Summoner Master Forum
November 25, 2024, 09:50:11 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: [ Fan Fic ] บ้าง ว่างๆ Fudenun & Garuda I  (Read 4269 times)
0 Members and 6 Guests are viewing this topic.
the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« on: October 11, 2008, 10:44:21 PM »

Garuda ( ครุฑ) ในโลก Terra อาณาจักรที่เป็นเอกเทศส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตที่เกือบจะเป็นตำนานเหล่านี้

แทบจะถูกลืมเลือนจากความทรงจำไป กลายเป็นแค่ตำนานนิยายเล่าขานกันของชาวบ้านในอาณาจักร Fudenun

เพียงเท่านั้น จนกระทั่ง ครั่งหนึ่งที่เหล่าปีศาจ Sin ต่างๆครอบงำจิตใจมนุษย์ที่เต็มไปด้วยราคะได้สำเร็จ

และพยายามจะกลืนกินจิตวิญญาณที่ละน้อยๆ ด้วยการตั้งพันธะสัญญาเอาไว้ กับชายผู้กระหายในอำนาจ

                   Blaze Sage อุปราชแห่งจักรวรรดิ Zalom



ผ่านลงมาทางตอนใต้ถึงดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์ ที่ซึ่งมีภูเขาสูงตระหง่านเป็นแนวยาวดั่งโอบล้อมดินแดน

แห่งนี้ไว้ในอ้อมแขน มหาพฤกษาสง่าที่มีใบไม้เป็นสีเงินสวยงาม สะท้อนแสงตะวันยามเช้าได้เป็นอย่างดี

"แม่คะ เราต้องเก็บใบไม่ไปเยอะเท่าไหร่กันคะ?" เสียงเด็กน้อยพูดขึ้น เด็กน้อยผมสีน้ำตาล แต่งตัวด้วยเสื้อ

กับกระโปรงทอมือที่กำลังเก็บใบไม้สีเงิน ณ โคนต้น Yggdrasil เอ่ยถามสตรีวัยกลางคนที่หน้าตาไม่แตกต่างกันมากนัก

"อีกสักนิดจะลูก สักตะกร้าเราก็นำไปให้ท่านวูจินทำยาได้แล้วละลูก แต่แดดวันนี้ร้อนเหลือเกิน แม่ขอพักสักหน่อยนะ"

หญิงผู้เป็นมารดากล่าว จากนั้นจึงได้เดินไปที่ใกล้โคนต้นและเอนกายาลงไปนอนกับเศษใบไม้สีเงินที่ร่วงอยู่

เหลือไว้แต่เด็กน้อยที่กำลังเก็บใบไม้สีเงินอย่างสนุกสนาน

" อะ ดอกไม้สวยจัง " เด็กสาวหันไปเห็นดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กลีบสีเหลืองนวลราวกับแสงตะวัน

เด็กน้อยเร่งก้าวเดินไปเพื่อไปชมดอกไม้งามใกล้ๆทันที แต่ไม่ทันที่จะก้าวไปถึงดอกไม้

เงาของสิ่งมีชีวิตที่มีปีกขนาดใหญ่ก็ทอดตัวผ่านสาวน้อยคนนี้ มุ่งไปทางมหาพฤกษาอย่างรวดเร็ว

เด็กน้อยตกใจ รีบแหงนหน้าขึ้นไปมองโต้กับแดดที่ส่องผ่านใบของต้น Yggdrasil

" อะไรน่ะ " เด็กน้อยอุทานเบาๆ ต้องหรี่ตาลงเพราะไม่อาจสู้แสงแดดแรงขนาดนี้ได้

" แม่ค่ะ  แม่ค่ะ " เด็กน้อยไม่รอช้า ที่จะรีบวิ่งไปปลุกแม่ที่กำลังพักผ่อนอยู่  ....


ผ่านความสูงขึ้นไปตามลำต้นแห่งมหาพฤกษา บนยอดไม้ที่แผ่กว้างไป

เจ้าของเงาได้หุบปีกลงเล็กน้อยและได้บินผ่าน บ้านเรือนที่ตั้งอยู่ตามแขนงกิ่งก้านใบลักษณะไม่ผิดบ้านเรือนมนุษย์

ผ่านเข้าไปถึงเขตที่สามารถมองออกได้ว่าเป็นปราสาทที่สร้างด้วยวัสดุสีขาว เจ้าของเงาบินผ่านเข้าไปภายใน

*อนึ่งบทสนทนาครุฑได้รับการแปลแล้วโดยผู้ตั้งกระทู้ ไม่ต้องใช้วุ้นแปลภาษาก็ได้ฮะ

" ถวายบังคมองค์หญิง " สิ่งมีชีวิตตัวใหญ่กว่ามนุษย์ปกติคุกเข่าลงต่อหน้าลานภายในพระราชวังที่โอ่อ้ากว้างขวาง
( สะดวกแก่การบิน - -)

กายสีเขียวสด กายเป็นมนุษย์ แต่ศีรษะเป็นวิหค สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ครุฑ!! ( - - คุ้นๆ) 

" ว่าอย่างไรบ้าง พญาเกลการูด้า " ครุฑขนาดเล็กกว่า สวมมงกุฎไว้ที่ศีรษะ ขนสีเขียวมรกต

ทั้งยังสวมใส่อาภรณ์รัดรูปสวยงาม 

" เหตุการณ์ทุกอย่างยังปกติดีอยู่พะยะค่ะ วิถีชีวิตของมนุษย์แห่งดินแดนนี้ไม่ผิดแปลกไปจากทุกวัน

อีกทั้งเหตุการณ์ภายนอกเขตเขาคีรีบันดาก็ปกติดี ไม่มีวี่แววการตั้งทัพหรือเคบื่อนพลมนุษย์ใดๆเลยพะยะค่ะ "

พญาการูด้าตอบ ปีกที่สยายอยู่หุบลงแนบชิดลำตัวหลัง

" แล้วอีเกิลการูด้าพวกนั้นเห็นอันใดกันเล่า? ธงรูปวิหคสีทองกับขบวนขุนพลมนุษย์ที่มุ่งหน้าลงไปทางใต้ "

" องค์หญิงเดลิเชีย โปรดทรงพินิจคำของอีเกิ้ลการูด้าพวกนั้นก่อน การก่อสงครามโดยไม่มีชนวนไม่มีเหตุผล

 เป็นสิ่งที่ยากจะเกิดยิ่งนัก เหล่าอีเกิ้ลการูด้าที่มีความสามารถด้านการมองดีเยี่ยมก็จริง แต่พลทหารเหล่านั้นอาจ

ไม่ได้ถูกส่งไปเพื่อการรบ อาจถูกส่งไปสำรวจ สืบเสาะ หรือคุมตัวอะไรสักอย่าง ขอองค์หญิงโปรดพิจารณา "

พญาเกลการูด้ากล่าวอย่างสุภาพ ใบหน้าขององค์หญิงแห่งการูด้า เดลิเชีย บัดนี้กลับกลายเป็นนิ่งงันพินิจคำของขุนพล

"ก็อาจจริงดังเจ้าว่า แต่การส่งไปปฏิบัติภารกิจต้องใช้ทหารนับแสนเชียวหรือ?! ถึงกับต้องเกณฑ์พลนั่น

มันมากซะเกือบอาณาจักรได้เลยนะท่านพญาเกลการูด้า อีกอีเกิลการูด้าเหล่านั้นที่ออกไปเยี่ยมเพื่อนฝูงที่

ยอดเขาวาฮาลเห็นขณะเดินทางกลับเล่า สายตาของพวกเค้าไม่ได้ด้อยเลย  มิหนำซ้ำมิได้มีแต่ทหารเดินเท้า

พวกเค้าบอกว่ามีทั้งมังกรไฟ และกริฟฟิน อีกสัคว์ร้ายนานาชนิดก็อยู่ในทัพด้วย " 

ฝ่ายองค์หญิงการูด้า เดลิเชียแย้ง ทุกอย่างในห้องโถงเงียบกริบ มีแค่เสียงลมพัดไหวๆ

“ ถ้าหากเป็นจริงดังที่พระองค์ทรงพินิจแล้ว เราเองก็ไม่มีส่วนร่วมกับสงครามของพวกมนุษย์อยู่ดี

อีกทั้งตามที่อีเกิลการูด้าบอก หากพวกมันเห็นกองทัพจากทะเลทราย นั่นหมายความว่าภูมิประเทศของ

อาณาจักรคงจักแห้งแล้งกันดารมิใช่น้อย ดังนั้นแล้ว เสบียงย่อมไม่พอในการทำศึกกับอาณาจักรอื่นเป็นแน่ ”

พญาเกลการูด้ากล่าว

สิ้นคำ องค์หญิงเดลิเชียทรงโบยบินออกไปนอกประตูวัง และมองออกไปยังผืนป่าฟูดินันจรดภูเขาคีรีบันดา

พญาเกลการูด้าก็โบยบินตามออกไปด้วย องค์หญิงการูด้าทรงแลไปทั่วทั้งอาณาบริเวณ แล้วหันกลับมามอง

ที่พญาเกลการูด้าอีกครั้ง  เมื่อองค์หญิงให้ทราบถึงความนัย พญาการูด้าก็แจ่มแจ้ง ...

“ เจ้าคงเห็นเหมือนข้าใช่มั้ย เสบียงกองทัพนั้นไซร้อยู่ที่นี้แล้วไร” องค์หญิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ

นัยน์ตาของขุนพลเบิกกว้าง “ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดีพะยะค่ะ มังกรเทพพิทักษ์แห่งคีรีบันดาไม่ยอม

ให้ผู้ใดที่มีจิตสังหารรุนแรงเช่นนั้นย่างก้าวเข้ามาแน่พะยะค่ะ” 

“ กองทัพที่มีแม้แต่มังกรไฟ เป็นต้น  เหตุใดจะบินข้ามมาให้พ้นจากการรับรู้ของไพทอนมิได้

อีกหากกองทัพสามารถยึดผืนป่านี้ได้แล้ว ความแข็งแกร่งแห่งกองทัพ อาณาจักรใดก็คงไม่ยาก ” เดลิเชียกล่าว

“ ดูกร องค์หญิง หากเป็นจริงแล้ว จนกว่าจะถึงเวลานั้น ขอองค์หญิงอย่าได้วิตก ทวยเทพแห่งผืนป่าฟูดินัน

ไม่ยอมให้ชาวบ้านธรรมดาต้องเป็นเหยื่อสงครามเป็นแน่พะยะค่ะ ...” พญาเกลการูดากล่าว

“ข้าหมดหน้าที่เท่านี้แล้ว ข้าขอตัวพะยะค่ะ” จากนั้นพญาเกลการูด้าก็บินออกไป 

องค์หญิงการูด้ายังคงแลดูผืนป่าไม่ไหวติง ก่อนจะกลับเข้าวังไป “ ข้าก็ขอให้เป็นเช่นนั้น”

                                                 .....................................

กาลเคลื่อนเลื่อนผ่านไป วันที่เกิดแผ่นดินไหว อีกเสียงคำรามกึกก้อง ดังทั่วผืนป่าดังสัญญาณอันตราย

เหล่าครุฑแม้ไม่ได้เดินอยู่บนผืนแผ่นดินเฉกมนุษย์ทั่วไป ไม่อาจรับรู้แรงสั่นสะเทือนได้มาก แต่ทว่า

เสียงคำรามและประสาทการรับฟังของเหล่าครุฑนั้นก็ดีกว่ามนุษย์อยู่มาก

“-----ถวายบังคม องค์หญิงเดลิเชีย-----”  ทันทีที่องค์หญิงเดลิเชียทรงบินออกมานอกพระราชวัง 

เหล่าการูด้าน้อยใหญ่ก็ถวายความเคารพ  พร้อมด้วยการูด้าองครักษ์หลวงที่มีขนกายสีน้ำเงินโบยบินลงมาคอย

อารักขาองค์หญิง และกันฝูงการูด้าไม่ให้เข้าใกล้มากเกินไป

“ องค์หญิงพะยะค่ะ เสียงดังกึกก้องจากภูเขาคีรีบันดานั่น มันอะไรกันพะยะค่ะ” การูด้าตัวหนึ่งเอ่ยถาม

“ ใช่เสียงคำรามของมังกรไพทอนหรือไม่ พะยะค่ะองค์หญิง”

“ องค์หญิงเพค่ะ ภายนอกป่าฟูดินันเกิดอันใดขึ้นเพค่ะ ข้างนอกนั่นมีอะไรเพค่ะ”

“ ข่าวลือเรื่องกองทัพจากทะเลทรายเป็นจริงหรือไม่พะยะค่ะองค์หญิง”

นานาคำถามล้วนออกมาจากการูด้าทุกตัว ทั้งเสียงกระซิบกระซาบต่างๆนานา

องค์หญิงเดลิเชีย จึงต้องตั้งสติให้มั่นมากๆก่อนจะตอบคำถามออกไป

“ ภายนอกนั่นข้าก็มิอาจทราบได้ว่าเกิดอันใดขึ้น เป็นเวลานานมากแล้วถึงเรื่องเล่า ของมังกรไพทอน

มังกรเทพผู้พิทักษ์เขาคีรีบันดา หากเป็นเสียงคำรามจริง นั่นก็แสดงว่าภายนอกต้องมีอะไรเกิดขึ้น

หรืออาจเป็นเพราะชาวบ้านหรือชาวเผ่าสมิงในป่า  ไปรุกรานแถบชานเขา จิตของไพทอนถึงกระวนกระวาย

   แต่ข้ามั่นใจมากกว่า ว่าน่าจะเกิดการรุกรานระหว่างมนุษย์ด้วยกันเอง โดยผืนป่าฟูดินันแห่งนี้  คงจะเป็นที่ที่ซึ่ง

ผู้บุกรุกหมายปองไว้เช่นกัน”  องค์หญิงเดลิเชียกล่าวตอบ

“ เหตุใดจึงเปนเช่นนั้นเล่าพะยะค่ะ เหตุใดถึงทรงเชื่อว่าเป็นการรุกรานพะยะค่ะ” การูด้าหนุ่มตัวหนึ่งเอ่ยถาม

“ เมื่อไม่นานมาคราข้าลงไปสำรวจแถบชานป่าด้วยตนเอง มีคำร่ำลือในหมู่พวกมนุษย์ถึงแอนกอรีออน

มีข่าวว่าพวกมนุษย์ที่เก็บของป่าตามเนินเขาได้เห็นเทพราชสีห์ปรากฏตัวขึ้น ” องค์หญิงตอบ   

เสียงมากมายดังขึ้น กระซิบกระซาบกันด้วยความฉงน

“ เทพที่ตามตำนานมนุษย์กล่าวไว้ว่าจะปรากฏตัวเป็นสัญญาณเตือนภัยนะหรือพะยะค่ะ” การูด้าตัวหนึ่งเอ่ยถาม 

องค์หญิงเดลิเชียพยักหน้า การูด้าบางตัวเริ่มมีความผวาแต่ต้องข่มไว้ และก่อนที่จะวุ่นวายมากกว่านี้

“ พวกเจ้าทุกตัวได้ยินไปหมดแล้ว ตอนนี้พวกเราทราบเหมือนๆกันคืออาจมีภัยในวันข้างหน้า

ตอนนี้ขอให้ทุกตัวแยกย้ายกลับรังไปก่อน และดำเนินชีวิตเฉกเช่นทุกวัน อย่างไรซะมนุษย์ก็ไม่เกี่ยวกับเรา”

พญาเกลการูด้าเอ่ยพร้อมกับโบกหอกประจำกายไล่ชาวครุฑตัวอื่นๆให้กลับรังไป

" พญาเกลการูด้า ตามกาเลนให้ข้าด้วย " เดลิเชียกล่าว ก่อนจะบินกลับเข้าไปในวัง

ไม่นานนัก พญาเกลการูด้าก็ได้นำครุฑผู้มีขนกายสีเทาและขนปีกสีน้ำตาลบินเข้ามาถึงห้องโถง

" ถวายบังคม องค์หญิงเดลิเชียพะยะค่ะ " นายพลการูด้า กาเลนหุบปีกและนั่งคุกเข่าภายในห้องโถง

" ขุนพลกาเลน ข้าต้องการจะให้เจ้าผู้ที่ข้าเชื่อว่ารู้ภาษามนุษย์และเข้าใจในอารยธรรมของเผ่าพันธุ์นี้ดีกว่าใคร

ไปสอดแนมภายในดินแดนแห่งนี้ให้มากที่สุด และข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในตอนเช้าวันมรืน ข้าจะได้คำตอบ

ที่กระจ่างว่าเหตุใดเหตุการณ์ต่างๆจึงผิดแปลกไปจากเดิมเช่นนี้ " องค์หญิงผู้มีขนกายสีเขียวมรกตเอ่ย

" ส่วนเจ้า พญาเกลการูด้า ข้าต้องการให้เจ้านำทหารเกลการูด้า 3 นายไปยังเขตโดยรอบเขาคีรีบันดา

สืบเสาะสอดแนมถึงสาเหตุเสียงประหลาดและสังเกตุการณ์ภายนอกโดยรีบมาบอกเราให้เร็วที่สุด "

" -- รับด้วยเกล้า พะยะค่ะ -- " การูด้า 2 นายรับบัญชา และรีบสยายปีก บินออกไปทันที

" เฮ้อ ... มนุษย์ .... " องค์หญิงเดลิเชียส่ายหน้าพลางถอนหายใจ

                          -----------------------------------------

เมื่อแสงตะวันพ้นขอบฟ้า เหล่าการูด้าทั้งหลายก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยเสียงแผ่นดินไหวอีกครั้ง

องค์หญิงเดลิเชียไม่รอที่จะเตรียมพระวรกายและบินไปยังห้องโถง เพื่อรอข่าวสารจากทหารทั้ง 2 นาย

สิ้นเสียงแผ่นดินไหวไม่นาน พญาเกลการูด้าหุบปีกร่อนลงมาหน้าพระราชวังพร้อมด้วยเกลการูด้าอีก 3 นาย

พญาเกลการูด้าบินอย่างช้าๆเข้าไปภายในห้องโถง แต่ดูท่าทีแล้วกระวนกระวาย

" อย่างไรเล่า ท่านพญาการูด้า " องค์หญิงเร่งถามด้วยความร้อนใจกับท่าทีของครุฑตนนี้

" เรียนองค์หญิงเดลิเชีย ... เกล้ากระหม่อมพญาการูด้าถวายบังคมพะยะค่ะ

ข้าได้ไปสำรวจโดยรอบเขตเขาคีรีบันดาแล้วพบรอยเลื่อนของหินทั้งหินถล่มและกลิ่นอายจิตสังหาร

ภายนอกเขตเขาเป็นไปตามที่องค์หญิงคาด กองทัพธงนกสีทองในชุดแดงตั้งค่ายดั่งรอโจมตีเข้ามาอยู่

ข้าและนายทหารต้องการทราบถึงต้นเสียงจึงเฝ้ารออยู่ที่โคนเข้าคีรีบันดาทั้งคืน

จนถึงรุ่งสาง ไม่ทันที่ตะวันจะพ้นขอบฟ้า ข้าและนายทหารเฝ้าสังเกตการณ์ตามจุดต่างๆเหนือแนวเทือกเขาขึ้นไป

จนได้ยินเสียง้องคำรามดังมาจากที่ตีนเข้าฝั่งเหนือ ทุกคนจึงรีบรุดบินไป ณ ต้นเสียง

แทบไม่เชื่อสายตาว่ามังกรขนาดมหึมาเสียซะประมาณเขาคีรีบันดา กำลังเหยียบและบดขยี้ทหารชุดแดง

อยู่พะยะค่ะ ไม่กี่อึดใจ นายทหารเหล่านั้นก็ถูกฆ่าจนไม่เหลือรอย มีเพียงกลิ่นอายเลือดและคราบเท่านั้นพะยะค่ะ "

พญาเกลการูด้ากล่าว

     
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #1 on: October 11, 2008, 11:14:24 PM »

" มังกรไพทอน มังกรสองหัวรับรู้ถึงจิตสังหารของพลทหารเหล่านั้นสินะ

ถ้าหากว่าพวกมันไม่อาจก้าวข้ามเขตเขาคีรีบันดาได้ คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ข้ายังกลัวๆอยู่

มังกรไฟพวกนั้นจะบินข้ามเขาคีรีบันดามาทำลายดินแดนแห่งนี้เมื่อไหร่ก็ได้

ท่านว่ากองทัพการูด้าของเราสามารถสยบมังกรไฟได้หรือไม่ พญาเกลการูด้า "

องค์หญิงตรัสถาม

" องค์หญิงเดลิเชีย !! แม้มังกรไฟขนาดยักษ์เพียงไรก็มิอาจต่อกรกับความเร็วเหนือลมแห่งเผาการูด้าเราได้

ต่อให้มันมาสักฝูงหนึ่ง พวกเกล้ากระหม่อมแค่ 10 นายก็ปลิดชีพมันร่วงได้ในไม่กี่อึดใจแล้ว

แต่นั่นมันเป็นการส่วนของเผ่ามนุษย์ เราไม่จำเป็นต้องสยายปีกออกไปป้องให้พวกเค้าก็ได้ !!

เหตุใดท่านจึงจะยอมให้นายทหารการูด้าของเราต้องไปเสี่ยงตายเพื่อพวกมนุษย์ด้วยเล่า ?! "

พญาเกลการูด้าเงยหน้าขึ้นมองที่องค์หญิงผู้สูงศักดิ์ เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นการพอใจอย่างยิ่ง

" องค์หญิงพะยะค่ะ การไม่สุงสิงกับเผ่ามนุษย์เป็นเวลานานทำให้พวกเรามีชีวิตอันสงบเรียบง่าย

อยู่ ณ ยอดไม้แห่งมหาพฤกษานี้ โดยที่เราไม่ข้องแวะใดๆกับมนุษย์ " พญาการูด้าเอ่ยต่อ

องค์หญิงผู้เห็นท่าทีของพญานายนี้แล้วก็นิ่งงันไป แต่ก็ยังตอบเป็นเสียงเรียบอยู่

"  ถ้าเช่นนั้น ................. เราจะไม่ข้องแวะกับการสงครามครั้งนี้ก็ได้

แต่พญาการูด้าเอ๋ย จงจำคำเราไว้ เมื่อใดที่ทหารเหล่านั้นสามารถจะผ่านกำแพงศิลาใหญ่สูงคีรีบันดามาได้

ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม พวกชาวบ้านชาวป่าไม่อาจจะทานพลังทั้งกองทัพเป็นแน่

ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์คงจักถูกทำลายให้ย่อยยับ และถึงกาลนั้น เจ้าจะรู้เองว่าทำไมเราควรสยายปีกไปป้อง

แต่เอาเถอะ ครานี้ยังไม่มีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้น ที่ท่านพูดก็ถูกอยู่ ..."

สิ้นสุรเสียงแห่งองค์หญิงครุฑ เสียงปีกที่หุบลงและกำลังร่อนมาอย่างรวดเร็วของขุนพลการูด้าจากภายนอก

ความเร็วที่รวดเร็วกว่าสายตาธรรมดาจะมองเห็นได้ กำลังร่อนเข้ามาภายในลานพระราชวัง

"ถวายบังคมองค์หญิงเดลิเชีย " นายพลกาเลนกล่าว

" ว่ามาท่านขุนพล เหตุไฉนจึงรีบกลับซะเล่า เหลือเวลาอีกนับวันเชียว" องค์หญิงการูด้าตรัสถาม

" เรียนองค์หญิง ตามที่เกล้ากระหม่อมไปสืบมานั้น เหล่าชาวบ้านพากันตื่นตระหนกและเชื่อว่าเป็นฝีมือ

ของมังกรโบราณ ไพทอน ตามความเชื่อของมนุษย์ พะยะค่ะ โดยสาเหตุ ชาวบ้านก็ไม่อาจทราบได้เหมือยกัน "

นายพลการูด้ากล่าว

" ข้ายังมีข้อสงสัยอยู่ เรื่องไพทอนข้าทราบแล้ว แต่ทหารที่จะทำการรุกรานละ พวกไหนกัน "

องค์หญิงทรงตั้งกระทู้สงสัย

" ค่ายทหารหรือพะยะค่ะ? นี่แสดงว่าที่การูด้าตัวอื่นพูดลือกันก็เป็นจริงนะสิพะยะค่ะ? " กาเลนกล่าวอย่างฉงน

" ถูกแล้วท่านกาเลน ทีนี้ ธงเป็นรูปนกไฟสีทองนี่สิ พื้นธงที่เป็นสีแดง ทหารใส่ชุดสีเดียวกับพื้นธง "

พญาเกลการูด้ากล่าว

" ท่านเคยบอกว่าพวกมันมาจากทางเหนือของทะเลทรายใช่หรือไม่ท่านพญาเกลการูด้า หากเป็นเช่นนั้น

คงไม่พ้นจักรวรรดิซาโลมพะยะค่ะองค์หญิง " กาเลนตอบ

" จักรวรรดิซาโลมหรือ? " องค์หญิงการูด้ากล่าวอย่างฉงนใจ

" ถูกแล้วพะยะค่ะ ในอาณาจักรมนุษย์ในดินแดนที่กว้างใหญ่แห่งนี้ อาณาจักรซาโลม ดินแดนที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย

ท่ามกลางความแร้งแค้นและอดอยาก ธงเป็นรูปนกเพลิง ฟีนิกซ์ตามตำนานมนุษย์ อาภรณ์เสื่อผ้าสีแดง

บ้างดั่งทับทิม บ้างดั่งเปลวไฟ อาณาจักรแห่งนี้ได้ชื่อว่าอาณาจักรเพลิงพะยะค่ะ " กาเลนกล่าว

" ไฟหรือ ? ถ้าเช่นนั้นคงไม่ดีแน่ เขตป่าอันอุดมสมบูรณ์ หากมีเปลวเพลิงได้ลามไปทั่วผืนดิน " องค์หญิงเดลิเชียวิตก

"ตอนนี้ยังไม่น่าวิตกอันใดมากพะยะค่ะ แต่ทางที่ดี เราควรประกาศแก่การูด้าทุกตัวให้ทราบโดยทั่วกันเสียดีกว่า "

พญาเกลการูด้ากล่าว

-----------------------------------------------------------------------------------

หลายวันต่อมา เสียงคำรามและแผ่นดินไหวอันน่ากลัวยังคงดังเรื่อยมา ปลุกทุกคนในดินแดนให้ตื่นจากการหลับใหล

แม้มนุษย์จะหวาดหวั่นประพรั่นกลัว แต่องค์หญิงเดลิเชียกลับชื้นพระทัยที่ยังรู้ว่าเหล่าทหารเพลิงนั้นมิอาจจะข้าม

เขตแดนเทือกเขาคีรีบันดามาได้

และเหตุการณ์ก็เป็นดังนั้นเรื่อยมา จนกระทั่ง       .........................



   



 

Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #2 on: October 12, 2008, 01:13:34 AM »

รุ่งสางแห่งอรุณวันใหม่ ขณะที่เหล่าการูด้ากำลังหลับใหล ....

เสียงระเบิดกึกก้องกัมปนาทก็ดังขึ้น ประสาทสัมผัสด้านการได้ยินสามารถรับรู้ถึงสิ่งปกตินี้ได้

การูด้าหลายร้อยตัวโฉบออกจากรังของแต่ละตัว และบินขึ้นไปยังยอดมหาพฤกษาที่ซึ่งสามารถเห็น

แผ่นดินแห่งฟูดินันได้ชัดที่สุด  การูด้าทุกตัวแทบไม่เชื่อสายตา

เปลวเพลิงขนาดยักษ์กำลังเผาผลาญทุกชีวิตในป่าแห่งดินแดนฟูดินัน

" นั่นอะไรกันน่ะ" "ไฟป่า หรอนั่น" "ไม่ใช่นั่นมังกรไฟนิลทิโคอินนี่! " "เกิดอะไรขึ้นทำไมมังกรถึงมาทำลายผืนป่าละ"

ไม่ช้าไปกว่าตัวอื่น องค์หญิงเดลิเชียโบยบินออกมาจากภายในวังด้วยความรวดเร็วและสง่างาม

จ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบื่องหน้า จุดเล็กๆสีแดงในอากาศคือมังกรไฟนับสิบที่กำลังพ่นไฟทำลายป่าไม้และหมู่บ้าน

" ชาวมนุษย์เริ่มแตกตื่นกันมากขึ้นแล้วพะยะค่ะองค์หญิง " นายทหารการูด้าตัวหนึ่งกล่าว

นัยน์ตาขององค์หญิงการูด้าผู้สง่างาม เพ่งพินิจไปถึงมังกรที่พ่นไฟได้ใหญ่กว่าตัวอื่นๆ

ไม่ใช่ทางปาก แต่เป็นทางหลัง !! " นั่น ... ไม่ใช่มังกร .... นี่ " นางเอ่ยก่อนจะหรี่ตาลงเพื่อความชัดเจน

" มีมนุษย์ผู้ใช้เวทย์ไฟอยู่ที่หลังมังกรตัวนั้น !! " องค์หญิงเดลิเชียกล่าวขึ้น ขณะที่มังกรตัวนั้นก็กำลังเคลทานเข้ามา

ใกล้ชายป่า โนต้นอิกดราซิล และเปลวไฟจากผู้ใช้เวทย์เพลิงก็ยังพวยพุ่งออกมาไม่หยุด ยิ่งใกล้ ยิ่งถนัดตา

ไม่รอช้า องค์หญิงเดลิเชียรีบสยายปีกบินออกไปจากลำต้นอิกดราซิล แต่ไม่ทันที่จะได้พ้นเขตรวงใบไม้สีเงิน

การูด้าองครักษ์หลวงสีน้ำเงิน 3 นายก็เร่งรัดเข้าไปจับองค์หญิงไว้

" ปล่อยข้า !! นี่เป็นคำสั่ง " องค์หญิงตวาด

" หามิได้พระองค์ ข้ามิอาจปล่อยท่านไปได้ มันอันตรายเกินไป " พญาเกลการูด้าที่มองเหตุการณ์อยู่ตลอดกล่าว

" แต่เจ้าไม่เห็นหรือว่ามันกำลังเผาป่าให้มอดไหม้และกำลังใกล้มาที่มหาพฤกษาแล้วด้วย ! " องค์หญิงตอบ

และพยายามจะดิ้นให้หลุดจากการถูกฉุดรั้งไว้อย่างเต็มกำลัง

" มนุษย์ทั้งหลายกำลังโดนไฟเวทย์นั่นเผาผลาญ ! สิ่งมีชีวิตในป่าต่างร้องโหยหวน ครวญคราง ! 

  ต้นไม้กำลังทรมาน สายลมกำลังร้องไห้ ! " องค์หญิงการูด้ากล่าว

" ถึงอย่างไรหากไฟป่ายังไม่มาถึงต้นอิกดราซิล ก็ไม่มีความจำเป็นของเราชาวครุฑพะยะค่ะ

 และมหาพฤกษานี้ก็คงไม่ยอมนิ่งเฉยดูดายเช่นกัน " กาเลน ขุนพลที่ร่อนลงมาจากด้านบนกล่าว

เสียงหวีดร้องและไฟป่าที่รุกโหมมีมากขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้เสียงเหล่านั้น เสียงฝีเท้าที่ดังถนัดหูจากเบื้องล่าง

สะกิดจิตขององค์หญิงอย่างรุนแรง การูด้าหลายตัวก็อาจรับรู้ถึงความรู้สึกนี้ด้วย

ภายล่างที่โคนต้นมหาพฤกษา เด็กสาวผู้ที่มีรอยดำจากควันไฟและร่างกายที่โทรมจากการลุยเพลิงมาที่โคนต้นฟุบลง

กราบมหาพฤกษาทั้งน้ำตาและพูดภาษาที่การูด้าไม่อาจเข้าใจได้ น้ำตาที่นัยน์ตาทั้งสองของนางเอ่อล้นออกมา

นางกราบแล้วกราบอีก พูดแล้วพูดอีก เป้นที่ฉงนใจแก่องค์หญิงการูด้า ...

" เด็กสาวคนนั้นกำลังขอพร ขอความเมตตาจาดมหาพฤกษา ...." กาเลนกล่าว

เดลิเชียและการูด้าทหารตนอื่นบางตัวหันไปมองที่กาเลน ในขณะที่บางส่วนพยายามควบคุมการูด้าไม่ให้ตื่นตระหนก

" เด็กน้อยคนนั้นข้าเคยเห็นตอนมาสำรวจใกล้ต้นอิกดราซิล .. . ... 

  ถ้าข้าจำไม่ผิด เธอ ชื่อว่า    วา .... วาอา  ....  วานาอัน !! " ขุนพลขนขาวกล่าว

" วานาอันหรือ ...............................  นิสัยคงจะ ... ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่

  คงไม่มีหญิงสาวใดจะลุยไฟมาถึงโคนมหาพฤกษา ลงไปคุกเข่ากราบไหว้เพื่อให้ทุกคนรอดพ้นจากภัยเป็นแน่ "

สักครู่ต่อมา ใบไม้แห่งมหาพฤกษาได้เริ่มไหวติง ลมอ่อนเริ่มพัดแรงขึ้น ราวกับ

ท่านอิกดราซิลเข้าใจในคำขอของเด็กสาวเบื้องล่าง .....

ไม่นาน ใบไม้สีเงินก็โบกสะบัดพัดอย่างรุนแรง หมอกสีขาวจากใบไม้ที่ต้นอิกดราซีลแผ่ขยายเป็นเมฆฝนฟ้าขนาดใหญ่

ในขณะที่เมฆหมอกจากต้นอิกดราซิลปกคลุมยอดไม้นั้น พญาเกลการูด้าสั่งให้ทุกตัวกระพือปีกเพื่อไล่หมอกออกไป

และเมื่อหมอกจางลง ทุกคนก็พบว่า องค์หญิงเดลิเชียไม่อยู่แล้ว ...   

" องค์หญิง !! องค์หญิงพะยะค่ะ !! องค์หญิงอยู่ไหน พวกเจ้าปล่อยให้องค์หญิงหลุดมือไปได้อย่างไร "

พญาครุฑตวาดใส่องครักษ์หลวงขององค์หญิงเดลิเชีย

" เร่งออกตามหา ทุกตัวกระจายกำลังตามหาจากน่านฟ้าให้พ้นสายตาทั้งมังกรไฟและพวกมนุษย์ !!

จำไว้ หน้าที่เราคือ ตามหาองค์หญิงอย่างเดียว เหล่ามนุษย์นั้นเป็นแค่หน้าที่สำรอง หากเจอผู้ใด

สลบหรือโดนท่อนไม้ทับอยู่ สามารถช่วยได้ แต่จำไว้ว่าอย่าให้เห็นกาย และจำหน้าที่หลักไว้ด้วย!!"


ด้านหลังโคนต้นมหาพฤกษาไม่มาก

องค์หญิงเดลิเชียแอบติดตามเด็กสาวมาจนถึงด้านหลังทะเลสาบที่โคนต้นมหาพฤกษา ...

ที่นั่นนางก็ต้องพบกับความอัศจรรย์ใจอีก เมื่อนางเห็นภูตที่มีกายสีฟ้า ดั่งวารี กำลังร่ายมนตร์บางอย่าง

ด้วยการทำมือพริ้วไหวไปกับสายน้ำ จนน้ำในทะเลสาบเอ่อล้นเข้าท่วมไม้ที่กำลังไหม้ไฟจนมอดดับลง

เทพีแห่งสายชลได้หันมามองทางสาวน้อยคนนั้น และเหลือบตามามองที่เดลิเชียด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะ

ม้วนวารีเป็นเกลียวและหายไปกับสายน้ำ

........ เห็นข้าด้วยหรือ  ข้าอยู่ห่างออกไปตั้งเยอะนะ ได้อย่างไรกัน ..... เดลิเชียคิด

ทันทีที่ ภูติวารีหายไป นางก็สังเกตได้ว่าเด็กหญิงคนนั้นกำลังร้องไห้อยู่ แต่ไม่ใช่เพราะความเศร้า

นางกำลังยิ้มทั้งน้ำตาต่างหาก !! เมื่อเดลิเชียเห็นดังนั้นแล้วจึงเบาใจ วกกลับไปทางด้านหลังและก็ต้องตกใจกับ

เสียงของผู้เฒ่าชรา

" นั่นคือ เทพีอันดีน เทพของพวกมนุษย์ เป็นเทพีแห่งสายชล ...." เสียงที่แก่เงอะงันกล่าวขึ้นกับองค์หญิง

" ท่านปราชญ์การูด้า ! เหตุใดท่นจึงรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ " องค์หญิงตกใจมาก แต่ก็ยังพอรวมสติมาได้

" ข้าว่าแล้วว่าเทพีจะไม่นิ่งเฉยเป็นแน่ ... ไฟป่าที่ทำลายชีวิตสิ่งต่างๆมากมายขนาดนี้ ... " การูด้าชรากล่าวต่อ

" คงถึงว่าที่ข้าจะต้องไปแล้วองค์หญิง ท่านก็เช่นกัน ขณะนี้ป่าคืนสู่สภาพปกติแล้วพะยะค่ะ ..."









 
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #3 on: October 12, 2008, 04:02:37 PM »

ฝนฟ้าที่ช่วยดับไฟที่กำลังไหม้ลงได้อย่างน่าอัศจรรย์

น้ำที่เอ่อล้นออกจากทะเลสาบนิรันดาจำนวนมากช่วยดับมหาเพลิงให้สิ้นไปได้ไม่ยากเย็น

เป็นสาเหตุให้ไฟของเหล่ามังกรและจอมเวทย์มิอาจทำอันตรายได้อีกต่อไปและได้บินกลับออกนอกเขตเขาคีรีบันดา

หลายวันหลังจากการทำลายผืนป่าฟูดินันของเหล่ามังกรเพลิงและราชินีผู้เป็นจอมเวทย์

ชาวบ้านมนุษย์ที่เหลือรอดชีวิตก็เร่งช่วยเหลือผู้คนอื่นๆ ทั้งยังเร่งสร้างหมู่บ้านขึ้นมาใหม่

ท่ามกลางความหดหู่เศร้าเสียใจ กำงชาวบ้านก็เป็นปึกแผ่นกันมากขึ้น

องค์หญิงเดลิเชียทอดพระเนตรดูมวลมนุษย์ในผืนป่าทุกวัน ทุกวัน สังเกตหาเด็กสาวที่เธอเห็น

และจับจ้องดูการกระทำของเธอ ....

" องค์หญิงเดลิเชียพะยะค่ะ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึเน แสดงให้เห็นว่าเหล่ามนุษย์ ได้รับการปกป้องคุ้มครอง

จากเทพแห่งธรรมชาติในดินแดนนี้ พระองค์หาได้ต้องกังวลใจอันใดไม่พะยะค่ะ " พญาเกลการูด้ากล่าวขึ้น

นัยน์ตาที่เฉียบคมกว่าของการูด้าตัวอื่นขององค์หญิงยังคงมองลงไปที่โคนต้นและบริเวณรอบๆ

" พวกทหารซาโลมนั่นแค่มังกรกับมนุษย์ผู้เดียวก็เผาแผ่นดินแทบวอดวาย ดินแดนแห่งอื่นที่ไม่มีเทพเจ้า

คอยปกปักรักษาจะเป็นเช่นไรกัน อีกทั้งมันจะต้องหาหนทาง โจมตีที่นี่อีกแน่ ไม่ว่ด้วยวิธีใดก็ตาม "

" ที่ถูกเผาเช่นนี้เพราะชาวบ้านในป่า ต่างไม่สามารถตั้งตัวหรืออาจต่อกรจากภาคพื้นดินได้พะยะค่ะ "

พญาเกลการูด้ากล่าวตอบองค์หญิงการูด้าผู้สง่างาม

"ข้าได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ข้าก็มักไม่ค่อยสนใจ ข้าคิดว่าพลทหารการูด้าเราควรเตรียมตัวให้พร้อม ... "

" พร้อมอะไรพะยะค่ะองค์หญิง ? ! องค์หญิงจักไปช่วยพวกมนุษย์ก่อสงครามหรือไรพะยะค่ะ? ! " พญาเกลกล่าว

" หาใช่ไม่ท่านพญา แต่การเตรียมตัวล่วงหน้าไว้อย่างดี จะทำการใดๆก็ถือว่าสำเร็จไปกว่าครึ่งแล้วมิใช่หรือ ?"

"องค์หญิงจะทำการใดพะยะค่ะ !? " พญาเกลการูด้าฉงนใจ

" ทั้งอีเกิลการูด้า เกลการูด้า และพญาการูด้า หรือแม้แต่การาสุกับชาวบ้านก็ฝึกให้เตรียมตัวไว้

หากเห็นการูด้าตัวใดมีความสามารถด้านใดเจ้าก็จงฝึกถนัดขึ้นไป นี่เป็นบัญชาจากข้า " องค์หญิงออกคำสั่ง

พญาการูด้าได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนจะคุกเข่าน้อมรับบัญชา ....


-----------------------------------------------------------------------

เวลาผ่านไปรวดเร็วดั่งโดนกุ๊กกูคล๊อกเร่ง .... ชาวบ้านที่ใช้ชีวิตได้อย่างปกติดี แต่ทว่าบาดแผลในใจยังคงอยู่

มังกรไพทอนได้เงียบสงัดลงมานาน

จนกระทั่ง วันหนึ่ง จู่ๆเสียงดั่งภูเขาแยก และมันก็แยกจริงๆ !! เสียงดังแว่วๆเข้าประสาทด้านการได้ยินเสียง

ของเหล่าการูด้า พากันหันไปมองทางต้นเสียงแทบจะทันที 

เกลการูด้าที่คอยสอดแนมตามคำสั่งขององค์หญิงอยู่แถบชานเขาคีรีบันดา รีบบินกลับมาอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัด

ไม่ทันที่จะเอ่ยอะไร ทุกคนก็ต้องหรี่ตามองลง กับสิ่งที่อยู่เบื่องหน้า

ต้นเสียงคือเต่าขนาดยักษ์ !! และที่ตามมาคือกองทัพเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถามโถมเข้ามาทางช่องว่าง

ที่เกิดจากการโบยบินของเต่าบินวอลเนีย ทันทีที่กองทัพเพลิงรุกฮือเข้ามา ณ หมู่บ้านที่ชานป่า

เหล่าการูด้าก็ตกใจมากเช่นกัน แต่ขณะนี้มนุษย์หลายส่วนก็ยังไม่รู้ถึงการมาของผู้กระชากความตาย

เกลการูด้าจำนวนหนึ่งที่บินมาหุบปีกร่อนลง ที่ยอดมหาพฤกษาอย่างรวดเร็ว และบางส่วนถึงกับล้มลงไปนอน

ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากการบิน เหล่าการูด้าต่างก็รีบแหวกทางให้แก่องค์หญิงเดลิเชีย

" ได้ความว่าอย่างไรบ้าง ? " องค์หญิงเดลิเชียตรัสถาม

" เต่า ... เต่า ... เต่าบิน... พะ ยะ ...ค่ะ ... แฮ่กๆ " เกลการูด้านายหนึ่งตอบด้วยสียงที่หมดแรง

" สงครามระหว่าง ... 2 ... อาณาจักร ... อย่างเอาเป็นเอาตาย .... เป็นครั้งที่ ... แทบจะรุนแรงที่สุ.. สุด

 พะ .. ยะค่ะ .. " อีกนายหนึ่งตอบก่อนที่จะฟุบหมดสติเป็นลมลงด้วยความเหนื่อยล้า

" ท่านทหารตัวอื่นพาเกลการูด้าเหล่านี้ไปพักฟื้นก่อนเถิด หากเหนื่อยแบบนี้ก็คงตอบอันใดไม่ได้ดีแน่ "

องค์หญิงตรัสแก่การูด้า จากนั้นจึงทอดพระเนตรไปทางช่องหว่างของเขาที่เปิดอยู่ ...

ทหารจำนวนมากมายที่มองเห๋นได้แต่ไกลกำลังรุกรานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

และเมื่อเวลาผ่านไปก็เห็นได้ชัดขึ้นว่าชาวบ้านชาวป่าไม่อาจต่อกรกับพลทหารได้

ทำให้เขตป่าตั้งแต่ช่องโหว่เขาคีรีบันดาเกิดเป็นรูปเหมือนกับหนูแทะโลมอาหารอย่างช้าๆ แต่ต่อเนื่อง ....

" ท่านเดลิเชีย จะทำการใดดีพะยะค่ะ หากปล่อยไว้แบบนี้ คงจะลามมาถึงมหาพฤกษาแน่ ..." ครุฑตัวหนึ่งกล่าว

องค์หญิงเดลิเชียนิ่งงัน ... " นำตัวท่านปราชญ์การูด้าไปเข้าเฝ้าข้า ณ ห้องส่วนพระองค์เดี๋ยวนี้ "

สิ้นเสียง องค์หญิงก็บินกลับไปยังปราสาทอย่างรวดเร็ว ก่อนกระซิบบอกองครักษ์หลวง และบินหายไป

" องค์หญิงเดลิเชียมีรับสั่งให้ทุกคนอยู่ดูเหตุการณ์ที่นี้ก่อน และอย่าได้ออกจากยอดมหาพฤกษาหากไม่มีบัญชา ! "

องครักษ์หลวงแห่งองค์หญิงเดลิเชียประกาศ ทำเอาการูด้าทุกตัวนิ่งงงกับสิ่งที่เจ้าหญิงกำลังทำ

ไม่นานนัก ปราชญ์การูด้าก็ถูกนำตัวไปเข้าเฝ้า ภายในห้องส่วนพระองค์พร้อมทั้งพญาการูด้าที่เฝ้าอยู่หน้าคูหา ...



กองทัพมหาเพลิงเริ่มบดขยี้ผืนป่าและสิ่งมีชีวิตอย่างไร้ซึ่งเมตตา โจมตีต่อเนื่องกันเรื่อยๆ และไม่นานที่องค์หญิงการูด้า

ออกมาจากที่พำนัก พร้อมทั้งปราชญ์การูด้าและพญาเกลการูด้า

" พวกเจ้าทุกตัวตั้งสติให้ดีก่อน หากกองทัพจะรุกคืบถึงมหาพฤกษา คงต้องใช้เวลาอีกนับหลายวัน

และชาวบ้านมนุษย์ที่นี้ก็คงไม่ปล่อย ทั้งสัตว์ร้ายและต้นไม้ใบหญ้าที่ขวางอยู่คงช่วยได้มาก

ข้อให้การูด้าทุกตัวดำเนินกิจวัตรไปตามปกติก่อน หากมีเหตุอันใดข้าจะรีบแจ้งให้ทุกตัวทราบ ! "องค์หญิงประกาศ

สิ้นเสียงประกาศ การูด้าหลายตัวกระซิบกระซาบ หลายตัวงุนงง หลายตัวบินกลับรังไป

เจ้าหญิงการูด้าหันไปมองทางด้านปราชญ์การูด้า และกล่าวเงียบๆ "หวังว่าจะเป็นตามที่ท่านคาดนะ " 

องค์หญิงเดลิเชียกล่าวแก่ทหารการูด้านายหนึ่ง " พาข้าไปหาเกลการูด้าสอดแนม " และสยายปีกบินไป






   




   
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #4 on: October 12, 2008, 04:29:50 PM »

ไม่นานทีองค์หญิงการูด้าบินไปถึงหน้ารังที่พักนายทหารและเข้าไปภายใน ...

" ---- ถวายบังคมพะยะค่ะ ---- " การูด้าแต่ละตัวพยายามลุกขึ้นจากเตียงฟญ้าฟางมาคุกเข่า ...

" ไม่เป็นไร นอนไปเถิด ... ข้าอยากทราบเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นตามชานเขาคีรีบันดา " องค์หญิงตรัส

" การต่อสู้รบราฆ่าฟันของมนุษย์พะยะค่ะ ระหว่างพลทหารชุดแดงที่มีพละกำลังและชาญในอาวุธการต่อสู้

กับนายทหารชุดเขียวที่ปราดเเปรียวและใช้ดาบได้ดั่งแขน พะยะค่ะ " เกลการูด้าตัวหนึ่งกล่าว

" การต่อสู้ยืดเยื้อเวลานานพอควร หลายครั้งหลายครา มีแต่ชีวิตของนายทหารที่ถูกฆ่าตาย ... "

"ไม่เพียงแค่มนุษย์แต่พวกทหารชุดแดงบางคนก็ดุจซากศพเดินได้พะยะค่ะ แถมแข็งแกร่งมากด้วย "

" ที่สุดท้ายคือพื้นที่ของเต่าตัวนั้น ดูเหมือนดั่งว่าเป็นที่ที่มีความสำคัญมากขนาดไม่อาจจะยอมเสียไปได้

 ถึงขนาดว่าต้องปลุกเต่ายักษ์ขึ้นมา พาเมืองและชาวเมืองหลบหนีไป " เกลการูด้าตัวหนึ่งกล่าว

" จนเกิดเป็นช่องว่างระหว่างเขาคีรีบันดา จนพวกซาโลมบุกเข้ามานั่นหรือ ? ! " องค์หญิงเดลิเชียกล่าว

" น่าจะเป็นดังนั้นพะยะค่ะ " เกลการูด้าตอบ

" เอาละ ขอบใจพวกท่านมาก จากชานเขาสู่ยอดอิกดราซิล ท่านคงจะต้องบินเร็วเหนือทางลมไปอีก

กว่าท่านจะมาถึงที่นี่ได้ .... ตอนนี้พักเถิด ... " องคหญิงเดลิเชียสยายปีกและบินออกภายนอก

จ้องมองถึงเหล่าทหารเสื้อแดงที่รุกคืบมาเรื่อยๆแต่ยิ่งรุกมาเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะอ่อนล้าลงไปเรื่อยๆ ...

" คงใช้เวลาอีกไม่นานสินะ กว่าพวกแกจะมาที่นี่ได้ และมาเจอกับความพินาศย่อยยับในความกระหายใน

สงครามและความอุดมสมบูรณ์ของพวกแก มนุษย์ที่โงเขลา ... " องค์หญิงการูด้ามองไปที่ทหารเสื้อแดงจำนวนมาก

ที่กำลังพยายามเก็บเกี่ยวความอุดมสมบูรณืจากธรรมชาติไปมากที่สุดด้วยนัยน์ตาที่นิ่งไม่ไหวติงกึ่งดูแคลน

 -----------------------------------------------

3 วันจากเหตุการณ์เต่าบิน ... ดูเหมือนว่าเหล่าทหารเพลิงก็ใกล้เข้ามาทุกที ....

และแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้น สัตว์ป่าและเผ่าต่างๆในฟูดินันต่างก็พยายามรั้งเอาไว้เต็มกำลัง


จนกระทั่งนางสังเกตได้ถึงบุคคล 2 คนที่กำลังมาที่โคนต้น ...

นางจำได้แม่นนัก ... วานาอัน ... นางนึกในใจ

วานาอันกับผู้เฒ่าผู้หนึ่งเร่งเดินมาจนถึงโคนต้นมหาพฤกษา ... ผู้ชรานั้นขีดเวทย์เป็นวงกลม

และเขียนอะไรบางอย่างโยรอบ พร้อมกับหยิบรวงไม้สีเงินขึ้นมาพร้อมพึมพำอะไรบางอย่างดั่งเสกคาถา

ก่อนที่จะวาดไม้เท่าเป็นวงรอบตัว ใบไม้สีเงินที่ร่วงโรยจากมหาพฤกษาบนพื้นดินปลิวขึ้นไปเป็นวงตามไม้เท้า

แห่งชายชราผู้นั้นดังเวทย์มนตร์ ... ...


ไม่นานที่ร่ายเวทย์ ร่างของมนุษย์ 2 คนนั้นก็จางหายไป ...

" นั่นอะไรนะ ! เหตุใดจึงหายไป " องค์หญิงเดลิเชียตะลึงงัน ....

ชาวบ้านที่เห็นสังเกตอยู่ก็งงเช่นกัน   

" นั่นเป็นอาคมพะยะค่ะ อาคมม่านมิติที่ทำให้สายตาธรรมดาไม่สามารถมองเห็นได้ แม้การูด้าอย่างเราๆ "

องครักษ์การูด้านายหนึ่งตอบ" ทั้งสองยังอยู่ที่เดิมพะยะค่ะ เพียงแค่กางโดมม่านมิติไว้เท่านั้น "

" สายตาการมองเห็นเวทย์มนตร์แทบทุกชนิดเป็นหนึ่งในความสามารถของการูด้าองครักษ์ของเราสินะ "

องค์หญิงเดลิเชียตรัสอย่างปลื้มๆเล็กน้อย  " ท่านก็สามารถทำลายอาคมนั่นได้นะสิ ! "

" ถูกแล้วองค์หญิง แต่แค่ทำลายอาคมด้วยการโต้จิตของผู้ใช้เวทย์กลับเท่านั้นพะยะค่ะ " การูด้าตอบ   

ไม่นานนักการูด้าบนยอดไม้ก็สังเกตเห็นนักรบทั้งมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอย่างเซนทอร์ครึ่งคน - ม้า

หรือแม้แต่มนุษย์รปร่างแปลกที่เรียกว่า " สมิง " ที่ดูดุร้ายกว่าปกติ วิ่งเข้ามาใกล้เขตโคนต้นและหายไป

" นั่นพวกเขาก็เข้าไปอยู่ในโดมนั่นสินะ " องค์หญิงตรัสถาม " พะยะค่ะ ทรงเข้าใจถูกแล้ว.... "

 ช่วงเวลาเดียวกันที่ทหารที่ดูแล้วไม่ใช่คนส่วนหนึ่งบุกรุกคืบเข้ามายังเขตใบทหาพฤกษา

และผู้ที่ดูคล้ายหัวหน้าร่ายเวทย์มนตร์ออกมาจากคทา เปลวเพลิงขนาดมหึมากำลังวิ่งเข้าใส่มหาพฤกษา !! 


 

 
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #5 on: October 12, 2008, 05:55:36 PM »

ควันสีขาวพวยพุ่งออกมา ... มหาพฤกษาเริ่มสั่นไหว ...

การูด้าที่อยู่ข้างบนยอดต้องกางปีกบินขึ้นเล็กน้อยให้อยู่เหนือพื้นดินขึ้นมาหน่อยเพื่อกันการสั่นสะเทือนจากมหาพฤกษา

" นายพลกาเลน พญาเกลารูด้า สั่งทหารเกลการูด้า อีเกิลการูด้า และการาสุเตรียมโจมตีสู่ภาคพื้นดิน ! "องค์หญิงสั่ง

" เกลการูด้า การาสุ เข้าประจำตำแหน่ง เตรียมโจมตี !! " พญาเกลการูด้ากล่าว

" อีเกิลการูด้า เตรียมอาวุธคันธนูและศรประจำการ ณ ยอดมหาพฤกษา เตรียมเล็งใส่ผู้รุกราน ! " กาเลนสั่งเสียงดังก้อง

ไม่นานนัก เสียงคำรามกึกก้องและเปลือกไม้ที่แตกออก ก็ดังลั่นไปทั่วป่า

สร้างความเงียบสงัดให้แก่สิ่งมีชีวิตแทบทุกอย่างโดยรอบ ...

" มาแล้วสินะ ... มังกรที่ถูกผนึก ... " องค์หญิงเดลิเชียตรัสเบาๆ 

เมื่อองค์หญิงส่งจิตกลับไปตรวจค้นถึงเมื่อคราสนทนากับปราชญ์การูด้า

...... ข้าจะทำอย่างไรดีท่าน เป้นเช่นนี้ อิกดราซิลอาจมอดไหม้ ...

ใจเย็นก่อนสิองค์หญิง อิกดราซิลไม่มีวันตาย ไม่มีวันมอดไหม้ เป็นมารดาของทุกสิ่งเสมอมาและต่อไป ....

..... ท่านจะแน่ใจได้อย่างไร มนุษย์ที่นี่มิอาจต่อกรกับทั้งกองทัพได้แน่ ......

..... แต่เราทำได้ และไม่เพียงแค่เราด้วย มหาพฤกษาก็เช่นกัน .....

..... หมายความว่าอย่างไร ......


" นี่สินะ ไม่ใช่เราต่อสู้ เพียงแค่เรา .... " องค์หญิงเดลิเชียกล่าวเบาๆ


........ มารัครึ อันใดกัน ท่านปราชญ์ ? ! ...............

........ มังกรขนาดมหึมาที่ถูกอิกดราซิลผนึกอยู่มาช้านาน ........

........ จะเป็นจริงหรือท่าน เรื่องเล่าโบราณขนาดนี้ไม่มีใครจะพิสูจน์ได้ว่าจริงนะ ........

........ องค์หญิงพะยะค่ะ ด้วยความเร็วดุจสายฟ้าของเผ่าการูด้าเรา ก็มากพอจะช่วยต้านพวกกองทัพผีได้แล้ว

และถ้าหากที่ข้าพูดก็เป็นจริง ไม่มีทางที่อิกดราซิลจะมอดไหม้แน่ ดังเมื่อคราไฟป่านั่นแล .............


" คงจะได้เวลา ที่เราจะให้สิ่งที่พวกมันทำกลับสนองแล้วสินะ " องค์หญิงเดลิเชียกล่าว

ต้นอิกดราซิลทั้งต้นหวั่นไหว ... เปลือกไม้ผลิแตก ....

 มังกรประหลาดขนาดยักษ์โผล่ออกมาจากเปลือกไม้นั่น ทันทีที่หลุดจากพันธนาการรากและเปลือิกไม้ของมหาพฤกษา

มันก็มุ่งตรงเข้าทำลายกองทัพเพลิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างบ้าคลั่ง ....

" องค์หญิงพะยะค่ะ ! " พญาเกลการูด้ากล่าว  องค์หญิงเดลิเชียหันกลับมามองทางชาวการูด้าและกล่าวแก่ทุกคน

" กองทัพแห่งจักรวรรดิซาโลม ที่กำลังรุกรานชาวเราในตอนนี้ ... ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่เดือดร้อน

แต่ ณ ขณะนี้ ความอดทนที่จะคอยดูพวกมันทำลายคนที่ไม่มีทางสู้และธรรมชาติหมดลงแล้ว !

หมดลงตั้งแต่ที่มันร่ายมหาเพลิงเพื่อทำร้ายพฤกษามารดาแห่งสรรพสิ่งในฟูดินัน !!!!

บัดนี้ ข้าขอให้การูด้าที่ได้รับคำสั่งทุกตัว ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด

นั่นคือ ........  การทำลายกองทัพปีศาจให้ราบเป็นหน้ากลอง !!!!!!!!!! " องค์หญิงเดลิเชียประกาศดังทั่ว

เรียกเสียงร้องจากการูด้าทุกตัวได้เป็นอย่างดี

" อีเกิลการูด้า มองหาเป้าหมาย ยิง !! " นายพลกาเลนกล่าว

เสียงเอ็นสายของคันศรดังขึ้น ลูกดอกนับร้อยพุ่งลงมาจากยอดมหาพฤกษาไม่หยุดหย่อน

อีเกิลการูด้าที่มีสายตาเฉียบไว ... สาดลูกศรลงมาอย่างต่อเนื่อง จนทหารซาโลมถึงกับพรุนไปตามๆกัน

ไม่ทันสิ้นลูกศร เหล่าเกลการูด้า และการาสุก็เฮกันลงมาช่วยฟาดฟันทหารซาโลมไม่ยั้งอีกแรง

ไม่นานที่กองทหารซาโลมจะวิ่งหนีกันพัลวัน แต่เหล่าการูด้าที่โกรธเคืองจากการกระทำของ

จอมเวทย์ที่เสกไฟใส่มหาพฤกษายังคงไล่ตามต่อไป แม้มีทหารการูด้าตนใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีพ

การูด้าที่เหลือก็จะช่วยกันโฉบกลับขึ้นยอดมหาพฤกษาไป ............

" องค์หญิงเดลิเชีย ท่านคิดว่าอย่างไรบ้างพะยะค่ะ " พญาเกลการูด้ากล่าว

" ข้าว่า ... ทหารพวกนี้ ... ไม่ครนามือต่อฝูงการูด้าเราเลยแม้แต่น้อย

และเจ้าพวกนี้คงจะเข็ดไปอีกนาน เพราะโดนทั้งมังกรและครุฑและฆ่าแออย่างนี้ ถึงช่องโหว่จะอยู่ แต่คงจะโจมตีได้

เฉพาะรอบนอกเขตเขาคีรีบันดา ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็คงปล่อยมนุษย์ไปตามทางของเขาเถิด " องค์หญิงกล่าว

" เกล้ากระหม่อมหวังไว้อย่างยิ่งที่จะไม่ต้องมานั่งดูการประหัตประหารเช่นนี้อีก " พญาเกลการูด้ากล่าว




" สักวันหนึ่ง ... ก็อาจต้องเกิดขึ้นอีก ตราบใดที่มนุษย์ยังมีราคะเช่นนี้อยู่ ไม่เจริญกิจวัตรในวิถีทางอันควรเสียที

แต่นั่นคงอีกนาน และถ้าหากมันกล้าจะมาเผามหาพฤกษาอีก ... ข้าจะลงต้องรับแขกเอง ....." องค์หญิงเดลิเชีย

สยายปีกขนสีมรกตอันงามออก ทอดพระเนตรผืนป่าที่ถูกทำลายไปหลายส่วน และกองทัพการูด้าที่กำลังบินกลับรัง ...










จบละฮะ ขอบคุณนะฮะที่อ่าน     

 ใครลากๆๆๆ ต้องอ่านให้หมดนะ 



   
 







 
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #6 on: October 12, 2008, 10:06:18 PM »

รวมภาพ ตัวละคร และ/หรือที่กล่าวถึง



แอนกอรีออน อ้างอิงจากกระทู้ http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=10940.0 เป็นสิงโตที่มากับหมอกและหายไปกับหมอก การปรากฎตัวมักบอกถึงภับร้าย

 
อ๊ะ คนเผ่าป่าฟูดินัน เนอริมอร์ อิบริด

 
ผมว่าภาพสวยมากนะครับ แต่สมัยนี้ไม่เห็นใครใช้แล้ว เด็กสาวชาวป่าที่วิ่งลุยไฟมายังโคนต้นอิกดราซิล

 
เทพีกายสีฟ้าดั่งวารี ร่ายมนตร์ให้น้ำเอ่อล้นช่วยดับไฟ ที่เดลิเชียกับวานาอันเห็น = =



ปราชญ์การูด้า - -   ปรากฏตัวใน Merrisia 3rd Impression แต่ก็ถูกดึงมาเขียนด้วย ^^



พญาเกลการูด้า เป็นแค่ชื่อตำแหน่งฮะ ประมาณนั้น แต่เนื่องจากเราก็ไม่ได้กำหนดชื่อเลยให้เรียกไปตามนั้น - -



ประมาณนี้ฮะ ดูๆแล้วก็คงเยอะพอแล้วนะฮะ ^^

ส่วน Gale Garuda ,Eagle Garuda , Galen ,the Garuda Brigadier , Vahal Peak Garuda ,
Python , Blaze Sage, the Viceroy of Zalom , Delicia ,the Princess Garuda
 คงจะรู้จักกันดีอยู่แล้วนะฮะ ^^ 

ถ้ามี Comment ช่วยหน่อยจะดีมากเลยฮะ  = =   รู้ว่าต้องปรับอีกเยอะเลย

อย่างเรื่องของ Galen ที่อยู่ถึง St.Final นี่แค่ Dividing of 4 Kingdoms ก็ฉุดมาซะแล้ว ^^
Logged


•FroZen SkyZ~!•
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 121


« Reply #7 on: October 29, 2008, 09:59:29 PM »

สนุกมากคับ อ่านแล้วติด ย้ากกกกกก 
Logged


the St. of Amara
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3091


Email
« Reply #8 on: October 30, 2008, 01:03:43 AM »

 

ขอบคุณฮะ  ดีใจที่มีคนอ่าน  = =

จาได้มีกำลังใจแต่ง Side Story อื่นๆได้  ^^


ผมอ่านเองดูแล้วพรรณนาน้อยไป ยังไงถ้าแต่งเรื่องต่อไปจะแต่งให้ดีกว่านี้ละกันนะฮะ


ขอบคุณทุกท่านที่มาอ่านนะฮะ (ถ้ามีนะ  == )

Logged


shuresharn
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 73


« Reply #9 on: November 05, 2008, 01:31:09 AM »

ชอบมากกกกกกกก

ตอนแรกแอบลากด้วย เจอข้างล่างเลยหงิด -_-

เป็นกำลังใจให้คนขยัน 
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.088 seconds with 21 queries.