Summoner Master Forum
November 26, 2024, 01:46:46 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 [2] 3 4 ... 6  All
  Print  
Author Topic: (จบบริบูรณ์) Legend Thaliwilya of Alimathea:Final Saga ,อัพสารบัญเรียบร้อย  (Read 91619 times)
0 Members and 51 Guests are viewing this topic.
boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #30 on: March 02, 2009, 09:54:58 PM »

Quote
คนเชี่ยวชาญการ์ตูนซะอย่าง     แล้วที่ร.ร.เป็น CG club ด้วย
ข้อความโดย: greamon    

โอ้ งั้นลองคำถามแฟนพันธุ์แท้ ชื่อจริง C.C. ที่เป็นคนให้ Geeas กับ บักลู่ คืออะไรเอ่ย


(เหอๆๆคำถามโลกแตกนะนี้ เพราะน้ำยาล้างจานมันยังไม่ตอบเลย)

บอกว่าเชี่ยวชาญการ์ตูน ไม่ได้บอกว่าเชี่ยวชาญเฉพาะด้านซะหน่อย    เกิดนอกเรื่องมากกว่านี้โดนปิดบอร์ดแน่ 

sunbas@hotmail.com <---- มีอะไรปรึกษาเค้าได้
 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #31 on: March 02, 2009, 10:12:02 PM »

Quote
คนเชี่ยวชาญการ์ตูนซะอย่าง     แล้วที่ร.ร.เป็น CG club ด้วย
ข้อความโดย: greamon   

โอ้ งั้นลองคำถามแฟนพันธุ์แท้ ชื่อจริง C.C. ที่เป็นคนให้ Geeas กับ บักลู่ คืออะไรเอ่ย


(เหอๆๆคำถามโลกแตกนะนี้ เพราะน้ำยาล้างจานมันยังไม่ตอบเลย)

บอกว่าเชี่ยวชาญการ์ตูน ไม่ได้บอกว่าเชี่ยวชาญเฉพาะด้านซะหน่อย    เกิดนอกเรื่องมากกว่านี้โดนปิดบอร์ดแน่

โฮ่ๆๆ อันที่จริงมันก็มะมีใครตอบได้อยู่แล้วล่ะครับ เพราะ น้ำยาล้างจานมันลืมบอกชื่อหรือแกล้งปิดอ่ะเพราะดูดเสียงบักลู่ตอน เรียกชื่อจริง C.C. ว่าแต่เดี๋ยวแค่นี้ก่อนดีกว่าเดี๋ยวกลายพันธุ์เป็นกระทู้ Code geeas
ว่าแต่มิต้องห่วงดอก บริทเทเนอร์อยู่ได้อีกแค่ตอนหน้า เท่านั้นเพราะแทรกแซงครั้งสุดท้าย
แล้วเปลี่ยนเป้าหมายละ

ส่วน ที่เอาชื่อ นโปเลียนมา สาเหตุเพราะคิดชื่อมะออกครับ แล้วก็ สึซาคุคุงด้วย พอดีตอนเขียน ดู CG. อยู่พอดีได้ไอเดียมาจากมันเลยปนโลด เหอๆแต่มะต้องห่วงเรายังคงสไตล์มาร์คไรเดอร์ไว้อยู่ดี เหอๆๆไม่ใช่ละ
Logged


ginn
Member
*****
Offline Offline

Posts: 9


« Reply #32 on: March 02, 2009, 11:48:59 PM »

thaliquas , the yaranaika dragon  ประมาน2วันจะเอามาลง

555+
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #33 on: March 03, 2009, 02:55:02 AM »

พอเลยพอ ทั้งเกรม่อนคุง ืั้งเทนโทม่อนเลย นี่แค่วันเดียวกะจะล่อเามันซะ 30 เรปเลยรึไง
ถึงปั้มกันถี่จนมาหน้าสองเนี่ย เดี๋ยวคนอื่นเขามาเห็นก็ คิดว่านิยายเรายาวเป็นพรืดจนไม่น่าอ่านกันพอดี
(เออแล้วมันมีตั้งกว่า 105 ตอนนี่เนอะ)

แล้วก็นะเกรม่อนคุง ไปพูดป่าวๆว่าน้ำยาล้างจาน
 ใครเค้าจะรู้ว่าหมายถึงซํนไรส์ บริษัทที่เขาทำอนิเม พวกกันดั้มกะ CG.
ล่ะ เดี๋ยวเขาก็คิดว่าแกเกรียยนไปด่าชาวบ้านไม่มีน้ำยาจะตอบร้อก

แล้วก็ ไอ้ ยาราไนก๊ง ไนก๊ะ เนี่ยไม่ต้องเลยเว้ย ฉานเกลียดสาย นั้นที่สุดดดด
ไปไกลๆตีนเลย เรื่องนี้มัน ต้องโชตะ Yaoi เฟ้ย
อ่อลืม Kemo ด้วย(เดี๋ยวจะหาว่าไม่ใช่ตำนานทาลิแท้ เพราะไม่มี เคโมะ พวกครึ่งสมิง)


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #34 on: March 08, 2009, 06:21:18 PM »

Saga 06 แทรกแซง Britanir 2

หลังจากมหาสงครามแห่งเทอร่า สงครามได้ทิ้งความเสียหายไว้แก่ผืนแผ่นดิน และชีวิต มากมายนับไม่ถ้วนที่ต้องสังเวยให้กับมัน แม้เวลาได้ล่วงเลยไป กว่าสองชั่วอายุคน แต่มนุษย์กลับไม่ได้เรียนรู้ จากครั้งนั้นเลย

จนในที่สุด Empyrean Adjust องค์กรติดอาวุธเอกชน ซึ่งมีเป้าหมายในการขจัดสงครามด้วยกำลังอาวุธ ได้เริ่มก่อการ
ไม่นาน ทั่วทั้งเทอร่าก็ได้ประจักษ์ถึง การมีตัวตนของ Empyrean Adjust ทว่าไม่นาน อัศวินมังกรทาลิวิลย่า ก็ได้ปรากฏ

ตัวขึ้นท่ามกลางยุคสมัยแห่งความวุ่นวายนี้ ราวกับเป็นเจตจำนงของสวรรค์ ที่ต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับมนุษย์
ทว่า ตอนนี้ เทอร่า ก็ยังไม่อาจหาข้อสรุปที่จะอยู่ร่วมกันได้ ละครชีวิตบทนี้ คงจะต้องเดินไปตามเส้นที่ อานิม่า ชนเผ่าซึ่งถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นผู้ปกครองทุกสิ่ง ขีดเอาไว้….

………………….

ยาน Albus ทีม Celestial Saber

“ แต่แบบนี้มันดีแล้วเหรอ ที่เราจะหนุนพวก กบฏ น่ะ ”
อีลูมีเซ่ กล่าวถามย้ำความแน่ใจจาก เอลิซ่า

“ ก็จะให้ทำไงได้ล่ะ ลำพังกำลังที่เรามีอยู่ก็ไม่พอจะไปรบกับทั้งกองทัพของ บริทเทเนอร์ ไหวหรอก ”
เอลิซ่า กล่าวน้ำเสียงแผ่วด้วยความไม่พอใจ ที่จะต้องคอยหนุนหลังพวกกลุ่มกบฏ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น กำลังของพวก เธอน้อยเกินกว่าจะบุกเข้ายึด ราชอาณาจักรอันเกรียงไกรเช่นนี้ได้ด้วยพลังของ Valkyrier เพียงสี่คนเท่านั้น

“ ที่จริง ก็อยากจะขอกำลังเสริมล่ะนะ แต่ว่า Celestial Saber ของเราน่ะเป็นทีมที่มี Valkyrier สำหรับภารกิจ เยอะที่สุดแล้ว  ในบรรดาทีมอื่นๆ ไอ้เรื่องที่จะไปขอกำลังเสริมน่ะ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ”
เอียน กล่าวเพื่อจะยุติ ประเด็นถกเถียงนี้ลง เพราะพวกเขาไม่ทางอื่นแล้วจริงๆ

“ คือเรื่องนั้น…เมื่อสักครู่มีการติดต่อจาก ฮูกีนมูนีน มาน่ะค่ะ ทางสำนักงาน จะให้ ทีม Magnus Mephisto มาร่วมกับเราในการแทรกแซงครั้งนี้ด้วยน่ะค่ะ ”
ลูลู่ รายงาน โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่มอนิเตอร์

“ จริงเหรอ ถ้างั้นก็สบายแล้วสิ… ”
“ ไม่หรอกค่ะ ”
อีลูมีเซ่ กล่าวยังไม่ทันจบ ลูลู่ ก็แทรกตัดขึ้นมาก่อน

“ เพราะเมื่อครู่ทาง ทีมนั้นติดต่อเข้ามาว่า คงจะมาช่วยได้ ช้าน่ะค่ะ เพราะตอนนี้พวกเขายังอยู่กันที่
 ทวีปมิสรายิมอยู่เลยค่ะ ”
ลูลู่ รายงานอีกครั้ง เหล่า บรรดา ลูกทีมจึงมีสีหน้าผิดหวังไปตามๆกัน

[มิสรายิม อยู่ทางตะวันออกของ ดิปอาจูร่า ซึ่งเป็นแผ่นดินที่อยู่ฝั่งตะวันออกสุดหากให้ เมอริเซีย เป็นแกนกลางเทอร่า]

“ จากมิสรายิม มานี่มันข้าม เทอร่า เลยนะจะมาได้ไงล่ะเนี่ยต่อให้เร่งสุดๆก็ต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์ ”
อีลูมีเซ่ บ่นอย่างผิดหวัง


“ แล้วทางกลุ่มกบฏจะเริ่มการปฏิวัติเมื่อไหร่ ”
เอลิซ่า กล่าวถาม เพื่อจะทราบจำนวนวันที่เหลือ

“ จากข้อมูลที่ เฟนท์ ให้มาอีกราวๆหก วันค่ะ  ”
ลูลู่ รายงานกลับทันที เอลิซ่า เมื่อได้รับข้อมูลก็เริ่มประมวลผลเพื่อจะหาทางออก

“ ฉิวเฉียดเลยนะนั่น ”
เอียน กล่าวหลังจากได้รับข้อมูลเรื่องวันลงมือ ในขณะที่เอลิซ่า ยังคงนั่งคิดอยู่

“ แต่ดูๆแล้วยังไงเราก็คงต้อง ทำตามแผนที่วางไว้ไปก่อน ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝัน
 ก็คงต้องพึ่งพลังของ ทีมสองแล้วล่ะ ”
เอลิซ่า กล่าว ซึ่งนั่นนับเป็นการตัดสินใจลง มติ ของทั้งยานอย่างเป็นเอกฉันท์

……………………
……………………….

5 วันต่อมา

ณ  St. Magnus Academy  ทวีป อาริเมเทีย โลกอส

 ในเวลานี้เป็นช่วงพักกลางวันของ โรงเรียน เสียงดังเซ่งแซ่ ครึกครื้นไปทั่ว โรงอาหารของ โรงเรียน
ทั้งบรรดา อาจารย์ และนักเรียน ต่างกำลังใช้เวลาในช่วงพักตามปกติ

“ วันนี้ก็ไม่มา อีกแล้วเหรอ ”
“ แย่จังเลยนา …อุตส่าห์รอโอกาสมาเพื่อ วันนั้นแท้ๆ แต่ก็ดันไม่มาซะนี่ ”
นักเรียนหญิง สองคน กำลังจับกลุ่มคุยกับเพื่อนนักเรียนหญิงอีกคน ซึ่งเธอคนนั้น เอาแต่ก้มหน้ามอง กล่องสี่เหลี่ยม
ผืนผ้า ที่ถูกห่อไว้ด้วยกระดาษหลากสี

“ น่าเสียดายเน้อออ….ไอ(Ai) อุตส่าห์ทำมาให้ เฟนท์ ทั้งที ก็ดันไม่อยู่ซะนี่ แถมท่าน เอมิล ก็ไม่อยู่อีกด้วย ”
เพื่อนนักเรียนที่บ่นในตอนแรก กล่าวด้วยความเสียดาย

“ นั่นสิ แต่ว่านะขนาดผ่านมาตั้ง สองวันแล้ว ไอ ยังจะเก็บไว้ให้อีกเหรอ ของฉันนะว่าจะเอาไปให้ท่าน เอมิล ซะหน่อยแต่พอรู้ว่าไม่มา ก็เลยกินไปแล้วล่ะ พวกนักเรียนคนอื่นๆที่ชอบ ท่าน เอมิล ก็เสียดายกันน่าดูเลยล่ะ ”
เพื่อนนักเรียนอีกคน ที่กล่าวบ่นด้วยในช่วงแรก กล่าว เธอเป็น นักเรียนหญิงร่างท้วม ส่วนอีกคนที่บ่นก่อนนั้น เป็น นักเรียนหญิงร่างผอมบาง ใบหน้าเรียวแหลม ส่วนเพื่อนนักเรียนคนสุดท้าย ที่นั่งฟังพวกเธอสองคนบ่นนั้น

เธอเป็น นักเรียนหญิง ชาวเมอริเซีย ชื่อ ไอ เธอมีเชื้อชาติของ ฟีเลเซีย จึงมีลักษณะเด่นดังเช่นหญิงชาว ฟีเลเซีย ทั่วไป
นั่นคือผิวสีขาวนวล ผมสีทองยาวสลวย  และกริยาท่าทางสมเป็นกุลสตรี ตรงที่ค่อนข้างจะเก็บอาการ
ไม่แสดงออกให้ใครเห็นง่ายๆ

“ นี่จะว่าไปแล้ว นอกจาก เฟนท์ กับ ท่าน เอมิล แล้ว ยังมี อีตา เรกกะ กับ อีตา ไรด์ นั่นก็ไม่มาเหมือนกันนะ หยุดเรียนไปด้วยกันดื้อๆเลย ”
นักเรียนร่างท้วมกล่าว ขณะที่แกะห่อ ขนมไปพลาง

“ ที่จริง รุ่นพี่ ซาน เองก็ไม่มาเหมือนกันนา ฉันลองไปถามอาจารย์ ที่ห้องปกครองมาแล้วล่ะ เห็นว่าหยุดไปพร้อมกับ
สี่คนนั่นเลย แต่ก็มีใบลาส่งมาอยู่แล้วอาจารย์ก็เลยไม่ได้สนใจน่ะ  ”
นักเรียนหญิงร่างผอมบางกล่าว สำทับ

“ พวกเค้าคงหยุดไปเที่ยวกัน….ล่ะมั้ง ”
ไอ กล่าวเสียงแผ่วอย่างไม่มั่นใจ แต่คำตอบของเธอนั้นทำให้ สองสาวเพื่อนเกลอของเธอ
ถึงกับนิ่งตะลึงในความนึกคิดของเธอ

“ นี่ ไอ แบบ นั้นจริงๆน่ะ  ”
“ แต่ว่าก็แบบนี้ล่ะนะถึงสมกับเป็น ไอ น่ะ ”
 เพื่อนสาวทั้งสอง กล่าวด้วยสีหน้าหน่ายๆกับความเปิ่นของ ไอ ทำเอาเธอหน้าแดงด้วยความเขิน
ก่อนจะละสายตากลับไปยัง กล่องของที่วางอยู่หน้าเธอ


“ จะว่าไปแล้ว ช็อคโกแลต นั่น ไอ ตั้งใจทำมากเลยนี่ ”
“ ถ้า เฟนท์ กลับมาเร็วๆก่อนมันจะเสียก็ดีสิ เน้อ ”
สองสาวกล่าว ซึ่งไอก็ยิ้มน้อยๆตอบ

“ เฟนท์ ตอนนี้เธอ ไปอยู่ไหนกันนะ ”
ไอ คิดด้วยความรู้สึกเป็นกังวล ราวกับมี ลางที่จะสื่อว่าเธอจะไม่ได้พบ คนที่เฝ้ารอ

………………..
…………………..( ถ้าตรงนี้เขียนให้ เฟนท์ ตาย พี่ไม่ยอมจริงๆนะ)
 (โธ่พี่ครับ ก็แค่บรรยายความรู้สึกยังไม่ใช่ลางจริงๆซักหน่อย)
………………………….


สุดทางในซอยที่มืดสลัว ทีเพียงแสงแดดที่ผ่านผนังผุๆของตึกด้านหลัง ลอดลงมาเท่านั้น

“ ที่นี่เหรอ ”
ซาน กล่าวขึ้นในที่ประชุม ขณะนี้ พวกเขาเหล่า Valkyrier ทั้ง 4 ของ Celestial Saber กำลังประชุมลับกันโดยทุกคนสวมเสื้อคลุมเพื่อปิดบังตัวตน

“ ตอนนี้ผมถอนตัว ออกมาแล้วล่ะไม่มีใครตามมาแน่นอน ”
เฟนท์ กล่าวเสียงแหบจากการที่เขาต้องอยู่อย่างยากลำบากมาเกือบสัปดาห์ภายในฐานของกลุ่มกบฏ
หลังจากที่พวกเขาล้มเหลวในการแทรกแซงครั้งก่อน จึงต้องแยกกันหลบหนีกระจัดกระจายไป
แต่ตอนนี้พวกเขากลับมารวมกันแล้ว เพื่อแผนการในวันรุ่งขึ้น

“ แล้วมีข้อมูลของ กลุ่มกบฏบ้างรึเปล่า ”
เอมิล รีบซัก เฟนท์ ทันที

“ ก..ก็มีมาบ้างล่ะ นอกจากวันปฏิวัติแล้วก็ยังมีข้อมูลของพวก ผู้นำกลุ่มและอาวุธที่จะใช้กับจำนวนคนด้วยน่ะ ”
เฟนท์ กล่าวตะกุกตะกัก ขณะที่หยิบเอาเศษกระดาษซึ่งบันทึกข้อมูลที่เขารวบรวมมาได้
ยื่นให้ทั้งสาม ดู

“ หืมม..นี่มันในกลุ่มก่อการกบฏ มีพวกเชื้อพระวงศ์ ร่วมด้วยงั้นเหรอ ”
ไรด์ กล่าวด้วยความแปลกใจ

“ ก็แสดงว่า พวกราชวงศ์เองก็ไม่ได้เห็นดีกันหมดสินะ ”
ซาน กล่าวสำทับบ้าง

“ อืม..ถ้าดูจากอาวุธที่มีอยู่ก็มีความเป็นไปได้ ว่าทางราชวงศ์เองก็สนับสนุนกลุ่มกบฏอยู่ด้วยเหมือนกัน ”
เอมิล กล่าวขณะที่พวกเขาทั้งสามคน ยกเว้น เฟนท์ ไล่กวาดสายตา อ่านรายชื่อผู้นำกลุ่มลงมาจนถึง
ชื่อของคนๆหนึ่งเข้า


“ นี่เจ้าชายลำดับที่ 3 ลูเทเซีย ก็เข้าร่วมด้วยงั้นเหรอ ”
ทั้งสามคน กล่าวขึ้นด้วยความประหลาดใจ กับผู้เข้าร่วมกบฏในครั้งนี้

“ อืม เจ้าชายเป็นคนพาผมเข้ากลุ่มไปเอง ทำให้ได้ข้อมูลจากเจ้าชาย เยอะมากเลยแต่.. ”
เฟนท์ กล่าวมาถึงตรงนี้ ก็หยุดคิดไปชั่วขณะ

“แต่ทำไมเค้าถึงให้ข้อมูลโดยไม่สงสัยกับคนแปลกหน้าอย่างนายเลย งั้นสินะ  ”
เอมิล กล่าวตัดความก่อนจะคว้าเอาเศษกระดาษมาจากมือของ ไรด์

“ จริงด้วยสิ ทั้งที่เค้าควรจะสงสัยนายว่าเป็นสายหรือเปล่าด้วยซ้ำ ”
ไรด์ กล่าวขณะที่ เอมิล กรอกข้อมูลจากกระดาษลงไปในอุปกรณ์สื่อสารและส่งข้อมูลนั้นไปยังยาน Albus


“ ว่าแต่ เฟนท์ น้องถอนตัวออกมาวิธีไหนเหรอ พวกนั้นไม่น่าปล่อยมาง่ายๆนี่ ”
ซาน กล่าวถามด้วยความสงสัย ขณะที่รับเศษกระดาษ มาจาก เอมิล  ก่อนจะชักเอาปืน ของเธอ ออกมา
พร้อมกับเหนี่ยวไก ยิงมวลประจุ อิออน เผาเศษกระดาษนั้นทิ้งไป

“ คือเรื่องนั้น ผมทำให้พวกเขาคิดว่าผมตายไปแล้ว น่ะครับ เมื่อวานเย็นตอนที่ บุกเข้าไปยึดคลังอาวุธ
ของศัตรู ระหว่างที่กำลังหลบหนี ผมทำทีเป็นถูกยิง ให้โดน ซากอาคารถล่มลงมาทับ แล้วกาง อิออน บาเรีย
หนี ออกมา อีกที ”
เฟนท์ กล่าวทว่าทันทีที่ กล่าวจบเค้าก็ฟุบลงไปทันที ทำเอาทั้งสามคน ตกใจไปด้วย ซานรีบเข้ามารับร่างของเขาไว้ทันที

“ เฟนท์ เป็นอะไรไ ปน่ะ เฟนท์”
ซาน กล่าวอย่างใจหายที่อยู่ๆน้องชายของเธอก็ฟุบลงไปดื้อๆ
เอมิล เอาหลังมือแตะหน้าผากของ เฟนท์ พบว่ามันร้อนมากนเขาต้องเผลอสะดุ้งเอามือ ออก
ในทันที

“ ตัวร้อนมากเลยเกือบ  40 องศา ได้มั้ง ”
เอมิล กล่าวทำเอา ไรด์ กับ ซาน ใจเสียไปพร้อมๆกัน

“ สงสัย การแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มกบฏมันคงจะหนักเกินไป ปกติเจ้า เฟนท์ เองก็ไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ”
ไรด์ กล่าวสำทับ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ ถ้ายังไงเรารีบกลับขึ้น ยานก่อนเถอะปล่อยไว้แบบนี้ถ้าจะไม่ดีแน่ ”
ซาน กล่าวขณะที่อุ้มร่างของ น้องชายขึ้น

“ เรียกให้แล้วล่ะอีกเดี่ยวก็คงมาแล้ว ”
เอมิล กล่าวหลังจากที่ แจ้งตำแหน่งให้ ยาน Albus มารับพวกเขา

…………….
……………….

ฐาน กลุ่มกบฏ

“ หึๆๆ ชั้นรู้มาแต่แรกแล้วว่า นายเป็น Valkyrier เพราะงั้นชั้นถึงได้ให้ข้อมูลนายไปไงล่ะ ด้วยพลังแฝงของราชวงศ์
ฉันสามารถอ่านใจของ นายได้ทะลุปรุโปร่ง  ”
ลูเทเซีย หัวเราะอย่างมีชัย ต่อแผนการที่สำเร็จของเขา

“ ศึกในวันพรุ่งนี้เราก็จะมี Empyrean Adjust เป็นตัวหมากให้ใช้อีก ต้องขอบคุณนายจริงๆนั่นล่ะ เฟนท์ นีโอเวล
Valkyrier แห่ง Empyrean Adjust เท่านี้ที่เหลือก็แค่ทำตามแผนต่อไปเท่านั้น ”
ลูเทเซีย กล่าวขณะที่แผนการของเขาเป็นไปตามที่หวังแล้ว เพราะบัดนี้ Empyrean Adjust กำลังจะร่วมบุกไปพร้อมๆกับกองกำลังของเขา

……………………

“ หึๆๆ เป็นมนุษย์ที่อวดดีใช่เล่นเลยน้าาา..เจ้าชายลูเทเซีย เนี่ย ”
โครโน่ กล่าวขึ้นหลังจากที่ได้จับตาดู ความเคลื่อนไหวของ ลูเทเซีย
ผ่านทางจอภาพทั้ง หมดที่เรียงรายอยู่ในห้องท่ามกลางความมืดมิด

โดยที่นั่งรับประทานอาหาร ซึ่งจัดเตรียมไว้บนโต๊ะไปอย่างเย็นใจ

“ พลังแฝงของราชวงศ์ แห่งบริทเทเนอร์ ที่จะมีกันในเฉพาะเชื้อพระวงศ์เท่านั้น มันคือ Genesis ”
ฮายาเตะ กล่าวขณะที่ ใช้ส้อมปักเนื้อย่างซอสชิ้นใหญ่บนจาน ก่อนจะเอามีดค่อยๆ หั่นมันเป็นชิ้นเล็กๆ
ขณะที่ คนรับใช้กำลังเข็นรถอาหาร เข้ามาในห้องและจอดใกล้ๆกับโต๊ะ
ของทั้งสอง

“ ของหวานสำหรับวันนี้คือ เค้กน้ำหวาน อิคดราซิล (Yggdrasil) ซึ่งใช้น้ำหวานที่กลั่นจากน้ำเลี้ยงของต้น อิคดราซิล
ทำครีม และเครื่องดื่ม ก็มีกาแฟสมุนไพรอิคดราซิล ที่ใช้ใบสีเงินของต้นอิคดราซิล ต้มพร้อมกับเมล็ดกาแฟ ค่ะ ”
คนรับใช้กล่าวจบก็เปิดฝาชีเหล็กที่ครอบจานออก เค้กก้อนโต ซึ่งมีหน้าครีมสีน้ำตาลเหมือนเนื้อไม้ ตกแต่งด้วยหน้าด้วยผลไม้หลายชนิด อย่างสวยงาม โดยมีใบสีเงินของ มหาพฤกษา อิคดราซิล รองฐานเค้กไว้ คนรับใช้ตัดแบ่งออกมา

เป็นสองชิ้นย่อย แบ่งใส่จาน และวางลงบนโต๊ะ ก่อนจะ ยกเอาถ้วยแก้วที่วางอยู่ในรถเข็น
ขึ้นมาและรินกาแฟสมุนไพร อิคดราซิล จากกาน้ำ แล้วจึงเสิร์ฟแก่ทั้งสอง ก่อนจะเก็บ

จานอาหารที่ทานเสร็จก่อนแล้วกลับใส่รถเข็น อีกคันที่จอดอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นจึงเข็นรถคัน
นั้นออกจากห้องไปอย่างเงียบๆ



“ อาหารที่มาจากสิ่งที่สูงส่งย่อมเหมาะกับผู้ที่สูงส่ง อานิม่า เช่นพวกเราไม่ควรทานสิ่งต่ำต้อยเยี่ยงมนุษย์ ”
โครโน่ กล่าวลากเสียงขณะที่ ตวัดส้อมขึ้นจาก โต๊ะและจับมันตัดชิ้นเค้ก ออกมาและจิ้มมันขึ้นทานด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“ โครโน่ ดิฉันว่าเราอย่าดูถูก มนุษย์มากไปกว่านี้อีกเลย เพราะถึงยังไงพวกเขาก็เป็นคนสร้างพวก.. ”
ฮายาเตะ กล่าวได้แค่นั้น ส้อมที่อยู่ในมือเธอ ก็ถูกปัดหล่นจากมือเธอ แรงปัดนั้นทำให้มือเธอชา ไปชั่วขณะ
โครโน่ เป็นคน ปัดมือเธอเองด้วยสีหน้า ไม่พอใจ

“ ถ้าขืนเธอพูดเรื่องนั้นอีก ครั้งต่อไป จะเป็นหน้าของเธอ ”
โครโน่ กล่าวเสียงห้วน ทำเอา ฮายาเตะ ถึงกับหน้าซ๊ดด้วยความผวา ที่ไม่เคยเห็น โครโน่ กระทำรุนแรงเช่นนี้กับเธอมาก่อน 

“ ขออภัยค่ะ ที่ดิฉันเสียมารยาท ”
ฮายาเตะ กล่าวก้มหน้านิ่ง ขณะที่ โครโน่ ยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบ

“ เอาเถอะ..แค่เข้าใจก็ดีแล้ว เดี๋ยวจะให้ Maid เอาส้อมมาเปลี่ยนให้ ”
โครโน่ กล่าวจบก็สั่นกระดิ่งมือที่อยู่บนโต๊ะเพื่อเรียกให้ คนรับใช้ มาเอาส้อมที่เขาปัดตก ไปเปลี่ยน
เป็นอันใหม่ให้ ฮายาเตะ

…………………
……………………….

ยาน Albus

บานประตู เหล็กที่เรียงรายไปตามทาง ยาวหลังบานประตูห้องหนึ่ง ภายในห้องมีเตียงคนไข้
ตั้งเรียงรายชิดติดกำแพงอยู่ 5 ตัว ขนาดของห้องกลางๆไม่กว้างมาก ผนังสีขาวดูสบายตา
นอกจากเตียงคนไข้แล้ว ภายในยังมี อุปกรณ์เครื่องมือ พยาบาลอย่างครบครัน

บนเตียงที่สามซึ่งตั้งอยู่กลางแถว ร่างของ เฟนท์ กำลังรับการตรวจด้วย หุ่นพยาบาล อัตโนมัติ
ซึ่งมีรูปร่าง คล้ายแมงมุม และมีดวงตาโตหนึ่งดวง เล็กหนึ่งดวง มันคือ Delta-D ที่ถูกดัดแปลง

เพื่อให้ทำงานพยาบาลได้นั่นเอง แสงสำหรับตรวจสอบร่างกายถูกฉายออกจากดวงตาของมัน
อาบลงไปบนร่าง ของเฟนท์ ทันทีที่ การตรวจสอบเสร็จสิ้น เจ้าหุ่นยนต์ ก็ยกกรงเล็บของมันขึ้น

และเริ่ม ถอดเสื้อคลุมที่คลุมร่างของ เฟนท์ ออก ทันทีที่เสื้อคลุมถูกถอดออก เสื้อผ้าภายใต้เสื้อคลุมนั้น
เปื้อนไปด้วยเลือด ที่เกือบจะแห้งแล้วแต่ก็ยังคงมีเลือดไหลอาบออกมาอยู่เรื่อยๆ

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #35 on: March 08, 2009, 06:21:43 PM »

“ นี่มัน อะไรกัน ”
ซาน กล่าวอย่างหวาดวิตก เมื่อเห็นสภาพน้องชายของเธอ
ขณะที่เจ้าหุ่นเริ่มทำการ ถอดเสื้อของ เฟนท์ ออกเพื่อตรวจหาบาดแผล ซึ่งทันที

ที่เสื้อถูกถอดออก ปากแผลที่ไหล่ซ้ายซึ่งเปิดกว้างและลึก ก็ทำให้ บรรดาลูกเรือ
 ที่มาดูอาการของเขา อดผวาไปด้วยไม่ได้

“ ที่ปากแผลมีหัวกระสุนฝังอยู่ จะทำการเอาออกเดี๋ยวนี้ ”
เสียงของเจ้า หุ่นยนต์ ดังขึ้นก่อนที่ เล็บใหญ่ของมัน จะเปิดแยกออก ใบมีดและคีม ถูกนำออกมาด้วยมือกลจากภายในเล็บของมัน ก่อนที่จะเริ่มผ่า เอาหัวกระสุนซึ่งฝัง อยู่ที่ ไหล่ซ้าย ออก

“ ขืนเป็นแบบนี้ คงให้ เฟนท์ ออกปฏิบัติการพรุ่งนี้ด้วยไม่ได้ แล้วล่ะ ”
เอมิล กล่าวพลางขบคิดถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้น ในการแทรกแซงที่จะมาถึงพรุ่งนี้
พวกเขาเสียกำลัง รบลงไปส่วนหนึ่งเสียแล้ว

“ แย่ล่ะสิ แทรกแซงคราวก่อน ยังรุกไม่ขึ้นเลยซักนิด แถมยังโดน Gazor ดาบคู่นั่นเล่นงานอีก
 ถ้ารอบนี้เจ้า Gazor นั่นมาด้วยล่ะก็ ลำบากแน่เลย ”
อีลูมีเซ่ กล่าวย้อนถึงผลการแทรกแซงเมื่อครั้งที่แล้ว ซึ่งพวกเขาถูก Gazor ดาร์คสตีลการ์เดี้ยน
 เพียงตัวเดียว
เล่นงานจนต้องถอยหนี


“ Gazor ตัวนั้นเป็นรุ่น ดาร์คสตีลการ์เดี้ยน รู้สึกจะชื่อ DSG-XII Lancelot เนี่ยแหล่ะ เป็น Gazor ที่สูง
ประสิทธิภาพมากกว่ารุ่นอื่นๆใน บริทเทเนอร์ เสียอีก รู้สึก Pilot ของเครื่องนั่นจะเป็น…เอเป็นใครนะ ”
เอียน กล่าวก่อนจะหยุดนึกไปเพราะจำเนื้อความไม่ได้



“ คุรูรูกิ สึซาคุ Pilot ระดับ S อดีต องครักษ์ของเจ้าชายลำดับที่ 3 ลูเทเซีย แต่ตอนนี้รู้สึกจะไปเป็นองครักษ์ให้กับ
เจ้าหญิงลำดับที่ 2 โฟเนเรีย(Phoneria) แทนน่ะค่ะ ”
ลูลู่ เข้ามาตอบให้แทน เอียนที่กล่าวค้างไว้จนถึงเมื่อครู่ ซึ่งเธอ พึ่งเข้ามาได้เมื่อซักครู่ที่ เอียน
 พึ่งกล่าวจบไป

“ เออนี่..มาพอดีเลย ลูลู่ ได้ข้อมูลของเจ้าชาย ลูเทเซีย มาบ้างไหม  ”
เอลิซ่า กล่าวถาม อย่างไม่ทันที่ จะตั้งตัว

“ ค..ค่ะ ข้อมูลจาก ฮูกีนมูนีน ที่ลองไปค้นมา เจ้าชายลูเทเซีย เป็นพี่น้อง กับ เจ้าหญิง มาเรียลูส ค่ะ
แต่ชื่อของ เจ้าหญิงมาเรียลูส ถูกบัญญัติว่าตายแล้วใน บริทเทเนอร์ สาเหตุมาจากปัญหาเรื่องการสืบ บัลลัง ก็เลยโดนเนรเทศให้ไปปกครอง เมืองขึ้น อาดิลอน(Ardilon) หรืออดีต โลกอส แล้วก็ข้อมูลที่ได้เพิ่มมาอีก

คือ ราชองครักษ์ คุรูรูกิ สึซาคุ เป็นชาวเมอริเซีย  ค่ะแต่ได้รับยศการแต่งตั้ง เป็นชาวบริทเทเนอร์ ด้วยกรณีพิเศษ
จึงได้ขึ้นเป็นราชองครักษ์ และจากข้อมูล เค้าเป็นคนสนิทของ เจ้าชาย ลูเทเซีย ด้วยค่ะ ”

ลูลู่ รายงานอย่างไม่หยุดพักจนเมื่อพูดจบ เธอก็ถึงกับหอบแฮ่กๆ

“ สมแล้วที่เป็น ฮูกีนมูนีน ขนาดข้อมูลที่แทบจะหายสาบสูญก็ยังมีเก็บไว้ครบครันจริงๆ  ”
อีลูมีเซ่ กล่าวสำทับให้กับความเหนือชั้นของ ฮูกีนมูนีน สุดยอดสมองกลที่เป็นเหมือนอาวุธ
หลักทางด้านข้อมูลข่าวสาร ที่ทรงอำนาจของ Empyrean Adjust กันเลยทีเดียว

“ นี่บางที ตัวแปรสำคัญในการต่อกรกับ Lancelot เครื่องนั้น อาจเป็น เจ้าชาย ลูเทเซีย ก็ได้ล่ะมั้ง ”
เอลิซ่า กล่าวขณะที่พวกเขาทุกคนได้แต่กังวลกับ การแทรกแซงในวันรุ่งขึ้น

………………………..
………………………….
………………………………..

วันต่อมา

ท่ามกลางสนามรบที่ สับสนวุ่นวาย ภายใต้การปะทะ ของ กองทัพแห่งบริทเทเนอร์ กับกลุ่มกบฏ
ทัพใหญ่ของทั้งสองฝ่ายบุกเข้าใส่กันอย่าง รุนแรงชนิดไม่ยอมกันทั้งหุ่นรบ Gazor และ Gazor  Armor
ต่างถูกนำมาใช้ในการรบครั้งนี้อย่างเต็มที่ ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่าย บริทเทเนอร์ นั้นมีเหล่า
Gazor  เมทัลริก้าดราก้อน (Metallica Dragon)  รูนโกเลม (Rune Golem) และ Gazor Armor เอกซ์เพอริเมนท์ซีโร่ (Experiment Zero) เหมือนตอนที่รบกับ พวก Empyrean Adjust แต่ด้านฝ่าย กบฏกลับมีเพียง
Gazor เมทัลริก้าดราก้อน แค่ไม่กี่ลำ กับ รูนโกเลม เท่านั้นที่ใช้เป็นกำลังรบหลัก


ฝ่ายกลุ่มกบฏนั้นก็ตกเป็นฝ่ายเสีย เปรียบอย่างเห็นได้ชัด เพราะแม้จะมี Gazor และ Gazor Armor อยู่เป็นจำนวนมากก็ตามแต่ประสิทธิภาพ กับจำนวนก็ยังน้อยกว่า กองกำลังของ บริทเทเนอร์   ยิ่งไปกว่านั้น
ทัพหน้าของ บริทเทเนอร์ที่รุกไล่ จนกลุ่มกบฏไม่อาจรุกไปข้างหน้าได้ ก็ค่อยๆถูกกองหลังของข้าศึกล้อมเอาไว้

 
“ ชิ…จัดทัพ รุกมาข้างหน้ากดดันศัตรูแล้วค่อยๆอ้อมมาเสริมงั้นหรือ แผนศึกแบบนี้ โฟเนเรีย สินะ ”
ลูเทเซีย สบถอยู่ภายใน Cocpit ของ เมทัลริก้าดราก้อน (Metallica Dragon) ขณะที่บังคับให้มันบิน
หลบกระสุนและลำแสงขึ้นไปด้านบนเพื่อดูสภาพสนามรบ


“ ปีกขวาให้ รูนโกเลม (Rune Golem) แหวกทางพวกทหารราบออกไป ส่วนปีกซ้าย ให้พลยิงปืนใหญ่
ยิงสอยพวก เมทัลริก้าดราก้อน ส่วนกองหลังคอยยิงสกัด เปิดทางเอาไว้อย่าให้มันล้อมเราได้ ”
ลูเทเซีย ออกคำสั่งผ่าน เครื่องส่งสัญญาณใน ห้องบังคับขณะที่ตนก็หักเลี้ยวเครื่องบินตรง
ไปยังทัพข้าศึก

“ หนอย โฟเนเรีย คอยก่อนเถอะแค่กำจัดเธอได้ ชั้นก็ชนะแล้ว  ”
ลูเทเซีย คิดขณะที่บินดิ่ง เข้าไปในทัพของศัตรู อย่างไม่เกรงกลัว
และมั่นใจว่า จะไม่มีใครทำร้ายตนได้แน่ ซึ่งทันทีนั้น ลำแสงพลังงาน แรงสูง
จาก เอกซ์เพอริเมนท์ซีโร่ ก็พุ่งตรงมาที่ยาน เมทัลริก้าดราก้อน ของเขา


“ Mirror Guard ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นก่อนที่ จะเกิดกระจกใสขึ้นป้อง เมทัลริก้า จากลำแสงพลังงานและสะท้อนลำแสงนั้นกลับไป
ทันทีที่ลำแสงสะท้อนกลับไปทัพของ บริทเทเนอร์ ก็แตกกระจายกันในทันที เพราะลำแสงพลังงานย้อนกลับไป

ทำลายพวกเขาเสียเอง  ซึ่งเรื่องที่จะเกิดขึ้นนี้ ลูเทเซีย ได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว ความช่วยเหลือเมื่อครู่มาจาก เอมิล
Valkyrier แห่ง Empyrean Adjust ทีม Celestial Saber

“ Light Lance Shuriken ”
สิ้นเสียง ที่ดังขึ้นจาก ดาวกระจายขนาดใหญ่ที่ ไรด์ ถืออยู่ มันก็ส่องแสงขึ้นก่อนที่ ไรด์ จะขว้างมันออกไป
ดาวกระจายหมุนควง ลงพัดทำลาย Gazor รูนโกเลม ของข้าศึกจน ราบเรียบไปเป็นแถบ
ก่อนจะย้อนกลับมา หยุดที่มือของ ไรด์ อีกครั้ง

“ Seraphic Pistol ”
สิ้นเสียง กระสุนแสงนับร้อยก็พุ่งดิ่งลงกวาดล้างทัพของศัตรูภายใต้การควบคุมของ ซาน
ที่คองยิงกระสุนแสงจากปืนคู่ของเธอ เพื่อจัดการกับ พวก เมทัลริก้าดราก้อน ที่บินเข้ามาโจมตี
เครื่องของ ลูเทเซีย


“ คิดแล้วเชียวพวก Empyrean Adjust รู้ว่าเครื่องของเราคือเครื่องไหน ดีล่ะ เท่านี้ ก็ฝากที่เหลือด้วยก็แล้วกัน
ชั้นต้องรีบไปจัดการกับ โฟเนเรีย  ”
ลูเทเซีย คิด พร้อมกับบังคับเครื่องให้บินลงไปยังฐานที่ผู้บัญชาการทัพ คอยบงการ อยู่
โดยเตรียมที่จะยิงถล่ม ฝังผู้บัญชาการของข้าศึกไปพร้อมกับ ฐานที่มั่น

…………………
…………………..

“ มี เมทัลริก้าดราก้อน เครื่องตรงมาทางนี้ครับ ”
นายทหารรักษาการณ์ เข้ามารายงานภายในกระโจม ซึ่งตั้งอยู่บนฐานที่มั่น ของเขตสนามรบ
ซึ่ง โฟเนเรีย องค์หญิงลำดับที่ 2 แห่ง บริทเทเนอร์ ทรงประทับอยู่ ณ ที่นี้


“ หึๆๆ ลูเทเซีย สินะ สึซาคุ ออกไปจัดการ ”
โฟเนเรียออกคำสั่ง ซึ่ง องครักษ์ ประจำตำแหน่งของเธอ เป็นเด็กหนุ่มที่อายุรุ่นราวคราวเดียว กับ ลูเทเซีย
เขามีผมเรียบตรง สีน้ำตาลแดง สวมเครื่องแบบ ทหารราชองครักษ์

“ รับทราบกระหม่อนจะออกไป เด็ดหัว ผู้บุกรุกเอง ”
สึซาคุ กล่าว ทว่าน้ำเสียงคำพูดกับการกระทำนั้น ค่อนข้างจะขัดกับท่าทางของเจ้าตัว
เพราะดูแข็งๆราวกับเป็นหุ่นเชิด ดวงตาของ เด็กหนุ่มก็ไร้ซึ่งแวว ราวกับต้องมนต์สะกด

“ เป็นคนที่ต้องใช้ พลังของ Genesis มากกว่าที่คิดอีกนะเนี่ย สมแล้วที่เป็นคนสนิทของ ลูเทเซีย น้องของเรา
อุตส่าห์ไปเกลี้ยกล่อม ให้มาเป็นองครักษ์ ของฉันดีๆ ก็ไม่เอาต้องให้ใช้ Genesis ในการสะกดของฉันบังคับจนได้
แต่เอาเถอะ ยังไงก็คุ้มค่ากับการใช้งานล่ะนะ ”
โฟเนเรีย กล่าวอย่างยิ้มเยาะด้วยความมั่นใจ ต่อชัยชนะที่จะได้รับอย่างแน่นอน
เมื่อ ส่งอดีต องครักษ์ ที่เป็นคนสนิท ของ ลูเทเซีย ออกไป ด้วความมั่นใจของนาง นางเชื่อว่า
ลูเทเซียไม่มีทางที่จะ ยิง สึซาคุ ได้ลงคอ แต่นางที่ควบคุม สึซาคุ อยู่จะสามารถปลิดชีพเขาได้อย่างแน่นอน

……………………..
……………………………….

“ เริ่มการแทรกแซงได้ ”
สิ้นคำสั่งจาก เอลิซ่า ที่ส่งมายังเหล่า Valkyrier ก่อนที่พวกเขาทั้งสาม จะเริ่มแยกกันไปทำลายขุมกำลัง
หลักของ ศัตรู ตามแผนโดยปล่อยหน้าที่ ตรึงกำลังให้พวกกลุ่มกบฏจัดการไป
ทว่าถึงอย่างนั้น กำลังของ ศัตรูก็ยังเยอะกว่าอยู่มาก ทำให้ภารกิจเป็นไปด้วยความยากลำบาก

ทางด้าน ลูเทเซีย ที่บินตรงไปยัง ฐานที่มั่นที่ โฟเนเรีย อยู่ ซึ่งอยู่อีกไม่ไกล
ก็ต้องชะงัก ก่อนจะ หักลำเบี่ยงหลบ คมดาบของ Lancelot ที่พุ่งเข้ามา
ได้ทันอย่างฉิวเฉียด

“ Lancelot สึซาคุ งั้นเหรอ ”
 ลูเทเซีย อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อที่ อดีตองครักษ์คนสนิท ของเขาจะหันคมดาบเข้าหาเขาได้อย่างง่าย
ได้เพียงนี้

“ สึซาคุ นั่นนายใช่ไหมตอบชั้นสิ สึซาคุ ”
ลูเทเซ๊ย พยายามจะเรียกให้ สึซาคุ ตอบรับเขาทว่า สิ่งที่ได้รับกลับมานั้น
กลับเป็นคมดาบที่ ฟาดใส่ เครื่องของเขาจนร่วงลงสู่พื้นดินแทน

………….
………………..


ภายในท้องพระโรง ของพระราชวังแห่ง บริทเทเนอร์ มหาจักรพรรดิ เนโปลเรลียน ทรงดำเนินการ
ที่จะสั่งยิง อาวุธทำลายล้างขั้นสูงสุด อยู่โดยที่ ทางทหารที่เตรียมการต่างก็ เร่งทำงานกันมือเป็นประวิง

เพื่อให้ เสาสูงที่ตั้งอยู่ใจกลางสวนหน้าพระราชวัง ซึ่งสูงเสียดฟ้า เหนือเสามี ฐานลำกล้องปืน ขนาดใหญ่ติดตั้งเอาไว้
กำลังเริ่มทำการ สะสมพลังงาน

“ อีก 30 นาที จะพร้อมยิง พะย่ะค่ะ ”
แม่ทัพที่รับผิดชอบการดำเนินการ เข้ามารายงาน ให้ จักรพรรดิ เนโปลเลียน ทราบถึงความพร้อม ของ
สุดยอดอาวุธที่กำลังจะพุ่งเป้าไปยังสนามรบ ที่อยู่ห่างไกลออกไป อีกหลายลี้

“ ด้วยความทรงจำมรณะ เมเมนโต้โมรี่ ข้าจะกวาดล้างพวกกบฏให้หมดไปจากแผ่นดินกันเลยทีเดียว
แล้วทีนี้หลังการทดสอบกับ พวกนี้แล้วต่อไปก็ พวก Empyrean Adjust แล้วก็เทอร่า ทั้งหมดจะต้องยอมสยบแทบเท้าข้า ”
 จักรพรรดิเนโปลเลียน ตรัสเป็นการใหญ่ยิ่งคิดขึ้นเป็นเจ้าชีวิต ปกครองทั่วหล้าด้วยอำนาจที่จะทำลายล้างทุกสิ่ง

…………….
………………….

หลังจากที่ เครื่องของ ลูเทเซีย ถูก Lancelot ฟันจนร่วงลงไป สึซาคุ ก็นำมันลงจอด สู่พื้น
ก่อนจะเปิด Cocpit เพื่อ ออกมาดูว่า ลูเทเซีย ตายแน่แล้วหรือไม่โดยกระชับปืนพกไว้ในมือ
ซึ่งตรงนี้ พวกเขาได้ออกห่างมาจากสมรภูมิ มาไม่ไกลนัก โดยบริเวณนี้เป็น เชิงหิน ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้

“ สึซาคุ เป็นนายจริงๆด้วย ”
เสียงของ ลูเทเซียดังขึ้น ทันทีที่ สึซาคุ หันปืนไปยังทิศที่เสียงดังมา
ลูเทเซีย ถึงกับนิ่งอึ้งไปเมื่อ อดีตองครักษ์และเพื่อนสนิท ที่สุดแต่วัยเยาว์ นั้นกลับหันปากกระบอกปืนมาทางเขา อย่างเรียบเฉย ครั้นเมื่อเค้า จะเดิน เข้าไปหา สึซาคุ ก็ทำท่าจะเหนี่ยวไกในทันที ทำให้ ลูเทเซียต้องชะงักไป

“ นี่เป็นคำสั่งของท่าน โฟเนเรีย ให้จัดการกับนายซะ ”
สึซาคุ กล่าวทว่าคำพูดกับน้ำเสียงนั้น ผิดแปลกไปจากที่ ลูเทเซีย เคยรู้จักมาก่อน แต้ถึงกระนั้น ตัว ลูเทเซีย
เองก็ไม่ปฏิเสธว่าที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขานี้เป็น สึซาคุ ตัวจริง




“ สึซาคุ ถอยไปซะ ถ้าไม่เปลี่ยนมันตอนนี้ก็จะไม่มีอะไรให้เปลี่ยนได้อีก ”
ลูเทเซีย ยังคงพยายามจะเกลี้ยกล่อม สึซาคุ ต่อไป ด้วยความหวังว่าสาย สัมพันธ์ ของตนกับ สึซาคุ
นั้น เป็นของจริงไม่ได้แฝงสิ่งอื่นใด จะช่วยให้เข้าใจซึ่งกันและกัน ทว่า สึซาคุ กลับ

เตรียมจะเหนี่ยวไก  ปืนอยู่รอมร่อ แล้ว ลูเทเซีย จึงตัดสินใจในเสี้ยววินาที จ้องไปที่ดวงตาของ สึซาคุ
เพียงชั่วเสี้ยววินาที ที่ความนึกคิดของ สึซาคุ ได้ไหลเข้ามาในหัวของเขา ทั้งเป้าหมาย การกระทำ ไปจนถึงเรื่องที่

ตอนนี้เขาถูก โฟเนเรีย บงการอยู่ด้วย Genesis ลูเทเซีย ก้มตัวหลบกระสุนก่อนจะพุ่งเข้าไปรวบตัว สึซาคุ จนล้มลง
ไปทั้งคู่  ก่อนที่เค้าจะบังคับ ให้ สึซาคุ มองไปที่ตาซ้ายของเขาอย่างชัดๆ  เพื่อให้ Genesis ของเค้าทำงาน

“ พลังของ Genesis ที่สองของชั้นจงลบล้างมนต์สะกดของ Genesis นั่นซะ ”
ลูเทเซีย กล่าวจบ ดวงตาของเขาก็เฉิดฉายแสง ออกมาเพียงแวบเดียวเท่านั้น ก่อนที่ สึซาคุ จะสลบไป
ทางด้านของ โฟเนเรีย เมื่อขาดการควบคุมกับ สึซาคุ ก็เป็นอันมืดสนิทกับสถานการณ์ในตอนนี้
เพราะไม่สามารถรับรู้อะไรจากด้านของ สึซาคุ ได้เลย

“ ขอโทษด้วยนะที่ต้องทิ้งนายไว้ที่นี่ แต่ชั้นไม่อยากให้นายพลอยโดนหางเลขไปด้วย เพราะถ้าพลาดขึ้นมาชั้นเองก็คง….. Lancelot นี่ชั้นขอไปก่อนล่ะ โชคดีเราคงจะได้พบกันอีก”
ลูเทเซีย รำพันกับร่างที่หมดสติของ สึซาคุ ซึ่งถูกนำไปนอนหลบอยู่ใต้ เชิงหิน ก่อนที่ตัวเขาจะขึ้นไปขับ Lancelot แทน
และออกมุ่งหน้าตรงไปยังฐานที่มั่นของ โฟเนเรีย

“ คอยก่อนเถอะ โฟเนเรีย… กล้าทำกับ สึซาคุ ได้ขนาดนี้ เธอจะต้องเป็นคนแรกที่ถูกจัดการ ต่อจากนั้นก็ท่านพ่อ ”
ลูเทเซีย คิดอย่างกราดเกรี้ยว ขณะที่ มุ่งหน้าไปอย่างรวดเร็วด้วย Lancelot

………………
…………………….

“ ชิ…ถึงจะมีกำลังเสริมจากพวกกลุ่มกบฏก็เถอะ แต่จำนวนของฝ่ายนั้นไม่ลดลงเลย ”
ไรด์ สบถ ขณะที่โยกตัวบินหลบการโจมตีจากข้าศึก ก่อนจะขว้าง ชูริเคน(ดาวกระจายอันใหญ่ที่ไรด์ถือนั้นจากนี้ไปจะเรียกชูริเคนละกันนะ) สวนออกไป

“ Apollo Coffin ”
สิ้นเสียงจากปืนคู่ที่ ซาน ถืออยู่มันก็เริ่มสร้างมวลแสงขึ้นมารวมกันเพื่อสะสมพลังงาน จนกลายเป็นลูกพลังงานสีเขียวลูกใหญ่ ทันทีที่เธอยิงมันลงไปยังเบื้องล่าง ลูกพลังงานก็กระจายตัวออก เป็นกระสุนแสงลูกเล็กกระจายวนไปมา
ก่อนจะเกิดระเบิดอย่างยิ่งใหญ่ จนกินพื้นที่ไป 1 ใน 10 ของสนามรบ

แต่ก็แลกมาด้วย การเสียประจุพลังงานอิออน
ไปเป็นจำนวนมากทีเดียว และเธอคงจะใช้อีกไม่ได้ไปซักพัก เพราะเกราะ อิออน ที่เธอกางไว้
ก็เริ่มออกอาการไหวๆวูบๆ เหมือนกับจะคงรูปเอาไว้ไม่ได้ จน เอมิล ต้องสร้างกำแพงขึ้นมาป้องกันตัวเธอไว้จากกระสุน


“ ซานพักอยู่นี่ก่อนนะ จนกว่า Crisiser จะชาร์จประจุเสร็จห้ามออกจากเกราะนี้เด็ดขาด ”
เอมิล สั่งเธอก่อนจะ พุ่งกลับลงไปยังด้านล่าง เข้าไปในวงล้อมของศัตรู

“ พร้อมจะดูโชว์อันงดงาม แห่งเกฮาน่า รึยังทุกท่าน ”
สิ้นคำของ เอมิล เขาก็ควง ทวนหอกขึ้นเหนือหัว

“ Gahana Spear ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจาก หอกที่ควง พร้อมกับที่คมหอก สร้างประจุอิออน รวมกันไว้ที่คมและขยายตัวออก
จนกลายเป็น คมหอกพลังงานที่ยาวขึ้น รัศมีการควงจึงมีระยะและพลังทำลายมากพอจะกวัดแกว่งทำลาย รูนโกเลม
ในบริเวณนั้น จนต้องกระจายถอยหนีออกมา และทันทีที่หยุดควง เอมิล ก็กระชับหอกลงพุ่งเข้าไปแทง


ทะลวง รูนโกเลม กระแทกต่อกันไปเป็นทอดๆจน รูนโกเลม ไปกองกันพร้อมกับเป็นการแหวกที่ให้เปิดกว้างออก
ทันทีที่ รูนโกเลม ตัวอื่นพยายามจะระดมโจมตี เข้ามาที่ว่างที่เกิดขึ้นจากการ กระแทกพวกมัน ออกไปก็ถูกวางไว้ด้วยกำแพงใส ที่สะท้อนการโจมตีได้ ของ เอมิล เพียงพริบตา กองทัพ รูนโกเลม ก็ยิงทำลายกันเองจน พินาศ

ขณะเดียวกัน เอกเพอริเมนท์ซีโร่ ตัวหนึ่ง กำลังเล็งโจมตีไปที่ ซาน ซ฿่งมีเพียงเกราะที่ เอมิล กางไว้ให้
แต่มันก็อ่อน แรงอยู่เต็มที แล้วหากรับการโจมตีของ เอกเพอริเมนท์ซีโร่ เข้าไปคงจะแตกสลายเป็นแน่
ซึ่ง ไม่ทันที่ ซาน จะขยับหนีออกมา ลำแสงพลังงานแรงสูงก็ใกล้เข้ามาเสียแล้ว

“ Reflexion ”
เสียงดังขึ้นจาก โล่ที่มือซ้ายของ ไรด์ ขณะที่เขาพุ่งเข้ามารับการโจมตี แทน ลำแสงกระแทกเข้ากับ
เกราะพลังงานอนุภาคสีเขียว ที่โล่สร้างขึ้น ก่อนจะเบนออก และสลายไป ทว่าแรงกระแทก ก็ทำให้แขนซ้ายของ ไรด์
ถึงกับหักจนยกไม่ขึ้น

ทว่า เอกเพอริเมนท์ซีโร่ อีกเครื่องก็กำลังยิงมาทางนี้ ซึ่ง เอมิล ไม่อาจที่จะเข้าไปช่วยได้ทัน
ขณะที่ลำแสงกำลังจะพุ่งเข้าทำลายร่าง ของ ไรด์ และ ซาน ให้แหลกสลายไปนั้น

“ Protection ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ ลำแสงจะทันเข้าถึงตัวของ ทั้งสองเกราะพลังงานสีน้ำตาลดิน ถูกสร้างขึ้น
คุ้มกันพวกเขาไว้

“ Carnalian Gauntlet ”
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อรู้สึกตัวอีกที คนที่ไม่สมควรจะมาอยู่ในสนามรบก็กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเสียแล้ว

“ เฟนท์ ”
ทั้ง ซาน ไรด์ เอมิล ต่างร้องเป็นเสียงเดียวกัน เมื่อได้เห็น เฟนท์ที่เข้ามาปกป้องทั้งสองเอาไว้
แน่นอนสภาพร่างกายของ เฟนท์ ก็ยังคงร่อแร่ อยู่แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังฝืน สนับมือ ได้สร้าง
กรงเล็บพลังงานขึ้นที่หัวสนับ ก่อนที่ เฟนท์ จะรวบรวมแรงทั้งหมด ทุบกำปั้นทั้งสองลง
สู่พื้นดิน จนเกิดแรงสั่นสะเทือน ไปทั่วทั้งสนามรบ

“ Geo Driver ”
สิ้นเสียงจาก สนับมือทั้งสองของ เฟนท์ ก็เกิดคลื่นหินทะลวงพื้นดินจนแยกออกเป็นทางโดยมีหอกหินอัคนี
พุ่งทะลวงขึ้นมาไปตามแรงที่พุ่งสะเทือนไปข้างหน้า คลื่นหิน กระแทกทำลาย เอกเพอริเมทน์ซีโร่ ที่จัดกำลังไว้

ด้านหลังลงทั้งหมด เพราะการโจมตี ของ เฟนท์ นั้นใช้พื้นดินเป็นสื่อกลางจึงไม่อาจที่จะสกัดเอาไว้ได้
อาวุธหนักอย่าง Gazor Armor เอกเพอริเมนท์ซีโร่ จึงถูกทำลายลงทั้งหมด ทว่านั่นก็แรงเฮือกสุดท้าย ที่ เฟนท์ เหลืออยู่

หลังจากการเค้นแรงออกมาจนหมด เฟนท์ ก็ล้มทรุดลงในทันที ท่ามกลางวงล้อมของศัตรูที่ยังเหลืออยู่
แน่นอน บัดนี้ เหล่า Valkyrier ได้ใช้ทั้งแรงและพลังไปจนหมด และตกอยู่ภายในวงล้อมของศัตรู
พวกเขาไม่เหลือหนทางจะต่อกรกับ กองทัพ Gazor จำนวนมหาศาลและลำกล้องปืนที่เล็งมาจากทหารฝ่ายข้าศึก
นับหมื่น นี้ได้เลย

ทว่าเมื่อกองกำลังจู่โจมหลัก ของอีกฝ่ายถูกทำลายไปเช่นนี้ กองทัพของกลุ่มกบฏก็สามารถตีทะลวง
ขึ้นมาช่วยพวกเขาได้ทันเวลาพอดี

………………….
…………………………

“ สกัด Lancelot ตัวนั้นไว้เร็วเข้า….อ็าคคค ”
สิ้นเสียง Gazor รูนโกเลม ก็ถูกคมดาบของ Lancelot ผ่าทำลายจนระเบิดไป

“ โฟเนเรีย อยู่ไหนออกมานะ….โฟเนเรีย ”
เสียงของ ลูเทเซีย กล่าวก้องออกมาจาก Lancelot เครื่องนั้นขณะที่ค่อยๆทำลาย Gazor รูนโกเลม องครักษ์
ลงไปทีละตัวจนหมด โดยวิ่งบุกเข้าไปจนถึงสวนน้ำแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังที่มั่น
ภายในสวนน้ำนี้ ถูกโอบล้อมด้วย กำแพงน้ำตกที่สร้างขึ้น อย่างวิจิตรตระกานตา

ผนังกำแพงมีธารน้ำตกใส ไหลลงมารอบด้าน ไหลลงสู่ สระน้ำ อันยิ่งใหญ่งดงาม ซึ่งขนาดของสระนั้นพอๆกับ
ทะเลสาบขนาดย่อมๆเลยทีเดียว นอกจากนี้ ด้านบนของกำแพงน้ำตก ยังมีเครื่องพ่นน้ำติดตั้งไว้ทำให้บริเวณรอบๆนี้

เปียกชื้นไปด้วยละอองน้ำ ร่างของ Lancelot ที่ถูกละอองน้ำกระทบ ก็มีควันระเหยออกมา จากความร้อนสะสม
เมื่อถูกน้ำทำให้เครื่องเย็นลง จนไอน้ำระเหยออกจากร่างราวกับหมอก ก่อนที่หมอกนี้จะค่อยๆกระจายฟุ้งไปรอบๆ

สวนน้ำนี้ ที่ใจกลางสวน ซึ่งเป็นทางยื่นจากทางเข้า ไปจนถึงกลางสระซึ่งขุด ล้อม ทางเส้นนี้ไว้
ละอองน้ำที่ไหลมากับน้ำตกเริ่มทำให้สภาพการมองรอบด้าน ของ ลูเทเซีย ที่อยู่ใน Lancelot มืดบอดลง
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #36 on: March 08, 2009, 06:21:54 PM »

 
“ หมอกพวกนี้มัน..อะไรกัน ”
สิ้นคำก็เกิดแรงสะเทือนขึ้น Lancelot ถูกลอบยิงโจมตี จากด้านไหนนั้นตัว ลูเทเซีย เองก็ไม่อาจรับรู้ เพราะตอนนี้
 
“ ไง ลูเทเซีย น้องรักของพี่ ชอบไหมล่ะสวนวารีแห่ง โฟเนเรีย นี่น่ะ ”
เสียง ของ โฟเนเรีย ดังแว่ว ขึ้นมาท่ามกลางทะเลหมอกที่บดบังจนไม่รู้ว่า ตรงไหนพื้นตรงไหนสระ

“ หนอย…นี่เป็นแผนของ เธองั้นสินะ อยู่ไหนน่ะ โฟเนเรีย ออกมาสิ ”
ลูเทเซีย กระแทก เสียงด้วยความหงุดหงิด ขณะที่คุมให้ Lancelot หันไปรอบๆเพื่อมองหาร่างของอีกฝ่าย

“ แหมชอบใช่ไหมล่า…หึๆๆ เดี๋ยวพี่จะทำให้มันเป็นสุสานที่งดงามแด่น้องเอง ”
เสียงของ โฟเนเรีย ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ Lancelot จะถูกอะไรบางอย่างยิง
จนต้องถอยครูด เท้าข้างหนึ่งของเครื่อง จมลงไปทำให้ ลูเทเซีย ฉุกคิดได้ว่าตอนนี้เขาถูกต้อนให้ลง

ไปในสระเสียแล้ว หากถอยอีเพียงก้าวเดียวข้างหลังนี่ก็คือสระน้ำ หรือไม่แน่ว่าข้างหน้านี่ก็อาจเป็นสระน้ำด้วย เพราะ
เขาอาจจะจมอยู่ตรงข้างทางไม่ใช่ใจกลางสระ ตอนนี้เพราะหมอกละอองน้ำทำให้เขาหลงทิศเสียแล้ว


“ เชอะ..นี่มันกะให้เรามาสู้ในที่ๆมันได้เปรียบกว่าตั้งแต่แรกแล้วงั้นสิ ตอนนี้จะหนีไปไหนก็ไม่ได้แล้ว ข้างหน้านี่จะเป็นสระด้วยรึเปล่าเราก็ยังไม่รู้  แต่เท่าที่ดูแล้ว สระนี่คงไม่ลึกเท่าไหร่ เพราะขาข้างที่ตกลงไปยืนถึง..ต้องรีบหาตัวให้เจออยู่ไหนกันนะ ”
ลูเทเซีย คิดขณะนั้นก็มีเสียง ซู่ๆๆ เหมือนอะไรบางอย่างแหวกน้ำมาจากด้านหลังก่อนที่มันจะค่อย
แผ่วเบาลง แต่ครู่ต่อมา ก็มีเสียงคลื่น ดังขึ้นมาเรื่อยๆ เพียงพริบตา Lancelot ก็ถูกคลื่นน้ำพัดลงไปในสระในที่สุด
แต่ความลึกของสระก็ไม่มากเท่าไหร่นัก เพราะน้ำสูงถึงแค่ต้นขาของ Lancelot เท่านั้น


“ ชิ..โดนต้อนลงมาในน้ำซะแล้ว…แต่ว่าทั้งที่เราเองก็มองไม่เห็น แล้วทำไมฝ่ายนั้นถึงยังยิงมาได้อีกล่ะ
จะบอกว่าฝ่ายนั้น ยิงมาจากข้างบนก็ไม่น่าใช่ หรือว่า…ในน้ำ ”
ลูเทเซีย คิดได้ไม่ทันไร ก็มีเสียงเหมือนกับมีอะไรบางอย่างแหวกน้ำเข้ามา ใกล้ อย่างรวดเร็ว
ลูเทเซีย จึง บังคับให้ Lancelot ชักดาบคู่ออกมา สกัดการพุ่งเข้ามาชนของอีกฝ่ายได้สำเร็จ

“ เอาล่ะขอดูชัดๆหน่อยเถอะ ว่าเป็นตัวอะไรกัน…นี่มัน ”
ลูเทเซีย อุทานเมื่อสิ่งที่ ปลายดาบทั้งสองของเขาจับไว้ได้นั้น กลับเป็น หัวธนูขนาดใหญ่อันหนึ่งเท่านั้น

“ เอา Hydro Cannon ไปกินอีกซักลูกหน่อยไหม ลูเทเซีย ”
เสียงของ โฟเนเรีย ดังขึ้นพร้อมกับ ที่น้ำซึ่งถูกแรงอัดสูงดีดออกมาจากหัวธนูนั้น พุ่งเข้าใส่ร่าง
ของ Lancelot จนกระเด็น แม้จะเป็นน้ำแต่ เมื่อบีบอัดออกมาด้วยแรงอัดสูง มันก็มีพลังทำลายมากพอๆกับ
ปืนใหญ่กระบอกหนึ่งเลยทีเดียว ผลจากการโจมตีเมื่อครู่ทำให้ เกราะของ Lancelot เสียหายไปเป็นแถบ

“ นี่คือ Annedisonge Marine Artillery เป็นป้อมปืนเคลื่อนที่ ที่เราเอาวิทยาการมาจาก แอนดิซอง เมื่อหลายร้อยปีก่อน มาพัฒนาเป็น Gazor ที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่า Lancelot เครื่องนั้นน่ะ ถึงจะเป็นวิทยาการชั้นยอดของ โซปราโน่
(Soprano)ก็เถอะ แต่ท่าเทียบกับทางนี้แล้ว ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยล่ะ และอีกอย่าง Lancelot เป็น Gazor ที่เน้นการรุกประชิด แต่ AMA(ขอย่อเอานะครับมันยาว) เน้นการยิงระยะไกล และควบคุมคลื่นน้ำได้ ถ้าเข้ามาใกล้ก็จะถูก คลื่นพัดออกไป แต่ถ้าออกห่างก็ต้องถูกปืนแรงดันน้ำ ยิงจนแหลกอยู่ดีแหล่ะ ฮ่าๆๆ ”
โฟเนเรีย กล่าวอย่างมีชัยขณะที่บังคับให้ AMA ดำลงไปใต้สระ อีกครั้ง



“ หึๆๆ ”
เสียงหัวเราะของ ลูเทเซีย ดังขึ้นทำให้ เธอสงสัยว่าเขาหัวเราะอะไร
จึงหักลำขึ้นสู่ผิวน้ำโดยรักษาระยะห่างไว้

“ หัวเราะอะไรของแก เสียสติไปแล้วรึไง ”
โฟเนเรีย ถามด้วยความร้อนรนกับความฝังใจในเสียงหัวเราะเมื่อครู่

“ เธอเนี่ยน้า เอาแต่พล่ามมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ โฟเนเรีย ไอ้นิสัย กดดันอีกฝ่ายเอาไว้ก่อน
ขนาดการศึกเธอก็ยังเลือกใช้วิธี ที่มันได้ผลแค่ช่วงสั้นเท่านั้นเอง เพราะถ้าปล่อยไว้นาน แผนมันก็จะล่มไปเองอยู่ดีนั่นล่ะถึงชั้นไม่ต้องทำอะไรเลยก็เถอะ ”
ลูเทเซีย กล่าวถากถางใส่ยั่วยุให้นางเสียจุดยืนของตัวเอง

“ อย่าปากดีไปหน่อยเลย จะตายอยู่แล้วยังจะ..หนอยฉันจะยิงให้ดิ้นไปเลยคอยดู Hydro Cannon ยิงเต็มพิกัด ”
โฟเนเรีย กล่าวอย่างฉุนจัดก่อนจะเริ่มให้ AMA ดูดน้ำขึ้นมาสะสมในเครื่องเพื่อเตรียมยิงเต็มกำลัง

“ อะอ้า…แพ้ผมซะแล้วนะครับท่านพี่ จำได้ว่าใต้นี้เนี่ยมันกลวงใช่ไหม ”
ลูเทเซีย กล่าวจบก็ทะลวงดาบทั้งสองลงไปยังพื้นสระจนแตกทลาย น้ำในสระค่อยๆไหลลงดินไปจน
แห้งเหือด ไปหมดทั้งสระ AMA ที่ใช้ระบบเคลื่อนตัวในน้ำ เมื่อสระแห้งก็เสียหลักในการทรงตัวจนล้มลง

กระสุนแรงอัดน้ำที่สะสมไว้ ก็ยิงทะลวงพื้น สระจนแตกส่วนตัวเครื่องก็เจอแรงสะท้อนของ
กระสุนน้ำ ทำให้เกิดความเสียหาย และเริ่มลัดวงจร ก่อนจะระเบิดไปในที่สุดพร้อมกับปิดฉาก ชีวิตของโฟเนเรีย

“ ปลาหมอตายเพราะปาก แท้ๆ ”  (อืม…ตรงสำนวนจริงๆ)
ลูเทเซีย กล่าวก่อนจะ งัดดาบขึ้นมาเก็บ และออกมุ่งหน้าตรงไปยังพระราชวังหลัก

“ ตอนนี้ที่สนามรบเป็นไงบ้างนะ ช่างเถอะยังไงซะ สภาวะสงครามแบบนี้พวกทหารรักษาวัง
ก็คงมีไม่มาก…ว่าแต่นั่นมันเสาอะไรน่ะ ”
ลูเทเซีย คิดขณะที่ขับ Lancelot มุ่งตรงไป เขาก็ไปเห็นเสาที่ทอดสูงขึ้นไป เหนือเมฆ
กับประจุพลังงานที่ ไหลทอดขึ้นไปตามเสา วินาทีนั้น เขาก็เริ่ม ฉุกคิดขึ้นมาได้

“ น…นี่รึว่า โฟเนเรีย เป็นแค่ตัวล่อ ที่จริงแล้วเป้าหมายคือนั่นงั้นหรอกรึ ”
ลูเทเซีย ค ิดก่อนที่จะเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น

“ ขอให้ทันทีเถอะ ”
ลูเทเซีย คิดภาวนาอยู่ในใจขณะที่ยังคงเร่งรุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ตรงไปยัง เสานั่น

……………………
…………………………

“ อาวุธ มหาประลัย เมเมนโต้ โมรี่ (Memento Mori) พร้อมใช้งาน ”
เสียงขานตอบของ เหล่าบรรดาทหารภายในท้องพระโรงซึ่งเป็น ศูนย์บัญชาการใหญ่ของสุดยอดอาวุธ
ที่จะสั่งการขึ้นไปยังเสาสูงเสียดฟ้านั่น

“ เริ่มนับถอยหลังการยิงในอีก 5 วินาที ”
แม่ทัพผู้รับผิดชอบการควบคุมสั่ง ก่อนที่จะเริ่มการนับถอยหลัง

“ 5 ”
“ จงหายไปด้วยสายฟ้าแห่งพระเจ้าเถอะ ”
จักรพรรดิ เนโปลเลียน ทรงตรัสอย่างมีชัย ต่อความพินาศ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า

“ 4 ”
“ ขอให้ทันทีเถอะ ขอร้องล่ะ ”
เสียงภาวนาของ ลูเทเซีย ที่ดังก้องอยู่ใน Cocpit ของ Lancelot ซึ่งกำลังจะเข้าใกล้ เสาสูงเข้าไปทุกที

“ 3 ”

“ ดีล่ะถ้าเป็นแบบนี้พวกเราโค่น บริทเทเนอร์ได้แน่ ”
เสียงโห่ร้องอย่างมีชัย ของบรรดา กลุ่มกบฏที่ดัง ก้องทั่วสนามรบ

“ 2 ”

“ Luminar From ”
เสียงทุ้มแหลมที่ดังขึ้น เหนือสนามรบ เสียงอันดังแผ่วที่ดังไปไม่ถึงเหล่านักรบเบื้องล่าง

“ 1 ”
“ Regeneration ”
สิ้นเสียงทุกๆอย่างก็กำลังจะดำเนิน ไปตามชะตาที่ลิขิตไว้

.
..

“ เมเมนโต้โมรี่ ยิงได้ ”
สิ้นเสียง สั่งการของ แม่ทัพในท้องพระโรง มวลพลังงานที่ สะสมไว้บนเสาสูง
ก็ยิงลำแสงพุ่งทะยานตรงไปยังสนามรบ


“ เสร็จกันไม่ทันรึเนี่ย…โฟเนเรีย เป็นแค่ตัวล่อ ที่จริงกำลังหลักคือเสาอาวุธวงโคจร เมเมนโต้โมรี่ ที่ตั้งค้ำฟ้าแห่ง บริทเทเนอร์นี่มานานนับร้อยปีแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะซ่อมแซมมันได้สมบูรณ์แล้ว ”
ลูเทเซีย รำพึงขณะที่ มองสายลำแสงที่กำลังจะไปล้างบาง สนามรบ

สนามรบ

“ นั่นมัน อะไรน่ะ มีอะไรกำลังมุ่งมาทางนี้นะ ”
เสียงพูดคุยดังขึ้นเซ่งแซ่ ทั้งกองกำลังฝ่ายกบฏและ ฝ่าย บริทเทเนอร์ เองต่างก็หยุดทำการรบกันไปชั่วครู่
เพื่อหยุดดู แสงหายนะที่กำลังจะมาถึง ไม่ทันที่ใคร จะได้คาดคิด ลำแสงเพชฌฆาต ก็ได้พรากชีวิต ของบรรดา ทหารทั้งสองฝ่าย ไปเสียแล้ว ทว่า การยิงจู่โจมยังไม่หมดแค่นั้น เมื่อลำแสงสามารถลากยาวต่อมาได้ ทุกทิศที่ลำแสงนั้น ทะลวงผ่านไป จะไม่เหลือแม้แต่ เถ้าทุรี

“ นั่นมันอะไรกันน่ะ ”
เสียงของ บันดาลูกเรือในยาน Albus ดังขึ้นเป็นเสียงเดียวกันยกเว้น เอลิซ่า

“ เฟนท์ ทุกๆคนกลับขึ้นมาเร็ว ”
เอลิซ่า ตะโกนขึ้นทันที ทว่าพวกเขาก็ไม่อาจจะกลับขึ้นไปหรือหนีได้ เพราะลำแสงได้ใกล้เข้ามาหาพวกเขาเสียแล้ว

“ Full Charge Great of Dragon ”
ทว่าก่อนที่ลำแสงจะพรากทุกๆอย่างไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นราวกับเป็นเสียง
แห่งความหวัง ลำแสงรูปมังกรได้พุ่งทะยานเข้าชนกับ ลำแสงมหาประลัย จนแตกสลายไปด้วยกันทั้งคู่

ท่ามกลางละอองแสง ที่เกิดจากการปะทะกันของสองลำแสง ร่างของอัศวินมังกรกายสีขาว
ราวพญาหงส์ ก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกผู้ที่ยังเหลือรอดอยู่ในสนามรบ
ทาลูคัส อัศวินมังกรแห่งทาลิวิลย่า ซึ่งก็คือ เรกกะ ที่แปลงร่างมานั่นเอง
เขาได้เข้ามาปกป้อง เพื่อนทั้ง 4 ของตนเอาไว้ด้วยตัวเอง
 


“ น..นี่นายเป็นใครกัน ”
เฟนท์ ถามขึ้นด้วยเสียงที่อ่อนล้า แต่เพราะทั้งคู่อยู่ใกล้กันชนิดจับต้องกันได้ เรกกะ จึงได้ยินเสียงของ เฟนท์
ทาลูคัส จึงคืนร่าง ของตนทว่าร่างที่ปรากฏออกมานั้นกลับไม่ใช่ เรกกะ ที่เฟนท์ รู้จัก หากแต่เป็น
ชายในชุดดำ สวมหน้ากาก ปกปิดตัวเอง อย่างลึกลับ



“ Dragoon จงเรียกขานเราเช่นนั้น ”
ชายผู้นั้นกล่าวก่อนที่ อัศวินมังกรสาว จะลงมาพาตัวเขาบินหายลับขึ้นไปบนท้องฟ้า
ทิ้งไว้เพียงไพ่ ที่มีตราแห่งแสงสว่าง ใบเดียวเอาไว้บนสนามรบแห่งนี้ ก่อนที่มันจะค่อยๆสลายไป

ทว่าการศึกก็ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เมื่อทัพเสริมชุดใหญ่ ของ บริทเทเนอร์ ได้ตรงมายังสนามรบ
ซึ่งอุดมไปด้วย เอกซ์เพอริเมนท์ซีโร่ และ รูนโกเลม กับ เมทัลริก้าดราก้อนอีกเรือนแสน
กำลังมุ่งตรงมาทางนี้



“ Crisiser-005 Crimson&Keen of Feodora เข้าทำการแทรกแซง ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ทัพของ ศัตรู จะทันมาถึงก็มี อาวุธบินลักษณะประหลาด สี่อัน
พุ่งตรงเข้าไป ก่อนที่มันจะกางออก และยิงกระสุน ประจุ อิออน ออกมาพวกมันบินวนยิงก่อกวน รูปทัพจนรวน
Gazor มากมายของทัพศัตรู ถูก อาวุธบินประหลาด ยิงทำลายไปไม่น้อย



“ Arrow Blast ”
สิ้นเสียง ก็มีลูกศรพลังงานประจุอิออน พุ่งตรงไปยังใจกลางหมู่ทัพของ ศัตรู ลูกศรก็พลันระเบิด
เป็นวงกว้างเสียจน ทัพของ ศัตรูเสียหายไปเกือบหมด ที่เหลือเพียงส่วนน้อยครั้นจะถอย หนี
ก็ถูก อะไรบางอย่างที่รวดเร็วเสียจนมองตามไม่ทัน พุ่งเข้าตัดทำลายจนระเบิดไปเครื่องแล้วเครื่องเล่า

“ ขั้นต่อไปกวาดล้างคลังสรรพาวุธ ของเป้าหมาย เตรียมใช้ รูปแบบพิชิต ”
เสียงของสาวน้อยคนหนึ่งซึ่งเธอมีประจุอิออน ห่อหุ้มเอาไว้ บ่งบอกความเป็น Valkyrier
เช่นกันกับ นักรบอีกสองคนที่ ตามขึ้นมาสมทบกับเธอด้วย

“ Extream Charge ”
เสียงดังขึ้นจากเหล่า อาวุธบิน ทั้งสี่ ที่ย้อนกลับมาหาเธอ ก่อนที่จะจัดรูปขบวนโดย
อาวุธบินสีเขียวจะเรียง เป็นสามเหลี่ยมกลับหัว ส่วนสีแดง จะอยู่ด้านหลังวงล้อมสามเหลี่ยมอีกที
ก่อนที่จะเริ่มสะสม ประจุอิออน เข้ามาเป็นจำนวนมาก ทันทีที่สาวน้อยผู้นั้น สะบัดพัดในมือ
คลื่นลำแสง อิออน ที่มีพลังทำลายล้างและรัศมีทำลายสูงยิ่งกว่า ลำแสงมหาประลัยที่ยิงมาเมื่อครู่ก็ถูกยิงออกมา
 
คลื่นลำแสงพลังแรงสูงได้กวาดล้างโรง สรรพาวุธ คลังอาวุธ และ หุ่นรบอาวุธยุโทปกรณ์
ต่างๆไปพร้อมกัน จนหมดสิ้นทั้ง บริทเทเนอร์ กองกำลังอาวุธหลักของ บริทเทเนอร์ถูกทำลายลงแล้ว แม้จะมีกองกำลังอื่นเหลืออยู่ แต่อาวุธหลักก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น ไม่เหลืออำนาจที่จะเอาไปรุกรานใครได้อีกต่อไป



การสู้รบอันยาวนาน ในสมรภูมิ แห่งนี้ได้จบลงท่ามกลางเศษซากความเสียหายอย่างยิ่งใหญ่
ละอองอนุภาค สีเขียว ยังคงกระจายฟุ้ง ไปทั่ว ทั้งราชอาณาจักรอันเกรียงไกรแห่งนี้ ที่จะได้ประจักษ์
ถึงผลของสงคราม
……………
…………………..

“ เชอะ…..ถึงโรงเก็บอาวุธ จะถูกทำลายหมดแต่เราก็ยังมี อาวุธมหาประลัยอยู่เตรียมยิงระลอกที่สองได้…อ ”
มหาจักรพรรดิ เนโปลเลียน ตรัสได้ไม่ทันขาดคำ หน้าจอแสดงสถานภาพต่างๆของอาวุธมหาประลัย
ก็ได้ขึ้นภาพของ เจ้าชายลูเทเซีย

“ มันจบลงแล้ว ท่านพ่อ จะไม่มีระลอกไหนอีกต่อไปแล้ว ลาก่อนมันหมดยุคของท่านแล้ว ”
สิ้นคำการติดต่อก็ขาดหายไปเอาเสียกลางคัน พร้อมกับ เสาเมเมนโต้โมรี่ ที่กำลังจะเอนโค่นลงมา

ที่ฐานเสา เมเมนโต้โมรี่ ลูเทเซีย กำลังสะสมพลังงานลงในดาบคู่ของ Lancelot เพื่อที่จะโค่นเสา
อาวุธมหาประลัยนี่ทิ้ง

“ จบกันซะที Overload Power ”
สิ้นเสียง ลูเทเซีย ก็บังคับให้ Lancelot กระแทกดาบคู่ลงไปยังลำต้นเสาจนขาดสะบั้น
ตัวเสาขนาดใหญ่ที่ค่อยๆเอนเข้าหาพระราชวังซึ่งทิศที่ล้มมานั้นตรงห้องท้องพระโรงพอดิบพอดี

เสาได้ผ่ากลางพระราชวังพร้อมกับระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ชนิดไม่ต้องมีคำว่าลอบปลงพระชนม์
ทั้งจักรพรรดิ ทั้งบัลลัง ทั้งพระราชวัง ก็สลายหายไปในชั่วพริบตา ปิดฉากจักรวรรดิ บริทเทเนอร์
ลงอย่างสมบรูณ์


“ จากนี้ไปนี่ล่ะ มาเรีย พี่จะทำให้บริทเทเนอร์ เปลี่ยนไปจากนี้ไปนี่ล่ะ ”
ลูเทเซีย คิดขณะที่เปิด  Cocpit ของ Lancelot ออกเพื่อมองดู จักรวรรดิอันโหดเหี้ยม พังทลายลงไป
ใต้ดวงตะวันคล้อยดิน

………….
……………..

“ จากนี้ไป บริทเทเนอร์ จะยกเลิกระบบจักรวรรดิ และเปลี่ยนเป็นระบอบประชาธิปไตย
เราจะยกเลิกการกดขี่การแบ่งแยกชนชั้น ทั้งหมด ทุกคนมีสิทธิและหน้าที่เท่าเทียมกัน การปกครองจะดำรง
อยู่บนฐานแห่งการอยู่ร่วมกัน จากนี้ไปเงินทุนที่ใช้ลงไปกับการสงครามจะถูกนำมาพัฒนาประเทศ
แทนและเราจะทำการผูกพันธมิตรกับโลกอส แน่นอน จากนี้ไป ฐานแห่งสังคมของประเทศเราคือ เราจะไม่รุกรานใครและจะไม่ยอมให้ใครมารุกรานเรา และไม่ทำสงครามร่วมกับอาณานิคม ใดๆทั้งนั้น จากนี้ไป บริทเทเนอร์ กับ โลกอส คือพี่น้องกัน…. ”

เสียงกล่าวสุนทรพจน์ ของกษัตริย์ องค์ใหม่แห่งบริทเทเนอร์ ลูเทเซีย วีร์ บริทเทเนอร์(Lutacia V Britanir)
ได้ประกาศก้องไปทั่วผืนแผ่นดิน ใหม่แห่ง บริทเทเนอร์ ภายหลังจากการปฏิวัติ บัดนี้ เทอร่า ได้เปลี่ยนไปและกำลังจะเปลี่ยนในอีกไม่ช้า

……………….
………………………

“ ลูเทเซีย จากนี้ไปจะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะต้องเข้าแทรกแซง ที่นั่นอีกไหม หึๆๆเรื่องก็คืออยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอกนะ แต่ที่จริงแล้วยังไงซะ มันก็ต้องหายไปอยู่ดีนั่นล่ะรวมทั้ง เทอร่า นี่ด้วย ”
โครโน่ กล่าวเสียงเรียบอย่างลำพองใจขณะที่มองดูความเป็นไปของ เทอร่า ผ่านทางจอภาพภายในห้อง
เดิมๆของพวกเขา

“ หมายความว่านี่ยังไม่ใช่ เทอร่า ที่ถูกต้องอีกหรือ ”
ฮายาเตะ แย้งขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ ผิดแล้ว ฮายาเตะ เทอร่า ที่ถูกต้องน่ะ ก็คือ เทอร่า ที่จะเกิดขึ้นโดยมีเราเป็นผู้สร้างและผู้ปกครองต่างหาก…หึๆๆ ”
โครโน่ กล่าวจบก็หัวเราะด้วยความลำพอง ก่อนที่จะดีดเหรียญในมือขึ้นไปทันทีที่ เหรียญตกถึงพื้น
มันก็ยังคงตั้งตรงไม่เอนเอียงไปทางใดอยู่ดี แต่ทว่าไม่นานมันก็เริ่มเสียหลักและล้มลง
ราวกับจะบอกว่า เวลาที่เป็นอยู่ตอนนี้เริ่มไม่มั่นคงแล้ว และคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน

……………….
……………………….

โปรดติดตามตอนต่อไป

Next Saga

“ คือว่า สุดสัปดาห์นี้ ป…ป..ไปเด…เดท…เอ้ยดูหนังกับฉันทีได้มั้ย ”
คำขอแบบที่ไม่ทันตั้งตัว


“ แล้วนี่ก็เลยจะแอบตามไปว่างั้น ”

แผนการที่เดาออกสุดจะง่ายปานจะกลืนกิน

“ โอเระ ทันโจว มันแปลว่า พระเอก มาแล้ว ”

“ เอาล่ะถึงเวลาชั้นออกโรงซักที เส้นมันยึดไปหมดแล้วรู้ไหมแล้วก็จำไว้เลยถ้าชั้นออกมาเมื่อไหร่มันจะต้องไคล์แมกซ์กันตั้งแต่ต้นจนจบเลย ”

อัศวินมังกร ผู้ร้อนแรง จะเร่าร้อนตั้งแต่ต้นจนถึงจบกันเลยทีเดียว  Saga 07   โอเร ซันโจว มันแปลว่า พระเอก มาแล้ว


มหาสงคราม Delantion กำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง


แล้วเจอกัน วันอาทิตย์หน้าไม่ก็ พุทธนี้นะขอร้าบบบ บาย……เอ้ยไม่ใช่ล่ะ
ยังไม่ทันคุยกัน ก็จะไปซะแหล่ว บทนี้เรามีเซอไพร์แถมท้ายตอน กันนิดหน่อย
อันที่จริงโดน พี่ปิโยม่อน กับ เจ้าการุรุม่อน บังคับมา(อีกแล้วตูนี่เป็นเบ๊ ชาวบ้านเขาตลอดเลยT_T)

แต่ก่อนอื่นมา สครีม ตอนนี้กันก่อนดีกว่า บทนี้เนี่ยรู้สึกว่ามันจะยาวไปหน่อยแต่อย่างว่า
ก็มันรบกันวุ่นเลยนี่เนอะ ตอนช่วงต้นๆบท จะรู้สึกว่าเรื่องมันอืดมันช้าดูแล้วมันงงๆ
ก็ขอให้ทนอ่านกันซักนิด เพราะคิดว่าตอนท้ายๆบทช่วงจุดแตกหักน่าจะมัน กันแล้ว

ว่าแต่รู้สึกชอบจังกะไอ้ที่ ลูเทเซีย พูดว่า ปลาหมอดายเพราะปากเนี่ย มันตายเพราะปากจริงๆ
ไม่ใช่แค่ปากมาก แต่ ปากจุกพื้นระเบิดตายซะงั้น เหอๆเข้ากั๊นเข้ากัน

แล้วก็ไอ้อาวุธ มหาประลัยนั่น มันมีบทแค่มาให้ พี่ทาลิ เราโชว์พาวเท่านั้นรึ โอ้ว มันเกรียนดีแท้
แต่ที่แน่ๆ ตอนหน้าเห็น ชื่อตอนก็คงจะเดาออกกันแล้ว ว่า ทาลิตัวใหม่กำลังจะมา รู้สึกนิสัยไอ้ตัวนี้มันจะเกรียนดีจริงๆ
แฮะ เป็นยังไงคงต้องรอดูกันตอนหน้า ส่วนทาลิที่จะมาเป็นธาตุอะไร…ลองไปเดากันเองนะ อะหุๆ

ช่วงแถมท้าย(ที่โดนบังคับมา)
เนื่องด้วยช่วงนี้นิยายเรามันค่อนข้างจะว่างมาก เลยอยากให้มีอะไรมาเล่นกันสนุกๆแถมๆกันหน่อย
เพราะเนื้อเรื่องยังไม่ค่อยข้น(นี่ขนาดยังไม่ค่อยมันล่อตายไปบานเบอะแอคชั่นมันหยดส์ซะจนคนดูเค้านึกว่าจะอวสานแล้วนะเนี่ย) ก็เลยมีคำถามเกี่ยวกับภาพสนุกๆมาให้ไขมาให้ขบกัน

ภาพพลังเคโมะ โชตะข้างล่างนี่ หมาป่าคู่นี้เค้ามีความสัมพันธ์กันยังไงลองเดากันดูซิ



ปล. ตอบถูกไม่มีรางวัลให้นะจ้ะ แต่ถ้าตอบถูกกันแล้วจะเดาได้ว่าทำไมต้องมีช่วงแถมท้ายเพราะมันมากับหีบแห่งความลับใบใหญ่ ที่ต้องช่วยกันไขขอรับ พี่เค้าว่ามาเงี้ยไม่รู้เหมือนกันมันคืออะไร สงสัยจะส่งของขวัญให้มั้ง งงๆ
กะพี่เขาเหมือนกัน ถ้ายังไงคงต้อง ซาโยนาระกันตรงนี้ล่ะขอรับไปล่ะ นินๆ
« Last Edit: March 11, 2009, 06:37:44 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #37 on: March 08, 2009, 07:22:08 PM »

-*-  กลัวซีรี่ย์นี้จะถูกกล่าวหาว่าดัดแปลงลิขสิทธิ์จัง 

ความสัมพันธ์ของคำถามเดาว่า......................พี่น้อง -*-
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #38 on: March 08, 2009, 07:53:12 PM »

Quote
-*-  กลัวซีรี่ย์นี้จะถูกกล่าวหาว่าดัดแปลงลิขสิทธิ์จัง

อะแหม อย่าคิดมากน่า ยังไงตอนหน้าก็กลับมาเปนทาลิวิลย่า แล้วล่ะเน้อ 2 บทนี้ต้องขอนอกเรื่องหน่อยล่ะ เพราะไอ้เราก็หาประเทศที่มันจะมีบทบาทลำบากๆอยู่ด้วยอะหุ(อีกอย่างคนน้อยไม่มีทางรั่วอยู่แล้วหึๆ)

Quote
ความสัมพันธ์ของคำถามเดาว่า......................พี่น้อง -*-
อันนี้ยังตอบให้มะได้ว่าถูกหรือไม่เพราะพี่ปิโย เค้ายังมะเฉลย
ก็ต้องคอยดูไปเรื่อยๆจนกว่าคำใบ้จะแปะหมดอ่ะน้า ส่วน สาเหตุที่เอามาถามน่ะรึหึๆอันนี้ก็มะยู้ พี่เค้าใช้มา
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #39 on: March 10, 2009, 07:33:11 PM »

พอเลยพอ ทั้งเกรม่อนคุง ืั้งเทนโทม่อนเลย นี่แค่วันเดียวกะจะล่อเามันซะ 30 เรปเลยรึไง
ถึงปั้มกันถี่จนมาหน้าสองเนี่ย เดี๋ยวคนอื่นเขามาเห็นก็ คิดว่านิยายเรายาวเป็นพรืดจนไม่น่าอ่านกันพอดี
(เออแล้วมันมีตั้งกว่า 105 ตอนนี่เนอะ)

แล้วก็นะเกรม่อนคุง ไปพูดป่าวๆว่าน้ำยาล้างจาน
 ใครเค้าจะรู้ว่าหมายถึงซํนไรส์ บริษัทที่เขาทำอนิเม พวกกันดั้มกะ CG.
ล่ะ เดี๋ยวเขาก็คิดว่าแกเกรียยนไปด่าชาวบ้านไม่มีน้ำยาจะตอบร้อก

แล้วก็ ไอ้ ยาราไนก๊ง ไนก๊ะ เนี่ยไม่ต้องเลยเว้ย ฉานเกลียดสาย นั้นที่สุดดดด
ไปไกลๆตีนเลย เรื่องนี้มัน ต้องโชตะ Yaoi เฟ้ย
อ่อลืม Kemo ด้วย(เดี๋ยวจะหาว่าไม่ใช่ตำนานทาลิแท้ เพราะไม่มี เคโมะ พวกครึ่งสมิง)




มันคืออะไรเหรอครับ------>ไอ้ยาราไนก๊ง ไนก๊ะ 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #40 on: March 10, 2009, 07:35:19 PM »

Quote
มันคืออะไรเหรอครับ------>ไอ้ยาราไนก๊ง ไนก๊ะ 

มันเป็นความเสื่อมที่....จะอธิบายไงดีเหอๆ เอาเป็นว่าอย่ารู้เลยดีกว่าขอรับ เป็นสายการ์ตูนที่ควรออกห่างให้มากๆเข้าไว้
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #41 on: March 10, 2009, 07:43:20 PM »

Quote
มันคืออะไรเหรอครับ------>ไอ้ยาราไนก๊ง ไนก๊ะ 

มันเป็นความเสื่อมที่....จะอธิบายไงดีเหอๆ เอาเป็นว่าอย่ารู้เลยดีกว่าขอรับ เป็นสายการ์ตูนที่ควรออกห่างให้มากๆเข้าไว้

มันช่าง.................................อัXXXสิ้นดี   

งานแบบนี้พวกดดจินถนัดนักแล 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #42 on: March 11, 2009, 06:33:44 PM »

Saga 07   โอเระ ทันโจว มันแปลว่า พระเอก มาแล้ว


จากครั้งที่แล้ว ด้วยการเข้าแทรกแซงของ Empyrean Adjust ได้ทำให้โฉมหน้าของ เทอร่า บิดผันไปมาก
เมื่อ ราชอาณาจักร บริทเทเนอร์ ได้เปลี่ยนระบอบการปกครอง และผู้ปกครอง ทั้งหมด
ทำให้ธุรกิจ การค้าอาวุธ ต้องเสียสมดุลไปเมื่อ ลูกค้ารายใหญ่อย่าง บริทเทเนอร์ เลิกที่จะทำสงครามและปฏิเสธ

ที่จะนำเข้าอาวุธสงครามจากองค์กร ต่างๆทั้งหมด ส่งผลกระทบให้องค์กรผลิตอาวุธหลายราย
ต้องปิดกิจการของตนไป ซึ่งนั่นยังส่งผลกระทบต่อ ความขัดแย้งทั่วโลกด้วย
เมื่อไม่มีอาวุธก็ไม่อาจทำสงครามกันได้ และด้วยความเกรงในอำนาจ ของ Empyrean Adjust ที่สามารถ

ทำลายระบบ จักรวรรดิ และขุมอำนาจของ บริทเทเนอร์ ลงได้ด้วยกำลังเพียง น้อยนิด ก็ไม่มีประเทศใดที่
กล้าแข็งข้อคิดสร้างความขัดแย้ง เพราะได้เห็น ตัวอย่างของ บริทเทเนอร์ มาแล้ว ทว่าบัดนี้ Empyrean Adjust กำลังจะต้องเผชิญหน้ากับ เบื้องหลังของ เทอร่า กลุ่มผู้ชักใยให้เกิดสงครามและความขัดแย้ง แน่นอนพวกองค์กรก่อการร้าย

ที่หากินกับสงคราม เมื่อเกิดเหตุการณ์ เช่นนี้ พวกมันย่อมไม่อาจอยู่เฉยให้ตัวเองล่มสลายไปได้ง่ายๆ
ในเมื่อไม่มีใครคิดจะใช้อาวุธของ พวกมันทำสงคราม พวกมันเองก็จะเป็นคนใช้อาวุธสร้างความขัดแย้ง ยุยงให้ทำสงครามกันขึ้นมาอยู่ดี ซึ่งในตอนนี้ เหตุการณ์ ที่ว่ากำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า


………………
…………………….

หอคอยแห่งนภา Sky Pillar

หอคอยสูงซึ่งตั้งอยู่บน เกาะที่ไม่มีในแผนที่กลางมหาสมุทร อันเวิ้งว้าง หอคอยแห่งนี้สูง
ขึ้นไปจนถึงชั้นบรรยากาศ  จนราวกับว่ามันคอยค้ำจุนไม่ให้ท้องฟ้าตกลงมา
รอบๆหอคอยมีหมอกปกคลุมหนาจัดจนทำให้มันถูกตัดขาดจากโลกภายนอก

“ จากการแทรกแซง ครั้งล่าสุดที่ บริทเทเนอร์ ทำให้ความขัดแย้งลดลงไปกว่า 60 % แล้ว  ”

“ แต่ว่ากลับเกิดการก่อการร้าย จลาจลวางระเบิด เพิ่มขึ้นถึง 40 % แทน ”

“ มันก็แน่อยู่แล้ว ก็พวกมันขายอาวุธให้ใครไม่ได้ก็เลยคิดจะสร้างความขัดแย้งขึ้นมาเองน่ะสิ ”

“ แล้วพวก อานิม่า ยังไม่ได้คิดที่จะทำอะไรเลยรึไง ”

“ แต่ตาม มติในที่ประชุมครั้งก่อนเรา ตกลงกันแล้วนี่ ว่าจะจับตาดูอย่างเดียวไม่เข้าไปพัวพันด้วย ”

“ ถ้ายังงั้นแล้ว สภามังกรนภากาศ นี่จะมีไว้ทำไมล่ะ ”

“ แต่ตามข้อตกลงแล้วเราจะไม่เข้าไปยุ่งกับ เทอร่า อีก ดังนั้นเราจึงควรปล่อยให้ พวกเขาจัดการกันเอง ”

“ เช่นนั้นแล้ว เรื่องนี้ก็ขอให้จบแต่เพียงเท่านี้ หัวข้อต่อไปก็เรื่องของ เมอริเซีย ”

“ จนถึงตอนนี้ กำแพงนั่นก็เริ่มที่จะอ่อนแรงลงแล้ว ”

“ เป็นไปได้ไหมว่า ข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้น ”

“ ตอนนี้ทางเรายังรวบรวมข้อมูลมาไม่ได้เลย  ”

“ ถ้าเช่นนั้น ก็ขอเลื่อนการประชุมในหัวข้อนี้ออกไปจนกว่าจะได้ข้อมูลเพิ่มเติม….. ”

เสียงประชุมที่ดังขึ้นจากภายใน หอคอยแห่งนภา ดังขึ้นเป็นทอดๆก่อนที่เสียงจะถูก กลืนหายไปกับสายลมที่กรรโชกรอบๆหอคอยแห่งนี้


…………………….
………………………….


St. Magnus Academy

ช่วงพักกลางวันเช่นนี้ ก็เป็นวันธรรมดาๆอีกวันของ  โรงเรียน St. Magnus แห่งโลกอส
โรงเรียนนี้เปิดเป็น สห มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง โดยเป็นโรงเรียนพระราชทาน จากเจ้าหญิง มาเรียลูส

เป็นโรงเรียนแห่งแรก ใน โลกอส นี้ตัวโรงเรียนจึงมีขนาดใหญ่ และมีนักเรียนจำนวนมาก
ทว่าที่เข้าเรียนนั้นก็ใช่ว่าจะมีแต่มนุษย์ แต่เผ่าพันธุ์ สมิง ครึ่งสมิง โคบลอด(Koblod) ไปจนถึง ภูต(Fairy)
ก็เข้าเรียนในโรงเรียนแห่งนี้เช่นกัน 
 

“ คือว่า สุดสัปดาห์นี้ ป…ป..ไปเด…เดท…เอ้ยดูหนังกับฉันทีได้มั้ย ”
ไอ นักเรียนหญิง เชื้อสายฟีเลเซีย กล่าวตะกุกตะกักใบหน้าร้อนผ่าวจนแดงอย่างเห็นได้ชัด
ขณะที่มือของเธอ สั่นสะท้าน ไปด้วยความประหม่า

“ ว้าย…ไม่ได้นะ ไอ ถ้าขืนไป อ้ำๆ อึ้งๆแบบนี้ ต่อหน้า เฟนท์ ล่ะก็ มีหวังคุยกันไม่รู้เรื่องพอดี ”
เพื่อนนักเรียนหญิงร่างท้วมของเธอกล่าว ด้วยสีหน้าไม่พอใจในความตื่นเต้นของ ไอ ที่พยายามจะชวน คนที่ตนชอบ
ไปเที่ยวแต่ก็ประหม่าซะจนไม่กล้า


“ ต..แต่ว่า มิมิ(MiMi) ถ้าเกิดเค้าปฏิเสธขึ้นมาล่ะฉันจะทำยังไงดี… ”
ไอ กล่าวด้วยความสับสนกับเพื่อนร่างท้วมของเธอ

“ ถ้าถูกเค้าปฏิเสธมาจากนี้ไปก็อาจจะมองหน้ากันไม่ติดอีกก็ได้…จะพูดแบบนี้ใช่ไหม หล้า ”
เพื่อนสาวอีกคนของเธอที่ร่างผอมบาง กล่าวซึ่งก็ตรงกับที่เธอคิดจะพูดออกไปพอดี

“ อะไรกัน…ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้เรอะ ถ้ามัวแต่คิดจะจ้องกันอยู่แบบนี้ระวัง จะโดนคนอื่นงาบไปก่อนนะ ”
เพื่อนสาวร่างผอม กล่าวหยอก

“ เอ๊…. อ…อะไรกัน โคเว็ท(Covet) ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ ต..แต่  ”
ไอ ยังคงกล่าวตะกุกตะกัก ทำให้เพื่อร่างผอมบางโคเว็ท ต้องถอนหายใจ

“ แหมฉันล้อเล่นหรอกน่า แต่ว่านะถึง เฟนท์ จะไม่เนื้อหอมเท่า  เอมิล ก็เถอะ(ท่านเอมิล ยังดูเท่ห์กว่าด้วย) แต่ถ้า
เรื่องหน้าตาล่ะก็ฝ่ายนั้น เขาเองก็ดูไม่เลวน้า แถมถ้าจะจีบ ยังไม่ค่อยมีคู่แข่งด้วย แล้วนิสัยอย่าง เฟนท์ น่ะคุมง่ายจะตาย ถ้าไม่ระวังไว้ จะโดนแย่งไปเอาง่ายๆได้นา ”
โคเว็ท อธิบายซะจน ไอ ที่ฟังบทสนทนาของเธอ อดคิดไปไกลไม่ไหว

“ อีกอย่างนา…เพราะคราวก่อน ช็อคโกแลตที่ ไอ จะให้ในวัน วาเลนไทน์ เฟนท์ ก็กลับมาไม่ทัน
รับซะด้วย ช็อคโกแลต มันก็เสียหมดแล้ว ถ้ารอบนี้ไม่รีบชวนล่ะก็เดี๋ยวเค้าหายไปอีกจะทำยังไงเล่า ”

มิมิ เพื่อสาวร่างท้วม กล่าวจบถึงจะสังเกตว่า ไอ ไม่ได้ฟังที่เธอพูดเลย เพราะสายตาของไอ
จ้องไปที่ด้านหลังเธอ ตลอด เมื่อหันกลับไปถึงได้รู้สาเหตุ เฟนท์ กับ ไรด์ กำลังขนกองหนังสือ
เป็นพะเนินเทินทะ  เดินเลาะมาตามระเบียงทางเดิน ตรงมาทีหน้าห้องเรียนที่พวกเธอจับกลุ่มยืนคุยกันอยู่

[เทศกาลวาเลนไทน์ ในเทอร่า นั้น สืบทอดประเพณีมาจาก เมืองทีนวาแลน ที่อยู่ทางตอนเหนือของ ทวีป คาดาร่า]

“ เฮ้อ การบ้านหมดนี่ของทั้งสัปดาห์ที่แล้วเลยเหรอเนี่ย คืนนี้ คงต้องทำยันสว่างเลย ”
เฟนท์ บ่นด้วยความท้อใจ

“ เอาน่าก็เราหยุดไปตั้งขนาดนั้น มันช่วยไม่ได้นี่นา ”
ไรด์ กล่าวไปหัวเราะไปอย่างทุกข์ร้อนอะไร
ขณะที่ทั้งสอง แบก กองการบ้าน เดินเลาะไปตามระเบียง


“ อ้ะ..นั่นไงเจ้าบ่าวมาแล้วเป็นโอกาสเลย เข้าไปชวนซะเลยสิ ”
โคเว็ท กล่าวเสียงใสก่อนจะผลักหลัง ไอ ให้เข้าไปทัก

“ เอ๋…จ..จ….เจ้าบ่าวเหรอ ไม่ใช่นะ..ว้ายย ”
ไอ ที่จะหันมาปฏิเสธ ก็ไม่ทันตั้งตัวถูกยันออกไปซะก่อน เลยสะดุดเท้าตัวเอง ขณะที่ เฟนท์ กับไรด์ เดิน
เข้ามาแล้ว ก็เลยชนเข้าจังเบ้อ จนกองหนังสือสมุดการบ้าน ของ ทั้งสองกระเด็นขึ้นกลางอากาศแล้วก็ล้มพะเนิน
ทับ ทั้งกลุ่มสามสาวและสองหนุ่ม ลงไปจมใต้กอง หนังสือ ท่ามกลางสายตาของ นักเรียนคนอื่นที่
มองด้วยความตะลึง

“ ข…ขอโทษค่ะ คือฉันไม่ทัน ร.. ”
ไอ ที่กล่าวขอโทษไปขณะกำลังจะลุกขึ้น แต่ก็ต้องชะงักไป เมื่อตอนนี้เธอล้มคร่อมอยู่บน ตัวของ เฟนท์
ที่กำลังโอดโอย เพราะแรงกระแทก

“ ม..ไม่เป็นไร…ห ”
เฟนท์ ที่กล่าวได้ ไม่ทันจบก็ต้องชะงักเมื่อเห็น ไอ คร่อมอยู่บนตัวเขา
ทั้งคู้หน้าแดงด้วยความเขินอาย ก่อนจะรีบแยกออกห่างกันทันที ทั้งคู่ต่างหันไปกันคนละทิศ พยายามไม่มองหน้าอีกฝ่าย ด้วยหัวใจที่เต้นระทึก จากเหตุการณ์เมื่อครู่

“ โอยยย…แขนช้านนน ”
ไรด์ ครวญเสียงหลงขึ้นมาทำให้ทั้งคู่ลืมตัวหันไปมอง ไรด์ ซึ่งแขนซ้ายเข้าเฝือกอยู่ โดนกองหนังสือ ล้มทับ
แขนซะจนโยก ทำเอา มิมิ กับ โคเว็ท ต้องเข้ามาช่วยพยุง

“ ตายแล้วๆ ไรด์ ไปห้องพยาบาลกันดีกว่าน้า ”
สองสาวกล่าวขึ้นพร้อมกัน แต่จากน้ำเสียงและท่าทางนั้น ดูจะไม่ทุกข์ร้อนอะไร

“ เฟนท์ ฝากเก็บที่เหลือด้วยนะ..อ้อก ”
ไรด์ กล่าวก่อนจะสลบไป เพราะความเจ็บ ขณะที่ สองสาวอุ้มปีก ไรด์ ออกมาจากวง
ทิ้งให้ 1 คน กับอีก 1 ตัวอยู่กันตามลำพัง ซึ่งที่จริงนี่เป็นแผนที่จะลากเอา ไรด์ ออกมาเพื่อให้ทั้งสอง
ได้อยู่กันตามลำพัง แต่แรกแล้ว

“ หว้า กระจายไปหมดเลยอะไรหายบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ ”
เฟนท์ บ่นขณะที่ ไล่เก็บ กองหนังสือที่กระจัดกระจายทั้งของเค้าและของ ไรด์ ออกมาแยกกองกัน

“ ฉ…ฉันช่วยนะ ”
ไอ กล่าวเสียงตะกุกตะกัก ก่อนจะช่วยแยกหนังสือสมุด มาเรียงซ้อนเป็นชั้น
แล้วจึงช่วย เฟนท์ ขนเข้าไปที่โต๊ะในห้อง

“ ขอบใจที่ช่วยนะ..เห้อ ไม่รู้ว่า ไรด์ เป็นอะไรมากรึเปล่า ”
เฟนท์ กล่าวขอบคุณ ก่อนที่จะถอนหายใจหันไปมองทางประตูแล้วบ่นขึ้นมา
ไอ ที่มองหน้า เฟนท์ อยู่ซักครู่ก็รวบรวมความกล้าตัดสินใจชวน เค้าออกเดท ในทันที

โดยหารู้ไม่ว่า เรกกะ แอบ มองทั้งสองอยู่ห่างๆ
………………..
………………….

“ แล้วนี่ก็เลยจะแอบตามไปว่าง้าน ”
มาธิอัส แกล้งกล่าวเสียงสูง  เมื่อรู้ถึงเรื่องที่ เรกกะ นำมาเล่า

“ น่านะ…ชั้นเองคบกับหมอนั่นมานานแล้ว ยังไม่เคยเห็นจะมีใครมาชอบมาชวนหมอนั่นออก เดท
ก็เลยอยากรู้น่ะว่าจะเป็น ยังไง แล้วก็อีกอย่างถือเป็นการ สืบข้อมูลของ Empyrean Adjust ได้อีกด้วยไง ”
เรกกะ กล่าวขอร้อง กับ มาธิอัส ภายในยาน ไซเบอลิก้าดราก้อน ซึ่ง R2 ก็เข้ามาพอดี

“ แต่ไหงฉันฟังแล้วเหมือนเหตุกับผล มันจะไม่มีมูลนา  ”
R2 กล่าวดักคอ เรกกะ จนเขาถึงกับต้องสะดุดไป

“ แหมก็มันแค่รู้สึกเป็นห่วงนี่นา ตั้งแต่รู้หมอนั่นเป็น Valkyrier ก็เลยอยากจะรู้จักในตัวหมอนั้นขึ้นมาอีกหน่อยน่ะ…
แต่สรุปแล้วก็คือไม่ได้ใช่ไหมเนี่ย งั้นชั้นไปก่อนนะ ”
เรกกะ กล่าวอย่างเสียดายก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู

“ เดี๋ยวยังไม่มีใครบอกห้ามนายเลยซักคนนะ ”
มาธิอัส กล่าวทันทีที่คำพูดนั้นดังขึ้น เรกกะ ถึงกับหูพึ่ง พุ่งดิ่งกลับ
คว้าหมับมือของ มาธิอัส มาลูบโลมเอาใจ เหมือนแมวไม่ผิดเพี้ยน

“ เอ้อไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้ รู้สึกมันเสียวๆยังไงไม่รู้สิ ” (ตกลงนี่มันเสื่อมใช่มะเนี่ยเจ้าเรกกะ)
มาธิอัส กล่าวทุลักทุเล กับท่าทางของ เรกกะ

“ หึ…สอดเรื่องชาวบ้านแบบนี้ไม่ค่อยดีเลยนะ งานนี้เราไม่ยุ่งด้วยล่ะ ”
เสียงของ ทาลูคัส ดังขึ้นในหัวของ เรกกะ

“ ช่างนายสิ ไม่อยากออกไม่ต้องออก เพราะไงๆก็ไม่ต้องพึ่งนายอยู่แล้ว ”
เรกกะ โต้กลับไปในใจ



……………………
……………………………..

ห้องประชุมสภากลาง ความมั่นคงสูงสุดแห่งโลกอส

ภายในห้องโถงนี้ประกอบด้วย โต๊ะ ประชุมโต๊ะใหญ่ ซึ่งมีที่นั่ง อยู่ประมาณ 10 ที่นั่ง ตั้งอยู่บนเวทีกลางห้อง
และ รอบๆห้องนั้นเป็น ที่นั่งแบบขั้นบันได ไล่เรียงขึ้นไปจนถึงชั้นบน มีประตูทางเข้า สี่ทิศ
ภายในห้อง ประชุมเต็มไปด้วย คณะกรรมการ และ แกนนำ ของ โลกอส กับ บริทเทเนอร์

ที่โต๊ะประชุมกลาง นั้น กษัตริย์ ลูเทเซีย  กับ เจ้า มาเรียลูส กำลังเจรจา เพื่อผูกพันธไมตรีของสองประเทศแก่กัน
จนเมื่อการเจรจา เป็นไปด้วยดีและเสร็จเรียบร้อย คณะกรรมการ ทั้งหมดก็ออกจากห้องไปพร้อมกับแกนนำ

ส่วน เจ้าหญิง มาเรียลูส กับ กษัตริย์ ลูเทเซีย ได้ให้ราชองครักษ์ คนอื่นออกไป เหลือไว้แต่เพียง เอกองครักษ์เท่านั้น
ซึ่งก็คือ สึซาคุ กับ เฟรเซีย

“ เราไม่เจอกันนานมากเลยนะ มาเรีย ”
ลูเทเซีย กล่าวขณะ ที่จ้องไปที่ดวงตา ของ มาเรียลูส เพื่อที่ใช้ Genesis อ่านใจของเธอ ทว่า Genesis ของเขา
ก็ไม่อาจอ่านใจ ของเธอได้

“ ท่านพี่คะ เรามาเจรจากันเพื่อสันตินะคะ อย่าได้คิดทำเช่นนั้นอีก Genesis ของ หนูคือการป้องกันอำนาจ Genesis
ของคนอื่นและ สามารถยกเลิก Genesis ของคนอื่นได้เหมือนกับท่านพี่น่ะแหล่ะค่ะ ”
มาเรียลูส กล่าวเสียงเฉียบ

“ แหม..มาเรีย อย่าโกรธซี่พี่แค่แหย่เล่นเท่านั้นเอง ”
ลูเทเซีย กล่าวเคลือบแคลงกับเธอ ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจนัก

“ แล้วเมื่อไหร่พี่จะให้ สึซาคุ ตื่นซะทีคะ สภาพแบบนั้นน่ะ ดูก็รู้แล้วว่า ถูกท่านพี่ โฟเนเรีย ควบคุมมา
แต่พลังในการยกเลิก Genesis ของท่านพี่ ไม่อาจช่วย สึซาคุ ได้ใช่ไหมคะ ถึงได้พาเค้ามาด้วยน่ะ ”
มาเรียลูส กล่าวซึ่ง ลูเทเซีย เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ทึ่งในความนึกคิดของ น้องสาวตน

“ น่าแปลกใจจริงๆมาเรีย น้องเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ ”
“ ท่านพี่เองก็เหมือนกัน…เปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนเลย ”
ลูเทเซีย กล่าวได้ทันไร มาเรียลูส ก็แทรกขึ้นทันที

“ ท่านพี่ โฟเนเรีย กับท่านพ่อ สิ้นพระชนม์ แล้วสิน่ะคะ ”
มาเรียลูส กล่าวเสียง เย็นพยายามข่มความรู้สึกของตัวเองเอาไว้

“ มันก็แน่อยู่แล้ว ถ้าคิดจะเปลี่ยนแปลง บริทเทเนอร์ สองคนนั่น ก็ต้องถูกกำจัดไป… ”
“ พอทีเถอะค่ะ ”
ลูเทเซีย กล่าวได้ไม่ทันขาดคำ มาเรียลูส ก็กระแทกตัวขึ้นตะคอกใส่ ด้วยอารมณ์ที่เกินจะข่มเอาไว้
จน เฟรเซีย ต้องเข้ามาปรามและขอให้เธอใจเย็นลง

“ เมื่อครู่นี้ขออภัยด้วยค่ะ ทีหนูเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ที่จริงแล้วทั้งที่หนูเองก็รู้อยู่ว่า สึซาคุ ถูกสะกด ด้วย Genesis แล้วทำไมหนูถึงยังไม่คลายสะกดให้ตั้งแต่ตอนที่พบกัน น่ะไม่ใช่ว่าหนูทำไม่ได้ หรอกนะคะ แต่ถ้าจะให้ สึซาคุ ที่
เหมือนกับจะหลับไปนานตลอดหลายปีที่คอยรับใช้ ท่านพี่ โฟเนเรีย มารู้ถึงท่านพี่ที่เปลี่ยนไป แบบนี้มัน.. ”

มาเรียลูส กล่าวพลางกัดฟันข่มความรู้สึกที่อัอแน่นอยู่ในอกเอาไว้ จนกระทั่งน้ำตาไหลรินออกมา
ได้ทำให้ ลูเทเซีย เข้าใจถึงความรู้สึกของ น้องสาวตนเองขึ้นมา ตลอดหลายปีที่แยกกันอยู่

พวกเค้าทั้งสอง ต่างต้องประสบอะไรมาบ้างก็สุดจะคาดเดา การที่ทั้งสองจะเปลี่ยนไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหาก
แต่ความทรงจำนั้นก็ช่างโหดร้าย  เพราะมันไม่อาจทำให้เราลืมตัวตนที่เขาเคยเป็นได้และทำให้ไม่อาจยอมรับในตัวตนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ได้ด้วย


“ มาเรีย พี่ขอโทษด้วย แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ บริทเทเนอร์ก็จะไม่มีอีกต่อไป  Empyrean Adjust ที่มีอำนาจทำลายล้างขนาดนั้น ถ้าพี่ไม่หยุดไว้แล้วให้ความร่วมมือกับพวกเขา ก็จะไม่มี บริทเทเนอร์ ในตอนนี้  ”
ลูเทเซีย กล่าวจบ มาเรียลูส ก็ไม่อาจข่มน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป
ท่ามกลางความเงียบสงัดที่มีเพียงเสียง ร่ำไห้ของ หญิงสาว ผู้ชอกช้ำจากชะตาชีวิตที่บิดโผ

……………..
…………………

“ นี่งานรอบนี้ใหญ่กว่าคราวที่แล้วมากเลยนะ ”
เสียงของชายในชุดคลุม ดังขึ้นภายในห้อง รับรองแห่งหนึ่ง
เขาจ้องไปที่ชายสวมชุดคลุมสีดำ ใส่หมวกเบเล่ย์ สีดำตัดลายขาว มือทั้งสอง กุมขมับอยู่ที่ หัวไม้เท้า
หันหน้าเข้าหาหน้าต่าง โดยยืนหันหลังให้ชายชุดคลุมที่เข้ามารายงาน

“ จะให้จัดการ กับ กษัตริย์องค์ใหม่ แห่ง บริทเทเนอร์ กับ เจ้าหญิง ไปพร้อมๆกันในวันส่ง กษัตริย์ลูเทเซีย
กลับใช่ไหม ”
ชายที่หน้าไปทางหน้าต่างตอบ

“ ใช่เพราะวันนั้น เป้าหมายจะมาอยู่กันพร้อมหน้า เป็นโอกาสเหมาะที่ เราจะแก้ตัวเรื่องงานที่เราพลาดในครั้งที่แล้วนะ เชอร์โนบิอาส(Chernobias, the Dark Sorcerer) ”
ชายชุดคลุมกล่าวก่อนที่ เชอร์โนบิอาส จะหันกลับมา ใบหน้าของ เขาสวมทับด้วยหน้ากากสีดำ



“ ยังไงซะคราวนี้ เจ้า อัศวินมังกรนั่นจะต้องโผล่มาอีกแน่ ครั้งนี้ข้าจะลงไปจัดการเอง ”
เชอร์โนบิอาส กล่าวก่อนจะเดิน ออกจากห้องไป

…………………..
………………………..

ยาน Albus

“ เรื่องคราวก่อน ทางเราไม่คิดว่าทำเกินไปหรอกนะคะ…อีกอย่างพวกคุณเองที่เป็นทีมแทรกแซง ก็ไม่มีสิทธิจะพูดแบบนั้นด้วย ที่พวกเราทีม รวบรวมข้อมูลต้องมาช่วยเหลือ พวกคุณก็เลยทำให้ ต้องเปิดตัวความสามารถของ Crisiser 005 ออกมาก่อนเวลาอันควรด้วย…. ”
หญิงสาวซึ่งเป็น Valkyrier ที่ใช้อาวุธบินยิงกวาดล้างขุมอำนาจ ของ บริทเทเนอร์ กล่าวบ่นอย่างไม่พอใจ
ในการทำงาน ของทีม Celestial Saber ผ่านทางจอสื่อสารภายในห้องบังคับการ


“ แต่เรืองนั้นน่ะ ฮูกีนมูนีน ก็ออกคำสั่งให้พวกเธอมาเองนี่ ทางเราไม่ได้ขอร้องซักหน่อย ”
อีลูมีเซ่ สวนกลับไปด้วยความขุ่นเคืองที่โดน อีกทีมดูถูก

“ นั่นก็เพราะ ฮูกีนมูนีน ประเมินแล้วว่า พวกคุณนั้นไร้ศักยภาพในการทำงานน่ะสิถึงได้ออกคำสั่งมาแบบนั้น  ”
เธอสวนกลับ อีลูมีเซ่ ซะจนพูดไม่ออก ได้แต่ทำหน้าขึงขัง

“ เรื่องที่พวกเราล้มเหลวไม่ขอปฏิเสธหรอกนะแต่ หลีเม่ย(Rymei) ที่ให้พวกเรา หยุดทำการแทรกแซงชั่วคราวนี่หมายความว่ายังไง ”
เอลิซ่า กล่าวตัดบทขึ้นมาทำให้ หลีเม่ย หันมาสนใจ


“ ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ หลังจากที่ดิฉันรายงาน เรื่องที่เกิดขึ้นที่ บริทเทเนอร์ แล้ว ฮูกีนมูนีน ก็มีคำสั่งให้ หยุดการแทรกแซงชั่วคราวน่ะค่ะ เพราะว่าต้องการให้เวลากับการจับตาดู เทอร่า อีกซักหน่อย ”
หลีเม่ย กล่าวเสียงเย็น ซึ่ง เอลิซ่า ก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับท่าทีของเธอ

“ อ้อแล้ว ก็ขอเตือนอะไรไว้หน่อยนะคะ ข้อมูลนี้ทางเรายังไม่ได้ป้อน เข้าไปที่ ฮูกีนมูนีน
หรอกค่ะ ตอนนี้พวกเรากำลังตกเป็นเป้าของพวก กลุ่มก่อการร้ายทั่วโลก แล้วก็ตอนนี้
เองก็ได้ข่าวว่า กลุ่มมาราดัน กำลังหมายตาอยู่ที่ โลกอส  รายละเอียดฉันเองก็รู้ไม่มากซะด้วย ลาล่ะค่ะ ”
สิ้นคำ เธอก็ตัดการติดต่อไปในทันทีทิ้งไว้เพียง ข้อมูล ของกลุ่มก่อการร้ายเท่านั้น

“ กำลังหมายตามาที่ โลกอส งั้นเหรอ พวกมันต้องการอะไรกันแน่นะ ”
เอียน กล่าวถามขึ้นอย่าง งงๆ

“ ความต้องการของพวก ก่อการร้ายนี่ก็คือการขายอาวุธ สงครามให้กับประเทศที่ต้องการทำสงครามนี่นา แล้วทำไม
ถึงได้หมายตา โลกอส ที่ต่อต้านการทำสงครามน้า ”
ลูลู่ เปรยขึ้นอย่าง งงๆเช่นกัน ทว่ามีเพียง เอลิซ่า เท่านั้นที่นั่งคิดอยู่เงียบๆก่อนจะ ฉุกคิดขึ้นได้

“  ลูลู่ ช่วยเช็ค กำหนดการ สำคัญภายในประเทศ ของ โลกอส ให้ทีนะเอาช่วงประมาณตั้งแต่ต้นสัปดาห์ถัดไปน่ะ ”
เอลิซ่า กล่าวอย่างร้อนรน จนทำให้ทุกคนสงสัย แต่ ลูลู่ ก็จัดการทำตามที่เธอสั่ง จนได้ข้อมูล
ที่ต้องการ

“ มีกำหนดการ พิธีส่งกษัตริย์ลูเทเซีย กลับสู่ประเทศ โดย เจ้าหญิง มาเรียลูส พระองค์จะเสด็จ
ไปส่งด้วยตัวเอง ในวัน Ignis ที่ 4 ของเดือน Andrew ที่ท่าอากาศยานหลักค่ะ ”
ลูลู่ รายงานจบ เอลิซ่า ก็ถึงกับหน้าซีดไปในทันที


“ อย่างนี้นี่เอง ที่พวกมันหมายตาเอาไว้ ถ้าเกิด ผู้นำของสองประเทศ มหาอำนาจถูกปองร้ายขึ้นมา
ก็จะทำให้เกิดความขัดแย้ง และที่จะตามมาก็คือ…สงครามครั้งใหญ่ ”
เอลิซ่า กล่าวขึ้นมาการวิเคราะห์ ของเธอทำให้ลูกเรือทั้งยานได้ตระหนักแล้วถึงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น


………………
…………………….
…………………………

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #43 on: March 11, 2009, 06:34:10 PM »

ภายในห้องบังคับการ ที่มีลักษณะเหมือนกับของ ยาน Albus

“ ทำไมถึงบอกข้อมูลให้พวกเขาไปล่ะคะ ”
หญิงสาวผมสีทองยาวสลวย มีปอยผมสองปอย ยื่นแถวหน้าผาก
กล่าวถาม หลีเม่ย ซึ่งเธอเป็น หนึ่งใน Valkyrier ที่เข้าร่วมแทรกแซง กับ หลีเม่ย ในวันนั้น

“ ผิง(Ping) เธอเองก็รู้อยู่แล้ว ทีมของเราไม่มีสิทธิ แทรกแซงเองตามใจชอบ ”
หลีเม่ย กล่าวตอบยังไม่ทันจบ ประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับที่ชายผมสีฟ้าเทา เดินเข้ามาในห้อง

“ เพราะงั้นก็เลยวานให้ทางนั้น ช่วยจัดการแทนงั้นสินะ ”
ชายคนนั้นกล่าวต่อให้จนจบ

“ หลง(Long) เองเหรอ นึกว่าไปไหนมาซะอีก ”
หลีเม่ย กล่าวก่อนจะหันกลับไปที่จอมอนิเตอร์

“ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน เป็นการก่อการร้าย แกก็จะต้องมาแน่ใช่ไหม Dragoon ”
หลีเม่ย คิดก่อนที่จะลำลึกย้อนไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อไม่กี่วันก่อนที่เข้าทำการแทรกแซง บริทเทเนอร์

“ เมื่อก่อนคุณทวดเคยบอกเอาไว้ว่า เมื่อใดที่ เทอร่า พบกับภัยพิบัติ จะปรากฏ อัศวินมังกรเทพ ออกมาปราบกลียุค
คุณทวดท่านเล่าว่าเคยเห็น มาแล้วล่ะร่างของอัศวินมังกรเทพ ที่ส่องสว่างไสว งดงามราวกับพญาหงส์
วจีอันงดงาม ที่จะขจัดซึ่งความกลัว คุณทวดท่านจำได้แค่ว่า อัศวินตนนั้นเป็นร่างอีกภาคหนึ่งของ อัศวินทาลิวิลย่า.. ”

ประโยคหนึ่งดังก้องขึ้นในหัวของเธอ มันเป็นประโยคที่ใครคนหนึ่งเคยพูดไว้กับเธอ ซึ่งเธฮเคยลืมมันไปนานแล้ว
จนกระทั่งได้พบ กับอัศวินมังกรกายสีขาวท่วงท่าสง่าราวพญาหงส์ ชายที่ชื่อ Dragoon ได้ปรากฏตัวต่อสายตาของเธอที่จับจ้องไปยังร่างของ อัศวินมังกรตนนั้น  ในตอนนั้นความรู้สึกของเธอ ครุกรุ่นและไม่สามารถบอกได้ว่าอะไร
ทำให้เธอเกิดความรู้สึกนั้น

“ คอยดูเถอะ ฉันจะต้องสืบหาตัวจริงของแกให้ได้… ”
หลีเม่ย คิดขณะที่จอมอนิเตอร์ นั้นแสดงแผนที่ซึ่งจุดมุ่งหมายที่ยานกำลังมุ่งหน้าไป คือโลกอส

……………..
…………………
……………………….

ย่านการค้า ใกล้ตลาดท่าเรือ บาร์ซิงเซย์

แถบย่านการค้านี้ เป็นศูนย์รวมของความบันเทิง ทุกรูปแบบ ตั้งแต่โรงภาพยนตร์ โรงละคร
ห้างสรรพสินค้า  และอื่นๆอีกมากมาย

“ ยืนยันเป้าหมายมาถึงจุดนัดพบแล้ว ”
เรกกะ กล่าวใส่ หน้าปัดสายคาดข้อมือ ซึ่งเสียงของเขาถูกส่งขึ้นไปยังห้องบังคับการของ ยานไซเบอร์ลิก้าดราก้อน
ได้ในทันที

“ นี่ๆเราไม่ได้มารบซะหน่อย ไม่ต้องเป็นทางการขนาดนั้นก็ได้ ”
มาธิอัส กล่าวด้วยความหน่ายใจ กับความกระตือรือร้น ที่ไม่เป็นเรื่อง
ของ เรกกะ

“ ไม่ยักรู้แฮะว่าหมอนี่มีนิสัยชอบสอดเรื่องคนอื่นแบบนี้น่ะ ”
R2 กล่าวกับมาธิอัส ด้วยความทึ่งกับความสนใจของ เรกกะ

“ เปล่าหรอก นั้นน่ะไม่ใช่สายตาของคนชอบสอดหรอก ชั้นว่าเขาคงจะเป็นห่วงน่ะ ”
มาธิอัส กล่าว ขณะที่คอยจับตามอง เรกกะ ผ่านทางจอมอนิเตอร์ของ ยาน

“ เป็นห่วงเหรอ ”
R2 กล่าวอย่าง งงๆ กับคำพูดของ มาธิอัส

“ เธอคงไม่เข้าใจสินะ เรกกะ น่ะไม่เหลือใครในครอบครัวเลย ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวมาตลอด
พอมีคนที่สำคัญคนที่อยากปกป้องขึ้นมาก็เลย อดเป็นห่วงไม่ได้ถึงต้องตามมาดูยังไงล่ะ ก็นี่ล่ะน้า…มนุษย์ล่ะ ”
มาธิอัส กล่าว เสียงเรียบ

“ หือ… ”
R2 เปรยด้วยความผิดสังเกตในคำพูดของ มาธิอัส

“ อ…อ๋อ อย่าใส่ใจเลย ชั้นก็พูดไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหล่ะ  ”
มาธิอัส กล่าวตัดบทไปซึ่งแม้จะยังติดใจ แต่เธอก็ตัดใจไม่เซ้าซี้ต่อ

“ อ้ะ..ไอ มาแล้วล่ะ สองคนนั่นกำลังจะเดินไปแล้ว ชั้นตามไปเลยละกันนะ..เอ๋ ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นทว่าน้ำเสียงของเขาก็ทำให้ ทั้งสองแปลกใจ

“ มีอะไรเหรอ ”
เสียงของ มาธิอัส ที่ถามถึงเสียงผวา เมื่อครู่ของ เรกกะ ดังขึ้นจากหน้าปัดบนสายคาดข้อมือที่คาดอยู่ที่ข้อมือซ้าย

“ สองคนนั่น กำลังพวกถูกพวกจิ๊กโก๋ ไถอยู่ ”
เรกกะ กล่าวซึ่งขณะนี้ เฟนท์ กับ ไอ กำลังถูกพวกนักเลง ล้อมเอาไว้ซึ่งไอก็ได้แต่ตัวสั่นหลบอยู่หลัง เฟนท์
ทว่าทาง เฟนท์ เองก็หวั่นไม่แพ้กัน

“ ท…ทามงายดี ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างล่ะก็ เจ้าเฟนท์ ยิ่งขี้แย อยู่ด้วยืนปล่อยไว้ เดทล่มแน่ ”
เรกกะ กล่าวอย่างร้อนรน ขณะที่พยายามคิดหาทางแก้ไขสถานการณ์

“ ย..เย็นไว้ก่อนสิ เรกกะ นี่มันใช่เรื่องของนายซะที่ไหนแล้วอีกอย่าง คนที่จะทำเดทของสองคนนั่น ล่มน่ะน่าจะเป็นนายซะเองมากกว่า  ”
เสียงของ มาธิอัส ดังขึ้นเพื่อจะเตือน สติ เรกกะ ที่ดูจะไปกันใหญ่

“ จ…จริงสิ ป…แปลงร่างไง ”
เรกกะ เปรยขึ้นพร้อมกับ คว้าเอาเข็มขัดที่ติดตลับไพ่เอาไว้ขึ้นมา

“ เฮ้ย..ไม่ได้นะ เรกกะ จะให้ความแตกรึไง ”
มาธอัส รีบปรามไว้ก่อนทันที ทว่าอยู่ๆ เสียงของ เรกกะ ก็เงียบหายไป

“ เรกกะ…เรกกะเป็นอะไรไปน่ะ เรกกะ ”
เสียงของ มาธิอัส ดังขึ้นหลายครั้งจาก หน้าปัดสายคาด

“ หนวกหูน่าแค่จัดการพวกลูกนกนั่นก็พอแล้วใช่ไหม ”
เสียงทาง เรกกะ ดังตอบกลับมา ทว่าไม่ใช่เสียง ของเรกกะ แต่เป็นเสียงที่ดูเหี้ยมเกรียม
ประดุจนับรบเถื่อน

“ ร…เรกกะ ..นี่หรือว่า …โดนร่างจิตของ ทาลิฯ สิงอีกแล้วน่ะ ”
R2 เปรยตะกุกตะกัก กับกิริยา อาการของฝ่ายนั้น

“ แบบนี้ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม แต่ไม่ใช่ ทาลูคัส แน่นอน ”
มาธิอัส เสียงเรียบอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“ น…นี่จะดีเหรอปล่อยไว้แบบนี้น่ะ ”
R2 กล่าวเพื่อเร่งให้ มาธิอัส ทำอะไรเข้าซักอย่าง

“ ดีไม่ดี ไม่รู้ล่ะ แต่ที่แน่ๆหมอนั่นน่ะ เข้าไปแล้ว ”
มาธิอัส กล่าวขณะที่ชี้ไปที่ มอนิเตอร์ ซึ่ง เรกกะ ย่างสามขุม ตรงเข้าไปหากลุ่มเป้าหมาย


“ ว่าไง น้องหนูหน้าตาใช้ได้เลยนี่ เลิกสนไอ้หยองกรอดนี่แล้วมาสนุกกับพี่ดีกว่านะจ้ะคนสวย ”
นักเลงลูกพี่ ในกลุ่มกล่าวพร้อมกับกระชาก แขนของ ไอ ทว่า เธอก็ยื้อไว้แต่ก็สู้แรงไม่ไหวจึงถูกกระชกออกจากตัว เฟนท์ ส่วน เฟนท์ เมื่อจะเข้าไปช่วย ก็ถูกพวกลูกน้องมารุมเอาไว้

“ เฮ้ย ไอ้น้อง ลูกพี่เรากำลังสนุก อย่ามาแส่น่า ”
“ ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็รีบกลับไปซะไป๊ ”
พวกนักเลง กล่าวข่ม เฟนท์ ซึ่งได้แต่ยืนหงอให้ พวกมันเหยียดหยาม

“ ยังจะมายืนสั่นอยู่อีก…ฮึ้ยเห็นแกแล้วอยากอัดซักเปรี้ยงว่ะ ”
นักเลงลูกน้องคนหนึ่งในกลุ่มเกิดหมันไส้ ก่อนจะยกกำปั้นขึ้น ทว่ายังไม่ทัน
จะต่อย ก็โดน เรกกะ เอาเท้ายันหน้าจนล้มผับไป

“ มารังแกคนอ่อนแอ่ แบบนี้พวกแกมันก็แค่ขี้ๆแหล่ะน่า ”
เรกกะ สบถ ใส่ขณะที่ ออกแรงกดเท้าเหยียบ ข้อมือของ นักเลงดวงชวยที่ถูก ถีบไปเมื่อครู่
จนหัก

“ เฮ้ย แกเป็นใครวะ มาทำพวกข้าได้ เดี้ยสวย ”
“ แน่นักรึไงห๊า ”
“ เดี๋ยวจะเอาให้ศพไม่สวยเลย ”
พวก นักเลง กล่าวข่มพร้อมกับรุมเข้ามาหา เรกกะ

“ เออ..กระจอกอย่างพวกแกน่ะ จะมาซักกี่คนก็ไม่พอหรอกเฟ้ย ”
เรกกะ กล่าวขณะที่ ไอ กับ เฟนท์ ได้แต่ยืนตะลึงกับสถานการณ์ในตอนนี้
ซึ่งไม่นานนัก พวกนักเลงก็ลงไปนอนกองกันเป็นแถบ
เหลือแต่เพียงตัวหัวหน้าเท่านั้น

“ เห้ย..แล้วแกล่ะ…ว่าไงจะเอากะเค้าด้วยใช่ป่ะ ”
เรกกะ สบถใส่ ซึ่งเจ้านักเลงตัวหัวโจก ก็ถึงกับผวาไปในทันที

“ ย..อย่าทำผมเลยก๊าบ คุณพี่ ”
เจ้านักเลงหัวโจก ถึงกับนอบน้อมขึ้นมาทันตา

“ เอ๊าเอ้า..มาเรียกคุณพี่..คุณพี่เหรออยากโดนนักใช่ไม๊ ”
เรกกะ สบถเบียนเสียง ใส่ข่มซะจน เจ้านักเลงหัวโจก หงอไปเลยทีเดียว

“ เอ๊า ยังมาสะเหร่ออยู่อีก ปล่อย ยัยนั่นมาแล้วรีบไสหัวไปซะ ”
เรกกะ ขู่ใส่ ก่อนที่เจ้า นักเลงหัวโจกจะรีบปล่อยมือ พร้อมกับลากตัว ลูกน้องแล้วหนีหายไปทันที

“ เฮอะไอ้พวกเก่งแต่ปากนึกว่าจะแน่ ”
เรกกะ สบถก่อนจะเดินจากทั้งสองไปทิ้งไว้แต่เพียงความประหลาดใจ

“ ตะกี้…เรกกะ ไม่ใช่หรอ ”
เฟนท์ เปรยด้วยความตะลึง

“ ค..แค่คล้ายๆ…ล่ะมั้ง เรกกะ ตัวจริงเค้าคงไม่โหดขนาดนี้หรอก…มั้งนะ ”
ไอ เปรยด้วยความตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่ผ่านไปเช่นกัน

“ น…นี่เดี๋ยวสิ..นี่นายเป็นใครกันน่ะ ทาลูคัส เหรอ ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นภายในจิตใจ ขณะที่ตัวเค้า เดิน ห่างออกมาจาก
พวก เฟนท์ ที่ยังคงตะลึงกันอยู่

“ อย่าเอาชั้นไปเหมารวมกับเจ้านกเผือกนั่นนะ ”
เสียงของจิตใจที่คุมร่างนี้อยู่ดังขึ้น

“ ตะกี้ เจ้าว่าใครเป็นนกเผือก..หือ ”
เสียงของ ทาลูคัส ดังขึ้นมาบ้าง

“ นั่น ทาลูคัส เหรอ…ล…แล้วนี่ใครล่ะ  ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นอย่างร้อนรน กับผู้มาเยือนรายใหม่

“ โอย ถามอยู่นั่นแหล่ะ เข้าใจแล้วๆ เอาร่างคืนไปเลย คนเค้าอุตส่าห์ ช่วยหึ ”
สิ้นเสียง จิตนั้นก็หายไป พร้อมกับที่ เรกกะ ได้สิทธิ์ ในการคุมร่างกลับมาเป็นของตัวเอง

“ ว่าแต่ สองคนนั่นไปไหนกันแล้วนะ ”
เรกกะ กล่าวพร้อมกับหันกลับไป สองนนั่น ก็ไม่อยู่แล้ว

“ หวา..เผลอแปปเดียว ไปไหนซะแล้วเนี่ย …โธ่”
เรกกะ บ่นด้วยความไม่พอใจ ตอนนี้พวกเขาคลาดกันซะแล้ว

…………..
……………….

ท่าอากาศยานหลัก แห่งโลกอส

ขบวนเสด็จ ของ ลูเทเซีย กับ มาเรียลูส ได้มาถึงโดยพร้อมกันแล้ว
และกำลังจะเริ่มพิธี อำลา โดยส่ง กษัตริย์ ลูเทเซีย กับราชองครักษ์ สึซาคุ ขึ้นเรือบิน
ขณะที่ กำลังอำลากันนั้น เจ้าหญิงมาเรียลูส ก็ตรัสบางอย่างกับ ลูเทเซีย

“ ท่านพี่คะแล้วเมื่อวานหลังจาก คลาย Genesis ให้ สึซาคุ แล้ว เป็นยังไงบ้างคะ ”
มาเรียลูส ถามถึงอาการของ ราชองครักษ์ สึซาคุ ที่เธอคลายมนต์สะกดของ Genesis ให้ไปแล้ว

“ ขอบคุณทรงเป็นห่วงกระหม่อม แต่กระหม่อมไม่เป็นไรแล้ว ต้องขอบคุณพระองค์ที่ช่วกระหม่อมเอาไว้พะย่ะค่ะ ”
สึซาคุ กล่าวอย่างนอบน้อม ซึ่งเมื่อรู้ว่าเขาสบายดี เธอก็โล่งใจ

“ เฟรเซีย ขอมาสินะว่าไปแล้วตั้งแต่มาเจอกันนี่ เธอยังไม่ได้คุยกับสึซาคุ เลยนี่ไม่เจอกันนานเลยไม่ใช่เหรอ ”
ลูเทเซีย กล่าวทำเอาองครักษ์ ทั้งสองจ้องหน้ากันไม่ติด

“ อ้าวนี่ ชั้นพูดอะไรผิดไปหรือไงเนี่ย ”
ลูเทเซีย กล่าวหยอกๆซึ่งก็ทำเอา มาเรียลูส หน่ายอยู่ไม่น้อย

“ แย่แล้ว พวกผู้ก่อการร้าย มัน…อ็าคค ”
เสียงตะโกนของ ยามรักษาการณ์ คนหนึ่งดังขึ้น ก่อนที่ร่างจะถูก คลื่นรังสีที่ร้อนจัดราวกับเปลวเพลิง
เผาผลาญจน น้ำระเหยแห้งออกจากร่าง กลายเป็น ศพแห้งๆไปในทันที
ก่อนที่ ฝูง เทอเรี่ยนปีกคำสาปที่เคยบุก ตลาดท่าเรือ บาร์ซิงเซย์ คราวก่อน จะแห่กันเข้ามาโจมตี
โดยมี มังกรร่างยักษ์ ซึ่งกายห่อหุ้มด้วย เพลิงรังสี ที่ใช้สังหาร ยามคนเมื่อครู่ไป

บรรดา องครักษ์ และทหารรักษาการ ต่างรีบเข้ามา อารักขา สองผู้นำในทันที
Gazor รูนโกเลม ของบริทเทเนอร์ ถูกนำ ออกมาจากเรือบิน พระที่นั่ง ของ กษัตริย์ลูเทเซีย

เพื่อต่อกร กับมังกรรังสี(Radioactive Dragon) ไม่เว้นแม้แต่ ทหารจักรกล ของ โลกอส
TR-S400k ซึ่งเป็นอาวุธจักรกลขนาดเท่ามนุษย์ของ โลกอส ก็ถูกนำเข้ามาต่อกรกับ ฝูงเทอเรี่ยน
ทว่า แม้จะพอต่อกรกับ เหล่า เทอเรี่ยนได้ แต่ก็ไม่อาจทานอำนาจของ มังกรรังสีได้เลย

“ คุรูรูกิ สึซาคุ Lancelot เข้าทำลายเป้าหมาย ”
สิ้นเสียง Dark Steel Guardian ของ สึซาคุ Lancelot ก็ได้เข้าปะทะ กับ มังกรรังสี ทว่ารังสีของมันทำให้ ไม่อาจเข้าใกล้ได้เพราะอาจเป็นอันตรายกับตัวนักบิน

“ ม..ไม่ไหวหรอก สึซาคุ Lancelot ที่เน้นสู้ประชิดน่ะ ถ้าขืนเข้าใกล้ล่ะก็นายได้ละลายแน่ ”
ลูเทเซีย พยายามปราม เอาไว้ ทว่า สึซาคุ เองก็จะถอยไม่ได้ เพราะ มังกรรังสีเองก็ใกล้เข้ามาหา ลูเทเซีย กับ มาเรียลูส
เสียแล้ว

“ โคโรโรว่า เฟรเซีย (Cororowa Fleasia) Gilgamaze เข้าประจัญบาน ”
เสียง หนึ่งดังขึ้นพร้อมกับที่ ลำแสงถูกยิงใส่ร่างของ เจ้ามังกรร้าย จนมันต้องถอย
ห่าง เฟรเซีย ซึ่งบังคับ Gazor Cybertica Wings  ซึ่งเป็นเครื่องประจำตัวของเธอ
ได้เข้ามาช่วยเหลืออย่างทันท่วงที



“ นี่ สึซาคุ นึกถึงเมื่อก่อนเลยนะ ”
การติดต่อจาก เฟรเซีย ดังขึ้นภายใน Cocpit ของ Lancelot

“ ที่สู้ร่วมกันน่ะเหรอ …หึก็น่าสนุกนี่งั้นมาแข่งกัน ว่าใครจะล่มเจ้ายักษ์นั่นได้ก่อน ”
สึซาคุ ตอบกลับไปที่ เฟรเซีย ก่อนที่ทั้งคู่ จะช่วยกันถล่ม มังกรรังสี
โดย Gilgamaze คอยยิงลำแสง ออกจากปีก สกัดคลื่นรังสี ที่มันสาดมา

และยิงทะลวงให้เกราะคลื่นรังสีที่อาบร่างของมัน กระจายตัวออก เพื่อที่ Lancelot 1จะได้เข้าประชิดได้
ทันทีที่ สึซาคุ บังคับ Lancelot เข้าไปใกล้ได้สำเร็จ ดาบคู่ก็ตวัด เชือดเจ้ามังกรร้ายจนสิ้นลาย ในทีเดียว ก่อนที่มันจะระเบิดตัวเองไปเพราะ ความสมดุลของรังสีในตัวปั่นป่วน

“ สมแล้วที่เป็น Gilgamaze กับ Lancelot อันเลื่องชื่อลือชา ”
เสียงหนึ่งซึ่งเย็บเฉียบไปถึงขั้วหัวใจ ได้ดังลอยมาตามลม ที่พัดโหม อย่างรุนแรงก่อนที่จะสงบลง โดยพร้อมกัน
เหล่า เทอเรี่ยน ทั้งหลายต่างก้มลงหมอบคำนับ ราวกับสิ่งที่กำลังจะมานั้นคือเจ้าชีวิตของมัน

ในวินาทีนี้ ลูเทเซีย มาเรียลูส และคนอื่นๆต่างรับรู้ได้ทันทีที่ถึงอันตรายที่กำลังจะคืบคลานเข้ามา
ควันสีดำ ได้ล่องลอยเข้ามายังลาน ที่พวกเขาอยู่ ก่อนจะกระจายตัวออก พร้อมกับการปรากฏตัวของ
จอมเวทย์ดำ เชอร์โนบิอาส

“ กวาดล้างให้หมดแล้วเอาตัวสองคนนั่นมา ”
เชอร์โนบิอาส สั่งจบฝูงเทอเรี่ยนทั้งหมดก็ อาละวาดขึนพร้อมกันและดุดันยิ่งกว่าเดิม ควันพิษถูกพ่นออกมา
จากปากของพวกมัน จนคละคลุ้งไปทั่ว ยังผลให้ ทุกคนสลบไปในทันที ทว่า เชอร์โนบิอาสกลับยืนอยู่ท่ามกลาง
ควันพิษนี้ได้โดยไม่สะทกสะท้าน ด้าน ลูเทเซีย กับ มาเรียลูส นั้น สึซาคุ ให้ Lancelot โอบทั้งสองคนขึ้นมาบนมือ
แล้วยกขึ้นเหนือกลุ่ม หมอกพิษ เพื่อมิให้ หมอกทำอันตรายทั้งสองได้

“ สึซาคุ ฝาก ท่านมาเรียลูส ด้วยนะ ”
เฟรเซีย ติดต่อไปที่  Cocpit ของ Lancelot ก่อนจะขับ Gilgamaze บุกเข้าประชิด เชอร์โนบิอาส
ทว่า ก็ถูกฝูง เทอเรี่ยนกระโจน กระแทกพร้อมกันหลายๆตัว จนทำให้เครื่องเสียหลัก ล้มลง

ขณะที่ เชอร์โนบิอาส ค่อยสาวเท้าเดินเข้าไปหา Lancelot แม้ สึซาคุ จะพยายามสู้ด้วย ดาบเพียงมือเดียว
แต่เพราะต้องคอย คุ้มกัน ทั้งสองคนที่อยู่อีกมือไว้ด้วย จึงทำให้ไม่สามารถ รุกเข้าไปจัดการกับ เชอร์โนบิอาส
ได้ เพราะต้องคอยสกัดการจู่โจมจาก พวกเทอเรี่ยนไปพลางด้วย

“ แด่เสียงครวญแห่งรัตติกาล จงนำทางทุกสรรพสิ่งดำดิ่งสู่ก้นบึ้งกลืนกิน เหลือเพียงเวลาหวนกลับคืนสู่ภิพบ
Darkness Swallow ”
เชอร์โนบิอาส ร่ายคาถาจบก็กระแทกปลายไม้เท้าลง จนเกิดความมืดแผ่ขยายวงไปบนพื้น ก่อนที่ Lancelot จะค่อยๆจมลงไปในนั้นอย่างช้าๆ โดยไม่สามารถขยับหนีออกจาก หลุมดำนั้นได้

“ ข..ขยับไม่ได้เลย ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ล่ะก็ หนอย… ”
สึซาคุ สบถกับตัวเองขณะที่ พยายามโยกคันบังคับเพื่อให้ Lancelot ขยับ ทว่าก็ไร้ผล
ได้แต่ขบกรามด้วยความเจ็บแค้นที่เสียทีให้แก่ศัตรู จึงตัดสินใจ ให้ Lancelot ยกแขนขึ้นให้สุด

 เพื่อที่จะได้
ลงไปยังกลุ่มหมอกช้าลง ส่วนมืออีกข้างนั้นถูกความมืดดูดกลืน ไปแล้วจึงไม่อาจขยับขึ้นมาได้
ครั้นจะเปิด cocpit ออก ประตูเครื่องก็ไม่ทำงานด้วยเช่นกัน


“ หึๆ ดิ้นรนเข้าไป ยังไงซะทิ้งเอาไว้อีกเดี๋ยวพวกแกก็ต้อง จมควันพิษตายหรือไม่ก็ จมหายลงไปในความมืดนี่แหล่ะ แต่จะอย่างนั้นก็ถือว่างานสำเร็จได้ด้วยดีทั้งนั้น ล่ะนะ ”
เชอร์โนบิอาส กล่าวซึ่งคำพูดนั้นได้ยินไปถึง มาเรียลูส เข้า

“ นี่เมื่อกี้บอกว่าเป็นงานใช่ไหม…บอกมานะใครจ้างแกมาทั้งวันคราวนี้แล้วก็คราวที่บาร์ซิงเซย์ ”
มาเรียลูส กล่าวถาม ทว่า เชอร์โนบิอาส กลับทำเป็นไม่สน แต่เมื่อคยั้นคยอ นานเข้าเขาจึงตะคอกตอบด้วยความไม่พอใจ โดยซ่อนสีหน้าอันโกรธเคืองไว้ภายใต้หน้ากากเหล็ก สีดำทมิฬ นั่น

“ หยุดกระเซ้ากระซี้ ซะที.. ให้ตายสิผู้ว่าจ้างเป็นใคร ข้าก็ไม่รู้หรอก
เพราะข้าแค่รับงานมาตามที่จ้างแล้วก็ทำให้สำเร็จสำหรับข้าเท่านั้นก็พอแล้ว ”
 เชอร์โนบิอาส ตอบกลับไปอย่างหัวเสีย ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างขัดใจอยู่

“ เชอะ ตั้งแต่เริ่มทำการมา นี่ก็ผ่านมานานแล้วนะ เจ้านั่นมันอยู่ที่ไหนกัน…ไอ้เจ้าคนที่ขัดขวางแผนของเราคราวที่แล้วมันจะต้องมาแน่….เอาเถอะถึงยังไงซะ กว่ากองรักษาการณ์จะมาถึง งานของเราก็เสร็จแล้ว ที่เหลือก็แค่พวก Empyrean Adjust แต่เอาเถอะพวกมันไม่กล้ามาแน่ เพราะถ้ามาล่ะก็…. ”
เชอร์โนบิอาส คิดขณะที่เฝ้ารอคอยให้เป้าหมายของเขาปรากฏตัวขึ้น

…………………
………………………

“ เฟนท์ ถ้ายังไงการแทรกแซงคราวนี้อย่าให้ เอิกเกริกมากนะ เพราะคราวนี้เป็นแบบเดียวกับการก่อการร้าย
ที่บาร์ซิงเซย์ แค่ถ่วงเวลาไว้จนกว่า หน่วยความปลอดภัย จะไปถึงก็พอ ถ้าหากเข้าไปแทรกแซงตรงๆอาจทำให้
เกิดความเข้าใจผิดระหว่างเรากับโลกอสได้ ”
การติดต่อโดยตรงแบบข้อความจากยาน Albus ได้ปรากฏขึ้นบนจอ เครื่องสื่อสารของ เฟนท์ ขณธที่พวกเขาออกมาจากดูภาพยนต์เสร็จ โดยที่ ไอ ไปซื้อเครื่องดื่ม และให้เค้ารออยู่ที่ม้านั่ง ในสวนสาธารณะ

“ แล้วพี่กับคนอื่นๆจะมาด้วยไหมครับ.. ”
เฟนท์ เขียนข้อความถามกลับไป ก่อนทีข้อความตอบกลับจะส่งมาทันที

“ ไม่หรอก เฟนท์ งานนี้เธอต้องลุยคนเดียว เพราะเราจะให้ใครรู้ไม่ได้ว่า เราได้ทำการแทรกแซงแล้ว
และที่ให้เธอไป เพราะเธออยู่ใกล้ที่สุด พิกัดฉันส่งไปให้แล้วนะ ”
ทันทีที่ เฟนท์ อ่านข้อความเสร็จ ก็รีบตอบกลับต่อในทันที

“ แต่ว่าตอนนี้กองรักษาการณ์ คงไปไม่ทันเวลาแน่ครับ เพราะเมื่อครู่นี้ ถนนเส้นที่จะไปสนามบิน
เกิดระเบิดขึ้น คาดว่าจะเป็นฝีมือพวกมันด้วย ตอนนี้คณะของกองรักษาการณ์เลยติดอยู่ที่นี่ หมดเลย
ถ้ายังไงจะให้จัดการไปเลยไหมครับ ”
ทันทีที่ส่งข้อความกลับไป เฟนท์ ก็รีบลุกจากม้านั่ง แล้วออกเดินไปยังตู้โทรศัพท์ ใกล้ทันที


“ ถ้างั้น ในส่วนของภารกิจให้เธอตัดสินใจตามสถานการณ์ หากเห็นว่าท่าไม่ดีแล้ว ให้ถอนตัวทันที ”
ข้อความตอบกลับมาจบ เฟนท์ ก็พับหน้าจอ เครื่องปิดลง ก่อนจะเปิดประตูตู้เข้าไป
และโดยส่วนใหญ่ผู้คนแห่กันไปมุงดูเหตุการณ์ที่ถนน กันหมดทำให้บริเวณนี้ปลอดคนลงไปมาก

“ เอาล่ะ… ”
เฟนท์ รำพึงก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด และค่อยผ่อนออก เพื่อทำใจให้เย็นลง
ก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบเอา เหรียญเงินออกมา
พร้อมกับดึงหัวเสียบของเครื่องมือสื่อสาร ออกมาต่อเข้ากับช่องเสียบที่โทรศัพท์ตู้ พร้อมกับยกหูโทรศัพท์ขึ้น
และหยอดเหรียญลงไป  สว่นมือข้างที่ถือ เครื่องมือสื่อสารก็กดนิ้วลงไปยังปุ่มที่ด้างข้างตัวเครื่อง


“ online เข้าไปยัง Channal ของ Albus รหัส หมายเลข 001 ”
สิ้นคำเฟนท์ ก็กดปุ่มหมายเลขบนโทรศัพท์ตู้ ลงไป โดยกดเลข 001
จากนั้นจึงรอเสียงสัญญาณ

“ Get Code ”
เสียงดังขึ้นจ ากเครื่องสื่อสาร เฟนท์ จึงวางหู ก่อนจะถอดสายเสียบออกจากตู้

“ Code Slash ทำการแปลงร่าง ”
สิ้นคำของ เฟนท์ เขาจึงกดนิ้วลงไปยังปุ่มข้างเครื่องอันเดิมอีกครั้ง เส้นสายข้อมูลซึ่งเป็น
แถบสั้นยาวสลับเรียงกันไปจะไหลออกมาคล้าย เส้นบาร์โคด ที่ยาวออกมาวนไปรอบแขน จากแขน

ไปไหล จากนั้นก็วนลามไปทั้งร่าง และทันที ที่กดปุ่มอีกครั้ง เส้นบาร์โคดก็รวมตัวเขากับร่าง
ก่อนจะกลายเป็นชุดเกราะ  Valkyrier ของเขา จากนั้นจึง ออกจาก ตู้โทรศัพท์ ทันที


“ เริ่มการปล่อย อนุภาค ”
เฟนท์ กล่าวจบ พลอยที่ประดับไว้ที่สนับมือทั้งสองข้าง ก็ปล่อยละอองประจุอิออน สีเขียวออกมา ห่อหุ้มร่างของเขาไว้
ก่อนจะบินตรงหายไปในท้องฟ้า

“ โทษทีนะ แฮ่ก..แฮ่ก พอดีที่ถนนเกิดเรื่องก็เลย..มีคนไปมุงกันเยอะ…กว่าจะฝ่ามาได้ก็….เอ่อ..เฟนท์ ”
ไอ ที่กลับมาถึงพร้อมแก้วเครื่องดื่มสองแก้ว กล่าวไปหอบไป  ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทว่าเธอก็ต้องชะงักไปเมื่อเฟนท์
ไม่อยู่เสียแล้ว

……………………..
…………………………

“ นี่ มาธิอัส อยู่บนนั้นน่ะ ช่วยดูให้ทีสิว่ามีอะไรกันรึเปล่า เมื่อกี้ เกิดระเบิดขึ้นกลางถนน รถชนกันเละเทะเลย
แถม หน่วยรักษาการณ์ยังมาก่อนระเบิดจะทำงานอีก ”
เรกกะ ติดต่อกลับไปที่ ยานขณะที่ตอนนี้ตัวเขาอยู่ไม่หางจากที่เกิดเหตุนัก
สภาพถนน ครุกไปด้วยเฟลวเพลิง และซาก ยานยนต์ ล้มคว่ำกระจาย ระเนระนาด เสียงไซเรน
ดังขึ้นไม่ขาด ขณะที่ หน่วยพยาบาลขนผู้ได้รับบาดเจ็บหามขึ้นเปล เสียงตะโกนและเสียงพูดคุยดังเอะอะ
อยู่ตลอดทั้งช่วงถนน


“ เรกกะ เมื่อครู่ที่สนามบิน มีการก่อการร้าย เกิดขึ้นชั้นจะให้ฟังวิทยุนะ ”
สิ้นเสียงจาก มาธิอัส เสียงรายงานข่าวเหตุการณ์ณ์ ก็ดังขึ้นแทน

“ ขณะนี้ ที่ท่าอากาศยานหลักแห่ง โลกอส ได้เกิดการจลาจล ในขณะพิธีอำลาการ ประชุมเชื่อมสัมพันธไมตรี
กับ บริทเทเนอร์ เมื่อเวลา บ่ายของวันนี้ ระหว่างที่ ทางการกำลังส่งหน่วยปราบปราม ไปเส้นทางคมนาคมก็เกิด
ปัญหา เกิดระเบิดขึ้นที่ ถนนทางหลักเส้นที่ 35 ทำให้การดำเนินการเป็นไปอย่างไม่ราบรื่น เดี๋ยวเราจะตัดไปที่คุณ
เนน่า นะครับ ”

“ ค่ะตอนนี้ดิฉัน ผู้สื่อข่าว เนน่า ทรินิตี้ (Neana Trinity) รายงานสดจากที่เกิดเหตุค่ะ จนถึงตอนนี้
แม้จะมีการเรียกหน่วยงานการจราจรมาช่วยเคลีย เส้นทางแล้ว ก็ยังไม่สามารถ ดำเนินการได้ในทันที
เพราะมีผู้เคราะห์ร้าย ได้รับบาดเจ็บ เพิ่มขึ้นเรื่อยแล้วค่ะ …. ”

ตูมมมมมมมม!

“ ว้ายยยย…ก…เกิดระเบิดขึ้นอีกแล้วค่ะ คราวนี้ที่ตึกฝั่งซ้ายของ ถนน เกิดระเบิดขึ้นอีกแล้วค่ะ
ซากตึกถล่มลงมาปิดถนน ค่ะตอนนี้มีรานงายจำนวนผู้เคราะห์ร้าย เพิ่มขึ้นมาอีกแล้วค่ะ มีรายงานว่า ทางกองทัพยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ เพราะเกิดเหตุระเบิด ขึ้นใกล้ๆกับหน่วยกองพันรักษาการณ์หลัก ตั้งแต่เมื่อคืนวาน ทาง กองการอื่นๆจึงไปรวมกันที่นั่นหมดแล้วค่ะ… ”

เสียง วิทยุดังไปเรื่อยจนกระทั่ง หลังจากเกิด เสียงระเบิดขึ้น มาธิอัส จึงรีบตัดกลับไปเพื่อจะถาม
ความเป็นอยู่ของ เรกกะ ตอนนี้


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #44 on: March 11, 2009, 06:35:08 PM »

“ เรกกะ เมื่อกี้เกิดระเบิดขึ้น อีกนายเป็นอะไรรึเปล่า  ”
มาธิอัส ถามด้วยความเป็นห่วง ขณะที่รอการติดต่อ กลับ แต่เสียงรอบข้างของฝั่งนั้นก็ดัง
ซะจนไม่ได้ยิน

“ ฮ่าๆๆ นี่ล่ะไคลแมกซ์ ของจริงล่ะ ขอไปลุยก่อนน้า… ”
เสียงสุดท้ายที่ติดต่อกลับมาก่อนสายจะถูกตัดไปนั้น เป็นเสียงของอีกบุคลิคของ เรกกะ ที่พวกเขาพึ่งประสบ
ไปเมื่อ กลางวัน

“ เจ้านั่น…อีกแล้วเหรอ ”
มาธิอัส กับ R2 ร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน ทว่าเมื่อจะติดต่อกลับไป เรกกะ ก็ไม่ยอมรับสาย


“ แบบนี้ไม่ดีแน่ ส่งฉันไปที่ สนามบิน เลยคิดว่าเจ้านั่นเองก็หน้าจะไปที่นั่นด้วย ”
R2 กล่าว

“ อืม เข้าใจแล้วไปที่สะพานส่งตัวเลย เดี๋ยวจะทำการ Catapalt ไว้ให้ ”
มาธิอัส กล่าวจบ R2 ก็รีบ ออกจาห้องไปทันที ก่อนที่ เขาจะเริ่มทำการใส่คำสั่ง
ให้เตรียมการส่งตัวเธอ ออกไป

………..

ที่สะพานส่งตัว ซึ่งมีลักษณะเป็นทางเดินแคบๆ ทอดยาวออกไปถึงประตูยานซึ่งปิดอยู่
พื้นเป็นสายพาน  R2 ได้เข้ามาข้างในทางเดินก่อน จะไปยืนบนแท่นที่ ติดกับสายพาน

พร้อมกับ ประสานมือไว้ด้วยกันและเริ่ม สวดภาวนาในใจ ไม่นานก็เกิดประกายแสงรอบ
เอวของเธอ ก่อนที่ สายเข็มขัด ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ เอาไว้ที่หัวเข็มขัด จะปรากฏขึ้น
ที่เอวของเธอ ที่อุปกรณ์นั้นมีศิลามังกร สีแดงใส ติดตั้งอยู่

“ ทำการเชื่อมต่อ ดราก้อนฮอลลี่(Dragon Holly) ”
เธอกล่าวจบ ก็แตะมือทั้งสองไปยังส่วนที่ยื่นออกมาดานอุปกรณ์ ก่อนจะบีบมันเข้าไป

“ แปลงร่าง ”
เธอเปล่งเสียงออกมาพร้อมกับ ปล่อยมือออกจาก คันชักที่เธอกดแล้วกางแขนออก
คันชักที่กดลงไปก็เด้งกลับที่ ก่อนที่ศิลาจะฉายเส้นแสง ออกมาซึ่งเส้นแสงนั้นค่อย ๆ

วาดเงาร่างของ อัศวินมังสาวขึ้นในอากาศ ขณะที่ดึงเงานั้นเข้ามาเรื่อยๆจนเมื่อร่างเงานั้น
ทำการร่างภาพเสร็จ เงาก็ถูกดึงไปทับซ้อนกับร่างของ เธอ พร้อมกับเปลี่ยนเธอเป็น อัศวินมังกรสาว
ตนนั้นทันที

“ Thaliliea Entry ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากเข็มขัดก่อนที่มัน จะหายไป

“ เปิดประตูยาน เริ่มทำการ Catapalt ทาลิเลีย (Thaliliea, the Dragoon of Alimathea) ”
เสียงของ มาธิอัส ดังขึ้นจากลำโพงบนเพดานในทางเดิน ทาลิเลีย จึงงอเข่าย่อตัวลงเล็กน้อย
เพื่อเตรียมท่าสำหรับ ระบบที่กำลังจะเดินต่อ



“ Shoot ”
สิ้นคำของ มาธิอัส แท่นที่เธอเหยีบอยู่ก็ค่อยๆเลื่อนเร็วขึ้น ดีดเธออกจากยานไปอย่างรวดเร็ว
โดยที่ตัวเธอพุ่งไป ยังสนามบินด้วยความเร็วจากแรงส่ง

ขณะ ที่เธอรวบรวมสมาธิไปด้วย จึงเกิดมวลแสงสีแดงขึ้น มือของเธอทันทีกำแสงนั่น
มันก็กลายเป็นหอกเกล็ดมังกร กับ เกล็ดมังกร

……………..
…………………..

ขณะเดียวกัน Lancelot เองก็ค่อยจมลงไปจนมือที่อุ้ม ลูเทเซ๊ย กับ มาเรียลูส เริ่มจะคล้อยต่ำลงมายังกลุ่มหมอกแล้ว
ทันทีที่ สูดควันเข้า มาเรียลูส ก็เริ่มรู้สึกวิงเวียน ศรีษะและหน้ามืด ทว่า ลูเทเซีย ก็มารับตัวเธอไว้ไม่ให้หล่นลงไป

“ มาเรีย ทำใจดีๆไว้นะ มาเรีย….มาเร..อุบค่อกแค่กๆ.. ”
ลูเทเซีย เรียกและเขย่าตัวเธออยู่นานแต่เธอก็ไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งตัวเขาเองก็สุดเอาหมอกพิษเข้าไปบ้างแล้ว
แต่ก็พยายามฝืนกลั้นเอาไว้

“ เจ้าหญิงเพคะ… ”
เฟรเซีย ทำได้เพียงแค่ร้องป่าวๆอยู่ใน Cocpit ของ Gilgamaze เพราะไม่สามารถ ขยับหลุดออกจาก
ฝูงเทอเรี่ยนที่ กดทับอยู่ได้ อีกทั้ง ประตู Cocpit ก็เปิดไม่ได้เช่นกัน

“ Carnalian Gauntlet ”
เสียงทุ้มกังวานดังขึ้น ก่อนที่จะมีอะไรบางอย่างพุ่ง ผ่านเข้ามาในวงล้อมหมอกพิษ และจัดการกระแทก
พวกเทอเรี่ยน ที่กด ทับร่างของ Gilgamaze ออกไปจนหมดอย่างรวดเร็ว
 ก่อนที่จะลงสู่พื้น สิ่งนั้น ถูกห่อหุ้ม เกราะทรงกลม ซึ่งเกิดจากอนุภาคสีเขียวที่ปล่อยออกมา

“ Geo Driver ”
ท่ามกลางความสับสนนั้น เสียงทุ้มกังวานขึ้นจาก เจ้าสิ่งนั้น ก่อนที่อนุภาคเกราะ จะจางลง
เผยตัวผู้มาช่วย ซึ่งก็คือเฟนท์ ตอนนี้เขารวบอนุภาคไปที่ ทนัมมือทั้งสอง ข้างก่อนจะทุบมันลงไปบนพื้น

จนเกิด คลื่นหินอัดทะลวงขึ้นมาจากพื้นพุ่งไปเป็นทาง กระแทกตัว Lancelot จนหลุดออกมาจากหลุมดำได้
ทันทีที่ ไม่มีสิ่งใดในหลุม มันก็หุบตัวหายไปในทันที ส่วน ลูเทเซีย ได้อุ้ม มาเรียลูส ขึ้น พร้อมกับ
กระโดด ขึ้นไปยังแผ่นหินที่พุ่งเข้ามาชนและ ทรงตัวยืนไปจนแผ่นหินนั้น พุ่งตัวออกจากกลุ่มหมอกพิษ

“ เชอะมีพวกตัวยุ่งเข้ามาแส่จนได้ ”
เชอร์โนบิอาส สบถ ก่อนจะหันไปร่ายเวทย์ สร้างหลุดำขึ้นที่เท้า ของ เฟนท์ ทว่าหลุมนั้นก็โดนละออง
ประจุอิออน ที่ห่อหุ้มตัวอยู่ สลายไปได้ง่ายๆ สร้างความแปลกใจแก่ เชอร์โนบิอาส ยิ่งนัก

“ อะไรกันเนี่ย เวทย์ของข้าทำไมถึงสลายไปได้…เป็นละอองเขียวๆนั่นรึ อ้อจริงสิว่าแล้วเคยเห็นที่ไหน
ที่แท้ก็พวก Empyrean Adjust นี่เอง พอดีเลยเพราะพวกแกเลยทำให้ การค้าของพวกข้าปั่นป่วนไปหมด
ขอระบายกับแกเลยก็แล้วกัน ”

เชอร์โยบิอาส กล่าวจบ ก็บุกเข้าใส่ เฟนท์ ทันที ทว่าตัว เฟนท์ เอง ก็ใช้ประจุไปมากแล้ว
จึงต้องรอการสะสมประจุใหม่อีกครั้ง ตัวเขาจึงต้องรีบถอย ออก โดยทันที
ครั้นเมื่อ เชอร์โนบิอาส จะตามไป Gilgamaze กับ Lancelot  ก็เข้ามาขวางไว้

“ เชอะคิดขวางข้า เรอะแล้วพวกเจ้าจะต้องเสียใจ  ”
สิ้นคำ เชอร์โนบิอาส ก็ฟาดคลื่น เวทย์สีดำกระแทกใส่ เครื่องทั้งสอง จนกระเด็น ออกไป
ก่อนจะเรียกให้ พวกเทอเรี่ยน มารวมกัน


“ แด่สุรเสียงแห่งเงามืด จงลั่นร้องมาสู้ผืนภิพบ Blinking Shadow  ”
สิ้นคำ ก็เกิดควันที่ดำสนิทเสียยิ่งกว่า หมอกพิษ ที่ลอยอยู่รอบ
กลบทับกองทัพ เทอเรี่ยน ของเขา ทันทีที่ หมอกสลายไปพร้อมกันกับ

หมอกพิษ พวก เทอเรี่ยน ปีกคำสาป(Cursed Wing Therion) ก็กลายสภาพเป็น
 ดูมอาร์มเทอเรี่ยน (Doom Arm Therion)  ซึ่งยืนด้วยสองขาและมีแขนที่ทรงพลัง ขนาดของพวกมันก็ขยายขึ้น
ได้ครึ่งหนึ่งของ Gazor เลยทีเดียว





“ เล่นกับพวกมันให้สนุกล่ะ ”
เชอร์โนบิอาส กล่าวจบก็ ตรงไปหา ลูเทเซ๊ย กับ มาเรียลูส โดยที่ ดูมอาร์มเทอเรี่ยน ได้เข้าไปต่กรกับ Gazor ทั้งสอง
ด้วยจำนวนที่มากมายและพลังที่มหาศาล สึซาคุ กับ เฟรเซีย จึงไม่สามารถขัดขืนได้

“ แย่ล่ะสิ….แต่ว่าเราเองก็ต้องถอยแล้ว เพราะตอนนี้ไม่มีหมอกที่มาอำพรางตัวเราแล้ว… ”
ขณะที่ เฟนท์ คิดหาวิธีเข้าไปช่วยอยู่นั้น ทาลิเลีย ก็พุ่งผ่าน เขาไปอย่างรวดเร็วดดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นเขา

“ นั่นมัน อัศวินมังกรเมื่อตอนนั้นนี่ ”
เฟนท์ คิด ทันทีที่เห็นร่างของ ทาลิเลีย เขาจึงตัดสินใจ ถอยออกมาดูห่างๆ

“ ขอร้องล่ะ พวกนายมาเพื่อช่วยสินะ ”
เฟนท์ ภาวนาในใจ ให้อัศวินมังกร มาเพื่อช่วยกู้สถานการณ์ ซึ่งก็ดูเหมือนจะตรงใจ เพราะ ทาลิเลีย
ได้เข้าไปขวางระหว่าง เชอร์โนบิอาส กับ บุคคลทั้งสอง เอาไว้

“ นี่แก อัศวินมังกรแท้งั้นเรอะ …แกเองสินะที่ไปขัดขวางข้าเมื่อคราวก่อน ”
เชอร์โนบิอาส กล่าว ด้าน เจ้าหญิง มาเรียลูส กับ เฟรเซีย เองก็พึ่งจะได้เห็นเป็นครั้งแรก
เพราะตอนเกิดเหตุที่ท่าเรือ พวกเธอทั้งสอง สลบไปจึงไม่อาจจำได้ ส่วนเจ้าชาย ลูเทเซีย กับ สึซาคุ เองก็เช่นกัน
พวกเขาจึงตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น้อย

“ เรกกะ ยังมาไม่ถึงงั้นเหรอ… ”
ทาลิเลีย คิดขณะที่ยังคงดูเชิง อยู่กับ เชอร์โนบิอาส

“ น่าสนดีแกเองก็มีเรื่องที่ต้องชำระกับข้าด้วย หนี้คราวก่อนข้าจะเฉ่งให้หมดวันนี้แหล่ะ จงแหลกไปด้วยกันให้หมดเลย ”
เชอร์โนบิอาส กล่าวจบ ก็ยก ไม้เท้าขึ้นรวมพลังเวทย์ เอาไว้หมายจะสูบให้ทั้งทาลิเลีย และที่เหลือหายไปในความมืด


“ เดี๋ยวๆ หยุดก่อนๆ ”
เสียงหนึ่งกลับดังขึ้น ทำให้ทุกคนในเหตุการณ์ ต้องหยุดกึกกันไปด้วยก่อนจะหันไปยังทิศของเสียง

“ เดี๋ยวๆ โทษที กว่าจะหาทางมาถึงนี่ได้ ก็เสียเวลาไปเยอะเลย อย่าพึ่งเริ่มนะ ”
เสียงดังขึ้นอีกขณะที่เจ้าของ เสียงเข้าใกล้มาเรื่อยๆ ซึ่งทันทีที่ เห็นร่าง เจ้าของเสียงลางๆ ทาลิเลีย ก็
ไม่รออะไรอีกแล้ว เธอพุ่งเข้าไปรวบตัวทันที ซึ่งมาเรียลูสเองเมื่อเห็น เจ้าของเสียงอยู่ลางๆก็พอจำได้ว่า
เป็น เรกกะ แต่เธอก็ไม่ค่อยแน่ใจ เพราะมันอยู่ไกลเกินไป

“ อีตาบ้าาาาาาาาา ”
ทาลิเลีย ตะโกนลากเสียงยาวมาตลอดทางพร้อมกับ เขก เรกกะ ที่ถูกจิตของทาลิฯ ครอบครองเอาไว้ เสียที
หนึ่ง

“ นี่เดินโต้งเข้าไปแบบนี้คิดได้ไงเนี่ยห๊า เกิดเค้ารู้กันขึ้นมาว่านายเป็นใครจะทำไง ”
ทาลิเลีย กล่าวเทศใส่เป็นชุดโดยไม่เปิดโอกาส ให้ เรกกะ โต้ทว่า ทางด้าน เชอร์โนบิอาส ก็ไม่รอแล้ว
เพราะได้เสกควันออกมา ทำให้ทั้งสอง สลบเพื่อจะได้เชือดเอานิ่มๆ

“ ตายแล้วทางนั้นก็ทิ้งไม่ได้ซะด้วย ”
ทาลิเลีย รีบลากตัว เรกกะ กลับไปทันที ทว่า เชอร์โนบิอาส ก็ให้พวก ดูมอาร์มเทอเรี่ยน
เข้ามาขวางไว้ ทาลิเลียจึงต้งปล่อย เรกกะ แล้วเข้าไปสู้แทน

 “ ทีนี้ก็มาทำงานให้เสร็จ ๆกันซะที เรื่องจะได้จบๆไป ”
เชอร์โนบิอาส กล่าวจบก็หันมาทำกิจต่อ ยกไม้เท้าขึ้นรวมพลังเวทย์

“ แย่แล้วเจ้านั่นมันจะ… ”
“ ใครก็ได้หยุดมันที ”
สึซาคุกับ เฟรเซีย กล่าวกันตามลำดับ ทว่าพวกเขาจะเข้าไปช่วยก็ไม่ได้เพราะถูกพวก ดูมอาร์มหักทำลายชิ้นส่วนจนเสียหาย เกินกว่าจะสู้ต่อได้  วินาทีที่ คมดาบเวทย์สีดำกำลังจะบั่นคอทั้งคู่

“ เฮ้ยเห้ย เชือดไก่ก่อนงานจบแบบนี้ไม่ดีมั้ง ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ เชอร์โนบิอาส ถูกยันจมล้มโครมลงไป

“ หนอยนี่แก…ไอ้หนูบังอาจมาถีบข้าเรอะ  ”
เชอร์โนบิอาส กล่าวครั้นจะลุกขึ้นยืนก็ปวดเอวที่โดน เรกกะ ยันไปเมื่อครู่จนเข่าอ่อนลุกไม่ขึ้น

“ ไม่ไหวๆ…แก่จนเอวไม่ดีแล้วยังทำชั่วแบบนี้ ไม่อาจลูกอายหลานบ้างเหรอห๊า ลุง ”
เรกกะ กล่าวตอกยั่วให้ เชอร์โนบิอาส โกรธ จนหัวเสีย

“ แกไอ้เด็กบ้า มาว่าข้าเป็นลุงเรอะใครเป็นลุงแก..ข้าพึ่งจะ 300 เองนะ ”
เชอร์โนบิอาส ตะคอกกลับ

“โห 300 งั้นก็รุ่นทวดแล้วสิ  ”
เรกกะ สวนทันที


“ เจ้าเด็กผี 300 สำหรับจอมเวทย์ปีศาจมัน ยังถือว่า เอ๊าะๆอยู่เฟ้ย หนอยไม่เล่นด้วยแล้ว ดูมอาร์ม ขยี้มันซะ ”
เชอร์โนบิอาส ที่ถูกยั่วจนเสียคน ก็ออกคำสั่งให้ ดูมอาร์มเทอเรี่ยนทั้งหมด เข้ามาจัดการ
ทันทีที่ พวกมันพุ่งเข้า เรกกะ ก้มหลบ ให้พวกมันชนกันเองจนล้มระเนระนาด

“ ว้อยยย…ให้มันได้งี้ซีวะ ”
เชอร์โนบิอาส ตะคอกด้วยความเหลือ อด ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยความเจ็บแค้นจนลืมความปวด
ไปเสียสนิท

“ อ้าวๆลุงทวด ไม่ปวดเอว แล้วหรือจะให้นวดมะ ”
เรกกะ ยังคงพูดยั่วต่อไปไม่หยุด

“ หนอยแกกวนประสาทข้าดีนัก ตายวันนี้แกต้องตายก่อนใครเพื่อนเลย ”
เชอร์โนบิอาส กล่าวก็ยกไม้เท้าขึ้นรวมพลังเวทย์อีก แต่เรกกะ ก็ปัดเอาไม้เท้า หลุดไปจากมือเขา

“ นี่อย่ามัวเล่นสิ ”
เสียงของ เรกกะ เจ้าของร่างดังขึ้นในจิตใจ

“ เออ…รู้แล้วๆจะจัดการให้จบๆเดี๋ยวนี้ล่ะ ”
เรกกะ กล่าวจบก็ยกเอาเข็มขัดติดตลับไพ่ขึ้นมาคาดเอว
ก่อนจะเปิดตลับเอาไพ่ใบหนึ่งออกมา ตัวเลขบนหน้าจอตลับก็ลดลงจาก 98 เป็น 97
เรกกะ นำไพ่ขึ้นมามองด้วย ตาซ้าย ที่ส่องแสง สีแดงอยู่ในดวงตาซึ่งแสงนั้นก็คือศิลาที่ฝังอยู่ในตาซ้ายของ
เขานั่นเอง



“ ไม่ว่ามันจะทำอะไรหยุดมันซะ ”
เชอร์โนบิอาส กล่าวจบ พวก เทอเรี่ยนทั้งหมดก็ลุกขึ้นมาบุกเข้าหาเรกกะ ขณะเดียวกัน ไพ่ที่มองอยู่นั้น หน้าไพ่ ด้านสีขาว ก็ปรากฏสัญลักษณ์ ธาตุแห่งไฟขึ้นมา ซึ้งพอดีกับที่พวก เทอเรี่ยน พุ่งเข้ามาแล้ว เรกกะ จึงบ่ายตัวหลบ
พร้อมกับปล่อยไพ่ในมือให้ค่อยๆร่วงหล่นลง ก่อนจะสะบัดข้อมือซ้ายที่คาดสายคาดเอาไว้ ทันทีที่แสงจากหน้าปัด
สายคาด ส่องถูกไพ่  มันก็ดึงเอาไพ่ เข้ามา เรกกะ จึงหมุนตัว เบี่ยงหลบ ออกมานอกวง พวกเทอเรี่ยน

“ Blaze From ”
เสียงดังขึ้นจาก หน้าปัด ก่อนที่ เรกกะ จะง้างมือขึ้น

“ Regeneration ”
ทันทีที่ เรกกะ ทุบไพ่ลงไปบนหน้าปัด เสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะเกิดแสงสว่างสีแดงวาบขึ้นมาจากหน้าปัด
และอาบร่างของ เรกกะ ไว้ในวินาที นี้ รหัสพันธุกรรมในร่างกาย ของ เรกกะ ก็ค่อยๆถูกจัดเรียงขึ้นใหม่

และทันทีที่แสงจางลง ร่างของเรกกะ ก็กลายเป็น อัศวินทาลิวิลย่า แห่งเพลิงซึ่งมีกานสแดงฉานดั่งเปลวเพลิง
ปรากฏกายขึ้นท่ามกลางสายตา ของทุกฝ่ายที่จับจ้องมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ

“ คราวนี้เป็น ทาลิคนัส (Thalignus, the Arimathea’s Dragoon of Thaliwilya) เหรอ ”
ทาลิเลีย กล่าวขึ้นทันทีที่เห็นร่างใหม่ของเรกกะ



“ ทา..ทาลิคนัส นี่คือชื่อนายเหรอ ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นภายในจิตใจของ ทาลิคนัส
ทว่าดูเหมือน ตัว ทาลิคนัส เองจะไม่ยอมฟังเขาเลย กลับตั้งท่า วาดมือ ออกแสดงท่าทาง
ราวกับวีรบุรุษ

“ โอเระ ทันโจว มันแปลว่า พระเอก มาแล้ว ”
ทาลิคนัส กล่าว ขึ้น สร้างความงุนงง แก่ทุกคนในบริเวญนั้นอย่างทันท่วงที

“ เอาล่ะถึงเวลาชั้นออกโรงซักที เส้นมันยึดไปหมดแล้วรู้ไหมแล้วก็จำไว้เลยถ้าชั้น
ออกมาเมื่อไหร่มันจะต้องไคล์แมกซ์กันตั้งแต่ต้นจนจบเลย ”
สิ้นคำ ทาลิคนัส ก็สร้างมวลแสงสีแดงขึ้นในอุ้งมือทั้งสองข้าง ก่อนจะประกบมันเข้าด้วยกัน
และวาดมือ ออกพริบตามวลแสงก็กลายเป็น ดาบเพลิง

“ ดาบอัคคี Ignis et Dragos ”
สิ้นคำทาลิคนัส ก็ไม่รออีกต่อไป บุกเข้าไป ฟันแหลกใส่ไม่ยั้งกับพวก ดูมอาร์มเทอเรี่ยนจนหมอบไปกองทุกตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นาน

“ อะไรกันยังไม่ทันหายมันส์ เลย เฮ้ยนี่แกเล่นให้ทนๆหน่อยนะเว้ย เดี๋ยวมันจะน่าเบื่อไม่ไคล์แมกซ์กันพอดี ”
ทาลิคนัส กล่าวยั่วยุ ขณะที่ถือดาบพาดไว้บนไหล่

“ อีตานี่จะบ้าไปถึงไหนเนี่ย ”
ทาลิเลีย บ่นพลางเข้าไปร่วมวง ช่วย ทาลิคนัส ทว่า ทาลิคนัส กัลบยกมือขึ้นปรามไม่ให้เข้ามา


“ อ๊ะๆ..ไม่ต้องเลยชั้นคนเดียวพอเพราะพระเอกคือชั้น นางเอกถอยไป ”
ทาลิคนัส กล่าวพร้อมกับสะบัดมือไล่

“ หนอย นางเอกเรอะ นี่แกเห็นฉันเป็นตัวอะไรกันแน่ คอยดูเถอะเสร็จงานนี้ จะเอาให้เละเล้ย ”
ทาลิเลีย สบถพร้อมขบการมแน่นด้วยความหมันเขี้ยว ออกอาการ เคืองแบบออกนอกหน้า จนพวก สึซาคุ ที่
พึ่งออกจาก cocpit ต้องหยุดอึ้งไปตามๆกัน

“ หนอยแกเองเรอะที่เป็นอัศวินมังกร ที่มาขวางข้าน่ะ เอาสิอยากเล่นทนๆใช่ไหม งั้นข้าจะจัดให้ ”
เชอร์โนบิอาส กล่าวจบ ก็ร่ายเวทย์ สร้างหลุมดำ ขนาดใหญ่ขึ้นเหนือหัว แรงดูดของมันเอาทุกสิ่งรอบๆเข้าไปเรื่อยๆ
ซากของ Lancelot และ Gilgamaze ถูกดูดเข้าไปและสลายไปในทันที โชคดีที่พวก สึซาคุ ออกมาก่อนแล้ว

“ โอ้ ต้องแบบนี้สิถึงจะเจ๋ง งั้นก็มาท่าไม้ตายเลยละกันนะ ”
ทาลิคนัส กล่าว จบก็ดีดนิ้วมือซ้ายขึ้นหนึ่งที ไพ่ที่มีสัญลักษณ์ ธาตุไฟ ก็ได้ปรากฏขึ้นก่อนที่
ลูกมังกรเพลิง นิลทินโคออน (Niltinco, the Arimathea’s Baby Dagon) ก็บินลงมาจากยาน ไซเบอริก้าดราก้อน

ทันทีที่ แสงจากไพ่ยิงส่งไปถึงร่างของมันก็เปลี่ยนเป็น
มังกรเพลิงร่างเต็มวัย นิลทินโคออน (Niltincoion, the Arimathea’s Fire Dragon)

“ ท่าไม้ตายของชั้นหมายเลข1 ”   “ Full Charge Great of Dragon ”
ทาลิคนัส กล่าวจบก็ เอาไพ่เผาลงไปในไฟที่ดาบ จากนั้เสียงทุ้มก้องก็กังวานขึ้นจากตัวดาบ
พร้อมกับเปลวเพลิงที่ ลุกพรึ่บขึ้น

“ ท่าไม้ตาย….อะไรอีกล่ะปาหี่ของแกเรอะ ”
เชอร์โนบิอาส กล่าวด้วยความสงสัย

“ ไม่ใช่ปาหี่เฟ้ย คอยดูก็แล้วกันรับประกันว่า ไคล์แมกซ์ ”
ทาลิคนัสกล่าว ขณะที่ ทุกคนมัวแต่งง กับคำพูดของ ทาลิคนัส หลุมดำก็ค่อยๆดูดแรงขึ้นเรื่อยๆ
ไปพร้อมกับเปลวเพลิงที่ดาบของ ทาลินัส ก็พุ่งพล่าน ขึ้นจนกลาย เป็นมังกรเพลิง
พุ่งยาวออกมาจากด้ามดาบไปเลยทีเดียว

“ เอาไปเลยจัดให้เต็มๆ ”
ทาลิคนัส กล่าวจบก็ตวัดดาบไปทางซ้ายมังกรเพลิง ก็พุ่งเข้ากระแทกเผาร่าง ของ เชอร์โนบิอาส
จนลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรง

“ อ๊าคคคค…. ”
เชอร์โนบิอาส ร้องอย่างทุกข์ระทม ด้วยความร้อนจากเปลวเพลิงที่กำลังเผาผลาญร่าง
ทว่ายังไม่ทันที่ไฟ จะได้มอดลงแม้แต่น้อยทาลิคนัส ก็ตวัดดาบกลับอีกที
มังกรเพลิงก็พุ่ง ทะลวงร่างเขาไปอีกครั้ง เปลวงเพลิงได้ครอกเพิ่มเข้าไปอีก
และทันทีที่ ทาลิคนัส ประสานมือยกด้ามดาบขึ้นเหนือหัว นิลทินโคออนที่เรียกลงมา ก็เริ่มสะสม มวลความร้อนไว้ในปาก

“ ปิดฉากล่ะนะ ”
สิ้นเสียง ทาลิคนัส ก็ฟาดดาบลง มังกรเพลิงก็พุ่งลงกระแทกร่างของ เชอร์โนบิอาส
ไปพร้อมกับที่ลมหายใจเพลิง Flame Breath  ของ นิลทินโคออน ถูกพ่นเข้ามาเสริมพลังเผาผลาญร่างของ
เชอร์โนบิอาส จนเกิดระเบิดเพราะความร้อนพุ่งทะลุจุดเดือด กันไปเลยทีเดียว

“ นี่สิไคลแมกซ์ ”
ทาลิคนัส กล่าวพร้อมกับควงดาบ ปักลงไปบนพื้น แล้วตั้งท่าแสดงชัยชนะ
โดยหารู้ไม่ว่า มีชายที่แต่งตัวปกปิดตนเอง สวมหมวก ปิดหน้าปิดตาด้วยผ้าคาดปากกับแว่นตาดำ
กำลัง จับตาดูเขา พร้อมกับนาฬิกาทรายในมือที่ทรายค่อยๆไ หลลงมาจนหมดก่อนจะเดินหายไปจากตรงนั้น


“ คนที่แปลงร่างเป็นอัศวิน มังกรนั่น หรือว่าจะเป็น… ”
เฟนท์ ที่ บินดูอยู่ห่าง รำพึงขึ้น ขณะที่ เหล่าอัศวินมังกร ทั้งสอง ได้บินหายลับไปท้องฟ้า
ปล่อยให้ หน่วย กู้ภัย และอื่นตามมาจัดการกับงานที่เหลือ

…………………
……………………..
“ เมื่อกี้ นายเรียกว่าใครเป็นนางเอกห๊า….ให้ตายสิ มารยาทแย่ชะมัด ทำไมถึงได้มีทาลิวิลย่า ที่นิสัยแย่ๆแบนี้อยู่ด้วยนะ ”
ทาลิเลีย บ่นใส่ตลอดทางที่ บินกลับไปยังยานไซเบอริก้า โดยที่ ทาลิคนัสนั้นไม่อาจโต้กลับไปได้จึงได้แต่ ฟังเธอเทศไปตลอดทาง

“ ใช่สิ นิสัยแย่จริงๆนั่นแหล่ะ ”
เสียงดังขึ้น ก่อนที่ ลำแสง จะพุ่งตัดหน้าพวกเขาไป  ก่อนที่ อาวุธบิน 3 อันจะพุ่งตรงมาและกางออก พร้อมกับ วนยิง ลำแสงใส่ ไล่ต้อนล้อมกรอบพวกเขาไว้

“ เธอ Valkyrier เมื่อตอนนั้นนี่ ”
ทาลิเลีย กล่าว เมื่อเจ้าขอเสียงปรากฏตัว พร้อมกับ พัดในมือส่องแสงสว่างสีเขียวที่เกิดจากประจุอิออนเข้าไปรวมกัน

“ จำไว้อย่างเลยนี่คือโทษฐานที่พวกแกไม่ยอมทำอะไรกันเลย หลีเม่ย คนนี้ จะขอสะสางบัญชีแค้นล่ะ ”
สิ้นคำ หลีเม่ย ก็ เหวี่ยงพัดออกไป

………………..
……………………..

ณ ห้องอันมืดมิดที่เต็มไปด้วยหน้าจอซึ่งฉายภาพทุกเหตุการณ์ในเทอร่า ไว้ในทุกความเคลื่อนไหว

“ เจ้าอัศวินมังกรนั่นก็เข้ามาแทรกแซงอีกแล้วสินะ ”
โครโน่ กล่าวขึ้นเรียบๆ

“ แล้วจะปล่อยไว้หรือคะ ”
ฮายาเตะ ถาม

“ ไม่…อยู่แล้ว ยังไงก็ต้องจัดการจะช้าหรือเร็ว ก็ต้องถูกเก็บด้วยอยู่ดีเพื่อการสร้าง เทอร่าขึ้นใหม่จะให้มีอะไรมาขัดขวางไม่ได้เด็ดขาด ”
โครโน่ กล่าว ตัดบทไปก็ดีดเหรีญญในมือขึ้น และทุกอย่างก็มืดลงพร้อมกับจอภาพที่ดับไปพร้อมๆกัน
โปรดติดตามตอนต่อไป

Next Saga

“ เนี่ยก็ซ้อมทั้งไปบ้านผีสิง ดูหนังสยองขวัญ อะไรต่อมิอะไรก็แล้ว แต่สงสัยจะไม่ไหวล่ะ ”
“ งั้นภารกิจนี้จะให้ไปกันแค่สองคนเหรอ ”
ภารกิจที่น่ากลัว

“ คุณพ่อน่ะเป็นยังไงผมเองก็จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ที่รู้อย่างนึงก็คือ ท่านเป็นคนที่กล้าหาญแล้วก็เด็ดเดี่ยว
ที่สำคัญคุณพ่อมี เพื่อนมากมายเลยแต่ผมเองก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันเพราะมันนานแล้วล่ะ ”
“ ที่มีเหลือไว้ก็แค่นาฬิกา ทรายเก่าๆอันเดียวเท่านั้น ”
ความทรงจำ ที่เรือนลาง

“ โรงเรียนถูกจลาจลเหรอ ไอ ถูกจับเป็น ตัวประกัน ”
“ พวกเราเป็น Valkrier นะมีหน้าที่ที่สำคัญกว่าการไปช่วยคนแค่คนเดียวนะ ”
“ ไม่ต้องห่วงหรอก เฟนท์ ชั้นจะจัดการให้เอง ถ้านายมีธุระก็ทำต่อไปให้สำเร็จเถอะ ”
การตัดสินใจ

“ คนๆนั้นอีกแล้ว จะว่าไปแล้วทุกครั้งที่เราปรากฏตัวเขาจะต้องโผล่มาอยู่เรื่อย ”
“ นาฬิกาทราย นั่น ”
“ ไม่รู้เหมือนกัน แต่นาฬิกาทรายนั่น เป็นของคุณพ่อผม ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด แน่นอน ”
ปริศนาที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ติดตามได้ใน Saga 08 Double Action

มหาสงคราม Delantion กำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง



ดูจากตัวอย่างตอนหน้าแล้ว มันงานช้างชัดๆเลยนะเนี่ย รอบนี้จะเห็นว่า ศัพท์เกรียนๆมันเย้อเน้อ
กว่าจะเข้นมาเขียนได้แต่ละคพสุดๆกับบุคลิคนี้จริงๆ เจ้าเรกกะเถื่อนเนี่ย
ล่อซะเขียนแทบไม่ออก

ก็คงไม่มีอะไรมากนอกจากงานนี้วุ่นตายชัก ที่จริงมีโคมลอยมาว่า ลอว์เรนซ์ จะกลับมารับบทอีกด้วย
 แต่จริงแท้ไม่แน่ใจครับ
ต้องดูเอาเอง ถ้ามีคงอีกไม่นาน เพราะ ตอนโผล่มาดันมีบทแค่สองตอนแล้วหายไปเลย ว่าแต่ถ้ารอดมาได้
ก็แสดงว่าแก่เกิน ร้อยปีเลยสิเนี่ย ที่จริงว่าจะไม่ประกาศอ่ะนะ เพราะยังไม่แน่นอน
แต่ซีรี่ย์นี้จะทำแค่ 25 ตอนจบเท่านั้น ก็ยังไม่แน่ว่าจะพอให้ลงครบหมดหรือเปล่าเพราะ
นี่พยายามขุนให้ตัวละครมันออกมาให้หมด แต่ทำไปทำมา มันเยอะจนไม่รู้จะยัดลงฉากจบหมดไหมเนี่ย รู้ว่ากำลังจะดิ่งลงเหวเหมือนภาคแรกแล้วสิ

ช่วงแถมท้าย

ต่อจากคราวที่แล้ว รอบนี้เรามีคำใบ้มาช่วยท่าน ว่าคูหมาป่านั่นเค้าเป็นอะไรกัน
แต่ระวังจะมีคำใบ้หลอกด้วย ซึ่งภาพคราวที่แล้วก็อาจจะหลอกด้วยเหมือนกัน
ก็ต้องลองเดากันดูใครเดาแล้วเดาใหม่ได้เรื่อยๆจนกวาจะเฉลยนะ ซึ่งจะทีกันไปอีกประมาณ
4 ภาพ ซึ่งภาพเฉลยคือภาพสุดท้าย หรือคือเฉลยใน Saga ที่ 11 นั่นเองขอรับ ไปล่ะนินๆ


« Last Edit: March 11, 2009, 06:36:42 PM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #45 on: March 11, 2009, 08:31:00 PM »

รูปภาพดูยังไงมันก็เหมือนรูปภาพธรรมดา -*-

รู้สึกบทนี้คำพูดผิดเยอะมาก    พิภพ  เลืองลาง  รายงานฯลฯแล้วแต่จะบรรยาย  

บทนี้คลายเครียดนิดเดียวเอง    อยากอ่านฉากพวกนี้เพิ่มเติม  

ว่าแต่ว่าไหง thaliwilya ไฟของอาริมาเทียถึงเถื่อนอย่างเนี้ย     ตอนแรกอ่านคิดว่าธาตุดินซะอีก

มีเรื่องนึงที่ผมอยากถาม..........ทุกครั้งที่เรกกะแปลงร่างจำเป็นต้องดึงไพ่ออกที่ละใบแล้วหายไป

ถ้าเกิดไพ่หมดก็แปลงร่างไม่ได้ใช่มั้ยครับ  

อยากอ่านตอนใหม่เร็วๆ -*-
« Last Edit: March 11, 2009, 08:48:41 PM by boy » Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #46 on: March 11, 2009, 08:46:05 PM »

Quote
รู้สึกบทนี้คำพูดผิดเยอะมาก    พิภพ  เลืองลาง  รายงานฯลฯแล้วแต่จะบรรยาย

ผิดเยอะสิไม่แปลก ถ้าไม่ผิดเลยนี่คงต้องพิจารณา พี่ปิโยม่อนเค้าใหม่ละ พอดีเค้าไม่อยู่ตรวจก็เลยลงสดไปเลยตรวจกันเองมันเลยพลาดไปเยอะ น่ะอันนี้ขอให้ทำใจไปก่อนแต่ตอนหน้าจะไม่ค่อยผิดละ



Quote
ว่าแต่ว่าไหง thaliwilya ไฟของอาริมาเทียถึงเถื่อนอย่างเนี้ย     ตอนแรกอ่านคิดว่าธาตุดินซะอีก

เหมือนเจ็เลย ตอนแรกก็นึกว่า เกรม่อนคุงจะลง ธาตุดินแบบไล่เหมือนคราวภาคที่แล้ว แต่ไหงกลายเป็นไฟ หว่า
พูดถึงความเถื่อนแล้ว เจ็ ชักจะตกหลุมรักซะแล้วสิ 


Quote
มีเรื่องนึงที่ผมอยากถาม..........ทุกครั้งที่เรกกะแปลงร่างจำเป็นต้องดึงไพ่ออกที่ละใบแล้วหายไป

แหมก็จริงอ่ะนะ ที่จริงตอนแรก ก็นึกว่า จะหมดกันตอนละใบ เลยพาลนึกไปว่า เกรม่อนคุงจะ เขียน ที เป็น 100 บทเลยรึเปล่าเนี่ย เอาเข้าจริงตกลงจะเอาแค่ 25 ตอนใช่มิ แสดงว่า การ์ดคงไม่หมดก่อนจบเรื่องแล้วล่ะ

มั้งนี่ ยังเหลืออีก ตั้ง 97 ใบ ในเรื่องก็ยังไม่เอะใจกัน เพราะมันยังเหลือให้ใช้อีกเยอะ ไม่แน่เดี๋ยวพอหมด มาธิอัส อาจ มีสำรองให้ก็ได้ หรือไม่ก็ต้อง ไปหาของมาทำเอา มั้งหุๆ อันนี้ ทั้งคณะงานเรายังไม่มีใครรู้ ยกเว้นเจ้า เกรม่อน เพราะมันเขียนบท คิดบท มันรู้คนเดียว

เอาล่ะว่า แล้ว ก็มารุ้นกัน ตอนต่อไปวันอาทิตย์ นี้ ว่า ลอว์เเรนซ์ คุง
จะหน้าด้าน แบกหน้ากลับมาร่วมวงด้วยหรือเปล่า ถ้ากลับมาอย่าลืมเอา เจนัสคุงมาด้วยนะ
เจ็ชอบของเถื่อน เหอๆ

« Last Edit: March 11, 2009, 08:54:46 PM by cocka-c » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #47 on: March 12, 2009, 10:10:40 PM »

ว่าแต่เรื่องนี้พวกตัวละครหลักที่ทำออกมาเป็นการ์ดนี่วาดกันเองเลยรึเปล่าครับ

ถ้าใช่ก็............วาดสวยมากๆเลยครับ 
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #48 on: March 12, 2009, 10:27:57 PM »

Quote
ว่าแต่เรื่องนี้พวกตัวละครหลักที่ทำออกมาเป็นการ์ดนี่วาดกันเองเลยรึเปล่าครับ

ถ้าใช่ก็............วาดสวยมากๆเลยครับ

สำหรับ ฉากหลังของ ตัวละครในการ์ดทำเอวนั่น ตัดมาจ้ะ แต่ส่วนของตัวละคร เอากราฟฟิคจากเกมส์มาแล้ว ตัดต่อ
บวกวาดใหม่ มันเลยใช้เวลานาน กว่าจะได้แต่ละใบอ่ะจ้ะ เนี่ย Sig ข้างล่างของ เกรม่อนคุง
ก็ว่าจะเปลี่ยนใหม่ แล้ว แต่ไม่มีเวลา ซะที ว่าแต่ ปริศนาของเจ็ กับ ปิโยม่อน คงไม่ยากไปนะจ๊ะ

แล้วก็กระทู้ ภาพการ์ดValkyrier นั่นเดี๋ยว ว่างๆจะไปอัพให้จ้ะ

ว่าแต่ตัวอย่างตอนต่อไปช่วงนี้เกรม่อน เค้าเขียนค่อนข้างคลุมเคลือเลยลืมอะไรไปเยอะเลย
เพราะงั้นเดี๋ยวจะแจงเพิ่มให้เล็กน้อย ในตอนต่อไป พวก ทาลิคนัส สู้ กับ หลีเม่ยต่อ

จากตอนที่7 ส่วนเฟนท์ นั้น ทะเลาะกับ ไอ นิดหน่อย เพราะ อยู่ๆก็หนีเธอไป(เป็นใครก็ต้องโกรธล่ะ แต่มันเรื่องเร่งด่วนนิ) จะว่า ซีรี่ย์ นี้ อายุตัวละคร ออกวัยรุ่นอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องรักๆใคร่ ก็คงจะได้เขียนเพิ่มล่ะนะจ้ะ

แต่ว่า รักมันจะสมหวังหรือไม่นี่ก็คงต้องรอดูกันต่อไป(แต่ถ้าดูจากแนวที่ เจ้าเกรม่อนเขียนในภาคที่แล้วคงต้องมีเสียเลือดกันหน่อยล่ะ ดูตัวอย่างคู่ เจนัสXนีน่า เลือดสาดกระจาย)

แล้วก็ อดีตของ Valkyrier แต่ละคนยังไม่ปรากฏชัดก็ต้องดูกันต่อไป  ประจุเขียวๆที่เรียกว่า อิออน ก็ยังไม่เฉลย แล้ว Valkyrie ทำอะไรยังไงถึงได้มอบอำนาจให้มนุษย์เป็น Valkyrier นั้นก็ยังเป็นปริศนา

รวมไปถึง ไพ่แปลงร่างของ เรกกะ หมดได้เรื่อยๆ มาธิอัส จะมีให้สำรองหรือว่าต้อง เก็บเงินไปซื้อที่สะพานเหล็ก
หรือไม่มีหมดแล้วหมดเลย
หรือจะไม่ได้รู้ว่ามันจะหมดหรือไม่ อันนี้ก็ยังคลุมเครืออีก


รู้สึกปริศนา มันเยอะๆยังไงไม่รู้นะ เปิดมา 7 ตอนไปแล้ว ปริศนา เพียบ อีกทั้งพวก มาธิอัส เป็นใครมายังไง
R2 ชื่อจริงคืออะไร ก็คงต้องรอกันต่อไปล่ะนะนั่น
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #49 on: March 13, 2009, 07:03:41 PM »

เนื่องจาก เจ้าการุรุม่อนมันไปพูดกันไว้แล้วดังนั้น ก็เลยไม่ต้องปิดแล้วมังในเรื่องนี้ ช่วงวันสงกรานต์
นั้น จะลงตอนพิเศษของ ซีรี่ย์นี่นะ ไอ้ที่เจ้าการุรุม่อนมันไปบอกว่าของ SMN VR! นั่นมันจำผิดเน้อ

ชื่อตอยจะอุบไว้ก่อนเอาไว้ลุ้นกันไปนะขอรับ
« Last Edit: March 13, 2009, 07:11:00 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #50 on: March 15, 2009, 06:15:05 PM »

Saga 08 Double Action


“ เมื่อใดที่เกิดภัยพิบัติ เขาก็จะปรากฏตัวขึ้น เพื่อช่วยเหลือ ให้ทุกคนรอดพ้นไปได้ ”
หญิงชราคนหนึ่ง กล่าวขึ้นนางนั่ง เล่าประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาในอดีต ให้แก่ หลานสาว
ตัวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ อยู่บนม้านั่งไม้ในลานรวมของหมู่บ้าน โดยที่หลานชาย ซึ่งเป็นคนพี่
วิ่งเล่นอยู่กับเด็ก คนอื่นๆ


“ คุณยายคะ เค้าคนนั้นเป็นใครหรือคะ เป็นคุณผีเสื้อหรือว่า คุณดอกไม้คะ ”
หลานสาว ตัวน้อย ถามด้วยความไร้เดียงสา

“ ฮะๆ…ไม่ใช่หรอกจ้ะหลาน เค้าไม่ใช่คุณผีเสื้อหรือว่า คุณดอกไม้หรอกนะ แต่เค้าเป็น บุรุษผู้กอบกู้ ”
หญิงชราหัวเราะอย่างมีความสุข ก่อนจะลูบหัวหลานสาว ด้วยความเอ็นดู

“ บุหลุด..อะไรคือ บุหลุด เหรอคะ แล้วอะไรทำไมมันถึงหลุดล่ะคะ คุณยาย ”
เธอถามต่อด้วยความไม่เข้าใจ กับสิ่งที่หญิงชราต้องการสื่อถึง
ซึ่งตอนนั้น พี่ชายของเธอก็เข้ามาหา

“ ยัยบ๊องเอ้ย บุรุษต่างหากไม่บุหลุดซะหน่อย วีรบุรุษ น่ะรู้จัก อ้ะเปล่า เด่อ ”
พี่ชายของเธอ กล่าวอวดว่ารู้ดีกว่าเธอ ทำให้เธอหน้าบูดใส่ พี่ชาย

“ แล้ว บุหลุด คืออะไรพี่ รู้เหรอ ”
เธอถาม พี่ชายกลับไปบ้าง ซึ่งคำถามนั้นก็ทำเอา พี่ชายเธออึ้งสะดุดไป

“ หะ ห้า ก็ต้องรู้อยู่แล้ว บุรุษ ก็คือ…เอ่อ….. ”
พี่ชายของเธอ กล่าวทำท่าอวดเบ่งว่ารู้ ก่อนจะต้องอ้ำอึ้งไปเพราะไม่รู้จะตอบเช่นไร

“ นั่นงาย พี่ ก็ไม่รู้ใช่ม้า ”
เธอ กล่าวพร้อมส่งสายตา เหยียดๆใส่พี่ชาย

“ ม…ไม่ใช่นะ พี่แค่จำไม่ได้เท่านั้นเอง…ไม่ใช่ไม่รู้นะ ”
พี่ชายเธอรีบกล่าว แก้ตัวทันควัน

“ ไม่จริง…โกหก…พี่ โกหก ”
เธอ เถียงกลับไป

“ ม…ไม่ได้โกหกซะหน่อย…พี่พูดจริงๆนะ ”
แต่พี่ชายเธอ ยังคงปากแข็งไม่ยอมรับอยู่ดี ขณะที่หญิง ชราได้แต่อมยิ้มขบขัน ในความไร้เดียงสาของทั้งคู่ก่อนจะปรามทั้งสอง

“ ฮะๆๆ…เอาเถอะๆ เดี๋ยวยาย จะบอกให้เอง บุรุษ หรือวีรบุรุษ น่ะก็คือ ”
หญิงชรา กล่าวพร้อมโอบไหล่ หลานชายให้มานั่งข้างๆ ก่อนจะเล่าต่อไป

“ คนที่ไม่ได้ทำเพื่อตนเองแต่ทำเพื่อทุกคน เหมือนอย่างที่ เค้าคนนั้นทำไงล่ะจ้ะหลานๆ เมื่อก่อนผืนแผ่นดินที่ชื่อว่า
 เมอริเซีย เคยถูก รุกรานโดยพวกคนไม่ดี แต่อัศวินมังกร กายสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้น เค้ามีท่วงท่าสง่างามราวกับพญาหงส์ เขาช่วยส่องแสงแห่งความหวังให้แก่เราในยามที่เรา หลงทางในความมืด ”

หญิงชรา เล่าในขณะที่เธอเองก็นึกย้อนถึงเรื่องสมัย ก่อนตนที่เธอยังเป็นเด็ก หญิงตัวเล็กๆอายุ
ประมาณหลานสาวของเธอในตอนนี้  เธอได้ไปดูการแสดงละครกับครอบครัว ละครที่แสดงในวันนั้น
เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เมอริเซีย ที่ถูกกลุ่มลูกหลานชาวเมอริเซียซึ่งเป็น คณะนักแสดง นำมาแสดงบนเวที
 

ละคร แสดง เกี่ยวกับอาณาจักร  ฟูดินัน ที่ถูกกลุ่มปีศาจสมิง รุกราน พวกมันมาเพื่อจัดการกับ
บิชอปแห่งอาณาจักร ฟีเลเซีย ที่ได้เดินทางมาพำนักในเย็นของวันนั้น ชาวบ้านจึงต้องอพยพไปโดย
แม่และเด็กจะต้องไปซ่อนตัว อยู่ใต้ร่มเงาของ มหาพฤกษา อิกดราซิล ขณะที่ชายคนอื่นๆในหมู่บ้านต้องไปรบ ท่ามกลางไฟแห่งการสู้รบที่ลุกลาม ตรงเข้ามายังกลุ่ม อพยพ ในตอนนั้น นางเองรู้สึกสิ้นหวังไปตารมละครด้วย

ทว่าในตอนนั้นนางได้เห็นแสงสว่างที่เป็นดั่งความหวัง เจิดจรัสขึ้น
 นั่น คืออัศวินมังกร ทาลูคัส ที่ปรากฏตัวขึ้นในยามนั้น
และช่วยกอบกู้วิกฤติ ภาพการแสดงในวันนั้นยังคงตราตรึงในหัวใจของนางมาจนถึงวันนี้


“ ส่องแสงได้ เค้าเป็นคุณดวงอาทิตย์ เหรอคะ หรือว่าเป็นคุณหงส์ ”
เสียงของ หลานสาวดึงเธอกลับมา แต่ก่อนที่เธอจะตอบนั้น หลานชายก็แทรกขึ้นมาซะก่อน


“ ฮึ้ย..ไม่ใช่หงส์ซะหน่อย มังกรต่างหากมังกรน่ะ ซักวันพี่ต้องเท่ห์แบบนั้นให้ได้เลย  ”
เด็กชาย กล่าวพร้อมกับยึดอก อวดเบ่งด้วยความเห่อแบบ เด็กๆ

“ ถ้าพี่เป็น บุหลุดผู้กอบกู้แล้ว พี่จะทำอาไยเหยอ ”
น้องสาว ถามเสียงใสด้วยความอยากรู้

“ แน่อยู่แล้ว พี่ก็จะปกป้อง หลีเม่ย ให้ได้เลยน่ะสิ จะไม่ให้ใครมารังแกเลยคอยดู ”
เด็กชายตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจเต็มเปี่ยม

“ จริงอ่ะ…สัญญานะ ”
น้องสาว ถามเขาเพื่อขอความแน่ใจอีกครั้ง

“ อื้ม…พี่ไม่ผิดสัญญาหรอก ”
เด็กชายตอบกลับ ด้วยความมั่นใจ ขณะที่หญิงชรา ผู้เป็นยาย ได้แต่มองหลานทั้งสองอย่างมีความสุข
กับความฝันของพวกเขา


“ บริทเทเนอร์ จงเจริญ ”
“ All Hari Nelporian ”
เสียง ดังอึกทึกเหล่านี้ คือเสียงการเดินทัพยึดอำนาจ ของ บริทเทเนอร์ ที่ขยายอาณานิคม มาจนถึง
ประเทศสุดเขตทวีปเลาดิเชีย ที่หมู่บ้าน แห่งนี้ก็ถูก ไฟสงคราม เผาผลาญเช่นกัน
ทันที ที่เสียงระเบิด ลูกสุดท้าย สงบลง บ้านเรือนต่างๆก็เหลือแต่เพียง ซากที่จมปรักในกองเพลิง

“ พี่คะ…คุณยาย…อยู่ไหนกันคะออกมาสิคะ…อย่าทิ้งหนูไว้คนเดียว…หนูกลัว…ฮือ~~ ”
เด็กสาว ร้องตะโกน เรียกหา พี่ชาย และ ยาย ของเธอทว่า ก็ไร้เสียงตอบ กลับเด็กสาว เดินลัดเลาะ
กองไฟที่ค่อยๆสุมเข้ามา ออกไปและตะโกนเรียกอยู่หลายที แต่ก็ไร้เสียงตอบกลับ ไม่มีใครในหมู่บ้านของเธอรอด
จากสงครามเลย มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น ที่รอดมาได้

“ หนูกลัว…อย่าทิ้งหนูไว้คนเดียวสิ….บุหลุดผู้กอบกู้ช่วยหนูด้วย..ช่วยด้วย ”
เด็กสาว ตะโกนออกมาเพื่อเรียกร้องความหวัง เพียงหนึ่งเดียว ให้ออกมาช่วยเธอ ทว่า ทุกอย่างก็ไร้ซึ่งการตอบกลับ ไม่มีสิ่งใด ช่วยเธอได้ ความจริงอันโหดร้าย ที่ได้ทำให้ เธอต้องเจ็บปวดราวกับ ถูกหักหลัง ก็ไม่ปาน


ตรงนี้ คลิกเข้าไปที่นี่ก่อน ฟังจนจบแล้วมาอ่านต่อจะรู้สึกเหมือนดูอนิเมอยู่

http://www.youtube.com/watch?v=CqKuYTTWAlM
……

“ ผู้กอบกู้ งั้นเหรอ อัศวินอะไรนั่นน่ะไม่มีอยู่แต่แรกแล้ว…เพราะสงครามที่พรากเอาทุกอย่างไปจากฉัน…คอยดูเถอะฉันจะทำให้มันหายไป ให้หมดตอนนี้ฉันมีพลังที่จะทำอย่างนั้นแล้ว ด้วยพลังของ Crisiser ฉันในฐานะ Valkyrier จะขจัดสงครามให้หมดไปให้ได้ ”
หลีเม่ย ปฏิญาณกับตัวเอง ในวันนั้น วันที่เธอได้รับ การยอมรับจาก Crisiser อันเป็นอาวุธของ เหล่า Valkyrier ที่เหล่านางฟ้า   Valkyrie ทั้ง 12 ได้ถ่ายทอดให้แก่เหล่าผู้ถูกเลือก

“ ทั้งๆที่คิดแบบนั้นแล้วแท้ๆ….แล้วทำไม แกถึงต้องมาปรากฏตัวขึ้นเอาตอนนี้ ตอนที่ทุกอย่างมันสายไปแล้วด้วย ”
ความคิด ที่ดังก้องอยู่ในหัวของเธอ ก่อนที่ พัดในมือของ เธอจะรวบรวมพลังงานเสร็จ

“ Ex-Charger ”
เสียงดังขึ้นจาก พัดก่อนที่เธอจะขว้างมันออกไป พัดที่ถูกขว้างออกไปนั้น หมุนควง เข้าไปหา อัศวินมังกรทั้งสอง

“ แย่แล้ว ”
ทาลิเลีย กล่าวขึ้นทว่า พวกเขาเองก็จะหลบหนีออกไป ก็ไม่ได้ เพราะ อาวุธบินทั้งสาม อัน ซึ่งทุกอันเป็น ลายสีเขียว
ทั้งหมด ได้ยิงสกัดทางหนีของพวกเขาจนหมด

“ Protection ”
เสียงทุ้มกังวานดังขึ้น ก่อนที่ เฟนท์ จะพุ่งเข้ามาสร้างเกราะรับการโจมตีนั้นไว้

“ นี่นาย…คนของทีม Celestial Saber งั้นเหรอ มาขวางฉันทำไม ”
หลีเม่ย กล่าวขณะที่รับ พัดที่ขว้างออกไปกลับมา

“ เห้ย..นี่พวกแกมาทำไรกันเนี่ย ”
ทาลิคนัส กล่าวพลางดีดนิ้ว เรียกไพ่ที่ใช้แปลงร่างซึ่งเคยเผาใส่ดาบเพลิง
เพื่อใช้จัดการกับ เชอร์โนบิอาส ไปแล้ว กลับมา

“ เฟนท์ ”
เสียง ของเรกกะ ดังขึ้นในหัวของ ทาลิคนัส

“ หือ…หมอนี่คือไอ้ลูกแหง่ เมื่อตอนกลางวัน น่ะเหรอ  ”
ทาลิคนัส สื่อสารกันอยู่ภายในใจ

“ อย่าเรียก งั้นสิยังไงเค้าก็เพื่อนชั้น…นา ”
เรกกะ กล่าวอยู่ภายในใจ

“ ทำไมถึงต้องจู่โจมใส่พวกเค้าด้วยล่ะ  ”
เฟนท์ กล่าวถามกลับไปขณะที่พยายามดันเกราะต้านการโจมตีจาก เหล่าอาวุธบินที่ วนยิงไปเรื่อยไม่หยุด

“ ไม่ใช่สิ่งนายควรจะรู้ ตอนนี้ถอยไปซะฉันมีเรื่องต้องจัดการกับสองตัวนั่น ”
หลีเม่ย ตะคอกก่อนจะโบกพัดในมือ เป็นสัญญาณให้อาวุธบินลายสีแดง ที่ลอยอยู่ใกล้ๆ
เธอ ออกไปข้างหน้า

“ Full Charge Great of Dragon ”
เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นจากตัวดาบ เพลิงของ ทาลิคนัส ก่อนที่ เปลวเพลิงจะลุกลามกลายเป็น มังกรเปลวเพลิง
ยื่นตัวออกมา จากคมดาบ

“ ท่าไม้ตายของชั้น หมายเลข 3 ”
สิ้นคำของ ทาลิคนัส ดาบมังกรเพลิงก็ถูกตวัด พุ่ง เข้าเผาทำลาย อาวุธ บิน ลายสีเขียวที่อยู่รอบๆ
แต่อาวุธบินเหล่านั้น ก็หลบการจู่โจมได้ ถึงกระนั้น ทาลิคนัส ก็ยังควบคุมมังกรเพลิงให้ ขดตัวล้อมทางหนีจนทำลายไปได้สองอัน  ส่วนอีกอันนั้น บินกลับหา หลีเม่ย

“ Great of Dragon ”
สิ้นเสียง ทาลิเลีย ก็ขว้างหอกของเธอ ออกไปหอกได้พุ่งแหวกอากาศไปก่อนจะกลายเป็น ลำแสงพลังรูปมังกร
พุ่งเจ้าหา หลีเม่ย


“ Keen Bit แยกตัว ”
หลีเม่ย ออกคำสั่ง กับ อาวุธบินลายสีเขียวที่เหลือเพียงอันเดียวก่อนที่ มันจะสร้าง ร่างแยกของ ตัวเอง เพิ่มขึ้นมา
อีกสองร่าง จนกลับมามีสามอันดังเดิม

“ Bit Protect ”
เสียงดังกังวานขึ้นจาก Keen Bit ทั้งสาม ก่อนที่มันจะเรียงแถวเป็นสามเหลี่ยม จากนั้นจึ้งสร้างกำแพงแสงสีเขียว
ขึ้นมา จากประจุอิออน รอบๆ ต้านการจู่โจมของ ทาลิเลียเอาไว้
จนเมื่อ มังกรพลังงานหมดอำนาจลง จึงกลับเป็นหอก กระเด็นปลิวกลับมา

“ เจ้าแท่ง สีเขียวนั่น มันสร้างตัวขึ้นเองได้เฉยเลย ”
ทาลิเลีย กล่าวขนาดที่ รับหอกที่กระเด็นกลับมาไว้ในมือ

“  Crimson Bit เตรียมยิง Extream Charge จงหายซะเถอะด้วยลำแสงแห่งการทำลายล้างนี้ ”
หลีเม่ย ออกคำสั่งกับ  อาวุธบิน สลายสีแดง ก่อนที่มัน จะกางออกแลยิงลำแสงสีแดงใส่ เฟนท์ ที่กางกำแพงป้องกันอยู่ จนกำแพงแตก ไปพร้อมกับ ร่างของ  เฟนท์ ที่กระเด็นอกจากรัศมีทำลายที่เธอ กะเอาไว้

“ Extream Charge ”
สิ้นเสียงที่ประสานกันขึ้นของ Bit ทั้ง 4 อัน พวกมันก็จัดทัพกันโดย ให้ Keen Bit (สีเขียว) ตั้งค่ายล้อมเป็น สามเหลี่ยมพร้อมกับกางออกทั้งสามอัน ส่วน Crimson Bit (สีแดง) นั้นไปอยู่วงล้อม โดยจัดตัวให้อยู่ตรงกลาง เหมือนที่
เคยจัดรูปแบบเพื่อยิงลำแสง ซึ่งเคย ล้างบาง บริทเทเนอร์ มาแล้วนั่นเอง
ไม่นาน Bit ทั้ง 4 ก็เริ่มสะสมพลังงาน


“ แย่แล้ว ไอ้นั่นมัน ที่ใช้ยิงตอนอยู่ที่ บริทเทเนอร์ นี่ ”
ทาลิเลีย กล่าวขึ้นด้วยความตกใจ ด้วยเพราะเธอยังจำอำนาจทำลายล้างของมันได้ดี

“ เอ๋…นี่เธอรู้จักไอ้นั่นด้วยเหรอเนี่ย ”
ทาลิคนัส ถามขึ้น ทว่าไม่ทันต้องแต่อย่างใด ทาลิเลีย ก็รีบคว้ามือ ทาลิคนัส แล้วลากบินหนี ไปอย่างเร็วที่สุดในทันที

“ ไม่ต้องถามมากได้ไหมตอนนี้หนีได้รีบหนีเถอะ ถ้าไอ้นั่นยิงมา แม้แต่ซากก็ไม่มีเหลือนะยะ ”
ทาลิเลีย สบถใส่ขณะที่พากันลากกันหนีออกมา

“ หนีไม่พ้นหรอกหน้านี่คือโทษฐานที่พวก แกไม่ยอมทำอะไรกันเลย…จงหายไปซะเถอะตอนนี้ที่ฉันจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้จะไม่ให้พวกแกมาขวางแน่นอน ”
หลีเม่ย กล่าวพลางยิ้มหน้าตาระรื่น ขณะที่ มวลพลังงาน เริ่มประจุกันหนาแน่น ทว่า ก่อนที่จะได้ยิงนั้น เฟนท์ ก็พุ่งกลับขึ้นมา รวบตัว หลีเม่ย เอาไว้ทำให้สมาธิ สั่งการของเธอรวน จน Bit ทั้ง 4 เสียการควบคุมและแตกวงล้อมออกในที่สุด

“ นี่นาย จะทำอะไรน่ะออกไปจากตัวฉันนะ  ”
หลีเม่ย ตะคอกพลางบิดตัวไปมาเพื่อสะลัดให้ เฟนท์หลุดจากตัวเธอ

“ ม…ไม่ได้นะครับ ถ้ายิงอนุภาค บีบอัดลงไปตอนนี้ล่ะก็ เมืองข้างล่างทั้งเมืองจะ… ”
เฟนท์ กล่าวพลางเกาะรัดฟัดเหนี่ยว ตัวหลีเม่ย เอาไว้ จนเมื่อ อัศวินมังกร ทั้งสองหนีลับไปจากสายตาแล้ว
เธอจึง กระแทก เฟนท์ จนกระเด็นอออกไปด้วยความหงุดหงิด

“ มาขวางฉันทำไม ทั้งทีเกือบจะจัดการมันได้แล้วแท้ๆ ”
หลีเม่ย ตะคอกพลางหันมาระบายใส่ เฟนท์ แทนโดยที่ เฟนท์ ไม่ทันได้ตั้งตัว Keen ิระ ทั้งสาม ก็ระดม ยิงใส่
ทว่า เขาก็สามารถเบี่ยงตัวหลบได้หวุดหวิด ก่อนจะกาง กำแพงป้องกันอีกครั้ง

“ ห…หยุดก่อนสิครับ คุณหลีเม่ย ”
เฟนท์ พยายามที่จะเกลี้ยกล่อมเธอ ทว่าก็ไม่เป็นผล เธฮยังคงระดมยิงโดยไม่ฟังเหตุผล

“ Mirage Explosion ”
สิ้นเสียง เอมิล ก็พุ่งเข้ามาพร้อมกันกับ ร่างเหมือนของเขาสามร่าง แทงหอกทำลาย Keen Bit ทั้งหมดก่อนจะ
ส่งร่างแยกไปล้อม Crimson Bit และตัวเขาเข้ามขั้นกลางระหว่างทั้งสอง


“ ไม่ดีนะครับ ถึง Keen Bit จะถูกทำลายหมดแต่หากมี Crimson Bit ที่เป็นแกนหลัก ก็จะสามารถสร้าง Keen Bit
ขึ้นมาใหม่ได้ทุกเมื่อแต่ ถ้า Crimson Bit พังไปตอนนี้ คุณคงจะเหลืออาวุธแค่ Iron Fan นั่นอันเดียวท่านั้น
ตอนเจรจาถือเป็นความคิดที่ฉลาดกว่านะ ”
เอมิล กล่าวก่อนที่ เหลีเม่ย จะยอมลดพัดเหล็กในมือลง
เค้าจึงยอมลดหอกในมือลงเช่นกัน

“ การกำจัด อัศวินมังกรนั่นเป็นหน้าที่รึเปล่าครับ…มีคำสั่งแบบนั้นเข้ามารึไม่ครับ ”
เอมิล ถามขึ้นอย่างช้าๆ

“ ไม่ ”
หลีเม่ย ตอบห้วนๆ

“ ถ้างั้นก็ไม่ต้องคุยกันยาวกว่านี้แล้ว หลีเม่ย คุณเป็น Valkyrier จะเอาความรู้สึกส่วนตัวมาพัวพัน กับงานไม่ได้นะครับ ถ้าเมื่อซักครู่ คุณยิงมันออกไป คงได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่แล้วสิ่งที่จะตามมาก็คือ สง… ”
เอมิล กล่าวจนต้องชะงักเมื่อ หลีเม่ย แทรกขึ้นมาก่อนจะทันพูดคำว่า สงคราม


“ พอที..ฉันทราบดีแล้วต้องขอ อภัยด้วยที่ดิฉัน ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่   ”
หลีเม่ย ตอบตัดบทจบ ก็หลบหน้าหนีกลับไป พร้อมกับข่มความรู้สึกของตัวเองเอาไว้

………………
………………………..

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #51 on: March 15, 2009, 06:15:32 PM »

ยาน ไซเบอริก้า

“ โธ่เอ้ย ให้ตายสิทำไมถึงต้องลากชั้นหนีมาด้วยล่ะเนี่ย เสียฟอร์มหมดเลย ”

“ เสียหน้ากับเสียชีวิต อย่างไหนดีกว่ากันยะ นี่ถ้าฉันไม่ลากนายออกมาป่านนี้นายเป็น เนื้อ ย่างแล้วล่ะย่ะ ”

เสียงทะเลาะดังกันขึ้นมาก่อนที่ ประตูห้องบังคับยานจะเปิดออก พร้อมกับ ทาลิคนัส ที่คืนร่างเป็น เรกกะ
แล้ว กำลังเถียง กับ R2 อย่างรุนแรง

“ โธ่เอ้ย…ไม่สบอารมณ์เล… ”
ทาลิคนัส บ่นได้ไม่ทันจะขาดคำ อยู่ๆ เรกกะ  ก็เปลี่ยนท่าทีไป

“ เลิกบ่นกันซักทีเหอะ…เราจะนอน ”
เสียงของ เรกกะ เปลี่ยนไปพร้อมกับที่ แสงในดวงตาข้างซ้ายเปลี่ยนเป็นสีขาว


“ ทาลูคัส เหรอ ”
มาธิอัส ถามแต่ เรกกะ ที่ทาลูคัส สิงก็ไม่ยอมตอบพลางเอา เก้าอี้สองตัวมาต่อกันก่อนจะเอนตัวลงนอน
ไปทันที


“ โอย…อีตาบ้า ทาลิคนัสนั่น กวนประสาทได้ตั้งกะต้นยันจบเลย ฉันล่ะอยากจะร้องไห้ … ”
R2 บ่นต่อทันที ที่ ทาลูคัส หลับไปทว่า อยู่ๆ เรกกะ ก็ลืมตาขึ้นทันที พร้อมกับที่ ดวงตาซ้าย เรืองแสงสีน้ำตาล
ขึ้นมาแทน เค้าก็ลุกพรวด ขึ้น มาทันที

“ ได้ร้องไห้แน่..ความแข็งแกร่งของข้า แม้แต่เด็กยังต้องร้องไห้ ”
เรกกะ กล่าวเสียงทุ้มๆแปลก เหมือนไม่ใช่ตัวเขาและอีกสองบุคลิกนั่นด้วย
แถมยังทำท่าทางขึงขัง แปลกๆ

“ ห๊าาา…นี่หรือว่า ”
R2 ร้องเสียงสูง พลางทำท่าจะเป็นลม

“ อืม…แบบนี้ชัวร์ บุคลิกใหม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ”
มาธิอัส กล่าวแบบไม่ทุกข์ร้อนเพราะชินกับ เรื่องแบบนี้ซะแล้ว

“ หา…เฮ้ย แกเป็นใครเนี่ย ”
เสียงของ ทาลิคนัส ดังขึ้นในหัว ของเรกกะ พร้อมๆกับที่ ขาซ้าย ขยับก้าวออกไป
โดยที่ตัวเจ้าของร่างตอนนี้ ไม่ได้ต้องการ

“ โอย นี่มันแคบลงยิ่งกว่าเดิมอีกนะ…เราจะขอนอนดีๆหน่อยไม่ได้หรือไงเนี่ย ”
เสียงของ ทาลูคัสเอง ก็ดังขึ้นพร้อมกับ แขนขวาพุ่งจะเข้าไปหาเก้าอี้เพื่อ ที่จะนอน
เมื่อการกระทำของ บุคลิกทั้งสามขัดกันซะเองทำให้ร่างของ เรกกะ ขยับไปๆมาๆแบบแปลกๆ
เหมือนคนจิตไม่สมประกอบ

“ โอยพอซะทีทุกคนน่ะ ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นพร้อมกับที่ ตัวของเขาล้มก้นจ้ำเบ้ากับทันที พร้อมกับที่ ตาซ้ายหยุดเรืองแสง
 ตอนนี้เค้าได้ร่างคืนมาแล้ว

“ ไม่เป็นไรนะ ”
R2 ถามพลางช่วยพยุงเค้า ให้ลุกขึ้น

“ ตอนแรกแค่ ทาลูคัส คนเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว นี่พอมี ทาลิคนัส มาก็ยังจะมีอีกคนตามมาเหรอเนี่ย
ทำไมผมถึงได้ดวงซวยขนาดนี้ น้า ”
เรกกะ คราง อย่างหมดหวัง กับการที่ต้องมีบุคลิก เพิ่มมาอีกถึง 3  คนเมื่อนึกถึงการใช้ชีวิต ที่
เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียวตลอดไปแล้ว เค้าก็รู้สึกท้อใจไปในทันที

“ เอาน่า ยังไงคงได้แต่ทำใจเท่าล่ะนะ ”
มาธิอัส กล่าว

“ เออนี่ ว่าจะถามตั้งนาน แล้วล่ะ…ไอ้ที่ห้อยคออยู่นั่นน่ะมัน… ”
R2 กล่าวถามพลางชี้ไปที่ นาฬิกาทรายขนาดเล็กซึ่งมีรอยไหม้ อยู่บ้าง ซึ่ง เรกกะ แขวนมันเอาไว้
โดยที่ไม่ใครอื่นสังเกตเห็น
 
“ อ๋อนี่น่ะเหรอ มันเป็นของดูต่างหน้าน่ะ ”
เรกกะ กล่าว พลางหยิบมันขึ้นมาให้ทุกคนดูชัดๆ

“ ของดูต่างหน้า…ของใครเหรอ ”
R2 กล่าวถามด้วยความอยากรู้ เรกกะ ก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะกล่าว

“ ของคุณพ่อผมเอง…ก่อนที่ผมจะมาอยู่ที่ อาริมาเทีย นี่เราเคยอยู่กันที่ไหนซักแห่งมาก่อน ที่นั่นมีมังกรอาศํยอยู่เต็มไปหมดเลย แต่มันคือที่ไหนผมก็จำไม่ค่อยได้หรอก เพราะครอบครัวของ พี่สาวที่ผมอยู่ด้วยตอนนี้เค้าเก็บผมมา ”
เรกกะ กล่าวเสียงอ่อย

“อุ้ย..ข..ขอโทษนะพอดีฉันไม่…  ”
R2 กล่าวขอโทษทันทีเมื่อเห็นว่าเธอถามแทงใจดำ ทว่า เรกกะ ก็ส่ายหน้าอย่างไม่รังเกียจ

“ ไม่เป็นไรผมชินซะแล้วล่ะ ”
เรกกะ กล่าว ขณะเดียว กัน บุคลิกทั้งสาม เองก็ฟังการสนทนา นี้อยู่ในจิตใจของเขาเช่นกัน

“ ถ้างั้น เล่าเรื่องพ่อของ นายให้ฟังหน่อยสิ ”
มาธิอัส ถามขึ้นห้วนๆ จน R2 หันไปทำหน้าตาเขียวใส่ จน มาธิอัส ต้องสะอึกไป

“ ฮะๆๆ…ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะเล่าให้ฟังก็ได้ ”
เรกกะ กล่าวไปพลางหัวเราะกับท่าทีของทั้งสองไป

“ คุณพ่อน่ะเป็นยังไงผมเองก็จำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ที่รู้อย่าง นึงก็คือ ท่านเป็นคนที่กล้าหาญแล้วก็เด็ดเดี่ยว
ที่สำคัญคุณพ่อมีเพื่อนมากมายเลยแต่ผมเองก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันเพราะมันนานแล้วล่ะ ”
เรกกะ กล่าวพลางหมุน นาฬิกาทราย ขึ้นเม็ดทรายค่อยๆไหลลงมายังแก้วข้างล่าง
อย่างช้าๆ

“ แต่ก็เพราะท่านเป็นแบบนั้น สุดท้ายก็เลยท่านก็เลยยอมสละตัวเอง เพื่อช่วยให้ผมรอดมาได้
แต่ตอนนั้น มันเกิดอะไรขึ้นผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันรู้แต่ว่า วันนั้นมีทหาร เสียงระเบิดแล้วก็อะไรต่อ
มิอะไรเหมือนกับในสนามรบไม่มีผิดเลยก็เท่านั้นเอง ตัวเองพลัดหลงไปกับครอบครัวตอนไหนก็ยังจำไม่ได้เลย… ”

เรกกะ เล่าพลางมองดูทรายที่ค่อยๆไหลลงมา แบบสะดุดๆไหลช้าบ้างเร็วบ้าง เพราะคอขวดแก้วบิ่นไปบ้างแล้ว
เปรียบราวกับความทรงจำที่ ขาดช่วงไปของเค้า ในตอนนี้เลยก็ไม่ปาน

“ ที่มีเหลือไว้ก็แค่นาฬิกา ทรายเก่าๆอันเดียวเท่านั้น ”
เรกกะ กล่าว จบทรายก็ไหล ลงมาหมดในที่สุด ท่ามกลางวามเงียบสงัดภายในห้อง

“ นี่…เรกกะ เธอเล่าเรื่องของเธอมาแล้วทั้งที…ไม่อยากจะถามเรื่องของพวกเราบ้างแล้วเหรอ ”
R2 กล่าวถาม

“ อืม..ที่จริงผมก็อยากรู้อยู่หรอกถึงตอนแรกที่พบกับ R2 แล้ว ก็ มาธิอัส จะรู้สึกสงสัยก็เถอะ
ตอนแรกก็คิดว่าจากนี้ไป ผมจะต้องตีตัวออกห่างจากเพื่อนฝูง เพราะ ทาลูคัส รึเปล่าแล้วก็ยังมาเรื่องของ Valkyrier อีก

ผมจะมองหน้าพวก เฟนท์ ได้ในฐานะ เพื่อนเหมือนอย่างที่แล้วมาได้รึเปล่า แต่ตอนนี้ผมไม่ติดใจเรื่องนั้นแล้วล่ะ
เพราะถ้าไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ผมเองก็คง ต้องเสียพวกเค้าไปตอนที่อยู่ บริทเทเนอร์แล้ว ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ผมถามผมก็จะไม่เซ้าซี้ แต่ถ้าอยากจะเล่า ผมก็จะรับฟังไว้นะครับ…. ”

เรกกะ กล่าวเสียงเรียบ กับการที่ทำใจยอมรับ โชคชะตาที่บิดผันนี้ได้แล้วทั้งยานก็เงียบกันไปซักครู่

“ อ….เอ่อ คือ เรกกะ คือว่าตัวฉันน่ะที่มา เป็นอัศวินก็เพราะ… ”
“ เวลาอาหารแล้ว..เวลาอาหารแล้ว…ข้างล่างทะเลาะกันใหญ่แล้ว ”
ยังไม่ทันที่ R2 จะกล่าวจบ ก็มีเสียงร้องแหลมดังขึ้น พร้อมกับประตูห้องเลื่อนเปิดออก ลูกมังกรแสง
ที่ปีกมีลักษณะประหลาดกว่ามังกรแสงทั่วไป เนื่องจากมีขนาดใหญ่ กว่าลำตัว
เหมือนกับจะเป็นสายพันธุ์ วายเวิร์น(Wyvern) ก็บินเข้ามาร้องตะโกนในห้อง

“ ตายล่ะลืมซะสนิทเลย …ได้เวลาให้อาหารพวกลูกมังกรแล้วนี่นา ”
มาธิอัส อุทาน ขึ้นก่อนจะรีบ ลุกจากเก้าอี้ ออกไปที่ประตู

“ เอ่อนี่ R2 ฝากเรื่อง แมกกี้ ที่จะให้ เรกกะ ทีนะ ”
มาธิอัส หันกลับมาบอก ก่อนที่จะออกจากห้องไป

“ อ…อืม ”
R2 รับคำ ขณะที่ เรกกะ ต้องตกใจ เมื่อลูกมังกรตัวนั้น เข้ามาไซร้ เค้าอย่างเชื่องสนิท

“ นี่ๆคนนี้ใช่ป่าวที่ เจ้านายใหม่ของผมน่ะ ”
เจ้าลูกมังกร หันไปถาม  R2 ดวงตาของมัน เต้นระริกด้วยความตื่นเต้น

“ ม….มังกรพูดได้ ”
เรกกะ ร้องเสียงหลงก่อนจะ เป็นลมล้มตึงไป

“ อ้าวว้าย เรกกะ เป็นอะไรไปน่ะ เรกกะ ”
R2 เลยพลอยร้องเสียงหลงตามไปด้วยเมื่อเห็นเค้า เป็นลมล้มลงไปเอาดื้อๆ
จนครู่ต่อมา เมื่อเขาฟื้น ขึ้นมา R2 จึงต้องบอกให้เขาใจเย็นๆก่อนจะอธิบายเรื่องต่างๆให้ฟัง

“ คือลูกมังกร แสงตัวนี้ ชื่อ แมกกี้ (Maggy) นะเพราะจากนี้ไป ถ้าจะต้องแปลงร่างแบบปุบปับ
แต่ เรกกะ เองก็พกชุด ของ Dragoon ไว้ตลอดไม่ได้ด้วยใช่ไหมล่ะ ก็เพราะงั้นเลย จะให้ แมกกี้
คอยช่วยเหลือ ถือชุดเอาไปส่งให้ น่ะ ”
R2 อธิบายขณะที่ เจ้าลูกมังกร ทำตากะปริบๆ ใส่ด้วยความไร้เดียงสา

“ ผมน่ะ เป็นลูกหลานของมังกรที่ St.Magnus เคยเลี้ยงเอาไว้ ชื่อ แมกนัส ดราโกรี่ (Magnus Dragory) ที่ 7 เรียกสั้นว่า แมกซ์ ก็ได้นา  ”   (St. Magnus’ Baby Dragon)
เจ้าลูกมังกรแนะนำตัว ด้วยภาษาคนคล่องปร๋อ ส่วน เรกกะ ที่ฟังก็ทำท่าจะเป็นลมอีกครั้ง
R2 จึงต้องรีบ พยุงเอาไว้ไม่สลบไปอีก



“ ก็อย่างที่บอกล่ะนะ เพราะมังกรตัวนี้เป็น มังกรพิเศษ ที่มหานักบุญเคยเลี้ยงเอาไว้มันเลย พูดได้น่ะจ้ะ
แล้วก็เรียกมันว่า แมกกี้ นะ ”
R2 อธิบาย ขณะที่พยุง ร่างของ เรกกะ เอาไว้ไม่ให้ล้ม

“ อาาา..ไม่เอาน้า ชื่อแมกกี้มันไม่ เท่ห์ อ่ะ เรียก แมกซ์ ไม่ได้เหรอ มันฟังดูดีกว่า อ่ะ ”
แมกกี้ แย้งด้วยความเอาแต่ใจแบบเด็กๆ พลางทำหน้ามุ่ยด้วยความงอน


“ แล้วลูกมังกรตัวนี้จะให้ผมเอาไปเลี้ยงเหรอครับ…แล้วปกติมันกินอะไร เลี้ยงยากไหมครับ ”
เรกกะ ถามด้วยความกังวล

“ อ๋อ เลี้ยงง่าย อยู่แล้ว ไม่เหมือนมังกรแสงที่ต้องเลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติหรอก เพราะมันไม่โตไปกว่านี้แล้วล่ะ
ทุกรุ่นพอตาย จะกลายเป็นไข่แล้ว พอเกิดมาก็บอกว่าตัวเองเป็นรุ่นที่เท่านี้เท่านั้น แต่จะรุ่นไหนก็
ปากมากพอๆกันเลย ส่วนเรื่องการกิน ก็เลี้ยงแบบ เลี้ยงหมาเอาก็ได้ ที่ดีกว่า คือเป็นเพื่อนคุย ช่วยจ่ายตลาดได้แล้วก็อีกสารพัดเลย ”
เสียงของ มาธิอัส ดังขึ้นขณะที่ เขาเปิดประตู ห้องเพื่อเข้ามา หลังจากลงไปให้อาหารลูกมังกรที่คอกเลี้ยงของยานเสร็จ

“ แล้วที่บ้าน เรกกะ ห้ามเลี้ยงสัตว์เหรอ ”
R2 ถามด้วยความเป็นห่วง

“ เปล่า หรอกครับที่จริงก็เคย เลี้ยง หมาเอาไว้ตัวหนึ่ง แต่มันตายไปเมื่อไม่นานนี้เอง พี่เค้าก็อยากได้สัตว์เลี้ยง มาเป็นเพื่อนเล่นใหม่อยู่พอดี แต่ไม่รู้ว่าถ้าเป็นมังกรจะไหวรึเปล่าน่ะสิครับ ”
เรกกะ กล่าว ขณะที่ อุ้ม แมกกี้ ซึ่งยัง งอแง อยู่บ้างขึ้นมากอด

“ เอ่อจริงสิ..เรื่องที่ฉันบอกค้างเอาไว้ ที่ฉันเป็นอัศวิน… ”

“ จริงสิ แล้ว เฟนท์ กับ ไอ เป็นยังไงบ้างล่ะเนี่ย ลืมไปเลย ”
R2 กล่าวยังไม่ทันไปไหนได้ เรกกะ ก็ดันนึกเรื่องทีลืมกันไปสนิทออก

“ R2 ช่วยพาผมไปส่งข้างล่างหน่อยสิ ”
เรกกะ หันไปขอร้องให้เธอช่วยแปลง่รางแล้วพาเค้ากลับลงไป

“ ไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก …พอดีเลยล่ะ เรกกะ นายลองใช้ดูสักครั้งสิ รับรองว่าถูกใจแน่ ”
มาธิอัส กล่าวพลางยิ้มแบบมีเลศนัย

…………………..
……………………………

ทางเดินช่องดีดตัว ออกนอกยาน

“ น…นี่เอาจริงเหรอ ”
เรกกะ กล่าวเสียงสั่น ขณะที่ สองมือ จับขาของ แมกกี้ ที่บินอยู่เอาไว้ ยืนบนพื้นขอบทาง
ด้านหน้า เป็นท้องฟ้าที่สูงขึ้นมาจากพื้นหลายกิโลฯ

“ ได้อยู่แล้วน่า ยังไงซะก็ฝึก บินไว้ให้ชินซะก่อน หลักการก็คล้ายๆกับเครื่องร่อนล่ะนะ ”
มาธิอัส กล่าวขณะที่ เรกกะ ยังไม่ค่อยจะเชื่อว่า เจ้าแมกกี้ จะแบกร่างของเขาบินลงไปไหว

“ ถ้างั้นขอให้โชคดีนะ ”
มาธิอัส กล่าวจบก็ยัน หลัง เรกกะ จนร่วงลงไป ขณะที่ เสียงร้องอย่างผวาของ เรกกะ
ดังห้วนขึ้นมากับสายลมกรรโชกที่พัดอยู่บนชั้นบรรยากาศนี้

“ ว้ากกกก…จะตกแล้ว ”
เรกกะ ร้องเสียงหลง ขณะที่ ค่อยๆร่วงลงไปยังรวดเร็ว ก่อนที่จะค่อยๆผ่อนความเร็วในการตกลง
ไปจนกลายเป็นการ ร่อนลงในที่สุด แมกกี้ สามารถแบกเค้าไปได้จริงๆ ด้วยปีกที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกมังกรทั่วไปและ
เพราะเป็นมังกรพิเศษจึงมีเรี่ยวแรง มากกว่า ลูกมังกรทั่วไปด้วย

“ นี่เรากำลังร่อนลงจริงๆใช่ไหมเนี่ย… ”
เรกกะ กล่าว ขณะที่มองพื้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ทัศนียภาพที่ มองจากเบื้องสูงและสัมผัสกับ
สภาพแวดล้อมได้โดยตรงแบบนี้ น้อยคนนักจะมีโอกาส ได้สัมผัสความรู้สึกที่ราวกับเป็นอิสระ

เหมือนดั่ง นกที่โบยบินในเวหา เพราะถึงแม้เค้าจะแปลงร่าง แต่จิตสำนึกในตอนนั้นก็ไม่ใช่เขา
ต่อให้บินอยู่ก็ไม่รู้สึก

“ นี่ แมกกี้ ขออะไรอย่างสิ ”
เรกกะ กล่าวกับ ลูกมังกร ก่อนที่ มันจะก้มหัวลงมามอง

“ มีอะไรเหรอ เรกกะ ”
แมกกี้ กล่าวอย่างสนิทสนม ทำให้ เรกกะ รู้สึกชอบเจ้ามังกรตัวนี้มากยิ่งขึ้น ที่มันเรียกชื่อเค้า
อย่างสนิทสนมราวกับเป็นเพื่อน เขาจึงยิ้มตอบกลับไปก่อนจะพูดเรื่องที่จะขอร้อง

“ นายช่วยแบกชั้นแทนทีได้ไหม เอาเล็บเกี่ยวที่ หลังเสื้อชั้น แล้วพาบินทีนะ….ชั้นน่ะอยากจะลองบิน
บนท้องฟ้าแบบนี้มาตั้งนานแล้วล่ะ ”
เรกกะ กล่าวดวงตาเต้นระริก ด้วยความตื่นเต้น ซึ่งเจ้าลูกมังกรก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะ กระชากขาออกจากมือของเรกกะ แล้วบินโฉบมาเกาะไหล่เอาขาเกี่ยวรั้งเอวของ เรกกะ ไว้ และพาเหาะเหินไปอย่างอิสระ

“ ขอบใจนะ แมกกี้ ”
เรกกะ กล่าวขอบคุณ ขณะที่บินไปในท้องฟ้า ความรู้สึกในตอนนี้ ราวกับว่าตัวเขาได้กลายเป็นนก ที่โบยบินอยู่ในท้องฟ้า อย่างมีอิสระ และค่อยๆร่อนลงไป  ยังสวนสาธารณะ ขณะที่ มองหาจากท้องฟ้านั้น
ก็เห็น เฟนท์ ที่ยืนคอตก อยู่ที่ม้านั่งที่ เคยสัญญาว่าจะรอ ไอ อยู่ที่นั่น


“ เฟนท์ กลับมาช้าไปงั้นเหรอ…หรือว่า ไอ จะโดนลูกหลงตอนเกิดเหตุที่ ถนนไปด้วยน่ะ ”
เรกกะ คิด ก่อนจะให้ แมกกี้ พาบินไป ที่ถนนกลางซึ่งเคยเกิดเหตุ ระเบิดกลางสี่แยก
ทว่าไม่ว่าจะมองหาอย่างไร ก็ไม่พบร่องรอยที่ว่า ไอ จะโดนลูกหลงไปได้ เรกกะ จึงถอดใจแล้ว บินกลับไปบ้านในที่สุด


“ ขอโทษนะชั้นมีธุระด่วนเข้ามาต้องไปจัดการ ”
ข้อความที่ปรากฏขึ้น บนจอโทรศัพท์ พกพา ธรรมดาที่ เฟนท์ มีติดตัวอยู่ นอกเหนือจาก เครื่อง Crisis terminal ที่ใช้แปลงร่าง ข้อความที่เขาส่งไปให้ ไอ  ก่อนที่ จะออกไป จัดการกับ กลุ่มก่อการร้าย เฟนท์ จ้องมอง
ข้อความตอบกลับ ที่เขาได้รับกลับมา

“ จะรอนะ ฉันมีเรื่องที่ต้องพูดกับเธอให้ได้วันนี้เลย ”
ข้อความที่ตอบกลับจาก ไอ นั้นทำให้เค้า รีบกลับมาเร็วที่สุดหลังจากที่ ไกล่เกลี่ยกันที่ ยาน Albus เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ปิ้บๆๆๆ

เสียง ดังจากเครื่องโทรศัพท์ พกพา ก่อนที่ เฟนท์ จะกดรับสาย

“ ครับ….พี่เหรอฮะ….ครับกำลังจะกลับแล้วครับ…แล้วเจอกันครับพี่ ”
เฟนท์ คุยอยู่ด้วยซักพัก ก็วางสาย ก่อนจะเก็บทั้งสองเครื่อง แล้วเดิน ละ ออกไปจากสวน ขณะที่
 ตะวัน คล้อยดินไปแล้ว
ทว่า เสียง หวอของ ไซเรน ก็ยังคงดังอยู่เนืองๆ

……………………
…………………………….

ร้านเค้ก Happy Material

ร้านเค้กร้านนี้ ตั้งอยู่ริมถนน ที่เงียบเชียบ ซึ่งมีผู้คนผ่านไปมาน้อยในเวลากลางคืน แต่ตัวร้านก็ยังเปิดบริการถึง
ช่วง 2 ทุ่ม การตกแต่งภายในร้านนั้น เป็นแบบ เรียบง่าย ผนังห้อง เป็นลาย หิมะที่ให้ความรู้เย็น
สบาย  ภายในร้านจะมี ตู้กระจกที่จัดวางเค้ก แสดงให้ลูกค้าเลือก บนเคาเตอร์ที่อยู่ข้างๆตู้
ก็จะมีเครื่องทำ กาแฟ และ ตู้แสดงเครื่องดื่มต่างๆ วางอยู่
“ กลับมาแล้วครับ พี่…. ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้น ก่อนทีประตูร้านจะเปิด ออก เรกกะ ที่อุ้ม เจ้าแมกกี้ เข้ามาในร้านก็เดินตรงมาที่
เคาเตอร์ ซึ่ง พี่สาวของเค้ากำลังง่วน อยู่กับการบดเมล็ดกาแฟ ก่อนจะวางมือเพื่อหันมาทักทาย น้องชายของตน

“ กลับมาแล้วเหรอจ้ะ เรกกะ อ้าว…นี่พาลูกมังกรมาด้วย ของใครหรือจ้ะ ”
 พี่สาวของเค้า กล่าวต้อนรับกลับก่อนจะ สังเกตเห็น แมกกี้เธอจึงรีบ ออกมาจากหลัง เคาเตอร์
เข้ามา ประคบประงม เจ้าแมกกี้

“ คือ เพื่อนเค้าให้มา น่ะครับ…เลี้ยงไว้ได้ไหมครับพี่…เจ้าตัวนี้ เลี้ยงง่ายไม่ยากหรอกครับ ”
เรกกะ พยายามหาเหตุผลเพื่อ จะขอให้พี่ ของเขาอนุญาต

“ นะครับ..นะครับ…ผมไม่เรื่องมากหรอกจะ ให้ช่วยงานก็ ได้นะครับ ”
แมกกี้ ส่งเสียง ออกมา ทำเอา เรกกะ แทบจะหัวใจหยุดเต้นเอาเสียตรงนั้นดื้อๆ
โดยกลัวว่าพี่ของเขาจะตกใจทว่า…

“ ว้าว พูดได้ด้วย นี่ๆ..เรกกะ เลี้ยงไว้ไหมอ่า ”
พี่สาวของเขาดันถามกลับมาแบบนี้ และยังไม่ตกใจที่เจ้า แมกกี้ พูดได้แถมยังทำเป็น
กระดี๋กระด๋า จนไปๆมาๆ กลายเป็นว่าเค้าเป็น ฝ่ายถูกขอให้รับเลี้ยงไว้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“ ง….งั้นก็เลี้ยงได้สินะครับ  ”
เรกกะกล่าว โดยสับสนว่า จะพูดเหมือนเค้าเป็นคนถูกขอหรือเป็นคนขอดี

“ นี่มันชื่ออะไรเหรอ ”
พี่สาวของเขาหันมาถาม

“ แมกกี้ ครับ ”
เรกกะ รีบตอบก่อนที่ เจ้าแมกกี้ จะพูดอะไรแปลกๆออกมาอีก

“ แมกกี้ เหรอ น่ารักจังเลย นี่หิวแล้วรึยางงง ”
พี่สาวของ เรกกะ แกล้งกล่าวยานคาง หยอกใส่เจ้า แมกกี้

“ นั่นพี่สาวเหรอน่ารักจังเลย….อยากมีพี่สาวบ้างจัง ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นในจิตใจ ทว่าเสียงนั้น เรกกะ เองก็ไม่คุ้นเอาซะเลย


“ นี่เมื่อกี้ ใครพูดเหรอ ทาลูคัส ทาลิคนัส หรือ อ…เอ่อ คนใหม่ น่ะ ”
เรกกะ หันหลังหลบหน้าพี่ สาว ไปกระซิบถามกับ บุคลิกอีกสามของตน

“ ไม่ใช่เราอยู่แล้ว ”
“ เฮ้ย..ไม่ใช่ชั้นนะเว้ย ”
“ ข้าเองก็ไม่ได้พูดเหมือนกัน ”
เสียงของบุคลิกทั้งสาม ตอบกลับมาอย่างทันท่วงที

“ นี่ เรกกะ ดูสิ..ดูสิ มันอ่านออกเขียนได้ คำนวณได้ด้วยล่ะเหมือนคนเลย ”
พี่สาวของเขา เรียกให้ไปดูความสามารถของ เจ้าแมกกี้ ขณะที่ เธอให้มันลองคิด
โจทย์ที่เธอตั้งให้ มันทำ และเจ้าแมกกี้ ก็เอาเล็บ จุ่มลงไปที่น้ำหมึกก่อนจะเขียน ตัวเลข
ตอบโจทย์ลงไปได้อย่างถูกต้อง

“ ผมสามารถช่วยจ่ายตลาดให้ได้ ด้วยนะฮับ ”
เจ้าแมกกี้ รีบออกตัวเสนอความสามารถ ของตนทันที ซึ่งพี่สาวของ เรกกะ ก็พลอย
คุยกับมันเพลินจนลืมเวลาปิดร้านไปเสียสนิท กว่าจะรู้ตัวก็ดึกมากเสียแล้ว

………………
…………………………

วันต่อมา

St. Magnus Academy

นักเรียนที่มาถึงโรงเรียนในช่วงเช้าบ้างก็จับกลุ่มคุยกันในห้องบ้าง ทำการบ้านบ้าง
ขณะที่รอเวลาเข้าเรียน

“ อ้าวมาแล้วเหรอ ไอ…มานี่สิ ”
โคเว็ท เพื่อนสาวร่างผอม ของ ไอ กล่าวทักทายเมื่อเห็น ไอ เดินเข้าห้องมา
พร้อมกับโบกมือเรียกให้มานั่ง ล้อมวงคุยกัน
“ จ…จ้ะ ”
ไอ ตอบก่อนจะเดินตรงเข้าไป ทว่า เฟนท์ ก็เดิน อ้อมหลังเธอไป เธอคิดจะหันไปทักทาย
ทว่าเธอก็ชะงักไป ขณะเดียวกัน ฝ่าย เฟนท์ เองก็ไม่กล้าสบตา เธอด้วย เพื่อนๆที่เห็นท่าทีของทั้งสองก็เกิดสงสัยและอยากรู้ขึ้นมา

“ นี่ๆ ไอ เป็นอะไร ไปน่ะ เมื่อวานทะเลาะกันมาเหรอ ”
มิมิ เพื่อนสาวร่าง ท้วมที่นั่งอยู่กับ โคเว็ท ถามขึ้น ทว่า ไอ ก็ยังคงเงียบไม่ตอบแต่อย่างใด
ขณะที่ ชักเก้าอี้ออกจากโต๊ะ เพื่อจะนั่ง

“ นี่หรือเพราะที่เมื่อวานต้องมาช่วย กันหาหนังสือรายงานเลยทำให้เธอ ทะเลาะกับเขาเหรอ ”
โคเว็ท ถามขึ้น

“ ตายแล้ว …ถ..ถ้างั้นฉันขอโทษน้า ถ้าฉันไม่ทำหนังสือรายงานหายล่ะก็…ไอ ก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้
ฉันขอโทษจริงๆนะ ”
มิมิ เมื่อได้ยิน โคเว็ท พูดแบบนั้น ก็รีบขอโทษขอโพย ไอ เป็นการใหญ่ ที่เมื่อวาน หลังจากที่ ไอ ส่ง ข้อความกลับไปว่าจะรอ แต่แล้ว มิมิ ก็โทรมาขอร้องให้เธอไปช่วยกันหา หนังสือรายงานที่เธอ ลืมไว้ที่ห้อง ไอ ก็เลยปลีกตัว มาช่วยจน

ลืมเวลา ครั้นเมื่อกลับไปที่สวนสาธารณะ มันก็ดึกมากแล้ว เธอพยายามมองหา เฟนท์ ซึ่งอันที่จริง เธอ มา
หลังจากที่ เฟนท์ กลับไปแล้วไม่นาน แต่เมื่อไม่พบเธอก็คิดว่า เขาคงกลับไปแล้ว นี่จึงเป็นเหตุให้เธอ
ไม่กล้าที่จะพบหน้า เฟนท์ อีกด้วยเพราะรู้สึกผิด ที่ให้ เฟนท์ เป็นฝ่ายรอตัวเธอ เสียนาน


“ นี่..หรือเพราะที่เมื่อวานไปมีเรื่องกับ หลีเม่ย เลยทำให้กลับไปไม่ทัน น่ะ ถ้า ”
ไรด์ ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ทว่า เฟนท์ ก็ส่ายหน้า ปฏิเสธ

“ ไม่หรอก ชั้นผิดที่ไปสายเอง… ”
เฟนท์ โทษตัวเองที่ไปถึงช้ากว่า ซึ่งอันที่จริง แล้วหลังเขา กลับไป ได้ไม่นาน ไอ ก็พึ่งจะมาถึง
หลังจาก ช่วยเพื่อนของ เธอหาหนังสอรายงานจนเจอ

…………………..
……………………………

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #52 on: March 15, 2009, 06:15:54 PM »

ยาน Albus

“ นี่น่ะเหรอ ภารกิจต่อไปที่เราต้องเข้า แทรกแซงน่ะ ”
เอลิซ่า เปรย หลังจากที่ดู ภาพบันทึกภารกิจเสร็จไป

“ น่ากลัวจังเลย จะให้พวกเค้า ไปจริงๆเหรอคะ ภารกิจนี้ น่ะ มันเกี่ยวกับสงคราม ตรงไหนกันคะ ”
ลูลู่ กล่าว พลางสั่นเป็นลูกนก เมื่อได้อ่านรายละเอียด ภารกิจ กับ
ภาพบันทึกที่ดูจบไปพร้อมกับ เอลิซ่า เอียน และ อีลูมีเซ่

“ นั่นสิ ขืนส่งพวก ไรด์ ลงไปแจม แบบนั้น จะหัวหายเอานา ”
อีลูมีเซ่ กล่าวพลางขัดแขนตัวเองไปมา ด้วยความกลัวจนขนลุกซู่

“ ใครว่าไม่เกี่ยวกับ สงครามล่ะ ถ้าขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ พวก องค์กรก่อการร้ายมัน
ก็จะขายอาวุธชีวภาพนี่ได้กันพอดี ถึงตอนนั้นความเสียหายมันจะยิ่งกว่าที่แล้วๆมาซะอีกนะ ”
เอียน แย้งขึ้นมาให้สอง หนุ่มสาว ลูกเรือยาน เข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของภารกิจ

“ แต่ฉันเองก็ไม่ปฏิเสธหรอกนะ ว่าภารกิจนี้มันอันตรายเกินกว่าที่จะให้พวกเค้าไปเสี่ยงจริงๆ
เพราะถ้าพลาดขึ้นมา ล่ะก็ ”
เอลิซ่า กล่าว ขึ้นมา ทว่าขณะนั้น หลีเม่ย ก็ติดต่อเข้ามาทันที

“ ถ้ากำลังเป็นห่วง เรื่องภารกิจ ในตอนนี้อยู่ ล่ะก็ ขอให้เลิกกังวล เถอะค่ะ ทางเราเองก็มีคำสั่งให้ไปจัดการกับ ภารกิจ นี้ด้วย ที่จริง ทีมอื่นก็ด้วย แต่ ว่าพวกเค้าก็คงจะมากันไม่ได้ล่ะค่ะเพราะ ดูเหมือน God Send ชิ้นต่อไปจะปรากฏขึ้น

มาแล้ว พวกเค้าก็เลยต้องไปจัดการ ดังนั้น ภารกิจ นี้จะมีแค่พวกเราสองทีมเท่านั้น ที่จะร่วมทำภารกิจ
ทีมของเรา ได้รับหน้าที่ให้คุมเชิงอยู่ด้านนอกส่วนหน้าที่ ค้นหาและช่วยเหลือ ผู้รอดชีวิตนั้นให้เป็นหน้าที่
 ของพวกคุณค่ะ  ”

หลีเม่ย กล่าวก่อนจะตัดการติดต่อไป

“ แต่ถึงยังไง ภารกิจในคราวนี้ ฉันก็ไม่คิดจะบังคับพวกเค้าหรอกนะ ถ้าถึงที่สุดแล้วไม่มีใครอาสาจะไปล่ะก็ ฉันจะเป็นคนรายงานให้เปลี่ยนภารกิจ นี้ไปให้ทีมอื่นแทน เรื่องทั้งหมดฉันจะรับผิดชอบเองคนเดียวทั้งหมด เพราะยังไงซะฉันเองก็เห็นด้วยแล้วว่า ภารกิจนี้มันอันตรายเกินไป ”

เอลิซ่า กล่าวถึงการตัดสินใจ ของเธอ ให้กับลูกเรือทุกคน ทว่า ในตอนนั้น เองประตูห้อง บังคับการก็เปิดออก
พร้อมกับ ที่ เอมิล และ ไรด์ ได้เดินเข้ามา

“ ไม่จำเป็นหรอก เรื่องนั้น น่ะ  เพราะยังไง สำหรับพวกเรา ไม่มีคำว่าอันตราย สำหรับการปฏิบัติภารกิจ
อีกแล้ว ชีวิต ของพวกเรา แขวนอยู่บนเส้นด้ายมาตั้งแต่วันที่ ปฏิญาณต่อ Valkyrie และรับมอบ Crisiser มาแล้ว
ต่อให้ต้องสละชีวิต พวกเราก็ต้องทำ เพื่อให้ภารกิจ สำเร็จ ”

เอมิล ยืนยัน อย่างหนักแน่นในอุดมการณ์ ของพวกเขา เหล่า Valkyrier

“ ต..แต่ว่า เอมิล ยังไงซะภารกิจนี้มันก็… ”
เอลิซ่า กล่าวยังไม่ทันจบ ไรด์ ก็แกล้ง กระแอมไอ ออกมาทำให้เธอหยุดไป

“ แหม..อย่าห่วงไปเลยครับ คุณ เอลิซ่า ยังไงซะ พวกเรา ก็เป็น Valkyrier นะครับ ไม่มี
อะไรที่จะจัดการกับเราได้หรอก และอีกอย่าง พวก เค้าเองก็กำลังพยายามกันอยู่ด้วย.. ”
ไรด์ กล่าวก่อนจะชู ตั๋ว ในมือขึ้นมาให้ทุกคนดู

“ ตั๋ว เข้า บ้านผีสิงเหรอ ”
ลูลู่ เปรยเสียงสูง ด้วยความงุนงง กับสิ่งที่ ไรด์ ต้องการจะสื่อ

“ นี่ทำกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ เนี่ย ”
อีลูมีเซ่ กล่าว ด้วยสีหน้า อึกอึ้ง เล็กน้อย

“ พวกเธอ…ขอบใจนะ ”
เอลิซ่า กล่าวขึ้นก่อนจะปาดคราบน้ำตาแห่งความซาบซึ้งที่เล็ดออกมา ออกจากใบหน้า
ท่ามกลางสีหน้า ยิ้มแย้ม ของ ทุกคนที่ต่างก็ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

……………….
………………………

สวนสนุก Yupy Land

ณ ตอนนี้ ก็เป็น เวลาเย็นมากแล้ว ผู้ที่มาเที่ยว จึงมีจำนวนน้อยลงไปอย่างถนัดตา
 ทว่า เสียงกรีดร้องด้วย ความหวาดผวา ก็ยังคงดังออกมาจาก อาคารโบราณหลังใหญ่
ซึ่งถูกตกแต่งให้ดูมีสภาพเหมือนถูกทิ้งร้าง

ซึ่งป้ายตรงทางเข้าอาคารเขียนว่า คฤหาสน์สยองขวัญ
 ทางเดินภายใน อาคาร นั้นมืดสลัว และเต็มไปด้วย ข้าวของต่างๆที่เก่าคร่ำครึ
ซึ่งใช้สำหรับ สร้างบรรยากาศให้ดูน่ากลัว

“ ข..ข้างหน้า ดู…ม…เหมือนจะมีอะไรออกมาเลยนะ…ท…ทำไงดี ”
ซาน กล่าวเสียง สั่น ขณะที่เดินกอดกันกลมกับ เฟนท์ น้องชายตน ลัดเลาะเดินไปตามทาง
เดินแคบๆมืดๆแห่งนี้ โดยที่มีเสียง กรีดร้องอย่างโหยหวน ดังขึ้นจากลำโพง ที่ถูกซ่อนไว้
เป็นระยะๆ

“ ผ…ผมกลัว… ”
เฟนท์ กล่าวเสียงสั่น เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ประสาททั่วทั้งร่าง นั้นตื่นตัว อยู่ตลอดเวลา
ไม่นานนักเมื่อทั้งคู่เดิน ประตูไม้ผุๆที่ข้างฝาผนังไป ก็มีเสียงหมาป่าหอนดัง ขึ้นจากลำโพง
ทำเอาทั้งสอง เสียวสันหลังวาบ

“ แฮ่ ”
เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับ ที่ประตูไม้พุ เทื่อครู่ถูกพังออกมา พร้อมกับสมิงหมาป่า โผล่ออกมา
ขู่คำราม

“ แว้ก…ผมกลัว คร้าบ…อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวนะคร้าบ ”
“ ร…เราเผ่นกันเถอะ เฟนท์ ”
เฟนท์ ร้องเสียงหลง พอๆกับพี่สาวของตน ก่อนจะพากัน วิ่งแจ้น ออกไปจากตรงนั้น
ทิ้งให้ พนักงานสมิงหมาป่า ที่แต่งหน้าหลอกลูกค้า ยืนงง

“ สองคนนั่นเป็น สมิงเหมือนกันไม่ใช่ เรอะ แล้วจะกลัวทำไมหว่า แถมทำไมมันกลับตาลปัตรกันล่ะเนี่ย ”
พนักงานสมิงหมาป่า กล่าวด้วยสีหน้างงๆ ที่แทนที่ ฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายโผเข้าหาฝ่ายชายแต่ดันกลายเป็นว่า
เหมือนคู่รักคู่อื่นที่เข้ามาเล่นในนี้ และยังสงสัยว่า ทำไมต้องกลัวด้วยทั้งที่ เป็นสายพันธุ์เดียวกันด้วยซ้ำ

“ ช่องที่ 11 คู่ต่อไปจะมาแล้วรีบเตรียมตัวเร็ว ”
เสียงดังขึ้นจากลำโพงด้านหลัง ช่องประตูที่ เขาพังออกมา

“ ครับๆ ”
พนักงานสมิงหมาป่า กล่าวตอบก่อน จะย้ายตัวเข้าไปเบียดในช่องแล้ว ดึงบาน ประตูขึ้นมาบัง
ไว้อีกครั้งเพื่อเตรียมหลอกคู่ต่อไป

………..

“ แฮ่ก ๆๆ เฮ่อ..น่ากลัวเป็นบ้า เลย ”
ซาน กล่าวอย่างเหนื่อยหอบ หลังจากที่ ออกมาจาก บ้านผีสิงได้ ก็พากันมานั่งหมดแรงบน
ม้านั่งข้าง ตู้ขายเครื่องดื่ม

“ เอ่อ พี่ จะเอาน้ำอะไรไหมครับ ”
เฟนท์ ถามขณะที่หยอดเหรียญ ลงไปในตู้

“ อ๋อ เอาน้ำมะนาวให้พี่สักกระป๋องก็แล้วกัน…เฮ่อ ”
ซาน กล่าวพลางถอนหายใจ ที่ได้พัก หลังจากตื่นเต้น มาตลอด
เฟนท์ หลังจากที่รับกระป๋อง เครื่องดื่มจากตู้ขาย เรียบร้อยก็ ยื่นกระป๋องน้ำมะนาวให้แก่ เธอ และ
ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เธอ ก่อนจะเปิด กระป๋องน้ำดื่มกันเข้าไปอึกใหญ่

“ ว่าแต่น่ากลัวสุดๆเลยนะครับพี่ ขนาดสมิงที่ออกมาตอนสุดท้ายนั่น ยังทำเอาเราเผ่นแนบได้เลย ”
เฟนท์ กล่าวย้อนความขึ้นมา

“ ก็นั่นสินะ ฝ่ายนั้นเค้าก็คง งงกันล่ะว่าทำไมเราถึงกลัวได้ขนาดนั้น ”
ซาน กล่าวขึ้นก่อนที่พวกเขาทั้งสอง จะหัวเราะกันอย่างมีความสุข


“ นี่ ไอ นั่น เฟนท์ ไม่ใช่เหรอ ”
มิมิ กล่าว พลางชี้นิ้วไปที่ ม้านั่ง ที่ เฟนท์ กับ ซาน นั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน

“ หาจริงด้วยๆ อ๊ะกำลังนั่งอยู่กับรุ่นพี่ผู้หญิง ด้วยนี่ ”
โคเว็ท กล่าวขึ้น ประโยคนี้ทำให้ ไอ ที่พยายาม เมินหน้าหนี ต้องหันกลับไปมองทันที

“ นี่ เฟนท์ เค้าชอบคนที่อายุมากกว่าเหรอแถมดูๆไปแล้ว คนๆนั้นก็สวยซะด้วยสิ ”
มิมิ กล่าวขึ้นลอยๆ ทว่าคำพูดนั้น ก็พลางทำให้ ไอ คิดเลยเถิดเข้าไปอีก เมื่อภาพของ คนที่เธอ แอบมีใจให้ นั้นกำลัง ก้อร้อก้อติก อยู่กับหญิงอื่น ในเวลานั้น ราวว่าในใจได้เกิดช่องว่างที่เติมไม่เต็ม ผุดขึ้นมา ราวกับจะดูดกลืนทุกสิ่งภายในใจเธอให้หายไปสิ้น

“ ทำไมกัน..กับเราวันที่ไปดูหนังด้วยกัน เค้ากลับดูไม่สนุกสนาน ขนาดนี้เลย… ”
ไอ คิดทว่า แม้ตัวเธอในตอนนี้จะพยายามปฏิเสธก็ตามแต่ เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่า
ช่องว่างในใจตอนนี้ คือ ความริษยาที่ไม่อาจทำให้มันหายไปได้
เธอข่ม ความรู้สึกเอาไว้ ก่อนจะ เดิน ออกห่างไป

“ อ้าว นี่ ไอ จะไม่ไปหาเหรอ ”
มิมิ หันมาถาม

“ ไม่หรอก…ไม่จำเป็นอีกแล้วล่ะ ”
ไอ กล่าวเสียงแผ่ว ขณะที่ก้าวเดินออกห่าง ไปโดยไม่ให้ใครได้เห็น หยาดน้ำตา
ที่ไหลรินอาบแก้มของเธอ

…………………..
………………………….

บ่ายของ วันต่อมา อันเป็นเวลาเลิกเรียน ของ St. Magnus Academy

“ แล้ว สรุปว่า พวกเธอสองคนก็ ยังไม่หายกลัวผีอยู่ดีสินะ ”
ไรด์ กล่าวพลางเหล่ตาใส่ทั้งคู่ พวกเขามารวมตัวกันที่ ด้านหลังอาคารเรียน ซึ่งเป็นที่ลับตา

“ เนี่ย ก็ซ้อมทั้งไปบ้านผีสิง ดูหนังสยองขวัญ อะไรต่อมิอะไรก็แล้ว แต่สงสัยจะไม่ไหวล่ะ ”
ซาน แก้ตัวน้ำขุ่นๆ โดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่อย่างใด นอกจากเธอกับน้องชายไม่อาจแก้อาการ
กลัวผีได้

“ งั้น ภารกิจนี้จะให้ไปกันแค่สองคนเหรอ ”
เอมิล ถามขึ้นมาบ้าง

“ อ…เอ่อ ม…ไม่เป็นไร ชั้น กับ พี่จะเข้าร่วมด้วย แน่นอน ถึงจะกลัวอยู่หน่อยๆก็เถอะ ”
เฟนท์ กล่าวพลางไม่ชนนิ้วไปพลางด้วยความไม่แน่ใจ

“ เฮ้..ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนก็ได้นา ”
ไรด์ กล่าว

“ อืม…ถ้าไม่ไหวก็ถอนตัวก็ได้ เพราะไม่งั้นจะเป็นตัวถ่วงซะเปล่าๆ ”
เอมิล เสริม ทว่า ทั้งสอง ก็ไม่ยอมยืนยันที่จะขอตามไปอยู่ดี

“ ถ…ถึงยังไงซะ ให้พวกนายไปกันแค่ สองคน น่ะ…ไม่ไหวหรอก ยังไงซะพวกชั้นก็จะไปด้วย ”
เฟนท์ กล่าวก่อนจะเน้น ประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ อย่างที่ เฟนท์ บอกไปนั่นล่ะ เราเป็นทีมเดียวกันนี่ ถ้าพวกเราร่วมมือกันล่ะก็ ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้อยู่แล้ว ”
ซาน กล่าวพลางยื่นมืออกไปกลางวง ก่อนที่ ทั้งสามจะยิ้มออกมา ด้วยความเข้าใจ พร้อมกับ ส่งมือไปประสานกันไว้

“ ด้วยคมดาบแห่งเบื้องฟ้าสูง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเรา… ”
“ ขอสาบานจะต้องขจัด.. ”
“ …สงคราม.. ”
“ ….ให้หมดไป… ”

ทั้งสี่ค่อยๆกล่าวขึ้นมาทีละประโยค ก่อนจะโยนมือที่ประสานกันออก ด้วย ความมั่นใจที่ถูกอัดแน่น
อย่างเต็มเปี่ยม

………………..
……………………

Soprano อาณาจักรแห่งการดนตรี และวจีศิลป์

บัดนี้ ประเทศอันงดงาม ที่เป็นที่เลื่องชื่อลือชา ด้านการดนตรี ซึ่งจะบรรเลงขับขานทำนองอันไพเราะ
ขับกล่อมอยู่แทบจะตลอดเวลา บัดนี้กลับเงียบสงัดราวกับ ไร้ซึ่งชีวิตชีวา

สภาพเมืองภายในประเทศก็ กลายเป็น ซากปรัก และ เริ่มมีการ กั้นบริเวณ ปิดล้อมอาณาเขต
กัน ทุกสิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจาก ขีปนาวุธ ไม่ทราบจำนวนพุ่งเข้า ชนเมืองแห่งหนึ่งใน โซปราโน่

และสิ่งที่ตามกันออกมาก็ คือเชื้อไวรัส ที่จะทำลายระบบ ประสาททำให้ สิ่งมีชีวิต ที่สูด ดม มันเข้าไป
 มีสภาพไม่ต่างกับ ซากศพเดินได้ หรือ ผีดิบ(Zombie)นั่นเอง และเมื่อมันทำร้าย สิ่งมีชีวิต อื่นที่ไม่ได้รับเชื้อ
หากโดนกัดเชื้อก็จะแพร่เข้าสู่ร่างกายได้ทันที และจะกลายเป็นเหมือนพวกมันในทันที

“ Seraphic Pistol ”
สิ้นเสียง กระสุนประจุ อิออน ก็ถูกระดม ยิงกราดใส่กลุ่ม ผีดิบ ที่ค่อยคืบคลานเข้ามา
จนราบเรียบ  ทว่า ขณะที่ ซาน กำลังจะลดปืนลง ก็มี ผีดิบ อีกตัวกระโจน ออกมาจาก
ซากตึกข้าง พร้อมกัน นับสิบ

“ ว้ายยย ”
ซาน กรีดร้อง ด้วยความหวาดผวา พลางเร่งเกราะอนุภาค อิออน สุดแรงจนสีเกราะเข้ม ขึ้นมาก
ด้วยความหนาแน่น ของอนุภาค ซึ่งทันทีที่ พวก ผีดิบสัมผัส ถูก เกราะ ร่างเนื้อของพวกมันก็ถูก
อนุภาคสลาย จนเหลือเพียงกระดูก ล้มกองระเนระนาด เท่านั้น เมื่อภายนอกเกราะดูจะสงบลง
ซานจึงลดการเร่งอนุภาคลง

“ เฮ่อ….ว่าแต่ทำไมถึงกลายเป็นกระดูกไปหมดเลยล่ะ หรือเพราะว่า เกราะอนุภาคเมื่อกี้มัน….อ๊ะ ”
ซาน รำพึงกับตัวเองได้ไม่นาน ก็ต้องผวาอีกรอบ เพราะพวก ผีดิบที่ล้อมเธออยู่นั้น
ได้ออกจากที่ซ่อน กระโจนเข้าใส่ เธอเมื่อเห็นว่า อนุภาคของเกราะ มีความเข้มข้น ลดลง

ทว่า แม้จะมีเกราะ เพียงเบาบาง แต่เพียงแค่พวกมันสัมผัสถูก อนุภาคที่ ปล่อยอกมา
ร่างเนื้อก็จะสลายและ เหลือแต่เพียกระดูก ราวกับถูก อนุภาคเผาผลาญ จนสลายไป

บ้าง บางตัวที่ยังมีสภาพร่างดีอยู่ ไม่ได้มีอวัยวะ เล็ดหลุด หรืออยู่ในสภาพของ ซากศพ
เมื่อถูก ประจุ สัมผัส บริเวณ แผลที่ถูกถ่ายเชื้อ ก็จะมีสภาพ เหมือนกับถูกไฟเผา
ก่อนที่ อาการแบบ ผีดิบ จะหายไป

“ นี่…คุณไม่เป็นไรนะคะ ”
ซาน เข้าเขย่า ตัวชายที่หายจากอาการ ผีดิบ จากการที่สัมผัสถูก อนุภาค อิออน
ซักครู่เมื่อเขารู้สึกตัว ก็พบว่า ชายคนนี้กลับเป็น คนธรรมดาดังเดิมแล้ว
ไม่รอช้า ซาน จึงรีบติดต่อ ไปยัง ยานแม่ ทันทีด้วย เครื่อง Crisis Terminal

“ นี่ Crisiser 002 Serephic Symphony ซาน นีโอเวล ขอแจ้งผลการปฏิบัติบางส่วน ค่ะ ”
ซาน รายงานไปขณะที่ กางอาณาเขตเกราะให้ ครอบคลุม ร่างของ ผู้รอดชีวิตที่เธอช่วยจากอากากรผีดิบ
 มาได้ ให้เข้ามาใน อาณาเขต เกราะของเธอ

“ พวก ผีดิบ ที่ถูกประจุ อิออน มีบางส่วนหายจากอาการ ด้วยใช่ไหม ”
เสียง ของ เอลิซ่า ดังตอบกลับมาจาก เครื่อง

“ ทำไมถึงรู้ล่ะคะ ”
ซาน ถามด้วยความแปลกใจ

“ เมื่อครู่ เฟนท์ กับคนอื่นๆรายงานเข้ามาแล้ว ก็เลยว่าจะมีการเปลี่ยนแผนภารกิจ
 ให้พาผู้รอดชีวิตที่เธอช่วยได้ ออกมาจากบริเวณ แล้ว ไปร่วมกันสกัด
ไม่ให้พวกผีดิบ ออกจากบริเวณ ปิดกั้นแทน เพราะตอนนี้พวกมันเริ่ม
ที่จะหนีออกมาเพราะการแทรกแซงของพวกเราแล้ว ”

สิ้นคำสั่ง เอลิซ่า ซาน ก็รีบพาทุกคน หนีออกจากบริเวณ ในทันที
โดยระหว่างทางที่ออกนั้น ก็สามารถช่วยเหลือคนเพิ่มมาได้เรื่อยๆ ทำให้กลุ่ม
ของเธอ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆแต่ในที่สุดก็สามารถช่วยเหลืออกมาได้หมด

โดยด้านหน้า มีกลุ่มเจ้าหน้าที่ ของ รัฐซึ่งมาทำการปฏิบัติการช่วย เหลือผู้คนในเขตบริเวณ ปิดกั้นตั้งแต่
ก่อนที่ Empyrean Adjust จะเข้ามาแทรกแซง ทำให้ตอนนี้ ทาง โซปราโน่ เมื่อเห็นว่า เหล่า Valkyrier
สามารถช่วยพวกเค้าได้ จึงให้ความร่วมมือ อย่างเต็มที่ โดยไม่เกี่ยงว่า พวกเค้าเองก็เป็น องค์กรก่อการร้าย
ที่เคยใช้กำลัง สงบสงครามด้วยการคร่าชีวิต ผู้คนไปมากมาย ก็ตามที

ยาน Albus

“ อืมไม่นึกเลยนะว่า อนุภาค อิออน จะมีความสามารถในการรักษา เชื้อไวรัส ได้ด้วย ”
เอียน กล่าว พลางใส่คำสั่งลงไปในแผงควบคุมเพื่อเตรียมการตามแผนที่
เอลิซ่า วางไว้

“ เข้าใจแล้วนะคะ ทันทีที่ ทางเราพร้อม ให้ทำการกระจายอนุภาค ลงไปในเมืองเลย ”
เอลิซ่า กล่าวกับ หลีเม่ย ที่ติดต่อเข้ามาขณะที่ ด้าน นอก ตัวยานนั้น
หลีเม่ย กำลัง รวบรวม ประจุ ที่ปล่อย ออกมาจาก ยาน Albus ที่กำลังบินอยู่เหนือ น่าน ฟ้าของ เขตปิดกั้น

“ ต้องขอโทษด้วย ที่ทางทีมเรา มีฉันมาแค่คนเดียวแบบนี้ เพราะ ยาน Niger ของทีมเรา เป็น เรือดำน้ำ
ก็เลยขึ้นมาไม่ได้ จนกว่าจะซ่อม ระบบ เตาพลังงาน ที่พังเพราะใช้บินไปที่ บริทเทเนอร์  ตลอดทางยาวนั่น
เลยต้องทิ้ง ผิง กับ หลง ไว้ที่ ยานน่ะค่ะ ”
หลีเม่ย กล่าว ขออภัย ที่ทีมของ ตนไม่สามารถช่วยอะไรได้เท่าที่ควร

“ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาขอโทษกันแล้วนา ทางเธอน่ะ เอาเวลาไปเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเถอะ ”
อีลูมีเซ่ กล่าวโดยไม่หันขึ้นไปมอง ที่มอนิเตอร์ เพราะกำลังง่วนอยู่กับการ
แผงควบคุม เพื่อใส่คำสั่งลงไป ให้ยานส่วน ลูลู่ นั้น ยังคงต้องทำงานมือเป็นประวิง
กับผล สภาพของ ยานและการปรับ สมดุลพลังงาน  ของยาน

“ ตอนนี้ ซาน ไปสมทบ กำลังป้องกัน ทางทิศ เหนือ แล้วค่ะ ”
ลูลู่ รายงานจากการติดต่อที่ ซาน ส่งเข้ามาขึ้นทันที

“ แย่ล่ะสิ ดูเหมือน พวก ผีดิบมันจะแห่กันออกมายิ่งกว่าเดิมแล้วนะ ขืนปล่อยให้หลุดออกปได้ซักตัวล่ะก็ ”
เอียน เปรยขึ้น ทว่าไม่นาน อยู่ก็มีสัญญาณเตือนดังขึ้น ก่อนที่ ลูลู่ จะส่งภาพสัญญาณที่เรดาห์จับไว้ได้ขึ้นจอ
มอนิเตอร์ ใหญ่ ขีปนาวุธอีกนับสิบกำลังจะพุ่งเข้ามา ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเท่านั้น

“ นั่นมันหรือว่า ”
เอลิซ่า เปรย โดยไม่อยากจะคิดถึงสิ่งที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า

“ ใช่จริงๆด้วย ขีปนาวุธนั่นเป็น ขีปนาวุธ ไวรัส แบบเดียวกับที่ยิงเข้ามา ที่นี่ ”
อีลูมีเซ่ รายงานผลวิเคราะห์ ที่ได้จาก เครื่อง

“ เป้าหมายล่ะ ”
เอลิซ่า หันไปถาม ลูลู่ ที่เป็น ฝ่ายคำนวณของยาน

“ ค…ค่ะเป้าหมายคือบริเวณ รอบนอกเขต ปิดกั้นค่ะ ความเสียหายที่ได้ จะเอาขึ้นจอเลยนะคะ ”
ลูลู่ รายงายก่อนจะส่งภาพขึ้น จอรัศมีความเสียหายที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดจากการที่ขีปนาวุธลง
ได้ครอบคลุมอาณาบริเวณ เกือบ หมดทั้งประเทศ อีกทั้งหากประชากร โซปราโน่ กลายเป็น

 ผีดิบกันหมด ก็จะยังส่งผลให้ ประชากรผีดิบ กระจายกันออกไปแพร่ เชื้อจนลามไปทั้งทวีป
และอาจไปได้ ทั้งเทอร่า

“ นี่มันคิดจะทำให้ คนกลายเป็นผีดิบ หมดเลยรึไงกัน ”
เอียน สบถพลางขบฟันด้วยความโกรธ

“ สั่งการลงไปให้ ไรด์ กับ ซานเข้าไปสกัด อย่าให้ ขีปนาวุธ ลงไปยังเป้าหมายได้แล้วก็อย่าทำให้ ขีปนาวุธ ระเบิดเด็ด ขาด ให้ ตัดเอาหัวเชื้อออก และเก็บกลับมาอย่าให้ ตกหล่น ”
เอลิซ่า รีบสั่งการเพื่อแข่งกับเวลาในทันที

“ นี่แสดงว่า พวกมันจับตาดูพวกเราอยู่สินะ คิดจะทำให้เราเสียความเชื่อถือ ด้วยการทำให้ภารกิจของเรา
ล้มเหลว งั้นสิ แสดงว่า เป้าหมายของพวกมันก็คือพวกเรา ”
เอลิซ่า คิดขณะที่พยายามหาทางจัดการกับสถานการณ์ในขณะนี้

“ ถึงจะทำแบบนั้นได้ ก็เถอะ แต่จำนวนขีปนาวุธ ขนาดนี้ แค่สอง คนคงไม่ไหวแน่
จะทำลายเลยก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเชื้อก็จะแพร่ กระจายลงไปเจือปนกับอากาศ แต่เป้าของ ขีปนาวุธ ก็

ครอบคลุม จนเกินกว่า จะแยกตามไปสกัดได้ทัน จากวิถียิง ที่พวกมันยิงล้อมมาจากทุกทิศ ได้แบบนี้
แสดงว่าฐานกำลังของ พวกมัน จะต้องอยู่กระจายกันไม่ไกล ในรอบบริเวณนี้ หรือจะเป็นพวกมาราดัน…  ”

เอลิซ่า พยายามวิเคราะห์ เป้าหมายของ กลุ่มก่อการร้าย ที่สร้างสถานการณ์นี้ขึ้น
พร้อมกับคิดหาทางออกแต่ไม่ว่าจะใช้วิธี ใด พวกเค้าก็ไม่สามารถ จัดการกับ ขีปนาวุธทั้งหมด
ได้อยู่ดี

……………..
……………………….

St. Magnus Academy

บัดนี้ รอบบริเวณด้าน นอกของโรงเรียน ถูกล้อมไว้ด้วย หน่วยพิทักษ์สันติราษฎร
ที่กำลังจับกลุ่ม กลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่ลอบเข้าไปจับ อาจารย์และนักเรียน ในโรงเรียน
 เป็นตัวประกัน ซึ่งเหตุการณ์ เหล่านี้เกิดขึ้น หลังจากที่ พวก เฟนท์ ออกไปได้ ไม่นาน

โดย มูลเหตุของการก่อการร้าย คือความไม่พอใจในการเจรจาที่ โลกอส  จับมือ
กับ บริทเทเนอร์ ที่เคยเป็น ศัตรูกันมาก่อน แต่หากมองต่างมุมแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้
ถูก พวกองค์กร ก่อการร้าย ขนาดใหญ่ที่หากินกับสงคราม ว่าจ้างมาทั้งนั้น

ในขณะนี้ กลุ่มนักเรียน ที่สามารถ อพยพออกมาได้ ก็ยืนมุงอยู่ด้านนอก ด้วยความระทึก
ทางหน่วยงานก็กำลัง ต่อรองกับ คนร้ายอยู่ ทว่าก็มีการขู่กลับมาว่า จะมีการเชือดตัวประกันหากตำรวจ
ไม่ยอมทำตาม ข้อเสนอของคนร้าย ตำรวจรักษาการ จึงได้แต่ประวิงเวลาเอาไว้

“ ตายแล้วๆทำไงดีล่ะ ไอ ต้องถูกจับไปด้วยแน่เลย ”
โคเว็ท ร้องโวยวายขึ้นด้วยความกังวล นั่นเลยทำให้ มิมิ ต้อง ปรามให้ เธอใจเย็น ลง

“ ใจเย็นๆไว้ โคเว็ท ไอ จะต้องไม่เป็นอะไร เชื่อสิ ไอ เค้าดูแลตวเงได้อยู่แล้ว ”
มิมิ กล่าวพลางยื่น ผ้าเช็ดหน้าให้ เธอ สั่งน้ำมูกที่ไหลเยิ้มออกมา

“ แต่ยังไง มันก็อดกลุ้มไม่ได้นี่ ”
โคเว็ท ร้องออกมา อีกรอบ จน มิมิ ต้องนั่ง ปลอบเธอเป็นการใหญ่


…………..

ห้องสมุด

ภายในห้องที่เต็มไปด้วย ตู้และชั้นวางหนังสือ มากมาย กลุ่มนักเรียน และอาจารย์ บรรณารักษ์
ในห้องถูกจับ ให้นั่งรวมกลุ่มกัน โดยมีหนึ่งในคนร้าย ที่คลุมหน้าด้วย ถุงผ้าสีดำ เจาะรูที่ตา
ถือปืนคุมเชิงอยู่ ส่วนคนร้าย อีกคนคุย โทรศัพท์ ต่อรองกับ ตำรวจ

“ ฮึ้ยย นี่พวกมันจะยื้อไปถึงไหนกัน ”
คนร้ายสบถ พร้อมกระแทก หูโทรศัพท์ ลงกับโต๊ะ ด้วยความโมโห

“ สงสัยต้องเชือดไก่ให้ลิงดูน่ะล่ะมั้ง มันถึงจะ กระตือรือร้น ขึ้นมาบ้าง ”
คนร้ายที่คุม ตัวประกัน อยู่ กล่าว พลางชักคันรั้งปืน ทำเอา อาจารย์ และนักเรียน
ตกอยู่ในความกลัว

“ อึ๋ย ทำไงดีอ่ะ ”
เรกกะ ที่เป็นหนึ่งในตัวประกันคิด ขณะที่พยายาม หาทางออก

“ ทำไมเราต้อง ทำตามพวกมันด้วยล่ะ เราเป็น เจ้าชายนะ เราต้องเป็นคนสั่งสิ ”
เสียงทาลูคัส ดังขึ้น ในจิตใจ ด้วยน้ำเสียงที่ไม่เต็มใจนัก

“ เฮ้ย เห้ย อย่างนี้มันต้องลุยกันหน่อยแล้ว ม้าง เรกกะ ว่างไเอาให้ ไคลแมกซ์ กันตั้งแต่ต้นจนจบเลย
ดีไหม ”
ไม่นาน ทาลิคนัส ก็เอาบ้าง

“ กึ๋ย อย่าดีกว่าน้า ชั้นกลัว อ่ะ พวกมันมีปืนด้วยนา ”
เรกกะ กระซิบ ตอบโดยพยายามให้เสียงเบาที่สุด

“ เอาน่า ให้ชั้นจัดการเองเถอะ ”
ทาลิคนัส แย้ง อาสาออกตัวจะช่วย

“ อ…อืม ก็ได้ งั้นช่วยหน่อย นะทาลิคนัส ”
เรกกะ กระซิบ ขณะที่ ไอ ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เค้าก็หันมามองด้วยความสงสัย

“ นี่เรกกะ เธอ พูดกับใครอยู่เหรอ ”
ไอ กระซิบ ทว่า อยู่ๆ เรกกะ ก็ลุกขึ้น ยืนทำเอาทุกคนหันมาเป็นทางเดียวกัน

“ หา…ไอ้หนูแกยืนทำไมน่ะห๊ ะนั่งลงไป เดี๋ยวยิงไส้แตกซะเลย ”
คนร้ายที่ถือ ปืนยกปืนขึ้นขู่ บรรดา อาจารย์ และนักเรียน ต่างรีบก้ม
หัวลงและกรีดร้องด้วยความ กลัว จนคนร้าย อีกคน ต้องตะคอกให้เงียบ

“ เฮ้ย แกน่ะปัญหามากใช่ไหม….มานี่ ”
คนร้ายที่ตะคอกเสียงไปเมื่อครู่สั่ง ก่อนที่เรกกะ
จะเดิน เข้าไป และคนร้าย ที่ถือปืน จะเดินตามไปสมทบ ท่ามกลางความระทึกของ กลุ่มตัวประกัน

“ พอดีเลยข้ากำลังอยากเอาตัวประกันไปเชือดซะหน่อยเอาแกเลยแล้วกัน ”
คนร้าย สบถใส่ เรกกะ เองก็ยัง ยืนนิ่ง รอจนเมื่อคนร้ายอีกคนถือปืนเข้ามาใกล้

“ โอเระ ทันโจว …”
เรกกะ กล่าวพร้อมรีบคว้า กระบอกปืนแล้ว ออกแรกบีบจนปากกระบอกปืนแหลก
คามือ ทำเอาคนร้ายอ้าปากค้างด้วย ความตะลึง ในความทรงพลังซึ่งอันที่จริงเป็นผลจากการที่ถูก ทาลิคนัส สิงนั่นเอง

“ มันแปลว่า พระเอกมาแล้ว ”
เรกกะ กล่าวจบก็ กระชาก ปืนวาดกวาด จนคนร้าย ต้องถอยออกห่าง
ก่อนที่ เรกกะ จะตั้งท่า วาดมือโชว์ออฟ เหมือนทุกๆครั้ง

“ เอาล่ะนะ ทีนี้เราก็มาเริ่ม ไคลแมกซ์ กันเลยเถอะนะ พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ”
เรกกะ ที่ถูก ทาลิคนัส สิง หักนิ้วไปมาด้วยความสะใจที่จะได้ลงมือในไม่ช้า

“ งี้ก็ความแตกหมดสิ ”
เรกกะ ที่ตอนนี้อยู่ในจิตใจ กล่าวน้ำเสียง หน่ายๆ
ขณะที่ เรกกะ ทาลิคนัส เดินเข้ากอด คอสองคนร้าย ที่จะพึ่งจะชะตาขาดเพราะดันมา
จับ เรกกะ เป็นตัวประกัน ซะนี่

“ คนที่ไปช่วยเรากับ เฟนท์ ในวันนั้นคือ เรกกะ จริงๆด้วยน่ะสิ ”
ไอ คิด ทว่าไม่ทันไร หนึ่งในคนร้าย ที่กำลังถูก เรกกะ อัดอยู่ก็หนีหุดออกมา พร้อมทั้งชักมีดออก
มาและ จับ ไอ เป็นตัวประกันโดยเอามีดจ่อที่ คอเธอ พลางล็อคตัว ออกห่าง

“ ย..อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นชั้นเชือดจริงๆนะ ”
คนร้าย กล่าวอย่างร้อนรน ขณะที่ ลากตัว ออกเพื่อจะหนีออกนอกห้อง

“ อ้าว เฮ้ย เล่นโกงกันนี่หว่า แน่จริงอย่าจับตัวประกันเซ่ ”
เรกกะ ทาลิคนัส สบถ พลางทิ้งตัว แสลมแบบท่านักมวยปล้ำใส่ร่าง คนร้ายอีกคนที่โดนอัดจนนอน อ่วม อรทัย
จนฟุบสลบไป ด้านคนร้าย ที่จับ ไอไป ก็รีบ ลากตัว ไอ หนีออกไปจากห้องทันที

“ ซวยแล้ว ”
“ นี่ขอเวลา เดี๋ยวสิ ทาลิคนัส ”
ทาลิคนัส สบถขึ้นทว่า เรกกะ ก็ปรามเอาไว้ก่อน

“ หาทำไมล่ะ…ถ้าไม่รีบตามไป ”
“ เถอะน่า..ขอร้องล่ะ ”
เรกกะ พยายามวิงวอน จนในที่สุด ทาลิคนัส ก็ยอม และถอยทางให้ เรกกะ

“ ขอบใจนะ ”
เรกกะ กล่าวพลางหยิบ เอาโทรศัพท์พกพา ขึ้นมา และโทรไปที่เครื่อง ของ เฟนท์

………………
………………….

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #53 on: March 15, 2009, 06:16:29 PM »

โซปราโน่


“ โรงเรียนถูกจลาจลเหรอ ไอ ถูกจับเป็น ตัวประกัน ”
เฟนท์ กล่าวด้วยความตะลึง ขณะที่ ซัดหน้า ผีดิบ ที่พยายามจะออกมาจากบริเวณ กระเด็น ไปชนตัวอื่นๆจนล้มกองลงไปตามกัน ด้วยหมัดขวาตรงเพียงหมัดเดียว ส่วน มือซ้าย ก็ถือโทรศัพท์ คุยไปพลาง

ขณะที่บทสนทนานี้ ก็ถูกส่งไปยัง ลูกทีมทุกคน ที่เข้าร่วมภารกิจ นี้อยู่ด้วย เพราะการ สวมใส่ Crisiser
ทำให้ระบบ สัญญาณ เชื่อมถึงกันไปในตัว เมื่อ เรกกะ คุยกับ เฟนท์ จึงเหมือนกับ คุย
อยู่ด้วยกันกับทุกคนเลยทีเดียว

“ ชิ พวกที่ไม่พอใจ ในการประชุมเจรจา พันธมิตร โลกอส กับ บริทเทเนอร์สินะ
 ดันมาลงมือตอนพวกเราไม่อยู่ซะได้ ”
ไรด์ สบถขึ้น ขณะที่ ช่วยกับ ซานตัดเอา หัวเชื้อ ไวรัส ซึ่งอยู่ปลาย ขีปนาวุธ ที่พุ่งด้วยความเร็วสูง
ออก

“ คุณ เอลิซ่า ครับ ”
“ ไม่ได้นะ เฟนท์ ”
ด้วยความ ขาดสติทันทีที่ จะติดต่อกับ เอลิซ่า เพื่อขอตัวกลับ ไปจัดการเรื่องที่ โรงเรียน
เอมิล ที่ยืนอยู่ด้วย กันข้างๆก็แทรกขึ้นมา

“ ต…แต่…อ..ไอ น่ะ ”
เฟนท์ กล่าว อึกอัก ในเวลานี้ เขารู้ดีว่าไม่สมควรจะทำแบบนี้ เพราะตอนนี้ชีวิต คนอีกจำนวนมาก ก็รอความช่วยเหลือ
อยู่ที่นี่ การที่จะทิ้งพวกเขา ไปด้วยเรื่องส่วนตัวนั้นเป็นสิ่งไม่สมควร

“ พวกเราเป็น Valkrier นะมีหน้าที่ที่สำคัญกว่าการไปช่วยคนแค่คนเดียวนะ ”
เอมิล กล่าวเตือนสติ คำพูดของเอมิล นั้นถูกทุกอย่าง แต่ตัว เค้า เองก็ทิ้ง ไอ ไปไม่ได้
ยิ่งที่เมื่อวานเค้า ผิดสัญญากับไอ ที่ไปสาย ก็ อาจจะเป็นโอกาสที่จะคืนดีด้วย
ก็ตามที

“ ชีวิต ของคน อีกนับล้านฝากไว้กับพวกเรานะ นายจะทิ้งพวกเค้าไปงั้นเหรอ เฟนท์ ”
เอมิล ตะคอกใส่ เพื่อย้ำให้เขา คิดถึงความเหมาะสม

“ ไม่ต้องห่วงหรอก เฟนท์ ชั้นจะจัดการให้เอง ถ้านายมีธุระก็ทำต่อไปให้สำเร็จเถอะ ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้น จาก โทรศัพท์ พกพา เฟนท์ ที่ได้ยินแบบนั้ ก็ได้แต่ข่มความอดสูเอาไว้
ในใจ พลางกัดฟัน ตอบกลับไปทั้งน้ำตา

“ ฝากด้วยนะ…แล้วชั้นจะรีบกลับไป ”
เฟนท์ ตอบก่อนจะ วางสาย และเก็บ มือถือลงไป

“ นายทำถูกต้องแล้วล่ะ…เฟนท์ สำหรับพวกเรา ที่เป็น  Valkyrier ต้องเลือกที่จะช่วยส่วนมาก เอาไว้ก่อน นี่ก็ถือเป็นการเสียสละ อย่างหนึ่งในฐานะของ  Valkyrier ด้วย ”
ไรด์ กล่าว ก่อนที่ จะรวม อนุภาคลงไปใน ชูริเคน ของตน

“ Cross Rising ”
เสียงดังขึ้นจาก ชูริเคน ก่อนที่ ไรด์ จะขว้างมันออกไป ชูริเคน ที่รวมประจุ เอาไว้ ก็หมุนควง
เป็นวง กังหัน ก่อนจะยกตั้งขึ้น ขวางกั้น เส้นทาง ของ ขีปนาวุธ ที่ใกล้ เข้ามา
หัวเชื้อ ของ ขีปนาวุธ ค่อยๆถูกอนุภาคบีบอัด เผาผลาญไปเรื่อยๆจนละลาย เชื้อที่อยู่ข้างใน ก็ถูก อนุภาค อิออน
ความเข้มสูง เผาทำลายจนตายหมด เช่นกัน ขีปนาวุธ ในส่วนของทิศนี้ ถูกทำลายลงหมดแล้ว

“ …เพราะงั้น เรารีบมาทำให้มันจบๆลงไป…แล้วก็กลับไปช่วย ทุกคนกันเถอะเนอะ..เฟนท์ ”
ซาน กล่าวขณะที่ ดึงแว่นพิเษ ลงมาสวม ซึ่งแว่นนั้น สามารถช่วยควบคุมทิศของ ลูกกระสุน ประจุ
ให้เข้าตามเป้าได้ ทันทีที่ กระสุนลำแสงถูกรัวออกมา ลำแสงทั้งหมดก็พุ่ง

ตัดทำลายเอาหัวเชื้อ ออกมา ก่อนที่เธอจะเข้าไปรับ กระเปาะหัวเชื้อทั้งหมดที่หลุดออกมา พร้อมกับยิงกวาด ทำลาย
ขีปนาวุธไร้หัวเชื้อทั้งหมดทิ้ง

“ …ใช่แล้วเรา มาทำให้มันจบลงไปเถอะ…. ”
เอมิล กล่าว พลางสะสม ประจุพลังงาน ไว้ที่หอก ก่อนจะปักคมหอกลงไปในดิน

“ Mirror Guard ”
เสียง ทุ้มกังวานดังขึ้นจาก หอก ของ เอมิล ก่อนที่จะเกิดกำแพงใส ขึ้นปิดล้อมทั้งอาณาเขต ที่ปิดกั้นไว้ เอาไว้
เฟนท์ ที่ตอนนี้พยายามทำใจ รับกับ สถานการณ์ ที่บีบคั้นนี้ได้แล้ว จึงเริ่มสะสม ประจุ อนุภาคลงในอุ้งมือ
ทั้งสองข้าง

“ Geo Driver ”(ขับเคลื่อนพสุธา)
สิ้นเสียงที่กังวานขึ้นจาก สนับมือทั้งสองข้าง เฟนท์ ก็อัด มวลอนุภาคนั้นลงไปยังพื้น
เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นราวกับ แผ่นดิน ไหวก่อนที่ พื้นที่ปิดล้อมทั้งที่อยู่ในกำแพงกั้น ที่

เอมิล สร้างขึ้น จะถูก ช้นหินข้างล่าง ยกสูงขึ้น จนอยู่ ระดับ เดียวกับ ยาน Albus ที่ลดระดับ
บินอยู่ใต้ชั้นบรรยากาศ ลงมาเพื่อให้ หลีเม่ย ใช้ประจุพลังงาน จาก ยาน ซึ่งตอนนี้ พื้นที่เป้าหมายได้
ขึ้นมาอยู่ตรงหน้าแล้ว จึงไม่ต้องมีการคำนวณ ระยะ อะไรแต่อย่างใดอีก ต่อไป

“ ตอนนี้แหล่ะยิงเลย ไม่ต้องคำนวณ หรือคิดอะไรอีกแล้ว ”
คำสั่งที่ เอลิซ่า สั่งออกไปนั้น ทำเอา ลูลู่ ช็อคไปทันที ทั้งที่เธอพยายามคำนวณระยะยิงอยู่จนถึงเมื่อครู่
ที่ทำมานั้น ก็สูญเปล่าไป ทำเอา อีลูมีเซ่ กับ เอียน อดหัวเราะไม่ได้


“ Crisiser 005 Crimson & Keen หว่อง หลีเม่ย (Wong Rymei)  ทำการกระจายอนุภาค ”
สิ้นเสียง ของหลีเม่ย  Bit ทั้งสี่ ก็ตั้ง ทัพเป็น ลำกล้อง แบบ ที่ใช้ยิง Extream Charge
ทันที ด้านในเขตปิดกั้น พวก ผีดิบ พากันเคาะทุบกำแพง ที่ เอมิล สร้างขึ้นเพื่อปิดกั้น

เพื่อที่จะหนีออกไป ไม่นานนัก เอมิล ก็ปลด กำแพงออกแต่พวกมันก็หาได้มีตัวใดออกไป
แพร่เชื้อได้อีก เพราะถูกพายุอนุภาค อิออน ล้างบางจนสลายกลายเป็นเถ้า คนที่ยังกลับเป็นมนุษย์ได้ก็
หายจากอาการ ผีดิบ ไปตามๆกัน ในทันที ปิดฉากเมืองสยองสั่นประสาทไปแบบถาวร

“ แย่แล้ว ค่ะ ขีปนาวุธที่ยังไม่ถูก ทำลายบางส่วนกำลัง จะถึงเป้าหมายแล้ว ”
ลูลู่ รายงานขึ้น ทว่าในตอนนี้ ก็ไม่มีใครมี พลังงานเหลือพอจะไป หยุดอีกแล้ว ด้าน ซาน กับไรด์ เอง
ก็ใช้ประจุ ไปจนหมด ยาน Albus ก็เสีย อนุภาคไปกับการกระจาย อนุภาค เมื่อครู่พร้อมๆกับหลีเม่ย

 ด้าน เฟนท์ กับ เอมิล หลังจากใช้พลังในตอนท้ายแล้วนั้น ก็ไม่เหลือประจุพอจะใช้
ทำลาย ขีปนาวุธที่อยู่ไกลออกไปได้  ทว่า ก่อนที่ ขีปนาวุธ จะได้ทันเคลื่อนตัวเข้า

มา ในเขตแผ่นดิน ก็มีบางอย่างพุ่งขึ้นมาจาก ทะเล วัตถุขนาดใหญ่ที่พุ่งขึ้นมานั้น
ทำให้เกิด คลื่น พัดเอาขีปนาวุธ ที่อยู่ใกล้กับระดับ น้ำถูก คลื่นพัดจน หยุดการ

พุ่ง และลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ก่อนที่ จะมี ลำแสงอนุภาค อิออน ยิง ออกมาจากวัตถุนั้น
 ทำลายขีปนาวุธ ซึ่ง ความเข้มข้น ของ อนุภาค ที่ลำแสงยิงออกมานั้น มากพอที่จะ สลายเชื้อไวรัสไปได้

โดย ไม่ตกค้างอย่างแน่นอน ลำแสง อิออน ที่ยิงออกมาจากวัตถุนั้น ยังคงยิงทำลาย
 ขีปนาวุธไปเรื่อยๆจนหมดในที่สุด ก่อนที่ น้ำจะไหลลงจากวัตถุ

นั้นพร้อมกับละออง น้ำที่กระเซ็นขึ้นปนกับ ควันระเบิดในอากาศ
 ได้จางลง  วัตถุนั้นเป็น เรือดำน้ำ  แอนดิซอง (Annedisonge Submarine) ขนาดใหญ่ที่ได้รับการ
ติดตั้ง เตาพลังงาน อิออน เพื่อลอยตัว ขึ้นเหนือน้ำ



“ ทันเวลา พอดีเลยนะ ”
เอลิซ่า กล่าวด้วยความโล่งอก ในตอนนี้ พวกเขาทำภารกิจ สำเร็จเรียบร้อยแล้ว

…………………
…………………….
………………………….

ด้าน St. Magnus Academy

พวกตัวประกัน นักเรียนและอาจารย์ ที่หนีรอดออกมาได้ กลับถูกกลุ่มกำลังของ พวกโจรก่อการร้าย
ล้อมดักเอาไว้ที่สนาม

“ พวกแก นั่งลงแล้วอย่าตุกติกนะ ไม่อย่างนั้น เรายิงจะจริงๆ ”
หนึ่งในคนร้าย ตะคอกขึ้น ทำเอา เหล่าตัวประกัน ผวาไปตามๆกัน พากัน นั่งลงอย่างสงบๆ
สูงขึ้นไป บนชั้น สองของอาคาร เรกกะ ที่วิ่งไล่ตาม คนร้ายที่ จับตัว ไอ ไปก็ต้องหยุดเมื่อเห็นว่า คนอื่นๆกำลัง
ล้อมอยู่ที่สนาม

“ อ..เอาไงดีล่ะ ”
เรกกะ รำพึงด้วยความร้อนรน พลางหอบไปด้วยวามเหนื่อยล้าจากการวิ่งไล่

“ เอามาให้แล้ว…เอามาให้แล้ว ”
เสียงร้องแหลม แบบที่ไม่ใช่เสียงคนดังขึ้น ก่อนที่ แมกกี้ จะบินเข้ามาหาพร้อมเอาชุดของ Dragoon
ที่หิ้วใส่ถุงกระดาษ มาด้วย

“ เรกกะ ได้ยินนะ ตอนนี้ เรารู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว นายทำตามแผนนะ ใส่ชุด Dragoon
ที่เอาไปให้ซะแล้วเริ่มแผนเลย ”
เสียงของ มาธิอัส ดังขึ้นจากหน้าปัด สายคาดที่ข้อมือซ้าย เรกกะ รับคำก่อนจะ เริ่ม สวมชุด

………


“ พร้อมนะ แมกกี้ ”
เรกกะ ที่ใส่ชุด Dragoon เรียบร้อยแล้ว บอกให้ แมกกี้ ที่เกาะอยู่บนหลังเค้าเตรียมพร้อมขณะที่
ตัวเค้าปีนขึ้นไป บนราวกั้นระเบียงทางเดิน

“ พร้อมเสมอ…พร้อมเสมอ ”
แมกกี้ ตอบพลางกระพือปีก ผับๆ

“ ถ้างั้นก็ไปกันเลย ”
เรกกะ กล่าว พลางเอามือขวา เปิดตลับที่คาดอยู่เอว ขวาออก แล้วหยิบเอาไพ่ในนั้นออกมาใบหนึ่ง
ตัวเลขบนหน้าจอก็ลดลงจาก 97 เป็น 96

“ เอาล่ะทีนี้ใครจะไปดีล่ะ ”
เรกกะ ถามกับ บุคลิกในจิตใจ

“ ของมันแน่อยู่แล้วก็ต้องช… ”
ทาลิคนัส กล่าวได้ไม่ทันขาดคำ ทาลูคัส ก็แทรกขึ้นมาทันที

“ เราจะออกไปเอง จะขอยืดเส้นยืดสายซะหน่อย ”
สิ้นเสียง ทาลูคัส ดวงตาซ้าย ของ เรกกะ ก็ส่องแสงสีขาวอยู่ในแววตา ผ่านช่องตาซ้ายของ หน้ากาก
ที่สวมเอาไว้ ก่อนที่จะทะยานตัวลงมาจากอาคาร พร้อมกับที่ แมกกี้ สยายปีก และพาบิน ตรงไปยัง กลุ่ม
โจร

“ นั่นอะไรน่ะ ”
“ ไม่ต้องสน ยิงมันเลย ”
สิ้นเสียงกลุ่มคนร้าย ก็ยิงกระสุนสาดใส่ ทว่า แมกกี้ ก็พาบินหลบได้อย่างคล่องแคล่ว
ก่อนที่ เรกกะ ในคราบ Dragoon จะลงมาถึงพื้นได้อย่าง งดงาม

“ จงเรียกขานเราว่า Dragoon ”  
เรกกะ ทาลูคัส กล่าวก่อนจะยกไพ่ขึ้นส่องกับตาซ้าย ในชั่วเสี้ยววินาทีนั้น
ที่คนร้ายคนหนึ่ง ลั่นไกปืนโดยเล็งที่หัวใจ ไพ่ที่สัญลักษณ์ธาตุแห่งแสง

ปรากฏขึ้นแล้วก็ถูกปล่อยลง ไพ่ที่ค่อยๆหมุนควงลงไป จนถึงระดับเดียวกับหัวใจ
กระสุนก็กระแทกไพ่ สะท้อนเบี่ยงออกไป ก่อนที่ เรกกะ ทาลูคัส จะยกหน้าปัดขึ้น

มาส่องกับไพ่ที่ กระเด็น วกกลับขึ้นมาไพ่ก็ถูกแสงที่หน้าปัด ดูดเข้ามา

“ Luminar Form ”  “ Regeneration ”
สิ้นเสียง จากหน้าปัด ไพ่ก็ถูก เรกกะ ทุบกระแทกลงไปบนหน้าปัดก่อนที่ จะเกิดแสงสว่าง
อาบร่างของ เค้าและเปลี่ยนร่างกลายเป็น ทาลูคัส

“ จงถ่างหูแล้วฟังให้ดีๆ บัดนี้องค์ชายเสด็จแล้ว จงขานนามเรา ทาลูคัส  ”
ทาลูคัส กล่าวพลางสร้างมวล แสงขึ้นในอุ้งมือ ก่อนจะประกบมันเข้าด้วยกัน
และสร้าง ดาบประจำตัวขึ้นมา

“ Lux et Dragos ”
เสียงทุ้มกังวาน ดังขึ้นจาก ดาบที่พึ่งสร้างเสร็จ ท่ามกลางความตกตะลึงของทั้งฝ่ายตัวประกัน และ
ฝ่ายคนร้าย  ขณะเดียวกัน ห่างออกไปไม่ไกลเท่าใด ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกในรั้วโรงเรียน  ชายแต่งตัวปิดหน้าปิดตา
ก็ออกมาจับเวลาด้วยนาฬิกาทรายในมือ อีกซึ่งเป็นคนๆเดียว กับที่โผล่ที่ ท่าอากาศยาน

“ ย…ยิงมันไม่ต้องสนแล้วยิงให้หมดไปเลย ”
ผู้นำในหมู่คนร้าย สั่งการด้วยความหวาดผวา พลางลั่นไก ใส่ไปพร้อมๆกับ ผู้ร่วมก่อการ


“ แย่ล่ะสิ กระสุนพวกนั้น ”
ทาลูคัส คิดขณะที่ ปัดกระสุน ที่มุ่งมาทางตน ทว่า กระสุนที่ออกนอกวิธี ไปยังกลุ่มตัวประกันนั้น
เค้าไม่อาจสกัดไว้ได้หมด

“ White Stream ”
แมกกี้ เปล่งเสียงขึ้น ขณะที่พ่น คลื่นแสงออกจากปาก พัดทำลายกระสุนทั้งหมด ก่อนจะบินโฉบกลับขึ้นไป
โดยไม่ให้ใครเห็นอีก

“ ทันเวลาพอดีเลย แมกกี้ ขอบใจนะ ”
เรกกะ คิดด้วยความโล่งใจ

“ นี่ไม่ใช่เวลามามัวใจเย็นแล้ว…รีบจัดการให้จบๆไปเถอะ ”
ทาลูคัส กระซิบ พลางดีดนิ้ว เรียกเอาไพ่ที่ ใช้แปลงร่างให้ขึ้นมาอยู่บนมือพร้อมกับเข้าไปไล่ฟันให้กลุ่มคนร้าย
กระจายตัวถอยหนีไป

“ อ๊ะ..ไม่ได้นะพวกเค้าเป็นคนธรรมดา…แค่ทำลายอาวุธก็พอ ”
เรกกะ กล่าวปราม ทาลูคัส ไว้ก่อนที่ ทาลูคัส จะ วางไพ่ลงไปบนศิลาที่ด้ามดาบ

“ เข้าใจแล้ว เรกกะ วางใจเถอะ ”   “ Full Charge Great of Dragon ”
ทาลูคัส กล่าวพลางกดนิ้วลงยังศิลาที่ดูดซับ ไพ่เข้าไปจนเรืองแสงแล้ว ก่อนลากนิ้วไปตามคมดาบ
โดยที่มีแสงจากศิลา ไหลตามไปจนอาบไปทั้งคม ทาลูคัส ก็ควงดาบในมือ ก่อนจะโยนมันขึ้นไป

หลังจากนั้นจึงกระโดดตามไป และเตะเท้าขึ้นสูงกลางอากาศ พร้อมกับที่ ดาบได้ควงตกลงมา
ก็ฟาดเท้า ลงยังดาบที่ควงอยู่ บังเกิดกลายเป็น ลำแสงมังกรพลังงาน ที่แปลงมาจากดาบ สถิต ที่เท้า

 ของ ทาลูคัส ก่อนที่ จะพุ่งเข้าไปเตะปัด ทำลายอาวุธ จนหมด มังกรพลังงานจึงสลายกลับเป็นดาบดังเดิม
ทาลูคัส จึงเตะดาบให้ควงขึ้น ก่อนรับกลับมาอยู่ในมือ ด้วยท่าทาง งดงามหมดจด เหนือคำบรรยาย

“เฮ้ย นี่ชั้นยังไม่ได้ออกโรงเลยนะ   ”
ทาลิคนัส บ่นขึ้นด้วยอย่างไม่พอใจ

“ อ๊าาาาาาาาาา ”
เสียง กรีดร้องดังขึ้นจากอาคารเรียนที่ ไอ ถูกจับตัวไป

“ แย่แล้ว…ต้องรีบไปช่วย ไอ ”
เรกกะ กล่าวขึ้นในใจ


“ อะฮ้า นี่ล่ะไคลแมกซ์ กำลังดี เลยคราวนี้ตาชั้นมั่งล่ะ ”
ทาลิคนัส กล่าวด้วยความ กระตือรือร้น


“ เอาเถอะ เราเบื่อแล้วล่ะ…ที่เหลือฝากเจ้าด้วยละกัน ”
ว่าแล้ว ทาลูคัส ก็ออกจาก การสิงกลับไปพักอยู่ในจิตใจของ เรกกะ ก่อนที่ ทาลิคนัส จะเข้าสิงแทน
ขณะที่ กลุ่มตัวประกันแห่กันวิ่งออกไปเมื่อ ไร้อาวุธ ตำรวจที่คอยท่าอยู่ข้างนอกก็บุกเข้ามาช่วยตัวประกัน
ทั้งหมดทันที ทำให้คนร้าย ต้องวิ่งหนีกันจ้าระหวั่น


“ มันต้องอย่าง งี้สิ ”
ทาลิคนัส กล่าวขึ้นในร่างของ ทาลูคัส ท่ามกลางความสับสนของผู้คนรอบๆ
ก่อนจะเดินออกจากฝูงชน แล้วดีดนิ้ว เรียกไพ่ ที่ใช้แปลง เป็น ทาลูคัส ขึ้นมา

พร้อมกับ สลายมันไป ร่างของ ทาลูคัส จึงแตกสลายลง เหลือแต่เพียงร่างของ เรกกะ
ที่สวมชุด Dragoon แทน จากนั้น ทาลิคนัส ก็ไม่รอช้าแต่อย่างใด รีบเปิด ตลับแล้วดึงไพ่ออกมา

 ตัวเลขบนหน้าจอตลับ จึงลดลงจาก 96 เป็น 95 แทนตอนนี้ดวงตาซ้าย ของ เรกกะ ส่องแสง
สีแดงอยู่ภายในแววตาแทน สีขาว ของ ทาลูคัส  เมื่อ เอาไพ่ขึ้นมาจ้อง จึงปรากฏสัญลักษณ์ไฟ
ขึ้นบนหน้าไพ่ แล้วจึงนำไปวางที่ หน้าปัดสายคาดข้อมือ พร้อมกับทุบไพ่ลงไปทันทีโดยไม่รีรอ

“ Blaze Form ”  “ Regeneration ”
สิ้นเสียง แสงสีแดง ก็วาบขึ้นจากหน้าปัด อาบร่างของ เรกกะ และ
เปลี่ยนให้กลายเป็น ทาลิคนัส แทน

“ เอาล่ะทีนี้ก็มาไคลแมกซ์กันเลย ”
ทาลิคนัส กล่าวด้วยความกระชุ่มกระชวย ก่อนจะบินขึ้นไปยัง ชั้นที่ได้ยิน เสียง พลางไล่ไปที
ละห้องจนมาหยุดที่ห้องๆ หนึ่งซึ่งมี น้ำไหล เจิงนองออกมา ทาลิคนัส จึงพุ่งเข้าไปในห้องนั้นทันที

“ โอเระ ทันโจว มันแปลว่า ….เอ๋ ”
ทาลิคนัส เข้ามาพร้อมกับกล่าวประโยค ประจำทว่าก็ต้องชะงักไป เมื่อ คนร้ายที่จับตัว ไอ มา
กำลังถูก อัศวินในชุดเกราะสีฟ้า  ซึ่งถือดาบสองปลายไว้ในมือไล่ต้อนแทน ในมือ ซ้ายของ อัศวินคนนั้น

มีเหรียญสีฟ้าใส อยู่เหรียญหนึ่ง ที่เข็มขัด มีร่องตรง หัวเข็มขัดซึ่งติด
อุปกรณ์ หน้าตาประหลาดเอาไว้ อีกทั้งด้านข้างเอว ซ้ายยังมีกล่องตลับ สีดำ ติดกับเข็มขัดเอาไว้ด้วย

ซึ่งฝาครอบตลับ นั้นมีลายที่ดู คล้ายกับ นางเงือก ประทับไว้
 ที่เท้าซ้ายของ อัศวิน มีน้ำไหล เจิง ออกมาตลอดเวลา

“ แก…เป็นใครน่ะ ”
ทาลิคนัส ถามขึ้นด้วยความสับสน อัศวิน หันมามองเขาอยู่ซักพักก่อนจะ นำเอาเหรียญไปติดที่ร่อง ตรงหัวเข็มขัด

“ Charge Rider Water Blade ”
เสียงแหลมทุ้มกังวานดังขึ้นจาก ตัวเข็มขัด ก่อนที่จะเกิดคลื่นวงแสง สีฟ้ากระจายตัวออกรอบๆ
เหมือนรัศมี คลื่น พร้อมกับที่ ใบดาบได้รับคลื่นนั่น ก็เปลี่ยนเป็น สีฟ้าเข้ม อัศวิน ไม่รอช้า
ควงดาบยกขึ้น แทงลงไปยังร่างของ คนร้าย

“ หา….อ้าวเฮ้ย …ทำไมทำงี้ล่ะ”
ทาลิคนัส อุทานขึ้นด้วยความตกตะลึงกับการกระทำของ อัศวิน

“ เดี๋ยวก่อนดูที่ตัวคนร้ายสิ ”
เรกกะ ที่อยู่ในจิตใจ แย้งขึ้น ก่อนที่ ทาลิคนัส จะหันกลับไปมองที่ตัวคนร้าย
ร่างของ คนร้าย ค่อยๆบิดเบี้ยวไปก่อนที่จะกลายเป็น ปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายงู
แต่มีหลายหาง ทาลิคนัส ได้แต่ยืนมองตาค้าง กับสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนี้

“ Fuzen Akuma มีแต่พวกชั้นต่ำหรือนี่ ”
อัศวิน กล่าวเอาเท้าเหยียบร่างของ เจ้าปิศาจเอาไว้ก่อนจะถอด คมดาบออกมา
ร่างของ ปีศาจตนนั้น จึงได้สลายไป



“ น…นี่แกเป็นใครกันแน่เนี่ย ”
ทาลิคนัส ถามขึ้นด้วยอยากรู้ ที่ในตอนนี้สับสนไปหมดแล้ว

“ จริงสิ แล้ว ไอ ล่ะ ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นจึงทำให้ เค้าและบุคลิกอื่นๆ ฉุกคิดขึ้น

“ เฮ้ยนี่ แกน่ะ เห็นเด็กผู้ที่ถูกจับมาด้วยรึเปล่า ”
ทาลิคนัส กล่าวพลางก้าว ดุ่มๆเข้าไป แตะตัวอีกฝ่าย ทว่าก็ถูก อัศวิน ปัดมือ ออกอย่างรุนแรง

“ อย่ามาถูกตัวข้านะ…อัศวินเฟินกอลโลเอี่ยนแห่งราชวงศ์(Royal Firngolloion Rider) อย่างข้า
มีหน้าที่อันสูงศักดิ์ ในการกำราบ อาคูม่า(Akuma) อัศวินมังกรเทพเช่นท่าน ควรทำตัวและกริยาให้
เทียบเท่ากับศักดิ์ของท่านหน่อยเถอะ ”

อัศวิน กล่าวทว่า น้ำเสียงนั้นเป็นที่คุ้นเคยสำหรับ เรกกะ ยิ่งนัก



“ น…นี่หรือว่า เธอคือ… ”
เสียงของเรกกะ ดังขึ้นในจิตใจ ก่อนที่ อัศวิน จะปลด เข็มขัดอุปกรณ์ ออกชุดเกราะจึงแตกสลายไป
พร้อมกับ เข็มขัด โดยทิ้งไว้เพียง ร่างที่ไร้สติของ ไอ ที่ล้มฟุบลงเท่านั้น


“ หา…นี่มันยังไงกันเนี่ย ชั้น งงไปหมดแล้วนะ ”
ทาลิคนัส บ่นขึ้นด้วยความไม่พอใจ

“ นี่ขอร่างคืนก่อนนะ ทาลิคนัส ”
เรกกะ กล่าวซึ่งแม้จะไม่พอใจนักแต่ ทาลิคนัส ก็ตัดใจยอมให้

“ เชอะ..เลยแปลงร่างเสียเที่ยวเลย ”
ทาลิคนัส สบถพลาง คืนร่างให้กับ เรกกะ ซึ่งเรกกะ ทันทีที่ ได้ร่างคืน ก็
ดีดนิ้ว เรียกไพ่ที่ใช้แปลงร่างขึ้นมา แล้วสลายมันทิ้ง ร่างของ ทาลิคนัส ในตอนนี้จึง
แตกสลายออก ก่อนที่ตัวเค้า จะถอดเอาชุด Dragoon ออก และเข้าไปดูอาการของ ไอ

“ มารับคืนแล้ว…มารับคืนแล้ว ”
แมกกี้ บินเข้ามาพร้อมกับ กวาดเอาชุด Dragoon กลับแล้วจึงบินออกไป
ทิ้งให้ เรกกะ อยู่กับ ไอ กันตามลำพัง

“ ไอ…ได้ยินผมไหม..ไอ  ”
เรกกะ เรียกพลางเขย่าร่างของเธอเพื่อให้เธอรู้สึกตัว จนเมื่อเธอลืมตาขึ้นเขาจึงสามารถโล่งใจได้

“ เรกกะ…นี่มัน…ทำไมฉันถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ…จำได้ว่าถูกพาออกมาจากห้องสมุดแล้วก็… ”
ไอ กล่าวก่อนจะหยุดกุมขมับ พลางส่ายหัวไปมา

“ จำไม่ได้..เลยเหรอ ”
เรกกะ เปรย ขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ ไม่…จำไม่ได้เลย…หลังจากนั้นจำอะไรไม่ได้อีกเลย ”
ไอ กล่าวพลางกุมขมับ ด้วยความปวดหัว โดยพยายามที่จะนึกให้ออก แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่อาจจำเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้เลย

“ ชิ บัดซบ พวกตำรวจ ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ คนร้าย ที่หนีการตามล่า คนหนึ่งจะ วิ่งเข้ามาพร้อม มีด ทันทีที่ เห็น ทั้งสอง
ก็ไม่รีรอ กระชาก ไอ ไปเป็นตัวประกันทันที ทำให้ เรกกะ ลง มืออะไรไม่ได้อีก


“ อย่าเข้ามานะ…ขืนเข้ามาชั้นเชือดแม่นี่จริงๆด้วย ”
คนร้ายขู่พลางลากตัวเธอออกไปจากห้อง และขู่ ตำรวจที่ไล่หลังกันมา ก่อนจะลาก ตัว ไอ หนีตามไปด้วย

…………….
……………….


Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #54 on: March 15, 2009, 06:16:41 PM »

“ ปล่อยนะ ”
ไอ ขอร้อง ทั้งน้ำตาด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ คนร้าย หันไปมองรอบๆ เพื่อดูว่า มีไม่มีใครตามมาทันแล้ว

“ เงียบซะ นังหนู   ”
คนร้าย ตะคอกใส่ ทำให้เธอผวาจนตัวสั่น

“ ช่วยด้วย….ใครก็ได้ช่วยที ”
ไอ คิดในใจของเธอนั้น เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ที่ถาโถม เข้ามาอย่างไม่หยุด
ราวกับ ถูกทิ้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ในความมืด


“ ปล่อยเธอ ซะ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้น มันเป็นเสียงที่ เธอคุ้นเคยมันทั้ง อบอุ่นและเข้มแข็ง ราวกับจะช่วยมอบแสงและความกล้า
ให้แก่หัวใจที่เต็มไปด้วยความกลัวและความมืดนี้ เธอค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น คนที่กล่าวประโยคเมื่อครู่ขึ้นมาก็ คือ
เฟนท์ ที่มายืนขวางคนร้ายเอาไว้

“ แก…หลีกไปไม่งั้น สาวน้อยคนนี้ไม่รอดแน่ ”
คนร้าย ขู่ พลางเอามีด จ่อที่ต้นคอของเธอ ทำให้ เฟนท์ ต้องสะดุดไป

“ เฟนท์ หนีไปไม่ต้องสนฉัน…หนีไป ”
ไอ ร้องออกไปโดยที่ในใจ นั้นพยายามข่มความรู้สึกที่อยากจะให้ เฟนท์ ช่วยเธอไว้
แต่เธอก็คิดว่า เฟนท์ คงจะสู้ไม่ไหวเพื่อที่จะปกป้อง เค้า เธอจึงตัดสินใจที่จะสละตัวเอง

แต่ทว่า เฟนท์ ก็ไม่หนีหรือ พูดอะไร แต่เขากลับจ้องมาที่ดวงตาของเธอ ด้วยแววตา
ที่ไม่เหมือนทุกครั้ง แต่เธอบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร เฟนท์ กระซิบขึ้นเบาๆโดยที่เธอพยายาม
อ่านปากของ เขา

“ เชื่อ….ในตัวฉันสิ ”
ไอ เปรยขึ้นตามที่อ่านได้ ขณะที่คนร้าย ลากตัวเธอ เดินเข้าไปหา เฟนท์ เพื่อที่จะผ่านไป
ชั่วพริบตานั้น เฟนท์ ก็พุ่งเข้ากระชาก แขนคนร้ายออกจากตัว ไอ ก่อนจะหันเอา ตัวเข้าปกป้อง เธอไว้

จากคมมีดของคนร้าย คมมีดได้ปักลึกลงไปที่ แขนขวาซึ่ง เฟนท์ ยกขึ้นมากันเอาไว้
คนร้าย ตกใจจนปล่อยมือจากมีด ก่อนที่ เฟนท์ จะหันกลับมา โดยเอาตัวบัง ไอ ไว้พร้อมกับดึงเอามีดที่

ปักแขนอยู่ออกมาหัก ทิ้งด้วยมือเปล่าตามพลังสมิงที่มีอยู่ในสายเลือด พร้อมกับส่งสายตา ที่ดุดัน ออกไป
ทำเอาคนร้าย หวาดผวากันไปเลยทีเดียว ทว่า ครั้นเมื่อคนร้าย จะหนีกลุ่มเพื่อนๆในห้องของ เฟนท์

ที่เข้ามาช่วยกันตามหาคนร้าย เพื่อจะช่วย เพื่อน ก็ได้มาดักรอ ที่ด้านหน้าระเบียงทางเดินแล้ว
ด้านหลัง ก็มีตำรวจ กับ เรกกะ ที่วิ่งไล่ตามกันมาล้อมเอาไว้ ตนร้ายจึงยอมจำนนในที่สุด

“ ไม่เจ็บอะไรตรงไหนนะ ”
เฟนท์ หันมาถามเธอ ด้วยความเป็นห่วงในเวลานี้ ใจของเธอเต้นระทึก ราวกับจะระเบิดเอาเสียให้ได้
เมื่อได้ใกล้ชิดกับ เฟนท์ ในระยะนี้แถมยังเป็นในมาดที่ ดูกล้าหาญและเป็นที่พึ่งได้กว่าที่เคยเป็น

ทำให้เธอทำตัวไม่ถูก กันทีเดียวท่ามกลางสายตาของ เพื่อนๆที่จ้องมองมาด้วย
ความระริก ระรี้ 

“ อ…เอ่อ แล้วแขนเธอล่ะ ”
ไอ ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน พลางย้ายตาไปที่แขนซึ่งเลือดไหลอาบออกมา
เพื่อเลียงที่ตัวเธอจะได้ไม่ต้อง ใจเต้นโครมครามเพราะมองหน้า เฟนท์ แต่เมื่อเธอเห็น
 
เลือดก็ดันพาลจะเป็นลมเอา ทำให้ เฟนท์ ต้องรับร่างของ เธอ
เอาไว้ก่อนจะล้ม นั่นยิ่งทำให้ เฟนท์ ใกล้ตัวเธอเข้าไปยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

“ ม…ไม่เป็นไรนะ…ปวดหัวรึเปล่า ร..หรือว่าไม่สบาย ”
เฟนท์ รีบถามด้วยความตกใจที่อยู่ๆเธอก็จะเป็นลมเอา ด้าน ไอ ก็รีบส่ายหน้า ปฏิเสธทันที
พลางจะดันตัวออกห่าง

“ เฟนท์ เป็นอะไรรึเปล่า ”
เสียง ดังขึ้นพร้อมกับที่ ซาน วิ่งฝ่าฝูงชนเข้ามา หาทั้งสอง

“ อ๊ะ..ผู้หญิงคนนั้น ”
ไอ คิดพลางรีบถอยออกจากตัว เฟนท์ โดยอัตโนมัติ ในขณะที่เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าจะถอยออกมาทำไม

“ ตายแล้ว แผลใหญ่ขนาดนี้เชียว…รีบไปทำแผลก่อนเถอะ..เจ็บไหมนี่ ”
ซาน กล่าวพลางช่วยพยุงตัวน้องชาย ขึ้นทันที ทว่า โคเว็ท กับ มิมิ สองเพื่อนสาวของ ไอ ก็เข้ามาขวาง
พลางทำตาขวางใส่เธอ ซึ่ง ซานเองก็ไม่เข้าใจว่า สองคนนี้ต้องการอะไร โคเว็ท ที่เห็น สองพี่น้องยืนงง
ก็เลยเดินอ้อม ไปลากตัว ไอ มาร่วมวงด้วย


“ นี่เธอน่ะ มาแย่งของคนอื่นเค้าไม่ละอายบ้างรึไง ไอ เค้าเป็นฝ่ายมาก่อนนะ ”
โคเว็ท กล่าวพลางชี้หน้าด่าซาน เป็นการใหญ่

“ ใช่ๆ อายุมากกว่าแท้ๆ คิดจะเลี้ยงต้อยรึไง ”
มิมิ เสริมบ้าง โดยที่สอง พี่น้องก็ได้แต่งง กับคำพูดของ ทั้งสอง

“ ม…ไม่เอาน่า มิมิ….โคเว็ท ”
ไอ กล่าวปรามเพื่อนๆ ก่อนจะออกตัวขอโทษแทน ทั้งสองคน

“ ขอโทษด้วยนะ ที่จริงฉันเองก็รู้ว่า มันเป็นสิทธิ์ ของ เฟนท์ เธอจะเลือกใครมันก็เป็นเรื่องที่เธอตัดสินใจเอง ฉันไม่มีสิทธิ ที่จะไปบังคับ เธอ แต่ว่าฉัน ก็อยากจะให้เธอรับรู้ไว้ว่า….อ..เอ่อ ”
ไอ กล่าวอึกอักเหมือนจะร้องไห้ อยู่ซักครู่ เพื่อนสาวก็ลากเธอ กลับมาก่อนจะออกตัว อีกครั้ง

“ ไอ ไม่เห็นต้องไปขอโทษ คนแบบนี้ ยังไงเธอยอมไม่ได้นะ ”
มิมิ กล่าว ในขณะที่ โคเว็ท เห็นถ้าไม่ดี เลยชิง ด่าไปก่อนอีกรอบ ไม่ให้ ฝ่ายนั้น
ได้โต้ตอบ

“ นี่ เฟนท์ กะอีแค่ ที่ ไอ กลับไปหานายช้าหน่อย นายก็เปลี่ยนไปหาคนอื่นซะแล้วเหรอ
 ไม่นึกเลยว่า นายจะเป็นคนแบบนี้ ” 
โคเว็ท ด่าไปเรื่อยไม่หยุด ขณะที่เป็นการเพิ่ม ความงุนงงให้แก่ สองพี่น้องไปยิ่งกว่าเดิม

“ เดี๋ยวๆ…นีมันเรื่องอะไรกันเนี่ย ฉันงง ไปหมดแล้วนะ ”
ซาน แย้งขึ้นมาซะก่อนที่เธอจะไม่ได้พูดอีก

“ อ้าวยังจะมาทำไก๋ ไม่รู้เรื่องเราเห็นนะที่พวกเธอสองคนไปเดทกันที่สวนสนุกวันนั้นน่ะ ”
มิมิ กล่าว

“ ใช่…แถมจู๋จี๋กันซะหวานแหวอีก ยังจะมีอะไรมาแก้ตัวอีกไหม  ”
โคเว็ท เสริมกลับไป ต่อหน้าเพื่อนฝูง ที่มารุมล้อม มุงดูการโต้เถียงของพวกเขา

“ สวนสนุก …เดท…อ๋อ…อุบ…หุๆฮะๆๆ ”
 ซาน เปรยขึ้นเล็กน้อยก่อน จะอดกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
เช่นกัน กับ เฟนท์ ที่ปล่อย ฮาออกไปนานแล้ว ตั้งแต่ที่เพิ่งจะรู้ว่า ทั้งสองคน
พูดถึงเรื่องไหนกัน

“ ฉันเนี่ยนะ ไปเดท กับน้องชาย…ฮะๆๆ ไม่รู้เลยนะเนี่ย นี่เราสองคนเหมือนคู่รักขนาดนั้นเลยเหรอ ”
ซานกล่าวไปพลางหัวเราะไปพลาง ด้วยความขบขัน

“ เอ๋….น้องชาย ”
สามสาว ร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน  ขณะที่ ซาน แกล้งทุบหลังน้องชายที่เอาแต่หัวเราะให้อธิบายเรื่องราว

“ ฮะๆๆๆ…แปบนะ ฮะๆๆ…เฮ่อ..คือนี่ น่ะพี่สาวแท้ๆผมเอง พี่ซาน น่ะผมยังไม่เคยแนะนำให้รู้จักสินะ ”
เฟนท์ กล่าวพลางกลั้นหัวเราะไปด้วย โดยที่ สามสาวได้ แต่ยืนหน้าแตก ด้วยความเข้าใจผิด ท่ามกลางเสียงหัวเราะ
ไปตามๆกัน ของเพื่อนร่วมห้องที่มามุงดู

“ สรุปแล้ว พวกเธอไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่เป็นพี่น้องกันเหรอ ”
มิมิ ถามขึ้นอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ซึ่ง สองพี่น้องก็พยักหน้ารับ

“ หวาย…ตายแล้ว ร..เราต้องขอโทษ ด้วยจริงๆ พวกเราไม่รู้ว่าความจริงเป็นแบบนี้
 ยกโทษให้พวกเราด้วยนะคะ ”
มิมิ กับ โคเว็ท รีบขอโทษ เป็นการใหญ่

“ ฮะๆๆ…ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ตอนนี้ รีบพา เฟนท์ ไปทำแผลเถอะ เดี๋ยวเลือดจะไหลหมดตัว ซะก่อน ”
ซาน กล่าว ซึ่ง เฟนท์ ที่พึ่งรู้สึกตัว ถึงความเจ็บ ก่อนที่จะหันไปดู หยดเลือดที่เจิงนอง
อยู่ที่เท้า ไม่ทันไร ก็ชิงเป็นลมไปเลยทันที ทำเอา ทุกคนหวาดเสียวไปตามๆกัน ก่อนจะพากัน หามไปห้องพยาบาล

“ เฮ้อ …เจ้า เฟนท์ เอ้ย จะรอดไหมเนี่ย ”
ไรด์ กล่าว พลางเข้ามาตบไหล่ เรกกะ ที่ยืนมอง กลุ่มนักเรียน ที่ตามกันไปที่ห้องพยาบาล
เดินลับตาไป

“ อ้าวไง ไรด์  เอมิล ก็ด้วยเหรอ ”
เรกกะ หันไปทักทาย ซึ่งเอมิล ก็เดินตามหลัง ไรด์ มาติดๆ

“ นี่ พรุ่งนี้เป็นวัน หยุดใช่มะงั้นพรุ่งนี้เราไปเดินดู โมเดลที่ออกวางใหม่ กันมะรู้สึกว่า จะมีชุดกองกำลังนินจาดำ
พิทักษ์ มิโกะ แห่งราชวงศ์ ออกใหม่ด้วยล่ะ ”
ไรด์ กล่าวอย่างลิงโลด ขณะที่ กอดคอ ลากตัว เรกกะ เดินตามไปห้องพยาบาล โดยมี เอมิล เดินตามหลังไป

“ ราชวงศ์….จริงสิ…. ”
เรกกะ ฉุกคิดขึ้นมาถึงเรื่องที่ ไอ เปลี่ยนเป็น อัศวินปริศนานั่น แวบนั้นสายตาของ เค้าก็สังเกตเห็น
ชายที่สวมหมวก แต่งตัวปกปิดตนเองอย่างมิดชิด กำลังเก็บ นาฬิกา ทรายและเดิน ออกไปจากสวน ข้างระเบียงทางเดิน
นี่ไม่ไกลนัก

“ อ๊ะ…นี่ เดี๋ยว ชั้นตามไปนะ พวกนายไปกันก่อน เถอะ ชั้นมีอะไรบางอย่างต้องไปทำก่อน ”
เรกกะ กล่าว พลางยกแขน ไรด์ ที่กอดคอ เขาไว้ออก ก่อนจะวิ่ง ลงจากระเบียง ไปยังสวน

“ แล้วรีบตามมานะ ”
ไรด์ ตะโกนไล่หลังไป ก่อนจะเดินไปกับ เอมิล แทน

“ ถ้า…คิดจะมากอดคอชั้นแทนล่ะก็ ชั้นหักแขนนายจริงๆนะ ”
เอมิล ขู่ ทันทีที่เห็น ไรด์ ยกแขนขึ้นจะมาคล้องคอเขา ทำเอาไรด์ หยุดกึกพลางหัวเราะไป
ด้วยความขบขัน กับความ โอเวอร์ ของ เอมิล


……………
…………………..

“ คนๆนั้นอีกแล้ว จะว่าไปแล้วทุกครั้งที่เราปรากฏตัวเขาจะต้องโผล่มาอยู่เรื่อย ”
เรกกะ เปรย ขณะที่วิ่งมาจนถึงจุดที่ ชายคนนั้น เดินออกไป แต่เค้าก็หายตัวไปแล้ว

“ นาฬิกาทราย นั่น ”
เรกกะ เปรยขึ้น พลางขบฟัน กรอดด้วยความเจ็บใจ

“ นาฬิกา ทรายอะไรทำไมเหรอ ”
เสียง ของมาธิอัส ดังขึ้นมาจากหน้าปัด สายคาด

“ ไม่รู้เหมือนกัน แต่นาฬิกาทรายนั่น เป็นของคุณพ่อผม ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด แน่นอน ”
เรกกะ กล่าวตอบกลับไป พลางเดินกลับไปที่ระเบียงเพื่อจะ ไปห้องพยาบาล

“ ตอนที่เรา อยู่ที่บาร์ซิงเซย์นั่นก็ด้วย ชายคนนั้นเป็นใครกัน ”
เรกกะ คิดพลางนึกทบทวนไปถึงเรื่อง ก่อนที่เขาจะสามารถแปลงร่างเป็นทาลิวิลย่าได้
ในวันนั้นก่อนที่ เค้า จะถูกพวก เทอเรี่ยน ไล่กวดเอา เขาบังเอิญ ไปเห็น นาฬิกา ทรายซึ่งคล้ายกับของที่

เขามีอยู่มาก ก็เลยคิดจะเข้าไปเก็บ ทว่า ชายลึกลับคนนั้น ก็เข้ามา เก็บไปซะก่อน
ก่อนที่  ฝูง เทอเรี่ยน จะแห่กันมา ไล่เขาจนต้องหนีออกจากตรงนั้นและคาดกับชายคนนั้น

“ นี่หรือว่า… ”
เรกกะ รำพึง ขึ้นกับตัวเอง

“ นี่คราวหน้าถ้า แปลงร่างสู้อีกชั้นมีเรื่องจะขอร้องนะ… ”
เรกกะ กล่าวกับ บุคลิก ทั้งหลายของตน


………………..
……………………

ท่ามกลางความมืดมิด ก่อนที่จะมีแสงเล็ดลอดเข้ามา ภาพเพดานห้อง ได้ปรากฏขึ้นแก่สายตา
ตอนนี้ เฟนท์ นอนอยู่บนเตียงคนไข้ แขนขวา ได้รับการทำแผลและ พันด้วยผ้าพันแผลเป็นที่

เรียบร้อยแล้วครั้นเมื่อเขาจะลุกขึ้นก็ ก็รู้สึกว่ามี อะไรบางอย่าง อยู่ข้างๆครั้นเมื่อหันไป
ก็พบว่า ไอ นั่น เองที่ฟุบนอน อยู่ข้างๆ

“ ฮ้าว…อ๊ะ..น..นี่ชั้นทำให้ตื่นรึเปล่า ขอโทษนะ ”
ไอ อ้าปากหาว หวอดได้ไม่ทันไรก็รีบขอโทษขอโพย ทันที แต่ เฟนท์ ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

“ เอ่อคือ…ช่วยฟังที่จะพูด.. ”
ทั้งสองกล่าวขึ้นพร้อมกัน ทำให้ทั้งคู่สะดุด ไป

“ ช..เชิญ ก่อนเลย ”
“ ม..ไม่เป็นไร เธอ ก่อนก็ได้ ”
เฟนท์ ยกให้ ไอ กล่าวก่อนทว่า ไอ เองก็ปฏิเสธให้ทั้งคู่ต่างโยนกันไปโยนกันมา
จนสุดท้าย ไอ ก็ตัดสินใจเป็น ฝ่ายเริ่ม

“ คือเรื่องเมือวันนั้น…ฉันขอโทษนะ….ที่ฉันกลับไปสาย น่ะทั้งที่บอกว่าจะรอแท้ๆ แต่เพราะฉันไปช่วย
พวก มิมิ หารายงานที่ลืมไว้อยู่ก็เลยมาสาย ขอโทษด้วยนะ ”
ไอ กล่าว พลางก้มหัวขอโทษ

“ ม..ไม่เป็นไรหรอก ผมเองก็อยากจะขอโทษเหมือนกัน ที่ทิ้งให้ ไอ รอ ผมซะนานขนาดนั้น แต่พอกลับมาถึง
ตอนดึก ก็ไม่พบ ไอ ซะแล้ว ผมก็เลยนึกว่า จะโกรธ ผมแล้วก็กลับไปแล้ว ”
เฟนท์ กล่าวเสียงแผ่ว

“ ง..งั้นเราต่างก็ไม่ได้ให้ใครรอใครกันเลยน่ะสิ ”
ไอ กล่าวก่อนที่ พวกเขาทั้งคู่จะหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ที่มัวแต่กังวลแต่สรุปคือทั้งคู่ต่างก็มาสาย
และคิดไปเองว่าทำให้อีกฝ่ายต้องรอ

“ จริงสิ …แล้วเรื่องที่ ไอ จะบอกผมล่ะ ”
หลังจากที่หายข้องใจกันแล้ว เฟนท์ ก็เริ่มซักถึงเรื่องที่ ไอ ส่งข้อความมาในวันนั้น

“ เอ๋… ”
ไอเปรยอย่าง งงๆ

“ ก็ที่เขียนไว้ในข้อความไง ว่ามีเรื่องที่อยากจะบอกผมในวันนั้นให้ได้ ถึงได้รอผมอยู่ไม่ใช้เหรอ ”
เฟนท์ กล่าวพลางเปิด โทรศัพท์ แสดงข้อความที่เธอส่งมาให้ดู ซึ่งไอทันทีที่ จำถึงข้อความนั้นได้ก็
หน้าแดงขึ้นมาทันที

“ อ…เอ่อ คือเรื่องนั้น ”
ไอ กล่าว อึกอักด้วยความตื่นเต้น

“ ทำไม..หรือว่าบอกไม่ได้เหรอ... ”
เฟนท์ ถามด้วยความสงสัย ซึ่งเธอเองก็ส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ว่าเรื่องที่เธอจะพูดนั้น เธอก็ไม่กล้า
ที่จะบอกกับเขา

“ ท…ทำไงดีต…แต่ว่า ตอนนี้เราเองก็อยู่กันตามลำพังแล้ว นี่ก็เป็น
โอกาสแล้วด้วย..บอกไปเลยดีกว่า..แต่ว่า..ถ้าเกิดเขาไม่ชอบเราล่ะ ”
ไอ คิดทบทวนอยู่หลายรอบ ก่อนจะทำใจเย็น และรวบรวมความกล้าออกมา

“ ขึ…คือ…ครือ…ว…ว่า…ฉ…ฉัน…ร…ร ”
ไอ พยายามที่จะเปล่งเสียงออกมาแต่ความตื่นเต้นก็กลบเสียงเธอไปจนหมด

“ เอ่อ คือพูดตะกุกตะกักแบบนั้น ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกครับ ”
เฟนท์ กล่าวซึ่งก็ทำเอาฝ่าย สาวหน้าแดงด้วยความเขินไปในทันที

“ ถ้ามันพูดยากก็ไม่ต้องฝืนก็ได้ครับ ผมไม่ซักมากหรอก ”
เฟนท์ กล่าวแสดงน้ำใจซึ่งในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ จะกล่าวออกไปให้ได้

“ คือว่า เฟนท์ ฉันน่ะ… ”
ไอ กล่าวได้ซักครู่ก็ต้อง ชะงักไปเพราะอยู่ๆก็มีเสียง เอะอะ โวยวายอยู่ที่ ประตูห้อง

“ แว้ก อย่าดันสิ…เหวอ ”
“ อย่าล้มนะ…อย่าล้ม ”
“ ว้ายยย ”
เสียง ตะโกนเอะอะ ซุบซิบ กันดังขึ้นก่อนที่ประตูห้องจะถูกผลักเข้ามา พร้อมกับ เพื่อนร่วม ชันทุกคนที่ล้มกองกันมาเป็นทิวแถว 

“ น..นี่ มาแอบฟังกันหมดเลยเหรอ ”
ไอ อุทานขึ้นด้วยความตกใจ

“ ไอ แล้ว เรื่องที่จะพูดน่ะคืออะไรเหรอ… ”
เฟนท์ กล่าวถามอีกครั้ง แต่เธอก็ ส่ายหน้า ปฏิเสธว่าไม่มีอะไรก่อนจะหัน
อายม้วนต้วน

“ โธ่ อีกนิดเดียวแท้ๆอ่า ”
เสียงบ่น เสียดายของ เพื่อนดังระงม ขณะที่เฟนท์ ได้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่อย่าง งงๆ

“ คงต้องหาโอกาสใหม่แล้วล่ะ ”
ไอ คิด ขณะที่ตอนนี้เธอต้องรอต่อไปจนกว่าจะหาโอกาส พูดความในใจของเธอ ออกไปให้ได้

……………….
…………………….

“ ความรักเหรอ…หึๆน่าจะใช้ได้แหะ ”
โครโน่ เปรยขึ้น ขณะที่ดู เหตุการณ์ต่างๆผ่านทางจอภาพ

“ คุณคงไม่คิดจะเข้าไปยุ่งหรอกนะคะ โครโน่ ”
ฮายาเตะแย้งขึ้นทันที ด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“ ไม่มีทาง…ยังไงๆ ก็ต้องจัดการ อยู่ดี ถือเป็นการฆ่าเวลาที่ดีเลยล่ะ ”
โครโน่ กล่าวพลางลุกขึ้นตั้งเหรียญไว้บนนิ้วมือ

“ โครโน่ ดิฉันขอเตือนนะคะ อย่าคิดที่จะสร้าง ความบาดหมางขึ้นเลย ไม่อย่างนั้น ซักวันมันอาจกลายเป็น
เฟนเรีย ที่จะมาขัดขวางเรา… ”
ฮายาเตะ พยายามที่จะตักเตือน ทว่า โครโน่น ก็ดีดเหรียญขึ้นไป
โดย ไม่สนใจใยดี ต่อเสียงเตือนของ เธอ

“ ไม่มีทางอยู่แล้ว ฮายาเตะ เรื่องก็คือ เราไม่ใช่ โอดีน ที่จะต้องเกรงกลัวเฟนเรีย แต่เราเป็นผู้ที่คุมทุกอย่างเพราะงั้น แม้แต่เฟนเรีย นั่นก็ด้วย เจ้าลูกหมาที่กำลังมีความรัก มันช่างน่าจับแกล้งซะนี่ ”
โครโน่ กล่าวพร้อมกับทันทีที่ เหรียญ ลงถึงพื้น ไฟหน้าจอ ทุกตัวก็ดับลง

…………….
………………….

“ จะเดินหมากไหนต่อไปดีล่ะ ”
ลูเทเซีย กล่าวขึ้น ขณะที่เล่นหมากรุกอยู่กับ เด็กน้อยคนหนึ่ง
ก่อนที่ไม่นาน เค้าจะถูกดักทางและ เป็นฝ่ายปราชัยในเกมส์ หมากรุก

“ นี่ชักเบื่อแล้วล่ะ เมื่อไหร่ เรโค่ กับ อิชิกิ จะกลับมาซะทีนะ ”
เด็กหนุ่ม กล่าวพลางหยิบตัวหมากรุกม้า มาเคาะเป็นจังหวะ

“ แหม สองคนนั้นอีกเดี๋ยวก็คงมานั่นล่ะ ว่าแต่จะเล่นอีกสักเกมส์ดีไหมล่ะหือ เซโร่  ”
ลูเทเซีย กล่าวกับเด็กหนุ่ม ซึ่งเด็กคนนั้น มีผมสีฟ้า และดวงสีฟ้า

“ ก็เอาสิ แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ว่ายังไง ซะ ประสบการณ์ กว่า ร้อยปี ที่ชั้นมีเนี่ย นายเอาชนะไม่ได้ง่ายๆหรอก ”
เซโร่ ตอบพลาง เป่าลมใส่ตัวหมากรุกก่อนที่มันจะถูกแช่เป็นน้ำแข็งไป

โปรดติดตามตอนต่อไป

Next Saga

“ ถึงเวลาที่เราควรจะจัดการกับ มาราดัน กันอย่างจริงจังแล้วนะ ”

“ มีการส่งผ่านข้อมูล เกี่ยวกับการก่อการและสถาที่ตั้งของพวกมาราดัน เข้ามาใน Open Channel จากทุกประเทศ
เลยค่ะ ตอนนี้ มีข้อมูล ที่ส่งเข้ามาเรื่อยๆอย่างไม่หยุดเลยด้วย ”

“ แปลว่า เทอร่า กำลังจะบอกให้เราเคลื่อนไหวอย่างนั้นหรือ ”

“ ก็นั่นล่ะตอนนี้มันคือสิ่งยืนยันถึงการที่ เทอร่า เริ่มจะรวมเข้าด้วยกันแล้ว ”

การเปิดศึกกับ มาราดัน อย่างเต็มที่ ด้วยการเคลื่อนไหวของ เทอร่า ที่บอกให้พวกเค้าเริ่มเคลื่อนไหว


“ ได้ร้องไห้แน่..ความแข็งแกร่งของข้า แม้แต่เด็กยังต้องร้องไห้ ”

“ จงหลั่งน้ำตาให้กับ วิถีแห่งลูกผู้ชายซะเถอะ ”

การจุติครั้งที่สาม

“ เค้าคนนั้นต้องใช่ ลอว์เรนซ์ คุณพ่อของผมแน่ๆ ถึงจะเห็นแค่แวบเดียวก็เถอะ ”

“ งั้นแล้วทำไมต้องหนีด้วยล่ะไม่เข้าใจเลย…ลูกของตัวเองแท้ๆ ”

“ ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้แต่ซักวันผมจะต้องพบและพูดกับคุณพ่อ ให้ได้เลย ”

“ แต่ชั้นว่า อย่าดีกว่า ”

“ นาย…เป็นใครน่ะ ”

“ หึ..ขอบอกเอาไว้ก่อนเลยนะ ชั้นนี่แหล่ะ ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด ”

บุคคลที่ปรากฏขึ้นพร้อมอ้างตัวว่าเป็น ลอว์เรนซ์ เค้าคือใคร ติดตามได้ใน Saga 09 จงหลั่งน้ำตาให้วิถีแห่งลูกผู้ชาย

มหาสงคราม Delantion กำลังจะอุบัติขึ้นอีกครั้ง



แหม คราวนี้ ก็ได้สนุกกันเลยล่ะนะครับ ต่อจากผมที่ต้องพิมพ์อย่างสนุกมือ ต่อไปก็ตาท่านผู้อ่านทุกท่านอ่านกันให้สนุกตาล่ะ บานเบอะยังกะ สองบทติดแบบนี้ สมชื่อตอน Double Action จริงๆ  (- -*)

ก็ทำกันมาแบบไม่ต้องให้ลุ้นเลยล่ะนะ ว่าคู่รักประจำซีรี่ย์นี้ จะคืนดีกันได้ไหม แต่ดูจาก นิสัยของ นายเอกกับนางเอก นี่สงสัยกว่าจะคืบหน้าไปกันจนถึงขั้น ดูดดื่มนี่คงอีกนานแหง แซะแถมมีแวว จะบอดเอาซะอีกเพราะตัวประกอบที่

ปกติมีหน้าที่ แค่มาพูดปิดท้าย ก็ดันจะแกล้งซะด้วย แถมรอบนี้ไม่ได้ปิดท้าย เพราะลูเทเซีย ไปนั่งเล่นหมากรุกกะ เซโร่
ซะงั้น ว่าแต่แล้วมันใครกันล่ะนี่ เซโร่ หลายคนอาจจะคิดแบบนี้ แต่คิดว่า บางท่านคงจะรู้กันไปแล้วล่ะเน้อ

และสุดท้ายคือ บทนี้มันวอนหัวหลุดไงๆก็ไม่รู้สิ ก่อการร้ายจับตัวประกัน เป็นครูกะนักเรียน ยังกะ ทรีโอภาคใต้
ประเทศสารขันท์ ยังไงยังงั้น แถมยังมี Bio Hazard มาให้พวก Valkyrier ยิงเป่า กันสนุกมืออีก

ว่าแต่ตอนหน้า มีทาลิฯมาอีกตัวละ จะเป็นตัวไหนหนอ และอีกอย่างที่ลืมไม่ได้เลย ลอว์เรนซ์
ตกลงนายจะหน้าด้านกลับมาเล่นด้วยใช่มั้ย

ลอว์เรนซ์ :ของมันแน่อยู่แล้ว ที่สำคัญอย่าลืมทำตัวชั้น เวอร์กราฟฟิคด้วย จะได้มิวสิก
แบบเดียวกะเจ้าพวก นั้นบ้าง

อ่อจริงสิ เกือบ ลืมบทนี้มันมีของแถม ที่จริงๆม่รู้นะว่าทราบหรือยังแต่ผมแปะไว้ที่ หน้าแรกแล้ว
เรื่องเพลง Op นิยายมีพวก เรกกะ และคณะ ในชุดนักเรียน ของ เซนท์แมกนัส ครบคนเลย

เห็นมีคนรีเควสมา ว่าอยากจะเห็นพวก เฟนท์ ในชุดนักเรียนบ้าง ไอ้เราจะให้ เรกกะ แต่งคนเดียวมันก็ยังไงอยู่
เลยอดตาหลับขับตานอน ทำกันทั้งคืน ผลที่ได้ Op ของนิยายเราเสร็จแล้วจ้า (แต่ตอนนี้มีแค่ภาพเดียวแปะอยู่แล้วมีเพลงเท่านั้น เดี๋ยว ED กะเพลงแทรกตอนสู้จะเอาภาพที่ทำไว้มาใส่ให้เยอะกว่านี้ T_T)

เอาล่ะว่าแล้วก็นอกเรื่องกันมาเยอะแล้ว มาพบกับช่วงแถมท้ายอีกรอบ
สำหรับภาพนี้คิดว่าน่าจะกระจ่างขึ้นกับความสัมพันธ์ของคู่นี้ (แต่ไมผมไม่กระจ่างซักทีก็ไม่รุ
ไม่เข้าใจ พี่กับเจ้าการุรุม่อนเลย เอหรือผมไม่มี เซ้นท์ เองหว่า) แล้วพบกันวันพุธนะจ้า
ไปล่ะนินๆ



Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #55 on: March 15, 2009, 06:29:59 PM »

Quote
บทนี้คลายเครียดนิดเดียวเอง    อยากอ่านฉากพวกนี้เพิ่มเติม 


จำคำพูดเมื่อบทที่แล้วได้ม้ายยยยยยยยยยยยย
แล้วกันเจ้า เกรม่อน เลยของขึ้น พิมพ์ ระเบิดเถิดเทิงเมามัน
ซะขนาดนี้ ปกติ จะมีตกใน word ประมาณ 50-60หน้า ต่อ 1บท แต่ว่า
บทนี้มันล่อเข้าไป เกือบ 90หน้า แน่ะ รู้สึก เมื่อคืนพอโยนงาน ให้ ปิโยม่อน ตรวจต่อ เจ๊ เลยโดน
ลาก ช่วยตรวจต้นฉบับ ด้วยเล่นเอาตาค้างจนถึงเที่ยงคืน เลย
  
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #56 on: March 15, 2009, 08:30:10 PM »

Quote
บทนี้คลายเครียดนิดเดียวเอง    อยากอ่านฉากพวกนี้เพิ่มเติม 


จำคำพูดเมื่อบทที่แล้วได้ม้ายยยยยยยยยยยยย
แล้วกันเจ้า เกรม่อน เลยของขึ้น พิมพ์ ระเบิดเถิดเทิงเมามัน
ซะขนาดนี้ ปกติ จะมีตกใน word ประมาณ 50-60หน้า ต่อ 1บท แต่ว่า
บทนี้มันล่อเข้าไป เกือบ 90หน้า แน่ะ รู้สึก เมื่อคืนพอโยนงาน ให้ ปิโยม่อน ตรวจต่อ เจ๊ เลยโดน
ลาก ช่วยตรวจต้นฉบับ ด้วยเล่นเอาตาค้างจนถึงเที่ยงคืน เลย
  

 :P .....................อยากเห็นหน้าไอ 

ตอนต่อไปธาตุดินหรือลมหว่า     ในที่สุดลอเรนซ์กลับมา the return อีกแล้วววววววววววววววววววววววววว 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #57 on: March 16, 2009, 08:51:16 PM »

อัพ ตัว มิวสิก ประกอบ นิยาย ไว้ที่หน้าแรกเรียบร้อย
เพิ่มอีกสอง เพลง เพลงตอนสู้ กับ เพลง ปิดตอน

รอบนี้ สองเพลงนี้มีภาพเพิ่มไปด้วย ไม่ได้มี แค่ภาพเดียว เหมือน เพลง OP ละ
ส่วนของ เพลงEd นั้นจะเป็นสตอรี่ เรื่องราวที่ พวก Valkyrier ของ Celestial Saber

ไปพักกันที่เกาะลับเดี๋ยวจะมีปรากฏในบทถัดๆไป ซึ่งส่วนของ Ed นี้บางภาพเป็นการบอกใบ้
ว่าแต่ละคนจะลงเอยยังไงด้วยนะเออ แต่ดูๆไปแล้วรู้สึกว่า เพลง Ed ภาพ มันเซอวิสไปหน่อยไหมนี่

ส่วนของ เครดิต เพลง คุณ Osoraraji เจ้าของ คลิป เค้า แอดไว้ที่ Youtube แล้ว
คงไม่ต้องเอามใส่หรอกเนอะ ดูแ้ล้ว เป็นไงบอกด้วยนะ
« Last Edit: March 16, 2009, 08:53:18 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #58 on: March 18, 2009, 07:29:23 PM »

Saga 09 จงหลั่งน้ำตาให้วิถีแห่งลูกผู้ชาย


อิคดราซิล อาริมาเทีย (Yggdrasill)
[อ้างอิงจากเนื้อเรื่องชุด Dragon Regen อิคดราซิล มีประจำอยู่ในแต่ละทวีป 7 ทวีปจึงมีทั้งหมด 7 ต้นด้วยกัน]

ใต้ร่มเงา แห่งมหาพฤกษา อิคดราซิล ประจำ ทวีป อาริมาเทีย นี้เป็นผืนป่าดงดิบ ที่ยังไม่ได้รับการสำรวจ
พื้นที่ส่วนใหญ่ จึงยังมีปริศนาและดูลึกลับ ทว่าสาเหตุแม้ เวลาจะล่วงเลยมานาน จนวิทยาการพัฒนาถึง

ขั้นสูงเช่นในเวลานี้แล้ว ผืนป่านี้ก็ยังคงไม่ได้รับการสำรวจ นั่นเพราะ มังกรพิทักษ์ มหาพฤกษา อาร์เกอเทลียว
(Argurthlaew) ได้กีดกัน ผู้บุกรุก ออกจากผืนป่า บริเวณรอบๆ มหาพฤกษา ด้วยขนาดร่างกายที่ใหญ่โต

บวกกับอำนาจ ที่มันได้รับจาก มหาพฤกษา ทำให้ไม่อาจมีสิ่งใดบุกรุกเข้าไปได้ นี่จึงนับว่าเป็น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์
ที่มิอาจบุกรุกเข้าไปด้วย วิทยาการอันก้าวหล้ำได้ที่ยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงวันนี้



“ ท่าไม้ตายของชั้น หมายเลข 2 ”    “ Full Charge Great of Dragon ”
สิ้นเสียง ทาลิคนัส หลังจากที่ ไพ่ถูกไฟจากดาบอัคคี เผาผลาญ ไปเปลวเพลิงที่ดาบก็ลุกโชน เป็นมังกรเพลิง พุ่งทะทานออกมาขณะที่มังกรเพลิงอาริมาเทีย นิทินโคออน ที่ถูกเรียกมาจาก ยาน ไซเบอริก้า กำลังพา ทาลิคนัส ที่ขี่อยู่ บนหลัง
ของมัน พุ่งเข้าไปประชิดตัว อาร์เกอเทลียว โดยบินหลบก้อนหินยักษ์ กับ กิ่งไม้ ที่พุ่งขึ้นมาตรงดิ่งลง หาเจ้ามังกรยักษ์อาร์เกอเทลียว ซึ่ง มีเกล็ดแข็งดั่งศิลา ตามร่างกายมีกิ่งไม้งอก ออกมาและสามารถยืดได้

นิทินโคออน พุ่งเข้าไปอ้าปากกัดที่ต้นคอ ของ อาร์เกอเทลียว ซะจมเขี้ยว ทว่าด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของมัน
จึงรู้สึกคันๆเท่านั้น ทว่านั่นยังไม่จบ นิทินโคออน ได้พ่นไฟออกมาในระยะที่เขี้ยวจมอยู่ใต้ผิวหนัง

จึงทำให้มันยึดร่างทานแรงสะท้อนที่ มันพ่นไฟ ออกไปได้อันเป็นกระบวนท่า Feral Fang ที่เป็น
ท่าจู่โจม อีกหนึ่งของ นิทินโคออน เมื่อเปลวเพลิง ลามไปบนร่างของ อาร์เกอเทลียวมัน ก็เริ่มที่

ส่ายไปมาอย่างบ้าคลั่ง ทว่า ทาลิคนัส ก็สะบัดด้ามดาบฟันลง มังกรเปลวเพลิง ที่ลุกโชนจากดาบก็พุ่ง
ทะลวงร่าง ของมันจน ลุกไหม้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะซ้ำอีกรอบด้วยการสะบัดด้ามดาบกลับเพื่อให้มังกรเปลวเพลิงพุ่ง

ผลาญร่างของ มันยิ่งขึ้นก่อนจะยกด้ามดาบชูขึ้นเหนือหัว และตวัดลง มังกรเปลวเพลิง จึงพุ่งลงมากระแทก
ร่างของ อาร์เกอเทลียว เป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับที่ นิทินโคออน ถอนเขี้ยวออก และพาบิน หนีออกห่างร่าง
อันใหญ่โตของมันที่ลุกเป็นไฟ และกำลังจะล้มโค่นลงมา

“ หะฮ้า สำเร็จเป็นไงเจ๋งเลย..เจ๋งเลยใช่มั้ย ห๊า ไอ้ตะกวดสลัดผักยักษ์ อยากซ่าดีนักนี่
เลยจับย่างเป็นบาบีคิว เนื้อไปซะเลย ”
ทาลิคนัส ร้องเฮโล อย่างมีชัย ขณะที่ร่างของ อาร์เกอเทลียว ซึ่งมีคุณสมบัติ เป็นเหมือนไม้ นั้นกำลังค่อยลุกไหม้
และส่งเสียงปะทุแตกออกมาเหมือนไม้ที่ถูกไฟเผา ควันไฟที่ลอยขึ้นจากร่างของ

อาเกอเทลียว ได้ลอยขึ้นไปยังใบของมหาพฤกษา ไม่ทันไร ใบสีเงินของ มหาพฤกษา
ก็คายน้ำโปรยปรายออกมาราวกับสายฝน กระหน่ำลงมาใต้ร่มเงา ที่อาเกอเทลียว ล้มอยู่ไม่นาน

 เปลวเพลิงที่ลุกไหม้ก็ดับลง พร้อมกับ ร่างของ อาเกอเทลียว เเมื่อได้รับน้ำจากมหาพฤกษา ก็ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นจนสมบูรณ์ในที่สุด

“ อะไรกันเนี่ย ”
ทาลิคนัส สบถอย่างเสียอารมณ์ เมื่อน้ำจากมหาพฤกษาได้ เทลงมาจนคมดาบอัคคี ถูกน้ำทิพย์
จาก มหาพฤกษา รดดับ ไปทั้งคมเหลือเพียงด้ามดาบ เท่านั้นซ้ำร้ายอุณหภูมิร่างกาย ของ นิทินโคออน

ซึ่งเป็นมังกรเพลิง ก็ลดต่ำลงจนทำให้มันหมดแรง และกลับคืนร่าง เป็นลูกมังกร นิทินโค
ไป ทาลิคนัส ที่ขี่อยู่เลยเสียหลักเซเกือบตกลงมากระแทกพื้น หากไม่สยาปีกของตนขึ้นบิน
แล้วช่วยรับเจ้าลูกมังกรที่อ่อน แรงไว้แทน

“ หนอย…พลังของชั้นหายไปหมดเลยนะเฟ้ย เจ้าไม้จิ้มฟันยักษ์นี่….เลิกพ่นน้ำซะที… ”
ทาลิคนัส ตะหวาดใส่ มหาพฤกษาหัวฟัดหัวเหวี่ยง

“ ไม้จิ้มฟันยักษ์เนี่ยนะ…แล้วที่สำคัญไปบ่นกับต้นไม้มันไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะ ทาลิคนัส ”
เสียงของ เรกกะ ดังขึ้นในจิตใจ

“ เชอะ ชั้นรู้อยู่แล้วน่าไม่ต้องมาพูดเลย…เย้ย ”
ทาลิคนัส สบถตอบกลับไป ทว่าก็ต้องร้องเสียงหลง เมื่อ อาร์เกอเทลียว ลุกขึ้นมา
ยืนจ้องเขม็งใส่

“ ย…..อย่าเข้ามานะ…เจ้ยย ”
ทาลิคนัส กล่าวรนๆพลางยกด้ามดาบที่ไม่มีคมดาบอัคคีแล้ว ขึ้นชูใส่ ก่อนจะต้องร้องเสียงหลง
เพราะพึ่งจะนึกได้ว่าเหลือแต่ด้าม ทว่า อาร์เกอเทลียว ก็หาได้ทำอันตรายใดๆ กลับถอยไปแบบ
ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“ อ้าว…ช…เหย ไหงถอยไปง่ายๆล่ะ ”
ทาลิคนัส กล่าวอย่าง งงๆพลางลดมือลง

“ เอาเถอะเค้าเลิก อาละวาด แล้วเราก็กลับกันเถอะ ”
เรกกะ กล่าวขึ้น

“ แหมยังไม่หายสะใจเลย..อารมณ์ค้างนะเนี่ยตั้งกะเมื่อวานละจะลุยก็ไม่ได้ลุย…อึ๋ยแต่เอาเถอะเราเองก็ถอยดีกว่า ”
ทาลิคนัส บ่นไม่เลิก ก่อนที่จะบ่นเสร็จ ก็เผอิญ แกว่งดาบในมือด้วยความชินเคยตามปกติ
 จึงได้สังเกตอีกรอบว่าตัวเอง

ก็ไม่เหลือแรงจะไปฟัดกับเค้าแล้วเหมือนกัน
เลยเปลี่ยนท่าทีกับคำพูดเอาในตอนท้าย พลางบินกลับไปแต่โดยดี
พร้อมกับอุ้มร่างของ นิทินโค ที่อ่อนแรงปวกเปียกกลับ ไป
ทว่าก่อนที่จะทันหันกลับไปเพื่อบินออกจาก ร่มเงาของ มหาพฤกษา นั้น

“ อ๊ะนั่น…ข้างล่างที่โคนต้นไม้ตรงชายป่า ”
เรกกะ ร้องขึ้น ในจิตใจของ ทาลิคนัส ก่อนที่ ทาลิคนัส จะหันลงไป
ชายซึ่งแต่งตัวปกปิด ตนเองซึ่งจะโผล่ออกมา ทุกครั้งที่ เรกกะ เปลี่ยนร่างเป็น อัศวินมังกร
กำลัง ยืนมองทรายในนาฬกา ทรายไหลลงมาจนหมด ก่อนที่เค้าจะเดินหลบเข้าไปในเงาไม้ของป่า

“ เดี๋ยวซี่จะรีบไปไหน ”
เสียงดังออกมาจากความมืดมิดในป่า ก่อนที่ทาลิคนัส จะเดินเข้ามาดักหน้า
ชายคนนั้นที่หลบสายตาพวกเขาเข้ามาในป่า

“ พอดี เรกกะ มีเรื่องจะคุยด้วยหน่อยน่ะอยู่คุยซักพักได้ไหม ”
ทาลิคนัส กล่าวพลางเดินไปขวางทางไว้ให้เต็มจนไม่มีทางจะเดินต่อ
ทว่า ชายผู้นั้นก็ได้แต่นิ่งเงียบ

“ อ้าวนี่..จะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอ ”
ทาลิคนัส ถามโดยข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เพราะเริ่มมีน้ำโห กับท่าทีของอีกฝ่าย
แต่ฝ่ายนั้นก็ยังคงนิ่งเงียบ จนกระทั่งครู่ต่อมา หมอกฝนที่เกิดจากการคายน้ำของ

มหาพฤกษา ก็เริ่มลงจัดอย่างรวดเร็ว
บดบังร่างของทั้งสองฝ่ายจนไม่มีใครมองเห็นใคร และทันทีที่ หมอกโดนลมพัดจนจางลง ชายผู้นั้นก็ได้หายไปแล้ว

“ อ้าว…เฮ้ย หายไปแล้วตั้งกะเมื่อไหร่เนี่ย ”
ทาลิคนัส กล่าวพลางทำตาค้างด้วยความตกตะลึง ก่อนที่จะวิ่ง เข้าไปยังจุดที่ชายผู้นั้นหายไปแต่เมื่อมองหาไปรอบๆก็ไม่เจอร่องรอย ของเค้าอีกเลย

“ พลาดจนได้…ไว้คราวหน้าละกัน ทาลิคนัส ตอนนี้กลับยานก่อนเถอะ ”
เรกกะ กล่าว ก่อนที่จะหันไปมองดูรอบๆอีกครั้งเพื่อตรวจดูจนแน่ใจแล้ว ทาลิคนัส จึงยอมกลับขึ้นไป
เพราะ นิทินโค เองก็เริ่มจะอ่อนแรงเกินกว่าจะทิ้งไว้นาน
ขณะที่ ชายผู้นั้น ได้แอบมองพวกเค้า อยู่หลังเงาต้นไม้ ในป่าที่มืดมิด ก่อนจะหันเดินจากไป
ในความมืดของป่า


……………………….ขึ้นเพลง Op…………………..



……………………………………………………….




ยานไซเบอริก้า

“ มันแปลกมาก…แปลกจริงๆ ”
มาธิอัส รำพึง ขณะที่จ้องมอง จอมอนิเตอร์ ตรงหน้าซึ่งแสดงแผนที่ของ ทวีป อาริมาเทีย
โดยบนแผนที่มีจุดวงกลมสีแดง วงเอาไว้อยู่หลายวง ขณะที่ เรกกะ พึ่งเดินเข้ามาในห้อง
พร้อมกับผ้าขนหนูคลุมหัวและชุดที่เปลี่ยนใหม่ จากการที่เปียกเพราะโดนฝนที่
เกิดจาก มหาพฤกษา คายน้ำลงมา

“ นี่มันตัวที่ สิบ ของวันนี้แล้วนะ ทำไมอยู่ๆมังกรทั่วอาริมาเทีย มันถึงได้คลั่งกันแบบนี้ล่ะ ทาลูคัส เองก็ลงไปไล่ปราบตั้ง 5 ครั้งแล้ว จัดการไปได้ 9 ตัว ก็เหนื่อยจนต้องให้ ทาลิคนัส ทำแทนแถมที่สู้เมื่อกี้ ก็เลยทำนิทินโค ต้องพักฟื้นคงจะไม่พร้อมลงไปใช้ท่าเผด็จศึกแล้วล่ะ ”
เรกกะ บ่นใส่ พลางโยนผ้าขนหนูไปที่เก้าอี้ใกล้ๆ พร้อมยกเข็มขัด ตลับที่ใส่ไพ่เอาไว้ขึ้นมา ตัวเลขบนหน้าจอ จากเดิมที่เคยบอกจำนวนไพ่ที่มีอยู่ 95 ใบ กลับลดหวบลงไปทีเดียวจนเหลือเพียง 89 ใบแทน

“ เรื่องคราวนี้เลย ทำให้เสียไพ่ ไปเยอะเลยนะ…ว่าแต่คงมีสำรองใช่ไหม มาธิอัส ”
R2 ที่นั่งอ่านหนังสือ อยู่ถามขึ้น

“ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ…แต่ดูเหมือน สาเหตุที่ทำให้พวกมังกรคลั่งกันน่ะตอนนี้ชั้นรู้สาเหตุแล้วล่ะ ”
มาธิอัส กล่าวพลางโบกมือให้ทุกคนมาดูที่ มอนิเตอร์ เมื่อ เรกกะ กับ R2 เดินมาดูด้วยแล้ว
เค้าจึงกดนิ้ลงบนแป้น ควบคุมภาพบนจอมอนิเตอร์ ที่แสดงแผนที่ อาริมาเทีย และจุดสีแดงก็ถูก ทับด้วย
แผ่นวงกลมสีแดงใสอีกที

“ จุดสีแดงหลายๆจุดนั่นคือ ที่ๆมังกร อาละวาด เห็นได้ชัดเลยว่าพวกมันจะอาละวาดเฉพาะในรัศมี
ที่วงไว้นี้เท่านั้น พอชั้นลองตรวจสอบดูก็พบว่า มันมีคลื่นพลังงานที่ไม่สมดุล กระจายออกมาโดยบริเวณศูนย์กลางที่เป็นจุดกำเนิด จะมีความเข้มข้นที่สุด ก็อยู่ลึกลงไปกว่า 100 เมตรซะด้วย สถานที่ก็คือ  ”

มาธิอัส อธิบายให้ทั้งคู่ฟังก่อนจะ กดปุ่มบนแป้นควบคุมอีกครั้ง ภาพก็ถูกดึงเข้าไปที่ จุดศูนย์กลาง
ซึ่ง คร่อมอยู่ในอ่าว ของ โลกอส ซึ่งเป็นหาดเปิดให้คนเข้ามาพักผ่อน แบบเสรี

“ จุดที่คลื่นแรงที่สุดก็คือ บริเวณ แนวหินโสโครกห่างจากอ่าวไปประมาณ 500 เมตรคิดว่าแถวนี้น่าจะมีอะไรอยู่บ้างล่ะ  ”
มาธิอัส กล่าว

“ แล้วทำไมเราถึงไม่รู้สึกถึงคลื่นอะไรนั่นเลยล่ะ ทั้งที่พวกมังกรคลุ้มคลั่งกันจะแย่เพราะคลื่นเนี่ย แต่กลับไม่มีใครรู้สึกเลย ”
เรกกะ ถามด้วยความสงสัย

“ คลื่นพลังงานที่ไม่สมดุลนี้น่ะ มันเหมือนกับเปล่งออกมาจากวัตถุ ที่ธาตุของมันไม่คงที่ว่าจะเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ แสงหรือว่าความมืด คลื่นพวกนี้น่ะจะมีพลังกระตุ้นที่อ่อนมาก แต่ว่ามังกรน่ะเป็นสัตว์ที่ไวต่อสิ่งเร้า ทำให้พวกมันรู้สึกได้ถึงคลื่นนี้ ก็เลยเกิดอาละวาดขึ้นน่ะสิ  ”

มาธิอัส อธิบาย ขณะที่ เรกกะ พยายามจะตีความให้ออกเพราะไม่เข้าใจความหมายของ มาธิอัส
R2 เห็นดงนั้นก็เลย อธิบายให้เข้าใจอย่างง่ายๆ

“ สรุปง่ายๆก็คือ พวกมังกรน่ะ ไวต่อคลื่นพวกนี้มาก และคลื่นที่ไม่สมดุลนี้ก็เหมือนกับจะทำให้พวก
รู้ครั่นเนื้อครั่นตัว เหมือนกับถูกกระตุ้นให้รู้สึกหงุดหงิดน่ะ ”
R2 กล่าวจน เรกกะ เข้าใจในที่สุด
“ อืมม…จะว่าไปวันนี้ ทาลูคัส เองก็ดูหงุดหงิดๆกว่าทุกครั้ง แถม ทาลิคนัส ก็หัวเสียเกินกว่าทุกครั้งเลยด้วย
ตั้งแต่กลับมาดูเหมือนทั้ง สองคนจะเพลียมากก็เลย หลับไปแล้วล่ะ ”
เรกกะ กล่าวพลางนึกถึงตอนที่แปลงร่างเป็น ทาลูคัส กับ ทาลิคนัส ซึ่งทั้งสอง
ต่างก็สู้แบบหัวฟัดหัวเหวี่ยงกว่าทุกครั้ง

“ เจ้าบ้า ทาลิคนัส ยังพอว่า แต่นี่กระทั่ง ทาลูคัส ก็เป็นไปด้วยแบบนี้ สงสัยจะไม่ดีแล้วล่ะ ”
R2 กล่าวพลางหันไปมอง เรกกะ ซึ่งประเดี๋ยวต่อมา ทาลิคนัส ก็เข้ามาสิง เรกกะ แทนอย่างที่เธอคาดเอาไว้

“ ทำไมทีกะเจ้า นกเผือก ยังว่าแปลกแต่กับชั้นถึงไม่เห็นหัวเล่า…อ๋อย ”
ทาลิคนัส ตะหวาดขึ้น ก่อนที่จะล้มฟุบลงไปดื้อๆ เรกกะ จึงกลับมาคุมร่างของตัวเองอีกครั้ง

“ ไม่น่าเชื่อเลย แฮะขนาด เจ้าบ้า ทาลิคนัส ยังอ่อนปวกเปียกได้ขนาดนี้ มันไม่ธรรมดาแล้วนะ มาธิอัส ”
R2 กล่าวด้วยความตกตะลึง พลางหันไปค้อนใส่ มาธิอัส ทว่า มาธิอัส กลับเอาแต่นั่ง อมพะนำ อยู่
ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

“ เป็นไปไม่ได้มั้ง…นี่หรือว่าพวกมันคิดจะสร้างไอ้นั่นขึ้นมาจริงๆน่ะ ”
มาธิอัส รำพึงกับตัวเอง ขณะที่ เรกกะ กับ R2 จ้องมาที่เค้า ด้วยความสงสัย

“ ไอ้นั่นที่ว่าน่ะมันอะไรเหรอ ”
R2 ถามขึ้น มาธิอัส ก็ถึงกับตกใจสะดุ้ง เฮือกไปทันที

“ อ…เอ่อมันไม่ใช่อะไรที่สำคัญนักหรอก..ช..ชั้นก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยน่ะ ”
มาธิอัส ออกปากแก้ทันควัน ก่อนจะลุก จากเก้าอี้ แหวกทางทั้งสองคนออก แล้วเดินไปเปิดประตู
อย่างเร่งรีบ ก่อนจะหันกลับมาพูดทิ้งท้าย

“ เดี๋ยวชั้นจะไปดูอาการ นิทินโค หน่อยนะ ”
มาธิอัส กล่าวจบก็ตะบี้ตะบัน ออกไปโดยไม่ฟังเสียงเรียกของ ทั้งสอง
แต่อย่างใด

“ อะไรของเค้านะ ”
R2 บ่นอุบอิบ พลางมองประตูห้องที่ค่อยๆปิดลง

…………………………………
…………………………………….

ณ เกาะที่ไม่ปรากฏในแผนที่

เกาะแห่งนี้ถูกพรางตาด้วย แสงสีรุ้งซึ่งเกิดจากเครื่องยนต์ที่อยู่ใน รูปปั้นปลาวาฬขนาดยักษ์ ที่ตั้งอยู่
บนเกาะแห่งนี้ แสงรุ้งที่เห็นนี้ ถูกแปลงมาจาก อนุภาค อิออน ซึ่งทำให้เกิดคุณสมบัติในการหักเห

แสงจึงทำให้ภายนอกไม่สามารถ มองเข้ามาได้ นี่จึงเป็นระบบ พลางตาด้วยแสงอย่างสมบรูณ์
นอกจากนี้บนเกาะนี้ยังห้อมล้อมไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบรูณ์ มีทั้งป่าเขตร้อน

น้ำตกและธารน้ำ ผาหินที่ยื่นเข้าไปในทะเล และหาดทรายซึ่งเม็ดทรายนั้นเล็กละเอียด
และขาวสะอาด นุ่มราวกับก้อนเมฆบนสวรรค์ ก็มิปาน ที่เกาะนี้มี บังกะโลหลังใหญ่
ตั้งหลบอยู่ชายป่า ใกล้กับหาดทราย

“ ที่จริงแล้วหลังจากรายงานเรื่องที่ โซปราโน่ ไปแล้วฉันคิดว่า…. ”
เอลิซา กล่าวกับสมาชิก ทุกคนบนยาน Albus ที่พักผ่อนกันอยู่ใน ห้อง โถงใหญ่
ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวก และการตกแต่งที่โอ่โถง จากระเบียงหน้าต่างเมื่อ

มองออกไป จะเห็นหาดทรายสีขาวตัดกับทะเลและท้องฟ้าสีครามที่ อยู่ห่างออกไป
ไม่มากนัก


“ เหตุขีปนาวุธ ชีวภาพนั่นน่ะเหรอ ให้ตายสินึกถึงมันทีไหร่ยังชวนขนหัวลุกไม่หาย ”
อีลูมีเซ่ กล่าวพลางแกล้งทำตัวสั่นๆ ให้รู้ว่ากลัว ทำเอา ซาน และ ไรด์ อดที่จะหัวเราะไม่ได้

 “ อีลูมีเซ่ เธอแค่นั่งจิ้มแป้นอยู่บนยานเท่านั้นเองนะ ผู้กล้าตัวจริงน่ะ อยู่นี่ต่างหากเนอะ เฟนท์ ”
ลูลู่ กล่าว ขณะที่วางมือจากหน้าจอ คอมพิวเตอร์พกพา พลางกระชากตัว เฟนท์ ที่นั่งโซฟาอยู่ข้างเธอ
มากอด ยั่วให้ อีลูมีเซ่ อิจฉาเล่น ซึ่งก็ได้ผลทีเดียว เพราะ อีลูมีเซ่ ถึงกับหน้าควันออกหูเลย
ด้าน เฟนท์ เองที่อยู่ๆก็ถูกคว้ามากอดแบบนี้ ก็ถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอายไปด้วย

“ อ…เอ่อ คุณ ลูลู่ ถ้ายังไงปล่อยผมเถอะครับ แบบนี้มันจะ… ”
เฟนท์ กล่าวอึกอักขณะที่พยายามแกะวงแขนของ เธอ ออก


“ แหมทำไมล่ะ เฟนท์ ถ้าบอกว่า ฉันชอบ เฟนท์ ล่ะหืม ”
ลูลู่ กล่าวหยอกๆ แต่ก็ทำเอา อีลูมีเซ่ ที่ได้ยิน เข่าอ่อนด้วยความชอกช้ำเหมือนหัวใจสลาย
ขณะที่ เฟนท์ เองถึงกับลุกลี้ลุกลน ขึ้นมาพลางรีบแกะมือเธอ ออกแล้ว ถอยไปจนสุด เก้าอี้

“ ม….มันไม่ดีมั้งครับ พวกเราเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันนะคร้าบบบ ”
เฟนท์ กล่าวพลางออกมือ สกัดไม่ให้ ลูลู่ เข้ามาใกล้

“ อุบ…ฮะๆๆ ล้อเล่นน่า ล้อเล่น แหมทำเป็นคิดจริงจังไปได้ ”
ลูลู่ กล่าวไปหัวเราะไป พลางโบกมือเป็นนัย ว่าแค่หยอกเล่น เท่านั้น เฟนท์ จึงสงบใจลงได้
ส่วน อีลูมีเซ่ ก็ถึงกับกระโดด เหยงๆด้วยความดีใจ

“ แหม…แต่พอ เฟนท์ บอกว่าเห็นฉันเป็นแค่ เพื่อร่วมงานเนี่ย
 มันรู้สึกเสียดายยังไงไม่รู้สิ…เฟนท์ไม่ชอบฉันตรงไหนเหรอ ”
ลูลู่ กล่าวหยอกอีกครั้ง เพื่อจะแกล้ง อีลูมีเซ่ แต่ก็ทำเอา เฟนท์ อึ้งไปด้วย

“ ค……คือว่าไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบ เอ้ย ไม่ใช่ๆ ยังไงๆซะ ผมกับ คุณ ลูลู่ ก็เอ่อ…
หวา ยังไงๆผมก็คบกับคุณลูลู่ไม่ได้หรอก ขอโทษด้วยนะคร้าบ ”
เฟนท์ กล่าวลุกลี้ลุกลน พลางส่ายหน้าปฏิเสธ เป็นการใหญ่
ด้าน อีลูมีเซ่ เองก็ถึงกับจ้อง เฟนท์ ตาเขม็ง ทำเอา สมาชิกคนอื่นๆ หัวเราะไปตามๆกัน

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #59 on: March 18, 2009, 07:30:01 PM »

“ ฮะๆๆ…ไม่มีประโยชน์หรอก ลูลู่ เจ้า เฟนท์ น่ะนะ
คบกับเพื่อนสาวที่ โรงเรียนอยู่ เฟนท์ เค้าไม่กล้าปลีกตัวหรอก ฮะๆๆ ”
ไรด์ แกล้งหยอกไปบ้าง ทำเอา ลูลู่ เฟนท์ และ อีลูมีเซ่ มีปฏิกิริยา ตามไปด้วย

“ ม...ไม่ใช่นะ…ชั้นกับ ไอ เราแค่…เอ่อ…แค่…เอ่อ จะยังไงก็ช่างเถอะ ชั้นไม่ได้คบ
ใครอยู่ซะหน่อย อย่ามาพูดเอาเองสิ ”
เฟนท์ แก้ตัว ลนซะจนเป็นกระต่ายตื่นตูม

“ นี่ เฟนท์ มีคนที่ชอบอยู่แล้วเหรอเนี่ย แหมเด็กคนนั้น คงน่ารักเลยสินะเนี่ย…ถึงทำให้ เฟนท์ ชอบได้ ”
ลูลู่ กล่าวหยอกไปบ้าง ทำเอา เฟนท์ ถึงกับเครียดหนัก ปฏิเสธ เป็นพลันวัล

“ ว่าแต่แล้ว วันก่อนหลังจากทำแผลแล้ว อยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องพยาบาล
 ไม่ได้ทำอะไรกันต่อแน่เหรอ…. ”
เสียงลากยาว ของ ซาน ดังขึ้นทำเอา ทุกคนพลอยอยากรู้ถึงเหตุการณ์ในส่วนนี้

“ ม…ไม่มีจริงๆนะครับ พี่ วันนั้ ไอ เค้าแค่ มาเฝ้าจนผมฟื้นเท่านั้นเอง..แค่นั้นจริงๆ ”
เฟนท์ พยายามแก้ตัว เหมือนเดิม

“ แน่ใจน้า…ไม่ใช่ว่า ระหว่างหลับอยู่โดนเค้ารักหลับไปหรอกนะ ”
ซาน กล่าวหยอกน้องชายของ ตนอย่างสนุกปากด้าน เฟนท์ เองก็ยังคงปฏิเสธไปเรื่อย
ขณะที่กำลัง หยอกกันไปกันมาอย่างสนุกนั้นเอง เอลิซ่า ที่กล่าวค้างไว้ ก็เริ่มจะเหลืออด ที่ไม่มีใครฟัง
เธอเลย

“ นี่จะเลิกเล่น แล้วช่วยฟังที่ฉันพูดหน่อยได้ไหมมมมมม ”
เอลิซ่า ตะหวาด ขึ้นทำเอาทุกคนเงียบกริบ ก่อนที่เธอจะกระแอ่มไอ เพื่อปรับเสียง

“ เอาล่ะตะกี้ถึงไหนแล้วเนี่ย ”
เอลิซ่า กล่าวพลางนึกทบทวน ถึงเรื่องที่พูดค้างเอาไว้เมื่อครู่

“ ก็หลังจากรายงาน ไปที่ ฮุกีนมูนีน แล้วยังไงต่อเหรอ ”
เอียน ทวนให้ ก่อนที่เธอ จะเริ่มเล่าต่อจากนั้น

“ ก็นะ จากเมื่อกี้ที่ฉันบอกไปน่ะ ตอนนี้ ฮูกีนมูนีน กำลัง ประมวลผลอยู่ ซึ่งจากที่คิดแล้ว ฉันว่า… ”
เอลิซ่า กล่าวพลางส่งสายตา ให้ ลูลู่ ทำในสิ่งที่เธอ ทำอยู่ก่อนจะเริ่มหยอก เฟนท์ ลูลู่
รีบป้อนคำสั่งใส่ คอมฯพกพา ก่อนที่จะหันหน้าจอมา ให้ทุกคนในห้องดู

“ ถึงเวลาที่เราควรจะจัดการกับ มาราดัน กันอย่างจริงจังแล้วนะ ”
เอลิซ่า กล่าวจบ ก็เดินเข้าไปหา ลูลู่ เพื่อจะดู ข้อมูลที่ ลูลู่ นำขึ้นมาแสดง

“ มีการส่งผ่านข้อมูล เกี่ยวกับการก่อการและสถานที่ตั้งของพวกมาราดัน
 เข้ามาใน Open Channel จากทุกประเทศ
เลยค่ะ ตอนนี้ มีข้อมูล ที่ส่งเข้ามาเรื่อยๆอย่างไม่หยุดเลยด้วย ”
ลูลู่ กล่าวขณะที่ จอเครื่อง นั้นมีกรอบข่าวสารเข้ามาขาดสาย อย่างต่อเนื่อง
 ซึ่งล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับ มาราดัน

“ แปลว่า เทอร่า กำลังจะบอกให้เราเคลื่อนไหวอย่างนั้นหรือ ”
เอียน เปร เมื่อได้เห็น ข้อมูลที่เข้ามา ในเครือข่ายเรื่อยๆ

“ ก็นั่นล่ะตอนนี้มันคือสิ่งยืนยันถึงการที่ เทอร่า เริ่มจะรวมเข้าด้วยกันแล้ว ”
อีลูมีเซ่ กล่าวขึ้นด้วยภาคภูมิใจ ที่ในที่สุดผลงานอันเกิดจากการแทรกแซง นับครั้งไม่ถ้วนของพวก
เค้าก็เริ่มส่งผลให้เห็นบ้างแล้ว

“ เมื่อกี้มีการยืนยัน เข้ามาจาก ฮูกีนมูนีน มีคำสั่งให้ออกปฏิบัติการได้แล้ว เป้าหมายคือทำลาย มาราดัน ”
เอมิล กล่าวขณะที่เดิน เข้ามาในห้อง

“ งั้นพอดีเลย แอกซ์เซล กับ อิออนเซเบอร์ ก็เสร็จสมบรูณ์แล้ว จะได้เป็นการทดสอบไปในตัวเลย ”
เอียน กล่าวขึ้นอย่างรื่นเริง ที่ผลงานของตนจะได้ ออกใช้งานแล้ว

“ งั้นสถานที่ เป้าหมายล่ะ ”
เอลิซ่า หันไปถาม เอมิล

“ แนวโขดหินโสโครก ใกล้อ่าว โลกอส ”
เอมิล กล่าวพลางยื่น เอกสารรายละเอียดภารกิจให้ เธอที่เป็น เสนาธิการยาน

…………………
………………………..

ยาน ไซเบอริก้า

“ จะไปที่ แนวโขดหินโสโครก นั่นเหรอ ”
R2 กล่าวถาม เรกกะ เพื่อขอความแน่ใจ ซึ่งเค้า ก็พยักหน้ารับ
ว่าจะไปให้ได้

“ ยังไงก็ต้องไปดูหน่อยล่ะ เพราะจะปล่อยเอาไว้แบบนี้ก็ไม่ได้ซะด้วย
ตอนนี้ แม้แต่แมกกี้เอง ก็พลอยอ่อนแรงไปด้วย  ”
เรกกะ กล่าวพลางชายตามองไปที่ แมกกี้ ซึ่งนอนซม อยู่บนเก้าอี้
ขณะที่ มาธิอัส พึ่งจะเข้ามา

“ ให้ตายสิ ตอนนี้ พวกลูกมังกรที่อยู่ข้าง ล่างพากันฟุบหมดเลยดูเหมือน คลื่นพลังมันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ ”
มาธิอัส กล่าวขณะที่ตรงเข้าไปนั่งหน้าจอมอนิเตอร์ ก่อนจะลงมือ ขับยานเพื่อจะไปยังจุดหมาย

“ นี่ถ้าไปถึงแล้วจะทำยังไงล่ะ สองบุคลิกนั่นก็ยังไม่ฟื้นเลยไม่ใช่เหรอ
คนที่ออกไปได้ก็มีแค่ R2 ที่เป็น ทาลิเลีย เท่านั้นเอง ”
มาธิอัส ถามพลางป้อนพิกัดเป้าหมายก่อนจะให้ เครื่องควบคุมยานไปยังที่หมายเองอัตโนมัติ

“ ก็ไม่รู้สิ…แต่ยังไงก็ต้องไปก่อนล่ะ ”
เรกกะ กล่าวขณะที่ตอนนี้ ในใจของเขา กำลังเรียกหา ทาลิคนัส กับ ทาลูคัส
ทว่าก็ไม่มีการตอบกลับ

“ เออ นี่จริงสิ แล้วบุคลิกที่โผล่ออกมาวันนั้นล่ะ ”
R2 กล่าวขึ้นทันทีที่ ฉุกคิดได้ ทว่าเรกกะ กลับส่ายหน้าตอบ

“ ไม่ไหวลองเรียกดูแล้ว แต่ไม่ตอบมาเลย สงสัยจะอ่อนแรงเหมือนกับ พวก ทาลิคนัส ด้วย ”
เรกกะ กล่าวอย่างหมดหวัง เพราะไม่ว่าเค้าจะพยายามเรียกอย่างไรก็ไม่มี เสียงตอบกลับมาแม้แต่
น้อย

…………….
……………………..

ภายในห้องทดลองของ กลุ่ม มาราดัน ซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องมือ วิจัยต่างๆ ในสถานที่แห่งหนึ่ง
ตอนนี้กำลังเกิดเหตุบางอย่าง จึงทำให้ สมาชิก กลุ่มมาราดัน ถึงกับวิ่งทำงานกันวุ่นวาย

“ ลดอุณหภูมิ ลงเอาให้ถึงจุดเยือกแข็งเลย ”
“คลื่นพลังงาน เข้มข้นมากเลยค่ะ เกือบถึงจุดวิกฤติแล้ว   ”
“ เปิดเครื่องสร้างคลื่นหน่วงกลับ เร่งกำลังเต็มที่ ทำให้มันสงบให้ได้ ”
“ ไม่ไหวครับ เครื่องทำความเย็น ร้อนเกินกว่า จะทำงานได้แล้ว ”

เสียงดังโหวกดหวกขึ้น ขณะที่ ห้องกระจกขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่กลางห้องนั้น อบอวลไปด้วยไอเย็น
บานกระจกกำลังร้าว ทีละน้อยๆ

“ ทำไมกันนะ ตัวอย่างทดลองที่ A73 ถึงได้… ”
ชายในชุดคลุมซึ่งเป็นคนสั่งการเปรยขึ้นอย่างหัวเสีย

“ เพราะเชอร์โนบิอาส ตายไปเลยทำให้คาถาสะกดคลายออกงั้นเหรอ ”
ชายชุดคลุม คิด ซึ้งเค้าคนนี้คือรองหัวหน้าองค์กร มาราดัน ที่นำโดยเชอร์โนบิอาส
ทว่าเมื่อ เชอร์โนบิอาส ตายลงเค้าจึงขึ้นมาเป็นผู้นำแทน

“ ท่านครับ จากหน่วยสังเกตการณ์ รายงานเข้ามาว่ามียานลำหนึ่งบินเข้ามามันปล่อย ละอองอนุภาคแบบที่พวก Valkyrier ของ Empyrean Adjust มีออกมาด้วยครับ ”
ลูกน้องคนหนึ่งเข้ามารายงาน

“ หนอยพวก Empyrean Adjust ทำไมต้องมาเอาตอนนี้ด้วย….ให้สาขา อื่นที่อยู่รอบๆทั้งหมด ส่งกำลังเข้ามาที่นี่
อย่าให้พวกมัน บุกเข้ามาได้  ”
ชายชุดคลุมกล่าว อย่างหัวเสีย

“ ต….แต่ว่า ตอนนี้ สาขาอื่นเองก็ ถูกพวก Empyrean Adjust กลุ่มอื่น บุกทำลายจนย่อยยับ
หมดทุกแห่งแล้วนะครับที่เหลือ อยู่ก็คือสาขา ใหญ่ของเรานี่ล่ะครับ ”
ลูกน้องรายงานจบก็ไม่ทันจะได้ทำอะไรกันต่อ ก็เกิดแรงสะเทือนขึ้น ทำเอาเค้าและสมาชิกคนอื่นๆ
พาล้มระเนระนาด เครื่องไม้เครื่องมือ หกกระจายเต็มพื้น

“ หนอย ไอ้พวก Empyrean Adjust ”
ชายชุดคลุมกล่าวพลางกระชาก ผ้าคลุมออกใบหน้าที่เหยี่ยวย่น และ ร่างกายที่เป็นสีดำ
ซึ่งปล่อย ไอควันสีดำ จากมนต์ดำที่ปล่อยออกมารอบๆกายทำให้ เกิดดวงวิญญาณร้ายสามดวงลอยออกมา
รอบๆตัวเขา

“ อากริปป้า (Agrippa, the Dreadful One)ผู้รับตำแหน่งหัวหน้าคนใหม่แห่งมาราดันคนนี้ล่ะจะจัดการพวกมันเอง ”
ิากริปป้า กล่าวจบ ก็ลุกเดินออกจากห้องไปทันที  พร้อมกับที่บันดาลูกน้องบางส่วนได้กลายร่างเป็น
กริมเทอเรี่ยน(Grim Therion) เดินตามหลังเค้าออกไป




……………
……………….

“ Seraphic Pistol ”
สิ้นเสียง กระสุนลำแสง นับสิบก็ถูกสาด ลงมายังแนวโขดหิน ที่โผล่พ้นน้ำนี้ ขณะที่ บรรดา สมาชิก
ของ มาราดัน ที่ขนอาวุธกันออกมา สวนกลับ พากันถูกกระสุนลำแสงซัดจมทะเลไป

“ แอกซ์เซล นี่มันสะดวกดีเหมือนกันนะ ”
ไรด์ กล่าวขณะที่ ขว้างชูริเคน ออกไปสอย  Gazor แมนเทริก้าดราก้อน ที่ทาสีดำ ร่วงลงไปทีละตัวๆ
ขณะที่เค้า ซ้อนหลังยานยนต์ซึ่งมีลักษณะคล้าย จักรยานยนต์ ทว่ามันสามารถบินบนฟ้าได้

โดยการใช้ประจุอิออน ที่ปล่อยจาก เตาพลังงานซึ่งติดตั้งอยู่ในเครื่อง
โดย ไรด์ ซ้อนหลัง เอมิล ส่วน ซานก็ให้ เฟนท์ ขับและเธอซ็อนหลังเพื่อคอยยิงสนับสนุน ไปแทนคนที่ไม่มีอาวุธซัด

ระยะไกล ก็ให้พวกเค้าขับ ยานยนต์ แอกเซล เอกซ์เซเรราเตอร์(Axel Accelerator)ที่ดัดแปลงด้วยการ ติดตั้งเตาพลังงานอิออน ลงไปซึ่งติดอาวุธ เสริม เพื่อให้ เอมิล และ เฟนท์ ที่ไม่มีอาวุธยิง ได้ใช้จู่โจมแทน



ทันทีที่ ลงถึงพื้น เอมิล กับ เฟนท์ ก็ลงจาก แอกเซล และให้ ซาน กับ ไรด์  ขับกันไป
ส่วนพวกตนก็บุกลงไปยัง ทางลงสู่ ฐานของ มาราดัน ตามแนวโขดหิน

โดย ให้ ซาน กับ ไรด์ ยิงคุ้มกันอยู่ด้านนอกขณะที่ พวกเค้าสองคนลงไปทำลายแกนกลางของฐาน
ทว่าไม่ทันไรหลังจากที่ เฟนท์ กับ เอมิล ลงไป ก็มีลำแสงสีดำ พุ่งระเบิดขึ้นมาจากทางเข้าพร้อมกับที่
 เฟนท์ และ เอมิล สะบักสะบอมออกมา

“ จะกระตุกหนวดเสืองั้นเรอะ ให้มันน้อยๆหน่อย ไอ้องค์กรไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างพวกแกมัน
คนละชั้นกันกับพวกข้าเฟ้ย ”
เสียงของ อากริปป้า ดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัว และ กริมเทอเรี่ยน นับสิบ
จะเดินออกมาจากกลุ่มควันฟุ้งกระจาย

“ หนอย.. ”
ไรด์ ขบฟันด้วยความแค้นใจก่อนจะ ขับ แอกซ์เซล พุ่งเข้าไปพร้อมเล็งยิง
ลำแสง ประจุอิออน จากอาวุธ ของ แอกซ์เซล   ใส่  อากริปป้า ทว่ากระสุนทั้งหมด
ก็ถูกกลุ่มก้อนวิญญาณร้าย

ที่เกิดขึ้นจาก มนต์ดำของ อากริปป้า เข้ามารับการโจมตีแทน ก่อนที่ อากริปป้า จะยิงลำแสง
เวทมนต์สีดำ ออกมาและกวาดลำแสง ไปจนทั่ว ทำให้ระเบิดขึ้นทั้ง แนวโขดหิน
แอกซ์เซล ที่พวกเค้า ขับมาก็ล้มเกย ระเนระนาด และ ถูกเศษหินที่ระเบิดออกมา

พร้อมๆกันทับจนเสียหาย โชคยังดีที่ Valkyrier ทั้งสี่กางเกราะคุ้มกันเอาไว้ได้ แต่พวกเขาก็ต้องประจักษ์
ถึงอำนาจ ของอีกฝ่าย

“ แย่ล่ะสิ ถ้าเราลงไปจัดการที่แกนกลางฐานมันไม่ได้ การโจมตีของพวกเราก็ไม่ รุนแรงพอจะทำลายลงไปถึงฐาน
ที่อยู่ลึกลงไปของพวกมันได้ด้วย ”
เอมิล สบถ ขณะที่ เอาแขนเสื้อเช็ดคราบเลือดที่ปากออก

“ หมอนี่ถ้าจะเล่นด้วยไม่ได้จริงๆแหะ เอาเป็นว่า พร้อมกันเมื่อไหร่… ”
ไรด์ กล่าวขณะที่ กระชับ ชูริเคน ในมือ

“ ก็ให้ใช้ท่าพิฆาตของทุกคน.. ”
ซาน กล่าวพลางยกมือในปืนทั้งสองกระบอกขึ้น ก่อนที่ อนุภาครอบๆที่ปล่อยออกมาจะเริ่มรวมกัน
เป็นก้อนกระสุนรอบๆตัวเธอ


“ กระหน่ำไปพร้อมกันเลย ”
เฟนท์ กล่าวจบ ทุกคนก็ สะสม อนุภาคจนสมบรูณ์

“ Cross Rising ”
สิ้นเสียง ชูริเคน ของ ไรด์ ก็เรืองแสงด้วยอนุภาคที่ บีบรวมตัวกันเข้ามา ก่อนที่
เค้าจะควงมัน เป็นลักษณะกากบาท ซึ่งยังผลให้เกิดคลื่นแสง พุ่งออกไปเป็นลักษณะนั้น

“ Apollo Coffin ”
สิ้นเสียงกระสุนประจุทั้งหมดของ ซาน ก็หมุนวนไปรอบๆเป็นวงกลม ทันทีที่เธอเหนี่ยวไก
กระสุนทั้งหมดก็พุ่งกระแทกพื้นที่รอบๆ ตัวเธอก่อนจะเกิดเป็นวงแหวน เพลิงพุ่งกระจายตัวออกจากจุดวง
แหวนที่ล้อมตัวเธอไว้ออกไปนับสิบ

“ Geo Driver ”
สิ้นเสียง ประจุ อิออน ที่รวบรวมมาไว้ที่ สนับมือของ เฟนท์ ก็ถูกทุบลงไปที่พื้นหิน
เกิดแรงสะเทือนพร้อมกับ แนวหินแยกตัวออกและมีหินงอก พุ่งออกไปเป็นทาง

“ Mirage Explosion ”
สิ้นเสียง อนุภาคทั้งหมดรอบๆตัวของเอมิล ก็จับกลุ่มรวมตัวกันเกิดเป็นร่างแยกของ เอมิล นับสิบ
พุ่งออกไปจู่โจม

การโจมตีทั้งหมดของ Valkyrier ได้พุ่งเป้าไปที่ อากริปป้า ทว่า

“ เหล่าดวงวิญญาณที่สถิตในปฐพีทั้งหลายเอ๋ย จงลุกขึ้นมาเป็น ศาสตราเพื่อสังหารเป็นโล่เพื่อพิทักษ์คุ้มครองข้า Shadow Servant (เงารับใช้) ”
สิ้นคำร่ายเวทย์ อากริปป้า ก็เรียก ดวงวิญญาณออกมาด้วยมนต์ดำและให้พวกมันเข้าสิง กริมเทอเรี่ยน
ร่างของ กริมเทอเรี่ยนที่ถูกสิงก็เปลี่ยนเป็นสีดำเฉกเช่นเงา พวกมันเข้าไปรับการโจมตี แทน อากริปป้า


การโจมตี ที่รุนแรงที่สุดของ เหล่า Valkyrier ไม่อาจเข้าไปถึงตัว อากริปป้า ได้และในท้ายที่สุดแม้ว่า
การโจมตีของพวกเขา จะทำลายพวก กริมเทอเรี่ยนไปได้หมด ทว่าพวกมันก็กลับ ฟื้นคืนชีพ
ขึ้นมาจากเศษซากสีดำ

“ พวกเจ้าไม่มีวันทำอะไร อันเดดเทอเรี่ยน (Undead Therion) พวกนี้ได้หรอก ถึงทำลายไปพวกมันก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาเรื่อยๆ แม้พลังของพวกแกจะเป็นพลังของ เทพก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่พลังที่บริสุทธิ์ไม่มีทางทำอันตรายวิญญาณร้ายนี่ได้หรอก ฮ่าๆๆๆ ”
อากริปป้า กล่าวอย่างมีชัย ขณะที่ เฟนท์ และพรรคพวก นั้นได้ใช้พลังไปจนหมดสิ้น จึงได้แต่
กางเกราะคุ้มกันรับการโจมตีของ กริมเทอเรี่ยนที่กลายเป็นอันเดด เทอเรี่ยน

“ เปลวเพลิงแห่งชีวิตเปลวจิตแห่งความหวัง ข้าแต่ Mar ผู้พิทักษ์ แห่งสุริยาห์ โปรดมอบ เพลิงแห่งปัญญา
ขจัดเงามืดแห่งความเขลาด้วยเถิด ”
เสียงดังขึ้น ก่อนที่ละออง สีแดงจะถูกโปรยลงมาละออง ได้ทำให้ร่างของ พวก อันเดด เทอเรี่ยน ค่อยไหม้สลายไป
และไม่กลับฟื้นคืนชีพ อีก

“ นี่มันวิชาคาถาแบบนี้มัน…ไม่น่าเชื่อใครกัน..ใครเป็นคนร่ายเวทย์เมื่อกี้ออกมานะ ”
อากริปป้า กล่าวด้วยความตกตะลึง กับสิ่งที่เกิดขึ้นพลางมองหา ผู้ที่โปรยละอองนั้นลงมา

“ Great of Dragon ”
สิ้นเสียง หอกซึ่งหุ้มด้วยมังกรพลังงานก็พุ่งลงมา เล่นงาน อากริปป้า ทว่า เค้าก็กันเอาไว้ด้วย กำแพงวิญญาณร้ายที่สร้างขึ้นมา ไม่นาน ทาลิเลีย ซึ่งแบก เรกกะ ที่สวมชุด Dragoon อยู่ ด้วยมือซ้าย ก็ลงมายังเบื้องล่าง

“ Dragoon ”
Valkyrier ทั้งสี่ร้องขึ้นเป็นเสียงเดียวกัน กับการปรากฏตัวขึ้นของ  เรกกะ และ ทาลิเลีย

“ นี่แก เมื่อกี้ใครเป็นคนร่ายคาถานั่นบอกมาเดี๋ยวนี้นะ…คาถานั่นน่ะมัน... ”
อากริปป้า กล่าวถามอย่างออกนอกหน้า ก่อนที่ ทาลิเลีย
จะหันไปมอง

“ ฉันเองล่ะใช่ คาถารูน(Rune) ร่ายด้วยการวิงวอน เทพ ที่ต่างจาก เทพที่สากลโลกกำหนด ทำไมถึงทำได้น่ะเหรอ
เรื่องนั้นไปคิดต่อเอาเองในนรกเถอะ ”
สิ้นเสียง ของ ทาลิเลีย หอกที่พุ่งปักพื้นหินอยู่ ก็ลุกโชนขึ้นด้วยมังกรพลังงาน อีกครั้ง
ก่อนที่พื้น ที่รอบๆนั้นจะระเบิดอย่างรุนแรง จนพื้นหินแตกร้าว และรับน้ำหนักของ อากริปป้า ไม่ไหว
จึงพังทลายลง พร้อมกับที่ ทาลิเลีย ดึงหอกออกมาและแทงมันลงไปบนร่างของ
อากริปป้า พร้อมทั้ง กดให้จมลงไปทะเล ปลิดชีพหัวหน้า องค์กร มาราดัน ไปในที่สุด

“ เรียบร้อยทีนี้ก็… ”
ทาลิเลีย กล่าวทว่า ยังไม่ทันไรก็เกิดแรงสะเทือนขึ้นไปทั่วทั้งโขดหิน
ก่อน ที่แนวหินจะแตกและแยกตัวออกจากกัน

ที่ด้านล่างในฐานทัพของ มาราดัน ห้องกระจกที่ ร้างอยู่ได้ระเบิดออก พร้อมกับ
ไอเย็นที่อยู่ภายในได้ลอยขึ้นสู่ พื้นผิว จนทำให้ อุณหภูมิรอบๆลดลง

ขณะที่ เหล่า Valkyrier และ พวกเรกกะ กำลังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ก็มีบางสิ่งพุ่งขึ้นมาจาก ห้องกระจกที่ระเบิด ไปแล้วขึ้นมาปรากฏเบื้องหน้าพวกเขา

 ไอเย็นรอบๆเริ่มจางหายไปอย่างรวดเร็วทันทีที่ สิ่งนั้นปรากฏขึ้นมา
พร้อมกับที่ตัวทาลิเลีย เริ่มรู้สึก ถึงแรงกดดันของบางสิ่ง ที่ทำให้ตัวเธฮเหมือนกับถูกบีบอัด จนในที่สุดเธอ
ก็ล้มลง อย่างอ่อนแรง

“ ก็าซซซซซซซ ”
เสียงคำราม ดังขึ้นท่ามกลางสายตาตกตะลึง ของ ทุกคนที่อยู่บนโขดหิน

“ นั่นมันอะไรกันน่ะ ”
อีลูมีเซ่ อุทานขึ้นเมื่อเห็นเจ้าสิ่งนั้น จากมอนิเตอร์ของยาน Albus

“ นี่คือสิ่งที่ มาราดัน กำลังทดลองอยู่งั้นเหรอ ”
เอลิซ่า เปรยด้วยความตกตะลึง กับสิ่งที่ปรากฏขึ้น
มังกรขนาดใหญ่ ซึ่งร่างของมัน มีพลังงานของธาตุทั้งหก รวมอยู่ในตัวเดียว

“ เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย พวกมันได้ทฤษฎี การสร้างเจ้าสิ่งนั้นไป…มังกรหกธาตุ อาแมนคริส(Amankris) ”
มาธิอัส รำพึงขณะที่มองจอมอนิเตอร์ซึ่งฉายภาพ มังกรยักษ์ ที่ยืนอยู่เหนือแนวโขดหิน



“ เจ้านี่เองเหรอ ตัวการที่ทำให้เกิดคลื่นพลังงานที่ไม่สมดุล ”
เรกกะ ในคราบ Dragoon กล่าวขึ้นพลางมองร่างอันใหญ่โต ของอ อาแมนคริส ด้วยความตกตะลึง

Logged


Pages: 1 [2] 3 4 ... 6  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.249 seconds with 21 queries.