Sub-Turn 4 The Enemy Appear
พุทธศักราช 2700 หรือ ค.ศ. 2157
ก่อนที่เวลาจะล่วงเลยมาถึงตรงนี้ ย้อนกลับไปเมื่อ 100 ปีหรือ 1 ศตวรรษ ที่แล้ว
โลกได้เผชิญเข้ากับ วิกฤตการณ์ พลังงาน และมลภาวะสะสม จากการใช้พลังงาน
เมื่อ น้ำมันหมดไปพลังงานอื่นๆจึงเริ่มที่จะเหือดหายไปด้วย ไม่ว่าจะพลังงานไฟฟ้า
แก๊สธรรมชาติ ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น มลภาวะต่างๆที่สะสมจนมากเกิน ทำให้สิ่งมีชีวิต ทั้งหลาย
ต้องทนทุกข์ทรมาน เมื่อน้ำแข็งขั้วโลก ละลาย น้ำท่วมสูงกลืนกิน ผืนปฐพีให้จมหายลงไปใต้พื้น สมุทร
ไฟป่าที่พัดโหมขึ้นพร้อมๆกันจาก อุณหภูมิ ของโลกที่สูงขึ้น เพราะปรากฏการเรือนกระจก
ของชั้นบรรยากาศที่เกิดจากสารที่ได้จากการเผาผลาญพลังงาน
ในตอนนั้น ความหวังก็ได้ปรากฏขึ้น เมื่อการรื้อฟื้นพลังงานที่ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อสมัยโบราณกาล
สัมฤทธิ์ผล พลังงานที่ บริสุทธิ์และมีอย่างไม่จำกัด จนถึงกับพูดได้ว่าให้พวกเราเลิกฝากชีวิตไว้ กับ พลังงานน้ำมันพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานทางวิทยาศาสตร์ อื่นๆได้เลย พลังที่แม้แต่ พลังงานปรมาณู ยังไม่อาจเทียบเคียงได้
มันคือ พลังเวทมนต์!!!!
……………….
……………………
วัน จันทร์ ที่ 3 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2700
ณ โรงเรียน มนต์วิทยา (ชื่อโรงเรียนนะนี่ - -*)
เสียงจอแจ ของนักเรียนที่ดังครึกครื้น จากทุกห้องเรียนของอาคาร สีเขียวขาว ที่ตั้งรายล้อมเป็น
แนวสี่เหลี่ยม ใจกลางเป็นสนามอันกว้างขวาง อาคารทุกอาคาร จะมีหมายเลยติดเอาไว้
ระเบียงที่ยื่น ออกมา นี่คือสภาพภายนอกของโรงเรียนธรรมดาๆในยุคนี้ ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากเมื่อศตวรรษ ที่ผ่านมา มากนัก เพียงแต่วิถีชีวิตของ มนุษย์เท่านั้นที่เปลี่ยนไป เมื่อพลังงานต่างๆที่ใช้นั้นไม่ได้มีอย่างจำกัดอีกต่อไป
สังคมจึงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆแม้แต่เนื้อหาหลักสูตรก็ต้องเปลี่ยนไป เมื่อ ไฟฟ้าและน้ำมันไร้ความหมาย วิศวกรไฟฟ้า
หรือนักวิศวกรรมเคมี ต่างๆก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป พลังงานเวทมนต์เป็นพลังงานที่ยิ่งใหญ่
การแจกจ่ายพลังงานนี้แทบจะไม่ต้องพึ่ง สิ่งใดๆเลย ไม่จำเป็นต้องวางเสากับหม้อแปลงและ
โยงสาย ส่งให้ระโยงระยาง อีกต่อไป เพราะพลังมนตรานั้น ถูกแพร่กระจายไปในชั้นบรรยากาศ เป็นอนุภาค
ล่องลอยอยู่ในอากาศ ไสยศาสตร์ช่างดูเป็นพลังที่ล้ำลึกและยิ่งใหญ่ ทว่าการจะดึงเอาพลังงานนั้นมาใช้ก็ยังคงต้อง
พึ่งวิทยาศาสตร์อยู่ดี เทคโนโลยีที่จะดึงเอาพลังงาน แสนวิเศษนี้มาใช้ ดังนั้นการปฏิรูปวงการพลังงานของ โลก
ภาค วิศวกรรมศาสตร์ ทั้งหลาย จึงต้องปฏิวัติ ขึ้นใหม่และกลายเป็น ภาค วิศวมนตรา ขึ้นมาแทนอันเป็นจุดเริ่มต้น
ของการผสาน ศาสตร์ ทั้งสองเข้าด้วยกันตั้งแต่เมื่อ ครึ่งศตวรรษก่อน จนถึงปัจจุบันนี้
………………
…………………
ภายในห้องเรียน ซึ่งปูพื้นด้วยกระเบื้องพื้นสีขาว ผนังปูนที่วางพื้นด้วยสีขาว เช่นเดียวกับพื้นห้อง
โต๊ะเรียนไม้ ที่วางเรียงเป็นแนว ยาวไปตลอด ถึงห้าแถว กับเด็กนักเรียนในชุดยูนิฟอร์ม ของโรงเรียน
ที่นั่งอยู่กันเพียงครึ่งห้องจากนักเรียนทั้งหมด ที่หน้าชั้นเรียน มีกระดาน โฮโลแกรม ลอยค้างอยู่พร้อมกับที่คอยแสดงเนื้อหาของวิชา ออกมาเรื่อยๆ โดยมีอาจารย์สาวยืนกำกับอยู่ที่โต๊ะไม้ ซึ่งตั้งอยู่ มุมขวาสุดของห้อง
ด้วยการสั่งการผ่านคำสั่งเสียง ของอาจารย์ ทำให้เจ้ากระดานไฮเทค ทำงานด้วยตัวเองตามคำสั่งของเธอ
“ ฉันเป็นฝ่ายชนะแล้ว Nova Breath ”
ประโยคที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของ เด็กหนุ่มผมสีดำชี้ตั้งแซมปลายด้านหน้า ในเครื่องแบบนักเรียนเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว กางเกงดำขาสั้น ซึ่งกำลังนั่งเหม่อมองท้องฟ้า ผ่านกระจกห้องเรียนมา
“ ธนัท…เด็กชายธนัทธาทิเวศ เธอฟังที่ครูพูดอยู่รึเปล่า ”
เสียงตะคอกที่ทำเอาสันหลังของเขาเย็นวาบในพริบตา ก่อนที่เขาจะค่อยชะเง้อคอหันกลับมาที่หน้าโต๊ะเรียนของเขา อาจารย์สาว ผมสั้นสีดำเงาสะท้อนแสงประกายระยิบระยับ ส่งสายตาหงุดหงิด ตีหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่เขาอยู่
หล่อนสวมจี้ห้อยคอ สีเงิน แบบเดียวกับนักเรียนทุกคนในห้อง เช่นกัน ธนัท เองก็สวมด้วย
“ ข..ขอโทษครับ อาจารย์บุษบารี ”
ธนัท กล่าวเสียงสั่น เมื่ออยู่ต่อหน้า อาจารย์สาว
“ เฮ้อ ธนัท วันนี้เธอนั่งเหม่ออย่างนี้มา หลายคาบแล้วนะ ไม่สบายรึเปล่า ”
/Do you fine/(สบายดีรึเปล่า)
สิ้นคำของอาจารย์สาว ก็มีเสียงทุ้มต่ำเหมือนเสียงเครื่องจักร ดังออกมาจาก จี้ห้อยคอสีเงินของ หล่อน
/Don’t worry , My master is stupid always / (ไม่ต้องกังวลไป,มาสเตอร์ของชั้นเขางี่เง่าเป็นประจำอยู่แล้ว)
ยังไม่ทันที่ ธนัท จะตอบกลับจี้ห้อยคอที่เขาสวมอยู่ ก็ชิงกล่าวตัดออกมาซะก่อน ทำเอานักเรียนคนอื่นๆอดหัวเราะ
ออกมาไม่ได้
“ ฮะๆๆๆ เจ้า ธนัท โดน Note ของตัวเองว่าด้วยล่ะ ฮะๆๆๆ ”
เสียงเหน็บแนมดังครึกครื้นไปทั้งห้อง ทำให้ ธนัท หน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ นี่ คอรัส (Chorus) ชั้นเป็นมาสเตอร์ของแกนะ จะเคารพกันหน่อยไม่ได้หรือไง ”
ธนัท กล่าวอย่างหัวเสียขณะที่หยิบเอาจี้เงิน ของเขาขึ้นมาต่อว่าด้วยความ ไม่ชอบใจ
“ เอาล่ะๆ เงียบได้แล้วครูจะต่อล่ะนะ ”
อาจารย์สาว กล่าวเสียงดังก่อนจะ เดินกลับไปที่กระดาน และเริ่มสอนต่อ
…………
…………
“ ทุกคนต่างก็มี Note พกกันอยู่คนละเครื่องใช่ไหมจ้ะ Note หรือ Navigation Operator Terminal Exe (N.o.t.e.) เป็นอุปกรณ์ที่สร้างจากวิทยาการมนตรา ซึ่งเป็นเสมือนกับ โทรศัพท์มือถือ ที่ใช้ติดต่อสื่อสารผ่านMagic Cyber อีกทั้งยังใช้ในการควบคุมสมดุลพลังงานธาตุต่างๆ เพื่อสามารถสร้าง
Summon Field(S.F.)เพื่อทำการร่ายอสูรอัญเชิญ ออกมาได้ โดยไม่ต้องพึ่ง Create Summon Field Table (C.S.F.T.) หรือเรียกแบบหยาบๆว่าโต๊ะเล่นการ์ดนั่นเอง นอกจากนี้Note ยังจำเป็นในการแข่งขัน SMN ด้วย เพราะการแข่งขันโดยใช้ SF จะก่อให้เกิดอันตรายได้หากไม่ได้รับความคุ้มครองจากเกราะเวทย์ที่ Note จะสร้างขึ้นคุ้มครองผู้ร่ายอสูร… ”
อาจารย์สาว กล่าวยังไม่ทันจบประโยค นักเรียนหญิงคนหนึ่งในห้องก็ถามแทรกขึ้นมา
“ อาจารย์คะ ทำไมเราต้องมาทบทวนเรื่องที่เรียนตอน ป.6 เอาเวลานี้ด้วยคะ ”
นักเรียนหญิง กล่าวถามขึ้นด้วยความสงสัย ก่อนที่อาจารย์สาวจะขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดที่จะต้อง
กล่าวตอบคำถามนี้ ขณะที่สายตาจ้องไปยัง ธนัท จนถึงกับทำเอา ธนัท ต้องหดตัวด้วยความผวา
“ ก็เพราะมีคนที่ฝ่าฝืนข้อห้ามพื้นฐานที่แม้แต่เด็กประถมยังรู้อยู่ในห้อง ม.2/3 นี่น่ะสิ ”
อาจารย์สาว ตะคอกด้วยความหงุดหงิด เมื่อมองสภาพภายในห้องที่มีนักเรียก เหลือเพียงครึ่งห้องเท่านั้น
หลังจากที่ได้รับแจ้งการลาป่วยของนักเรียนกว่าครึ่ง เพราะได้รับแรงกระทบจากคลื่นพลังเวทย์
ที่เกิดจากการแข่งขัน SMN ของ ธนัท กับ ภูเขา ผลจากการใช้ไพ่ต้องห้ามที่มีพลังอำนาจสูงนั้นทำให้
ชุติการและ เพื่อนในห้องของเขา ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ จนสลบไม่ได้สติ
จนถึงเมื่อวานนี้ พวกเขาก็พึ่งจะฟื้นแต่ก็ยังไม่แข็งแรงพอจะมาโรงเรียนได้
“ ดูท่าว่า ธนัท คงยังคิดถึงตอนแข่งกับ พี่ชายตาขวางคนนั้นแน่เลย ”
เคียว ที่ชายตามองมาจากโต๊ะเรียนที่ตั้งเยื้องลงมาทางซ้ายล่างของ ธนัท
/ja/(G(ภาษาเยอรมัน) :ใช่)
จี้ห้อยคอของ เคียวตอบรับพร้อมกับกระพริบแสงวาบออกมาเล็กน้อย
“ คาสเทเน็ต(Castanets) เธอคิดว่าเราควรจะพา ธนัท ไปเยี่ยม ชุติ หน่อยไหม เมื่อวานชุติเองก็ดูอาการไม่ค่อยจะดีเลย ”
เคียว กระซิบ กับ จี้ห้อยคอ Note ของเขาที่ชื่อคาสเทเน็ต อย่างเบาที่สุด เพราะ อาจารย์สาวชายตามาที่เขา
เล็กน้อย
/Kein/ (G:ไม่)
คาสเทเน็ต ส่งเสียงออกมาโดยพยายามหรี่ให้เบาที่สุด
“ งั้นเหรอ เธอก็คิดว่าไม่สมควรสินะ ก็จริงเพราะคนอย่าง ธนัท ขืนให้ไปเยี่ยม ชุติ ล่ะก็มีหวังเศร้าหนักลงไปอีกแน่ ”
เคียว กระซิบ แม้ตอนนี้ อาจารย์ จะละสายตาไปจากเขาแล้วก็ตาม
/Get Call/
คาสเทเน็ต ส่งเสียงออกมาพร้อมกับไฟกระพริบรัวๆ
“ มีคนติดต่อเข้ามาเหรอ งั้นต่อสายเลย ”
/Ja Wohl/(G:รับทราบ)
สิ้นคำของ เคียว คาสเทเน็ต ก็ส่งเสียงตอบรับก่อนจะโอนสายผู้ติดต่อ ให้กับเคียว
“ เคียว นี่ แอน(Ann) เอง หนา ”
เสียงเหน่อๆของ ผู้ติดต่อ ดังออกมาจาก คาสเทเน็ต ก่อนที่เคียวจะหันไปมองข้าม หัวนักเรียนที่นั่งอยู่ข้างๆไปอีกโต๊ะ
เด็กสาวชาวต่างชาติ ผมทองผูกแกละไว้ข้าง กำลังโบกมือให้เขา
“ แล้วมีอะไรเหรอ ”
เคียวกระซิบ ใส่ Note ขณะที่สายตาคอยสอดส่อง ว่าอาจารย์เห็นพวกเขา สื่อสารกันหรือไม่
“ ได้ยินมาว่า ธนัท ไปดวลกับ อดีตแชมป์ ภูเขา มาแล้วผลการแข่ง ล่า ”
แอน กระซิบใส่ จี้ห้อยคอที่เป็น Note ของเธอ ก่อนที่เสียงของเธอจะถูกส่งไปยัง Note ของ เคียว
“ ธนัท ชนะมาได้แบบหวุดหวิดเลยล่ะ ”
เคียว กระซิบ
“ ว้าว วันเดอร์ฟูล(wonderful) ธนัท เนี่ยเก่งเหมือนกัน หนา ”
แอน กระซิบ
“ อืมแต่ว่ากันตามจริงแล้ว ท่าเขาไม่รวมร่างผิดล่ะก็คงแพ้ไปแล้วล่ะ ”
เคียว กระซิบ
“ ภูเขารวมร่างพลาดงั้นเหรอ ”
แอน กระซิบตอบกลับทันที
“ เปล่าที่พลาดน่ะ ธนัท ต่างหาก ถ้าเขาไม่รวมร่างผิดไปเอา Salamandery doll ขึ้นเป็นซีลหลัก
แทนที่จะเอา Salamandera ขึ้นล่ะก็เขาคงโดน Sacrifice เก็บไปแล้วก็หมดทางชนะไปแล้ว ”
เคียว ตอบกลับ
“ เหลือเชื่อจริงๆ นี่ ธนัท ดวงดีขนาดนั้นเลยเหรอ ”
แอน กระซิบกลับมา
“ ไม่รู้สิบางที ธนัท อาจจะมีความสามารถแฝงอยู่มากกว่าที่เราเห็นก็ได้นะ ”
เคียว กระซิบ ก่อนที่การสนทนาต้องหยุดชะงัก ไปซักครู่เพราอาจารย์หันมามองแถวพวกเขา
อยู่ซักครู่ ก่อนจะละสายตาไป
“ เอ่อนี่ถ้ายังไง วันเสาร์นี้ เรามาชวน ธนัท กับ ชุติ ไปเที่ยวที่บ้านฉันไหม เมื่อวาน ที่สวนแสดงโชว์ ของบ้านฉันพึ่งจะได้ วาฬเพชฌฆาต ตัวใหม่มาล่า ฉันอยากให้พวกเธอได้รู้จักมันหน่า เชลโล(Chello) เองก็เห็นด้วยล่ะเน่อ ”
/yeah/(อือ)
สิ้นเสียงของ แอน เสียงทุ้มๆของ Note ที่ แอน ถือครองอยู่ ก็ดังขึ้นตอบรับ
“ เอางั้นก็ได้น่าจะดีเหมือนกันนะ ”
เคียว ตอบซึ่งเขาก็เห็นดีด้วยเพราะนี่น่าจะเป็นทางที่ทำให้ ธนัท กับ ชุติ ร่าเริงขึ้นบ้าง
“ งั้นตกลงตามนี้ หนา วันเสาร์นี้มาที่ บ้านฉันตอน บ่ายสามโมงแล้วเจอกัน หนา ซีย่าร์(See ya) ”
สิ้นคำของ แอน สายก็ถูกตัดไปทันที
………………
…………………
……………………
5 วันผ่านไป
วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2700 เวลา 15.00 Pm
สวนแสดงสัตว์น้ำ Water Layer จังหวัด ระยอง อำเภอ เมือง
อาคาร ทรงกรอบสี่เหลี่ยม ขนาดใหญ่ ที่ใจกลางเป็น สระน้ำรูปวงขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางแจ้ง
ที่ด้านหลังสระมี ฉากสีฟ้าอ่อน ตั้งบังหลังเวที ซึ่งยื่นลงไปในสระ รอบๆสระถูกล้อมไว้ด้วย
กำแพงที่ไม่สูงนักแต่มี ขอบกระจกวางล้อมอยู่ด้านกำแพงหินอีกที
ที่เหนือสระ มีห่วงวงใหญ่ สามห่วงลอยตัวเคว้งอยู่กลางอากาศ โดยที่ไม่มีอะไรยึดเอาไว้
ด้านหน้าสระ เป็นลานแนวโค้งและถัดออกไป เป็นขั้นบันไดปูนสีขาวเรียงขึ้นไป โดยมีเต็นท์ผ้าใบ
กางบังลมบังแดด ไว้ให้แก่ผู้ชมที่จะมาชมการแสดง ที่ลานโชว์การแสดงสัตว์น้ำ
ซึ่งตอนนี้หมดเวลาการแสดง ไปแล้วทำให้ไม่มีคนอยู่ภายในลานเลย
นอกจาก กลุ่มเด็ก สี่คน ที่กำลังหยอกเล่นกับ เจ้าลูกวาฬสีดำผิวเป็นมันวาว
“ น่ารักใช่ไหมล่า คูทท์(Cute)สุดๆไปเลยมันชื่อ กีวี่(Givie) จ้ะ ”
เด็กสาวชาวต่างชาติ กล่าวเสียงเหน่อขณะที่ ลูบหัวลูกวาฬเพชฌฆาต ที่ลอยตัวอยู่ในสระ น้ำของลานแสดง
“ ว่าแต่นี่มันยังเป็นลูกวาฬอยู่เลยนะ แล้วครอบครัวมันล่ะ ”
ชุติ ถามด้วยความสงสัย ขณะที่เธอลองลูบหัว เจ้า กีวี่ ดูบ้างแต่มือของเธอก็ยื่นเข้ายื่นออกแบบกล้าๆกลัวๆ
“ ครอบครัวของ กีวี่ ตายหมดแล้วล่ะปู่ของ แอน ที่ทำงานที่ศูนย์วิจัย ไปพบ กีวี่กับครอบครัวของมัน เกยตื้นอยู่ที่หาด พวกของ คุณปู่ช่วยทันแค่ กีวี่ ตัวเดียวเท่านั้นนอกจาก กีวี่ แล้วแม่กับน้องของ มันก็ขาดใจตายไปซะก่อน.. ”
แอน กล่าวเสียงหงอย ขณะที่ คว้างลูกบอล พลาสติกที่ ลูกวาฬ คาบมาให้ ลงไปที่กลางสระ
เจ้าลูกวาฬ รีบว่ายไปคาบเก็บกลับมาอย่างรวดเร็วทันที
“ พ่อของ แอน ก็เลยขอรับมาเลี้ยงไว้ แล้วก็เลยฝึกให้มันแสดงน่ะ การแสดงของ กีวี่ จะเริ่ม ในเดือนหน้า..พวกเธอต้องมาดูให้ได้ หน่า เพราะแอน จะแสดงร่วมกับ กีวี่ ด้วย ”
แอน กล่าวสีหน้าดูสดใสกว่าเมื่อครู่ พวก ธนัท ต่างก็รับคำและสัญญาว่าจะมาดูให้ได้
………….
…………….
/Searching Complete/(การค้นหา สมบรูณ์แล้ว)
เสียงทุ้มต่ำดังออกมานจาก จี้ห้อยคอซึ่งเป็น note ของ หญิงสาวคนหนึ่งเธอยืน อยู่บนหัวเรือ
ที่จอดอยู่ในบริเวณ อ่าวซึ่งห่างออกไปจาก สวนจัดแสดงไม่มากนัก ผมสีดำยาวสลวยของเธอสะบัดพลิ้วไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาปะทะใบหน้าของเธอ เธอสวมชุดรัดรูปสีดำ เอาไว้ทั้งตัวและคลุมทับด้วยเสื้อ
กันลมสีชมพูม่วง กับกระโปรงสีชมพูม่วง อีกผืน
“ เริ่มดำเนินการตามแผนได้ ”
หญิงสาวกล่าว สายตาของเธอมองตรงไปยัง อาคารที่ล้อม ลานแสดงเอาไว้ ด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่ไหวติ่ง
/ricevuto/(I(ภาษาอิตาลี): ทราบแล้ว)
Note ของเธอส่งเสียงตอบรับก่อนจะเริ่มกระพริบไฟถี่ขึ้น
ราวกับจะหยอกล้อแสงตะวันที่กำลังจะ คล้อยดิน
……
…………
ราตรีอันมืดมิดได้มาเยือน เมื่อดวงตะวันลับขอบฟ้า ดวงจันทรา ก็ขึ้นแทนที่ ทว่าเมืองทั้งเมืองกลับดูมีสีสันกว่า
ในเวลากลางวัน แสงไฟมากมายส่องวาบไปตามอาคารต่าง ย่านการค้ายังคงครึกครื้น แม้นี่จะหัวค่ำแล้วก็ตามที
รถรา ต่างๆวิ่งกันขวักไขว่ วิถีชีวิตของ ผู้คนแทบไม่ต่างไปจากเมื่อ 100 ปีก่อนเลย จนถึงบัดนี้มนุษย์ก็ยังคงสนุกกับการใช้ชีวิต เสเพลไปวันๆ ร้านเหล้า โรงแรม สถานเริงรมย์ต่างๆ ยังคงเป็นที่มั่วสุมของเหล่า วัยรุ่นและพวก
พนักงานบริษัท เพลยบอย ทั้งหลาย ที่ไม่รู้จักคิดเหมือนเดิม แม้ว่าเมื่อ 200 กว่าปีก่อน พวกเขาเองก็เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้พลังงานหมดไป ยิ่งตอนนี้ เมื่อพลังงานที่ไร้ขีดจำกัดได้ปรากฏขึ้นมา พวกเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ยังคงใช้ชีวิตสุลุ่ยสุร่ายในพลังงาน เหมือนเดิมและยิ่งหนักข้อกว่าเดิมด้วยซ้ำเมื่อ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย
ที่จะเสียให้กับองค์กรที่ดูแลเรื่องพลังงาน เพราะพลังงานที่ใช้นั้น ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าบริการ
อีก พวกเขาจึงสามารถที่จะเปิด ร้านบริการลูกได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่รู้จักเสียดายพลังงานอีก
สำนึกของมนุษย์ที่เคยเค้นกันให้รู้รักบำรุงพลังงาน คงถูกบดสลายหายไปในอากาศธาตุเสียแล้ว
“ ถ้างั้นพวกเรากลับก่อนนะ ”
ธนัท กล่าวพร้อมกับโบกมือลา แอน ที่หน้าอาคาร ขณะที่ เคียวกับชุติ กำลังรอให้เขาไปสมทบ
กริ้งงงงง!
ทว่าก่อนที่พวก ธนัท จะได้ทันเหลียวหลังเดิน จากไปเสียงกริ่งในอาคารก็ดังขึ้นระงมไปทั่ว
ก่อนที่สัญญาณเตือนภัยจะดัง เหนือน่านฟ้า มีกลุ่มชาย สวมสูทสีดำสวมแว่นกันแดด3คน กำลังโดดร่มลงมา
ที่ลานแสดง
“ ส..สัญญาณเตือนมีผู้บุกรุก แย่แล้ว กีวี่ ยังอยู่ในสระอยู่เลย ”
แอน อุทาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปุบปับโดยไม่ทันตั้งตัว ทำให้พวกเขาตัดสินใจ
ที่จะเข้าไป ดูสถานการณ์
พวกธนัท ไม่รอช้ารีบวิ่งกลับเข้าไปในตัวอาคารทันที ทว่าทันทีที่เข้ามาในอาคารลูกกรงเหล็กก็กำลังเลื่อนตัวปิดทางเข้าออกทั้งหมดเอาไว้ เพื่อที่จะออกไปยังลานแสดงพวกเขาจะต้อง วิ่งฝ่าประตูทางเดินไปให้ทันก่อนที่ ลูกกรงเหล็กจะปิด
ภายในห้องจัดแสดงสัตว์น้ำ ซึ่งผนังรายล้อมไปด้วยตู้เลี้ยงสัตว์น้ำหลากชนิด ติดโชว์เอาไว้ ภายในความมืดมิดแสงไฟที่ส่องออกมาจากตู้ปลา ช่วยเบิกทางในความมืดมิดให้แก่พวกเขานอกจากแสงสีแดงจาก เครื่องเตือนภัยที่ วิ่งสาดไปทั้งห้อง กับเสียงกริ่งที่ดังจนน่ารำคาญ
“ นี่ แอน ห้องควบคุมที่นี่ไปทางไหน ”
เคียว ถามด้วยความรีบร้อน
“ จากนี่ตรงไปอีก สอง ห้องแล้ว เลี้ยวขวา ห้องก่อนที่จะถึงห้องออกไปยังลานแสดงหน่า ”
แอน กล่าว ขณะที่วิ่งไปอย่างสุดแรง ก่อนที่พวกเขาทั้งสี่ คนจะไถลตัว ลอดผ่าน ประตูลูกกรงที่กำลังจะเลื่อนลงสู่พื้น พวกเขาผ่านไปยังห้องที่สองแล้ว อีกสองห้องจะ ถึงทางออกสู่ลานแสดง
“ เลี้ยวขวาที่ห้องถัดไปสินะงั้นเดี๋ยวชั้นจะไปที่ห้องควบคุมแล้วจัดการปิดสัญญาณเตือนนี่ก่อน
แล้วจะโทรเรียกตำรวจมา จากนั้นจะเปิดประตูให้พวกเธอ ไปยังส่วนอื่นๆได้ ”
เคียว กล่าวขณะที่พวกเขาต้องเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีกเพราะ ลูกกรงเหล็กกำลังจะเลื่อนลงมาปิดประตูแล้ว
พวกเขา ไถลตัวลอดผ่านมาได้ จนถึงห้องก่อนทางออก เคียวก็ เลี้ยวออกไปยัง ทางเบี่ยงที่เชื่อมไปชั้นสองของอาคาร ก่อนที่ พวกเขาทั้งสามคนจะออกวิ่งต่อ ทว่าทันที ที่ผ่านไปจนถึงห้องสุดท้าย ประตูลูกกรง
กำลังจะปิดลงอย่างสมบรูณ์แล้ว แอน รีบถลา ตัวพุ่งออกไปทันที ร่างของเธอลอดผ่าน ลูกกรงไปก่อนที่มันจะปิดได้ทัน ส่วน ธนัท กับ ชุติ กลับ ติดอยู่ข้างใน
“ รีบไปเถอะ แอน เดี๋ยวพอ เคียว ไปถึงห้องควบคุม ก็คงจะเปิดประตูให้เอง ”
ธนัท กล่าว
“ ร..ระวังตัวนะ แอน พวกชุดดำนั่นต้องเป็นคนไม่ดีแน่ ”
ชุติ กล่าวหน้าหงอราวกับจะร้องไห้
“ อืม เดี๋ยว แอนจะไปพา กีวี่ กลับเข้าแทงค์ก่อน ระหว่างนี้ แอนอยากให้พวก ธนัท ไปตาม ป๋ะป๋า แอน ที่ห้องพนักงานทีนะ เดี๋ยวแอนจะ ให้ เชลโล ส่งแผนที่ไปให้ ”
แอน กล่าวจบ ทั้งสองก็รับคำก่อนที่ แอน จะวิ่งอ้อมไปที่หลังเวที พร้อมกับ ยกเอาจี้ห้อยคอขึ้นมา
“ เชลโล ส่งแผนที่ของที่นี่ไปให้ คอรัส คาสเทเน็ต กับ กอสเปล ทีหน่า ”
/Roger, Sending Map/ (รับทราบ,ทำการส่งแผนที่)
ทันทีที่ แอน สั่งการจบ Note ของเธอ ก็ทำการส่งข้อมูลแผนที่ ไปที่ Note ของทุกคนทันที
/Get Item/
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจาก Note ของทั้งสาม ก่อนที่พวกเขาสามจะหยิบ จี้ห้อยคอขึ้นมาดู
“ หือ จากแอนแผนที่หรือ ดีล่ะ ”
เคียวกล่าว ขณะที่มอง จอโฮโลแกรมที่ ส่องออกมาจาก จี้ห้อยคอ ซึ่งเป็นภาพแผนผังของที่นี่
กับจุดแสดงตำแหน่งปัจจุบันของ ทุกคนที่วิ่งไปมาบนแผนภาพนี้
“ เอาล่ะ แอน ส่งแผนที่มาให้แล้ว เราไปกันเถอะ ”
ธนัท กล่าว ขณะที่ สั่งให้ คอรัส แสดงแผนที่ขึ้นมา
“ กอสเปล(Gospel)ช่วยเปิดแผนที่ ให้ทีจ้ะ ”
ชุติ กล่าวขณะที่ ยื่นจี้ห้อยคอของเธอ ขึ้นมา
/All Right/ (ได้เลย)
เสียงตอบรับจากNote ของเธอดังขึ้นก่อนที่ แผนภาพโฮโลแกรมจะถูกส่องออกมาก จี้ Note ของเธอ
เธอกับ ธนัท จึงเริ่มออกเดิน ภายในอาคาร โดยใช้แผนที่ช่วยนำทาง
ขณะเดียวกันกลุ่มชายชุดดำที่ โดดร่มลงมา ก็กระจัดกระจายลงกันคนละที่ สองคน ลงที่ดาดฟ้า อาคารที่ พวก
ธนัท กำลังเดินตรวจอยู่ ส่วนอีกคน ลงที่ลานแสดง
แอนที่ อ้อมไปด้านหลังเวทีกำลัง ต้อนให้ ลูกวาฬ ว่ายเข้าไป ใน แทงค์ น้ำที่ ต่อกับ สระแสดง ซึ่งภายในมี
พวก โลมา และ แมวน้ำ ที่ใช้แสดงโชว์ อาศัยอยู่ทว่า เจ้าลูกวาฬกลับไม่ยอมเข้าไปง่าย มันอยากจะเล่นกับเธอมากกว่า เสียงน้ำกระเซ็นที่ เกิดจากการสะบัดตัวของ ลูกวาฬ ทำให้ ชายชุดดำ หันมาสนใจ และกำลังตรงเข้ามา
ใกล้
“ ย..อย่าเข้ามาหน่า ”
แอน ตะคอก ขณะที่เธอวิ่ง ขึ้นมาที่เวที ซึ่งยื่นเข้าไปในสระ ชายคนนั้นทำเสียงจิ้กจั้กด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยก่อน จะกระโดดทีเดียว ข้ามขอบสระ และผืนน้ำในสระ มาจนถึงพื้นเวทีที่ แอน ยืน อย่างง่ายดาย
สร้างความตกตะลึงให้แก่ เธออย่างมาก ที่เขาสามารถกระโดดข้ามจากฝั่งตรงข้ามของสระ มาหาเธอที่อยู่อีกฝั่งได้
ราวกับเหาะมาอย่างไงอย่างงั้น
“ Caller เองเหรอนึกว่าเป็นกระดูกแข็งอย่างระดับ Summoner ซะอีก ”
ชาย คนนั้นพึมพำด้วยความเสียดาย ก่อนที่จะยก เอาสำรับไพ่ ขึ้นมา
[Caller และ Summoner เป็นระดับฝีมือของผู้เล่นที่ถูกจัดอันดับเอาไว้ซึ่งมีการแบ่งระดับจากต่ำไปสูงเอาไว้ดังนี้ Caller<Summoner <Ruler ]
“ ท้าดวลงั้นเหร่อ ”
แอน กล่าวขณะที่ Note ของเธอ เชลโล ได้ส่องแสง วาบพร้อมกับที่ สำรับของเธอซึ่งถูกเก็บเอาไว้ใน จี้ห้อยคอ ได้ปรากฏออกมา
เธอคว้ามันไว้ด้วยมือขวาก่อนที่มือซ้ายจะคว้าเอา เชลโล เกิดแสงวาบขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ จี้ห้อยคอจะเปลี่ยนรูปร่างและย้ายมาเกาะที่
ข้อแขนซ้ายของเธอกลายเป็นถุงมือ จักรกลซึ่งมีช่องสำหรับเสียบสำรับสองช่อง
/Get Set/
เสียงดังขึ้นจาก Note ของเธอที่กลายเป็นถุงมือจักรกลไปแล้วในตอนนี้
“ แสตนบายน์เลย บาสซูน(Bastune) ”
/Get Set/
สิ้นคำของ ชายชุดดำ จี้ห้อยคอของเขา ก็เปลี่ยนรูปเป็นถุงมือจักรกลแบบเดียวกับ แอน
ทั้งสอง สลับกองการ์ดก่อนจะเสียบมันเข้าไปยังช่องเสียบสำรับ ซีลการ์ดช่องหนึ่ง มิสติกการ์ดช่องหนึ่ง
“ ดวลได้ ”
สิ้นเสียงของทั้งคู่ กระแสพลังเวทย์ก็แผ่ออกมาจากทั้งคู่และก่อตัวกลายเป็น Summoner Field
ก่อนที่การดวลระหว่าง แอน กับบุคคลปริศนาจะเริ่ม
“ ชื่อของฉันคือ แอนนา เชิร์กเวฟ(Anna Surge wave) ผู้ใช้สำรับนาวายะเยือก ”
แอน กล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น ขณะที่ ลูกวาฬเพชฌฆาต กระโจนขึ้นจากน้ำข้ามพื้นเวที ตัดหน้า เธอไป ทิ้งไว้เพียง
หยาดน้ำที่กระเซ็นค้างในอากาศ เป็นสัญญาณเริ่มการดวล
[Data: แอนนา เชิร์กเวฟ Age: 14 Year Deck:นาวายะเยือก ]
To be continue...