“ น..นาย ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด เมื่อสองร้อยปีที่แล้วงั้นเหรอ ”
R2 เปรยขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้าภายใต้ การปกปิด ขณะที่ทรายที่เหลือในตอนนี้ได้
ไหลไปรวมกันที่ร่างของ เรกกะ
ก่อนที่ จะซึมหายเข้าไป และแล้วร่างของ เรกกะ ก็เปล่งแสงขึ้นหลังจากที่แสงจางลง สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด
ว่าจะเกิดขึ้น เรกกะ ฟื้นกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง
“ จากนี้ไปขอฝากนายด้วย.. ”
ลอว์เรนซ์ วัยผู้ใหญ่กล่าว ก่อนจะสลายหายไปในอากาศธาตุ
“ R2 เธอคิดเหรอว่า การทำให้ความปรารถนานั้นสมปรารถนาทั้งหมด คือสิ่งที่ถูกต้อง ”
เรกกะ ถามขึ้นด้วยสายตาที่จ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ
“ ที่จริงเรื่องพวกนั้นน่ะไม่ใช่สิ่งที่ฉันพะวงหรอก นี่นายเห็นฉันเป็นคนดีขนาดนั้นรึไง ”
R2 ย้อนซึ่ง เรกกะ ก็ยิ้มขึ้นมาโดยไม่มีความนัยใดๆแฝงไว้เค้าเพียงแค่ยิ้มขึ้นมา ด้วยความรู้สึกราวกับมีความหวังผุดขึ้นมาในใจ
“ งั้นความปรารถนาของเธอล่ะ บอกมันมาสิชั้นจะเป็นคนทำให้มันเป็นจริงเอง ”
เรกกะ กล่าว คำพูดของเค้าทำให้ R2 รู้สึกแปลกใจเป็นอันมาก อยู่ในในของเธอก็เสมือนเกิดช่องว่างขึ้นราวกับ
หัวใจที่มืดดำนั้น ได้มีแสงสว่างส่องลงมา
“ อย่างนายจะมารู้อะไร..ชั้นน่ะ ”
R2 กล่าวพลางเบือนหน้าหนี
“ ชั้นรู้..รู้ว่าเธอทรมานกับชีวิตอมตะจากการเป็นผนึกแห่ง อัลคารากอนใช่ไหมล่ะ ”
เรกกะ กล่าว
“ นาย..นายรู้งั้นเหรอ ”
R2 เปรยด้วยความแปลกใจ
“ อืมตอนที่ชั้นได้เห็นแสงจาก วงแหวนแห่งกาลเวลา ในนั้นชั้นได้เห็นความทรงจำของเธอ
หลังจากากรต่อสู้กับ อัลคารากอน เมื่อครึ่งสหศวรรษ ที่แล้วเพราะเธอไม่อาจทำลายพลังของ
อัลคารากอน ลงได้ทั้งหมดเธอจึงต้องผนึกมันไว้ในตัวเอง และนั่นก็ทำให้เธอได้รับชีวิตที่เป็นอมตะ ”
เรกกะ กล่าวขณะที่ ใจของเธอนั้นเริ่มโน้มน้าวเข้าหาเค้าไปทุกขณะ
“ ถ้าเธอไม่อยากจะอยู่อีกต่อไปถ้าเธออยากจะตายล่ะก็ มากับชั้นสิ..ชั้นจะให้เธอได้ตายด้วยรอยยิ้ม..ชั้นสัญญา ”
เรกกะ กล่าววินาที นั้นเกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ ท่ามกลางเสี้ยววินาทีแห่งการตัดสินใจนี้
“ ทั้งพี่แล้วเธอไม่มีใครพูดว่า เรกกะ เป็น Dragoon เรกกะนายไม่ได้ทำทุกอย่างเพื่อตัวเองสินะ ”
เฟนท์ คิดในตอนนี้เค้าเริ่มจะเข้าใจ ในตัว เรกกะ ขึ้นมาบ้างแล้ว
“ เรกกะ..ช..ช่วย...ช่วยฉันด้วย ”
R2 ที่ตอนแรกกล่าวออกมาด้วยความลังเล ก่อนจะตัดสินใจตะโกนออกมาพร้อมกับ
พยายามจะสลัดตัวออกห่างจาก มุรามาซะ
“ นี่เจ้าคิดจะเชื่อ คนอื่นอีกงั้นเหรอ พวกมันทุกคนก็แค่เสแสร้ง มันหลอกเจ้า ไม่มีใครพูดความจริงกับเจ้านอกจาก
ข้านะ.. ”
มุรามาซะ โวยวายพร้อมกับจะตามเข้าไป เอาตัว R2 กลับมา ทว่า เฟนท์ ก็เข้ามาขวางไว้
โดยที่ตอนนี้เค้าสวมชุดของ Valkyrier เอาไว้ก่อนแล้ว
“ คนที่โกหกก็คือแกไม่ใช่รึไง...แกต้องการเพียงแค่ รหัสพลังของ เธอเท่านั้นแกสนแต่แผนของแกเท่านั้น
โลกที่แกหวังไว้มันก็เป็นโลกที่อยู่ในอุดมคติของแกเท่านั้น ”
เรกกะ กล่าวตอนนี้เขาและพรรคพวกเลือกที่จะปฏิเสธโลกหลัง คาทราสโทฟี และเลือกความเป็นจริง
เลือกที่จะให้เวลาเดินต่อไป
“ แล้วพวกแกจะต้องเสียใจ ไม่มีใครมาหยุดแผนการของข้าได้ ”
มุรามาซะ กล่าวจบก็แผ่คลื่นความกลัวออกมาอีกครั้ง
“ ลืมไปแล้วหรือไง ถ้าแกเป็นทาลิวิลย่า ฝ่ายเราเองก็เป็นทาลิวิลย่า ถึงสามคนทำไมจะเอาชนะแกไม่ได้ ”
เรกกะ กล่าวก่อนที่ โล่มิคาเอล ที่ลอยเคว้งอยู่จะพุ่งเข้ามาสวมที่มือของเค้า
“ พูดได้ดีนี่ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่เดินเข้ามาสมทบพร้อมทั้งคว้าเอา ดาบมาคายาเดีย และดาบ ใหม่อีกเล่มติดมือมา
ขณะที่ อาแมนคริส คำรามเสียงกึกก้อง คลื่นพลังที่มันแผ่ออกมาทำให้พลังแห่งที่สถิตอยู่ใน อิออน
อันเป็นพลังแห่งเทพ เกิดแปรปรวนและสลายหายไป
“ อ๊ะ..พวกเราขยับได้แล้ว ”
เรโค่ กล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ พอประจุพวกนั้นสลายพลังเวทย์ของพวกเราก็กลับมาแล้วสินะ ”
อิจิกิ กล่าวขึ้นมาหลังจาก ที่ฟื้นจากอาการอ่อนเพลียเพราะการถูกสลายพลังเวทย์ในตัว
“ ถึงเวลาเอาคืนแล้ว ”
เซโร่ กล่าวพร้อมกับหักนิ้วไปมา
“ ที่ควาามปรารถนาของมนุษย์นั้นไม่สมหวังทั้งหมด ก็เพื่อให้เหลือความปรารถนา ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
ดังนั้นมนุษย์ถึงแสวงหาเส้นทางไปสู่อนาคต ไปสู่วันพรุ่งนี้.. ”
เรกกะ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“ แต่เพราะมนุษย์แสวงหาสิ่งต่างๆเพื่อให้สมปรารถนาไม่ใช่รึไง ถึงได้เกิดความขัดแย้ง
เกิดสงครามเพราะมนุษย์ไม่เปิดใจซึ่งกันและกัน แต่พร้อมจะสวมหน้ากาก แล้วแสวงหา
ปฎิธานของตนโดยไม่สนสิ่งต่างๆ ”
มุรามาซะ กล่าว
“ แต่ถึงยังงั้นแกก็ไม่มีสิทธิที่จะ ไปลบความปราถนาแล้วบอกว่าสมหวังได้หรอก ” “ Royal Form ”
เรกกะ กล่าวจบ โล่ก็เปล่งแสงขึ้น ดวงตาซ้ายของเค้า นั้นปรับเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ
จนครบทั้งหกสี และแล้วร่างของ เรกกะ ก็เปลี่ยนเป็น อัศวินมังกรกายประดับด้วยเกราะทองคำ
ขาว ปีกทั้งสองนั้นสยายออกปกคลุมด้วยขนวิหกแบบทูตสวรรค์ (Thaliwilya)
“ อนาคตนั้นคือสิ่งที่เราต้องกำหนดมันด้วยตัวเอง และสิ่งที่จะฟ่าฟันขวากหนาม
ที่ชื่ออุปสรรค์ก็คือความกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า และ )ฎิธานต่อ ความปราถนาของตน ” “ Grand Form ”
สิ้นคำ ลอว์เรนซ์ ดาบมาคาเดียก็เปล่งแสงขึ้น ไพ่ทั้งหกธาตุที่เค้าเก็บไว้ในกระเป๋าได้
ลอยออกมาและหลมอรวมเข้ากับดาบ ก่อนจะเปล่งแสงเจิดจรัส และเปลี่ยนร่างของเค้าเป็น
อัศวินมังกรกายสีน้ำตาลทอง ปีกสองข้างปกคลุมด้วยเกล็ดอันแข็งแกร่ง (Thaliwilya, the God of Dragoon)
“ Ava-Trans ”
สิ้นเสียง เฟนท์ ก็เปลี่ยนร่างเป็น เจอรัลดีน ก่อนจะประกอบพลองให้เป็นพลองยาว
“ Thalilea Entry ”
สิ้นเสียง R2 ก็เปลี่ยนร่างกลายเป็น อัศวินมังกร ทาลิเลีย
“ เราไม่ขอเลือกทางที่สมปราถนาแต่ขอเลือกทางที่เป็นไปได้ ”
เรกกะ ประกาศเสียงกร้าว ก่อนที่จะเกิดหลุมมิติขึ้นรอบๆ และแล้วมังกรทั้งหกธาตุของ อาริมาเทีย
ที่เป็นของ เรกกะ กับของเมอริเซีย ที่เป็นของ ลอว์เรนซ์ได้ปรากฏตัวขึ้นในร่าง เต็มวัย
ก่อนที่ แสงหกสีจะพุ่งออกจากร่างของพวกเค้าทั้งสอง ซึ่งแสงแต่สีก็เข้าไปหามังกรตามสีธาตุสังกัด และไม่นานก็เปลี่ยนพวกมันเป็น อัศวินทาลิวิลย่า ทั้งหกที่พวกตนเคยแปลงมา
“ เบิกโรงนางเอก Show off ”
ทาลิควอส เปรย หลังจากมองดูร่างของตน ที่ได้เป็นอิสระจากร่างของ เรกกะ
โดยอาศัยการสิงร่างของ เหล่ามังกรแทนร่างเนื้อ
“ องค์ชายเสด็จแล้ว ช่างเป็นการรวมตัวกันที่งดงาม ”
ทาลูคัส กล่าวอย่างชื่นชม
“ ทีนี้ล่ะเจ้าได้ร้องไห้แน่ ความแข็งแกร่งของข้าแม้แต่เด็กยังต้องร้อง ”
ทาโซรอส กล่าวจบก็บิดคอเหมือนทุกครั้ง
“ ชะตานายขาดแล้วน้าจะจ่ายหรือไม่จ่ายเอ่ย แต่ถึงจ่ายก็ขอกำจัดอยู่ดีน่ะแหล่ะ ”
ทาไนซ กล่าวพลางหมุนไปรอบๆด้วยท่าทีร่าเริงแบบเด็กๆ
“ ต้องขอโทษด้วย แต่คงให้ทำตามใจชอบไม่ได้หรอกนะ ”
ทาเวนทอส กล่าวพลางโค้งขอขมากับ มุรามาซะ แต่ก็มาโดน ทาลิคนัส กระชากกลับมาเข้ากลุ่ม
“ เฮ้ยไปขอโทษมันทำเล่าอ่อเกือบลืม..โอเระ ทันโจว มันแปลว่าพระเอกมาแล้ว ”
ทาลิคนัส ตะคอกใส่ ทาเวนทอส เล็กน้อยก่อนจะกวาดมือพลางกล่าวประโยคจำตัว
ทางด้าน อัศวินทาลิวิลย่าแห่งเมอริเซียก็มีปฏิกิริยา ไม่แพ้กัน
“ ว้าวๆ นี่ฉันได้กลายเป็น ทาลิวิลย่า จริงๆเหรอเนี่ย ”
วิล มังกรวายุของ ลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาเวนทอส กล่าวอย่างลิงโลด
“ อย่างกับฝันไปแน่ะ ”
ไลท์ มังกรแสง ของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาลูคัส กล่าว
“ ที่นี้ล่ะจะได้ลุยให้เต็มที่เลย ”
ไฟร์ มังกรเพลิง ของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาลิคนัส กล่าว
“ เยี่ยมเลย ชั้นล่ะ เท่ห์ซะจริงพับผ่าสิ ”
อควา มังกรวารี ของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาลิควอส กล่าว
“ ได้เป็น ทาลิวิลย่า แบบนี้มันรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้แหะ ”
เอิธท์ มังกรพสธา ของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาโซรอส กล่าว
“ ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเรามี ทาลิวิลย่า 12+3 รวมเป็น 15 ตัว กำลังรบเราสูงกว่าอีกฝ่าย 15เท่าตัวแล้วนะ ”
ดาร์ค มังกรดำ ของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้อยู่ในร่างของ ทาไนซ กล่าว
“ ไม่ใช่แค่15ซะหน่อย ดาร์ค อย่าลืมสิ ชินเซเบอร์ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็โยนดาบ ที่มีลักษณะคล้ายกับโกรอทพลาม่าขึ้นไป
ก่อนที่มันจะเปลี่ยนรูปร่างและขยายขนาดขึ้นกลายเป็น โกรอทพลามาทอส ตัวเป็นๆ
“ เฮ้ๆลืมพวกเราแบบนี้ก็แย่สิ ”
เซโร่ กล่าวขณะที่พวกเค้าทั้งสามคนเข้ามาร่วมวงด้วยพร้อมกัน บัดนี้
ขุมกำลังของพวกเค้านั้นราวกับ กองทัพอัศวินมังกรเลยทีเดียว
“ หนอย..พวกแก ”
มุรามาซะ สบถก่อนจะพุ่งเข้าไปหา เรกกะ
“ Shining Finger ” (ดรรชนีส่องประกาย)
สิ้นคำ มือซ้ายของ เรกกะ ก็ส่องประกายขึ้นก่อน ที่จะจับ มุรามาซะ เหวี่ยงออกไปได้อย่างสบายๆ
“ เลิกเล่นกันแค่นี้ล่ะ..ทุกคน ”
เรกกะ กล่าวจบ ทุกคนก็พร้อมที่จะปล่อยท่าพิฆาตของตนออกมา
“ หอกของข้าคือหอกที่จะทะลวงไปถึงสววค์ ” “ Photon Lancer”
เฟนท์ ก่อนที่เสียงจะกังวานออกมาจาก พลองในเวลาเดียวกัน ละออง อนุภาค อิออน ที่สร้างออกมารอบๆตัว
ก็ถูกรวมบีบอัดจนกลายเป็นมวลพลังงาน ลูกใหญ่
“ วิหกเทพ ศาสตรามลายสูญ ”
สิ้นคำ เซโร่ เรโค่ และ อิจิกิ ก็ร่ายเวทย์สร้างชุดเกราะขึ้นมาด้วยพลังของตน เซโร่
นั้นสวมเกราะพญาหงที่ทำขึ้นจากน้ำแข็ง อิจิกิ คือเกราะวิหกเพลิงซึ่งใช้อัคคีแทนอาภรณ์ห่อหุ้มร่าง ส่วน
เรโค่ สวมเกราะจ้าวแห่งแร้ง ซึ่งทำด้วยเหล็กกล้า ปีกเป็นดาบขนาดใหญ่ข้างละ5เล่ม
“ Great of Dragon ”
สิ้นคำของ ลอว์เรนซ์ ดาบมาคายาเดียก็เปล่งแสงขึ้นก่อนที่เค้าจะตวัดมันออกไป
ลำแสงได้พุ่งออกจาคมดาบและเปลี่ยนรูปกลายเป็นมังกรพลังงาน พุ่งเข้ากระแทกร่างของ มุรามาซะ จนกระเด็นไป
กระแททับ แท่นหินที่ดาบเคยปักอยู่แตกพังลงไป
“ อ๊าคคคคคคค ” “ Muramasa Strike Soul ”
มุรามาซะ คำรามขึ้นก่อนที่ร่างของมันจะ เกิดไอควัน ขึ้นปกคลุมร่างและ
ขยายขนาดพร้อมกับเปลี่ยนแปลงรูปร่างของตัวมันเองจนมีขนาดใหญ่
พอๆกับมังกรระดับสูง มันยืนด้วยสี่ขา ชิ้นส่วนเกราะถูกดีดหายออกไป เผยร่าง
เนื้อที่เต็มไปด้วยอักขระ แบบเดียวกับที่ R2 เคยแสดงให้มันปรากฏขึ้นบนร่าง
เสียงคำรามของมันดังกึกก้องปานสัตว์ร้าย ปีกที่หลังงอกเพิ่มออกมาเป็น 4 ปีก
ดวงตาของมันไร้ซึ่งแววตาแห่งชีวิต ราวกับหุ่นเชิด
“ ข้าคือ มุรามาซะสไตร์โซล ”
เจ้ามังกรร้ายคำรามก่อนที่มัน สร้างหลุมดำที่กลืนกินทุกอย่างขึ้นมา ตรงหน้า
“ Geo Javalin Hyper!!!! ”
สิ้นเสียง เฟนท์ ที่สะสมพลังงานจนเต็มเปี่ยมแล้วก็ขว้างพลองออกไป พลองได้ทะลุอาบแสงจากมวลพลังงาน
และพุ่งออกไปดังหอกลำแสง ทันทีที่กระแทกเข้ากับหลุมดำ นั้นมันก็แตกสลายไปพร้อมๆกัน
และก่อนที่ มุรามาซะสไตร์โซล จะได้ทันทำอะไรต่อ ร่างของมันก็ถูกตรึงเอาไว้ ด้วยดาบนับสิบเล่มที่พุ่งลงมา
ซึ่งมันคือปีกของเกราะที่ เรโค่ สวม ก่อนที่จะแช่แข็งซ้ำด้วย ไอเย็นที่แผ่ออกมาจาก ปีกเกราะของ เซโร่
และปิดล้อมทางหนีด้วยวังวนอัคคีของ อิจิกิ
“ Great of Dragon G.O.D. ”
เรกกะ ตะโกนออกมาก่อนที่ อัศวินมังกรทั้งหมดจะสร้างลำแสงมังกรของตนและยิงส่งไปที่ มุรามาซะสไตร์โซล
ขณะที่ อาแมนคริส และ โกรอทพลามาทอส ก็ร่วมส่งการจู่โจม ของพวกมันเข้าไปเสริมด้วย
การโจมตีทั้งหมดหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว จนกลายเป็นลำแสงมังกรขนาดใหญ่ พุ่งเข้าชนร่างของ
มุรามาซะสไตร์โซล
“ แล้วพวกแกคิดรึว่าจะหยุด คาทราสโทฟี ได้ ตอนนี้มันเริ่มทำงานไปแล้ว
ถึงข้าจะถูกทำลายพวกแกก็หยุดมันไม่ได้หรอก.. ”
มุรามาซะ สบถขณะที่กำลังสูญสลายไปจากการถูก เผาผลาญอยู่ในลำแสงมังกรอันทรงอานุภาพ
“ นี่แกลืมไปแล้วเหรอ..รหัสของ R2 น่ะยังไม่ได้ถูกใช้ซะหน่อย.. ”
เรกกะ กล่าว ขึ้นมาเพื่อย้ำให้อีกฝ่ายคำนึงถึงสิ่งที่พลาดไป
“ น..นี่หรือว่าแก...R2 นี่เจ้า ”
มุรามาซะ สบถขณะที่ลำแสงมังกรนั้นได้สลายไปแล้วและร่างของมันก็เริ่ม จะสูญสลายตามไป
“ ขอบใจนะ R2 ที่เธอยอมเชื่อใจผมจนถึงที่สุด ”
เรกกะ กล่าวก่อนจะคืนร่างกลับ บัดนี้ที่ดวงตาซ้ายของเค้านั้นเรืองแสงอยู่ตลอดเวลา
ก็ปรากฏขึ้นเป็นสัญลักษณ์ คล้ายกับปีก ที่แก้วตาขวา และในขณะเดียวกัน ลอว์เรนซ์
และอัศวินมังกรตนอื่นๆก็กลับคืนร่างเดิม ไปพร้อมๆกัน รวมถึงทุกคนที่ใช้พลังจนถึงขีดสุดแล้ว
“ Genesis แห่งการเอาชนะทุกสิ่ง..นี่เจ้ามอบรหัสให้มันไปแล้วงั้นหรือ ”
มุรามาซะ สบถขณะที่ร่างของมันเริ่มประคับประคองไม่อยู่อีกแล้ว
“ เสียใจด้วยนะ..เธอมอบมันมาให้ชั้นต้องแต่แรกแล้วตั้งแต่วันที่เราได้พบกัน วันนั้นที่ดวงตาข้างนี้ตื่นขึ้น ”
เรกกะ กล่าวพร้อมกับ เอามือขึ้นมาเบิกตาซ้ายให้ เห็นชัดจะๆตาของ มุรามาซะ
“ ในนามของ ข้า เรกกะ ไฮเดย์ ขอบัญชา จงหายไปซะ ”
ทันทีที่คำสั่งของ เรกกะ ออกไปนั้นดวงตาขวาก็เปล่งแสงสีแดงวาบออกมา ก่อนที่ จะปรากฏ
สัญลักษณ ปีกแบบเดียวกับที่ดวงตาของเค้า ขึ้นเหนือฟากฟ้า เกลียวเสาด้านหลัง ก็เริ่มถล่มลงมา
เกิดแรงสั่นไหวขึ้นรอบๆสถานที่แห่งนี้ขณะที่ตอนนี้โลกภายนอก นั้นมหาพิบัตค่อยๆ สลายตัวลงอย่างรวดเร็ว
..............
“ อ..อะไรกันเนี่ย ”
สุซาคุ และ เฟรเซีย ที่บังคับ โมบิลเกเซอร์ ของตนคอยหาช่วงจู่โจม อัลคารากอน
เปรยขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะ เมื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อ ร่างของ อัลคารากอน ค่อยสลายหายไป
“ มันกำลังจะหายไปแล้ว ”
เฟรเซีย เปรยอย่างไม่อยากเชื่อสิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเธอ
“ พวก เซโร่ ทำสำเร็จแล้วสินะ ”
ลูเทเซีย เปรยกับตัวเอง ขณะที่ที่ ทั้งห้องบังคับการและในสนามรบต่าง
กึกก้องไปด้วย เสียงโห่ร้องแห่งชัยชนะ
...........
หอบังคับการทหารสูงสุด โลกอส
“ สำเร็จ..ในที่สุดเราก็ทำสำเร็จแล้ว ”
มาเรียลูส เปรยด้วยความรู้สึกที่ตัวเธอนั้นไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
ในช่วงเวลาแห่งชัยชนะที่พวกเค้า สามารถจัดการกับ วิกฤติของโลกลงไปได้นี้
ในตอนนี้ เมฆทมิฬที่ปกคลุมท้องฟ้าได้สลายตัวไปพร้อมกับที่แสง ตะวันซึ่งไม่ได้
สาดส่องลงมายังเบื้องล่าง นานนับสัปดาห์ก็ได้เฉิดฉาย แสงราวกับจะมอบความหวัง
อันใหม่ให้แก่พวกเขา
..................
“ หากพวกเจ้าปฏิเสธโลกของข้า มันก็จะกลายเป็นโลกของ อานิม่า ที่ความดี
และความชั่วนั้นเป็นเพียงคนละหน้าของกระดาษแผ่นเดียวกัน ”
มุรามาซะ สบถขณะ ที่คลานมาทั้งสภาพที่ทรุดโทรม ซึ่งตอนนี้ร่างของมัน กลับคืนจากากรเป็น สไตร์โซลแล้ว
มันคลานมาจนถึงตัวของ เรกกะ ก่อนจะเค้นแรงเฮือกสุดท้าย บีบคอของเค้าเอาไว้
“ ถึงยังงั้นโลกในอุดมคติของแก มันก็ไม่ได้ดีไปกว่าที่เป็นอยู่นี่หรอก หายไปซะ ”
เรกกะ กล่าวจบ มุรามาซธ ก็ถูกแสงที่เปล่งออกมาจาก ดวงตาขวา ก่อนที่มันจะ ปล่อยมือแล้วลงไปดิ้น
ทุรนทุราย ราวกับถูกไฟนรกแผดเผา ก่อนจะสลายหายไปในที่สุด
.................
........................
“ และแล้วก็เป็นไปตามคำทำนาย ทูตสวรรค์ 7 องค์ แตรสวรรค์ 7คัน
อัศวินมังกร 7 ตนจากทวีปและอีก 7 ตนจากอีกทวีป จากนั้นกระถางไฟทองคำ ก็คือคาทราสโทฟี ”
โครโน่ เปรยขณะที่ นั่งอยู่บนเก้าอี้บัลลังค์ ในห้องเดิมของเค้ากับ ฮายาเตะ โดยมองดูเหตุการณ์ผ่านจอภาพ
รอบห้องที่ปรากฏอยู่เต็มไปหมดในตอนนี้
“ ขอบใจพวกแกมากเลยนะ เพราะพวกแกแท้ๆ แรคนารอค ของชั้นก็จะได้เดินหน้าต่อไปซักที...เนอะ ”
โครโน่ เปรยจบก็เบือนสายตาไปมอง เงาของบุคคนอีกองนอกจากพวกเค้าที่อยู่ในห้องนี้
..............
.....................
“ แล้วจากนี้ไปพวกนายจะเอายังไงต่อล่ะ ”
R2 หันมาถาม เรกกะ กับ เฟนท์ ก่อนที่ืั้ทั้งสอง จะหันมามองหน้าซึ่งกันและกันด้วยสายตาที่ระแวงทั้งคู่
“ นั่นสิเรื่องของพี่ ชั้นพอจะเข้าใจแต่ เรกกะ เป็นคนฆ่า ไอ ”
เฟนท์ กล่าวพลางทำตาขวางใส่
“ แล้วยังไง....คำตอบของนายน่ะ ”
เรกกะ สบถ ขณธที่ R2 และคนอื่นๆได้แต่จ้องมองลุ้นไปกับคำตอบของทั้งสอง
.................
.........................
1 เดือน ต่อมา
หลังจากความขัดแย้งต่างๆที่เกิดขึ้นเพราะการแทรกแซงของ Empyrean Adjust ตอนนี้
สหพันโลก ได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาด้วยการยื่นเรื่องเสนอร่วมกัน ของ โลกอส และ บริทเทเนอร์
ได้ร่วมครึ่งเดือน แล้วที่ผ่านมา ต่างก็ได้รับการตอบรับจาก
ประเทศต่างๆที่เข้ามาเป็นสมาชิก ลงนามร่วมสนธิสัญญา เป็นพันธมิตร เพื่อสร้างสันติขึ้น
แต่ว่าในตอนนี้บรรดา ประเทศสมาชิกบางส่วนของ ประชาคมโลก หรือสภามังกรนภากาศ
นั้นยังไม่เห็นด้วยที่จะเข้าร่วมการ
จัดตั้งสนธิสัญญาฉบับใหม่นี้ อีกทั้งบางประเทศนั้น ได้ยื่นคำค้านที่จะจัดตั้ง
สหพันโลกขึ้น หากจะให้ชาวเมอริเซีย ที่ไม่มี ตัวแทนผู้นำ ของประเทศตนหรืออาณานิคมเข้าร่วม
การมอบสิทธิต่างๆให้แก่ชาวเมอริเซียจึงยัง ไม่เป็นที่ยอมรับในการเข้าร่วมสนธิสัญญาครั้งนี้
“ นี่คือรายงานด่วนที่เข้ามาล่าสุดนะคะ ในวันนี้ ประธานสภามังกรนภากาศ หรือ สหประชาคมโลก จะออกมาให้แถลงการณ์ ค่ะคาดว่านี่อาจเป็นเรื่องที่จะพูดถึงการจัดตั้ง สหพันโลก ก็ได้ค่ะ อ้ะออกมาแล้ว ประธานสูงสุดแห่งสภามังกรนภากาศ อันเป็นองคประธานสูงสุดของ เทอร่า เลยก็ว่าได้ค่ะ..หะ ”
เสียงรายงานข่าว และภาพที่แพร่กระจายไปทั่วทั้งเทอร่าตอนนี้ ซึ่งออกอากาศสดตรงมาจาก
หอคอยแห่งนภา ซึ่งตั้งอยู่ ในเขต คาบสมุทรกลางของ เทอร่า ภาพออกกอากาศ ที่ถ่ายทอดออกมาจาก
ห้องประชุม ซึ่งบรรดา คณะบริหารและสมาชิกขั้วอำนาจต่างๆในเทอร่า ทั้งหมด
ที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งสหพันโลกได้มาร่วมประชุม กันในวันนี้ เพื่อรับข้อมูลจากองค์ประธานสูงสุด
“ และแล้วตอนนี้ ประธานสูงสุดก็มาถึงแล้วค่ะ...เอ๋ ”
เสียงรายงานข่าวดังขึ้นก่อน ที่ผู้บรรยายจะต้องร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ หา..เหลือเชื่อ ”
โคเว็ท กับ มิมิ อุทานขึ้นพร้อมกันตอนนี้ดูรายงานข่าว ผ่าน เครื่องรับสัญญาณ ในห้องชมรมของ พวกเธอ
ที่ตอนนี้ พวก ชารี่ ก็อยู่กับพวกเธอด้วย
“ ไม่จริง.. ”
มาเรียลูส และ ลูเทเซีย อุทานขึ้นแทบจะพร้อมกัน ภายในห้องประชุมกลางของ สภาสูง โลกอส ที่ใช้
เป็น ที่ประชุม ระเบียบการของ สหพันโลก ความประหลาดใจนี้ไม่แค่เฉพาะ พวกเค้า แต่บรรดาผู้คน
ทั่วทั้งเทอร่า ต่างก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นมาแทน ประธานสูงสุด ได้เดิน เข้ามา
นั่งลงตรงเก้าอี้ ซึ่งยกสูง
จากพื้น เล็กน้อย อันเป็นเก้าอี้ประธานสูงสุดของ สหประชาคมโลก เป็นดั่งตำแหน่งที่คุมบังเหียนโลกไว้
“ เราคือ องประธานสูงสุด แห่งสหประชาคมโลก ลำดับที่ 99 เรกกะ ไฮเดย์ ”
สิ้นคำของ เรกกะ ซึ่งปิดตาขวาด้วยเศษหน้ากากติดเลนดวงตา ปรากฏตัวขึ้นต่อ
สายตาตกตะลึงของทุกคนทั่วโลกที่กำลังจับตาดูการออกอากาศนี้อยู่
“ น..นี่..แกเป็นใครทำไมถึงไปนั่งตรงนั้น แล้วประธาน ของเราล่ะประธานตัวจริงน่ะ ”
สมาชิกผู้บริหารคนหนึ่งค้านขึ้น ก่อนที่จะต้องเงียบไปเพราะ องค์ประธานสูงสุดคนก่อน
นั้นได้เดินเข้ามา และส่งมอบตราตำแหน่งให้กับ เรกกะ
“ เท่านี้พอจะยืนยันได้หริอยังล่ะ องค์ประธานสูงสุดได้ สละบัลลังค์ให้ฉันแล้ว ”
เรกกะ กล่าวเสียงเรียบ ซึ่งดวงตาของประธานสูงสุดตัวจริงนั้น มีสัญลักษณ์ ปีกแบบเดียวกับที่ดวงตาขวาของเค้ามี
“ หนอย.. เพ้อเจ้ออะไรของแก ..แกทำอะไรกับประธานบอกมานะ ทหารจับมันไว้ ”
สมาชิกผู้บริหารอีกคน กล่าวแย้งขึ้นก่อนจะให้พวก ทหารรักษาการกรูกันเข้ามา
ล้อมเค้าด้วย หอกไฟฟ้า ทว่าก่อนที่ หอกจะทันเข้าถึงตัวเค้า เฟนท์ ก็กระโดลงมาจาก เพดานห้องด้านบน
และหมุนตัวเตะ ปลายหอกจนหักวสะบั้นในทีเดียวด้วยพลัง สมิงของเค้า
“ ขอแนะนำให้รู้จักนี่คือ องครักษ์ มือขวาของเรา เฟนท์ นีโอเวล ”
เรกกะ กล่าวขณธที่ เฟนท์ ลุกขึ้นมายืนเคียงข้างเค้า อย่างจงรักภักดี
ซึ่งในดวงตาของเค้านั้นหาได้มี สัญลักษณ์ของ Genesis ที่ เรกกะ ใช้กับเค้าไม่
ดังนั้นนี่จึงเป็นความตั้งใจจริงของเค้าอย่างแน่นอน
“ เอาล่ะเพื่อให้เรื่องมันง่ายขึ้น... ”
เรกกะ กล่าวจบก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับ ถอดหน้ากากที่ตาขวาออก
เผยให้เห็นดวงตาที่มีสัญลักษณ์ปีกนก สองปีกทอประกายอยู่ในดวงตา
“ ในนามของข้า เรกกะ ไฮเดย์ พวกเจ้าจงเชื่อฟังเราซะ ”
สิ้นคำ ดวงตาขวาก็เปล่งแสงขึ้น ทันทีที่เหล่าผู้เข้าประชุมในห้องได้รับแสงนั้น ดวงตาของพวกเขาก็ปรากฏสัญลักษณ์
ปีกแบบเดียวกับเค้าขึ้นมาทั้งสองข้าง
“ All Hari Recca! ” “ All Hari Recca ”
เสียงดังกระหึ่มขึ้นจากบรรดา สมาชิกที่ตกอยู่ใต้การบังคับของเค้าในที่สุด
“ จากนี้ไปนี่ล่ะคือ บทเพลงส่งวิญญาณแห่งอัศวินมังกร Dragoon Requiem ”
เรกกะ เปรยขึ้นขณะนี้ตัวเค้าได้อำนาจที่จะกุมชะตาของโลกเอาไว้ในกำมือแล้ว
โปรดติดตามตอนต่อไป
Next Saga
ชั้นที่ต่อต้านโลกมาตลอดและปิดบังตนเอง
ไว้เบื้องหลังหน้ากากของคนธรรมดาๆ กลับกลายมาเป็นผู้บงการโลก
และออกมาสู่เบื้องหน้า
“ ข้าขอประกาศให้ สหประชาคมโลก เข้าร่วมการจัดตั้ง สหพันโลก ”
“ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่เราควรจะยินดี...พี่คิดว่ามันต้องมีอะไรแน่นอน ”
“ เรกกะ ถึงเจ้าจะเป็น อานิม่า ต้นแบบที่วมบูรณ์ยังไงแต่ สำหรับข้าเจ้านั้น
ไม่ได้อยู่ในสายตาเลย เพราะมีผู้ที่เหมาะสมที่จะปกครองโลกมากกว่าเจ้า ”
บัดนี้บทสรุปแห่งตำนานกำลังจะพลิกหน้าสุดท้ายของมันแล้ว Next Saga 18 Emperor Recca..
มหาสงคราม Delantion กำลังจะสิ้นสุดในไม่ช้า.......
ตรงที่ มีเขียนว่า Img ลงภาพไว้แต่ยยังไม่ได้ใส่โคดไม่ต้องตกใจไป พอดีลืมภาพไว้ที่ Note Book เลยต้องรอ เค้าเอากลับมาก่อน แล้วจะมาอัพรูปตรงนั้นให้นะครับ เป็นรูปของ มุรามาซะโซล เวอชั่น อาริมาเทีย
ว่าแต่ตอนนี้ขอ แค่สามประโยคเลยบทนี้
มั่ว เละเทะ ออกทะเล
ป่ะกางใบเรือถอนสมอได้.......เฮ้ยเดี๋ยว ทอดสมอก่อนจะไปหนายยยกลับฝั่งก่อนเร้ว
เรื่องมันชักจะเละเข้าไปทุกทีแล้วสิเนี่ย แต่ก็อย่างว่า เล่นบู๊กะแก้ปริศนาในตอนเดียวช่างทรมานยิ่งนัก
ปวดกบาลไปหลายวันเลยเรา อีก 3ตอน ก็จบแล้วงุงิ ตอนหน้า เรกกะ กับ เฟนท์ ในคอสแบบใหม่
จะเป็นยังไงไหนอ ส่วนมิมิ โคเว็ท นั้น คงไม่ได้เห็นแล้วล่ะเน้อทำไม่ทันจริงๆ แฮะๆๆ
ข่าวดีเอหรือไม่ดีหว่า หลังจากจบภาคนี้จะมีภาคที่3 รวมเป็นไตรภาค ทาลิฯ แต่เรื่องของภาคสามคนแต่งคือใครน่ะเหรอ...ขอ อุบไว้ก่อนเน้อ แต่ภาคสามส่งท้ายตำนานเนี่ย จะมีแค่3ตอนจบเท่านั้น เพราะใกล้จะได้เวลา
วุ่นวายกันแว้ว คงไม่มีเวลาเขียนยาวล่ะขอรับ ส่วน SmN VR! ท่านใดติดตามแล้วอยากอ่านต่อ ก็ขอให้รอ กระผมเตรียมตัวให้ชินกับชีวิต มหาลัยก่อนซักหน่อยแล้วว่างเมื่อไหร่จะมาเขียนให้นะคร้าบ ส่วนไตรภาค ทาลิจะเขียนให้จบก่อน เรียนปรับพื้นฐานให้ได้ โอ้ไฟลุกพรึ่บไปเขียนตอนต่อไปเลยดีกว่า Let’s Go