-2-
มีตำนานอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับ นิโคลัส เช่น ท่านช่วยลูกสาว 3 คน ในครอบครัวยากจนครอบครัวหนึ่งให้พ้นจากการเป็นโสเภณี หรือการที่ท่านโยนถุงทองคำเข้าไปทางหน้าต่างบ้านหลังหนึ่งเพื่อช่วยให้ลูกสาวแต่ละคนในครอบครัวนั้นได้มีโอกาสเข้าสู่พิธีแต่งงานที่มีเกียรติ การกระทำเช่นนี้เป็นการปูพื้นฐานสำหรับประเพณีการให้ของขวัญในสมัยต่อๆ มาจากนั้น ราวๆ 200 ปีต่อมาโบสถ์แห่งนี้ก็เปลี่ยนชื่อเป็น โบสถ์เซนต์นิโคลัส
ประมาณต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 ได้มีการนำของขวัญไปมอบให้คนจนในนามของ เซนต์ นิโคลัส ในวันก่อนวันเซนต์ นิโคลัส (5 ธ.ค.) โดยนำของขวัญบางอย่างใส่ไว้ในถุงเท้ายาว เช่น พวกผลไม้และขนม ต่อมาประเพณีนี้ได้แพร่หลายไปยังส่วนต่างๆ ทั่วยุโรปและเป็นที่ยอมรับของคนทุกชนชั้น
บิดามารดาของเด็กที่ต้องการสอนบทเรียนแก่เด็กที่ดื้อดึง ก็จะใส่ไม้เรียวเสียบไว้ในถุงเท้าแทนของขวัญในไม่ช้า คริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ในเยอรมันทางเหนือก็ได้นำประเพณีการมอบของขวัญเช่นนี้มาใช้ในวันคริสตมาสแทน วันเซนต์ นิโคลัส (6 ธ.ค.)
คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เป็นผู้นำเรื่องนิโคลัสเข้าสู่ เวสท์ อินดีส์ โดยมีนักสำรวจชาวดัตช์ชื่อ เฮนรี่ ฮัดสัน เป็นผู้นำเรื่อง เซนต์ นิโคลัส เข้าสู่อเมริกาเหนือ ที่เมืองนิวอัมสเตอร์ดัม โดยมีชาวดัตช์ อพยพมาด้วยจำนวนหนึ่ง ต่อมา นิว อัมสเตอร์ดัม ได้ตกเป็นของอังกฤษในปี 1664 และเปลี่ยนชื่อมาเป็น นิวยอร์ก
แม้ว่าคนส่วนใหญ่ที่ตั้งรกรากอยู่ที่นั่นจะเป็นชาวอังกฤษ แต่พวกเขาก็ยอมให้ชาวดัตช์เหล่านั้นรักษาประเพณีการฉลองวันเซนต์ นิโคลัส ที่มีการเตรียมตัวต้อนรับเซนต์ นิโคลัส หรือ ซันเตอร์ คลาส (Sante Klaas หรือ Sankt Klaus) ตามที่เด็กชาวดัตช์เรียกกัน (ต่อมาชื่อของนิโคลัสก็ถูกเรียกขานกันหลากหลายออกไป เช่น Sant Nikolaas, Santa Claus อย่างเช่นในอังกฤษ นิโคลัสเป็นที่รู้จักในนามของ Father Christmas ส่วนในรัสเซียรู้จักกันในนาม Grandfather Frost ในฝรั่งเศส เรียกันว่า Pere Noel ในเยอรมันเรียกขนานว่า Kristkinder หรือ Kriss Kringle และในสหรัฐอเมริกา เรียกว่า Saint Nick)