Last Flie คมดาบสุดท้าย คือความหวัง!
“ ประชาชนทั้งหลายบัดนี้พวกเรา Freedom Resistant จะขอประกาศถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงในการเข้าแทรกแซง
จนก่อให้เกิดสงครามในครั้งนี้ แก่สาธารณโลกทั้งมวล ”
เสียงและภาพของ เด็กหนุ่มซึ่งสวมเครื่องแบบ สีขาวตัดฟ้า ฟอนกำลังแถลงการณ์ณ์ส่งผ่านคลื่นสัญญาณภาพและเสียงไปทั่วทั้งโลกเทอร่าและ ทุก Colony ของแต่อาณาจักรทั้งหมด
“ เมื่อปีที่ผ่านมานี้การโค่นล้มอำนาจของ รีกอล ราเฟล ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการ แลนทิส ทว่าทั้งเครื่อง
แลนทาไนเซอร์ ของ รีกอล ถูกทำลายไปแล้วแต่ แลนทิส ยังคงเคลื่อนไหว ข้อสงสัยนี้เคยถูก Bell Cross ให้การว่า แลนทิส นั้นได้รับการเสริมพลังจากการทดลองของ รีกอล อาจจะถูกโปรแกรมไว้ให้ทำลายมนุษย์
ทว่าสิ่งนั้นไม่เป็นความจริงเลย ”
สัญญาณถูกถ่ายทอด ไปยังทุกอาณาจักร ไม่นานทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน ภาพเหตุการณ์
จาก กล้องวงจรปิด ในสถาบันวิจัยของ รีกอล ได้ถูกเปิดเผย การต่อสู้ของ เดรค ที่สามารถใช้ไฮเปอร์โหมดได้เป็นครั้งแรกที่ ยุคนี้ และการทำลาย เครื่องควบคุมแลนทิส ของ รีกอล จนหมดสภาพ ไปจนถึงการลงมือสังหาร รีกอล ด้วย
ตนเองกับมือ และต่อจากนั้นภาพการลักลอบเข้าไปขนย้ายเครื่องควบคุมที่ว่าออกมาจากสถาบันวิจัย โดย
ทหารของ Bell Cross ก็ถูกฉายขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“ อย่างที่ทุกท่านได้เห็น พวกเราได้ทำลายแผนการ แลนทิส ลงอย่างสมบรูณ์ทว่า ผู้ที่มากู้เครื่องควบคุม
และรื้อฟื้น แผนการแลนทิส ขึ้นมาคือ Bell Cross นั่นเอง ทั้งหมดเป็นแผนการ
ที่จะสร้างแลนทิส ขึ้นเพื่อทำให้การ
พัฒนาวิจัย แอคเตอร์ ได้รับการสนับสนุน โดยใช้แลนทิส ที่ตนควบคุมเป็น
ข้ออ้างหาผลประโยชน์และบัดนี้จากการสืบของพวก ทำให้ได้รู้มาว่า
ที่ใต้ฐานของ Colony Felasia มีการวิจัยและสร้างแอคเตอร์อย่างลับๆ ”
คำพูดของ ฟอน ที่ถูกถ่ายทอดต่อสาธารณ นั้นสร้างความกลลาหล ขึ้นไปหมด ทั้งโลกต่างหยุดเพื่อจับตาดู
การแถลงการณ์ในครั้งนี้
……………..
………………………..
“ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ”
“ ไหนคุณว่าให้การสนับสนุนเพื่อการกำจัด แลนทิส ทั้งหมดยังไงล่ะ ”
“ คุณจะตอบคำถามนี้ยังไงกัน…เพราะแถลงการณ์นั่น ทำให้ตอนนี้ประชาชนเริ่มลุกฮือขึ้นมากันแล้วนะ ”
“ นี่มันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของแต่ประเทศมากแค่รู้ไหม ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้ ”
“ อาเทเนีย! ”
ฟุบ!
เสียงต่อว่าจากบรรดาผู้นำประเทศ ที่ให้การสนับสนุน Bell Cross ได้ถูกตัดขาดไปทันทีที่ อาเทเนีย
กดสวิตซ์ตัดสัญาณ ของเครื่องรับ
“ คิดจะมาเริ่มเอาตอนนี้มันก็สายไปแล้วเจ้าพวกมนุษย์…. ”
อาเทเนีย กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่เดินออกจากห้องไป
………..
…………..
……………..
“ …จากการสืบของเรา ทำให้รู้ว่า Bell Cross มีจุดประสงค์ที่จะสร้าง แอคเตอร์พิเศษเพื่อทำการควบคุมพลังระดับสูง
จึงได้สร้างสถานการณ์ ที่แอคเตอร์นั้นยังจำเป็นอยู่เพื่อที่จะได้ทำการวิจัยและพัฒนา แอคเตอร์ ตัวนี้
ขึ้นมานอกจากนี้ ยังมีวัตถุประสงคืในการนำแอคเตอร์ไปใช้เพื่อการสงคราม รวมไปถึงโครงการสุดยอดนักรบ
SS(Super Solider) ซึ่งเป็นการสร้างสุดยอดนักรบ และยังมีโครงการผ่าตัดเปลี่ยนยีน หรือโคออดิเนเตอร์
ทั้งนี้เพื่อที่จะสร้างสรรค์นักรบแอคเตอร์ ที่แข็งแกร่งขึ้นมา ”
คำแถลงการณ์ของ ฟอน ยังคงถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆโดยไม่มีการตัดหรือหยุดสัญญาณแต่อย่างใด
ท่ามกลางความสับสน ที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศ บัดนี้กลุ่มที่เคยให้การสนับสนุน Bell Cross เริ่มที่จะสั่นคลอน
และตัดความช่วยเหลือ กองกำลังของทหารบางประเทศถึงกับถูกสั่งให้ถอนตัว เหล่าผู้นำประเทศ
และสมาคมหรือองค์กรที่ให้การสนับสนุน Bell Cross ได้เริ่มประชุมหารือกันอย่างเร่งด่วน
ขึ้น การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มอย่างต่อเนื่อง จากการแถลงการณ์นี้
“ ถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่เราจะตาสว่างเลิกให้เขามาจูงจมูกเราอยู่แบบนี้
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามพวกเรา Freedom Resistant จะทำการบุกโจมตี เพื่อโค่นล้มฐาน
อำนาจขององค์กรผิดมนุษยธรรมนี้เสีย หากกลุ่มองค์กรหรือประเทศใดที่ให้การสนับสนุน Bell Cross
ตอนนี้ยังทัน ขอให้เปิดทางให้กับกองกำลังของเรา ด้วย ”
สิ้นคำแถลงการณ์สัญญาณภาพและเสียงทั้งหมดก็ตัดหายไป
ทว่าการแถลงการณ์ ในครั้งนี้ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่าง กะทันหัน ขึ้นกับทั้งโลก
……………….
………………
…………………
ณ น่านอวกาศรอบ Colony Felasia
กองยานรบของ Freedom Resistant ได้เคลื่อนตรงเข้ามาเรื่อยๆ ทว่ากลับไม่มีการโจมตีจากกองยาน
ของศัตรูเลยแม้แต่น้อย
“ ดูท่าจะได้ผลนะคะจากการถ่ายทอดสัญญาณแถลงการณ์นั่นไปตอนนี้
มีคำยืนยันจากเหล่าประเทศที่ให้การสนับสนุน Bell Cross แล้วว่าจะยกเลิกการให้ความช่วยเหลือ
…..อ้ะทาง ฟีเลเซีย ถึงกับมีคำสั่งออกหมายจับ อาเทเนีย ฐานกบฏเลยล่ะค่ะ ”
ลิลลี่ รายงานขณะที่ดูรายงานข้อมูลที่ขึ้นมาบนหน้าจอเป็นระยะ ตอนนี้กองยานของศัตรูกำลังเข้า
ปิดล้อม Colony Felasia และเริ่มมีการอพยพ พลเมืองและเข้าทำการจับกุมและยึดที่ทำการของ Bll Cross ทั้งหมด
“ ถึงเหล่ามนุษย์ที่ น่าสมเพชทั้งหลาย…..นี่คือเสียงจากเรา อาเทเนีย คัสท์ ผู้สืบทอดหน้าที่ของตระกูลคัสท์
ในฐานะ เทพีแห่งสงคราม บัดนี้จุดจบของพวกเจ้าได้มาถึงแล้ว Axia Actor ได้เสร็จสมบรูณ์แล้ว
บทเพลงแห่งการชำระ กำลังจะเริ่มบรรเลงในไม่ช้านี้ ”
สัญญาณเสียงของ อาเทเนีย ถูกถ่ายทอดออกมาจาก Colony ไปทั่วทุกแห่ง
ก่อนที่ ดาวเคราะห์จำลอง Colony Felasia จะระเบิดเป็นซากไป ทว่าท่ามกลางซาก Colony และฝุ่นควัน
ความมืดที่ราวกับหลุมดำ ขนาดใหญก็ได้ปรากฏขึ้น
“ อะ…นี่มันใช่จริงๆด้วย ”
ลอว์เรนซ์ อุทานความรู้สึกที่คุ้นเคย ที่ราวกับหัวใจจะถูกกลืนหายไป ได้ผุดขึ้นมาในใจ
“ เจ้านั่น…อวตารแห่งพระเจ้า God Terra ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของ ลูกเรือทั้งยาน
เหนือขึ้นไปบนความมืดนั้น เซน่า ที่สวม อาบิส เรียบร้อยรวมทั้งกระดิ่ง 5 เสียงทุกคนได้
คอยคุ้มกัน อาเทเนีย ขณะที่พาส่งลงไปในหลุมดำนั่น โดย อาเทเนีย นั้น ตัวเธอไม่ได้สวมชุดอวกาศ
แต่กลับสามารถอยู่ได้ราวกับอยู่บนโลก นางค่อยๆจมหายเข้าไปในความมืด จนหายไปในที่สุด
“ พันตรีอัซเรย์ พันตรีลักซ์ พันโทเรย์ พันเอกมิดาไร ท่านนายพลครอสเร็กซ์ มีคำสั่ง
เรียกตัวให้กลับไปประจำการ ที่กองกำลังของตน และยกเลิกการให้ความคุ้มครองกับ Bell Cross ในทุกกรณี ”
เสียงสัญญาณที่ติดต่อเข้ามายังทั้ง 5 นั้นกลับไม่สร้างความตื่นตระหนกหรืออะไรแก่พวกเขาเลย
“ เสียใจด้วยนะแต่คงไม่ได้หรอก…เพราะพวกเราเป็น SS ของ Bell Cross มาตั้งแต่ต้นแล้วที่ไปเข้าร่วมกับกองกำลังของพวกแกน่ะก็เพื่อ สร้างทางให้ควมร่วมมือของพวกแกมาถึงมือ ก็เท่านั้นลาก่อน… ”
อัซเรย์ ติดต่อกลับไปเสียงเรียบโดยไม่สนใใยดีต่อเสียงที่ตามมาของ ผู้ที่ติดต่อมา ไม่นานกองยานรบ
พันธมิตรของ Bell Cross ก็หันคมดาบเข้าใส่ Bell Cross เสียเองยานรบเริ่มทำการโจมตี
กองทัพหุ่นรบและ พลทหารมัลติอาเมอร์ ต่างทยอยกันบุกเข้าทำลายหลุมดำและ จัดการสังหาร
เหล่า กระดิ่ง 5 เสียงกับ เซน่า ทว่าการโจมตีทั้งหมดนั้นกลับถูก ดูดเข้าไปในหลุมดำทั้งหมด
ก่อนที่หลุมดำจะปล่อยคลื่นพลังงานที่มองไม่เห็นออกไป ตรึงกองทัพ เอาไว้
ความมืดค่อยๆเปลี่ยนรูปไป ด้านข้างได้ยืดตัวออกกลายเป็นปีกโลหะสีขาว ขนาดใหญ่พอจะโอบ
ไว้ได้ทั้งโลก ปลายปีกเป็นคมดาบยื่นออกมา ส่วนล่างกับบนของความมืดจากหลุมดำ
ได้เปลี่ยนเป็นโครงร่างโลหะขนาดใหญ่ และความมืดบางส่วนได้ไหลออกมาจากส่วนกลางที่กำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง
และกลายเป็นดาบขนาดใหญ่พอที่จะแบ่งดาวเคราะห์ให้เป็นสองส่วนได้ บัดนี้ร่างของอัศวินจักรกล
ขนาดยักษ์ได้ปรากฏต่อสายตา กองทัพโลก ทั้งหมด ก่อนที่ ลำแสงสีดำจาพุ่งตัด กองยานไปอย่างรวดเร็ว
โดยไม่ทันตั้งตัว เพียงพริบตา กองทัพที่แม้แต่การระเบิดครั้งใหญ่ที่พวกลอว์เรนซ์ สร้างเมื่อ สามวันก่อนยัง
ไม่สามารถทำให้หมดไปได้ในครั้งเดียว กลับสูญสลายไปไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว
ทั้งหมดถูกคลื่นพลังงานที่แผ่ออกมาอย่างรวดเร็วฉีกจนแหลกสลายจนเหลือแต่ความว่างเปล่า ไม่เว้นแม้แต่
ส่วนของความในอวกาศก็ยังถูก กลืนกินจนกลายเป็นพื้นที่ซึ่งปกคลุมด้วยความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด
“ นี่มันอะไรกัน ”
ฟอน กล่าวด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตากับพลังทำลายอันน่าพรั่นพรึงที่สำแดงออกมา
เช่นกันกับ ลูกเรือในยานรวมไปถึงกองยานอื่นๆ ของพวกเขาด้วยหากเมื่อครู่พวก
เขาตามเข้าไปสมทบกับกองยานของสหพันโลก พวกเขาคงหายวับไปแล้ว
“ เหล่า Freedom Resistant ทั้งหลายจงฟังนี่คือ อวตารพระจิตแห่งพระองค์ที่ได้รับพลังจาก
Axia Actor และคืนชีพขึ้นมา นามของท่านคือ Daikami Axia ”
เสียงของ อาเทเนีย ที่ดังก้องออกมาจาก อัศวินจักรกลขนาดมหึมา นั้น
“ ไดคามิ…แอคเซีย นี่มันทำสำเร็จแล้วงั้นเรอะ ”
ฟอน กล่าวตะกุกตะกัก ด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน
“ เจ้านี่มันปีศาจชัดๆ ”
กอนดารี่กล่าวเสียงสั่น ขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่จอภาพในห้องบังคับการ
“ พลังทำลายล้างมหาศาลขนาดนี้ไม่นึกเลยว่าจะมีอยู่ในจักรวาลนี้ด้วย ”
ไรโอ แมงมุมคู่ใจของ กอนดารี่กล่าวขาของมันสั่นด้วยความตกตะลึงเสียทั้งแปดขา
“ รูปแบบของพลังงานทำลายเหนือ พลังเวทย์แบบมิชชิลด้า เสียอีก ”
เอริค กล่าวขณะที่กำหอกในมือไว้แน่น สภาพของลูกเรือในยานตอนนี้แทบจะหมดกำลังใจสู้
เอาเสียดื้อๆ
“ ตอนนี้ แอคเซีย ได้จุติแล้ว ไม่มีอะไรจะมาขัดขวางเราได้อีก โลกเทอร่านั่น เราจะทำลายมันซะ
พวกมนุษย์ทั้งที่มิติและมิติอื่นๆด้วยก็จะต้องหายกันไปให้หมดซะ ”
สิ้นคำ ไดงามิแอคเซีย ก็ได้พุ่งลงไปยัง โลกเทอร่า โดยมีเหล่ากระดิ่ง 5 เสยง และเซน่าตามลงไป
“ ตามไปอย่ามันลงไปที่โลกได้ ”
สิ้นคำสั่งการของฟอน ยาน Angle Wing และยานลำอื่นๆก็พุ่งตามลงไปที่โลก
ทว่า ไดงามิแอคเซีย นั้นรวดเร็วมากมันจึงลงไปถึงโลกได้ในพริบตา ขณะที่ พวกยังฝ่าชั้นบรรยากาศลงมา
ไม่ได้เลย
ร่างของ ไดงามิแอคเซีย ที่สูงใหญ่นั้นแทบจะค้ำท้องฟ้าเอาไว้ แค่ดาบของมันก็สามารฟันทวีป
สองสามทวีปให้ราบเป็นหน้ากองได้เลย
“ Explosion ”
สิ้นเสียงดาบยักษ์ ก็ถูกยกขึ้นฟาดลงไปบนพื้นโลก ดาบได้ฟาดทับลงไปยัง แนวเทือกเขาของทวีป เลาดิเชีย
คมดาบฝังลึกลงไปจนสุดก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดพุ่งกระจายออกไป ป่าไม้รอบๆแนวเขาถูกเป่าเป็นผงไปคลื่นพลังยังคงกระจายตัวไปเรื่อย แรงระเบิดทำให้เกิดแผ่นดินแยก ทันทีที่แรงระเบิดวิ่งไปถึงทะเล ก็เกิดคลื่นยักษ์
พุ่งออกไปเป็นวงกว้าง ไม่ช้าความเสียหายก็ได้มาเยือนแก่เมืองมนุษย์ คลื่นยักษ์พุ่งพัดทำลาย
ทวีป อาริมาเธีย ที่อยู่ไม่ไกล ส่วน ทวีปเลาดิเชีย แทบจะไม่เหลือร่องรอยของแผ่นดินอีกเลย
ประเทศนับสิยบได้จมหายลงไปใต้โลก ซึ่งเต็มด้วย หินหนืด ที่ร้อนละอุ น้ำในมหาสมุทร
ที่ไหลลงไปก็ระเหยเป็นควันภายในพริบตา ด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียว ทวีป เลาดิเชีย
ได้ถึงกาลปาวสานสิ้นในทันที แม้แต่ ทวีป อาริมาเธีย ก็ยังจมอยู่ใต้น้ำเพียงเท่านี้ประชากร
1 ใน 4 ของโลกก็ได้หายสิ้นไปในทันที อย่างไม่หยี่ระต่อสายตาของ ผู้คนทั้งโลก
“ ชิ…นี่มันไม่เหมือนก่อนนี้เลยหากมันใช้เพียงแค่พลังแห่งความว่างเปล่าก็พอจะยังทำให้กลับคืนมาได้
แต่ แอคเตอร์นั่นทำให้มัน สามารถทำลายลงไปได้โดยสมบูรณ์เลย ”
ลอว์เรนซ์ สบถขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ภาพการกระทำของ ไดงามิแอคเซีย จากจอมอนิเตอร์ในห้องบังคับการ
“ คำสั่ง Condition Red ให้กองยานทั้งหมดใช้อาวุธหนักระดมโจมตีส่งหน่วยรบมัลติอาร์เมอร์และแอคเตอร์ออกไปให้หมด……….นี่คือศึกตัดสินสุดท้ายเราต้องชนะเท่านั้น…คางาริช่วยสั่งการต่อแทนที่ชั้นก็จะออกไปด้วย ”
ฟอน กล่าวเสียงแข็งก่อนจะลุกจากเก้าอี้ และเดินนำพวก ลอว์เรนซ์ ออกไปในขณะที่ คางาริ เข้าไปประจำที่แทน
“ คำสั่ง Condition Red คำสั่ง Condition Red ขอให้ทุกคนประจำที่ให้พร้อม กองยานทุกลำใช้อาวุธหนักทั้งหมดเข้าโจมตี และส่งหน่วยรบมัลติอาร์เมอร์ออกไปย้ำ…. ”
เสียงประกาศติดต่อไปยังกองยานรอบ ได้ถูส่งออกไปไม่นาน ปืนลำแสง และอาวุธยุทโทปกรณ์ทั้งหมดที่มีก็ถูกงัดออกมาเพื่อการศึกในครั้งนี้ นักรบมัลติอาร์เมอร์ นับพัน กรูกันออกมาล้อม ไดงามิแอคเซีย ไว้
ในขณะที่ยานอื่น เริ่มระดมยิงอย่างเต็มกำลัง ทว่าการโจมตีทั้งหมดก็ไม่อาจ ระคายผิวของมันได้เลย
หนำซ้ำลำแสงพลังงานที่เป็นการโจมตีรุนแรงที่สุดของยานรบยังถูกดูดกลืนเข้าไป เสียด้วยซ้ำ
“ เจ้าพวกมดปลวกหายไปเหมือนกับพวกบนอวกาศนั่นซะเถอะ ”
“ Daiboric Enicsom ”
สิ้นคำของ อาเทเนีย ที่ควบคุมไดงามิแอคเซีย อยู่ใน Cock-Pit เสียงทุ้มแหลมของแอคเตอร์แอคเซียก็ดังขึ้น
ก่อนที่อัญมณีสีแดงซึ่งฝังไว้ทั่วร่างของมัน จะเปล่งแสงสีแดง ออกมาและเริ่มสร้างมวลพลังงานทรงกลมสีดำ
ออกมา พร้อมๆกัน ก่อนจะยิงออกไปเป็นลำแสงและลากเป็นทางไป
“ ST(Spell Techer) ทั้งหมดกางเขตป้องกัน เต็มพลังกด Magazine ให้หมดแม็คไปเลย ”
คำสั่งจาก เอริค ที่ลอยตัวออกมาสั่งการเหล่า ST ด้านนอกยาน ถูกส่งผ่านกระแสจิตไป ท่ามกลางเสียง
ระเบิดจากการโจมตีของยานรบ ที่ระดมใส่ ไดงามิแอคเซีย ขณะเดียวกันลำแสงสีดำก็ได้พุ่งใกล้เข้ามาแล้ว
“ Pancer Geais ”
เสียงทุ้มแหลมดังจาก อาวุธของเหล่า ST ซึ่งเรียกว่า Spell Technical มีรูปแบบคล้ายอาวุธต่างๆทั้งปืน
ไม้เท้า หอก ดาบ แม้แต่ค้อนเหล็กก็ตามที ทั้งหมดทำการสับกระกระสุน เพื่อเพิ่มพูนพลังเวทย์
ก่อนที่จะสร้างเกราะพลังงานรวมกันจนล้อมร่างของ ไดงามิแอคเซียและสกัดการโจมตีเอาไว้ได้
ส่วนการโจมตีของ พวกเขาสามารถที่จะทะลุเกราะเข้าไปหา ไดงามิแอคเซีย ได้เพราะตัวเกราะ
ควบคุมด้วยมนตรา
แต่ก็ไม่อาจสร้างความเสียหายให้แก่ มันได้แม้แต่น้อยซ้ำร้ายพลังของ
ไดงามิแอคเซียยังมากเกินจะต้านทานไว้ได้นาน
“ ชั้นจะให้มันหยุดอาละวาดเอง พวกนายทุกคนฝากจัดการที่เหลือด้วยนะ ”
ฟอน ที่ตอนนี้สวม แฟนธอมเดรคเรียบร้อยสั่งการกับพวกลอว์เรนซ์ ที่ ลอยตัว
ด้วยพลังงาน E.I.อยู่ด้านนอกยาน จบก็ออกบินตรงเข้าหา ไดงามิแอคเซีย โดยทิ้งระยะห่างพอประมาณ
“ ช่วยหน่อยนะ Bio Buster ”
ฟอนกล่าวขึ้นขณะที่ยกแขนชี้ไปข้างหน้า ก่อนที่มือของเขาจะหดเข้าไปในเกราะแขนและ
เปลี่ยนเป็นปากกระบอก บัสเตอร์แทน
“ Alright My master, Zap Shackle ”
สิ้นเสียงจาก บัสเตอร์คลื่นกระแสไฟฟ้า ก็ควงสว่านหมุนออกมาจากบัสเตอร์ที่แขนขวา พุ่งตรงเข้า
กระทบกับร่างของ ไดงามิแอคเซีย ไม่ช้ามันก็หยุดการทำงานลง
“ น…นี่มันอะไรทำไม ไดงามิแอคเซีย ถึงไม่ขยับล่ะ ”
อาเทเนีย ที่อยู่ใน Cock-Pit กล่าวอย่างกระวนกระวาย
“ Zap Shackle จะส่งผ่านคลื่นกระแสไฟเข้าไปในร่างของศัตรู และตรึงศัตรูไว้โดยปกติ
ใช้เพื่อสยบ แลนทิส ที่มีพลังมากแต่ว่าหากใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ ล่ะก็ มันจะทำให้กระแส
พลังงานภายในลัดวงจรไปชั่วคราว ไม่ว่าแกจะขับเคลื่อนด้วยพลังอะไรก็เถอะ แต่แอคเตอร์ที่
สร้างนั้นยังไงก็ใช้พลังงาน จากประจุธาตุสินะ นั่นยิ่งง่ายต่อการทำให้มันลัดวงจรอยู่แล้ว แต่ว่าชั้นเอง
ก็ต้องตรึงเอาไว้ให้ตลอด ดังนั้นตอนนี้เราสองคนคงทำได้แค่รอเท่านั้นล่ะ ”
ฟอน กล่าวขณะที่พยายามตรึงเอาไว้ให้นานที่สุด เท่าที่จะนานได้ ทว่าทันทีที่
พวกลอว์เรนซ์ จะเข้าไปโจมตี กระดิ่ง 5 เสียงก็เข้ามาขวางไว้
“ อย่าหวังผ่านไปได้ง่ายๆเลย ”
อัซเรย์ กล่าวจบเหล่ากระดิ่ง 5 เสียงก็ รุกไล่ต้อนพวกเขาให้ออกห่างไป
“ ชิ..พวกเราปลด Limiter กันเถอะ ”
เจนัส กล่าวจบก็ ชักเอาทอนฟาของตนมาประกอบเข้าด้วยกัน กระแสไฟฟ้าไหล จากทอนฟาที่ประกบกัน
ไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะเกิดบล็อกขึ้นรอบเกราะและเปลี่ยนเป็นส่วนเสริมของเกราะ
“ Change Hyper Wolf ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของ เจนัส ก่อนที่พลองทอนฟาจะสร้างใบมีดพลังงานขึ้นคลุมจน
กลายเป็นดาบคมสองไป
“ Stand by Duo Blade, I’m Ready ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจาก ดาบคมสองของ เจนัส หรือ ดูโอ้เบลด
“ Hold Up ”
เสียงดังขึ้นจาก Duo Blade และอาวุธของพวกครึ่งสมิงที่เหลือ ก่อนที่เกราะ จะปลดตัวออกหลวม
และย้ายชิ้นส่วนไปประกอบที่ใหม่ในบางจุด ร่างภายในของพวกเขาได้กลายร่างเป็นสมิง พรอมกับสัญลักษณ์
จันทร์เสี้ยว ปรากฏขึ้นบนเกราะอก ของครึ่งสมิงทั้งสี่
“ Change Hold Up From ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจาก อาวุธของทั้งสี่ ทันทีที่การปลดขีดจำกัดเสร็จสมบรูณ์
“ Hyper Mode Stand By Ready ”
เสียงของ ไฮเปอร์เบลดที่ ลอว์เรนซ์พึ่งจะเรียกมาดังขึ้น ก่อนที่มันจะสร้างบล็อกขึ้นล้อมรอบเกราะของเขา
และเปลี่ยนเป็นส่วนเสริมของเกราะ ปีกพลังงานสีรุ้งถูกกางสยายออก
“ Change Hyper Dragonfly ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากตัวเกราะ ของลอว์เรนซ์ ที่อยู่ใน ไฮเปอร์โหมดแล้วขณะนี้
“ On Hyper Blade, Welcome my Master, I’m Ready yet ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจาก ไฮเปอร์เบลด ที่เขาถืออยู่ก่อนที่เขาจะยกมันขึ้นและวาด ดาบไปทางซ้าย
“ System On, Seven-Sword Mode ”
สิ้นเสียงของ ไฮเปอร์เบลด ดาบทั้งห้า เล่มอันประกอบด้วย ชินเซเบอร์ มิรัยเคน
มุรามาซะ มุราซาเมะ ดราก้อนเอจ ก็ปรากฏขึ้นรายล้อมเขา
“ Swallow Flier ”
เสียงทุ้มยานคางดังขึ้นจากชุดเกราะของ อัซเรย์ ก่อนที่มวลแสงทรงกลมสีแดงจำนวนหกมวล
จะพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
“ Casting Load, Excel Shooting ”
เสียงทุ้มแหลมดังมาจากด้านข้านของ พวกเขา ก่อนที่ลำแสง 6 สายจะยิงทำลายมวลแสงที่พุ่งเข้ามา
จนหมด
“ เปลืองกระสุนไม่ใช่เล่นนะเนี่ย ระวังตัวหน่อยล่ะถ้ามันยิงมามากกว่านี้ล่ะก็ ชั้นสกัดไม่หมดแน่ ”
ชินจิ กล่าวโดยที่ปืนลำแสงของ ลอนเชอร์โหมด ในมือยังมีมวลแสงซึ่งเป็นลำกล้องเสริม นั้นยังหมุนควงอยู่
อย่างช้าและที่ปากกระบอก ก็มีควันลอยคลุ้งออกมา
“ Tomahawk Crusher ”
เสียงดังขึ้นมาจากด้านบนของพวกเขา ก่อนที่ชิ้นส่วนซึ่งติดใบมีดพลังงาน จะเหวี่ยงควง
ลงมา
“ Automatic Change Part Set Up Shield Part , Shield Mode ”
ตัวเกราะของ ชินจิ ส่งเสียงขึ้นก่อนที่ ปืนในมือจะสลายไปและ เกิดบล็อกขึ้นที่มือ ซ้ายเรียงตัวกันเปลี่ยนรูปเป็นโล่
“ Casting Load, All Blocking Extream ”
ตัวโล่สับกระสุนพร้อมกับส่งเสียงทุ้มต่ำออกมา ก่อนที่จะยืดตัวล้อบรอบ เป็นเกราะให้พวกเขา
ชิ้นส่วนใบมีด ที่ขว้างมานั้นกระแทกเข้ากับโล อย่างรุนแรง อยู่ชั่วครู่ก่อนที่แรงสะท้อนจะ
พุ่งกลับใส่จนชิ้นส่วน ดาบและใบมีดแตกสลายไปทั้งหมด ก่อนที่โล่จะคลายตัว
“ Maximum Hyper Cyclone ”
ทันทีที่โล่คลายตัวออก เจนัส ก็แผลงศรพลังงานในมือออกมาก่อนที่มันจะกลายเป็นพายุพลังงาน
หมุนเคว้งออกมา
“ TranSport ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นพร้อมกับที่ เหล่ากระดิ่ง 5 เสียงได้ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาหลบหลีกพายุพลังงาน
“ Sonic Walk ”
เสียงดังขึ้นจาก โล่ของ ชินจิ ก่อนที่ตัวของเขาจะพุ่งหายไปอย่างรวดเร็ว
และอ้อมไปดัก ลักซ์ ที่ถอยออกมาหลังจากที่ใช้ โทมาฮอคแครชเชอร์ และสูญเสียใบดาบไป
“ Mega Strike ”
เสียงดังขึ้นจาก ตัวโล่ของ ชินจิ ก่อนที่คลื่นไฟฟ้า จะไหลจากโล่ไปที่หัวและไหลกลับมาที่ โล่อีกครั้ง
เขาจึงตวัดโล่ ออกไป ตัวโล่ยืดออก กระแทกใส่ ลักซ์ ทว่า เธอก็เอาดาบในมือรับไว้ทัน
ยังผลให้เธอกระเด็นไป ทว่า เรย์ก็เข้ามารับเธอไว้ ส่วนดาบของเธอที่รับท่าพิฆาตไปนั้น ก็หักแตกไปในทันที
“ ไม่เป็นไรนะ ลักซ์ รีบใช้ Transport ตามไปสมทบกับพวกลุงเถอะ ”
เรย์ กล่าวทว่าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านล่างของพวกเขา
“ Flash Walk ”
สิ้นเสียง ริคุ นีน่า และ ลากูน่า ก็เข้ามาล้อมทั้งคู่ไว้แล้ว
“ Mega Slash ”
“ Mega Kick ”
“ Mega Shooting ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้น ก่อนที่ ริคุ จะงัดใบดาบที่แขน ตวัดจนเกิดคลื่นพลังงานเสี้ยวดาบพุ่งออกไป
ส่วน ลากูน่า ก็พุ่งเข้าไปตวัดขาเตะ พร้อมๆกับที่ ลำแสงพลังงาน จากลำกล้องของจักรดอกไม้ทั้งสี่
พุ่งออกไป
“ No Attacking ”
เสียงดังขึ้นพร้อม กับที่ ไพ่ใบหนึ่งพุ่งเข้ามาหาทั้งสอง ที่กำลังจะถูก ครึ่งสมิงทั้งสี่ เข้าโจมตี
รูปบนไพ่เป็นดาบสองเล่มไขว้ลง การโจมตีของทั้งสามก็สลายลงทันทีที่ ไพ่เปล่งแสงออกมา
“ No Attacking จะหยุดยั้งการโจมตีทั้งหมดลงได้ ”
เซน่า ซึ่งเป็นคนขว้างไพ่นั้นมาช่วยทั้งสองกล่าว
“ อย่าสอดไม่เข้าเรื่องน่าอย่างนายมันต้องเจอกับชั้น ”
ชินจิ ตะคอกขึ้นขณะที่พุ่งเข้าไป ตวัดโล่ใส่ทว่า เซน่า ก็เรียก หอกโปเรมอส ออกมารับมือได้ทัน
“ ลักซ์ เรย์ ถอยไปเดี๋ยวฉันจัดการเอง ”
มิดาไร ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาเข้ามา พาทั้งสอง ออกจากวงล้อม
“ ด้วยพันธะแห่งเวหา ขอจงส่งอัสนี อันแรงฤทธิ์ธาสู่หัตถ์ข้า จงล้างผลาญทำลาย อริข้าจนวินาศสิ้น
โซ่สวรรค์ทะลวงปฐพี ”
สิ้นคำของ มิดาไร ก็เกิดแสงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ถึง 10 สายด้วยกัน
“ Drake Power ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ ลอว์เรนซ์ พุ่งเข้าไปตวัดดาบ ฟาดใส่แสงทั้งหมด จนเบนสลายไปทิศอื่น
“ Three ”
“ Two ”
“ One ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับประกายแสงที่แวบขึ้นทุกครั้งที่ ดาบกระทบกับแสง ก่อนที่ ลอว์เรนซ์
จะสับสวิตซ์ ที่ด้ามดาบลง กรรเชียงดาบกางออกพร้อมกับคลื่นไไฟ้าที่ไหลเวียนไปทั่วทั้งดาบไหลกลับมารวมกันที่
ที่คมดาบ