Summoner Master Forum
November 25, 2024, 09:44:30 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 2 [3] 4 5 6  All
  Print  
Author Topic: (อวสาน)SUMMONER MASTER VR! Up Final Sub-Turn Let's Duel VR!! พิเศษตอนแถมทาลิ1  (Read 99659 times)
0 Members and 18 Guests are viewing this topic.
cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #60 on: January 21, 2009, 03:54:45 AM »

Quote
งง..ครับ กับบทสนทนาที่งงงวย

อย่าไปงง เลยจ้ะสนไปก็ไม่ได้อะไรหรอก เพราะมันก็แค่มุขฝืดๆของคนๆหนึ่ง

แต่ถ้าจะให้แจงก็ คือ ลอว์เรนซ์ ทะเลาะกับ เจนัส เพราะ นีน่า ถามว่าลอว์เรนซ์แต่งงานกับใครถึงมี
ลูกมีหลานให้มาอยู่ภาค2 ได้ แล้วเจ้าลากุ(ขอเรียกชื่อเล่นบ้างนะอยากเรียกมานานละแทบไม่มีโอกาส) มันก็ดัน

แซวไปว่า ลอว์เรนซ์แต่งนีน่า อ้ะเปล่า (พี่สาวในที่นี้คือคำที่ ลากุใช้เรียก นีน่า)
แล้วเจนัสคุง สุดเลิฟของ เจ็ ก็ดันเข้าใจเป็นจริงเป็นจัง เลยทะเลากัน

จากทะเลาะก็กลายเป็นใส่เอฟเฟ็คเต็มสูบ ลอว์เรนซ์แปลงเป็นทาลิฯ
เจนัส สวมแอคเตอร์แถมเปลี่ยนโหมดสุดยอดเป็นไฮเปอร์ฟอร์มด้วย
(ถ้าไม่รู้ว่า เนลฟาแอคเตอร์ไฮเปอร์ฟอร์มคืออะไร ลองย้อนกลับไปดูที่ กระทู้ของเจ็นะจ้ะ มัลติแอคเตอร์อ่ะ)

แล้วก็สู้ไปสู้มา เรกกะ พระเอกของทาลิ ภาคใหม่ก็มาท้าตีกับเขาซะกลางวง

คุยไปคุยมาเป็นเรื่องกันอีก สุดท้ายเกรม่อนคุงเลยไม่ได้จัดกระเป๋าซะที เอ็ะ แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนนิ
ชักงง พอจะเข้าใจละว่าทำไม บอกว่างง ขนาดฉันเป็นสผู้ช่วยมันยังง เองเลย

55555+

แต่ไม่ต้องกงัวลนะจ้ะว่า จะไม่มีอะไรให้อ่านไปซักพัก เดี๋ยวพอว่างแล้ว เกรม่อนคุงก็มาเขียนเองล่ะ
 ว่าแต่ขอถามซักนิดนะ Smn VR! เรื่องนี้เนี่ยหลังจากออกมาถึง 8 ตอนแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง ดูแล้วประทับใจ
 หรือห่วยก็บอกกันตรงๆเลยก็ได้จ้ะ เพราะอันนี้ไม่คิดมากอันที่จริง ก็ไม่ได้ตั้งใจเขียนต่อให้มันยาวขนาดเนี้อยู่แล้ว

แต่โดน ปิโยม่อน พี่สาวเกรม่อนคุง สั่งแกมบังคับ อ่ะจิ ทั้งที่พล็อตเรื่องยังไม่ได้คิดไม่ได้วาง เพิ่มเติมเลย
เพราะที่เอามาเขียนเนี่ย กะเขียนให้ดวลกะ ภูเขาจบพอ เพราะซีรี่ย์แรกมันดวลค้างกันไว้

ทิ้งไว้เดี๋ยวคาใจ ถ้ายังไง ก็บอกกันหน่อยเน้อว่ารู้สึกยังไงบ้างกับเรื่องนี้ จะบอกว่ามันก็อบเนื้อเรื่องการ์ตูนที่ไหนมาก็ได้นะ เพราะมันไม่มีข้อมูลเขียนจริงๆ พวก เจ็ เลิกเล่นการ์ด ไปประมาณ2ปีที่แล้วพึ่งจะกลับมาจับอีกรอบเนี่ย
เลยไม่มีแท็คติก การดวลเจ๋งๆ หรืออะไรที่มันน่าตื่นเต้นมาเขียนอ่ะจ้ะ

เลยต้องแทรก แอคชั่นเข้าไป ซะเยอะจนมันจะออกทะเลอยู่แล้ว ว่าแต่ คิระ กับเ Deck กันดั้ม สวรรค์เป็นไงมั่งเอ่ย

แต่ว่า ร.ด. ปีนี้เนี่ย พี่จะนอนเต็นท์เดียวกับเกรม่อนคุงล่ะ จะเอาให้ดิ้นไม่หลุดเลย หึๆๆๆ จะหนีไปไหนพ้น ว่าแล้วขอเตรียมตัวไปจัดการ..เอ็ย จัดกระเป๋าก่อนนะจ้า


ปล.รด.ปี สอง คือม.5 ไป3วัน2คืน
ปีสามคือม.6 ไป5วัน4คืน
ส่วนปีหนึ่งหรือม.4 ไม่ต้องไป


Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #61 on: January 22, 2009, 03:20:57 PM »

Quote
ว่าแต่ขอถามซักนิดนะ Smn VR! เรื่องนี้เนี่ยหลังจากออกมาถึง 8 ตอนแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง ดูแล้วประทับใจ
 หรือห่วยก็บอกกันตรงๆเลยก็ได้จ้ะ เพราะอันนี้ไม่คิดมากอันที่จริง ก็ไม่ได้ตั้งใจเขียนต่อให้มันยาวขนาดเนี้อยู่แล้ว

ตามอ่านมานานในฐานะคนอ่านคนนึง บอกตรงๆเลย เหมือนเป็นการยำใหญ่ของการ์ตูนเรื่อง "ยูกิ เกมส์กลคนอัฉริยะ" + "คุณครูจอมเวทเนกิมะ"
องค์หญิงแห่งมังกรขาว >>>>> ร่างมนุษย์ของ Blue Eye White Dragon ในยุคอียิปต์
โคทาโร่ >>>>> แหมชื่อและลักษณะนิสัยออกจะตรงตัว ถ้าอ่านเนกิมะแล้วไม่รู้นี่ก็บ้าล่ะ
มาริน่า >>>>> มีเชื้อแวมไพร์ ใช้เส้นเอ็นได้ เอวาจาลีนชัดๆ
เรื่องการผนึกอาจจะคล้ายๆกับการ์ตูนเรื่อง "มอนโคลเร่ ไนท์"
แต่ถ้ายกเอาเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้ออกไป(เพราะยังไงมีฐานจากการ์ดเกมส์ เรื่องที่แต่งออกมาก็ต้องสู้กันแบบยูกินั่นแหละ)ถือว่าเป็นนิยายที่ออกมาเป็นแบบฉบับของตัวเองดี มีฐานเนื้อเรื่องที่คนอ่านสามารถเข้าใจได้รวดเร็ว เพราะใช้หลักความจริงในปัจจุบันมาเกี่ยวข้อง(อย่างวิกฤติพลังงาน, การตกแต่งพันธุกรรม) มีการเสริมเนื้อเรื่องนอกเหนือจากการเล่นการ์ดเข้าไปเยอะทำให้คนอ่านไม่รู้สึกเบื่อ(ถ้าเป็นยูกิ เอะอะอะไรมันก็ DUEL!!! ไม่งั้นก็เจอไคบะลับคมไพ่เขวี้ยงใส่)  การดำเนินเนื้อเรื่องชวนให้น่าติดตามเสมอ ภาษาที่ใช้ไม่ยุ่งยากอาจจะติดขัดในเรื่องของภาษาอังกฤษนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา
โดยรวมแล้วถ้ามีคะแนน 10 คะแนน ก็ให้เต็ม 10 ไม่งั้นก็เอาไป 11 เลย

ปล.ไป รด. กัน ไร่อ้อยข้างค่ายฝึกเหี้ยนเตียนกันไปรึยังนั่น ไอ้เราจบจนทำงานยังจำได้ว่าตอนไปฝึกนั่งเคี้ยวอ้อยกันเป็นทางทุกปี
« Last Edit: January 28, 2009, 04:27:23 AM by dhaos » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #62 on: January 22, 2009, 06:27:43 PM »

Quote
ตามอ่านมานานในฐานะคนอ่านคนนึง บอกตรงๆเลย เหมือนเป็นการยำใหญ่ของการ์ตูนเรื่อง "ยูกิ เกมส์กลคนอัฉริยะ" + "คุณครูจอมเวทเนกิมะ"
องค์หญิงแห่งมังกรขาว >>>>> ร่างมนุษย์ของ Blue Eye White Dragon ในยุคอียิปต์
โคทาโร่ >>>>> แหมชื่อและลักษณะนิสัยออกจะตรงตัว ถ้าอ่านเนกิมะแล้วไม่รู้นี่ก็บ้าล่ะ
มาริน่า >>>>> มีเชื้อแวมไพร์ ใช้เส้นเอ็นได้ เอวาจาลีนชัดๆ
เรื่องการผนึกอาจจะคล้ายๆกับการ์ตูนเรื่อง "มอนโคลเร่ ไนท์"
 


ที่ว่ายำใหญ่ การ์ตูนนี่ ตรงประเด็นสุดเลยครับ เพราะมันไม่มีอะไรจะมาเป็นฐานการแต่งจริงๆนั่นล่ะ
ที่จริง นอกจากที่ว่ามามันยังมีอีกเยอะกว่านั้น แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว
เรื่องแนวเวทมนย์ บู๊ บุ๊น กันมันก็คงไม่พ้นพวกนี่หรอกครับ อ้อส่วนเรื่องการ ผนึกซีลนั้น ได้แบบมาจาก Kekkaishi

ผู้ผนึกมาร เห็นว่า ผนึกมันแหวกแนวดี เลยเอาความคิดเกี่ยวกับกรอบของมันมาใช้ แต่เปลี่ยนจากที่
ในการ์ตูนนั้นจะสลายปีศาจที่ถูกผนึก ให้หายไปเป็นผนึกเก็บในรูปของการ์ดแทน


ส่วนองค์หญิงมังกรขาวนั้น ตอนแรกก็ไม่นึกหรอกครับว่า มันจะไปตรงกับ บูลอายร่างมนุษย์ ในยูกิ พอดีซีลเลเวล
5 ตัวนี้ มันเป็นมังกรขาว ก็ไม่ใช่ตัวอื่นหรอกแกรนเดครอสแหล่ะ ไปๆมาๆมันดันไปตรงกันได้ไงก็มะรุ แต่ก็ดีเหมือนกัน

อย่างกับชะตาลิขิตให้เรื่องของเรามันลื่นไปได้เรื่อย เหอๆๆ
ส่วนการทำ ซิงโคร อะไรนั่น ก็เอา ร็อคแมนEXE กับ เนกิมะมารวมกัน
นอกจากนี้ พวก Note ที่พูดกันจ้อนั่น ก็เอา ดูเอลดิสของยูกิ มาจับยำกับ ดีไวซ์ของ นาโนฮะ
จากเรื่องสาวน้อยจอมเวทย์นาโนฮะ

ส่วนในเรื่องที่เอา โลเกชั่นมาเขียนนั้น อ้างอิงจากสถามนที่จริงๆก็ มี สะพานเหล็ก
อาคารภิรมย์พลาซ่า ถ้าสังเกตุในรูปที่ลงไปในตอนที่8 จะเห็นว่าเป็นร้าน การ์ดที่ อยู่ตรงชั้นล่างสุด
ส่วนโรงเรียนมนต์วิทยา นั้น เอาโลเกชั่นมาจาก โรงเรียนในเขตบางกอกใหญ่
ไม่บอกนะว่าโรงเรียนไหน เพราะมันเป็นโรงเรียนที่พวกกระผมเรียนอยู่ อะหุ

นอกเหนือจากนี้ก็มีอีกเย้อแยะ จนสาธยายไม่หมด เอาเป็นว่าช่างมันเถอะเนอะ เพราะ ยังไงเรื่องราวต่างมัน
ก็ต้องมีพื้นฐานจากสิ่งดียวกันอยู่ที่ว่าเรา จะจับมันมาดัดแปลงแล้วแก้ไข เปลี่ยนให้มันเป็น สไตล์ของเราเองยัง
ไงนั่นล่ะนะครับ


Quote
ปล.ไป รด. กัน ไร่อ้อยข้างค่ายฝึกเหี้ยนเตียนกันไปรึยังนั่น ไอ้เราจบจนทำงานยังจำได้ว่าตอนไปฝึกนั่งเคี้ยวอ้อยกันเป็นทางทุกปี


ไร่อ้อย บ้านั่นยังอยู่ครับ ทำเอาหงุดหงิดจริงๆ เดินไปมันก็มาเกี่ยวขาเราไป เหอๆ
Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #63 on: January 23, 2009, 01:01:09 PM »

จะว่าไปซิงโครรวมร่าง Seal ใหม่มันก็ Cross Fusion จริงๆแหะ
มีมายำเยอะก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เหมือนมันจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของการ์ตูนสมัยนี้ไปแล้ว ดูอย่าง เคโรโร่ะ หรือ ฮายาเตะพ่อบ้านประจัญบาน หรือ เจปัง ก็ดีเป็นการยำใหญ่การ์ตูนแทบทั้งนั้น(แต่มันเป็นแนวฮานี่น่ะ)


ปล.จำนวนคนเข้ามาอ่านก็เยอะ ทำไมคนวิจารณ์ไม่มีเลยแหะ
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #64 on: January 28, 2009, 02:41:27 AM »

Quote
ปล.จำนวนคนเข้ามาอ่านก็เยอะ ทำไมคนวิจารณ์ไม่มีเลยแหะ

นั่นสิ ผมเองก็สงสัยเหมือนกัน ว่ามีคนอ่านออกจะเยอะแต่ไหงไม่มีคนวิจ่รณ์ คือที่จริงก็ไม่ใช่
ว่าถึงกับเงียบไปเลย เพราะมีคนคอยตอบอยู่ประปราย อย่างคุณ boy ถ้าไม่นับคุณ dhaos  เจ้าการุรุม่อน
ตัวผมกับคุณ boy แล้วนอกนั้นก็จะมาตอบให้แค่ช่วงต้นๆ

ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าผมอยากจะเรียกร้อง เสียงเชียร์หรือให้มีคนมาชื่นชมเยอะหรอกนะครับ แต่บางทีมันก็เงียบเกินไป
ผมเองยังคิดอยู่จนถึงตอนนี้เลย ว่าผมแต่งได้น่าเบื่อมากเลยหรือเปล่า คนที่เข้ามาอ่าน

เขาถึงได้ไม่ยอมตอบกัน ยังนึกเลยว่าเข้ามาอ่านแค่2 บรรทัดก็เลิกเบื่อไปแล้วด้วยซ้ำ
แต่เจ้าการุรุม่อนผู้ช่วยผม มันได้แอบจับตาดูอยู่ในกระทู้ตลอดเวลาอยู่ในช่วง สัปดาห์หนึ่งปรากฏว่า ทันทีที่
มีการอัพเดท มีเข้าชมอยู่ประปราย และนั่งอ่านอยู่ในเกณฑ์ ของเวลาที่น่าจะอ่าน จบลงได้ในบทนั้นๆ
 แต่ทว่าเสียงตอบรับ...เงียบอย่างที่เห็น

บางทีกำลังใจมันก็เป็นสิ่งสำคัญนะครับ แต่ก็ไม่ถึงกับว่า ต้องชมต้องเอาใจ กันให้ซะทุกครั้งไป
ตัวกระผมต้องการแค่ความคิดเห็นที่จะนำมาปรับปรุง การแต่งการเขียนของตัวเองบ้าง

เหมือนนิยาย ของท่านอื่นๆ ท่านจะวิจารณ์ทางลบ หรือทางบวกก็ได้ผมไม่ว่า
 แต่ที่ต้องการก็คือความคิดเห็นและทัศนคติของผู้อ่านทุกๆท่าน

ก่อนนี้ผมยังเคยนึกเอาเองเล่นๆเลยว่า นิยายของผมไม่มีจุดบอดให้ผู้อ่านติ หรือวิจารณ์เลยเหรอ
จนเคยถึงกับ ลองสร้างความผิดพลาดแทรกลงไปในนิยาย ของตัวเอง เพื่อทดสอบ
กระแสตอบรับ ซึ่งต่อมา ก็เลยนำมายังการแต่งแบบที่ผมไม่ค่อยถนัดนัก เพื่อสร้างแนวนิยาย

ของผมให้พัฒนาไปอีกระดับ นั่นคือการใช้ภาษา ต่างประเทศมาเข้าช่วย ซึ่งผมเป็นคน
ที่ไม่เก่งเรื่องภาษาขั้นรุนแรง อย่างสุดๆ ซึ่งที่จริง พี่สาวผมจะช่วยก็ได้ แต่ผมเอง
ที่เป็นคน ยืนกรานจะเขียนบรรยาย ทั้งหมดโดยไม่ให้ ลูกทีมเข้ามาช่วย และให้พวกเขา

ไปหาข้อมูล และเก็บภาพ กับโลเกชั่นต่างๆ รวมไปถึงเทคนิกการ ดวล แมทซ์การแข่งขัน ต่างๆจาก
 ไวเซอร์ที่กองพะเนินเต็มบ้าน

เมื่อมาถึงตรงนี้ ถึงได้เริ่มจะเห็นอยู่ลางๆแล้ว ว่า อาจจะไม่ใช่ นิยายของมีจุดผิดพลาดมากเกินไป แต่อาจเป็น
เพราะผม ได้ขัด และสกัดกั้นความผิดพลาดทั้งหมดของตัวเอง ด้วยการมีช่วง ทิป อธิบายส่วนขยายต่างๆในนิยาย
ของตัวเอง เพื่อตอบคำถามในวงกว้าง
ได้อย่างมากทำให้ไม่มีคนตั้งถาม หรือสงสัยอะไรกันเลยแม้แต่น้อย

หรืออาจเป็นเพราะ ผมทำตัวเป็นเกรียน(อธิบายศัพท์แบบรวบๆ คิดว่าคงเข้าใจ)
จนน่าหมั่นไส้ สุดๆไปหรือเปล่า ก็สุดจะคาดเดาจริงๆขอรับ

ถ้ายังไงสุดท้ายนี้ผมอาจจะเป็นคนพูดมากและมากความ กะอีแค่ ขอให้มีคนตอบหรือวิจารณ์
 ดันวิพากออกมาซะเป็นวรรค เป็นเวร อย่างกะ ละครน้ำเน่า
ก็ตาม แต่ผมเป็นคนประเภท ชอบทำอะไรอ้อมค้อมตลอด มันก็เลยเป็นเช่นประการนี้แล
Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #65 on: January 28, 2009, 04:38:40 AM »

ความจริงการที่คนจะน้อยก็ไม่น่าแปลกใจอะไรมากนัก เพราะบอร์ดนี้เป็นบอร์ดของคนเล่นการ์ดซะส่วนใหญ่ โดยมากก็จะเข้ามาหาข้อมูลการ์ดกันมากกว่า ออกจะเป็นแนวบอร์ดที่ค่อนข้างเฉพาะทางซักหน่อย ไม่เหมือนกับประมูลที่เป็นบอร์ดเปิดเสรี ดังนั้นกลุ่มคนที่พอจะวิจารณ์ออกมาได้จึงค่อนข้างน้อย
ซึ่งตรงจุดนี้การจะหาคนวิจารณ์จึงน่าจะไปลองดูที่บอร์ดอื่นบ้าง เอาแบบที่เกี่ยวข้องกันก็น่าจะไปที่บอร์ดของ Summoner Master Online
http://forum.summoner.in.th/index.php

เนื่องจากมันเป็นบอร์ดของเกมส์ Online จึงน่าจะมีคนเข้าบอร์ดมากกว่าของที่นี้ มดนิฮิลก็ไปพัฒนาเกมส์อยู่ที่นั่น
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #66 on: January 29, 2009, 09:53:45 AM »

ผมว่าอาจจะมีคนอ่านแต่ขี้เกียจตอบมากกว่า 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #67 on: January 29, 2009, 12:51:51 PM »

Quote
ผมว่าอาจจะมีคนอ่านแต่ขี้เกียจตอบมากกว่า

อันนี้ก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น เอาเถอะครับ ยังไงก็ช่างขอแค่รู้ว่ามีคนติดตามดูอยู่ก็มีแรงกำลังจะเขียนต่อละ แต่ตอนนี้ยังไม่ว่างเขียนอยู่ดี ต้องอ่านหนังสือ 

แล้วก็เรื่อง SMN VR! นี่ไม่มีมุขจะเขียนตันอยู่ จะขอเลื่อนเรื่องนี้ออกไแล้วลง ทาลิภาค2แทนก่อนละกันเน้อ
Logged


~{[M]iRRo[R]}~
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 250


Email
« Reply #68 on: March 12, 2009, 03:26:34 AM »

เนื้อเรื่องสนุกดีนะคับ
เจ้าของเรื่องม.6ใช่มะ ผมก้เหมือนกัน รอคะแนนแอดไปเรื่อยๆ(นอกเรื่องแหละ)
เนื้อเรื่องเอาการ์ตูนหลายๆเรื่องรวมเยอะเลยอะ
แต่บางทีไม่รู้ซิว่าคิดไปเองไหมที่คิดว่า บางทีก้ขาดๆเกินๆ
แต่โดยรวมใช่ได้คับ
ป.ล. บางทีรูปก็ไม่ติดอะ - -*
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #69 on: March 12, 2009, 06:33:44 PM »

Quote
เนื้อเรื่องสนุกดีนะคับ

ขอบคุณสำหรับคำชมนะขอรับ

Quote
เจ้าของเรื่องม.6ใช่มะ ผมก้เหมือนกัน รอคะแนนแอดไปเรื่อยๆ(นอกเรื่องแหละ)

ครับ ม.6 ขอรับ แต่ตอนนี้ไม่ลุ้นผลแอดแล้วล่ะขอรับ เพราะสอบตรงติดไปแว้ว อยู่ตั้งเกษตร ศรีราชาแน่ะ ฮือๆๆ
  จะไม่เอาก็ไม่ได้ ทางบ้านเค้าเป็นห่วง ไม่กล้าปล่อยให้ลุ้นกับแอดฯ

Quote
ป.ล. บางทีรูปก็ไม่ติดอะ - -*

อันนี้ คือว่ารูปมันหายไปไม่ติดนั้นอาจเป็นเพราะเวบที่ฝากรูปไว้ เค้าปิดปรับปรุงอยู่หรือไม่ก็อาจเป็น เพราะ
ความเร็วในการโหลดเน็ท ของท่าน อาจไม่เพียงพอ เพราะรูปนั้นผมแปะไว้เยอะพอสมควรเลยอาจทำให้โหลดช้าบ้าง แต่ถ้ารูปไหนเสีย ผมจะทำการแก้ไขให้นะขอรับ

ก็น่ายินดีจริงๆ ที่ซีรี่ย์นี้ พอเอากลับมาทำไมก็ยังมีท่านผู้ชมคอยติดตามให้การสนับสนุนอย่างดี
พอๆกับตอนที่เคยลงเรื่องนี้ไปเมื่อ 3ปี ที่แล้ว แต่ลงไม่จบพอ หลังจากจบซีรี่ย์ ทาลิวิลย่า

ก็เลยว่าจะต่อให้เสร็จ(พอดีว่างไม่มีไรทำ) แต่สุดท้ายเพราะคำสั่ง บก. ปิโยม่อน เลยทำให้ต้องพักไว้ก่อนจนกว่า โปรเจค ซีรี่ย์

 ทาลิวิลย่า ภาคอาริมาเทีย จะจบ ซึ่งมีกำหนดมาแล้วว่า 25ตอนจบ คิดว่ากว่าจะได้กลับมาเขียนเรื่องนี้อีกทีคง

นานพอสมควรล่ะนะขอรับ ก็ต้องขออภัยสำหรับผู้ที่ติดตามเรื่องนี้อยู่ 
(ที่มันบวกกับว่า ไม่มีข้อมูลจะเขียนอยู่พอดีด้วย)

ถ้ายังไงก็ขอเชิญติดตามกับ ซีรี่ย์ ทาลิวิลย่า อาริเมเทีย ได้ที่ลิงค์ด้านล่างนี่ ไปพลางๆก่อนละกันนะครับ
http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=48206.0





Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #70 on: March 12, 2009, 06:40:56 PM »

เรื่องนี้ดูๆแล้วงงมากกว่าอีกซีรี่ย์นะในความคิดผม 

ผมก็เลยไม่ได้อ่านเลย 

(ผมมันโง่....ขออัดตัวเอง

ปล.พี่อยู่ม.6เหรอครับ     (ผมกำลังขึ้นม.2เอง)
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #71 on: March 12, 2009, 09:47:32 PM »

Quote
เรื่องนี้ดูๆแล้วงงมากกว่าอีกซีรี่ย์นะในความคิดผม

ผมก็เลยไม่ได้อ่านเลย 

หมายถึงเรื่องไหนหรือจ้ะ เรื่องนี้ หรือเรื่องทาลิ จ้ะ ถ้าเรื่องนี้ขอไม่เถียงด้วยเหตุอันใดทั้งปวง
อาจเพราะเอาเรื่องที่มันไม่มีต้นแบบมาแต่ต้นแล้วอย่าง กรุงเทพ ในอนาคต กับสงครามประวัติศาสตร์ อะไรต่อมิอะไรที่ยกเมฆมาเขียน มันก็เลย แปลกๆก็ได้มั้ง

ว่าแต่ช่างมันก่อนที่จะมาบอกก็คือว่า ช่วง วันสงกรานต์เนี่ย เราไม่ได้ลงตอน พิเศษมาก็นาน แล้ว
เลยจะมาขอลงซะเลยรอบนี้ ก็เลยกะว่า จะลง SMN VR! เจาะเวลา บุกพระเจ้าตะเบงชะเวตี้ Vs. เรราเย่
ซะเลย เหอๆมันมั่วไปไหมนี่ แต่เราเอาจริงนะเออ
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #72 on: March 12, 2009, 10:09:55 PM »

เรื่องนี้ครับเนื่องจากการผสมปนเปของเนื้อหา 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #73 on: May 09, 2009, 06:11:00 PM »

ตอนหน้า Sub-turn 09 Knight Attack
คอยดูให้ดีเถอะถึงคราวของชั้นแสดงฝีมือแล้ว (โคทาโร่ เซนาคาว่า)

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #74 on: May 10, 2009, 06:33:10 PM »

Sub-Turn 9 Knight Attack

“ ตายแหล่ว นี่มานทีไหนกานเนี่ย..สงสาย แอน จา โหลงทางซะแล้วซี่ ”
แอน เปรยแบบ งงๆ ขณะที่เดินลอยชายไปมา อยู่ในอาคารชั้นล่างสุดซึ่งเป็นส่วนของร้านค้าห้องแถว
ที่ตั้งเรียงกันเป็นตารางอยู่ภายในตัวอาคาร [ใครเคยไปภิรมย์พลาซ่า ก็ชั้นล่างที่มันขายพวกของเล่นน่ะแหล่ะ]


“ เอ๋…จะว่าปาย ทามมาย แถวนี้ถึงม่ายมีใครอยู่เลยล่ะเนี่ย ทั้งที่เมื่อกี้ยังเดินกันให้พล่านเลยนี่หนา ”
แอน เปรยกับตัวเองอีกรอบ หลังจากที่สังเกตว่า ผู้คนรอบๆพากันหายไปหมด
ก่อนที่จะมี เสียงฝีเท้า ดังกรูกันมาเรื่อยๆ แอน หันไปมารอบๆแต่ก็ยังไม่พบใคร ทว่าเสียงฝีเท้า
นั้นก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ  ทำให้ แอน เริ่มระแวง ก่อนจะตัดสินใจเลี้ยวหักออกไปจากทางเส้นหลัก

ทว่า ก็มีกลุ่มชายชุดดำ แห่กันมาจากทุกทิศ ล้อมเธอไหวจนไม่มีทางหนี โดยที่ด้านหน้าของ พวกชายชุดดำนั้น
มีอสูรอัญเชิญ หุ่นยนต์รูปแบบแมงมุม ซึ่งมีดวงตาสองดวงที่ด้านบนกับด้านล่าง ซึ่งมันก็คือ Delta-D
น่ะเอง ซึ่งมีจำนวน นับสิบ ตัว



“ พบเป้าหมายแล้วครับ ”
ชายคนหนึ่งในกลุ่ม กล่าวรายงานผ่าน Note ไปก่อนที่จะมีเสียงตอบกลับมา

“ ท่าน Knight สั่งให้จัดการซะไม่ต้องปราณี ”
เสียงดังตอบกลับจาก Note ของ ชายคนนั้นก่อนที่ เจ้าของ เดลต้าดี จะพากัน
เตรียมพร้อมสั่งการพวกมัน

“ จัดการได้ ”
“ Yes My Lord ”

สิ้นเสียงของชายคนนั้น บรรดาลูกน้องทั้งหลายรอบๆก็ รับคำก่อนจะให้ เดลต้าดี จู่โจม
ไม่นาน ดวงตาทั้งสองของ เดลต้าดี ก็เริ่มเรืองแสงขึ้นพร้อมกับที่
ลำแสงพิฆาตได้พุ่งตรงไปยัง แอน ที่ได้แต่ยืนกรีดร้องด้วยความหวาดผวา

………………
…………………….

“ พวกเรารีบออก..ตามหา..แอน…กันเถอะ..อึก ”
ธนัท ฝืนกล่าวออกมาอย่างลำบาก ขณะที่เดินโซเซไปยังบันได ก่อนจะล้มฟุบลงไปหน้าบันได
ก่อนที่ บรรดา เพื่อนๆจะพากันมาพยุงตัวเค้ากลับไปนั่งพัก ที่เก้าอี้ อีกครั้ง

“ ดูท่าจะสาหัสกว่าที่เห็นแหะ นายในตอนนี้น่ะไม่ไหวหรอก ”
โคทาโร่ กล่าวพลาง กดไหล่ของ ธนัท ไว้ไม่ให้ ฝืนลุกขึ้นมาอีก
เคียว ที่ดูทีท่าอาการของ ธนัท แล้วจึงส่ายหัวเป็นเชิงว่า ธนัท ยังไม่ไหว


“ นายพักอยู่นี่แหละ ธนัท ชั้นจะไปตาม รุ่นพี่คิระ ให้ช่วยอีกแรง ”
เคียว กล่าวจบก็วิ่งออกไปทันที โดยไม่ฟังคำตอบ
ธนัท จึงทำได้เพียงแค่ขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ

“ หมอนั่น เป็นเพื่อนกับนายมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย ”
โคทาโร่ เปรยขณะที่ล้มตัวลงนั่งข้างๆเค้า ทำให้ ธนัทแปลกใจนิดหน่อยที่
อยู่ๆ โคทาโร่ ก็ทำเหมือนเข้ามาตีสนิท


“ เจ้านั่นทั้งที่บอกว่าชั้นไว้ใจไม่ได้ แต่ก็ยังทิ้งนายที่เจ็บหนักเอาไว้กับชั้นอีก… ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่หันไปมองหน้า ธนัท แต่เค้ากลับเป็นฝ่ายแปลกใจเสียเอง
เมื่อได้เห็น ธนัท ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันมาตอบ

“ เคียวน่ะ ถึงจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจาหรือพูดไม่เข้าหู แต่เฉพาะกับคนที่เค้าไว้ใจเท่านั้น
อย่างชั้น ชุติ หรือ แอน นั่นล่ะ ที่เค้าจะยอมเปิดใจคุยด้วย .. ”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ ธนัท ก็หยุดไปเสียดื้อ ทำให้ โคทาโร่ สงสัยครั้นจะเอ่ยถาม ธนัท กลับแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“ ถึง เคียว จะบอกว่านายไว้ใจไม่ได้ก็เถอะ แต่ที่จริงเค้าไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกนะ เพราะเค้าเป็นคน
ปรับตัวเข้ากับคนอื่นที่ไม่คุ้นเคยได้ช้าน่ะ… เอาล่ะนี่ก็ไม่ใช่เวลาจะมานั่งอ้อยอิ่งอยู่แบบนี้  ”
ธนัท กล่าวจบก็ฝืนจะลุกขึ้นมาอีก แต่ก็ยังเดินกะโผลกกะเผลกอยู่ดี ขณะที่ โคทาโร่ ลุกขึ้นมาขวางทางเค้าไว้

“ นี่นายจะมาห้ามชั้นอีกเหรอ ชั้นน่ะ ”
“ เปล่า..ชั้นก็แค่จะให้นายรอด้วยเท่านั้นเอง มาราคัส ของชั้นน่ะซ่อมเสร็จแล้วล่ะ ”
 ธนัทที่ กล่าวสะดุดไปเมื่อ โคทาโร่ แย้งขึ้นพลางชี้ไปที่ เคาเตอร์ ร้านซ่อมซึ่ง เจ้าของร้าน
กลับมาพร้อม Note มาราคัส ของ โคทาโร่ ที่ซ่อมเสร็จแล้ว

“ ถ้าใช้ความสามารถของ ชั้นล่ะก็ ต้องตามหาเจออยู่แล้ว สุนัข น่ะ จมูกดีกว่าคนเป็นร้อยเท่านี่ ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ยิ้มเป็นเชิงว่า ให้ไว้ใจเค้าได้ ธนัท ก็ได้เพียงแต่มองเค้าด้วยสายตาที่ทราบซึ้ง
ต่อน้ำใจที่ โคทาโร่ ยื่นให้

……………….
……………………
………………………..



“ เอ๋..นี่มาน ”
แอน เปรยเสียงเรียบ ขณะที่ลดแขนที่เธอยกขึ้นมาป้องด้วยความกลัว
กองทัพ เดลต้า-ดี กับกลุ่มชายชุดดำทั้งหมดต่างก็ล้มฟุบหมดสติไป อย่างไม่ทราบสาเหตุ
ขณะที่ด้านหน้าเธอนั้น มีชายหญิงสองคน ยืนอยู่แทน


“ ไกอา ทำแบบนี้มันเกินไปแล้วนะ ถึงจะได้รับอำนาจสั่งการมาแต่เอากำลัง มาใช้ในที่สาธารณะแบบนี้มัน.. ”
หญิงคนที่อยู่ข้างหน้าเธอกล่าวหน้ามุ่ย  ซึ่งทันทีที่ใบหน้าของเธอนั้นแหงนมาคุยกับ ชายคนข้างๆ แอน
 ก็จำได้ทันทีว่าเธอเคย เจอผู้หญิงคนนี้มาก่อน


“ อ๊ะ เธอคนเมื่อตอนนั้นนี่ที่ มายโฮม(My Home) ที่มากับพวก แบล็คสูท(Black Suit) ”
แอน อุทานเสียงเหน่อ เธอจำได้ว่า ผู้หญิงตรงหน้าเธอคือคนที่ใช้พลัง เทเลพาที พาชายชุดดำสามคน
ที่มาบุกบ้านเธอ หนีไปในตอนนั้นแต่ก่อนเธอจะได้ทันทำอะไร ชายที่อยู่ข้างๆก็

ดีด ลูกกลมใส่เธอทันทีที่ มันสัมผัสถูกตัวของ แอน ลูกกลมก็แตกออกแล้วปล่อยควันออกมา
สองคนนั้นปิดจมูกทันทีเพื่อไม่ให้เผลอสูดเข้าไป ส่วนแอน ที่รับเอาควันนั้นเข้าไปเต็มๆก็
เกิดอาการ เบลอจนล้มฟุบหมดสติไป



“ เกือบไปแล้วนะ ถ้าเธอเห็นหน้าของคุณคงได้เป็นเรื่องแน่ ”
หญิงสาวที่มากับเค้าหันไปเหน็บ ซึ่งเธอคือ จิงค์ ลิตเติลแองเจิล



[Data: จิงค์ลิตเติลแองเจิล(Jing Little Angel) LV:Ruler Queen of Checkmate 5
Age:?  Year  Deck:?]

“ ยังไงก็ให้เป็นแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้วเพราะถ้าฐานะของผม บิชอป นิฮิล ถูกล่วงรู้
ว่าอยู่เบื้องหลัง Paladiso Da Regola ล่ะก็คงวุ่นวายกันไม่น้อยเลย ”
ชายที่มากับ เธอกล่าว เค้ามีผมสีน้ำตาลเข้ม ซอยลงมาเป็นแถวๆ ดวงตาสีเขียวสด
และน่าเกรงขาม สีหน้าของเค้านั้นเรียบนิ่งอยู่แทบตลอดเวลา เค้าคนนี้คือ นิฮิล
1ในcheckmate 5 ของ Paladiso Da Regola



[Data:นิฮิล (Nihil) LV:Ruler Bishop of Checkmate 5 
Age: ? Year  Deck:?]


“ รีบเคลื่อนย้ายคนของเราออกจากที่นี่ก่อนจะมีใครมาเจอดีกว่า ส่วน ไนท์ไกอา
ปล่อยให้เธอดำเนินแผนของเธอต่อไป ”
นิฮิล กล่าวจบ จิงค์ ก็ยกเอา Note ที่เธอห้อยคอไว้ขึ้นมา

“ โฟร์เต้(Forte) เตรียมการเคลื่อนย้าย ”
จิงค์ ออกคำสั่งกับ Note ของเธอก่อนที่มันจะเรืองแสงตอบกลับมา

“ Telepotion ”
สิ้นเสียงจาก Note ของเธอกลุ่มชายชุดดำทั้งหมด รวมไปถึงเดลต้า-ดี
และ นิฮิล กับ จิงค์ ทั้งหมดก็หายวับไปในพริบตา

เหลือทิ้งไว้เพียงร่างของ แอน ที่นอนนหมดสติอยู่บนทางเดินเท่านั้น

……………..
………………….
………………………..

“ ให้ตายสิ ทำเป็นพูดซะดิบดี สุดท้ายก็ต้องมาเดินหากันเองไม่ใช่เรอะ! ”
ธนัท บ่นใส่ โคทาโร่ ไม่หยุดขณะที่พวกเค้า ออกเดินหาไล่ขึ้นไปทีล่ะชั้นๆ

“ ก็แหมถ้าไม่มีของให้เทียบกลิ่นฉันเองก็แยกไม่ออกหรอก ว่ากลิ่นใครเป็นกลิ่นใครนี่ ”
โคทาโร่ แก้ตัวอย่างเซ็งๆ เพราะฟังธนัท บ่นมาตลอดทาง

“ เฮ้อเอาเถอะ ยังงตอนนี้รีบหาก่อนเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้วด้วย คนรอบตัวพวกเราก็เริ่มกลับ
กันหมดแล้ว ถ้าคนน้อยลงอีกเดี๋ยวคงหาตัวเจอเองล่ะ ”

ธนัท เอ่ย ขณะที่มองไปรอบๆ เพื่อมองหา แอน ตามที่ต่างๆซึ่งตอนนี้ผู้คนรอบๆก็ทยอยกันกลับ
ไปทีล่ะคนสองคน จนเมื่อผ่านไปซักพักพวกเค้าทั้งสองจึงเริ่มเอะใจบางอย่าง

“ นี่…มันแปลกๆนะว่าไหม ”
โคทาโร่ เอ่ยขึ้นก่อนจะหยุดเดิน

“ อืม… ”
ธนัท รับคำก่อนที่พวกเค้าจะหันไปมองรอบๆอีกครั้ง บัดนี้บริเวณรอบๆทั้งตัวตึกนั้น
ไม่มีใครอีกแล้วนอกจากพวกเค้า ทั้งร้านค้าบางร้านที่เปิด ทิ้งไว้ก็ไม่มีคนเฝ้าร้าน
หรือแม้กระทั่ง โทรทัศน์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ต่างๆของร้านขายเกมส์ หรือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์
ก็ยัง เปิดเครื่องของเหล่านั้นทิ้งไว้

“ นี่ยังไม่ 6 โมงดีเลย แต่ผู้คนรอบตัวเรากลับหายไปกันหมดแบบนี้มัน.. ”
ธนัท กล่าวขณะที่ให้ คอรัส Note ของเค้าเปิดจอโฮโลแกรมบอกเวลาขึ้นมาดู

“ แถมร้านยังไม่ปิดแต่คนขายกลับไม่อยู่ซะอีก นี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้วนะ ”
โคทาโร่ สนับสนุนถึงความรู้สึกประหลาดที่พวกเค้าพึ่งจะรู้ตัว
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ พวกเค้าแทบม่ได้เอะใจเลยว่า อาคารภิรมย์พลาซ่า แห่งนี้
กำลังถูกจัดฉากโดยใครบางคนอยู่  พวกเค้าทั้งสอง จึงรีบเร่งฝีเท้าเดินขึ้นไป
ตามบันได จนมาถึงชั้น ที่ 3 ของอาคาร


ชั้น 3 Food Center

ธนัท และ โคทาโร่ วิ่งขึ้นมาจนถึงชั้นนี้ ในที่สุดโดยที่ตลอดทางที่ขึ้นมานั้น
พวกเค้าไม่พบหรือเจอใครอยู่ในอาคารเลย

พวกเค้าทั้งสอง จึงหยุดพักกันที่ชั้นนี้ ด้วยความเหนื่อยหอบ ที่วิ่งวนไล่ตั้งแต่ ชั้นหนึ่งขึ้นมา
พร้อมทั้งสำรวจให้ทั่วทุกชั้น แต่กลับไม่เจอแม้แต่เงาของ ใครเลย



“ แฮ่กๆๆ..นี่มัน…ชักจะ…แฮ่กๆ…ไม่ดี..แล้วนะ ”
ธนัท กล่าวไปหอบไปด้วยความเหนื่อยล้า ขณะที่ เกาะอยู่ตรงราวบันได
ทางขึ้นมายังชั้นนี้




“ อ้าวอะไรกัน เด็กผู้หญิงอีกคนนั่นไม่ได้มาด้วยงั้นเหรอ…แต่เอาเถอะ
 ขอเล่นสนุกกับพวกแกก่อนก็ได้ ”
เสียงหวานๆของหญิงสาวนางหนึ่งดังขึ้นจากอีกฟากของขั้นบันได ที่ถัดไปอีกชั้น
พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังก้องลงมา ธนัท และ โคทาโร่ จึงหยุดมองไปยังต้นเสียง

ขณะที่ เสียงนั้นใกล้เข้ามา ได้ยินชัดเจน พร้อมกับร่างของ สาววัยแรกรุ่นที่ใบหน้า
ขาวใส ผูกผมหางม้าสีชมพู กำลังเดินตรงเข้ามา ดวงตาของ เธอเป็นสีเดียว
ผมของเธอ



“ ธ..เธอคือ..ต้นเหตุ…ของเรื่อง..ทั้งหมด…แฮ่ก..สินะ ”
ธนัท กล่าวทว่าก็ยังไม่หยุดหอบขณะที่ เธอยกแขนขึ้นตั้งฉากระดับหน้าอก


“ ถ้าบอกว่าใช่แล้วจะทำยังไงต่อล่ะ ”
“ approntare ”(ภาษาอิตาลี = get set)

สิ้นคำของเธอและจบเสียงของ Note ที่เธอห้อยเอาไว้ Note ของเธอ
ก็เปลี่ยนรูปร่างมาเป็น ปลอกแขนสำหรับดวลไพ่ทันที


“ ท้าดวลงั้นเหรอ..ได้เลย ”
ธนัท กล่าวแต่สีหน้าก็ยังคงซีดเซียวจากความเหนื่อยล้าอีกทั้งความบอบช้ำ
ที่แพ้ คิระ มาก็ยังไม่หายดี โคทาโร่ ที่เห็นแบบนั้นจึงเข้ามาขวางไว้

“ นายไม่ไหวหรอก ให้ฉันจัดการเถอะ ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ยก มาราคัส Note ของตนขึ้นมา

“ Get Set ”
สิ้นเสียง มาราคัส ก็กลายเป็นปลอกแขนสำรับดวลให้แก่เขาไป

“ ถ้างั้น ฝากนายด้วยนะ ”
ธนัท กล่าวก่อนจะล้มลงไปนั่งด้วยความเหนื่อยอ่อน
และให้ โคทาโร่ เป็นคน ออกไปดวลแทน

“ ใครก็ได้ทั้งนั้นล่ะขอแค่อย่าทำให้ฉันเบื่อก็แล้วกัน ”
เธอ กล่าวก่อนที่ โคทาโร่ จะมายืนประจันหน้า



“ Let’s Duel Summoner Level (Mp8) ”
สิ้นคำทั้งสองฝ่าย ก็จั่วไพ่ขึ้นมาจนครบ 7 ใบ


“ ฉันเป็นฝ่ายบุกก่อน Cost mp 3 ร่าย คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน(Crystal Archer Paladin)ไปที่ At line ”
สิ้นคำของเธอ ไพ่ซีลบนมือก็ถูกโยนออกมาก่อนที่เฟืองไดนาเมซ ที่ปลอกแขนจะหมุนสร้างละออง
พลังเวทย์ออกไปรวมที่ ไพ่และทำให้มันปรากฏร่างของ อสูรอัญเชิญรูปร่างมนุษย์ ซึ่งมาพร้อมกับ
คันธนู ร่างทั้งร่างนั้นทอประกายรัศมีราวกับผลึกคริสตัล



“ จากนั้น Cost mp 2 เพื่ออัญเชิญ มารีนไนท์(Marine Knight) ออกมา 2 ตัวที่ Df Line ผ่าน ”
สิ้นคำไพ่ซีล อีกสองใบก็ถูกส่งลงมาและกลายเป็นอสูรอัญเชิญ รูปแบบอัศวินมนุษย์เงือกอีกสองตัว
ลงมาที่แนวป้องกัน



“ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน At 8 Sp 4 งั้นเหรอดีล่ะถ้าจัดการได้รอบหน้าอีกฝ่ายก็
จะต้องร่ายซีลตัวใหญ่ลงมาเพิ่มแน่ ”
โคทาโร่ คิดขณะที่กำลังลือกไพ่บนมือ ก่อนจะหยิบเอาออกมาแล้วร่ายลงไป

“ Cost mp 2 ร่ายอาคามุ อินซู (Akamu Inzu) ลงมาไปที่ df line ”
สิ้นคำ ไพ่ที่ร่ายออกไปก็ปรากฏร่างขึ้นเป็น นักสู้หนุ่มผมสีน้ำตาลแดงขึ้นมา
ที่แนวป้องกัน




[Data: โคทาโร่ เซนาคาว่า Age: 14 Year    Deck: Gut Fighter ]


“ จากนั้นให้ Ability ของ อาคามุ ทำงานเมื่อเข้ามาในสนามแสดง Pugilist 1 ใบจาก
กองการ์ดแล้วนำขึ้นมือได้ ที่ชั้นจะนำขึ้นมาก็คือ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ อินซู
(Akamu inzu, the Apprentice Pugilist) ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ ดึงสำรับไพ่ ซีล ขึ้นมาจากช่องเสียบที่ปลอกแขนก่อนจะเปิดไล่จนเจอใบที่ต้องการ
แล้วนำมันแสดงและเก็บไปรวมกับ ไพ่บนมือก่อนจะสลับสำรับแล้วใส่คืนช่องไป



“ จากนั้น cost mp 2 ร่าย อาคามุ อินซู อีกใบและให้ ability ทำงานนำ อาคามุ อินซู ขึ้นมาไว้บนมืออีกใบ ”
สิ้นคำ โคทาโร่ ก็ร่ายนักสู้หนุ่มที่เหมือนกับตัวแรก ออกมาอีก ก่อนจะหยิบไพ่แบบเดียวกับที่ ร่ายลงไป
ขึ้นมาจากกองอีกใบไปเก็บไว้บนมือ

“ แล้ว cost mp1 ร่าย นักสู้ฝึกหัด อาคามุ ลงไปที่ at line จากนั้นทำการทริปเปิลคอมฯ ”
สิ้นคำของ โคทาโร่ นักสู้เด็กก็ถูกร่ายออกมา ที่แนวหน้า

“ Combination Console ”
เสียงดังขึ้นจาก Note ของเค้าก่อนที่จะเปิดจอโฮโลแกรมขึ้นมา ซึ่งมีภาพไพ่ทั้งสามใบ
ในสนามฝั่งเขาแสดงอยู่ก่อนที่ จะเลื่อนเอาไพ่ของ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ
ไปทับกับ อาคามุ อินซุ อีกสองใบ

(หมายเหตุ อาคามุ อินซุ ใช้เรียกตัวเลเวล2 ส่วน นักสู้ฝึกหัดอาคามุ ใช้เรียกตัว
 เลเวล 1 เพื่อไม่ให้สับสนจึงเรียนมา ณ ที่นี้)


“ เดี๋ยวสิ ทำไมถึงรวมร่างได้ล่ะ สองตัวนั้นพึ่งจะลงมาเองนะ ”
อีกฝ่ายแย้งขึ้นมาด้วยความสงสัย

“ อาคามุ อินซุ น่ะมีอีก ability คือเมื่อ มี Pugilist ใบอื่นเข้ามาใน
สนามตัวมันจะนับว่าผ่านไป1เทิร์น ดังนั้น เมื่อ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ เข้ามาในสนาม
 อาคามุทั้งสองจึงนับว่าผ่านไป1เทิร์นแล้ว และสามารถเป็นซีลรองรวมร่างได้ ”

โคทาโร่ อธิบายขณะที่ จอโฮโลแกรม ค่อยๆจางหายไป ขณะที่ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ กับ อาคามุอินซู
นั้นเดินเข้าไปรวมกลุ่มกันที่  At Line

“ cost mp ที่เหลืออยู่ทั้งหมด 3 แล้วให้ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ โจมตีไปที่ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน
Shooting Star Fist(หมัดดาวตก) ”
สิ้นคำกลุ่มนักสู้ทั้งสามคน ก็พุ่งตัวออกไป ปล่อยหมัดพร้อมๆกันอย่างรวดเร็วจนดูราวกับเป็น
ฝนดาวตก

“ ability ของ คริสตัลอาเชอร์พาลาดินทำงาน เมื่อต่อสู้กับซีลที่มีค่าร่าย น้อยกว่าหรือเท่ากับตัวเอง
สามารถจ่ายmp1เพื่อร่ายมิสติกการ์ดที่มีค่าร่ายเท่ากับหรือต่ำกว่า 3 ได้ 1ใบ cost mp 1
ให้ Cool Moon ที่อยู่บนมือทำงาน ”
สิ้นคำของเธอ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน ก็ยกคันธนูขึ้นเหนือหัวก่อนจะสร้างมวลแสง
สีฟ้าขึ้นมาในมือแล้วนำไปรั้งกับคันธนู ก่อนจะยิงมันขึ้นไปธนูแสงสีฟ้าไปพุ่งทะยานไปด้านบนก่อนจะ

ส่องประกายเจิดจ้า และปรากฏดวงจันทร์ สีฟ้าขนาดใหญ่ขึ้นกลางสนาม
ก่อนที่ การโจมตีของ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ จะเข้ามาถึงพื้นสนามก็กลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้
กลุ่มนักสู้ทั้งสาม ลื่นไถลกลับไปที่ แนวป้องกันของตนแทน



“ ชิ…ติดสภาพ Freeze Curse  เลยโจมตีต่อไม่ได้…ผ่าน ”
โคทาโร่ สบถด้วยความไม่พอใจ ที่การโจมตีของเค้านั้นไร้ผล

“ จะบอกอะไรให้นะเจ้าหนู เธอน่ะ…. ”
หญิงสาวกล่าวขณะที่ ดึง มิสติกการ์ดออกมาถือเพิ่มอีก 2 ใบ
โดย โคทาโร่ คอยฟังว่าเธอจะพูดอะไร


โคทาโร

“ เมื่อ เงือกแห่งสุสานวารี ต่อสู้ Seal ที่ต่อสู้ด้วยจะยกเลิก Skill และ Ability ของ
Seal ใบอื่นที่ไม่มีคำว่า Merman อยู่ในชื่อ ดังนั้นผลการป้องกันการโจมตี และ
การถูกทำลายจากการต่อสู้ของ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ จึงหายไปในการโจมตีนี้ ”

สิ้นคำของเธอ เงือกสุสานวารี ที่ร่ายออกมา ก็พุ่งเข้าโจมตีใส่พื้นที่กลุ่มของ อาคามุ ยืนอยู่จนเกิด
รอยร้าวบนพื้นที่นั้นทำให้ ทั้งกลุ่มไม่สามารถใช้ผลของ ability ขยับตัวหลบหลีกได้

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #75 on: May 10, 2009, 06:35:33 PM »

“ ดับเบิลคอมฯ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน เป็นซีลหลักกับ
มารีนไนท์ แล้ว cost mp 3 โจมตีและให้ abilityทำงาน cost mp อีก 1 ให้

Hercules ทำงาน Atของ คริสตัลอาเชอร์พาราดิน
เพิ่มขึ้น 2 หน่วยรวมเป็น12หน่วย Crystal Bow Blade(คมดาบคันธนูคริสตัล) ”

สิ้นเสียงของเธอ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน ที่รวมกับ มารีนไนท์ แล้วก็เริ่มการจู่โจม
พร้อมกับที่ ปรากฏภาพมิสติก ของ Hercules ขึ้นมาบนสนามก่อนที่จะสลายกลายเป็น
ละอองแสงและไปรวมที่ การโจมตีครั้งนี้ ทำให้ค่าพลังของ คริสตัลอาเชอร์พาราดิน เพิ่มสูงขึ้น

หากการโจมตีนี้สำเร็จ โคทาดร่ จะต้องเสียซีลในสนามไปทั้งหมดและ เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายลุกไล่จน
พ่ายแพ้ได้

“ cost mp 3 ร่าย ธันเดอร์โบล(Thunder Bolt)  เป้าหมายไปที่ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ ”
สิ้นคำ ไพ่มิสติกบนมือของ โคทาโร่ ก็ถูกส่งลงไป เกิดสายฟ้าฟาดลงมาที่กลางกลุ่มของเหล่า อาคามุ
จนแยกการรวมกลุ่มออกมา ทำให้ มีเพียง นักสู้ฝึกหัดอาคามุ เท่านั้นที่ถูกทำลายไป



“ ยังไม่จบหรอกน่า ให้ มารีนไนท์ อีกตัวที่อยู่ df line ขึ้นไปแล้ว
cost mp ที่เหลืออีก1โจมตีไปที่ อาคามุ อินซุ ใน df line ”
สิ้นคำ มารีนไนท์ อีกตัวทีอยู่แนวป้องกันก็พุ่งขึ้นมาโจมตี อาคามุ อินซุ ทว่า
ค่าพลังที่แตกต่างกันทำให้ ดาบของมารีนไนท์ นั้นถูก อาคามุ อินซุ ปัดกระเด็นออกไป

“ ผ่าน ในตอนนี้เมื่อ จบ Sub-Turn ที่มารีนไนท์ โจมตีสำเร็จสามารถนำ ตัวมารีนไนท์
ออกจากเกม จากนั้นนำ Knight ธาตุน้ำ 1ใบจากกองเข้ามาในสนามได้ ที่จะนำมาก็คือ
 คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน ”

สิ้นคำ ตัวของ มารีนไนท์ ก็เปล่งแสงก่อนจะเปลี่ยนรูปกลายเป็น คริสตัลอาเชอร์พาลาดินไป
ขณะที่ ละอองแสงส่วนที่กระจายออกมาจากการเลี่ยนร่างนั้น กลับรวมเป็นไพ่ของ มารีนไนท์ กลับ

ไปที่มือของเธอ ก่อนที่เธอจะนำมันไปเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ และนำเอาคริสตัลอาเชอร์พาลาดิน อีก
ใบในกองสำรับมาร่ายลงไปแทน


“ รอบของฉัน จั่วไพ่ ”
โคทาโร่ ขานรับขณะที่ ดึงเอามิสติกขึ้นมาอีกสองใบ
ซึ่งทั้งสองใบนั้นเป็น  Gemmed Gauntlet ทั้งคู่
เค้าจึงตีสีหน้าไม่สู้ดีนักเพราะตอนนี้ ที่อยู่อีกใบก็เป็น มิสติกสวมใส่
 kanshinsha, the gauntlet of harison
อีกทำให้ทั้งมิสติกบนมือเค้านั้น ไม่สามารถใช้แก้สถานการณ์ได้





โคทาโร

“ Synchronize ”
เสียงดังกังวานขึ้นมาจาก Note ของเค้า พร้อมกับที่ เอกนอร์ไมเต้ ปรากฏตัวได้สำเร็จ

“ การร่าย เอกนอร์ไมเต้ นั้นเสียต้อง cost mp ให้ 3 จากนั้นให้
เอกนอร์มเต้ ดับเบิลคอมฯ กับอาคามุ อินซุ  ”

โคทาโร่ กล่าวจบ Note ของเค้าก็เปิดจอโฮโลแกรมสำหรับรวมร่างขึ้นมาให้
เมื่อเค้าจะใส่คำสั่งลงไป เสร็จ เอกนอร์ไมเต้ก็สลายตัวกลายเป็นเปลวเพลิงพุ่งเข้าไป
หลอมใส่ ร่างของ อาคามุ อินซุ ราวกับเป็นชุดเกราะ เพลิงรูปมังกร

“ cost mp 2 ให้ เอกนอร์ไมเต้ โจมตีไปที่ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน  ที่รวมร่างอยู่ ”
โคทาโร่ กล่าวจบ เอกนอร์ไมเต้ ก็พุ่งเข้าไปสู้กับ กลุ่มของคริสตัลอาเชอร์พาลาดินและ มารีนไนท์

“ ยังไงพลังโจมตีของ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน มากกว่าอยู่ดีคิดจะฆ่าตัวตายรึไง ”
เธอกล่าวด้วยความลำพองก่อนที่มันจะกลายเป็นความประหลาดใจไป
เมื่อได้ฟังคำตอบของ โคทาโร่

“ เอกนอร์ไมเต้ เมื่อโจมตีสามารถนำไพ่ใบบนสุดของกองใดกองหนึ่งไปยังShrine
แล้วนำค่า At ของ เอกนอร์ไมเต้ ไปเทียบกับ ค่า df ของSeal ที่ต่อสู้ด้วยได้ ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ดึงเอามิสติกใบบนสุดทิ้งลงไปในช่องเก็บไพ่ที่แพ้แล้ว
ซึ่งไพ่ใบนั้นคือ kashinsha อีกใบ

ทันทีที่เริ่มเงื่อนไขการใช้ ability เอกนอร์ไมเต้ ก็เข้าจู่โจมด้วยหมัดอัคคี ที่มือซ้าย
กวาดล็อกคอ ทั้งสองตัวเอาไว้ แล้วจัดการอัดลำตัวของ ซีลทั้งสองด้วยกรงเล็บที่มือขวา
คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน และ มารีนไนท์ จึงถูกทำลายลงในทันที

“ ผ่าน ”
โคทาโร่ กล่าวจบเทิร์นของตน เพราะเค้าไม่ mp เหลือจะเล่นแล้ว
หลังจากนั้น อีกฝ่ายจึงดึงเอามิสติกการ์ดขึ้นมาอีกสองใบ

“ ให้คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน ดับเบิลคอมฯกับ เงือกแห่งสุสานวารี แล้วcost mp 3 โจมตี ”
หญิงสาวกล่าวอย่างรวดเร็วฉับไว ด้วยน้ำเสียงบขุ่นเคืองที่อะไรๆก็ไม่เป็นอย่างที่เธอคิดนัก
ทันทีที่ คริสตัลอาเชอร์พาลาดินรวมร่างเสร็จ การโจมตีนั้น โคทาโร่ ก็ไม่สามารถต้านได้

ถึงพลังจะห่างกันเพียงแค่ 1 จุด ระหว่าง 10 กับ 9 ก็ตาม แต่เพราะบนมือเค้านั้นไม่มีมิสติก
ที่จะร่ายลงมาเพิ่มพลังแบบ เลย

“ ช่วงที่ทำการต่อสู้ ฉันให้ ability ของ คริสตัลอาเชอพาลาดินทำงานด้วย cost mp 1
ให้ Falling From Top จากบนมือทำงาน อีกฝ่ายต้องเลอกทิ้ง Seal บนมือไป 1 ใบ ”
สิ้นคำ ไพ่บนมือของเธอก็ถูกร่ายลงมา ปรากฏภาพของหอคอย สูงก่อนที่จะมีอสูรตัวหนึ่ง
ซึ่งออกมาพร้อมกับ หอคอยนี้ บินวนอยู่เหนือหอคอย ทันทีที่ผลของไพ่เริ่มทำงาน

ธนูไฟก็ถูกยิงออกมาจากหอคอย จนเจ้าอสูร โดนยิงร่วงลงมาระเบิด ที่ด้านหลังของ โคทาโร่
แรงระเบิดทำให้เค้าถึงกับกลิ้งกระเด็น ไปกระแทกเข้ากับกลุ่มโต๊ะทานข้าว ที่ตั้วอยู่เลยทีเดียว



“ เอาล่ะเจ้าหนูทิ้งไพ่ซะ ”
เธอย้ำเตือน ขณะที่ โคทาโร่ ค่อยๆยันตัวขึ้นมาอย่างเจ็บระบบ ไปทั้งตัวก่อนจะหยิบเอา อาคามุ อินซุ
อีกใบบนมือ ทิ้งลงไปในช่องเก็บการ์ด ของ ปลอกแขน

“ ดี ถ้างั้นเอาไปอีกละกันนะ Falling From Top  ”
สิ้นคำเธอก็ร่ายไพ่แบบเดิมลงมาอีกใบเหตุการณ์ณ์ที่ อสูรถูกสอยตกลงมาระเบิดใส่ เค้าจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง
โดยครั้งนี้ ตัวโคทาโร่ แทบจะลุกขึ้นไม่ไหว แต่สุดท้ายก็กัดฟันฝืนทนลุกขึ้นมายืนได้

“ โคทาโร่!! ”
ธนัท ตะโกน เพื่อเตือนสติของ โคทาโร่ ที่ดูท่าจะไปกับการถูกระดมยิงใส่โดยตรงอย่างต่อเนื่อง
ตอนนี้ระหว่าง อาคามุ อินซุ อีกใบกับ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ เค้าต้องเลือกตัดสินใจว่าจะทิ้งใบใดลงไป

“ ถ้าทิ้ง นักสู้ฝึกหัด อาคามุไป เราจะเสียหายน้อยกว่าก็จริง แต่ถ้าป็นแบบนั้นรอบหน้าจะทำยังไงล่ะ
ถ้าหาทางยืดออกไปไม่ได้อีกซักเทิร์นล่ะก็ ถึงจะให้ อาคามุ รวมร่างแล้วเพิ่มพลังด้วยไพ่สวมใส่พวกนี้ก็เถอะ
แต่ถ้าอีกฝ่ายแก้ได้ล่ะก็ เราก็จบอยู่ดี ชิ..เอาไงดี  ”

โคทาโร่ คิดหาทางที่จะยืนหยัดอยู่ต่อไปในรอบหน้าให้ได้ ตอนนี้เค้าถูกบีบให้เลือกอย่างลำบาก
ในที่สุดเมื่อตัดสินใจได้แล้ว เค้าจึงเลือกทิ้ง อาคามุ ไปแทนและเก็บ นักสู้ฝึกหัดไว้เพื่อใช้ ability
ของ นักสู้ฝึกหัด อาคามุ เอาตัวรอดเพื่อตั้งตัวใหม่อีกครั้ง


“ รอบของฉันหมดแค่นี้ล่ะ ว่าแต่เจ้าหนู แกได้ยินเสียงอะไรไหม ”
เธอกล่าวขณะที่ โคทาโร่ เดินกลับมาที่เดิม หลังจากถูกอัดจนกลิ้งกระเด็นไปไกล
ครั้นเมื่อได้ยินคำถามของเธอ ทั้งเค้าและ ธนัท ก็พากันแปลกใจ

ก่อนที่ โคทาโร่ จะเริ่มได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่เหม็นฉุนและเสียงแปลกๆเหมือนเสียง
ลมที่ผ่านช่องอากาศออกมา

“ น..นี่มัน  ”
โคทาโร่ อุทานขณะที่เค้าหันไปมาเพื่อหาต้นตอของ กลิ่นและเสียง จนไปหยุดที่ ครัวด้านหลังเคาเตอร์
ร้านอาหารที่ ตั้งอยู่เชิงบันได ที่ ธนัท นั่งพิงดูการดวลของ เค้ากับ เธอ

“ ธนัท หมอบเร็ว!!! ”
สิ้นคำไม่ทันที่ จะคิดอะไรต่อไปอีก ธนัท ที่ตกใจเสียงของ โคทาโร่ จึงหมอบลงโดยไม่รู้ตัว
ซึ่งก็พอดีกับ เตาแก๊สในครัว ของร้านระเบิดออกมาพอดี จนเกิดไฟไหม้ลุกลามไปทั่วทั้งชั้น
นี้

“ นี่มันหมายความว่ายังไง ”
โคทาโร่ หันกลับไปสบถใส่เธอ ซึ่ง เธอ ก็เอาแต่อมยิ้มชอบใจในสีหน้าตอนโกรธของเค้า

“ ก็ไม่อะไรทั้งนั้นล่ะ ตอนนี้ที่ห้องควบคุมพลังงานชั้นบนสุดของอาคาร ฉันก็แค่ไปปรับให้มัน
ปล่อยแก๊ส ออกมาแล้วก็เปิดให้ เตาไฟมันทำงานตามเวลาที่ตั้งไว้ ที่ชั้นอื่นๆก็มีนะ
ไม่ว่าจะพวกเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ฉันก็ตั้งให้มันจ่ายไฟแรงเป็นพิเศษ อีกเดี๋ยวก็คงได้
เกิดดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ขึ้นกลางเมืองแน่เลยเนอะ มันคงเป็นภาพที่สวยงามน่าดูชมเชียว  ”

หญิงสาว อธิบายถึงแผนการณ์ ของเธอซึ่งทำเอา ทั้ง ธนัท และ โคทาโร่
พูดไม่ออกกันไปเลยทีเดียว เพราะหากคิดถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นนั้นมันมากมายเกินคณานับ
หากอาคารทั้งหลังระเบิดอาคารรอบๆก็จะได้รับความเสียหาย และเมื่อตัวอาคารถล่มลงไป บนท้องถนน
ที่ล้อมรอบอาคารนี้อยู่ก็จะกลายเป็น โศกนาฏกรรม ครั้งใหญ่เลยทีเดียว


“ น…นี่เธอคิดจะทำอะไรกันแน่ ถ้าทำแบบนั้นล่ะก็ ได้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่กันพอดี ”
ธนัท สบถถามใส่เธอ แต่เธอก็ยังคงนิ่งเงียบและรอที่จะดวลต่อให้เสร็จ

“ ไปพูดกับคนแบบนี้ก็ไม่ได้อะไรหรอก ธนัท ฉันจะรีบๆจัดการยัยนี่
 แล้วพวกเรารีบไปเปิดระบบรักษาความปลอดภัยในตึกกัน ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่ดึงไพ่มิสติกขึ้นมาใบหนึ่ง

“ สถานการณ์ตอนนี้เราจะเอาชนะโดยเร็ว ได้ยังไงกัน Shrine เรายังมากกว่าเค้าซะด้วยซ้ำ
แถมซีลอีกฝ่ายก็ไม่มีพอที่เราจะไปทำลายทั้งหมดแล้วจบในรอบนี้อีกด้วย
 ไม่สิลำพังเราเองไม่มีจะเอาอะไรไปสู้กับซีลของเธอด้วยซ้ำ ”

โคทาโร่ คิดขณะที่ดูมิสติกที่จั่วมา

“ นี่มัน ทรานซ์ฟิกชั่น(Transfixtion) ไพ่ที่จะทำให้ผู้เล่นทุกคนข้าม Draw Step
ถัดไปของตัวเองเดี๋ยวสิซีลไม่พอ…ซีลไม่พอทีจะทำลาย…..ไม่มีซีล..จริงด้วยยังมีวิธีอยู่นี่
วิธีที่เราจะชนะในรอบนี้ ต้อลองเสี่ยงเดิมพันกับการจั่วอีกใบ ถ้าจั่วได้ไพ่ใบนั้นล่ะก็ ”

โคทาโร่ คิดแววตาของเค้าเริ่มส่องประกายแห่งความหวังขึ้นมาทันที
นั่นทำให้ เธอสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเค้าไม่น้อย



“ สีหน้าแบบนั้น หาทางแก้สถานการณ์ตอนนี้ได้แล้วงั้นเหรอ เอาเถอะถึงอย่างนั้น
ก็ไม่มีทางจบในรอบนี้ได้หรอกเพราะ ต่อให้ส่งซีลทั้งบนสนามและในมือของฉันลงไชน์

 ไปก็ไม่จบเกมอยู่ดี…ที่สำคัญ ลงทุนทำถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าหนึ่งในพวกนี้มีคนที่เป็น Angel
ที่คุมมังกรขาวได้ล่ะก็มันก็น่าจะปรากฏตัวออกมาได้แล้วนะ หรือว่า… ”

หญิงสาวคิด ถึงแผนการที่เธอจัดเตรียมไว้เพื่อจะล่อให้ เจ้าหญิงแห่งมังกรขาว แสดงพลังออกมา
โดยสร้างสถานการณ์ ฉุกเฉินขึ้นมากระตุ้น การอัญเชิญของ เป้าหมายที่เธอต้องการ


“ ทุกอย่างฉันขอเดิมพันกับการจั่วครั้งนี้ ”
โคทาโร่ คิดก่อนจะดึงเอาซีลการ์ดขึ้นมา ทันทีที่ได้เห็นซีลใบนั้น เค้าก็ยิ้มออกทันที


“ หือ..ยิ้มแบบนั้น…เอาเถอะบนมือฉัน มี ธันเดอร์โบล 2 ใบถึงจะรวมร่างมาแค่ทำให้แยกร่างซะ
ก็สู้คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน ของฉันไม่ได้แล้ว ”
เธอคิด อย่างลำพองเพราะมั่นใจว่าเธอเตรียมการป้องกันเอาไว้สมบรูณ์ทั้งหมด

โคทาโร

“ จากนั้น cost mp 1 ร่าย นักสู้ฝึกหัดอาคามุลงไปที่ at line อีกใบ จากนั้นให้ อาคามุ อินซุ ที่อยู่ df line ขึ้นไปที่ at lineด้วย ”
สิ้นคำของ โคทาโร่ซีลทั้งสามก็ ขึ้นไปอยู่แถวหน้ากันทั้งหมด

“ cost mp 1 สั่ง มูนไชน์แวร์วูฟร์ โจมตี จากนั้นให้ability ทำงาน Sacrifice นักสู้ฝึกหัดอาคามุ
แล้วเลือกท่าโจมตี ทริปเปิลคอมฯ  Full Moon Party(ลอยกระทง) ”
สิ้นคำ มูนไชน์แวร์วูฟร์ ก็สะบัดกรงเล็บ ใส่ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ จนโลหิตสีแดงสาดออก
มาอาบร่างของมัน

ก่อนที่ นักสู้ฝึกหัดอาคามุ จะหมดสภาพและถูกส่งไปยัง Shrine แล้วตัวมันจึง
บุกเข้าสู้กับ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน อย่างบ้าเลือด

“ ย..แย่ล่ะสิ นี่มันใช้การเลือกท่าจู่โจมเข้ามาโจมตี ยังงี้ ธันเดอร์โบล ก็ใช้ไม่ได้กันพอดี ”
เธอ คิด ขณะที่ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน นั้นรับมือกับ มูนไชน์แวร์วูฟร์ไปได้ไม่นานถูก
กรงเล็บของมันฉีกเป็นชิ้นๆ และสลายกลับเป็นไพ่ ไปเก็บยังช่อง Shrine ของเธอ
ทันที

“ จากนั้น cost mp 1 ให้ อาคามุ อินซุ โจมตีขึ้นมือเป้าฟหมายซีลการ์ดใบนั้น ”
สิ้นคำ อาคามุ อินซุ ก็เข้าไปโจมตีใส่แต่ก็ปรากฏ ไพ่ซีลที่เป็นเป้าหมายขึ้นมาป้องกันเธอไว้ทำให้
การโจมตีนั้นไปลงที่ ซีลแทนและ ไพ่ซีลนั้นจึงถูกส่งไปยัง Shrineซึ่งนั่นคือ คริสตัลอาเชอร์พาลาดิน
ใบที่3ของเธอ ตอนนี้ เธอไม่เหลือทั้ง ซีลในสนามและบนมืออีกแล้ว
ถึงกระนั้น เธอก็ยังไม่สะทกสะท้านอยู่ดี

“ แล้วยังไงก็แค่ทำลายซีลของฉันจนหมดแต่ รอบนี้ก็ยังไม่จบอยู่ดี พวกเธอก็ได้
แต่รอคอยเวลาที่ตึกนี้มันจะระเบิดต่อไปเท่านั้นล่ะนะ ”

เธอกล่าว ทว่า โคทาโร่ ก็ไม่ตอบโต้กลับไปหากแต่ร่าย มิสติกการ์ดต่อทันที


“ cost mp 2 ร่าย Transfixtion ผู้เล่นทุกคนจะต้องข้าม Draw Step ถัดไปของตัวเอง ”
สิ้นคำ ไพ่ของ โคทาโร่ ก็สำแดงเดช โดยการสร้างดาบสองเล่มขึ้นมาปักลงไปบน
กองไพ่ที่ปรากกขึ้นมาพร้อมกับมัน เป็นสัญญาณว่าในรอบต่อไปของแต่ละคนจะไม่สามารถจั่วไพ่ได้

“ น…นี่มัน Close Draw Kill(ปิดการจั่วสังหาร) ”
เธอ อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตา

“ ถูกต้องความปลอดภัยสมบรูณ์แบบที่เธอสร้างขึ้นมามันกลับกลายเป็น
คมดาบที่ย้อนศรมาทำลายตัวเอง

ถ้ามีซีล น้อยกว่าที่จะทำลายทั้งหมดเพื่อจบเกม มันก็จะปิดช่องโหว่ในการ
แพ้เพราะ Shrine Max
แต่ว่ามันก็เปิดช่องโหว่สำคัญอีกอย่างขึ้นมา ”

โคทาโร่ กล่าวขณะที่ เธอนั้นยังคงอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่




“ ตามกฏกติกาสากลSMN ข้อที่102.5หมวดการตัดสินแพ้-ชนะ หากผู้เล่นคน
ใดไม่มีซีลในช่วง Check up Step และภายใน Sub-Turn นั้นยังคงไม่
นำซีลเข้ามาในสนาม เมื่อจบ Sub-Turn นั้นผู้เล่นนั้นจะเป็นฝ่ายแพ้ทันที ”

ธนัท กล่าวจบการแข่งขันก็รู้ผลในทันที เมื่อเธอไม่สามารถที่จะจั่วไพ่ได้ในรอบนี้และบนมือ
ของเธอก็ไม่มีพ่ที่จะนำซีลเข้ามาในสนามได้ ดังนั้นเธอจึงถูกปรับแพ้ไปตามกฎสากล


โคทาโร
« Last Edit: May 15, 2009, 04:46:25 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #76 on: May 10, 2009, 06:36:03 PM »

“ ค..คือว่า ม..ไม่ต้องคิดมาก.. ”
“ นี่เจอตัวแล้วใช่ไหม ”

แอน ที่ตอบกลับ เคียว ไปได้ยังไม่ทันจบก็ถูกเสียงของ คิระ(อนุชิต) แทรกเข้ามาซะก่อน
ขณะที่เจ้าตัว พึ่งจะเดินเข้ามาสมทบกับพวกเธอ

“ ครับ เจอแล้วล่ะครับ คิดว่าเธอคงเป็นลมไประหว่างทาง เพราะแถวนี้ตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่แล้วด้วย ”
เคียว ชิงตอบให้ แอน แทนเสร็จศัพท์ ด้าน แอน ที่บอกเรื่องที่เธอถูกพวกชายชุดดำไล่ล่า
ก็ยังไม่ทันเอ่อยปากก็มีสายต่อเข้ามา ที่ Note ของ คิระ ซะก่อน

“ Get Call ”
เสียงของ Note ที่ คิระ ห้อยคอเอาไว้ดังขึ้นก่อนที่ คิระ จะยกมันขึ้นมาถือไว้ในอุ้งมือ

“ รับสาย ทีเนอร์(Tenor) ”   “ Ja wohl ”(ภาษาเยอรมัน=รับทราบ)
คิระ สั่งจบ ทีเนอร์ Note ของเค้าก็รับคำก่อนจะต่อสายที่เรียกเข้ามาให้

“ รุ่นพี่ อนุ….. ”
“ คิระ! ”
“ อ๊า..อ…อ่าครับ!...ร.รุ่นพี่ คิระ ”

เสียงของ ธนัท ที่ดังออกมาจาก ทีเนอร์ เรียกชื่อของเค้าได้ยังไม่ทันจบ
ก็ถูกเค้าแทรกบังคับให้ เรียกฉายาของตัวเองแทน ทำให้ ธนัท จำใจยอมเรียก
ในทันที ก่อนจะเริ่มกล่าวต่อ

“ คือว่า ตอนนี้พวกผมอยู่ที่ชั้นบนสุดของ อาคารแล้วนะครับ หน้าห้องควบคุมน่ะครับ
ถ้าตอนนี้พวกเราเข้าไปหยุดระบบจ่ายพลังงานไม่ทันล่ะก็ ตึกทั้งหลังจะระเบิดพร้อมกันทุกชั้น
แต่ว่าตอนนี้เรามีปัญหากันนิดหน่อยน่ะครับ ”

ธนัท กล่าวอย่างรีบเร่ง ขณะที่ข้างๆ เขานั้น โคทาโร่ กำลังกดปุ่มป้อนรหัสเพื่อเปิดประตู
แต่มันก็ไม่ผ่านซะทุกครั้ง บวกกัเวลาที่บีบเข้ามาเรื่อยๆทำให้ เค้า รีบเร่งซะจนไม่มีสมาธิ
มานั่งแกะรหัสอีก

“ ปัญหาอะไรเหรอ ”
เสียงของ คิระ ดังตอบกลับมาขณะที่ โคทาโร่ เปลี่ยนจากใส่ รหัสเพื่อเปิดประตูมาเป็นพังประตูแทน
แต่ทว่า ประตูห้องควบคุม ที่อยู่บนเชิงบันไดที่ขึ้นมาถึงห้องนี้นั้น

เป็นประตูไททาเนียม อย่างแข็งสุดๆ แม้แต่พลัง DNa Changer ของ โคทาโร่ ที่เคยขยี้กำแพงยุบมาแล้ว
ยังไม่ระคายผิว อีกทั้ง เขตนี้ยังจำกัดพลังเวทย์ ทำให้การเรียกอสูรอัญเชิญออกมาช่วยพัง
เข้าไปเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้

“ เพราะตอนนี้ประตูห้องควบคุมมันล็อคอยู่ น่ะครับ พวกเราก็ลยยังเข้าไปไม่ได้ แถมทั้ง โคทาโร่
ทั้งผมเองก็พังข้าไปไม่ได้ซะด้วย พอจะมีวิธ ปลดล็อคหรืออะไรบ้างไหมครับ ”
ธนัท กล่าวอย่างรวดเร็วอีกเช่นเคย ขณะที่ มอง โคทาโร่ อยู่ตรงเชิงบันได
ซึ่งแม้ โคทาโร่ จะพุ่งตัวกระแทกซักกี่สิบครั้ง ประตูก็ไม่มีแม้แต่รอยยุบเลย


“ จะโอนสายไปให้ มาริน่า นะเรื่องนี้ฉันไม่ถนัด แค่นี้ล่ะ… ”
สิ้นคำเสียงจาก คิระ ก็ถูกตัดไปก่อนที่ Note ของ ธนัท จะถูกโอนสยไปที่ มาริน่า แทน


“ ปัดความรับผิดชอบกันง่ายๆเลยนินะ เฮ่อสมเป็นรุ่นพี่จริงๆ ”
ธนัท เปรยด้วยทีท่า เอือม กับนิสัยเอาแต่ใจของ คิระ ที่ไม่สนดีสนงาม
เชื่อแต่ตัวเองอย่างเดียว

“ อ้าว เจ้าหนู มีอะไรเหรอ ”
เสียงของ มาริน่า ดังขึ้นทำเอา เค้าตกใจสะดุ้งจนเกือบทำ คอรัส Note ของเค้าตกจากมือ

“ ประ…ประธาน ”
ธนัท อุทานขณะที่ตอนนี้ โคทาโร่ เริ่มหมดแรงแล้วจึงเปลี่ยนมาหาวิธีปลดล็อคประตูอีกครั้ง

“ เรื่องที่นั่นน่ะ คิระ เล่าให้ฉันฟังแล้ว ไม่ต้องห่วงไปหรอกเจ้าหนู ฉันส่งมืออาชีพไปให้แล้วอีกเดี๋ยวก็คงถึง ”
เสียงของ มาริน่า ดังขึ้นจาก Note ขณะที่ ธนัท นั้นได้แต่เกาหัวด้วยความสงสัย

“ มืออาชีพ ?...หมายถึง… ”
ธนัท ที่เอ่ยกลับยังไม่ทันจบ ก็เผอิญ เห็นเงาใครบางคนที่วิ่งตัดหน้าเค้าไปยังประตู


“ โธ่เว้ย…นี่ถ้าเป็นนายล่ะก็ ล็อคแค่นี้แก้ได้ไม่ยากแน่ ถ้าตอนนี้ นายอยู่นี่ก็ดีสิ ไดสุ…อ๊ะ ”
โคทาโร่ ที่เปยด้วยความสิ้นหวังอยู่ในวินาทีที่เค้า คิดถึงเพื่อน ที่เค้าออกตามหา อยู่
นั้นก็ต้องสะดุ้งทันทีเมื่อ คนที่วิ่งตัดหน้า ธนัท ไปนั้นวิ่งแทรกเข้ามา ที่แผงปุ่มกดรหัส

อย่างเงียบๆ และยังไม่ทันที่โคทาโร่ จะพูดอะไร หรือทันสังเกตุใบหน้าของอีกฝ่าย
ผู้มาใหม่ก็ จัดแจงกดนิ้วลงไปบนปุ่มรหัส อย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วินาที

เสียงล็อคถูกปลดก็ดังขึ้น สร้างความประหลาดใจให้กับ ทั้ง โค ทาโร่ และ ธนัท
ไปตามๆกัน

“ จริงสิ นี่ไม่ใช่เวลาจะมาอึ้งนี่นา ”
ธนัท ที่ตั้งสติได้ทันจึงรีบวิ่งขึ้นไปเปิดประตูห้องเข้าไปด้านในได้สำเร็จ
ก่อนจะ ยื่นเอา Note ของเค้าไปที่จ่อช่องปลั๊กของแผงวงจรที่ เครื่องควบคุมระบบภายในอาคาร

“ Chorus Jack in Exe Transmission ”
สิ้นคำของ ธนัท คอรัส Note ของเค้าก็เปล่งแสงก่อนที่แสงนั้นจะรวมเป็นเส้นแสง
แล้วพุ่งเข้าไปในช่อง ปลั๊กของ เครื่องควบคุม

“ คอรัส ตัดระบบจ่ายพลังงานทั้งหมดในตัวอาคาร แล้วบูส ระบบรักษาความปลอดภัยก่อนเลย ”
ธนัท สั่งขณะที่ หน้าจอมอนิเตอร์ในห้องควบคุมที่ ล้อมอยู่สามด้านของผนังห้อง
เริ่มแสดงผัง ของอาคาร และระบบควบคุมของทั้งตัวอาคารขึ้นมา

“ Roger, Mission Started ”
สิ้นเสียงจาก คอรัส ระบบทั้งหมดภายในห้องควบคุมก็ ถูกคอรัส เจาะเข้าไปดึงการควบคุมทั้งหมดมา
หน้าจอแสดงผลของห้องเริ่ม เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามการทำงานของ คอรัส

“ Shuting Down Link energy Sever and Boosting Security System all green ”
สิ้นเสียงของ คอรัส หลอดไฟในตัวอาคารทั้งหลังก็ดับลง จนมืดสนิทไปทั้งอาคาร
และการตัดไฟนี้ทำให้ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆในตัวอาคารที่กำลังจะ โอเวอร์ฮีทเพราะทำงานเกินกำลัง
หยุดทำงานลงไปด้วย

ตอนนี้แม้แต่ หลอดไฟที่เปิดในห้องควบคมก็ดับลง จนทำให้มองเห็นแค่แสงจาก ปุ่มของ
แผงควบคุมและ แสงจากหน้าจอมอนิเตอร์เท่านั้น

ขณะเดียวกัน นี้เมื่อ ระบบรักษาความปลอดภัยกลับมาทำงานไฟที่กำลังไหม้อยู่ที่ชั้น 3
จึงถูกดับด้วย สปริงเกอร์ ดับไฟฉีดน้ำลงมาจนดับสนิท แล้ว

คอรัส จึงเริ่มทำการ เปิดระบบการจ่ายพลังของทั้งอาคารอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้
ตัดคำสั่งที่ หญิงสาวลึกลับคนนั้นทิ้งไว้ออกไปแล้ว สถานการณ์ทั้งหมดจึงกลับสู่สภาวะปกติ
ในที่สุด


“ ทำได้ดีมาก คอรัส เฮ่อ..Jack out ”
สิ้นคำของ ธนัท แสงที่พุ่งเข้าไปในช่องปลั๊กของ เครื่องควบคุมก็พุ่งออกกลับมาที่ Note ของเค้า
ทันทีที่ทุกอย่างแก้ไขเรียบร้อยแล้ว ด้วยความโล่งใจทำให้ ธนัท และ โคทาดร่ ถึงกับหมดแรงเข่าอ่อนไปทั้งคู่

“ เฮ่อ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว ว่าแต่นายเป็นใครเนี่ย ปลดล็อคเก่งเหมือนใครบางคนที่ฉันรู้จักเลยแฮะ ”
โคทาโร่ ถามพลางหอบหายใจเบาๆ โดยที่เค้าเองนั้นยังไม่ทันสังเกตหน้าของผู้ที่มาปลดล็อคให้


“ ก็ใครคนนั้น น่ะอยู่ตรงนี้แล้วไง ”
เสียงนั้นตอบกลับมา ทำเอา โคทาโร่ หยุดกึกไปทันทีเพราะตัวเค้าจำเสียงนั้นได้
ก่อนจะรีบหันควับกลับไปดูหน้าของ คนๆนั้นอย่างชัดๆ
เค้าคนนั้นเป็น เด็กที่อายุพอๆกับพวกเค้า ผมสีแดงชี้ตั้งไปมา ดวงตากลมโตสีแดง
นั้นจับจ้องมาพร้อมกับ รอยยิ้มน้อยๆที่บ่งบอกถึงความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง

“ ด…ด…ไดสุเกะ นี่นายเองเหรอ! ”
โคทาโร่ ร้องเสียงหลงทันทีที่เมื่อได้เห็นหน้าอีกฝ่าย

“ อืม ไม่เจอกันนานเลยนะ เซนาคาว่าคุง ”
ไดสุเกะ ทักทายกลับขณะที่ โคทาโร่ นั้นยังจ้องตาไม่กระพริบ
ด้าน ธนัท ที่เห็นท่าทีของทั้งสอง ก็งงเป็นไก่ตาแตกไปทันที


“ นี่นายรู้จักกับ…นิวะ ที่อยู่ห้อง ข้างๆด้วยเหรอ ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัยต่อท่าที ที่โคทาโร่ แสดงออกมา


“ จะไม่รูจักได้ไงเล่า ก็เจ้านี่น่ะ เป็นเพื่อนฉันตั้งแต่สมัยอยู่ใน URH เมื่อ 2 ปีนู่นแล้ว ”
โคทาโร่ ตอบน้ำเสียงลิงโลด พลางลุกขึ้นกอดคอ เพื่อรักที่ไม่ได้เจอกันมานาน

“ ตอนแรกที่นาย ออกมาล่าค่าหัวยัย ผีดิบนั่น(มาริน่า) ฉันนึกว่านายเดี้ยงไปแล้วนะเนี่ยว่าแตนายมาอยู่นี่ได้ไง? ”
โคทาโร่ กล่าวไปพลางรัดตัว ไดสุเกะ ซะแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ด้าน ไดสุเกะ ก็พยายามดิ้น
จากแรงคิดถึงของ เพื่อนตัวดี เต็มที่ จน ธนัท ต้องเข้ามา แยกออก

“ แค่กๆ…ยังแรงดีเหมือนเดิมเลยนะ เซนาคาว่าคุง ”
ไดสุเกะ กล่าวพลางกุมคอไอค่อกแค่กไป



[Data: ไดสุเกะ นิวะ(Daisuke Niwa) Age: 14 Year  Deck: Stealing Wonder
SpecialType: DNA Changer Dark Angel]


“ ไงเจ้าลูกหมา ทีนี้แกก็ม่ต้องมาตอแยกับฉันแล้วนะ เพื่อนแกก็ยังอยู่นั่นแหละ ”
เสียงของ มาริน่า ดังขึ้นมาจาก Note ของธนัท ทำให้พวกเค้าทั้งสามหันไปมองที่ คอรัส

“ คือว่า..ที่จริงแล้ว เมื่อ 2 ปีก่อนน่ะ… ”
ไดสุเกะ ที่จะอธิบายเรื่องราวนั้น กลับถูกขัดจังหวะขึ้นมาโดย มาริน่า แทน

“ มันก็ไม่มีอะไรหรอก แค่วันนั้นที่หมอนี่มา ถึงก็หลงทางโซเซมาล้มลงตรงหน้าคฤหาสน์ฉัน
เห็นว่า น่ารักดี จะเชือดทิ้งก็ยังไงอยู่เลย ให้มาทำงานที่บ้านฉันแทนน่ะ ”
เสียงของ มาริน่า ดังขึ้นตอบคำถามของพวกเค้าให้เสร็จสรรพชนิดขวานผ่าซากแบบสุดๆ


“ เอ่อ..ก็..แบบนั้นล่ะ..แฮะๆ ”
ไดสุเกะ กล่าวอ้ำๆอึ้งต่อไปอีกหน่อย ขณะที่ โคทาโร่ ที่ได้ฟังคำตอบก็เปลี่ยนทีท่า
 ชนิดจากหน้ามือ เป็น หลังเท้าเลยทีเดียว


“ นี่ ฉันออกตามหานายตั้ง 2 ปีเต็มๆ แต่นายดันไปเป็นคนรับใช้ให้ ยัยผีดิบนั่นสบายใจเฉิบ
งั้นเรอะ!!!!! ”
โคทาโร่ ตะหวาดขึ้นมาอย่างหัวเสียก่อนที่จะไล่ ตะครุบ ไดสุเกะ ไปรอบห้อง

“ อ่า..คือ ประธานครับ…วันหลังพูดอ้อมๆหน่อยก็ดีนะครับ.. ”
“ เหรอ..ทำไมล่ะฉันว่าแบบนี้เข้าง่ายดีออก ”

ธนัท เปรยด้วยความเอือมสุดทนกับ นิสัยกำปั้นทุบดินของ มาริน่า ในขณะที่เธอตอบกลับอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร

………………….
……………………….
………………………………..


โรงเรียนมนต์วิทยา ห้องชมรม SMN

“ ประธาน มีอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ ถึงได้เรียกมาวันนี้.. ”
ชุติการ กล่าวถามด้วยความสงสัยขณะที่ มริน่า วางสายจากพวก ธนัทไป

“ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แต่ Angel อย่างเธอน่าจะรู้ตัวแล้วนะว่าเป้าหมายของ
 Paradiso da Regola คือมังกรขาวในตัวของเธอ ชุติการ ”
มาริน่า กล่าวเสียงเรียบขณะที่หันมาคุยกับเธอ



…………….
………………..
………………………..



“ ขออภัย จริงๆค่ะที่ดิฉันทำพลาด ก่อนที่จะทันใช้ Requiem เสียอีก
ต้องขอประทานอภัยจริงๆดิฉันขอยอมรับผิดทุกอย่าง ”
หญิงสาวลึกลับที่ ดวล กับ โคทาโร่ ได้กลับมายังห้องประชุม ของ Paradiso da Regola
ที่ตอนนี้ เหล่า Ruler อีก 4 คนกับ King กำลังฟังรายงาของเธอ

“ ไนท์ ไกอา (Knight Gaia) เธอทำงานพลาดมา 2 ครั้งแล้วโทษของเธอนั้น.. ”
“ ช้าก่อน นิฮิล…ไม่ต้อง ”

บิชอป นิฮิล ที่กำลังจะกล่าวโทษที่เธอจะได้รับ นั้นกลับถูก ผู้ที่นั่งตำแหน่ง King ปรามไว้

“ ถึงเธอจะทำงานพลาดแต่ก็ทำให้เราได้รู้แล้วว่า ใครใน 4 คนนั่น ที่เป็น องค์หญิงแห่งมังกรขาว Angel ผู้ที่มี
พลังอัญเชิญอสูรเทพ ได้ ”
King กล่าวพร้อมทั้งอภัยโทษ ที่เธอทำพลาดให้

“ หากได้ตัวเธอมาก็ไม่มีอะไรจะมาขวาง คิง ปอร์ ฟีโนเมน่อน (King por Phenomenon) ผู้นี้ได้อีก ”
คิง ปอร์ เปรยอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่ บรรดา Checkmate 5 ซึ่งเป็น Ruler ทั้ง 5 แห่ง
Phenomenon Party นั้นคอยมองดูความคิดของ  นายเหนือหัวตน

………….
…………….
…………………


บ้าน ธนัท เวลา 20.48 น.

“ นี่ โคทาโร่ ”
ธนัท เอ่ยเรียกขึ้นมา ขณะที่ กำลังเลือกชุดเสื้อผ้าเพื่อเตรียมจัดใส่กระเป๋าสำหรับเดินทาง
ทัศนศึกษา ในวันจันทร์ที่จะถึง ด้าน โคทาโร่ ที่ออกมานั่งจัดกระเป๋า อยู่ในห้องของธนัท
ก็หยุดฟังคำถาของเค้า

“ ทำไมเหรอ? ”
โคทาโร่ ย้อนถามก่อนจะเริ่มพับเสื้อเก็บลงกระเป๋าต่อ

“ ช่วยเล่าเรื่องที่นายเคยอยู่ที่ URH ให้ฟังหน่อย….ได้รึเปล่า….แต่ถ้ายังไง..
ถ้านายไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไรนะ ฉันไม่บัง.. ”
ธนัท ถามขึ้นห้วนๆ ก่อนจะรู้ตัวว่า ความอยากรู้ของเขานั้น ไปล่วงเกิน โคทาโร่ เอาซะแล้ว

“ โทษทีนะ…ยังไงฉันก็เล่าให้ฟังไม่ได้หรอก…. ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็ปิดกระเป๋ของ ตัวเองลงก่อนจะยกมันขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูตู้เสื้อผ้าของ ธนัท

“ ราตรีสวัสดิ์ ”
โคทาโร่ กล่าวจบก็เปิดประตูตู้ ออกก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของเขา ที่อยู่ด้านในตู้เสื้อของ ธนัท

“ อ…อืม..โทษทีนะที่ถามเรื่องแบบนั้นไป.. ”
ธนัท กล่าวโดยพยายามไม่หันไปมอง จนเมื่อ ประตูตู้ปิดไป เค้าจึงหันกลับไป
ด้วยความเป็นห่วงที่เริ่มจะมีให้กับผู้ที่มาอาศัย อยู่ด้วยในตอนนี้

“ เรานี้มัน ปากเสียจริงๆ….อยากรู้จักเค้าอยากเข้าใจเค้า แต่ดันไปฝืนบังคับ…ให้เค้ามารู้จักแบบนั้น…เฮ่อ ”
ธนัท คิดก่อนจะถอนหายใจ ออกมา แล้วเดินไปนั่งบนเตียงก่อนจะล้มตัวลงนอน
พลางนึกย้อนถึงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่ วันที่ เค้ากับ โคทาโร่ ได้เจอกัน

ก่อนจะหันไปมอง กองสำรับของ เค้าที่วางทิ้งไว้บนโต๊ะทำงานข้างหน้าต่าง
ภาพตอนที่เค้า แพ้ให้กับ คิระ ก็หวนย้อนกลับขึ้นมา

“ นี่เรา….ยังไม่เก่งพอ…สินะ ”
ธนัท คิดก่อนที่จะผล็อยหลับไปในคืนนั้น


“ Idiot, you forgot Turn on , hey wake up! wake up! ” (เจ้างั่ง นายลืมปิดๆไฟนะ เฮ้ตื่นสิตื่น)
คอรัส Note ของเค้าที่ห้อยอยู่ตรง คานเสาของเตียงนอน ส่งเสียปลุกให้เค้าลุกขึ้นมาปิดไฟในห้อง
ก่อน แต่ทว่า ด้วยความเหนื่อยอ่อน กับเรื่องที่เจอมาในวันนี้ทำให้ ะนัท หลับสนิทไปแล้ว

ขณะที่ คอรัส ยังปลุกอยู่นั้น ประตูตู้ก็เปิดขึ้นมาอีก ก่อนที่โคทาโร่ จะเดินออกมาเก็บเอาเสื้อ
ที่วางทิ้งไว้นอกกระเป๋า ของ ธนัท ลงไปในกระเป๋าก่อนจะปิดมันแล้วเอาไปตั้งพิงไว้ที่ข้างผนังห้อง
ก่อนจะเดินมาที่เตียงของ ธนัท แล้วห่มผ้าห่มให้เค้า แล้วจึงเดินไปที่ สวิตซ์ ไฟของห้อง

“ hey Puppy, … Thank you ”(เฮ้ เจ้าลูกหมา..ขอบใจนะ)
คอรัส ส่งเสียงขึ้นมาอีก เพื่อขอบคุณที่ โคทาโร่ ช่วยมาดูแลธนัท ให้เค้าหันกลับมายิ้มให้
คอรัส ก่อนจะสับสวิตซ์ไฟ ลงเพื่อปิดไฟแล้วจึงเดินกลับไปที่ห้องของเค้าเพื่อเข้านอน

………………

To be Continue


Next Sub-turn

และแล้ว วันทัศนศึกษาก็มาถึง พวกเราได้เดินทางไปพักแรมที่ เกาะภูเก็ต เป็นเวลา 3วัน 2คืน
ในขณะที่สนุกกับการทัศนศึกษา ศึกใหม่ก็กำลังจะเปิดขึ้นไปพร้อมๆกัน

ขณะเดียวกัน ชุติการ ก็มีท่าทีแปลกไป ทำให้ ธนัท และเพื่อนๆเริ่มเป็นห่วง

บัดนี้ม่านศักราชแห่งการดวล ได้เปิดขึ้นสู่บทใหม่อีกครั้ง การดวลนั้นเป็นของคู่ความรัก
ว่าแล้ว ก็Lovely Duel !!! เรื่องราวจะเป็นเช่นไร



Next Sub-Turn 10 ทัศนศึกษา Panic!!!

ก้าวไปบนวิถีแห่งสวรรค์เพื่อปกครองทุกสิ่ง




………………


ในที่สุดเราก็กลับมาอีกครั้งพร้อมการ ดวลไพ่ สุดมันสืในตอนกับตัวละครใหม่อีกโขยง
พร้อมเปิดสู่ศักราชใหม่ อันร้อนแรงที่รับรองได้ว่า ออกทะเล ไปจนไม่เห็นฝั่งแน่ (เอ๊ะยังไง)
เพราะจะไปกันถึงภูเก็ต ว่าแล้ว ดารารับเชิญในตอนนี้ก็มี

Nihil เป็น bishop Ruler of Checkmate 5
พี่ปอ (Phenomenon party) เป็น king ผู้นำ Checkmate 5
นิวะ ไดสุเกะ จาก D.N.Angel
Gaia จาก คอลัมน์ ไก่อ้าพาที ในนิตยสาร Wiser เป็น Knight Ruler of Checkmate 5
ว่าแล้วมันชักจะมั่วเข้าไปทุกทียิ่ง ปลั๊กอิน ตอนสุดท้ายที่ส่ง Note
เข้าคอมฯ ไปแก้ระบบ นี่มัน  เหอๆๆๆ Rockman Exe ชัดๆ
ช่างมานนน เราสนแต่การดวล ตัวละครดึงมั่ว เนื้อเรื่องออกทะเล จะแข่งกะ เจ้าชายลูกสัตว์ประหลาด
(จริงๆมันต้อง Prince of Tennis เจ้าชายลูกสักหลาก สิ)

ว่าแล้วตอนหน้าจะมั่วได้ใจขนาดไหนคงต้องดูกันต่อไปเน้อ ว่าแต่
คุณ boy คร้าบไม่ต้องช็อคแล้วเน้อ ไดจัง ย้ายมาอยู่เรื่องนี้แว้ว แถมความสามารถพร้อม
นิสัยลอกมาเป๊ะๆ อีดเดี๋ยว ฮิวาตาริคุง คงมาตอนนี้ จิ้นวาย ธนัท กะ โคทาโร่ ไปก่อนเน้อ

ส่วนตอนนี้ พี่ภูเขาของเรา ไม่มีบทจ้า รอต่อไป(รือบทพี่ท่านจะจืดจางเท่าอิชิมารุใน eyeshield 21)
ว่าแล้วเจอกันตอนหน้าเน้อ Let’s Duel

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #77 on: May 10, 2009, 06:36:43 PM »

เอ่อ เอาเข้าไป มั่วได้ใจอีก แต่มันมั่วไปแล้ว ถึงเรื่องมันจะไม่ดูน่าเบื่อแต่มันจะสับสนก่อนอ่ะดิ
แล้วจับคนนู้คนนี้มาเผา ไม่บอกเดี่ยวก็โดนรุมประชาฑัณ ยำ ตอ-สระ-อี-นอ หรอก

เอาเถอะช่างมาน ไดจัง ย้ายมาอยู่เรื่องนี้ก็พอใจละ ขอแค่มี ไดจัง กะ โคทาคุง ก็พอ แค่นี้
ก็สวรรค์แล้วฉาน โฮ่ๆๆๆๆๆ ว่าแต่ สปอยล์ D.N.Angel น่ะรีบๆทำซะรู้มั้ยทำมาแปะวัน 7 หน้า
5 หน้าอ่านแล้วมันขัดใจว้อย ทำทีก็ทำมาเยอะๆสิ!!!!

ว่าแต่ ตั้งชื่อชัยชนะของ โคทาจัง ได้แบบไม่คิดเลยจริงๆ ยังกะ  one turn kill ในยูกิ
Close Draw Kill(ปิดการจั่วสังหาร) เท่ห์ตายล่ะ นั่งเปิด Ruler book ทั้งคืนสิท่า
ถึงเอากฎมาชนะเนี่ย เรียกได้ว่า ใครดูเรื่องนี้แล้ว เล่นการ์ดไม่เป็นอ่านไม่รู้เรื่องเลยนะนิ

ส่วนdeck เจ็ gaia น่าเล่นมาก พึ่งรู้นะว่าแรร์ขยะเอามาทำดีๆ มันกลายเป็นเทพได้
ตีไปร่าย falling form top โอ้แม่เจ้า เก็บซีลในสนามบวกตัดไพ่บนมือ
คิดได้ไงงิ step นี้ เดี๋ยวไปจัดมั่ง(แต่สงสารน้องโคทาโรวววว่ โดนอัดซะกลิ้งเลยT_T )

จบการสครีมตอนนี้แต่เพียงเท่านี้ ซาโยน่าร้าก น่ารัก หุๆ อันนี้ยืมมุขชินจังมา
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #78 on: May 10, 2009, 07:24:27 PM »

ตอนแรกว่าจะไม่อ่านแล้วแหะ ไปๆมาๆ ลองซํกนิดละกัน อืม หนุกดีนะ
จะรอตอนต่อๆไปละกันน้าค้าา
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #79 on: May 10, 2009, 10:09:42 PM »

อ่านจบแล้ว     แหกตา 9 ตอนรวด

สนุกดี   

ไดจัง+โคทาโลลิค่อน   
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #80 on: May 11, 2009, 04:10:23 AM »

Quote
อ่านจบแล้ว ::017::แหกตา 9 ตอนรวด

นับถือๆ

อ่านเข้าไปได้ยังไง รวมหมดนั่น มันครึ่งเล่ม harry potter ได้มั้งนั่น

ตอนต่อไปเตรียมไปภูเก็ต เด้อ เออ ถ้าซึนามิ เข้าอีกรอบ ธนัท ทำไงดี
เนี่ย
Logged


Leraje
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 826


« Reply #81 on: May 11, 2009, 02:53:21 PM »

สนุกดีครับ อ่านแล้วมันส์ + ฮาดี

อ่าน 9 Subturn รวดเดียวจบ สายตาสั้นไปอีก - 25 แน่ๆ

เอาเป็นว่ามาลงต่อเร็วๆ ละกันนะครับ รออ่านอยู่

ปล. ไม่ยักรู้ว่าเราไปถล่มพวกอิรักตั้งแต่ตอนไหน สงสัยคงละเมอเดินไปมั้ง......? 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #82 on: May 11, 2009, 06:44:58 PM »

^
^
^

โอ อ่านกันรวดเดียวกันหมดเลยนะครับเนี่ย

สงสัยจะทิ้งเรื่องนี้นานไปรึเปล่า (ถึงกับความจำเสื่อมกันเลยทีเดยว ย้อนอ่านกันรวดเหอๆ)

เอาเป็นว่า เรื่องจะค้างนานจนไม่จบนี่ไม่ต้องเป็นห่วง รับรองรอบนี้จนจบได้แหงมๆ
 เพราะไม่มีเรื่องอื่นให้เขียนแย้ว ทาลิสองภาคจบไปเรียบร้อย ภาคสามเก็บเข้ากรุ

คิดว่าน่าจะได้ลง sub-turn10 ประมาณวันพุทธ ล่ะมั้งครับ

โหะๆ deck เจ็ไกอา น่าเล่นจริงๆด้วย แต่เอาไปเล่นจริงถ้าจะโดน ZiZ งาบไปกินก่อนทำ คอมโบล่ะ - -
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #83 on: May 11, 2009, 06:52:07 PM »

^
^
คุณ greamon   อย่าขุดโศกนาฏกรรมจากกระดองหัวใจผมขึ้นมาอีกเลย 

อยากดูทาลิ 3  (me// "ไดจางกับดาร์คอ้าๆๆๆๆๆๆ" แหกปากลั่นซอย)

(ฝุบๆ//สากแม่ค้าส้มตำลอยมากระทบอากาศเฉียดหัวข้าพเจ้า  )

เย้ๆ  วันพุธๆ
Logged


Gee
Member
*****
Offline Offline

Posts: 32


« Reply #84 on: May 11, 2009, 07:03:18 PM »

Quote
คุณ greamon   อย่าขุดโศกนาฏกรรมจากกระดองหัวใจผมขึ้นมาอีกเลย

อยากดูทาลิ 3  (me// "ไดจางกับดาร์คอ้าๆๆๆๆๆๆ" แหกปากลั่นซอย)

ขอด้วยคนค่ะ อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาา ไดจางงงงงงงงง ดาร์คคคคคคค
ฮิวาจางงงงงงง

ได้แค่ทำใจสินะ เอาเถอะ ไดจังมาอยู่นี้แว้ว ขอให้ ที่เหลือตามกันมา(หวังลมๆแร้งลง )

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #85 on: May 13, 2009, 02:37:41 AM »

อ่า คือ Sorry อย่างแรง ที่บอกว่าจะลงประมาณวัน พุธ หรือพรุ่งนี้นั้น ต้องมีอัน เลื่อนไปอีกวัน
นะขอรับเนื่องจาก ต้องไปรายงาน กลับมาแล้วถึงพิมพ์ ได้ก็รอไปก่อนเน้อ 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #86 on: May 15, 2009, 04:36:07 AM »

Sub-Turn 10 ทัศนศึกษา Panic!!!

วันจันทร์ 17 มิถุนายน พ.ศ.2700 เวลา 12.37 น.


ซ่า~~ ซ่า~~
ครืน~~


เสียงลมพัดโหมอย่างเอื่อยๆ และ คลื่นที่ซัดสาด เข้ากับท้องเรือสำราญลำใหญ่ ที่ล่องไปในมหาสมุทร
อันกว้างใหญ่ บนดาดฟ้าเรือกลุ่มนักเรียน หลายกลุ่มกำลังชมทัศนียภาพอันงดงามอย่างผ่อนคลาย
เสียงพูดคุยนั้นดังจอแจตัดกับ เสียงคลื่นและลม แล้วยังมีเสียงร้องของฝูงนกนางนวล
ที่บินไล่ๆกันมา ……….


“ อา~~~อากาศดีจริงๆ แถมท้องฟ้าก็ยังเป็นใจอีกด้วย ”
โคทาโร่ พลางบิดขี้เกียจ ไปขณะที่ ธนัท แอน และ ไดสุเกะ นั้นเกาะกาบเรือ
เพื่อจะยื่นหน้าออกไปมองดู พื้นน้ำ ส่วน เคียว กับ อิส นั้นนั่งเล่น SMN
อยู่บนโต๊ะ ใต้ร่มกันแดดที่จัดตั้งไว้บนเรือ โดยที่ มี ชุติการ ยืนดูอยู่ห่างๆ


วันนี้เป็นวันแรกของการไป ทัศนศึกษา กับโรงเรียนเป็นเวลา 3 วัน 2 คืนของนักเรียนระดับชั้น ม.2
โรงเรียน มนต์วิทยา  ตอนนี้พวกเค้ากำลังนั่งเรือสำราญที่ใช้โดยสารไปยังเกาะ ภูเก็ต
 

“ นี่จะว่าไปพวกเราขึ้นมาตั้งครึ่งชั่วโมงแล้ว จะมานั่งแหมะอยู่ตรงนี้ก็ยังไงอยู่ ถ้ายังไง
ลองลงไสำรวจให้ทั่วทั้งเรือเลยดีไหม ”

ธนัท เสนอความคิด ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ยกเว้น ชุติการ ที่ยังคงนิ่งซึมอยู่

“ อ้าว ชุติ เป็นอะไรไปน่ะ ไม่ไปด้วยกันเหรอ ”
ธนัท ถามด้วยความสงสัย ขณะที่ เพื่อนๆทุกคหันไปมองเธอด้วยความแปลกใจ

“ โทษทีนะ ทุกคนแต่ฉันขออยู่คนเดียว ซักพักละกันนะ ”
ชุติการ กล่าวจบเธอก็หันหน้าเดินออกไปจากกลุ่ม โดยไม่เหลียวกลับมามอง
สายตาเป็นห่วงของเพื่อนๆ ที่มองไล่หลังเธอไป

“ สงสัยจะยังไม่หายช๊อคเรื่องตอนดวลกับ ภูเขา ล่ะมั้ง ”
เคียว เปรยก่อนที่ ธนัท จะหน้านิ่วคิ้วขมวด บ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ

“ อะไรของเค้านะ เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ยังเก็บมาคิดอยู่อีก ”
ธนัท บ่นอุบอิบก่อนจะถูก โคทาโร่ ตบหัวเบาๆเข้าไปที ด้วยความยัวะปนกับความประหลาดใจ
ทำให้ ธนัท หันควับกลับไปเพื่อจะต่อว่า โคทาโร่ แต่ยังไม่ทันจะเผยอปากพูดก็ โดน แอน
เหยียบเท้าเข้าให้อย่างแรง จนร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บ

“ โอย เจ็บๆๆ นี่พวกนายเล่นอะไรกันเนี่ย ”
ธนัท สบถพลางเอามือกุมเท้าที่ที่ระบมจาการถูกเหยียบ

“ นายนี่มันทึ่มซะจริงเลยนะ ”
โคทาโร่ ตอบเสียงเรียบพลางฉีกยิ้มที่มุมปากพร้อมจ้องด้วยสายตา
หน่ายใจกับ นิสัยของ ธนัท  ขณะที่ เจ้าตัว ธนัท ก็ยัง งงๆอยู่ว่าทำไมตัวเองถึงโดน
แบบนี้

“ ธนัท เนี่ยม่ายข้าวจายหัวอกของ เลดี้(Lady)อาวซะเลยหนา ”
แอน กล่าวเสียงเหน่อก่อนจะโขกสับใส่ ธนัท อีกรอบ ทั้งที่เจ้าตัวก็ยังไม่เข้าใจว่า
แอน พูดเรื่องอะไร

“ ถึงพูดไปคนอย่าง ธนัท ก็ไม่เข้าใจหรอก เพราะ ธนัท เคยสนเรื่องคนอื่นจริงจังซะที่ไหนล่ะ ”
เคียว สนับสนุนให้หลังจากที่ เก็บ ไพ่ทั้งหมดแล้ว พร้อมกับ อิส

“ แอน จะตามไปหา ชุติ หนาปล่อย ชี(She) ไปคนเดียวมันหนาเป็นห่วง ”
แอน กล่าวจบก็วิ่งออกจาก กลุ่มไป

“ อาวล่ะงั้นฉันกับ ไดสุเกะ จะไปทัวร์เรือกันก่อนล่ะ ”
โคทาโร่ กล่าวพลางตบไหล่ ไดสุเกะ ที่อยู่ข้างๆ

“ เอ๋? ”
ไดสุเกะ อุทานด้วยความแปลกใจก่อนที่จะโดน โคทาโร่ ยื่นหน้าเข้ามาหา

“ ไม่ต้องมา เอ๋ เลย นายมีเรื่องต้องคุยกับฉันอีกเยอะเลย รู้ไหมว่า 2 ปีมานี่ ฉันมีอะไรจะพูดกับนาย
ตั้งไม่รู้กี่เรื่อง ตอนนี้เราต้องมาปรับความเข้าใจกันหน่อยแล้ว  ”
โคทาโร่ พูดแกมขู่ใส่ ขณะที่ ล็อคตัว ไดสุเกะ ไม่ให้หนีไปไหน ก่อนจะลาก
ออกจากกลุ่มไปทั้งอย่างนั้น ทำให้ตอนนี้ เหลือเพียงแค่ ธนัท เคียว และ อิส เท่านั้น


“ ถ้างั้น ฉันเองขอตัวโทรไป คุยกับ ประธาน เรื่องที่ Steel Brigde เมื่อ
 อาทิตย์ ที่แล้วก่อนแล้วจะเลยไปหาอะไรกอนที่ล็อบบี้ต่อเลย พวกเชิญนายตามสบายแล้วกัน ”
เคียว กล่าวจบก็ เดินออกจาก กลุ่มไปอีกคน ทิ้งให้ ธนัท หันไปมองว่ามีใครเหลืออยู่อีก
แต่ก็มีแค่ อิส กับเค้าเท่านั้น


“ ดูเหมือน คุณธนัท ต้องไปเดินเที่ยวกับผมแทนซะแล้วสินะครับ ”
อิส กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่ ธนัท ได้แต่ถอนหายใจด้วยทีท่าเบื่อโลกสุดๆ



…………
……………..
…………………


ณ ล็อบบี้ กลางของเรือ

ถัดลงมจากดาดฟ้าเรือ และ ส่วนของ ห้องพัก ที่ชั้นล่างถัดมานี้คือห้องโถงที่
กว้างใหญ่ ซึ่งเพดานประดับด้วยโคมไฟระย้า ผนังห้องทั้งสี่ด้านนั้น ปิดคลุมด้วยผ้าม่าน

การตกแต่งเป็นสไตล์ ยุโรปสมัยกลาง ให้บรรยากาศแบบย้อนยุค จึงมีการนำเอาชุดเกราะ
อัศวิน หรือภาพเขียนโบราณๆมา วางแสดง เพื่อเพิ่มบรรยากาศ

ภายในล็อบบี้นี้ เป็นที่คึกคัก อย่างมากเพราะเป็ร ศูนย์ รวมความบันเทิง
ที่มีตั้งแต่ ส่วนพักผ่อนที่ติดตั้ง จอทีวีโฮโลแกรมขนาดใหญ่สำหรับฉายภาพยนต์

 และ บูธของคาสิโน แต่ตอนนี้ถูกปิดไว้เพราะเหมาจองในการมาทัศนศึกษา(การพนันเป็นสิ่งไม่ดีนะจ้ะ)
ภายในล็อบบี้นี้ยัง เชื่อมไปยังห้องอาหาร โรงอาบน้ำ และส่วนอื่นๆของเรืออีกด้วย

เพราะล็อบบี้นี้คือส่วนกลางของ เรือทั้งหมด จึงทำให้บรรดานักเรียนเดินไปมากัน
ขวักไขว่กว่าที่อื่นในเรือ

“ เออ นี่..ว่าจะถามตั้งหลายหนแล้วล่ะ ”
ธนัท กล่าวขณะที่ อิสหันมามองด้วยความสงสัย
ตอนนี้พวกเค้าทั้งคู่นั่ง พักอยู่ในส่วนพักผ่อนของล็อบบี้ ซึ่ง
ตอนมีเสียงจาก ภาพยนต์ที่ฉายอยู่ดังกระหึ่ม มาตลอด

“ เรื่องอะไรหรือครับคุณธนัท ”
อิส ตอบกลับเสียงเรียบ

“ แต่ก่อนอื่น นายช่วยเรียกชื่อฉันแบบ เฉยๆได้รึเปล่า อยู่กันแค่สองคน
ไม่ต้องสุภาพขนาดนี้ก็ได้ เรียกธนัท เฉยๆก็พอแล้ว ”
ธนัท กล่าวด้วยความรู้สึกเก้ๆกังๆ ที่ถูกเรียกว่า คุณขึ้นต้นตลอด ด้วยความไม่รู้สึกชิน

“ ทำไมล่ะครับ คุณธนัท เพราะอะไรหรือ ”
อิส ก็ย้อนถามกลับมาอีกรอบ ซึ่งคำพูดนั้นทำเอาเค้า รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างบอกไม่ถูก

“ คือแบบว่า ฟังแล้วมันจั้กจี้หัวใจยังไงก็ไม่รู้ง่ะ ”
ธนัท ตอบโดยที่ตัวเค้าเองก็ไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดยังไง
คำพูดที่เค้าสื่อ ออกไปเลยยิ่งทำให้ อิส มีทีท่า งงๆมากกว่าเดิม


“ อ..เอ้อช่างมันเถอะ อยากพูดยังไงก็ตามใจนายแล้วกัน ”
ธนัท กล่าวก่อนจะฟุบลงกับ โต๊ะ ด้วยความหน่ายใจกับ ความซื่อของ อิส
ที่ยังดูจะ งงๆ กับความหมายที่เค้าต้องการจะสื่อ ออกมาว่าให้คุยกับเค้าแบบปกติ
ฉันเพื่อน แต่ดูท่าว่า อิส คงจะไม่เข้าใจที่สุดแล้วเค้าจึงยอมล้มเลิกไป

“ ว่าแต่เรื่องที่คุณธนัท จะถามล่ะครับ ”
เมื่อเห็นว่า ธนัท ตัดบทสนทนาไปดื้อๆ ตัวเค้าจึงเริ่มถามถึง คำถามแรกที่ธนัทจะถาม

“ อ๋อคือ ที่ฉันจะถามน่ะ…. ”  ติ๊งต่อง
ธนัท ที่กำลังจะเอ่ยปากถามได้ไม่ทันไร เสียงกริ่งเรือก็ดังขึ้น ก่อนที่ประกาศ
จะดังออกมาจากลำโพง

“ ขณะนี้ เรือของเราใกล้จะเทียบท่าแล้ว ขอให้ผู้โดยสารทุกท่าน เตรียมตัวลงจากเรือด้วยค่ะ ”
เสียงประกาศ ดังขึ้นจนจบ ภายในล็อบบี้ จึงเริ่มดังจอแจปด้วยเสียงของ นักเรียนที่
พากันเก็บ ข้าวของเตรียมตัวลงจากเรือ

“ ไว้เราค่อยมาคุยเรื่องกันอีกทีวันหลังแล้วนะครับ ”
อิส กล่าวขณะที่ ธนัท เองก็รับคำอย่างเสียดาย ที่ตัวเค้ายังไม่ได้ถาม
ถึงสิ่งที่เค้าอยากจะรู้เลย แต่ตอนนี้ ได้เลาที่ต้องลงจากเรือแล้ว เค้าจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้
พร้อมๆกับ อิส แล้วจึงเดิน ออกจาก ล็อบบี้ขึ้นไปรวมกลุ่มยังดาดฟ้าเรือ เพื่อเตรียมลงจากเรือ

…………..
……………….
…………………….

รีสอร์ท สนธยา


“ขอให้นักเรียนทุกคนเอาสัมภาระของตนไปเก็บไว้ที่ห้องพักด้วยนะคะ ”
อาจารย์ บุษบารี ประกาศผ่านไมค์ ต่อหน้าคณะนักเรียน ที่เข้าแถวรออยู่ในห้องล็อบบี้ของ
อาคารรีสอร์ท ซึ่งภายในล็อบบี้ ตกแต่งแบบเรียบง่ายให้บรรยากาศสบายตา แก่ผู้มาเข้าพัก

“ แล้วก็ชั้น 1 ของ นักเรียนชาย ชั้น 2 ของนักเรียนหญิง นักเรียนชายห้ามขึ้น
ไปชั้นของนักเรียนหญิง เว้นแต่มีเหตุจำเป็น เท่านั้น นะจ้ะ ไม่งั้นล่ะก็~~ โฮะๆๆๆ ”
อาจารย์บุษบารี กล่าวไปสักพักก็หัวเราะด้วยสีหน้าที่แฝงความอำมหิตเอาไว้ลึกๆ ออกมา
 ทำเอาบรรดานักเรียนชาย พากันกลืนน้ำเอือกใหญ่ ด้วยความผวา

“ อาจารย์ บุษบารี เข้าโหมดแผ่รังสีแย้ว ”
“ จะมีที่ไหนน่ากลัวกว่านี้อีกไหมเนี่ย ”
“ นั่นสิ ”

เสียงกระซิบกระซาบของ เหล่านักเรียนชายดังขึ้นกันเป็นทอดๆ ก่อนจะเงียบกริบไปเพราะ อาจารย์แก
หัวเราะเสียงดังขึ้นไปอีกหน่อยก็ทำเอาพวกเค้า เสียวสันหลังวาบไปตามกัน

“ อะแฮ่ม..ถ้างั้นเชิญนักเรียนไปทำธุระได้ บ่ายโมงครึ่งเราจะมารวมกันที่ ล็อบบี้อีกครั้งนะนักเรียน ”
อาจารย์ บุษบารี กระแอมไอเพื่อปรับน้ำเสียงและสีหน้าก่อนจะหันมา

ยิ้มหวานแล้วกล่าวน้ำเสียงเพราะพริ้งเหมือนเดิม แล้วจึงออกเดินนำ กลุ่มนักเรียนที่จะขึ้นไป
 ยังชั้นสองไปด้วยทีท่ากระดี๊กระด๊า
ในขณะที่ บรรดานักเรียนชายยังมิวายจิตตกไม่หายกับ รังสีอำมหิตที่ อาจารย์ปล่อยมาเมื่อครู่

“ ป...เป็น อาจารย์ที่ (แปลก) ดีเนอะ ”
โคทาโร่ เปรย ขณะที่ ธนัทและนักเรียนชายคนอื่นๆรับคำอย่างเห็นด้วย


..................
..........................

“ ว้าว!!~ ”
ธนัท ร้องด้วยความดีใจทันทีที่เปิดประตูห้องพักออก
ภายในห้องพักมีสองเตียงนอน ห้องน้ำและห้องอาบน้ำในตัว

ระหว่างเตียงทั้งสองมี โต๊ะ และโคมไฟเล็กๆตั้งขั้นเอาไว้
ถัดไปคือระเบียงที่ยื่นหันหน้าเข้าหาชายหาด
ทำให้สามารถนั่งตากลมทะเลเย็นสบายได้ทุกเมื่อ

“ โอ้โห..หรูเหมือนกันแฮะ มีครบเลยนี่ ”
โคทาโร่ เดินตามเข้ามาทีหลังก็อดที่จะชมไม่ได้

“ แต่ไม่นึกเลยนะ ขนาดอยู่ที่บ้านนายก็อยู่ห้องเดียวกับฉัน มานี่จับสลากแล้วนายก็ยังได้อยู่กับฉันเลย ”
ธนัท กล่าวหยอกเล่นๆ

“ เฮ่อ เอาเถอะ ถ้าดวงมันจะเป็นงี้เราก็ไปขัดไม่ได้หร้อก ”
โคทาโร่ กล่าวขณะที่ วางกระเป๋าลงข้างเตียง ฝั่งในขณะที่ ธนัท ใช้เตียง ฝั่ง หน้าต่างระเบียง


................
........................
.....................................


หลังจากการ รวมตัวที่ล็อบบี้อีกครั้งในเวลา 13.30 น.
ตารางการทัศนศึกษาตามสถานที่สำคัญต่างๆในตัวจังหวัดจึงเริ่มขึ้น
คณะนักเรียน ได้ออกเดินทางไปยัง Link Gate ของจังหวัด

ซึ่ง Link Gate นี้เปรียบเสมือน Warp Gate ย่อยๆ ที่ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับ
การเดินทางในตัวจังหวัดเท่านั้น โดยส่วนใหญ่ แล้วมักจะสร้างเพื่อให้ความสะดวกในการท่องเที่ยว
ซึ่ง Link Gate นี้ไม่จำเป็นต้องเสียค่าบริการ และวิธีการใช้ยังง่ายและสะดวกกว่า Warp Gate

นั่นคือ Link Gate จะแบ่ง แท่นย้ายมวลสารเอาไว้ 4 แท่น โดย3 แท่นจะเชื่อมต่อกับ ปลายทางของ
3 อำเภอในจังหวัดภูเก็ตนี้
ซึ่งได้แก่
1.อำเภอเมืองภูเก็ต
2.อำเภอกระทู้
3.อำเภอถลาง

 ส่วนอีก แท่นวาร์ปนั้นใช้สำหรับไปยัง สถานี Warp Gate  ของจังหวัด


“ ที่แรกที่เราจะไปกันวันนี้ คือที่ไหนเหรอ ”
ไดสุเกะ ถามขึ้น ตัวเค้ามาร่วมกลุ่มกับ ธนัท โคทาโร่ เคียว แอน และ ชุติการ แทน อิส ที่ไป
อยู่กลุ่มหัวหน้าห้อง เพื่อช่วยเช็คจำนวนและงานของรองหัวหน้า

“ นี่ไง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง  ในอำเภอถลาง ตำบล ศรีสุนทร ”
ธนัท กล่าวพลางชี้ไปที่ กระดาษแจงกำหนดการที่เค้าพกติดตัวมาด้วย
ขณะที่ พวกผู้ชายในกลุ่มมุงดู กำหนดการของวันนี้ แอน ที่ยังเป็น ชุติการ ที่เธอยังคง
เงียบเหงาเซื่องซึมอยู่ก็ อดที่จะมองเธอเป็นระยะๆด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“ นี่จะทำหน้าบูดเป็นดอกไม้เน่าอีกนานไหมเนี่ย ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ ชุติการ จะหันควับกลับไปถลึงตาใส่ด้วยความโกรธที่ วูบขึ้นมา
จากน้ำเสียงที่ฟังกวนโมโห และ ใจความในคำพูด ซ฿่ง ธนัท เป็นคน กล่าวออกมานั่นเอง

“ นายว่าใครเป็น ดอกไม้เน่ายะ ”
ชุติการ ตะคอกใส่ ด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่ธนัท จะตีหน้าเบ้ แล้วทำย้อนเสียง
เลยทำให้เธอโกรธ หัวฟัดหัวเหวี่ยง จนลืม อาการเซื่องซึมเมื่อครู่ไปเลยทีดียวแล้วหันมาไล่กวด
 ธนัท ที่วิ่งล่อเธอไปมา

โดยมีเสียงหัวเราะ ของเพื่อนๆที่ท่าทางการไล่กวดแล้ว หาก ธนัท โดนจับได้คงเละไม่เหลือชิ้นดีแน่

“ ธนัท... ”
แอน เปรยด้วยความโล่งใจ ที่ ธนัท ทำให ชุติการ หายซึมได้เป็นปลิดทิ้ง ทั้งที่เธอ
พยายามจะชวน ขุติการ คุย ตอนอยู่บนเรือแต่เธอก็เอาแต่เงียบไม่พูดด้วยอย่างเดียว
แต่พอมาตอนนี้ เธอกลับ ร่าเริงขึ้นทันตา

..............
................................
.........................................


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง


/หลังจากเหตุการณ์ ซึนามิ ถล่มในวันนั้น ช่วง 2 ศตวรรษที่ผ่านมาแม้จะยังไม่มีการเกิดซึนามิ
ขึ้นมาอีก แต่การพัฒนาและหาทางรับมือกับ ภัยธรรมชาตินี้ก็ยังดำเนินมาจนถึงวันนี้ /

/นับตั้งแต่ พ.ศ. 2664  ก็มีการริเริ่มการนำระบบพลังมนตรามาพัฒนากับระบบป้องกัน จนในที่สุด
 เราจึงสามารถค้นคว้า เกราะสนามพลังที่สามารถป้องกันการกระแทกได้ทุกชนิด/

/ ไม่ว่าลมพายุ หรือคลื่นยักษ์ ก็ไม่สามารถทลายเกราะสนามพลังนี้ได้  เกราะสนามพลังนี้
เคยเปิดทำการทดลองใช้ ไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2267 ในการป้องกันพายุ ที่พัดเข้ามา /

/ทำให้หลีกเลี่ยงความเสียหายที่จะเกิดได้ทั้งหมด ดังนั้น เราจึงมั่นใจได้ว่า ภูเก็ต
จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่ปลอดภัยจาก ภัยธรรมชาติทั้งปวง... /

เสียงบรรยายจาก ลำโพงที่ติดกับจอติดผนังใน ทางเดินพิพิธภัณฑ์ นั้นดังขึ้นพร้อมกับ
ภาพจำลองเหตุการณ์ ที่คลื่นยักษ์ โถมเข้ามา โดยที่แบบแรกนั้น ไม่มีเกราะสนามพลังขึ้นมาป้องกัน

ความเสียหายที่จะเกิดจะมีมาก ส่วนภาพถัดเป็นแบบเดิมเพียงแต่คราวนี้มีการกางสนามป้องกันขึ้นมา
ผลปรากฏคือ คลื่นยักษ์ เป็นได้เพียง น้ำฝนที่สาดกระเซ็นมาดดกระจกรถเท่านั้น ไม่มีความเสียหายใดๆเกิดขึ้น

ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งนี้ จะบรรยาย เรื่องราวเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของ จังหวัด ภูเก็ต
โดยที่ บรรดานักเรียน หลังจากชมสื่อสารสนเทศเรื่องการรับมือภัยสึนามิ แล้ว จึงพากันแยกย้าย
ไปสำรวจและเดินชมภายในตัวอาคารที่จัดแสดง สื่อ และ ภาพยนตร์ต่างๆ ที่จัดแสดงไว้



“ นี่เป็นภาพจุดที่ทำการติดตั้ง เครื่องก่อสนามพลังเวทย์ ที่ติดตั้งตามหาด ทั่วทั้ง เกาะ เหรอ ”
เคียว ถามขณะที่ เดินเข้ามา อิส ที่กำลังตั้งใจดู ภาพจุดสีแดงที่ จุดเอาไว้บนแผนที่ ของจังหวัด
ซึ่งรายล้อมทั้ง เกาะภูเก็ต

“ ครับ..แถมมีตั้ง 150 จุดแน่ะ ตรงนี้น่าจะเป็นบริเวณที่ เราพักอยู่นะครับ ”
อิส กล่าวพลางชี้ให้ดูยังจุดหนึ่งในแผนที่ ที่มีจุดแดงรายล้อม เป็นแนวโค้ง
ซึ่งตรงนั้นเป็นจุดเดียวกับ ที่ รีสอร์ท ที่พวกเค้าพักตั้งอยู่ ซึ่งบริเวณนี้มีทั้งสิ้น  17 จุด


“ อืม..ถ้าถึงเวลาที่เกิดคลื่นยักษ์ แล้วเสาต้นใดต้นหนึ่งไม่ทำงานขึ้นมาล่ะก็
สนามป้องกันก็จะไม่สมบรูณ์ เพราะงั้นจึงต้องมีการตรวจเช็ค กันตลอดเวลา
แต่การจะตรวจทั้งหมด 150 ต้น แถมเป็นอาณาบริเวณทั่วทั้งเกาะ นี่มันก็…. ”

เคียว อธิบายก่อนจะหยุดไปเพราะ อิส แทรกขึ้นมา

“ ถึงจะบอกว่าดูแล แต่ก็ไม่ได้ดูให้ละเอียดถี่ถ้วนจริงๆหรอกครับ อย่างมากก็แค่เช็คผ่าน
หน้าปัดเครื่องควบคุมไม่ก็ ส่งคนไปดูผ่านๆ เอาแค่ไม่เสียหายขนาดหายปทั้งเสาหรือโดนชำแหละ
จนเละ ก็พอ…..แล้วพอถึงเวลาก็…. ”

อิส เปรยก่อนจะหยุดกล่าวไปเสียดื้อๆ โดยที่มือของเค้านั้นกำแน่น
จนข้อซีดขาวราวกับโกรธอะไรบางอย่างอยู่
ลึกๆในใจแต่กลับซ่อนสีหน้าและความรู้สึกเอาไว้ ทำให้สีหน้าของเค้าดูเหมือนกับ
เป็นคนเรื่อยๆสบายๆไม่คิดอะไรมาก หลังจากเงียบไปนาน  อิส จึงเดินออกไปจาก จุดจัดแสดง

“ นี่…เรื่องตอนนั้นน่ะมันไม่ใช่ความผิดของนายหรอกนะ… ”
เคียว เปรยคำพูดของเค้าทำให้ อิส นิ่งไปซักพัก แต่สีหน้าของเค้าก็ยังคงไม่เปลี่ยน

“ ขอบคุณที่เป็นห่วงแต่ถึงยังไง…ผมก็ไม่คิดว่าจะยกโทษให้ตัวเองได้หรอกครับ… ”
อิส ตอบก่อนจะออกเดินต่อโดยไม่หันกลับไปมอง

“ ประธาน มาริน่า ก็เก่งเหมือนกันแฮะทั้งที่ก่อนนี้ตอนเกิดเรื่องนั้นเมื่อปีก่อน
แค่ครับซักคำก็ยังพูดไม่ออกเลยด้วยซ้ำ จะตอบอะไรก็ไม่ตอบ เฮ่อ… ”

เคียว คิดก่อนจะถอนหายใจด้วยความรู้สึกอึดอัดกับ สถานะที่เป็น อยู่ของ อิส ในตอนนี้
มันทำให้ เค้ากับเพื่อนๆเหมือนห่างเหินจาก อิส ไปทุกขณะ แต่คนอื่นก็ไม่มีใครคิดที่จะพูด
เพราะต่างรู้ว่า เรื่องที่เคยเกิดนั้นคงจะเป็นแผลใจให้ เค้าไปอีกนาน

……….

หลังจาก เดินชมจนทั่วและถึงเวลากลับแล้ว นักเรียนทั้งหมดจึงมารวมกลุ่มกันเพื่อ
กลับไปยังที่พัก
 ……….

รีสอร์ท สนธยา เวลา 15.30 น.



“ ขอแจ้งข่าวหน่อย ตั้งแต่ตอนนี้ถึง 5 โมง เป็น ฟรีไทม์(Free Time)
ใครจะไปว่ายน้ำไปลงชื่อที่อาจารย์ได้เลย ”
เพื่อนชายในห้อง เปิดประตู ห้อง เข้ามาแจ้งข่าวให้ กับ ธนัท และ โคทาโร่ ที่กำลังจัดของ
ในกระเป๋า

“ เอ้อ! รับทราบ เราไปว่ายน้ำแน่…เน้อ~ ”
โคทาโร่ ตอบพลางหันกลับมา ส่งยิ้มเป็นนัยให้ธนัท ขณะที่ ธนัท ได้แต่เอียงคอ
มองตอบด้วยความสงสัย

………..
ครู่ต่อมา
……………..

« Last Edit: May 15, 2009, 03:17:32 PM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #87 on: May 15, 2009, 04:36:28 AM »

หาดหน้า รีสอร์ท

หาดทรายขาวยาวสุดลูกหูลูกตา และคลื่นทะเล ที่พัดเกยขึ้นมาบนฝั่งก่อนจะกวาดเอา
สิ่งที่อยู่บนทรายลงไป เสียงคลื่นและลมที่ ดังสลับกันไป ตัดปนไปกับเสียง
จอแจ ของเหล่านักเรียน ที่เปลี่ยนชุดว่ายน้ำออกมาเดินชายหาด

เล่นน้ำ และกิจกรรมอื่นๆที่พึงจะทำ พวกนักเรียนหญิง บางกลุ่มพกครีมกันแดดมาทา
แล้วแบ่งกันใช้ นอกจานี้ยังมีการจับกลุ่มอาบแดด กัน โดยที่มีสายตาของ บรรดานักเรียน
ชายจ้องไปเป็นระยะเรื่อยๆไม่มีหยุด

“ อา..ตรงนั้นมัน…สวรรค์…สวรรค์ต้องห้าม นางฟ้า…รอให้ไปคว้ามาครอง อ้า~~ ”
นักเรียนชายบางคนถึงกับหลุดสติลอยกันเป็นแถบ บ้างก็มี
ขณะที่ บรรยากาศ กำลัง เคลิ้มอยู่นั้น อาจารย์ บุษบารี ก็เดินมา เข้ากลุ่มกับ พวกนักเรียน หญิงก่อน
เสียงกรี้ดกร้าดกันอย่างสนุกสนาน ดังลั่นหาด แต่อาจารย์ บุษบารี ก็เป็นหญิงงามที่แม้จะผ่าน

กาลเวลามานานก็ยังคงความงดงามนั้นไว้ ทว่า สิ่งที่ทำให้บรรดาสายตาเจ้าชู้ทั้งหลายต้องพังทลายลง
ก็คือ บรรดาอาจารย์ หญิง ที่แค่มองใบหน้าบ่งบอกตัวเลขที่ทะลุเกิน 60 ไปแล้วกันทุกคนที่
เฮโล มาร่วมกลุ่มกับพวกผู้หญิงด้วย ทำให้ กลายเป็นภาพที่ ทั้งน่าดูและน่ากลัวปนกันไป
จนในที่สุด ทุกคนก็เลิกสนใจไป

……….
…………

“ วันนี้หล่ะ จะหาปูทะเล ตัวใหญ่กลับไปกินให้ดู ”
โคทาโร่ ประกาศอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะแปลงส่วนมือให้กลายเป็น กรงเล็บของสุนัขป่า
พร้อมกางใบหูออกมา ซึ่งเป็นสัญญาณพลังของ DNA Changer กำลังสำแดงเดชอยู่

ไม่นาน พื้นทรายก็ถูก โคทาโร่ ขุดอย่างรวดเร็ว จนทรายสุมกันขึ้นมา ทับร่างของ ธนัท จนถึงต้นคอ
เลยดูเหมือนเล่นฝังทรายกันอยู่ ด้าน ไดสุเกะ ที่พยายามห้ามแล้วห้ามอีก ก็กระเด็นออกมาเพราะคลื่นทราย
ที่ โคทาโร่ คุ้ยขึ้นมา จนเข้าใกล้ไม่ได้ ส่วนเคียว นั้น โดนกลบจนมิดหัวอยู่กองทรายไปก่อน ธนัท แล้ว


“ ฮึ้ยยย~~ อย่างนี้มันเกินไปแล้วนะ โคทาโร่! ”
ธนัท ตะโกน ทว่า โคทาโร่ ก็ยังคงขุด แบบไม่สนใจเหมือนไม่ได้ยินเสียงร้องให้หยุดของ ธนัท


“ นี่!!! ”
ธนัท ยังคงตะโกนต่อไป แต่ โคทาโร่ ก็ไม่มี ทีท่า จะหยุดเลยซักนิด
ขณะ นั้น อิส ก็เดิน ตรงเข้ามายังกลุ่มของพวกเค้า

“ อ๊ะ นั่นปูม้า ตัวเบ้อเร้อเลยนี่ ”
อิส เปรยเสียง เรียบขึ้นมา ขณะที่ทรายซึ่งถูกคุ้ยนั้น หยุดลงทันที ก่อนที่ โคทาโร่
จะโผล่หัวขึ้นมาจากหลุม

“ หา! ไหนๆ ปูม้า อยู่ ไหน ”
โคทาโร่ กล่าวพลางหันไปมา เพื่อหาปูม้า ที่เค้าได้ยิน

“ อ๊ะ มันหนี ลงรูตรงโน้นไปแล้วล่ะ ครับ ”
อิส กล่าว พลางชี้ไปที่ ทรายตรงส่วนที่ใกล้กับน้ำทะเล ซึ่งนี่เป็นการหลอกให้ โคทาโร่
ไปขุดตรงส่วนนั้น ซึ่งต่อให้ขุดเร็วแค่ไหน น้ำก็จะพัดเอาทรายกลับลงหลุมไปอยู่ดี
ด้าน โคทาโร่ ที่หลงกลคำพูดของ อิส ก็รีบตะบี้ตะบัน ไปขุดตรงนั้นเป็นการใหญ่


“ ขอบใจนะ อิส ..เฮ่อ นึกว่าจะแย่แล้วซะอีก ”
ธนัท กล่าวขอบคุณ ก่อนจะถอนหายใจ ด้วยความหน่ายอกหน่ายใจ กับนิสัย จริงจัง
เกินเหตุ ของ โคทาโร่ ที่เล่นเอาเค้า เกือบ สำลักทรายตาย

“ ระวังตัวหน่อยก็ดีนะครับ โคทาโร่ น่ะ ”
อิส กล่าวขณะที่ก้มลงขุดเอาทรายที่ทับส่วนแขนของ เค้า ออก

“ เอ๋.. ”
ธนัท เปรยด้วยความสงสัย ขณะที่ อิส ก็ตั้งหน้าตั้งตา ขุดไปเรื่อย

“ ถึงตอนนี้ เค้าจะแสดงออกว่าเป็นมิตร แต่นั่นอาจจะแค่แกล้งหลอกเฉยๆก็ได้ ถึง
การให้เค้าได้พบกับ คุณไดสุเกะ อาจจะทำให้เราไว้ใจเค้าขึ้นมาได้บ้างก็ตามที ”

 อิส กล่าวปเรื่อยๆขณะที่ ขุดจนเจอ แขนของธนัท แล้ว จึงปัดเอาทรายที่อยู่รอบๆออก
และเกลี่ยทรายไปเรื่อยๆ


“ ฮะๆๆ..หลังจากนั้นนะ เค้าก็พูดว่า… ”
ชุติการ ที่เดิน คุยมากับ แอน และ เพื่อนนักเรียนหญิงอีก สองคน
ขณะที่กำลังคุยกันเพลิดนั้น พวกเค้าก็มา เจอ อิส กำลัง คุ้ยทรายให้ ธนัท อยู่

“ ว้าว..ผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกัน ”
“ กำลังทำอะไรกันอยู่เหรอ ”

เสียงของ สองเพื่อนสาว ดังสลับกันขึ้นมา ขณะที่ อิส เกลี่ยทรายออกจากตัวธนัท หมดแล้ว

“ โฮ่ โนว่(Ho! No) ม่ายจริงน่า นี่ ธนัท กับ อิส หรือว่า… ”
แอน ร้องเสียงเหน่อ ด้วยความตกใจ ขณะที่ ชุติการ นั้นรีบ เบือนหน้าหลบแล้วยังหน้าแดง
เพราะความอายแทนอีกด้วย

“ น..นี่..ด..เดี๋ยวก่อนสิ ไม่ใช่นะ..อิส ก็พูดอะไรบ้างสิ ”
ธนัท รีบลุกขึ้นมาปฏิเสธ เสียงแข็งทันที ก่อนจะหันไป บอกให้อิส ช่วยยืนยัน

“ นั่นสิ…พูดอะไรดีล่ะ.. ”
อิส กล่าวจบก็ลุกเดิน จากไป ทิ้งให้ ธนัท โดนเข้าใจผิดไปยกใหญ่

“ อ..อ้าว นี่เดี๋ยวก่อน ไหงงั้นล่ะ.. ”
ธนัทกล่าว หน้าตื่นขณะที่พยายามโบกมือเรียกให้ อิส กลับมาอธิบายให้พวกเธอฟัง
แต่ อิส กลับเดิน หนีออกไปโดยที่ไม่สนใจ ขณะที่ บรรดาเพื่อนสาวพากันหัวเราะร่า
ไม่ฟัง ธนัท อธิบาย


……………….
วันถัดมา
…………………..

 วันอังคาร ที่ 18  มิถุนายน  เวลา 6.50 น.

รีสอร์ทสนธยา

ด้านหลังของ อาคารพักแรม นั้น เป็นสวนธรรมชาติ ที่มีทางเดินทอดยาว ไปจนถึงตีนเขา
ภูเขาแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของเขตอนุรักษ์ พันธุ์ป่าไม้และสัตว์ป่าบางชนิด

ทำให้ บนภูเขานั้น นอกจากจะมีทัศนียภาพที่หาดูยากของ ผืนป่าและพันธุ์ไม้
ก็อาจจะยังมีสัตว์ป่าบางชนิดโผล่มาให้เห็น ซึ่งเหมาะกับการเดินทางปีนภูเขาเพื่อชมทัศนียภาพ
และนอกจากนี้ ที่ถ้ำบริเวณ ชะง่อนผาที่ยื่นออกไป ทางฝั่งทะเลตะวันออกของเกาะ

ยังเป็นถ้ำที่ เป็นรังของ นกนางแอ่น อีกด้วย ซึ่งในแต่ละปีพอถึงฤดูท่องเที่ยว
จะมีนักท่องเที่ยว แห่มากันมาดู นกนางแอ่น การสาธิต เก็บรังนกนางแอ่น ที่จะมีให้ดูเพียง
แค่ช่วงนี้เท่านั้น

เพราะตามกฎอนุรักษ์ พันธุ์สัตว์ป่าที่ ให้ความคุ้มครองแก่นกเหล่านี้ แต่ในช่วงท่องเที่ยว
นั้นจะยกเว้นเป็นกรณีที่รับได้เป็นพิเศษ เท่านั้น คือเป็นเพียงการแสดงไม่ใช่การตลาด

นอกจากที่นี่แล้วหมู่เกาะรอบ เกาะภูเก็ต ก็ยังมีเกาะที่มี ถ้ำนกนางแอ่น อยู่อีกมาก
แต่โดยส่วนใหญ่ถ้ำจะอยู่บริเวณ ชะง่อนผาที่มนุษย์เข้าไปไม่ค่อยถึง ดังนั้นจึงมีไม่มีกี่แห่งที่จะ
สามารถเข้าไปยลโฉมความงามของธรรมชาตินี้ได้ง่ายๆ

.............

“ อ้าว ชุติ มาเดินเล่นเหมือนกันเหรอ ”
ธนัท กล่าว พลางโบกมือทักทาย ขณะที่เดินตามทางเท้า เข้าไปหา ชุติการ ที่กำลังเหม่อมอง
บรรยากาศรอบๆอยู่ เสียงสะท้อนที่ก้องออกมา จากการเดินของ ธนัท ในทุกครั้งเท้ากระทบกับ

พื้นหินอ่อนเสียงนั้นก็ก้องขึ้นใน หัวของเธอ ทั้งที่มันเป็นเพียงเสียงที่เบาแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน
แต่มันกลับดังก้องสะท้านอยู่ในหัวของเธอ ราวกับเป็นเสียงที่ดังมาก ก่อนที่เธอ จะหันไปหา ธนัท

ชั่วครู่แววตาของเธอเหมือนกตกใจกลัวอะไรบางอย่าง ก่อนจะค่อยๆเซถลาล้มลง ธนัท ที่เห็นว่า
เธอกำลังจะล้มจึงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อจะรับเธอแต่ทว่า

ตุบ โครมมมม!!!

“ ม...ไม่เป็นไรนะ ”
ธนัท กล่าวเสียงสั่น ขณะที่ ชุตืการ ที่พึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเอง ล้มก็
หันซ้ายทีขวาทีเพื่อจะมองหา ธนัท แต่ก็ไม่เจอ จนเมื่อเธอรู้สึกว่านั่งทับอะไรอยู่
เธฮจึงมองลงมา ก็เห็นว่า เธอกำลังนั่งทับ ธนัท อยู่นั่นเอง

“ อ๊ะ..ว้าย แล้วไหงนายอยู่ตรงนี้ได้เนี่ย ”
“ เรื่องแบบนี้...ใช่ว่าจะเกิดขึ้นบ่อย....หรอกนะ..แต่ช่วยลุก...อ๋อย ”

ชุติการ ร้องด้วยความตกใจ ก่อนเธอจะสะดุ้งรีบลุกจากตัว ธนัท ก็ตอนที่เค้าขอให้เธอลุกออก


“ ข..ขอโทษนะ..พอดี มันรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อยน่ะ... ”
ชุติการ กล่าวแก้เขิน พลางเบือนหน้าหนี ธนัท เพื่อไม่ให้ เค้าเห็น ใบหน้าที่ร้อนผ่าวจนแดงของเธอ
ขณะที่ ธนัท กำลังยันตัวลุกขึ้นมานั่ง ทั้งสอง นั่งกันอยู่บนพื้นหินอ่อน

อย่างเงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร ท่ามกลางความเงียบนี้ มีเพียงเสียงหัวใจของ ชุติการ
ที่ดังแผ่วออกมาหน่อยๆ
ตอนนี้เธอรู้สึกตื่นเต้นแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน


“ ทำไมกันนะ หัวใจเราถึงได้เต้นแรงแบบนี้ล่ะ..หรือว่า...ไม่จริงน่ะ ”
ชุติการ คิดก่อนจะนึกย้อนถึงคำพูดที่ ประธานมาริน่าได้พูดกับเธอเอาไว้ในวันที่
เรียกเธอไปพบเป็นการส่วนตัว

“ มังกรขาวในตัวของเธอกำลังจะตื่นขึ้นในอีกไม่ช้า ”
“ มังกรขาว...ในตัวฉันน่ะเหรอคะ... ”
“ ใช่...พักหลังมาเนี่ยเธอ.....ไปประทับใจใครมารึเปล่า.... ”
“ เอ๋....ท..ทำไมถามแบบนั้นล่ะคะ ”
“ โดยทฤษฎี แล้วบุคคลที่เป็น Angel พลังของเจ้าตัวจะตื่นขึ้นก็ต่อเมื่อ
ได้รับแรงกระตุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับจิตใจ
ยกตัวอย่างก็ ความโกรธ ความเกลียด หรือไม่ก็.....ความรัก ”

บทสนธนาระหว่างเธอกับ มาริน่า ในวันนั้นได้แวบขึ้นมาในหัวเธอ
และทำให้เธอเริ่มเอะใจ กับความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้

“ ม...ไม่จริงน่า...นี่หรือว่าเรา.... ”
ชุติการ คิดขณะที่ค่อยๆหันไปมองหน้า ธนัท อย่างช้าๆ
ด้าน ธนัท ที่ยังคงนิ่งเงียบ นั้นก็ยังไม่ได้ทำอะไร ขณะที่ ชุติการ เริ่มรู้สึกว่า เธอเขินขึ้นมา
ณ เวลา นี้ ก็ทำเอาเธอแทบไม่อยากเชื่อความรู้สึกตัวเอง

“ นี่... ”
ธนัท เอ่ยขึ้นมาแบบปุบปับทำเอาเธอ ทำตัวไม่ถูกไปเลยทีเดียว
แต่ก่อนที่เธอจะได้แสดงความ เป๋อ ออกมา เธอก็ต้องหยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อเห็นทีท่าของ

 ธนัท ในตอนนี้ซึ่งเธอ เองก็ไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะบรรยากาศ ที่เงียบสงัดในเช้านี้ หรือ แสงแดด
อ่อนๆที่ สาดส่องลอดทะลุหมู่ไม้ ลงมาจนสร้างบรรยากาศให้เธอรู้สึกอย่างนั้น


“ ธนัท... ”
ชุติการ เปรยด้วยเสียงที่แผ่วเบาอย่างไม่ทันคิด

“ ตอนนี้ เธอ...กังวลเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า..ถ้ายังไงบอกชั้นมาก็ได้นะ.. ”
ธนัท กล่าวเสียงเรียบ ชุติการ ไม่เคยเห็น  ธนัท เป็นเช่นนี้มาก่อน ก็เกิดความสับสนผสม
ความตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกขึ้นมา

“ ร..เรื่องกลุ้มใจเหรอ....เอ่อ ม..ม..ไม่มีหรอก ฉันไม่ได้กลุ้มใจอะไรเลยจริงๆนะ... ”
ชุติการ รีบปฏิเสธเป็นการใหญ่ขณะที่เธอ เองก็รู้สึกตื่นเต้นตูมตาม ไปกับสถานการณ์
จนทำอะไรไม่ถูก ขณะที่ ธนัท ลุกขึ้นยืน

“ งั้นก็ดีแล้วล่ะ..ทุกคนเค้าเป็นห่วงนะที่เธอเอาแต่ซึมอยู่แบบนั้นน่ะ ”
ธนัท กล่าวจบก็ วิ่งหนีเธอไป ทิ้งให้เธอ นั่งฉงนกับทีท่าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเค้า

“ นี่หรือว่าเรา....ชอบเค้า...ไม่ๆๆๆๆ อย่าง อีตา ธนัท เนี่ยนะ ....คิดไปเองๆๆ...ฉันนี่มันบ้าจริงๆ ”
ชุติการ เปรยก่อนจะเปลี่ยนเป็น โวยวายพลางทุบหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด
ก่อนจะหยุดเพราะโมโหจนเหนื่อย

“ งั้นความรู้สึกนี้มันอะไรกันล่ะ...ฮึ้ยยย ไม่เอาล้วเลิกคิดดีกว่า ”
ชุติการ เปรยก่อนจะกรี้ดขึ้นมาแล้ว เดินกระทืบเท้าไปด้วยความหงุดหงิด


............
.............
......................

10.20 น. หน้า ทางเข้าสวนธรรมชาติ 
คาบกิจกรรม: เดินทางไกล เป้าหมาย ชมถ้ำผานางแอ่น

กลุ่มของแต่ละคน

กลุ่ม A
วัชรพงศ์(เคียว) อิสรพงศ์ (อิส)  และเพื่อนร่วมห้อง 1 คน

กลุ่ม B

โคทาโร่ ไดสุเกะ และ เพื่อร่วมห้อง 1 คน

กลุ่ม C

ธนัทธาทิเวศ(ธนัท) ชุติการ(ชุติ) แอนนา(แอน)

.................
....................

“ ม่ายหวายแล้ว ทำไมมัน เวรี่ เวรี่ (Very Very) ไกล ขนาดนี้ แอน ม่ายหวายแล้วหนา  ”
แอน บ่นพลางนั่งลงกับ ชะง่อนหิน ที่ยื่นออกมาจากผนังของภูเขา ระหว่างทางเดินขึ้น

“ นี่เราพึ่งเดินมาได้ยังไม่ถึงครึ่งทางเลยนะ ”
ชุติการ แย้ง ขณะที่ หันไปหา แอน

“ แหม ก็ แอน เหนื่อยแล้วนี่หนา รู้งี้เอา เชลโล่(Shello) ออกมาด้วยก็ดีจะได้
 เรียก  Icicle Hound ออกมาขี่ ”
แอน บ่นถึง Note ที่เธอไม่ได้ พกมาด้วย เช่นกัน กับ พวก ธนัท
ที่ไม่ได้พกมาเพราะไม่อยากฟังเสียง
 บ่นของ Note ที่อาจจะรบกวนการเดินทางได้

“ แหมแต่อย่างนั้น มันก็ไม่เรียกว่าเดินทางไกลสิ ”
ชุติการ แย้งพลางคะยั้นคะยอ จะให้เธอไปด้วยกันให้ได้

“ แอน ถ้าเธอไม่ไป ฉันก็ต้องอยู่กับ .ธนัท สองคนนะ แค่เมื่อเช้าก็ทำเอาฉันจะหัวใจวายตายอยู่แล้ว
ขืนต้องเดินไปด้วยกันสองต่อสองล่ะก็.....ว้าย ไม่เอา ยังไงฉันก็ไม่เอาเด็ดขาด ”
ชุติการ คิดอยู่ในใจขณะที่ พยายามจะดึง ให้ แอน ลุกแต่เธอก็ขัดขืนไม่ยอมลุก

“ แหม ชุติการ นี่ล่ะก็ ขี้อายซะจริงหนา ทำอะไรไม่ตรงกับใจจริงๆหนอ คงจะอายล่ะสิ แต่ยังไง
นีก็เป็นวิธีทำให้เธอร่าเริงได้ไวที่สุดแล้วหนา ยังไงก็ต้องให้เธอไป
ซูเปอร์ เลิฟเลิฟ ไทม์(Super Love Love Time) กับ ธนัท ห้ายด๋ายยย ”

แอน คิดอยู่ในใจเช่นกัน ขณะที่ยื้อกันอยู่นั้น ธนัท ที่เริ่มหงุดหงิดกับความไม่ลงรอยของทั้งสอง
จึงกล่าวออกมา

“ เอาล่ะพอเถอะ ถ้าแอน เค้าไม่ไหวแล้ว เราไปกันก่อนก็ได้...แอน เธอรอนี่อย่าไปไหนซะล่ะ ”
ธนัท กล่าวตัดบทจบก็ ลาก ชุติการ ไปทันที โดยไม่สนว่า
 เธอจะขัดขืนหรือไม่ ขณะที่ แอน คอยโบกมือ
ให้ลับหลัง

“ ด..เดี๋ยว..เดี๋ยวก่อนซี่ ธนัท คือ..คือ..ฉัน..ฉ..ฉัน ”
ชุติการ กล่าวตะกุกตะกักด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ โดนลากให้เดินตามไปอย่างทุลักทุเล

“ กู้ดลักซ์ แอน ซี ย่าห์(Good luck and See ya!=โชคดีน้า แล้วเจอกัน!) ”
แอน กล่าวเสียงใสพลางโบกมือ ส่งให้อย่างดีใจขณธที่ ธนัท กับ ชุติการ ไกลออกไปเรื่อยๆ
ทุกขณะ

................
........................
...........................

12.00 น.

“ น..นี่ ก็เดินมาตั้ง เกือบ 2 ชั่วโมงแล้วแต่ ยังไม่ได้คุยกันเลย
ซักนิด....ท..ท..ทำไงดี ฉันทำตัวไม่ถูกแล้วนะเนี่ย ”

ชุติการ คิดขณะที่สาวท้าวเดินไปด้วยความกังวลใจ เพื่อเดินตาม ธนัท ที่เดินนำเธอไปไกลแล้วเหมือนกัน

“ ยัยนี่ แปลกๆตั้งกะเมื่อเช้าละ..ป่วยหรือไงน้า ”
ธนัท คิดพลางชายตาไปมอง ชุติการ เป็น ระยะๆ ด้วยความเป็นห่วง ขณะที่เดิน เลียดไปตามไหล่เขา
จนออกมาถึง เชิงผา ที่ยื่นออกมาเป็น ชะง่อนได้แล้ว

พวกเค้าจึงหยุดมองหาไปรอบๆเพื่อหา ถ้ำนกนางแอ่น
ที่จะเข้าไป ดูและสายตาของทั้งคู่ ก็มาหยุดที่ โพรงขนาดใหญ่ซึ่ง มีทางทอดยาวเข้าไปด้านใน

“ ตรงนั้นสินะ ว่าแต่มันดูแคบกว่าที่คิดซะอีกนะเนี่ย.. ”
 ธนัท เปรยขณะที่เดินนำเข้าไปในโพรงที่เริ่มจะแคบลงเรื่อยๆ
โดยมี ชุติการ ตามมาติดๆ หลังจากเดินเข้าไปได้ซักพัก พวกเค้าก็หลุดออกมายัง โถงกว้างของถ้ำ ซึ่ง

ดังระงมไปด้วยเสียง กระพือปีกและเสียงร้อง ของ นกนางแอ่น จำนวนมาก
 ที่อยู่ในโพรงถ้ำกว้างนี้ ด้านบนเพดานถ้ำ นั้นเป็น ช่องโพรงที่สู่ด้านนอกทำให้

 แสงผ่านเข้ามาให้แสงสว่างกับความอบอุ่น
ภายในถ้ำที่มืดและเย็นจัดนี้

ภาพของ นกนางแอ่น  ที่บินไปมาในถ้ำอย่างรวดเร็วนั้น
แม้จะดูสับสนวุ่นวายแต่ก็เป็นภาพชีวิตที่เป็นธรรมชาติ ที่ไม่สามารถหาดูได้ง่ายๆ
 กับการที่จะได้เห็นนกทั้งฝูง มาบินอยู่ตรงหน้า

และเดินกันให้ขวักอยู่ตามพื้นเพื่อหา
อาหารหรือเศษวัสดุที่จะนำไปทำรังได้

“ วิเศษ ไปเลย... ”
ชุติการ เปรยขณะที่สายตาจับจ้องไปด้านบนเพื่อมองดูเหล่านกทั้งหลาย
 พลางเดินไปโดยที่ไม่ได้ดูทาง

“ ฮ..เฮ้ เดี๋ยวข้างหน้านั่นมัน.. ”
ธนัท เรียกให้เธอหยุดเพราะเธอกำลังจะเดิน ไปที่ขอบเนินซึ่งลาดชันลงไปยังด้านล่างของถ้ำ

“ มีอะไร...ว้ายย ”
ชุติการ ที่หันกลับมาถามได้ยังไม่ทันขาดคำ พื้นที่เธอเหยียบก็เปราะก่อนจะแตกทลาย
จนเธอลื่นตกลงไป

“ ชุติการ!!!!! ”
ธนัท ตะโกน พร้อมกับ กระโดดลงไปเพื่อช่วยเธอ ตอนนี้ทั้งคู่ตกลงไปยังส่วนลึกของถ้ำเสียแล้ว

.................
...............
....................

หาดหน้า รีสอร์ทสนธยา  13.01 น.

“ รู้สึกพายุจะเข้านะ.... ”
เคียว เปรยขณะที่ ยืนอยู่บนหาดที่ตอนนี้ มีลมกรรโชกพัดโหม จนทรายบนหาดยังปลิวขึ้นมา
ราวพายุทราย ในขณะที่ บรรดา เพื่อนๆที่อยู่รอบๆพากันล้มลุกคลุกคลาน เพื่อจะต้านแรงลมที่จะ
พัดเอาพวกเค้ากลิ้งไป ขณะที่มาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในทะเล

“ ย..ยัง..จะมีหน้ามาพูด...ว่ารู้สึก...อีกเร้อออ... ”
โคทาโร่ สบถ ขณะที่พยายามจะต้านฝ่าแรงลมเข้ามาคุยกับเค้า แต่ก็ไม่วายโดน
พัดกลิ้งโค่โล่กลับไปออกไป

อีก ขณะเดียวกัน ในทะเลห่างออกไปจากหาดไกลเสียจนเห็นเป็นเพียง จุดเล็กๆ
 มังกรยักษ์กายสีฟ้า ลำตัวของมันยาวเหยียด
เป็นไมล์ ได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับ บันดาลคลื่นยักษ์ ออกมาและกำลังจะพัดมาทางเกาะ อย่างช้าๆ

“ สงสัย จะเป็น จอร์มันกาด (jormungand) ล่ะมั้ง นั่นก็ ซึนามิ(Tidal Wave) สินะ ”
เคียวเปรย อย่างไม่รู้ร้อนอะไร ในขณะที่ บรรดา ผู้คนที่หาดพากัน วิ่งหนีหน้าตื่น
 ขึ้นจากหาดกันเป็นการ ใหญ่ โดยมีสัญญาณเตือน จากเสาสูง ที่วางอยู่รอบแนว

 หาดของเกาะดังขึ้นเพื่อเตือนการมาของ คลื่นยักษ์
ก่อนที่ ระบบสนามป้องกันที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกัน คลื่นและพายุที่จะเข้า
มาสร้างความเสียหายจะเริ่มทำงาน

กำแพงพลังงานค่อยๆปรากฏขึ้นจากการ เชื่อมต่อพลังงานเวทย์ของเสาสูง ทั้ง 150 ต้นรอบเกาะ
จนประสานซ้อนกันกลายเป็น โดมพลังงาน ครอบคลุมทั่วทั้งอาณาบริเวณ เกาะทั้งหมด

ทว่า ก่อนที่เกราะจะประสานตัวกันแน่น สนิทนั้น อยู่ๆเสาต้นหนึ่ง ในบริเวณ หาดของรีสอร์ท
กลับไม่ทำงาน จากนั้นจึงลามไปยังต้นข้างเคียง จนทำให้ เกราะ 1ใน4 ของทั้งหมด
ไม่ถูกสร้างขึ้นมาเชื่อม

เกราะสนามพลังจึงเป็นเหมือนกับภาชนะที่เปิดอ้าเตรียมรับน้ำเข้ามา คลุกเค้าส่วนผสมภายใน
ไปเลยทีเดียว หากคลื่นซัดเข้ามาตอนนี้ เกาะทั้งเกาะก็จะถูกน้ำซัดชำระลงมาจนหมด


……………
…………………..
สำนักงานการปกครองส่วนภูมิภาค จังหวัดภูเก็ต

ภายในห้องควบคุมที่เต็มไปด้วย เครื่องคอมฯ และจอมอนิเตอร์ แสดงผลและภาพการ
ทำงานของ เสาสนามพลังทั่วทั้งเกาะตอนนี้ กำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เหล่าพนักงาน
ต่างทำงานกันมือเป็นประวิงเพื่อหาสาเหตุที่ เสาสร้างสนามพลังไม่ทำงาน


“ อะไรกันยังตรวจสอบไม่ได้อีกเรอะ คลื่นจะมาถึงใน ไม่ภึง 30 นาที แล้วนะ ”
“ ไม่ได้เลยครับ เสาต้นที่ 75 ถึง 90 ในเขต C ไม่ยอมตอบสนองเลย ”
“ แล้วทีมสำรวจที่ส่งไปล่ะ ”
“ ยังไม่ติดต่อกลับมาเลยครับ ”
“ ชิ..นี่มันอะไรกัน…หรือว่าจะเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีการจับสัญญาณ
ของแผ่นดินไหว ได้เลยนี่แล้ว คลื่นยักษ์นี่มันมาได้ยังไง ”


บทสนธนา ระหว่างหัวหน้างาน กับลูกน้องที่กำลัง เคร่งเครียดกับ สถานการณ์ตอนนี้
ที่พวกเค้าไม่สามารถทำอันใดได้เลย

“ ติดต่อไปยังทีมสำรวจจนกว่าจะติดต่อได้ ”

หัวหน้างานสั่งก่อน ที่พนักงานลูกน้องจะรับคำ แล้วเริ่มทำการ สื่อสารไปยัง
ทีมงานที่ออกไปยังที่เกิดเหตุ


………….

)
« Last Edit: May 15, 2009, 04:41:43 AM by greamon » Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #88 on: May 15, 2009, 04:36:44 AM »

เยื้องหาดฝั่งซ้ายของ รีสอร์ท สนธยา เวลา 13.07 น.

“ ครืดดดด…ทีมสำรวจตอบด้วย….ครืดดด…นี่หอควบคุม ถึงทีมสำรวจตอบ…ครืดดด…ด้วย ”
เสียง ติดต่อดังขึ้นมาจาก Note ของ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจากในกลุ่มทั้งหมดที่มีด้วยกัน 4 คน
แต่ การติดต่อนั้นกลับไม่ได้รับการตอบกลับเพราะทั้ง 4 คนนั้นถูก กลบฝังด้วยทราย ไปแล้ว

“ ครืดดด…ถึงทีมสำรวจนี่หอควบ.. ” 
เสียงติดต่อที่ยังคงดังอยู่ก่อนจะถูกกลบ หายไปกับ ทรายที่สุมขึ้นมาอีกจนเสียงลอดออกมาไม่ได้

“ น่ารำคาญซะจริง เอาเถอะอีกเดี๋ยวพวกแกก็จะได้ไปว่ายน้ำเล่นกันหมดแล้ว หึๆๆ ”
ชายสวมสูทสีดำ และแว่นกันแดด ซึ่งเป็น เครื่องแบบฟอร์มเดียวกับพวกที่มาบุกพิพิธภัณฑ์สัตว์
น้ำ Water Layer ในวันก่อนๆนั้น กล่าวขณะที่ ปูสีน้ำตาลตัวเขื่อง พอๆกับคน กำลัง
พัดทรายขึ้นไปสุมใส่พวก เจ้าหน้าที่ มันมีลายกระดองสีฟ้าตัดกับสีพื้นกระดองที่เป็นสีน้ำตาล


/Get Call/

เสียงดังขึ้นมาจาก Note ที่เปลี่ยนสภาพเป็นปลอกแขน สวมอยู่ที่แขนซ้าย ของเค้าดังขึ้นก่อนที่เสียง
ของ ควีน จิงค์ จะดังขึ้นจาก Note นั้น


“ เริ่มตามแผนได้ Cancer Magnus มาเร็นงอ(Marenngou) ”
เสียงสั่งของ ควีน ดังขึ้นก่อนที่ ชายผู้นั้นจะรับคำแล้วออกเดินฝ่า สายลมที่พัดกรรโชกนี้
เลาะไปตามขอบชายหาด มุ่งหน้าตรงไปยัง รีสอร์ท สนธยา


…………..
…………………

13.10 น. (อีก 23 นาทีก่อนคลื่นซึนามิ จะมาถึง)

“ ว้าย!! ”
“ แว้ก!! ”

เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นทั่วบริเวณ หาดด้านหน้า รีสอร์ท ดังขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย
เมื่อ ชายชุดดำ เดินเข้ามาพร้อม ให้เจ้า ปูยักษ์ สาดทรายไล่พวกนักเรียนคนอื่นๆออกไป

“ สาเหตุของเรื่องพวกนี้ก็คือแกเองสินะ ”
เคียว กล่าวพลางยก คาสเทเนต(Castanet) Note ของตนเองขึ้นมา

/ sich bereit halten /(ภาษาเยอรมัน=Get Set)
คาสเทเนต ส่งเสียงก่อนจะเปลี่ยนรูปเป็นโหมด สำหรับดวลหรือรูปแบบปลอกแขน

/approntare /(ภาษาเยอรมัน=Get Set)
 เสียงดังขึ้นจาก รีคอดเดอร์(Recorder) Note ของอิส ขณธที่เค้าเดินเข้ามาขวางระหว่าง
 เคียว กับ ชายชุดดำเอาไว้

“ งั้นผมจะเป็นคู่มือให้เอง ”
อิส กล่าวพลางเสียบสำรับของตนลงไปในช่องสำรับที่ Note

“ หาอ้าวเฮ้ย แย่งซีนกันแบบนี้เลยเรอะ ฉันท้าก่อนนะเฟ้ย ”
เคียว แย้ง ขึ้นมาด้วยทีท่า หงุดหงิดก่อนจะโดน อิส สวนกลับมาด้วยคำพูดที่เค้าโต้ไม่ออก

“ ไม่ได้ นี่เป็นคำสั่งของคนเขียน ตอนนี้ถึงตาผมออกโรง คุณเคียว รอต่อไปเถอะครับ ”
อิส กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่ เคียว เถียงไม่ออก

“ แหะๆ คำสั่งคนเขียนบท อ่ะน้า ช่วยไม่ได้ ”
โคทาโร่ กล่าวแกมหัวเราะเพื่อปลอบใจ เคียว ที่ตอนนี้หมดเรี่ยวแรงกลิ้งไปตามแรงลมมา
 ติดที่ปลายเท้าของเขา


“ จะใครก็ได้ทั้งนั้น เดี๋ยว Magnus Cancer แห่ง 12 zodiac magnus ผู้คุมวิหาร
ปูยักษ์ คนนี้จะจัดการเอง ”
ชายชุดดำ กล่าวโต่กลับไปอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะเรียกให้ ปูยักษ์ ของเค้ากลับเข้าสำรับ

“ Let’s Duel Summonner Level(mp8) ”
สิ้นคำการดวลก็เริ่มขึ้นท่าามกลางกระแสลมพายุที่พัดอย่างบ้าคลั่งบนหาดนี้
 โดยมีเสียงกระชิก ของ เคียว ที่ดังมาเป็นระยะๆ

“ แล้วเมื่อไหร่ ฉันจะมีบทบ้างงงงง! ”

...................................
..........................................

ถ้ำผานางแอ่น

“ อูยยย นี่ฉันตกลงมาถึงไหนกันเนี่ยแล้วทำไม พื้นมันถึงไม่แข็งนะ แถมยังรู้สึกนุ่มๆอีก ”
ชุติการ เปรยขณะที่หันลงไปมอง แล้วเธอก็ต้องตกใจร้องออกมาอีกครั้ง เพราะ เธอ
 นั่งทับตัวของ ธนัท
อีกแล้ว

“ ท...ทำ..ทำไมนายถึงไปอยู่ตรงนั้นได้เนี่ย เมื่อเช้าก็ทีแล้ว... ”
ชุติการ โวยวายด้วยความร้อนตัวบวกความตื่นเต้นและความเขินอาย
ที่เธอนั่งกดทับ ธนัท มาถึงสองรอบในวันเดียว

“ ก็ขอ..ตอบเหมือนเดิมล่ะ...เรื่องแบบนี้...ไม่เกิดขึ้น..บ่อย...อ่อก ”
ธนัท เปรยขณะที่ยันตัวขึ้นนั่ง ก่อนจะหันไปสำลักเพราะความจุก

“ ว้ายนี่เป็นอะไรรึเปล่า...อุ... ”
ชุติการ ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่ทันทีที่เธอขยับข้อเท้าซ้ายของเธอก็ปวดขึ้นมา
จนเธอต้องล้มลงแล้วรีบเอามือไปกุมข้อเท้า มันแพลงซะแล้ว


“ แย่ล่ะสิ ขาซ้ายแพลงแบบนี้...แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ ”
ชุติการ คิดขณะที่มองขึ้นไปยังยอดเนินของ ผาที่พวกเค้าตกลงมา มันสูงและชัน
ไม่ใช่น้อยแม้จะพอมี ทางเดินให้ปีนขึ้นไปบ้างก็ตาม

“ แย่ล่ะสิ... ”
ธนัท เปรยขึ้นทำเอาเธอตกใจนึกไปว่า เค้ารู้เรื่องที่เธอข้อเท้าแพลงแล้ว


“ ม...ไม่เป็นไร...ฉ..ฉัน ”
“ ฟ้ามืดแบบนี้อีกเดี๋ยวพายุคงจะมาแน่เลย ต้องรีบออกจากที่นี่แล้วกลับไปที่รีสอร์ทแล้วล่ะ
 แอน ก็ยังรออยู่ตรงนั้นด้วย ”

ชุติการ ที่จะรีบออกปากไม่ให้ธนัท เป็นก็แป้วไปเพราะที่ ธนัท ห่วงคือสภาพอากาศตอนนี้

“ ถึงจะชันไปหน่อย แต่ก็พอมีทางให้ปีนได้บ้าง เรารีบขึ้นก่อนดีกว่า อากาศก็เริ่มจะเย็นลงแล้วด้วย ”
ธนัท กล่าวพลางมองหาเส้นทางที่จะปีนขึ้นไป

“ นี่ ธนัท...ทำหน้าเป็นผู้ใหญ่แบบนี้ได้ด้วยเหรอ...ทั้งที่ปกติแล้วจะตีหน้าเซ่อ เหมือนเด็กๆแท้ๆ ”
ชุติการ คิดขณะที่จ้องหน้า ธนัท ไปพลางหน้าของเธอก็แดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว

“ เอาล่ะตรงนี้น่าจะปีนได้นะ ระวัง หน่อยก็แล้วกัน ฉันจะขึ้นไปก่อน
เธอจับมือฉันแล้วปีนตามขึ้นมาก็แล้วกัน ”
ธนัท กล่าวจบก็ปีนขึ้นไปเชิงหินที่ยื่นออกมาเป็นชั้น ก่อนจะส่งมือลงให้ ชุติการ
แต่เธอกลับไม่ลุกขึ้นยืนมาจับมือเค้าแล้วปีนตาม

“ เป็นอะไรไป กลัวหรือไง ”
ธนัท กล่าวถามด้วยความสงสัยก่อนจะทัน สังเกตว่าเธอเอามือกุมข้อเท้าตัวเองอยู่

“ อ๊ะ...เอ่อ...ม....ไม่ใช่นะ ข้อเท้าฉันมัน...ว้าย ”
ชุติการ ที่รนจะแก้ตัวก็เลยเผลอพูดเรื่องเท้าออกไป ทำให้ ธนัท แน่ใจแล้วว่า
เธอได้รับบาดเจ็บตอนที่ ไถลตกลงมา จึงปีนกลับลงมาดู

“ ม..ไม่ใช่นะ..มันแค่ถลอกนิดหน่อยน่ะ เธอไปก่อนเถอะเดี๋ยวฉันจะตามไป ”
ชุติการ กล่าวอย่างร้อนรนเพราะกลัว ว่าเธอจะทำให้ ธนัท เป็น กังวล

“ ไปก่อนเหรอ...เธอนี่นะ..ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ยังมัวแต่ห่วงคนอื่นอีก ”
ธนัท บ่นขณะที่ปีนลงมา แล้วเข้ามาปัดมือเธอ ออกเพื่อดูบาดแผล
ปรากฏว่าข้อเท้าเธอนั้นบวมขึ้นมาจนน่ากลัว

“ ไม่ไหว แบบนี้เดินไม่ได้แน่... ”
ธนัท เปรยด้วยความตกใจและความเป็นห่วง ขณะที่ ชุติการ ก็มองหน้าเค้าด้วยความเป็นกังวลว่า
เธอจะเป็นตัวถ่วงให้เค้ารึเปล่า ขณะที่เธอ เหม่อ อยู่นั้นเอง ธนัท ก็ยื่นหลังให้เธอ

“ เอะ...เอ๋ จะทำอะไรน่ะ ”
ชุติการ ถามด้วยความสงสัย

“ จะอะไรซะอีกล่ะ..ขาเธอเป็นแบบนั้น แล้วจะเดินไปได้ยังไงกัน ฉันจะแบกเธอไปเองขึ้นมาสิ ”
ธนัท ตะคอกเบาๆแกล้งทำเหมือนไม่พอใจ แต่จากอากับกริยาที่แสดงอยู่นั้น
 เธอที่เป็นเพื่อนกับเค้ามานานนั้นรู้ดีว่า เค้าแกล้งพูดแก้เขินไปงั้นๆ แต่ใจจริงแล้วเค้าเป็นห่วง
ซะจนปล่อยไว้ไม่ได้

“ ต...แต่ฉันน่ะหนักไม่เบาเลยนะ ”
ชุติการ กล่าวทว่า ธนัท ก็แย้งขึ้นมา

“ เอาเถอะน่า เธอคนเดียวจะหนักขนาดไหนกัน ”
ธนัท กล่าวยืนยัน จะให้เธอขี่หลังเค้าขึ้นไป เมื่อไม่มีทางเลือก ชุติการ จึงยอมทำตาม

“ แต่ถ้ารู้สึกหนักเมื่อไหร่ต้องบอกฉันทันทีนะ ”
ชุติการ ยื่นข้อเสนอ ซึ่งธนัท ก็ผงกหัวให้เป็นสัญญาณ เธอจึงเดินไปขี่หลัง ธนัท
ก่อนที่เค้าจะเค้นแรงแบกเธอขึ้นมา และถึงเค้าจะไม่พูดออกมา แต่ท่าทางการออกแรงที่

แสดงออกมาก็ฟ้องอยู่ทนโท่ ว่าตัวเธอนั้นหนักไม่เบาเลยทีเดียว แต่ ธนัท ก็ยังกัดฟัน
แบกเธอปีนขึ้นไป

.....................
.......................
................................


หาดหน้า รีสอร์ท สนธยา เวลา 13.15 น. (อีก 18 นาทีก่อน ซึนามิ จะมาถึง)

“ ฉันเริ่มก่อน Cost mp 3 ร่าย คิงมาคแคนเซอร์(King Mask Cancer)ไว้ที่ df line ”
สิ้นคำของชายชุดดำ ไพ่ซีลบนมือก็ถูกส่งออกไปก่อนที่ เฟือง Dynamaze
 จะเริ่มหมุนเพื่อสร้างละอองเวทย์

ไพ่ได้ดูดซับละอองเหล่านั้นเข้าไปก่อนจะกลายเป็น อสูร รูปร่างปูยักษ์ที่เค้าใช้ให้มัน
สาดทรายใส่พวกเจ้าหน้าที่และตอนที่เดินมา ออกมาอยู่ในแนวป้องกัน



“ จากนั้น Cost mp 2ร่าย ไวเปอร์แครบ (Viper Crub) ออกมา
สองใบไว้ที่ At line แล้วผ่าน ”
สิ้นคำไพ่อีกสองใบก็ถูกส่งออกมาก่อน จะปรากฏอสูรอัญเชิญครึ่งปูครึ่งงู
ออกมาสองตัวที่แนวโจมตี



“ รอบของผม Cost mp3 ร่าย เซริยาห์ มาวิน (Zechariah Marvin) ลงไปที่ At line  ”
อิส กล่าว ก่อนจะส่งไพ่บนมือลงไป ก่อนที่ อสูรอัญเชิญ จอมเวทย์หนุ่มน้อยจะปรากฏตัวขึ้น
 ที่แนวโจมตี
ของเค้า ซึ่งเป็นอสูรตัวเดียวกับที่เค้าเรียกออกสู้กับ แวมไพร์ ในคืนวันนั้นที่โรงเรียน



“ แล้ว Cost mp 2 ร่าย เนเชรัล สปิริตแฟรี่(Natural Spirit Fairy) ลงมาที่ At line ”
อิส กล่าวจบไพ่อีกใบก็ถูกร่ายลงมา ปรากฏร่างของ ภูตน้อยตัวจิ๋ว ขึ้นมาพร้อมกับ
 ลูกบอล หกลูกซึ่งทั้งหกลูกมีสีต่างกันไปตามธาตุในตอนนี้



“ ให้ ability ของเนเชรัลสปิริตแฟรี่ ทำงานเมื่อเข้ามาสนามสามารถเลือกธาตุสังกัดให้แก่
มันได้ ผมขอเลือกธาตุไฟ ”
สิ้นคำของ อิส ภูตน้อยก็เปลี่ยนสีลูกบอลทั้งหกให้กลายเป็นสีแดงเพลิงไป

“ จากนั้นให้ ability ที่สองของ เนชเรัลสปิริตแฟรี่ ทำงาน เมื่อมี มาวิน อยู่ในสนามสามารถสั่ง
ซีลใบนี้เป็น ซีลรองให้กับมาวินได้ เริ่มทำการ Double Combination ”
สิ้นคำของ อิส แผงโฮโลแกรมสำหรับ ทำการรวมร่างของเค้าก็ปรากฏขึ้นก่อน
จะลากไพ่บนนั้นให้

ทำการรวมร่าง ทันทีที่การป้อนคำสั่งเสร็จสิ้น
ภูตน้อยก็เข้าไปสิงในไม้เท้าของ มาวิน ก่อนจะเกิด
เพลิงลุกโหมขึ้นที่ปลายไม้เท้า


“ cost mp ที่เหลืออยู่ 3 ให้ มาวิน โจมตีไปที่
ไวเปอร์แครบ Anger of Flame(ความพิโรธแห่งอัคคี) ”
สิ้นคำ มาวิน ก็โบกไม้เท้าในมือก่อนที่จะเกิดลำอัคคีพุ่งเข้าไปเผาร่างของ
ไวเปอร์แครบ ก่อนที่มันจะถูกทำลายไป

“ หมดรอบเท่านี้ ”
อิส กล่าวขณธที่ ชายชุดดำ จั่วไพ่ ซีลและมิสติกขึ้นมาอย่างล่ะใบ

“ ซีลที่ไม่มี ธาตุ กับ ซีลที่สามารถเปลี่ยนแปลงธาตุของตัวเองได้ 
สำรับของแกคงเป็นรูปแบบการเล่นแร่แปรธาตุแบบหนึ่งสินะ ”
ชายชุดดำกล่าว ขณะที่เรียงไพ่บนมือใหม่

“ ก็คงยังงั้นล่ะมั้งครับ ว่าแต่ คิงมาคส์แคนเซอร์ มีแต่ท่ารวมร่างแบบ
 ทริปเปิล เท่านั้น แต่ตอนนี้
ซีลในสนามไม่พอซะแล้วสินะครับ รอบต่อไปผมก็ยังใช้มาวิน บุกต่อ
ไปแบบนี้เรื่อยๆเกมมันจะจบเอาง่ายๆนะครับ ”

อิส กล่าวจบ ชายชุดดำก็หัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูด

“ นับว่าเธอมีความสามารถในการวิเคราะห์ที่สูงมาก ที่สามารถตัดทางการ
 รวมร่างของฉันแล้วยังหาทางรับมือในกรณีที่ฉันจะส่ง ซีลที่เก่งกว่าลงมา

ด้วยการใช่ซีลที่มีค่าพลังสูงขึ้นจาก
การรวมร่ามแบบรวดเร็วนั่น แต่นั่นสำหรับกรณีที่เป้าหมายของฉันเป็นการจู่โจมล่ะก็นะ ”

ชายชุดดำกล่าวจบเค้าก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด เค้าสั่งรวมร่าง โดยให้ ไวเปอร์แครบ ที่มีค่า
พลังเมื่อรวมร่างแล้วน้อยกว่า เป็นซีลหลักทั้งๆอย่างนั้น

“ cost mp 2ใช้สกิลของ ไวเปอร์แครบ เมื่อมันรวมร่างโดยที่มีซีลรองรวมร่างเป็น ธาตุดิน
เลือกซีลในสนามที่มี sp 2- 4 1 ใบในสนาม เมื่อเข้าสู่ sub-turn
ถัดไปซีลนั้นจะติด ston curse 2 turn ”

ชายชุดดำกล่าวจบ ไวเปอร์แครบ ที่ขี่อยู่บนหลังของ คิงมาส์คแคนเซอร์ ก็พุ่งเข้าไป
โดยมี คิงมาส์คแคนเซอร์ ตามไป จับล็อคแขนทั้งสองข้างของ มาวิน
ไว้ด้วยก้ามอันทรงพลังของมัน

จนมาวิน ขยับไม่ได้ก่อนที่ ไวเปอร์แครบ จะตวัดก้ามหนีบของมันเฉือน เข้าที่ ขาของ
 มาวิน จนเป็นรอยแผลบาดลงไป แต่เลือดกลับไม่ไหลออกมา แล้วพวกมันทั้งสองจึงถอยกลับไป


“ จากนั้น Cost mp 4 ร่าย ดีปบลูเรย์ (Deep Blue Ray) ลงไปที่ df line ”
สิ้นคำ หลังไพ่ถูกส่งออกมา ก็ปรากฏร่างของ อสูรกระเบนขนาดยักษ์ บินอยู่
เหนือหัวของพวกเค้าในแนว
ป้องกันของ ชายชุดดำ



“ จากนั้น cost mp 2 ร่าย เดสทรอยเมจิกทาวเวอร์ (Destroy Magic Tower)
ผลของมันจะทำให้อีกฝ่ายต้องสุ่มทิ้งไพ่มิสติกบนมือไปหนึ่งใบ ”
สิ้นคำ ก็ปรากฏ ภาพหอคอยลุกไฟ ค่อยๆถล่มลงมายังพื้นที่ด้านหลังของ อิส ก่อนที่จะจางหายไป
พร้อมกับที่ มิสติกบนมือหนึ่งใบนั้น ถูกละอองเวทย์ พุ่งเข้าไปรวมแล้ว ย้ายมันไปเก็บยังช่อง
 ไชน์ที่ปลอกแขนของเค้า


“ ผ่าน mp ของฉันหมดแล้วในรอบนี้ ”
ชายชุดดำกล่าวจบ ก็ส่ง turn กลับไปให้อิส เล่น ทันทีที่ เข้าสู่ตาเล่นของ อิส ร่างของมาวิน
ก็ค่อยๆกลายเป็นหิน จนขยับไม่ได้ ซึ่งเป็นผลมาจากพิษที่ ไวเปอร์แครบ ฝากเอาไว้ในตาที่แล้ว

“ ยอมรับเลยว่าคุณทำให้ผม ตกใจเหมือนกันที่การคาดการณ์ของ ผม จะพลาดแบบนี้
....ก็อยากจะพูดแบบนั้นแต่ที่จริงแล้ว คุณน่ะเดินไปตามแผนที่ผมวางไว้แล้วต่างหาก ”
อิส กล่าวจบก็ จั่วไพ่ มิสติกขึ้นมาสองใบ

“ ว่าไงนะ.. ”
ชายชุดดำ อุทานด้วยความสงสัย ขณธที่ อิส เลือก ซีลขึ้นมาหนึ่งใบจากบนมือ

“ เรื่องที่คุณจะใช้สกิลถ่วงเวลาน่ะผมรู้อยู่แล้ว เพราะหาก มาวิน ที่เป็นซีลหลักเพียงตัวเดียวในตอนนี้ถูก ston curse ก็จะทำให้ แยกร่างแล้วก็เป็นซีลรองหรือทำอะไรต่อไม่ได้
การเดินเกมของผมก็จะลำบาก ดังนั้นผมจึงเตรียมใช้มันเป็นวัตถุดิบที่จะฝังคุณลงไปในรอบนี้ซะ ”

อิส กล่าวจบก็ยกปลอกแขนnote ของตัวเองขึ้นมาก่อนจะ ยื่นมือไปเลื่อน รังเพลิงส่วนที่อยู่
ด้านบนของปลอกแขนออก ซึ่งมันเป็นช่องให้ใส่ไพ่ลงไปได้

“ จริงสิ note ของแกใช้เซ้ตแบบ อิตาลี แสดงว่านั่นเป็นรุ่นดัดแปลงสินะ.. ”
ชายชุดดำสบถ ขณะที่ อิส ยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ ถูกต้องนะคร้าบ ที่ รีคอดเดอร์ได้รับการปรับปรุงมาก็เพราะ สำรับของผมนั้นเป็นแบบเฉพาะที่มีอยู่
กันน้อย เดี๋ยวผมจะแสดง1ในความสามารถทั้งหมดของมันให้คุณดูเอง ”
อิส กล่าวขณะที่ ใส่ไพ่ซีลลงไปในช่องรังเพลิงนั้น ขณะที่ เคียว หันมามองเค้าอย่างสนใจ เช่นกัน กับ
โคทาโร่ และ ไดสุเกะ รวมไปถึงคนอื่นๆที่ยังอยู่บริเวณนี้แต่ก็เหลืออยู่สองสามคนเท่านั้น


/Ore-Sanjou /(ภาษาญี่ปุ่น = พระเอกมาแล้ว)
เสียงดังกังวานขึ้นมาจาก note ของอิส ทันทีที่ เค้าสับรังเพลิงกลับเพื่อให้ไพ่เข้าไปด้านใน

“ cost mp 3 ร่าย นักดาบมนตรา เซคาริยาห์ มาวิน
(Zechariah Marvin, the Swords Magician) แล้วทำการ
 Growth มาวิน ที่อยู่ในสนามเพื่อให้ได้ความสามารถใน Growth Box  ”

อิส กล่าวจบร่างของ มาวิน ที่แข็งเป็นหินนั้นก็กะเทาะ ผิวหินออก ก่อนที่เนเชรัลสปิริตแฟรี่
 จะออกมาจากไม้เท้า
แล้ว แล้วเปลี่ยนตัวเองเป็นชุดเกราะสีแดงเพลิง แล้วสวมให้กับร่างของ มาวิน
ส่วนไม้เท้านั้นก็กลายเป็น

ดาบขนาดเล็กฝังลงไปที่ข้อแขนขวาของ มาวิน  ตอนนี้ มาวิน ได้เปลี่ยนอาชีพ
 เป็น นักดาบเวทมนต์ แล้ว



“ การ Growth แบบพิเศษที่ใช้การเปลี่ยนอาชีพงั้นเหรอ ”
โคทาโร่ กล่าวขึ้นมาอย่างสนใจ ก่อนที่ เค้าจะต้องอึ้ง กับสิ่งที่กำลังจะเกิดต่อไป

“ ฉันจะจัดไคล์แมกซ์ให้ตั้งแต่ต้นจนจบเลย ”
อิส กล่าวน้ำเสียงของเค้าเปลี่ยนไป อีกทั้งท่าทางก็ยังเปลี่ยนราวกับเป็นคนละคนไปด้วย

“ แว้ก!!!!นั่นอะไรน่ะ ”
โคทาโร่ อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อสายตา ที่บุคลิคของ อิส นั้นจะเปลี่ยนพลิกจาก
หน้ามือเป็นหลังเท้าได้ขนาดนี้ จากที่ดูเก็บอาการกริยาท่าทางและดูเป็นคนนอบน้อม กลับ
กลายเป็นคนใจร้อน ฉุนเฉียวและทำอะไรไม่ยั้งคิด ไป

“ อ่า...นั่นล่ะมันมาแล้วไง...ผลการฝึกจากประธาน เมื่อ อิส แปลงร่างให้กับมาวิน
 อารมณ์กับบุคลิคก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามธาตุนั้นๆด้วย ”
เคียว กล่าวด้วยสีหน้าเอือมกับความสามารถที่แถมมากับพลังของ
อิส ที่ได้รับมาจากการฝึกของ มาริน่า

“ โม้ป่าว..แบบนี้ใครดวลด้วยปวดหัวตายชัก ”
โคทาโร่ ถามเพื่อขอคำยืนยันอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ ขณะที่หันไปมองท่าทีของ อิส ที่เปลี่ยนไป
จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม

“ Cost mp 1 ออกมาเลยเจ้า มาวินจิ๋ว ”
สิ้นคำ ของ อิส ที่เปลี่ยนบุคลิคไปแล้ว มาวิน เวอร์ชั่น in memory
(Zechariah Marvin In Memory) ก็ถูกเรียกออกมาที่แนวโจมตี



“ cost mp 1ให้นักดาบเวทย์โจมตี ใช้ท่าไม้ตายย่างสดมันเป็นซีฟู้ด ทะเลซะเลย ”
สิ้นคำของ อิส นักดาบเวทย์มาวิน ก็เสกดาบ ออกมาด้วยพลังของ ไม้เท้าที่กลายเป็นดาบขนาด
เล็กซึ่งติดอยู่ที่ข้อแขนขวา โดยเสกออกมาล้อมเป็นวงจำนวน สิบเล่มด้วยกัน

/Magic Sword/
เสียงดังกังวานขึ้นมาจาก รีคอร์ดเดอร์ ก่อนที่ดาบเล่มหนึ่งจะพุ่ง ออกไปจากจำนวนสิบเล่ม

“ ให้ ability ของ มาวินจิ๋ว ทำงาน เมื่อ ซีลที่มีชื่อ มาวิน
ติดอยู่ต่อสู้สามารถเลือกท่าโจมตีแบบ ดับเบิลคอมฯได้1ท่าจากนั้นใช้ท่านั้นโจมตี

 แล้วก็ให้ ability ของ นักดาบเวทย์มาวิน

ทำงานเมื่อโจมตีนำ มิสติกชนิดPS(Paste on Seal) 1ใบจาก ไชน์ มาแปะได้
 เอา แมกม่าเทีย จาก ไชน์มาแปะ ค่าพลังของซีลที่ติดมันจะเพิ่มขึ้น 2 ทุกครั้งที่โจมตี
ดังนั้นท่าไม้ตายนี้มีพลัง 11 หน่วยเฟ้ย ”

อิส กล่าวขณะที่ มิสติกที่อยู่ใน ไชน์ แมกม่าเทีย ที่ คิระ เคยใช้ ซึ่งถูกทิ้งไป
ในตาที่แล้วจากผลของ

เดสทรอยเมจิคทาวเวอร์  จะปรากฏขึ้นบนสนามและกลายเป็นคฑาให้
นักดาบเวทย์มาวิน ถือเป็นอาวุธ

เสกเปลวเพลิง เข้าไปครอบ ดาบที่ พุ่งออกไป ทันทีที่ ดาบพุ่งผ่านร่างของ
ไวเปอร์แครบ ร่างของมันก็ถูกครอกด้วยเพลิงบรรลัยกันต์ ก่อนจะลามมายัง
 คิงมาส์คแคนเซอร์ แล้วจึงแตกสลายไปทั้งคู่



“ ยังไม่จบนะเฟ้ย cost mp1 ร่ายAngel of Wand ไปติดอีกใบ ทำให้สามารถโจมตีได้อีกรอบเฟ้ย  ”
 อิส กล่าวจบ ดาบอีกเล่มจากที่เหลืออยู่ 9 เล่ม ก็พุ่งออกไปโดยคราวนี้ไฟ ที่เสกออกมาจาก
แมกม่าเทียนั้น รุนแรงกว่าเดิม เพราะค่าพลังที่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่โจมตีทำให้การ
โจมตีนี้มีความรุนแรง 13 หน่วย



เพียงแค่ดาบพุ่งผ่านไปทีเดียว กระเบนยักษ์ดีปบลูเรย์ ก็กลายเป็นกระเบนย่างในทันที
ก่อนจะสลายลงไชน์ ตามไปอีกใบ

“ จากนั้น cost mp อีก1 ให้ เจ้าจิ๋วนี่โจมตีไปสอยซีลมันมาซะ ”
อิส กล่าวจบ มาวินin memory ก็เข้าไปฟาดไม้เท้าใส่ ทว่า ไพ่ซีลที่เป็นเป้าหมายของ อิส
บนมืออีกฝ่ายก็ออกมาเป็นเกราะป้องกันให้ก่อนจะถูกส่งไปยัง ไชน์ ซึ่งมันคือ ดีปบูลเรย์ อีกใบ

“ น...นี่มัน...อะไรกันเนี่ย... ”
ชายชุดดำกล่าวด้วยความตกตะลึงที่ตอนนี้เค้าโดนไล่ต้อนจน ซีลหมดสนาม
แถมยังถูกต้อนจนเสียซีลไปอีกใบบนมือ จนตอนนี้ ไชน์ของเค้าแทบจะเต็มปรี่ในทีเดียว
 กับการจู่โจมต่อเนื่องที่ อิส กระหน่ำมา

“ บอกแล้วไง ว่าจะจัดไคล์แมกซ์ให้ตั้งกะต้นยันจบเลย ”
อิส กล่าวพลางหักนิ้วไปมาด้วยความสะใจ

อิ
« Last Edit: May 16, 2009, 03:20:08 AM by greamon » Logged


dhaos
Member
*****
Offline Offline

Posts: 109


Email
« Reply #89 on: May 15, 2009, 06:31:05 PM »

ถ้าใครได้ดูอนิเมะของ DNAngel ก็จะรู้ทันทีแหละว่า Sub-Turn 10 เนี่ยยกมาทั้งตอนทัศนะศึกษาเป๊ะๆเลย แล้วก็ถ้าเดาไม่ผิดคงเอาไปรวมตอนวิหารใต้ทะเลด้วยสิน่ะ เหอๆ
ว่าแล้วไปค้น DVD มาดูเพื่อให้เห็นภาพนิยายมากขึ้น 555

พูดถึง DNAngel ไทยเราดองนานจริงๆ ญี่ปุ่นออกเล่ม 12 ไปตั้งนานแล้ว แต่ไทยเราไม่มีวี่แววจะวางแผงซักที
« Last Edit: May 15, 2009, 06:41:57 PM by dhaos » Logged


Pages: 1 2 [3] 4 5 6  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.188 seconds with 21 queries.