ภายในห้องบังคับการ ที่มีลักษณะเหมือนกับของ ยาน Albus
“ ทำไมถึงบอกข้อมูลให้พวกเขาไปล่ะคะ ”
หญิงสาวผมสีทองยาวสลวย มีปอยผมสองปอย ยื่นแถวหน้าผาก
กล่าวถาม หลีเม่ย ซึ่งเธอเป็น หนึ่งใน Valkyrier ที่เข้าร่วมแทรกแซง กับ หลีเม่ย ในวันนั้น
“ ผิง(Ping) เธอเองก็รู้อยู่แล้ว ทีมของเราไม่มีสิทธิ แทรกแซงเองตามใจชอบ ”
หลีเม่ย กล่าวตอบยังไม่ทันจบ ประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับที่ชายผมสีฟ้าเทา เดินเข้ามาในห้อง
“ เพราะงั้นก็เลยวานให้ทางนั้น ช่วยจัดการแทนงั้นสินะ ”
ชายคนนั้นกล่าวต่อให้จนจบ
“ หลง(Long) เองเหรอ นึกว่าไปไหนมาซะอีก ”
หลีเม่ย กล่าวก่อนจะหันกลับไปที่จอมอนิเตอร์
“ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เป็นการก่อการร้าย แกก็จะต้องมาแน่ใช่ไหม Dragoon ”
หลีเม่ย คิดก่อนที่จะลำลึกย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อไม่กี่วันก่อนที่เข้าทำการแทรกแซง บริทเทเนอร์
“ เมื่อก่อนคุณทวดเคยบอกเอาไว้ว่า เมื่อใดที่ เทอร่า พบกับภัยพิบัติ จะปรากฏ อัศวินมังกรเทพ ออกมาปราบกลียุค
คุณทวดท่านเล่าว่าเคยเห็น มาแล้วล่ะร่างของอัศวินมังกรเทพ ที่ส่องสว่างไสว งดงามราวกับพญาหงส์
วจีอันงดงาม ที่จะขจัดซึ่งความกลัว คุณทวดท่านจำได้แค่ว่า อัศวินตนนั้นเป็นร่างอีกภาคหนึ่งของ อัศวินทาลิวิลย่า.. ”
ประโยคหนึ่งดังก้องขึ้นในหัวของเธอ มันเป็นประโยคที่ใครคนหนึ่งเคยพูดไว้กับเธอ ซึ่งเธฮเคยลืมมันไปนานแล้ว
จนกระทั่งได้พบ กับอัศวินมังกรกายสีขาวท่วงท่าสง่าราวพญาหงส์ ชายที่ชื่อ Dragoon ได้ปรากฏตัวต่อสายตาของเธอที่จับจ้องไปยังร่างของ อัศวินมังกรตนนั้น ในตอนนั้นความรู้สึกของเธอ ครุกรุ่นและไม่สามารถบอกได้ว่าอะไร
ทำให้เธอเกิดความรู้สึกนั้น
“ คอยดูเถอะ ฉันจะต้องสืบหาตัวจริงของแกให้ได้… ”
หลีเม่ย คิดขณะที่จอมอนิเตอร์ นั้นแสดงแผนที่ซึ่งจุดมุ่งหมายที่ยานกำลังมุ่งหน้าไป คือโลกอส
……………..
…………………
……………………….
ย่านการค้า ใกล้ตลาดท่าเรือ บาร์ซิงเซย์
แถบย่านการค้านี้ เป็นศูนย์รวมของความบันเทิง ทุกรูปแบบ ตั้งแต่โรงภาพยนตร์ โรงละคร
ห้างสรรพสินค้า และอื่นๆอีกมากมาย
“ ยืนยันเป้าหมายมาถึงจุดนัดพบแล้ว ”
เรกกะ กล่าวใส่ หน้าปัดสายคาดข้อมือ ซึ่งเสียงของเขาถูกส่งขึ้นไปยังห้องบังคับการของ ยานไซเบอร์ลิก้าดราก้อน
ได้ในทันที
“ นี่ๆเราไม่ได้มารบซะหน่อย ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ ”
มาธิอัส กล่าวด้วยความหน่ายใจ กับความกระตือรือร้น ที่ไม่เป็นเรื่อง
ของ เรกกะ
“ ไม่ยักรู้แฮะว่าหมอนี่มีนิสัยชอบสอดเรื่องคนอื่นแบบนี้น่ะ ”
R2 กล่าวกับมาธิอัส ด้วยความทึ่งกับความสนใจของ เรกกะ
“ เปล่าหรอก นั้นน่ะไม่ใช่สายตาของคนชอบสอดหรอก ชั้นว่าเขาคงจะเป็นห่วงน่ะ ”
มาธิอัส กล่าว ขณะที่คอยจับตามอง เรกกะ ผ่านทางจอมอนิเตอร์ของ ยาน
“ เป็นห่วงเหรอ ”
R2 กล่าวอย่าง งงๆ กับคำพูดของ มาธิอัส
“ เธอคงไม่เข้าใจสินะ เรกกะ น่ะไม่เหลือใครในครอบครัวเลย ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด
พอมีคนที่สำคัญคนที่อยากปกป้องขึ้นมาก็เลย อดเป็นห่วงไม่ได้ถึงต้องตามมาดูยังไงล่ะ ก็นี่ล่ะน้า…มนุษย์ล่ะ ”
มาธิอัส กล่าว เสียงเรียบ
“ หือ… ”
R2 เปรยด้วยความผิดสังเกตในคำพูดของ มาธิอัส
“ อ…อ๋อ อย่าใส่ใจเลย ชั้นก็พูดไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหล่ะ ”
มาธิอัส กล่าวตัดบทไปซึ่งแม้จะยังติดใจ แต่เธอก็ตัดใจไม่เซ้าซี้ต่อ
“ อ้ะ..ไอ มาแล้วล่ะ สองคนนั่นกำลังจะเดินไปแล้ว ชั้นตามไปเลยละกันนะ..เอ๋ ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นทว่าน้ำเสียงของเขาก็ทำให้ ทั้งสองแปลกใจ
“ มีอะไรเหรอ ”
เสียงของ มาธิอัส ที่ถามถึงเสียงผวา เมื่อครู่ของ เรกกะ ดังขึ้นจากหน้าปัดบนสายคาดข้อมือที่คาดอยู่ที่ข้อมือซ้าย
“ สองคนนั่น กำลังพวกถูกพวกจิ๊กโก๋ ไถอยู่ ”
เรกกะ กล่าวซึ่งขณะนี้ เฟนท์ กับ ไอ กำลังถูกพวกนักเลง ล้อมเอาไว้ซึ่งไอก็ได้แต่ตัวสั่นหลบอยู่หลัง เฟนท์
ทว่าทาง เฟนท์ เองก็หวั่นไม่แพ้กัน
“ ท…ทามงายดี ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างล่ะก็ เจ้าเฟนท์ ยิ่งขี้แย อยู่ด้วยืนปล่อยไว้ เดทล่มแน่ ”
เรกกะ กล่าวอย่างร้อนรน ขณะที่พยายามคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์
“ ย..เย็นไว้ก่อนสิ เรกกะ นี่มันใช่เรื่องของนายซะที่ไหนแล้วอีกอย่าง คนที่จะทำเดทของสองคนนั่น ล่มน่ะน่าจะเป็นนายซะเองมากกว่า ”
เสียงของ มาธิอัส ดังขึ้นเพื่อจะเตือน สติ เรกกะ ที่ดูจะไปกันใหญ่
“ จ…จริงสิ ป…แปลงร่างไง ”
เรกกะ เปรยขึ้นพร้อมกับ คว้าเอาเข็มขัดที่ติดตลับไพ่เอาไว้ขึ้นมา
“ เฮ้ย..ไม่ได้นะ เรกกะ จะให้ความแตกรึไง ”
มาธอัส รีบปรามไว้ก่อนทันที ทว่าอยู่ๆ เสียงของ เรกกะ ก็เงียบหายไป
“ เรกกะ…เรกกะเป็นอะไรไปน่ะ เรกกะ ”
เสียงของ มาธิอัส ดังขึ้นหลายครั้งจาก หน้าปัดสายคาด
“ หนวกหูน่าแค่จัดการพวกลูกนกนั่นก็พอแล้วใช่ไหม ”
เสียงทาง เรกกะ ดังตอบกลับมา ทว่าไม่ใช่เสียง ของเรกกะ แต่เป็นเสียงที่ดูเหี้ยมเกรียม
ประดุจนับรบเถื่อน
“ ร…เรกกะ ..นี่หรือว่า …โดนร่างจิตของ ทาลิฯ สิงอีกแล้วน่ะ ”
R2 เปรยตะกุกตะกัก กับกิริยา อาการของฝ่ายนั้น
“ แบบนี้ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม แต่ไม่ใช่ ทาลูคัส แน่นอน ”
มาธิอัส เสียงเรียบอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ น…นี่จะดีเหรอปล่อยไว้แบบนี้น่ะ ”
R2 กล่าวเพื่อเร่งให้ มาธิอัส ทำอะไรเข้าซักอย่าง
“ ดีไม่ดี ไม่รู้ล่ะ แต่ที่แน่ๆหมอนั่นน่ะ เข้าไปแล้ว ”
มาธิอัส กล่าวขณะที่ชี้ไปที่ มอนิเตอร์ ซึ่ง เรกกะ ย่างสามขุม ตรงเข้าไปหากลุ่มเป้าหมาย
“ ว่าไง น้องหนูหน้าตาใช้ได้เลยนี่ เลิกสนไอ้หยองกรอดนี่แล้วมาสนุกกับพี่ดีกว่านะจ้ะคนสวย ”
นักเลงลูกพี่ ในกลุ่มกล่าวพร้อมกับกระชาก แขนของ ไอ ทว่า เธอก็ยื้อไว้แต่ก็สู้แรงไม่ไหวจึงถูกกระชกออกจากตัว เฟนท์ ส่วน เฟนท์ เมื่อจะเข้าไปช่วย ก็ถูกพวกลูกน้องมารุมเอาไว้
“ เฮ้ย ไอ้น้อง ลูกพี่เรากำลังสนุก อย่ามาแส่น่า ”
“ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็รีบกลับไปซะไป๊ ”
พวกนักเลง กล่าวข่ม เฟนท์ ซึ่งได้แต่ยืนหงอให้ พวกมันเหยียดหยาม
“ ยังจะมายืนสั่นอยู่อีก…ฮึ้ยเห็นแกแล้วอยากอัดซักเปรี้ยงว่ะ ”
นักเลงลูกน้องคนหนึ่งในกลุ่มเกิดหมันไส้ ก่อนจะยกกำปั้นขึ้น ทว่ายังไม่ทัน
จะต่อย ก็โดน เรกกะ เอาเท้ายันหน้าจนล้มผับไป
“ มารังแกคนอ่อนแอ่ แบบนี้พวกแกมันก็แค่ขี้ๆแหล่ะน่า ”
เรกกะ สบถ ใส่ขณะที่ ออกแรงกดเท้าเหยียบ ข้อมือของ นักเลงดวงชวยที่ถูก ถีบไปเมื่อครู่
จนหัก
“ เฮ้ย แกเป็นใครวะ มาทำพวกข้าได้ เดี้ยสวย ”
“ แน่นักรึไงห๊า ”
“ เดี๋ยวจะเอาให้ศพไม่สวยเลย ”
พวก นักเลง กล่าวข่มพร้อมกับรุมเข้ามาหา เรกกะ
“ เออ..กระจอกอย่างพวกแกน่ะ จะมาซักกี่คนก็ไม่พอหรอกเฟ้ย ”
เรกกะ กล่าวขณะที่ ไอ กับ เฟนท์ ได้แต่ยืนตะลึงกับสถานการณ์ในตอนนี้
ซึ่งไม่นานนัก พวกนักเลงก็ลงไปนอนกองกันเป็นแถบ
เหลือแต่เพียงตัวหัวหน้าเท่านั้น
“ เห้ย..แล้วแกล่ะ…ว่าไงจะเอากะเค้าด้วยใช่ป่ะ ”
เรกกะ สบถใส่ ซึ่งเจ้านักเลงตัวหัวโจก ก็ถึงกับผวาไปในทันที
“ ย..อย่าทำผมเลยก๊าบ คุณพี่ ”
เจ้านักเลงหัวโจก ถึงกับนอบน้อมขึ้นมาทันตา
“ เอ๊าเอ้า..มาเรียกคุณพี่..คุณพี่เหรออยากโดนนักใช่ไม๊ ”
เรกกะ สบถเบียนเสียง ใส่ข่มซะจน เจ้านักเลงหัวโจก หงอไปเลยทีเดียว
“ เอ๊า ยังมาสะเหร่ออยู่อีก ปล่อย ยัยนั่นมาแล้วรีบไสหัวไปซะ ”
เรกกะ ขู่ใส่ ก่อนที่เจ้า นักเลงหัวโจกจะรีบปล่อยมือ พร้อมกับลากตัว ลูกน้องแล้วหนีหายไปทันที
“ เฮอะไอ้พวกเก่งแต่ปากนึกว่าจะแน่ ”
เรกกะ สบถก่อนจะเดินจากทั้งสองไปทิ้งไว้แต่เพียงความประหลาดใจ
“ ตะกี้…เรกกะ ไม่ใช่หรอ ”
เฟนท์ เปรยด้วยความตะลึง
“ ค..แค่คล้ายๆ…ล่ะมั้ง เรกกะ ตัวจริงเค้าคงไม่โหดขนาดนี้หรอก…มั้งนะ ”
ไอ เปรยด้วยความตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปเช่นกัน
“ น…นี่เดี๋ยวสิ..นี่นายเป็นใครกันน่ะ ทาลูคัส เหรอ ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นภายในจิตใจ ขณะที่ตัวเค้า เดิน ห่างออกมาจาก
พวก เฟนท์ ที่ยังคงตะลึงกันอยู่
“ อย่าเอาชั้นไปเหมารวมกับเจ้านกเผือกนั่นนะ ”
เสียงของจิตใจที่คุมร่างนี้อยู่ดังขึ้น
“ ตะกี้ เจ้าว่าใครเป็นนกเผือก..หือ ”
เสียงของ ทาลูคัส ดังขึ้นมาบ้าง
“ นั่น ทาลูคัส เหรอ…ล…แล้วนี่ใครล่ะ ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นอย่างร้อนรน กับผู้มาเยือนรายใหม่
“ โอย ถามอยู่นั่นแหล่ะ เข้าใจแล้วๆ เอาร่างคืนไปเลย คนเค้าอุตส่าห์ ช่วยหึ ”
สิ้นเสียง จิตนั้นก็หายไป พร้อมกับที่ เรกกะ ได้สิทธิ์ ในการคุมร่างกลับมาเป็นของตัวเอง
“ ว่าแต่ สองคนนั่นไปไหนกันแล้วนะ ”
เรกกะ กล่าวพร้อมกับหันกลับไป สองนนั่น ก็ไม่อยู่แล้ว
“ หวา..เผลอแปปเดียว ไปไหนซะแล้วเนี่ย …โธ่”
เรกกะ บ่นด้วยความไม่พอใจ ตอนนี้พวกเขาคลาดกันซะแล้ว
…………..
……………….
ท่าอากาศยานหลัก แห่งโลกอส
ขบวนเสด็จ ของ ลูเทเซีย กับ มาเรียลูส ได้มาถึงโดยพร้อมกันแล้ว
และกำลังจะเริ่มพิธี อำลา โดยส่ง กษัตริย์ ลูเทเซีย กับราชองครักษ์ สึซาคุ ขึ้นเรือบิน
ขณะที่ กำลังอำลากันนั้น เจ้าหญิงมาเรียลูส ก็ตรัสบางอย่างกับ ลูเทเซีย
“ ท่านพี่คะแล้วเมื่อวานหลังจาก คลาย Genesis ให้ สึซาคุ แล้ว เป็นยังไงบ้างคะ ”
มาเรียลูส ถามถึงอาการของ ราชองครักษ์ สึซาคุ ที่เธอคลายมนต์สะกดของ Genesis ให้ไปแล้ว
“ ขอบคุณทรงเป็นห่วงกระหม่อม แต่กระหม่อมไม่เป็นไรแล้ว ต้องขอบคุณพระองค์ที่ช่วกระหม่อมเอาไว้พะย่ะค่ะ ”
สึซาคุ กล่าวอย่างนอบน้อม ซึ่งเมื่อรู้ว่าเขาสบายดี เธอก็โล่งใจ
“ เฟรเซีย ขอมาสินะว่าไปแล้วตั้งแต่มาเจอกันนี่ เธอยังไม่ได้คุยกับสึซาคุ เลยนี่ไม่เจอกันนานเลยไม่ใช่เหรอ ”
ลูเทเซีย กล่าวทำเอาองครักษ์ ทั้งสองจ้องหน้ากันไม่ติด
“ อ้าวนี่ ชั้นพูดอะไรผิดไปหรือไงเนี่ย ”
ลูเทเซีย กล่าวหยอกๆซึ่งก็ทำเอา มาเรียลูส หน่ายอยู่ไม่น้อย
“ แย่แล้ว พวกผู้ก่อการร้าย มัน…อ็าคค ”
เสียงตะโกนของ ยามรักษาการณ์ คนหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ร่างจะถูก คลื่นรังสีที่ร้อนจัดราวกับเปลวเพลิง
เผาผลาญจน น้ำระเหยแห้งออกจากร่าง กลายเป็น ศพแห้งๆไปในทันที
ก่อนที่ ฝูง เทอเรี่ยนปีกคำสาปที่เคยบุก ตลาดท่าเรือ บาร์ซิงเซย์ คราวก่อน จะแห่กันเข้ามาโจมตี
โดยมี มังกรร่างยักษ์ ซึ่งกายห่อหุ้มด้วย เพลิงรังสี ที่ใช้สังหาร ยามคนเมื่อครู่ไป
บรรดา องครักษ์ และทหารรักษาการ ต่างรีบเข้ามา อารักขา สองผู้นำในทันที
Gazor รูนโกเลม ของบริทเทเนอร์ ถูกนำ ออกมาจากเรือบิน พระที่นั่ง ของ กษัตริย์ลูเทเซีย
เพื่อต่อกร กับมังกรรังสี(Radioactive Dragon) ไม่เว้นแม้แต่ ทหารจักรกล ของ โลกอส
TR-S400k ซึ่งเป็นอาวุธจักรกลขนาดเท่ามนุษย์ของ โลกอส ก็ถูกนำเข้ามาต่อกรกับ ฝูงเทอเรี่ยน
ทว่า แม้จะพอต่อกรกับ เหล่า เทอเรี่ยนได้ แต่ก็ไม่อาจทานอำนาจของ มังกรรังสีได้เลย
“ คุรูรูกิ สึซาคุ Lancelot เข้าทำลายเป้าหมาย ”
สิ้นเสียง Dark Steel Guardian ของ สึซาคุ Lancelot ก็ได้เข้าปะทะ กับ มังกรรังสี ทว่ารังสีของมันทำให้ ไม่อาจเข้าใกล้ได้เพราะอาจเป็นอันตรายกับตัวนักบิน
“ ม..ไม่ไหวหรอก สึซาคุ Lancelot ที่เน้นสู้ประชิดน่ะ ถ้าขืนเข้าใกล้ล่ะก็นายได้ละลายแน่ ”
ลูเทเซีย พยายามปราม เอาไว้ ทว่า สึซาคุ เองก็จะถอยไม่ได้ เพราะ มังกรรังสีเองก็ใกล้เข้ามาหา ลูเทเซีย กับ มาเรียลูส
เสียแล้ว
“ โคโรโรว่า เฟรเซีย (Cororowa Fleasia) Gilgamaze เข้าประจัญบาน ”
เสียง หนึ่งดังขึ้นพร้อมกับที่ ลำแสงถูกยิงใส่ร่างของ เจ้ามังกรร้าย จนมันต้องถอย
ห่าง เฟรเซีย ซึ่งบังคับ Gazor Cybertica Wings ซึ่งเป็นเครื่องประจำตัวของเธอ
ได้เข้ามาช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
“ นี่ สึซาคุ นึกถึงเมื่อก่อนเลยนะ ”
การติดต่อจาก เฟรเซีย ดังขึ้นภายใน Cocpit ของ Lancelot
“ ที่สู้ร่วมกันน่ะเหรอ …หึก็น่าสนุกนี่งั้นมาแข่งกัน ว่าใครจะล่มเจ้ายักษ์นั่นได้ก่อน ”
สึซาคุ ตอบกลับไปที่ เฟรเซีย ก่อนที่ทั้งคู่ จะช่วยกันถล่ม มังกรรังสี
โดย Gilgamaze คอยยิงลำแสง ออกจากปีก สกัดคลื่นรังสี ที่มันสาดมา
และยิงทะลวงให้เกราะคลื่นรังสีที่อาบร่างของมัน กระจายตัวออก เพื่อที่ Lancelot 1จะได้เข้าประชิดได้
ทันทีที่ สึซาคุ บังคับ Lancelot เข้าไปใกล้ได้สำเร็จ ดาบคู่ก็ตวัด เชือดเจ้ามังกรร้ายจนสิ้นลาย ในทีเดียว ก่อนที่มันจะระเบิดตัวเองไปเพราะ ความสมดุลของรังสีในตัวปั่นป่วน
“ สมแล้วที่เป็น Gilgamaze กับ Lancelot อันเลื่องชื่อลือชา ”
เสียงหนึ่งซึ่งเย็บเฉียบไปถึงขั้วหัวใจ ได้ดังลอยมาตามลม ที่พัดโหม อย่างรุนแรงก่อนที่จะสงบลง โดยพร้อมกัน
เหล่า เทอเรี่ยน ทั้งหลายต่างก้มลงหมอบคำนับ ราวกับสิ่งที่กำลังจะมานั้นคือเจ้าชีวิตของมัน
ในวินาทีนี้ ลูเทเซีย มาเรียลูส และคนอื่นๆต่างรับรู้ได้ทันทีที่ถึงอันตรายที่กำลังจะคืบคลานเข้ามา
ควันสีดำ ได้ล่องลอยเข้ามายังลาน ที่พวกเขาอยู่ ก่อนจะกระจายตัวออก พร้อมกับการปรากฏตัวของ
จอมเวทย์ดำ เชอร์โนบิอาส
“ กวาดล้างให้หมดแล้วเอาตัวสองคนนั่นมา ”
เชอร์โนบิอาส สั่งจบฝูงเทอเรี่ยนทั้งหมดก็ อาละวาดขึนพร้อมกันและดุดันยิ่งกว่าเดิม ควันพิษถูกพ่นออกมา
จากปากของพวกมัน จนคละคลุ้งไปทั่ว ยังผลให้ ทุกคนสลบไปในทันที ทว่า เชอร์โนบิอาสกลับยืนอยู่ท่ามกลาง
ควันพิษนี้ได้โดยไม่สะทกสะท้าน ด้าน ลูเทเซีย กับ มาเรียลูส นั้น สึซาคุ ให้ Lancelot โอบทั้งสองคนขึ้นมาบนมือ
แล้วยกขึ้นเหนือกลุ่ม หมอกพิษ เพื่อมิให้ หมอกทำอันตรายทั้งสองได้
“ สึซาคุ ฝาก ท่านมาเรียลูส ด้วยนะ ”
เฟรเซีย ติดต่อไปที่ Cocpit ของ Lancelot ก่อนจะขับ Gilgamaze บุกเข้าประชิด เชอร์โนบิอาส
ทว่า ก็ถูกฝูง เทอเรี่ยนกระโจน กระแทกพร้อมกันหลายๆตัว จนทำให้เครื่องเสียหลัก ล้มลง
ขณะที่ เชอร์โนบิอาส ค่อยสาวเท้าเดินเข้าไปหา Lancelot แม้ สึซาคุ จะพยายามสู้ด้วย ดาบเพียงมือเดียว
แต่เพราะต้องคอย คุ้มกัน ทั้งสองคนที่อยู่อีกมือไว้ด้วย จึงทำให้ไม่สามารถ รุกเข้าไปจัดการกับ เชอร์โนบิอาส
ได้ เพราะต้องคอยสกัดการจู่โจมจาก พวกเทอเรี่ยนไปพลางด้วย
“ แด่เสียงครวญแห่งรัตติกาล จงนำทางทุกสรรพสิ่งดำดิ่งสู่ก้นบึ้งกลืนกิน เหลือเพียงเวลาหวนกลับคืนสู่ภิพบ
Darkness Swallow ”
เชอร์โนบิอาส ร่ายคาถาจบก็กระแทกปลายไม้เท้าลง จนเกิดความมืดแผ่ขยายวงไปบนพื้น ก่อนที่ Lancelot จะค่อยๆจมลงไปในนั้นอย่างช้าๆ โดยไม่สามารถขยับหนีออกจาก หลุมดำนั้นได้
“ ข..ขยับไม่ได้เลย ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ล่ะก็ หนอย… ”
สึซาคุ สบถกับตัวเองขณะที่ พยายามโยกคันบังคับเพื่อให้ Lancelot ขยับ ทว่าก็ไร้ผล
ได้แต่ขบกรามด้วยความเจ็บแค้นที่เสียทีให้แก่ศัตรู จึงตัดสินใจ ให้ Lancelot ยกแขนขึ้นให้สุด
เพื่อที่จะได้
ลงไปยังกลุ่มหมอกช้าลง ส่วนมืออีกข้างนั้นถูกความมืดดูดกลืน ไปแล้วจึงไม่อาจขยับขึ้นมาได้
ครั้นจะเปิด cocpit ออก ประตูเครื่องก็ไม่ทำงานด้วยเช่นกัน
“ หึๆ ดิ้นรนเข้าไป ยังไงซะทิ้งเอาไว้อีกเดี๋ยวพวกแกก็ต้อง จมควันพิษตายหรือไม่ก็ จมหายลงไปในความมืดนี่แหล่ะ แต่จะอย่างนั้นก็ถือว่างานสำเร็จได้ด้วยดีทั้งนั้น ล่ะนะ ”
เชอร์โนบิอาส กล่าวซึ่งคำพูดนั้นได้ยินไปถึง มาเรียลูส เข้า
“ นี่เมื่อกี้บอกว่าเป็นงานใช่ไหม…บอกมานะใครจ้างแกมาทั้งวันคราวนี้แล้วก็คราวที่บาร์ซิงเซย์ ”
มาเรียลูส กล่าวถาม ทว่า เชอร์โนบิอาส กลับทำเป็นไม่สน แต่เมื่อคยั้นคยอ นานเข้าเขาจึงตะคอกตอบด้วยความไม่พอใจ โดยซ่อนสีหน้าอันโกรธเคืองไว้ภายใต้หน้ากากเหล็ก สีดำทมิฬ นั่น
“ หยุดกระเซ้ากระซี้ ซะที.. ให้ตายสิผู้ว่าจ้างเป็นใคร ข้าก็ไม่รู้หรอก
เพราะข้าแค่รับงานมาตามที่จ้างแล้วก็ทำให้สำเร็จสำหรับข้าเท่านั้นก็พอแล้ว ”
เชอร์โนบิอาส ตอบกลับไปอย่างหัวเสีย ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างขัดใจอยู่
“ เชอะ ตั้งแต่เริ่มทำการมา นี่ก็ผ่านมานานแล้วนะ เจ้านั่นมันอยู่ที่ไหนกัน…ไอ้เจ้าคนที่ขัดขวางแผนของเราคราวที่แล้วมันจะต้องมาแน่….เอาเถอะถึงยังไงซะ กว่ากองรักษาการณ์จะมาถึง งานของเราก็เสร็จแล้ว ที่เหลือก็แค่พวก Empyrean Adjust แต่เอาเถอะพวกมันไม่กล้ามาแน่ เพราะถ้ามาล่ะก็…. ”
เชอร์โนบิอาส คิดขณะที่เฝ้ารอคอยให้เป้าหมายของเขาปรากฏตัวขึ้น
…………………
………………………
“ เฟนท์ ถ้ายังไงการแทรกแซงคราวนี้อย่าให้ เอิกเกริกมากนะ เพราะคราวนี้เป็นแบบเดียวกับการก่อการร้าย
ที่บาร์ซิงเซย์ แค่ถ่วงเวลาไว้จนกว่า หน่วยความปลอดภัย จะไปถึงก็พอ ถ้าหากเข้าไปแทรกแซงตรงๆอาจทำให้
เกิดความเข้าใจผิดระหว่างเรากับโลกอสได้ ”
การติดต่อโดยตรงแบบข้อความจากยาน Albus ได้ปรากฏขึ้นบนจอ เครื่องสื่อสารของ เฟนท์ ขณธที่พวกเขาออกมาจากดูภาพยนต์เสร็จ โดยที่ ไอ ไปซื้อเครื่องดื่ม และให้เค้ารออยู่ที่ม้านั่ง ในสวนสาธารณะ
“ แล้วพี่กับคนอื่นๆจะมาด้วยไหมครับ.. ”
เฟนท์ เขียนข้อความถามกลับไป ก่อนทีข้อความตอบกลับจะส่งมาทันที
“ ไม่หรอก เฟนท์ งานนี้เธอต้องลุยคนเดียว เพราะเราจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่า เราได้ทำการแทรกแซงแล้ว
และที่ให้เธอไป เพราะเธออยู่ใกล้ที่สุด พิกัดฉันส่งไปให้แล้วนะ ”
ทันทีที่ เฟนท์ อ่านข้อความเสร็จ ก็รีบตอบกลับต่อในทันที
“ แต่ว่าตอนนี้กองรักษาการณ์ คงไปไม่ทันเวลาแน่ครับ เพราะเมื่อครู่นี้ ถนนเส้นที่จะไปสนามบิน
เกิดระเบิดขึ้น คาดว่าจะเป็นฝีมือพวกมันด้วย ตอนนี้คณะของกองรักษาการณ์เลยติดอยู่ที่นี่ หมดเลย
ถ้ายังไงจะให้จัดการไปเลยไหมครับ ”
ทันทีที่ส่งข้อความกลับไป เฟนท์ ก็รีบลุกจากม้านั่ง แล้วออกเดินไปยังตู้โทรศัพท์ ใกล้ทันที
“ ถ้างั้น ในส่วนของภารกิจให้เธอตัดสินใจตามสถานการณ์ หากเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว ให้ถอนตัวทันที ”
ข้อความตอบกลับมาจบ เฟนท์ ก็พับหน้าจอ เครื่องปิดลง ก่อนจะเปิดประตูตู้เข้าไป
และโดยส่วนใหญ่ผู้คนแห่กันไปมุงดูเหตุการณ์ที่ถนน กันหมดทำให้บริเวณนี้ปลอดคนลงไปมาก
“ เอาล่ะ… ”
เฟนท์ รำพึงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด และค่อยผ่อนออก เพื่อทำใจให้เย็นลง
ก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบเอา เหรียญเงินออกมา
พร้อมกับดึงหัวเสียบของเครื่องมือสื่อสาร ออกมาต่อเข้ากับช่องเสียบที่โทรศัพท์ตู้ พร้อมกับยกหูโทรศัพท์ขึ้น
และหยอดเหรียญลงไป สว่นมือข้างที่ถือ เครื่องมือสื่อสารก็กดนิ้วลงไปยังปุ่มที่ด้างข้างตัวเครื่อง
“ online เข้าไปยัง Channal ของ Albus รหัส หมายเลข 001 ”
สิ้นคำเฟนท์ ก็กดปุ่มหมายเลขบนโทรศัพท์ตู้ ลงไป โดยกดเลข 001
จากนั้นจึงรอเสียงสัญญาณ
“ Get Code ”
เสียงดังขึ้นจ ากเครื่องสื่อสาร เฟนท์ จึงวางหู ก่อนจะถอดสายเสียบออกจากตู้
“ Code Slash ทำการแปลงร่าง ”
สิ้นคำของ เฟนท์ เขาจึงกดนิ้วลงไปยังปุ่มข้างเครื่องอันเดิมอีกครั้ง เส้นสายข้อมูลซึ่งเป็น
แถบสั้นยาวสลับเรียงกันไปจะไหลออกมาคล้าย เส้นบาร์โคด ที่ยาวออกมาวนไปรอบแขน จากแขน
ไปไหล จากนั้นก็วนลามไปทั้งร่าง และทันที ที่กดปุ่มอีกครั้ง เส้นบาร์โคดก็รวมตัวเขากับร่าง
ก่อนจะกลายเป็นชุดเกราะ Valkyrier ของเขา จากนั้นจึง ออกจาก ตู้โทรศัพท์ ทันที
“ เริ่มการปล่อย อนุภาค ”
เฟนท์ กล่าวจบ พลอยที่ประดับไว้ที่สนับมือทั้งสองข้าง ก็ปล่อยละอองประจุอิออน สีเขียวออกมา ห่อหุ้มร่างของเขาไว้
ก่อนจะบินตรงหายไปในท้องฟ้า
“ โทษทีนะ แฮ่ก..แฮ่ก พอดีที่ถนนเกิดเรื่องก็เลย..มีคนไปมุงกันเยอะ…กว่าจะฝ่ามาได้ก็….เอ่อ..เฟนท์ ”
ไอ ที่กลับมาถึงพร้อมแก้วเครื่องดื่มสองแก้ว กล่าวไปหอบไป ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทว่าเธอก็ต้องชะงักไปเมื่อเฟนท์
ไม่อยู่เสียแล้ว
……………………..
…………………………
“ นี่ มาธิอัส อยู่บนนั้นน่ะ ช่วยดูให้ทีสิว่ามีอะไรกันรึเปล่า เมื่อกี้ เกิดระเบิดขึ้นกลางถนน รถชนกันเละเทะเลย
แถม หน่วยรักษาการณ์ยังมาก่อนระเบิดจะทำงานอีก ”
เรกกะ ติดต่อกลับไปที่ ยานขณะที่ตอนนี้ตัวเขาอยู่ไม่หางจากที่เกิดเหตุนัก
สภาพถนน ครุกไปด้วยเฟลวเพลิง และซาก ยานยนต์ ล้มคว่ำกระจาย ระเนระนาด เสียงไซเรน
ดังขึ้นไม่ขาด ขณะที่ หน่วยพยาบาลขนผู้ได้รับบาดเจ็บหามขึ้นเปล เสียงตะโกนและเสียงพูดคุยดังเอะอะ
อยู่ตลอดทั้งช่วงถนน
“ เรกกะ เมื่อครู่ที่สนามบิน มีการก่อการร้าย เกิดขึ้นชั้นจะให้ฟังวิทยุนะ ”
สิ้นเสียงจาก มาธิอัส เสียงรายงานข่าวเหตุการณ์ณ์ ก็ดังขึ้นแทน
“ ขณะนี้ ที่ท่าอากาศยานหลักแห่ง โลกอส ได้เกิดการจลาจล ในขณะพิธีอำลาการ ประชุมเชื่อมสัมพันธไมตรี
กับ บริทเทเนอร์ เมื่อเวลา บ่ายของวันนี้ ระหว่างที่ ทางการกำลังส่งหน่วยปราบปราม ไปเส้นทางคมนาคมก็เกิด
ปัญหา เกิดระเบิดขึ้นที่ ถนนทางหลักเส้นที่ 35 ทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น เดี๋ยวเราจะตัดไปที่คุณ
เนน่า นะครับ ”
“ ค่ะตอนนี้ดิฉัน ผู้สื่อข่าว เนน่า ทรินิตี้ (Neana Trinity) รายงานสดจากที่เกิดเหตุค่ะ จนถึงตอนนี้
แม้จะมีการเรียกหน่วยงานการจราจรมาช่วยเคลีย เส้นทางแล้ว ก็ยังไม่สามารถ ดำเนินการได้ในทันที
เพราะมีผู้เคราะห์ร้าย ได้รับบาดเจ็บ เพิ่มขึ้นเรื่อยแล้วค่ะ …. ”
ตูมมมมมมมม!
“ ว้ายยยย…ก…เกิดระเบิดขึ้นอีกแล้วค่ะ คราวนี้ที่ตึกฝั่งซ้ายของ ถนน เกิดระเบิดขึ้นอีกแล้วค่ะ
ซากตึกถล่มลงมาปิดถนน ค่ะตอนนี้มีรานงายจำนวนผู้เคราะห์ร้าย เพิ่มขึ้นมาอีกแล้วค่ะ มีรายงานว่า ทางกองทัพยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เพราะเกิดเหตุระเบิด ขึ้นใกล้ๆกับหน่วยกองพันรักษาการณ์หลัก ตั้งแต่เมื่อคืนวาน ทาง กองการอื่นๆจึงไปรวมกันที่นั่นหมดแล้วค่ะ… ”
เสียง วิทยุดังไปเรื่อยจนกระทั่ง หลังจากเกิด เสียงระเบิดขึ้น มาธิอัส จึงรีบตัดกลับไปเพื่อจะถาม
ความเป็นอยู่ของ เรกกะ ตอนนี้