้าจะเหลือบไปเห็น ลูกกลมซึ่งก็คือ God Send ที่ผนึกมาได้มันถูกวางทิ้งไว้
บนโต๊ะใกล้กับหน้าต่าง

“ บางทีเจ้า God Send นี่อาจจะช่วยเราได้ ถ้าไม่ผิด ชารี่ เคยบอกไว้ว่า.. ”
เรกกะ คิดขณะที่นึกย้อนึงคำพูดของ ชารี่ที่บอกกับเค้า ตอนวางแผนกันเข้าไปใน ซากโบราณสถาน

“ God Send แต่ละอย่างมีพลังที่แตกต่างกัน แต่ God Send ชิ้นที่เรากำลังจะไปเอากันนี่ว่า
กันว่าพลังของมันคือ….ความทรงจำ ”
คำพูดของ ชารี่ แว่วขึ้นในหัวของเค้าขึ้นมาทันที โดยไม่คิดอะไร เรกกะ หยิบเอา God Send ขึ้นมา
เก็บใส่กระเป๋าเสื้อ อย่างไม่คำนึงถึงอะไรเลย

“ บางทีชั้นอาจ จำอะไรได้บ้างถ้าเจ้าสิ่งนีจะช่วยได้ล่ะก็ขอยืมมันก่อนนะ ชารี่ …ทุกคน ”
เรกกะ คิดก่อนจะ เดินออกจากห้องไป ภายในยานไม่มีใครอยู่เลย แต่เสียง
เครื่องยนต์ยังคงดังก้องอยู่เรื่อยๆ ขณะที่ เรกกะ เดินลงบันไดไปตามทางจนมาถึงประตูยาน
เค้ายื่นมือไปกดปุ่มหมายเลขบนแผงควบคุมข้างประตู ไม่นานมันก็เปิดออก

“ ทำไมเราถึงรู้วิธีเปิดประตูนี่ได้ล่ะ ”
เรกกะ สงสัยไปชั่วขณะก่อนจะเดินผ่านประตูไปตอนนี้ยาน จอดอยู่บริเวณ ท่าเรือร้างแห่งหนึ่ง
ไกลออกไปไม่มากนัก มีสะพานที่ยื่นออกสู่อ่าว ซึ่งมีตลาดแผงลอยร้านค้าต่างๆ ตั้งยาวตลอดแนวสะพาน

ซึ่งนั่นก็คือ ตลาดท่าเรือ บาร์ซิงเซย์ นั่นเอง เรกกะ เดิน  ออกมาจากยานก่อนจะเดินไปตามทางในท่าเรือร้าง
นี้จนเมื่ออกมาสู่ถนนได้ ภาพสถานที่และถนนแห่งนี้เหมือนกับมันอยู่ในใจเค้ามาตลอด เค้ารู้สึกได้ว่าตัวเค้ารู้

จักสถานที่แห่งนี้ เรกกะ ตัดสินใจเดินตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ เดินไปตามเส้นทางที่ใจเค้าร่ำร้อง
 เมื่อ รู้สึกตัวอีกที เค้าก็เข้ามาอยู่ในสนามของ โรงเรียน St. Magnus เสียแล้ว

“ ที่นี่มัน…. ”
เรกกะ เปรยขึ้นขณะที่มองไปรอบๆ แต่ก่อนที่เค้าจะได้ทันคิดสิ่งใดต่อ ก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นเหนือหัวของเค้า
เมื่อมองขึ้นไปบนฟ้า ชารี่ ซิกนัม เอลิต้า และ R2 ที่เปลี่ยนร่างเป็นทาลิเลีย กำลังปะทะกับ
ใครบางคนอยู่ เค้าคนนั้นเป็นเด็กหนุ่มที่เค้าเห็นในมโนภาพตอนอยู่บนยาน เฟนท์ นั่นเอง
ทว่าทั้งที่ช่วยกันรุมโจมตีแต่กลับเป็นฝ่ายถูก เฟนท์ ไล่ต้อนแทน

“ เปลี่ยนไปจากคราวก่อนเลยหมอนี่…ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เราจะเอาชนะได้เลย ”
 ทาลิเลีย สบถขณธที่ มองหาช่องจู่โจมไปเรื่อยๆแต่ไม่ว่าอย่างไร เฟนท์ ก็ไม่ยอมเปิดช่องว่างเลย
แม้แต่น้อย

“ ชารี่ สู้ระยะประชิดไม่ได้ผลแน่ เปลี่ยนเป็น เซเฟีย เถอะ ”
ซิกนัม หันไปบอก ชารี่ ที่ใช้ชุดเกราะรูปแบบอาวุธแส้ตอนที่ช่วย เรกกะ ออกจากโบราณสถาน
ส่วนตัว เธอก็เข้าไปรับการบุกของ เฟนท์ ที่กำลังจะมาถึง

“ ช่วยต้านไว้ทีนะ ซิกนัม ”
ชารี่ กล่าวขณะที่เธอ คืนรูปชุดเกราะกลับสูรูปแบแรก คือสูทสีขาวและกระเป๋าเหล็ก
กับอาวุธรูปจานสีฟ้า

“ Protection ”
สิ้นเสียงจาก สนับมือของ เฟนท์ ละอองอนุภาครอบๆก็รวมตัวกันเกราะ ขึ้นมารับการจู่โจมของ ซิกนัม ที่พุ่งเข้ามาจามด้วยขวานไว้อย่างง่ายดาย ก่อนที่ เฟนท์ จะถีบส่งเธอจนกระเด็น แล้วพุ่งเข้าไปหา ชารี่ ที่ไร้การป้องกัน

“ ว..ว้ายย ”
ชารี่ ร้องด้วยความผวาก่อนจะโยน จานในมือ ออกไปผลันจานได้หงายขึนพร้อมกับสร้างกำแพงป้องกัน
วงกลมขึ้นมาในอากาศโดยมีตัวจานเป็นแกน ป้องกันหมัดของ เฟนท์ ที่พุ่งเข้ามา ทว่าเพียงต่อยแค่ครั้งเดียว

โล่ก็ร้าวในทันที ก่อนที่ เฟนท์ จะต่อยครั้งที่ 2 เพื่อทลายเกราะเข้าไป ทาลิเลีย ก็พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง
ยันขาถีบ จน เฟนท์ กระเด็นออกห่าง ก่อนจะควงหอกในมือตั้งท่าเตรียมขว้างออกไป

“ ปิดบัญชีล่ะนะ Great of Dragon ”
ทาลิเลีย สบถพร้อมกับที่ ตัวหอกเริ่มมีพลังงานหมุนเวียนอยู่รอบๆ

“ Carnalian Gauntlet ”
สิ้นเสียง เพียงไม่กี่อึดใจ เฟนท์ ก็ย้ายมาอยู่ข้างหลังเธอแทนแล้วก่อนจะทุบลงไปด้วย สนับมือ
ที่บีบอัดอนุภาคเอาไว้ จนเกิดแรงระเบิด พัด ทาลิเลีย ปลิวกระเด็นลงมากระแทกกับพื้นสนามจนเป็นหลุม
ก่อนที่ เธอจะคืนร่างเป็น R2 ไปเลย


“ Zephyr Form ”
เสียงดังกังวาลึ้นมาจากด้านข้าง ซึ่ง ชารี่ ตอนนี้ หยิบเอาแท่งโลหะ สีเขียวขึ้นมาและกดปุ่มบนแท่งลงไปเป็นที่เรียบร้อย
ชุดและแท่ง โลหะ ได้เปลี่ยนรูปแบบของมัน ไปโดยปริยายในพริบตา

กลายเป็นชุดเกราะสีดำและโล่หัวไหล่สีเขียว สองข้าง แท่งโละหกลายเป็นด้ามไกของ หน้าไม้สีทองตัดลายสีเขียว
นี่คือรูปแบบสำหรับการจู่โจมระยะไกล เซเฟีย (Chary, Grace Zephyr Form)



“ ระยะใกล้ขนาดนี้เธอจะยิงได้งั้นเหรอ ”
เฟนท์ เปรยก่อนจะเกร็งหมัดแน่นเพื่อสั่งให้ สนับมือรวบรวมละอองอนุภาค อิออน มารวมไว้

“ Carnalian Gauntlet ”
สิ้นเสียงจากสนับมือ ก่อนที่ เฟนท์ จะได้ทันทุบ ชารี่ ด้วยสนับมือที่ชุ่มไปด้วยอนุภาคบีบอัด
ซิกนัม ก็เหวี่ยงขวานเข้ามาซะก่อน ทำให้ เค้าต้องเปลี่ยนเป้าหมายไปปัดป้องขวานออกแทน
ชารี่ จึงถือโอกาส ถอยห่างออกมาก่อนจะ เล็งหน้าไม้ใส่

“ Golden Feather ”
เสียงดังกระหึ่มออกมาจาก หน้าไม้ก่อนที่ ชารี่ จะลั่นไกยิง ลำแสงอนุภาคบีบอัด จนมีรูปร่างคล้ายขนนก
พุ่งกระจายออกไป นับสิบ

“ Protection ”
เฟนท์ สร้างโล่ป้องกันขึ้นก่อนจะ ทะยานฝ่าห่ากระสุนที่ยิงมาเข้าไปใกล้ จนประชิดตัว
ชารี่ ได้แต่เธอก็ยก หน้าไม้ กันหมัดของ เฟนท์ ที่ตรงเข้ามา เนื่องจากต้องสร้างโล่ป้องกันไปด้วยทำให้

สนับมือไม่มีอนุภาคแรงพอที่จะโจมตี และก่อนจะได้ทันออกหมัดชุดต่อไป ซิกนัม ก็เข้ามาเหวี่ยงขวานใส่ไปมา
จนเค้าต้องถอยผละออกมา เปิดโอกาส ให้ ชารี่ ยิงสวนกลับไปอีกครั้ง

“ นี่มันอะไร ทำไมถึงได้สู้กันล่ะ แล้วเค้าคนนั้นเป็นใครกัน ”
เรกกะ ยิงคำถามใส่ เอลิต้า ที่กำลังดูอาการ R2 อยู่แต่เธอยังไม่ตอบใดๆทั้งนั้น
หลังจากดูสภาพของ R2 เรียบร้อยแล้วเธอจึง ยกคฑาช่อดอกไม้ในมือขึ้น รวมสมาธิ

“ Krustalles Rod ”
สิ้นเสียง ละอองอนุภาคสีขาวก็ถูกโปรยลงมาจาก ช่อดอกไม้ที่ คฑา ทันทีที่ละองสัมผัสถูกร่างของ R2
บาดแผลและรอยฟกช้ำดำเขียวก็หายไปในพริบตา ทันทีที่การักษาสิ้นสุด เอลิต้า ก็ล้มตัวลงด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน

« Last Edit: April 14, 2009, 06:19:38 PM by cocka-c » Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #92 on: April 14, 2009, 06:18:16 PM »

“ อยู…นี่มันรอบที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย ”
R2 ที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว เปรยพลางเอามือกุมหัว

“ รอบที่สามแล้วค่า จะหมดแรงแล้วด้วย แง..ทำไมคุณ เฟนท์ ถึงต้องจัดการพวกเราด้วย ”
เอลิต้า ร้องโวยวายงอแงแบบเด็กๆขึ้นมาทันที

“ นี่มันเรื่องอะไรกันบอกผมทีสิงงไปหมดแล้ว ”
เรกกะ หันมาถาม R2 แทนเพราะดูจะได้เรื่องกว่า เอลิต้า

“ อ้าว..นี่นายลุกไหวแล้วเหรอว่าแต่…ไหงมาถูกทางเนี่ยความจำนายฟื้นแล้วเรอะ ”
R2 ถามด้วยสีหน้างุนงง

“ ความจำผมยังไม่กลับมาหรอกว่าแต่นี่มันเรื่องอะไรกัน ”
เรกกะ แย้งไปก่อนจะดึงให้เธอตอบคำถามของเขาก่อน

“ คือ…พกเราลงจากยานมาที่โรงเรียนของนาย เผื่อจะมีวิธีทำให้นายฟื้นความจำได้ แต่ว่าคนที่มารอเราอยู่น่ะ ”
R2 เล่าพลางชี้นิ้วไปที่ เฟนท์ ที่กำลังสู้อยู่บนท้องฟ้า

“ หมอนั่นมาดักรอเราพอเจอก็ไม่พูดไม่จาเข้ามาซัดลูกเดียวเลย แล้วก็หาว่ายัยพวกนี้เป็น กบฏ บลา บลา
อะไรของมันเนี่ยแหล่ะพูดไม่รู้ฟังซักประโยค  ”
R2 เล่าไปบ่นไปพลาง ขณะที่ ด้านบน เฟนท์ ซึ่งกำลังรับมือกับการโจมตีของ ชารี่ และซิกนัม
ก็เหลือบไปเห็น เรกกะ ด้านล่างขึ้นมา

“ ห๊ะ…เรกกะ …นี่แก.. ”
เฟนท์ คิดอย่างขุ่นเคืองก่อนจะ สลัดการโจมตีของ ชารี่ แล้วหนีลงไปหา เรกกะ แทน

“ Geo Driver ”
สิ้นเสียง เฟนท์ ก็พุ่งลงมา ง้างกำปั้นหมายจะทุก เรกกะ ให้จมดิน ทว่า R2 ก็จูงลาก เรกกะ กับ เอลิต้า
หลบออกมาได้ทัน ทำให้การโจมตีพลาดเป้าไปแต่แรงกระแทกของการโจมตีก็ส่งผลให้ พื้นบริเวณรอบๆ
ยกตัวขึ้นจนพังเละเป็นแถบ ส่งผลให้ควันฝุ่นพุ่งตลบอบอวลไปทั่ว

“ แค่กๆๆ…นี่มันอะไรกันเนี่ย ”
เรกกะ บ่นไปสำลักไป ขณะที่มองหาคนอื่นๆในกลุ่มควัน ทว่ารอบๆเค้ากลับมีแต่เศษกองหินที่พุ่งกระจุยขึ้นมาจากพื้น
เท่านั้นจนทำเอาเดินไปไหนมาไหนไม่สะดวก

“ Ava-Trans ”
เสียงดังกังวานแว่วก้องมาจากด้านหลังแผ่นหินขนาดใหญ่ ทำให้เค้าเริ่มระแวงเพราะหลัง
จากนั้นมีเสียงระเบิดและต่อสู้ แว่วตามมาด้วยก่อนจะกลายเป็นความเงียบไป

ตูมมมมมมมมมมมม!

ไม่กี่อึดใจต่อมาหลังเสียงระเบิด แผ่นหินขนาดหใญก็ถูกป่นกระจุยในพริบตา ก่อนจะเกิดแรง
ลมมหาศาลพัดออกมารอบๆจน ฝุ่นหินถูกพัดกระจายออกไปจนหมด ร่างที่เผยขึ้นต่อสายตาของเค้า
คือ เฟนท์ ที่อยู่ในร่างของ Valklyrie เจอรัลดีน ซึ่งถือแท่งพลองเรืองแสงไว้สองอัน

“ ชั้นจะฆ่านายแน่ หลังจากที่ประหารพวกกบฏนี่แล้ว ”
เฟนท์ กล่าวพลางตวัดพลองชี้ไปที่ สามสาวซึ่งถูกเค้าจัดการจนหมอบศิโลราบ
แนบกับพื้น ส่วน R2 นั้นนอนห้อยแขนไม่ได้สติอยู่บนแผ่นหินข้างๆ

“ ย..อย่านะสามคนนั่นไม่ได้ทำอะไรซักหน่อยมาหาว่าเป็ยกบฎอะไรกัน ”
เรกกะ ย้อนถามไปก่อนเพื่อที่จะถ่วงเวลา เฟนท์ ในการฆ่าทั้งสามคนขณะที่มือขวาเอื้อมไปแตะ
ตลับไพ่ ดดยใช้แนวหินบังลำตัวช่วงล่างเอาไว้

“ นายอยากรู้งั้นเหรอ…ชั้นจะตอบให้ก็ได้ นายกับทีม ฮาร์ทไฟร์ ร่วมมือกันขโมยเอา God Send ออกมาก่อนที่
พวกเราจะทำการเข้าไปเก็บกู้ ยังไงล่ะ ”
เฟนท์ ตอบ ทันทีที่ เรกกะ ได้ฟังคำตอบเค้าจึรู้ว่านี่เป็นการเข้าใจผิดในเจตนาของพวกเค้า

“ ชั้นไม่รู้หรอกนะว่านายจะมาขวางการรวบรวมของเราทำไม แต่ชั้นไม่ยอมให้นายมาขวางแน่ ”
เฟนท์ กล่าวแม้เกราะหมวกจะปิดบังสายตาที่ เกรี้ยวกราดนั้นเอาไว้ แต่ เรกกะ ก็ยังรับรู้ได้ว่า
ตอนนี้ อีกฝ่ายกำลังกระทำทุกสิ่งโดยมีความเคียดแค้น เป็นแรงผลักอย่างเห็นได้ชัด

“ เดี๋ยวก่อนนายเข้าใจผิดแล้วพวกเราไม่ได้แย่งตัดหน้านายหรอก…สามคนนั่นก็ไม่ได้ทรยศด้วย
ชั้นแค่ช่วยพวกเค้าเข้าไปเอามันออกมาเพื่อให้พวกเธอเอากลับไป… ”
เรกกะ พยายามจะอธิบายทว่า เฟนท์ กลับไปยอมฟังที่เค้าพูดให้จบแล้วแย้งขึ้นมาทันที

“ คิดว่าชั้นจะเชื่อลมปากของนายหรือไง…เพื่อนที่โกหกหลอกลวงแบบนายมันแย่ที่สุด…นายหักหลังชั้นมาตลอด ”
เฟนท์ แย้งขึ้นน้ำเสียงเต็มไปด้วยโทสะ ที่พร้อมจะอาละวาดโดยไม่ฟังใคร ทว่า เรกกะ ก็ยกเอา God Send ขึ้นมา
แสดงต่อหน้า ทำให้ เฟนท์ เงียบไป

“ ตัวชั้นจำไม่ได้หรอกนะว่าเคยทำอะไรให้นายไป…แต่ตอนนี้ที่ชั้นพูดเป็นความจริงเชื่อชั้นเถอะ…อย่างน้อย
ก็เชื่อในตัวสามคนนั่น เค้าเป็นพวกของนายไม่ใช่รึไง ”
เรกกะ กล่าวในใจก็ภาวนาขอให้อีกฝ่ายยอมเชื่อที่เค้าพูด

“ แบบนี้มันยอมแพ้กันชัดๆเลยไม่เอาด้วยหรอก…ถ้าเกะกะนักั้นจะกำจัดให้เอง เรกกะ น่ะถอยไปเลย ”
เสียงของ ทาไนซ ดังขึ้นก่อนจะชิงสิงเข้าร่างเค้าทันที

“ อย่านะ…เราเจรจากันอยู่อย่าสู้นะ ”
เรกกะ พยายามจะแย้งแต่ว่าสายไปเสียแล้ว เค้าไม่อาจ แทรกเข้าไปได้แล้วตอนนี้
เพราะ ทาไนซ วางไพ่ที่หยิบออกมาลงไปบนหน้าปัดแล้ว ตอนนี้ไพ่ที่เหลือคือ 33 ใบจาก 34 ใบ

“ Terror Form ”  “ Regeneration ”
สิ้นเสียง เรกกะ ก็เปลี่ยนร่างเป็น ทาไนซ ในที่สุด

“ ว่าแล้วเชียวคนอย่างนายนี่มัน ”
เฟนท์ สบถก่อนจะรีบตั้งท่าสู้ทันที ทว่าเพียงพริบตา ทาไนซ ก็เข้ามาอยู่ด้านหลังเค้าเสียแล้ว
ก่อนที่จะคอเค้าด้วยสันดาปที่ไม่มีคม

“ ฮ่าๆ อย่างนายน่ะทรมาให้มดแรงก่อนแล้วค่อยจัดการน่ะสนุกจะตายไป ”
ทาไนซ กล่าวพลาออกแรงรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

“ อ่อก นี่แก…สกปรก…ที่…สุด ”
เฟนท์ สบถขณะที่เริ่มหายใจติดๆขัดๆ

“ เฮ้ยเจ้าเด็กผี พอแล้วน่าแบบนี้มันเกินไปแล้ว ”
ทาลิคนัส เริ่มที่จะแย้งขึ้นมาทันที

“ ไร้เกรียติมากเลยนะการกระทำแบบนี้ ”
ทาลูคัส แย้งบ้างด้วยน้ำเสียงไม่ชอบใจ


“ เฮ้ เจ้าหนูฟังกันหน่อยสิ ดื้อจริงๆ ”
ทาลิควอส เริ่มติเตือน

“ คร่อกก…ฟี้ ”
ทาโซรอส นั้นยังคงเอาแต่หลับอยู่

“ อ้าวเฮ้ยเจ้าหมีถึก เอาแต่นอนอยู่ได้มาช่วยกัน ห้ามไอ้เด็กเวรนี่ทีสิว้อย ”
ทาลิคนัส เห็น ทาโซรอส ยังกรนอยู่ เลยเรียกให้ตื่นมาช่วยกันแต่ ทาโซรอส ก็ยังคงงีบหลับอยู่ดี


“ อย่านะ..แบบนี้มันไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลยนะ…หยุดนะ ทาไนซ แบบนี้มันโกงกันนี่นา ”
เรกกะ แย้งขึ้นมาสุดเสียงเพื่อจะให้ ทาไนซ หยุด

“ ขี้โกงแบบนี้ไม่ดีนะ ทาไนซ ต้องทำให้มันถูกกิจลักษณะ ” (สู้ยังไงให้ถูกสุขอนามัยหว่า งง)
เสียงอื่นนอกจากพวกเค้าดังขึ้นมา อย่างไม่ทราบสาเหตุ ก่อนที่ ทาไนซ จะหลุดจากการควบคุมร่างไป
ดาบ Nox et Dragos สลายไป ทำให้ เฟนท์ หลุดจากวงรัดและถอยออกไปตั้งหลักใหม่ทันที กับที่ เรกกะ กลับคืนร่าง
ก่อนจะดึงเอาไพ่ขึ้นมา ซึ่งตอนนี้มีที่เหลืออยู่ในตลับเพียงแค่ 32 ใบแล้ว

“ Vortex Form ”
เสียงดังขึ้นจากหน้าปัดนาฬิกา พร้อมกับที่ดวงตาซ้ายของ เรกกะ เปลี่ยนเป็น สีเขียว

“ พลังนั่น…. ”
เฟนท์ เปรยขึ้นขณะที่ เรกกะ เอื้อมมือไปกดไพ่ลงบนหน้าปัด

“ Regeneration ”
สิ้นเสียง ก็เกิดแสงสีเขียวเจิดจ้าขึ้นมาจาก หน้าปัดอาบคลุมร่างของ  เรกกะ ไว้ก่อนจะสลายกระจายตัวออก
เผยให้เห็นร่างของ อัศวินมังกรกายสีเขียวปรากฏตัวขึ้น

“ คราวนี้เป็น ทาเวนทอส เหรอ..เท่านี้ก็ครบแล้วสินะ อัศวินมังกรทั้ง 6 แห่ง อาริมาเทีย ”
R2 เปรยทันทีที่ได้เห็นร่างของ ทาเวนทอส(Thaventos, Arimathea’s Dragoon of  Thaliwilya)
ร่างอัศวินตนใหม่ของ เรกกะ



“ พลังนั่น….พลังของเทพเจ้าเมื่อมันอยู่ในมือนายก็ไม่ต่างไปจากพลังของปีศาจเลย..นายใช้มันพรากชีวิตทุกๆคนไป ”
เฟนท์ กล่าวพร้อมตวัดพลองในมือข้างขวาชี้ไปที่ ทาเวนทอส

“ ขอโทษ…. ”
ทาเวนทอส เปรยขึ้น ทำเอา เฟนท์ และทุกคนรอบๆหยุดกึกกันไปเลยทีเดียว

“ การโจมตีครั้งก่อนๆนี้...ทางเราต้องขอโทษด้วย ”
ทาเวนทอส กล่าวพร้อมกับโต้งตัวคำนับ ด้วยท่าทีนอบน้อม ทำเอา R2 กับสามสาว Valkyrier
เซเสียหลักกันไม่เป็นท่า

“ เอ่อ คือคุณ R2 คะ เรกกะ นี่เค้าไม่สมบรูณ์ทางพันธกรรมหรือว่าสมองมีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะเนี่ย ”
ชารี่หันมาถาม R2 ด้วยท่าทีประหลาดใจแบบหน่ายๆบวกกับความสงสัย

“ อย่าปสนเรื่องเล็กๆน้อยๆ แบบนั้นเลยจะดีกว่ามันจะทำให้เธอปวดหัวเอาเปล่าๆ ”
R2 ตัดบทไปด้วยการบอกให้เธอเลิกสนใจเรื่องบุคลิคของ เรกกะ

“ เจ้าบ้า จะไปขอโทษศัตรูทำไมเล่า ”
ทาลิคนัส โวยวายขึ้นทันที

“ แหมๆ…ขอโทษหน้าตาเฉยแบบนี้เป็นมุขที่นึกไม่ถึงจริงๆแหะ ”
ทาลิควอส เปรยขึ้นบ้าง

“ ถ้าทำผิดแล้วมันก็ต้องขอโทษเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วไม่ใช่เร้อ ”
ทาโซรอส แย้งเสียงเรียบ

“ ไอ้เรื่องนั้นมันก็จริงนะ….เฮ้ยเดี๋ยวสิไม่ใช่ซักหน่อย มีใครที่ไหนเค้ามาขอโทษศัตรูกันวะ ”
ทาลิคนัส ทำทีเหมือนจะเห็นด้วยก่อนจะรู้ตัวแล้วหันมาแก้ต่างทันที

“ เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะว่าแต่เรา ออกไปยืดเส้น ยืดสายเสียบ้างแล้วล่ะอยู่แต่ในนี้มันอึดอัดยังไงไก็ไม่รู้ ”
ทาลูคัส บ่นขึ้นมาบ้าง

“ งอนแล้วด้วย…มาผลักรัดคิวกันแบบนี้อ่ะ ”
ทาไนซ สบถเสียงหงอ ด้วยอารมณ์บูดบึ้ง

“ ชั้นไม่รู้หรอกนะว่านายจะมาไม้ไหนน่ะ เรกกะ ยังไงชั้นก็ต้องจัดการสามคนนั่นตามหน้าที่อยู่ดี ”
เฟนท์ กล่าวพลางประกบพลองทั้งสองเข้าด้วยกัน ก่อนจะเปลี่ยนรูปพลองยาวเป็น
พลอง คาร์เนเลี่ยน

“ เรามาพูดกันดีๆจะไม่ดีกว่าเหรอ ”  “ Ventus et Dragos ”
ทาเวนทอส กล่าวพร้อมกับที่เสียงก้องกังวานขึ้นจากมวแสงสีเขียว ที่มือขวา ก่อนมันจะเปลี่ยนรูปเป็น
ดาบสั้นสีเขียวอมดำมีผลึกศิลามังกรฝังอยู่ตรงโคนดาบเช่น อาวุธของ ร่างอื่นๆทุกเล่ม
หากแต่เค้ากลับถือมันหันปลายดาบลง แทนที่จะหันขึ้น

“ อย่ามาเล่นลิ้น…กับชั้นนะ ”
สิ้นเสียง เฟนท์ ก็หายไปจากตรงหน้าก่อนจะอ้อมมาด้านหลังโดยที่ ทาเวนทอส ไม่รู้ตัว

“ เช่นนั้นแล้วคงเลี่ยงไม่ได้จริงๆขอโทษด้วยอีกครั้ง ”
สิ้นเสียง ทาเวนทอส ก็หายวับไปทันที แต่ปฏิกิริยารับรู้ของ เฟนท์ ที่เพิ่มขึ้นจากการ Avas-Trans ทำให้เค้า
พอจะจับการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของ ทาเวนทอส ได้เค้าจึงรับ คมดาบของ ทาเวนทอส ที่

พุ่งเข้าหาต้นคอของเค้าได้ทัน ก่อนมันจะเฉือนคอเค้าไป ไม่ทันไร ทั้งคู่ก็ผละตัวออกจาก
กันก่อนจะทะยานเข้าประดาบกันอย่างรวดเร็วจนเห็นแสงวูบวาบช่วงที่ ดาบปะทะกับพลอง

“ Full Charge Great of Dragon ”
สิ้นเสียงพร้อมกับที่ ไพ่ของ ทาเวนทอสถูกกลืนลงไปในดาบจนคมดาบเปล่งแสง
ในช่วงจังหวะนี้ทั้งสองก็ยังคง ผลัดกันออกกระบวนท่าประชันเชิงดาบกันต่อไปด้วยโดยไม่ลด
หย่อนความเร็วลงกันเลยแม้แต่น้อย 

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #93 on: April 14, 2009, 06:18:28 PM »

“ โห.. ”
R2 กับ สามสาว เปรยขึ้นด้วยความทึ่งในพลังของทั้งสอง
ขณะเดียว กันลูกมังกรลม ดิมมิเนียล (Dimminuial, Arimathea’s Baby Dragon)



ที่บินออกมาจาก ยานไซเบอริก้าตามสัญญาณการเรียกใช้ของ ทาเวนทอส ก็พึ่งจะมาถึง
ก่อนที่ มันจะเปลี่ยนร่างเป็น มังกรสายลม ดิมมินูวเลี่ยน (Dimminuialion, Arimathea’s Wind Dragon)



“ ได้เวลาตัดสินแล้ว.. ”
ทาเวนทอส เปรยก่อนจะถอยออกห่างจากรัศมีการจู่โจมของ เฟนท์ แล้วเข้าไปใกล้
ดิมมินูวเลี่ยน ขณะเดียวกัน เฟนท์ ก็หยุดด้วยเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่าย

“ คิดจะหนีไปด้วยเจ้านั่นรึไง ”
เฟนท์ ถามลองเชิงด้วยความสงสัย

“ ไม่หรอกชั้นไม่ทำอะไรที่เสียมารายาทแบบนั้นหรอก เรกกะ เองก็คงคิดยังงั้นด้วยเน้อ ”
ทาเวนทอส ตอบเสียงใส เหมือนพูดเล่นอยู่กับเพื่อนมากกว่าศัตรู

“ อ…เอ่อ ก็คงยังงั้น..ล่ะมั้ง ”
เรกกะ เองก็พลอยเขินตะหงิดๆไปด้วย

“ อะไรของนาย…ชั้นไม่สนแล้ว่าจะมาไม้ไหน ยังชั้นก็ต้องจัดการนายให้ได้ ”
เฟนท์ กล่าวพลางพุ่งเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว

“ ตอนนี้ล่ะ ปลดปล่อยเลย ”
ทาเวนทอส กล่าวกับ ดิมมินูวเลี่ยน ก่อนที่มันกระพือปีกสร้างแรงลม ออกมา
นี่คือท่าวิชา Flying Flare ที่จะสร้างแรงอัดลมกระจายไปที่เป้าหมาย

ทว่าแรงลมนั้นกลับถูกอนุภาคของ เฟนท์ หักเหออกจากเส้นทาง ทำให้เค้าพุ่งผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
และทันทีที่ พลองของ เฟนท์ จะเข้าถึงตัวของ ทาเวนทอส ท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของ
R2 และสามสาวด้านล่าง เค้ากลับหยุดเอาเสียดื้อๆ

“ ย..หยุดแล้ว ”
ทุกคนด้านล่างเปรยขึ้น ด้วยความตกตะลึงความตื่นเต้นระทึกใจเมื่อครู่หายวับไปกลายเป็นความ
ประหลาดใจตะลึงตา แทนเมื่อ เกราะของ เฟนท์ เกิดรอยร้าวขึ้น และมีเลือดอาบซึมออกมา
ด้วย

“ ยังไงก็ต้องหยุดล่ะนะ…เพราะถ้าขืนเค้ายังเข้าใกล้มามากกว่านี้….คงได้หลุดเป็นชิ้นแล้วก็จะถูก
Ether Strike ของ ดิมมินูวเลี่ยนที่พัฒนาเป็น ดิมมินูวลิอ้อน(Dimminuialions, the High Sky Dragon)
เป่าจนสลายเป็นผงไปเลยล่ะ ”

R2 บรรยายขณะที่ ทั้งสามสาวเริ่มจะสังเกตว่า ระยะทางที่ เฟนท์ พุ่งผ่านมานั้น มีคลื่นลมสลาตัน
วางขวางอยู่เป็นเส้นตีขวางตัดกันไปตัดกันมา ซึ่งดูเหมือนกับเป็นร่องรอยจากการ



ประชันดาบกันของทั้งคู่ และที่มือของ ทาเวนทอส ตอนนี้ก็ถือไพ่เพิ่มเป็นสามใบ
ซึ่งมันเรืองแสงอยู่ ขณะเดียวกันมังกรที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็หาใช่ ดิมินูวเลี่ยนที่จู่โจมออกไปเมื่อครู่ไม่
หากแต่มันได้พัฒนาร่างไปสู่อีกขั้นเป็น ดิมมินูวลิอ้อน มังกรแห่งฟากฟ้า

“ คลื่นลมที่เกิดจาก คมดาบถูกครั้งที่มันลู่กับ อากาศจะเกิดช่องว่างเป็นห้วงอากาศในบริเวณนั้นและหาก
เป่ามันด้วยลมที่มีความรุนแรง ห้วงอากาศที่ เกิดขึ้นก็จะดูดซับลมนั้นไว้และผันผวนกลายเป็นคมมีดสลาตัน
ที่พร้อมจะเฉือนทุกอย่าง ”
ทาเวนทอส อธิบายถึงสิ่งที่เกิด ขึ้นขณะที่ไพ่ถูกกลืนลงไปในศิลาทีละใบ

“ ที่ลมนั่นพัดชั้นไม่ไปไม่ใช่เพราะมัน เบาเกินไปแต่มันถูกทอนพลังไปเป็นการจู่โจม ทางอ้อม
และผ่าเกราะอนุภาคที่กางไว้รอบๆเข้ามา โดยที่ไม่ได้กระจายแรงทำลายไปที่ทุกส่วน
ของเกราะเกราะจึงไม่แตกในทีเดียว แต่การโจมตีจะทะลุเกราะเข้ามาที่ตัวชั้นโดยตรง…สินะ.. ”

เฟนท์ กล่าวตอบที่เหลือแทน ซึ่ง ทาเวนทอส ก็ผงกหัวรับ

“ งั้นที่ ดาบเปล่งแสงอยู่ก่อนนั่นก็ไม่ใช่ การเพิ่มพลังให้กับการโจมตีของดาบในช่วง
ที่รอมังกรประจำตัวแต่เป็นการเตรียม การจู่โจมให้พร้อมก่อนที่มังกรจะมาถึง…อย่างนั้นสินะ ”
R2 แจงต่อให้เสร็จสรรพ

“ ใช่แล้วก็อย่างที่ว่า…ขอโทษด้วยที่ทางเราไม่ได้บอกก่อน ”
ทาเวนทอส กล่าวก่อนจะโค้งตัวขออภัยอีกรอบ ทำเอาข้างล่าง
เซเสียหลักกันไปอีกรอบกับความไม่เอาแน่ไม่เอานอน ของ บุคลิคนี้

“ นี่นายฉัน ว่าจะไม่พูดแล้วนะ แต่ขอเถอะอย่าไปขอโทษศัตรูจะได้ม้ายยย ”
R2 ตะโกนอย่างเสียอารมณ์ ความรู้สึกทึค่งในฝีมือการต้อสู้ของ ทาเวนทอส เมื่อครู่นั้น
จางสลายไปจากใจของ สามสาวในพริบตาที่ คำขอโทษออกจากปากของ ทาเวนทอส

“ จะมา…ขอโทษทำบ้าอะไรของ..นาย..ชั้น..อั่ก..ไม่รู้ด้วยหรอกเฟ้ย… ”
เฟนท์ กล่าวไปสำลักไป ก่อนที่เลือดจะซึมออกมาจาก ร่องเกราะส่วนปากซึ่งหมายถึงเค้ากำลังกระอักเลือดอยู่นั่นเอง
ทว่า ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือทั้งที่อยู่ในสภาพปางตายแบบนี้ แต่ระดับความกดของพลังงานที่

ปล่อยออกมานั้นแทบจะไม่ลดลงแม้แต่น้อย สังเกตุได้จากละออง อนุภาคที่เริ่มมารวมตัวกัน
มากมาย ละอองทั้งหมดรวมศูนย์อยู่ที่ ปลายพลองเป็นมวลก้อนพลังงานที่ขยายขนาดของตัวมันเองขึ้นเรื่อยๆ

“ ถ..ถ้ายิงในระยะขนาดนี้ล่ะก็.. ”
ทาเวนทอส เผยอกับการตัดสินใจของ เฟนท์

“ ใช่แล้ว…ถ้ายิง…ในระยะนี้…ทั้งนาย..ทั้ง..ชั้น..อย่างน้อย..ชั้นก็จะ…ลากนายไปด้วย ”
เฟนท์ สบถโดยเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าแรงสะท้อนของการโจมตีนี้จะ ทำลายตัวเค้าไปด้วย

“ ไม่ได้การ ดิมมินูวลิอ้อน เป่าด้วย Ether Strike ซะ ”
ทาเวนทอส หันไปสั่งให้ ดิมมินูวลิอ้อน โจมตีทันทีเพื่อผลักให้พวกเค้าแยกพ้นรัศมี
ที่พลังทำลายจะสะท้อนใส่ตัวพวกเค้า

ทันทีที่ ดิมมินูวเลี่ยน เริ่มกระพือปีก มวลแสงของ เฟนท์ ก็ขยายขึ้นจนถึงขีดสุด
ไปพร้อมๆกัน

“ Charge and Up Great of Dragon ”
“ Geo Javelin ”
สิ้นเสียง ลำแสงอนุภาคบีบอัดพลังสูง ก็ถูกยิงออกมาจากมวลพลังงานของ เฟนท์
พร้อมๆกับที่ลมพายุสลาตันถูกสร้างขึ้นจากปีกอันทรงพลังของ ดิมมินูวเลี่ยน

ปนมากับ ลำแสงมังกรสีเขียวที่ พุ่งออกมาจากคมดาบของ ทาเวนทอส
การโจมตีของทั้งสองเข้าปะทะกันตรงๆในระยะประชิดยังผลให้การโจมตี

หักเหและสะท้อนเข้าหากันเองจน ทั้งคู่กระเด็นไป ตามแรงกระทำย้อนกลับของ
การปะทะทว่ากลับมีลำแสงพลังงานบางส่วนของ เฟนท์ ที่หลุดออกนอกรัศมีการปะทะ
กระเด็นลงมา ที่ ชารี่

“ ชารี่… ”
เอลิต้า ร้องผวาพลางชี้ไปที่ ชารี่ ที่ยังอยู่ในวิถีของ ลำแสง

“ หนีเร็ว ”
ซิกนัม ตะโกน

“ ไม่ทันแล้ว..ขามันก้าวไม่ออกอ่ะ..ตายแน่เรา ”
ชารี่ เผยอ ตาเบิกกว้างด้วยความกลัว ขณะที่ความตายกำลังคืบคลานเข้ามาทว่า
ทาเวนทอส กลับพุ่งเข้ามากอดเธอไว้พร้อมเอาร่างเป็นเกราะกำบังแก่เธอ

“ …เรกกะ..นาย… ”
เฟนท์ เปรยเมื่อได้เห็นการกระทำของ ทาเวนทอส ที่เข้าไปปกป้อง ชารี่

“ ทำไงดี…ต้องหาทางทำอะไรเข้าซักอย่าง…แปลงร่างเหรอ..ไม่ได้ไม่ทันแน่…ทำไงดีไม่มีวิธีเลยงั้นรึเดี๋ยวนี่มัน ”
ช่วงเสี้ยววินาที ชี้เป็นชี้ตายนี้ R2 ที่คิดหาทางแก้ไขก็เหลือบไปเห็น ลูกกลม God Send ที่กลิ้งอยู่ที่เท้าเธอ
ไม่ทันได้คิดอะไรเธอ คว้ามันขึ้นมาเตรียมตั้งท่าขว้างทันที

“ ขอให้มันได้ผลที่เถอะ…. ”
 R2 คิดพร้อมกับขว้างลูก God Send ออกไปลำแสงปะทะ เข้ากับลูกแก้ว God Send พอดี
พริบตานั้นก็เกิดแสงเจิดจ้าอาบไปรอบอาณาบริเวณ พร้อมๆกับเสียงติ้กตอกของเข็มนาฬิกาที่กำลังเดินอยู่ดังแว่ว
ขึ้นมาเรื่อยๆ

“ นี่…นี่มัน ”
เรกกะ ที่คุมสติสัมปัญชัญญะ ของ ทาเวนทอสอยู่ตอนนี้ เปรยขึ้น ขณะที่ความทรงจำ
และภาพความนึกคิดต่างๆได้ไหลเข้ามาในหัว ราวกับกระแสน้ำที่ไหลท่วมท้นลงมาในภาชนะที่ว่างเปล่า

จนเต็นและเอ่อล้น ออกมา ภาพเสียงเหตุการณ์ต่างๆที่เค้าประสบพบมามันได้กลับมาอีกครั้ง
ทันทีที่ แสงสว่างจางลง ร่างของ ทาเวนทอสก็สลายกลับคืน เป็น เรกกะ ดังเดิม

พร้อมๆกับที่ ลูกแก้ว God Send ได้กลับมาอยู่ในมือของเค้า ทันทีที่สัมผัสมัน เค้าก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง
ในความทรงจำที่เค้าเห็น เรื่องราวทังหมดที่ไหลผ่านเข้ามาในหัว มีเรื่องของ เฟนท์ ที่เค้าไม่เคยรู้มาก่อน

ไม่เพียงแต่ เฟนท์ เท่านั้นแม้แต่ ซาน เอมิล หรือแม้กระทั่ง ไอ ไปจนถึงบุคคลที่เค้าเคยเจอ
มันได้เอ่อล้นเข้ามา และรวมไปถึง ความทรงจำ ที่เมอริเซีย เมื่อสองร้อยปีก่อนกระทั่ง

ความทรงจำของ ลอว์เรนซ์ ที่ควรจะเป็นพ่อของเค้าเองด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดได้เป็นที่ประจักษ์แก่หัวใจของเค้า อย่างน่าอัศจรรย์ ก่อนที่ ทุกอย่างจะผ่านหายไป

และดึงเค้ากลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง ตอนนี้ เฟนท์ คืนร่างจาก Valkyrie เป็นเช่นเดิมแล้ว
และพร้อมๆกับที่บาดแผลทั้งหมดบนร่างของสมานปิดสนิท ไปเองอย่างน่าอัศจรรย์

“ เฟนท์….นี่นาย….นายกลายเป็น…อานิม่า… ”
เรกกะ เปรยโดยที่เค้าเองก็ยังสงสัยกับคำพูดของตัวเค้าเองว่า รู้ทราบได้อย่างไร แต่เหมือนกับอยู่ๆ
ข้อมูลเรื่องราวทั้งหมดมันได้กระจ่างขึ้นมาเองในหัวของเค้าเอง ราวกับเค้าได้รับรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว

“ ใช่…ชั้นก้าวข้ามวามตายมาแล้วนับแต่วันนั้นที่นายหยิบยื่นมันมาให้ชั้น ”
เฟนท์  สบถพลางยันตัวขึ้นยืนก่อนจะมองไปที่ สามสาวที่ รอดมาได้เพราะความช่วยเหลือของ เรกกะ

“ สำหรับพวกเธอฐานเป็นกบฏ.. ”
เฟนท์ กล่าวยังไม่ทันจบ เรกกะ ก็แย้งขึ้นทันที

“ เดี๋ยว…สามคนนั่นไม่ได้รู้อะไรด้วยถ้าชันยกเจ้าสิ่งนี้ให้แลกกับการไว้ชีวิตพวกเค้า…จะได้ไหม ”
เรกกะ กล่าวพลางยื่น ลูกแก้ว God Send ของวงแหวนแห่งการเวลา ให้

“ นี่นาย..ยังคิดจะต่อรอง..กับชั้นอีกงั้นเหรอ ”
เฟนท์ สบถพลางหันไปจ้องเค้าด้วยสายตาโกรธๆ

“ ไม่ใช่…นี่ไม่ใช่การต่อรองไม่ใช่การเจรจา แต่ชั้นกำลังสั่งนายอยู่.. ”
เรกกะ กล่าวเสียงกร้าว ดวงตาก็แข็งกร้าวเปลี่ยนไปจากทุกที

“ นี่…นาย… ”
เฟนท์ ทำได้แต่เพียงกัดฟันแค้นเพียงเท่านั้น เพราะ God Send อยู่ในมือของเรกกะ และตอนนี้
ตัวเค้าเองก็ไม่มีแรง พอจะสู้กับ เรกกะ ได้อีกสถานการณ์ตอนนี้บังคับให้เค้าต้องทำตามแต่โดยดี

“ เจ้าสิ่งนี้น่ะสำคัญยังไงกับองค์กรของนาย…ชั้นไม่รู้หรอกนะจะถามนาย…ตัวนายเองก็ยังไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ ”
เรกกะ กล่าวเสียงเรียบ  ขณะที่ เฟนท์ ถูกคำพูดของเค้าสะกิดใจไปเรื่อย

“ ตัวนายมันก็แค่สุนัขรับใช้ของพวก อานิม่า เท่านั้นเป็นแค่เครื่องมือที่
ถูกความแค้นบังตาจนมองไม่เห็นความจริง ”
เรกกะ ยังคงกล่าวดูถูกเหยียดหยาม เฟนท์ ต่อไปขณะที่ เดินเข้ามาใกล้ เฟนท์
ซึ่งตัว เฟนท์ เองก็ได้แต่ขบกรามแน่นเพื่อยั้งอารมณ์ของตัวเองไว้

“ แต่นั่น..ก็เป็นสาเหตุที่ชั้นยังคงเชื่อใจนายในฐานะเพื่อนอยู่… ”
เรกกะ กล่าวพลางจับมือ ของ เฟนท์ ขึ้นมาก่อนจะยัดเยียด God Send ให้
จากการสัมผัส มือที่เย็นเชียบเพราะชุ่มไปด้วยเหงื่อในตอนนี้ของ เฟนท์ ทำให้เค้ารับรู้ได้ว่า
ลึกๆแล้ว เฟนท์ เองก็ยังคงสับสนอยู่กับการตัดสินใจของเค้า

“ เห็นแก่ความเป็นเพื่อนของเรา ครั้งนี้ชั้นจะยอมนาย…แต่อย่าหวังว่าชั้นจะยกโทษให้นายซะล่ะ… ”
เฟนท์ สบถพลางสะบัดมือ ออกจากมือของ เรกกะ  ก่อนจะเดินถอยออกห่างไป


“ จำไว้ เรกกะ ชั้นไม่มีวันยกโทษให้นาย สักวัก นายจะต้องสังเวยให้กับคมดาบที่ชั้นจะเป็นผู้ใช้มันจบชีวิตนายเอง ”
เฟนท์ กล่าวก่อนจะสร้างอนุภาคขึ้นห่อหุ้มตัวของเค้าเพื่อยกตัวลอยขึ้นไป

“ พวกเธอสามคน ทีม ฮาร์ทไฟร์ ถูกขับไล่จากองค์กรอย่างเป็นทางการแล้ว…อย่าเสนอหน้ากลับมาให้เห็นอีก ”
เฟนท์ ตะคอกก่อนจะบินหายลับไปในขอบฟ้า ทิ้งให้ ทั้งสาม นั่งสลดใจทั้งที่พวกตนถูกใส่ความ
เรื่องการทรยศ แท้ๆ

“ เฟนท์ ถึงนายถูกความแค้นบังตาจนกลายเป็นเครื่องมือของพวกมัน แต่ชั้นยังคงรับรู้ได้ถึง
เสียงร่ำร้องลึกๆในหัวใจของนาย นั่นคือสาเหตุที่ชั้นไว้ใจนายและขอบคุณนายในตอนนี้ ”
เรกกะ คิดพลางทอดสายตาไปยังขอบฟ้า ที่เฟนท์ หายตัวไป

“ ดูเหมือนนายจะได้ความทรงจำกลับคืนมาแล้วสินะ.. ”
R2 กล่าวขณะที่เดินเข้ามาหา

“ ตอนนี้ชั้นจำได้แล้วทุกสิ่งทุกอย่าง..ใช่ชั้นฆ่าทุกคน ทั้ง ไอ ซาน เอมิล ไรด์ ทุกคนล้วนถูกชั้นทำลาย
และนายเองก็ด้วยเฟนท์ ชั้นจะทำลายนายด้วย ”
เรกกะ เปรยขึ้นพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลรินลงมาอาบใบหน้าของเค้า

………………
…………………………

ผืนป่าใกล้กับ อิกดราซิล เขตทางเหนือของ โลกอส

“ ฮูมมมมมมมมมมมมม ”(เจ้าเป็นใครมีธุระอะไรกับข้า)
อาแมนคริส คำรามต่อผู้ที่มาเยือน ณ รังของมัน ซึ่งทำจาก กองซากไม้ของต้นไม้ในป่าแห่งนี้
หลังจากที่มันหนีออกมาจาก ห้องทดลองของ กลุ่มมาราดัน

“ ข้ามีเรื่องที่จะต้องขอให้เจ้าช่วย..ไม่สิยังไงเจ้าก็ต้องช่วยข้า ”
ชายผู้ปกปิดตัวเองทำตัวลึกลับที่มักจะออกมาจับเวลาทุกครั้งที่ เรกกะ เปลี่ยนร่างกล่าวก่อน
จะถอดหมวกและแว่นตาออก เค้ามีหน้าตาเหมือนกับ ลอว์เรนซ์ ทว่าดูสูงวัยกว่า

“ ฮูมมมมมมมมมมมม ”(เป็นมนุษย์ที่แปลกนะเจ้าฟังที่ข้าพูดรู้เรื่องด้วยงั้นรึ…ไหนลองว่ามาซิทำไม
ข้าจะต้องช่วยเจ้าด้วย)
อาแมนคริส คำรามอีกครั้งดูเค้าจะคุยกับมันได้ ชายผู้นั้นหัวเราะ  ก่อนจะหยิบเอา ขวดนาฬิกาทรายที่
ถูกเปิดฝาเอาไว้ด้านหนึ่งภายในขวดว่างเปล่า

“ นั่นเพราะข้าคือ ผู้ที่ถูกเลือก ”
ชายผู้นั้นกล่าวจบ ร่างของ อาแมนคริส ก็สลายกลายเป็นทรายก่อนจะถูกสูบลงไปในขวดนาฬิกา
ชายผู้นั้นจึงปิด ฝาขวดก่อนจะพลิกหงายให้มั้นตั้งขึ้นมาอีกด้าน ทรายของ อาแมนคริส จึงเริ่มไหลลงมา
ด้านล่างขวดทีละน้อยทีๆ

“ เท่านี้ที่เหลือก็ขึ้นกับเวลาเท่านั้น… ”
ชายผู้นั้นกล่าวพลางเดินหายลับเข้าไปในมุมมืดของแนวต้นไม้ในที่สุด

โปรดติดตามตอนต่อไป

Next Saga

เรื่องทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นที่ชั้น ทั้งที่เฟนท์ เปลี่ยนไปและการจากไปของทุกคน
ตอนนี้ชั้นไม่อาจเสียใครไปได้อีกไม่อย่างนั้นชั้น ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้
หนทางข้างหน้าชั้นเลือกแล้ว แม้จะต้องก้าวไปด้วยตัวเพียงคนเดียวก็ตาม

หากพลังแห่ง ทาลิวิลย่า จะนำไปสู่ความโดดเดี่ยว ก็จงทะยานไปด้วยวามหวังสิ Thaliwilya

ตอนต่อไปใน Legend Thaliwilya of the Arimathea Saga 15 Reason…

โอย ยิ่งเขียนยิ่งเครียด ที่เครียดไม่ใช่ว่าเขียนไม่ออก แต่ไม่กล้าจะเขียนเลยตังหาก
ปกติวิธีการเขียนของ ผมจะต่างกับ เจ้าการุรุม่อน ตรงที่ไม่ได้มีการวางโต้งเรื่องทั้งหมดมาตั้งแต่ต้น

แต่ใช้คุณสมบัติของคาแรกเตอร์ ที่มีอยู่มาเดินเรื่องโดยสร้างเหตุการณ์ขึ้นหนึ่งเหตุการณ์จากนั้น
จึงสวมบทเล่นเป็นตัวละครตัวนั้นดูว่าหากเป็นแบบนี้ ตัวละครจะตัดสิ้นใจอย่างไงทำอะไร

ดังนั้นจึงใช้เวลาเขียนที่นานแต่ก็ไม่เป็นการกดดันตัวเองเวลาเขียนว่าต้องออกมาเท่านี้นะ
เนี้ยบๆแบบนี้นะ มันเลยทำให้การเขียนนิยายสนุกไปด้วยเพราะตัวคนเขียนเองก็จะไม่รู้เหมือนกันว่า

เนื้อเรื่องจะเดินไปยังไงแบบไหนต่อ ก็ได้ลุ้นไปกับผู้อ่านด้วย ที่จริงนี่คือแบบที่เขียนเอาไว้ในภาคแรก
จำนวนตอนมันเลยออกมาครึ่งๆกลางๆ 33 ตอนไปซะได้ แต่ภาคนี้ผมลองวางโต้งเรื่องกับกำหนดจำนวน

ตอนไปด้วย เพื่อไม่ให้ตอนจบ ออกมาตรงกับแบบที่ทั้งผมและผู้อ่านจะเดาทางได้ง่ายๆ
ซึ่งหากดูจากภาคแรกเนื่องจากการเขียนแบบนั้น

ทำให้ตัวผมประสบปัญหาอยู่เหมือนกันคือ..มันขาดมิติ เนื้อเรื่องมันเรียบเกินไป แค่แปลงร่างสู้ 12 เทพขุนศึก
ให้ชนะล้มบอสใหญ่ที่เป็นพ่อตัวเอง จบ  มันง่ายไปดังนั้น เลยมีการเพิ่มคาแรกเตอร์ อย่างพวกเจนัส เข้ามา

 พร้อมกับตั้งทฤษฎีว่า ตัวเอกไม่ได้เก่งเวอร์ ขนาดคนเดียวพิชิตได้ทั้ง กองทัพ ก็เลยมีการทรยศ
กลับฝ่ายไปมา เดี๋ยวตัวร้ายกลายเป้นพวกเดี๋ยวพระเอกเป็นตัวร้ายบ้าง แน่ล่ะ ผลคือมันให้กำเนิด

คาแรกเตอร์สองอารมณ์ขึ้นมาเลย และเพื่อไม่ให้มันดู แข็งเกินไปเลยไปศึกษาข้อมูลเพิ่ม(จากยูกิ)
ได้คำตอบคือ คาแรกเตอร์สองบุคลิค ไงหาทางออกง่ายดีมะ

แต่ในภาคนี้วิธีเขียนจะต่างออกไปนั่นคือ ผมให้ เปิดให้ทีมงาน ได้มีส่วนในการวางคาแรกเตอร์ด้วย

เนื้อเรื่องมันเลยออกมาดูเละๆอย่างที่เห็น สังเกตุได้เด่นชัดเลยว่า
ประเด็นของเรื่องไม่สามารถจับ ได้เลยว่าเป็นยังไง
เพราะตอนต้น มาก็มีเรื่องของ Empyrean Adjust จากนั้นก็ มาราดัน แล้วไป บริทเทเนอร์

เหมือนต้องสร้างเรื่องสร้างพื้นขึ้นมาหลาย ครั้งมากแล้วมีพล็อตใช้แล้วทิ้งอีกเยอะที่ไม่ได้กล่าว
งานเลยออกมาเผาเอามากๆเลยตั้งแต่

Saga 10 ขึ้นไป เพราะเนื้อเรื่องไม่ลงตัวเอามากๆ ต่างจากภาคแรกที่ ศัตรูมีเพียงหนึ่ง
และหักมุมเล็กน้อยโดยเล่นกับความสัมพันธ์ของตัวละคร โดยกระจายเนื้อเรื่องก่อนจะสร้างจุดเชื่อมให้แก่ตัวละคร

ได้เข้าหากันดังที่สังเกต คือพวกเจนัส สืบเชื้อสายตระกูลที่ปกป้อง ลอว์เรนซ์ มา และ ลอว์เรนซ์ ก็เป็น
ลูกของศัตรู มันทำให้เรื่องง่ายและดูมีสีสัน กว่า แต่ภาคนี้บอกเลยผมว่ามันเละจริงๆนั่นล่ะ

คือการเล่นกับจุดเชื่อมตัวละครหายไป มิติคาแรกเตอร์มันตื้นไป บอกแบบนี้
เป็นเพราะ ตัว เรกกะ ที่ไม่เคยจะสู้เองเลยเพราะ
ในการแปลงร่างก็มีการอำนวยความสะดวกด้วยการใช้อีกบุคลิคสู้แทน

ทำให้เราแทบจะไม่รู้ตัวตนจริงๆของเรกกะ เลยในช่วงต้น เกือบจะคิดไปเลยด้วยซ้ำว่าหมอนี่ไม่มีตัวตน
พอมีเรื่อง ที่ไปประกาศโจ่งแจ้งให้ชาวบ้านเค้าลุกมาตีกับ Empyrean Adjust เข้ามันเลยดูเหมือนว่า

เรกกะ คิดง่ายๆเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง พอถูกมาธิอัส สะกิดเข้าหน่อยเป็น สติขาดมือไวใจร้อนเกือบฆ่าเพื่อนตัวเองตาย
สุดท้ายเพื่อไม่ให้ เฟนท์ ที่มีบทค่อนข้างจะมากกว่าชาวบ้านด้วยกัน หรือพูดให้ถูกเรื่องทั้งหมด

แทบจะขึ้นอยู่กับหมอนี่มากกว่า เรกกะ อีกเพื่ไม่ให้ โดนเก็บหายไปเลยต้องยกระดับพลังให้
เวอร์เกินขึ้นไปอีกขั้น แน่ล่ะมันแทบจะกลายเป็นงานโชว์แอคชั่นไปแล้ว ถ้านี่คือ อนิเม

มันคงจะเป็นเรื่องที่ดูดีอยู่เหมือนกัน แต่ นี่มันนิยาย เราไม่เห็นภาพเราต้องจินตการภาพขึ้นมาเอง
จากข้อมูลที่ผู้เขียนลงไว้ ซึ่งแต่ล่ะคนอาจไม่เหมือนกัน และด้านการสื่อเนื้อหาของ เรื่องผมเองยังค่อนข้างแย่

สุดท้ายเลย ลงมติ ต่อรองกับทุกคนว่า สุดท้ายที่เหลืออีกประมาณ 7 -8 ตอนเนี่ยขอผมเดินเรื่องคนเดียวได้ไหม
มันจะได้ไม่เละไปกว่านี้ และนี้ก็คือเหตุผลว่า เนื้อเรื่องมันเริ่มจะ เดจาวู อีกรอบ

นั่นคือ เพื่อนฆ่ากันเอง อีกแล้ว แต่อย่างว่าจริงๆ ตั้งกะเริ่มเรื่องมาจนกินไปครึ่งบทแล้ว
ยังไม่ได้ใจความที่จะขับเคลื่อนให้ เรกกะ ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซะที ดังนั้นผมเลยเล็งเห็นว่า

ตัวละครมันเยอะเกินไปเกะกะ ตัดออกมั่งลดบทมั่งเป็นตัวประกอบไป เชือดทิ้งบ้าง
ซึ่งหลักๆเลย พวก ซาน เอมิล ไรด์ ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวละครหลัก ด้วยบทน้อยไปจน

เฟนท์ ดูจะเด่นเกินหน้าเกินตา เลยจับเชือดทิ้ง รีเซ็ท ใหม่ตั้งกะ บทที่ 14
นั่นคือผมมาตั้งต้นใหม่ การทำแบบนี้เพื่อบีบเนื้อเรื่องให้มันแคบลงไปอีกนิดไม่งั้น

คงออกอ่าวเปอเซีย ไปแล้ว ถ้ามองในมุมมองของตัวละคร จะว่าผมโหดก็ได้นะ ที่ไปบังคับ
บีบคั้นจิตใจของ ตัวละคร แต่แบบนี้แหล่ะน่าจะดีอย่างที่มันควรจะเป็น
แต่ลึกผมก็โหดนะเหอๆ

ว่าแล้วไปดูช่วงแถมท้ายกันเลย ร่ายมาซะยาว ยังไม่เข้าเรื่องซักทีฮา
เรื่องตอนพิเศษที่เคยสัญญาไว้จะถูกนำมาลงในช่วงแถมท้าย นะครับ โดยเจ้า การรุม่อนเป็นคนเขียนบท
เองร่วมกับทุกคนยกเว้นผม(แหงล่ะผมฮุบงาน ส่วนใหญ่มาหมดแล้วนี่ )
ว่าแล้วไปดูกันเลยเหอะ

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #94 on: April 14, 2009, 06:20:13 PM »

Special Legend Thaliwilya



คำศัพท์ที่ควรเข้าใจก่อนอ่านตอนพิเศษ

จิ้น=คำย่อของ Imagine หรือจินตนาการ


Turn 01 Imagine Battle Recca Vs. Fient

ฉาก ลานพักผ่อนในโรงเรียน St. Magnus

R2 : กะแล้วเชียว นั่งดื่มชากลางแจ้งในโรงเรียนเนี่ย ได้รสชาติดีกว่าจริงๆด้วย
ทั้งกว้างสบายตาดีกว่านั่งอยู่ในยานซะอีก

มาเรียลูส:แต่ว่าออกมาปรากฏตัวกลางโรงเรียนแบบนี้มันจะดีเหรอ R2

R2:ไม่ต้องห่วงหรอก มาเรีย ในที่แบบนี้น่ะไม่มีใครเค้าว่าหรอก

มาเรียลูส:ที่แบบนี้?

R2: ผู้ใหญ่น่ะเค้าไม่ใส่ใจเรื่องพรรค์นี้กันหรอก

ไอ:ทำไม มิมิ กับโคเว็ท ถึงเข้าข้าง เรกกะ ล่ะ

มิมิ:ก็ไม่ได้เข้าข้างใครหรอกนะ แต่ว่า…
 
โคเว็ท :ถ้าสู้กันตรงๆยังไง ล่ะก็ เฟนท์ ก็ไม่มีทางชนะ เรกกะ ได้หรอกน้า

 R2 :คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ? ฟังน่าสนใจดีนี่

ไอ:อ๊า R2  ท่านมาเรียลูส ฟังนะๆ ตอนนี้เรากำลังถกกันว่ามีกีฬาอะไรบ้างที่ เฟนท์ จะเอาชนะ เรกกะ ได้

มาเรียลูส: เฟนท์ เอาชนะ เรกกะ?

R2:ถกประเด็นหนักน่าดูนะเนี่ย

ไอ:ทั้ง มิมิ ทั้ง โคเว็ท พูดเหมือนกันเลยว่ายังไงก็ไม่มีทางชนะได้น่ะ

มาเรียลูส:อ้อมิน่า ทำไมเธอถึงได้ทำหน้ามุ่ยแบบนั้นน่ะ

โคเว็ท : โทษนะเพคะที่ขัดจังหวะ แต่พวกเรามาคุยกันสนิทสนมแบบนี้จะดีเหรอ?
จริงๆแล้วบางคนยังไม่เคยเจอหน้ากันเลยนะ

R2 :จะว่าไปก็จริงด้วย

มิมิ: แหม ไม่เป็นไรหรอกน่า ก็เป็นที่แบบนี้นี่นา

โคเว็ท : ที่แบบนี้?

มิมิ: เรื่อง-ของ-ผู้ใหญ่-น่ะ

โคเว็ท: อย่างนี้นี่เอง
ไอ: เชื่อกันง่ายๆซะงั้น
R2:งั้นเอาเป็นว่าตั้งแต่ตรงนี้เป็นต้นไปพวกเราเป็นคนรู้จักกันนะ ดีไหม?

ไอ มิมิ โคเว็ท มาเรียลูส : จ้า~~~~

มาเรียลูส :งั้นต่อจากเมื่อกี้เอ…กำลังถกกันว่ามีกีฬาอะไรบ้างที่ เฟนท์ เอาชนะเรกกะ ได้ใช่มั้ย

มิมิ:ก็อย่างที่คิดน่ะแหล่ะหนา ต่อให้เป็น เฟนท์ ก็ไม่มีทางเอาชนะ เรกกะ ได้หรอกเล่นมีตั้ง หก ร่างแบบนั้น

R2 :น่าสนใจดีนี่ งั้นถ้าเป็นฟันดาบล่ะ? ถึงจะเห็นแบบนั้นแต่ เรกกะ ก็ไม่ได้ฟันเก่งนักเก่งหนาหรอกนะ
(กระซิบ:แหงสิก็ให้ ตาบื้อทาลิคนัส ฟันให้นิ)

โคเว็ท:แน่ใจนะว่านั่นชม ไม่ใช่ด่า

R2:ก็คนที่ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้มากกว่าเป็นฝ่ายชนะไงล่ะ เอาชีวิตเป็นเดิมพัน

ไอ:ไม่ได้หรอกใช้ชีวิตเป็นเดิมพันแบบนั้น

มาเรียลูส:ใช่ R2 ใครแพ้ถึงตายเชียวนะ

R2 :เหรอแบบนั้นก็ดีในหลายๆความหมายสำหรับ ฉันนะ

ไอ:งั้นถ้าเป็นว่ายน้ำล่ะ? [จากผู้เขียน:สังเกตว่าไอ มีนามสกุล เลมูเรีย
ที่จริงแล้วเธอเป็นชาวเงือกแต่ไม่เคย บอกใคร]

มาเรียลูส:ว่ายน้ำ?

ไอ:ใช่ ที่ทะเลท่ามกลางแสงแดดหน้าร้อนเป็นไง

โคเว็ท:ไม่ใช่สระว่ายน้ำเหรอ?

ไอ: ก็สระว่ายน้ำมันไม่มีชายหาดนี่นา

R2 :ชายหาด?

ไอ:เมฆที่ลอยละล่อง เกลียวคลื่นซัดสาด สายลมที่พัดพากลิ่นอายของหน้าร้อนมา
สุดท้ายก็หาดทรายสุดลูกหูลูกตา ตัดกับ เฟนท์ และ เรกกะ ในชุดว่ายน้ำที่โดดเด่นเป็นสง่า
จากนั้นทั้งคู่ก็ดวลกันโดยเอาศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเป็นเดิมพัน!

(ตัดเข้าฉาก จิ้น)
คิดซะว่าทีเสียงคลื่นเสียงลมด้วยจะรู้สึกสมจริงขึ้น

เรกกะ: ทะเลนี่ เฟนท์ เราไปว่ายน้ำกัน เถอะ

เฟนท์: เดี๋ยวก่อน เรกกะ จะลงน้ำต้อง วอร์มอัพ ก่อนสิ

เรกกะ:เห พูดยังกะอาจารย์งั้นแหละ

เฟนท์: ถ้าเกิดตะคริวกินกลางทะเลขึ้นมาเดี๋ยวก็ได้เป็นเรื่องใหญ่หรอก เอ้า! หนึ่ง! สอง! หนึ่ง!  สอง!

เรกกะ :ฮะ ไม่ต้อง ซีเรียสขนาดนั้นก็ได้น่า ฮึบ (สาดน้ำใส่)

เฟนท์:มันหนาวนะ! ทำอะไรของนายน่ะ เรกกะ !

เรกกะ : ก็นายเหม่อเองนี่นา

เฟนท์:หนอยแน่ะ

เรกกะ:แน่จริงก็จับให้ได้สิ

เฟนท์: รอด้วย เรกกะ

เรกกะ: ทางนี้ไง เฟนท์

เฟนท์: แน่จริงอย่าวิ่งเซ่

เรกกะ + เฟนท์ : ฮะๆๆๆๆ (วิ่งไปหัวเราะไปแบบร่าเริง หยึยคิดแล้วสยอง)

(จบฉากจิ้น)


ไอ : ไม่ได้นะทั้งสองคน วิ่งเล่นไล่จับทั้งชุดว่ายน้ำแบบนั้น…ไม่ยอมนะ เฟนท์ ขอฉันเล่นด้วยคนสิ!

ปรี้ดดดด! (เสียงอะไรบางอย่างเหลวๆพุ่งพรวด)

มาเรียลูส: อ..ไอ เป็นอะไรรึเปล่า?

โคเว็ท:รู้สึก เลือดกำเดาออกจนสลบไปแล้ว เอาทิชชู่อุดจมูกไว้แล้วปล่อยเค้านอนพักไปเหอะ

มาเรียลูส:เป็นอะไรของนะ อยู่ๆก็ตื่นเต้นซะจน…


R2:สงสัย จิ้นเลยเถิดไปเป็นอย่างอื่นที่ไม่ใช่การดวลแบบลูกผู้ชายล่ะมั้ง

มาเรียลูส:งั้นก็แสดงว่ายังไม่รู้ผลแพ้ชนะน่ะสิ

มิมิ: งั้นถ้าเป็นเทนนิส กีฬาใช้กำลังแบบผู้ดี๊ผู้ดี…แบบนี้ เฟนท์ อาจมีสิทธิ์ ชนะบ้างก็ได้

(ตัดเข้าฉากจิ้น )

เรกกะ : เอาล่ะนะเฟนท์ !

เฟนท์: มาเลย เรกกะ !

เรกกะ: วิชาลูกพลังลำแสงอัศนีกัมปนาท มังกรผงาด เกรชออฟดราก้อน เสิร์ฟ!!

ฟิ้ววววววว เปรี้ยงงงงงงงงง ตูมมมมม บรึ้มมมมม

เฟนท์: แอ้ก (โดนอัดเต็มๆ)

เรกกะ: ดราก้อน ไต้ฝุ่น สลาตัน ทอร์นาโด สแมช!!

วูบ ช้าคคคคคค เปรี้ยงงงง โครม บรึ้มมมม

เฟนท์ : อั่ก

ปรี้ดดดด (เสียง ชาร์จเกจ เต็มพิกัด)

 Full Charge Great of Dragon

เรกกะ: แมกนั่ม ทาลิวิลย่า สเปลเชี่ยล  เดอลุกซ์!!

วู้มมม ก็าซซซซซ ครืนนนนน เปรี้ยงงงง ปร้างงง แว้บบ แช้ดดดด
ตูม บรึม วิ้งๆ

เฟนท์: แอ้ก โอ้กก

(จบฉากจิ้น)


มาเรียลูส:ซี้แหง

โคเว็ท:ตายแน่

มิมิ:ฮิๆ ไม่ได้จริงๆด้วยเนอะ


ชารี่:คุยอะไรกันอยู่น่ะ หาวิธีฆ่า เฟนท์ กันอยู่เหรอ?

โคเว็ท:ชารี่ !!?

เอลิต้า: เอลิต้า~! ค่า

ซิกนัม:ฉันเอง ซิกนัม

ชารี่:พวกเราคือ สามสาวทรีโอแห่ง Empyrean Adjust หรือจะเรียกว่า สามสาวงามก็ได้นะ

มิมิ: เดี๋ยวๆ ฟังดูไม่เหมาะเลยซักคนนะ

R2: ตัวปัญหาโผล่มาเพิ่มอีกละ

มาเรียลูส: หยั่งวันรวมญาติเลยนะ

ชารี:ยังไงก็เถอะ พวกเราได้ยินที่ทุกคนถกกันแล้วล่ะ แต่ยิ่งฟังยิ่งปวดหัวอ่ะ ไม่มีทาง ที่
เฟนท์ คุง จะเอาชนะศัตรูที่ร้ายกาจอย่าง เรกกะ ได้ง่ายๆหรอก

เอลิต้า:จริงด้วยๆ อย่างเช่นตอนที่…

(ตัดเข้าFlash Back ของ เอลิต้า จริงๆคือหลังไมค์น่ะ)

กิ๊งๆๆ

เอลิต้า:ตายแล้วทำไงดี เผลอทำตกลงไปซะได้

เรกกะ:มีอะไรรึเปล่า เอลิต้า ?

เอลิต้า:ตะกี้ ฉันทำ Crisisor ตกลงไปใต้ ยานไซเบอลิก้า ดราก้อนน่ะ

เรกกะ: ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ท่าทางจะสำคัญสินะ

เอลิต้า:นั่นสิจะทำไงดีน้า

เรกกะ: งั้นเดี๋ยวชั้นให้ R2 ช่วยขยับยานให้นะ

เอลิต้า:เดี๋ยวก่อนๆ ถ้าเกิด มันพังขึ้นจะไม่มีอะไหล่นะ

เรกกะ:ถ้างั้นเดี๋ยวชั้น ช่วยยกตัวยานด้วยมือเปล่าให้ก็แล้วกัน ระหว่างนั้น เธอรีบหา มันให้เจอนะ

เอลิต้า:นั่นสินะถ้าใบช้วิธีนี้ล่ะก็…เอ๋!?

เรกกะ:จะยกล่ะนะ วิ้งงงง(เสียงตาซ้ายทำงาน เปลี่ยนบุคลิคเป็น ทาโซรอส) ฮึบย้ากกก
ครึก ครืนนนน(เสียงยานโดนยกขึ้น) เจอ…รึ…ยัง?


เอลิต้า: อ๊ะ จ..จ..เจอแล้วค่า!

(จบ Flash Back)

R2 : กะแล้วเชียว ว่าทำไมยานมันโยกๆ เป็นใครเจอแบบนั้นเข้าไปก็อึ้งทั้งนั้นล่ะ

โคเว็ท:ไม่นึกเลยว่า เรกกะ จะร้ายกาจขนาดนี้..

ซิกนัม:ถ้าเป็นแบบนั้นลองเล่นมวยปล้ำดูเป็นไง

โคเว็ท:เดี๋ยว! ซิกนัม นึกยังไงถึงคิดว่าเฟนท์ จะชนะได้เพราะมวยปล้ำเนี่ย!?
ซิกนัม:ก็ลองนึกถึงเรื่องหักมุม กับ แบล็กฮิวเมอร์(มุขใต้สะดือ) ไง

โคเว็ท:หา!?

ไอ:อ๊ะ นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย?

โคเว็ท: อ้าว ไอ ตื่นแล้วเหรอ? เธอเลือดกำเดาไหลแล้วก็สลบไปน่ะ

ไอ : เลือดกำเดา?

ซิกนัม:ทำให้ เฟนท์ ชนะน่ะง่ายนิดเดียว ก็แค่ทาครีมไว้ให้ทั่วตัว

ไอ:ทาครีม…ทั่วตัว

โคเว็ท: ซิกนัมบอกว่า ถ้าเป็น มวยปล้ำ เฟนท์ อาจจะมีทางชนะ เรกกะ ได้ว่าแต่ทำไมต้องทาครีมด้วยล่ะ?

ซิกนัม:ก็เพราะว่า….

(ตัดเข้าฉากจิ้น)

(นึกถึงเสียง อะไรลื่นๆแหยะๆ ประกอบไปด้วย)

เรกกะ:สุดยอด ลื่นชะมัดเลยครับ กรรมการ ครับ ! เฟนท์ ลื่นไปหมดทั้งตัวเลย!

เฟนท์ :ไงล่ะ เรกกะ ทีนี้นายก็ไม่มีทางจับชั้นได้แล้ว ฮ่าๆๆๆ

เรกกะ: เฟนท์ ลื้นลื่น! ลื่นไปหมดเลย!

(จบฉากจิ้น)

R2 :นั่นมันอะไรกัน ล่ะนั่น

ชารี่:ไม่ใช่แค่มวยปล้าธรรมดา แต่ เป็นมวยปล้ำอาชีพซะด้วย (มันต่างกันยังไงหนอไม่เก็ทมุข)

ไอ:ลื้นลื่น…เฟนท์ ลื้นลื่น…..(ปรี้ดด)

มาเรียลูส: อ๊า ไอ เลือดกำเดาพุ่งอีกแล้วล่ะ

มิมิ: สงสัยจะจิ้นเลย เถิดไปว่า เฟนท์ กับ เรกกะ เปลือยกายกอดกันล่ะมั้ง

ซิกนัม: อือฮึ

ชารี่: กล้าพูดนะเธอเนี่ย

(นอกจาก สองคนนั้น ที่เหลือหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศยกวง)

ซาน:งั้นลอง แข่งสเก็ตน้ำแข็งดีไหม

โคเว็ท:พี่ซาน มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?

ชารี่:เข้ามาแบบไม่รู้สึกตัวเลย หรือว่าเค้าจะมีวิชาอำพรางกายแบบนินจา!
(เอ่อคือ เจ็ เค้าแค่เดินเข้ามาแบบธรรมดาๆเองนะ)

มาเรียลูส:ถ้าเป็น สเก็ต จะมีสิทธิ์ชนะเหรอ?

ซาน: ก็อาจเป็นแบบนี้ไงคะ….

(ตัดเข้าฉากจิ้น)


ปัง(เสียงปืนให้สัญญาณ)

เฟนท์: เดี๋ยว เรกกะ รอด้วยชั้นไม่กล้าปล่อยราวมือจับ !

เรกกะ: อ้าว เฟนท์ เล่นสเก็ต ไม่เป็นหรอกเหรอ? ช่วยไม่ได้ เอ้า ส่งมือมาสิ เดี๋ยวชั้นจูงนายเอง

เฟนท์: ฮึ ชั้นไม่ได้แกล้งเอาแต่ จับราวเพราะอยากจะจับมือกับนายหรอกนะ…
(อ๋อ นี่แสดงว่า บทที่15นี้ที่เรกกะ ยัดลูกแล้วให้ที่มือนี่แอบแต๊ะอั๋ง เค้าไปด้วยใช่ไหม)

เรกกะ:ฮะๆ รู้แล้วน่า เฟนท์

(จบ ฉากจิ้น)

ชารี่:เดี๋ยวสิ ไหง เฟนท์ ซึนเดเระ ซะขนาดนั้นล่ะ?(โอ้ ท่านชารี่ขา เป็นโอตาคุด้วยรึนี่สมแล้วที่มีหลายฟอร์ม)
ซาน:อ้าวไม่ดีเหรอ?

ชารี่:ป..เปล่า…ก็…ดีแล้วมั้ง

คนอื่นๆ:เอ๋?

เรโค่ :ต้องซูโม่ สิคะ!

พี่สาวเรกกะ:ยะโฮ่ ฉันก็มานะ

มาเรียลูส: เรโค่! แล้วก็ พี่สาวของเรกกะ!(เอ่อ ตกลงเจ๊เค้าชื่อ “ พี่สาวเรกกะ” ใช่มะเนี่ย-*-)

เอลิต้า:แหมในที่แบบนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้เนอะ

เรโค่ :ถ้าทั้งสองคนจะแข่งกันก็ต้องกีฬาประลองกำลังของ นิคโคอุ นี่ล่ะค่ะ!

โคเว็ท: ก็บอกแล้วไง พวกกีฬาใช้กำลังน่ะ เฟนท์ ไม่มีทางชนะหรอก

เรโค่:ไม่เป็นไรค่ะ แค่เอาน้ำมันทาไว้ทั้งตัวล่ะก็…

(จิ้น…)
เสียงลื่นๆแหยะๆอีกรอบ

เรกกะ:สุดยอดลื่นชะมัดเลยครับ กรรมการครับ! เฟนท์ ลื้นลื่น ลื่นไปหมดทั้งตัวเลย!

(จบ…)

ชารี่:เอ้า พอแค่นั้นแหละ

มิมิ: แบบนั้นมันก็เหมือนกับ ซิกนัม น่ะสิ

ซิกนัม:ชิ

มาเรียลูส: ชิ..ตะกี้ “ ชิ ” อะไร

พี่สาวเรกกะ:งั้นถ้าเป็น ทาบาสโก้ล่ะ? บางที เฟนท์ อาจจะชนะก็ได้

(ตัดเข้าฉากจิ้น)

เฟนท์: ทาบาสโก้ ทาบาสโก้ ทาบาสโก้ ทาบาสโก้

เรกกะ:ทาบาสโก้ ทาบาสโก้ ทาบาสโก้ ทาบาสโก้

เฟนท์:ทาบาสโก้ ?

เรกกะ:ทาบาสโก้!

เฟนท์: ทาบาสโก้ ทาบาสโก้

เฟนท์+เรกกะ: ทาบาสโก้ ทาบาสโก้ ทาบาสโก้ ทาบาสโก้

(จบฉากจิ้น)

มาเรียลูส: พี่สาวเรกกะ คะแบบนั้นทั้งคู่ก็แค่เอาแต่พูดว่า ทาบาสโก้ สิคะ

พี่สาวเรกกะ: เอ๋ ทาบาสโก้ เนี่ย ใครหายใจหรือพูผิดก่อนแพ้ไม่ใช่เหรอ

R2 :ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ไม่ได้เล่นแบบนั้นแน่ๆ

พี่สาวเรกกะ: ว้า แย่จังน้า

R2 :ดูแล้ว ถ้าเป็นกีฬาคงไม่ชนะแน่สงสัยวิธีเดียว ที่เฟนท์ จะเอาชนะ เรกกะ ได้คงมีแต่…เค้ก

มิมิ: เค้ก?

R2: ใช่แล้วให้ทั้งสองคนแข่งกันทำเค้ก แน่นอนว่าคนชิมต้องเป็นฉันใครทำได้อร่อยกว่าก็ชนะไป

ชารี่:กะแล้วว่าต้องออกมาอีหรอบนี้แหละ

โคเว็ท: นั่นสิ ถ้า เฟนท์ ปะทะตรงๆกับ เรกกะ เนี่ยหมดหวังแหงๆ ที่เจ้าตัวได้เปรียบก็คงมีแต่พวกงานฝีมือ

เอลิต้า: ว้าว เริ่มได้บทสรุปแล้วสินะคะ

โคเว็ท: งั้นถ้าแบบนี้ล่ะ….

(ตัดเข้าฉากจิ้น)

เฟนท์: การแข่งซื้อของครั้งที่ 11 เริ่มได้!!

เรกกะ:เย้ๆ เริ่มเลยๆ (มีเสียงตีเคาะเชียร์ประกอบไปด้วย)

เฟนท์อ เอาล่ะนะ เรกกะเราจะมาแข่งซื้อของกันที่ พา(ปิ๊บ)กอน ใครซื้อของรวมแล้วได้ราคาใกล้เคียง
กับ 5000 โลกอส ดอล จะเป็นฝ่ายชนะ!

เรกกะ: เอาล่ะ สู้ตาย!

เฟนท์: เป้าหมายคือ 5000 โลกอสดอล!

เรกกะ:ไปช้อปปิ้งกันเถอะ!

(จบฉากจิ้น)


มาเรียลูส: ไม่ดีมั้ง แบบนี้ ชนะแล้วไม่เท่ห์ เลย

เรโค่: 5000 โลกอส ดอล ฟังดูทะแม่งๆด้วยนะคะ

มิมิ: งั้นๆ ลองนี่เป็นไงให้แต่ละคนลองหาเอาของกิน ที่อร่อยๆมาให้ฉันชิมไง ของใครอร่อยกว่าก็ชนะไป

ชารี่:แข่ง สล็อตแมชชีนก็ไม่เลวนะ หรือปาจิงโกะ ดี

ซาน: แข่งจำค่า พาย* ก็ดีนะ ? ถ้าแข่งแบบนี่ ต่อให้เป็น เฟนท์ ก็ชนะได้แน่
[* หมายถึงค่า Pi number ที่อยู่ในสูตรหาค่ารัศมีวงกลม หรือค่าที่จำโดยส่วนใหญ่คือ 3.14]

เอลิต้า: แข่งกันตกปลากลางฤดูหนาวขึ้นมาก็หน้าสนนะ จับขึ้นมาสดๆแล้วเอามาแต่งหน้า เค้กก็ไม่เลว!

พี่สาวเรกกะ: อ้ะน่าสนนะ เอาไปทำเป็นเมนูในร้านคงดี
(เค้กหน้าปลาดิบเรอะ เจ๊)

ซิกนัม: แข่งกินเค้ก

เรโค่:ดูยังก็ชนะใสๆ

ซาน:ฝ่ายไหนเหรอ?

R2:พวก Gramma-GTP ก็น่าสนใจนะ (มันคืออะไรหว่า)

พี่สาวเรกกะ: งั้นแข่งกันระหว่าง คอเลสเตอรอล อิ่มตัว กับไม่อิ่มตัว..

ซาน: เพลาๆมุขสุขภาพบ้างก็ดีนะคะ

ซิกนัม: แข่งร้องเพลงเสียงสูง

ซาน: ไม่ดีมั้งคะ

ไอ: เกมพระราชา ไง! เฟนท์ ได้เป็นเจ้าอยู่บ่อยๆ…..
(โอ้ เฟนท์ นายนี่ดวงดีกว่าที่เห็นแหะ)

R2 :อ้าวไอ ฟื้นแล้วเหรอ

เรโค่: แข่งปิงปองแดช กลางพระราชวังบริทเทเนอร์เป็นไง ใครโดนจับก่อนได้ต้องนั่ง
สุนทรพจน์ ของ ลูเทเซีย ทั้งคืน

มาเรียลูส: หวายแค่คิดก็สยองแล้ว(กลัวพี่ชายตัวเองเนี่ยนะ -*-)

R2 : เอ…เอ่อ…ตกลงนี่เราคุยเรื่องอะไรกันอยู่เนี่ย ?

คนอื่นๆ: นั่นสินะ….?

~~~~เอวัง~~~~

เอ้อบั่นทอนปัญญาดีแท้ อถือว่าครายเครียดจากการอ่านตามซีรี่ย์ละกันนะ
อ่านเครียดๆในบท มาเจอตอนพิเศษที คงปรับอารมณ์กันมิถูกละเคอะ

ส่วนข้างล่างนี่ชื่อ ตอนพิเศษ ตอนต่อไปที่จะแถมมากับ ตอนปกติ
ในช่วงแถมท้ายนะเจ้าคะ มีสามเรื่องไปเรื่องหนึ่งละ
 เตรียมต่อมฮาของท่านเอาไว้ให้ดี(ตลกเหรอเนี่ย)

Next Turn 02 Date Party Rhapsody (ชื่อภาษาไทย: เดทหมู่อลวล…ล่ะมั้ง )
« Last Edit: April 14, 2009, 07:10:16 PM by cocka-c » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #95 on: April 14, 2009, 08:35:31 PM »

ไอจาง~ คิดอะไรอยู่เอ่ย 

ชารี่กับซิกนัมก็อึดเนอะ....คล้ายๆพารุกับเจ๊อาซากุระในเนกิมะเลยอ่ะ

ปูเสื่อรอตอนพิเศษตอนต่อไปดีกว่า 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #96 on: April 15, 2009, 05:36:20 PM »

Turn 02 Date Party Rhapsody

การุรุม่อน: จากตอนที่แล้วเราดูสาวๆนินทาหนุ่มๆ กลับมาคราวนี้เรามาดูทางฝั่งหนุ่มๆกันบ้างดีกว่าว่า
ทำอะไรกันอยู่  อะหุๆ ขอเตือนก่อนเน้อ ว่าดาเมจรุนแรงมากใครมิชื่นชอบความเสื่อม
อย่าเลื่อนลงไปดูหรือข้ามไปเลยดีกว่า เราเตือนคุณแล้วน้า


คำศัพท์ ก่อนอ่านเพื่อความเข้าใจ อีกรอบ

*โกคอน - เดทหมู่
*เกมพระราชา - เกมฮิตที่ทุกคนจับฉลากเบอร์กับตำแหน่งพระราชา พระราชาสามารถสั่งให้เบอร์ต่างๆทำอะไรก็ได
*วิ้ง – เสียงเวลาที่รังสีเมมม่วงของแต่ล่ะคนเปล่งประกายออกมา
*เปรี้ยงงง- เสียงอะไรสักอย่างโดนสอยความรู้สึกเหมือนกับตกลงไปในห้วงแห่งความหวานชั่วขณะ

เริ่มเรื่องเลย

ฉากห้องคาราโอเกะ ในร้านแห่งหนึ่ง  (ยุคนี้มันมีคาราโอเกะด้วยเรอะ -*-)

ในห้องมี เรกกะ ลูเทเซีย สุซาคุ ลอว์เรนซ์ และ แมกกี้

เรกกะ: เวลาที่นัดกันไว้อีก 5 นาทีสินะ

สุซาคุ: อืม…อีก เดี๋ยวคงถึง

10 นาที ต่อมา…..

เรกกะ: ทำไมถึงได้ช้านักนะ….แล้ว แมกกี้ ทำไมต้องมานั่งบนตักชั้นด้วย

แมกกี้: ก็ผมเป็นห่วงเจ้านายนี่

เรกกะ ออกอากการกระสับกระส่ายนิดหน่อย แต่พยายามรักษาฟอร์ม

เรกกะ: ที่จริงแล้วไอ้เจ้า โกกง โกคอน อะไรเนี่ยมันไม่เห็นจำเป็นสำหรับชั้นเลยซักนิด

แมกกี้: ใช่แล้ว เจ้านายของผมไม่ต้องทำ อะไรก็เนื้อหอมอยู่แล้ว  (เอท่าทางมันแปลกนะ ไอ้คู่นี้)

แกร็ก ปึง (เสียงเปิดประตู) แก๊งที่เดินเข้ามาใหม่ มี เฟนท์ ไรด์ เอมิล มาธิอัส

เฟนท์: ขอโทษที่ให้รอครับ

เรกกะ: ไม่เป็นไรพวกเราก็พึ่งมาถึง……เฟนท์ นายมาทำอะไรที่นี่

เฟนท์:พวก เรกกะ ล่ะมาทำอะไร

เอมิล: มีอะไรเหรอ เฟนท์

มาธิอัส: เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ

ไรด์: อ๊ะนั่นมัน ท่าน ลูเทเซีย และ อัศวินประจำตัว คุรูรูกิ นี่

แมกกี้: แล้วยังเจ้าเสื้อเอี้ยม วิปริตอีก (มันหมายถึงมาธิอัส น่ะ)

มาธิอัส: หา!..เจ้า เสื้อเอี้ยม วิปริต นี่วิธีตอบแทนคนเลี้ยงแกมาเหรอเนี่ย (รีบโต้ทันทีเชียวนะ)

ไรด์: นี่เราก็มาถูกห้องแล้วนี่….ไหงเป็นแบบนี้ล่ะ

เอมิล : นี่คือไอ้ที่เขาเรียกว่า โกคอน งั้นเหรอ  (สงสัยจะเข้าใจผิดในทางนิตินัย เอ๊ะยังไง)

เฟนท์: ไม่ครับ…นี่มัน?

เรกกะ: แมกกี้ เรื่องนัดแนะกับทางสาวๆ มันหน้าที่นายไม่ใช่เรอะ !

แมกกี้: เอ๊~ แปลกจังน้า คงต้องมีเรื่องอะไรเข้าใจผิดกันแน่เลย….

แมกกี้: ขอโทษนะครับ เจ้านาย  ( แมกกี้- วิ้งค์- แผ่รังสีก่อนใครเพื่อนเลย)

คนอื่นๆ: ตั้งใจ…ตั้งใจล่ะ…ตั้งใจชัดๆ  (โอ๊ะโอ๋ แมกกี้ กันท่า กลัวเจ้านายโดนสาวคาบไปกินเรอะ)

ตรู๊ดดด ตรู๊ดดดด (เสียงโทรศัพท์)

เฟนท์: อ๊ะ สาวๆที่นัดไว้ส่งเมล์มาล่ะ

เฟนท์ : (อ่านข้อความในเมล์)  พอดีพวกฉันนั่งจิบชากับเพื่อนๆอยู่เกิดคุยกันถูกคอขึ้น มา เลยไม่ไปแล้วล่ะ

~~~~~เงียบ~~~~~~

เฟนท์ : ช่วยพูดอะไรกันหน่อยสิ

เรกกะ: มันอะไรกันนักกันหนานะ

เอมิล: พวกนายจะดาวน์ กันไปทำไมพวกเราก็มา โกคอน ต่อ กันเลยก็ได้นี่

เรกกะ : หา!

เอมิล: ไหนๆก็มากันแล้วมาโกคอนกันต่อเลยก็ได้นี่

เรกกะ: เดี๋ยวๆ! โกคอน มันเป็นเรื่องที่ให้ผู้ชายกับผู้หญิงมาทำความรู้จักกันนะ เอมิล!

เอมิล : หึๆๆ ใจแคบจังนะ ชายหรือหญิง ต่างกันก็แค่มีติดอยู่หรือไม่มี เท่านั้นแหละ
คนที่ติดใจกับแค่เรื่องเพียงนี้…. เรกกะ นายมันคงไม่ใหญ่ไปกว่าปลายของ อาแมนคริส
สินะ  (อ…เอ่อ วาจาเช่นนี้ออกจากปากมันจริงเรอะ)

เรกกะ: ปลายก้อยของ อาแมนคริส….จะบอกว่าชั้นมันจิ๊บจ๊อยงั้นเหรอ!

ลอว์เรนซ์ : ไม่หรอก คิดว่า มโหราฬ นะ (มาเนิบๆแต่….)

เรกกะ: ได้!....งั้นมาโกคอน ต่อกันเลย

ตามสเต็ปโดนท้า ฟิวส์ขาด เลยโกคอน(เดทหมู่) พิสดาร หนุ่มโสดล้วนกันจริง เรื่องมันชักจะเสื่อมเข้าไปทุกขณะ


เรกกะ : เอาล่ะก่อนอื่น ขอให้ทุกคนช่วยกันบอก วาทะ พิฆาตใจสาวของแต่ละคนมาสำแดงก่อน

คนอื่นๆ: วาทะ พิฆาตใจสาว?

เรกกะ: กติกา คือห้ามทุกคน พูดว่าชั้นรักเธอ เพราะมี Impact รุนแรงเกินไป

คนอื่นๆ:โห~~~!

เรกกะ: เช่นนั้นแล้วจะช้าไปทำไม เรามาเริ่มกันเลย!

เฟนท์: เดี๋ยวนะเดี๋ยว! ตกลงเอาจริงเหรอเนี่ย?

ลูเทเซีย: อ่านะ มาถึงขั้นนี้แล้ว เค้าคงไม่ยอมเลิกรากันง่ายๆหรอก เนอะ

สุซาคุ: Yes Your majesty  (สองคนนี้โต้กันเป็นลูกคู่เชียว)

เรกกะ: อย่าลืมซะล่ะว่าห้ามพูดว่ารัก เด็ดขาด งั้นเริ่มจาก มาธิอัส ก่อนเลย

มาธิอัส: งั้น…เอาล่ะนะ….ยินดีด้วย …ขอให้โชคดีน้า…แล้วเจอกันน้า(เห้อ นายมันก็เท่านี้สินะ มาธิอัส)

เฟนท์: เอ่อ นั่นมันใช่วาทะพิฆาตใจสาว แน่หรือน่ะ!?

เรกกะ:พอแล้ว! คนต่อไป!

เอมิล: งั้นเริ่มล่ะนะ….โอ…ขนของเธอช่างอ่อนนุ่มราวสายลมอ่อนๆยามฤดูใบไม้ผลิ…

สุซาคุ: ฟังดูเหมือนกลอนมากกว่านะนั่น !

เฟนท์: เอมิล รสนิยมเป็นแบบนี้เหรอเนี่ย?

เอมิล: เดี๋ยว! อย่าใจร้อนยังมีต่อ…..โอ นั่นเธอหรือไรช่างงดงามปานเทพธิดา…

เรกกะ: หยุด!…หยุดเลย!…หยุด! Stop ! Stop!  คนต่อไปเลย

ไรด์ : นึกไม่ค่อยออกนา…น่าจะเป็น….อา นึกว่ากุหลาบบาน ที่แท้ก็เธอเองเหรอ

เปรี้ยงงงง (นั่นโดนสอยแล้วหนึ่งใครหว่า)

เรกกะ: เมื่อกี้เหมือนได้ยินอะไรแปลกๆนะ

ไรด์:เป็นอะไรไปน่ะ ลูเทเซีย หน้าแดงเชียว

ลูเทเซีย: (เสียงแต๋วออกลายทันที) แหมอย่ามาจับสิ (ตะกี้หมอนี่แหงที่โดนสอย)

สุซาคุ: หา! เมื่อครู่ฝ่าบาทตรัสเช่นไรออกไปน่ะ!

ลูเทเซีย: ห๊ะ…ป..เปล่าเลิกสงสัยเหอะน่า (ปรับเสียงกลับมาเข้มแล้ว)

แต่คนอื่นๆก็ยังจ้องอยู่ดี

แมกกี้:หยะแหยง

สุซาคุ: หมิ่นประมาท ฝ่าบาทไม่ดีนะ!

ลูเทเซีย: เฮ้ย!ช่างเถอะๆ (กระซิบ:ขืนแกยังออกหน้าแทนแบบนี้ชั้นก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไหนแล้ว)
 

เรกกะ: ยังไงก็เถอะ ของไรด์ เมื่อกี้มันไม่ใช่ประโยคพิฆาต นี่นามันเป็นประโยค โฮสต์ตะหาก

แมกกี้: แล้ว ลูเทเซีย ไม่มีบ้างเหรอ?

ลูเทเซีย: (แต๋วแตกอีก) ถามอะไรกันน่ะ (นึกได้เลยรีบเปลี่ยนเสียงแมนทันที) อ..เอ้ย โทษทีนะไม่มีหรอก

แมกกี้: เอ๋นิดเดียวก็ไม่มีเหรอ

ลูเทเซีย: สำหรับกษัตริย์แล้วไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนารี หรอก เพราะในประวัติศาสตร์ก็มีตัวอย่างตั้งมากมาย
ที่เมืองแตกเพราะนารีนางเดียว บลา บลา (แล้วก็ยาวยืดไปเรื่อย)

มาธิอัส: จริงๆแล้วนึกว่าตัวเองเสน่ห์ แรงจนไม่ต้องพึ่งวาทะ พิฆาตมากกว่ามั้ง

ลอว์เรนซ์:ร่ายซะยาว แต่จับเนื้อในไม่ได้ซักนิด?

แมกกี้:  เป็นวาทะ ที่น่าสนใจอย่างสมบูรณ์แบบ เลยนะ(แกฟังมันรู้เรื่องด้วยเรอะ)

สุซาคุ:ฝ่าบาท…..


มาธิอัส: ลอว์เรนซ์ ล่ะมีกะเค้าบ้างไหม?

ลอว์เรนซ์: ชั้นเหรอ…ชั้นน่ะ

ว่าแล้วพี่แกก็หันไปทาง แมกกี้ เฉย

ลอว์เรนซ์: กีซ…กีซ..กีซๆๆ..กีซซซซซ

เอมิล: เป็นอะไรทำไมอยู่ๆพูดไม่เป็นภาษาซะล่ะ แถมไปล้มอยู่ตรงหน้า เจ้าลูกมังกรนั่นอีก?

เฟนท์: คงจะเลือกจากหน้า Baby Face ของ มัน ล่ะมั้ง?

แมกกี้: แกว๊ก แกว๊ก…แกว๊กกกก…แก๊วก

ลอว์เรนซ์: กีซซซ…กีซซซซ (ลอว์เรนซ์-วิ้งค์- แผ่รังสีทันที)

เปรี้ยงงงง (เสร็จไปอีกราย)

แมกกี้: กว๊าาา

ไรด์: ออกมาแล้ว!….ประโยคพิฆาตสาวออกมาแล้ว

เอมิล: นี่นายฟังรู้เรื่องด้วยเหรอ

มาธิอัส: ท่าทาง แมกกี้ จะหลงเสน่ห์ซะแล้ว

แมกกี้: อ๊ายไม่นะ พูดอะไรกันน่ะ

มาธิอัส: แหมสมกันดีออก รับรักไปเลยเป็นไง สนใจแปลงกายให้เป็นหน้าที่ชั้นได้นะ (เหมือนมันจะหวังดีงั้นล่ะ)

แมกกี้:อ๊า~ เอาไงดีน้า~~ แต่ว่า……เฮือกผมพูดอะไรออกไปเนี่ย

เรกกะ: ก็ทำได้แค่ให้พวกเด็กๆใจเต้นเท่านั้นหล่ะ

ไรด์:อ้อ เฟนท์ก็เจ๋งเหมือนกันนะ

เฟนท์: เอ๋? ชั้นเหรอ ไม่หรอก ….ชั้นน่ะ

ไรด์: ก็ตอนนั้นไงที่พูดกับเด็กที่ร้านอาหารยอดฮิตของ โลกอสไง

ลอว์เรนซ์: ร้านอาหารยอดฮิตของ โลกอส งั้นเหรอ?

เรกกะ: งั้นเอาเลย เฟนท์ นายต่อเลยละกัน

เฟนท์: เอ..เอ่อ งั้นเริ่ม..ล่ะนะ…จำได้ว่า อ๋อ…ข้าวของเธอ เนี่ยขาวจังเลยน้า~~

เปรี้ยงงง เปรี้ยงงง (โอ้ สอยร่วงไปทีเดียวสอง อ้าวเฮ้ยทางนี้ก็โดนด้วยเรอะ เจ้าการุรุม่อน เฮ้ย)

เอมิล: ม..แหม…เฟนท์ เนี่ย…(อีตานี่โดนเรอะ)

มาธิอัส: ว้าว! (อีตานี่ก็ลากเสียงซะ)

เรกกะ: นี่มันอะไรกันเนี่ย…สอยทีเดียงร่วงไปสองเลยเรอะ! (เอ่อตกใจไรคับพี่)

เฟนท์: เอ่อ..หลังจากนั้นก็..แก้มของเธอเนี่ย กลิ่นหอมจังเลยเนอะ

เปรี้ยงงงง เปรี้ยงงง (เฮ้ย ดับเบิลคิลอีกแล้ว เอา God like ไปเหอะว่ะ เฟนท์)

ไรด์ + ลอว์เรนซ์: อะห้อยยย(เสียงระทวย)

เรกกะ: ห๊ะ คราวนี้ ไรด์ กับ ลอว์เรนซ์ เรอะ

ไรด์: เฟนท์…นายนี่…ร้ายชะมัด…

ลอว์เรนซ์: อา..ห้วงมิติรอบๆมันเป็นสีชมพู ระเรื่อ ขึ้นมาเรื่อยๆเลย

(การุรุม่อน: แง้วๆ ท่าน เฟนท์ บันซาย โอ้กร่วง ตามไรด์ ไปอีกศพ)

(เกรม่อน: อ้าวเฮ้ยๆ ฟื้นขึ้นมาก๊อน!)

เรกกะ: ไม่ได้ๆ! ชั้นไม่ยอมรับเด็ดขาด อย่างนายเนี่ยนะ จะเสน่ห์แรง
(หรือว่าหึงที่เค้าไม่ได้มา กระซิบข้างหูตัวเองกันแน่?)


เฟนท์: แล้ว เรกกะ ไม่มีบ้างเหรอ?

เรกกะ:ได้ชั้นจะแสดงประโยคพิฆาตที่แท้จริงให้ฟังเอง

แว้บบ (เสียงตาซ้ายเปลี่ยนเป็นสีขาว ทาลูคัส ออกโรง)

ทาลูคัส: รักซะ…จงรักเราซะ

ป้าบบ(โดนตบหัว ทาลูคัส หลุดทันที)

ลอว์เรนซ์: จะทำอะไรของนายน่ะ เอาพลังมาใช้รั่วๆแบบนี้ได้ไง

ไรด์: แต่ “ รัก ” เนี่ยนะ

เฟนท์: เมื่อสิบนาที ก่อนเพิ่งบอกว่าห้ามพูดเองไม่ใช่เหรอ

แมกกี้: (เสียงสะท้าน) นายท่าน…เลิศมาก

เรกกะ : งั้นแบบนี้ล่ะ แว้บบบ(ตาซ้ายเปลี่ยนสี ฟ้า คราวนี้ ทาลิควอส)

ทาลิควอส: จงตายเพื่อฉันซะ (น้ำเสียงมีอำนาจมาก ทำเอาชาวบ้านรอบๆนอกจาก ลอว์เรนซ์ โดนสะกดทันที)

คนอื่นๆ: Yes Your Highness

ลอว์เรนซ์: จะเล่นไปเลิกใช่ไหมเนี่ย ป้าบบ(ตบหัวให้หลุดไปอีกดอก ผลของคำสั่งหายจ้อย)

คนอื่นๆ:เกือบไปแล้ว

ไรด์:เกือบได้ตายจริงๆแล้วไหมล่ะ

เรกกะ: งั้นนี่ล่ะ แว้บบบ (คราวนี้ ทาเวนทอส)


ทาเวนทอส: หากไร้รัก ตายซะดีกว่าไหม

คนอื่นๆ: Yes your Highness

ป้าบบบ (ตบหัวให้หลุดรอบที่สาม)

ลอว์เรนซ์: นายเนี่ยไม่เข็ดเลยน้า

ทุกคน: เกือบไป

สุซาคุ: ถ้าไม่ได้ ลอว์เรนซ์ คุง ช่วยไว้ได้ตายจริงๆแน่

มาธิอัส: น่าเสียดายนะ เรกกะ

เรกกะ : ถ้างั้นล่ะก็….

(แล้วก็ลองไปเรื่อยๆจนครบทุกฟอร์ม)

ไรด์: สุดท้ายแล้ว เรกกะ ก็มีแต่ ทาลิวิลย่า สินะ

มาธิอัส:ใช้ไม่ได้เลยนะ อะ ฮะ

เรกกะ : เงียบไปเลย!

ไรด์: งั้นมาเริ่มขั้นต่อไปกันเลยเถอะ

เฟนท์: ขั้นต่อไปงั้นเหรอ (การุรุม่อน:อ๊า ขอเดี๊ยนร่วมด้วยคนจิ) (เฮ้ยคิดไรกันน่ะ)

ไรด์: ก็เกมส์ที่ เวลาไปโกคอน เค้าต้องเล่นกันไง…เกมพระราชา

คนอื่นๆ:โห!

แมกกี้: เจ้านายครับ มันคืออะไรเหรอ? เกมพระราชาอ่ะ

เรกกะ : เกมพระราชาก็คือเกมแบบเล่นเป็นหมู่คณะ เหมาะสำหรับ เวลาไป โกคอน และ อื่นๆ
ซึ่งนิยมทำกันเป็นหมู่คณะ โดยจะให้แต่ละคนจับสลาก เบอร์กับ สลากพระราชา

ใครได้สลากพระราชาจะสามารถออกคำสั่งให้ เบอร์ต่างๆทำตามได้ แต่ตอนที่สั่ง พระราชาจะยังไม่รู้ว่า
ใครได้เลขอะไรจนกว่าจะเริ่มการปฏิบัติ ซึ่งเป็นการวัดเซ้นท์ ของคนเป็นพระราชาด้วยว่า
จะจัดคำสั่งให้คนที่ได้รับเบอร์ต่างๆ ทำอะไรได้ตรงตามใจตัวเองไหม

แมกกี้: เอ๋…เล่นกันเป็นหมู่เหรอ แล้ว เจ้านายจะเล่นด้วยรึเปล่าคับ

เรกกะ: ห…บ้าน่า…รู้อยู่แล้วนี่คำตอบของชั้นน่ะ…ใครจะไปเล่นให้โง่ล่ะ…เล่นทีไรเจ้า เฟนท์ ได้เป็นพระราชาทุกที

เฟนท์: เอ๋? เรกกะ จะไม่เล่นเหรอ

เอมิล: จิ๊บจ๊อย จริงๆ

เรกกะ: ห๊ะ..นี่นาย

เอมิล: ถ้าเล่นเกมแค่นี้ไม่ได้ ก็อย่าหวังจะกู้โลกเลย

เรกกะ: ว่าไงนะ!

เอมิล: ช่างเถอะยังไงซะชั้นก็ไม่เหลือบทให้นายมาเอาคืนในซีรี่ย์ อยู่แล้ว

เรกกะ: จะเล่น!(เสียงสั่น)
 
เฟนท์: เรกกะ?

เรกกะ: จะเล่นไอ้เกมพระราชานี่

มาธิอัส: ฮะๆ สมเป็น เอมิล รู้ตำแหน่งสวิตซ์ของ เรกกะ ไปหมดเชียว (ไมมันฟังทะแม่งๆ)

ลูเทเซีย: งั้นก็ สุซาคุ ช่วยเตรียมตะเกียบจับสลากทีสิ

สุซาคุ:Yes your Majesty

ครู่ต่อมา….

เรกกะ: เริ่มเกมพระราชาได้

ทุกคน: ใครคือพระราชา? (จับสลาก)

แมกกี้:ได้แล้ว!

คนอื่นๆ: อ๊าาา!

แมกกี้: คำสั่งของพระราชาถือเป็นเด็ดขาดให้ เบอร์ 2 กับ เบอร์ 4 เล่นเกม คาริ คาริ ชู ชู กัน

เรกกะ: เกม คาริ คาริ ชู ชู เรอะ

ลอว์เรนซ์: เกม คาริ คาริ ชู ชู ?

เรกกะ: เกมที่ให้คนสองคนค่อยๆกินขนมแท่งจากคนละด้าน นี่ล่ะเกม คาริ คาริ ชู ชู

(จริงๆ คาริ คาริ ชู ชู เป็นการเรียกแบบญี่ปุ่น ที่จริงมัน แปลว่า กรุ๊บ กรุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ [แปลได้เสื่อมอีก]มันก็เป็นเกมส์ อย่างที่ท่านคิดกันล่ะ ให้แต่ละคนคาบป๊อกกี้ คนละด้านแล้วก็…ใครหยุดกรุ๊บๆก่อนแพ้นะจ้

ตอนหน้า  Turn 03 (The Final) sideline of Recca (ชื่อไทย: งานพิเศษสุดป่วนของ เรกกะ)

Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #97 on: April 15, 2009, 06:54:48 PM »

กรุบ กรุบ กรุบ ....จ๊วบบบบบบบบบบบบบบบ!
^
^
^
เรกกะจาง~    แค่เกมส์เล็กๆ...แต่มันใส่ใจถึงขั้นไม่ยอมหยุดที่จะเล่นต่อ

แล้วเป็นไงล่ะ    รสชาติของ First kiss (มั้ง?)  เฟนท์จังก็เหมือนกัน.....คราวนี้ดวงดีไม่ขึ้นแล้ว เหอๆๆ 

ปล.ท่าทางเรกกะจะติดใจที่ได้........กับเฟนท์  ถึงว่าพี่แกไม่ยอมหยุดเล่นเกมส์นี้ซะที
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #98 on: April 15, 2009, 08:35:57 PM »

อา กลับจาก ยมบาล เอ้ย โรงบาลมา แย้ว
ฮือๆ คราวหน้าจะไปโกคอน ชวนเจ๊ไปด้วยน้า แง ฃ
อดเลยไม่น่าไปนั่งเม้ากะ พวก R2 เยย
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #99 on: April 15, 2009, 09:26:55 PM »

ว่าแต่ยังไม่เห็นรูปพรรณของเฟนท์กับมิมิ โคเว็ท ฯลฯเลยนะ

อยากเห็นจัง    การ์ดรูปไอที่เคยขอไปก็ได้มาเซฟดองไว้ดูเล่นแล้ว

ขาดเฟนท์เนี่ย กับใบอื่นๆ 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #100 on: April 16, 2009, 06:12:02 PM »

เฟนท์ นี่มีไปแล้วนะ แต่เป็นตอน คอสเป็น Valkyrier แต่รูปชุดนักเรียนนั่น ใส่ไปใน op แทน
ทำเปงการ์ดมะหวาย มันค่อนข้างเห่ยอ่ะนะ เวลา เฟนท์ อยู่ในชุดนักเรียน

ส่วน มิมิ โคเว็ท นี่ไม่แน่ใจว่าทำทันมิ แต่ เจ้า การุรุม่อน กับ วาการุรุม่อน กะลังแต่งอยู่

ส่วนโกรอทพลามาทอส เวอชั่น แปลงเป็นดาบ เทนโทม่อน กะลังเขียน

เหลือ ปิโยม่อน นั่งตรวจคำศัพท์ สบายอยู่คนเดียว 

ช่างมันเถอะ ทีมงานเรามีคนเยอะก็ดีแว้วอ่ะเนอะ ว่าแต่ ตำแหน่งชั้นมัน คนเขียนอย่างเดียวไม่ใช่เรอะไหง
พาไปควบ กราฟฟิก ดีไซน์ด้วยเนี่ย คนเดียว สองงานนะว้อย เจ้าการุรุม่อน รีบกลับมาจากโรงบาลซะทีสิ  เอ๊ะมันกลับมาแล้วนิหว่าว่าแต่ไปไหนล่ะเนี่ย เหอๆ

ช่างมัน  เริ่มตอนพิเศษ ตอนที่ 3 ไปเลยละกัน ตอนสุดท้ายละ จากนี้จะเป็น ซีรี่ย์ ไปจนจบเลย แล้วก็ ต่อ SMn VR เอ็ะ หรือ ทาลิฯ3
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #101 on: April 16, 2009, 06:13:31 PM »

เนื่องจากถ้ารวมกับเนื้อหาที่ รีไพ ตะกี้ ที่มันจะไม่พอเลยย่นลงมาอีก รีไพ ขออภัยถ้าปั้มกระทู้เกิน!

Turn 03 (The Final) Sideline of Recca


ฉากที่1 ร้านแฮมเบอร์เกอร์  (สงสัยมาตั้งกะตอนที่แล้ว มีร้าน เกะอย่างเดียวไม่พอ คราวนี้ร้านแฮมฯ จะอะไรนักหนานิ)

ตือตื๊อ(เสียงกระดิ่งประตูร้าน)

ลูกค้า1: เอ่อ ขอชุดที่ 2 HamFish แล้วก็ โคล่า ค่ะ (เออ เอาเข้าไปมีโค้กด้วย!)

เฟนท์:ได้ครับกรุณารอซักครู่นะครับ

เฟนท์: (ตะโกน) เรกกะ ชุดที่2  Hamfish กับ โคล่า

เรกกะ: ได้แล้วๆ

เฟนท์: นี่ครับได้แล้วชุดที่ 2 Hamfish กับ โคล่า จะรับมันฝรั่งเพิ่มไหมครับ?(เสียงนุ่ม)

ลูกค้า: คะ…ค่ะ (เสียงเคลิ้มสุดๆ)

เฟนท์: ขอบคุณมากครับโอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ

ตือตื้ด (เสียงกระดิ่งประตูร้าน)  (การุรุม่อน: อ๊า ท่าน เฟนท์ เจ้าขาทำงานร้านไหนคะเนี่ย เดี๊ยนจะไปอุดหนุนทุกวันเลย)



เฟนท์: แบบนี้ล่ะ เรกกะ ต่อไปนายลองบ้างสิ (ปิโยม่อน: อา จะละลายอยู่แล้ว นึกถึงหนุ่มๆในชุดพนักงานร้าน)

(เอากะเค้าสิ พี่เรา - -*)

ตือตื้ด (เสียงกระดิ่งจากนี้ไม่บอกแล้วนะ)

ลูกค้า: ขอชุด 3 Hamchick กับ โคล่า แล้ว ก็สลัด ค่ะ

เรกกะ: กรุณารอซักครู่นะครับ

เฟนท์: นี่ เรกกะ เวลาคุยกับลูกค้าน่ะยิ้มหน่อย!(กระซิบ)

เรกกะ:เออๆ..แต่ที่ต้องมาทำงานแบบนี้ก็เพราะยัย มิมิ สั่งมาแท้ๆ (ขบฟันนิดหน่อย)

เรกกะ: นี่ครับ ชุดที่3 จะรับมันฝรั่งเพิ่มไหมครับ?(เสียงนุ่มบวกยิ้มกระชากใจ)


ลูกค้า:อะ…ค่ะ (เคลิ้มชนิดว่าจะละลายเป็นไอศครีมเชียวล่ะ จะว่าไป เจ้าปิโยม่อนกับ เจ้า การุรุม่อน หายไปแล้วเนี่ย)
(การุรุม่อน: ระเหยเป็นไอ ตั้งกะ เรกกะ คุงพูดแว้ว อ๊าเสียง นุ่มจนละลายแล้วละลายอีก)
(ปิโยม่อน:คำเดียวจ้า น้องพลับขอสอง เอ้ยไม่ช่าย พี่ไม่ได้โลภนะ)

เฟนท์: ฟีโรโมนเป็นพิษเรอะเนี่ย? (เสียงเกาหัว)แกรกๆ

เรกกะ:ขอบคุณมากครับ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ

ลูกค้า:ค่ะ  อ..เอ่อ ว่าแต่คุณชื่ออะไรเหรอคะ?

เรกก:โทษนะนี่มันเวลางานน่ะ ไว้คราวหน้านะ

ลูกค้า:ค่ะ!

ตือตื้ด

เรกกะ: สำเร็จ ถ้ายัดเยียด มันฝรั่งให้เพิ่มไปได้เรื่อยๆแบบนี้ อีกไม่กี่วัน เราก็เลิกทำงานพิเศษตามคำสั่งยัย มิมิ ได้ซะที

(แต่ชั้นว่า ลูกค้าเค้าเต็มใจมากกว่าโดนยัดเยียดนะ) (การุรุม่อน: อ๊า เจ๊ จะเหมาคนขายค่า) (ปิโยม่อน:ฮั้น ด้วยค่ะ)


เรกกะ:ชั้นว่างานแบบนี้มันจิ๊บจ๊อยมากเลยนะ รับรองว่า ยัย มิมิ ได้ถอนคำพูดว่า
“พวกเราเอาแต่บ้าฟิคเกอร์ทำงานทำการแน่ไม่ได้หรอก”แน่นอน!

เฟนท์: เอาเถอะถ้าไม่เกิดเรื่องอะไรก็ดีหรอก
(ตอนไป เกะ ก็ทีแล้วนี่ จ๊วบไปเต็มปากเต็มคำ) (การุรุม่อน: อ๊าย อย่ามาระลึกเรื่องที่มันผ่านไปแล้วสิ)
(ปิโยม่อน:ใช่ๆ เป็นความทรงจำที่โหดร้ายจริงๆที่ให้ เทนโทม่อน กับ วาการุรุม่อน เป็นคนเขียนบทน่ะ)

ตือตื้ด

R2: โยว่ เจ้าหนู (เสียงป้ามาแต่ไกล)

เรกกะ:ห..R2!! (แววบรรลัยมาแล้วไง)

เฟนท์:รู้จักกันเหรอ?

ปับ(เสียง เรกกะ กุมขมับ  งานถ้าจะไม่รอดว่ะเอ็ง)

R2: เอาชีสเค้ก ราดช็อคโกแลต แล้วก็ชาเย็น

เรกกะ:ต..แต่!

R2:ไม่ต้องมาพูดถึงมันฝรั่งทอดบ้าๆอะไรนั่น เอาเค้กมา!

เรกกะ:นี่ มันร้าน แฮมเบอร์เกอร์ นะ!!? อย่ามายุ่งเวลาชั้นทำงานสิเฟ้ย! ที่นี่น่ะไม่มี เค้กหรอก!

R2: ต๊ายตายนี่ นายกล้าขึ้นเสียงกับลูกค้าแบบนี้เหรอ(เสียงกวนส้นแบบสุดๆ)

เรกกะ: เธอนี่มัน!

R2: ฮะๆ ก็อย่างว่าแหล่ะน้า ลูกค้าต้องมาก่อนมันเป็นอุดมการณ์ของ
 พนักงานร้านมาตั้งยุคไหนๆแล้วเนอะ(ดัดเสียงสูงๆ แล้วพูดแบบกวนส้นที่สุด)

เรกกะ: ก็บอกว่าที่นี่มัน ร้าน แฮมเบอร์เกอร์ มันจะไปมีเค้กอยู่ในเมนูได้ไงเล่า!

R2: ไม่ต้องมาขึ้นเสียง เอา เค้กมา!

เรกกะ: กลับไปซะ อย่ากวนเวลางานชั้นเลยเถอะน่า!

R2: ฉันกลับแน่แต่เอา เค้กมาก่อนสิ

เรกกะ:ก็บอกว่านี่มัน ร้าน แฮมเบอร์เกอร์ ไงฟังไม่รู้เรื่องเรอะ!

R2: ร้านแฮมฯ ร้านแฮมฯ เอาแต่พูดแบบนั้น ฉันไม่กลับง่ายๆหรอกนะยะ!

เรกกะ: นี่เธอจะไม่ยอมไปดีๆใช่ไหมเนี่ย!

R2: ถ้าคิดว่าไล่ฉันได้ก็ลองดูสิยะ!

เรกกะ: เธอกล้าท้าชั้นเรอะ!

R2: เข้ามาเลย! ไอ้เด็กเมื่อวานซืน พึ่งเป็น ทาลิวิลย่า ได้ไม่ถึงปี คิดจะข้ามรุ่นแล้วเรอะ !

เฟนท์:อะห้อยๆ หยุดก่อนเถอะน่า เรกกะ ทะเลาะแบบนี้มันไม่ดีนา

ตุบตับ ตุบตับ เปรี้ยง พล่อก (เสียงอะไรคงพอเดาได้ แต่ที่แน่ๆ เฟนท์ โดนลูกหลงดอกแรกกลิ้งลงไปนอน
ตั้งกะต้นละ)

แล้วก็ตามฟอร์ม โดนไล่ออกเพราะดันไปมีเรื่องกับลูกค้า

ฉากที่ 2 ฟร้อน ของ โรงแรม

เฟนท์: เรกกะ คราวนี้เราทำงานเป็น เบลบอย(พนักงานขนกระเป๋า) นะ นายจะไหวรึเปล่าเนี่ย


เรกกะ: งานนี้ชิวๆน่า แค่ยกกระเป๋าลูกค้าไปส่งที่ห้องไม่ต้องพูดไม่ต้องฝืนยิ้ม ด้วย สบายๆ

เฟนท์: เหรอ…ว่าแต่ เด็กผู้หญิงน่ารักๆ ที่เจอกันที่ร้านแฮมฯ
(แอบนอกใจ ไอ เหยอ เฟนท์  ว่าแต่ ปิโยม่อน กับ การุรุม่อนไปไหนหว่าเงียบๆแฮะ)

เรกกะ: ชั้นเตือนไว้ดีกว่านะ อย่าไปยุ่งกับยัยนั่นเด็ดขาดเลย ถ้ายังไม่อยากหัวหลุดจากบ่า

ครู่ต่อมา….
กิ้งงง

และแล้วลูกค้าคนแรกก็มากดกริ่ง

เรกกะ: ผมจะช่วยขนสัมภาระไปให้นะครับ

ฮึบบ! ฮึ้ยยยย! ฮึบบบบ  (เสียงยกสุดแรงเกิดของ เรกกะ)

ครืดดด ครืดดดด (เสียงกระเป๋าน่าจะโดนลากมากกว่ายกนะ)


เฟนท์: แย่ล่ะสิ ลืมนึกไปเลยว่าพวก โอตาคุ แบบ เรกกะ จะมีแรงอยู่แค่ไหน งานนี้สงสัยไม่รอดแหงมๆ


ยกสัมภาระไปที่ ลิฟต์ ได้สำเร็จ


เรกกะ: แฮ่กๆ ถึงซะทีแล้วทีนี้ก็ แว้บบบ(ตาซ้ายเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ทาโซรอส ออกโรง )

ติ้งต่อง ครืดดด (เสียงลิฟต์)

ทาโซรอส: ห้อง 70 ไปกันเลยนะขอรับ

ตุบๆๆๆๆ ครืนๆๆ (เสียงวิ่งแบบบ้าพลังสุดๆ )

ลูกค้า: แว้ก ปล่อย ชั้นลงนะ ปล่อย !

(ประมาณว่า บ้าพลังสุดๆแบบทั้งกระเป๋า ทั้งลูกค้าไปส่งที่ห้องโลด ถึงปุ๊บก็โยน ลูกค้ากับสัมภาระ เข้าไปในห้อง
แล้วแจ้นกลับมาด้วยความเร็วแสง….เวอร์ๆ)

เรกกะ: เรียบร้อยงานนี้ ไปได้สวยแน่

(ก็นะ อยากจะบอกว่าอีกไม่นาน ความบรรลัยจะมาเยือนอีกแว้ว)

R2 : เฮ้! (เสียงป้า มาแต่ไกล)

เฟนท์: มานั่นแล้ว!

เรกกะ:R2 !!  มา(ทำหอก)อีกแล้วเรอะ

R2: ยังก็ช่วยขนสัมภาระไปให้หน่อยนะจ๊ะ พ่อเบลบอย

เรกกะ:ชิ… แล้วไหนล่ะ…


ถามเสร็จ ป้าแกชี้ไปข้างหลัง

เรกกะ+เฟนท์: เฮ้ย!! หมดนี่เลยเรอะ!! (คาดว่าคงกองมโหฬาร มากๆแต่ไงก็เป็น ทาโซรอสแบบได้อยู่แล้วนิ)

เรกกะ: ช่างมัน ทาโซรอส (เสียงเปลี่ยนตาซ้าย) แวบ วูบ (อ้าววืดซะงั้น)

เรกกะ: เฮ้ยไหงเป็นงี้! ทาโซรอส! ทาโซรอส!


R2 : (กระซิบ)มันจะใช้ไม่ได้ก็ไม่แปลก ก็ในตู้คอนเทนเนอร์ เนี่ยมันใส่ อาแมนคริส อยู่ด้วย
พลังนายเลยไม่ทำงานไง

เรกกะ: ว่าไงนะ! แล้วแบบนี้ ชั้นจะยกไปยังไง…

R2: ฉันเป็นลูกค้านี่เนอะ ฝากด้วยละกัน (เสียงกวนส้นอีกแล้ว)


เรกกะ: แต่นี่มันสัมภาระของเธอ..

R2: แล้วก็อย่าลืมซะล่ะ  ฉันพักอยู่ชั้น 8

สุดท้าย ลงเอยที่ ว่า เจ้า เรกกะ ก็ต้องยกไปด้วยตัวเอง (ว่าแต่ป้าจะแบบ อาแมนคริส
 มาทำไมเนี่ย มาแกล้งโดยเฉพาะสินะ)

ฮึบ! ฮึ้ยยย! อึ้ดดด! ย้ากกก! แฮ่กๆๆ (ออกแรงจนสุดไม่ขยับซักกะมิล หอบทันที)

R2: ฮะๆๆ สมบังอาจมาทำกับฉันไว้ที่ร้าน แฮมฯ ไงสำนึกบ้างรึยางง พ่อเด็กอมมือ อย่างนายน่ะยังห่าง
ชั้นไปจากฉันอีกหลายขุมย่ะ!

เฟนท์: ไม่เป็นไรนะ เรกกะ ?

เรกกะ: เล่นกันแบบนี้…เล่นกันแบบนี้ใช่ม้ายย

กึกๆๆๆ เอี้ยดดด ครึกๆๆๆ (เท้าวิ่ง กับเสียงรถเข็นกระเป๋า)

R2: ว้าย นายไม่เห็นจะต้องโมโหขนาดนี้เลยนี่!

เรกกะ: หนอยมาให้ชั้นฟาดซะดีนะยัย ปีศาจ! ฮึ้ยๆ

ลงเอยที่ เรกกะ เอารถเข็นกระเป๋าวิ่งไล่เสย  R2  แทน

เฟนท์: หวา เรกกะ หยุดน้า~~~

แกร๊งงง (เสียงรถไปชนโดนสลักตู้คอนเทนเนอร์)

แอ๊ดดดด (ประตูตู้ค่อยๆเปิด)

ก็าซซซซซซซซซซ!

ทุกคน: เฮ้ย!!!!

อย่างที่รู้ๆกัน โรงแรมราบเป็นที่เรียบร้อย แล้วเก๊าะ โดนไล่ออกอีกแล้วขะรับท่าน


ฉากที่ 3 ร้านตัดเสื้อ

อาชีพคราวนี้ พนักงานร้านตัดเสื้อ

แกร๊ก (เสียงประตูเปิด)


เฟนท์: ไง เรกกะ งานเป็นไงมั่ง

เรกกะ:สบาย แค่นั่งจดขนาดตามที่สั่งแล้วป้อนลงเครื่อง จบ!
(คาดว่าน่าจะเป็นเครื่องตัดเสื้อแบบเสร็จสรรพ)

เฟนท์: นั่นสิน้า ดูแล้วคงไม่มีปัญหา เพราะงานคราวก่อน ทำเอาแทบไม่รอดแน่ะ

แกร๊ก (เสียงประตูเปิด)

เรกกะ: ยินดีต้อนรับ..ชะ…นี่เธออีกแล้วเรอะ

R2 :ไง คราวนี้ฉันมาขอใช้บริการหน่อยนะ

(งานไปได้สวยยังมิทันไร ท่านก็มาซะงั้น)

R2: ฉันจะมาวัดตัวตัดเสื้อ ช่วยหน่อยนะ(เสียงป้า แกกวนส้นอีกแล้ว ขะรับ)

เรกกะ: เฮือก!

R2: ก็อย่างว่าล่ะน้า ฉันเองก็จำสัดส่วนตัวเองไม่ค่อยได้ซะด้วยคงต้องให้นายช่วยมาวัดเป็นการส่วนตัวซะหน่อย

ครืดด(เสียง เปิดม่านห้องลองเสื้อ)

เฟนท์: ยอดไปเลยนะนายเนี่ย ดูถ้าว่า เค้าจะชอบนายจริงๆนะเนี่ยถึงได้ตามมาอุดหนุนตลอดเนี่ย

เรกกะ:ชอบกะผีน่ะสิ ตามมาราวีไม่เลิกซักที

ครืด(เสียง รูดม่านเปิดอีกรอบ)

R2 : นินทาอะไรน่ะ ฉันได้ยินนะ

เรกกะ + เฟนท์ : เฮือก!

R2 :มาวัดตัวได้แล้วน่าเจ้าหนู (เสียงป้าแกคราวนี้มาแนวอ่อยเหยื่อ แต่ป้าน่ะอ่อยไม่ติดแล้วล่ะ)

เรกกะ: เอ่อๆ จะไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ

ครืดดด(เสียงปิดม่าน)

ว่าแล้ว ก็รูดม่านเข้ามุมไปวัดตัว(เอ๊ะ หรือไปจู๋จี๋)
เรกกะ:จะให้เริ่มตรงไหนดีล่ะ

R2: นายเป็นพนักงานนี่ อยากเริ่มตรงไหนก็เลือกเองสิ

เรกกะ : เชอะ อย่านึกนะว่าชั้นจะหลงคารมเธอง่ายๆน่ะ…ยื่น สะโพกมาก่อนละกัน

R2: ต๊าย รสนิยมแบบนายนี่ชอบข้างล่างมากกว่าข้างบนเหรอเนี่ย

เรกกะ: จะบ้ารึไง อย่างเธอไม่ใช่สเป็กชั้นหรอก

เฟนท์: อะห้อยย…งานนี้ถ้าจะไม่จบง่ายๆแหะ

R2: นี่เจ้าลูกหมาฉันได้ยินนะ

เฟนท์: แว้ก ขอโทษ!

เรกกะ: อย่าขยับสิ เดี๋ยวหลุดหรอก

R2 : อ๊ะโทษทีนะ แบบนี้ดีไหม

เรกกะ: ขยับไปทางซ้ายหน่อยสิ

R2: อุ๊ ..เบาๆหน่อยสิ

เรกกะ:คราวนี้ทางเลื่อนขึ้นมาอีกหน่อย…อีกนิดนึง

R2: ฮึบ อ้า~~~ อุ๊…อ๊า  (เสียงระทวยสุดๆ)

เรกกะ: เบาๆหน่อยสิ

เฟนท์: (ยืนฟังอยู่หน้าห้องลองเสื้อ) จึ๋ย..นี่หรือว่าทั้งสองคนกำลังลักหลับกันอยู่เนี่ย (เฮ้ย เฟนท์ แกจิ้นเตลิดไปไหนเนี่ย)

R2: นายเนี่ย มีดีกว่าที่คิดนะ

เรกกะ: เงียบไปเลยน่า ชั้นแหย่ไม่ถูกนะ อย่าขยับตัวบ่อยนักสิ

(การุรุม่อน กับ ปิโยม่อน:พวกเมิงทำไรกันวะค้าาาา)
(โอ้ มาถึงก็ประสานเสียงกันเลยเรอะ ว่าแต่ไปไหนมาเนี่ย )

เรกกะ: ฮะ..อย่าพึ่งสิ ของเธอมัน เด้งชนชั้นไปหมดแล้วนะ

R2: แหมก็มันคุมได้ซะที่ไหนเล่า

(เฮ้ยนี่ทำไรกันอยู่เนี่ย- - *)

เรกกะ: เข็มสายวัดมันจะหลุดก็เพราะเธอเอาแต่ดิ้นเนี่ยแหละ

R2: ก็นายรัดแน่น เองทำไมล่ะ

(โธ่หลง เข้าใจผิดอยู่ตั้งนาน)

ครู่ต่อมา…

ครืดดดด(เสียงเปิดม่าน)

R2: เสร็จซะที เมื่อยไปหมดเลยนายเนี่ย มันไร้ความนุ่นนวลซะไม่มี

เรกกะ: แล้วใครใช้เธอมาวัดตัว กับชั้นล่ะ

เฟนท์: วัดขนาดยากขนาดนั้นเลยเหรอ

เรกกะ:แหงสิก็สะโพกยัยนี่ แปดสิบ… วืด ตุบ อั้ก!!!!!! (โดนป้าแกอัดก่อนพูดจบแล้วตกลง 80เท่าไหร่เนี่ย)



ฉากที่ 4 หน้าประตูทางเข้าห้องเย็นเก็บสินค้าของที่นึง

งานคราวนี้ คือ รปภ. รักษาห้องเย็น

เฟนท์: เรกกะ นายจะจับโจรไหวเหรอ ?

เรกกะ: ช่างเถอะน่า ไม่มีโจรที่ไหนมาขโมยของหรอก ออกจะสงบจะตาย
(กระซิบ ถึงมาจริงชั้นก็แค่ให้เจ้า ทาลิคนัส ช่วยก็สิ้นเรื่อง)

เฟนท์: ทาลิคนัส อะไรเหรอ?

เรกกะ: อ…อ๋อ ไม่มีอะไร แค่บ่นไปเรื่อยเปื่อยน่ะ

เฟนท์ : เหรอแต่ชั้นว่า หลังๆนายแปลกๆไปนะ มีอะไรรึเปล่า?

เรกกะ: อะ..ช่างเถอะน่า ว่าแต่ห้องเย็นนี่เก็บอะไรเหรอ

เฟนท์: อืมที่จริงห้องนี่เป็นของเครือสินค้าที่ ร้านบ้านนายเป็นสมาชิกด้วยนี่

เรกกะ: เหรอว่าแต่มันเก็บอะไรล่ะ

เฟนท์: อืม รู้สึกจะเป็น เค้ก ล่ะมั้ง

เรกกะ: เค้ก งั้นเรอะ!(กระซิบ งานเข้าแล้วไง)

ทันใดนั้นมันก็มาอีกแล้ว~~~(ป้า รีเทิร์น ภาคราชันย์แห่งเค้ก อ้าวไม่ใช่หรอกเหรอ?)


หึๆๆ ฮ้าฮ่าฮ่า ฮ้า ฮ่า ฮ่า เฮ้อ เฮ้อ (เสียงหัวเราะที่ฟังแล้วรั่วที่สุดในประวัติศาสตร์)

R2:ที่ใดมี เค้ก ที่นั่น ย่อมมีข้าจอมโจรปริศนา จงส่งเค้กทั้งหมดมาเดี๋ยวนี้

เรกกะ: R2!

เฟนท์: อีกแล้วเร้อ!

R2: รีบๆส่งเค้กมาซะดีๆ

เรกกะ: R2 นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?!!

R2: เอ๋ ก็ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอ ก็ฉันะมาเอาเค้กที่นี่ไปไงล่ะ

เรกกะ: แต่ที่เธอทำนี่มันหัวขโมยชัดๆ!!

R2:ไม่ใช่ขโมยซักหน่อย

เรกกะ: งั้นอะไรล่ะ?

R2: จอมโจรปริศนาต่างหากล่ะ

เรกกะ: มันก็เหมือนกันน่ะแหละ!

R2: ไม่ใช่ซักหน่อย หัวขโมยน่ะมันอาชญากร แต่จอมโจรปริศนาคือผู้ที่ไล่ตามความฝันของตัวเองต่างหากล่ะ

เฟนท์: แต่มันก็ขโมยอยู่ดีไม่ใช่เหรอ

R2 : อะ ฮะ เธอ เนี่ยน้า ยังเด็กซะจริง ถึงได้แยกแยะไม่ออกน่ะ
(แต่เราก็ว่าไม่เห็นมันจะต่างกันเลยนะป้า R2 ขา)


เรกกะ: นี่คิดว่าเป็นชั้นแล้วจะปล่อยให้เธอเข้าไปง่ายๆงั้นเรอะ

R2:แหม…(เสียงอ้อน)น่านะ เพื่อความฝันของ จอมโจรปริศนา ผู้อาภัพ คนนี้พวกเธอจะไม่สงสารบ้างเหรอ

เรกกะ: ไปไกลๆเลย ไม้ใช้กับชั้นไม่ได้ผลหรอก

R2:เหรอ  ถ้างั้นไอ้นี่ล่ะ

เรกกะ+ เฟนท์ : เฮือก!

(ป้าแกโชว์รูปถ่ายอะไรให้ดูอยู่น่ะ)

เรกกะ: น…นี่มัน!

เฟนท์: ไปแอบถ่ายมาตอนไหนเนี่ย

R2: ฮุๆ รูปพวกนาย เล่น คาริ คาริ ชูชู เกม ตอนไปโกคอน กันฉันยังมีเก็บไว้อีกเพียบเลยล่ะ
นี่แค่เซิร์ฟๆนะ ของจริงมีเด็ดกว่านี้อีกเยอะ ถ้าเอาไปแพร่ในเน็ตล่ะก็นะ..
(โอ้ ป้าร้ายนะเนี่ย)

ปิ๊บๆๆ (เสียงกดรหัสผ่าน)

เรกกะ: ชิ….เธอชนะ…เชิญตามสบายเลย (พูดไปกัดฟันไป)

เคร้งงง กร๊างงงงง ครืนนนน ปึง(เสียงประตูเปิด)

เฟนท์: แบนนี้จะดีเหรอ เรกกะ…โดนจับได้นี่คุกเลยนะ!

เรกกะ: หรือนายอยากให้ไอ้รูปนั่นไปขึ้นหลาอยู่บนเน็ต ล่ะ

เฟนท์: อึ๋ย จริงของนาย

R2 : หึๆ ยอมเข้าใจง่ายๆแต่แรกก็หมดเรื่องแล้ว


ข้างใน เค้กแช่ในกล่อง ใส กองพะเนินเป็นภูเขา พอ ป้าแกเข้าไปเห็นปุ้บก็นะ รั่วทะลุจุดศูนย์อย่างที่เห็น(คล้ายๆกะรีบอร์น แต่ไม่ใช่เดือดทะลุจุดศูนย์นะ นี่มันรั่ว)

R2: ว้าว ฮะๆ ว้าว เค้กๆ เค้กๆ เต็มไปหมดเลย จะกินให้หมดเลย! (เสียงยังกะกลับไปเป็นเด็กอายุ 10 ขวบแน่ะ)

เรกกะ: เฮ้ยๆ! (เป็นตูก็อึ้งว่ะ)

R2: แหม เค้กเยอะแยะไปหมดเลยจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดีน้า

เรกกะ: จะทำอะไรก็เร็วๆเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นจะเป็นเรื่องใหญ่

R2: นายเนี่ยน้า ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันไม่เอาไปหมดหรอกแค่สองสามชิ้นเอง แต่ขอเลือกก่อนนะ

เรกกะ: อ็า ยัยบ้า อย่านั่งไปตรงนั้นนะ นั่นมันมีเซ็นเซอร์กันขโมย

หวอๆๆๆๆๆ(ช้าไปซะแล้วต๋อย)

R2 : เอ้ย ๆ เดี๋ยวก่อน จะไปไหนน่ะ

เรกกะ + เฟนท์: โกยสิ! ใครจะอยู่ให้โง่เล่า!

R2: ต…แต่เค้กล่ะ เดี๋ยวสิ มาช่วยกันขนออกไปก่อน

เรกกะ: จะบ้าเหรอ ประตูมันจะปิด อัตโนมัติแล้วนะไม่รีบไปเดี๋ยวก็โดนขังหรอก

แกร๊งงงง ครืนนนน (เสียงประตูเลื่อนปิดลงเรื่อยๆ)

R2 : เดี๋ยวสิ เดี๋ยวก่อนรอด้วย เฮ้ย รอเดี๋ยว!

แกร๊งงง ปึง (เรกกะ กะ เฟนท์ มันหนีป้าไปก่อนแล้ว ป้ามัวห่วงเค้กหนีออกมาไม่ทัน)


R2:  กลับมาก่อนสิเจ้าบ้า! อย่าพึ่งไปจะทิ้งฉันไว้นี่เรอะ! กลับมาพาฉันออกไปก๊อนนนน!

เอวัง แต่ยังไม่จบ…

ฉากที่5 ทางเดินในโรงพยาบาล



เฟนท์: ชั้นหางานมาให้ได้แล้วนะ แต่…


เรกกะ: แต่อะไรเหรอ?

เฟนท์: มันเป็นงานที่ต้องใช้ความกล้ามากเลยนะ

เรกกะ:เหรอไม่เป็นไรหรอกชั้นไม่กลัวอะไรอยู่แล้วว่าแต่มันเป็นงานอะไรเหรอ?

เฟนท์ :คือว่าแต่ นายกลัวผีรึเปล่า?

เรกกะ: ไหงถามงั้นล่ะ ฮะๆ ผีไม่มีจริงหรอกน่า

เฟนท์ : นายแน่ใจนะว่าจะทำงานนี้น่ะ?

เรกกะ: แหงสิก็นายบอกเองไม่ใช่เหรอว่างานนี้รับรองได้เลยว่าไม่มี ใครตามมาราวี
ชั้นแน่ น่ะ ขอแค่ไม่มียัยป้า นรกแตกนั่นก็พอแล้วจะงานอะไรชั้นก็ทำทั้งนั้นล่ะ

แอ๊ดดด (เสียงผลักประตู)


เฟนท์ :  ถ้านายแน่ใจ งั้นก็ อ่ะนี่อุปกรณ์

เรกกะ: นี่มัน หน้ากากกันแก๊ซ นี่?

 ตุบๆๆๆ แอ๊ด ปึง (เผ่นแนบไปเรียบร้อย)

เรกกะ: เอ้ยๆ เฟนท์ เดี๋ยว!

และก็มาถึงในฉากสุดท้าย ห้องดับจิต งานคือ คนล้างศพในโรงพยาบาล!!!(ไอ้เฟนท์ เอ้ย เจ้าช่างสรรหางานจริงๆ)

จ๋อมๆๆ (เสียงน้ำคาดว่า กำลังทำงานอยู่กับบ่อฟอมาลีน)

เรกกะ: หนอย เจ้า เฟนท์ทำกันได้ลงคอ น้า

5นาทีต่อมา ยกศพ ที่2 มาล้าง

เรกกะ: (เสียงสั่น)ชั้นไม่กลัว…ชั้นรู้ไม่มีอะไรต้องกลัว…ยังไงซะงานนี้ ยัย R2 ไม่มีทางมากวนชั้นแน่

จ๋อมๆๆ (เสียงน้ำกระเพื่อมขณะล้าง)

ขณะที่กำลังเงียบสงบดีๆอยู่แบบนี้ ทุกท่านคงรู้ชิมิ ว่ามันจะจบแบบไหน

จ๋อมๆๆๆๆ

ครืด ซ่าๆๆๆ
R2: เรก~~กะ!!!!!! (ป้าแกพุ่งพรวดขึ้นมาจาก บ่อฟอมาลีน )

เรกกะ: อ๊าคคคคคคคคคค!!!!!!!!!!!!!!!!!

งานนี้คงช็อก ตายคาบ่อ ฟอมาลีนล่ะนะ


จบจ้ะ.


ขอมาสครีมตอนสุดท้ายให้เป็นเรื่องเป็นราวซะที  ตอนนี้ ป้า R2 โคตรแกล้ง เรกกะ เลย
ขอรับ ลูกทีมผมเนี่ย พากันฮาแตกตอน ป้า แกรั่วในห้องเก็บ เค้กเนี่ยแหละ

จะว่าไปป้าแกชอบเค้กมาก รึนี่ แต่ไม่นึกเลย เจ้า เฟนท์มันจะทำกันได้ลงคอ เหอๆ
ช่างสรรหางานจริงๆ ว่าแต่ใน สามตอนพิเศษ นี่ชอบเรื่องไหนกันบ้างเอ่ย
สำหรับผม ผมว่า ตอน จับกลุ่มนินทา ของพวกผู้หญิงตอนแรก ฮาที่สุดแล้วนะนั่น

ว่าแต่พึ่งสังเกต ชารี่ หน้าตาคล้าย พารุ ใน เนกิมะ เลยนะเนี่ย  ฮา
ว่าแต่ ซิกนัม จ๋า คิดได้ไงน่ะมุขนี้ เล่นมวยปล้ำ ฟังแล้วคิดไปลึกเลยนะนั่น
พูดถึงคิดลึก ตอนที่สามนี้ ก็มีตอนวัดตัว ป้า นะชวนคิดลึกจริงๆ เหอๆ

ส่วนตอนเล่นเทนนิสนี่ ก็ตามคาด อ่ะนะ ว่าเฟนท์ คงเป็นได้แค่กระสอบทรายให้ เรกกะ อัดลูก ใส่
เอาล่ะ เท่านี้ ตอนพิเศษ ก็หมดกันไปซักที จะได้เข้าซีรี่ย์ กันต่อ เพราะไม่งั้นเดี๋ยวเรื่องจะกร่อยหมดถ้าปล่อยมาพร้อม
ซีรี่ย์ จากดราม่า มันจะกลายเป็น คอเมดี้ ไปก็เจอกัน ในบท ที่ 15 นะขอร้าบ

Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #102 on: April 16, 2009, 06:37:43 PM »

เหอๆ สมน้ำหน้าป้า R2  แกล้งเรกกะดีนักเลยสงสัยแข็งในห้องเก็บเค้กนั่นล่ะ 

ว่าแต่ออกมาได้ยังไงล่ะเนี่ย......สงสัยพนักงานขนเค้กคนอื่นจะพาตัวออกมาตอนที่ทำงาน 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #103 on: April 17, 2009, 06:06:13 PM »

Quote
แข็งในห้องเก็บเค้กนั่นล่ะ

ว่าแต่ออกมาได้ยังไงล่ะเนี่ย......สงสัยพนักงานขนเค้กคนอื่นจะพาตัวออกมาตอนที่ทำงาน

ถูกต้องคร้าบ พนักงานขนเค้กเข้ามาเจอเลยส่งไปโรงพยาบาล แต่สงสัยตอนส่งตัวคงเข้าใจผิดบางอย่างเลยไปอยู่ในห้องดับจิต พอ เรกกะ ล้างศพ อยู่ดี เจ็ แกถึงได้โผล่พรวดขึ้นมาจากบ่อฟอมาลีนได้ (ฮา)

พูดเป็นตุเป็นตะไปนั่นเหอๆ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #104 on: April 18, 2009, 06:33:04 PM »

Saga 15 Reason…

เทอร่า โลกที่คงอยู่โดยมีด้านสองด้านแบ่งแยกกันอย่างสิ้นเชิง ที่ด้านบนซึ่งส่องสว่าง และเต็มไปด้วยแสง
กลับให้กำเนิดเงา ที่เบื้องล่างนั้นมืดมิดกลับให้กำเนิดซึ่งชีวิตใหม่ สองสิ่งนี้เป็นความจริงที่ไม่อาจบิดเบือน

เป็นดังแสงสว่างและความมืด มีแสงย่อมมีเงา มีความมืดย่อมมีหนทางเฉกเช่นนั้นแล้ว มนุษย์ กลับ
ลุ่มหลงในผลลัพท์มากกว่าหนทาง พวกเค้าจึงตกอยู่ในความมืดที่ไม่อาจหาทางออกมาสู่แสงสว่างได้

เป็นดั่งเช่นทางเลือกแห่งการปฏิวัติ หากไม่เลือกที่จะเสียสละเพื่อก้าวไปข้างหน้า ก็จักต้อง
ลดทอนลงมาจมปรักอยู่กับความมืดอันนิจนิรันด์นี้ต่อไป…………..


“ ทำได้ดีมาก อัศวินของเรา เท่านี้ แรคนารอค ก็จะ… ”
โครโน่ เปรยขณะที่รับเอาลูกแก้ว God Send มา จาก เฟนท์

“ เท่านี้ตราที่ 7 ก็ถูกแกะออก ความเงียบจะปกคลุมสวรรค์ประมาณครึ่งชั่วโมง และมีทูตสวรรค์ 7 องค์ กับแตร 7 คัน
องค์หนึ่งถือกระถางไฟทองคำ จากนั้นก็โยนไปบนโลก ทำให้มีฟ้าร้องเสียงต่างๆฟ้าแลบและแผ่นดินไหว ”
ฮายาเตะ กล่าวพลางจับจ้องไปที่ ลูกแก้วในมือของ โครโน่

“ จากนี้ไปเราจะต้องเตรียมการอีกประมาณหนึ่งเดือน เฟนท์ ตอนนี้เรากับอัศวินลำดับที่หนึ่งของเราต้องการเวลาเป็นส่วนตัว ต่อจากนี้ไปหนึ่งเดือน เราขอมอบอำนาจให้เจ้าดูแลองค์กรจนกว่า เราจะเดินระบบ แรคนารอค ”
โครโน่ กล่าวขณะที่ เดินลึกเข้าไปในห้องที่มืดมิดนี้ ตามทางเปลี่ยวที่มีเพียงแสงสลัวๆที่พื้นคอยนำทาง

“ รับทราบ ”
เฟนท์ ตอบเสียงแข็งขัน ก่อนจะเดินหลับออกไป จากห้อง

“ ไงล่ะ…ได้ความดีความชอบไปเยอะเลยนี่ ทั้งจัดการพวก กบฏเอา God Send กลับมา ตอนนี้ก็ได้เป็นหัวหน้าชั่วคราวไปเลย ต่อไปอะไรอีกล่ะจะฮุบองค์กรเป็นของตัวเองเลยรึไง  ”
หลีเมย่ ที่คอยอยู่หน้าประตู ถามพลางแสร้งยิ้ม ยินดีใส่เขา

“  รอยยิ้มเสแสร้งแบบนั้นน่ะ ใช้กับชั้นไม่ได้ผลหรอก ”
เฟนท์ ย้อนก่อนจะเดินผ่านเธอไป โดยไม่แม้แต่จะมองหน้าของเธอ

“ หนอย ทำเมินใส่ฉันเรอะคอยดูเถอะซักวันฉันจะต้อง เปิดโปงหน้ากากของนายให้ได้ ”
หลีเม่ย ตะหวาดไล่หลังเค้าไปอย่างหัวเสีย

“ หน้ากากงั้นเหรอ…หึๆ…นี่น่ะมันหน้าจริงๆของชั้นต่างหาก โฉมหน้าของฆาตกร… ”
เฟนท์ คิดโดยเก็บอารมณ์และสีหน้าที่เจ็บปวดเอาไว้ในลึกๆในใจ แล้วแสร้งทำเป็นคนเย็นชา
นับแต่ครั้งที่เค้าสุญเสียสิ่งสำคัญไป

……………….
………………………….

“ ทั้ง เฟนท์ แล้วก็ชั้นเราต่างก็สูญเสีย สิ่งสำคัญไปแล้วก็ถูกความแค้นครอบงำ… ”
เรกกะ เปรย ขณะที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ เต็มไปด้วยเมฆฝน ที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านไปเรื่อยๆ
มันขยายตัวปกคลุมท้องฟ้าไปทีล่ะนิดทีล่ะหน่อย ราวกับจะบดบังแสงอาทิตย์ไปตลอดกาล

……………
………………………..


“ นั้นคือสวรรค์เงียบไปครึ่งชั่วโมง จะเท่ากับวันเวลาหนึ่งเดือนบนโลก ”
ฮายาเตะ กล่าวขณะที่เดิน ตามไปทว่าอยู่ๆโครโน่ ก็หยุดเดินเอาเสียดื้อๆ ทำให้ ฮายาเตะ แปลกใจไม่น้อย

“ มีอะไรหรือคะ… ”
ฮายาเตะ ถามขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนจะทันสังเกตว่า โครโน่ นั้นถือ ลูกแก้วด้วยมือที่สั่นเทา

“ มีบางอย่างแปลกไป… ”
โครโน่ เปรยขึ้นคำพูดของเค้านั้นทำให้ ทั้งสอง ถึงกับสะดุ้งขึ้นมาทันที

“ หมายความว่ายังไงคะ มีอะไรผิดพลาดงั้นหรือ ”
ฮายาเตะ รีบถามทันทีเพราะต้องการทราบสาเหตุโดยเร็วที่สุด เพื่อจะแก้ไขอะไรได้บ้าง

“ จากแผนการทั้งหมด เราทำได้ถึงเพียงแค่ สรวงสวรรค์สงบไปครึ่งชั่วโมงเท่านั้น แต่ท่อนที่เหลือต่อจากนั้นล่ะ ”
โครโน่ เปรยขณะที่ดวงตา นั้นแสดงออกถึงความลนลานขึ้นมาถนัดชัด

“ จริงสิ..ทูตสวรรค์ และแตร ทั้ง 7 ตามแผนการของเราไม่ได้มีส่วนนี้บันทึกไว้นี่ ถ้าเป็นตามที่ อิสฮานเคยบอกไว้
ต่อจากนี้มันก็ไม่มีอะไรแล้วนี่ ”
ฮายาเตะ กล่าวด้วยสีหน้าลนพอกัน กับความผิดปกติบางอย่างที่มีเฉพาะพวกเค้าที่รู้

“ กระถางไฟทองคำ ถูกโยนลงมา เกิดฟ้าแลบฟ้าร้อง…แตรทั้ง7 หายนะ ทูตสวรรค์..นี้หรือว่า ”
โครโน่ เปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทาตามความรู้สึกไปด้วยบัดนี้ ความกังวลถาโถมเข้ามาสู่หัวใจของเขา
มือนั้นเย็นเฉียบจนแทบไม่รู้สึกอะไร ความรู้สึกกดดันที่เกิดขึ้นเมื่อตัวเค้าจับความรู้สึกผิดแปลกนี้ได้

“ ฮูกีนมูนีน รายงานสถานการณ์ ข้างล่างมาที ”
โครโน่ สบถก่อนที่ ห้องอันมืดมิดนี้จะปรากฏจอภาพขึ้นทั่วทั้งห้อง

“ นี่มัน…. ”
ทั้งสอง เปรยขึ้นแทบจะพร้อมกันเมื่อได้เห็น ภาพในมอนิเตอร์ท่ามกลางสนามรบ
บนทุ่งร้าง ที่ไหนสักแห่ง เหนือน่านฟ้าของ สนามรบถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกสีดำ

ใต้ม่านหมอกนี้ ปรากฏร่างของ มังกรดำทมิฬขนาดยักษ์ มันขดปีกของมัน
เข้ากับตัวลักษณะคล้ายกับการนิทรา เบื้องล่างสนามรบนั้น การปะทะหยุดนิ่ง

ไม่มีใครขยับ อาวุธสงคราม สัตว์อสูร หรือ แม้แต่ทหารของฝ่ายใดต่างก็หยุดนิ่ง
จนหมด พวกเค้าหยุดเสมือนรูปปั้นหิน ที่ไร้ชีวิต

“ ชิ…เอวาเกเลี่ยน  เราลืมมันไปซะสนิท ไอ้เจ้าจักรพรรดิ บ้านั่น มันคิดจะฟื้นฟูระบบ คาทราสโทฟี ”
โครโน่ สบถขณะที่สายตานั้น จ้องเขม็งไปยังภาพต้นเหตุที่เค้าสังหรณ์ณ์อยู่จนถึงเมื่อครู่



…………………
……………………….

ย้อนกลับไป 2 สัปดาห์ ก่อน

ณ สวนของ สุสานห่างออกจากตัวเมืองไป ไม่มากมีบรรดาผู้มาร่วมพิธีศพจำนวนไม่น้อยเลย
ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็น นักเรียนจาก โรงเรียน St. Magnus ที่พึ่งกลับจากงานโรงเรียน

ผู้ที่เป็นเหยื่อเคราะห์ในที่นี้ คือ พ่อของ ไอ เลมูเรีย จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ ไอ
กับมารดาของเธอต้องหลั่งน้ำตาไปไม่น้อย ต่อหน้าแผ่นป้ายหลุมศพของหัวหน้าครอบ

ท่ามกลางสายตาเวทนาของ บรรดาเพื่อนๆญาติพี่น้อง ต่างๆที่มาร่วมพิธี
หลังเสร็จพิธี ขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายกันกลับนั้นเอง

“ จะไม่ไปปลอบเธอหน่อยเหรอ เฟนท์ ”
ซาน ถามเค้าด้วยสายตาสลดที่ยังไม่อาจรับได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวเช่นนี้

“ ไม่ล่ะครับ…ถ้าผมไปตอนนี้..จะยิ่งทำให้เธอเจ็บปวดยิ่งขึ้นไปอีก…เพราะผมเองก็เป็นพวกเดียวกับ ฆาตกรที่ ฆ่าพ่อของเธอนะครับ ”
เฟนท์ กระซิบด้วยสายตาสลดหดหู่ ขณะที่มองไปยังประตูสุสาน ที่ไอ กำลังช่วยพยุงแม่ของเธอกลับบ้าน
 จากการที่เธอหมดแรงเพราะเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด

“ แต่…เฟนท์..น้องน่ะเป็นคนสุดท้ายที่ควรจะเข้าไปปลอบใจเค้า… ”
ซาน พยายามจะแย้ง เรื่องความสัมพันธุ์ ของเค้ากับไอ แต่ ไรด์ ก็เข้ามา ปรามเธอไว้
ก่อนจะทันพูดจบ

“ พอเถอะน่า…อย่าไปบังคับเลยน่า…เพราะหมอนั่นตัดสินใจอย่างเด็ดขาดด้วยหัวใจลูกผู้ชายไปแล้วล่ะ ”
ไรด์ เปรยขณะที่ ซาน พยายามขัดขืน เพราะไม่เข้าสิ่งที่ ไรด์ พยายามจะสื่อ จนในที่สุด เฟนท์
ก็เป็นฝ่ายเปิดปากพูดเสียเอง

“ พี่ครับพอเถอะครับ…ตอนนี้ผมไม่มีคุณสมบัติ จะไปพูดกับเธออีกแล้ว…..ผมบอกเลิกกับเธอไปแล้ว ”
เฟนท์ กล่าวด้วยผมที่ปรกลงมาปิดหน้าทำให้ มองดวงตาของเค้าได้ไม่ชัด ดวงตาที่แฝงไปด้วยความ
รู้สึกที่อัดอั้น และคราบน้ำตา ที่ยังคงค้างคาอยู่  ท่ามกลางความเงียบสงัด ที่ซาน หยุดขัดขืน

สายตาที่เจ็บปวดแทน ของ ไรด์ ในขณะที่ เอมิล นั้นแม้จะไม่พูดหรือแสดงออกมาแต่ในใจของเค้า
ก็รู้สึกเจ็บปวดไม่แพ้กัน

“ นี่…นี่เรา…เรากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ”
เรกกะ ที่ได้แต่จับจ้องความโศกเศร้าของเพื่อนพ้อง โดยเก็บงำความลับเรื่องที่เค้า เป็น Dragoon
และความรู้สึกผิดที่ว่าตัวเค้า อาจเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด  หากวันนั้น

เค้าไม่เข้าไปแทรกกลาง การแทรกแซงของ Empyrean Adjust อีกทีเหตุการณ์นอง
เลือดแบบนี้คงจะไม่เกิดขึ้น

……………….

5 วันหลังจากนั้น

“ นายลงมือทำไปแล้วนะ ทุกสิ่งกำลังจะเคลื่อนไหวเพราะนาย มันกำลังจะเปลี่ยนแปลง ด้วยการตัดสินใจของนาย ”
คำพูดของ R2 ที่ยังคงก้องอยู่ในหัวของ เรกกะ หลังจากที่ เข้าไปแทรกแซงในวันนั้น
ขณะนี้ ตัวเค้าเองกลับถูกซ้ำเติม ราวกับโชคชะตาเล่นตลก พี่สาวของเค้าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ไม่มีใครรู้แม้แต่ตำรวจ ก็ตามสืบเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน อีกทั้งตอนนี้ อยู่ในสถานการณ์
ฉุกเฉิน เพราะการแทรกแซงในครั้งนั้น ส่งผลให้เกิดสงครามกระทบกระทั่งกันไปทั่วทั้งเทอร่า


โลกอส และ บริทเทเนอร์ ที่ปฏิเสธจะร่วมสงครามด้วย จึงกลายเป็นฝ่ายที่อาจดดนลูกหลงได้ทุกเมื่อ
ผู้คนจึงพากันอพยพกลับสู่แผ่นดินเกิด และบ้ายออกจากตัวเมืองหลักของ โลกอส

แม้กระทั่งโรงเรียนก็มีการประกาศปิดภาคการสอนลงอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสงคราม
นักเรียนส่วนมากจึงพากันย้ายกลับไปยังแผ่นดินเกิดหรือเมืองอื่นแทน เมืองหน้าด่านที่ติดกับทะเลอย่าง

เมืองหลักของโลกอส นี้ ทำให้สภาพในเมืองแทบจะไม่เหลือผู้คน ร้านค้าต่างๆพากันปิดเก็บข้าวของเตรียมย้ายออกกันไปหมด ทำให้สภาพของเมืองแทบจะกลายเป็นเมืองร้างไป กระทั่งว่า ทางรัฐบาลเองต้องจัด เปิดร้าน

สินค้า สำหรับอุปโภคบริโภค ขึ้นมาเพื่อบรรเทาทุกข์ของผู้ที่ไม่อาจอพยพไปไหนได้
และแล้วความเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นก็ได้ทำให้ เรกกะ ตระหนักแล้วในที่สุดว่าเค้าไม่อาจถอยหลังได้อีก

ไม่อาจกลับมาใช้ชีวิตนักเรียนธรรมดาได้ตามปกติเหมือนทุกครั้งแล้ว บัดนี้เค้าเข้าใจความรู้สึกของ พวก
เฟนท์ ได้เป็นอย่างดี กับการย่างเท้าก้าวลงไปในรอยต่อของ ประวัติศาสตร์ การที่พยายามจะบิดเบือน
มัน นำมาซึ่งการปฏิวัติ ในที่สุด

“ ชั้น…จะถอยหลังไม่ได้แล้ว…เพื่อให้สงครามที่ชั้นเป็นต้นเหตุนี้สิ้นสุด…ชั้นจะ.. ”
เรกกะ เปรยขึ้นหลังจากที่ ตัดสินใจได้ ในที่สุด

…………….
………………….



2 วันต่อมา สนามรบทุ่งร้างเกาะหลักศิลา ทางตอนใต้ของ ทวีป คาดาร่า

ณ ที่แห่งนี้เป็น สถานที่กำลังรบ จาก อาณานิคมของ คาดาร่า ทั้งหมด ยกเข้ามาปะทะ กับ ดิสอาปจูร่า
ซึ่งนับเป็น สองทวีปแรกที่เริ่ม สร้างความขัดแย้ง ก่อนที่ลามปามไปยัง อาณานิคมอื่นๆ ซึ่งเป็นพันธมิตรกัน
ได้ส่งกองกำลังของ ตัวเองเข้าร่วมการรบด้วย จนเกิดเป็นสงครามใหญ่

ในขณะนั้น Empyrean Adjust กำลังจะเข้าเผชิญหน้ากับ มหาสงครามแห่งประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นอีก
ครั้งแล้วในที่สุด

……………..
…………………
บ้านของ ไอ

“ ก็อย่างที่บอกไปนั่นล่ะ…ไม่คิดจะไปดูหน่อยเหรอด้วยพลังของเธอรับรองได้เลยว่า เธอทำได้แน่ๆ ”
โครโน่ ที่ยืนยิ้มเยาะ เมื่อได้เห็นสีหน้าปวดร้าวของ เด็กสาวที่ได้รับรู้ความจริงที่เค้านำมา
บอกแก่เธอ บนโต๊ะไม้ ที่ไอ ค้ำอยู่นั้น มีเอกสารที่บันทึก รูปและข้อมูลประวัติ ของ Valkyrier
ทีม Celestial Saber เอาไว้ทั้งหมด

“ เธอคนนี้คงจะใช้ได้…พลังของเธอมันไม่ธรรมดา…ถ้าใช้เธอชั้นก็สามารถที่จะควบคุมพลังที่ อิสฮาน
ทิ้งไว้ให้ได้ Ava-Trans พลังนั่นไม่ควรเป็นของมนุษย์ โชคดีที่ เจ้านั่นมีความสัมพันธุ์กับผู้หญิงคนนี้
เธอช่างเป็นหมากที่ยอดเยี่ยมเสียจริงๆ ”
 โครโน่ คิดขณะที่ เดินออกไปจากห้องที่ให้ ไอ ตัดสินใจด้วยจิตใจที่ถูกสั่นคลอน จนพร้อมจะ
ล้มได้ทุกเมื่อ

“ เฟนท์…ทุกคน….หลอกลวงฉัน…พวกเค้า…เป็น Valkyrier ..พวกฆาตกร ”
ไอ เปล่งเสียงที่สั่นเทาและเบาแผ่วออกมา พร้อมๆกับี่ ดวงตาของเธอ ค่อยๆเปลี่ยนไป
เป็นตัวเธอ อีกคนที่คอยต่อสู้เพื่อกำจัด อาคูม่า

“ ความปราถนา นั้นข้าจะสนองให้เอง ”
ไอ ที่เปลี่ยนไปเป็น อีกบุคลิค เปรยขึ้นก่อนที่ เข็มขัดกลไก
ของเธอจะปรากฏขึ้นที่เอว พร้อมกับที่เธอ หยิบเอา เม็ดพลอยสีฟ้าที่ อยู่ในกล่องเก็บด้านข้างเข็มขัด

ขึ้นมาและบรรจุมันลงในร่องของ หัวเข็มขัด และเปลี่ยนร่างของเธอ เป็น
 อัศวินเฟิร์นกอลโลเอี่ยน(จากนี้จะย่อเป็นFKนะครับ)

………………
…………………….

ปัจจุบัน

“ นั่นคือสิ่งที่ชั้นได้เห็น ตอนที่ได้ความทรงจำกลับคืนมา…นั่นคือสาเหตุที่ ไอ เปลี่ยนไปตัวเธอนั้นเดิมทีเป็น
มุนษย์ไม่สิ เงือกทดลองที่ถูกองค์กรของ ประเทศนิคโคอุ ดัดแปลงให้เข้ากับ Rider System พลังที่ชั้นสงสัยมาตลอดนั่น ว่าเธอมีมาได้ยังไง มันกระจ่างขึ้นมาด้วยแล้ว.. ”

เรกกะ เปรยให้ R2 ที่ยืนฟังอยู่ ขณะที่บรรดาสามสาว Valkyrier ที่โดนตัดหางปล่อยวัดนั้น
กำลังช่วยกันเก็บกวาด พื้นสนามโรงเรียนที่ถูกพังซะยับเยินจากการต่อสู้ของเขากับ เฟนท์

“ คงเป็นเพราะแสงที่สะท้อนออกมาจากลูกแก้วนั่นล่ะมั้งที่ทำให้นาย
ได้ความทรงจำกลับคืนมาแถมพ่วงเรื่องอื่นมาด้วย ”
R2 กล่าวขณะที่ มองมาที่เค้า

“ หลังจากนั้น พอชั้นไปถึง มันก็สายเกินกว่าจะแก้ไขแล้ว….พวกEmpyrean Adjust
 เข้าแทรกแซงในสงครามที่รู้ว่าไม่มีทางจบลงได้ด้วยการใช้กำลัง… ”
เรกกะ เปรยพลางทิ้งตัวนั่งลงพิงกับ แผ่นหิน ขณะที่นึกย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้น

……

3 วันก่อน

เกาะหลักศิลา

“ นี่มัน…. ”
เรกกะ เปรยด้วยสายตาหวาดหวั่น กับภาพตรงหน้า ยานของ Empyrean Adjust สองลำ เกยตื้นอยู่
บนพื้นสนามรบในสภาพของซากยาน ที่เละไม่มีชิ้นดี ขณะที่ตัวเค้า มองลงมาจาก ยานไซเบอริก้า

“ นี่ นายแน่ใจนะว่าจะลงไปน่ะ เราเอายานลงไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ ไม่งั้นได้เป็นเป้าลูกหลงแน่
แถม มาธิอัส ก็ไม่อยู่อีก นายต้องไปคนเดียวนะ ”
R2 ถามเพื่อขอคำตอบจากเค้า อีกครั้ง หลังจากที่ จอดยานอยู่ในระดับที่สูงพอจะพ้นจ่ก
รัศมีการสู้รบด้านล่าง

“ ยังไงก็ต้องลงไปล่ะ…สงครามนี่เกิดขึ้นเพราะชั้น…ถ้าไม่หยุดมันล่ะก็ ”
เรกกะ กล่าวขณะที่ เดินไปยังประตูห้องควบคุม แต่ R2 ก็เข้ามารั้งเค้าไว้ซะก่อน

“ แล้วนายคิดว่า แค่ลงไปพูดในฐานะ Dragoon จะมีคนฟังงั้นเหรอ! ”
R2 กล่าวโดยพยายามรั้งตัวเค้าไว้ ทว่า เรกกะ ก็ปัดมือของเธอ ออกก่อนจะหันกลับมากล่าวกับเธอ

“ แล้วจะให้อยู่เฉยๆดูความพินาศแบบนี้น่ะเหรอ ….ถึงต้องใช้กำลังชั้นก็ต้องหยุดมันให้ได้ ”
เรกกะ ตะคอกกลับ ด้วยโทสะ ก่อนจะ คว้า เอาหมวกหน้ากากของ Dragoon ขึ้นมา

“ นี่นายคิดจะไปตายใช่ไหม… ”
R2 กล่าวขึ้น ซึ่งทันทีที่ได้ยิน เค้าก็ถึงกับชะงักไปทันที

“ ใช่จริงๆด้วย…นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ทำไมนายถึง…. ”
R2 ถามพลางกระชากคอเสื้อของเค้าเพื่อให้มองหน้าเค้าได้ชัดๆ ทว่าใบหน้าของ เรกกะ ตอนนี้
ไม่ต่างไปจาก คนที่หมดหวังในชีวิต สายตาที่ว่างเปล่านั้น แสดงออกมาให้เธอรู้อย่างเห็นได้ชัด

“ ชั้นไม่เหลือ ปฏิธานที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว…..พี่สาวของชั้นหายตัวไป โดยที่แม้แต่ชั้นก็หาเธอไม่พบ
ทั้งที่มีพลังแล้วแท้ๆ แต่ชั้น…ชั้นกลับทำอะไรไม่ได้เลย…แล้วยังสงครามบ้าๆที่เกิดขึ้นเพราะความ
ไม่ยั้งคิดของชั้น….ถ้าหยุดมันไม่ได้ชั้นขอตายซะดีกว่า ”

เรกกะ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนระทวย อย่างที่สุด ในใจเค้าไม่มีสิ่งใดพอจะยึดเหนี่ยวให้
เค้าเห็นคุณค่าชีวิต ตัวเองอีกต่อไป

“ เรกกะ…ฉันไม่ห้ามนายก็ได้แต่….นายห้ามลืมเด็ดขาดนะ..นายยังมีทุกคนอยู่ เพื่อนของนายอยู่ข้างนอกนั้น
ครั้งแรกที่เราเริ่มเคลื่อนไหวกันนายพูดไว้เองนี่ ไม่ว่าพวกนั้นจะทำอะไรยังไงเพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนไว้ก่อน ”
R2 กล่าวขณะที่ปล่อยมือ ออกจากคอเสื้อของเค้า ด้านเรกกะ ก็ไม่ได้โต้ตอบแต่อย่างใด
หลังเงียบอยู่นาน เรกกะ จึงเปิดประตูเพื่อจะออกไป อีกครั้ง

“ เรกกะ….ห้ามตายนะ ”
R2 กล่าวขณะที่รอคำตอบจากเค้า ทว่า บานประตูก็เลื่อนปิดลงไปโดยที่เค้าไม่ได้พูดอะไร
ทิ้งไว้

…………..
………………

“ ตอนนั้น หน้านายซีดยิ่งกว่าคนตายซะอีก ”
R2 กล่าวพลางสะบัดปอยผมที่ปลิวเข้าตาเพราะแรงลม ขณะที่ด้าน สามสาว
ยังคงง่วนอยู่กับการ ย้ายหินออกจากกอง

“ โกรธชั้นอยู่งั้นสิ…เธอน่ะยังโกรธชั้นอยู่ใช่ไหมล่ะ…ถึงได้ทำเป็นเย็นชาแบบนั้น ”
เรกกะ หันหน้าไปถาม เธอที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ ก็คงงั้น….ไม่เคยมีใครทำให้ฉันเสียใจได้เท่านายมาก่อนเลย….เพราะงั้นฉันถึงยังโกรธอยู่ ”
R2 กล่าวเสียงเรียบสีหน้า เมินเฉยตัดกับคำพูดที่อกจากปากเธอ

“ หึๆ งั้นเหรอ…นั่นสินะ….จากนั้นคนที่ชันเจอก่อนเลยก็คือซาน ”
เรกกะ หัวเราะเบาๆก่อนจะก้มหน้าลงแล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นต่อ

“ จริงสิ เจ้าลูกหมานั่นบอกว่านายฆ่าคนเพิ่มไปเยอะเลยนี่….แถมนายยังรับเองอีกด้วยว่าเป็นคนทำ ”
R2 หันมาถามด้วยความสนใจเมื่อเค้าเอ่ยถึงเรื่องนี้

“ อืม…ตอนที่ชั้นไปเจอ…เธอก็แทบปางตายเลยล่ะ ที่สำคัญคือเธอ รู้ว่าเป็นชั้น…ทั้งที่ใส่ชุด Dragoon อยู่แท้ๆ ”
เรกกะ เล่าพลางนึกย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น

….

“ ซาน…พี่ ซาน … ”
เรกกะที่ อยู่ชุด Dragoon เรียกชื่อ ซาน ที่สลบอยู่ในซากยาน ที่เค้าลงมาสำรวจ
ตามร่างกายของเธอ มีรอยไหม้จางๆ อยู่เป็นแห่งๆ และแผลถลอกปอกเปิกเต็มไปทั้งตัว

“ เสียงนี้….อา…เสียงนี้มัน….เธอเอง เหรอ เรกกะ… ”
ซาน ที่ค่อยๆลืมตา กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบาพอๆกับลมหายใจที่เบาบงของเธอ

“ อ…เอ่อ…ทำไมถึง… ”
เรกกะ พูดตะกุกตะกัก เค้าอยากจะถามเธอว่าทำไมถึงรู้ว่าเป็นเค้า แต่ก็ติดอยู่ในลำคอ
เมื่อสบตากับเธอ

“ ถ้าจะ….ถามว่า…ทำไม…ล่ะก็นะ…ฉันรู้มา…ตั้งแต่แรก..แล้วว่าเป็นเธอ ”
ซาน กล่าวจบก็สำลักออกมาเป็นเลือดทันที ทำให้เค้า ตกใจสะดุ้งด้วยความเป็นกังวลทันที

“ อ๊ะ…อย่าพึ่งพูดอะไรตอนนี้เลย ผมต้องพาคุณออกไปจากที่นี่ ”
เรกกะ ปรามไม่ให้เธอพูดอะไรตอนนี้ เพราะกลัวร่างกายจะได้รับความกระทบกระเทือนแล้วช้ำใน
ก่อนที่ เค้าจะค่อยๆอุ้มร่างเธอขึ้นมา

Destruction  ”
เสียงดังกังวาล ขึ้นมาจากด้านบนขณะที่ เรกกะ พา ซาน หนีออกมาจากซากยาน ก่อนที่ลำแสง
สีดำจะถูกยิงลงมาที่ซากยาน จนมันระเบิด และเกือบลาก พวกเค้าทั้งสองลงนรกไปแล้ว ถ้า
เรกกะ ไม่ไหวตัวทันกระโดด ออกมาซะก่อน

“ อ้าวๆ….พลาดซะได้….กะจะสอยไปพร้อมๆกันซะหน่อย ”
เสียงกล่าวที่เย้ยหยัน ต่อชีวิตของผู้คน ที่ดังขึ้นนี้ เค้าจำได้ ว่ามันเป็นของใคร
เมื่อหันกลับขึ้นไป เจ้าของลำแสงเมื่อครู่กำลังง้างเคียวในมือขึ้น ด้านหลังของเค้ามีปีก

ดังทูตสวรรค์ ที่คอยสร้างละอองอนุภาคขึ้นมาห่อหุ้มร่างของตนเอง เค้าคือ
 ราฟ Valkyrier(วอลคีรีเออร์)ผู้เป็นอมตะ

“ นี่แกคิดจะทำอะไรกัน คิดจะฆ่าพวกเดียวไปพร้อมกันเลยรึไง ”
เรกกะ ตะหวาดกลับไปด้วยโทสะ แต่อีกฝ่าย กลับทำเป็นหัวเราะร่า เมินคำพูดของเค้าไป

“ หะๆ พูดเดียวกันงั้นเหรอ…นี่แกไม่รู้หรอกเหรอเนี่ย…ยัยนั่นกับพวกในยานเป็นคนทรยศ
สงครามครั้งนี้ พวกเราไม่ได้รับคำสั่งให้มายับยั้งแต่พวกนี้มันดื้อด้านมาเอง

แล้วยังยิง ยาน Niger ของเราไปอีกลำด้วย ชั้นก็เลยได้รับคำสั่งให้มาเก็บทิ้งซะก็เท่านั้นเอง…
ยานพวกมัน ชั้นก็พึ่งสอยไป เหลือนังนี่เท่านั้นที่รอดอยู่ในยาน เพราะมันกาง อาณาเขตเอาไว้ ”
 
ราฟ กล่าวเสียงเรียบ พลางแกว่งเคียวไปมาด้วยความสำราญ


“ หมายความว่ายังไงกัน พี่ซาน เป็นความจริง… ”
เรกกะ หันไปถามเธอ ซึ่ง เธอก็พยักหน้าตอบ

“ พวกเรา…ขัดคำสั่งแล้ว…เข้ามาแทรก…แซงตามอำเภอ…ใจ ”
ซาน ค่อยๆกล่าวอย่างทุลักทุเล ขณะที่ เรกกะ วางร่างของเธอลง

“ ก็อย่างที่ว่านั่นล่ะ….แต่เพราะตอนที่ยิงไป ไอ้สามตัวที่เหลือมันดัน อยู่ข้างนอก
เลยเก็บไปได้แค่พวกลูกเรือ ส่วนยัยนี่ก็เจ็บหนักอยู่คนเดียว เลยกะว่าจะใช้มันเป็นเหยื่อล่อพวกที่เหลือ

ซะหน่อย แต่ไม่อยากจะเชื่อเล้ยว่ายัยนี่จะเป็นเหยื่อที่ดีขนาดนี้…เพราะมันดึงแกออกมาได้ไงล่ะ
จะได้สะสางเรื่องครั้งก่อนด้วย เธอนี่มัน ”
ราฟ กล่าวพลางเลียริมฝีปากด้วยความกระหาย

“ Blaze Form ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ เรกกะ เอาไพ่วางลงไปบนหน้าปัดแล้ว

“ แกมันชั่วไร้ที่ติจริงๆ… ”  “ Regeneration ”
เรกกะ เปรยก่อนจะทุบไพ่ลงไปบนหน้าปัด และเปลี่ยนร่างเป็น ทาลิคนัส

“ โอเระทันโจว…โอ๊ะโอวันนี้คงไม่ต้องสินะ รู้แล้วน่า เรกกะ…เอาให้เต็มที่เลยใช่ไหม ”
ทาลิคนัส ที่ปรากฏตัวขึ้นแล้วกำลังจะร่ายประโยคแบบทุกๆครั้ง ก็ชะงักไป
ก่อนจะเปลี่ยนทีท่าไปทันที

……………..
…………………….

“ แล้วชั้นก็ปะทะกับเจ้าปีศาจนั่น….เปลี่ยนร่างใหม่ไปไม่รู้กี่รอบ สลับรูปแบบการจู่โจมทั้ง ทาลูคัส ทาลิคนัส
ทาโซรอส แล้วก็ ทาไนซ แล้วแต่ก็รับมือหมอนั่นไม่ได้เลย ไพ่ก็ลดไป จนเหลืออยู่แค่71 ใบ ”
เรกกะ เล่าไปจนถึงตรงนี้เค้า ก็ลุกขึ้นมายืน ก่อนจะเดินไป ช่วย พวกชารี่ เก็บกวาดด้วย

“ แล้วจากนั้น นายก็ใช้ ทริปเปิล ซันเดอร์ ที่อีตา ลอว์เรนซ์ บอกทั้งๆที่รู้อยู่ว่า ถ้าไพ่หมดชีวิตนายจะเป็นยังไงงั้นสินะ ”
R2 ต่อความให้ทันที ก่อนจะเดินตามไปช่วย เกลี่ยนเศษหินบนพื้นด้วยเท้า

“ ใช่….ใช้ไปจนครบเลยเพราะเห็นว่าตรงนั้นมันอยู่นอกรัศมีการรบอยู่ไกล ก็เลยใช้ได้แบบ
ไม่ต้องกลัวใครจะมาโดนเข้าใช้ไปหมดทีเดียว 15 ใบเลย ไพ่เลยเหลือ แค่ 56  ”
เรกกะ เล่าต่อไปขณะที่ ช่วยขนหินลงไปในหลุมบนพื้น

………………
……………………

“ เฟนท์ แสงเมื่อกี้มันมาจากทางที่ยานเรา จอดอยู่นี่ ”
ไรด์ กล่าว เค้า สะบักสะบอม พอๆกับ เอมิล และ เฟนท์ ที่รับศึกหนักกับ กองทัพของหลายฝ่าย
จนต้องถอยร่นออกมา พลางจัดการทัพบางส่วนที่ไล่ต้อนพวกเค้ามาจนหมด ก่อนจะฉากหลบออกมาจาก
สนามรบ

“ ชักเป็นห่วงแล้วสิ….เรารีบไปกลับไปที่ยานก่อนเถอะ ”
เอมิล สั่งทันทีที่พวกเค้าหลุดจากการรบได้แล้ว ทว่าขณะที่พวกเค้ากำลังตรงกลับไป
อัศวินเฟิร์นกอลโลเอี่ยน ก็เข้ามาขวางพวกเค้าไว้

“ ไอ้พวก Empyrean Adjust ฉันจะฆ่าพวกแก ”
อัศวินกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน ขณะพุ่งเข้ามากวาดดาบสองปลายไปรอบๆ
 แต่ เฟนท์ ก็เข้าไปรัดปีกแขน อัศวินเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอทำอะไรได้

“ ที่นี่ผมจัดการเอง รีบไปก่อนเถอะ ”
เฟนท์ ตะโกนขณะรั้งไม่ให้อีกฝ่ายดิ้นหลุดไปได้

“ ระวังตัวด้วยนะ ”
ไรด์ กล่าวก่อนจะตาม เอมิล ที่นำออกไปก่อนแล้ว
เมื่อเห็นว่า ทั้งสองคนไปได้ไกลพอแล้ว เค้าจึงปล่อยเธอไป
ก่อนจะถอยไปตั้งหลัก

“ ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร….แต่ถ้ามาขวางต่อให้เป็นผู้หญิงผมก็ไม่ออมมือให้หรอก ”
เฟนท์ กล่าวพลางตั้งท่าเตรียมสู้ ทว่าอีกฝ่ายกลับ ลอยตัวลงไปยืนพื้นแทน
ก่อนจะค่อยๆปลดหมวกออก

“ ฉันเองก็ไม่หวังให้ฆาตกรที่โกหก ฉันแสดงความเห็นใจเหมือนกัน ”
อัศวินเฟิร์นกอลโลเอี่ยน กล่าวขณะที่แสดงใบหน้าใต้หน้ากากนั้น ต่อหน้า เฟนท์ ที่ตอนนี้
นิ่งชะงักไปด้วยสายตาประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อพบว่าคู่ต่อสู้ของเค้า
คือคนที่เค้าใส่ใจไม่น้อยไปกว่าพี่ของเค้าเลย

“ อ….ไอ….เธอเอง….งั้นเหรอ ”
เฟนท์ เปรยด้วยเสียงอันสั่นเทา เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคือ ไอ ตอนนี้ในใจของเค้านั้นสับสนไปกับ
ความจริงรอบๆเสียแล้ว

“ ใช่…เฟนท์ ฉันเองแต่ฉันไม่ใช่คนเดิมที่นายรู้จักอีกต่อไปแล้ว ”
ไอ กล่าวก่อนจะควงดาบเข้าไปหาอย่างไม่ลังเล

………………….

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #105 on: April 18, 2009, 06:33:28 PM »

“ เอ้าๆ…เป็นอะไรไปล่ะ ไม่โจมตีแบบเมื่อกี้มาอีกล่ะ ชั้นละอุตส่าห์ดีใจ นึกว่านายจะมีดีกว่านี้อีก ”
ราฟ กล่าวขณะที่ มองไปยัง ทาลูคัส ที่เหนื่อยหอบ ยิ่งกว่าทุกครั้ง
กับ บรรดามังกร ร่างสุดยอดทั้งสี่ตัว ที่ล้มไม่เป็นท่าอยู่ด้านหลัง

ซึ่งก็มีทั้ง มังกรเพลิง นิทินโคโอนุส(Nitincoionus, the Crimson Flamr Dragon)   
มังกรชั้นสวรรค์ พาลานัลคาเรีย(Palanalcarea, the Celestial Floor Dragon )





 มังกรแห่งโลกา นิลเฮอเรียส(Nilhirios, the Great Terrain Dragon)
 และ มังกรเงาราตรี นอฟโฮทิโอไนซ (Novhothionyx, the Shadowy Night Dragon)





ทั้งสี่ตัวนี้พัฒนาขึ้นมาจาก ลูกมังกร ที่ เรกกะ เรียกออกมาช่วย ด้วยการใช้ไพ่
เพิ่มอีกสามใบรวมกับที่ใช้แปลงร่าง
เป็นสี่ใบ ซึ่งเรียกว่า ทริปเปิลซันเดอร์ ทำให้พวกมันเปลี่ยนร่าง และแม้จะเรียกใช้ถึง

สี่ตัวที่เค้าสามารถควบคุมได้ในตอนนี้ เพราะเค้ายังไม่ได้
ทาลิควอส และ ทาเวนทอส มาทำให้ตอนนี้เค้าหมดหนทางที่จะต่อกรแล้วจริงๆ

………………..
…………………….

“ นอกจากความทรงจำของชั้นที่ได้กลับคืนมา ดูเหมือนตอนที่ God Send ทำปฏิกิริยา มันจะทำให้ชั้นได้รับความทรงจำของ เฟนท์ ในช่วงนั้นมาด้วย… ”
เรกกะ เล่าไปขณะที่ ออกแรงดันแผ่นหินชิ้นใหญ่ ให้ลงไปในหลุมบนพื้น
ก่อนจะนอนลงแผ่หลากับพื้ยด้วยความเหนื่อยหอบ

“ เพราะงั้น นายก็เลยรู้เรื่องที่สองนั้นสู้กันงั้นสิ ”
R2 ต่อความให้ขณะที่เดินมานั่งข้างๆเค้า

“ ใช่….จากนั้น พวก ไรด์ ก็มา พอบอกว่าเป็นชั้น สองคนนั้นก็แทบไม่เชื่อเลยล่ะ แต่พอชั้นบอกว่าจะช่วยซัน
สองคนนั่นก็เข้าใจแล้วก็มาช่วยกันสู้ ”
เรกกะ เล่าไปเรื่อยๆ ขณะที่ ซิกนัม เอาขวานจาก ก้อนหินให้แตกเป็นเศษๆเพื่อจะได้อุดลงไปในช่องว่างที่เหลือ
บนพื้น

“ แล้วถ้างั้นทำไมนายถึงบอกว่านายฆ่าพวกนั้นล่ะ ”
R2 ถามขึ้นเนื่องจากยังสงสัยในประเด็นที่เค้าพูดทิ้งไว้ในตอนแรก

“ จากความทรงจำของ เฟนท์ ที่ชั้นได้เห็น หมอนั่นหนี ไอ มาได้และกำลังตามมาสมทบ
แต่ว่า ไรด์ แล้วก็ เอมิล เห็นว่าถ้ายังปล่อยเอาไว้ ซาน คงตายเพราะพิษบาดแผล
 ก็เลย…. ”
เรกกะ กล่าวมาถึงตรงนี้ก็เงียบไป

“ นี่หรือว่า..สองคนนั้นสละตัวเอง ”
R2 หันไปถามด้วยความตกใจทันที ซึ่ง เรกกะ ก็พยักหน้าตอบเป็นเชิง

“ พวกนั้น เสี่ยงเข้าไปหยุดเจ้านั่น เพื่อให้ชั้นโจมตีเต็มที่….แต่… ”
เรกกะ กล่าวพลางนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น


……………..
……………………..


“ Attack Ride….Time Walk! ”
เสียงดังทุ้มกังวานออกมาจากส่วนหัวเข็มของ ไอ ทันทีที่เธอบรรจุพลอยสีแดงที่หยิบจากกล่องบรรจุด้านข้าง
ลงในหัวเข็มขัด เกิดแสงวาบขึ้นจากเข็มขัด ก่อนที่เธอจะเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วเสียจนมองตามไม่ทัน


“ Protection ”
เสียงกังวานขึ้นพร้อมๆกับที่ เฟนท์ กางกำแพงป้องกัน ขึ้นเพราะตัวเค้าไม่อยากโจมตี ไอ
จึงเอาแต่รับการโจมตีเพียงฝ่ายเดียว

“ Charge Rider… ”
เสียงขึ้นพร้อมกับที่ ไอ หยุดเคลื่อนไหวมือของเธอกำลังกดพลอยสีลงไปในหัวเข็มขัด

“ พอทีเถอะ ไอ ผมไม่อยากสู้กับเธอมากไปกว่านี้อีกแล้ว ”
เฟนท์ พยายามขอร้องให้เธอหยุด

“ คำพูดของคนหลอกลวงแบบนาย ฉัน…ฉันไม่อยากเชื่อถือมันอีกต่อไปแล้ว ”  “ Water Blade! ”
ไอ กล่าวโดยที่ยังคงมีความลังเลอยู่ในใจ แต่เธอก็ฝืนกดพลอยลงไปจนสุดและที่สุดแล้วเข็มขัดจึงส่งเสียง
ออกมาว่ามันพร้อมสำหรับการใช้งานแล้ว ใบดาบทั้งสองของ เธอเปล่งแสงขึ้น

ก่อนที่เธอจะวาดดาบไปมา วงดาบที่เหวี่ยงออกไปนั้น สร้างคลื่นพลังแนวโค้ง พุ่งออกไปสอง
ลำ พุ่งตรงไปยัง เฟนท์

“ ไอ คิดจะฆ่าเราจริงๆงั้นเหรอ…. ”
เฟนท์ คิดขณะที่ลังเลอยู่นั้น คลื่นดาบก็ใกล้เข้ามาทุกขณะในทุกเสี้ยววินาที
เค้าสบตา ไอ เพียงชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจ ปลดเกราะพลังงานออก

“ หากนี่คือความต้องการของเธอ ผมก็จะมอบมันให้ชีวิตของผมหากมันจะทำให้เธอสงบใจลง ”
เฟนท์ กล่าวด้วยสายตาที่แน่วแน่ พร้อมที่จะรับการลงทัณฑ์ของเธอ ทันทีที่เห็นแบบนั้น
โดยไม่ทันที่แม้แต่ตัวเธอจะคิดด้วยซ้ำ มือของเธอปล่อยดาบทิ้งไปแทบจะทันที
ทำให้คลื่นพลังที่พุ่งไปนั้นสลายไปแบบ เส้นยาแดงผ่าแปด ก่อนจะหั่น เฟนท์ เป็นท่อนๆ

“ จริงๆด้วยเธอ แค่สับสนเท่านั้น…. ลึกๆแล้วนี่ไม่ใช่สิ่งเธอต้องการถ้าอย่างนั้น… ”
เฟนท์ คิดเมื่อได้เห็น ท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดของ ไอ เค้าจึงตัดสินใจ ล่วงหน้าออกไปในช่วงที่
เธอยังควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่นี้

“ จะทำอะไรของเธอน่ะ…จะปล่อยให้มันหนีไปงั้นเรอะ ”
เสียงหนึ่งที่คุ้นหูเธอดังก้องมาจากข้างในจากภายในร่างของเธอ

“ ไม่…นี่มันไม่ใช่…นี่ไม่ใช่ที่ฉันต้องการ….ต้องฆ่า…ไม่..ไม่ใช่…ฆ่า…แก้แค้น…. ”
ไอ ลั่นวาจาตะกุกตะกักพลางล้มตัวลงดิ้นทุลนทุลาย อย่างทรมาน มือ
หนึ่งก็จับอีกมือรั้งไว้ไม่ให้ไปจับดาบที่ ทิ้งไป เธอเป็นอยู่แบบนั้นไม่ทันไร
ก็มีอีกเสียงดังขึ้นมาในหัวของเธอ

“ เธอเคียดแค้นอยู่ไม่ใช่เหรอ… ”
เสียงนี้ดังขึ้นมาในหัวของเธอ และเธอจำมันได้ว่าเป็นของชายที่ ทำข้อมูลของพวกเฟนท์มามอบแก่
เธอนั่นเอง

“ อย่าปฏิเสธดีกว่าน่า….หมอนั่นมันฆ่าพ่อของเธอนะ มันหลอกเธอ…
มันเลวร้าย เธอต้องจัดการมัน…นั่นคือเธอต้องการยิ่งกว่าอะไรไม่ใช่งั้นเหรอ ”
เสียงนั้นดังก้องอยู่ในหัวแม้เธอพยายามจะสลัดมันไป ก็ตามที

“ ไม่ใช่…ฉันไม่ได้แค้น….ไม่ใช่… ”
ไอ พยายามต่อต้านอำนาจของเสียงนั้น อย่างเต็มที่ทว่า

“ ใช่สิ....ใช่ๆๆ…เธออยากแก้แค้นจนตัวสั่นเลยนี่…ทิ้งความอ่อนแอนั่นไปซะแล้วไปแก้แค้นเลยสิ ”
เสียงนั้นยังคงก้องกลับมา ท้ายที่สุดแล้วแม้เธอจะพยายามต้านไว้ จนถึงที่สุดแล้ว
แต่มือของเธอก็จับดาบขึ้นมาอีกครั้ง และสวมหมวกเกราะ
 ออกตามล่าต่อไป อย่างไม่อาจขัดขืนต่ออำนาจของเสียงนั้นได้

……………

“ ขืนเป็นแบบนี้ พวกเรามีแต่แพ้อย่างเดียวน่ะสิ ”
ไรด์ สบถ ขณะที่ ยกโล่สำหรับสร้างเกราะป้องกันขึ้นมาต้านทานลำแสงทำลายของ ราฟ ที่กระหน่ำมาไม่หยุด

“ Mirage Explosion ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ เอมิล สร้างร่างแยกขึ้นมาสามร่างแล้วบุกเข้าไปพร้อมๆกัน

“ คิดว่าปาหี่แบบนั้นมันใช้ได้งั้นเหรอ ”
ราฟ แสยะยิ้มก่อนจะ ผายมือไปทางขวาแล้วรวมละอองประจุมาไว้ในอุ้งมือ  พริบตาที่ผลัก
มวลประจุออกไปเพียงนิดเดียว กลับกลายเป็นการยิงลำแสงทำลายที่มีอนุภาคไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าที่

ปล่อยออกมาจาก ปลายเคียวในตอนนี้ เอมิล ที่พุ่งเข้ามาจากทางขวาเป็นตัวจรง เค้าจึงโดนลำแสงนั่น
อัดเข้าเต็มๆ จนปลิวลงไปกลิ้งโค่โล่กับพื้น อย่างไรก็ตาม จากการโจมตีนั้น ทำให้เกราะพลังงานที่คลุม
ร่างเค้าอยู่ตอนนี้สลายไปหมดในคราเดียว

“ Mirage Blast ”
เสียงดังกังวานขึ้นจากหอก ที่อยู่ในมือของ เอมิล หลังจากที่ถูก
อัดกลิ้งมาแล้ว ร่างแยกยังคงพุ่งเข้าหา ราฟ อยู่ไม่ได้หายไป ทันทีที่ พวกมันเข้าถึงตัว ราฟ
ก็เกิดระเบิดในทันที ซึ่งแรงระเบิด ถึงสามครั้งนั้นรุนแรงเสียจน ราฟ ยังกระเด็นไม่เป็นท่า

“ ชั้นรู้ใ.ว่าลูกไม้ตื้นๆหลอกแกไม่ได้อยู่แล้ว แต่การโจมตีที่ชั้นหวังไว้น่ะมัน
อยู่ที่ร่างแยกของชั้นที่แกมองข้ามไปไงล่ะ ร่างแยกของชั้น สร้างขึ้นจากประจุอิออน
ดังนั้นแค่ให้มันเปลี่ยนเป็นพลังทำลายมันก็ไม่ต่างไปจาก ระเบิดนำวิถี นั่นล่ะน่า ”

เอมิล กล่าวขณะที่ยันตัวขึ้นโดยเอาปลายหอกค้ำพื้นเป็นหลักดึงตัวขึ้นมา แม้การโจมตีจะได้ผล
แต่ก็แลกมาด้วยตัวเค้านั้นต้องเจ็บไปไม่น้อย ทว่า ราฟ นั้นกลับลุกขึ้นมาโดยที่บาดแผลนั้น
สมานตัวหายไปอย่างรวดเร็ว

“ แล้วยังไง…อานิม่า อย่างชั้นไม่มีวันตายอยู่แล้วพวกแกมันก็เกมฆ่าเวลาเท่านั้น ”
ราฟ สบถ ก่อนจะควงเคียวไปมาอย่างรวดเร็ว ละอองประจุรอบๆตัวนั้นได้ถูกแรงดูดจากการควงรวมเข้าไป

Dectruction ”
สิ้นเสียงลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาจากมวลประจุที่ไปรวมกันไว้ ยิงกวาดลงไป
ทาลูคัส ที่อยู่ด้านล่างจึงต้องรีบ อุ้มร่างของ ซาน พาหนีออกห่างจากรัศมีการยิง
ทันที

“ ฮ่าๆๆ เป็นไงล่ะ เดี๋ยวชั้นจะทำให้ ที่นี่หายไปเหมือนตอนทำกับที่ โทร่า เลยคอยดูให้ดีๆ ”
ราฟ กล่าวจบก็ตวัด เคียวสะบัดการโจมตีนั้นทิ้งไป แต่ก่อนจะได้ทำอันใดต่อ เอมิล กับ ไรด์
ก็พุ่งเข้ามาจากด้านข้าง แล้วรั้งแขนของ ราฟ เอาไว้ทั้งสองข้าง แม้ทั้งสองจะ ช่วยกันรั้งช่วยกัน
เหนี่ยวแล้วก็ตามแต่ ราฟ กลับมีแรงมหาศาล มากจนพวกเค้าไม่อาจรั้งไว้ได้นาน

“ เรกกะ..ตอนนี้เลย โจมตีเต็มกำลังมาที่มันตอนนี้ล่ะถ้ามันฟื้นตัวเร็วนักก็เป่ามันให้เป็นผงไปเลย ”
ไรด์ ตะโกน ขณะที่ ออกแรงรั้งเหนี่ยวแขนของ ราฟ เพิ่มขึ้น ขณะที่ ร่างของเค้านั้น ต้องทนรับ
แข้งของ ราฟ ที่สะบัดเตะใส่เพื่อให้เค้าปล่อย

“ แต่ถ้าทำแบบนั้นพวกเจ้าก็… ”
ทาลูคัส แย้งทันที เพราะหากจู่โจมเข้าไปแล้ว ไม่แคล้วพวกเค้าทั้งสองก็ต้องติดร่างแห
โดนการจู่โจมของเค้าไปด้วย


“ ไม่ต้องมาห่วงพวกเรา…ถ้าไม่ทำตอนนี้พวกเราก็ไม่มีทางชนะเลยนะ ”
เอมิล ตะคอกทว่า ไม่ทันไร ราฟ เตะจน ไรด์ กระอัก และผ่อนแรงแขนลง ทำให้ ราฟ กระชาก
คอ ไรด์ ไปกระแทก เอมิล จนหลุดไปอีกคน ก่อนจะเหวี่ยงเคียว ปลิดชีวิตทั้งสองใน ครั้งเดียว


“ เอมิล! ไรด์! ”
เรกกะ ที่อยู่ภายใน ทาลูคัส ร้องเสียงหลงขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นร่างของเพื่อนทั้งสอง
ค่อนร่วงหล่นลงมา

“ ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว….คนแบบแกหายไปซะ ”
ทาลูคัส ที่ตอนนี้ เริ่มจะมีโทสะ กับการกระทำของ ราฟ สบถก่อนจะหยิบเอาไพ่
ออกจากตลับที่เสกขึ้นมา 15 ใบแล้วรวมกับที่ใช้แปลงร่างอยู่ ทำให้มีไพ่ ในมือ 16 ใบ

“ Charge and Up Dragon Cannon ”
ทันทีที่ ทาลูคัส นำทั้งหมดนั้นไปวางบนศิลา ดาบก็กังวาลเสียงสนั่น
ก่อนที่ มังกรร่างสมบรูณ์ทั้งสี่ จะลุกขึ้นมายิงลำแสงทำลาย ออกมาสี่ลำพร้อมกัน

ลำแสงทั้งสี่ พุ่งตรงเข้าไประเบิดร่างของ ราฟ ในที่สุด พร้อมๆกับที่ ร่างของ ทาลูคัส แตกสลายลง
กลับคืนร่างเป็น เรกกะ ไปพร้อมกัน

……………
…………………….

“ แล้วไงต่อ…จัดการได้รึเปล่า ”
R2 เร่งถามทันที โดยไม่รอที่ เรกกะ จะเล่าต่อให้จบ

“ ที่จริง เพราะการโจมตีนั่น ทำให้เกิดพลังทำลายมหาศาล แต่ว่ามันพลาดเป้าไป เจ้านั่นหลบพอเฉียดๆออกมาได้
ส่วนลำแสงก็ไปตกค้างอยู่ ข้างบนที่จริงตอนนั้นชั้นเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า มันคืออะไร  ”
เรกกะ ตอบคำถามของเธอ ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แม้จะไม่แสดงออก แต่ เธอรู้ดีว่าขณะที่พูดอยู่นี้
ตัว เรกกะ เองเจ็บปวดมากเพียงใด ที่ต้องลำรึกถึงช่วงเวลาอันโหดร้ายนั้น

“ แล้วคนที่ โผล่มาปิดท้ายชีวิตเจ้านั่น ก็คือ…..ไอ ”
เรกกะ เปรยก่อนจะเริ่มเล่าต่อจากที่ค้างไว้

……………
…………………….

“ Charge Rider Water Blade ”
สิ้นเสียง หลังจากที่ลำแสงพิฆาตของมังกรทั้งสี่นั้น พลาดเป้าการจู่โจมไปจาก ราฟ
ไอ ก็ปรากฏตัวขึ้น อย่างรวดเร็วก่อนจะปักดาบทะลุลงไปที่หัวใจของ ราฟ

“ อัก….ท…ทำไม…ก็ชั้นเป็นอานิมา นี่…แล้วทำไมความทรมานนี่มันอะไรกัน.. ”
ราฟ สบถขณะที่ กระอักออกมาเป็นสายเลือด ทั้งร่างที่ยังคาอยู่บนดาบของ ไอ

“ ราฟ….นายแพ้ให้กับมนุษย์….ตัวนายสูญสิ้นซึ่งการพัฒนาแล้ว…แน่นอน ตอนนี้นายไม่ใช่อานิม่า
 อีกต่อไปแล้วลาก่อน ”
เสียงของ โครโน่ ดังก้องขึ้นมาในหัวของ ราฟ ขณะที่ ภาพเริ่มพร่ามัว

“ ก…แกทิ้งชั้น…งั้นเรอะ โครโน่…กลับมาก่อน…ชั้นยังไม่…อยากตาย ”
ราฟ กัดฟันพูดออกมาขณะที่ร่างกายเริ่มค่อยๆเหี่ยวแห้ง ลงจนในที่สุดก็สลายเป็นเถ้าทุลี ไม่เหลือแม้แต่กระดูก
ส่วนเคียว กับเสื้อผ้าก็ย้อนรูปกลับไปเป็นเครื่อง Terminal Crisis ตามเดิมก่อนจะตกลงมาจมกองทุลี
บนพื้น

“ ฆ่า…ต้องฆ่า Valkyrier ให้หมด ”
ไอ สบถด้วยน้ำเสียงที่ไม่ใช่น้ำเสียงของเธอ ขณะที่ กวัดแกว่งดาบไปมาอย่างบ้าคลั่งเหมือนคนเสียสติ
ก่อนจะเหลือบไปเห็น ซาน ที่นอนเจ็บอย่างไร้ทางสู้ เพียงเสี้ยววินาที ที่ไม่อาจคาดคิด
ดาบของ ไอ ก็ถูกขว้างลงไปเสียบทะลุอกเธอเสียแล้ว

“ ซานนนนน! ”
เรกกะ ร้องเสียงหลงขณะที่ ตรงเข้าไปถอนเอาดาบ ออก

“ ฮิๆๆ…ฮะๆๆ…ฆ่าๆ..ฉันต้องฆ่า…Valkyrier…ฆ่า ”
ไอ กล่าวเสียงหลงไม่ต่างไปจากคนเสียสติ

“ ซาน ไม่เป็นไรนะ ลืมตาขึ้นสิ ซาน ”
เรกกะ ตะโกนเรียเธอ ทั้งน้ำตาขณะที่ ดวงตาของเธอนั้นจะเปิดแทบไม่อยู่แล้ว
เธอ ค่อยๆเอื้อมมือ ไปแตะมือของ เรกกะ ก่อนที่พวกเค้าทั้งสองจะสวมจับมือกันไว้

ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสับสนนี้ ซาน พยายามจะบอกอะไรบางอย่างแก่เค้าทว่าน้ำเสียง
ของเธอกลับแผ่วเบา จนไม่ได้ยิน และไม่ทันที่เธอจะได้กล่าวให้จบ เธอกลับจากเค้าไปก่อนเสียแล้ว
ดวงตาเลื่อนลงปิดสนิทในที่สุด

“ ลืมตาขึ้นมาสิ  ซาน ลืมตาขึ้นมาเถอะขอร้องล่ะอย่าทิ้งชั้นไปอีกคนเลย ซาน  ซาน! ”
เรกกะ ตะโกนเรียกเธอ อยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งที่รับรู้อยู่เต็มอกว่า เธอไม่มีทางจะฟื้นขึ้นมาได้อีก
ได้แต่กุมมือเธอ แนบแน่น เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจับมือของเธอขึ้นมาประสานไว้

“ Terror Form ”   “ Regeneration ”
สิ้นเสียง เรกกะ ก็เปลี่ยนร่างเป็น ทาไนซ ทว่าคนที่คุมร่างอยู่ในตอนนี้กลับไม่ใช่ ทาไนซ แต่เป็นตัวเค้าเอง

“ ชั้นรู้ว่าเป็นเธอ…ไอ….แต่ชั้น…ชั้น….ยกโทษให้เธออีกต่อไปไม่ได้แล้ว ”
สิ้นคำ คมดาบของ ทาไนซ ก็แทงทะลุชุดเกราะของ เธอลงไปจนสุดคม

………..

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #106 on: April 18, 2009, 06:33:41 PM »

“ อ๊ะ…นั่นมัน… ”
เฟนท์ ที่ตามมาจนถึงจุดที่ยานตกในที่สุด ทว่า ภาพเบื้องหน้านั้นก็ทำเอาเค้า ช็อกไปทันที

“ เอมิล ไรด์  ”
เฟนท์ กล่าวตะกุกตะกัก เมื่อเห็นร่าง ของ เพื่อนทั้งสอง ที่นอนจมกองเลือดอยู่ ก่อนจะทันหันไปเห็น
 ร่างของ ซาน นอนสิ้นใจอยู่ใกล้ๆ ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่ ไอ ที่ตอนนี้ ไม่ได้สวมชุดเกราะอัศวินแล้ว

 แต่ร่างของเธอก็อาบชุ่มไปด้วยโลหิต ที่ไหลออกมาจาก ท้อง สิ่งที่ปรากฏนี้ทำเอา เค้าพูดไม่ออก
ได้แต่อ้ำอึ้งทั้งน้ำตา ที่ไหลรินออกมาด้วยความเสียใจ

“ ในที่สุด…นายก็มา.. ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ เฟนท์ จะหันไปมองยังต้นเสียง Dragoon ยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยชุดที่และหมวกที่ชโลมด้วยเลือดตั้งแต่หัวจรดเท้า


“ ทั้งหมดนี่แกเป็นคนทำงั้นสิ…..Dragoon ”
เฟนท์  ตะคอกใส่พลางเกร็งหมัดทั้งสองข้างอย่างแน่นที่สุด ร่างสั่นเทาไปด้วยความโกรธ

“ ใช่…ชั้นรอ….รอที่จะให้นายเป็นคนจบชีวิตชั้น….เพราะตอนนี้ชั้นไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ”
Dragoon กล่าวพร้อมกับปลดหมวกและหน้ากาก ทิ้งไป

“ เป็นนายเองเหรอ…เรกกะ… ”
เฟนท์ เปรยด้วยความตะลึง เมื่อได้เห็นโแมหน้าภายใต้หน้ากากของ Dragoon


“ ใช่…นี่ล่ะโฉมหน้าภายใต้หน้ากากที่เสแสร้ง โฉมหน้าของฆาตกรอย่างชั้น…. ”
เรกกะ กล่าวพลางตีสีหน้าเมินเฉยต่อความรู้สึกของ เฟนท์ ที่ต้องเผชิญกับความจริงที่ไม่อาจรับได้นี้

เปรี้ยงงงง!

เสียงดังขึ้นพร้อมกับลำแสงทำลายของ เรกกะ ซึ่งยังตกค้างอยู่บนท้องฟ้า ได้เกิดระเบิด ขึ้น
ก่อนที่แสงของการระเบิด จะขยายตัวลงมาและกลืนพวกเค้าจนหายไปกับแสงนั้น

………………………….
………………………………….


“ หลังจากนั้น พอรู้ตัวอีกทีชั้นก็จำอะไรไม่ได้แล้วก็ถูกส่งเข้าไปในมิติอื่นที่เธอไปเจอชั้นนั่นล่ะ ”
เรกกะ กล่าวจนจบ แล้วจึงลุกขึ้นยืน ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดตลับไพ่แล้วหยิบออกมาหนึ่งใบ

“ การระเบิดนั่นคงเกิดจาก นายใช้กระบวนท่า ที่เกินความสามารถที่นายจะควบคุมได้
มันก็เลยปลดปล่อยพลังทำลายแแกมาหลังจากนั้นแทน…ล่ะมั้ง..ว่าแต่มันจะดีเหรอ ถ้าไพ่หมดล่ะก็ ”
R2 กล่าวพลางชายตามองไปที่ไพ่ในมือของเรกกะ

“ เท่านี้ ไพ่ ก็เหลืออยู่ในตลับแค่ 29 ใบเท่านั้น ถ้ามันจะหมดก็ให้มันหมดๆไปเถอะเพราะตัวชั้นไม่มีความจำเป็นที่จะอยู่อีกต่อไปแล้ว ”   “ Blaze Form ”

เรกกะ กล่าวขณะที่สร้างตราธาตุไฟขึ้นมาบนไพ่ก่อนจะนำมันไปวางบนหน้าปัดสายคาด

“ ก็คงงั้น…แต่นายน่ะคิเสียทุกอย่างไปหมดแล้วงั้นเหรอ ”
R2 ถามโดยไม่หันไปมอง

 “ อืม…ทั้งพี่ ทั้งซาน ก็ไม่อยู่แล้ว..ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะ ”   “ Regeneration ”
เรกกะ ย้อนถามก่อนที่จะกดไพ่ลงไป แสงสว่างวาบขึ้นมาจากหน้าปัด ขณะที่บริเวณรอบๆนั้นเริ่มมืดลง
อันที่จริงนี่เป็นเวลาเย็นมากแล้ว แต่เพราะเมฆที่ปกคลุมท้องฟ้าอยู่นี้ ทำให้การรับรู้ซึ่งเวลาคลาดเคลื่อนไป
แสงที่แวบออกมาจากการแปลงร่าง นั้นส่องวาบทั่วทั้งสนามชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่ เรกกะ จะเปลี่ยนเป็น ทาลิคนัส


ดาดฟ้า อาคารเรียนกลางของ St. Magnus Academy

“ หืม…นี่ โคเว็ท ข้างล่างมีใครมาทำอะไรด้วยล่ะ เมื่อกี้นะแสงแวบขึ้นมาจ้าเลยตอนนี้หายไปหมดแล้วล่ะ ”
มิมิ กล่าวขณะที่ยื่นหน้า มองผ่านรั้วตาข่ายลงไป

“ เพ้อแล้วน่า ตอนนี้โรงเรียนมีใครซะที่ไหนล่ะรีบมาช่วย เอาพวกนี้ออกจากลังก่อนเถอะน่า ”
เสียงของ โคเว็ท ดังขึ้นมา ก่อนที่ มิมิ จะรับคำ แล้วจึงหันกลับไปช่วยเธอ


ขณะเดียวกัน ฟ้าก็เริ่มจะมืดลงเรื่อยๆ  จนในที่สุดมีเพียงแสงจันทร์ ที่ส่องทะลุลงมาให้พอเห็นรอบๆได้บ้าง

“ หมดแล้วนะ ”
ทาลิคนัส กล่าวถาม เมื่อเห็นว่า พวก ชารี่ ขนหินทั้งหมดอัดลงในหลุมหมดเรียบร้อย

“ ค่า จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ค่า ”
เอลิต้า ตอบเสียงใส ขณะที่ ทาลิคนัส เริ่มสร้าง ดาบอัคคี ขึ้น

“ Ignite et Dragos ”
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับที่ ดาบอัคคีถูกสร้างขึ้นเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่ ทาลิคนัส
เร่งเพลิงของดาบจนมันลุกโหมออกไป หลอมหินที่ถูกอัดลงไปจนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน

และด้วยอุณหภูมิ ที่เริ่มเย็นลงจนถึงขณะนี้ ทำให้สนามหินที่ร้อนระอุ เย็นและแข็งตัวในทันที
เมื่อซ่อมสนามเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทาลิคนัส จึงคืนร่างกลับ เป็น เรกกะ ทันที

ฟิ้ว~~~ปุ้ง….

เสียงที่ดังหวีดขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด ก่อนจะกลายเป็นเสียงระเบิด ที่ดังประปรายไปทั่วทั้งสนาม
ได้ กระตุ้นให้ ทุกคนหันขึ้นไปมองบนท้องฟ้า

“ ว้าว นั่นพลุนี่ ”
ชารี่ เปรยด้วยความรู้สึกกระชุ่มกระชวย ราวกับความเหนื่อยล้า จากการซ่อมสนามหายไปเป็นปลิดทิ้ง

“ จุดมาจากไหน อ่า ”
เอลิต้า ถามพลางสอดส่ายสายตาซุกซน มองหาไปรอบๆ

“ น่าจะจุดมาจากดาดฟ้าของตึกใหญ่นั่นล่ะมั้ง ”
ซิกนัม กล่าวเสียงเรียบ ตีหน้าตายเหมือนทุกครั้ง พลางชี้ไปทาง อาคารกลางที่อยู่ตรงหน้า

“ ได้ไงกัน….ก็ตอนนี้นักเรียนทุกคนย้ายกลับไปบ้านหมดแล้วนี่ พวก อาจารย์ ก็ด้วย…แล้วใครกัน ”
เรกกะ คิดอยู่ได้เพียงเท่านั้น ก็ไม่ลังเล ที่จะวิ่งตรงไปยังอาคารเพื่อขึ้นไปดู ด้วยตาของตน

“ อ๊า จะขึ้นไปเหรอคะ ขอหนู ขึ้นไปด้วย  หนูอยากจุดมั่ง ”
เอลิต้า กล่าวด้วยน้ำเสียงลิงโลดพลาง วิ่งตามหลัง เรกกะ ไปติดๆ พร้อมๆกับ ชารี่ และ ซิกนัม
โดยมี R2 ยืนส่งสายตา แฝงความนัยบางอย่างไว้ อยู่เบื้องหลัง

……………….

ฟิ้ว~~~~ปุ้ง ปัง

เสียงของพลุที่ยังคงดังไปเรื่อยๆไม่หยุดขณะที่ เรกกะ วิ่งขึ้นไปตามบันได อย่างเร็วที่สุดที่เค้าจะวิ่งได้
และทันทีที่ เปิดประตู ชั้นดาดฟ้า ออกเค้าก็ได้พบ มิมิ กับ โคเว็ท ทั้งสองคนกำลังช่วยกันจุดพลุ ที่วางระเกะระกะอยู่เต็มพื้นไปหมด
 
“ นี่…พวกเธอ…ทำไมถึง ”
เรกกะ เปรยด้วยสายตาตกตะลึง ตัวเค้านั้น แทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองด้วยซ้ำ ว่าพวกเธอสองคนจะยัง
อยู่ที่นี่

“ เรกกะ… ”
มิมิ และ โคเว็ท เปรยขึ้นพร้อมกัน ด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตาของพวกเธอเอง ที่ได้มาพบ เรกกะ อีกครั้ง
ไม่มี  ถ้อยคำ อันใดหลุดออกมานอกจาก การโผเข้าหาของทั้งสองทั้งน้ำแห่งความปลาบปลื้ม
ที่ได้พบกันอีกครั้ง

“ นึกว่าจะไม่ได้พบ เธอแล้วซะอีก เพราะอยู่ๆทั้งเธอ ทั้งพวก เฟนท์ ก็พากัน
หยุดเรียนไปซะเฉยๆก่อนจะเริ่มประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน พวกเราเป็นห่วงพวก
 เธอซะแทบแย่ ”
โคเว็ท กล่าวพลางปาดน้ำตาด้วยแขนเสื้อ

“ แล้วทำไมพวกเธอถึงยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ ไม่ได้ย้ายกลับไปด้วยงั้นเหรอ ”
เรกกะ ถามด้วยความสงสัย ขณะที่ พยายามดัน มิมิ ที่รัดเค้าซะแน่นให้ออกห่าง

“ แหมแล้วเธอจะให้พวกเราย้ายกลับไปไหนล่ะ ก็ในเมื่อพวกเรายังมีสัญญาค้างกันอยู่เลยนี่ ”
มิมิ  เอ่ยขึ้น หลังจากที่ฟังคำพูดของเธฮทุกประโยคแล้ว เค้าก็นึกขึ้นมาได้เมื่อครั้งที่ พวกเค้า
ได้พบกันเป็นครั้งแรก ตอนที่เข้าโรงเรียนนี้มา

“ งั้นพวกเรา สัญญากันแล้วนะ วันสุดท้ายของการศึกษาพวกเราจะขึ้นไปจุดพลุฉลองด้วยกัน ”
คำพูดของ ทุกคนในตอนนั้นได้ก้องขึ้นมาในหัวของเค้า

“ นี่พวกเธอยังจำคำสัญาตอนนั้นไว้อีกเหรอ ”
เรกกะ เปรยขึ้นด้วยความประหลาดใจ มิมิ และ โคเว็ท ไม่ตอบหากแต่ยิ้มกลับให้เค้าเท่านั้น

“ ที่จริงก็อยากจุดพร้อมกับทุกๆคนในวันจบการศึกษาน่ะนะ แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องแบบนี้ซะก่อน ตอนแรกก็เลย
ว่าจะให้ ทุกคนมาจุดด้วยกันพร้อมหน้าแทนการจบการศึกษาไปเลยเพราะจากนี้กว่าจะได้กลับมาเรียนกันอีกก็คง
จะมีบางคนย้ายออกไปหรืออาจจะไม่กลับมาก็ได้ ”
โคเว็ท กล่าวขณะที่ เดินไปหยิบ เอาแท่งพลุออกมาจากห่อกระดาษในลังไม้

“ แต่เพราะรอนานไปก็ไม่มีใครมาซักทีแถมวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายก่อนจะย้ายแล้วด้วย
เลยว่าจะจุดเผื่อไปสำหรับทุกคนไปด้วย พวกฉันก็เลย ”
มิมิ กล่าวพลางผายมือไป ที่โต๊ะเรียนที่ ถูกยกขึ้นมาวางบนนี้

“ อ๊ะ…นั่นมัน โต๊ะชั้นนี่นา แล้วก็ข้างๆนั่นของ เฟนท์ ด้วยนี่…นี่หรือว่าพวกเธอ ”
เรกกะ กล่าวพลางหันไปถามด้วยสีหน้า เหนื่อยใจเล็กน้อยกับความคิดของพวกเธอ

“ ใช่แล้วล่ะ เพราะพวกเธอไม่มีใครมากันซักที พวกเราก็เลย เอาโต๊ะของ
ทุกคนมาแทนตัวแล้วก็จะจุดเผื่อไปให้ ด้วยน่ะ ว่าแต่ เรกกะ มาแล้ว โต๊ะของเธอก็คงไม่ต้องแล้วล่ะ ”
โคเว็ท กล่าวพลางกระบอกพลุให้แก่เขา

“ งั้นเหรอ…ขอบใจนะงั้นพวกเรามาจุดกันเถอะ ”
เรกกะ กล่าวน้ำเสียงสะอื้นเล็กน้อย แต่ก็พยายามฝืนกลั้นไม่ให้ น้ำตาไหลออกมา แต่ก็กลั้นไม่อยู่ ทำให้ หยดน้ำตา
ไหลออกมา เล็กน้อยแต่นี่หาใช่น้ำตาแห่งความเศร้าสลดอีกไม่ หากแต่เป็นน้ำตาที่เอ่อล้น ออกมาด้วยความตื้นตันใจ

“ ว้าย เรกกะ เธอร้องไห้ด้วยเหรอ ”
มิมิ ออกอาการผวาเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นหยดน้ำบนในหน้าของ เรกกะ

“ ต๊าย ไม่นึกเลยว่าจะได้มีโอกาสเห็นน้ำตาเธอนะเนี่ย เรกกะ ฮิๆ ซึ้งในมิตรภาพของพวกเรารึไงหืม ”
โคเว็ท แหย่เขาด้วยสีหน้าเบิกบาน ทันทีขณะที่ ตัวเค้ารีบปราดคราบน้ำตาออกทันที พร้อมปรับน้ำเสียง
เสียใหม่

“ อะไรกันเล่าน้ำตาที่ไหนนี่มันเหงื่อต่างหาก ก็ชั้นรีบวิ่งขึ้นบันไดมาตั้ง หกชั้น กว่าจะขึ้นมาถึงนี่ได้  ”
เรกกะ รีบปฏิเสธเสียงแข็งทันที แต่ก็ทำเอา ทั้งเค้าและพวกเธอ อดที่จะหัวเราะไม่ได้

“ แต่ก็ว่าเนอะ มีแค่พวกเราสามคนเอง มันจะเรียกว่าฉลองดีไหมเนี่ย ”
มิมิ กล่าวปนบ่นเล็กน้อยด้วยความ รู้สึกประหลาดๆ กับการฉลองแบบนี้

“ หึ..ใครว่าแค่พวกเรา… ”
เรกกะ กล่าวก่อนจะหันกลับไปที่ประตูซึ่งเปิดแง้มไว้อยู่ ชารี่ กับเพื่อน นั้นกำลังแอบดูพวกเค้า
อยู่เงียบๆ ก็พากัรล้มโครมลงมาด้วยความผวา ซึ่งก็ทำเอา มิม กับ โคเว็ท เอ๋อไปเลย
แต่ตัว เรกกะ กลับอดหัวเราะไม่ได้กับความซุ่มซ่ามของพวกเธอ

“ นี่ถ้ายังไงให้พวกเค้ามาจุดด้วยกันเลยสิได้ใช่ไหมล่ะ ”
เรกกะ หันไปถามความเห็น กับ โคเว็ท

“ เอาสิ คนยิ่งเยอะยิ่งสนุก จะสมเป็นงานฉลองหน่อย ”
โคเว็ท กล่าวพลางหันไปยิ้มรับ พวก ชารี่ ขณะที่ มิมิ ลากตัวพวกเธอมานั่งบนโต๊ะยาวอีกตัว
ซึ่งวาง ขนมเครื่องดื่มเอาไว้อยู่ด้วย

“ เอ้าเชิญเลยๆ เรามีขนมกับน้ำหวานเยอะแยะเลย เดี๋ยวกินกันไปแล้วก็ไปจุดพลุกันนะ ”
มิมิ กล่าวจบ สามสาว ก็ไม่รอช้า ที่จะจัดการกับ ของกินบนโต๊ะเพราะพวกเธอ
ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่กลางวันแล้ว

“ เอ้า เธอน่ะจะยืนอมพะนำอยู่ทำไม เข้ามาร่ววงกับเราสิ ”
โคเว็ท  หันไปเรียกอีกคนที่ยืนหลบอยู่หลังบานประตู ก่อนที่มันจะแง้มออก

“ ขอรบกวน…หน่อยนะ ”
R2 กล่าวหน้าแดงเล็กน้อย เนื่องด้วยเธอไม่ค่อยจะชินกับการพบปะผู้คนซักเท่าไหร่

“ นี่ R2… ”
เรกกะ เปรยขึ้นขณะที่เธอ เดินเข้ามา ซึ่ง คนอื่นๆกำลังสนุกกับการจุดพลุ อยู่

“ อะไรอีกล่ะ….จะมาพล่ามเรื่องการใช้ชีวิตอีกรึไง ”
R2 บ่นด้วยสีหน้าหงุดหงิดนิดหน่อย

“ ก็คงงั้นล่ะ..จำที่ชั้นถามว่าทำไมเธอถึงถามชั้นแบบนั้นได้ใช่ไหม…ตอนนี้ชั้นคิดว่าชั้นรู้คำตอบแล้วล่ะ ”
เรกกะ กล่าว R2หันมามองเค้าด้วยความทึ่งเล็กน้อยกับ อากัปกิริยาที่เปลี่ยนไปกะทันหันของเขา

“ โฮ่…งั้นก็ดีแต่ตอนี้ชั้นขอกินก่อนนะ ท้องมันร้องระงมไปหมดแล้ว ”
R2 กล่าวจบก็เดินเข้าไปร่วมวง บนโต๊ะกับทุกคน

“ ชั้นไม่ได้สู้เพื่อความถูกต้องหรืออะไรเทือกนั้นหรอก….แต่การต่อสู้ของชั้นนั้นก็เพื่อ
ทุกคนเพื่อ อนาคตของพวกเค้า เพราะตอนนี้นี่คือสิ่งที่มำให้การมีอยู่ของชั้นนั้นยังจำเป็น ”
เรกกะ คิดขณะที่ สายของเค้าทอดไปยังทุกคนที่ กำลังเริงร่ากับบรรยากาศที่สงบสุข นี้โดย
ค่อยๆปรากฏภาพ ของ ซาน เอมิล ไรด์ และ เฟนท์ ร่วมฉลองอยู่กับพวกเค้า  นี่คือภาพที่เค้าจะ
ต้องปกป้องมันเอาไว้ให้ได้ เค้ามีชีวิตอยู่เพื่อการนี้ นี่คือคำตอบที่ออกมาจากส่วนลึกของจิตใจ

…………………..
…………………………….

ปิ๊บๆๆ

เสียงดังขึ้นจากเครื่อง Terminal Crisis ของ เฟนท์ ก่อนที่เค้าจะเปิดมันขึ้นมาดู

“ ข้อความงั้นเหรอ..จากใครกัน…ที่จะติดต่อผ่านสายนี้ได้ก็มีแต่ พวก Valkyrier ด้วยกันเท่านั้นนี่
แล้วนี่จากใครกันนะ…ห๊ะ ”
เฟนท์ คิดขณะที่ กดปุ่มบนเครื่องเพื่อดูต้นทางของข้อความ ทว่าชื่อต้นทางนั้นกลับ เป็นของ ซาน

“ นี่มันจากพี่นี่…ต..แต่ว่าใครกันก็เครื่องของ พี่มัน…เดี๋ยวไม่สิ…มีอยู่คนหนึ่ง ”
เฟนท์ คิดก่อนจะเปิดอ่านเนื้อความในนั้น

Quote
พรุ่งนี้  13.00 น. มาที่ บาร์ซิงเซย์ ชั้นจะรอนายอยู่ที่นั่น
หวังว่านายจะมาคนเดียว

            Recca.



โปรดติดตามตอนต่อไป

Next Saga

ชั้นตัดสินใจแล้วจะไม่หนี แล้วก็ไม่หลบอีกต่อไป ชั้นขอเผชิญหน้ากับนาย

“ ไม่นึกเลยว่านายจะมาจริงๆ ”

“ นี่จะเป็นคำขอครั้งแรกและครั้งสุดท้าย…นายจะร่วมมือกับชั้นได้ไหม ”

“ แล้วนายคิดว่าชั้นควรจะตอบนายยังไงเล่า ”

ไม่ว่าคำตอบของนายจะเป็นยังไงก็ตาม ชั้นจะทำให้นายตกลงให้ได้
ต่อให้ต้อง ใช้กำลังกับนายก็ตาม

…..หากทางที่จะก้าวไปนั้นมีอุปสรรค์ ก็จงบินข้ามมันไป ด้วยปีกคู่นั้นสิ ตอนต่อไป Next Saga 16  Friend…..

หนทางแห่งแห่งการปฏิวัติเริ่มขึ้นแล้ว ....




ขอสารภาพขอร้าบ เขียนบทนี้ ไปด้วยความหนักใจแบบสุดๆ เพราะส่วนที่เราผลัดไปลงตอนต่อๆไป
ช่วงก่อน เจ้า เรกกะ เมมโมรี่เสื่อม มันถูกอัดลงมาในตอนนี้ จนดูไม่รู้เรื่อง

อีกทั้งในส่วนของเรื่อง ที่ขาดหายไปเพราะจำนวนตอนไม่พอยังถูกนำมาเล่าผ่านปาก เรกกะ แทนดังนั้น
อรรถรสของจุดเชื่อมเหตุการณ์อาจเคลื่อนไปนิด แต่เอาเป็นว่า ตอนนี้พระเอกของเราก็ไม่คิดสั้น

ฆ่าตัวตายแล้วล่ะนะครับ ว่าแต่ตอนหน้า คงได้เขียนไปปวดตับปวดไต ไป นี่เราต้องจับเพื่อนมา
โขกสับกันเองอีกแล้วเรอะ (จริงๆแล้วสะใจ)


การุรุม่อน:ง่า ไม่สมดุลเลย ไม่กี่วันก่อนพึ่งจะฮากับตอนพิเศษ มาหยกๆพอกลับเข้าซีรี่ย์
เครียดทันที หนู ไอ ม่องเท่งไปเรียบร้อย พร้อมๆกับ หนุ่มๆอีกสองแล้วก็ รุ่นพี่สาวอีกหนึ่ง
ฮือ~~เศร้าว้อย!

ปิโยม่อน: บางครั้งน้องชายชั้นก็โหดเอาเรื่องนะนิ พี่อ่านไปน้ำตามันพาลจะไหล
ถึงจะรู้อยู่แล้ว ว่ายังไงตอนอวสาน คงจะจบออกมาแบบแฮปปี้ เพราะน้องชอบจบแบบไม่มีอะไรค้างคา
แต่เท่าที่ดูลิส ชื่อคนตายนี่ เอ่อ..อึ้งค่ะไหงตายโหง กันขนาดนี้ แล้วนี่ตอนจบ
แบบสุขสันต์ของภาคแรกจะไปอยู่ไหนเนี่ย ไม่ใช่มีต่อซีซั่นสองน้า

« Last Edit: April 18, 2009, 08:35:33 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #107 on: April 18, 2009, 08:45:07 PM »

อ่า....ซึ้งง่า

กิน-ใจ-มาก-มาก 

อยากให้เรื่องแรกกับเรื่องนี้เป็นอนิเม 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #108 on: April 21, 2009, 01:11:51 PM »

Saga 16  Friend…..

หลังการล่มสลายของ เมอริเซีย (ย้อนไป200กว่าปีก่อน)

“ จะไม่เป็นการบังคับ เกินไปหรือครับท่านพี่..เฟนท์ น่ะ ”
“ ไม่ต้องพูดหรอก ลากูน่า ...เฟนท์ เองมันก็ต้องลุกขึ้นสู้เข้าสักวัน... ”

“ แต่..นั่นมันเป็นการตัดสินใจของพี่ ฝ่ายเดียวนะครับ อีกอย่าง เฟนท์ เองก็ไม่ได้แข็งแรง อะไรมากด้วย ”
“ ชั้นก็คิดอย่างนั้นนะ เจนัส... นี่มันจะไม่เป็นการบังคับลูกเกินไปหน่อยเหรอ..สิ่งที่เรากำลังทำอยู่ตอนนี้น่ะ.. ”

“ ริคุ..นายไม่คิดเหรอว่ายังไงซะนี่ก็เป็นหนทางเดียวที่ จะให้ พวกเค้ามีชีวิตรอด...
หากภายในองค์กรเกิดความไม่ลงรอยกันขึ้นมาในซักวันข้างหน้า ”

“ แต่ถ้าทำแบบนั้น..ก็เท่ากับว่า เฟนท์ จะต้องต่อสู้ในอนาคตข้างหน้านะ..ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะ ”
“ ไม่หรอกค่ะ...ฉันเองก็คิดว่า ให้ เฟนท์ เข้าร่วใมในการนี้ด้วยจะทำให้เค้าปลอดภัยที่สุด ”

“ นีน่า เองก็คิดแบบนั้นเหรอ... ”
“ ก็จริงนะ ว่าไปพวกเราเองก็ให้ลูกๆเข้าร่วมโครงการนี้เพื่อ อนาคตของพวกเค้านี่นะ... ”

“ ในกาลข้างหน้า พวกเค้าจะตื่นขึ้นจากการหลับใหลและกลายเป็นนักรบที่จะ ต่อสู้กับความขัดแย้งทั้งปวง
และสร้างโลกที่สงบสุขขึ้นมาได้..เพื่อ ลอว์เรนซ์ ที่ยอมเสียสละ ต่อชีวิตให้กับพวกเรามา
นี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะมั่นใจได้ว่า อุดมการณ์ของพวกเราจะไม่เสื่อมสลายไป ”

ขณะที่บทสนทนานี้กำลังดำเนินไป ที่ทางเดินนอกห้องนั้น ครึ่งสมิงหมาป่าเด็กคนหนึ่ง ที่แอบฟังการสนทนานี้อยู่เงียบ
ด้วยใบหน้าเศร้าสลด ขอบตามีคราบน้ำตาจางๆ อยู่ หลังจากที่ฟังอยู่ซักพัก เด็กน้อย ก็เดินลอยชาย
ไปตามทางด้วยสีหน้าสลด เค้าเดินไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูเหล็ด บานหนึ่ง

“ ห้องนี้มัน...พวกคุณพ่อบอกว่าห้ามเปิดมันนี่ ”
เด็กคนนั้นกล่าวขึ้น เมื่อนึกถึงคำของผู้เป็น พ่อที่ย้ำเตือนถึงสิ่งที่อยู่หลังบานประตูนี้
และเค้าก็ต้อง ชะงักไปชั่วครู่เมื่ออยู่ๆบานประตูก็แง้มออก

“ เข้ามานี่สิ ”
เสียงดังออกมาจากห้องหลังบานประตูนั้น

“ ถ้าเราเข้าไปในนี้แล้ว...คุณพ่อต้องโกรธเราแน่เลย.. ”
เด็กน้อยตอบกลับไป ทว่ากลับไม่มีเสียงใดดังตอบกลับมา ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแบบเด็กๆทำให้เค้าลืม
คำเตือนไปแล้วผลักบานประตูเปิดเข้าไป ภายในเป็นห้องที่ผนังและพื้นปูด้วยแผ่นโลหะหนาทั้งห้อง

มีเพียงแสงไฟสลัวๆที่ลอดลงมาจาก ช่องตรง เพดาน เท่านั้น ที่กลางห้องมีเด็กมนุษย์คนหนึ่ง เค้ามีผมสีทอง
และดวงตาซ้ายมีบางสิ่งนั้น เรืองแสงออกมาในความมืดนี้

“ อ้าว...นั่น นายเป็นลูกชายของ เจนัส นี่ ชื่อ เฟนท์ ใช่มะ”
เด็กในห้องถามเค้า ขึ้นมาด้วยสีหน้าเป็นมิตร

“ รู้จักกับคุณพ่อด้วยเหรอ ”
เฟนท์ ในวัยเด็ก ย้อนถามด้วยความตกใจ ซึ่ง เด็กในห้องก็พนักหน้ารับเป็นเชิง

“ เค้าเองก็เล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ ว่ามีลูกชายที่อายุพอๆกับชั้น พอเห็นหูนายชั้นก็รู้แล้วล่ะ
 ว่าแต่เป็นอะไรไปล่ะ เหมือนนายพึ่งร้องไห้มาหนักเลยนี่ ”
เด็กในห้อง ถามกลับมาอีกครั้ง

“ คุณพ่อบังคับให้ผม ฝึกการต่อสู้แต่ผมน่ะ....ผมไม่อยากทำร้ายใครแล้วก็ไม่อยากถูกทำร้าย
ด้วยแต่คุณพ่อก็จะบังคับให้ผมทำ ”
เฟนท์ กล่าวน้ำเสียงสะอึกสะอื้น ขณะที่เดินเข้ามาในห้องเพื่อที่จะได้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ

“ อ๋อ อย่างนี้เองสินะ...เข้าใจล่ะ ว่าทำไม เจนัส ถึงได้บ่นให้ชั้นฟังอยู่เรื่อย..เดี๋ยวชั้นจะทำให้นายเข้าใจขึ้นมาเอง...ว่าโลกน่ะมันไม่ได้อ่อนโยนกับนายขนาดนั้นหรอกนะ ”
เด็กคนนั้นกล่าวก่อนที่ประตูห้องจะปิดลง เฟนท์ ที่เห็นแบบนั้นก็เกิดตกใจกลัว วิ่งกลับไปผลักทุบประตู
แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรประตูก็ไม่เปิดออก

“ เปล่าประโยชน์ ประตูนั่นน่ะจะเปิดออกก็ต่อเมื่อชั้นอยากให้มันเปิดเท่านั้น..อ้อเสียงก็ลอดออกไปไม่ได้ด้วยนะ
เพราะฉะนั้นไม่ต้องตะโกนให้ใครมาหรอก เพราะตอนนี้มีแค่ นาย กับชั้นเท่านั้น.. ”
เด็กคนนั้นอธิบายขณะที่เดินเข้ามาใกล้  เฟนท์ ที่ตกใจกลัวอยู่จึงถอยหนีจนหลังติดประตู น้ำตาก็อาบนองแก้ม
ด้วยใจที่ถูกรุมเร้าด้วยความหวาดผวา

“ น..นาย จะทำอะไรผม..ขอร้องอย่าทำผมเลย..ผม..อัก ”
เฟนท์ พูดเสียงสั่นด้วยความหวาดผวาทว่าไม่ทันที่จะได้คำตอบ
 กำปั้นของ อีกฝ่ายก็ซํดเข้ามาที่ใบหน้าของเค้าจนเซล้มไป

“ ชั้นจะสอนให้นายรู้เองว่า การต่อสู้มันเป็นยังไง อ้อลืมแนะนำตัวไปซะสนิท ชื่อของชั้นคือ เรกกะ.. ”
เด็กคนนั้นกล่าวจบ ก็ยกเท้าขึ้นกระทืบซ้ำลงไปอีกทีอย่างไม่ปราณี ก่อนจะก้มลงไปดึงตัว เฟนท์ ขึ้นมา

“ ผม..ไปทำอะไร..ให้นาย ”
เฟนท์ ถามไปร้องไห้ไป ซึ่งการกระทำนั้นทำให้ เรกกะ ขบฟันด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเหวี่ยง เฟนท์ ลอยไปกระแทกกับผนังห้องอีกฝั่ง

“ อย่ามาทำสำออย ในสนามรบน่ะ ไม่ฆ่าก็ถูกเค้าฆ่า ไม่สู้ก็ไม่มีวันชนะ
ความเห็นใจหรืออะไรเทือกนั้นจะทำให้นายตาย”

เรกกะ ตะคอกไปพร้อมๆกับ เข้าไปจับตัว เฟนท์ ขึ้นมาซัดเอาครั้งแล้วครั้งเล่า จน
เฟนท์ สะบักสบอมไปทั้งตัว

“  สิ่งเดียวที่ต้องทำเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู
 คืองัดเอาความโกรธแค้นทั้งหมดออกมาจัดการกับอีกฝ่าย มีเพียงตัวนายเองที่จะช่วยตัวนายได้ ”
เรกกะ กล่าวจบก็เกร็งหมัดชกออกไปหมายจะอัดให้ เฟนท์ สลบไปในครานี้ ทว่า เฟนท์ กลับ
ก้มตัวหลบแล้ว ซัดสวนที่ลำตัวของเค้า ก่อนจะกระแทกตัวชนให้ เค้าล้มกลิ้งไป

“ ในที่สุด..นายก็เข้าใจแล้วใช่มะ..งั้นลองแสดงให้ชั้นดูหน่อยว่านายทำได้ขนาดไหน
แน่นอนถ้าล้มชั้นได้ นายได้ออกไปแน่ ”
เรกกะ กล่าวขณะที่ยันตัวลุกขึ้นมา โดยที่มือยังกุมหน้าท้องเพราะความจุกอยู่ ขณธที่มองไปยัง
เฟนท์ ที่ซึ่งหอบหายใจด้วยความตื่นตระหนก แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้คือ ดวงตาที่ไม่มีความลังเล
ใดๆอยู่ในใจอีกแล้ว  จากสภาพที่บีบคั้นให้เอาตัวรอดสัญชาตญาณ ในร่างได้สั่งให้เค้าสู้ เพื่อความอยู่รอด

“ ถึงจะไม่ใช่ จิตสังหารแต่นายก็ปลุกสัญชาตญาณในตัวออกมาแล้ว จากนี้ก็อย่าพยายามฝืนกระแสมันซะล่ะ ”
เรกกะ กล่าวจบก็บุกเข้าไปแลกหมัด กับ เฟนท์ อีกหลายต่อหลายครั้ง
หนที่สุดคือ เฟนท์ ที่นั้นไม่อาจทนรับแรงกดดันและ ความบอบช้ำทั้งทางจิตใจและร่างกายได้ไหว
 จึงล้มฝุบหมดสติไป เมื่อเห็น เฟนท์ หมดทางที่จะสู้แล้ว เค้าจึงเดินลงมานั่งข้างร่างของ เฟนท์

“ หวังว่านายคงจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วนะ...อย่าลืมความรู้สึกนี้ซะล่ะ...เพราะโลกไม่ได้อ่อนโยนอย่างที่นายคิด ”
เรกกะ กล่าวจบบานประตูก็เปิดออก พร้อมกับที่ เจนัส พ่อของ เฟนท์ จะเข้ามารับเอาตัวลูกชายไป

“ ขอบใจนะที่ช่วยดัดนิสัยลูกชายชั้นให้น่ะ ”
เจนัส กล่าวก่อนจะหันกลับออกไป

“ นี่ เจนัส นายน่ะ ไม่ต้องฝืนใจทำเป็นเข้มงวดไปนักก็ได้... หมอนั่น..เฟนท์ น่ะ
ไม่ได้อ่อนแอ่อย่างที่เห็นหรอกนะ เพียงแต่..ความอ่อนโยนของเค้านั่นล่ะที่มีมากเกินไป  ”
เรกกะ กล่าวจบ เจนัส จึงเดินออกจากห้องไปและ บานประตูก็ปิดลงในที่สุด

......................

ปัจจุบัน

ตลาดท่าเรือ บาร์ซิงเซย์

สะพานยาวที่ยืนลงไปในอ่าวแห่งนี้เมื่อก่อน คับคั่งไปด้วยผู้คนและร้านค้ามากมาย แต่บัดนี้ได้แปลสภาพ
ไปจากเดิมกลายเป็นเพียงสะพานธรรมดาๆไป แล้วเพราะร้านค้าและผู้คนที่เคย ทำมาหากินอยู่บริเวณนี้ ได้อพยพ

ออกไปจาก เมืองหลวง อโครพาเทน่อน(Acropatanon) แห่ง โลกอส นี้ไปจนหมดแล้ว
บนสะพาน เรกกะ กำลังเดินไปโดยมีเป้าหมาย อยู่ที่ชายอีกคนที่มารอเค้าอยู่ที่ปลายสะพานแห่งนี้
เฟนท์ ที่แต่งตัวด้วยยูนิฟอร์มทั่วไปขององค์กร สวมแว่นสีดำเพื่อปิดบังใบหน้า



“ ไม่นึกเลยว่านายจะมาจริงๆ ”
เฟนท์ กล่าวขณะที่ถอดแว่นออกและมองเค้า ด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

“ แต่นายเองก็มาคนเดียวตามสัญญาเหมือนกันนี่.. ”
เรกกะ ย้อนในมือของ เค้ามีถุงตาข่าย ซึ่งใส่เครื่อง Terminal Crisis เอาไว้ถึง 4 เครื่องด้วยกัน

“ ชั้น....ไม่อยากโกหกอีกต่อไปแล้ว... ชั้นโกหก ทุกคน เหมือนกับนายโกหกพี่ แม้แต่ ไอ ! ”
เฟนท์  กล่าวก่อนจะตะคอกใส่ พร้อมกับยกเอาริบบิ้นสีฟ้า ซึ่งเป็นอันที่ ไอ ใช้ผูห้อยประดับ
คอติดตัวเอาไว้เสมอ เค้าแสดงมันต่อหน้า เรกกะ ที่ยังคงเก็บอารมณ์ และรักษาท่าทีเอาไว้

“ ชั้นขอถาม นายเป็นคนฆ่า ไอ ใช่ไหม ”
เฟนท์ ถามขึ้นเพื่อต้องการคำยืนยันจากปากของอีกฝ่าย เรกกะ เองก็เบียงหน้าไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากตอบ

“ ใช่ชั้นเป็นคนฆ่าเธอเอง ”
เรกกะ ตอบโดยไม่มองหน้าอีกฝ่าย

 “ ทำไม.. ”
เฟนท์ ถามต่อทันที

“ เพราะเธอ มาขวางทางชั้น ”
เรกกะ ตอบบ่ายเบี่ยงจากความจริงที่เค้ารับรู้มา เพราะคิดว่าอธิบายไป เฟนท์ ก็คงไม่เชื่อคำพูดของเค้า

“ ไรด์ เอมิล แล้วก็ทุกคนบนยาน ”
เฟนท์ ถามต่อด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่น กับคำตอบของ เรกกะ

“ ใช่..พวกเค้าตายเพราะชั้น ”
เรกกะ ตอบโดยบ่ายเบี่ยงไปจากความจริงที่คนฆ่า คือ ราฟ หากแต่สาเหตุของเรื่องก็คือตัวเค้าเองที่ใจไม่แข็งพอจนทำให้ ไรด์ กับ เอมิล ต้องเสียสละอย่างสูญเปล่า

“ งั้นพี่ล่ะ..นายทำไปทำไม..นายฆ่า พี่ซาน ทำไม ”
เฟนท์ ตะคอกถามด้วยความหวังที่จะได้คำตอบที่ฟังขึ้นจาก เรกกะ เพราะเค้ารู้ดีว่า เรกกะ
นั้นชอบพี่สาวของเค้าขนาดไหน

“ เธอเองก็เป็น ผู้ร่วมมือในการหยุดชั้นเพราะงั้น... ”
เรกกะ ยังคงตอบบ่ายเบี่ยงไปอีกเพื่อที่จะไม่ให้ เฟนท์ ต้องเจ็บปวด กับความจริงหากเค้ารู้ว่า คนที่ฆ่า ซาน ก็คือ ไอ

“ งั้นเหรอ...นายโกหก อีกงั้นสิ ”
เฟนท์ ที่จ้องมองท่าทีของเค้ามา ตั้งแต่เมื่อครู่นั้น ดูออกว่าสิ่งที่เค้าพูดนั้นไม่ได้ออกมาจากใจ

“ ชั้นรู้จักดี..สายตาแบบนั้น..มันเป็นสายตาของคนที่พร้อมจะรับผิดแล้วเก็บงำทุกอย่างเอาไว้.. ”
เฟนท์ คิดก่อนจะนึกย้อนไปถึงตอนที่เค้าได้คุยกับ ลูเทเซีย ในตอนที่แฝงตัวเข้าไปในกลุ่มต่อต้าน
ที่ บริทเทเนอร์ เค้านึกถึงสายของ ลูเทเซีย ในตอนนั้นว่ช่างคล้ายกับที่ เรกกะ แสดงออกอยู่ในตอนนี้

“ ถ้างั้นแล้วนายเรียกฉันมาที่นี่ทำไม ”
เฟนท์ ถามต่อเมื่อเห็นว่า เรกกะ นั้นยังไม่ยอมพูดอะไร

“ ชั้นมาเพื่อขอร้อง...นาย... ”
เรกกะ กล่าวก่อนจะหันมาจ้องตาของอีกฝ่าย เฟนท์ ที่ได้เห็นสายตาที่เปลี่ยนไปในทันทีนั้นก็ถึงกับ สะดุดนิ่งไปชั่วขณะเลยทีเดียว

“ นี่จะเป็นคำขอครั้งแรกและครั้งสุดท้าย…นายจะร่วมมือกับชั้นได้ไหม ”
เรกกะ กล่าวโดยที่ลึกๆนั้นหวังว่า เฟนท์ จะเข้าใจและยอมรับ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธ
ได้ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก ไม่ว่าอย่างไรเค้าคงไม่พ้นต้องลงมือ กับ เฟนท์ เป็นแน่

“ แล้วนายคิดว่าชั้นควรจะตอบนายยังไงเล่า ”
เฟนท์ ตะคอก กลับอย่างไม่แยแสต่อความรู้สึกของ อีกฝ่าย ที่สุดเรกกะ จึงจำใจต้องยอมรับ
เค้าไม่อาจชักชวน เฟนท์ ด้วยคำพูดได้อีกต่อไป

“ ดูท่าเราจะพูดกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ... ”
เรกกะ กล่าวจบก็เปิดตลับแล้วหยิบไพ่ออกมา จนถึงตอนนี้ไพ่ในตลับก็เหลือเพียง 28 ใบเท่านั้น

“ ชั้นเองก็คิดอย่างนั้น... ”
เฟนท์ ตอบก่อนจะ หยิบเอาเครื่อง Terminal Cisis ของตัวเองขึ้นมา

“ เฟนท์..นี่พวกเราต้องมาสู้กันเองจริงๆงั้นเหรอ... ”
เรกกะ คิดตอนนี้ในใจของเค้าก็ยังคงมีความลังเล ที่จะต้องสู้กับ เฟนท์ อยู่
ตอนนี้ ตาซ้ายเรืองแสง สีขาวขึ้นมา พร้อมกับที่ไพ่ปรากฏสัญลักษณ์ ธาตุแสงขึ้น

“ เรกกะ...มาคิดดูอีกที ตลอดเวลาที่ผ่านมา นายเองก็ช่วยชั้นไว้มาก นายเป็นเพื่อนคนสำคัญของชั้น..เพราะงั้น ”
เฟนท์ เองก็ยังไม่อาจตัดความลังเลที่เกิดจากสายสัมพันธุ์ อันแน่นแฟ้นนี้ไปได้ ถึงแม้จะคิดอยู่เต็มอกว่ามันเป็นเพียงเรื่องหลอกลวง

“ Luminar Form ”  “ Code Standing By ”
เสียงเตรียมการแปลงร่างของทั้งสองฝ่ายดังขึ้น พร้อมๆกัน ขณะที่ ทั้งคู่กำลังจ้องหน้า
กันอยู่ด้วยสายตาที่ยังคงแฝงความอาวรณ์อยู่ลึกๆ

“ เรกกะ... ”   “  เฟนท์..”
ต่างฝ่ายต่างเรียกชื่อของอีกฝ่ายก่อนที่ทั้งคู่จะทำการ สับสวิตซ์ครั้งสุดท้าย เพื่อเปลี่ยนร่าง
เรกกะ กดไพ่ลงไปบนหน้าปัด ส่วน เฟนท์ กดสวิตซ์ที่ ข้างเครื่อง

“ Regeneration ”   “ Code Slash ”
เสียงดังก้องกังวานขึ้นพร้อมกัน ทันทีทั้งคู่เปลี่ยนร่างเสร็จ ทั้งสองก็เข้าปะทะกันแบบลืมตาย

“ Lux et Dragos ”  “ Ava-Trans ”
สิ้นเสียง ทาลูคัส ก็สร้างดาบขึ้น พร้อมกับที่  เฟนท์ รวมอนุภาคมาสร้าง เกราะ วาลคิวรี่ เจอรัลดีนได้สำเร็จ

“ ทาลูคัส ถอยไปหชั้นจะขอเป็นคนสู้เอง ”
เสียงดังขึ้นภายในห้วงจิต ของ ทาลูคัส ก่อนที่ เรกกะ จะเป็นคนคุมร่างนี้ด้วยตัวเองแทน

“ carnalian ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ พลองสองอันของ เฟนท์ ถูกประกอบเป็น พลองยาว คาเนเลี่ยน และแล้วทั้งคู่ก็
ทะยานกันเข้าปะทะ เหนือน่านน้ำ ที่กำลังโหมด้วยลมพายุกรรโชก.....
............
....................
อาคารที่ว่าการเขต ของ อโครพาเทน่อน   (หอบัญชาการทหารสูงสุดแห่งโลกอส)
 

“ พี่คะ ทางด้านนั้น ไปถึงไหนแล้วคะ ”
มาเรียลูส กล่าว กับ ลูเทเซีย ผ่านหน้าจอสื่อสาร ในห้องซ฿่งเต็มไปด้วยระบบประมวลผล และเหล่าขุนนาง ต่างๆกำลังวุ่นวายกับการ กระจายข้อมูล ต่างๆไปยังกองทัพ ที่ส่งไปยัง เกาะหลักศิลาที่กำลังทำการ รบกันอยู่

“ ตอนนี้ สุซาคุ กับ เฟรเซีย กำลังช่วยกันต้าน ไว้อยู่แต่แบบนี้คงได้อีกไม่นานล่ะ ไอริส กับ คาลิเบอร์
ยังแทบเอามันไม่อยู่เลย ”
ลูเทเซีย ตอบกลับมาผ่านทางมอนิเตอร์ ขณธเดียวกับที่ตอนนี้ตัวเค้าอยู่บนยาน รบลำมหึมา ซึ่งกำลัง
ลอยตัวอยู่ เหนือน่านฟ้า ที่สนามรบเบื้องล่างนั้น จนถึงตอนนี้ กองทัพของ แต่ละฝ่ายที่ทำการรบกัน

ก่อนหน้าที่พวกเค้าจะมาหก็ยังคงแข็งทื่อเหมือนรูปปั้นเช่นเดิม  ทว่า ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ถูกทำลายทิ้งไปแล้วจากการ
ปะทะ กับร่างของ มังกรทมิฬขนาดยักษ์ ที่ลอยตัวอยู่เหนือสนามรบจนถึงเมื่อครู่

 มันมีขนาดที่ใหญ่โตพอๆกับมหาวิหาร มันมีกายสีดำทมึนปีกขนาดใหญ่สี่ปีก  ลักษณะของมันน่าเกรงขาม
 รอบๆร่างมีคลื่นสายฟ้าสีดำ ปกคลุมและเมื่อมีการโจมตีใดเข้าถึงร่างของมัน คลื่นอัสนีนี้ก็ฟาดออกไป

ทำลายทุกสิ่งในรัศมีที่มันพุ่งไปหา ตอนนี้ ซาก Gazor นับสิบนั้นเกลื่อนเต็มพื้นสนามรบ และเพิ่มทุกครั้งที่
คลื่นอัศนี ปล่อยออกมาทำลาย Gazor ที่อยู่รอบๆตัวมัน

“ นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะโจมตีมันเลยนะเนี่ย ”
สุซาคุ ที่ขับอยู่ใน คาริเบอร์ โหมด แลนเซลอต สบถเมื่อพวกเค้าพยายามจะยิงจู่โจมหรือเข้าใกล้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
 ก็เป็นอันที่ คลื่นไฟฟ้าของ มันจะยิงสวนออกมาทุกครั้งไปจนไม่อาจเข้าไปทำอะไรมันได้

“ นี่ สุซาคุ ระวัง ข้างบน ”
เฟรเซีย ที่อยู่ใน ไอริส โหมด ไซเบอทิก้าวิงค์ ติดต่อเข้าไป ได้ทันทำให้ สุซาคุ บังคับ คาลิเบอร์
หลบ สายฟ้าที่สะท้อนลงมาได้ทันอย่างหวุดหวิด

“ ให้ตายสิ เจ้ามังกรนี่ ถ้าไม่รีบจัดการก่อนที่มันจะตื่นขึ้นเป็น เอวานเกเลี่ยน อย่างสมบูรณ์ล่ะก็... ”
ลูเทเซีย คิดอย่างเป็นกังวลกับสถานการณ์ที่บีบคั้นตัวเค้าเองอยู่ในตอนนี้



.................


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #109 on: April 21, 2009, 01:12:14 PM »

“ หึๆ..ลูกชายข้า เจ้านั้นยังด้อยนัก ลูเทเซีย คิดรึว่า Gazor พวกนั้นจะต่อกรกับ
อันคารากอน(Ancalagon, the Black Dragon Lord) ได้ ”
เนลโปลเลียน กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นใจ ขณธที่มอง การรบของ พวก ลูเทเซีย ผ่านช่องมิติ ที่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ

“ Slash ”   “ Ignite et Dragos ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ อาคูม่า หลายตัวกระเด็นตกลงไปจาก บันไดวิหาร
ร่วงหล่นหายไปยัง ท้องฟ้าที่ไร้ขอบเขตนี้

“ แก...ไม่มีวันจุติ เอวานเกเลี่ยน..ได้หรอก เพราะก่อนหน้านั้นชั้นจะ..ทำลายเจ้า คาทราสโทฟี นี่เอง ”
ลอว์เรนซ์ ที่อยู่ในร่างของ ทาลิคนัส ตะโกนออกมา ขณธที่ตอนนี้ตัวเค้า ไล่ฟันทะลวงกองทัพ อาคูม่า
ขึ้นมาเรื่อยๆตามบันไดวิหาร ลอยฟ้านี้

.........................
..............................

แกร๊งงงง เคร้งงง

เสียงฟาดฟันอาวุธของ เรกกะ กับ เฟนท์ นั้นยังคงก้องไปทั่วเหนือน่านน้ำที่มีเพียงพวกเค้าสองคน
แม้ทั้งคู่จะว่องไวและรวดเร็ว แต่เมื่อเข้าปะทะกันก็ไม่อาจรับการโจมตีของแต่ละคนได้หมด

เมื่อ เรกกะ ฟาดดาบลง แม้ เฟนท์ จะยกพลองขึ้นรับไว้ ก็จะโดน ถีบลำตัวจนกระเด็นออกมาก่อนจะ
 พุ่งลงมาซ้ำด้วยหมัดอีกที  จน เฟนท์ จมหายลงไปในทะเล แต่เพียงพริบตา เฟนท์ ก็พุ่งขึ้นมาพร้อมกับตวัดพลองฟาดจน เรกกะ กระเด็นไป

“ หนอย..ทาลิคนัส ”
เรกกะ สบถก่อนที่ จะคืนร่างเดิมพร้อมกับหยิบเอาไพ่อีกใบออกมาเปลี่ยนเป็น ทาลิคนัส
แต่เค้ายังคงเป็นคนที่คุมร่างอยู่ในตอนนี้ และแล้วไพ่ก็เหลือ เพียง 27 ใบ
“ เฮ้ย เรกกะ นายจะไหวเหรอ ชั้นว่าเปลี่ยนให้ชั้นลุย... ”
“ ไม่ได้นี่เป็นการต่อสู้ของชั้น..ถ้าจะต้องทำร้าย เฟนท์ ชั้นจะเป็นคนทำเอง ”

ทาลิคนัส ที่แย้งขึ้นกลับถูก เรกกะ ตะคอกกลับไป แล้วพุ่งกลับลงไปพร้อมกับเงื้อดาบอัคคี
ฟาดลงไป เฟนท์ ที่ไม่ทันตั้งตัวกับการจู่โจมนี้ทำให้ เพลิงจากคมดาบ นั้นคลอกร่างของเค้าก่อนจะถูก

เรกกะ ถีบซ้ำอีกชั้นให้จมลงไปในทะเล ทว่าเฟนท์ ก็ลากเอาเค้าลงไปด้วย
ทันทีที่ ทาลิคนัส ถูกลากลงทะเลไป พลังก็พาลเหือดหายไปจากร่างในทันที

ในขณธที่ร่างทั้งร่างนั้นอ่อนกำลังลงอย่างไม่ทราบเหตุ เฟนท์ พุ่งขึ้นไปจากน้ำ ก่อนจะ
รวมประจุไว้ในอุ้งมือ เพื่อจะยิงลำแสงอัดลงไปในน้ำ

“ อึก..ทำไมถึงรู้สึกไม่มีแรงเลย ”   
“ ก็ชั้นว่ายน้ำไม่เป็นนี่นา..แว้ก น้ำนี่ชั้นอยู่ในน้ำเหรอเนี่ย ”
เรกกะ ที่สงสัยในเหตุที่เค้าสูญพลังไปทันทีที่ลงมาอยู่ในน้ำก็ได้คำตอบจาก
ทาลิคนัส ในทันที ว่าร่างนี้ไม่อาจต่อสู้ในน้ำได้

“ ทาลิควอส ช่วย..ที ”
เรกกะ กล่าวขณธที่ตัวเค้าเองก็เริ่มจะขาดอากาศหายใจตามไปด้วย

“ ได้เลยขอมาเดี๋ยนจัดให้ ”
เสียงของ ทาลิควอส ดังขึ้นพร้อมกับที่ แสงสีฟ้าได้วาบขึ้น

“ จบกันซะที.. ”
เฟนท์ ตะคอกก่อนจะอัดลำแสงลงไปในน้ำหมายจะจบเรื่องนี้ซะ
ทันทีที่ลำแสงพุ่งลงไปก็เกิดแรงระเบิดจนน้ำในอ่าว กระเซ้นขึ้นมาก่อนจะร่วงกราวลงมาราวกับสายฝน

“ Full Charge Great of Dragon ”
ท่ามกลางเสียงน้ำที่ ตกกระทบพื้นผิวทะเล กลับมีเสียงหนึ่งดังกังวาลขึ้น
และไม่ทันที่ เฟนท์ จะหันกลับไป ลำแสงมังกร สี่ลำ ก็พุ่งเข้ามารัดที่แขนและขาของเค้า
ไว้ก่อนที่มันจะกลายเป็นน้ำแข็ง เกาะติดแขนของ เฟนท์ จนขยับไม่ได้

“ ย้ากกก! ”
เรกกะ ที่ตอนนี้เปลี่ยนร่างมาเป็น ทาลิควอส ที่ช่ำชองการต่อสู้บริเวณใกล้น้ำ ก็ได้พุ่งขึ้นมาพร้อมกับ คมดาบที่เป็นน้ำแข็ง ซึ่งเย็นจัด ก่อนจะกระหน้าฟาด ลงไปบนร่างของ เฟนท์ โดยแยแสว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร

คมดาบน้ำแข็งนั้นเย็นเฉียบและเมื่อมันบาดลึกลงไปใน ชุดเกราะ แผลที่เกิดขึ้นก็จะถูกความเย็นระงับเลือดเอาไว้ในทันที แม้จะไม่เกิดบาดแผลที่ฉกาจฉกรรย์ แต่กลับสร้างความเจ็บปวดทรมานให้ อย่างมาก

หลังจากที่กระหน่ำฟาดไปชุดใหญ่ จนผนึกน้ำแข็งที่สร้างไว้พังทลายลง จากนั้นจึงคว้าเอาหัวของ เฟนท์
แล้วลากลงไป พร้อมกับพุ่งดิ่งไปยัง แนวโขดหินโสโครกที่ อยู่รอบนอกของอ่าว ซึ่งเคยเป็นฐานลับ

ของพวก มาราดัน เรกกะ กุมเอาหัวของ เฟนท์ โขกลงไปกับพื้นหินโสโครก เต็มแรงจน ร่างของ เฟนท์ จมทะลุไป
ในแผ่นหินโสโครก ขณะที่พลองในมือนั้นหลุดกระเด็นไปอยู่บน หินโสโครก

ครั้นเมื่อ เรกกะ ปล่อยมือ ออกเกราะหมวกของ เฟนท์ ก็ร้าวแตกจนเห็นใบหน้าซีกหนึ่ง ซึ่งอาบชุ่มด้วยเลือดที่ไหลออกมาจากแผลตอนถูกแรงกระแทก จากากรจับโขกกับหิน

“ จากนี้นาย..จะยอมทำตาม..คำขอ..อัก ”
เรกกะ ที่กล่าวไปหอบไปได้ยังไม่ทันจบดี ก็ถูก เฟนท์ ที่ฮึดขึ้นมาซัดจนลงไปกอง
ก่อนจะพยุงตัวขึ้นมาอย่างเซๆ ด้วยความมึนงง จากากรถูกจับโขกไปเมื่อครู่

“ ร่วมมือกับนายเหรอ..แบบนั้นชั้นขอตายซะดีกว่า ”
เฟนท์ สบถก่อนจะ เกร็งหมัดแล้วตะครุบตัวลงกระกำปั้นลงไป ทว่า เรกกะ กลิ้งหลบได้ทัน ทำให้หมัดที่อาบด้วยประจุ
อิออน กระแทกกับพื้นหินแทน แต่ก็เกิดแรงสะเทือนจนพื้นแตกร้าวทลายลงไปทันที

“ Terror Form ”   “ Regeneration ”

คราวนี้ เรกกะ เปลี่ยนมาใช้ ทาไนซ แทนจากนั้นจึงอาศัยความคล่องแคล่วของ ทาไนซ รุกเข้าไปประชิด
โดยหลบหมัดและลูกถีบของ เฟนท์ ไปพลางครั้งนี้ ตัว ทาไนซ ไม่ได้สร้างดาบขึ้นมา ด้วยหากแต่เข้าไปปะทะด้วย มือ

เปล่า ซึ่งนั่นก็ทำให้ ถูก เฟนท์ ดักทางได้ง่ายเพราะแต่เดิม Crisisor ของเค้านั้น เป็นรูปกึ่งมือเปล่าอยู่แล้ว เมื่องเชิงการต่อสู้ต่างกันถึงเพียงนี้ เรกกะ จึงเพลี่ยงพล้ำถูก อัดจนกลิ้งไม่เป็นท่า แทน

“ คิดจะสู้กับชั้นด้วยมือเปล่างั้นเหรอ..นายคิดอะไรของนาย ”
เฟนท์ สบถขึ้นมาด้วยความไม่พอใจที่ เรกกะ ไม่ได้สู้โดยเอาจริงกับเค้า
แล้วยังมาแสดงความเห็นใจแบบนี้อีก

“ เป้าหมายของชั้นไม่ใช่การฆ่านาย...ท่าจะทำให้นายยอมรับก็มีแค่วิธีนี้เท่านั้น.. ”
เรกกะ กล่าวขณะที่ คืนร่างกลับ ก่อนจะหยิบเอาไพ่ออกมาอีกใบซึ่งหักกับที่ใช้เปลี่ยนเป็น ทาไนซ
ไปตอนนี้ไพ่ก็จะเหลือเพียง 25ใบเท่านั้น

“ แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังล่ะ เพราะไม่ว่ายังไงซะชั้นไม่มีวันจะร่วมมือกับคนอย่างนายแน่ ”  “ Quake Form ”
เฟนท์ สบถก่อนจะบุกเข้าไปพร้อมกับที่ ไพ่ตราแห่งธาตุดินถูกวางลงไปบนหน้าปัด

“ ชั้นจะทำให้นายก้มหัวให้ชั้นให้ได้... ” “ Regeneration ”
เรกกะ คิดก่อนจะกดไพ่ลงไป และเปลี่ยนร่างเป็น ทาโซรอส

“ ได้ร้องไห้... ”    “ ถอยไป ทาโซรอส ชั้นจะจัดการเอง ”
ก่อนที่ ทาโซรอส จะพูดอะไรแปลกๆออกไป เรกกะ ก็ชิงเข้าควบคุมร่างเสียก่อนแล้ว
ไม่รีรอที่จะบุกเข้าไปแลกหมัดกับ เฟนท์ อย่างไม่เกรงกลัว ด้วยร่างกายยที่ทนทานและแข็งแกร่งของ ทาโซรอส ทำให้

เค้าพอจะทนพลังหมัดของ เฟนท์ ที่เพิ่มขึ้นจากอนุภาค ได้แต่โดนเข้าจังๆก็ยังทำให้มึนได้อยู่ไม่น้อย
หลังจากประหมัดกันไปได้ซักพัก เรกกะ ก็ฉากถอยออกมา พร้อมกับหยิบเอาไพ่ออกมาจากตลับเพิ่ม อีก 3 ใบตอนนี้เท่ากับว่าในตลับของเค้าเหลืออีกเพียง 22 ใบ

“ ไม่ให้นายได้ใช้มันหรอก ”
เฟนท์ สบถก่อนจะรวมประจุอนุภาครอบๆไว้ที่อุ้งมือแล้วยิงลำแสง ออกไปไพ่ที่อยู่ในมือจึง ถูกลำแสงปัดตกทะเลไป
และไม่ทันที่จะตั้งตัว เฟนท์ ก็อ้อมมาข้างหลังเค้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหมุนตัวเตะเต็มแรงจน เรกกะในร่าง ทาโซรอส
ปลิวกระเด็นครูดไปกับพื้นหินโสโครก พังเป็นแถบๆ

“ Vortex Form ”  “ Regeneration ”
ทว่าระหว่างที่กลิ้งอยู่นั้น เรกกะ ก็แอบหยิบไพ่เพิ่มขึ้นมาอีก 7 ใบ ซึ่งจะเหลืออยู่อีก 15 ใบเท่านั้น
และใช้ใบหนึ่งเปลี่ยนร่างเป็น ทาเวนทอส ก่อนจะใช้อีก 6 ใบที่เหลือเรียกเหล่าลูกมังกรออกมา
จนครบ 6 ตัวและเปลี่ยนร่างพวกมันเป็น มังกร ระดับทั่วไป ขณะเดียวกัน เฟนท์ ก็เก็บเอา พลองของตนขึ้นมา

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #110 on: April 21, 2009, 01:19:04 PM »

“ จะตัดสินกันในครั้งนี้ล่ะ ”
ทั้งคู่กล่าวขึ้นแทบจะพร้อมกัน และพุ่งเข้าปะทะกัน ตัวเรกกะ ที่คุม ทาเวนทอส อยู่นั้นเสกดาบ ขึ้นมาและประกับ
พลอง เฟนท์ ไว้ ขณธที่ให้พวก มังกรทั้งหมด รุมกันเข้าไปจู่โจม แต่สุดท้าย เฟนท์ ก็ผละออกไปก่อนจะกวาดพลองไป

รอบๆ ทำให้พวกมังกรถูก ปัดจนปลิวกลับมา ขณะเดียวกันเรกกะ ก็หยิบเอาไพ่ทั้งหมดในตลับออกมาทั้ง 15 ใบดังนั้น
บัดนี้ไม่มีไพ่ใดๆเหลืออยู่ข้างใน ตลับอีกแล้ว ด้าน เฟนท์ ก็รวมประจุ เข้ามาอัดกันเป็นมวลพลังงาน นับสิบลูก
ลอยอยู่รอบๆตัวของเค้า

“ Charge And Up Dragon Cannon ”    “ Photon Lancer ”
เสียงกังวานขึ้นจาก อ่าวุธของทั้งสองฝ่ายขณะที่ มังกรทั้งหมดของ เรกกะ ได้เปลี่ยนไปอยู่ร่างขั้นสูงสุด
ซึ่งมี

มังกรเพลิงฉาน นิทินโคโอนุส(Nitincoionus, the Crimson Flamr Dragon)   
มังกรชั้นสวรรค์ พาลานัลคาเรีย(Palanalcarea, the Celestial Floor Dragon )





 มังกรแห่งโลกา นิลเฮอเรียส(Nilhirios, the Great Terrain Dragon)
 มังกรเงาราตรี นอฟโฮทิโอไนซ (Novhothionyx, the Shadowy Night Dragon)





มังกรฟากฟ้า ดิมมินูวลิอ้อน (Dimminuialions, the High Sky Dragon)
มังกรใต้สมุทร เฟิร์นกอลลอยโอนาส (Firngolloionas, the Deep Ruler Dragon)





ทันทีที่ ไพ่ถูกดูดเข้าไปในคมดาบ มังกรทั้งหมดก็เตรียมสะสมพลังงานเพื่อโจมตีเต็มกำลัง
ด้าน เฟนท์ ก็รวมมวลพลังงานทั้งหมด เข้ามาที่พลองของตน

“ คราวนี้ล่ะ ท่าไม้ตายสุดยอดที่ชั้นควบคุมไม่ได้เมื่อคราวก่อน แต่ครั้งนี้มันต่างกันไป... ”
เรกกะ คิดขณะที่พยายามจะคุมพลังซึ่งเอ่อล้นออกมาจากดาบ ส่งผลให้เกิดแรงสะเทือนไปรอบดาบไหลไปทั่วทั้งร่าง

“ Dragon Cannon นั่นล่ะคือท่าไม้ตายสุด ท้ายของนายแต่การ
จะควบคุมมันต้องมีพลังทั้งหกธาตุเป็นตัวเชื่อมและ
ระหว่างที่ใช้ต้องคุมสมดุลพลังด้วยอย่าให้ธาตุ ใดเกินหน้ากว่าธาตุอื่น ”
คำพูดของ R2 ที่เค้าจดจำเอาไว้ก่อนจะมาพบ เฟนท์ ที่นี่ทำให้เค้าพอจะรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไรจึงจะ
สามารถควบคุมพลังอันมหาศาลนี้ได้ ทว่ามันก็ยังยากไม่ใช่น้อย ตอนนี้คลื่นพลังแห่งธรรามชาติกำลัง

 สั่นคลอนร่างและจิตของเค้าอยู่
พวกมันใช้ร่างของเค้าเป็น สะพานเชื่อมเข้าหากัน เพื่อสร้างสมดุล และที่สุดแล้ว
เมื่อพลังงานทั้งหมดลงตัว เรกกะ จึงคิดจะปลดปล่อยทั้งหมดไปกับการลงดาบในครั้งนี้

“ กระบวนท่าของเราเองก็พึ่งจะ เคยลองใช้เป็นครั้งแรกจะรับมือการโจมตีของ
หมอนั่นได้รึเปล่า..ฮึ่มเป็นหรือตายขึ้นกับการโจมตีครั้งนี้ ”
เฟนท์ คิดขณธที่ตัวเค้า เองก็ต้องพยายามคุมการไหลของพลังงาน จากมวลประจุที่
กำลังหลอมรวมเข้ากับพลงองของเค้า จนเปล่งประกายเป็นพลองแสงสีเขียว
ทั้งสองกำลังจะปะทะกันด้วยพลังขั้นสูงสุดของตน ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ยังควบคุมได้ไม่ชำนาญนัก

“ ดาบของชั้นคือดาบที่จะผ่าทุกสรรพสิ่งให้ขาดสะบั้น ”     “ หอกของชั้นคือหอกที่จะทะลวงไปถึงสวรรค์ ”
ทั้งคู่ต่างกล่าวออกมาพร้อมกันก่อนจะปล่อยการโจมตีออกมา

“ Great of Dragon G.O.D!!!! ”
เสียงดังก้องกังวานขึ้นพร้อมกับที่ เรกกะ ตวัดดาบออกไป ตอนนี้ร่างของเค้าสั่นสะท้านไปทั้งร่างราวกับ
จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พลังงานในร่างพุ่งออกไปรวมกันที่คมดาบและ กลายเป็นลำแสงมังกรสีเทาเมื่อรสมเข้ากับ

ลำแสงทำลายของมังกรทั้งหก ลำแสงมังกรก็เปลี่ยนเป็นสีรุ้งซึ่งทอประกายสีทั้งเจ็ดเอาไว้
ก่อนจะกลายเป็นลำแสงขนาดมหึมา พุ่งออกไป

“ Geo Javalin Hyper!!! ”
สิ้นเสียง พลองในมือของ เฟนท์ ก็ถูกขว้างออกไปก่อนที่พลังงานมหาศาลที่ไหลอยู่ใน
พลองจะพวยพุ่งออกมาและกลายเป็นหอกลำแสงพุ่งตรงไป

ลำแสงการโจมตีของทั้งสองพุ่งเข้าปะทะ กันและเกิดการประชันพลังกันอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งคู่
พลังงานสะท้อนที่ไหลพุ่งออก มาจากการปะทะได้ฉีกพื้นหิกและสลายมันเป็นผงได้ในพริบตา
ขณะที่การปะทะ พลังของทั้งสองนั้นกำลังจะทำลายแนวหินโสโครก ขนาดใหญ่นี้ลงไป

“ ข้าแต่จ้าวแห่งหิมะพราย ขอจงประทานลมหายใจอันหนาวเหน็บ แก่ผืนพิภพ Extreme Cool ”
“ ข้าแต่จ้าวแห่งความสับสน ขอจงประทานวังวนแห่งการหวนกลับ กลืนกินเวลา Final Judgement ”
“ ข้าแต่เจ้าแห่งวิหกเพลิง ขอจงประทานเปลวเพลิงแห่งอนัตตา ฟื้นฟ้าฟื้นพิภพ Revine Burst ”

เสียงเหล่านี้ดังขึ้นก่อนที่จะเกิดปรากฏการขึ้นสามอย่างพร้อมกัน พายุหิมะหมุนตัวลงมาจากก้อนเมฆดำทมึนที่ปกคุมท้องฟ้า ห้วงมิติรอบๆเกิดการบิดเบี้ยวก่อนที่ ทุกสิ่งจะกลายเป็นสีขาวดำ และสุดท้ายฟ้าได้เบิกออกพร้อมกับแสงสว่าง

เจิดจ้าจะอาบลงมา จนทุกสิ่งพร่ามัวไปหมด และแล้ว ทั้งแนวโขดหิน คลื่นพลังอันมหาศาล ทั้งมังกรขนาดยักษ์
 เรกกะ และ เฟนท์ ต่างหายวับไปจากตรงนั้นอย่างไร้ร่องรอย

.................
.......................

“ เริ่มแล้ว...งั้นสินะ ”
R2  เปรยเสียงเรียบขณะที่ เดินเรื่อยเปื่อยในที่ๆซึ่งขาวโพลนไปหมด และเมื่อเดินไปได้ซักพัก
ก็เกิดแสงสว่างเจิดจ้า ขึ้นก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มปรากฏชัดจัดเจนแก่สายตา

บัดนี้ตรงหน้าเธอคือ บันไดที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา และท้องฟ้ากว้างอย่างไม่มีขอบเขต
เธอยืนอยู่ระหว่างขั้นบันไดที่ทอดยาวนี้

“ ณ..ที่นี่และตอนนี้..ที่ๆชั้นเกิดมาทุกสิ่งกำลังจะมาบรรจบกันและสิ้นสุดลง..คาทราสโทฟี ”
R2 เปรยก่อนจะเดินขึ้นไปตามบันไดที่ทอดยาวไปสู่ ปมเรื่องของทุกสิ่งที่กำลังจะเปิดเผยขึ้น


โปรดติดตามตอนต่อไป

ภายใต้ท้องนภาที่กว้างไกล ไม่บรรจบนี้ก็เป็นดั่งโชคชะตาของผู้คนที่ไม่อาจบรรจบกัน

“ ไม่เจอกันนานนะ ชั้นเอง เซโร่ ไง ”

“ ที่นี่มัน... ”
“ คาทราสโทฟี จุดบรรจบของทุกสิ่งและเป็นต้นกำเนิดพลังแห่งอัศวินทาลิวิลย่า ”

“ เมื่อใดที่ได้รหัสของเจ้ามา R2 .......อัลคารากอนก็จะตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ และกลายเป็น เอวานเกเลี่ยน ”

การต่อสู้ครั้งใหม่ ต้นต่อของเรื่องทั้งหมดคำทำนายเมื่อ สองร้อยปีก่อนคืออะไรเหตุผลที่ ลอว์เรนซ์
ซาราเบลด ยับยั้งเวลาแห่งเมอริเซียคือ...

“ ไพ่นายหมดแล้ว ตอนนี้อายุขัยของนายก็เท่ากับหมดสิ้นไปแล้วนายกำลังจะตาย ”

“ ชั้นคือผู้ที่ก้าวข้ามลิขิตฟ้า และกลายเป็นตำนาน ”

“ Royal Form ”

“ Grand Form ”

ลำดับสุดท้าย อัศวินแห่งจิตใจและความกล้า หากหนทางข้างหน้ามีพระเจ้าขวางก็จง
เป็นยิ่งกว่าพระเจ้าซะ Thaliwilya  ตอนต่อไป Next Saga 17 จุดบรรจบ....

บัดนี้ เรกกะ กำลังจะก้าวสู่ ....คาออส.....




เฮ้อ จบไปอีกบทกับอีกหนึ่งตอนที่ บู๊ กันแทบทั้งตอนแบบไม่ต้องหาสาระอะไร
ว่าแต่






ความเหมือนที่แตกต่าง (ฮา)เอาเถอะเพราะต้นแบบตอนทำชุดก็คิดไรมะออกละ เห็นอีตานี่เดินเข้าฉากมาก็นะ ไหนๆก็ไหนๆ จับเฟนท์มาคอสเพลย ซะ(ฮา)


เอาล่ะอีก 4บท ก็จะจบแว้ว ตอนหน้าฟอร์มใหม่จะมาอีกแว้ว แถมดูท่าจะงานช้างนะบทหน้าเนี่ย ทั้งบู๊ ทั้งเล่า ตายๆงานนี้




Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #111 on: April 21, 2009, 02:08:05 PM »

แปลก....ดูเนื้อเรื่องคิดว่าจะจบในอีก 2-3 บทซะอีก 

มังกรกลายเป็นเอวานเกเลี่ยน Oh my god 

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #112 on: April 21, 2009, 02:15:43 PM »

Quote
มังกรกลายเป็นเอวานเกเลี่ยน Oh my god

ตอนแรกที่อ่าน ในบทที่เกรม่อนคุงวางไว้ ช่วงหลัง ลูเทเซีย ครองบริทเทเนอร์แล้วก็นะ
ได้ยินมันพูดถึง เอวานเกเีลี่ยน กันกับพวก เซโร่ ก็นึกว่าคงจะเป็นหุ่นหรืออะไรที่้ใหญ่โตเอามากๆ หรือไม่ก็
นามของปีศาจ แต่ไหงมันกลายเป็น อัลคาลากอนไปเนี่ย

ว่าแต่แกรู้ได้ไงฟะ ว่าชุดอีตาเฟนท์ ที่ทำใหม่เนี่ย เอามาจาก สุ หืม

เกรม่อน: ก็ตอนตรูเขียน เหงมรึงนั่งดู โค้ดกีอัสอยู่นิหว่า
ตรูก็ว่าชุดมันคุ้นๆ เดี๋ยวยังเหลือชุดใหม่อีกตั้งสามสี่ชุด อย่าให้มันคล้ายเกินละกาน
 ว่าแต่ มิม โคเว็ท เมื่อไหร่เสร็จนิ


การุรุม่อน: ใช้คนเก่งจริง


พึ่งสังเกตไหงชื่อเรื่องมันเปลี่ยนจาก Crisis Valkyrier เป็น R.R. ล่ะ
« Last Edit: April 21, 2009, 02:24:52 PM by cocka-c » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #113 on: April 21, 2009, 05:14:56 PM »

Quote
มังกรกลายเป็นเอวานเกเลี่ยน Oh my god

ตอนแรกที่อ่าน ในบทที่เกรม่อนคุงวางไว้ ช่วงหลัง ลูเทเซีย ครองบริทเทเนอร์แล้วก็นะ
ได้ยินมันพูดถึง เอวานเกเีลี่ยน กันกับพวก เซโร่ ก็นึกว่าคงจะเป็นหุ่นหรืออะไรที่้ใหญ่โตเอามากๆ หรือไม่ก็
นามของปีศาจ แต่ไหงมันกลายเป็น อัลคาลากอนไปเนี่ย

ว่าแต่แกรู้ได้ไงฟะ ว่าชุดอีตาเฟนท์ ที่ทำใหม่เนี่ย เอามาจาก สุ หืม

เกรม่อน: ก็ตอนตรูเขียน เหงมรึงนั่งดู โค้ดกีอัสอยู่นิหว่า
ตรูก็ว่าชุดมันคุ้นๆ เดี๋ยวยังเหลือชุดใหม่อีกตั้งสามสี่ชุด อย่าให้มันคล้ายเกินละกาน
 ว่าแต่ มิม โคเว็ท เมื่อไหร่เสร็จนิ


การุรุม่อน: ใช้คนเก่งจริง


พึ่งสังเกตไหงชื่อเรื่องมันเปลี่ยนจาก Crisis Valkyrier เป็น R.R. ล่ะ

เอ่อ...ว่าจะทักก็ลืม 

คิดว่าจะเป็น CV ซะอีก    แถม Alimathe อีกอัน
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #114 on: April 22, 2009, 02:34:43 AM »

Arimathe ที่จริงตอนแรก ก็เขียนแบบนั้นมานานแล้วนา พึ่งรู้ว่าตกตัวa ไปตัว
ส่วนที่เป็น R.R. นี่อย่าอ่าน อาร์ทู นะ เดี๋ยวโดน ซันไำรซ์ เจื๋อน

นี่ไม่ใช่ ลูลูซ ลีเบลเลี่ยนนะขอร้าบบบ แต่แล้วทำไมหนอชื่อมันถึงกลายเป็นเช่นนี้ เพราะตอนนี้ปมของ
เรื่องไม่ได้อยู่ที่การแทรกแซงของพวก Valkyrier อีกแว้ว (ม่องเท่งกันไปเกือบหมด)

แต่เปลี่ยนไปซูมที่ เรกกะื  เพราะงั้น นี่จึงเป็น Recca Rebellion เห้ย ไม่ช่ายละ
คือความจริงของชื่อที่เปลี่ยนไป นั้นเพราะเป็นการ เปลี่ยนซีซั่นเข้าสู่ช่วงหลังจ้า

การุรุม่อน: แต่ยังไงกรูว่ามันก็ Recca Rebellion อยู่ดีน่ะแหละ เหงแกพูดอยู่ป่าวๆ การปฏิวัติภายใต้ท้องฟ้า ปฏิวัติหนทางเลือกทางปฏิวัติ หรือแกจะบอกว่าตัวเอกของเรื่องคือ เจ๊ R2 ล่ะห๊า

วาการุรุม่อน: งั้นชื่อเรื่องก็จะเป็น ตำนานทาลิวิลย่า ภาคการปฏิวัติของ เรกกะ น่ะสิ - *-

เกรม่อน: เห้ยก็บอกว่าไม่ช่าย ไม่ช้ายย เชื่อสิ ถ้าไม่จริงให้ฟ้าผ่าพวกแกเลยสิเอ้า


การุรุม่อน  วาการุรุม่อน: อืมดี...เฮ้ยย!!!!

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #115 on: April 24, 2009, 03:05:10 PM »

Saga 17 จุดบรรจบ....


“ ฮึก..ฮือ..พี่คร้าบ..ฮือๆ..พวกเค้ามาล้อว่า..ว่าผม..เป็นคน.หลอก..ลวง... ”

“ ไม่เอาน่า เฟนท์ จะไปสนทำไมกัน ถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าว่าเราก็ไม่ต้องไปสนใจสิ ”

“ ใช่แล้ว..เราแค่แกล้งเสแสร้งเพื่อขอความเห็นใจจากคนรอบข้างเท่านั้น...
ตลอดมาเราที่เป็นแบบนั้นบางทีคนที่เสแสร้งอาจเป็นเราเองก็ได้.. ” 

 (ถึงผู้อ่าน ชื่อเฟนท์ เขียนแบบ Eng ได้ Feint=เสแสร้งแกล้งทำ)
........................
..............................

“ อ้าว...ตื่นซะแล้วเหรอหว้าเสียดายจัง ”
เสียงดังขึ้นขณะที่ ทุกอย่างนั้นยังพร่ามัวอยู่แต่เมื่อดวงตาของเค้า เริ่มปรับชินกับแสง
ภาพตรงหน้าที่เห็นคือ เด็กหญิงวัย 10 ปี ผมของเธอมีสีขาวยาวสลวย
กำลังแกว่งปากกาสีในมือเล่นด้วยสีหน้าเสียดาย อย่างเห็นได้ชัด

“ เธอคือ... ”
เฟนท์ ถามขึ้นขณะที่ค่อยๆยันตัวขึ้นมา ทว่าเขาก็ต้องชะงักแล้วกุมขมับ ไปทันที เพราะความเจ็บปวดที่แล่นแปลบขึ้นมาที่ขมับ ซ้ายเมื่อปล่อยมือลงมาดู ก็ปรากฏคราบเลือดติดมือมาด้วยนิดหน่อย

“ จริงสิตอนที่เราสู้กับ เรกกะ ขมับหัวเราแตกนี่ ”     
เฟนท์ คิดซึ่งแผลในตอนนั้นยังคงไม่ปิดสนิทดี เมื่อเค้าลองมองสำรวจตัวเองก็พบว่า
ตัวเองกลับไปอยู่ในชุดก่อนจะทำการ Code Slash แล้ว ที่เสื้อผ้ามีรอยเปรอะคราบเลือดเล็กน้อย

หลังจากที่สำรวจตัวเองอย่างถี่ถ้วนแล้วไม่มีกระดูกข้างใดหัก หรือบาดแผลที่อื่น นอกจากที่ขมับศีรษะ
เค้าจึงเริ่ม มองสำรวจไปรอบๆบ้าง ซึ่งก็สร้างความประหลาดใจให้แก่เค้าเป็นอันมาก

เมื่อรอบๆนั้นเป็น เพียงท้องฟ้าซึ่งมีอาณาเขตกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ไม่มีจุดสิ้นสุด ที่เค้าและเธอ
นั่งอยู่คือ พื้นหินอ่อนซึ่งมีเสาสี่ต้น วางค้ำอยู่4มุม ของแผ่นหิน เสาค้ำนั้นยาวทะลุลงไปอย่างไม่รู้

จบเช่นเดียวกับที่มันสูงไม่รู้จบด้วย  ที่ปลายของแผ่นหินนั้นเชื่อกับ บันไดยาวแบบบันไดวิหารที่ทอดไกลขึ้นไป
ไม่เห็นปลาย เช่นเดียวกับที่ บันไดทางลงนั้นทอดลงไปมิรู้จบเช่นกัน


“ นายนี่ขี้เซากว่าที่เห็นนะ... ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง และเมื่อ เฟนท์ หันไป เค้าก็พบ R2 กำลังนั่งกอดเข่า
 เหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าที่ไม่สิ้นสุด

“ เธอ..ผู้หญิงที่อยู่กับ เรกกะนี่..แล้วหมอนั่นล่ะ ”
เฟนท์ เปรยก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นตะคอกถาม
ซึ่ง R2 ก็ชี้นิ้วขึ้นไปข้างบน

“ บนนั้นสินะ ”
เฟนท์ เปรยจบก็ยันตัวลุกขึ้นตรงไปที่บันไดทางขึ้น

“ นายจะทำอะไรน่ะ ”
R2 ถามก่อนที่เค้าจะก้าวขึ้นไปบนขั้นบันได

“ ก็แหงอยู่แล้วชั้นจะไปลากคอหมอนั่นมาจัดการซะ..เพื่อ พี่แล้วก็ทุกคน.. ”
เฟนท์ ตอบแต่ก่อนจะได้ทันเหยียบเท้าลงไป R2 ก็แทรกขึ้นมาก่อน

“ อย่ามาโกหกน่ะ...นายน่ะแค่ยกเอาคนอื่นขึ้นมาบังหน้า แล้วโยนความผิดตัวเองไปให้คนอื่น ”
R2 ประชดใส่ ซึ่งคำพูดของ เธอก็ทำเอา เฟนท์ ฉุนจนหันกลับลงมา ย้อนคำ

“ ไม่ใช่นะ..ชั้นไม่ได้เอาใครมาอ้าง..เจ้านั่น..เจ้านั่นมันผิดเองก็เห็นกันอยู่ ”
เฟนท์ ปฏิเสธเสียงแข็ง

“ เหรอ..แล้วทำไมนายต้องรนขนาดนั้นด้วยล่ะ ”
R2 ย้อน ทำเอา เฟนท์ ถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหมือนคำพูดของเธอ
จะถูกเกือยทุกอย่าง สิ่งที่เค้าแสดงออกในตอนนี้ไม่ใช่ตัวตนของเค้า

แต่แล้วเมื่อเริ่มที่จะทบทวนถึงสิ่งที่เค้าคิด ความแค้นที่ พี่สาวและคนรักรวม
ทั้งเพื่อนของเค้า ต้องถูก เรกกะจบชีวิตไปนั้นก็หวนกลับมาอีกครั้ง
ทำให้เค้าเลือกที่จะเมินเฉยต่อเหตุผล ต่อความจริง

“ แล้วนั่นนายจะไปไหน..คิดจะเดินขึ้นไปแก้แค้นเหรอ..เชื่อชั้นเถอะนายขึ้นปไม่ถึงหรอก ”
R2 เปรยขณะที่ เฟนท์ ไม่สนสุรเสียงใดๆของเธออีก และก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นไป ขณะ
ที่เดินไปนั้นหมอกก็เริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มมองไม่เห็นรอบข้างแต่เค้าก็พยายาม

ประคองให้ตัวเอง เดินให้คงเส้นคงวาไม่เฉ ออกเพื่อจะได้ไม่ก้าวพลาด ตกลงไป
และเมื่อเดินไป เรื่อยๆจนเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง เค้าจึงเร่งฝีเท้าขึ้น และเมื่อฝ่าหมอก
รอบๆออกมาได้ สิ่งที่แรากฏขึ้นแก่สายตาแทบทำให้เค้าไม่อยากเชื่อตาตัวเองเลย

“ อ้าวนั่นไงมาแล้ว ”
เด็กหญิงผมขาว ที่จะเอาปากกาสีเขียนหน้าเค้าในตอนแรก หันไปกล่าวกับ R2 เมื่อเห็นเค้าวิ่งขึ้นจาก
บันไดทางลง ซึ่งสื่งที่เป็นอยู่นี้ทำให้ เฟนท์ สับสนเอามากๆ ว่าพวกเธอขึ้นมาถึงก่อนเขาได้ยังไง

“ พวกเธอขึ้นมานี่ก่อนชั้น..ได้ยังไง ”
เฟนท์ เปรยถามด้วยสายตาตกตะลึง

“ ขึ้นเหรอ..ผิดแล้วล่ะเราไม่ได้ไปไหนเลยต่างหาก ”
เด็กสาวผมขาวกล่าวตอบ คำพูดของเธอทำให้เค้าสับสนลงไปยิ่งกว่าเดิมอีก

“ เรโค่ ถ้าจะพูดก็ บอกให้เค้าฟังชัดๆสิ ”
ก่อนที่จะได้ทันโต้แย้งกันต่อก็มีอีกเสียงดังขึ้นมาจากบันไดด้านล่าง เด็กหนุ่มผมสีฟ้า และอีกคนที่มีผมสีน้ำตาล
กำลังเดินขึ้นมาสมทบกับพวกเขา

“ มาแล้วเหรอ เซโร่ อิจิกิ ”
เด็กสาวผมขาวที่ชื่อ เรโค่ กล่าวพลางลุกขึ้นยืน ขณธที่เด็กหนุ่มวัยเดียวกับเธอทั้งสองเดินเข้าไปหา

“ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน..พวกเธอไม่ได้เดินขึ้นไปงั้นทำไมชั้นถึงได้มาถึงหลังพวกเธอล่ะ ”
เฟนท์ ตะคอกถามอีกรอบเพื่อดึงความสนใจให้ทุกคนหันมราตอบคำถามของเขา

“ นี่นายยังไม่รู้อีกรึไง...นายน่ะเดินวนกลับมาหาพวกชั้นเองต่างหาก ”
R2 ตอบซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้เค้างง ยิ่งขึ้นไปอีก

“ เธอหมายถึง นายเดินขึ้นบันไดที่วนเชื่อมกลับมาที่ดิมน่ะ ”
อิจิกิ ที่เห็นสีหน้าที่งง งวยของ เฟนท์ จึงออกหน้าตอบให้แทนแต่นั่นก็ดูจะทำให้เค้างง หนักเข้าไปอีก

“ เห้อวันนี้จะเข้าใจไหมเนี่ยให้พวกนายอธิบายน่ะ สรุปง่ายๆ ที่นี่เป็นมิติที่ วนเข้าหากันต่อให้นายเดินไปทางไหนมันก็จะวนกลับที่เดิมนั่นล่ะ ”
เซโร่ ที่หน่ายกับความเถรตรงของ คนรอบๆจนต้องออกปากอธิบายเอง เฟนท์ จึงได้เข้าใจ

“ สงสัยถ้าจะเข้าไปคงต้องพึ่งเธอแล้วล่ะ R2 ”
เรโค่ กล่าวขณะที่เดินไปจูงให้ R2 ลุกขึ้นมา ซึ่ง เฟนท์ ก็ได้แต่งง กับคำพูดของเธออีกครั้ง


...........................
...........................................


“ Slash ”  “ Blast ”
เสียงกังวานขึ้นพร้อมกับไพ่สองใบถูกรูดกับคมดาบ ก่อนที่ ลอว์เรนซ์ ในร่าง ทาลิคนัส
จะทะยานขึ้นไปแล้วตวัดดดาบออกไปด้านหน้า

“ Great of Dragon ”
สิ้นคำ ลำแสงมังกรเพลิงก็พุ่งลงมา นับสิบกวาดล้างบรรดา อารคูม่า ไปเกือบหมดในคราเดียว
ทว่า ไม่ทันไร เฮลอาคูม่า ก็เรียก สกายอาคูม่า กับ อาร์ท อาคูม่า มาเพิ่มอีกอยู่ดี

“ Full Charge Great of Dragon ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่จะเกิดห้วงอากาศอันคมกริบ ตัดร่างของเหล่า อาคูม่า ทิ้งไปก่อนจะถูก ลำแสงมังกร
สีเขียวมรกต พุ่งทะลวงเผาทำลายหายไปไม่เหลือแม้เพียงเถ้าทุลี

“ ทำยังไงมันก็ไม่หมดสักทีนะขอรับ ”
เรกกะในร่าง ทาเวนทอส กล่าวซึ่งที่คุมร่างอยู่ตอนนี้คือตัว ทาเวนทอส  เอง

“ ถ้ายังไงซะจะจัดการ เจ้าพวกนี้ให้หมดก็ต้องเก็บเจ้าตัวหัวโจกที่อยู่ตรงนั้นก่อน ”
ลอว์เรนซ ์ กล่าวพลางชี้ไปที่ เฮลอาคูม่า ที่คุมเชิงอยู่ ตรงคอบันได ขณธที่ จักรพรรดิ เนลโปลเลียน กำลัง
รออะไรบางอย่างอยู่


“ แต่จะเข้าไปจัดการ ทีไร ก็มีพวกมันมาขวางไว้ทุกที ”
เสียง ทาลิคนัส ดังขึ้นบ้าง เมื่อ พวกเค้ากำลังจะดิ่งลงไปหา เฮลอาคูม่า กลับถูก
ทัพสกายอาคูม่า เข้ามาขวางทางไว้จนต้องล่าถอยออกมา และการเคลื่อนไหวของพวกเค้าที่บ่งบอกชัดเจนว่าเป้าหมาย

อยู่ที่ใด ทำให้ พวกมันเข้ามาป้องกันได้ง่ายขึ้น และเฮลอาคูม่าก็เริ่มเปลี่ยนเหล่า อาร์ทอาคูม่าที่รบได้เฉพาะบน
พื้นดินไปเป็น สกายอาคูม่า ที่ถนัดรบบนฟ้าแทนทั้งหมดเพื่อต้อนไม่ให้ พวกเค้าเข้ามาขวาง

“ นี่ขอถามหน่อยเถอะนายน่ะ..ทำไมถึงรู้ล่ะว่าชั้นกำลังทำอะไรอยู่ ”
ลอว์เรนซ์ ถามขึ้นขณะที่ ลงดาบผ่ากลาง สกายอาคูม่า ทิ้งไปตัวหนึ่ง

“ เรื่องนั้นมาพูดตอนนี้คงไม่มีประโยชน์หรอกเอาเป็นว่า ช่วยกันหาทางจัดการก่อนเถอะ ”
เรกกะ ออกมาคุมร่างของ ทาเวนทอส แทนแล้วกล่าวตอบกลับไปก่อนจะตวัดดาบ ผ่า สกายอาคูม่า อีกสองตัว

“ งั้นเหรอ..ถ้างั้น ตอนนี้ไพ่นายเหลืออีกกี่ใบแล้วล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ ถามขึ้นเพื่อที่จะวางแผนรับมือเค้าจำเป็นต้องรู้ข้อมูลสถานะของตัว เรกกะ ในตอนนี้ด้วย
ทว่า คำตอบของ เรกกะ นั้นกลับเป็น การเปิดตลับไพ่ออกแล้วเทให้ดูว่าข้างในไม่มีอะไรอีกแล้ว
ก่อนจะโยนตลับทิ้งไป ทำเอา ลอว์เรนซ์ ถึงกับหน้าถอดสีไปเลยทีเดียว

“ ไพ่พวกนั้นมันหมดไปตั้งแต่ก่อนผมจะเข้ามาใน อัลคารากอน แล้วล่ะ ”
เรกกะ ตอบก่อนจะคุมร่างของ ทาเวนทอส ให้จับดาบด้วยสองมือ
เพื่อแทงดาบออกไปเสียบร่างของ อาคูม่า ที่บุกเข้ามาทีเผลอร่วงไปอีกตัว

“ งั้นที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็ ใบสุดท้ายแล้วน่ะสิ ถ้าอย่างนั้นชีวิตนายตอนนี้ก็.. ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวด้วยท่าทีที่ยังไม่อยากเชื่อ

“ ใช่ตอนนี้ อายุขัยที่ใช้เป็นไพ่ของผมถูกผลาญลงจนหมดแล้ว ถ้าไพ่ใบสุดท้ายนี่หมดผลลงเมื่อไหร่.. ”
เรกกะ กล่าวโดยที่ตัวเค้าเองก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว ว่าหลังจากจบการต่อสู้ในครั้วงนี้ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร

..........................
...................................

“ หน่วยที่ 3 และ 4 ขาดการติดต่อไปแล้วครับ ”
“ หน่วยที่ 7 กับ8ด้วยครับสัญญาณขาดหายไปเมื่อซักครู่นี้เอง ”

เสียงรายงานของ บรรดาทหารที่รับข้อมูลภายในกองทัพจากเครื่องคอมฯ และความตึงเครียดของฝ่ายวางแผนยุทธการ
ภายใน ยานแม่ของ ลูเทเซีย ตอนนี้มิได้มีสภาพต่างไปจาก หอบังคับการ ที่โลกอส ซึ่ง มาเรียลูสประจำอยู่ในขณะนี้เลย

“ ทำยังไงดีเวลาแบบนี้ พวก เซโร่หายไปไหนกันนะ ”
ลูเทเซีย คิดด้วยทีท่าร้อนรนอยู่ไม่น้อย ตอนนี้ ทางฝ่ายพวกเค้ากำลังเสียเปรียบมากขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อ
จ้าวแห่งมังกรดำอัลคารากอน เริ่มขยับเนื้อขยับตัว โจมตีโต้กลับมาบ้างแล้ว

กองทัพที่ได้เสริมจากทั้ง โลกอส และ บริทเทเนอร์นั้นยังไม่พอที่จะหยุดมันได้เลยแม้แต่น้อย ขณะเดียวกัน ขั้วกำลัง
จากอาณานิคมอื่นที่ ส่งมาร่วมสงคราม กลับถูก การโจมตีของ อัลคารากอน ปิดฉากไปในการจู่โจมไม่กี่ครั้ง

.........
..................

“ เห็นไหมชั้นบอกแล้วว่าให้พาเธอมาด้วย..นี่ถ้าฉันเอะใจ เรื่อง
 คาทราสโทฟี นี่ล่ะก็ปานนี้พวกเราคงได้ติดอยู่ในนี้ไปแล้ว ”
เรโค่ บ่นไปพลางขณะที่ จูงมือ R2 เดินมาที่บันได ก่อนจะให้ เซโร่ กับ อิจิกิ แตะไหล่ R2 ไว้
ส่วนตัวเธอก็ยังจับมือ R2 อยู่

“ จะเข้าไป..จริงๆเหรอ ”
R2 ถามพวกเขาอีกครั้งเพื่อขอคำยืนยัน ซึ่งพวกเค้าก็พยักหน้าตอบกลับมาว่าตกลง ที่สุดแล้ว
เธอจึงยอมทำตามที่พวกเขาต้องการ ทันทีที่เธอหลับตาลงทำสมาธิ ร่างของเธอก็เปล่งแสงขึ้นจางๆ
ก่อนที่ภาพของเธอนั้นจะดูราวกับสั่นไหว เหมือนกับเป็นร่างวิญญาณ ที่กำลังจะแยกออกจากกัน
ภาพวิญญาณที่ซ็อนกันออกมาจากตัวเธอกลายเป็น ทาลิเลีย ไปก่อน ที่ร่างวิญญาณของ อีกสามคนที่สัมผัสตัวเธออยู่นั้น
จะถูกดึงออกจากร่างและ ลอยฝ่าหมอกด้านบนบันไดหายลับไป อยู่ชั่วครู่ก่อนที่ ร่างวิญญาณของ ทาลิเลีย จะ

ลอยกลับมาเข้าร่างของ R2 และแล้วเมื่อเธอลืมตาขึ้น ร่างเนื้อของ เซโร่ เรโค่ และ อิจิกิ กลับค่อยๆสลายหายไปแทน
ต่อสายตาตกตะลึงของ เฟนท์ ที่จ้องมองมาที่เธอ ก่อนที่เธอจะหันกลับมาจ้องหน้าเค้า


“ เราสองคนเหมือนกันเลยนะ..ที่อยากได้ความจริงจากคนอื่นแต่กลับโกหกคนอื่นมาตลอด ”
R2 กล่าวดูสีหน้านิ่งเรียบ คำพูดของเธอนั้น แทงลึกลงไปในใจของ เฟนท์ อย่างที่สุด ตอนนี้เค้าตระหนักอย่างแท้จริง
แล้วว่า คนที่หลอกลวงทุกคนก่อนก็คือเค้า มาจนกระทั่งตอนนี้เค้าก็หลอกตัวเอง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า

 ความต้องการของเค้านั้นคือสิ่งใด หากแต่หัวใจที่อัดอั้นไปด้วยความแค้น นั้นทำให้เค้าลืมเป้าหมายฃ
สำคัญที่เค้าต้องการในตอนแรกนั้นไปจนหมดสิ้น

“ มีบางอย่างที่ฉันอยากให้นาย ได้รู้เอาไว้ความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น... ”
ทาลิเลีย กล่าวจบก็ไม่พูดพล่ำทำเพลง เดินเข้าไปคว้ามือ เฟนท์ ขึ้นมาประคบประคองด้วยสองมือ
ขณะที่ เฟนท์ยัง งงๆ อยู่นั้นเองจู่ๆเค้า ก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาที่หัวไม่ใช่จากบาดแผลภายนอกแต่เป็นภายใน มีอะไร

บางอย่างกำลังแล่นผ่านหัวเขาไป พร้อมกับ ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว สมองของเค้าที่ต้องรับเอา
ข้อมูลมากมาย ที่หลั่งไหลเข้ามาในตอนนี้ทำให้ เค้ารู้สึกเจ็บปวดจนถึงกับร้องโอดโอย และล้มตัวทรุดเข่าลงข้างหนึ่ง
ขณะที่ฝ่าย R2 เองก็เริ่มมีปฏิกิริยา ขึ้นมาบ้าง


“ นี่มัน...นี่มัน..อ๊าา ”
R2 กรีดร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดไม่แพ้ เฟนท์ ก่อนที่เธอจะ ทนไม่ไหวผละมือออกจาก มือของ เฟนท์
ก่อนจะล้มลงไปกุมขมับ ในหัวของเธอยังคงมี ภาพความทรงจำบางส่วนของ เฟนท์ ติดกลับมาด้วย

ส่วน เฟนท์ เองนอกจาก ความทรงจำส่วนที่เกิด ขึ้น กับ เรกกะ ก่อนที่เค้าจะไปพบ เรกกะ
 ที่ยืนรอเค้าอยู่ท่ามกลางศพของทุกคน  ซึ่งมองผ่านจากมุมมองของ R2 บนยาน

“ น..นายไม่ได้เป็น อานิม่า หรอกเหรอ.. ”
R2 เปรยขณธที่ ยังคงกุมขมับด้วยความปวดที่ยังคงเหลืออยู่ ด้าน เฟนท์ ที่ถึงกับฟุบลงไป
หลังจากที่ R2 ปล่อยมือเค้า ก็ค่อยๆประคองสติ ยันตัวลุกขึ้น มาตอบคำถามของเธอ

“ ช..ชั้นเป็น อานิม่า..ไปแล้วไม่ใช่..เหรอ บาดแผลที่...สู้กับ เรกกะ..ที่โรงเรียนตอนนั้นมัน.. ”
เฟนท์ กล่าวตะกุกตะกัก ขณะที่เอามือ กุมขมับด้วยความเจ็บปวดที่ยังคงไม่เลือนหายไป
จากการตอบคำถามของเค้า R2 จึงพอจับความได้ว่าเค้าหมายถึงเรื่องตอนที่สู้กับ เรกกะ ในร่าง

ทาเวนทอส เป็นครั้งแรก ที่โรงเรียน St.Magnus  บาดแผลในครั้งนั้น ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
เหมือนกับที่ ราฟ ฟื้นตัวจากการโจมตี ของ เรกกะ  เนื่องจากพลังของ อานิม่า คือความเป็นอมตะ

“ แต่ถ้านายเป็น อานิม่า...แล้วทำไมความทรงจำของนายถึง..ถูกแลกเปลี่ยนมา..ด้วยล่ะ ”
R2  กล่าวขณะที่เลื่อนมือลงมาแตะที่อก เพื่อทำใจให้เย็นลง ขณธที่ความทรงจำที่ได้รับมาจาก
 เฟนท์ ด้วยนั้นเริ่มลงตัว และถูกบันทึกเข้าไปในหัวของเธอ

“ จริงด้วย..แผลที่หัวนาย...ทำไมมันถึงยัง..ไม่หายไปอีกล่ะ ”
R2 แย้งขึ้นมาทั้งๆอย่างนั้น ทำให้ เฟนท์ เริ่มเอะใจ กับความแปลกประหลาดที่เริ่มเกิดขึ้นกับตัวของเค้า
ทันทีที่ เฟนท์ ลนขึ้นมา เธอจึงเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างในทันที

“ นาย..สูญเสีย ความเป็น อานิม่า..ไปแล้วงั้นสิ ”
R2 กล่าวขณะที่ตอนนี้ เธอค่อยๆผ่อนมือลง เพราะความเจ็บปวดได้หาบไปแล้ว


“ ก็คงยังงั้น... ”
เฟนท์ กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่ผ่อนมือลงเช่นกันตอนนี้ หวัของเค้าเริ่มจะจดจำความทรงจำ
ส่วนที่ได้มาจาก R2 เอาไว้ในหัวแล้ว จนถึงตอนนี้ตัวเค้าก็ยังคงสับสนกับ ความจริงที่เป็นอยู่
ในขณะนี้อยู่ดี

“ ท่าทางนายจะไม่เสียดายเอาซะเลยนะ...ชีวิตอมตะน่ะใครๆก็อยากได้กันทั้งนั้น..
แต่กลับไม่รับรู้ถึงความทรมานของมันเลย ”
R2 เปรยด้วยน้เสียงเศร้าๆนิดหน่อย

“ ชีวิตตัวเองงั้นเหรอ..ของแบบนั้นน่ะชั้นเลิกห่วงมันไปนานแล้ว..ไอ้ชีวิตอมตะนั่นจะอยู่หายไปชั้นก็ไม่สนทั้งนั้นล่ะ
ขอแค่ให้เป้าหมายของตัวเองบรรลุผลแค่นั้นชั้นก็พอใจแล้ว ”
เฟนท์ กล่าวในขณะที่ตอนนี้ตัวเค้าเองยังรู้สึกแปลกใจที่ ความกังวลความ ลนลาน ที่สุมอยู่เต็ม
อกมันได้สายหายไปราวกับไม่มีอยู่ก่อน นี่คือสาเหตุที่ทำให้ตัวเค้า เปิดใจคุยกับ R2 ได้อย่างเต็มปากงั้นหรือ

“ งี้นี่เองนายเป็นคนแบบนี้เองสินะ...เสแสร้งต่อหน้าทุกคน ยึดเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
ภายใต้หน้ากากแบบนั้น ”
R2 กล่าวอย่างรู้ดี ซึ่ง เฟนท์ ก็ไม่เถียงเธอแม้แต่คำเดียว แต่กลับยอมรับ ในคำพูดของเธอ

“ ตัวนายนี่มันสับสนซะจริงนะ..นายเป็นใครกันแน่ น้องชาย
ของ ซาน นีโอเวล..Valkyrier...อานิม่า...เพื่อนของ เรกกะ.. ”
R2 ถามทว่า เฟนท์ กลับลุกขึ้นยืนและยังไม่ตอบคำถามของเธอ แต่จูงมือเธอให้ลุกขึ้นมา

“ ชั้นเองก็อยากได้คำตอบในเรื่องนั้นเหมือนกัน ”
เฟนท์ กล่าวเสียงเรียบพลางจ้องมองลึกลงไปในดวงตาของ เธอจนทำเอา เธอ เขินหน้าแดงขึ้นมาก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตาของเค้า ซึ่ง เฟนท์ ที่เห็น แบบนั้นก็หัวเราะออกมาด้วยความขบขัน สายตาของเค้าไม่ได้เป็นสายตาที่แฝงด้วยความอาฆาตอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นสายตาที่ปกติและดูเป็นมิตร เหมือนทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าทุกคน

“ นั่นคือ..หน้ากากของนายใช่ไหม ”
R2 ที่ได้สติก็หันมาย้อนถามด้วยความสงสัย

“ ก็คงหยั่งงั้นแต่เธอเองก็ด้วยไม่ใช่เหรอ..ทางเดียวที่เราจะรู้คำตอบได้ระหว่างกันและกัน ”
เฟนท์ กล่าวจบ R2 ก็พยักหน้าด้วยเข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ ออกมา

.............
.................
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #116 on: April 24, 2009, 03:06:14 PM »

 “ ไม่เจอกันนานนะ ชั้นเอง เซโร่ ไง ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ เซโร่ และ คณะเพื่อนอีกสองคนจะเดินตามขึ้นบันไดมา
ปรากฏตัว ที่เบื้อง ล่างพวก เรกกะ ที่บินอยู่บนท้องฟ้า

“ นี่นาย..เซโร่..เรโค่ ..อ..อิจิกิ ”
ลอว์เรนซ์ อุทานเมื่อได้พบกับ สามคนนั้น

“ อะไรกันน่ะทำไมทีชื่อชั้นพูดตะกุกๆด้วยล่ะ ”
อิจิกิ ถามด้วยสีหน้าเซ็ง ขณะที่เงยหน้าขึ้นมอง พวกเค้า

“ รู้จักพวกนั้นเหรอ.. ”
เรกกะ ถาม ลอว์เรนซ์ ที่อยู่ในร่าง ทาลิคนัส พยักหน้าตอบ ซึ่งในขณะนี้เอง เหล่า อาคูม่า
ก็หยุดการโจมตีไปที่พวก ลอว์เรนซ์ ชั่วคราวก่อนที่จะเบนทิศไปจู่โจมพวก เซโร่ แทน
ทว่า..

“ เลิกเล่นสนุกกันได้แล้ว..ไอ้ระบบนั่นน่ะไม่มีวันสร้างโลกในอุดมคติขึ้นมาได้หรอก ”
เซโร่ กล่าวขณะที่ สะบัดมือซ้ายซึ่งมี ควันไอเย็น พวยออกมา ขณะที่ เหล่าอาคูม่า ทั้งหมดนั้นกลายเป็น น้ำแข็ง
และร่วงกราวลงไปด้านล่างหมด ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของ เรกกะ ที่อยู่ในร่างของ ทาเวนทอส

“ บ..บ้าแล้ว ”
ทาลูคัส เอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นผ่านสายตาของ ทาเวนทอส

“ พลังอะไรกันทำไมมันถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ ”
ทาโซรอส เปรยขึ้นบ้าง

“ แช่แข็งเจ้าพวกนั้นโดยที่พวกเราไม่รู้ตัวได้ ”
ทาลิควอส เองยังต้องทึ่งในพลังของ เซโร่

“ น่ากลัวจัง. ”
ทาไนซ เปรยด้วยเสียงสูงด้วยความผวา

“ สงสัยจะอยากกินน้ำแข็งใส ”
ทาเวนทอส เอ่ยขึ้นอย่างเย็นใจ

“ เจ้าพวกนี้เป็นใครกัน ”
ทาลิคนัส ที่ตอนนี้ไม่สนอะไรอีกนอกจากตัวจริงของพวก เซโร่

“ กว่าจะมากันได้นะ... ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่บินลงไปแล้วกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ พร้อมกับที่
 สนับมือแปลงร่างของ เค้าเปลี่ยนกลับไปเป็น มังกรภูต ยูปี้ อีกครั้ง

“ นี่มันเรื่องอะไรกัน..แล้วทำไมคนพวกนี้เป็นใคร.. ”
เรกกะ ทาเวนทอส กล่าวขณะที่ บินลงมาสมทบกับพวกเค้า

“ เธอเองเหรอ เรกกะ ที่ เทียพูดถึงน่ะ ”
เรโค่ กล่าวพลางโบกมือทักทาย ขณะที่อีกมือก็กอดเจ้า ยูปี้ ที่โผเข้ามาหาด้วยความคิดถึง

“ อยู่ๆโผล่มาปุบปับแบบนี้คงตกใจสินะ ”
อิจิกิ กล่าวน้ำเสียงนุ่มนวลอย่างมีมารยาทขณะที่ เรกกะเองก็ได้แต่ ยืนมองพวกเค้าด้วยสายตา งงๆ

“ พวกเค้าคือ เพื่อนของชั้นเอง.. คนผมสีฟ้าคือ เซโร่ ส่วนผมสีน้ตาลแดงอีกคนนั่น อิจิกิ และก็ผู้หญิงอีกคนนั่น เรโค่ ”
ลอว์เรนซ์ แนะนำให้ เรกกะ ได้รู้จัก กับพวก เซโร่ ในขณะที่ เซโร่ นั้นทำท่าไม่ค่อยพอใจซัก
เท่าไหร่กับการมาแนะนำตัวในสถานการณ์แบบนี้

“ เอาเป็นว่าคร่าวๆเลยนะ แฟนของเจ้า ลอว์เรนซ์ ข้ามมาจากอนาคตอีก 2800ปีข้างหน้านี้แล้ว
ก็มาบอกเรื่อง ระบบ คาทาคาเท่เนี่ย จากนั้นก็บังคับให้พวกเรามาจัดการเตะก้นไอ้เจ้าจักรพรรดิบ้านี่
 แล้วคนที่พาเรามานี่ ก็คือตัวเจ้าลอว์เรนซ์ ในยุคนี้ แค่นี้ล่ะ..รีบๆจัดการให้มันจบๆไปซะทีเหอะ ”

เซโร่ กล่าวอย่างหงุดหงิด ขณะที่ดึงดันจะให้พวกเค้าเลิกเสวนาแล้วจัดการกับเรื่องนี้โดยเร็ว
ทว่า ระหว่างที่พวกเค้าสนทนากันอยู่นี้  สถานที่แห่งนี้ก็เกิดสั่นไหวขึ้นก่อนที่ ด้านล่างจะมีเสาเกลียวพุ่งขนานกัน
ขึ้นมาสองต้นและทะยานขึ้นไปจนถึง สุดขอบฟ้า

“ ฮ่าๆๆ..เสียใจด้วยนะพวกเจ้าช้าไปซะแล้วล่ะ คาทราสโทฟี เริ่มเดินระบบของมันไปแล้ว ”
เนลโปลเลียน กล่าวขณะที่ เสาเกลียวสองต้นด้านหลัง นั้นค่อยหมุนยกตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าจะหยุด


“ จะหยุดได้รึเปล่าไม่ลองมันก็ไม่รู้หรอก ”
เซโร่ กล่าวจบก็ร่ายมือขึ้นเพื่อเตรียมร่ายมนต์ใส่ ทว่า เฮลอาคูม่า ที่รอดจากการถูกจับแช่
นั้นได้พุ่งเข้ามา ตวัดดาบตัดแขนของ เซโร่ จนขาดสะบั้นในพริบตา ทว่าภายในกลุ่มของพวกเค้ามี

เพียง เรกกะ เท่านั้นที่ออกอาการผวาไปกับความเสียหายที่ เซโร่ ได้รับทว่าความเป็นห่วงก็ต้องกลับ
กลายเป็นความประหลาดใจแทน เมื่อท่อนแขนของ เซโร่ ที่ขาดไปนั้นสลายกลายเป็นไอควัน
 มารวมตัวกันที่ ส่วนที่ขาดไปของแขน และคืนสภาพกลับเป็นเช่นเดิม ได้อย่างน่าอัศจรรย์

“ นายเป็น…อานิม่า… ”
“ ไม่ใช่… ”
เรกกะ ที่อุทานออกมาถูกแย้งขึ้นด้วยเสียงตะคอกของ เซโร่ เองที่ปฏิเสธว่าเค้าไม่ใช่ อานิม่า
อย่างที่คิด

“ เซโร่ เป็นภูตแห่งน้ำ (Undina) ดังนั้นจึงมีร่างกายที่เป็นอมตะ แน่นอน ฉันเองก็เป็น
Fallen Angel(เทวทูตตกสวรรค์) ส่วน อิจิกิ เป็น เจ้าชายฟีนิกซ์(Pheonix Prince) ”
เรโค่ อธิบายให้ เรกกะ เพื่อให้คลายข้อสงสัยของเค้า

Quote
Note: จากภาคที่แล้ว เซโร่ เป็นลูกของ อันดีน(Undine)เทพีแห่งทะเลสาบ นีรันด้า
จึงเปรียบได้กับเป็น ภูตแห่งน้ำ (Undina)

“ นี่ไม่ใช่เวลาอธิบายเรื่องนั้นนะ ต้องหยุดระบบนั่นก่อนที่มันจะสมบรูณ์ ”
อิจิกิ กล่าวจบ เซโร่ และ เรโค่ ก็พร้อมใจกับเขา ร่ายมนต์ของแต่คนทันที

“ วิหกเทพ(God Bird)…. ”
ทั้งสาม กล่าวขึ้นพร้อมกันแต่ยังไม่ทันจบประโยค เฮลอาคูม่า กลับสลายไปซะก่อน
 ทำให้พวกเค้าต้องชะงักด้วยความประหลาดใจ

“ เมื่อ คาทรามโทฟี เริ่มทำงานพลังของเทพหรือ อิออน (Ion) จะปกคลุมไปรอบบริเวณนี้
 ปีศาจและมนตราก็ไม่อาจใช้ได้หรอก ”
เนลโปลเลียน กล่าวขณะที่รอบๆเริ่มจะฟุ้งไปด้วยละออง อนุภาคแบบเดียวกับที่ Valkyrier ใช้
หากแต่มันมีสีเขียวทีเข้มและสดกว่า ไม่นาน เซโร่ เรโค่ และ อิจิกิ ก็เริ่มได้รับผลกระทบจากละอองเหล่านี้
พวกเค้าถึงกับทรุดลงราวกับไม่มีเรี่ยวแรง

“ อึก ละอองพวกนี้มัน…สลายพลังเวทย์ของเราไป ”
อิจิกิ สบถขณะที่ ทรุดเข่าทั้งสองลงกับพื้น อย่างอ่อนแรง

“ รู้สึกไม่…มี….แรง…เลย ”
เรโค่ กล่าวเสียงอ่อนระทวย ก่อนจะฟุบลงไปกับขั้นบันได

“ บ้าจริง…อุบ… ”
เซโร่ กล่าวทว่าตอนนี้ตัวเค้าก็ไม่มีแม้แต่แรงจะต่อปากต่อคำได้อีกแล้ว
ได้แต่ฟุบหงิกขาหงิกแขนอยู่กับที่เท่านั้น

“ ทีนี้ก็เหลือแต่พวกเจ้าเท่านั้น…แต่อย่าคิดว่าจะขวางข้าได้เลย ”   “ Muramasa Transform ”
สิ้นคำของ เนลโปลเลียน เสียงก็กังวานก้องขึ้นจาก ดาบที่ปักอยู่บนแท่นหินด้านหลัง
ก่อนที่ ดาบจะสลายเป็นละออง สีดำพุ่งมารวมกันที่ร่างของ เนลโปลเลียน และยังผล

ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงร่างไป กลายเป็น อัศวินมังกรสีดำทะมึนปีกของมันมีลักษณะเป็นปีกค้างคาว
ลมหายใจของมัน เป็นำไอควันสีดำ นับแต่วินาทีที่มันปรากฏ ทั่วอาณาบริเวณรอบก็ถูกปกคลุม
ด้วยแรงกดดันประหลาดๆที่ทำให้ จิตประสาทเกิดความรู้สึกหวาดกลัวและกดดันไปพร้อมๆกัน

“ อุบความรู้สึกนี้มัน…ไม่จริงน่ะ…มุรามาซะโซล(Muramasa Soul) ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดผวา ราวกับรู้ถึงความน่ากลัวของมันเป็นอย่างดี

“ มุรามาซะ…มันคืออะไรเหรอ ”
เรกกะ ถามขึ้นด้วยความสงสัย ขณะที่ เนลโปลเลียนซึ่งกลายเป็นอัศวินมังกรแล้วกำลัง
วาดมือ ออกเป็นทางยาวก่อนที่จะเกิดควันสีดำ ขึ้นตามทางที่มือวาดออกไป และจับตัวเป็นแท่งยาวและ
ที่ปลายนั้นได้แปรรูปเปลี่ยนเป็น หัวเคียวที่เรียวแหลม

“ มุรามาซะ คือภาคหนึ่งของ ทาลิวิลย่า ที่ชั่วร้าย มันใช้ความกลัวเป็นพลังงาน ”
เสียงดังขึ้น ก่อนที่ เจ้าของเสียงจะปรากฏตัวขึ้น พร้อมกันในหมอกด้านล่างและกำลังไตขั้นบันไดขึ้นมาสองเงา



“ R2….เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงตอนนี้เธอน่าจะอยู่ที่ St.Magnus นี่ ”
เรกกะ เปรยด้วยความประหลาดใจที่ได้พบ R2  ที่นี่ทั้งที่เธอควรจะอยู่กับพวก ชารี่ ที่โรงเรียน

“ ที่จริงนั่นควรเป็นคำพูดของฉันด้วยซ้ำ ”
R2 แย้งกลับขณะที่เดินฝ่าออกจากหมอกมา จนพ้นรัศมี

“ ที่นี่มัน... ”
เรกกะ กล่าวทว่าคำว่าอันตรายที่จะต่อ ออกมานั้น กลับถูกกลืนลงลำคอไปแล้ว เมื่อที่ตามหลังมาด้วยคือ เฟนท์

“ เรกกะ นายรู้แล้วรึยังไม่รู้กันแน่แต่ชั้นก็จะบอกนายอยู่ดี เรื่องที่ตัวนายตอนนี้ไม่ใช่ มนุษย์แต่เป็น อานิม่า ”
R2 กล่าวจบแล้วแต่กลับไม่มีใครหรือแม้แต่ตัว ลอว์เรนซ์ ที่ตกใจกับ คำพูดของเธอเลย

“ เรื่องนั้นชั้นรู้แล้ว…แต่เอาไว้ก่อนเถอะที่สำคัญทำไมเธอกับ เฟนท์ ถึงได้ ”  (หึงอ้ะเปล่าเนี่ย)
เรกกะ  กล่าวปัดก่อนจะเปลี่ยนคำถาม ทว่า R2 กลับไม่ฟังและแย้งสวนกลับมาตรงๆ

“ 70 ปีก่อนโครงการหนึ่งของ Empyrean Adjust คือการสร้างมนุษย์ที่สมบรูณ์แบบ อานิม่า ซึ่งนาย
ก็คือต้นแบบของการทดลองนั้น  ”
R2 กล่าวตัดบทขึ้นป่าวๆจนในที่สุด เรกกะ จึงยอมให้ เธอบอกกล่าวประวัติของ ตัวเขาให้ทุกคนที่นี่ได้ยิน
กันให้หมดไปเพราะตัวเค้าเองก็ไม่มีอะไรจะให้เสียอีกต่อไปแล้ว เพราะแม้แต่เพื่อนก็ยังกลายเป็นศัตรู

“ ซึ่งคนที่สร้างนายขึ้นก็คือ ศาสตราจารย์ ไฮเดย์(Highday) หรือบิดาของ เซน่า ไฮเดย์(Zena Highday) พี่สาวบุญธรรมของนาย แล้วก็ความทรงจำและชื่อของ เรกกะ นั้นไม่ใช่ของ เรกกะ ไฮเดย์ แต่เป็นความทรงจำที่นายได้รับปลูกถ่ายจาก เรกกะ ซาราเบลด ที่เสียชีวิตไปตั้งร้อยกว่าปีแล้ว เพราะงั้นแล้วตัวจริงของนายก็คือ ”

R2 กล่าวแต่ก่อนที่เธฮจะได้ทันกล่าวจบ เรกกะ ทาเวนทอส ก็ปรามเธอไว้ก่อนจะพูดด้วยปากของตนเอง

“ โคดเนม Alpha01 (อัลฟ่าซีโร่วัน) ร่างทดลองการปลูกถ่ายศิลามังกรสังเคราะห์…พูดให้ถูกชั้นคือ
 Valkyrier ต้นกำเนิดที่ Empyrean Adjust คิดจะใช้ในแผนการตั้งแต่แรกแล้ว ”
เรกกะ กล่าวน้ำเสียงเรียบ

“ งั้นนายก็คงรู้เกี่ยวกับเรื่องของที่นี่แล้วงั้นสิ ที่นี่คือศูนย์รวมของจิตใต้สำนึก หรือที่เรียกว่าพระเจ้ายังไงล่ะ ”
R2 กล่าวก่อนที่สภาพรอบๆเริ่มจะเปลี่ยนไป ท้องฟ้าที่กว้างไร้ขอบเขตค่อยๆเปลี่ยนเป็น
สีเทาลงเรื่อยๆ

“ คาทราสโทฟี จุดบรรจบของทุกสิ่งและเป็นต้นกำเนิดพลังแห่งอัศวินทาลิวิลย่า ”
เรกกะ กล่าวขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดในตอนนี้ ไม่มีใครขยับหรือทำอะไร

“ ใช่ พลังของศิลามังกร คือการหลอมรวมเข้าด้วยกันและสร้างสิ่งใหม่ขึ้น ที่นี่จิตสำนึกทั้งหมดจะถูกหลอม
รวมกันไว้แล้วสร้างขึ้นใหม่กลายเป็นสิ่งที่เรียกว่าความปราถนา ทะเลแห่งจิตวิญญาณ อันเป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่ง ”
R2 กล่าวถึงวามเป็นมาของ ที่แห่งนี้ อย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป

“ ทุกชีวิตนั้นอยู่ได้ด้วยความปราถนา หากเมื่อใดที่ชีวิตนั้นไร้ความ ปรารถนา ชีวิตนั้นก็จะดับสิ้นลง
และกลับคืนสู่ทะเลแห่งวิญญาณ ตอนนี้นายคงจะเข้าใจความหมายของ คาทราสโทฟี แล้วสินะ ”
R2 ถามขึ้นหลังจากที่เค้าและเธอถกกันมาได้ซักครู่แล้ว

“ เมื่อ คาทราสโทฟี เดินระบบสมบรูณ์ เอวานเกเลี่ยน จะตื่นขึ้น เมื่อนั้นพระเจ้าจะตายลงและในตอนนั้น โลกของผู้
ที่ดับสูญไปแล้ว กับโลกของผู้ที่ยังอยู่รอด จะรวมกันเป็นหนึ่งและหยุดนิ่งลงในที่สุด และกลายเป็น โลกในอุดมคติ
โลกที่ไร้ซึ่งการโกหก การหักหลัง ความขัดแย้ง..มันจะกลายเป็นโลกที่ไม่มีอะไรเลย ”

ลอว์เรนซ์ ช่วยตอบแทนให้ ก่อนที่ใครจะได้ทันเอ่ยปากขึ้น

“ เพราะงั้นนายคงเข้าใจแล้วสินะ ว่าฉันอยู่ฝ่ายไหนน่ะ ”
R2 กล่าวจบ ก็เดินผ่านเค้าไปโดยแยแส ต่อความรู้สึกของ เรกกะ

“ เมื่อใดที่ได้รหัสของเจ้ามา R2 .......อัลคารากอนก็จะตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ และกลายเป็น เอวานเกเลี่ยน ”
มุรามาซะ กล่าวขณะที่ R2 เดินเข้ามา

“ R2 ! ”
เรกกะ ตะโกนพร้อมกับ พุ่งเข้าไปเพื่อจะคว้าตัวเธอกลับมาทว่า

“ Fear of Testament ” (คำสอนแห่งความกลัว)
สิ้นเสียง มุรามาซะ ก็แผ่คลื่นควันสีดำออกมาครั้นเมื่อสูดเข้าไปแล้ว นั้นพวกเค้าก็เกิดความ
รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในจิตใจ ราวกับมันพุ่งออกมาจากส่วนลึกที่ดำมืด
ที่สุดแล้ว เรกกะ ได้กลับคืนร่างไปในทันที คลื่นความกลัวจึงหยุดแผ่ออกมา

“ พ..ไพ่ใบสุดท้าย..ของชั้น.. ”
เรกกะ เปรย ก่อนจะเอามือกุมหน้าอกซ้าย ด้วยสีหน้าทรมานที่แสดงออกมาให้เห็นชัดเจนนั้น
ทำให้ ทุกคนรู้แล้วว่า วาระสุดท้ายของเค้ากำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้

“ ไพ่นายหมดแล้ว ตอนนี้อายุขัยของนายก็เท่ากับหมดสิ้นไปแล้วนายกำลังจะตาย ”
R2 เปรยด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่ไหวติ่งต่อความตายที่ กำลังจะมาเยือน เรกกะ ในอีกไม่ช้า

“ อ..อา..อาร์ทู ”
เรกกะ กล่าวได้เพียงเท่านั้นก่อนที่หัวใจของเค้าจะหยุดเต้นไป เสี้ยววินาทีนั้น ความสิ้นหวังได้เคลื่อน
เข้ามาปกคลุมในทันที ตอนนี้โลกภายนอกกำลังเกิดมหันตภัยไปทั่วทุกสารทิศ พายุพัดโหมลง กวาดล้าง

พื้นที่ต่างๆบนโลก ท้องทะเลปั่นป่วน แผ่นดินเริ่ม พังทลาย และสภาพรอบๆภายใน คาทราสโทฟี ก็เริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นภาพของห้วงอวกาศอันว่างเปล่า ที่ด้านบนนั้น ดวงสุริยาฉายแสงเจิดจรัส อยู่ไม่ไกล ขณะที่เสาสองต้นเริ่ม
ลู่เข้าหากันและพันกันเป็นเกลียวคล้าย สาย D.N.A. และพุ่งขึ้นไปหา ดวงอาทิตย์ ด้านบน

“ นี่น่ะเหรอ สิ่งที่เธอต้องการน่ะ.. ”
เฟนท์ ที่จับตาดูมาได้ซักพักเริ่มแย้งขึ้น ด้วยในใจของเค้าตอนนี้เริ่มจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ เปล่าแต่นี่เป็นสิ่งที่นายต้องการไม่ใช่เหรอ..ไม่สิเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็ปราถนา ”
R2  ย้อนคำกลับ ทำเอา เฟนท์ และทุกคนถึงกับ งงไปตามๆกัน

“ คาทราสโทฟี จะทำให้ ความปรารถนาของทุกคนสมหวัง ทั้งหมดและหยุดความปรารถนา ของมนุษย์ทั้งหมดลง เมื่อไม่มีความปรารถนา ความขัดแย้งก็จะไม่เกิดขึ้น ทุกคนจะเข้าใจถึงกัน ”
R2 กล่าวก่อนที่ เธอจะจะเริ่มทำสมาธิ ไม่นาน ร่างกายของเธอก็ปรากฏอักขระ ขึ้นทั่วทั้งร่าง

“ ขอโทษนะแต่ชั้นคงให้ คาทราสโทฟี ทำงานไม่ได้ ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ ชายผู้ปกปิดตัวตน จะเดินออกมาพร้อมกับหอบ นาฬิกาทราย 4 อัน
ติดมา และแมกกี้ ที่บินตามหลังมาด้วย

“ นายคือ... ”
R2 เปิดตาขึ้นก่อนจะถามถึงนามของผู้มาใหม่

“ ชั้นคือผู้ที่ก้าวข้ามลิขิตฟ้า และกลายเป็นตำนาน ”
สิ้นคำชายคนนั้นก็โยน นาฬิกาทรายทั้งหมดขึ้นไป นาฬิกาได้ชนกันเองจนแตกกลางอากาศและทรายที่อยู่ภายใน



ได้โปรยออกมาทว่า ทรายเหล่านั้นกลับไม่ร่วงโรยลงมา แต่มันจับตัวกันและ เปลี่ยนรูปใหม่กลาย เป็น
มังกรหกธาตุ อาแมนคริส ทรายยังกลายเป็นดาบ ที่มีรูปลักษณะคล้ายคลึงกับโกรอทพลาม่า  ตัวดาบนั้นไม่มีคม



แต่ระหว่างคมนั้นมีร่องที่มีฟันเลื่อยพลังงาน สำหรับสร้างความเสียหายแทน นอกจากนี้ ก็ไปรวมกันที่
ยูปี้ และเปลี่ยนมัน ดาบแห่งอัศวิน ทาลิวิลย่า มาคายาเดีย (Macarhyadia, the Blade of Thaliwilya)



ต่อมา แมกกี้ ที่มากับ เค้าด้วยก็ถูกทรายหลอมกลายเป็น โล่ซึ่งมีพลอยสีฟ้าติดประดับอยู่กลางโล่ ชื่อของมันคือ โล่แห่งจิตใจ มิคาเอลอันเป็นโล่ วิเศษของ ทาลิวิลย่า

“ ชั้นออกตระเวนไปตามที่ต่างๆเพื่อจะตามหาสิ่งเหล่านี้ ที่จะใช้ต่อกรกับ คาทราสโทฟี
 จากคำทำนายที่พวกชั้นได้รับเมื่อ สองร้อยปีก่อน ”
ชายผู้ปกปิดตัวเอง ได้ถอดหมวกและ แว่นตาออกเผยให้ ใบหน้าของ ลอว์เรนซ์ ที่มีอายุในวัยกลางคน

« Last Edit: April 26, 2009, 04:30:32 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #117 on: April 24, 2009, 03:06:40 PM »

“ น..นาย ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด เมื่อสองร้อยปีที่แล้วงั้นเหรอ ”
R2 เปรยขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้าภายใต้ การปกปิด ขณะที่ทรายที่เหลือในตอนนี้ได้
ไหลไปรวมกันที่ร่างของ เรกกะ
ก่อนที่ จะซึมหายเข้าไป และแล้วร่างของ เรกกะ ก็เปล่งแสงขึ้นหลังจากที่แสงจางลง สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด
ว่าจะเกิดขึ้น เรกกะ ฟื้นกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง

“ จากนี้ไปขอฝากนายด้วย.. ”
ลอว์เรนซ์ วัยผู้ใหญ่กล่าว ก่อนจะสลายหายไปในอากาศธาตุ

“ R2 เธอคิดเหรอว่า การทำให้ความปรารถนานั้นสมปรารถนาทั้งหมด คือสิ่งที่ถูกต้อง ”
เรกกะ ถามขึ้นด้วยสายตาที่จ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ

“ ที่จริงเรื่องพวกนั้นน่ะไม่ใช่สิ่งที่ฉันพะวงหรอก นี่นายเห็นฉันเป็นคนดีขนาดนั้นรึไง ”
R2 ย้อนซึ่ง เรกกะ ก็ยิ้มขึ้นมาโดยไม่มีความนัยใดๆแฝงไว้เค้าเพียงแค่ยิ้มขึ้นมา ด้วยความรู้สึกราวกับมีความหวังผุดขึ้นมาในใจ

“ งั้นความปรารถนาของเธอล่ะ บอกมันมาสิชั้นจะเป็นคนทำให้มันเป็นจริงเอง ”
เรกกะ กล่าว คำพูดของเค้าทำให้ R2 รู้สึกแปลกใจเป็นอันมาก อยู่ในในของเธอก็เสมือนเกิดช่องว่างขึ้นราวกับ
หัวใจที่มืดดำนั้น ได้มีแสงสว่างส่องลงมา

“ อย่างนายจะมารู้อะไร..ชั้นน่ะ ”
R2 กล่าวพลางเบือนหน้าหนี

“ ชั้นรู้..รู้ว่าเธอทรมานกับชีวิตอมตะจากการเป็นผนึกแห่ง อัลคารากอนใช่ไหมล่ะ ”
เรกกะ กล่าว

“ นาย..นายรู้งั้นเหรอ ”
R2 เปรยด้วยความแปลกใจ

“ อืมตอนที่ชั้นได้เห็นแสงจาก วงแหวนแห่งกาลเวลา ในนั้นชั้นได้เห็นความทรงจำของเธอ
หลังจากากรต่อสู้กับ อัลคารากอน เมื่อครึ่งสหศวรรษ ที่แล้วเพราะเธอไม่อาจทำลายพลังของ
อัลคารากอน ลงได้ทั้งหมดเธอจึงต้องผนึกมันไว้ในตัวเอง และนั่นก็ทำให้เธอได้รับชีวิตที่เป็นอมตะ ”

เรกกะ กล่าวขณะที่ ใจของเธอนั้นเริ่มโน้มน้าวเข้าหาเค้าไปทุกขณะ

“ ถ้าเธอไม่อยากจะอยู่อีกต่อไปถ้าเธออยากจะตายล่ะก็ มากับชั้นสิ..ชั้นจะให้เธอได้ตายด้วยรอยยิ้ม..ชั้นสัญญา ”
เรกกะ กล่าววินาที นั้นเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ท่ามกลางเสี้ยววินาทีแห่งการตัดสินใจนี้

“ ทั้งพี่แล้วเธอไม่มีใครพูดว่า เรกกะ เป็น Dragoon เรกกะนายไม่ได้ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองสินะ ”
เฟนท์ คิดในตอนนี้เค้าเริ่มจะเข้าใจ ในตัว เรกกะ ขึ้นมาบ้างแล้ว

“ เรกกะ..ช..ช่วย...ช่วยฉันด้วย ”
R2 ที่ตอนแรกกล่าวออกมาด้วยความลังเล ก่อนจะตัดสินใจตะโกนออกมาพร้อมกับ
พยายามจะสลัดตัวออกห่างจาก มุรามาซะ

“ นี่เจ้าคิดจะเชื่อ คนอื่นอีกงั้นเหรอ พวกมันทุกคนก็แค่เสแสร้ง มันหลอกเจ้า ไม่มีใครพูดความจริงกับเจ้านอกจาก
ข้านะ.. ”
มุรามาซะ โวยวายพร้อมกับจะตามเข้าไป เอาตัว R2 กลับมา ทว่า เฟนท์ ก็เข้ามาขวางไว้
 โดยที่ตอนนี้เค้าสวมชุดของ Valkyrier เอาไว้ก่อนแล้ว

“ คนที่โกหกก็คือแกไม่ใช่รึไง...แกต้องการเพียงแค่ รหัสพลังของ เธอเท่านั้นแกสนแต่แผนของแกเท่านั้น
โลกที่แกหวังไว้มันก็เป็นโลกที่อยู่ในอุดมคติของแกเท่านั้น ”
เรกกะ กล่าวตอนนี้เขาและพรรคพวกเลือกที่จะปฏิเสธโลกหลัง คาทราสโทฟี และเลือกความเป็นจริง
 เลือกที่จะให้เวลาเดินต่อไป

“ แล้วพวกแกจะต้องเสียใจ ไม่มีใครมาหยุดแผนการของข้าได้ ”
มุรามาซะ กล่าวจบก็แผ่คลื่นความกลัวออกมาอีกครั้ง

“ ลืมไปแล้วหรือไง ถ้าแกเป็นทาลิวิลย่า ฝ่ายเราเองก็เป็นทาลิวิลย่า ถึงสามคนทำไมจะเอาชนะแกไม่ได้ ”
เรกกะ กล่าวก่อนที่ โล่มิคาเอล ที่ลอยเคว้งอยู่จะพุ่งเข้ามาสวมที่มือของเค้า

“ พูดได้ดีนี่ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่เดินเข้ามาสมทบพร้อมทั้งคว้าเอา ดาบมาคายาเดีย และดาบ ใหม่อีกเล่มติดมือมา
ขณะที่ อาแมนคริส คำรามเสียงกึกก้อง คลื่นพลังที่มันแผ่ออกมาทำให้พลังแห่งที่สถิตอยู่ใน อิออน
 อันเป็นพลังแห่งเทพ เกิดแปรปรวนและสลายหายไป

“ อ๊ะ..พวกเราขยับได้แล้ว ”
เรโค่ กล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ พอประจุพวกนั้นสลายพลังเวทย์ของพวกเราก็กลับมาแล้วสินะ ”
อิจิกิ กล่าวขึ้นมาหลังจาก ที่ฟื้นจากอาการอ่อนเพลียเพราะการถูกสลายพลังเวทย์ในตัว

“ ถึงเวลาเอาคืนแล้ว ”
เซโร่ กล่าวพร้อมกับหักนิ้วไปมา

“ ที่ควาามปรารถนาของมนุษย์นั้นไม่สมหวังทั้งหมด ก็เพื่อให้เหลือความปรารถนา ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ดังนั้นมนุษย์ถึงแสวงหาเส้นทางไปสู่อนาคต ไปสู่วันพรุ่งนี้.. ”
เรกกะ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

“ แต่เพราะมนุษย์แสวงหาสิ่งต่างๆเพื่อให้สมปรารถนาไม่ใช่รึไง ถึงได้เกิดความขัดแย้ง
เกิดสงครามเพราะมนุษย์ไม่เปิดใจซึ่งกันและกัน แต่พร้อมจะสวมหน้ากาก แล้วแสวงหา
ปฎิธานของตนโดยไม่สนสิ่งต่างๆ ”
มุรามาซะ กล่าว

“ แต่ถึงยังงั้นแกก็ไม่มีสิทธิที่จะ ไปลบความปราถนาแล้วบอกว่าสมหวังได้หรอก ”   “ Royal Form ”
เรกกะ กล่าวจบ โล่ก็เปล่งแสงขึ้น ดวงตาซ้ายของเค้า นั้นปรับเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
จนครบทั้งหกสี และแล้วร่างของ เรกกะ ก็เปลี่ยนเป็น อัศวินมังกรกายประดับด้วยเกราะทองคำ
ขาว ปีกทั้งสองนั้นสยายออกปกคลุมด้วยขนวิหกแบบทูตสวรรค์ (Thaliwilya)



“ อนาคตนั้นคือสิ่งที่เราต้องกำหนดมันด้วยตัวเอง และสิ่งที่จะฟ่าฟันขวากหนาม
ที่ชื่ออุปสรรค์ก็คือความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า และ )ฎิธานต่อ ความปราถนาของตน ”   “ Grand Form ”

สิ้นคำ ลอว์เรนซ์ ดาบมาคาเดียก็เปล่งแสงขึ้น ไพ่ทั้งหกธาตุที่เค้าเก็บไว้ในกระเป๋าได้
ลอยออกมาและหลมอรวมเข้ากับดาบ ก่อนจะเปล่งแสงเจิดจรัส และเปลี่ยนร่างของเค้าเป็น
อัศวินมังกรกายสีน้ำตาลทอง ปีกสองข้างปกคลุมด้วยเกล็ดอันแข็งแกร่ง (Thaliwilya, the God of Dragoon)



“ Ava-Trans ”
สิ้นเสียง เฟนท์ ก็เปลี่ยนร่างเป็น เจอรัลดีน ก่อนจะประกอบพลองให้เป็นพลองยาว



“ Thalilea Entry ”
สิ้นเสียง R2 ก็เปลี่ยนร่างกลายเป็น อัศวินมังกร ทาลิเลีย



“ เราไม่ขอเลือกทางที่สมปราถนาแต่ขอเลือกทางที่เป็นไปได้ ”
เรกกะ ประกาศเสียงกร้าว ก่อนที่จะเกิดหลุมมิติขึ้นรอบๆ และแล้วมังกรทั้งหกธาตุของ อาริมาเทีย
ที่เป็นของ เรกกะ กับของเมอริเซีย ที่เป็นของ ลอว์เรนซ์ได้ปรากฏตัวขึ้นในร่าง เต็มวัย

ก่อนที่ แสงหกสีจะพุ่งออกจากร่างของพวกเค้าทั้งสอง ซึ่งแสงแต่สีก็เข้าไปหามังกรตามสีธาตุสังกัด และไม่นานก็เปลี่ยนพวกมันเป็น อัศวินทาลิวิลย่า ทั้งหกที่พวกตนเคยแปลงมา

“ เบิกโรงนางเอก Show off ”
ทาลิควอส เปรย หลังจากมองดูร่างของตน ที่ได้เป็นอิสระจากร่างของ เรกกะ
โดยอาศัยการสิงร่างของ เหล่ามังกรแทนร่างเนื้อ



“  องค์ชายเสด็จแล้ว  ช่างเป็นการรวมตัวกันที่งดงาม ”
ทาลูคัส กล่าวอย่างชื่นชม



“ ทีนี้ล่ะเจ้าได้ร้องไห้แน่ ความแข็งแกร่งของข้าแม้แต่เด็กยังต้องร้อง ”
ทาโซรอส กล่าวจบก็บิดคอเหมือนทุกครั้ง



“ ชะตานายขาดแล้วน้าจะจ่ายหรือไม่จ่ายเอ่ย แต่ถึงจ่ายก็ขอกำจัดอยู่ดีน่ะแหล่ะ ”
ทาไนซ กล่าวพลางหมุนไปรอบๆด้วยท่าทีร่าเริงแบบเด็กๆ



“ ต้องขอโทษด้วย แต่คงให้ทำตามใจชอบไม่ได้หรอกนะ ”
ทาเวนทอส กล่าวพลางโค้งขอขมากับ มุรามาซะ แต่ก็มาโดน ทาลิคนัส กระชากกลับมาเข้ากลุ่ม



“ เฮ้ยไปขอโทษมันทำเล่าอ่อเกือบลืม..โอเระ ทันโจว มันแปลว่าพระเอกมาแล้ว ”
ทาลิคนัส ตะคอกใส่ ทาเวนทอส เล็กน้อยก่อนจะกวาดมือพลางกล่าวประโยคจำตัว



ทางด้าน อัศวินทาลิวิลย่าแห่งเมอริเซียก็มีปฏิกิริยา ไม่แพ้กัน

“ ว้าวๆ นี่ฉันได้กลายเป็น ทาลิวิลย่า จริงๆเหรอเนี่ย ”
วิล มังกรวายุของ ลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาเวนทอส  กล่าวอย่างลิงโลด



“ อย่างกับฝันไปแน่ะ ”
ไลท์ มังกรแสง ของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาลูคัส กล่าว



“ ที่นี้ล่ะจะได้ลุยให้เต็มที่เลย ”
ไฟร์ มังกรเพลิง ของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาลิคนัส กล่าว



“ เยี่ยมเลย ชั้นล่ะ เท่ห์ซะจริงพับผ่าสิ ”
 อควา มังกรวารี ของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาลิควอส กล่าว



“ ได้เป็น ทาลิวิลย่า แบบนี้มันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้แหะ ”
เอิธท์ มังกรพสธา ของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาโซรอส กล่าว



“ ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเรามี ทาลิวิลย่า 12+3 รวมเป็น 15 ตัว กำลังรบเราสูงกว่าอีกฝ่าย 15เท่าตัวแล้วนะ ”
 ดาร์ค มังกรดำ ของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาไนซ กล่าว



“ ไม่ใช่แค่15ซะหน่อย ดาร์ค อย่าลืมสิ ชินเซเบอร์ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็โยนดาบ ที่มีลักษณะคล้ายกับโกรอทพลาม่าขึ้นไป
 ก่อนที่มันจะเปลี่ยนรูปร่างและขยายขนาดขึ้นกลายเป็น โกรอทพลามาทอส ตัวเป็นๆ

“ เฮ้ๆลืมพวกเราแบบนี้ก็แย่สิ ”
เซโร่ กล่าวขณะที่พวกเค้าทั้งสามคนเข้ามาร่วมวงด้วยพร้อมกัน บัดนี้
ขุมกำลังของพวกเค้านั้นราวกับ กองทัพอัศวินมังกรเลยทีเดียว

“ หนอย..พวกแก ”
มุรามาซะ สบถก่อนจะพุ่งเข้าไปหา เรกกะ

“ Shining Finger ” (ดรรชนีส่องประกาย)
สิ้นคำ มือซ้ายของ เรกกะ ก็ส่องประกายขึ้นก่อน ที่จะจับ มุรามาซะ เหวี่ยงออกไปได้อย่างสบายๆ

“ เลิกเล่นกันแค่นี้ล่ะ..ทุกคน ”
เรกกะ กล่าวจบ ทุกคนก็พร้อมที่จะปล่อยท่าพิฆาตของตนออกมา

“ หอกของข้าคือหอกที่จะทะลวงไปถึงสววค์ ”  “  Photon Lancer”
เฟนท์ ก่อนที่เสียงจะกังวานออกมาจาก พลองในเวลาเดียวกัน ละออง อนุภาค อิออน ที่สร้างออกมารอบๆตัว
ก็ถูกรวมบีบอัดจนกลายเป็นมวลพลังงาน ลูกใหญ่

“ วิหกเทพ ศาสตรามลายสูญ ”
สิ้นคำ เซโร่ เรโค่ และ อิจิกิ ก็ร่ายเวทย์สร้างชุดเกราะขึ้นมาด้วยพลังของตน เซโร่
 นั้นสวมเกราะพญาหงที่ทำขึ้นจากน้ำแข็ง อิจิกิ คือเกราะวิหกเพลิงซึ่งใช้อัคคีแทนอาภรณ์ห่อหุ้มร่าง  ส่วน
 เรโค่ สวมเกราะจ้าวแห่งแร้ง ซึ่งทำด้วยเหล็กกล้า  ปีกเป็นดาบขนาดใหญ่ข้างละ5เล่ม

“ Great of Dragon ”
สิ้นคำของ ลอว์เรนซ์ ดาบมาคายาเดียก็เปล่งแสงขึ้นก่อนที่เค้าจะตวัดมันออกไป
 ลำแสงได้พุ่งออกจาคมดาบและเปลี่ยนรูปกลายเป็นมังกรพลังงาน พุ่งเข้ากระแทกร่างของ มุรามาซะ จนกระเด็นไป
กระแททับ แท่นหินที่ดาบเคยปักอยู่แตกพังลงไป

“ อ๊าคคคคคคค ”  “ Muramasa Strike Soul ”
มุรามาซะ คำรามขึ้นก่อนที่ร่างของมันจะ เกิดไอควัน ขึ้นปกคลุมร่างและ
ขยายขนาดพร้อมกับเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตัวมันเองจนมีขนาดใหญ่

พอๆกับมังกรระดับสูง มันยืนด้วยสี่ขา ชิ้นส่วนเกราะถูกดีดหายออกไป เผยร่าง
เนื้อที่เต็มไปด้วยอักขระ แบบเดียวกับที่ R2 เคยแสดงให้มันปรากฏขึ้นบนร่าง

เสียงคำรามของมันดังกึกก้องปานสัตว์ร้าย ปีกที่หลังงอกเพิ่มออกมาเป็น 4 ปีก
ดวงตาของมันไร้ซึ่งแววตาแห่งชีวิต ราวกับหุ่นเชิด




“ ข้าคือ มุรามาซะสไตร์โซล ”
เจ้ามังกรร้ายคำรามก่อนที่มัน สร้างหลุมดำที่กลืนกินทุกอย่างขึ้นมา ตรงหน้า

“ Geo Javalin Hyper!!!! ”
สิ้นเสียง เฟนท์ ที่สะสมพลังงานจนเต็มเปี่ยมแล้วก็ขว้างพลองออกไป พลองได้ทะลุอาบแสงจากมวลพลังงาน
และพุ่งออกไปดังหอกลำแสง ทันทีที่กระแทกเข้ากับหลุมดำ นั้นมันก็แตกสลายไปพร้อมๆกัน

และก่อนที่ มุรามาซะสไตร์โซล จะได้ทันทำอะไรต่อ ร่างของมันก็ถูกตรึงเอาไว้ ด้วยดาบนับสิบเล่มที่พุ่งลงมา
ซึ่งมันคือปีกของเกราะที่ เรโค่ สวม ก่อนที่จะแช่แข็งซ้ำด้วย ไอเย็นที่แผ่ออกมาจาก ปีกเกราะของ เซโร่
และปิดล้อมทางหนีด้วยวังวนอัคคีของ อิจิกิ


“ Great of Dragon G.O.D. ”
เรกกะ ตะโกนออกมาก่อนที่ อัศวินมังกรทั้งหมดจะสร้างลำแสงมังกรของตนและยิงส่งไปที่ มุรามาซะสไตร์โซล
ขณะที่ อาแมนคริส และ โกรอทพลามาทอส ก็ร่วมส่งการจู่โจม ของพวกมันเข้าไปเสริมด้วย
 การโจมตีทั้งหมดหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว จนกลายเป็นลำแสงมังกรขนาดใหญ่ พุ่งเข้าชนร่างของ
 มุรามาซะสไตร์โซล

“ แล้วพวกแกคิดรึว่าจะหยุด คาทราสโทฟี ได้ ตอนนี้มันเริ่มทำงานไปแล้ว
 ถึงข้าจะถูกทำลายพวกแกก็หยุดมันไม่ได้หรอก.. ”
มุรามาซะ สบถขณะที่กำลังสูญสลายไปจากการถูก เผาผลาญอยู่ในลำแสงมังกรอันทรงอานุภาพ

“ นี่แกลืมไปแล้วเหรอ..รหัสของ R2 น่ะยังไม่ได้ถูกใช้ซะหน่อย.. ”
เรกกะ กล่าว ขึ้นมาเพื่อย้ำให้อีกฝ่ายคำนึงถึงสิ่งที่พลาดไป

“ น..นี่หรือว่าแก...R2 นี่เจ้า ”
มุรามาซะ สบถขณะที่ลำแสงมังกรนั้นได้สลายไปแล้วและร่างของมันก็เริ่ม จะสูญสลายตามไป

“ ขอบใจนะ R2 ที่เธอยอมเชื่อใจผมจนถึงที่สุด ”
เรกกะ กล่าวก่อนจะคืนร่างกลับ บัดนี้ที่ดวงตาซ้ายของเค้านั้นเรืองแสงอยู่ตลอดเวลา
ก็ปรากฏขึ้นเป็นสัญลักษณ์ คล้ายกับปีก ที่แก้วตาขวา และในขณะเดียวกัน ลอว์เรนซ์
และอัศวินมังกรตนอื่นๆก็กลับคืนร่างเดิม ไปพร้อมๆกัน รวมถึงทุกคนที่ใช้พลังจนถึงขีดสุดแล้ว

“ Genesis แห่งการเอาชนะทุกสิ่ง..นี่เจ้ามอบรหัสให้มันไปแล้วงั้นหรือ ”
มุรามาซะ สบถขณะที่ร่างของมันเริ่มประคับประคองไม่อยู่อีกแล้ว

“ เสียใจด้วยนะ..เธอมอบมันมาให้ชั้นต้องแต่แรกแล้วตั้งแต่วันที่เราได้พบกัน วันนั้นที่ดวงตาข้างนี้ตื่นขึ้น ”
เรกกะ กล่าวพร้อมกับ เอามือขึ้นมาเบิกตาซ้ายให้ เห็นชัดจะๆตาของ มุรามาซะ

“ ในนามของ ข้า เรกกะ ไฮเดย์ ขอบัญชา จงหายไปซะ ”
ทันทีที่คำสั่งของ เรกกะ ออกไปนั้นดวงตาขวาก็เปล่งแสงสีแดงวาบออกมา ก่อนที่ จะปรากฏ
สัญลักษณ ปีกแบบเดียวกับที่ดวงตาของเค้า ขึ้นเหนือฟากฟ้า เกลียวเสาด้านหลัง ก็เริ่มถล่มลงมา
เกิดแรงสั่นไหวขึ้นรอบๆสถานที่แห่งนี้ขณะที่ตอนนี้โลกภายนอก นั้นมหาพิบัตค่อยๆ สลายตัวลงอย่างรวดเร็ว

..............

“ อ..อะไรกันเนี่ย ”
สุซาคุ และ เฟรเซีย ที่บังคับ โมบิลเกเซอร์ ของตนคอยหาช่วงจู่โจม อัลคารากอน
เปรยขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะ เมื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อ ร่างของ อัลคารากอน ค่อยสลายหายไป

“ มันกำลังจะหายไปแล้ว ”
เฟรเซีย เปรยอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเธอ

“ พวก เซโร่ ทำสำเร็จแล้วสินะ ”
ลูเทเซีย เปรยกับตัวเอง ขณะที่ที่ ทั้งห้องบังคับการและในสนามรบต่าง
กึกก้องไปด้วย เสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะ

...........
หอบังคับการทหารสูงสุด โลกอส

“ สำเร็จ..ในที่สุดเราก็ทำสำเร็จแล้ว ”
มาเรียลูส เปรยด้วยความรู้สึกที่ตัวเธอนั้นไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ในช่วงเวลาแห่งชัยชนะที่พวกเค้า สามารถจัดการกับ วิกฤติของโลกลงไปได้นี้

ในตอนนี้ เมฆทมิฬที่ปกคลุมท้องฟ้าได้สลายตัวไปพร้อมกับที่แสง ตะวันซึ่งไม่ได้
สาดส่องลงมายังเบื้องล่าง นานนับสัปดาห์ก็ได้เฉิดฉาย แสงราวกับจะมอบความหวัง
อันใหม่ให้แก่พวกเขา

..................

“ หากพวกเจ้าปฏิเสธโลกของข้า มันก็จะกลายเป็นโลกของ อานิม่า ที่ความดี
และความชั่วนั้นเป็นเพียงคนละหน้าของกระดาษแผ่นเดียวกัน ”
มุรามาซะ สบถขณะ ที่คลานมาทั้งสภาพที่ทรุดโทรม ซึ่งตอนนี้ร่างของมัน กลับคืนจากากรเป็น สไตร์โซลแล้ว
 มันคลานมาจนถึงตัวของ เรกกะ ก่อนจะเค้นแรงเฮือกสุดท้าย บีบคอของเค้าเอาไว้

“ ถึงยังงั้นโลกในอุดมคติของแก มันก็ไม่ได้ดีไปกว่าที่เป็นอยู่นี่หรอก หายไปซะ ”
เรกกะ กล่าวจบ มุรามาซธ ก็ถูกแสงที่เปล่งออกมาจาก ดวงตาขวา ก่อนที่มันจะ ปล่อยมือแล้วลงไปดิ้น
ทุรนทุราย ราวกับถูกไฟนรกแผดเผา ก่อนจะสลายหายไปในที่สุด


.................
........................

“ และแล้วก็เป็นไปตามคำทำนาย ทูตสวรรค์ 7 องค์ แตรสวรรค์ 7คัน
 อัศวินมังกร 7 ตนจากทวีปและอีก 7 ตนจากอีกทวีป จากนั้นกระถางไฟทองคำ ก็คือคาทราสโทฟี  ”
โครโน่ เปรยขณะที่ นั่งอยู่บนเก้าอี้บัลลังค์ ในห้องเดิมของเค้ากับ ฮายาเตะ โดยมองดูเหตุการณ์ผ่านจอภาพ
รอบห้องที่ปรากฏอยู่เต็มไปหมดในตอนนี้

“ ขอบใจพวกแกมากเลยนะ เพราะพวกแกแท้ๆ แรคนารอค ของชั้นก็จะได้เดินหน้าต่อไปซักที...เนอะ ”
โครโน่ เปรยจบก็เบือนสายตาไปมอง เงาของบุคคนอีกองนอกจากพวกเค้าที่อยู่ในห้องนี้

..............
.....................

“ แล้วจากนี้ไปพวกนายจะเอายังไงต่อล่ะ ”
R2 หันมาถาม เรกกะ กับ เฟนท์ ก่อนที่ืั้ทั้งสอง จะหันมามองหน้าซึ่งกันและกันด้วยสายตาที่ระแวงทั้งคู่

“  นั่นสิเรื่องของพี่ ชั้นพอจะเข้าใจแต่ เรกกะ เป็นคนฆ่า ไอ ”
เฟนท์ กล่าวพลางทำตาขวางใส่

“ แล้วยังไง....คำตอบของนายน่ะ ”
เรกกะ สบถ ขณธที่ R2 และคนอื่นๆได้แต่จ้องมองลุ้นไปกับคำตอบของทั้งสอง

.................
.........................


1 เดือน ต่อมา

หลังจากความขัดแย้งต่างๆที่เกิดขึ้นเพราะการแทรกแซงของ Empyrean Adjust ตอนนี้
 สหพันโลก ได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาด้วยการยื่นเรื่องเสนอร่วมกัน ของ โลกอส และ บริทเทเนอร์
ได้ร่วมครึ่งเดือน แล้วที่ผ่านมา ต่างก็ได้รับการตอบรับจาก

ประเทศต่างๆที่เข้ามาเป็นสมาชิก ลงนามร่วมสนธิสัญญา เป็นพันธมิตร เพื่อสร้างสันติขึ้น
แต่ว่าในตอนนี้บรรดา ประเทศสมาชิกบางส่วนของ ประชาคมโลก หรือสภามังกรนภากาศ
 
นั้นยังไม่เห็นด้วยที่จะเข้าร่วมการ
จัดตั้งสนธิสัญญาฉบับใหม่นี้ อีกทั้งบางประเทศนั้น ได้ยื่นคำค้านที่จะจัดตั้ง
 สหพันโลกขึ้น หากจะให้ชาวเมอริเซีย ที่ไม่มี ตัวแทนผู้นำ ของประเทศตนหรืออาณานิคมเข้าร่วม
 การมอบสิทธิต่างๆให้แก่ชาวเมอริเซียจึงยัง ไม่เป็นที่ยอมรับในการเข้าร่วมสนธิสัญญาครั้งนี้


“ นี่คือรายงานด่วนที่เข้ามาล่าสุดนะคะ ในวันนี้ ประธานสภามังกรนภากาศ หรือ สหประชาคมโลก จะออกมาให้แถลงการณ์ ค่ะคาดว่านี่อาจเป็นเรื่องที่จะพูดถึงการจัดตั้ง สหพันโลก ก็ได้ค่ะ อ้ะออกมาแล้ว ประธานสูงสุดแห่งสภามังกรนภากาศ อันเป็นองคประธานสูงสุดของ เทอร่า เลยก็ว่าได้ค่ะ..หะ ”

เสียงรายงานข่าว และภาพที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งเทอร่าตอนนี้  ซึ่งออกอากาศสดตรงมาจาก
หอคอยแห่งนภา ซึ่งตั้งอยู่ ในเขต คาบสมุทรกลางของ เทอร่า  ภาพออกกอากาศ ที่ถ่ายทอดออกมาจาก

 ห้องประชุม ซึ่งบรรดา คณะบริหารและสมาชิกขั้วอำนาจต่างๆในเทอร่า ทั้งหมด
ที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งสหพันโลกได้มาร่วมประชุม กันในวันนี้ เพื่อรับข้อมูลจากองค์ประธานสูงสุด

“ และแล้วตอนนี้ ประธานสูงสุดก็มาถึงแล้วค่ะ...เอ๋ ”
เสียงรายงานข่าวดังขึ้นก่อน ที่ผู้บรรยายจะต้องร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ

“ หา..เหลือเชื่อ ”
โคเว็ท กับ มิมิ อุทานขึ้นพร้อมกันตอนนี้ดูรายงานข่าว ผ่าน เครื่องรับสัญญาณ ในห้องชมรมของ พวกเธอ
ที่ตอนนี้ พวก ชารี่ ก็อยู่กับพวกเธอด้วย

“ ไม่จริง.. ”
มาเรียลูส และ ลูเทเซีย อุทานขึ้นแทบจะพร้อมกัน ภายในห้องประชุมกลางของ สภาสูง โลกอส ที่ใช้
เป็น ที่ประชุม ระเบียบการของ สหพันโลก ความประหลาดใจนี้ไม่แค่เฉพาะ พวกเค้า แต่บรรดาผู้คน

 ทั่วทั้งเทอร่า ต่างก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นมาแทน ประธานสูงสุด ได้เดิน เข้ามา
นั่งลงตรงเก้าอี้ ซึ่งยกสูง
จากพื้น เล็กน้อย อันเป็นเก้าอี้ประธานสูงสุดของ สหประชาคมโลก เป็นดั่งตำแหน่งที่คุมบังเหียนโลกไว้

“ เราคือ องประธานสูงสุด แห่งสหประชาคมโลก ลำดับที่ 99 เรกกะ ไฮเดย์ ”
สิ้นคำของ เรกกะ ซึ่งปิดตาขวาด้วยเศษหน้ากากติดเลนดวงตา ปรากฏตัวขึ้นต่อ
สายตาตกตะลึงของทุกคนทั่วโลกที่กำลังจับตาดูการออกอากาศนี้อยู่

“ น..นี่..แกเป็นใครทำไมถึงไปนั่งตรงนั้น แล้วประธาน ของเราล่ะประธานตัวจริงน่ะ ”
สมาชิกผู้บริหารคนหนึ่งค้านขึ้น ก่อนที่จะต้องเงียบไปเพราะ องค์ประธานสูงสุดคนก่อน
นั้นได้เดินเข้ามา และส่งมอบตราตำแหน่งให้กับ เรกกะ

“ เท่านี้พอจะยืนยันได้หริอยังล่ะ องค์ประธานสูงสุดได้ สละบัลลังค์ให้ฉันแล้ว ”
เรกกะ กล่าวเสียงเรียบ ซึ่งดวงตาของประธานสูงสุดตัวจริงนั้น มีสัญลักษณ์ ปีกแบบเดียวกับที่ดวงตาขวาของเค้ามี

“ หนอย.. เพ้อเจ้ออะไรของแก ..แกทำอะไรกับประธานบอกมานะ ทหารจับมันไว้ ”
สมาชิกผู้บริหารอีกคน กล่าวแย้งขึ้นก่อนจะให้พวก ทหารรักษาการกรูกันเข้ามา
ล้อมเค้าด้วย หอกไฟฟ้า ทว่าก่อนที่ หอกจะทันเข้าถึงตัวเค้า  เฟนท์ ก็กระโดลงมาจาก เพดานห้องด้านบน
และหมุนตัวเตะ ปลายหอกจนหักวสะบั้นในทีเดียวด้วยพลัง สมิงของเค้า

“ ขอแนะนำให้รู้จักนี่คือ องครักษ์ มือขวาของเรา เฟนท์ นีโอเวล  ”
เรกกะ กล่าวขณธที่ เฟนท์ ลุกขึ้นมายืนเคียงข้างเค้า อย่างจงรักภักดี
ซึ่งในดวงตาของเค้านั้นหาได้มี สัญลักษณ์ของ Genesis ที่ เรกกะ ใช้กับเค้าไม่
ดังนั้นนี่จึงเป็นความตั้งใจจริงของเค้าอย่างแน่นอน

“ เอาล่ะเพื่อให้เรื่องมันง่ายขึ้น... ”
เรกกะ กล่าวจบก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับ ถอดหน้ากากที่ตาขวาออก
เผยให้เห็นดวงตาที่มีสัญลักษณ์ปีกนก สองปีกทอประกายอยู่ในดวงตา

“ ในนามของข้า เรกกะ ไฮเดย์ พวกเจ้าจงเชื่อฟังเราซะ ”
สิ้นคำ ดวงตาขวาก็เปล่งแสงขึ้น ทันทีที่เหล่าผู้เข้าประชุมในห้องได้รับแสงนั้น ดวงตาของพวกเขาก็ปรากฏสัญลักษณ์
ปีกแบบเดียวกับเค้าขึ้นมาทั้งสองข้าง

“ All Hari Recca! ”   “ All Hari Recca ”
เสียงดังกระหึ่มขึ้นจากบรรดา สมาชิกที่ตกอยู่ใต้การบังคับของเค้าในที่สุด

“ จากนี้ไปนี่ล่ะคือ บทเพลงส่งวิญญาณแห่งอัศวินมังกร Dragoon Requiem ”
เรกกะ เปรยขึ้นขณะนี้ตัวเค้าได้อำนาจที่จะกุมชะตาของโลกเอาไว้ในกำมือแล้ว

โปรดติดตามตอนต่อไป


Next Saga

ชั้นที่ต่อต้านโลกมาตลอดและปิดบังตนเอง
ไว้เบื้องหลังหน้ากากของคนธรรมดาๆ  กลับกลายมาเป็นผู้บงการโลก
และออกมาสู่เบื้องหน้า

“ ข้าขอประกาศให้ สหประชาคมโลก เข้าร่วมการจัดตั้ง สหพันโลก ”

“ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่เราควรจะยินดี...พี่คิดว่ามันต้องมีอะไรแน่นอน ”

“ เรกกะ ถึงเจ้าจะเป็น อานิม่า ต้นแบบที่วมบูรณ์ยังไงแต่ สำหรับข้าเจ้านั้น
ไม่ได้อยู่ในสายตาเลย เพราะมีผู้ที่เหมาะสมที่จะปกครองโลกมากกว่าเจ้า ”
บัดนี้บทสรุปแห่งตำนานกำลังจะพลิกหน้าสุดท้ายของมันแล้ว Next Saga 18 Emperor Recca..

มหาสงคราม Delantion กำลังจะสิ้นสุดในไม่ช้า.......

ตรงที่ มีเขียนว่า Img ลงภาพไว้แต่ยยังไม่ได้ใส่โคดไม่ต้องตกใจไป พอดีลืมภาพไว้ที่ Note Book เลยต้องรอ เค้าเอากลับมาก่อน แล้วจะมาอัพรูปตรงนั้นให้นะครับ เป็นรูปของ มุรามาซะโซล เวอชั่น อาริมาเทีย

ว่าแต่ตอนนี้ขอ แค่สามประโยคเลยบทนี้
มั่ว เละเทะ ออกทะเล

ป่ะกางใบเรือถอนสมอได้.......เฮ้ยเดี๋ยว ทอดสมอก่อนจะไปหนายยยกลับฝั่งก่อนเร้ว

เรื่องมันชักจะเละเข้าไปทุกทีแล้วสิเนี่ย แต่ก็อย่างว่า เล่นบู๊กะแก้ปริศนาในตอนเดียวช่างทรมานยิ่งนัก
ปวดกบาลไปหลายวันเลยเรา อีก 3ตอน ก็จบแล้วงุงิ ตอนหน้า เรกกะ กับ เฟนท์ ในคอสแบบใหม่
จะเป็นยังไงไหนอ ส่วนมิมิ โคเว็ท นั้น คงไม่ได้เห็นแล้วล่ะเน้อทำไม่ทันจริงๆ แฮะๆๆ

ข่าวดีเอหรือไม่ดีหว่า หลังจากจบภาคนี้จะมีภาคที่3 รวมเป็นไตรภาค ทาลิฯ แต่เรื่องของภาคสามคนแต่งคือใครน่ะเหรอ...ขอ อุบไว้ก่อนเน้อ แต่ภาคสามส่งท้ายตำนานเนี่ย จะมีแค่3ตอนจบเท่านั้น เพราะใกล้จะได้เวลา
วุ่นวายกันแว้ว คงไม่มีเวลาเขียนยาวล่ะขอรับ ส่วน SmN VR! ท่านใดติดตามแล้วอยากอ่านต่อ ก็ขอให้รอ กระผมเตรียมตัวให้ชินกับชีวิต มหาลัยก่อนซักหน่อยแล้วว่างเมื่อไหร่จะมาเขียนให้นะคร้าบ ส่วนไตรภาค ทาลิจะเขียนให้จบก่อน เรียนปรับพื้นฐานให้ได้ โอ้ไฟลุกพรึ่บไปเขียนตอนต่อไปเลยดีกว่า  Let’s Go
« Last Edit: August 07, 2009, 06:30:45 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #118 on: April 24, 2009, 03:37:27 PM »

ไคลแมกซ์มาแล้ว เหอๆ  อีก 3 ตอนจะจบ+อีกภาคนึง(ใช่ม่ะ -*-)   สนุกมากเลย
 

Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #119 on: April 24, 2009, 08:07:42 PM »

ตอนนี้อึ้งอย่างเดียวค่ะ เรกกะ ไม่ใช่ เรกกะ - *- มามุขนี้เลยหรือคะ
มนุษย์ดัดแปลงปลูกความทรงจำ - - 

เอาเข้าไป เรกกะ มี กีอัส 

Logged


Pages: 1 2 3 [4] 5 6  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.285 seconds with 21 queries.