Summoner Master Forum
November 26, 2024, 03:33:43 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: 1 [2] 3  All
  Print  
Author Topic: UP [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Multi Armor Actor V.O.W.[Fin]/E.E  (Read 35766 times)
0 Members and 7 Guests are viewing this topic.
greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #30 on: October 01, 2008, 10:14:09 PM »

โอ ที่แท้บท y ของเจนัส กับ ชินจิ คุงนี่เองโฮะๆรู้สึกว่าจะคลั่งไคล้เหลือเกินนะไอ้ kemo กับ shota เนี่ยเหอๆ
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #31 on: October 03, 2008, 11:23:45 AM »

............. ......สนุก?????????  ???
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #32 on: October 04, 2008, 12:24:21 AM »

Quote
............. ......สนุก? ??? ??? ??   ???

"สนุก"  อันนี้เข้าใจ
แต่

" "
" ???"
สองอันนี้คือ รวมความหมาย
สนุกแต่ งง
สนุกแต่ไม่เข้าใจ
สนุกตกใจ งุนงง
สนุกคิดไม่ตก งงกับตัวเอง

ตอบเจ็ที งง ฮ่ะ รึว่าเจ็แต่งแล้วมันระเกะระกะเกิน รายละเอียดมากไป
แหวกแนวเกิน
ตอบทีนะอาทิตย์นี้โพสอีกตอน ปิดเทอมแย้ว โพสยาวโลด
ค่า ว่าแต่ได้เล่น smn online กันยางค้า เจ็ไปลองมาแล้นขอบอกว่าหนุกมากค่ะ แต่ บัคเยอะเกิน
เกรม่อนคุงเล่นเด็ค น้ำ เจ็เล่น ลม อุฮุๆ เกรม่อนคุงเล่นดกับเจ็ที เวียนเฮด ฮ่ะ

ว่าแต่ตอนนี้แนวนิยายดูมันออกทะเลมากไปไหม ถ้ามากไปจะออกไปอีกเยอะๆ....เอ็ะยังไง
เอาเป็นว่าแสดงความคิดเห็นมาตรงๆเลยก็ได้ฮ่ะ คลุมเครือแบบนี้เจ็เคืองฮ่ะ อิอิล้อเล่นฮ้าล้อเล่น
เอาเป็นว่าคิดยังไงบอกเจ็ด้วยละกันจะได้ปรับปรุง

เกรม่อน: ปรับปรุงอะไรกันเล่าเห็นโยนมาทีเราทุกที

ชะอุ้ยหมาที่ไหนมาเฮ่าเนี่ย ว่าแต่ y กันยังไงมิทราบมาเคลียเลยเดี๋ยวเข้าห้องนอนเมื่อใหร่นะ......
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #33 on: October 04, 2008, 12:29:59 AM »

อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาา  ยาวอีกแว้ววว  สงสัยรอบนี้ไม่ต้องเลนส์ร้าวหรอก  แค่อ่านจบเปลี่ยนแว่นอีกรอบแน่ ๆ      สงสารคนใส่แว่นตามั่งซี่ แง้ๆๆๆ   มีเกณฑ์ตามตัวธิดาอเวจีมาดึงด้ายแดงแหง ๆ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #34 on: October 05, 2008, 07:34:16 PM »

File xx คมดาบแห่งนภาสะท้อนสู่คมดาบแห่งสมุทร

ความเดิมตอนที่แล้ว: ลอว์เรนซ์และครอบครัว ไอน่าซัลเฟอร์ ได้รับการช่วยเหลือจาก Freedom Resistant
 เมื่อพวก ริคุ ที่ถูกโจมตีจนจมทะเลไปได้ถูก ยานของกองกำลังที่ลากูน่า

เข้าร่วมอยู่ช่วยเอาไว้ อีกทั้ง เจนัส ที่พ่ายให้แก่ เคออส เมื่อครั้งก่อน ก็ถูกช่วยเหลือเอาไว้ พวกเขาทั้งหมดจึงได้กลับมารวมกันอีกครั้ง ทว่าทางยาน Angle Wing ที่พวกเขาโดยสารอยู่ก็ได้รับ ภารกิจให้ทำการขัดขวาง การขนส่งแอคเตอร์

ระบบใหม่ของ Bell Cross เข้ามาอย่างเร่งด่วน เจนัสจึงอาสาที่จะทำภารกิจนี้ ซึ่งมีเป้าหมายโดยตรงคือการชิงตัว
นักรบของ Bell Cross ให้มาเข้าร่วมกับฝ่ายตน ก่อนจะเข้าไปทำลายการขนส่ง ดังนั้น เจนัส กับลอว์เรนซ์ ทั้ง2 จึง


  กลับเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง และอย่างที่คาดไว้ นักรบ Armor Actor ที่พวกเขาจะชิงตัวกลับมาก็ปรากฏตัวขึ้น
เจนัสได้ใช้ Hyper Mode ที่พึ่งจะติดตั้งเสร็จ เข้าต่อกรและเอาชนะ ชินจิ ไปได้ในที่สุด ขณะเดียวกัน ฟอน พี่ชายของเทีย ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าเธอ ในฐานะผู้นำสูงสุดแห่ง Freedom Resistant
เรื่องราวจะเป็นเช่นต้องติดตามกันต่อในตอนนี้

ณ Colony Felasia ซึ่งลอยตัวอยู่บนวงโคจร รอบดาวเคราะห์ Terra

“ เจ้าพวกมดปลวกที่ทำให้ดวงดาวอันสวยงามนี้ต้องแปดเปื้อนอีกไม่นานก็จะถูกลบหายไปคงจะเป็นภาพที่
สวยงามจับใจไม่น้อยทีเดียว…ว่าไหม อัซเรย์ (Azley) ”
อาเทเนีย กล่าวขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ดาวเคราะห์ สีฟ้า ผ่านทางบานกระจก ชายผมขาวซึ่งสวมเสื้อโค้ท สีดำ บริเวณ นัยน์ตา ซีกซ้ายมีรอยสักสีแดงลากเป็นทางลงมา ในมือสับกองไพ่อยู่เนืองๆ
 เขาที่ยืนอยู่ห่างจากนางโดยมีโต๊ะ ไม้ ขั้นกลาง พวกเขาทั้งสอง กำลังยืนอยู่ในห้องมืดสลัว



“ อย่านอกเรื่องให้มันมากนักรีบๆเข้าเรื่องซะ ”
ทันทีที่ อัซเรย์ กล่าวจบ เขาก็หยุดสับไพ่พร้อมกับคลี่กองไพ่ขึ้นมา ก่อนจะสุ่มหยิบมา 5 ใบ
แล้ววางมันลงบนโต๊ะ ในสภาพคว่ำหน้า

“ อย่าใจร้อนนักสิแขกยังมากันไม่ครบใยจะเริ่มงานเลี้ยงก่อนได้เล่า ”
อาเทเนีย กล่าวอย่างเย็นใจโดยไม่สนต่อท่าทีของ อัซเรย์ แม้แต่น้อย

……………..
………………
…………………

“ Mega Stub ”
เสียงก้องแหลมกังวานดังขึ้น พร้อมกับหอกสีเงิน ซึ่งอาบไปด้วยคลื่นไฟฟ้า ก็พุ่งทะลวงร่าง หุ้มเกราะโหมดไฮเปอร์ของ ลอว์เรนซ์

“ เอ้าทีนี้จะทำยังไงผู้ก้าวข้ามลิขิตฟ้าเอ๋ย…ตายอยู่ตรงนี้ซะเถอะ ”
เซน่า ผู้ครอบครอง อาบิส แอคเตอร์ กล่าวด้วยความกระหยิ่มในชัยชนะ ก่อนที่ร่างของลอว์เรนซ์ จะระเบิดและแตกสลายไป

“ นึกว่าจะมีน้ำยากว่านี้ซะ…อีก ”
เซน่า กล่าวได้ยังไม่ทันจบประโยคก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่า เซ็นเซอร์ของตนยังคงไม่ทำงาน
และสัญญาณการติดต่อยังคงขาดหายอยู่ ก่อนจะรู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมา เมื่อละอองสีฟ้าได้ลอยตัดหน้าเขาไป
อย่างช้าๆ ก่อนที่คมดาบสีดำคลิบทอง จะจ่ออยู่ที่ต้นคอของเขา

“ ชั้นไม่ว่าหรอกถ้านายจะพูดแบบนั้น..แต่วันหลังให้แน่ใจด้วยนะว่าชั้นจะไม่ได้ยินอะไรแล้ว ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเสียงเรียบ ทั้งที่ตัวเขาน่าจะตายไปแล้วกลับยืนจ่อคมดาบที่ต้นคอของ เซน่า ได้อย่างหน้าตาเฉย
แม้จะตีสีหน้าและท่าทางให้ดูเหมือนเหนื่อยหน่ายกับการต่อสู้ แต่ทว่าจิตสังหารของลอว์เรนซ์
ที่แผ่ออกมานั้น ทำให้เซน่า ไม่อาจประเมินความสามารถในการต่อสู้ของ เขาได้แม้แต่น้อย

เซน่าเข้าใจได้ในทันที ว่าที่แล้วมาศัตรูของ ลอว์เรนซ์ ทุกคนต่างต้องเผชิญกับความขัดแย้ง
ที่ทำให้ไม่อาจประเมินค่า เขาได้จนต้องเสียทีพ่ายไป

“ Mega Slash ”
เสียงก้องแหลมดังขึ้นพร้อมกับ ที่คมดาบถูกอาบด้วยคลื่นไฟฟ้า ก่อนที่ ลอว์เรนซ์ จะตวัด
ดาบบั่นคอ เซน่า ในทันทีทว่า ทันทีที่คมดาบฟาดลงไปนั้น ร่างของเซน่า กลับสลายหายไป

ลอว์เรนซ์ ที่เห็นดังนั้น ก็คิดจะหยุดดาบในมือทว่า เซ็นเซอร์บนจอรับของเขากลับกระพริบขึ้นมา
ทำให้เขาเหวี่ยงดาบ พร้อมกับเอี้ยวตัวไปพร้อมกัน เซน่าที่ควรจะถูกบั่นศีรษะไปแล้วกลับ
รับคมดาบของเขาเอาไว้ ด้วยปลายหอก ก่อนที่ทั้งสองจะผละออกห่างกัน
 
“ อีกแล้ว..ตอนนั้นก็เหมือนกันทั้งที่เรา ฟันโดนแล้วแท้ๆแต่กลับเป็นว่าเราทำลายร่างแยกของมันแทน ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่นึกย้อนถึงตอนที่ใช้ท่าพิฆาต Maximum Hyper Typhoon กับ เซน่า


“ ชิ..ถึงไอ้อนุภาคนั่นมันรบกวนสัญญาณก็เถอะ แต่สัญญาณจากเคออสที่ยังจับได้อยู่จนถึงเมื่อครู่
ตอนนี้ดับไปแล้วถึงละอองนั่นจะ รบกวนการสื่อสารยังไงก็ไม่น่าจะปิดกั้นเซ็นเซอร์ได้อย่างสมบูรณ์
ถ้าอย่างนั้นหรือว่า ชินจิ จะ…  ”
เซน่า คิดขณะที่ยังคงยืนดูเชิง อีกฝ่ายอยู่โดยที่พยายามจะจับสัญญาณ ของ เคออสแต่ก็ไม่มีวี่แวว
ว่าจะจับสัญญาณได้

“ งั้นคงไม่มีเวลาเล่นด้วยซะแล้วสิ เพราะถ้าชินจิเสร็จไปแล้ว อีกคนคงไปทำลายลิฟต์วงโคจร หรือถ้ามันมาช่วยอีกคนสถานการณ์ก็จะยิ่งแย่เข้าไป ใหญ่ก็อยากจะขอกำลังเสริมอยู่
หรอกแต่ถ้าไม่จัดการกับไอ้อนุภาคนั่นก่อนล่ะก็
แล้วยังทริคในการหลบหนีนั่นอีก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป เราก็ถูกถ่วงเวลาจนเข้าแผนมันอยู่ดี ”
เซน่า คิดขณะที่พยายามหาทาง จบศึกตรงหน้านี้และติดต่อขอกำลังเสริม ก่อนจะตัดสินใจกล่าวออกไป

“ ดูเหมือนเราสองคนจะมีทริคหลบหนีกันเองสินะแต่ถ้ายังเป็นแบบนี้
กันต่อไปล่ะก็ขอบอกเลยว่าเราคงเสียเวลานานน่าดู..ไม่คิดจะเผยเคล็ดลับกันหน่อยรึ การต่อสู้จะได้มีสีสันขึ้นหน่อย ”
เซน่า กล่าวโดยในใจนั้นหวังว่าคำพูดของเขาจะได้ผล แต่อีกใจก็คิดว่าไม่สำเร็จแน่

“ นายจะทำอะไรชั้นไม่รู้หรอกนะ..เอาเถอะแค่เผย ไต๋กันก็พอสินะเพราะถึงรู้ไปก็แก้ลำกันไม่ได้อยู่ดีนั่นล่ะ
เห็นแสงจากปีกนี่ไหม..ถ้าชั้นต้องการมันจะทำการบิดเบี้ยวมิติ และย้ายสถานที่ให้ชั้น
 ในพริบตาโดยผ่านทางห้วงมิติ
ก็เหมือนกับว่าชั้นเดินทางข้ามไปยังอนาคตได้นั่นล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ปีกพลังงานของตน

“ กล้าบอกเคล็ดของตัวเองให้ศัตรู รู้ก่อนนี่ช่างกล้าจริงๆนะเอาเถอะชั้นเองก็ไม่ใช่คนเอารัดเอาเปรียบอะไร
จะบอกให้ก็ได้ ”
เซน่า กล่าวก่อนจะชูไพ่ที่ถืออยู่ในมือข้างซ้ายขึ้นมา ให้เขาดูภาพบนไพ่เป็นรูปตัวตลกกำลังถูกขว้างปาด้วยข้าวของ

“ It’s No Joke!!! ผลของไพ่ใบนี้ จะทำให้เบี่ยงเบนเป้าการโจมตีหรือความสามารถของอีกฝ่ายไปยังจุดอื่นได้
ทีนี้คงจะรู้แล้วสินะพลังของ อาบิสแอคเตอร์ คือการใช้สำรับไพ่มนตรา ”
เซน่า กล่าวพร้อมกับ ยื่นสำรับไพ่ขึ้นมาคลี่ออกให้ดู ซึ่งมีไพ่หลากหลายใบอยู่ในสำรับนั้น



“ ว่าแต่นายเถอะจู่ๆพูดแบบนี้ขึ้นมา แสดงว่าร้อนใจอยู่สิท่าเอาเถอะเพราะนายถูกอนุภาค E.I. ปิดกั้นเซ็นเซอร์
อยู่งั้นชั้นจะบอกให้ก็ได้เมื่อครู่ เจนัส พึ่งติดต่อเข้ามา เคออส ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว.. ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็ดันสวิตซ์ที่ด้ามดาบขึ้น  กรรเชียงดาบหุบลงพร้อมกับปล่อยคลื่นไฟฟ้าไหลอาบไปทั้งคมดาบ

“ Drake Power ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น จากตัวดาบ

“ ถ้านั่นแค่เบี่ยงเบนการโจมตีล่ะก็แค่หยุดมันซะก็หมดเรื่อง ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็กดสวิตซ์ที่ตัวดาบ

“ Chorono Control ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นก่อนที่ทุกอย่างรอบๆจะหยุดลง ลอว์เรนซ์ พุ่งเข้าไปฟาดคมดาบใส่ร่างของ เซน่า อย่าง
ต่อเนื่อง

“ One ”
“ Two ”
 “ Three ”
เสียงดังขึ้นรัวกับแสงวาบจากการฟันเสียสามครั้ง ก่อนที่ลอว์เรนซ์จะดันสลักลง

“ Chorono Control ”
เสียงดังขึ้นอีกคราพร้อมกับ ร่างของ เซน่า ที่ทรุดลงจากการถูกฟันหลังจากที่เวลาได้กลับมาเดินอีกครั้ง

“ Maximum Hyper Cyclone ”
สิ้นเสียงจากตัวดาบ คลื่นพลังงานสีแดงก็หมุนตัวพุ่งออกไปราวกับพายุ เข้าเผาผลาญร่างของ เซน่า
ทว่าทันทีที่ไฟมอดลง ก็เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาจากกองเถ้าถ่าน ก่อนที่ร่างของเซน่าจะกลับฟื้นคืน
ขึ้นมา พร้อมกับในมือถือไพ่ ซึ่งมีรูปทูตสวรรค์ เป่าแตรปลุกผู้ตายให้ฟื้นคืนอยู่ในมือ

“ Benediction ผลของไพ่นี้ทำให้ชั้นคืนชีพได้แต่ว่าจะใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ”
เซน่า กล่าวจบลอว์เรนซ์ก็ทำท่าจะกดสวิตซ์เพื่อหยุดเวลาอีกครั้ง ทว่าเขาก็โยนไพ่ที่อยู่ในมืออีกใบ
ออกไป ก่อนที่มันจะเรืองแสงและกลายเป็นโซ่ พุ่งเข้ามัด สวิตซ์และสลักที่ตัวดาบทั้งหมด
อีกทั้งเส้นที่เหลือก็เข้าไปพัน แกนปีกพลังงานทั้งสองเข้าด้วยกัน ก่อนจะหยุดการทำงานไปในที่สุด



“ Andromeda ผลของมันจะผนึกความสามารถของอีกฝ่ายไว้ ชั้นไม่เสี่ยงให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นซ้ำสองหรอกทีนี้ทั้งความสามารถในการผนึกเวลากับเคลื่อนย้ายพริบตาก็ถูกปิดตายไปแล้วอีกอย่างชั้นลืมบอกไปรึเปล่าว่าไม่ได้มีแค่สำรับเดียวน่ะ Part Setup Seal Deck ”
สิ้นคำ ก็เกิดบล็อกจำนวนหนึ่งขึ้นกลางอากาศ พร้อมกับที่สำรับไพ่ในมือจะ สลายไปและถูกแทนที่ด้วยบล็อกที่มา
เรียงตัวเป็นสำรับ ก่อนที่เขาจะคลี่ออกมา และหยิบขึ้นมา3ใบจึงโยนออกไป ไพ่ทั้งสองใบได้แปรสภาพเป็น



หุ่นยนต์ รูปแบบต่างๆตัวแรก ทำด้วยโลหะสีขาว มีร่างกายขนาดใหญ่และชิ้นส่วนต่างๆเชื่อมกันด้วยแรงบางอย่าง
อีกตัวทำด้วยโลหะสีดำ รอบกายมีคลื่นไฟฟ้าไหลเวียนตามข้อต่อตลอดเวลาราวกับกำลังสะสมพลังงาน
และตัวสุดท้ายทำด้วยโลหะสีดำ ไม่เคลื่อนไหวแต่อย่างใดหากแต่ลูกกลมที่ลอยอยู่รอบๆตัวนั้นกำลังสะสมประจุพลังงานอยู่

“ ขอดูหน่อยเถอะว่าไฮเปอร์ของมาสเตอร์แอคเตอร์ ที่ถูกปิดผนึกนั่นจะทำอะไรได้บ้าง..Combination ”
เซน่า กล่าวจบหุ่นยนต์ทั้งสามตัวก็รวมร่างเข้าด้วยกันจนกลายเป็น หุ่นยักษ์ เดินตรงเข้ามาหมายจะขยี้เขาให้จมดิน
ลอว์เรนซ์ ได้ถอยหลบออกทันที

“ อะไรกันทั้งที่หุนยนต์พวกนั้นน่าจะถูกอนุภาค E.I. รบกวนจนใช้การไม่ได้แล้วนี่นาแต่นี่กลับ ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่วิ่งหลบการโจมตีของหุ่นยักษ์

“ เจ้าพวกนั้นน่ะไม่ใช่ของจริงแต่เกิดจากเวทมนต์ของไพ่ ดังนั้นมันจึงเป็นเสมือนพลังงาน
ที่มีรูปร่างก็เท่านั้นเองดูเหมือนว่าอนุภาคนั่น คงรบกวนของทางไสยศาสตร์แบบนี้ไม่ได้สินะ ”
เซน่า กล่าวด้วยความลำพองใจ

“ ชิ..นี่มันอะไรกันแอคเตอร์ ที่เน้นด้านพลังมนตราเป็นหลักเราก็พึ่งจะเคยเห็นนี่แหล่ะ..เห็นที
คง ต้องใช่ไอ้นั่นซะแล้วสิ ”
ลอว์เรนซ์ คิดก่อนจะตัดสินใจ พุ่งเข้าหาตัว เซน่า โดยตรงและพยายามเงื้อดาบใส่เขา

“ Part Setup Tarot Deck ”
สิ้นคำ สำรับไพ่ก็ถูกเปลี่ยนในทันทีก่อนที่เขาจะหยิบเอาไพ่ซึ่งมีรูปชายสวมหน้ากาก ห้อยหัวลงและถูกพันธนาการด้วยโซ่ ออกมาๆไพ่เรืองแสงก่อนจะกลายเป็นโซ่สี่เส้น พุ่งเข้ารัดร่างของ ลอว์เรนซ์ จนไม่อาจขยับได้

“ Houdini ผลของมันก็คือการพันธนาการ ทั้งร่างยังไงล่ะ ”
เซน่า กล่าวจบ ลอว์เรนซ์ ก็ถูกเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์ จับตัวไว้ด้วยมืออันใหญ่โตของมัน



“ มีอะไรจะสั่งเสียไหม ”
เซน่า กล่าวแต่ลอว์เรนซ์กลับเงียบไม่ตอบแต่อย่างใด

“ ไม่มีสินะ..ขยี้มันซะ ”
สิ้นคำ ของเซน่า ยังไม่ทันที่เจ้าหุ่นยนต์จะได้ออกแรงขยี้ร่างของ ลอว์เรนซ์  ก็เกิดคลื่นไฟฟ้าแปรปรวนขึ้นในอากาศ
ก่อนที่มีดสีดำ คลิบทองแบบเดียวกับดาบของไฮเปอร์โหมด ที่ด้ามมีปุ่มกดสามปุ่มและกรรเชียงมีดยังสามารถเป่าได้อีกด้วย ได้พุ่งลงมาเฉือน มือของเจ้าหุ่นยนต์ยักษ์

จนมันเผลอคลายมือ ออกจากการเสียหายโดยฉับพลัน ร่างของลอว์เรนซ์ จึงเป็นอิสระ
โซ่ที่มัดร่างของเขาไว้ได้ถูกละอองสีฟ้าที่ลอยอยู่รอบๆตัวของเขา กัดกร่อนจนผุและแตกขาดไปในที่สุด

ลอว์เรนซ์ รีบตรงเข้าไปเก็บมีดขึ้นมา ตัดโซ่ที่คล้องดาบออก ทันที

“ ชั้นจะแสดงให้ดูพลังของ Dragoordinator อย่างชั้น ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็ยกมีดที่เก็บขึ้นมาเป่าพร้อมกับกดปุ่มเพื่อบรรเลงเพลง คล้ายขลุ่ยเสียงเพลง ที่ดังออกไปนั้น
ได้กระจายสัญญาณบางอย่างออกไป ในทะเล


“ มีดที่สามารถเป่าได้งั้นเรอะมันคืออะไรกันแล้วที่บอกว่าจะแสดงพลังของ Dragoordinator นี่มันหมายความว่ายังไง
จากข้อมูลที่รู้มาไฮเปอร์เดรค ผู้ใช้จะต้องเป็น ดราโกออดิเนเตอร์ที่เรารู้ก็มีแค่นี้เอง ”
เซน่า คิดขณะที่พยายามประเมินสถานการณ์อยู่นั้น ที่ใต้มหาสมุทรก็กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง

ณ อาณาจักรใต้สมุทร เลมูเรีย(Lemuria)

อาณาจักรของชาวเงือกที่ได้ล่มสลายลงไปเมื่อ ร้อยกว่าปีก่อน ประชากรทั้งหมดได้หลบหนีขึ้นไปสร้าง
อาณาจักรอยู่บนอวกาศในนาม Colony Lemuria  บัดนี้อาณาจักรใต้สมุทรนี้จึงถูกทิ้งร้างมานาน
ในขณะนั้นเอง เสียงสัญญาณที่ปนมากับเสียงขลุ่ยก็ได้ดังก้องมา ถึงอาณาจักรแห่งนี้

บรรดาบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ใต้สมุทรนี้ ได้ล้มครืนพังทลาย ลงจนเกิดควันฟุ้งไปทั่วก่อนที่จะมีบางสิ่ง พุ่งตัว
ทะลุม่านควันขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว

กลับขึ้นไปด้านบน ลอว์เรนซ์ ยังคงเป่าขลุ่ยมีด อยู่ก่อนที่ ทะเลเบื้องหลังของพวกเขาจะพูนตัวขึ้น
พร้อมกับวัตถุบางอย่างผุดขึ้นสู่ผิวน้ำ พร้อมกับเสียงคำรามก้องแหลมที่ดังมาแต่ไกล

[โหลดเสียงขลุ่ยได้ที่นี่ ข้างในจะมีเสียงแทรกอยู่เป็นเสียงคำรามของสิ่งที่เรียกมา
http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1223196022.44669_DRAGON_M.wav&mime=audio/wav ]

ทันทีที่ร่างของวัตถุนั้นโผล่พ้นขึ้นมาบนผิวน้ำ ร่างของมันก็ปรากฏแก่สายตา ทั้งของสอง
มังกรยนต์ ขนาดใหญ่ลำตัวยาวไกลหาที่เปรียบ ร่างเป็นโลหะทองปกคลุมด้วยเกล็ดน้ำแข็งสะท้อน
แสงระยิบระยับที่แก่น อกมีช่องรวมพลังงานสีแดงติดอยู่ที่หัวมีครีบซึ่ง

เป็นน้ำแข็งยื่นออกมานอกจากนี้ยังมีรยางค์ อีก4สายซึ่ง
ติดอุปกรณ์บางอย่างไว้  ขณะที่เสียงขลุ่ยยังคงบรรเลงอยู่ ครีบบนหัวและที่
หางก็เลื่อนตัวมาเล็งไปยัง

เซน่า และหุ่นยักษ์ อันเกิดจากการประกอบร่างของ หุ่น 3 ตัว
ไม่นานนักครีบน้ำแข็งที่คมราวกับใบมีดก็พุ่ง
ลงไปยังพวกเขา แม้ เซน่า จะหลบพ้นแต่ห่นยักษ์ที่มีขนาดใหญ่นั้นก็โดนเข้าไปอย่างจังจน
ร่วงโครมลง  ลอว์เรนซ์ จึงหยุดเป่าขลุ่ยมีด

“ มังกรนี่มันอะไรกันหรือว่านี่คือพลังที่มันพูดถึงกันแน่ ”
เซน่า คิดขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของ มังกรยนต์ ตัวนั้นซึ่งกำลังสร้างครีบน้ำแข็งขึ้นใหม่


“ ดราโกออดิเนเตอร์ อย่างชั้นก็แค่มนุษย์ที่มีสายเลือดของมังกรอยู่ในตัวมันก็เท่านั้นและ
ที่อยู่ในมือนี่ก็คือ Dragon Edge ที่มีเพียงชั้นเท่านั้นที่จะใช้มันได้  ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็เอาด้ามมีด ประกบเข้ากับด้ามดาบ ในมือก่อนที่ทั้งสองเล่มจะ
ประกอบเข้าด้วยกันจนเป็นดาบสองปลาย

« Last Edit: October 05, 2008, 07:49:09 PM by cocka-c » Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #35 on: October 05, 2008, 07:47:18 PM »

“ Ultimate Weapon Murasame  ”(มุราซาเมะ:~ไม่ใช่มุรามาซะ น้า)
เสียงก้องแหลมกังวานดังขึ้นจากตัวดาบกับมีดที่กลายเป็นหนึ่งเดียว

“ ก็าซซซซซซซ ”
เจ้ามังกรคำรามดังกึกก้อง ก่อนที่ ลอว์เรนซ์ จะบินขึ้นไปยืนบนหัวของมัน

“ เกือบลืมแนะนำไปมังกรตัวนี้คืออาวุธแห่งเลมูเรีย แอริเซอเก้(Aireserke, the Weapon of Lemuria) ”
สิ้นคำลอว์เรนซ์ ก็ควงดาบสองปลายในมือ ก่อนจะสับสลักที่ ด้ามกรรเชียงดาบได้หุบตัวลง
พร้อมกับปล่อยคลื่นไฟฟ้าอาบคมทั้งสองไว้



“ น..หนอยชั้นไม่ยอมมาตายอยู่ตรงนี้หรอก Part Set Up Relic Deck ”
เซน่า สบถก่อนที่สำรับจะถูกเปลี่ยน เขาหยิบเอาไพ่ใหม่จากสำรับขึ้นมาและโยนส่งไปยัง
หุ่นของเขา

“ Mythril Sword ใช้มันจัดการเจ้านั้นซะ ”
เซน่า กล่าวจบไพ่ก็กลายเป็นดาบ ให้เจ้าหุ่นยักษ์ใช้ ก่อนที่มันจะลุกขึ้นและตรงเข้าไปต่อกร



“ Maximum Rider Power ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากตัวเกราะของลอว์เรนซ์ ที่ตอนนี้คลื่นไฟฟ้าได้ไหลอาบจากดาบไปทั้งร่าง
แกนช่องอกของ แอริเซอเก้ จึงเปิดตัวออก และเริ่มสะสมพลังงาน ขณะที่เจ้าหุ่นยนต์ยักษ์กำลังใกล้เข้ามา

[โหลดเสียงที่นี่ http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1223195813.60234_1.Maximum_Rider_Power.wav&mime=audio/wav ]

“ Delta Tornado Waver ”
เสียงทุ้มแหลมก้องกังวาน พร้อมกับที่กรรเชียงดาบซึ่งหุบตัวลงได้ กางออก
ลอว์เรนซ์ จึงหมุนตัวควงตวัด ดาบในมือ ออกไป คลื่นพลังสองเสี้ยวได้พุ่งออกจากดาบทั้งสองคม
พร้อมๆกับ ลำแสงสีแดงที่ถูกยิงจาก ช่องอกของ แอริเซอเก้  และรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็น

ลำพลังงานขนาดใหญ่พุ่งเข้ากระแทกร่างของ เจ้าหุ่นยักษ์ ทันทีที่ แสงกระทบถูก ก็เกิดใบมีดพลังงาน
พุ่งตวัดเฉือนออกมา จนเมื่อลำแสงถูกยิงจนหมด ร่างของเจ้าหุ่นยนต์ก็ระเบิด กลายเป็นซากเศษเหล็กล้มทับ
ตัวของ เซน่า จนจมกองเพลิงในทันที ก่อนจะระเบิดอย่างรุนแรงอีกหลายครั้ง

“ ยืนยัน  Second Page ล้มเหลว อาบิส ถูกทำลายโดยสมบรูณ์ไม่สามารถช่วยผู้ถือครองออกมาได้
เปลี่ยน..  ”
ลอว์เรนซ์ ติดต่อกลับไปยังห้องบัญชาการ โดยผ่านทางตัวส่งสัญญาณที่หน้ากาก โดยที่ตัวเขากำลังโรยตัวลงมายังพื้น
ขณะที่ แอริเซอเก้ ได้ดำกลับลงไปยังใต้สมุทรอีกครั้ง
 
“ รับทราบรายงานแล้วเริ่ม Third Page ได้ เปลี่ยน.. ”
เสียงตอบกลับดังขึ้น ลอว์เรนซ์ จึงทำการปลด บูสเตอร์ออกก่อนที่จะแยก
Hyper Actor และ Dragon Edge ออกจากกัน และปล่อยให้มันบินหายลับไป ร่างไฮเปอร์โหมดได้
สลายออกกลับเข้าสู่ เดรค ตามเดิม ก่อนที่เขาจะ ขึ้นไปยืนบนบอร์ดที่ พึ่งจะบินมาถึง และออกตัวตรงไปยัง
เสาสูงที่อยู่ตรงหน้า
…………………
……………………
……………………..

ณ Angle Wing

“ เอาล่ะเราก็เตรียมเริ่มภารกิจกันได้แล้ว เอายานขึ้นสู่ผิวน้ำ ”
คางาริ สั่งการจบ เหล่าพลทหารทั้งหมดก็ทำการเตรียมการต่างๆนานา ยานได้เคลื่อนตัวลอยลำขึ้นสู่ผิวน้ำ
อย่างช้าๆ จนเมื่อโผล่พ้นน้ำขึ้นไป

“ เตรียมการเหินขึ้นสู่อากาศ กางปีกออก รักษาระดับความเร็วที่ 2 น็อต แล้วค่อยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ”
คางาริ สั่งจบพลทหารหญิงที่อยู่หน้าแท่นคุบก็รัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์
ครีบของยานได้กางออกยาวราวกับปีก พร้อมกับไอพ่นที่ท้ายยานเริ่มทำงาน ตัวยานค่อยๆไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ

“ ระดับความเร็วเพิ่มขึ้นจาก 2,3,4,5 น็อต รักษาระดับสมดุลค่ะ ”
พลทหารหญิงรายงาน ก่อนที่จะวางมือ จากแป้นควบคุม

“ เอาล่ะ Third Page เริ่มจากนี้ไปคือของจริงล่ะ ”
คางาริ กล่าว บัดนี้ยาน Angle Wing ได้แปรสภาพไปราวกับปลาบิน ซ฿่งมีรูปร่างเหมือน Silky Wing Fish



…………….
………………….
……………………..
“ เจนัส เนลฟาแอคเตอร์ยืนยันพบเป้าหมายแล้วจะเริ่มการทำลายเสาลิฟต์วงโคจร ณ บัดนี้ ”
เจนัสรายงายผ่าน ตัวส่งสัญญาณ กลับก่อนที่จะชักเอาทอนฟา ออกมา และจอด บอร์ดยนต์เอาไว้
โดยทิ้งชินจิที่หมดสติเอาไว้ บนบอร์ด และตรงเข้าไปยังเสายักษ์ที่อยู่ตรงหน้า

“ เฮ้คนเดียวคงไม่ไหวมั้งให้ชั้นร่วมด้วยคนสิ ”
เสียงดังขึ้นจากด้านหลังเขา พร้อมกับ การมาของ ลอว์เรนซ์ ที่เดินอ้อมเสามา

“ ก็เอาสิแต่ดูเหมือนว่าคงต้องรีบกันหน่อยล่ะ เพราะของที่ว่าพวกมันคงขนขึ้น ลิฟต์ไปแล้วต้องทำลายก่อนที่
คอนเทนเนอร์จะขึ้นไปถึงสถานี ”
เจนัส กล่าวจบ ทั้งสองก็ตั้งท่าเพื่อจะทำลายเสายักษ์ตรงหน้า

“ Mega Kick ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ทั้งคู่ตวัดขาเตะ เสายักษ์อย่างแรง ทว่ากลับถูกสะท้อน กลับออกมาจนกระเด็นไปทั้งคู่
ทว่าแรงกระเทือนก็ได้ ส่งผ่านไปตามเสาจนถึงตัวตู้คอนเทนเนอร์ ที่กำลังวิ่งอยู่บน เสาหยุดการเคลื่อนไหวไป

“ ชิ..เจ้านี้แข็งสุดๆไปเลย ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวไปขบกรามไปด้วยความเจ็บปวด เพราะที่ขาข้างที่พวกเขาทั้งสองคนใช้เตะเข้าไป
นั้นได้แตกร้าว และมีประกายไฟแวบแปลบปราบ ตลอดเวลา
 
“ ถ้าไม่ใช่ ไฮเปอร์โหมด ล่ะก็คงทำลายมันไม่ได้แน่…อ่ะนั่นมัน ”
เจนัสกล่าวได้ไม่ทันขาดคำก็มี แสงเลเซอร์ถูกยิงตรงมาที่พวกเขา แต่ทั้งสองก็โดด
หลบได้พ้น ก่อนจะหันขึ้นไปและพบว่า ที่เสานั้นมีช่อง เปิดออกโดยมีป้อมปืนตั้งอยู่ภายใน
ไม่นานนัก ช่องอื่นๆก็เปิดออก และป้อมปืนข้างในก็ เคลื่อนออกมา และระดมยิงใส่พวกเขา

“ ระบบรักษาความปลอดภัยของ ลิฟต์วงโคจรงั้นเรอะ ”
เจนัส สบถขณะที่เอี้ยวตับหลบลำแสงที่ระดมยิงเข้ามา ทว่าด้วยจำนวนที่มากมายทำให้เขาไม่อาจ
หลบได้พ้นทั้งหมด จึงพลาดถูกยิงเข้าที่กลางอก ก่อนจะล้มลงไปและถูกระดมยิงใส่อย่างไม่ยั้ง

“ เจนัส..อ็าคคค ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวได้ไม่ทันจบชั่วพริบตาที่นั้นเขาก็ถูกระดมยิงจน ร่วงลงไปอีกคน
ควันทรายฟุ้งไปรอบเสา ป้อมปืนทั้งหมดได้หันซ้ายขวาเพื่อตรวจดูว่าพวกเขายังอยู่หรือไม่
ทว่าจู่ๆ เซ็นเซอร์การทำงานของพวกมันก็เกิดขัดข้องขึ้นและไม่สามารถตรวจจับอะไรได้อีก
โดยภาพสุดท้ายที่ส่งขึ้นไปยังสถานีนั้นคือ ภาพของละอองสีฟ้าที่ ลอยตัวขึ้นมาจากกลุ่มควัน

“ Laser Strom ”
สิ้นเสียง ฟันเนลทั้งหมดก็ยิงแสง ทำลายป้อมปืนจนราบพนาสูญ ก่อนที่ควันจะจางลงไป
บัดนี้ เจนัส และ ลอว์เรนซ์ ทั้งสองได้สวมร่าง ไฮเปอร์โหมดทั้งคู่

“ นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว..อะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวยังไม่ทันจบประโยค พลทหารหุ้มเกราะในมือถือปืนลำแสงขนาด
ใหญ่กับโล่ ที่มีขนาดพอจะปิดบังร่างกายได้มิดชิด แบบเดียวกับที่พวกเขาปะทะด้วยตอนขึ้นมาบนหาด
 ก็ได้บินล้อมพวกเขาทั้งสองไว้

“ Multi Armor Groove Alpha-1 งั้นเรอะแสดงว่าเจ้าพวกนั้นรู้ตัวแล้วสินะ ”
เจนัส สบถขณะที่กองทหารล้อมกรอบพวกเขาเข้ามาเรื่อยๆ



……………..
…………………
…………………….

ณ Colony Felasia สวนน้ำของห้างสรรพสินค้าบน Colony แห่งนี้ เด็กๆต่างเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน
สระน้ำและน้ำพุรวมไปถึงเครื่องเล่นหลากหลายรูปแบบที่มีจัดไว้ในสวนน้ำนี้ ในช่วงวันหยุด
จึงมีครอบครัวส่วนใหญ่มาเที่ยวเป็นจำนวนมาก เช่นกันกับวันนี้

“ ว้าววว..หยาดเยิ้มทนไม่ไหวแย้วขอหม่ำล่ะนะค้าบบ ”
เสียงห้าวๆที่บ่งบอกความหื่นกระหายดังขึ้นพร้อมกับที่ ชายหนุ่มผมสีแดง ซึ่งปิดตาขวาเอาไว้
ด้วยผ้าคาดตาสีดำ เหมือนโจรสลัด จะกระโจน เข้าหากลุ่มหญิงสาวนักศึกษา 3 คนที่เดินผ่านมา

“ จะบ้าไปถึงไหนย้าาา เรย์(Rei)  ”
เสียงตะหวาดดังขึ้นพร้อม กับที่หญิงสาวผมสีน้ำตาลผูกแกละสองข้างจะ เข้ามาฟันศอกใส่ จน
ชายหนุ่มร่วงหมอบกระแต พร้อมกับที่หญิงสาวเข้าไปก้มหัวขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
หลังจากที่กลุ่มนักศึกษาหญิงจากไป ชายหนุ่มที่ชื่อ เรย์ ก็ฟื้นสติ



“ โอ้นางฟ้าบนสวรรค์นี่ช่างสวยเหมือนลักซ์ไม่มีผิดเลยขอ กอดหน่อย..แอ็ค ”
เรย์ กล่าวขณะที่กำลังจะลุกขึ้นโอบร่างของ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าแต่ก็ถูก หล่อนเหยียบ
จมดินไป เต็มๆ

“ จะเพ้อไปถึงไหนกันยะอย่างนายน่ะ มันต้องส่งให้ยมบาลดึงลิ้น ”
หญิงสาวกล่าวน้ำเสียงฉุนเฉียว ก่อนจะยกเท้าขึ้นจากร่างของ เรย์

“ แง้..ลักซ์ (Lux) ใจร้ายยยขอกอดหน่อยก็ไม่ได้ ”
เรย์ ครวญขณะที่ยังคงนอนอยู่บนพื้น



“ ไม่ต้องมาเพ้อเลยพูดอีกโดน! ”
ลักซ์ กล่าวอย่างฉุนเฉียว ก่อนจะกระทืบซ้ำลงไปอีกที ทำให้ เรย์ ต้องครวญเสียงหลงซะดังลั่น

ครู่ต่อมา

ณ สวนสัตว์ ชั้นดาดฟ้าที่อยู่ถัดจาก สวนน้ำของห้าง

“ ไม่ไว้เลย เรย์ นี่ทำไมถึงได้ชอบทำแบบนี้นะ ที่บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งตอนไป ออนเซ็น คราวก่อนก็ทีแล้ว ”
ลักซ์ ซึ่งเปลี่ยนมาสวมเสื้อโค้ท สีดำตัดขาวแบบเดียวกันกับ เรย์ ที่เปลี่ยนมาสวมด้วยในตอนนี้
ทั้งสองกำลังสนทนา กันถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ ขณะที่กำลังรอใครบางคน

[ออนเซ็น คือการไปแช่บ่อน้ำร้อนกลางแจ้งเป็นการท่องเที่ยวที่พวกแม่บ้านของญี่ปุ่น
นิยมกัน….มั้งข้อมูลไม่แน่นพอเพราะศึกษาจากอนิเมล้วนๆ]

“ แหมก็เค้าอดใจไม่ได้นี่ว่าแล้วก็ขอหอมทีนึงนะ…แอ็ค ”
เรย์กล่าวจบก็กระดี๋กระด๋า จะเข้าไปหอมแก้ม ลักซ์ ทว่าก็ถูกหล่อนถีบกระเด็นกลับมาเช่นเคย

“ พูดแบบนี้อยากตายนักใช่ไหม ”
ลักซ์ กล่าวจบก็รัวกระทืบ เรย์ ไม่ยั้ง

“ อ้าวๆ..พวกเธอนี่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ”
ชายวัยกลางคน ผมแดงสวมหมวกสีดำและเสื้อโค้ทสีดำแบบเดียวกับพวกเขาแต่ ตัดลายสีทองแทน
เข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน

“ นี่ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวจะสายนะ ”
หญิงสาววัยทำงานผมสีดำ อีกคนได้เข้ามาทักพวกเขา นางสวมเสื้อโค้ทสีดำตัดลายขาวแบบเดียวกันกับพวกเขา

“ คุณ ครอสเร็กซ์(Crossrex) แล้วก็คุณ มิดาไล (Midarai)  ”
ลักซ์ อุทาน เมื่อได้เห็นทั้งสอง





“ อ้าวตาลุง กับ ยายป้าตาค้าง ว่าไงสบายดีเหรอ ”
เรย์ ทักทายแต่ดูหมือนว่าคำทักทายของเขาจะออกแนวหาเรื่องซะมากกว่า

“ ยังปากเสียเหมือนเดิมนะสมแล้วที่เคยเป็นสลัดอวกาศมาก่อน ”
ครอสเร็กซ์ กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่จูง เรย์ ให้ลุกขึ้นมา

“ อ้าว อัซเรย์ ไม่ได้อยู่กับพวกเธอเหรอ ”
มิดาไล กล่าวขณะที่มองหาตัว คนที่ชื่อ อัซเรย์

“ อ๋อ อัซเรย์ เค้าแยกไปที่สำนักงานก่อนแล้วล่ะค่ะ ”
ลักซ์ กล่าว

“ งั้นเราก็อย่ามัวชักช้าอยู่เลย ท่าน อาเทเนีย รออยู่เห็นว่ามีธุระสำคัญจะคุยน่ะ ”
ครอสเร็กซ์ กล่าวเสียงขรึมก่อนจะออกเดินนำพวกเขาทั้งหมดไป

………………..
…………………….
……………………..

บนโลก ณ Heaven Base ฐานขนส่งลิฟต์วงโคจร


“ Maximum Hyper Cyclone ”
สิ้นเสียงพายุพลังงาน สีแดงและฟ้าก็พุ่งเข้าทำลายทหารหุ้มเกราะจนร่วงหล่นลงมา
หลายนาย

“ ชิ…มากันไม่หยุดเลย ”
เจนัส สบถขณะที่ ยังควงดาบทอนฟาสองคม ในมือเข้าฟาดฟันกับทหารเหล่านั้น

“ Burning Beam ”
เสียงของจักรกลดังแว่วมา พร้อมกับลำแสงที่ เผาผลาญทุกสิ่ง ถูกยิงลงมานับไม่ถ้วน

“ คราวนี้หุ่นยนต์งั้นเรอะ รุ่น Delta-d อีกตะหาก ”
ลอว์เรนซ์ ขบกรามแน่นตอนนี้พวกเขาตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว เมื่อกองทัพหุ่นยนต์ซึ่งมีลักษณะคล้าย
แมงมุมมีลูกตาที่หัวและใต้ท้อง ได้โรยตัวลงมา ล้อมกรอบพวกเขาไว้อีกชั้น



………….
……………..
……………….

ณ ห้องบังคับการของยาน Angle Wing

“ กองทัพหุ่นยนต์งั้นเหรอนี่หมายความว่าพวกสหพันธ์โลก ก็อยู่ข้างพวกมันด้วยงั้นรึ ”
คางาริ ตะคอกขึ้นทันทีที่ได้รับรายงาน ว่าพวก เจนัส ถูกกองทัพของ สหพันธ์ เล่นงาน

“ ไม่แปลกหรอก อาเทเนีย น่ะมีเส้นสายทางการเมือง อยู่อีกอย่างด้วยเหตุผลบังหน้าขององค์กรมีหรือที่พวกสหพันธ์จะไม่ให้ความร่วมมือ ”
ฟอน กล่าวขณะที่เดินเข้ามาภายในห้อง พลทหารทุกคนรวมถึงคางาริ ต่างทำความเคารพขึ้นพร้อมกัน
ก่อนจะเริ่มรายงานสถานการณ์

“ พี่ฟอน คะทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ที่แล้วพี่หายไปไหนกัน คะ ”
เทีย ได้เข้ามาซักถามเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

“ โทษนะเทียตอนนี้พี่ไม่มีเวลาอธิบายแล้ว ไว้เสร็จภารกิจแล้วค่อยคุยกัน..เตรียม Catapult Gate ไว้ให้พร้อมชั้นจะออกไปเอง ”
ฟอนกล่าวจบ ก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับเสียงสัญญาณเตือน การเปิดช่องส่งยานดังขึ้นทั่วลำเรือ

“ พี่…..คะ ”
เทีย เปรยขึ้นขณะที่จ้องมองแผ่นหลังของผู้เป็นพี่ที่ค่อยๆออกห่างจนลับสายตาไป

“ Gate Stand by ”
เสียงดังขึ้น พร้อมกับที่ประตูส่งยานเปิดออก สายลมพัดเข้ามาปะทะกับใบหน้าแต่
ฟอน ก็ยังคงรักษาท่าทีเอาไว้ได้ ก่อนที่จะเกิดคลื่นไฟฟ้าแปรปรวนขึ้น ในอากาศ มังกรยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งมีรูปร่าง
เหมือนกับ เดรคแอคเตอร์ ทุกประการเพียงแต่เป็นสีดำ
ได้บินฉวัดเฉวียนไปรอบๆก่อนที่ จะเข้ามาจอดทีมือของ ฟอนและเปลี่ยนรูปเป็น
กำไลข้อมือแบบเดียวกับ เดรค  ฟอน สวมมันที่ข้อมือ ซ้ายก่อนจะดันสลักหางกลับ

“ Exchange ”


โปรดติดตามตอนต่อไป
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #36 on: October 05, 2008, 07:52:16 PM »

อิอิ รอบเอาให้ตาแหกไปเลยจ้า ตัวละครโผล่ออกมาเพียบ เรียกได้ว่ายกกันออกมาจริงๆ
ว่าแต่ตอนนี้ออกทะเลไปไกลถึงอาณาจักรเลมูเรียละ เหอๆยิ่งแต่งยิ่งออกไปเรื่อยๆ
หุๆตัวละคร5คนที่มาใหม่รอบนี้ เนี่ยเรียกได้ว่ามาทั้งองค์กรจริงๆ คราวนี้เราจะได้เปิดศึกครั้งสุดท้ายระหว่างอาคุ...อุบเอ็ยแลนทิสกับมนุษย์
เหอๆเกือบหลุด ตอนหน้าจะได้เห็นแอคเตอร์5เสียงแว้ว 555+ชักอดใจไม่ไหวแว้ว
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #37 on: October 08, 2008, 02:54:17 PM »

คือคราวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนิยายอะไรมากหรอกนะเพียงแต่
นั่งพิมพ์อย่างเดียวกับเกรม่อนคุงทั้งวันมันเซ้งอ่าาา
เลยมาหาอะไรคุยเล่นๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า บทที่จะโพสอาทิตย์นี้นะฮ่ะ
มันเป็นตอนเบาสมองซะตอนหนึ่งหรือพูดง่ายบทเกี่ยวกะเรื่องรักๆใคร่ๆ มาอีกแว้ว

เกรม่อน: ให้ตายเถอะคุณเธอนี่ชอบซะจริงเลยนะไอ้เรื่องแบบเนี้ย คงจะมายุ่งเรื่องของ
เจนัสกับนีน่าอีกตามเคยสิท่า เซอร์วิสภาคที่แล้วไม่สะใจพอรึ

การุรุม่อน: แหมอันนั้นมันยังไม่ถึงแก่นเลยน้าว่าแต่เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ เห็นภาพข้างล่างนี้แล้วอย่า
ตกใจนะ




โฮ่ๆฉากที่มันไม่น่าจะมีใน เรื่องลอลลี่ป็อบ แต่ดันโผล่เพราะอันนี้คือภาคสองของเรื่องล็อลลี่ป็อบ
จ้าแต่ฉบับ มังกะนะ แล้วทีนี้มันเกี่ยวกันยังไงเหรอ อย่าพึ่ง คิดเองเออเองนะจ้ะว่า
ชินจิ กับ เจนัสคุงจะมาหาเรื่องกันอีกนะจ้า คือว่าเนื่องในบทที่จะลงอาทิตย์นี้เนี่ยมัน
เป็นเรื่องรักๆแนวโรแมนติก ว้าว เดี้ยนนี่ช่างงดงามอะไรเช่นนี้

เกรม่อน:

การุรุม่อน: เรื่องฉันย่ะไปไกลๆ เข้าเรื่องต่อ พอดีมันไม่มีข้อมูลเจ้าเกรม่อนมันก็เลยไปรวบรวม
การ์ตูนแนวโรแมนติกมาให้ก็ไปเจอะพอดีเลย เอามาฝากกันหน่อยเห็นชอบกันนิ ถือเป็นการสนมนาคุณอย่างหนึ่งละกัน แจก1ตอนไปเลย

 http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1223437373.87848_modotte_mamotte_lollipop_002.rar&mime=application/rar
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #38 on: October 08, 2008, 06:08:04 PM »

คือคราวนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนิยายอะไรมากหรอกนะเพียงแต่
นั่งพิมพ์อย่างเดียวกับเกรม่อนคุงทั้งวันมันเซ้งอ่าาา
เลยมาหาอะไรคุยเล่นๆ เรื่องมันมีอยู่ว่า บทที่จะโพสอาทิตย์นี้นะฮ่ะ
มันเป็นตอนเบาสมองซะตอนหนึ่งหรือพูดง่ายบทเกี่ยวกะเรื่องรักๆใคร่ๆ มาอีกแว้ว

เกรม่อน: ให้ตายเถอะคุณเธอนี่ชอบซะจริงเลยนะไอ้เรื่องแบบเนี้ย คงจะมายุ่งเรื่องของ
เจนัสกับนีน่าอีกตามเคยสิท่า เซอร์วิสภาคที่แล้วไม่สะใจพอรึ

การุรุม่อน: แหมอันนั้นมันยังไม่ถึงแก่นเลยน้าว่าแต่เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ เห็นภาพข้างล่างนี้แล้วอย่า
ตกใจนะ




โฮ่ๆฉากที่มันไม่น่าจะมีใน เรื่องลอลลี่ป็อบ แต่ดันโผล่เพราะอันนี้คือภาคสองของเรื่องล็อลลี่ป็อบ
จ้าแต่ฉบับ มังกะนะ แล้วทีนี้มันเกี่ยวกันยังไงเหรอ อย่าพึ่ง คิดเองเออเองนะจ้ะว่า
ชินจิ กับ เจนัสคุงจะมาหาเรื่องกันอีกนะจ้า คือว่าเนื่องในบทที่จะลงอาทิตย์นี้เนี่ยมัน
เป็นเรื่องรักๆแนวโรแมนติก ว้าว เดี้ยนนี่ช่างงดงามอะไรเช่นนี้

เกรม่อน:

การุรุม่อน: เรื่องฉันย่ะไปไกลๆ เข้าเรื่องต่อ พอดีมันไม่มีข้อมูลเจ้าเกรม่อนมันก็เลยไปรวบรวม
การ์ตูนแนวโรแมนติกมาให้ก็ไปเจอะพอดีเลย เอามาฝากกันหน่อยเห็นชอบกันนิ ถือเป็นการสนมนาคุณอย่างหนึ่งละกัน แจก1ตอนไปเลย

 http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1223437373.87848_modotte_mamotte_lollipop_002.rar&mime=application/rar

  เอ่อ............สนุกดีครับ(???) เร้าใจ(????) 
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #39 on: October 11, 2008, 07:22:49 PM »

File xx คำสารภาพ! ภารกิจแห่งหัวใจ! (ชื่อตอนนะนี่)

ความเดิมตอนที่แล้ว: ลอว์เรนซ์ที่ ต้องสู้กับเซน่า ผู้ถือครอง อาเมอร์แอคเตอร์ อาบิส
อย่างยากลำบากทว่าด้วย อาวุธใหม่ที่สามารถเรียก แอริเซอเก้ มังกรแห่งเลมูเรียมาได้
กับการผสานพลังเข้าด้วยกัน ทำให้เอาชนะไปได้ในที่สุด ต่อมา เจนัส และลอว์เรนซ์
ทั้งสองได้ไปถึงที่หมายคือ เสาสูงซึ่งเป็นลิฟต์วงโคจร ที่ใช้ขนส่ง วัตถุต่างๆไปมาระหว่างโลกกับ Colony

ขณะที่กำลังดำเนินภารกิจทำลายลิฟต์วงโคจรอยู่นั้น กองทัพหุ่นยนต์ซึ่งเป็นของ สหพันธ์โลก(องค์กรพิเศษที่ถูกจัดตั้งขึ้นโดยการรวมกลุ่มกันของ อาณาจักรในหลายๆทวีป) ก็ได้เข้าแทรกแซง ทำให้บัดนี้ Freedom Resistant
กลายเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกไปเสียแล้ว พวกเขาจะทำเช่นไร เราไปดูกันเลยดีกว่า

“ นี่คือเสียงจากกองทัพแห่งสหพันธ์โลก ถึงเหล่า ผู้บุกรุก ทุกคนจงหยุดการกระทำทั้งหมดและ
ยอมจำนนแต่โดยดีมิฉะนั้นจะ… ”
เสียงประกาศที่ดังก้องออกมาจาก หุ่นรบรูปร่างแมงมุม Delta-D ดังขึ้นได้ยังไม่ทันขาดคำมันก็ถูก
แสงเลเซอร์สีฟ้า จากฟันเนล ยิงจนระเบิดเป็นจุลไป

“ เจ้าพวกนี้โดนล้อมกรอบขนาดนี้ยังคิดจะสู้อีกเรอะ..ช่วยไม่ได้ส่ง No. C  No.O แล้วก็  No.S ออกไปเลย ”
สิ้นคำของผู้บัญชาการทัพสหพันธ์ ที่กำลังสั่งการอยู่ภายในห้องบังคับการของเรือรบลำยักษ์
เหล่าพลทหารทั้งหมดและบรรดาช่างเทคนิก ต่างก็กระจายกันไปทำหน้าที่

ครู่ต่อมา ฝูงหุ่นยนต์จำนวนนับไม่ถ้วน ก็กรูกันลงมาจากยานรบ ทยอยลงสู่พื้น
มีทั้งหุ่นรบประจัญบานที่หน้าตาเหมือนเสืออย่าง Sigma-S หุ่นยนต์ทิ้งระเบิดรูปไก่เช่น Cocka-C
ไปจนถึงหุ่นยนต์ทำลายตัวเองอย่าง Omicron-O







“ Maximum Hyper Cyclone ”
เสียงก้องแหลมดังขึ้นท่ามกลางเสียงระเบิด ที่ดังโครมครามในสนามรบ หลังพายุพลังงานสีแดงและฟ้า
พุ่งผ่านซากเครื่องจักรและเศษเหล็กไหม้ไฟต่างๆก็ร่วงลงสู่สนามรบ


“ แฮ่กๆๆ..ไม่หมดซะทีนะ ”
เจนัส กล่าวไปหอบไปขณะที่ ลากบอร์ดยนต์ ซึ่งแบกร่างของ ชินจิ เอาไว้มาหลบภายใน
ป้อมเกราะพลังงาน ทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ ที่สร้างขึ้นโดยการใช้ ฟันเนล 8 ตัว ส่วนอีก 4 ตัวที่เหลือ
คอยบินวนคุ้มกัน  รอบเกราะ

“ Mega Slash ”
สิ้นเสียงคลื่นพลังงานไฟฟ้าสีแดงก็พุ่งออกไปเป็นเสี้ยวจันทร์ ผ่าทำลายหุ่นยนต์ไปตัวแล้วตัวเล่า
แต่ทว่าจำนวนก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อยยังคงกรูเข้ามาไม่หยุด ทั้งสองต่างสู้จนหมดแรง
จนหลังชนกันหน้าป้อมเกราะ ที่สร้างขึ้นด้วย ฟันเนล


“ แฮ่กๆๆ..นี่เราต้องมาตายจริงๆรึนี่ ”
ลอว์เรนซ์ เปรยด้วยความเหนื่อยล้า เกราะเต็มไปด้วยเขม่าควัน และมีรอยร้าวในหลายๆจุดจากการ
ที่หลบการโจมตีไม่พ้น มือกำด้ามดาบหลวมด้วยความหมดแรง

“ อย่าพูดบ้าๆน่าทั้งนาย หมอนี่แล้วก็ชั้นพวกเราจะต้องรอดไปได้อยู่แล้ว ”
เจนัส ฝืนเค้นแรงเฮือกสุดท้ายกล่าวออกมาทั้งที่เขารู้ตัวดีว่า ไม่เหลือแรงแม้แต่จะจับดาบอีกแล้ว
และทันทีที่ลำแสงของการโจมตีระลอกถัดมาได้พุ่งเข้าถาโถมพวกเขา

หลังจากที่ควันจางลง ทั้งสองต่างฟุบหมอบอย่างอิดโรย แม้จะยังมีสติอยู่แต่ก็ไม่อาจลุกขึ้นได้
เกราะพลังงานที่คุ้มกัน ร่างของ ชินจิ เอาไว้ได้สลายลงก่อนที่ ฟันเนล ทุกตัวจะร่วงหล่นลงสู่พื้น
ทั้งหมด

“ โธ่ว้อย..นี่เรามาได้แค่นี้เองรึไงกัน ”
เจนัส คิดขณะที่ Sigma-S กำลังจะใช้กรงเล็บ ขยี้หัวของเขา ร่างของมันกลับกระเด็น
ออกไปพร้อมกับการปรากฏตัวของ นักรบแอคเตอร์ ที่ชุดเกราะเหมือน เดรค ร่างก่อน Cast Off
 ทุกประการทว่าร่างกลับเป็นสีดำ แทนที่จะเป็นสีแดง

“ ผู้พิทักษ์แห่งการต่อสู้กลับถอดใจจากการต่อสู้ซะเองใช้ได้ที่ไหนกัน ตราแห่งโลหิตที่นายรับมา
มันแค่ความบังเอิญหรือไง ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของ นักรบแอคเตอร์ รูปร่างของชุดเกราะคล้ายผีเสื้อ
ชูริกะแอคเตอร์ ที่ นีน่า ถือครองอยู่นั่นเอง ซึ่งนี่เป็นร่างที่ Cast Off แล้ว

“ ที่แล้วมานายคอยปกป้องฉันมาตลอด คราวนี้ถึงตาฉันปกป้องนายบ้างล่ะ ”
นีน่า กล่าวจบก็ควบคุมให้กรงจักรกลีบดอกไม้ อันเป็นอาวุธของ ชูริกะ พุ่งเข้าปั่นทำลายหุ่นยนต์และกวาดล้างไปได้อย่างรวดเร็ว ด้าน เดรค สีดำก็กำลังสับสวิตซ์ ที่ข้อมือ เกิดคลื่นไฟฟ้าไหลอาบไปทั่วร่างพร้อมกับที่ตัวเกราะปลดหลวมออก

“ Cast Off ”
เสียงแหลมก้องกังวานดังขึ้นจากตัวเกราะ ก่อนที่จะระเบิดชิ้นส่วนออก

“ Change Dragonfly ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นพร้อมกับร่างภายใต้เกราะที่ระเบิดไปเมื่อครู่ เผยออกมาชุดเกราะสีดำรูปร่างคล้ายมนุษย์มังกร
ดวงตาสีแดงผมสีทองยาว สะบัดพลิ้ว เกราะแขนมีแถบวัดพลังติดตั้งอยู่ทั้งสองข้าง หางเป็นข้อต่อ
ยาวทอดไปสุดปลายเป็นใบมีด ข้อต่อทุกตัวมีใบมีดยื่น แฉลบออกมา และข้อต่อสามารถหมุนได้ทุกส่วนราว
กับสว่าน



“ เอาล่ะช่วยถอยไปหน่อย ”
แฟนธอมเดรค กล่าวจบ นีน่า ก็จัดแจง ขยับร่างของพวกเขามาอยู่ด้านหลัง
แฟนธอมเดรค จึงยกแขนขึ้น กรงเล็บได้หุบลงไปใน เกราะแขนและเปลี่ยนกลายเป็นปากกระบอก
ปืนพลังงานไปทั้งสองข้าง ก่อนที่จะเริ่มสะสมพลังงาน คลื่นไฟฟ้าไหลกระจายไปรวมกันที่ปากกระบอก
ขณะที่แถบวัดพลังงาน ค่อยๆสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อสุดแล้ว

“ Twin Mega Shooting ”
ชุดเกราะส่งเสียงทุ้มแหลมออกมาพร้อมกับที่ คลื่นพลังงาน ที่พุ่งทะลวงฝ่าแนวออกมาจาก ปากกระบอกทั้งสองข้าง
หุ่นยนต์ทั้งหมดที่อยู่ในทิศของลำพลังงานได้สูญสลายเป็นจุลไป ทำเอาพลทหารที่สวม มัลติอาร์เมอร์
พากันถอยออกห่าง  ทว่าพวกเขาทั้งหมดก็ได้อาศัยช่วงที่ เส้นทางปลอดโปร่งวิ่งฝ่าออกมา


โดย นีน่า แบกร่างของ ชินจิ กับบอร์ดยนต์ของ เจนัส ส่วนบอร์ดของลอว์เรนซ์ก็เอามาขี่แทน
ในขณะที่ แฟนธอม เดรค อุ้มร่างของ เจนัส และ ลอว์เรนซ์ ที่ปลดแอคเตอร์ออกแล้วขึ้นขี่บอร์ดของตนแล้ว
พุ่งฝ่าแนวออกไป โดยมีลำแสงโจมตีไล่หลังมาเนืองๆ พวกเขามุ่งหน้าตรงไปยังเนินทรายที่ตอนนี้
ถูกลมพัดจนฝุ่นทรายคละคลุ้งไปทั่ว ก่อนที่ยานรูปร่างคล้ายปลายักษ์มีปีสีขาว จะลอยลำขึ้นมาและเปิดประตูใต้ยาน ให้พวกเขา กระโดดขึ้นไป พร้อมกับปิดลง และลอยลำตรงไปยัง เสายักษ์
 
“ เตรียมยิง Grand Cross เปิดทุกปากกระบอก เล็งทำลายเป้าลิฟต์วงโคจร  ”
สิ้นคำของคางาริ พลทหารทุกนายต่างก็ ทำการสั่งการและปฏิบัติ ปากกระบอกปืนยื่ออกมาจากทุกส่วนของยาน และปากปลาของหัวเรือยาน ก็อ้าขึ้นด้วย และเริ่มสะสมพลังงาน ขณะเดียวกัน เหล่าพลทหารมัลติอาร์เมอร์ ของ กองทัพ
โลก ต่างก็กรูถอยกันออกจากวิถีการยิง ขณะที่เหล่าหุ่นยนต์ยังคงบุกต่อไป อย่างไม่กลัวตาย

“ Grand Cross ยิง! ”
 คางาริ สั่งการจบ พลทหารที่คุมแผงหน้าปัดก็สับสวิตซ์ ลง ลำแสง และ กระสุนระเบิด พุ่งผ่านตรงไปยังเสาลิฟต์วงโคจร โดยเผาผลาญทำลายทุกอย่างที่มันผ่านมา จนสิ้นเสายักษ์ค่อยเอนตัวลง

ขณะเดียวกัน ตู้คอนเทนเนอร์เหล็กที่ขนพัสดุขึ้นไปตามเสานั้น ก็กระเด็นหลุดออกห่างด้วยแรงสะเทือนของเสา ก่อนที่ตู้คอนเทนเนอร์จะร่วงหล่นเสียด สีกับชั้นบรรยากาศและระเบิดไปในที่สุด เสายักษ์ค่อยๆล้มตัวลงสู่พื้นโลก
ความยาวของมันนั้นได้กลายเป็น สะพานเชื่อมทวีปให้ถึงกันได้อย่างไม่ยาก แนวเสาล้มทับจมลงไปในทะเล ก่อนที่หัวเสาจะค้ำไปยังเทือกเขาที่ไกลออกไป ทุกอย่างตกอยู่ในความวุ่นวาย โดยที่ยาน Angle Wing ได้หายตัวไปในขณะนั้นเอง

.............
..............
...............

ณ อู่เรือร้างใกล้สะพานท่าของเขตฟูดินัน ซึ่งไม่ไกลนัก เมืองมิราบิลิส ได้ตั้งอยู่
เวลาได้ร่วงเลยมา 2 วันแล้วหลังจาก ที่เสาลิฟต์วงโคจรถูกทำลายลง ข่าวเรื่องการโจมตีของพวกเขา เป็นที่กล่าวถึงกันไปทั่ว และกลายเป็นว่าพวกเขาคือผู้ก่อการร้ายในทันที

“ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อมูลว่า พวกเขาเหล่านั้นเป็นใครมาจากไหนและต้องการอะไร ซึ่งแม้จะไม่มีผู้เสียชีวิตจากการก่อการร้ายครั้งนี้ ทว่าความเสียหายด้าน การคมนาคม และการขนส่ง ก็ยังคงทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น จากคำให้การของบริษัท Bell Cross ที่ได้ทำการเช่าเส้นทางการสัญจรทั้ง หมดของลิฟต์วงโคจรเป็นเหตุให้ไม่มีผู้เคราะห์ร้ายเกิดขึ้น ทว่า
พัสดุของทางบริษัทที่ขนขึ้นไปก็ต้องเสียหายไปด้วย แต่กลับไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายจากทางบริษัทแต่อย่างใด..”

เสียงของผู้ประกาศข่าวดับไปพร้อมกับภาพเหตุการณ์ต่างในวันก่อจลาจลซึ่งขึ้นหลาอยู่บนจอรับภาพ ถูกปิดไป

“ ที่ไม่เรียกร้องก็เพราะในตู้นั่นมันไม่มีอะไรอยู่ตั้งแต่แรก แล้วน่ะสิ แบบนี้ที่ทำไปก็สูญเปล่ากันหมดแถมยังเข้าแผนพวกมันอีกตอนนี้พวกเราเลยกลายเป็น ผู้ก่อการร้ายระดับโลกไปแทนส่วนพวกนั้นก็กลายเป็น ฮีโร่ ผู้กอบกู้ไปเลย ”
เทีย บ่นอย่างไปพอใจ ขณะที่ปล่อยนิ้วออกจากสวิตซ์จอภาพ ซึ่งติดกับผนังห้องนั่งเล่นรวมในยาน

“ ก็ไม่ได้สูญเปล่าซะทีเดียวหรอกนะ เพราะอย่างน้อยๆครึ่งนึงของภารกิจก็สำเร็จไปด้วยดี แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือพวกเขาจะรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้หรือ เปล่าเท่านั้นเอง ”
ฟอนกล่าว ขณะที่เดินไปเปิดจอรับภาพขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับโยนกระป๋องเครื่องดื่ม ให้ เทีย

“ เจออย่างนั้นเข้าไปเป็นใครก็ช็อกกันทั้งนั้นล่ะ ..ถูกคนที่คิดว่าเป็นศัตรูช่วยเอาไว้
ไม่พอยังจะถูกตัดหางปล่อยวัดมาอีก ”
เทีย กล่าวพลางเปิดกระป๋องเครื่องดื่ม ก่อนจะดื่มเข้าไปอึกใหญ่ขณะที่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

คืนก่อนนั้น เอง
ณ ห้องพยาบาลของยาน

“ จากคำให้การของ เซน่า คัสท์ นักรบของบริษัท Bell Cross ได้ให้การว่า กลุ่ม
ผู้ก่อการสังหารเพื่อร่วมรบ ชินจิ ยามาโตะ จนถึงแก่ชีวิต จากการสำรวจพื้นที่พบเพียงซากชิ้นส่วน
ของเกราะแอคเตอร์ เท่านั้นที่ตกอยู่บนหาดทราย... ”
เสียงของผู้กาศข่าวและภาพบนจอ ดับวูบลงไป ก่อนที่ลอว์เรนซ์ จะปล่อยมือจากสวิตซ์เปิดปิดของจอติดผนัง
ข้างเตียงที่ ชินจิ นอนพักรักษาตัวอยู่

“ ดูเหมือนว่าทางนั้นไม่คิดจะตามหาเลยด้วยซ้ำไปยอมรับซะเถอะ..นายหมดประโยชน์แล้วสำหรับพวกเขา
เพราะ อาร์เมอร์แอคเตอร์ นั่นก็แค่ข้อมูล วิจัยการสร้าง กระดิ่งเสียง5 เท่านั้นเองป่านนี้ แอคเตอร์ พวกนั้นคง
ส่งไปถึง  Colony Felasia แล้วล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่หันกลับมามอง ชินจิ  และ ลูน่า ซึ่งกำลังเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ โดยมี โคโลน่า ลูกเรือของยาน
คอยช่วยอยู่ข้างๆ ขณะที่ ชินจิ ยังคงส่งสายตาอาฆาตไม่หยุดไปที่ เจนัส ซึ่งมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ความไม่สบอารมณ์ของทั้งคู่แทบจะทำให้ทั้งห้อง เต็มไปด้วยบรรยากาศอึดอัด

“ ทำไมนายถึงไม่ฆ่าชั้นซะเลย ถึงช่วยมาชั้นก็ไม่มีวันยกโทษเรื่องที่นายฆ่า สเตร่า ได้หรอก ”
ชินจิ กล่าวก่อนที่จะชะงักไปเพราะ ถูก เจนัส ซัดเข้าไปเต็มๆจนล้มลง

“ จะแค้นจะเคืองก็เชิญแต่ขืนนายพูดแบบนั้นอีกชั้นจะซัดให้เลือด กลบปากซะ คิดว่าชีวิตตัวเองเป็นเศษกระดาษหรือไงถึงได้เผาทิ้งเป็นว่าเล่น ยอมทิ้งชีวิตของตัวเองแล้วกลายเป็นโคออดิเนเตอร์ เพื่อแก้แค้นน่ะ ”
เจนัส สบถอย่างหัวเสีย

“ อย่างนายไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของชั้นหรอก ”
ชินจิ กล่าวขณธที่เอามืปาดคราบน้ำลายที่ เล็ดออกมาตอนถูกชก

“..ความรู้สึกของนายชั้นไม่เข้าใจหรอก...แต่คิดบ้างไหมว่าถ้า สเตร่า มาเห็นแบบนี้แล้วเค้าจะรู้สึกยังไง ”
เจนัส กล่าวจบก็เดินกระทืบเท้าโครมๆ ออกไปทิ้งให้ ชินจิ ต้องพะวงกับคำพูดของเขา

“ ไม่เคยเห็นเค้าหัวเสียขนาดนี้มาก่อนเลยนะว่าไหม ”
ริคุ หันไปถามนีน่า ซึ่งเธอก็พยักหน้ารับแต่สายตายังคงเหม่อลอยราวกับคิดอะไรอยู่ในใจ

“ มีอะไรรึเปล่าน่ะวันนี้เห็นเงียบจังเลย ”
ริคุ กล่าวหลังจากที่เธอยังคงเงียบอยู่ เสียงของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนที่ จะปฏิเสธว่าไม่มีอะไร

“ นายรู้ไหม ชินจิ ว่าเป้าหมายโดยตรงของภารกิจนั้นน่ะ ไม่ใช่การทำลายพัสดุของ องค์กรแต่อยู่ที่
การช่วยตัวนายมาต่างหากเพราะถ้าขืนยังปล่อยไว้ นายคงถูกกำจัดทิ้งไปแล้วในฐานะที่อาจเป็นตัวขัดขวางแผนการขององค์กร เพราะงั้นแล้วทำไมเจนัส ถึงยังรับอาสา ภารกิจนี้มาอีก ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น ชินจิ ที่ได้ฟังก็รู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามออกมา เพราะยังคงไม่ไว้ใจพวกเขา
แต่จากสีหน้าที่แสดงออกของเขาก็พอจะทำให้ ลอว์เรนซ์ เดาได้

“ ที่จริงพวกเราคิดว่านายที่ยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อแก้แค้นน่ะคงปล่อยเอาไว้ไม่ได้ พวกเรายังคิดเลยว่านายคงถูกองค์กร ปั่นหัวจนไม่มีทางยอมกลับมาแน่ แต่ก็ยังมีคนที่อาสาจะช่วยนายกลับมานั่นก็คือ เจนัส ยังไงล่ะ..ถ้าถามว่าทำไมก็คงเพราะเค้าเชื่อล่ะมั้ง..เชื่อว่ายังไงซะนายก็ยังไม่ได้ขายหัวใจให้กับองค์กร ชั้นเองก็พูดไม่เก่งหรอกนะแต่หมอนั่นน่ะ จะไม่ทิ้งเพื่อนอย่างแน่นอน ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวด้วยสีหน้าที่มั่นใจเต็มเปี่ยม ทำให้ชินจิ เริ่มจะเชื่อ

“ นายกับหมอนั่นคงสนิทกันตั้งแต่แรกเจอเลยสิท่า ”
ชินจิ เดา ทว่าลอว์เรนซ์ กลับส่ายหัวก่อนจะปฏิเสธไปว่า

“ ไม่หรอกที่จริงตอนแรกที่เจอกันพวกเราแทบจะฆ่ากันให้ตายซะด้วยซ้ำไป..แต่สุดท้ายก็อย่างที่เห็นนี่ล่ะเพื่อนน่ะยิ่งทะเลาะกันก็ยิ่งสนิทว่าไหม เชื่อชั้นเถอะนายน่ะเลิกยึดติดกับอดีตแล้วก็มอง ไปรอบๆซะบ้างนะเพราะมีคนที่คอยเป็นห่วงเป็นใยนายยิ่งกว่าใครอยู่ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวก่อนจะ ขยิบตาเป็นสัญญาณให้ กับ ลูน่า ที่กำลังพันผ้าพันแผลให้ ชินจิ อยู่ทำให้ทั้งสองหันมาอุทานด้วยความฉงน ทว่าลอว์เรนซ์ กับทุกคนก็ พากันเดินออกจากห้องไปหมดแล้ว ทิ้งให้ ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง

“ พูดได้ดีนะ ลอว์เรนซ์ ไปจำมาจากไหนล่ะสิใช่มะ ”
ลากูน่า กล่าวเหน็บหลังจากที่พวกเขาออกมาจากห้องพยาบาล

“ ดูเหมือนว่ากว่าจะออกยานได้คงอีก2วันน่ะ เพราะพลังงานของยานถูกใช้ไปกับการโจมตีแล้ว
ไม่พอจะบินขึ้นวงโคจรได้หรอก  ”
คางาริ กล่าวกับฟอนขณะที่เดินตรงเข้ามาหาพวกเขา

“ อืมจากที่ดูแล้วการที่ กองทัพโลกเข้ามาแทรกแซงด้วยกำลังรบขนาดนั้นแสดงว่า ต้องรู้อยู่ก่อนแล้วว่าเราจะโจมตียิ่งตอกย้ำได้เลยว่าองค์กรได้ร่วมมือกับ สหพันธ์โลก   ”
ฟอน กล่าวขณะที่พิเคราะห์ สถานการณ์จากเอกสาร รายงานล่าสุดที่ได้รับมา

“ อ้อพอดีเลยฉันจะมาแจ้งกำหนดการออกยานคงจะล่าช้าไปอีกสัก 2 วันน่ะ เพราะฉะนั้นวันพรุ่งนี้
อนุญาตให้เข้าไปในเมืองได้ แต่ระวังตัวด้วยล่ะ ”
คำพูดของ คางาริ และบทสนทนาเมื่อคืนนั้นยังคงก้องอยู่ในหัวของ เทีย ซึ่งที่จริงวันนี้เธอควรจะได้
ออกไปที่เมือง ทว่ากลับต้องมาช่วย เคลียร์เอกสารกับพี่ชายของเธอ

“ พี่คะ..ตกลงจะบอก ได้รึยังคะว่าทำไมถึงได้หายไปแถมยังไม่ยอมส่งข่าวมาบอกกันบ้างอีก ”
เทีย ถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นครั้นเมื่อ ฟอนจะปฏิเสธ ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นสีหน้าข่มขู่ของเธอ

“ ด..ได้จ้า พี่จะบอกจ้าแต่เลิกขู่พี่ซะที ”
ฟอน กล่าวเสียงสั่นขณะที่หน้ายักษ์ของน้องสาวใกล้เขามา
........
..............
...................

ณ ดาดฟ้าเรือของยาน

“ หา..จะให้ชั้นไปเที่ยวเป็นเพื่อนงั้นเหรอ ”
เจนัส อุทานหลังจากที่ฟังคำขอร้องของ นีน่า ที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว

“ อ..เอ่อคือไม่สะดวกเหรอ ”
นีน่า กล่าวเสียงสั่นๆ ขณะที่ในใจลุ้นกับคำตอบของเขาอย่างที่สุด

“ ได้สิ..ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ”
เจนัส ตอบกลับมาคำพูดของเขาทำให้เธอแทบจะกระโดดตัวลอย แต่ก็เก็บอาการเอาไว้

“ ง..งั้นอีก 10 นาทีเจอกันที่หน้าประตูยานนะ ”
นีน่า กล่าว

....
....................
.........................

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #40 on: October 11, 2008, 07:23:10 PM »

ครู่ต่อมา ณ เขตการปกครองที่ 10 ของฟูดินัน ซึ่งปัจจุบันได้กลายสภาพจากหมู่บ้านล้าหลังกลายเป็น ย่านการค้า
และสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองหลวงไปแล้ว ซึ่งเป็นอิทธิพลจากการพัฒนา ของโลกที่เป็นไปอย่างรวดเร็วทว่าก็ยังคง ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติในบางพื้นที่ ดังนั้นแล้วพื้นที่ส่วนใหญ่จึงเป็นสวนสาธารณะ เป็นหย่อมๆไปด้วย
สภาพเมืองจึงมีความร่มรื่นย์และสวยงาม อย่างลงตัว

“ โคโลน่า ถึงยาน..ทราบแล้วเปลี่ยน ”
ลูกเรือของยาน โคโลน่า และ ลิลลี่ ช่างเทคนิคสาวของยาน ทั้งสองกำลังสะกด รอยตาม เจนัส กับ นีน่า ที่เดินควงแขนกันไปตามท้องถนน ซึ่งพลุกพล่านไปด้วยผู้คนในเมือง


“ นี่ห้องบังคับการรับแล้วเปลี่ยนคอยตามเป้าหมายต่อไป เรื่อยๆอย่าให้คลาดสายตา ”
คางาริ ตอบกลับมาโดยที่ภาพของทั้งสอง ที่ติดต่อเข้ามานั้นขึ้นหลาอยู่บนจอภาพ ของยานโดยที่
พวก ลอว์เรนซ์ นั้นนั่งดูด้วยความฉงนกับการกระทำของพวกเขา

“ เอ่อ..คือนี่เรามาทำอะไรกันเหรอ ”
ลากูน่า เปรยขึ้นด้วยความฉงน

“ เอาล่ะภารกิจรักรื่นชื่นบาน เริ่ม ”
ฟอน กล่าวด้วยน้ำเสียงลิงโลด ขณะที่พลทหารทั้งห้องบังคับการ รับคำอย่างแข็งขัน ท่ามกลางความฉงนของ พวกลอว์เรนซ์

“ เอ่อพี่คะไม่จัดการงานเอกสารแล้วหรือคะ ”
เทีย ที่ถามไถ่ ถึงงานที่เข้าไปเคลียร์ กันเมื่อครู่ทว่าพี่ชายของเธอก็ดูจะสนใจอยู่ที่ภารกิจ ไร้สาระนี่ซะมากกว่า

“ จะดีเร้อ มาแอบสังเกตการณ์พวกเขาแบบนี้น่ะ..ที่จริงน่าจะปล่อย พวกเขาไปกันตามลำพังนะทำแบบนี้เหมือนกับพวกแอบจิตกันทั้งยานเลยนา ”
ริคุ ที่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายกับกริยาของทุกคน

“ เอาล่ะ เริ่ม First Page ได้ ”
ฟอน กล่าวเสียงใส ขณะที่พลทหารรวมถึง สายทั้งสองที่ออกสะกดรอยตาม ต่างรับคำอย่างแข็งขัน

“ มี First Page ด้วยเรอะ..นี่เอาจริงง่ะ  ”
เสียงของ พวกลอว์เรนซ์ ที่ไม่อยากเชื่อดังขึ้นพร้อมกัน
............
...............
....................

ท่ามกลางถนน ที่ผู้คนเดินผ่านกันพลุกพล่าน ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นคู่หนุ่มสาว กันเสียส่วนมาก

“ ว้าว..สวีทกันน่าดูเลยนะทั้งสองคนน่ะ ”
โคโลน่า ที่สะกดรอยตามพวกเขามา กล่าวขึ้นขณะที่ ลิลลี่ กำลังต่ออุปกรณ์เพื่อถ่ายทอดภาพกลับไป

ขณะเดียวกันที่ยาน....

“ คู่นี้ดูสมกันยังกับเป็นกิ่งทองใบหยกเลยนะว่าไหม ”
คางาริ กล่าวเหน็บขึ้นมาทำให้ทั้งห้องบังคับการเต็มไปด้วยเสียงครื้นเครง

“ ว่าแต่แค่สะกดรอยตามทำไมถึงต้องมี Page Continue ด้วยล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ ถามขึ้นด้วยความอยากรู้

“ รายงานค่ะ แลนทิส ปรากฏตัวขึ้นแล้วค่ะ ”
รายงานจากพวกโคโลน่าส่งกลับมา ทำให้ทั้งห้องบังคับการตกอยู่ในภาวะตึงเครียด

“ เอาล่ะเริ่ม Second Page ได้ มัลติอาร์เมอร์ ออกปฏิบัติการส่วนพวก ลอว์เรนซ์ อยู่คุ้มกันที่นี่ เพราะภาพของเดรคน่ะ ถูกแพร่ไปแล้วขืนออกไปมีหวังเป็นเรื่องแน่ ”
คางาริ กล่าวพร้อมกับอธิบายความหมายของภารกิจนี้

“ นี่หรือว่าภารกิจนี้พวกเราจะต้องปกป้อง 2 คนนั้นจาก แลนทิส งั้นเหรอ ”
ลอว์เรนซ์ อุทานด้วยความตกตะลึงกับภารกิจในครั้งนี้

“ แล้วทำไมพวกแลนทิส ถึงได้มาตามล่าสองคนนั้นล่ะ ”
ริคุ ถามด้วยความอยากรู้ ถึงสาเหตุ

“ คิดว่าพวก Bell Cross คงจะรู้ว่าเรายังอยู่บนโลก ก็เลยส่งพวก แลนทิส ให้ออกมาตามล่าโดยอาศัยการจับคลื่นพลังของแอคเตอร์น่ะ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามผู้คนในเมืองที่น่าจะมีคราบพลังงานแอคเตอร์ ซึ่งไหลมากับอากาศอาจจะทำให้
คนที่ไม่รู้เรื่องเข้าไปเกี่ยวพันด้วย เราถึงต้องใช้ 2คนนั่นเป็นตัวล่อแต่ถึงอย่างนั้นก็จะไม่ให้รบกวนทั้งสองคนได้หรอก..เพราะสวัสดิภาพของลูกเรือก็ถือเป็นสำคัญนะ ”

คางาริ อธิบายขณะที่ ตอนนี้ประตูยานได้เปิดออกแล้ว พลทหารทั้งหญิง ชาย อย่างละ 5 คน
ต่างประจำที่ ณ จุดสวมประกอบชุดเกราะ ทันทีที่ทุกคนประจำตำแหน่ง
แขนกลและเครื่องมือกล ต่างก็ได้นำเอาชิ้นส่วนเกราะมาประกอบกับร่างของ ทหารจนครบทุกชิ้น
ชุดเกราะมีลักษณะแบบมนุษย์ มากกว่าแบบ Groove Alpha-1 ที่ทาง Bell Cross และ กองทัพโลกใช้กัน
อาวุธประจำตัวของ มัลติอาร์เมอร์ที่พวกเขาสวมนั้น มีขวานลำแสงและปืนลำแสง อย่างละชิ้น

“ เพื่อการซ่อนตัวของยานจะไม่มีการเดินระบบ Catapult ขอให้ทุกนายใช้ Ignite Board ในการออกตัว ”
สิ้นเสียงประกาศ เหล่านักรบหุ้มเกราะทุกนายก็คว้า บอร์ดยนต์ ที่แขนกลยื่นมาให้ในตอนที่ประกอบชิ้นส่วนเกราะ
ก่อนที่ทุกนายจะพากัน ทะยานออกจากยาน พุ่งลัดเลาะไปตามป่าเพื่อเข้าสู่เมือง

.............
................
....................

ณ สี่แยกย่านการค้า

ถนนที่แยกออกเป็นสี่สายบรรจบกัน ยวดยานพาหนะทั้งหลายต่างวิ่งสวนกันไปมา บนทางเดินเท้า
ก็เต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวั่กไขว่ ทั้งสองข้างทาง 4 สายถนน

“ ว้ายย..ท..ท..ทำไงดีล่ะตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว ”
นีน่า คิดใจเธอตอนนี้ว้าวุ่นและระสับระส่ายไปหมด ด้วยความเขินอายบวกกับความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่า
เธอรู้สึกตื่นเต้นหรืออยากหัวเราะกันแน่ เพราะว่าชุดที่เธอและเจนัสใส่นั้น แทบจะเรียกได้ว่าเข้าคู่กันเป็นพิเศษ

เมื่อเสื้อเชิ้ตของเธอเป็นสีเขียวตัดลายขาว เสื้อยืดของ เจนัส ก็เป็นสีเขียวตัดลายขาว และกระโปรงที่เธอสวมเป็นสีดำ
เจนัส ก็สวมกางเกงขายาวสีดำเช่นกัน สีเสื้อผ้าของทั้งสองช่างบังเอิญตรงกันเสียนี่ราวกับว่าใจของทั้งคู่ตรงกัน 

“ ว้ายดูสิๆ ขนาดเสื้อผ้ายังใส่สีเดียวกันอะไรจะใจตรงกันปานฟ้าลิขิตขนาดนี้ ”
โคโลน่า เปรยด้วยความน้ำเสียงตื่นเต้น ขณะที่ ลิลลี่ ยังคงวุ่นอยู่กับการแจงสถานที่
 การปฏิบัติภารกิจไปยังห้องบังคับการณ์เรื่อยๆ ไม่ไกลจาก พวกเขานัก

แลนทิส สายพันธุ์กราเวลรา ได้ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝูงชน จนเกิดความกลลาหลไปทั่ว ทว่า เหล่ามัลติอาร์เมอร์ ของ
ยาน ซึ่งเป็นรุ่น FlashBeta-2 ก็ได้เข้าทำการต่อกร และทำลาย มันได้ในเวลาไม่นานก่อน จะแยกย้ายกันไปประจำการ ณ จุดเกิดเหตุถัดไป



โดยพยายามกันแลนทิส ทั้งหมดให้ห่างจากรัศมีที่ เจนัส และนีน่า อยู่เพื่อไม่ให้ทั้งสองคนต้องมาพัวพันจนการ เดท
ต้องหยุดชะงัก ขณะเดียวกันทันทีที่ แลนทิส ระดับสอง ปรากฏตัว ริคุ กับ ลากูน่า ก็ออกปฏิบัติการด้วยในไม่ช้า
.........
...............
ตอนนี้ทั้งคู่ยืนอยู่หน้าร้านขายตุ๊กตาแผงลอย โดยที่ โคโลน่าและ ลิลลี่
ยังคงติดตมทั้งสองมาอย่างเงียบๆ


“ นี่ดูสิ เจนัส เจ้าเนี่ยน่ารักมากเลยว่าไหม ”
นีน่า กล่าวพร้อมกับยื่นตุ๊กตารูปซาลามันเดอร์ตัวเล็ก(Salamunderry Doll) ให้เจนัส ดู



“ อืม..น่ารักสิ ”
เจนัส ตอบกลับด้วยรอยยิ้มโดยที่ในใจรู้สึกโล่งอก ที่นีน่า ยังคงสดใสร่าเริงได้แม้ว่า
เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาทั้งสองคนต้องกลายเป็นศัตรูกัน ซึ่งตัวเขาเองเป็นกังวล
กับเรื่องนี้มากทว่าเมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเธอเขาจึง ไม่ติดใจใดๆกับเรื่องนั้นอีกเลย

ณ ห้องบังคับการ

“ ว่าแต่ทำไมจู่ๆคนอย่าง นีน่า ถึงได้คิดชวน เจนัส ไปเดทได้ล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ ยิงคำถามใส่ ฟอน และ คางาริ ที่กำลังสนอกสนใจกับทีท่าของ พวกเจนัส

“ อ๋อเมื่อคืน นีน่า เขามาขอคำปรึกษาน่ะ ”
ฟอน ตอบก่อนที่ คางาริ จะอธิบายต่อ

“ คืออย่างนี้..นีน่า เธอกังวลกับการที่สู้หน้า เจนัส อย่างที่รู้กันพวกเธอน่ะแตกคอกันเองก่อนจะมารวมกัน
ที่ยานใช่ไหมล่ะทีนนี้ก็เลยแนะนำให้ ทั้งสองคนไปเที่ยวด้วยกันเพื่อสานความสัมพันธ์..แถมไม่แน่นะงานนี้อาจจะ
ไม่ใช่แค่คลายกังวลแต่อาจสารภาพความในใจกันออกมาเลยก็ได้นะ ”
คางาริ อธิบายอย่างสบายอารมณ์

“ ไม่มีทางหรอกเพราะ เจนัส น่ะพยายามจะสารภาพความในใจมาไม่รู้กี่หนแล้วแต่ไม่เคยพูดออกไปได้ซะที
แล้วยังมีเรื่องตอนนี้อีก สองคนนั่นคงได้แค่คืนดีกันเท่านั้นล่ะถ้าอีกฝ่ายไม่พูดมาเองก็คงไม่มีทางหรอก ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายขณะที่ระลึก ความหลังที่ เจนัส พยายามจะสารภาพรักกับ นีน่า มาหลายหน แต่ก็ไม่สำเร็จ

“ ก็ไม่แน่นะเพราะดูเหมือนว่า นีน่า เองก็มีใจให้เค้าอยู่เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าที่น่าห่วง
กว่าตอนนี้ก็คือพวกแลนทิสที่ออกมานี่สิ ตอนแรกยังมีแค่ระดับ 1 แต่ตอนนี้ระดับ2ออกมาแล้วพวก ริคุ ก็เลยต้องออกไปรับมือ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ ระดับ3 ออกมาคงต้องให้ทุกคนถอนตัวแล้วกลับยานเพื่อความปลอดภัย ถึงตอนนั้นก็คงต้องให้ทั้งสองคนเลิกกันกลางคันด้วย ”
คางาริ กล่าวเสียงหงอยทันที เมื่อประเมินสถานการณ์ ออกมา

“ ไม่ต้องห่วงครับถ้าระดับสามออกมา เมื่อไหร่ถึงตอนนั้นผมจะจัดการเองต่อให้ต้องแลก ด้วยชีวิตผมจะไม่ยอมให้อะไรมาแทรกกลางพวกเขาเด็ดขาด..แล้วก็ถ้าหยุดเวลาเอาไว้คิดว่าไม่น่าจะมีใครเห็นหรอกครับ ”
ลอว์เรนซ์กล่าว ประโยคแรกด้วยน้ำเสียง หนักแน่นก่อนจะเปลี่ยนน้ำเสียงกล่าวในประโยคถัดมา
คำพูดของเขาทำให้ ทุกคนในห้องถึงกับนิ่งไปชั่วขณะราวกับว่าถูกจิตอันแรงกล้าของ ลอว์เรนซ์ หน่วงรัดเอาไว้

“ งั้นก็แค่ภาวนาขออย่าให้มีอะไรเกิดขึ้นก็พอสิแล้วนะทีนี้จะ ได้เบาใจซักที ”
คางาริ กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่ทุกคนกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ

.........
.........
............

ณ ร้านขายเสื้อในห้างสรรพสินค้า ชั้นที่1

“ ช..ชุดนี้เป็นยังไงบ้างล่ะ ”
นีน่า กล่าวเสียงสั่นด้วยความไม่มั่นใจ ขณะที่ให้ เจนัส ดูชุดที่เธอลองใส่ ซึ่งเป็นชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว
กับกระโปรงสั้นสีดำ

“ ก็เหมาะกับเธอดีนี่ ”
เจนัส กล่าว คำพูดของเขาถึงกับทำให้ เธอแทบเข่าทรุด ด้วยความปิติเสียจนราวกับร่างไม่เหลือแรงจะพยุงตัว
ก่อนที่ครู่ต่อมาเธอจะเปลี่ยนไปอีกชุดและ ลองผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยจนมาถึงชุดสุดท้าย ซึ่งเป็นชุดเจ้าสาวสีขาว
นีน่า ที่อยู่ในชุดนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของเธอดูเปลี่ยนไป ดูสวยสง่าราวกับเจ้าหญิงเลยทีเดียว

ทำเอาผู้คนที่เดินผ่านร้านนั้นอดที่ มองมาไม่ได้ แน่ล่ะพ่อหนุ่ม เจนัส ของเราก็จ้องตาค้างด้วยความตะลึง ไม่เว้นแม้แต่ สองสาวที่สะกดรอยตามมายังอดที่จะตะลึงไม่ได้ ทว่าก็ไม่มีเวลาที่จะให้ทั้งสองสาว ได้สนทนา เพราะพนักงานร้านกำลังจะกลายร่างเป็น แลนทิส สายพันธุ์ โปรวิเด็นเซอร์ ที่มีรูปร่างคล้ายเสือและผิวเป็นหิน

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ พนกงานร้านถูกโฉบหายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ ห่างออกไปจากร้านจนถึงหน้าประตูทางเข้า ห้าง
เวลาของการ Time Walk ได้หมดลงก่อนที่ เจ้าแลนทิส จะถูกขวานของ มัลติอาร์เมอร์ แฟลช จามเข้าพร้อมๆกัน 10 ด้าม และถูกใบมีดของ ไนเซอร์แอคเตอร์ ตัดจนขาดท่อนและระเบิดสลายไปในที่สุด

“ Sub-Mission Clear ”
ริคุ ติดต่อผ่านทางหน้ากากของ ไนเซอร์ กลับไปยังห้องบังคับการ ก่อนที่จะออกนำกองกำลังไปยังจุดถัดไปที่
แลนทิสปรากฏตัว

........
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #41 on: October 11, 2008, 07:23:29 PM »

ทางด้านของ เจนัส และ นีน่า

หลังจากที่เวลากการ Time Walk หมดลง

“ อ..เอ่อคือว่ามันคงไม่ค่อยเข้ากับฉันเลยนะว่าไหม ”
นีน่า กล่าวเก้ๆกังด้วยความเขินอาย ทว่าเจนัส ก็ส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะกล่าว

“ ไม่เลย..ดูเหมาะกับเธอดีนี่ ”
เจนัส กล่าวชมตามที่เห็น

“ จริงเหรอ ”
นีน่า ตอบกลับด้วยความดีใจ ก่อนจะรู้ตัวว่าแสดงออกมากไปเธอจึงอายม้วนต้วน ยิ่งกว่าเดิม
ทำให้ เจนัส อดที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ เลยพลอยชวนให้เธอ ขบขันตามไปด้วย
ก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมาอย่างสุขสัน



“ เฮ้อจะไปได้สวยจนจบไหมเนี่ย ”
โคโลน่า ถอนหายใจก่อนจะกล่าวด้วยความโล่งอก ที่ ริคุ มาลาก แลนทิส ออกไปกจากทั้งสองคนได้ทั้น
เวลาพอดี หลังจากนั้น เจนัสและนีน่า ก็เดินออกจากร้านไป สองสาวจึงได้สะกดรอยตามต่ออย่างไม่ลดละ

ชั้น 2 เกมส์เซ็นเตอร์(game Center)

ชั้นนี้ส่วนมากจะเต็มไปด้วยเด็กๆจนถึงวัยรุ่น ที่มาพักผ่อนกันในช่วงวันหยุด
ซึ่งจะเห็นกลุ่มเด็กๆ นั่งจอแจกันอยู่หน้าตู้เกมส์ หรือซุ้มเกมส์ชิงรางวัลต่างๆ
อีกทั้งยังเกมส์ อีกรูปแบบที่เป็นเกมส์เสมือนจริง โดยจะให้ผู้เล่นนั่งลงบนเก้าอี้ ซึ่งอุปกรณ์

ต่างๆติดอยู่ โดยฝาครอบหมวก จะเลื่อนลงมาครอบหัวของผู้เล่นเพื่อจำลองให้ผู้เล่นเสมือนเข้าไปใน
โลกของเกมส์ และสายคาดที่พนักเก้าอี้จะตรึงแขน และขาเอาไว้ พร้อมทั้งมีสายเชื่อกับสายคาด
เพื่อใช้สั่งการผ่านเข้าไปยังตัวเครื่องซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างมาก ในยุคนี้

ขณะที่ เจนัส กับ นีน่า กำลังเดินดูไปรอบๆนั้น
ก็มีเสียงเฮดังมาเนืองๆจากกลุ่ม เด็กที่รุมล้อมอยู่รอบ เครื่องเล่นเสมือนจริง ที่กลางระหว่าง
เก้าอี้ของผู้เล่นทั้งสี่ ตั้งอยู่ จะมีโต๊ะ ที่ฉายภาพของเกมส์ขึ้น ซึ่งภาพนั้นเป็นการต่อสู่ของ

นักรบ มัลติอาร์เมอร์ ซึ่งมีสนามรบอยู่บนอวกาศ นอกจากการสู้รบกันเองของผู้เล่นทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายละสองคนยังมี ศัตรูตัวอื่นภายในเกมส์ ทยอยเข้ามาโจมตีอีกด้วย

การเล่นดำเนินไปซักครู่จนเมื่อรู้ผลคู่ที่แพ้ก็เดินออกไปจาก เก้าอี้พร้อมกับเสียงเฮ ที่ดังก้อง
ดูเหมือนว่าคู่เด็กหนุ่มที่ชนะจะ เป็นเจ้าถิ่นของเกมส์นี้เลยกระมัง ทว่าจู่บนโต๊ะก็มี ตัวละครรูปร่าง
เหมือนตัวตลก ฉายขึ้นมาเต้นระบำอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะประกาศก้องขึ้น

“ และแล้ว แชมป์ของวันนี้ก็ยังคงเป็นของทีมซันวอล (Sun Wall) อยู่เช่นเคยว่าไง
มีใครจะท้าสู้ไหมคร้าบบ ”
เจ้าตัวตลกกล่าวสารท้า พร้อมกับรัวกลอง ที่พึ่งจะเสกขึ้นมาเสียดังสนั่น โดยที่ ทีมของเด็กที่ชนะนั้น
นั่งคอยด้วยท่าทีเบื่อหน่ายจากการที่พวกเขา เล่นชนะมาตลอด ก่อนจะต้องหยุดสนใจ เมื่อ เจนัส และนีน่า
เข้ามานั่งที่เก้าอี้ฝ่ายผู้ท้าชิง ก่อนที่เก้าอี้จะสวมอุปกรณ์ทั้งหมดให้โดย อัตโนมัติ

“ โอ้..มาแล้วคร้าบผู้ท้าชิงถ้างั้นสนามรบเอาเป็น ทุ่งหญ้าเมืองเอรีม ในเขตฟีเลเซีย นะคร้าบ พร้อมแล้ว
Multi Armor Fighting Ready Start!! ”
เจ้าตัวตลก ประกาศก้องก่อนจะแวบหายไปและภาพ สนามรบที่ทุ่งหญ้าเมือง เอรีม ได้ฉายปรากฏ
ขึ้นโต๊ะตรงกลางพวกเขา ก่อนที่จะมีนักรบ มัลติอาร์เมอร์ จำนวนนับสิบถูกจัดวางลงมาในสนาม
โดยจะให้ผู้เล่นแต่ละคนจัดวางกองกำลังได้ คนละ 5  ตัวหลังจากที่จัดเสร็จก็จะปรากฏ

หน้าต่างสำหรับเลือกตัวละคร ซึ่งเป็น แอคเตอร์ รุ่นต่างๆหรือ มัลติอาร์เมอร์ให้ผู้เล่นเลือกซึ่งโดยรวม
นั้นมีแบบฐานมาจาก แอคเตอร์จริงๆที่ออกข่าวบ่อยๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมี ชูริกะ กับเนลฟา ให้เลือกไปจนถึง เดรค
ซึ่งเป็นแบบที่ Cast Off หมดแล้วทั้งสิ้นไม่มี Protect Form
แน่นอนว่า ทั้งสองจะต้องเลือกแอคเตอร์ที่ตัวเองใช้มา ส่วนทีม ซันวอล
นั้นเลือก เดรค และ ไนเซอร์(แอคเตอร์ของ ริคุ เผื่อบางคนลืม)

หลังจากที่เลือกเป็นที่เรียบร้อย เกมส์ก็เริ่มขึ้น เจนัส และ นีน่า ที่เคยมีประสบการณ์รบจริงที่ทุ่งหญ้าเอรีม เมื่อครั้ง
สงครามกับอวตารแห่งพระเจ้า มาผนวกกับการที่เป็นนักรบแอคเตอร์โดย แท้อยู่แล้ว จึงทำให้การเข้าคู่ของทั้งสอง
สูสีพอๆกับอีกฝ่ายที่เป็นเซียนเกมส์นี้อยู่แล้ว การรบดำเนินไปจนเมื่อทหารของทั้งสองฝ่ายถูกทำลายลงจนหมด
เหลือเพียงผู้เล่นเท่านั้น ก็มีเสียงหวอ เตือนขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของ มังกรขนาดมหึมาร่างสีดำทมิฬ
ซึ่ง เจนัส และ นีน่า จำได้ไม่เคยลืม มันคือ มอนิอัส มังกรเพลิงโลกัณฑ์
(Mornius, the Portentous Dragon)



“ even พิเศษจ้า เนื่องจากทั้งสองฝ่ายสู้ กันจนไม่เหลือทหารดังนั้นจะให้ทั้งสองทีมร่วมมือกันจัดการ
บอสตัวนี้หากทำไม่สำเร็จถือว่าแพ้และแชม)ืจะกลายเป็นของ Ai จ้า ”
เจ้าตัวตลก ที่ประกาศท้าตอนต้นปรากฏตัวออกมาแจ้งแถลงการณ์ ก่อนจะหายตัวไปอีก

“ ซวยแล้ว เพราะดันให้ทหารสู้กันจนหายหมดบอส ก็โผล่สิ ”
เด็กหนุ่มที่ เลือกเล่น เดรค กล่าวด้วยความท้อแท้

“ แถมบอสที่โผล่มาเลเวลยังสูงลิ่วเลย จะเอาอะไรไปสู้ล่ะเนี่ย ”
เด็กหนุ่มีกคนที่ เลือก ไนเซอร์ กล่าวเสียงหงอย

“ พูดอะไรอย่างนั้นเล่าจะยอมแพ้ง่ายๆเลยรึไงกัน ไม่สมเป็นแชมป์เลยนะ ”
เจนัส กล่าวทำให้ทั้งสอง หันมาสนใจ

“ ในการรบ จริงฝ่ายที่ถอดใจคือผู้แพ้เพราะฉะนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะเก่งยังไงถ้าไม่ยอมแพ้ล่ะก็ต้องมีหนทางแน่ ”
นีน่า กล่าวจบ ทีมซันวอลก็ เริ่มมีกำลังใจก่อนที่พวกเขาจะร่วมแรงร่วมใจกันบุกเข้ากำราบ เจ้ามังกรยักษ์
ทว่าการโจมตีของพวกเขาก็ไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย

“ จริงสิท่าเราใช้การผสานท่าล่ะ ”
เจนัส กล่าวขณะที่พวกเขาถอยออกมาตั้งรับการโจมตีของ เจ้ามังกรยักษ์

“ อ๋อที่ใช้ ตอนนั้นสินะ..ดีล่ะนี่พวกเธอน่ะให้ เดรค ใช้ Mega Kick พร้อมกับ เนลฟา นะส่วน ฉัน กับ ไนเซอร์
จะสะสมพลังงานเตรียมใช้ Mega Slash กับ Mega Shooting ตกลงนะ ”
นีน่า กล่าวพร้อมจัดแผนการรบให้ ก่อนที่มุกคนจะรับคำและแยกกันไปทำหน้าที่ เจนัส และเดรค
ใช้ท่า Mega Kick ตวัดเตะใส่ ที่ต้นขาของ เจ้ามังกรยักษ์ จนมันชะงักกับที่ ไนเซอร์จึงใช้ Mega Jump

กระโดด ขึ้นไป ก่อนที่ นีน่า จะยิง Mega Shooting ออกไปและทันทีที่ ไนเซอร์ กำลังจะสับใช้ท่า Mega Slash
คลื่อพลังงานของ Mega Shooting ก็พุ่งมาตัดกับจังหวะที่คมดาบคลื่นของ ไนเซฮร์ตวัดลงทำให้คลื่นพลัง
รวมแรงและพุ่งเข้าหาเป้าหมายอย่างรุนแรง เป็นการเพิ่มพลังการโจมตี ให้เป็นเท่าตัว

คลื่นพลังงานเข้ากระร่างของ มอนิอัส ก่อนที่จะมีตัวเลขบ่งค่าความเสียหาย ปรากฏขึ้น 1,005,000 พร้อมกับที่เจ้ามังกรยักษ์ได้ระเบิดสลายไป

“ สามารถโค่นบอสได้ ผู้เล่นเป็นฝ่ายชนะ ”
เสียงประกาศดังก้องพร้อมเสียงเฮจากกลุ่มผู้คน ทั่วทั้งเกมส์เซ็นเตอร์ที่
 มาจับตาดูการต่อสู้ของพวกเขาด้วยความสนใจ ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ

“ สองคนนั้นเขามาทำอะไรกันแน่ล่ะเนี่ย..ว่าแต่ แลนทิส ปรากฏตัวอีกแล้วเจ้าค่ะขอกำลังเสริมที่หน้าห้องน้ำ
ชั้นที่ 1 ด้วยค่ะ ”
โคโลน่า เปรยก่อนจะรายงานแจ้งจุดที่แลนทิส ปรากฏตัว

ครู่ต่อมา

ณ ร้านกาแฟที่ ชั้น3 ของห้าง

ร้านกาแฟในยุคนี้นั้นเป็น สถานที่ ที่หนุ่มสาวมักจะมากันเป็นคู่ ซึ่งมักใช้เป็นที่นัดพบปะ
หรือมาออก เดท กันเสียส่วนมาก ซึ่ง เจนัส และ นีน่า ทั้งสองได้เข้ามาพักทานกลางวันกันที่นี่

แน่นอน สองสาวลูกเรือของยานยังคงตามติด ไม่ให้ขาดตอน โดยพวกหล่อนนั่งอยู่ โต๊ะถัดจากพวกเขา
ซึ่งถูกกั้นไว้ด้วย ผนักเก้าอี้ ตัวร้านตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ทันสมัย และยังคงบรรยากาศ
ให้เหมาะกับคู่รัก ไว้อย่างเต็มที่

“ ไม่ได้สนุกแบบนั้นมานานเท่าไหร่แล้วนะ ”
นีน่า กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส ขณะที่เอาหลอดคนน้ำ ผลไม้ ในแก้วอย่างช้าๆ

“ ก็นะ..หลังจากเรื่องของ รีกอล แล้วก็มีเรื่องตั้งมากมายเลยนี่นานๆทีมาผ่อนคลายแบบนี้ก็ดีนะ ”
เจนัส กล่าวสีหน้าดูสดใสกว่า ก่อนหน้ามากทั้งสองยังคุยไปเรื่อยเปื่อย ขณะที่ สองสาวลูกเรือยังคงต้องรายงาน
การปรากฏตัวของ แลนทิส หน้าร้าน ซึ่งพวก ลากูน่าก็มาในไม่ช้าและจัดการ ลากออกมาโดยไม่ให้ เจนัส กับ นีน่า
รู้ตัว ก่อนจะไปกำจัดทิ้งเสียทีเดียว

หลังทานเสร็จเป็นที่เรียบร้อยทั้งสอง คนก็ออกเดินต่อ โดยสองสาวลูกเรือยังคง ตามต่อไม่ขาด
จนเมื่อ เจนัส และ นีน่า มาหยุดที่หน้า โรงภาพยนต์  ทั้งสองก็ เข้าแถวซื้อบัตรก่อนจะเข้าไปในห้องฉาย
แน่นอนสองสาวของเราก็ยังคงตามไปติดๆ โดยที่ พนกงานขายตั๋วเป็น แลนทิส อีกแล้วทั้งสองจึงต้องติดต่อ
ให้ ริคุ มาลากออกไป

ครู่ต่อมา
ในห้องฉายเมื่อภาพยนต์ เริ่มขึ้นได้ไม่นาน ช่างเทคนิค ที่คุมกล้องฉายหนัง ก็เกิดกลายร่างเป็นแลนทิสขึ้นมา
สองสาวที่จับปฏิกิริยาได้ จึงต้องแจ้นขึ้นไป ประคองกล้องฉาย และ ให้ลากูน่า มาลากตัวออกไปโดยสองสาวต้องทำหน้าที่คุมกล้องแทนจนจบ ก่อนจะออกจากห้องฉายไปโดยที่ไม่มีใครเห็น และเริ่มสะกดรอย ทั้งคู่ต่ออีกครั้ง

เวลาได้ร่วงเลยไปมากแล้ว ดวงตะวันเริ่มคล้อย พวกเขายังคงเดินตรงไปจนมาถึงสวนธรรมชาติ
ของ เมืองซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติและเหล่าสรรพสัตว์ น้อยใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูไว้

ภายในสวน นับเป็นสถานที่ขึ้นชื่อของ ฟูดินัน เขตการปกครองที่ 10 นี้เลยทีเดียว ซึ่งสัตว์ทั้งหมดจะไม่ถูกขังแต่ปล่อยให้เดินไปรอบๆในเขตสวน เพื่อให้ผู้คนได้ใกล้ชิด กับมัน ซึ่งสัตว์ทั้งหลายก็ได้แก่จำพวก แพะคาทาริโซ่ (Katharizo)



ยูนิคอนเผือก (Albino Unicorn) เป็นต้นภารยในสวนธรรมชาติ ยังมีคลองที่ขุดจากทะเลสาบนีรันด้า



ให้ไหลหล่อเลี้ยงไปทั่วทั้งสวน โดยมีสะพานข้ามคลองทั้งน้อยใหญ่ อยู่รอบสวน อีกทั้งยังมี อนุสรณ์สถาน
ซึ่งเป็นรูปปั้นของ นกเนด้า(Naeda)คู่รัก ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลาง บ่อน้ำใจกลางของสวนธรรชาติ



“ รายงานที่สวนธรรมชาติ แลนทิส จำนวน 13 ตัวกำลังมุ่งตรงมาค่ะ ”
โคโลน่า รายงานผ่านวิทยุไปขณะที่ ลิลลี่ กำลังตรวจวัดระดับของ แลนทิส ที่บุกมา
ก่อนจะต้องชะงักไป และยื่นผลการตรวจสอบให้ โคโลน่า ดู ทันทีที่ โคโลน่า รับไป
ดู เธอก็เข่าอ่อนทรุดตัวลงด้วยความไม่อยากเชื่อในรายงานนั้น

“ ยืนยันทั้ง 13 ตัวเป็นระดับ 4 สายพันธุ์ ชิเมรอล ทั้งหมด ”
โคโลน่า รายงานกลับไปเสียงของเธอที่ส่งไปยังห้องบังคับการ นั้นทำให้ทั้งห้องราวกับตกอยู่ในผวัง
แม้จะยังไม่มีใครพูดอะไรขึ้นแต่ ลอว์เรนซ์ ก็เดินออกจากห้องไปในทันที

ด้าน ริคุ และ ลากูน่า ที่เข้าไปรับมือ นั้น ก็ไม่สามารถทานไว้ได้ทั้งหมดจึงมี
หลุดเข้าไปในสวนได้ 3 ตัว

“ นี่ก่อนกลับฉันมีที่ๆอยากจะไปหน่อยน่ะได้ไหม ”
นีน่า กล่าวขณะที่ วางเจ้า คาทาริโซ่ ลงมันก็รีบวิ่งเข้าไปหาเล่นกับเพื่อนๆของมันซึ่งน่า เอ็นดูยิ่งนัก
ทว่านีน่า ที่กล่าวถามนั้นกลับมีสีหน้า ซึมๆต่างไปจากทุกทีราวกับคิดอะไรอยู่ แต่ เจนัส ก็ไม่อยากที่จะรบกวนถามเรื่องนั้นจึงได้แค่ตอบรับคำถามของเธอเท่านั้น ก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะเดินขึ้นสะพาน ที่ทอดยาวไปยังอีกฝั่ง

ที่กลางสะพานนั้น พวกเขาได้หยุดยืนอยู่ ณ ตรงนั้นพอดีกับ อนุสรณ์ เนด้า ที่ตั้งอยู่กลางบ่อน้ำซึ่ง ดวงตะวันที่จะคล้อยดินในไม่ช้านั้นได้สะท้อนกับพื้นน้ำ จนเป็นประกายรูปปั้นอนุสรณ์ ที่ตัดกับดวงตะวัน ราวกับจะส่องประกาย
เลยทีเดียว

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #42 on: October 11, 2008, 07:23:49 PM »

“ มีอะไรรึเปล่าทำไมถึงหยุดซะล่ะ ”
เจนัส ถามเธอด้วยความสงสัย  นีน่า หันกลับมาแต่ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไรต่อ
 แลนทิส รูปร่างเสือผสมม้าลาย ซึ่งเป็นสายพันธุ์ ชิเมรอล
ทั้งสามตัวที่วิ่งบนผืนน้ำมาอย่างรวดเร็วก็กำลังจะตรงเข้า หาทั้งสอง ณ วินาทีนั้นน่ะเอง

“ Chorono Contorl ”
สิ้นเสียง เวลาก็ได้หยุดลง ทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหวจนสิ้น ขณะที่ไฮเปอร์เดรค ได้เหินด้วยปีกพลังงาน
ซึ่งปล่อยละอองสีฟ้า ออกมาห่อหุ้มร่างเอาไว้ ตรงเข้ามา ไฮเปอร์เบลด ที่ถืออยู่ได้สะสมพลังงานเป็นที่เรียบร้อย
เขาบินไปดักหน้าพวกมันไว้

“ วันนี้เป็นวันสำคัญของเพื่อนชั้น..พวกแกห้ามเข้ามายุ่งเด็ดขาด ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็สับสวิตซ์ ที่ดาบลง กรรเชียงดาบกางออก ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวฟัน แลนทิส ทั้งสาม

“ Maximum Hyper Typhoon ”
สิ้นเสียง แลนทิสทั้งสามตัวก็ถูกฟันจนขาดท่อน ลอยเคว้งอยู่กลางอากศทั้งอย่างนั้น
ลอว์เรนซ์ ได้หันกลับมามองทั้งสอง

“ สิ่งที่ชั้นจะช่วยได้ก็มีเท่านี้ล่ะ..ขอให้สำเร็จก็แล้วกัน ”
สิ้นคำลอว์เรนซ์ ก็พุ่งตัวออกไปเพื่อจะไปสมทบกับ ลากูน่า จัดการกับที่เหลือ

“ Chorono Contorl ”
สิ้นเสียงเวลาได้กลับมาเดินอีกครั้ง ร่างของ แลนทิส ทั้งสามไม่ระเบิดแตกสลายอย่างทุกครั้ง
ทว่ากลับค่อยๆมอดไหม้และสลายไป แทน

“ ที่แล้วมานายพยายามปกป้องฉันมาตลอด..ฉันรู้สึกขอบคุณนายมากเลยแต่ว่า
จากนี้ไปไม่ต้องทำอย่าางนั้นอีกแล้วนะ ”
นีน่า กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น ทว่ากลับสร้างความประหลาดใจให้กับ เจนัส มาก

“ ท..ทำไมล่ะหรือว่าชั้นทำอะไรผิดไปเหรอ ”
เจนัส กล่าวละล่ำละลัก จากการถูกขอร้องที่ไม่ทันตั้งตัว

“ ไม่ใช่นะ..แต่ทุกครั้งที่นายเข้ามาปกป้องฉันนายจะต้อง บาดเจ็บแทนฉันทุกครั้งเลย
ฉันไม่อยากให้นายต้องแบกรับคนเดียวอีกต่อไปแล้ว..เพราะ..เพราะฉันเป็นห่วงนายนะถึงจะ
ไม่ปริปากบอกก็เถอะ แต่ฉันรู้นะว่า นายต้องเจ็บมากขนาดไหน ทุกครั้งที่เห็นนายบาดเจ็บฉันเองก็เจ็บเหมือนกันที่ไม่สามารถช่วยอะไรนายได้เลย..เพราะฉนั้นพอเถอะเลิกปกป้องฉันได้แล้ว ”
นีน่า กล่าวคำพูดของเธอ ทำให้เขานิ่งไปเขาพึ่งได้รับรู้ว่าการที่เขาเอาตัวเข้าปกป้องเธอมาตลอดนั้น
สร้างความทุกข์ใจให้แก่เธอมาตลอด

“ แต่..ฉันจะไม่ขอให้นายเลิกหรอกนะแต่ขอให้ฉันได้เป็นฝ่ายปกป้องนายบ้าง..ฉันไม่อยากเป็นตัวถ่วงนายอีกแล้ว
ให้ฉันได้ร่วมสู้ไปด้วยกันกับนายเถอะนะ ”
นีน่า กล่าวขอร้อง ความเงียบได้เข้าปกคลุม ขณะที่ทั้งสองยังคงจ้องกันอยู่อย่างนั้น
ในใจของ นีน่า ก็คิดเสียแล้วว่า เจนัส ต้องไม่ยอมแต่เธอก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว

“ ก็เธอทำไปแล้วไม่ใช่หรือไง… ”
เจนัส กล่าวเสียงเรียบคำพูดของเขาทำให้เธอคาดไม่ถึง

“ ชั้นไม่เคยคิดว่าเธอเป็นตัวถ่วงเลย..แล้วก็ที่ชั้นปกป้องเธอก็เพราะอยากปกป้องไม่ต้องคิดมากหรอก
จากนี้ไปเราก็มาปกป้องกันและกันนะ..ชั้นจะปกป้องเธอส่วนเธอก็ปกป้องชั้นถ้าแค่นี้คงได้สินะ ”
เจนัส กล่าว

“ สัญญานะ… ”
นีน่า ถามเพื่อขอคำรับรองซึ่ง เจนัส ก็รับคำแต่โดยดี

“ แล้วก็มีอีกอย่างที่ฉันอยากจะบอกนาย ”
นีน่า กล่าวขณะที่หลบหน้าเขา ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
เจนัส มองเธอด้วยสายตา งงๆ

“ Mega Slash ”
“ Mega Kick ”
“ Maximun Hyper Cyclone ”
สิ้นเสียง ท่าพิฆาตของ ทุกคนก็ทำลายแลนทิส ทั้งหมดลง
สองสาวลูกเรือของยาน พยายามที่จะรีบกลับติดตาม เจนัส กับ นีน่า ต่อจึงได้วิ่งแจ้นลุยเข้าไปในสวนอย่างไม่คิดชีวิต

“ มีอะไรจะบอกชั้นงั้นเหรอ ”
เจนัส ถามด้วยความสงสัย ทว่าอย่างไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากของ นีน่า ก็ได้เข้ามากระทบสัมผัสกับริมฝีปากของเขาในทันที

แซ่กๆๆ

เสียงแหวกพุ่มไม้ดังขึ้นที่ แอ่งข้างบ่อน้ำ สองสาวที่แหวกพุ่มไม้ออกมาก็เป็น พวกเขาทั้งสอง
ซึ่ง….(เนื่องจากคนเขียนไม่มีความกล้าพอจะบรรยายขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย)
สองสาวจึงได้แต่จ้องตาค้างโดยที่ไม่ได้บันทึกภาพแต่อย่างใด

นีน่า ได้ผละออกมา ขณะที่ เจนัส ยังคงยืนนิ่งค้าง แม้อยากจะพูดแต่ก็ไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้ราวกับมีอะไรขัดอยู่ที่ลำคอ ใบหน้าแดงฉานและร้อนผ่าวอย่างรู้สาเหตุ

“ ฉันรักนาย..รักมาตลอดเลย ”
คำพูดของเธอ ทำให้เขาต้องนิ่งไปอีกครั้ง

“ แหะๆ..ฉันนี่อยู่ก็พูดอะไรออกมาซะนี่คงทำให้นายลำบากใจสิท่า ”
นีน่า กล่าวเก้กัง ทว่าเจนัสกลับโอบเธอเข้ามา ๆไว้ในอ้อมกอด โดยไม่ทันตั้งตัว

“ ชั้นก็ด้วยที่แล้วมาชั้นพยายามจะบอกเธอมาตลอดและวันนี้ชั้นจะพูดให้ได้..นีน่าชั้นรักเธอ ”

(ประโยคที่ทุกคนรอคอยแต่เป็นประโยคที่เจ้า การุรุม่อนไม่อยากได้ยินที่สุดเหอๆ)

เจนัส กล่าวเสียงหนักแน่น  ความในใจของทั้งสองได้สื่อถึงกัน ท่ามกลางแสงตะวันยามเย็นที่
สาดส่อง และสายลมที่พัดโชยมาราวกับจะอวยพรให่แก่ทั้งสอง

“ อนุสรณ์ สถานแห่งเนด้า เคยมีตำนานว่าหากคู่ใดได้พบรัก ณ
ที่นี้จะครองคู่กันตราบชั่วฟ้าดินสลาย ”
คางาริ กล่าวขึ้น ขณะที่เดินเข้ามาหาสองสาว ที่สะกดรอยตามทั้งวัน พร้อมกับพวก ลอว์เรนซ์

“ ห..หัวหน้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย ”
ทั้งสองสาว กล่าวด้วยความคาดไม่ถึงพร้อมทำความเคารพ

“ เมื่อคืน ฉันบอกเรื่องให้ นีน่า ไปด้วยน่ะแต่ไม่นึกเลยนะว่าจะเอาจริง…Mission Complete  ”
คางาริ กล่าวจบก็ออกเดินนำทุกคนกลับไปยังยาน ทิ้งให้ เจนัส และ นีน่า ได้มีเวลากันและกัน

ณ ห้องพยาบาลของยาน

แสงที่ค่อยๆ แทยง ฝ่าความมืดขึ้นมา ก่อนที่ภาพเพดานห้องสีขาว จะปรากฏแก่สายตา
ชินจิ ได้ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ผ้าห่มที่คลุมทับเขาไว้รูดลงไปกองที่ตัก เขามองไปรอบๆห้องแต่ไม่พบใคร
ก่อนจะรู้ตัวว่ามีใครบางคนอยู่ข้างๆเขา เมื่อเขาหันไป ลูน่า ซึ่งนอนฟุบหน้าอยู่บนเตียงข้างๆเขา
กำลังหลับด้วความเหนื่อยอ่อน

“ นี่หรือว่าเธอเฝ้าไข้เราอยู่ตลอดเลยน่ะ..ลูน่า ”
ชินจิ คิดขณะที่มองเพื่อนนักเรียนสาว ที่นั่งเฝ้าเขาอยู่ทั้งวัน จนหลับไปในที่สุด
เขามองออกไปยังนอกหน้าต่าง พระอาทิตย์ได้ตกดินไปแล้ว ดวงจันทรา ได้ขึ้นแทน
ทั้งห้องเงียบราวกับว่าข้างนอกไม่มีใครอยู่เลย ชินจิ มองเธออยู่ซักพักก่อนที่จะสังเกตว่าเธอตัวสั่นเพราะความหนาว
เขาจึงลงจากเตียงไปแล้วเอาผ้าห่มคลุมร่างเธอไว้ เธอจึงหยุดสั่นในที่สุด ก่อนที่เขาจะเดินตรงไปยังประตูห้องและออกไป

ณ ห้องบังคับการ

“ ที่มานี่คงตัดสินใจได้แล้วสินะ ”
ฟอนกล่าว ขณะที่ มอง ชินจิ ที่เข้ามาปรึกษา

“ ตอนนี้ผมไม่ใช่นักรบของ Bell Cross อีกต่อไปแล้ว..ถึงตอนนี้ผมจะยังตัดใจไม่ได้
แต่ผมจะหาคำตอบด้วยตัวเองเพราะงั้นผมจะขอเข้าร่วมด้วย  ”
ชินจิ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น ฟอน ยิ้มอย่างพอใจในคำตอบของเขา

“ ดี..ตั้งแต่วันนี้ไปเธอเป็นพวกของเราแล้ว ”
 ฟอน กล่าวจบ ประตูห้องบังคับการก็เปิดพร้อมเสียงดังโหวกเหวกจากข้างนอกดัง
แทรกเข้ามา คางาริ เดินเข้ามาก่อนที่ประตูจะปิดลงโดยอัตโนมัติ

“ นี่วันนี้จะมีฉลองนะมาช่วยกันหน่อยสิ..ต้องเซอไพรส์คู่นั้นกันหน่อย ”
คางาริ กล่าวก่อนที่ ฟอน และ ชินจิ จะตามออกไปช่วย

ครู่ต่อมา

“ ไกลน่าดูเลย กว่าจะกลับมาถึงพระจันทร์ลอยซะแล้ว ”
นีน่า กล่าวขณะที่ ประตูได้เปิดออก ก่อนจะก้าวเข้าไปพร้อมกับ เจนัส ทันทีที่
ประตูยานปิดลงทั้งสองก็ตกอยู่ในความมืด ทว่ายังไม่ทันที่พวกเขาจะกล่าวอะไร
อยู่ๆไฟก็สว่างขึ้นมาทั้งยาน

“ เซอร์ไพรส์ ”
เสียงตะโกนดัง พร้อมกับเสียงปังของพลุกระดาษ ที่รัวขึ้นมาสามนัดซ้อน
ต่อสายตาแสดงความตกตะลึงของทั้งคู่

“ ยินดีด้วย นะทั้งสองคนที่เดทสำเร็จไปได้ด้วยดีแถมงานนี้พวกเราเองก็จัดการแลนทิสทั้งเมือง
ได้หมดในคราวเดียวเลย ”
ฟอน กล่าวน้ำเสียงลิงโลดท่ามกลางเสียงแสดงความยินดีจากเหล่าลูกเรือ
แม้ทั้งสองจะยัง งงๆแต่ก็ถูกลากให้ไปร่วมงานโดยไม่ทันได้ถามอะไรก่อน
จะถูกยิงคำถามรัวใส่เสียจนไม่อาจตอบได้ทัน

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #43 on: October 11, 2008, 07:24:08 PM »

“ แหมพวกเธอนี่เหมาะสมกันจริงๆนะ ”
“ นี่ๆคบกันมานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย ”
“ เจ๋งจริงพวกสุดๆไปเลย ”
“ งั้นวันนี้เรามาโต้รุ่งกันเถอะ ”
“ เย้ ”

เสียงดังครึ้มกระหึ่มไปทั้งยาน ก่อนที่งานเลี้ยงฉลองจะเริ่มขึ้นและเต็มไปด้วยความสนุกสนานผ่อนคลาย
หลังภารกิจ

“ ยินดีด้วยนะ ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นก่อนที่ เจนัส จะหันไปพบว่าชินจิ นั่นเองที่เป็นเจ้าของเสียง
ทั้งสองสบตากันอยู่ซักพัก

“ อืม..ขอบใจ ”
เจนัส กล่าวเสียงเรียบ ทว่าท่ามกลางเสียงตอบรับที่เงียบงันนั่นคือสัญญาณ
ของการยอมรับซึ่งกันและกันของทั้งสอง ในสายตาของลอว์เรนซ์

“ นี่นายคงไม่คิดจะทำแบบนั้นกับฉันหรอกนะ ”
เทีย กล่าวถามขึ้นขณะที่มองหน้า ลอว์เรนซ์ เสียชิดติดสนิทจนเขาต้องสะดุ้งด้วยความตกใจ

“ ค..คิดอะไรของเธอไม่มีวันซะล่ะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวด้วยความตื่นตูมก่อนจะถูก เทีย วิ่งไล่ด้วยสีหน้า ยัวะอย่างที่สุด

“ นี่นายคิดอะไรอยู่กันแน่ฉันแค่ถามว่านายจะให้ฉันเก็บกวาดคนเดียวหรอกต่างหากนี่คิดไปถึงไหนกันนน ”
เสียงตะโกนไล่หลังดังเป็นระยะ ท่ามกลางเสียงหัวเราะของ ลูกเรือและทุกๆคน

“ คู่นี้ก็กำลังไปได้สวยเนอะโฮ่ๆๆ ”
ฟอน กล่าวอย่างสบายอารมณ์

……………
……………….
……………………

ณ สำนักงานบริษัท Bell Cross สาขา Colonu Felasia

ภายในห้อง ประธานที่มีเพียงแสงไฟสลัวๆนั้น กลุ่มคนสวมเสื้อโค้ทสีดำตัดลาย 4 คนได้เขามาภายใน
ห้อง

“ ช้าจริง..มัวไปอยู่ไหนมา ”
เด็กหนุ่มผมขาว ผู้ซึ่งสักอักขระไว้ที่ตาซ้าย หันมากล่าวขณะที่สับกองไพ่อยู่

“ ช่างเถอะอัซเรย์…ในที่สุดแขกก็มากันพร้อมหน้าซะที ”
อาเทเนีย หันกลับมาพร้อมกับที่ กล่องพัสดุจำนวนห้ากล่อง ได้ปรากฏขึ้นมาบนโต๊ะอย่างน่าอัศจรรย์

“ เอาล่ะมารับไปสิ นักรบแห่งกระดิ่ง 5 เสียง TQV Actor นั่นอยู่ตรงหน้านี้แล้ว ”
อาเทเนีย กล่าวขณะที่ ทั้งห้าเข้ามาเปิดกล่องพัสดุ และหยิบเอา ไวโอลินพร้อมไม้สีไวโอลิน ซึ่งมีสีดำสนิททั้งหมด
ขึ้นมา

“ อัซเรย์ ผู้ถือครองเสียงแห่งอิสรภาพ Voice of Freedom ”
“ ลักซ์ ผู้ถือครองเสียงแห่งการพิพากษา Voice of Judgtis ”
“  เรย์ ผู้ถือครองเสียงแห่งตำนาน Voice of Legend ”
“ มิดาไร ผู้ถือครองเสียงแห่งชะตา Voice of Destiny ”
“ ครอสเร็กซ์ ผู้ถือครองเสียงแห่งนิรันด์ Voice of Eternal ”
อาเทเนีย กล่าวขานฐานะของแต่ละคนก่อนที่จะกดปุ่มที่แผงวงจรบนขอบโต๊ะ
จอภาพได้ฉายขึ้นกระจกด้านหลังเธอ ซึ่งเป็นภาพของ พวกลอว์เรนซ์ ทุกคน

“ ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด นักรบแห่งอนาคต Drake Actor ”
“ เจนัส รูลเวลล์ นักรบแห่งการต่อสู้ Nelfa Actor ”
“ ลากูน่า รูลเวลล์ นักรบแห่งความบริสุทธิ Sarslash Actor ”
“ นีน่า ลาเซริโอ้ นักรบแห่งความสง่า Shurika Actor ”
“ ริคุ เฟ็นเรีย นักรบแห่งอิสรภาพ Naiser Actor ”
อาเทีย กล่าวพร้อมกับชี้ไล่ไปทีละประโยค
ก่อนจะเท้าคางที่โต๊ะ

“ บุคคลเหล่านี้ต้องถูกกำจัดเข้าใจไหม เพื่อให้พระองค์ได้จุติอย่างสมบรูณ์อีกครั้ง ”
อาเทเนีย กล่าวเสียงเฉียบด้วยสายตาเยือเย็นราวกับนางพญามาร

“ บัดนี้พวกเจ้าคือสาวกของพระองค์ Tintinnabulum Quinque Vox(กระดิ่ง 5 เสียง) ”
อาเทเนีย กล่าวจบ ทั้งห้าคนก็รับคำอย่างแข็งขัน ก่อนที่แผนการจะถูกชี้แจงขึ้น

……………..
…………………
……………………..

วันถัดมา

“ พลังงานพร้อม 100 % การซ่อมแซมเสร็จสมบรูณ์พร้อมออกยานค่ะ ”
ลิลลี่ช่างเทคนิคซึ่งคุม แผงจออยู่ด้านล่างของ แท่นบังคับการที่คางารินั่งอยู่
รายงาน

“ ออกยานได้! ”
สิ้นคำของ คางาริ ยาน Angle Wing ก็สยายปีกออกและเริ่มเหินขึ้นสู่ฟากฟ้าอย่างรวดเร็ว

“ ใช่แล้วจากนี้ไปพวกเรากำลังจะพุ่งเข้าสู่สนามรบที่แท้จริงแล้ว…บนอวกาศซึ่งสูงจากพื้นโลก
สงครามแห่งสวรรค์(Ragnarok) กำลังจะเริ่มในไม่ช้า ”
คางาริ คิดขณะที่ยานกำลังจะฝ่าชั้นบรรยากาศ ขึ้นสู่วงโคจรเพื่อมุ่งหน้าไปยัง Colony Zalom

…………
โปรดติดตามตอนต่อไป




การุรม่อน: และแล้วในที่สุดฉากสู้ในอวกาศก็กำลังจะมาแว้วฮุๆๆ ตอนนี้เหล่า Exorcis เอ็ยนักรบจากห้าทวีป
ก็ได้รับแอคเตอร์ไปแล้ว บทหน้าคงมันส์ไม่น้อย อ่ะฮุๆๆ แต่ว่าบทนี้เค้ารับไม่ได้ง่าาาา

เกรม่อน: เอาน่าๆ คู่นั้นเขาไปดีแล้วปล่อยเขาไปเถอะคนเราถ้าไม่ใช่คู่แท้ดึงดันไปก็เปล่าประโยนชน์

“ อ๋อเหรอ.. ”
เสียงประสานกันดังขึ้นอย่างเยือกเย็น

เกรม่อน และ การุรุม่อน : เฮือก!..เสียงนี้มัน

ทั้งสองคนค่อยๆหันไปยังที่มาของเสียง

เจนัส:นึกว่าหายไปไหนที่แท้มาแอบเผาอยู่ที่นี่เองเรอะ
นีน่า: ยอมไม่ได้
ลอว์เรนซ์:พร้อมนะ
ลากูน่าและริคุ:อยู่แล้ว
ทั้งห้าคน:แปลงร่าง

เกรม่อนและการุรุม่อน:อะอ้า ช้าก่อนถึงพวกนายจะแปลงร่างแต่ครั้งนี้เราไม่ยอมโดนฝ่ายเดียวแน่
แปลงร่าง

War Greymon And Metal Garurumon

วอย์เกรม่อน:ไกอา ฟอซ
เมทัลการุรุม่อน:เมทัลวูฟเบรธ

พวกลอวเรนซ์:ว้าก
ถูกท่าโจมตีของคนเขียนอัดกระเด็น

วอย์จังและเมทัลจัง:วะฮ่าๆๆเป็นไงล่ารู้ยังนี่ล่ะฝีมือของเรา
“ มันอยู่นั่นไง ”
เสียงดังขึ้นมาก่อนที่ทั้งสองจะหันกลับไปและตองตาค้างเพราะว่า

เซ็ตซึนะ:ไอ้พวกที่เผาชาวบ้านจนเกิดสงครามพวกเรา Celescial Being จะจัดการเอง
ทีเอเรีย:เวอร์ชิล เริ่มทำการกวาดล้างเป้าหมาย
ล็อคออนกับฮาเลลูย่า:เริ่มการแทรกแซง

วอย์จังกับเมทัลจัง:แว้กก

“ เดี๋ยวขอพวกชั้นร่วมด้วย ”
เสียงดังมาจากข้างหลังพอหันไป

ซีโร่:เวทมนต์ทำลาย ไฟร์บอล
อิจิอิ:เวทมนต์อารักข์ ชามป์แคปซูล

วอย์จังกับเมทัลจังดดน แคปซูลล็อกเอาไว้หนีไม่ได้โดนบอลไฟ เผาต่ออีกดอก

ซัน:เย้ ขอซันจังเล่นด้วยน้า เวทมนต์อัญเชิญ ฟลายอิ้งฟิช

โดนปลาบินไล่กัด

ฟอเต้:ไม่ยอมทำไมทีซีโร่ กับ อิจิอิ ยังได้มีบทแต่พวกเราไม่มีเวทมนต์สะกดจิต

โดนฟอเต็เป่าขลุ่ยสะกดให้โจมตีใส่กันเอง กลับร่างเดิมเลย

“ เดี๋ยวก่อนยังไม่จบพวกเราก็ต้องเคลียร์ด้วย ”
เสียงดังขึ้น

เกรม่อนกับการรุม่อน:ใครอีกล่ะ

เทนโด โซจิ:ชั้นคือผู้เดินไปในทางแห่งสวรรค์
กล่าวจบแล็วชูนิ้วขึ้น ปรากฏโตเกียวทาวเวอร์ขึ้นเป็นฉากก่อนจะแปลงร่างเป็น คาบูโตะ Change Beetle

คากามิ:ชั้นเอาด้วยคนสิ แปลงร่างเป็นกาแท็คเรียบร้อย Change Stag Beetle
“ ช้าก่อนยังมีพวกเราด้วย ”
เสียงดังอีกแว้ว พอหันกลับไปขอตายดีกว่าเพราะ

พวก G-Gundam, จูเรนเจอร์, Gundam Seed Destiny ,d-Gray Man,ฯลฯ
ยกกันมาเพียบ

เกรม่อนและการุรุม่อน:สงสัยคราวนี้ไม่รอดแหง

โปรดติดตามตอนต่อไป…ล่ะมั้ง

Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #44 on: October 11, 2008, 07:26:01 PM »

เอ้า..เอาเข้าไปไหงเขียนเผาตูด้วยล่ะเนี่ยแถมตอนท้ายนั่นอะไรมั่งน่ะ กันดั้มoo
เดสทินี่ ดีเกรแมน มากันหมดนึกว่าฮึดจะสู้ดันโดนกระทืบตายซะงั้นจะมีต่อป่ะนิ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #45 on: October 15, 2008, 11:17:35 PM »

ช่วยกานกดที่หุ่นหน่อยนะ :)
ต้องกดด้วยไม่งั้นไม่เขียนเนื้อเรื่องต่อ(ล้อเล่นนะจ้ะ)
T^T
กดกันหน่อยนะต้องการขากับมือแระกะตัว
« Last Edit: October 20, 2008, 12:07:02 PM by cocka-c » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #46 on: October 15, 2008, 11:54:42 PM »

ไม่ยักกะรู้ว่าคุณ cokca-c จะชอบโคทาโร่คุง  โฮะๆๆ   
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #47 on: October 16, 2008, 02:35:53 PM »

อ้าว...นึกว่ารู้ตั้งนานแล้วนะนิ ไม่เห็นเรอะพูดถึงเจนัส ทีไรเป็นคลั่งทุกที
 เพราะแบบของ เจนัส เดิมทีเอามาจากโคทาโร่ เนี่ยแหล่ะแต่นิสัยไม่ได้เอามาด้วย ส่งให้น้องชายแทน(เจ้าลากูน่าไง ภาคทาลิ โดน นีน่า เรียกเล่นๆ ลากุ หลังๆไม่ค่อยเรียกละ คุ้นๆเหมือนโคโนกะเคยเรียก โคทาคุงมะ)

งั้นเรามาเข้าเรื่องนิดดีกว่า เนื่องจากตอนภาค ทาลิ นั้นมีคน pm ถามมาเหมือนกันว่าชื่อของพวกลูกมังกร
เต็มๆคืออะไรและยังชื่อของพวก dvd (ดีวายดราก้อน) ด้วยเฟอๆไม่ได้เขียนตัวย่อนี้ซะนาน

วันนี้เลยจะมาแถลงชื่อของพวกมังกรที่มีบทบาทใน ภาคทาลิเอาแบบเต็มยศเลยนะ

เริ่มจาก การคิดชื่อในระบบมิติมังกรนั้น จะใช้ชื่อพันธ์ของมังกร ขึ้นตามด้วย of แล้วชื่อเรียกของตัวละครนั้นๆ
อย่างเช่น

พาลานัลคา ออฟ ไลท์ Palanalca of light นี่คือชื่อเต็มๆของ ไลท์ ส่วนตัวอื่นๆก็ด้วย
ทีนี้ชื่อลูกมังกรในเรื่องเนี่ยเรารู้กันหมดแล้วเนอะ แต่ชื่อของพวกอาจารย์มังกรเนี่ยสิ
มาเริ่มกันเลย

เริ่มจากเทียแมต Tiamat of Black ชื่อจากตอนพิเศษ ครอบครัว ดูยังเอ่ยร่างใหม่ของลอว์เรนซ์
ในอนาคตอาจมีภาคเสริมก็ได้มั้ง

ต่อๆ พ่อของนิทินโค ท่านนายพล ซาลามันเดอล่า Salamandera of Burn นี่ก็ชื่อโผล่ในตอนพิเศษ

พ่อตาของ เทียแมต ประธานสภาของหมู่บ้านมังกรมืดในอดีต ถ้าว่ากันตามจริงคนที่ช่วยผ่อนโทษประหารของเทียแมตเป็นเนรเทศก็ตาคนนี้แหล่ะ จำได้นะตอนที่เมียแมตไปอาละวาดจน ฆ่าแม่ของลอว์เรนซ์ อ่ะ
ชื่อของพ่อตาคนนี้คือ บริแกม มังกรแห่งฝันร้าย Brilglam of Hole

ต่อไปเป็นชื่อของเหล่าอาจารย์ที่ไม่ได้ปรากฏในตอน
ดีวายดราก้อน Divine Dragon of white
อีสควอเทีย Isquatia of Emeral
ลัวโมส วายเวิร์นที่สอนการปลดพลังของ มิรัยเคน กะ ชินเซเบอร์ ruamose of Wind Green
ชื่อถูกป่ะมะรุน้า มันนานแว้ว

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายตัวแต่ก็ไม่ได้เด่นนักช่างมันเถอะ เนอะอย่างพวกพ่อแม่ของลูกมังกรตัวอื่นเนี่ย
ออกตอนเดียว ทีแม่ของไลท์ยังไม่เคยออกเลย ถ้าอยากรู้ว่าเป็นตัวอะไรเฉลยตรงนี้เลยนะ
เป็นดีวายดราก้อนชื่อ Divine Dragon of Rise หึๆ ชื่อหมายถึงตะวันกับแสงทั้งครอบครัว

ว่าแต่ภาคมัลติอาร์เมอร์เนี่ยรู้สึกว่ามันเผาเยอะจังนะเจ้าการุรุม่อน
ใบ้ให้นิดเดี๋ยวมันจะเผยความลับของ ไลท์กับ ดาร์คด้วยนะ
ต้องรอดูอาทิตย์นี้ ว่าแต่จะโลกเทอร่าเนี่ยมันมีอวกาศด้วยเรอะ

ไม่ใช่กันดั้มนะเฟ้ยจะได้มี คิระ ชิน อัซรัน ลักซ์ ลูน่า แน่จริงไม่เอา เมย์ริน กะ ดูแรนดอลมาเลยล่ะ คางาริ ยังเอามาเลย เหงว่าจบมัลติอาร์เมอร์ภาค เสียงสงครามมีต่อพิเศษ1ตอน อีกโอ้

ชื่อภาค โมบิลสูทกันดั้มดับเบิลโอใช่มะ มีเซ็ตซึนะ มีเทียเรีย มีล็อคออน อาเลลูย่า อีก เอ้อเอาเข้าไป
เดี๋ยวโดนแบบแหลกหรอก

ว่าแต่พระเอก นามสกุลเซ้ตจังนี่ชวนให้นึกถึงนางฟ้าแห่งเนกิ จริงๆ(เซ็ตจังมีปีก)
เอาเถอะยังไงตอนอาทิตย์นี้ก็หนุกแน่นอน ถ้ายังไงถือซะว่าเป็นการเปลี่ยนแนวล่ะเนอะจาก
 ตำนานโบร่ำโบราณมาเป็นยุคของอวกาศกันบ้างคงไม่แปลกเกิน

แล้วเจอกันเน้อ อะมีข่าวโคมลอยมาเกยฝั่ง อาทิตย์นี้ มันจะเผา นาโนฮะ สไปเดอร์ไรเดอร์ ห๊าาา
นี่คิดจะเผากระทั่ง heroic Age ด้วยเรอะไม่ยอมเค้าไม่ให้เอา เอจ เค้าไปเผานะม่ายยยย

ของฝากเล็กๆน้อยๆ

อันนี้แถมเอาไปดูรับรองฮา
http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1224127658.27038_modotte_mamotte_lollipop_003.rar&mime=application/rar

ส่วนอันนี้แรงบันดาลใจในการเขียนฉาก Love ของ เจนัส กะ นีน่า เจ้าการุรุม่อนมัน ดูซะจนทะลุเลยเหอๆ

http://www.tempf.com/getfile.php?filekey=1224127893.56429_modotte_mamotte_lollipop_004.rar&mime=application/rar








Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #48 on: October 16, 2008, 02:44:03 PM »

แง่มๆ กันดั้มก็มา  d gray man ก็มี บางอันก็เอาผสมโรง ขาดอย่าง.......... น่าเอาเรื่อง
สัญยามรณะ ธิดาอเวจี  jigoku shoujo ยัดเข้าไปด้วย รับรองเนื้อหาเข้มข้นขึ้น 3 เท่า โฮะๆๆ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #49 on: October 19, 2008, 07:07:16 PM »

File xx ลบรอยร้าวแห่งใจโผทะยานสู่ฟ้า Gaia

ความเดิมตอนที่แล้ว : หลังจากการทำลายลิฟต์วงโคจรเพื่อขัดขวางการส่งแอคเตอร์รุ่นใหม่
ของ Bell Cross ทำให้เหล่า Freedom Resistant กลายเป็นผู้ก่อการร้ายไปในสายตาของทุกอาณาจักร
นอกจากนั้นการขัดขวางยังไม่สำเร็จผลด้วยว่า การขนส่งผ่านลิฟต์วงโคจรเป็นเพียงฉากบังหน้า

เพราะตู้คอนเทนเนอร์ที่ส่งขึ้นไปนั้นว่างเปล่าก่อนที่ ของจริงจะถูกขนส่งขึ้นไปด้วยยานขนส่งของบริษัทอย่างลับๆ
ระหว่างที่ Angle Wing ต้องทำการสะสมพลังงานเพื่อขึ้นสู่วงโคจร ภารกิจกำจัดแลนทิสที่ Bell Cross ส่งมาก็เริ่มขึ้น
โดยใช้การเดทของ เจนัส และนีน่า เป็นนกต่อ จนสำเร็จในที่สุด ขณะเดียวกัน ชินจิ ก็ตัดสินใจยอมให้ความร่วมมือ
กับกองกำลังเพื่อหาคำตอบและลบความแค้นในใจของตน ทำให้ความสัมพันธ์ของ เขา กับ เจนัส เริ่มที่จะดีขึ้นมาบ้าง
บัดนี้พวกเขาได้กระโจนเข้าสู่สนามรบแห่งสรวงสวรรค์ อวกาศรอพวกเขาอยู่ไปดูกันเลย!
…………………..


หลังจากที่ยาน Angle Wing ได้ขึ้นมาสมทบกับกองกำลังหลักที่ Colony Zalom เวลาได้ผ่านไปสามวันแล้ว
ทว่าวันเวลาก็ผ่านไปอย่างโหดร้ายเมื่อพวกเค้าต้องรับกับการโจมตีของ กองทัพโลกที่พึ่งจะได้ข้อมูลจาก Bell Cross
จึงเข้าตีเพื่อทำการกวาดล้างทว่า ทาง Colony Zalom ที่ให้การสนับสนุนก็ได้ทำการส่งทัพออกมาสกัดกั้นเอาไว้
ทำให้สงครามระหว่าง มัลติอาร์เมอร์ และสงครามหุ่นยนต์ รวม ไปถึงยานรและอีกหลายรูปแบบได้อุบัติขึ้น

เนื่องจากทาง Colony Zalom ได้ ดร. คีออส ช่วยสนับสนุนด้านข้อมูลในการสร้าง มัลติอาร์เมอร์ ทำให้กองทัพของพวกเขามีอำนาจมากพอที่จะต้านการโจมตีจากกองทัพโลกได้ ทว่าในตอนนี้ Colony Annedisonge และ Colony Felasia ก็ได้ให้การสนับสนุนช่วยเหลือ แก่กองทัพโลก โดยมี Bell Cross เป็นแกนนำ
นอกจากนี้กลุ่มทวีปอื่นๆ ก็ยังเริ่มเคลื่อนไหวทำให้ตอนนี้กลุ่มอำนาจถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย

 โดยทางBell Cross ได้รับความช่วยเหลือจากฟีเลเซีย และแอนดิซองกับ องค์กรและหน่วยงานต่างๆจากสามทวีป
ซึ่งมี
สาธารณรัฐต่างๆในทวีป เลาดิเชีย
องค์กรสหประชาชาติแห่งทวีป อาริมาเธีย
กลุ่มประเทศผู้ให้การสนับสนุนองค์กรนานาชาติ ทวีป โทร่า
ราชอาณาจักร อาแลนด้า ทวีป ดิสอาปจูร่า
กลุ่มประเทศที่ให้การสนับสนุนแก่ราชอาณาจักร ทวีป มิสรายิม

ในขณะที่

 Freedom Resistant ได้รับความช่วยเหลือจาก ซาโลม หน่วยงานในกลุ่มทวีปอื่นๆได้แก่
สาธารณรัฐ ทีนวาแลน ทวีป คาดาร่า ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก สหพันโลก
 Colony Lemuria ราชอาณาจักรแห่งตำนาน ย้ายขึ้นมาอยู่บนโคโลนี่เมื่อ200 ปีก่อน

ส่วนแคว้น ลาซาล ที่อยู่ในเขต ซาโลม ปฏิเสธ ที่จะเข้าร่วมสงครามและจัดตั้งกลุ่มความเป็นกลาง
ร่วมกันกับ สาธารณรัฐ อาณาจักร ฟูดินัน และจัดตั้งองค์กรระหว่างชาติขึ้นเพื่อหาผู้ร่วมอุดมการณ์
ที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสงคราม โดยใช้ชื่อว่า
ADC (Association Dispassionate Confliction = กลุ่มสมาคมความเป็นกลางทางความขัดแย้ง)

บัดนี้ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นทั่วโลก Terra และแผ่ขยายออกไปเรื่อยๆเพราะการเข้าแทรกแซงของ Freedom Resistant
ทว่าก็ยังมีกลุ่มคนที่ไม่ได้ละเลยกับการกระทำของ Bell Cross จึงได้ให้การสนันสนุนแก่ Freedom Resistant
และนอกจากนี้ กลุ่มชนเผ่าจาก กาแล็คซี่อื่นๆยังได้เข้ามาร่วมสงครามในครั้งนี้อีกด้วย

โดยเป็นกำลังสนับสนุนให้ แก่ Freedom Resistant  เนื่องจากล่วงรู้ถึงการกระทำของ Bell Cross
ที่กำลังดำเนินการในขณะนี้เป้าหมายที่แท้จริงของ Bell Cross นั้นยังคงไม่ได้ถูกแจ้งให้แก่ พวกลอว์เรนซ์เลยแต่อย่างใด หากว่ากันตามตรงแล้ว พวกเขาชนเผ่าของดวงดาว เทอร่า นั้นกำลังถูกหลอกใช้ เพื่อการเข้ามาหาผลประโยชน์ของ กลุ่มกาแล็คซี่อื่นโดยใช้สงครามครั้งนี้เป็นตัวกลาง อนาคตจะไปในทางใดไม่อาจมีใครล่วงรู้บัดนี้ หน้าประวัติศาสตร์ของ ลอว์เรนซ์และพรรคพวกใกล้จะถึงหน้าสุดท้ายแล้ว............

“ ส่งหน่วยรบมัลติอาร์เมอร์ออกไปหน่วยแนวหน้า มาสเตอร์แอคเตอร์ ทั้ง6คนเป็นยังไงบ้าง  ”
เสียงสั่งการของ คางาริ ดังขึ้นอย่างร้อนรนขณะที่ ทั้งห้องบังคับการของยาน Angle Wing
ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เหล่าพลทหารต่างวุ่นกันจนหัวปั่นสภาพภายนอกยานเองก็เช่นกัน ตัวยานนั้นได้รับความ

เสียหายในหลายๆจุดจากการสู้รบ ที่กำลังระอุ อยู่นอกยาน กว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาต้อง อยู่ในสภาพสนามรบนี้มาตลอดความเครียดและความเหนื่อยล้า เริ่มถาโถมแก่เหล่าทหารของยาน  ทว่าการโจมตีของฝ่าย เบลครอสและกองทัพโลก กลับไม่มีทีท่าว่าจะ ลดผ่อนลงเลยแต่ยิ่งทวีหนักยิ่งขึ้น ฝ่ายกองทัพสนับสนุนของ กองกำลังต่อต้านอิสระ
กลับไม่สามารถฝ่าเข้ามาช่วยพวกเขาได้เลย ทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับวงล้อมของกองทัพ

“ หัวหน้าคะ ชินจิ ไปรับทั้ง 6 คนกลับมาแล้วค่ะ..ทั้ง 6 ได้รับบาดเจ็บค่ะ ”
โคโลน่า รายงานขึ้นด้วยความตกใจเมื่อได้รับรายงาน

“ เตรียมห้องพยาบาลให้พร้อม รับตัวเข้าทำการรักษาทันทีแล้วส่งหน่วยรบมัลติอาร์เมอร์ ที่ 2 ออกไปแทนแนวหน้าตอนนี้ด้วย ”
คางาริ สั่งการน้ำเสียงเด็ดขาด โคโลน่ารับคำก่อนจะรีบดำเนินการส่งคำสั่งลงไป การต่อสู้กลางอวกาศ
นั้นพวก ลอว์เรนซ์ ที่มีมาสเตอร์แอคเตอร์ซึ่งติดตั้ง E.I. บูสเตอร์ ครบทุกคนแล้วพวกเขาจึงสามารถต่อสู้ในอวกาศได้
อย่างไม่ติดขัดทว่านั่นก็เป็นภาระของพวกเขาที่จะต้องรบแทบตลอดเวลา เนื่องจากกำลังหลักของยานคือพวกเขา
.........
.............

ห้องพยาบาล

ภายในห้องมีทหารที่ได้รับบาดเจ็บ นอนอยู่บนเตียงซึ่งเรียงรายไปรอบห้อง จำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแม้กระทั่งตอนนี้คนที่พึ่งจะหายดีก็ยังต้องออกรบ เพราะสถานการณ์บีบบังคับ แม้ว่าคางาริ จะไม่ได้บังคับให้พวกเขาอออกไปรบ

ทั้งที่ยังไม่หายดี ทว่าด้วยความอาจหาญของพวกเขานั้น แม้จะไม่ไหวแต่หากยังพอที่จะออกไปสู้ได้พวกเขาก็จะไม่ฟังอยู่ดี ทำให้ตอนนี้ มีพลทหารที่ตายไปจำนวนไม่น้อย ตอนนี้แทบทั้งยาน จำนวนคนเริ่มจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ พวกเขาไม่เหลือหนทางที่จะรอดออกไปจากวงล้อมนี้ได้เลย

“ เอาผ้าพันแผลมาเพิ่มเร็ว ”
ลิลลี่ สั่งการให้พลลูกมือ ขณะที่มือของเธอยังคงพันผ้าพันแผล อย่างไม่หยุดมือ ขณะที่ห้ามเลือดที่ไหลพราก
ออกจากแขนของ ลากูน่า ซึ่งรอยแผลเกิดจากแรงระเบิดที่ปะทะมาตอนรบ ด้าน เจนัส กับ ลอว์เรนซ์ ที่
ใช้ไฮเปอร์โหมด รบเป็นหลักนั้น พวกเขาต้องรับภาระมากกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว เพราะต้องคอยคุ้มกันทุกคนด้วย

ทำให้พวกเขาได้รับบาดแผลมากกว่าใครเพื่อนทว่า ทุกคนเองก็โทรมไม่แพ้กัน แม้แต่ ฟอน เอง ยังต้องออกไปรบเพราะจำนวนคนไม่พอ และเพราะอาการบาดเจ็บจึงทำให้เขาไม่สามารถไปเปลี่ยนเวรคุมยาน กับ คางาริ ได้

ริคุ และ นีน่า ทั้งสองคนนั้นแม้จะได้รับบาดเจ็บจนต้องพันผ้าทั้งแขน และขา แต่ก็ยังคงฝืนช่วยงาน พยาบาลเพราะคนไม่พอ ทำให้ ลิลลี่ รู้สึกลำบากใจไม่น้อย ทว่าก็ไม่มีทางเลือก เพราะพลลูกมือไม่พอช่วย
........
...........

ด้านนอกยาน
ท่ามกลางฝูงบินของหุ่นรบ Omicron-O  และกองทัพ มัลติอาร์เมอร์ ที่ล้อมกรอบเข้ามา
เหล่าพลทหารของยานซึ่งสวม มัลติอาร์เมอร์  FlashBeta-2  ได้เข้าปะทะเพื่อป้องกันยานอย่างเต็มกำลัง

โดยที่ชุดเกราะของพวกเขาถูก ดัดแปลงให้ใช้ในอวกาศได้ ทว่าศัตรูที่เป็นรุ่น Groove Alpha-1 ซึ่ง
ถนัดรูปแบบระยะไกลย่อมได้เปรียบ กว่าพวกเขาที่เป็นแบบระยะใกล้ถึงกลาง

“ หน่วยที่2 กับ3 ตีฝ่าออกไป เราจะต้องเปิดทางหนีให้ยาน ”
ชินจิ ซึ่งสวม มัลติอาร์เมอร์ แฟลชเบต้า ของยานออกคำสั่งนำทีมเข้าไปตีฝ่าทะลวงวงล้อม โดยตัวเขา
ออกนำไปด้วยความสามารถของ โคออดิเนเตอร์ ทำให้เขามีความเร็วและความชำนาญในการรบ

แม้จะใช้มัลติอาร์เมอร์ก็ตามทว่า มันก็ยังไม่ได้ผลเพียงพอกับ แอคเตอร์ เพราะเมื่อตี ฝ่าวงล้อมเข้าไปศํตรูก็จะแห่กันเข้ามาปิดล้อมพวกเขาอีก ชินจิ จึงต้องนำทีมถอยกลับเข้ามาคุ้มกันรอบยาน เพื่อไม่ให้ถูกปิดล้อมและป้องกันยานไปด้วย

“ Mega Slash ”
สิ้นคำขวานในมือของ ชินจิ ก็ถูกอาบด้วยคลื่นไฟฟ้า ก่อนที่เขาจะกวัดแกว่ง ฟันทำลายหุ่นรบ รอบๆตัวเขาจนระเบิดกระจายไปหมด ทว่าพลทหารที่อยู่ข้างๆเขากำลังจะถูก ทหารมัลติอาร์เมอร์ ของอีกฝ่ายยิง ปืนลำแสงของเขาถูทำลาย

ไปแล้ว เสี้ยววินาทีนั้น ขวานในมือของ ชินจิ ก็ถูกขว้างหมุนควงเข้าไปปั่นทำลาย อาวุธของศัตรู ทำให้พลทหารฝ่าบเขาสามารถยิง ทำลายพลทหารของอีกฝ่ายได้ทัน ขวานที่ขว้างของไปได้ควงกลับมาที่มือของ ชินจิ
ก่อนที่เขาจะลงมือทำลายหุ่นรบต่อไป  การรบยังคงยืดเยื้ออยู่เรื่อยๆ
.........
.............
สองวันต่อมา
ณ ห้องบังคับการ

“ ตอนนี้เรามีทางเลือกน้อยมากหากเรายังไม่สามารถตีฝ่าออกไปได้ใน วันพรุ่งนี้ล่ะก็พวกเราคงต้องตายอยู่ที่น่ะเพราะพลังงานก็เริ่มจะไม่พอแล้ว เสบียงก็ด้วยอีกอย่างพลทหารที่จะรบก็เหลือน้อยมาแล้วจาก 10 กองกำลัง เหลือที่ยังรบได้แค่2หน่วยเท่านั้น ”
คางาริ รายงานแก่ฟอน ขณธที่พวก ลอว์เรนซ์ ทุกคนซึ่งยังไม่หายดีนั้นนั่งฟังผลรายงานอย่างเคร่งเครียด

“ จากสถานการณ์ตอนนี้ หากเราบุกออกไปตรงๆเพื่อสมทบกับกองกำลังที่อยู่แนวหลังล่ะก็ คงไม่แคล้วถูกพวกมันอ่านออกแน่ถ้างั้นเราจะ บุกอ้อมออกไปทางด้านข้างแทน เพราะกำลังของพวกมันน้อยที่สุดก็บริเวญนั้นเพียงแต่เรา จะต้องทำให้เร็ว ที่สุดก่อนที่พวกมันจะกรู กันเข้ามาปิดล้อมจนออกไม่ได้ ”

ฟอน อธิบาย แผนการซึ่งเป็นทางออกสุดท้ายของพวกเขา ทว่าความเสี่ยงนั้นช่างมีมากมายเสียเหลือเกินจนแทบจะเป็นไปไม่ได้กับกำลังพลที่เหลือเพียงน้อยนิดของพวกเขา ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบทันที
เมื่อทางออกสุดท้ายมีเพียงวิธีนี้เท่านั้น

“ ถ้าอย่างนั้นพวกเราทั้งหมดที่ถือครองมาสเตอร์แอคเตอร์ ก็ควรจะทำงานนี้กันโดยลำพังให้พวกทหารที่เหลือ
เตรียมการอยู่ในยานก็พอครับ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น ท่ามกลางสายตาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ใช้คนเพียง6 คนเพื่อทำการตีฝ่าวงล้อมออกไปมันช่างเหนือความคาดหมายอย่างที่สุด เมื่อ คางาริ จะค้านทว่า ฟอน ก็ปรามเอาไว้เพื่อให้รอฟังเขาให้จบซะ
ก่อน ลอว์เรนซ์จึงกล่าวต่อ

“  หากเรานำพลทั้งหมดออกตีฝ่าไปนั้นเป็นเรื่องที่ เสี่ยงเกินไปและอาจจะทำให้กระทำการได้ช้าเพราะฉะนั้นถ้าให้พวกเราที่ มีพลังรบมากที่สุด รับจัดการเพียงลำพังจะสะดวกกว่าและถ้าเกืดว่าพวกเราเสียท่าขึ้นมา พลทหารทั้งหมดที่อยู่ในยานจะได้ออกสานต่อแทน”
ลอว์เรนซ์ กล่าวแม้จะไม่อยากยอมรับทว่าก็จริงตามที่เขากล่าว หากมีเพียงพวกเขาก็คงจะทำงานได้สะดวกกว่าทว่า อัตราที่พวกเขาจะแพ้นั้นก็มีสูง แต่นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วก็ว่าได้ พวกเขาจึงตกลงที่จะดำเนินการตามนี้

...................
......................
.......................
วันต่อมา

“ พวกนายจะบ้ารึไง..คิดจะใช้กำลังคนแค่นั้นตีฝ่าออกไปแบบนี้น่ะ..พี่ก็ช่วยพูดอะไรหน่อยสิคะ ”
เทีย กล่าวขณะที่พวก ลอว์เรนซ์ ซึ่งแปลงร่างเรียบร้อยแล้วกำลังจะไปที่ catapult gate ของยาน
ทว่าฟอนเองก็ส่ายหน้าไม่ทำตาม เมื่อเห็นว่า เทีย ทำท่าจะไม่ยอม ลอว์เรนซ์ จึงแทรกขึ้นมา

“ ไม่หรอก..แบบนี้ดีแล้วล่ะ..จากแผนการนี้จะไม่มีใครต้องเสียเลือดอีก..แค่เฉพาะพวกเราก็พอแล้ว.ไม่ต้องห่วงพวกชั้นจะช่วยให้เราหนีออกไปให้ได้ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อไม่ให้ เทีย แย้งขึ้นอีกก่อนจะเดินออกไป

“ หากพวกเราไม่ได้กลับมาฝากนายด้วยนะ ”
เจนัส หันมากล่าวกับ ชินจิ คำพูดของเขาทำให้ ชินจิ ต้องชะงักไปโดยที่ไม่ทันได้โต้ตอบอะไร เพราะเจนัส ก็เดินออกไปสมทบกับ ลอว์เรนซ์ แล้ว

“ ลอว์เรนซ์ ”
เทียตะโกนเรียก ลอว์เรนซ์ จึงหยุดเพื่อจะฟังเธอ แต่ก็ไม่ได้หันหน้ากลับมา

“ สัญญานะว่าจะกลับมา..นายจะต้องกลับมาพร้อมกับทุกๆคนน่ะ ”
เทีย กล่าวขอร้อง ทว่าคำขอของเธอนั้นไม่มีใครที่จะให้คำมั่นได้ เพราะพวกเขาเองต่างก็เตรียมใจเอาไว้แล้ว
ว่าอาจไม่ได้กลับมาอีก

“ อืม..ต้องกลับมาแน่..ชั้นสัญญา ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวโดยไม่หันมามองเธอแม้แต่น้อยก่อนที่จะออกเดินต่อไป ทำให้ เทีย ไม่อยากที่จะเชื่อในคำของเขาทว่าถึงจะถามไปอีกครั้ง ลอว์เรนซ์ ก็คงจะตอบเหมือนเดิม เธอจึงได้แต่ปล่อยให้พวกเขาออกไป รบกันตามลำพังโดย
ได้แต่ยึดเอาคำมั่นที่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวพูดออกมาจากใจจริงหรือไม่ เป็นความหวังเท่านั้น

........
............

“ Change Hyper Dragonfly ”
“ Change Hyper Wolf ”
สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ และเจนัส ก็เข้าสู่ไฮเปอร์โหมด ฟันเนลทั้ง 12 ตัวของ เจนัส ถูกส่งออกมาเพื่อสร้างเกราะคุ้มกันยานอีกชั้น  ขณะที่ ลากูน่า กับ ริคุ คอยรับอยู่ที่แนวหน้า

“ พร้อมนะ ”
เจนัส ติดต่อผ่านหน้ากากไปยัง ลอว์เรนซ์ ขณะที่ ดูโอเบลด ของเขากางออกในสภาพเตรียมใช้ท่าพิฆาต

“ อืม...โอกาสมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบทั้งสองก็ทำการโจมตีทันที

“ Maximum Hyper Cyclone ”
สิ้นเสียง พายุพลังงานสีแดง และ ฟ้าก็หมุนตัวรวมเข้าด้วยกันพุ่งฝ่าทะลวงทำลายแนว ศัตรูจนราบสิ้น ยาน Angle Wing จึงออกตัว ทันทีเพื่อฝ่าออกไปยังทางที่เปิดขึ้นขณธที่กองทัพศัตรู กำลังจะเขยิบเข้ามาปิดทางนั้น
ฟันเนล ทุกตัวของ เจนัส ก็พุ่งออกมาสร้างกำแพงพลังงานกั้น เพื่อเปิดเส้นทางเอาไว้ โดยที่ พวกนีน่า ลากูน่า และริคุ
รวมไปถึง ฟอน ออกไปตีไล่ต้อน ศัตรูไม่ให้อ้อมมาล้อมได้

“ สำเร็จออกไปได้แล้ว ”
โคโลน่า กล่าวด้วยน้ำเสียงปิติยินดีอย่างยิ่งเมื่อ พวกเขาฝ่าออกไปจากแนวรบแล้ว ขณะที่ข้างหน้านั้น
กองกำลังของพวกเขา กำลังจะมารับและคุ้มกัน โดยทางด้านหลังมี พวก ลอว์เรนซ์
คอยสกัดศัตรูเอาไว้ให้  ทว่าก็มียานขนส่งลำหนึ่ง บินตัดมา ทำให้พวกเขาต้องหยุดชะงัก

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #50 on: October 19, 2008, 07:07:33 PM »

“ คิดรึว่าเราจะยอมให้หนีน่ะ ”
สัญญาณภาพและเสียงของ ชายหนุ่มผมขาว สวมโค๊ท สีดำตัดลายขาวกับบุคคลข้างหลังอีกสี่คนที่แต่งแบบเดียวกัน
ได้ถูกส่งไปยังยานและตัวรับสัญญาณของพวก ลอว์เรนซ์

ศํตรู ทั้งห้าที่ปรากฏตัวมาได้ยกไวโอลิน สีดำขึ้นก่อนจะบรรเลงบทเพลงออกมา ทันใดนั้นก็เกิดคลื่นไฟฟ้าแปรปรวนรอบกายของทั้งห้า ก่อนที่ ชิ้นส่วนชุดเกราะจะปรากฏขึ้นและประกอบสู่ร่าง ไม้สี ไวโอริน กลายสภาพเป็นดาบในขณะที่ตัวไวโอริน กลายเป็นโล่ นักรบทั้งห้าได้ทะยานออกมาจากขนส่ง ก่อนที่ยานลำนั้นจะระเบิดออก

“ พวกเราคือกระดิ่ง5เสียง Angle Actor ”
ทั้งห้าส่งสัญญาณประกาศ

“ อัซเรย์ เสียงแห่งอิสรภาพ Voice of Freedom ”
นักรบผู้สวมเกราะแอคเตอร์ สีแดงสดกล่าวขณะที่ควงดาบในมือไปรอบๆก่อนจะ ตวัดออก ชิ้นส่วนเกราะที่อยู่บริเวณไหล่ค่อยๆยกตัวขึ้นประกบกับเกราะหมวก จนดูเป็นเขา



 “ Change Paladin  ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้น พร้อมกับที่ตัวเกราะเปล่งประกายและกาง ปีกสีเงินขึ้นมา

“ ลักซ์ เสียงแห่งการพิพากษา Voice of Justice ”
นักรบหญิงซึ่งสวมเกราะสีแดง ส่งสัญญาณเสียงออกมาขณะที่บินตามมาสมทบกับคนแรก



“ Change Paladin ”

เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ หล่อนยกโล่สีดำของตนขึ้นมาก็เกิดเกราะพลังงานเสริมที่ขอบปลายโล่จนมันมีรัศมีการป้อนกันที่กว้างพอจะกันทั้งร่างของเธอจากด้านหน้า


“  เรย์ เสียงแห่งตำนาน Voice of Legend ”
นักรบอีกคนซึ่งสวมเกราะสีขาวพุ่งตรงเข้ามาสมทบอีกเช่นเคย พร้อมๆกับสัญญาณเสียงที่ส่งออกมา



“ Change Paladin ”
เสียงดังกังวานขึ้นทันทีที่ เกราะเขา เลื่อนตัวขึ้นมาประกบตั้ง ขึ้นบนหัวก่อนที่ด้ามซึ่งกระชับในมือ
จะมีลำพลังงานสีแดงส้ม พุ่งออกมาและคงรูปคล้ายดาบ


“ มิดาไร เสียงแห่งชะตา Voice of Destiny ”
นักรบหญิงซึ่งสวมเกราะสีขาว อีกคนได้ตามเข้ามาสมทบ ขณะที่ประกาศนามของตน



“ Change Paladin ”
เสียงดังกังสานขึ้นพร้อมกับที่ช่องระบายอากาศบริเวญกลางโล่ของเธอจะปล่อยควัน สีดำออกมา
ขณะที่เธอควงดาบในมือขวาไปพลาง


“ ครอสเร็กซ์ เสียงแห่งนิรันด์ Voice of Eternal ”
นักรบคนสุดท้ายซึ่งสวมเกราะสีส้มตามมาสมทบกับพวกเขาจนครบในที่สุดหลังการประกาศชื่อของตน



“ Change Paladin ”
เสียงดังกังวานขึ้นทันทีที่ เขาชักดาบออกมาจากร่องของโล่ที่ติดยังแขนซ้าย
หลังจากการรวมตัวของพวกเขาได้จบลง นักรบแห่งกระดิ่ง 5 เสียง ก็ไม่รอช้าพุ่งเข้าปะทะกับพวก ลอว์เรนซ์ ทันที

“ Chorono Control ”
เสียงดังขึ้นทันทีที่ เจนัส และลอว์เรนซ์ เดินสวิตซ์หยุดเวลาที่อาวุธของตน

“ Anti-Time Lock ”
เสียงดังขึ้นทันที ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะหยุดนิ่งลง ก็เกิดคลื่นพลังงานบางอย่าง
สวนคลื่นอาณาเขตของการหยุดเวลากลับมาจนไม่สามารถหยุดกระแสเวลา ได้
และการควบคุมเวลาของทั้งสองก็ถูกยกเลิกไป ครั้นพวก ริคุ จะใช้ Time Walk ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาแต่อย่างใด

“ คิดจะใช้การควบคุมเวลามาสร้างความได้เปรียบน่ะคิดผิดซะแล้ว ”
นักรบ ผู้ถือครองเสียงแห่งตำนาน เรย์ กล่าวเยาะเย้ยท่ามกลางความสับสนของพวกเขา

“ เรารู้อยู่ก่อนแล้วว่าพวกแกติดตั้งระบบ E.I. บูสเตอร์ทำให้ Time Walk ได้โดยไม่
ต้องกลัวสภาพไร้น้ำหนักหรือแรงโน้มถ่วงเลยแต่อย่างใด ในขณะที่พวกเราทุกคนต้องพึ่งอุปกรณ์ไอพ่นหรือยานขนส่ง ”
นักรบผู้ถือครองเสียงแห่งชะตากล่าวเสริม

“ ดังนั้นแอคเตอร์ระบบใหม่นี่จึงถูกพัฒนาขึ้นโดยมีระบบต่อต้านการควบคุม
ประจุโครโนตรอน Anti-Time Lock นอกจากนี้ระบบการสื่อสารของพวกเราก็ถูกปรับ
แก้ให้ทำงานต่อสภาวะการกระจายของ อนุภาค E.I. ดังนั้นการติดต่อสื่อสาร จึงไม่มีปัญหายังไงล่ะ ”
นักรบผู้ถือครองเสียงแห่งความเป็นนิรันด์ ครอสเร็กซ์  กล่าวขณะที่

นักรบผู้ถือครองเสียงแห่งอิสรภาพ อัซเรย์ ไม่รอช้าบุกเข้าไปในทันที

“ สรุปก็คือต่อจากนี้ไปพวกแกไม่สามารถจะควบคุมเวลาได้อีกแล้วเท่านี้
พิษสงของไฮเปอร์แอคเตอร์ก็ไม่เหลือแล้ว ”
อัซเรย์ กล่าวขณะที่ ประดาบกับ ลอว์เรนซ์ ก่อนที่ทุกคนจะเข้าประจัญบาน
โดย นีน่า ปะทะกับ ลักซ์
ริคุ ปะทะกับ ครอสเร็กซ์
เจนัส ปะทะกับ เรย์
ลากูน่า ปะทะกับ มิดาไร

ในขณะที่ ฟอนกำลังจะเข้าไปช่วยทว่าเขาก็ถูก โซ่พุ่งเข้ามารัดจากด้านหลัง

“ อย่าพึ่งรีบร้อนสิ..รอให้เก็บพวกนั้นเสร็จก่อนแล้วต่อไปก็ตาแกแล้ว ”
เสียงดังขึ้นจากด้านหลังขณะที่เจ้าของเสียง ได้ค่อยบินตรงออกมาจนสามารถเห็นตัวได้
ร่างของเจ้าของเสียงนั้นทำให้พวก ลอว์เรนซ์ ต้องจ้องตาค้างด้วยวามไม่อยากเชื่อ
เพราะนั่นคือ เซน่า ที่ สวม อาบิสแอคเตอร์ ที่น่าจะตายไปแล้วนั่นเอง

“ อาบิส เหรอแต่ชั้นจัดการแกไปแล้วนี่ ”
ลอว์รนซ์ อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตา

“ จะบอกให้รู้ไว้ซะก่อนที่ซากหุ่นนั่นจะตกลงมาทับ..ชั้นก็ได้ใช้ Time Walk หนีออกมาได้ก่อนแล้ว ”
เซน่า อธิบาย ก่อนที่โซ่ซึ่งรัดร่างของ ฟอน จะตรึงให้ร่างของฟอนเอาไว้จนขยับแขนขาไม่ได้

“ Mega Cuting ”
เสียงดังขึ้นขณะที่ ดูโอเบลดของ เจนัส ถูกตวัดใส่ร่างของ เรย์ ทว่า

“ Transporter ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวานพร้อมกับ ร่างของ เรย์ได้อ้อมไปอยู่ด้านข้างของ เจนัส แทน
 เรย์ ฟาดคมดาบใส่ทันทีทว่า ก็ถูกสกัดเอาไว้ด้วยกำแพงพลังงานจาก ฟันเนลของ เจนัส

“ โฮ่…ขนาดย้ายที่พริบตามายังรับการโจมตีได้ทัน การตอบสนองไวดีนี่ ”
เรน์ กล่าวเสียงรื่น รู้สึกถูกใจในตัว เจนัส อย่างบอกไม่ถูกที่สามารถรับดาบของเขาได้
ขณะเดียวกัน พวก นีน่า ก็ต้องรับมือกับ การเคลื่อนย้านพริบตาของ พวก กระดิ่ง 5 เสียง
เช่นกัน ทำให้ นีน่า ลากูน่า และริคุ ที่ไม่มีไฮเปอร์โหมด ต้องรับมืออย่างยากลำบาก

“ หึๆๆ..ทำใจไว้ได้เลยเมื่อไม่สามารถเคื่อนไหวเหนือกาลเวลาได้ แล้วยังต้องสู้กับ
การเคลื่อนย้ายพริบตานั่นไม่มีทางที่พวกแกจะเอาชนะได้หรอก ”
เซน่า กล่าวเสียงเรียบขณะที่มองมาทาง ฟอน เป็นเชิญเย้ยหยัน

“ ก็ไม่แน่หรอก.. ”
ฟอน กล่าวขึ้นมาอย่างมั่นใจ ทำให้ เซน่า ต้องหัวเราะออกมาด้วยความสมเพช

“ ยังจะมาปลอบใจตัวเองอีกนะ..เนี่ยเรอะผู้นำสูงสุดของกองกำลัง
ต่อต้านอิสระน่ะไม่ต้องห่วงเดี๋ยวชั้นจะส่งแกไปลงนรกคนแรกเลยก็ได้ ”
เซน่า กล่าวจบก็เรียกเอา หอกโปเรมอส ออกมาหมายจะแทงดับชีพของ ฟอน

“ นี่ก็เหมือนกัน…เพราะชั้นไม่มีทางตาย ”
ฟอน กล่าวจบลูกตาโลหะที่ไหล่ขวา ก็เลื่อนตัวไปข้างหลัง ละอองสีฟ้าจาก บูสเตอร์ ถูกหยุดการปล่อยออกมา
ก่อนที่ไอควันสีดำจะพวยพุ่งออกมาจาก รูระบายตรง หน้าออกทั้งสองข้างไอควันตลบอบอวลไปทั่วทั้งร่างที่ถูกตรึง

“ นี่มันอะไรกัน..หนอย ”
เซน่า สบถก่อนจะตัดสินใจแทงหอกลงไปทันที

“ Ghost Walk ”
เสียงดังกังวานขึ้นจากตัวเกราะก่อนที่ หอกของ เซน่า จะแทงลงไป
ร่างของ ฟอน โปร่งใสขึ้นเล็กน้อยในทันที ก่อนที่โซ่ซึ่งตรึงร่างของเขาเอาไว้จะ หลุดออก
เพราะไม่อาจมัดหรือจับต้องร่างของเขาได้ หอกของ เซน่า ที่แทงมานั้น
ทะลุผ่านร่างของ เขาไปเช่นกันก่อนที่ ตัว ฟอน จะพุ่งผ่านทะลุของ เซน่า อย่างรวดเร็ว
ไม่ช้าร่างของ เซน่า ที่ถูก ฟอน พุ่งผ่านไปนั้น ก็ทรุดตัวลง ลอยเคว้งในอวกาศไป
ทว่าไม่นานเขาก็กลับมาตั้งตัวได้


“ น…นี่มันเกิดอะไรขึ้น อยู่ๆพลังงานก็ตกไปชั่วขณะแล้วก็กลับมา ”
เซน่า อุทานด้วยความตกตะลึงกับการกระทำของ ฟอน ที่ตอนนี้ร่างของ ฟอน
ก็ยังคงโปร่งใสอยู่และมีกลุ่มควันร่องลอยอยู่รอบๆ

“ นี่คือ Ghost Walk เป็นทักษะเฉพาะของ แฟนธอมเดรค ซึ่งจะทำการเปลี่ยนสสาร ร่างกายของชั้นให้เป็น
ประจุพลังงานที่จับกลุ่มกันแบบหลวมๆ จึงสามารถที่จะทะลุผ่านมวลต่างๆได้เหมือนกับวิญญาณไงล่ะ
นอกจานี้ยังสามารถดึงเอาพลังงานของอีกฝ่ายทิ้งออกจากร่างได้ที่โดนเข้าเมื่อครู่นั้นล่ะ ”
ฟอน กล่าวจบก็พุ่งเข้าชนร่างของ เซน่า ไปมาโดยทุกครั้งที่ทะลุผ่าออกมาก็จะดูดเอาพลังงานออกมาสลายทิ้ง

“ Ghost Walk ”
เสียงดังกังวานขึ้นก่อนที่ ก่อยที่กลุ่มควันจะสลายตัวไปบูสเตอร์กลับมาทำงานอีกครั้ง
 ร่างของ ฟอน จึงกลับสภาพเช่นเดิม
ทว่าพลังงานของ อาบิส ก็ได้มาถึงขีดสุดแล้ว

“ ตอนนี้ อาร์เมอร์แอคเตอร์ นั่นไม่เหลือพลังงานอีกแล้วสินะ ”
ฟอน กล่าวขณะที่ เซน่า พยายามจะทรงตัวในสภาพไร้น้ำหนัก เพราะไอพ่นพลังงานที่ใช้บินมาได้ถูกดูดพลังานออกจนหมด

“ แล้วมันยังไงล่ะ ”
สิ้นคำของ เซน่า เขาก็ ทุบสวิตซ์ ที่กลางหน้าอกลงไป สำรับไพ่ทั้งสามได้ปรากฏลอยเคว้งอยู่ตรงหน้าของเขา
ก่อนที่จะสุ่มหยิบเอาขึ้นมา อย่างละใบ

“ Hyper Mode  ”
สิ้นคำของ เซน่า ไพ่ทั้งสามใบก็สลายกลายเป็นเศษส่วน ก่อนจะรวมตัวเข้ากับร่างของ เซน่า
และขยายร่างเปลี่ยนรูปเป็นเครื่องจักรสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งมีรูปร่างคล้ายยาน


“ Part Set up Combine Hyper Mode  ”
เสียงดังกังวานขึ้นจากตัวยาน ที่เปลี่ยนร่างมาจาก เซน่า



“ นี่คือไฮเปอร์โหมด ของข้ายานรบซึ่งบินได้เร็วกว่าเสียง บาอัลเซบัพ(Baalzebub) ”
สิ้นคำของ เซน่า ยานรบยักษ์สีดำก็พุ่งเข้า กระแทกร่างของ ฟอน จนกระเด็น
ความเสียหายจากแรงปะทะ ทำให้ ฟอน แทบจะหมดสติในทันที เกราะซีกขวา กว่าครึ่งของร่าง

เริ่มแตกร้าว ขณะที่ บาอัลเซบัพ กำลังหักหัวเรือเข้าพุ่งชนอีกครั้ง ร่างของ ฟอน ถูกชนกระแทก อย่างแรง
ปม้ว่าเกราะของ แอคเตอร์ จะช่วยรับแรงกระแทกเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด ในตอนนี้ ฟอนได้หมดสติไปแล้ว
จากการชนอย่างรุนแรงต่อเนื่องถึงสามครั้ง

“ ฟอน…อัก ”
ลอว์เรนซ์ ที่เห็นฟอนเสียท่า ครั้นจะเข้าไปช่วย ก็ถูก อัซเรย์ เคลื่อนย้ายมาดักหน้าก่อนจะ ลงดาบ
ใส่ร่างของเขา จนตัวเกราะเกิดรอยร้าว

“ ชิ…จะทำยังไงดีล่ะตอนนี้ แค่เราสองคนรับมือกับเจ้าพวกนี้ก็แทบจะไม่ไหวแล้ว
สามคนนั้นก็ไม่มี ไฮเปอร์แอคเตอร์ ด้วยคงจะสู้กับพวกมันไม่ได้นานหรอก แล้วตอนนี้กองยานของ ศัตรูก็ไล่หลังมาแล้วขนปล่อยเอาไว้แบบนี้แย่แน่ ”
เจนัส คิดขณะที่ พยายามจะฟันใส่ เรย์ ทว่าอีกฝ่ายก็เคลื่อยนตัวหลบในพริบตาทุกครั้งไป

“ …จะให้ส่งทัพออกไปช่วยไหม ”
เสียงสัญญาณจาก ห้องบังคับการส่งมาที่หน้ากากของ เจนัส

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #51 on: October 19, 2008, 07:07:49 PM »

“ ไม่ได้..ถ้าส่งออกมาล่ะก็ พวกเราจะเสียเวลาในการถอยทัพและอาจถูกปิดล้อมอีกตอนนี้รีบหนีไปก่อน ”
เจนัส ติดต่อกลับไปทว่า ครั้นจะให้ยาน Angle Wing หนีไปก็ไม่ทันแล้วเพราะกองทัพของ ศัตรูได้เคลื่อนเข้ามาปิดล้อมพวกเขาเอาไว้อีกครั้ง

“ ชิ..เสร็จกันเราโดนพวกมันล้อมเอาไว้แล้วหรือนี่…อัก ”
เจนัสสบถ ทว่าคมดาบของ เรย์ ก็พุ่งเข้ามาแทงทะลุร่างของ เขาเสียแล้ว

“ มีเวลาไปห่วงคนอื่นด้วยรึไงกัน ”
เรย์ กล่าวเสียงเหี้ยม ขณะที่ดึงดาบอกจากร่างของ เจนัส ก่อนจะตวัดดาบอีกครั้งหมายจะบั่นคอของเขา

“ RaZor Leaf ”
เสียงดังกงวานขึ้นก่อนที่ มีดกลีบดอกไม้ของ นีน่า ทั้ง 16 กลีบจะพุ่ง ตรงเข้าใส่

“ Transporter ”
เรย์ กัดฟันสบถด้วยความไม่พอใจก่อนจะ เคลื่อนย้ายพริบตาหนีไป ทำให้การโจมตีของ นีน่า พลาดไป

“ เจนัส ไม่เป็นไรนะ ”
นีน่า กล่าวหลังจากที่พุ่งเข้ามารับร่างของ เจนัส ซึ่งถูกแทงจนบาดเจ็บสาหัส

“ Tomahawk Crusher ”
เสียงทุ้มแหลมกังวานจากตัวเกราะของ ลักซ์ ที่ตามหลังมา ก่อนที่หล่อนจะเก็บดาบ
ไปที่เอวซ้าย เกราะที่อยูหลังหัวไหล่ซ้ายและขวา ได้ยกตัวขึ้น มาข้างหน้า ก่อนที่ใบมีดพลังงานสีแดงจะ

ปรากฏขึ้นยังชิ้นส่วนนั้น ลักซ์ จึงไขว้แขนจับที่ด้ามจับของ ชิ้นส่วนนั้น และเหวี่ยงมันออกไป
ทั้งสองชิ้น โดย เหวี่ยงชิ้นที่หัวไหล่ซ้ายก่อนตามด้วยหัวไหล่ขวา

“ Leaf Screen ”
เสียงทุ้มต่ำดังกังวานจากตัวเกราะของ นีน่า ก่อนที่กลีบดอกโลหะ ทั้งหมดจะเรียงตัวเป็นกำแพงกั้นการโจมตี ทว่า
ทันทีที่ ชิ้นส่วนแรกควงกระแทก กำแพง ก็แตกสลายทันที ชิ้นส่วนแรกหลังจากกระทบกำแพงแล้วก็ควง
วนกลับออกไป ก่อนที่ชิ้นส่วนที่สองจะพุ่งเข้า หาทั้งสอง ที่ตกเป็นเป้านิ่ง

“ อัก.. ”
เจนัส กระอัก ออกมาหลังจากที่ เอาร่างของตน รับชิ้นส่วนที่สอง ที่พุ่งเข้าใบมีดได้เฉือนลึกเข้าที่
ลำตัวของเขา

“ ไม่เป็นไรใช่มั้ย..อัก ”
เจนัส กล่าวถาม นีน่า ที่ยังจ้องเขาด้วยความตกใจที่ เขาเอาร่างของตนเป็นโล่กำบังให้
เจนัส ค่อยๆถอนเอา ใบมีด ออกจากร่างก่อนเหยี่งมันกลับไป ต่อหน้าต่อตาของ ลักซ์ ที่ยังคงตะลึง

กับพลังใจของเขา ทว่าก่อนที่ใบมีดจะเหวี่ยงกลับมาบั่นคอเธอซะเอง เธอก็เหวี่ยง
ใบมีดในที่รับกลับมาอันแรก ตวัดปัดใบมีดให้ หยุดหมุนก่อนจะคว้ามาเก็บที่หัวไหล่และ

บรรจุลงไปยังที่เดิมพร้อมกับชักดาบออกมาแทน เพราะไม่อาจมั่นใจได้ว่าการจู่โจมแบบนั้นจะได้ผลอีก
และอาจจะย้อนมาทำร้ายตัวเธอเองได้

ห้องบังคับการ Angle Wing

“ ยิงสกัดเอาไว้อย่าให้มันปิดทางหนีได้ ”
คางาริ ยังคงสั่งการท่ามกลางความ โกลาหลภายในห้องบังคับการ และสภถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งขึ้น
หลงการปรากฏตัวของ กระดิ่ง 5 เสียง

“ ชิ…ถ้าตอนนี้เรายังมี คาออส อยู่ล่ะก็ ”
ชินจิ สบถขณะที่ทุบกำปั้นลงบนผนังอย่างแรง ด้วยความแค้นใจ เมื่อเห็นสภาพความพ่ายแพ้ของ
พวกเขาจากมอนิเตอร์ ในห้องบังคับการแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ เพราะลำพัง มัลติอาร์เมอร์ธรรมดาไม่อาจ

รับมือได้แน่ ความคับคั่งที่มีอยู่เต็ม อกในตอนนี้ยิ่งทวีขึ้นไปอีกเมื่อ เขาได้เห็น เหล่าบรรดาลูกเรือที่เริ่ม
สิ้นหวังและ เทีย ที่ไม่อาจทนดูการต่อสู้ของ พวกเขาได้พี่ชายและเพื่อนๆของเธอกำลังจะตาย
 ท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ เขากลับทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย

“ ชินจิ..ช่วยมาทางนี้หน่อยสิ ”
เด็กหญิงวัยเดีวกับเขา เธอมีผมสีชมพู เธอสวมเครื่องแบบ สีแดงของพวก Bell Cross เหมือนกับที่
 ชินจิ สวมอยู่ตอนนี้



“ ลูน่า… ”
ชินจิ เปรยด้วยความสงสัย ที่อยู่ๆเธอก็เข้ามาคุยกับเขาทั้งที่ตลอดมาเธอมักจะ เอียงอาย
และไม่กล้าเข้าใกล้จนเขาต้องเป็นฝ่ายเข้าไปหาเธอบ่อยครั้ง ตั้งแต่ที่โรงเรียนจนถึงบัดนี้

และแม้ว่าตอนนี้ก็ตามเรื่องที่เธอเป็นหน่วยข่าวกรองของ Bell Cross นั้นก็ยังเป็นที่แปลกใจสำหรับเค้าอยู่ดี
ทั้งที่เวลา ปกติ เธอเป็นเพียงประธานนักเรียนสงบเสงี่ยมคนหนึ่ง เท่านั้น

“ เธออยากจะ…ได้พลังคืนมาหรือเปล่าล่ะ ”
ลูน่า กล่าวเสียงสั่นด้วยความไม่มั่นใจ ทว่าทันทีที่ ชินจิ ได้ยิน คำพูดของเธอ เขาก็ตาเบิกกว้างด้วยความ
ร้อนรนทันที

“ หมายความว่ายังไง….ลูน่า เธอสามารถทำได้เหรอ ”
ชินจิ กล่าวเสียงลั่นใส่เธอ ทำให้เธอตกใจขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้ารับคำ ทันทีที่
เห็นใบหน้าซึ่งเหมือนจะร้องไห้ของ เธอ เขาก็ชะงักไป

“ อ…ข..ขอโทษนะพอดีชั้นเครียดไปหน่อยน่ะ ”
ชินจิ กล่าวขอโทษอย่างทุลักทุเล  ก่อนที่ ลูน่าจะพาเขาออกไปจากห้องบังคับการ
ทันทีที่ประตูเปิดออก ดร. คีออส ก็รออยู่ก่อนแล้ว ในมือของ ดร. ถือลูกกลมขนาดพอดีฝ่ามือ ซึ่ง
มันถูกสร้างขึ้นโดยการนำเอา ชิ้นส่วนเป็นบล็อกๆมาประกอบกันเหมือนกับลูกบิด ของคาออส
 ดร. ยื่นมันให้แก่เขา ซึ่งเขาก็รับมาอย่าง งงๆ

“ นั่นคือ อาร์เมอร์แอคเตอร์ ไกอา (Gaia)  ”
ดร. คีออสกล่าวขณะที่ส่งลูกบิดทรงกลมในมือให้เขา

“นี่คือ ไกอา งั้นหรือครับว่าแต่ทำไม ”
 ชินจิ กล่าวได้ไม่ทันขาดคำ ก็เกิดคลื่นไฟฟ้าขึ้นรอบๆลูกบิดก่อนที่มันจะลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ

“ Sing In ”
เจ้าลูกบิดทรงกลมส่งเสียงทุ้มแหลกังวานออกมา ก่อนที่บล็อค บางส่วนที่
ด้านบนของมันจะแยกตัวออกเป็นช่อง และฉาย จอภาพสีเขียวขึ้นกลางอากาศ
ซึ่ง มีรูปมืออยู่บนจอนั้น

“ เอาล่ะทีนี้ก็เอามือทาบลงไปเพื่อบันทึก ID ซะเท่านี้ ไกอา ก็จะเป็นของ เธอแล้ว ”
ดร.คีออส กล่าวจบ ชินจิ ก็ยกมือขึ้นทาบลงไปบนจอนั้น แม้จะยังสงสัยอยู่

“ ID Set Up ComPlete ”
เสียงดังกังวานขึ้นจากตัวลูกบิดอีกครา ก่อนที่จอภาพจะกระพริบ และหายไป พร้อมกับที่ช่อง
ซึ่งแยกออกมา ปิดกลับเหมือนเดิม ลูกบิดทรงกลมหล่นตุบ ลงไปที่มือของ ชินจิ

“ น…นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ลูน่า .. ทำไม อาร์เมอร์แอคเตอร์ นี่ถึงได้…. ”
ชินจิ รัวคำถามใส่เธอทว่าก็ต้องหยุดไปเมื่อ ลูน่า ก้มหัวให้เขา

“ ขอโทษด้วยนะ ชินจิ คือว่าฉัน..ฉันขโมยเอาแอคเตอร์ นี้มาจากห้องทดลอง
ที่ฐานทัพแอนดิซอง ก่อนจะหนีออกมากับพวก ริคุ น่ะที่จริง แอคเตอร์นี่ควรจะเป็น
ของเธอก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ Heaven Base แล้วเพราะมันเป็นแอคเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมารับมือ
กับไฮเปอร์แอคเตอร์ ของ ลอว์เรนซ์ ชั้นไม่อยากให้ ชินจิ ทำร้ายเพื่อนๆอีกก็เลย..ชั้นขอโทษนะ  ”

ลูน่า กล่าวเสียงสะอื้น เพราะละอายต่อการกระทำของตน ที่คิดขัดขวางความก้าวหน้าของ
คนที่ตนคอยเฝ้ามองและถวิลหามาตลอด แต่เธอในตอนนั้นก็ไม่อาจหักห้ามใจได้
เพราะไม่อยากให้คนที่ตนรัก ต้องทำผิดมากไปกว่านั้น

“ ก็อย่างที่ว่านั่นล่ะ ลูน่า เค้าขโมยตัวทดลองที่ยังไม่สมบรูณ์ออกมา พร้อมกับแฟ้มข้อมูล
ก็เลยทำให้ทางห้องทดลองที่นั่นไม่มีข้อมูลเหลือ อยู่เลยแอคเตอร์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อเธอในตอนนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ตอนนี้แทนยังไงล่ะ ชั้นเองก็ช่วยปรับปรุงจนสมบรูณแล้วล่ะนะ นอกจากนี้ยังเพิ่มระบบ Enixtion Drive เข้าไปด้วย
มันเป็นระบบที่จะเพิ่มอนุภาพในการต่อสู้แต่ว่าตอนนี้น่ะมี Magazine แค่ 8 นัด เท่านั้น ”
คีออส อธิบาย ขณะที่ ลูน่า ยังคงก้มหัวขอโทษ ชินจิ อยู่ตัวเธอสั่น ด้วยความกลัวราวกับลูกนก
ทว่า ชินจิ ก็บังคับให้เธอเงยหน้าขึ้น

“ ทำไมต้องขอโทษด้วยล่ะ.. ”
ชินจิ กล่าวขณะที่จ้องหน้าเธอ ทำให้เธอหน้าแดงด้วยความเขินอาย

“ ก็..ก็เพราะชั้นทำให้ ชินจิ แพ้ เจนัส.. ”
“ ก็ช่างมันปะไร.. ”
ลูน่า ที่กล่าวยังไม่ทันขาดคำ ชินจิ ก็ตัดประโยคแทรกขึ้นมา

“ เรื่องที่แล้วมาก็ให้มันแล้วไปที่สำคัญคือตอนนี้ต่างหาก เธอไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาขอโทษ ชั้นเลย
ที่จริงแล้ว ชั้นต้องเป็นคนขอบคุณ เธอที่ช่วยให้ชั้นไม่เลือกเดินทางผิด..และตอนนี้ชั้นก็ตัดสินใจ
ได้แล้วว่าตัวชั้นต้องการอะไรกันแน่ ”
ชินจิ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่นขณะที่ ลูน่ายังคงนิ่งอึ้งกับท่าทีของเขา

“ เข้า Bell Cross เปลี่ยนตัวเองเป็น โคออดิเนเตอร์ ที่ทำลงไปก็เพื่อแก้แค้นงั้นเหรอชั้นคิดมาตลอดแต่ที่จริงแล้ว
มันไม่ใช่ที่ชั้นทำอยู่มันก็แค่การหนีจากความจริงเท่านั้น เพราะไม่มีพลังจึงต้องไขว่คว้าแต่ที่ผ่านมาชั้นกลับเอาแต่
หมกมุ่นกับการหาพลังเพื่อแก้แค้น ทำให้ชั้นมองข้ามรอบตัวไปมองข้ามความตั้งใจที่ทแท้จริงแต่ตอนนี้ชั้นตาสว่างแล้ว ที่แสวงหาพลังไม่ใช่เพื่อแก้แค้นแต่เพื่อปกป้องคนสำคัญ  ”
ชินจิ กล่าว นี่คือคำพูดที่ออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ ความรู้สึกที่เขาพยายามจะสลัดมันทิ้งมาตลอด
ทว่าก็ไม่อาจสลัดได้ เพราะมันคือความตั้งใจที่ทำให้เขา ก้าวไปข้างหน้าได้หากแต่เขามองข้ามมันไป

“ ชั้นตัดสินใจแล้ว..จากนี้ไปชั้นจะก้าวไปพร้อมกับทุกคนไปพร้อมๆกับพวกนั้นแน่นอน เธอก็ด้วย.. ”
ชินจิ กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น อย่างมั่นใจ ก่อนจะ วิ่งกลับเข้าไปที่ห้องบังคับการเพื่อ แจ้งการออกตัว
หลังจากที่เขา ออกจากห้องบังคับการเพื่อไปที่ห้องออกตัว คีออส ก็ได้มอบ แผ่นโลหะหนาทั้ง 6 ชิ้นแก่เขา

“ ชิพ Up-Gread สำหรับทุกคน ฝากด้วยล่ะ ”
คีออส กล่าว ชินจิ รับเอาแผ่นชิพ นั้นมาพร้อมกับพยกหน้าเป็นเชิงแล้วจึงวิ่งออกไป ทิ้งให้ ลูน่า
ได้แต่มองแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปเรื่อยๆ


ครู่ต่อมา

“ Gate Stand By ”
เสียงดังขึ้นเพราะกับที่ประตูส่งยานเปิดออก ชินจิ ที่ยืนอยู่ภายในทางเดินออกตัว
ก็ยกเอา ลูกบิดทรงกลมขึ้นมา มันได้ลอยตัวขึ้นในทันทีก่อนที่จะเริ่มบิดข้อต่อของ
มันไปเรื่อยๆเพื่อเปลี่ยนสีของบล็อค ให้ตรงกัน

“ Block Break ”
สิ้นคำของ ชินจิ ลูกบิดก็บิดเร็วขึ้นเรื่อยๆจนสีตรงกันทั้งหมดจึงแตกกระจายชิ้นส่วนออก
และประกบเข้ากับร่างของ เขาก่อนจะขยายตัวประกอบกับชิ้นอื่นๆจนเป็นชุดเกราะ
รูปร่างคล้ายกับ คาออส แต่แตกต่างกันเล็กน้อยคือ มีไอพ่นพลังงาน E.I. ติดอยู่ที่หลังซึ่งบูสเตอร์เป็นแบบปีกเหมือนของ นีน่า

“ Change MagGunneR(มือปืนเวทย์มนต์) GaiA  ”
เสียงดังกังวานขึ้น จากตัวชุดเกราะทันทีที่การประกอบเสร็จสิ้น ชินจิ ก็ขึ้นไปยืนบนรางส่ง
ตัว



“ CataPult Shooter Stand By เริ่มทำการออกตัว ไกอา เวลาในการออกตัวแล้วแต่ทาง ไกอา ”
เสียงดังขึ้นจาก ลำโพงบนผนังทางเดิน

“ ชินจิ ยามาโตะ ไกอา ออกตัวได้ ”
สิ้นคำของ ชินจิ  ตัวล็อคของรางส่งก็ล็อค เท้าเขาไว้กับรางก่อนที่ ชินจิ จะย่อตัวลงเล็กน้อย
ทันทีที่ ตัวล็อคเลื่อนขึ้นขึ้นมันก็ดึงให้ร่างของ เขาพุ่งไปตามรางอย่างรวดเร็ว ทันทีที่สุดรางตัวล็อคก็คลายออก พร้อมกับที่บูสเตอร์ปีก ปล่อยอนุภาค E.I. ออกมาครอบคลุมร่างของเขา และทะยานออกไปสู่สนามรบ

“ ส่งตัวงั้นเหรอ..ใครกัน ”
ริคุ ที่รับดาบของ ครอสเร็กซ์ ด้วยใบมีดที่แขนซึ่งร้าวไป ทั้งใบแล้ว เช่นกันกับ ทุกคนในสนามรบที่ หันไปมองยัง
แสงสีฟ้าที่พุ่งออกมาจากยาน

“ บูสเตอร์ E.I. …..แอคเตอร์เรอะ ”
ครอสเร็กซ์ อุทานด้วยความสงสัย

“ เป็นไปไม่ได้นักรบซึ่งถือครอง แอคเตอร์ อยู่ที่นี่กันหมดแล้วนี่ ”
มิดาไร กล่าวด้วยความผวา

“ งั้นแล้วนั่นใครกันล่ะ ”
เรย์ กล่าวขึ้นขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังแสงสีฟ้าที่พุ่งตรงมา

“ Sonic Walk ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวานขึ้น จากแสงสีฟ้าที่พุ่งออกมา ก่อนจะหายไปท่ามกลางความสับสนของ ทุกคน

“ อะไรกันหายไปไหนแล้ว ”
บาอัลเซบัพ ซึ่งเป็นไฮเปอร์ โหมดของ อาบิส อุทานขึ้นก่อนจะหยุดกระทันหัน เพราะร่างของ ฟอน
ที่ปางตายอยู่ตรงหน้านั้นได้หายไปแล้ว เช่นกัน เจนัส กับ นีน่า ที่เป็นเป้านิ่งของ อัซเรย์ กับ ลักซ์

ก็หายไปเช่นเดียวกัน แม้แต่ ลากูน่า กับ ริคุ ที่ยังรับมือกับ พวกเขายังหายไปด้วย หลังจากที่ทั้งหมดกวาดสายตาหาจนทั่วก็พบว่า พวกลอว์เรนซ์ ทั้งหมดได้ไปรวมตัวกันอยู่ เหนือพวกเขา ก่อนที่สายตาของ ทุกคนจะต้องจับจ้องไปยังร่างของผู้มาใหม่อย่างไม่วางตา

“ ไกอา..งั้นเรอะ ”
อาบิส ที่ยังอยู่ในร่างของ บาอัลเซบัพ เปรยเสียงของเขาส่งผ่านสัญญาณออกไป
ยังทุกคน

“ ไกอา..อาร์เมอร์แอคเตอร์ที่ ถูกจารกรรมไประหว่างการพัฒนาน่ะเหรอ ”
มิดาไล อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อต่อสิ่งที่ได้ยิน

“ เรื่องนั้นช่างมันเถอะว่าแต่ใครกันที่สวมใส่มันอยู่ ”
ครอสเร็กซ์ กล่าว

“ ใครจะสวมก็ช่างมันสิ ไม่มีทางสู้กับ Angle Actor ของพวกเราได้หรอก ”
เรย์ กล่าว

“ เจ้าโง่..อาร์เมอร์แอคเตอร์นะ ไม่ใช่ มัลติอาร์เมอร์ ที่ใครๆจะสวมได้ ”
อัซเรย์ กล่าวน้ำเสียงหงุดหงิด

“ แต่ถ้าจะสวม อาร์เมอร์แอคเตอร์ก็ต้องเป็น โคออดิเนเตอร์ เท่านั้นแต่ว่าตอนนี้บนยานนั่นไม่น่า
จะมีคนที่ โคออดิเนเตอร์ ได้นี่ ”
ลักซ์ วิเคราะห์ด้วยความสงสัย ทว่าทันทีที่นึกถึง โคออดิเนเตอร์ ก็ทำให้ เซน่า รู้สึกตัวขึ้นทันที

“ ไม่หรอก..มีอยู่คนหนึ่งแต่ว่าเป็นไปไม่ได้หรอกเพราะว่า.. ”
“ เป็นไปได้สิ ”
เซน่า ที่กล่าวได้ไม่ทันจบประโยคก็ถูก สัญญาณเสียงแทรกขึ้นมา ซึ่งนั่นเป็นเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
ทว่ามันกลับทำให้ เซน่า ต้องหน้าซีดด้วยความกลัวทันที

“ ตกใจมากสิท่า ที่ชั้นยังมีชีวิตอยู่..ใช่ไหม เซน่า คัสท์ ”
ชินจิ ซึ่งสวมใส่ ไกอา ส่งสัญญาณ เสียงออกมา

“ ชิ..ชินจิ..ป..เป็นไปไม่ได้ก็นาย ถูก ไฮเปอร์เนลฟา ฆ่าไปแล้วนี่ ”
เซน่า กล่าวด้วยความผวา ขณะที่กระดิ่ง5เสียงเริ่มระสับระส่ายกับตัวตนของ ชินจิ

“ ชินจิ ยามาโตะ ที่ถือครอง คาออส น่ะเหรอแต่องค์กรยืนยันว่าตายไปแล้วนี่ ”
ลักซ์ กล่าวด้วยความสับสนต่อสถานการณ์

“ แล้วไหงเจ้านั่นมันถึงได้ไปสวม ไกอา แถมยังเป็นเจ้าพวกนั้นอีกล่ะ ”
เรย์ กล่าวอย่างร้อนรน

“ ช่างหัวมันสิจะมีเพิ่มมาอีกสักกี่ร้อยคนชั้นก็จะฆ่ามันให้หมด ”
อัซเรย์ กล่าวจบก็ พุ่งเข้าไปหมายจะ สังหารเสียในทีเดียว

“ Part Set Up Luncher ”
สิ้นคำของ ชินจิ ก็เกิดบล็อกเรียงตัวไล่ไปบนแขนของเขา ก่อนจะเรียงตัวและกลายรูปเป็น
ปืนลำแสง ขนาดใหญ่ขึ้นที่มือขวา

“ Luncher Mode ”
เสียงดังกังวานจากตัวเกราะก่อนที่ เขาจะคว้าด้ามปืนมาและเล็งไปยัง อัซเรย์

“ เชอะคิดจะล็อคเป้างั้นเรอะฝันไปเถอะ ”
“ Transport ”
สิ้นคำของ อัซเรย์ เสียงจากตัวเกราะก็ดังกังวาน ก่อนที่ตัวเขาจะเคลื่อนที่พริบตาไป


“ นึกว่าจะรอดเซ็นเซอร์ของ ไกอา เรอะตอนนี้เซ็นเซอร์และตัวสัญญาณของ
ไกอา ถูกปรับแก้ให้ใช้กับอนุภาค E.I. ได้แล้วนอกจากนี้ยังเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปอีก  ”
ชินจิ คิดขณะที่ตัวล็อคเป้าบนหน้ากาก ซึ่งวิ่งไปจับยัง อัซเรย์ ที่พุ่งเข้ามาก่อนจะหายตัวไปและทันทีที่
อัซเรย์ ย้ายมาอยู่ด้านข้างในระยะประชิด พวกลอว์เรนซ์ ซึ่งไม่ทันตั้งตัวจึงไม่อาจปกป้องเขาได้

ทว่า เซ็นเซอร์ ที่ตาซ้ายของ ไกอา ก็เลื่อนไปอัตโนมัติ ทันที ชินจิ ไม่รอที่จะให้ อัซเรย์ได้ ปรากฏตัว
อย่างสมบรูณ์ก็ลั่นไกออกมา ทั้งอย่างนั้น โดยที่ปากกระบอกยังหัน ไปทางทิศเดิม
 
“ เล็งไปทีไหนกันเจ้าโง่ตายซะ ”
อัซเรย์ ที่ปรากฏตัวสมบรูณ์เป็นที่เรียบร้อย กล่าวเย้ยหยันในชัยชนะของตน ทว่ากระสุนพลังงาน
ที่ยิงออกไปนั้น กลับวกเข้ามา กระแทกตัวของ อัซเรย์ ในทันที ด้วยความประมาท ทำให้อัซเรย์

ถูกกระสุนของ ชินจิ อัดจนกระเด็น ก่อนที่ ชินจิ จะหันมารัวยิง จนอัซเรย์ ไม่อาจหลบได้และถูกกระหน่ำ
อย่างต่อเนื่อง ก่อนที่ มิดาไล จะเข้ามากันให้โดยยกโล่ของตนป้อนกันไว้

“ หึถึงจะมีสิ่งกีดขวางก็ไม่เป็นปัญหา เดินระบบ Enixtion Drive ”
สิ้นคำของ ชินจิ ตัวปืนก็ส่งเสียงทุ้มกังวานออกมา

“ Casting Load ”
เสียงดังกังวานออกจาตัวปืนก่อนที่ มันจะเปิดฝารังเพลิงที่ด้านข้าง ออกมาปลอกกระสุน
เด้งออกพร้อมกับที่ฝารังเพลิง สับปิดลง ซ้ำเช่นนี้เสียสามครั้งโดยทุกครั้งที่สับกระสุนออก
จะมีควันพวยออกมาจากช่องรังเพลิง

“ Excel Shooting ”
ปืนส่งเสียงขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่จะเกิดมวลแสงสีส้ม สามมวลรอบปากกระบอกปืน
และทันทีที่ ชินจิ ลั่นไก กระสุนพลังงานแทนที่จะถูกยิงออกมาทีละนัด กลับมีเพิ่มจากมวลแสงเหล่านั้น
จนกลายเป็นสี่นัด และเป็นเช่นนี้เรื่อยๆ ทำให้การโจมตีแต่ละครั้งกลายเป็นการยิงถึงสี่ครั้งพร้อมๆกัน

และแทนที่โล่ของ มิดาไร จะกั้นเอาไว้ได้กลับเป็นว่า กระสุนทั้งหมดอ้อมโล่เข้าไปโจมตีพวกเขาที่อยู่ด้านหลัง
อย่างต่อเนื่องจน แทบหมดสภาพ หาก ลักซ์ ไม่เข้ามาขวางไว้โดยใช้โล่สร้างเกราะกำบังทรงกลมขึ้น
ล้อมเอาไว้ทุกทิศ

“ นั้นมันอะไรกันน่ะพอสับกระสุนเสร็จ เจ้าปืนนั่นก็ยิงได้ครั้งละสี่นัดเลย ”
ลักซ์ กล่าวเสียงหวั่นขณะที่พยายามคงโล่ให้ได้นานที่สุด เพื่อรอการช่วยเหลือจาก
เรย์ และ ครอสเร็กซ์ ทว่าทั้งสองคนก็ถูกลูกปืนที่ยิงออกมา บางส่วนพุ่งเข้าเล่นงาน

“ เอ้าพวกนายเอานี่ติดตั้งลงไปที่ อุปกรณ์แปลงร่างซะ ”
ชินจิ กล่าวพร้อมกับโปรย ชิพทั้ง 6 แผ่น ให้ชิพทังหมดลอยเคว้งอยู่ก่อนที่ทุกคนจะ
คว้าเอามาโดยใช้ สัญลักษณ์ที่แปะอยู่บนชิพ ซึ่งเป็นตราประจำตัวของทุกคน
ก่อนจะติดตั้งลงไป

“ Up-Gread Complete Hold Up From ”
เสียงดังขึ้นจาก เกราะของ ริคุ นีน่า ลากูน่า และ เจนัส
ในขณะที่ ของลอว์เรนซ์ และฟอนต่างออกไป

“ Up-Gread Complete Psy Bio From ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของ ฟอน

“ Up-Gread Complete Seven-Sword From ”
เสียงดังขึ้นจากเกราะของ ลอว์เรนซ์
หลังการเพิ่มประสิทธิภาพ สมบรูณ์ความเสียหายของเกราะทั้งหมด ก็หายไป

“ เอาล่ะเท่านี้ก็ถึงเวลาโต้กลับแล้วเต็มที่ไปเลย ”
สิ้นคำของ ชินจิ รังเพลิงของปืนที่ถือก็สับกระสุนเพิ่มขึ้นอีก 3 นัดเกิดมวลแสงเพิ่มขึ้นที่ปากกระบอก
อีกสามดวง ก่อนที่ทั้งหมดจะหมุนรวมกันเป็นดวงเดียวและลงมาอุดที่ปากกระบอก

“ Burst Blast ”
เสียงแหลมก้องกังวาน ดังขึ้นจากตัวปืน ก่อนที่ลำพลังงานแสงสีแดงขนาดมหึมาจะระเบิดพุ่งออกไป
หลังจากการลั่นไก แม้เหล่า กระดิ่ง 5 เสียง จะหลบพ้นทว่าการโจมตีก็ได้พุ่งเข้าไปทำลาย
กองทัพของ ศัตรูจนวอดวาย มิหนำซ้ำลำพลังงานยังไม่ได้หายไปเสียทีเดียว


ชินจิ ยังสามารถ ลากลำกล้องของปืนให้ กวาดทำลายขอบเขต ของเป้าหมายเพิ่มได้อีก
หลังจากที่ลำพลังงานถูกปล่อยออกจนหมด กองทัพศัตรูจำนวนมหาศาล ที่ใช้เวลา ถึงสัปดาห์
ก็ไม่อาจทำให้ลดลงไปได้กลับดูบางลงไปถนัดตาในการยิงครั้งเดียวของ ไกอา
 ทำเอารูปกระบรวนของ ศัตรูแตกพ่ายไม่เป็นท่าไป



“ ฮ่าๆๆ..จะล้างบางมันก็ต้องอย่างนี้สิถึงจะสะใจวัย.. ”
“ No Problem ”(ไม่มีปัญหา)
ชินจิ ที่ยังกล่าวไปจบก็ถูก เสียงทุ้มต่ำของ ปืนที่ถทออยู่ตอบรับขึ้นมา

“ ชะอึ๋ยนี่แกพูดได้ด้วยเรอะ ”
ชินจิ กล่าวด้วยความประหลาดใจ

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #52 on: October 19, 2008, 07:08:11 PM »

“ Yes, I Can Speak ” (ใช่ฉันสามารถพูดได้)
เสียงตอบกลับจากตัวปืนดังขึ้นอีกครั้ง สร้างความประหลาดใจและความประทับใจให้แก่เขาไม่น้อย

“ เอ้อขอโทษนะลืมบอกไปเพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานชั้นเลยใส่ A.I. เข้าไปให้ด้วยเพื่อให้ตอบสนองกับ
การต่อสู้น่ะ..อ้อของพวก ลอว์เรนซ์ ก็ด้วยนะ ”
เสียงสัญญาณ ของ ดร.คีออส ดังขึ้นโดยส่งมาจากตัวยาน

“ หางั้นก็หมายความว่า… ”
เสียงของ พวกลอว์เรนซ์ ทุกคนดังขึ้นก่อนที่เสียงของอาวุธจะตอบกลับออกมา

“ My Name Hyper Blade ” เสียงดังจากไฮเปอร์เบลด ที่อยู่ในมือของลอว์เรนซ์
“ My Name Duo Blade ” เสียงดังจาก ดูโอเบลด ของ เจนัส
“ My Name Shuriken Flower ” เสียงดังจาก กงจักรดอกไม้ทั้งสี่ของนีน่า
“ My Name Claw Slasher ” เสียงดังจาก เกราะกงเล็บที่แขนทั้งสองข้างของ ลากูน่า
“ My Name Naiser Cutter ”เสียงดังจาก ใบมีดด้านข้างทั้งสองของ ริคุ
“  My Name Bio Buster ” เสียงดังจาก เกราะแขนที่สามารถเปลียนเป็น บัสเตอร์ได้ของ ฟอน

“ พ…พูดได้ ”
“ Yes, I can Speak ”
ก่อนที่คำถามของทุกคนจะทันออกจากปากหมดประโยค อาวุธของพวกเขาก็ตอบรับเสียก่อนแล้ว
ว่าสามารถโต้ตอบกับพวกเขาได้

“ ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะเพราะพวกเธอเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปใหม่จึงมีโหมดพิเศษขึ้นด้วยด้านการใช้งานก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเค้าละกันนะของพวกครึ่งสมิง เป็นการปลดตัวจำกัดพลังทางสมิงของพวกเธอ
แล้วก็ของ ฟอน เป็นโหมดโจมตีเต็มรูปแบบ ของลอว์เรนซ์ เป็นการเรียกดาบที่เธอรู้จักขึ้นมาได้เจ็ดเล่ม ”

เสียงของ คีออสดังขึ้นอีกครั้ง เพื่ออธิบายการใช้งาน
“ ของลอว์เรนซ์ ทั้งเจ็ดเล่มก็มี Hyper Blade ที่ถืออยู่ตอนนี้กับ Dragon Edge
ที่ใช้ตอนอยู่ที่โลกนั่นล่ะที่เหลืออีก 5 เล่มก็ คือดาบที่เธอเคยใช้น่ะล่ะ เพราะเดรคแอคเตอร์สร้างขึ้นจาก
ศิลามังกรแห่งตำนาน ดราก้อนฮอลลี่ การที่เธอถูกเลือกจากเดรคก็เพื่อการนี้ เพราะมันบันทึกการต่อสู้
ของเธอในยุคนั้นไว้หมดแล้ว ซึ่งที่มีก็คือ..เอ..อะไรบ้างนะ ”
คีออส กล่าวสะดุดไปเมื่อพยายามนึกถึงชื่อดาบในประวัติของลอว์เรนซ์

“ Shin Saber, Mirai Ken, Muramasa Blade, รวมเป็น 5 เล่มค่ะคุณนี่ขี้ลืมจริงๆ ”
เสียงของ ไลล่า(Ryla)ภรรยาของ คีออส ดังแทรกขึ้นมา

“ อ๋อใช่ๆขอบใจมากนะส่วนอีกสองเล่มที่เหลือก็คือ มังกร แอริเซเก้ ที่เธอเรียกจาก Dragon Edge
ส่วนเล่มที่เจ็ดยังปลดออกมาไม่ได้ ชั้นเองก็ไม่รู้ด้วยว่ามันคือดาบอะไรตอนนี้ก็ใช้แค่หกเล่มนั้นไปก่อนนะ ”
เสียงของ คีออสที่ ติดต่อเข้ามาดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่ออธิบายการใช้งานของ ลอว์เรนซ์

“ หมายความว่าตอนนี้เราสามารถสู้ร่วมไปกับดาบที่มีจิตวิญญาณของพี่ได้งั้นเหรอ ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่นิ่งชะงักไปเพราะข้อมูลทีได้รับ

“ Master …I belive my master , Master can doing ”(นายท่าน..ชั้นเชื่อในตัวนายท่าน,นายท่านจะต้งทำได้)
เสียงดังขึ้นจากไฮเปอร์เบลด ซึ่งลอว์เรนซืที่ ได้รับกำลังใจจาก ดาบนั้น ก็ตอบสนองโดยการตั้งจิตแน่วแน่

“ System On, Seaven-Sword Mode ”
สิ้นเสียง มวลพลังงานแสง ซึ่งเรียงตัวเป็นรูปดาบเล็กใหญ่ไม่เท่ากันห้าเล่ม
ก็ลอยขึ้นล้อมรอบตัวเขา ทันทีที่ลอว์เรนซ์ ยื่นแขนไปยังดาบเล่มตรงหน้า
ความทรงจำเกี่ยวกับ พี่ชายของ เขา กาเร็ท ก็วาบขึ้นมา



“ MiraiKen ”
เสียงตอบกลับดังขึ้นจากไฮเปอร์เบลด ก่อนที่ ดาบพลังงานนั้นจะกลายเป็นชินเซเบอร์ และเลื่อนตัวไปตามวง
เพื่อให้เล่มถัดไป มาอยู่ตรงหน้าเขา และทันทีที่ ยื่นมือไปสัมผัส ความทรงจำที่เคยสู้ร่วมกับ
กาเทีย ลูกพี่ลูกน้องของ นีน่า ก็วาบขึ้นมาในหัวอีกเช่นกัน

“ Shin Saber ”
เสียงดังขึ้นจาก ไฮเปอร์เบลดอีกครั้ง และเช่นเคยดาบได้เลื่อนตัวเพื่อเปลี่ยนยังเล่มถัดไป

“ ลอว์เรนซ์ ”
เจนัส เปรยเสียง เรียบเมื่อได้เห็นความพยายามของ ลอว์เรนซ์ เช่นกัรชน แม้แต่ นีน่า ลากูน่า ริคุ และฟอน
ทว่าเหล่ากระดิ่ง 5 เสียงไม่รอให้ลอว์เรนซ์ ปลดปล่อยดาบครบทั้ง 6 เล่มพวกเขาจึงต้องออกประจัญอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้พวกเขาจะต้องไม่แพ้

“ Hold Up From ”
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกันจากเหล่าศาสตราของ ของครึ่งสมิงทั้งสี่
ก่อนที่ เกราะบางส่วนจะเลื่อนตัว เปิดออกและขยายขึ้นเพื่อรองรับกับการ กลายร่างภายในที่พวกเขาได้
จำแลงร่างเป็นสมิง โดยที่เกราะหมวกจะมีเขี้ยวโลหะ และสามารถเปิดปิดปากได้

ปีกของ นีน่า ได้ปลดออกจากล็อคของชุด เพื่อให้สามารถใช้เป็นดาบอนุภาค และ ปีกได้ตามต้องการ
เลเซอร์ที่เชื่อมเกราะหัวเข่ากับเกราะเท้าเอาไว้ระหว่างแข้ง ก็ได้ดับลง เกราะเข่าปลดตัวออก
ไปประกบติดที่ ส้นเท้าทั้งสองข้างแทน ทำให้สามารถอาศัยเร่งความเร็วได้

ส่วนใบดาบของ ริคุ ก็ได้เลื่อนตัวมาด้านกลายเป็นใบดาบติดปลายข้อมือไปแทน
โดยส่วนปลายยื่นไปข้างหน้าแทนข้างหลัง  และของ เจนัส มีดปลายเข่า ได้ถูกถอดมาประกบ
ติดที่ข้อมือเพื่อประโยชน์ ในการโจมตีที่สะดวกขึ้นและความคล่องตัวในการเคลื่อนที่

พร้อมกับที่สัญลักษญ์ รูปพระจันทร์เสี้ยวได้ ปรากฏขึ้นตรงอกของทั้งสี่ พลังของ ศิลาจันทราซึ่งห้อยคอทั้งสี่อยู่
ได้ถูกปลดปล่อยออกจากตรงนั้น  ทำให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมีพลังเพิ่มขึ้น
จากรูปแบบใหม่นี้ทำให้ พวกเขา ไม่ตกเป็นรองแก่กระดิ่ง 5 เสียง อีกแล้ว
โดยที่ เจนัส รับมือกับ อัซเรย์ และ ลักซ์
ส่วนริคุ กับ นีน่า และ ลากูน่า รับมือ มิดาไร ครอสเร็กซ์ และ เรย์

“ Psy Bio From ”
สิ้นเสียงจาก เกราะแขนของ ฟอน ชุดเกราะของเขาก็ ปลดตัวออกหลวม ที่ทุกข้อต่อเกราะ
และทันทีที่ บาอัลเซบัพ ของ เซน่า พุ่งเข้ามาฟอน ก็บิดที่ข้อต่อของ เกราะแขน ตรงบริเวณ บัสเตอร์

แขนส่วนนั้นหลุดออกมา และ สร้างดาบพลังงานขึ้นที่ปลายแขนที่หลุดออก โดยที่แขนข้างที่ถูกกระชากนั้น
ไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่น้อย  สร้างความประหลาดใจให้แก่ เซน่า จนเผลอหยุดชะงักไป
ฟอน จึงฉวยโอกาส เข้าไปฟัน จน บาซัลเซบัพ ได้รับความเสียหายอย่างหนักหน่วงจากการฟันเพียงครั้งเดียว

“ เอ่อ..ก็หนักหน่วงดีนะ..แต่แบบนี้มันไม่โหดไปหน่อยรึครับคุณพ่อ ผมเป็นนักรบแห่งความทรงจำผู้ถือครองตรา
แห่งกะโหลกก็จริง แต่ไม่ต้องให้มันโหดแบบนี้ก็ได้มั้ง ”
ฟอนกล่าวด้วยความเหนื่อยใจกับสภาพการ ต่อสู้ของเขาในโหมดนี้ ในขณะที่ คีออส พ่อของ เขาได้แต่หัวเราะ
เสียงแหบเพื่อแก้ตัว

ขณะเดียวกัน ชินจิ ก็คอยยิง ป้องกันให้ยาน Ang;e Wing ไปเรื่อยๆจำนวนของศัตรูค่อยๆลดลงไปอย่างหวบหาบ
และอีกไม่นานก็คงจะหมดในที่สุด

“ Dragon Edge ”
เสียงดังขึ้นจาก ไฮเปอร์เบลด และทันทีที่ ดาบพลังงานกลายเป็น dragon edge แอริเซเก้ ก็พุ่งขึ้นมาจาก
มหาสมุทรของ โลกตรงขึ้นมายังพวกเขาด้วยความเร็วจนเห็นเป็นแสง ก่อนจะเปลี่ยนตัวเองเป็น มุราซาเมะ
ที่ใช้ ไฮเปอร์เบลด กับ ดราก้อนเอจ ประกอบเข้าด้วยกัน

“  Murasame Javalin ”
เสียงดังขึ้นจากไฮเปอร์เบลด ขณะที่ ดาบทั้งสองได้เลื่อนตัวอย่างต่อเนื่องเพื่อ
ให้ดาบที่ยังไม่ปลดปล่อยเล่มสุดท้ายได้มาอยู่ตรงหน้าของลอว์เรนซ์

แต่ครั้นเมื่อจะเอื้อมไปจับดาบ เขาก็เกิดลังเลขึ้นมา เพราะมันคือ มุรามาซะ ของมุรามาซะโซล
ที่เคยครอบงำเขา การปลดปล่อยดาบเล่มนี้จึงเป็นไปอย่างยากลำบากกว่าเล่มอื่นๆ

“ Please, My Master Final Blade ” (กรุณาด้วย,นายท่านนี่ดาบสุดท้ายแล้ว)
เสียงจากไฮเปอร์เบลด เร่งให้เขาปลดปล่อยดาบนี้ทว่าใจเขากลับไม่อยากจะปลดปล่อยมัน
เพราะความทรงจำ ตอนที่ถูกมุรามาซะโซล เข้าสิงร่างจนเขาต้องทำร้ายเพื่อนๆนั้นได้กลับมาวนเวียนใน
ใจเขาอีกครั้ง

“ ไม่..ชั้นทำไม่ได้ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเสียงสั่นในขณะที่พยายามเอื้อมมือไปคว้าดาบเล่มสุดท้าย

“ นายต้องทำได้สิ ลอว์เรนซ์ พวกเราเชื่อมั่นในตัวนายเชื่อมาตลอดเชื่อว่านายจะทำได้
พวกเราจะคอยปกป้องนายเอง ”
ลากูน่า กล่าวขณะที่ กองหนุนของ ศํตรูเริ่มแห่กันมาอีกครั้ง

“ ชิ..พวกมันมากันอีกแล้วเรอะ ”
ชินจิ สบถขณะที่ ห่ากระสุนกำลังสาดเข้ามาที่ยาน

“ Part Set Up Shield ”
“ Shield Mode ”
สิ้นคำของ ชินจิ ปืนทีถืออยู่ก็สลายไปและ เกิดบล็อกขึ้นที่แขนซ้าย ก่อนจะเปลี่ยนรูปเป็นโล่

“ Casting Load ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่รังเพลิงด้านหลังโล่ สับกระสุนเข้าไป 1 นัด

“ All Bolcking Extream ”
เสียงดังกังวานจากตัว โล่ก่อนที่ มันจะยืดส่วนที่เป็นข้อต่อของโล่ ออก วนล้อมทั้งยานราวกับรังไหม
การโจมตีทั้งหมดที่เข้ามาถูกสะท้อนกลับไปทำลายกองทัพของ ศัตรูจนพินาศ
 ก่อนที่ โล่ทจะหดตัวกลับ

“ ชิไม่ไหวมันไม่ลดลงไปเลย Part Set Up Hyper Mode ”
ชินจิ กล่าวหลังจากที่เห็นกองหนุนของศัตรูที่มาเพิ่มอีก



“ Yer Sir ”
โล่ตอบรับคำของเขาก่อนจะสลายตัวไปและ เกิดบล็อกขึ้นเรียงไล่ไปและขยาย
ตัวจนมีขนาดใหญ่ เท่ากับปืนใหญ่ก็มิปาน โดยมีโล่เป็นขาตั้งปืนในขณะที่ปืน นั้นขยายใหญ่
และติดตั้งเข้ากับถังพลังงาน

“ เอาล่ะ Magazine เหลืออีกนัดเดียวต้องกวาดให้หมดตอนนี้สร้างเกราะคุ้มกันไว้ก่อน รอจนกว่าพวกมันจะมากันหมดแล้ว ”
ชินจิ กล่าวขณะที่ลงมายืนบนหัวเรือของยาน โดยตั้งปืนลำแสงขนาดยักษ์ ให้ปากกระบอกหงายขึ้น

“ Divine Baria ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจาก ปืนใหญ่ยักษ์ก่อนที่ โล่ซึ่งทำหน้าที่ให้ปืนค้ำยัน
จะสร้างรัศมีป้องกันแผ่ออกไปทั้งยาน พร้อมกับที่ รังเพลิงถูกสับกระออกจากตัวปืน
ไม่นาน ที่ปากกระบอกก็เริ่ม บรรจุพลังงานมากขึ้นเรื่อยๆ

“ Psy Beam ”
สิ้นเสียงจากตัวเกราะของ ฟอน ลำแสงสีดำก็ถูกยิงออกมาจาก ดวงตาที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง
 ลำแสงทำให้ เกราะของ บาอัลเซบัพ เกิดรอยร้าวขึ้นในทันที

“ Poltergeist Fantastic ”
สิ้นเสียงจากตัวเกราะของ ฟอน ข้อต่อทั้งร่างของเขาก็บิด และแยกตัวออก
แขนกับหัวไหล่แยกออกจากกัน ไม่เว้นแม้แต่ แข้งกับหัวเข่ากระทั่ง ส่วนหัวยังแยกออกจากร่าง
เซน่า ที่อยู่ในบาอัลเซบัพ ได้แต่นิ่งตะลึงกับการถอดอย่างพิสดารของ ฟอน จนถึงที่สุด
ชิ้นส่วนทั้งหมดของ ฟอนได้แยก ออกเป็น 16 ชิ้นส่วน ก่อนพุ่งเข้าระดมโจมตี โดย

เกราะส่วน หัวและเกราะไหล่จะยิง ลำแสง Psy Beam เกราะแขน จะโจมตีด้วย ดาบพลังงาน
และชิ้นส่วนอื่นๆใช้การพุ่งเข้าชน ส่วนหางนั้นจะ หมุนควงสว่าง และพุ่งเจาะทะลวง

ในท้ายสุด บาอัลเซบัพ ได้ระเบิดออกในพริบตาทว่า เซน่า ก็ถอนตัวออกมาได้ทัน ก่อนจะหลบหนีไป แม้จะอยากตามไปทว่าร่างของ ฟอน ก็ได้ถึงขีดจำกัดในการแยกร่างแล้วจึงต้องกลับมารวมประกอบส่วนเข้าที่ ทำให้เซน่าหนีไปได้ทัน

“ แต่ก็ไม่นึกเลยนะว่า จะสับให้ Ghost Walk มาเกิดผลกับร่างกาย ภายในทำให้ร่างมีสภาพเป็นเหมือนแก๊ส
จึงสามารถแยกชิ้นส่วนของตัวเองได้และยังควบคุมได้หมือนกับ ยังเชื่อมต่อ อยู่ พ่อเรานี่ก็หัวหมอเหมือนกันแหะ
ถึงสร้างไอ้ระบบ อย่างกับผีดิบ มาให้เราเนี่ย ”
ฟอน บ่นขณะที่ยังคงหมุดบิดข้อต่อเพื่อเช็คว่าแน่ดีหรือไม่

“ No Comment ”
เสียงตอบรับจากปลอกแขนดังขึ้น ทว่าก็ไม่มีเวลาให้ทั้งสอง ได้สงบใจเพราะทัพศัตรูยังมากันไม่หยุด
เขาจึงต้องรีบเข้าไปช่วยชินจิ อีกแรง


“ ม..ไม่ได้ชั้นคว้ามันไม่ได้ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวออกมาอย่างหมดหวังในขณะที่ดาบเล่มสุดท้ายยังคงไม่ถูกปลดปล่อย

“ แค่ 6 เล่มยังปลดไม่ได้แล้วเล่มที่ 7 ก็คงได้แค่ฝันล่ะ ”
ริคุ กล่าวขณะที่รับมือกับ มิดาไร อย่างลำบากขึ้นเรื่อยๆ

“ ยังจำได้ไหมสัญญา 5 ข้อของพวกเราก่อนการรบที่ทะเลทรายแห่งการสิ้นสุดน่ะ ”
เจนัส กล่าวคำพูดของเขาทำให้ ลอวเรนซ์ฉุกคิดขึ้นถึงสัญญาที่เคยให้กันไว้ก่อนการ
รบตัดสินกับอวตารแห่งพระเจ้า

“ ข้อที่ 1 ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็จะไม่ทิ้งกัน ”
ริคุ กล่าวขึ้นถึงคำสัญญาข้อแรก ขณะที่ผละออกห่างจาก มิดาไร ก่อนจะ ฟาด คาไมทาจิ
โดยอาศัยแรงลมที่เกิดจากพลังเวทย์ ของตน สร้างเคียววายุขึ้นมาฟาดใส่นางจน ถูกเป่ากระเด็นไป

“ ข้อที่ 2 จะต้องปกป้องซึ่งกันและกัน ”
นีน่า กล่าว ถึงสัญญาข้อที่สอง ขณะที่ ชักเอาปีกทั้ง 4 เหวี่ยงออกไป พร้อมกับ กงจักรดอกไม้
อาวุธทั้งหมดที่ข้าวไปพุ่งเข้าตวัดทำลายเสียจน โล่ของ เรย์ แตกละเอียดไปในที่สุด

“ ข้อที่ 3 จนกว่าจะบรรลุสัญญาถึงข้อที่ 5 ห้ามหนีหรือตายเด็ดขาด ”
ลากูน่า กล่าวขณะที่ ใช้พลังของ ศิลาจันทรา ซึ่งถูกแปลงผ่านออกมาจาก ชุดเกราะ
ทำให้การโจมตีด้วยกงเล็บของเขาสามารถ แช่งแข็งศัตรูได้ ก่อนที่เขาจะเร่งความเร็วด้วยเลเซอร์ที่ส้นเท้า

จนเข้าประชิดตัว ครอสเร็กซ์ ได้ในที่สุด ทันทีที่ กงเล็บตวัดเพียงเสี้ยววินาที โล่ของ ครอสเร็กซ์
ก็กลายเป็นน้ำแข็งและแตกละเอียดไป จนต้องถอยออกมาเหมือนกัน


“ ข้อที่ 4 พวกเราจะสู้ร่วมกันตลอดไป ”
เจนัส กล่าวขณะที่  ดูโอเบลด กางออกในลักษณะ คันธนู ทว่าเขากลับใช้มัน
เป็นพลองเลเซอร์พุ่ง ทะลวงลักซ์ และ อัซเรย์ จนเสียหายทั้งคู่ ก่อนจะถูก มิดาไร ใช้เคลื่อนที่พริบตามาช่วยพาออกไป

ได้ทัน หลังจากที่สัญญาได้ถูกกล่าวมาจนถึงข้อที่ 4 ลอว์เรนซ์ ก็ไม่ลังเลอะไรอีกแล้ว ทันทีที่ยื่นมือเข้าไปใกล้ดาบ
ความทรงจำที่เลวร้ายกับมุรามาซะโซล ก็วาบขึ้นมา ทว่าเขาก็ไม่กลัวที่จะคว้ามัน อีกต่อไป

“ ในที่สุดก็ทำสำเร็จ จนได้นะ..สิ่งที่ข้ายังขาดอยู่จนไม่อาจก้าวข้ามเจ้าได้ก็คงจะเป็นเพื่อนพ้องงั้นสิ ”
เสียงของ มุรามาโซล ดังก้องขึ้น ในหัวทันทีที่เขาจับดาบเล่มสุดท้าย

“ จริงอยู่ที่ชั้นสู้มาได้จนถึงตอนนี้ก็เพราะมีพวกพ้องคอยช่วยเหลือ แต่นายเองก็ไม่ได้ขาดสิ่งนั้นเลย
เพียงแต่นายไม่ยอมรับมันก็เท่านั้น..มาสู้ร่วมกันเถอะกับทุกๆคนเพราะความทรงจำของนายก็คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ชั้นเป็นชั้นในวันนี้ ”
ลอว์เรนซ์ ตอบกลับด้วยความคิด

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #53 on: October 19, 2008, 07:08:20 PM »

“ หึ..เอางั้นเลยรึก็จริงของเจ้า เอาสิข้าจะร่วมด้วยสู้ร่วมไปกับความทรงจำอื่นๆของดาบที่เจ้าเป็นผู้ถือครอง ”
เสียงของมุรามาซะดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้งก่อนที่ ดาบตรงหน้าจะเปลี่ยนรูปเป็น มุรามาซะ

“ Muramasa Blade ”
สิ้นเสียงของ ไฮเปอร์เบลด ดาบทั้งหมดก็หมุนวนไปรอบๆเขา ขณะที่ค่อยๆยกตัวตั้งขึ้น

“ เพราะเรามีทุกๆคนอยู่ด้วยคำมั่นแห่งหัวใจพวกเราจะต้องไปสู่อนาคตได้อย่างแน่นอน ”
ลอว์เรนซ์ คิดก่อนที่จะยก ไฮเปอร์เบลดขึ้นชูเหนือหัว
“ ข้อที่ 5 หากสัญญาตั้งแต่ข้อที่ 1-4 ยังไม่ถูกละเลย พวกเราทุกคนจะไปคว้าอนาคตแห่งชัยชนะมา ”
สิ้นคำของลอว์เรนซ์ ดาบทั้งหมดก็เปล่งแสงและ รวมตัวเข้าด้วยกันเป็นเสาแสงสูง จนแทบจะผ่ามิติเลยก็ว่าได้

“ Signum Genesis ”
สิ้นเสียงจาก ตัวเกราะของ ลอว์เรนซ์ ชินจิที่เห็น เสาแสงนั้น ก็ทำการปลดรัศมีป้องกันยาน ออก


“ เอาล่ะยิงให้เต็มแรงเลยกวาดทีเดียวให้หมดไปเลย ”
ชินจิ กล่าวจบก็ลั่นไก ปืนทันที

“ Energy Blast ”
สิ้นเสียงจากปืนของ ชินจิ ลำแสงพลังงานสีแดง ก็พวยพุ่งขึ้นไปยัง ลอว์เรนซ์
และทันที ลอว์เรนซ์ ก็ฟาดเสาลำแสงให้กระทบกับลำพลังงานแรงสูง
จนเกิดการสะท้อนกลับลงมาและเกิดแรงระเบิดขึ้นครั้งใหญ่

“ Transporter ”
เสียงดังกังวานขึ้นก่อนที่เหล่ากระดิ่ง 5 เสียงจะถอนตัวไป

“ Last in Quest ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นประสานกันจากเกราะของ ลอว์เรนซ์ และ ชินจิ
ระเบิดครั้งนี้รุนแรงเสียจนมิติ แทบจะเกิดการบิดเบี้ยว เพราะแรงระเบิดได้เลยทีเดียว
กองทัพจำนวนนับไม่ถ้วนของ ศัตรูถูกกวาดล้างในพริบตา

…………..
………………….


“ พลังอำนาจของพวกมันถึงกับสร้าง BigBang ได้เลยทีเดียวหรือนี่ Last in Quest สมชื่อภารกิจสุดท้ายจริงๆนะ ”
อาเทเนีย ที่เฝ้ามองการรบอยู่ห่างๆภายในห้องของตน กล่าวขึ้นทันทีที่แสงจากการะเบิด นั้นได้สาดส่องมาถึง
ก่อนจะดับลงไป

ปิ๊บๆๆ

เสียงดังขึ้นจากเครื่องรับข้อความ ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ สองสมครั้งก่อนที่ไฟบนเครื่องจะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว

“ ท่าน อาเทเนีย การวิจัย Axia เสร็จสมบูรณ์แล้วขอรับ สามารถออกปฏิบัติการได้ในอีกสามวัน… ”
เสียงดังขึ้นจาก เครื่องรับก่อนที่สัญญาณจะถูกตัดไป

“ หึๆๆ..กระดิ่ง 5 เสียงทำงานได้ดีกว่าที่คิดนะ ตอนแรกแค่ว่าจะให้ถ่วงเวลา จนสรุปผลการวิจัยได้ก็พอ
แต่นี่เรามีเวลาเหลือจน สร้างสำเร็จแล้ว…เจ้าพวกมนุษย์ เอ๋ยถึงเวลาที่พวกแกจะต้องหายไปแล้ว..หึๆๆ ”
อาเทเนีย กล่าวสีหน้าผ่องใส ด้วยความดีใจ ขณะที่มองผ่านหน้าต่าง ลงไปยังโลก สีฟ้าที่มี
รอยหมองดำเป็นจุดๆจากการ ทำอุตสาหกรรมของยุคนี้

“ ใกล้แล้วสินะครับท่านพี่..เวลาที่เราจะกวาดล้างพวกมนุษย์ให้หมดไป ทีนี้หน้าที่ของผู้สืบทอด
เชื้อสายเทพีแห่งสงครามก็จะจบลงเสียที  ”
เซน่า ที่เดินโซซัดโวเซ เข้ามาภายในห้องกล่าวกับ อาเทเนีย ที่ยังคงหันหลังให้

“ ใช่แล้ว อวตารแห่งพระผู้เป็นเจ้า กำลังจะฟื้นคืนและถึงตอนนั้นเราก็จะรับมอบพลังอันยิ่งใหญ่
Axia จะเป็นตัวแทนของพระองค์ในการชำระล้างจักรวาลทั้งมวลนี้ อีกแค่สามวันเทานั้น การทำพิธีอัญเชิญก็จะลุล่วง
ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ จะลบมันออกไปให้หมดเลยเหล่ามนุษย์ที่แสน โสมม นั่น ”
อาเทเนีย กล่าวเสียงเรียบด้วยใจกระหยิ่มจองหองอย่างที่สุดที่แผนการของเธออกไม่นานจะสัมฤทธิ์ผล

……………
…………………

ณ ท่าจอดยานของ Colony Zalom
 
ยาน Angle Wing ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักกำลังถูกซ่อมแซมด้วยแขนกล
ภายในอู่ซ่อม ขณะเดียวกัน พวก ทุกคนบนยานก็ถูกเรียกให้ไปรวมกันที่
ห้องประชุมของ Colony

ห้องประชุม

ภายในห้องที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย มีหน้าต่างสองบานซึ่งถูกปิดไว้ด้วยม่าน
สีขาว ลอว์เรนซ์ เจนัส ลากูน่า นีน่า ริคุ ฟอน ชินจิ ลูน่า เทีย คีออส ไลล่า คางาริ และก็ลูกเรืออีกสองคน
กำลังทำความรู้จักกับ หน่วยรบพิเศษที่ถูกส่งมาจาก มิติ อื่นทั้ง 2 คน

“ ผม เอริค (Eric) Spell Techer จาก มิติ ฮิแรนด้า (Hiranda) ”
เด็กชายอายุประมาณ 10 ปีกล่าวแนะนำตัว เขามีผมสีแดงสด สวมเครื่องแบบสีแดงและคลุมทับด้วยเสื้อ
คลุมสีขาว ในมือถือ หอกซึ่งประกอบติดเครื่องยนต์ที่หัวและส่วนด้ามยังเป็นข้อต่อ ประกอบเข้าด้วยกัน
ที่หัวหอก มีรังเพลิงสำหรับเดินระบบ Enixtion Drive



“ ส่วนผม กอนดารี่(Gondary) Spider Warrior จากมิติ อาแล็คน่า (Aracna) ส่วนนี่แมงมุมคู่หูของผม ไรโอ (Raiou) ”
เด็กชายวัยเดียวกับ เอริค กล่าวแนะนำตัวพร้อมกับชี้ไปที่แมงมุมยักษ์ สีฟ้าที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาสวมชุด
เกราะอัศวิน สีฟ้าขาว ที่มือซ้ายมีโล่ติดข้อมือ และมือขวา ถือหอกสองหัว



“ สองคนนี้คือผู้นำหน่วยรบพิเศษ ที่จะช่วยพวกเธอบุกเข้าโจมตี ฐานที่มั่นของศัตรูในอีกสามวันข้างหน้า
ขอให้พวกเธอเตรียมพร้อมกันด้วยล่ะ เพราะศึกตัดสินกำลังจะเริ่มในไม่ช้า  ”
ฟอน กล่าวน้ำเสียงหนักแน่น

“ ครับ/ค่ะ ”
ทุกคน ตอบรับน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่การประชุมจะจบลง

“ นี่ว่าจะถามตั้งนานแล้ว เจ้าหอกอันนั้นน่ะมันติดระบบ Enixtion Drive ไว้ใช้ไหม ”
ชินจิ กล่าวถาม เอริค ขณะที่ เดินออกจากห้อง

“ อ๋อคุณนี่เองที่ ดร.คีออส พูดถึง ”
เอริค กล่าว คำพูดของเขาทำให้ ชินจิ แปลกใจเล็กน้อย ขณะที่ เอริค บรรจงยกเอา หอกยนต์ นั้นขึ้นมา

“ นี่คือระบบ Rise Magical มันเป็นระบบ สำหรับเพิ่มพูนพลังมนตราให้จำนวนมหาศาลชั่วขณะหนึ่ง
ซึ่ง แอคเตอร์ของคุณก็ได้รับดัดแปลงจากระบบนี้ นั่นล่ะครับ ส่วน Magazine นั้นใช้แบบเดียวกับพวกเราครับ..อ้อ ดร.ฝากมาให้คุณด้วยทั้งหมด 150 นัดครับ ”
เอริค กล่าวจบก็ยื่น แพค กระสุนจำนวนหนึ่งให้แก่เขา

“ งั้นก็หมายความว่าพลังของ ไกอา คือพลังมนตรางั้นเหรอ ”
ชินจิ เปรยขึ้นด้วยความสงสัย

“ Sure, Magical Power ”
เสียงตอบรับดังขึ้นมาจาก ลูกบิดทารงกลมที่เป็นแอคเตอร์ของ ไกอา ทำให้ทั้งคู่สะดุ้งเล็กน้อย

“ เธอคิดไหมว่าเป้าหมายที่แท้จริของ Bell Cross ที่ก่อสงครามขึ้นนี้เพื่ออะไรกัน ”
ลอว์เรนซ์ ถามขึ้นขณะที่สายตายังคงจ้องทะลุหน้าต่างลงไปยัง โลก

“ ก็คงจะอาศัยสงครามทำกำไรมั้ง เพราะเหตุการณ์นี้ มัลติอาร์เมอร์ ถึงได้ ขายดีไงฉันว่างั้นล่ะมั้ง ”
เทียกล่าว พลางทำท่านึกไปเรื่อย

“ แต่ชั้นว่ามันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเสียงเรียบ ท่าทางสุขุมกว่าปกติ ทำให้ เทีย มองเขาด้วยความแปลกใจ

“ ชั้นรู้สึกตั้งแต่ตอนที่ขึ้นมาบนอวกาศนี่แล้วล่ะ..มันมีอะไรบางอย่างกำลังดูดกลืนเอาความกลัวและพลังด้านลบของ
จิตใจ ที่เกิดจากสงครามนี่อยู่ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเสียงขรึม ทำเอา เทีย ที่ฟังประโยคนั้นถึงกับนิ่งไปชั่วครู่ ลอว์เรนซ์ ต้องการจะบอกอะไรแก่เธอกันแน่

“ บางทีนี่อาจเป็นแค่ความกังวลเกินเหตุของชั้นก็ได้..แต่ถ้าเกิด่ามันเป็นจริงล่ะหากการที่ Bell Cross สร้างสงครามขึ้นเพื่อ ให้พลังานด้านลบของจิตใจ มีเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ และการที่ เดรค ถูกสร้างขึ้นจาก ดราก้อนฮอลลี่
บางทีนี่อาจเป็นชะตา..ไม่สิบางทีทุกอย่างอาจถูเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว ”
ลอว์เรนซ์ กล่าว

“ ด..เดี๋ยวสินี่นายจะบอกอะไรกันแน่ ”
เทีย กล่าวถาม ด้วยความอยากรู้ ทว่าลอว์เรนซื ก็เงียบไปซักครู่ก่อนจะเอ่ยปาก


“ หากว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี่ถูกจัดขึ้นเพื่อให้ อวตารแห่งพระเจ้า จุติลงมาอีกครั้ง ถ้าเกิดเป็นอยาางนั้นจริง
บางทีพวกชั้นและทุกคนอาจจะไม่มีชีวิตรอด ก็เป็นได้ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเสียงขรึม ต่อสายตาที่ไม่อยากเชื่อของเทีย

………………
………………..

โปรดติดตามตอนต่อไป

โฮ่ๆๆ อาทิตย์หน้า อวสานภาค V.O.W แล้วนะจ้ะ แล้วก็มีตอนพิเศษอีกตอน Multi Armor Actor E.E. (End of Era)
แล้วก็จบแบบบริบูรณ์นะจ้ะ ส่วนรูปของ ลูน่า กับ เอริค แล้ว ก็ กอนดารี่กับไรโอ ทำให้เป็นการ์ดไม่ทันเอาแบบนี้ไปละกันนะ
อ้อพิเศษหน่อยบทนี้ ลอว์เรนซ์ แบบ re-edition เพราะของเก่าเห็นแต่หน้า
โตแล้วหน้าเหมือนพี่ชายเด้ะเลยโหะๆ 

เผา War ตอนที่สองจ้า

จากเผาที่แล้ว เกรม่อนคุงกับการุรุม่อนจัง กำลังเข้าตาจนเพราะเหล่าตัวละครจากเรื่องที่ถูกเผาในนิยาย
ต่างยกโขยงมารุมกระทืบเราสองคน เหตุการณ์ณ์จะเป็นเช่นไรไปดูกัน(เหอๆเอาเข้าไป)

เกรม่อน:เอาไงดีการุรุม่อน พวกมันมาแว้วนะ
การุรม่อน: คงถึงเวลาที่ต้องใช้ไม้ตายแล้ว พร้อมเน้อ
เกรม่อน: เอาจริงเรอะแต่ก็จริงถ้าไม่ใช้ไอ้นั่นคงไม่ชนะ งั้นเอาเลย

เกรม่อนและการุรุม่อน: วาร์ปเปลี่ยนร่าง ตามด้วย โจเกรส เป็น โอเมกา ม่อน
จูเรนเจอร์สีแดง: มันขยายร่างแล้วเรียกสัตว์เทพพิทักษ์ ออกมากันเถอะ

จูเรนเจอร์ทุกคน:จงออกมาเหล่าสัตว์เทพพิทักษ์ เดินเครื่อง ไดจูจิน

หลังจากที่หุ่นไดโนเสาร์ทั้งห้าตัวออกมา ก็รวมร่างตามสไตล์เรนเจอร์ เข้าปะทะกับ โอเมกาม่อน

โอเมกาม่อน:ลองเอานี่ไปชิม โอเมกาบัสเตอร์
ยิงกระสุนออกจาก มือซ้ายที่เป็นปืนหัวเมทัลการุรุม่อน ไดจูจิน เครื่องล่มเลย

Celestial being (จากgundam oo): หนอยพวกจูเรนเจอร์แพ่แล้วเราเข้าไปจัดการ
มันก่อนอย่าให้มันอาละวาดได้

กันดั้มสี่เครื่องบินเข้า โดน ดาบมือขวา จากหัวของวอย์เกรมอน สับกระจุย


โอเมกาม่อน:ฮ่าไม่มีใครสู้เราได้แล้ว พวก ดีเกรย์แมนไม่ต้องไปกลัวเราไม่ใช่อาคูม่า อาวุธมันก็แค่ มดกัด
ส่วนเจ้าพวก คาบูโตะค่อยไปเช็คบิลทีหลัง

“ ช้าก่อน ”
เสียงดังขึ้พร้อมกับกองทัพ จอมเวทย์แห่งมิชชิลด้า จากเรื่อง นาโนฮะภาค สาม บุกมาล้อม

นาโนฮะ:Divine Buster
เฟทจัง:Thunder Smasher
ฮายาเตะ:หอกศิลา แรคนาร็อค
ซูบารุ:Divine Buater
เทียน่า:Cross Fire
เอริโอ้:spar Angriff
แคโร:Booster up(พลังของการโจมตีเพิ่มขึ้น)

การโจมตีจากพวกนาโนฮะ พุ่งเข้ามา โอเมกาม่อน หลบไม่ทันแทบปางตาย

จูเรนเจอร์:ดีล่ะตอนนี้ออกมาเลย ดราก้อนซีซ่าร์ รวมร่าง จักรพรรดิ ไดจูจิน
จงออกมาคิงบราคิอ้อน ร่วมร่าง เทพสูงสุด ไดจูจิน

หุ่นดราก้อนซีซ่าร์กับคิงบาคีอ้อนออกมารวมร่าง กลายเป็นุหุ่นใหม่

จูเรนเจอร์:Grand Fire
เทพสูงสุดไดจูจิน ยิงมาที่โอเมกาม่อน ทว่าx-vmon กับ stingmon มาช่วยทัน

โอเมกาม่อน:เอ็กซ์วีม่อน สติงม่อน มาช่วยแล้วเรอะดีโจเกรสซะ

X-vmon ,Stingmon:รับทราบ โจเกรส เป็นเพลดราม่อน
จากนั้นโอเมกาม่อนเปิดเพลง op ของดิจิม่อน ภาค2

เพลดราม่อน:เปลี่ยนร่างสุดยอด อิมพีเรี่ยลดราม่อน ตามด้วยโหมดเชนจ์ ไฟเตอร์ฟอรม์

มังกรยักษ์ถูกเรียกออมา ก่อนจะเปลี่ยนร่าง เป็นรูปแบบอัศวิน

โอเมกาม่อน:ขอโกงหน่อยเน้อ  Option Card Evolution Enforcer สองใบ

โอเมกาม่อน:เปลี่ยนร่างเป็น พาลาดินโอเมกาม่อน
อิมพีเรี่ยลดราม่อน:เปลี่ยนเป็น พาลาดินอิมพีเรี่ยลดราม่อน

ดิจิม่อนทั้งสองตัว: End World
สิ้นคำไอ้ตัวโกงทั้งสอง ก็ระเบิดจนทุกคนแพ้

เจ้าตัวโกง:ฮ่าๆเท่านี้ก็ไม่มีใครมาหยุดเราได้แล้ว

ทว่าเมื่อ ไลท์ กับ ดาร์ค เดินตรงเข้ามา

ตัวโกง(อิมพีเรี่ยลดราม่อนกับโอมากาม่อน):อ้าวมาทำไรล่ะ ไลท์จะมาแก้แค้นให้ ลอว์เรนซ์ รึ

ไลท์:ผิดแล้วชั้นไม่ใช่ไลท์แต่เป็น ยางามิ ไลท์
ดาร์ค:ชั้นเป็นลุค
มังกรทั้งสองกล่าวจบก็ฉีกร่างออกมาเป็นมนุษย์กับยมทูตหน้าตาตลกตัวหนึ่งในมือของ ไลท์
ถือสมุดที่หน้าปกเขียนว่า Death Note

ตัวโกง:เฮ้ยมาผิดเรื่องป่ะเนี่ย.อ็าคคค
พูดยังไม่ทันขาดคำก็ถูกเขียนชื่อลงเดธโน็ต หัวใจวายตายไปแล้ว

ไลท์:หึๆไแปกันเถอ ลุค ที่นี่น่าเบื่อ

ทั้งสองก็เดินจากไปอย่างเงียบๆ

โปรดติดตามตอนต่อไป(พอเฮ้อ ยังจะมีอีกเรอะ)
 
« Last Edit: October 20, 2008, 02:47:37 PM by cocka-c » Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #54 on: October 26, 2008, 07:52:05 PM »

Last Flie คมดาบสุดท้าย คือความหวัง!
 
“ ประชาชนทั้งหลายบัดนี้พวกเรา Freedom Resistant จะขอประกาศถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงในการเข้าแทรกแซง
จนก่อให้เกิดสงครามในครั้งนี้ แก่สาธารณโลกทั้งมวล ”
เสียงและภาพของ เด็กหนุ่มซึ่งสวมเครื่องแบบ สีขาวตัดฟ้า ฟอนกำลังแถลงการณ์ณ์ส่งผ่านคลื่นสัญญาณภาพและเสียงไปทั่วทั้งโลกเทอร่าและ ทุก Colony ของแต่อาณาจักรทั้งหมด

“ เมื่อปีที่ผ่านมานี้การโค่นล้มอำนาจของ รีกอล ราเฟล ผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการ แลนทิส ทว่าทั้งเครื่อง
แลนทาไนเซอร์ ของ รีกอล ถูกทำลายไปแล้วแต่ แลนทิส ยังคงเคลื่อนไหว ข้อสงสัยนี้เคยถูก Bell Cross ให้การว่า แลนทิส นั้นได้รับการเสริมพลังจากการทดลองของ รีกอล อาจจะถูกโปรแกรมไว้ให้ทำลายมนุษย์
ทว่าสิ่งนั้นไม่เป็นความจริงเลย ”
สัญญาณถูกถ่ายทอด ไปยังทุกอาณาจักร ไม่นานทุกอย่างก็ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน ภาพเหตุการณ์
จาก กล้องวงจรปิด ในสถาบันวิจัยของ รีกอล ได้ถูกเปิดเผย การต่อสู้ของ เดรค ที่สามารถใช้ไฮเปอร์โหมดได้เป็นครั้งแรกที่ ยุคนี้ และการทำลาย เครื่องควบคุมแลนทิส ของ รีกอล จนหมดสภาพ ไปจนถึงการลงมือสังหาร รีกอล ด้วย
ตนเองกับมือ และต่อจากนั้นภาพการลักลอบเข้าไปขนย้ายเครื่องควบคุมที่ว่าออกมาจากสถาบันวิจัย โดย
ทหารของ Bell Cross ก็ถูกฉายขึ้นมาด้วยเช่นกัน

“ อย่างที่ทุกท่านได้เห็น พวกเราได้ทำลายแผนการ แลนทิส ลงอย่างสมบรูณ์ทว่า ผู้ที่มากู้เครื่องควบคุม
และรื้อฟื้น แผนการแลนทิส ขึ้นมาคือ Bell Cross นั่นเอง ทั้งหมดเป็นแผนการ
ที่จะสร้างแลนทิส ขึ้นเพื่อทำให้การ
พัฒนาวิจัย แอคเตอร์ ได้รับการสนับสนุน โดยใช้แลนทิส ที่ตนควบคุมเป็น
ข้ออ้างหาผลประโยชน์และบัดนี้จากการสืบของพวก ทำให้ได้รู้มาว่า
ที่ใต้ฐานของ Colony Felasia มีการวิจัยและสร้างแอคเตอร์อย่างลับๆ ”
คำพูดของ ฟอน ที่ถูกถ่ายทอดต่อสาธารณ นั้นสร้างความกลลาหล ขึ้นไปหมด ทั้งโลกต่างหยุดเพื่อจับตาดู
การแถลงการณ์ในครั้งนี้ 
……………..
………………………..

“ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน ”
“ ไหนคุณว่าให้การสนับสนุนเพื่อการกำจัด แลนทิส ทั้งหมดยังไงล่ะ ”
“ คุณจะตอบคำถามนี้ยังไงกัน…เพราะแถลงการณ์นั่น ทำให้ตอนนี้ประชาชนเริ่มลุกฮือขึ้นมากันแล้วนะ ”
“ นี่มันจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของแต่ประเทศมากแค่รู้ไหม ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้ ”
“ อาเทเนีย! ”
ฟุบ!
เสียงต่อว่าจากบรรดาผู้นำประเทศ ที่ให้การสนับสนุน Bell Cross ได้ถูกตัดขาดไปทันทีที่ อาเทเนีย
กดสวิตซ์ตัดสัญาณ ของเครื่องรับ

“ คิดจะมาเริ่มเอาตอนนี้มันก็สายไปแล้วเจ้าพวกมนุษย์…. ”
อาเทเนีย กล่าวเสียงเรียบ ขณะที่เดินออกจากห้องไป

………..
…………..
……………..



“ …จากการสืบของเรา ทำให้รู้ว่า Bell Cross มีจุดประสงค์ที่จะสร้าง แอคเตอร์พิเศษเพื่อทำการควบคุมพลังระดับสูง
จึงได้สร้างสถานการณ์ ที่แอคเตอร์นั้นยังจำเป็นอยู่เพื่อที่จะได้ทำการวิจัยและพัฒนา แอคเตอร์ ตัวนี้
ขึ้นมานอกจากนี้  ยังมีวัตถุประสงคืในการนำแอคเตอร์ไปใช้เพื่อการสงคราม รวมไปถึงโครงการสุดยอดนักรบ
SS(Super Solider) ซึ่งเป็นการสร้างสุดยอดนักรบ และยังมีโครงการผ่าตัดเปลี่ยนยีน หรือโคออดิเนเตอร์
ทั้งนี้เพื่อที่จะสร้างสรรค์นักรบแอคเตอร์ ที่แข็งแกร่งขึ้นมา  ”
คำแถลงการณ์ของ ฟอน ยังคงถูกปล่อยออกมาเรื่อยๆโดยไม่มีการตัดหรือหยุดสัญญาณแต่อย่างใด
ท่ามกลางความสับสน ที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศ บัดนี้กลุ่มที่เคยให้การสนับสนุน Bell Cross เริ่มที่จะสั่นคลอน

และตัดความช่วยเหลือ กองกำลังของทหารบางประเทศถึงกับถูกสั่งให้ถอนตัว เหล่าผู้นำประเทศ
และสมาคมหรือองค์กรที่ให้การสนับสนุน Bell Cross ได้เริ่มประชุมหารือกันอย่างเร่งด่วน
ขึ้น การเปลี่ยนแปลงได้เริ่มอย่างต่อเนื่อง จากการแถลงการณ์นี้

“ ถึงเวลาแล้วหรือยังครับที่เราจะตาสว่างเลิกให้เขามาจูงจมูกเราอยู่แบบนี้
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามพวกเรา Freedom Resistant จะทำการบุกโจมตี เพื่อโค่นล้มฐาน
อำนาจขององค์กรผิดมนุษยธรรมนี้เสีย หากกลุ่มองค์กรหรือประเทศใดที่ให้การสนับสนุน Bell Cross
ตอนนี้ยังทัน ขอให้เปิดทางให้กับกองกำลังของเรา ด้วย ”
สิ้นคำแถลงการณ์สัญญาณภาพและเสียงทั้งหมดก็ตัดหายไป
ทว่าการแถลงการณ์ ในครั้งนี้ก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่าง กะทันหัน ขึ้นกับทั้งโลก

……………….
………………
…………………

ณ น่านอวกาศรอบ Colony Felasia

กองยานรบของ Freedom Resistant ได้เคลื่อนตรงเข้ามาเรื่อยๆ ทว่ากลับไม่มีการโจมตีจากกองยาน
ของศัตรูเลยแม้แต่น้อย

“ ดูท่าจะได้ผลนะคะจากการถ่ายทอดสัญญาณแถลงการณ์นั่นไปตอนนี้
 มีคำยืนยันจากเหล่าประเทศที่ให้การสนับสนุน Bell Cross แล้วว่าจะยกเลิกการให้ความช่วยเหลือ
…..อ้ะทาง ฟีเลเซีย ถึงกับมีคำสั่งออกหมายจับ อาเทเนีย ฐานกบฏเลยล่ะค่ะ ”
ลิลลี่ รายงานขณะที่ดูรายงานข้อมูลที่ขึ้นมาบนหน้าจอเป็นระยะ ตอนนี้กองยานของศัตรูกำลังเข้า
ปิดล้อม Colony Felasia และเริ่มมีการอพยพ พลเมืองและเข้าทำการจับกุมและยึดที่ทำการของ Bll Cross ทั้งหมด

“ ถึงเหล่ามนุษย์ที่ น่าสมเพชทั้งหลาย…..นี่คือเสียงจากเรา อาเทเนีย คัสท์ ผู้สืบทอดหน้าที่ของตระกูลคัสท์
ในฐานะ เทพีแห่งสงคราม บัดนี้จุดจบของพวกเจ้าได้มาถึงแล้ว Axia Actor ได้เสร็จสมบรูณ์แล้ว
บทเพลงแห่งการชำระ กำลังจะเริ่มบรรเลงในไม่ช้านี้ ”
สัญญาณเสียงของ อาเทเนีย ถูกถ่ายทอดออกมาจาก Colony ไปทั่วทุกแห่ง
ก่อนที่ ดาวเคราะห์จำลอง Colony Felasia จะระเบิดเป็นซากไป ทว่าท่ามกลางซาก Colony และฝุ่นควัน
ความมืดที่ราวกับหลุมดำ ขนาดใหญก็ได้ปรากฏขึ้น

“ อะ…นี่มันใช่จริงๆด้วย ”
ลอว์เรนซ์ อุทานความรู้สึกที่คุ้นเคย ที่ราวกับหัวใจจะถูกกลืนหายไป ได้ผุดขึ้นมาในใจ

“ เจ้านั่น…อวตารแห่งพระเจ้า God Terra ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของ ลูกเรือทั้งยาน
เหนือขึ้นไปบนความมืดนั้น เซน่า ที่สวม อาบิส เรียบร้อยรวมทั้งกระดิ่ง 5 เสียงทุกคนได้
คอยคุ้มกัน อาเทเนีย ขณะที่พาส่งลงไปในหลุมดำนั่น โดย อาเทเนีย นั้น ตัวเธอไม่ได้สวมชุดอวกาศ
แต่กลับสามารถอยู่ได้ราวกับอยู่บนโลก นางค่อยๆจมหายเข้าไปในความมืด จนหายไปในที่สุด


“ พันตรีอัซเรย์ พันตรีลักซ์ พันโทเรย์ พันเอกมิดาไร ท่านนายพลครอสเร็กซ์ มีคำสั่ง
เรียกตัวให้กลับไปประจำการ ที่กองกำลังของตน และยกเลิกการให้ความคุ้มครองกับ Bell Cross ในทุกกรณี ”
เสียงสัญญาณที่ติดต่อเข้ามายังทั้ง 5 นั้นกลับไม่สร้างความตื่นตระหนกหรืออะไรแก่พวกเขาเลย

“ เสียใจด้วยนะแต่คงไม่ได้หรอก…เพราะพวกเราเป็น SS ของ Bell Cross มาตั้งแต่ต้นแล้วที่ไปเข้าร่วมกับกองกำลังของพวกแกน่ะก็เพื่อ สร้างทางให้ควมร่วมมือของพวกแกมาถึงมือ ก็เท่านั้นลาก่อน… ”
อัซเรย์ ติดต่อกลับไปเสียงเรียบโดยไม่สนใใยดีต่อเสียงที่ตามมาของ ผู้ที่ติดต่อมา ไม่นานกองยานรบ
พันธมิตรของ Bell Cross ก็หันคมดาบเข้าใส่ Bell Cross เสียเองยานรบเริ่มทำการโจมตี

กองทัพหุ่นรบและ พลทหารมัลติอาเมอร์ ต่างทยอยกันบุกเข้าทำลายหลุมดำและ จัดการสังหาร
เหล่า กระดิ่ง 5 เสียงกับ เซน่า ทว่าการโจมตีทั้งหมดนั้นกลับถูก ดูดเข้าไปในหลุมดำทั้งหมด

ก่อนที่หลุมดำจะปล่อยคลื่นพลังงานที่มองไม่เห็นออกไป ตรึงกองทัพ เอาไว้
ความมืดค่อยๆเปลี่ยนรูปไป ด้านข้างได้ยืดตัวออกกลายเป็นปีกโลหะสีขาว ขนาดใหญ่พอจะโอบ
ไว้ได้ทั้งโลก ปลายปีกเป็นคมดาบยื่นออกมา ส่วนล่างกับบนของความมืดจากหลุมดำ

ได้เปลี่ยนเป็นโครงร่างโลหะขนาดใหญ่ และความมืดบางส่วนได้ไหลออกมาจากส่วนกลางที่กำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง
และกลายเป็นดาบขนาดใหญ่พอที่จะแบ่งดาวเคราะห์ให้เป็นสองส่วนได้ บัดนี้ร่างของอัศวินจักรกล

ขนาดยักษ์ได้ปรากฏต่อสายตา กองทัพโลก ทั้งหมด ก่อนที่ ลำแสงสีดำจาพุ่งตัด กองยานไปอย่างรวดเร็ว
โดยไม่ทันตั้งตัว เพียงพริบตา กองทัพที่แม้แต่การระเบิดครั้งใหญ่ที่พวกลอว์เรนซ์ สร้างเมื่อ สามวันก่อนยัง
ไม่สามารถทำให้หมดไปได้ในครั้งเดียว กลับสูญสลายไปไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว

ทั้งหมดถูกคลื่นพลังงานที่แผ่ออกมาอย่างรวดเร็วฉีกจนแหลกสลายจนเหลือแต่ความว่างเปล่า ไม่เว้นแม้แต่
ส่วนของความในอวกาศก็ยังถูก กลืนกินจนกลายเป็นพื้นที่ซึ่งปกคลุมด้วยความมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด

“ นี่มันอะไรกัน ”
ฟอน กล่าวด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตากับพลังทำลายอันน่าพรั่นพรึงที่สำแดงออกมา
เช่นกันกับ ลูกเรือในยานรวมไปถึงกองยานอื่นๆ ของพวกเขาด้วยหากเมื่อครู่พวก
เขาตามเข้าไปสมทบกับกองยานของสหพันโลก พวกเขาคงหายวับไปแล้ว

“ เหล่า Freedom Resistant ทั้งหลายจงฟังนี่คือ อวตารพระจิตแห่งพระองค์ที่ได้รับพลังจาก
Axia Actor และคืนชีพขึ้นมา นามของท่านคือ Daikami Axia ”
เสียงของ อาเทเนีย ที่ดังก้องออกมาจาก อัศวินจักรกลขนาดมหึมา นั้น




“ ไดคามิ…แอคเซีย นี่มันทำสำเร็จแล้วงั้นเรอะ ”
ฟอน กล่าวตะกุกตะกัก ด้วยความตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน

“ เจ้านี่มันปีศาจชัดๆ ”
กอนดารี่กล่าวเสียงสั่น ขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่จอภาพในห้องบังคับการ

“ พลังทำลายล้างมหาศาลขนาดนี้ไม่นึกเลยว่าจะมีอยู่ในจักรวาลนี้ด้วย ”
ไรโอ แมงมุมคู่ใจของ กอนดารี่กล่าวขาของมันสั่นด้วยความตกตะลึงเสียทั้งแปดขา

“ รูปแบบของพลังงานทำลายเหนือ พลังเวทย์แบบมิชชิลด้า เสียอีก ”
เอริค กล่าวขณะที่กำหอกในมือไว้แน่น สภาพของลูกเรือในยานตอนนี้แทบจะหมดกำลังใจสู้
เอาเสียดื้อๆ

“ ตอนนี้ แอคเซีย ได้จุติแล้ว ไม่มีอะไรจะมาขัดขวางเราได้อีก โลกเทอร่านั่น เราจะทำลายมันซะ
พวกมนุษย์ทั้งที่มิติและมิติอื่นๆด้วยก็จะต้องหายกันไปให้หมดซะ ”
สิ้นคำ ไดงามิแอคเซีย ก็ได้พุ่งลงไปยัง โลกเทอร่า โดยมีเหล่ากระดิ่ง 5 เสยง และเซน่าตามลงไป

“ ตามไปอย่ามันลงไปที่โลกได้ ”
สิ้นคำสั่งการของฟอน ยาน Angle Wing และยานลำอื่นๆก็พุ่งตามลงไปที่โลก
ทว่า ไดงามิแอคเซีย นั้นรวดเร็วมากมันจึงลงไปถึงโลกได้ในพริบตา  ขณะที่ พวกยังฝ่าชั้นบรรยากาศลงมา
ไม่ได้เลย

ร่างของ ไดงามิแอคเซีย ที่สูงใหญ่นั้นแทบจะค้ำท้องฟ้าเอาไว้ แค่ดาบของมันก็สามารฟันทวีป
 สองสามทวีปให้ราบเป็นหน้ากองได้เลย 


“ Explosion ”
สิ้นเสียงดาบยักษ์ ก็ถูกยกขึ้นฟาดลงไปบนพื้นโลก ดาบได้ฟาดทับลงไปยัง แนวเทือกเขาของทวีป เลาดิเชีย
คมดาบฝังลึกลงไปจนสุดก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดพุ่งกระจายออกไป ป่าไม้รอบๆแนวเขาถูกเป่าเป็นผงไปคลื่นพลังยังคงกระจายตัวไปเรื่อย แรงระเบิดทำให้เกิดแผ่นดินแยก ทันทีที่แรงระเบิดวิ่งไปถึงทะเล ก็เกิดคลื่นยักษ์

พุ่งออกไปเป็นวงกว้าง ไม่ช้าความเสียหายก็ได้มาเยือนแก่เมืองมนุษย์ คลื่นยักษ์พุ่งพัดทำลาย
ทวีป อาริมาเธีย ที่อยู่ไม่ไกล ส่วน ทวีปเลาดิเชีย แทบจะไม่เหลือร่องรอยของแผ่นดินอีกเลย
ประเทศนับสิยบได้จมหายลงไปใต้โลก ซึ่งเต็มด้วย หินหนืด ที่ร้อนละอุ น้ำในมหาสมุทร

ที่ไหลลงไปก็ระเหยเป็นควันภายในพริบตา ด้วยการลงดาบเพียงครั้งเดียว ทวีป เลาดิเชีย
ได้ถึงกาลปาวสานสิ้นในทันที แม้แต่ ทวีป อาริมาเธีย ก็ยังจมอยู่ใต้น้ำเพียงเท่านี้ประชากร
1 ใน 4 ของโลกก็ได้หายสิ้นไปในทันที อย่างไม่หยี่ระต่อสายตาของ ผู้คนทั้งโลก


“ ชิ…นี่มันไม่เหมือนก่อนนี้เลยหากมันใช้เพียงแค่พลังแห่งความว่างเปล่าก็พอจะยังทำให้กลับคืนมาได้
แต่ แอคเตอร์นั่นทำให้มัน สามารถทำลายลงไปได้โดยสมบูรณ์เลย ”
ลอว์เรนซ์ สบถขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ภาพการกระทำของ ไดงามิแอคเซีย จากจอมอนิเตอร์ในห้องบังคับการ

“ คำสั่ง Condition Red ให้กองยานทั้งหมดใช้อาวุธหนักระดมโจมตีส่งหน่วยรบมัลติอาร์เมอร์และแอคเตอร์ออกไปให้หมด……….นี่คือศึกตัดสินสุดท้ายเราต้องชนะเท่านั้น…คางาริช่วยสั่งการต่อแทนที่ชั้นก็จะออกไปด้วย ”
ฟอน กล่าวเสียงแข็งก่อนจะลุกจากเก้าอี้ และเดินนำพวก ลอว์เรนซ์ ออกไปในขณะที่ คางาริ เข้าไปประจำที่แทน

“ คำสั่ง Condition Red คำสั่ง Condition Red ขอให้ทุกคนประจำที่ให้พร้อม กองยานทุกลำใช้อาวุธหนักทั้งหมดเข้าโจมตี และส่งหน่วยรบมัลติอาร์เมอร์ออกไปย้ำ…. ”
เสียงประกาศติดต่อไปยังกองยานรอบ ได้ถูส่งออกไปไม่นาน ปืนลำแสง และอาวุธยุทโทปกรณ์ทั้งหมดที่มีก็ถูกงัดออกมาเพื่อการศึกในครั้งนี้ นักรบมัลติอาร์เมอร์ นับพัน กรูกันออกมาล้อม ไดงามิแอคเซีย ไว้
ในขณะที่ยานอื่น เริ่มระดมยิงอย่างเต็มกำลัง ทว่าการโจมตีทั้งหมดก็ไม่อาจ ระคายผิวของมันได้เลย
หนำซ้ำลำแสงพลังงานที่เป็นการโจมตีรุนแรงที่สุดของยานรบยังถูกดูดกลืนเข้าไป เสียด้วยซ้ำ

“ เจ้าพวกมดปลวกหายไปเหมือนกับพวกบนอวกาศนั่นซะเถอะ ”
“ Daiboric Enicsom ”
สิ้นคำของ อาเทเนีย ที่ควบคุมไดงามิแอคเซีย อยู่ใน Cock-Pit  เสียงทุ้มแหลมของแอคเตอร์แอคเซียก็ดังขึ้น
ก่อนที่อัญมณีสีแดงซึ่งฝังไว้ทั่วร่างของมัน จะเปล่งแสงสีแดง ออกมาและเริ่มสร้างมวลพลังงานทรงกลมสีดำ
ออกมา พร้อมๆกัน ก่อนจะยิงออกไปเป็นลำแสงและลากเป็นทางไป

“ ST(Spell Techer) ทั้งหมดกางเขตป้องกัน เต็มพลังกด Magazine ให้หมดแม็คไปเลย ”
คำสั่งจาก เอริค ที่ลอยตัวออกมาสั่งการเหล่า ST ด้านนอกยาน ถูกส่งผ่านกระแสจิตไป ท่ามกลางเสียง
ระเบิดจากการโจมตีของยานรบ ที่ระดมใส่ ไดงามิแอคเซีย ขณะเดียวกันลำแสงสีดำก็ได้พุ่งใกล้เข้ามาแล้ว

“ Pancer Geais ”
เสียงทุ้มแหลมดังจาก อาวุธของเหล่า ST ซึ่งเรียกว่า Spell Technical มีรูปแบบคล้ายอาวุธต่างๆทั้งปืน
ไม้เท้า หอก ดาบ แม้แต่ค้อนเหล็กก็ตามที ทั้งหมดทำการสับกระกระสุน เพื่อเพิ่มพูนพลังเวทย์

ก่อนที่จะสร้างเกราะพลังงานรวมกันจนล้อมร่างของ ไดงามิแอคเซียและสกัดการโจมตีเอาไว้ได้
ส่วนการโจมตีของ พวกเขาสามารถที่จะทะลุเกราะเข้าไปหา ไดงามิแอคเซีย ได้เพราะตัวเกราะ
ควบคุมด้วยมนตรา
แต่ก็ไม่อาจสร้างความเสียหายให้แก่ มันได้แม้แต่น้อยซ้ำร้ายพลังของ
ไดงามิแอคเซียยังมากเกินจะต้านทานไว้ได้นาน

“ ชั้นจะให้มันหยุดอาละวาดเอง พวกนายทุกคนฝากจัดการที่เหลือด้วยนะ ”
ฟอน ที่ตอนนี้สวม แฟนธอมเดรคเรียบร้อยสั่งการกับพวกลอว์เรนซ์ ที่ ลอยตัว
ด้วยพลังงาน E.I.อยู่ด้านนอกยาน จบก็ออกบินตรงเข้าหา ไดงามิแอคเซีย โดยทิ้งระยะห่างพอประมาณ

“ ช่วยหน่อยนะ Bio Buster ”
ฟอนกล่าวขึ้นขณะที่ยกแขนชี้ไปข้างหน้า ก่อนที่มือของเขาจะหดเข้าไปในเกราะแขนและ
เปลี่ยนเป็นปากกระบอก บัสเตอร์แทน

“ Alright My master, Zap Shackle ”
สิ้นเสียงจาก บัสเตอร์คลื่นกระแสไฟฟ้า ก็ควงสว่านหมุนออกมาจากบัสเตอร์ที่แขนขวา พุ่งตรงเข้า
กระทบกับร่างของ ไดงามิแอคเซีย ไม่ช้ามันก็หยุดการทำงานลง

“ น…นี่มันอะไรทำไม ไดงามิแอคเซีย ถึงไม่ขยับล่ะ ”
อาเทเนีย ที่อยู่ใน Cock-Pit กล่าวอย่างกระวนกระวาย

“ Zap Shackle จะส่งผ่านคลื่นกระแสไฟเข้าไปในร่างของศัตรู และตรึงศัตรูไว้โดยปกติ
ใช้เพื่อสยบ แลนทิส ที่มีพลังมากแต่ว่าหากใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ ล่ะก็ มันจะทำให้กระแส
พลังงานภายในลัดวงจรไปชั่วคราว ไม่ว่าแกจะขับเคลื่อนด้วยพลังอะไรก็เถอะ แต่แอคเตอร์ที่
สร้างนั้นยังไงก็ใช้พลังงาน จากประจุธาตุสินะ นั่นยิ่งง่ายต่อการทำให้มันลัดวงจรอยู่แล้ว แต่ว่าชั้นเอง
ก็ต้องตรึงเอาไว้ให้ตลอด ดังนั้นตอนนี้เราสองคนคงทำได้แค่รอเท่านั้นล่ะ ”
ฟอน กล่าวขณะที่พยายามตรึงเอาไว้ให้นานที่สุด เท่าที่จะนานได้ ทว่าทันทีที่
พวกลอว์เรนซ์ จะเข้าไปโจมตี กระดิ่ง 5 เสียงก็เข้ามาขวางไว้

“ อย่าหวังผ่านไปได้ง่ายๆเลย ”
อัซเรย์ กล่าวจบเหล่ากระดิ่ง 5 เสียงก็ รุกไล่ต้อนพวกเขาให้ออกห่างไป

“ ชิ..พวกเราปลด Limiter กันเถอะ ”
เจนัส กล่าวจบก็ ชักเอาทอนฟาของตนมาประกอบเข้าด้วยกัน กระแสไฟฟ้าไหล จากทอนฟาที่ประกบกัน
ไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะเกิดบล็อกขึ้นรอบเกราะและเปลี่ยนเป็นส่วนเสริมของเกราะ

“ Change Hyper Wolf ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของ เจนัส ก่อนที่พลองทอนฟาจะสร้างใบมีดพลังงานขึ้นคลุมจน
กลายเป็นดาบคมสองไป

“ Stand by Duo Blade, I’m Ready  ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจาก ดาบคมสองของ เจนัส หรือ ดูโอ้เบลด


“ Hold Up ”
เสียงดังขึ้นจาก Duo Blade และอาวุธของพวกครึ่งสมิงที่เหลือ ก่อนที่เกราะ จะปลดตัวออกหลวม
และย้ายชิ้นส่วนไปประกอบที่ใหม่ในบางจุด ร่างภายในของพวกเขาได้กลายร่างเป็นสมิง พรอมกับสัญลักษณ์
จันทร์เสี้ยว ปรากฏขึ้นบนเกราะอก ของครึ่งสมิงทั้งสี่

“ Change Hold Up From ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจาก อาวุธของทั้งสี่ ทันทีที่การปลดขีดจำกัดเสร็จสมบรูณ์


“ Hyper Mode Stand By Ready ”
เสียงของ ไฮเปอร์เบลดที่ ลอว์เรนซ์พึ่งจะเรียกมาดังขึ้น ก่อนที่มันจะสร้างบล็อกขึ้นล้อมรอบเกราะของเขา
และเปลี่ยนเป็นส่วนเสริมของเกราะ ปีกพลังงานสีรุ้งถูกกางสยายออก

“ Change Hyper Dragonfly ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากตัวเกราะ ของลอว์เรนซ์ ที่อยู่ใน ไฮเปอร์โหมดแล้วขณะนี้

“ On Hyper Blade, Welcome my Master, I’m Ready yet ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจาก ไฮเปอร์เบลด ที่เขาถืออยู่ก่อนที่เขาจะยกมันขึ้นและวาด ดาบไปทางซ้าย

“ System On, Seven-Sword Mode ”
สิ้นเสียงของ ไฮเปอร์เบลด ดาบทั้งห้า เล่มอันประกอบด้วย ชินเซเบอร์ มิรัยเคน
มุรามาซะ มุราซาเมะ ดราก้อนเอจ  ก็ปรากฏขึ้นรายล้อมเขา

“ Swallow Flier ”
เสียงทุ้มยานคางดังขึ้นจากชุดเกราะของ อัซเรย์ ก่อนที่มวลแสงทรงกลมสีแดงจำนวนหกมวล
จะพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

“ Casting Load, Excel Shooting ”
เสียงทุ้มแหลมดังมาจากด้านข้านของ พวกเขา ก่อนที่ลำแสง 6 สายจะยิงทำลายมวลแสงที่พุ่งเข้ามา
จนหมด

“ เปลืองกระสุนไม่ใช่เล่นนะเนี่ย ระวังตัวหน่อยล่ะถ้ามันยิงมามากกว่านี้ล่ะก็ ชั้นสกัดไม่หมดแน่ ”
ชินจิ กล่าวโดยที่ปืนลำแสงของ ลอนเชอร์โหมด ในมือยังมีมวลแสงซึ่งเป็นลำกล้องเสริม นั้นยังหมุนควงอยู่
อย่างช้าและที่ปากกระบอก ก็มีควันลอยคลุ้งออกมา

“ Tomahawk Crusher ”
เสียงดังขึ้นมาจากด้านบนของพวกเขา ก่อนที่ชิ้นส่วนซึ่งติดใบมีดพลังงาน จะเหวี่ยงควง
ลงมา

“ Automatic Change Part Set Up Shield Part , Shield Mode ”
ตัวเกราะของ ชินจิ ส่งเสียงขึ้นก่อนที่ ปืนในมือจะสลายไปและ เกิดบล็อกขึ้นที่มือ ซ้ายเรียงตัวกันเปลี่ยนรูปเป็นโล่

“ Casting Load, All Blocking Extream ”
ตัวโล่สับกระสุนพร้อมกับส่งเสียงทุ้มต่ำออกมา ก่อนที่จะยืดตัวล้อบรอบ เป็นเกราะให้พวกเขา
ชิ้นส่วนใบมีด ที่ขว้างมานั้นกระแทกเข้ากับโล อย่างรุนแรง อยู่ชั่วครู่ก่อนที่แรงสะท้อนจะ
พุ่งกลับใส่จนชิ้นส่วน ดาบและใบมีดแตกสลายไปทั้งหมด ก่อนที่โล่จะคลายตัว

“ Maximum Hyper Cyclone ”
ทันทีที่โล่คลายตัวออก เจนัส ก็แผลงศรพลังงานในมือออกมาก่อนที่มันจะกลายเป็นพายุพลังงาน
หมุนเคว้งออกมา

“ TranSport ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นพร้อมกับที่ เหล่ากระดิ่ง 5 เสียงได้ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาหลบหลีกพายุพลังงาน

“ Sonic Walk ”
เสียงดังขึ้นจาก โล่ของ ชินจิ ก่อนที่ตัวของเขาจะพุ่งหายไปอย่างรวดเร็ว
และอ้อมไปดัก ลักซ์ ที่ถอยออกมาหลังจากที่ใช้ โทมาฮอคแครชเชอร์ และสูญเสียใบดาบไป

“ Mega Strike ”
เสียงดังขึ้นจาก ตัวโล่ของ ชินจิ ก่อนที่คลื่นไฟฟ้า จะไหลจากโล่ไปที่หัวและไหลกลับมาที่ โล่อีกครั้ง
เขาจึงตวัดโล่ ออกไป ตัวโล่ยืดออก กระแทกใส่ ลักซ์ ทว่า เธอก็เอาดาบในมือรับไว้ทัน
ยังผลให้เธอกระเด็นไป ทว่า เรย์ก็เข้ามารับเธอไว้ ส่วนดาบของเธอที่รับท่าพิฆาตไปนั้น ก็หักแตกไปในทันที

“ ไม่เป็นไรนะ ลักซ์ รีบใช้ Transport ตามไปสมทบกับพวกลุงเถอะ ”
เรย์ กล่าวทว่าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากด้านล่างของพวกเขา

“ Flash Walk ”
สิ้นเสียง ริคุ นีน่า และ ลากูน่า ก็เข้ามาล้อมทั้งคู่ไว้แล้ว

“ Mega Slash ”
“ Mega Kick ”
“ Mega Shooting ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้น ก่อนที่ ริคุ จะงัดใบดาบที่แขน ตวัดจนเกิดคลื่นพลังงานเสี้ยวดาบพุ่งออกไป
ส่วน ลากูน่า ก็พุ่งเข้าไปตวัดขาเตะ พร้อมๆกับที่ ลำแสงพลังงาน จากลำกล้องของจักรดอกไม้ทั้งสี่
พุ่งออกไป

“ No Attacking ”
เสียงดังขึ้นพร้อม กับที่ ไพ่ใบหนึ่งพุ่งเข้ามาหาทั้งสอง ที่กำลังจะถูก ครึ่งสมิงทั้งสี่ เข้าโจมตี
รูปบนไพ่เป็นดาบสองเล่มไขว้ลง การโจมตีของทั้งสามก็สลายลงทันทีที่ ไพ่เปล่งแสงออกมา

“ No Attacking จะหยุดยั้งการโจมตีทั้งหมดลงได้ ”
เซน่า ซึ่งเป็นคนขว้างไพ่นั้นมาช่วยทั้งสองกล่าว

“ อย่าสอดไม่เข้าเรื่องน่าอย่างนายมันต้องเจอกับชั้น ”
ชินจิ ตะคอกขึ้นขณะที่พุ่งเข้าไป ตวัดโล่ใส่ทว่า เซน่า ก็เรียก หอกโปเรมอส ออกมารับมือได้ทัน

“ ลักซ์ เรย์ ถอยไปเดี๋ยวฉันจัดการเอง ”
มิดาไร ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาเข้ามา พาทั้งสอง ออกจากวงล้อม

“ ด้วยพันธะแห่งเวหา ขอจงส่งอัสนี อันแรงฤทธิ์ธาสู่หัตถ์ข้า จงล้างผลาญทำลาย อริข้าจนวินาศสิ้น
โซ่สวรรค์ทะลวงปฐพี ”
สิ้นคำของ มิดาไร ก็เกิดแสงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด ถึง 10 สายด้วยกัน

“ Drake Power ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ ลอว์เรนซ์ พุ่งเข้าไปตวัดดาบ ฟาดใส่แสงทั้งหมด จนเบนสลายไปทิศอื่น

“ Three ”
“ Two ”
“ One ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับประกายแสงที่แวบขึ้นทุกครั้งที่ ดาบกระทบกับแสง ก่อนที่ ลอว์เรนซ์
จะสับสวิตซ์ ที่ด้ามดาบลง กรรเชียงดาบกางออกพร้อมกับคลื่นไไฟ้าที่ไหลเวียนไปทั่วทั้งดาบไหลกลับมารวมกันที่
ที่คมดาบ

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #55 on: October 26, 2008, 07:52:16 PM »

“ Maximum Hyper Typhoon ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นอีกรั้งจากตัวเกราะของ ลอว์เรนซ์ ก่อนที่เขาจะตวัดดาบออกไป
คลื่นพลังงานสีแดงถูกฟันออกไป ตรงเข้าใส่ มิดาไร เรย์ และ ลักซ์

“ TranSport ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ ครอสเร็กซ์ ใช้เคลื่อนย้ายพริบตาเข้ามา พาทั้งสามออกไปจากรัศมี คลื่นพลัง

ขณะเดียวกัน ฟอน ที่ตรึงร่างของ ไดงามิแอคเซีย เอาไว้ก็เริ่มที่จะทานเอาไว้ไม่ได้แล้ว

“ อึก…สงสัยจะไม่ไหวจริงๆนะเนี่ยช่วยไม่ได้ Psy Bio From ”
ฟอน กล่าวก่อนที่จะสลายคลื่นไฟฟ้าที่เชื่อมร่างของตนกับ ไดงามิแอคเซีย เอาไว้ออก

“ Alright Get Ready, Psy Bio From ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของ ฟอน ก่อนที่แก๊สสีดำจะพวยพุ่งออกมาจากข้อต่อของเกราะส่วนต่าง
และปลดตัวหลวมในทุกข้อต่อ

“ Poltergeist Fantastic ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากตัวเกราะของ ฟอน ก่อนที่จะส่วนร่างกายออก ย่อยเป็น 16 ชิ้น วิ่งไปล็อคตามจุดต่างๆล้อมรอบ ไดงามิแอคเซีย 

“ Ghost Blind ”
สิ้นเสียงจากชิ้นส่วนทั้งหมดของ ฟอน ชิ้นส่วนทั้งหมดของเขาก็สร้าง คลื่นกระแสไฟฟ้า ปล่อยมาจาก
ทุกชิ้นส่วนและตรึงร่างของ ไดงามิแอคเซีย เอาไว้อีกครั้งทว่า คราวนี้ ไดงามิแอคเซีย ก็สามารถที่จะทำการต่อต้านเขาได้ ทำให้การตรึงเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น

“ ชิ…ดูท่าจะไม่มีเวลาแล้ว…ช่วยไม่ได้คงต้องใช้ไอ้นั่นแล้วล่ะ ”
เจนัส กล่าวขณะที่ นีน่า ลากูน่า และ ริคุ มองเขาด้วยสายตาที่เข้าใจซึ่งกันและกัน
โดยที่ ลอว์เรนซ์ มองทีท่าของพวกเขาด้วยความงง งวย

“ เลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ... ”
ลากูน่า กล่าวเสียงหงอยขณะที่ก้มหน้าด้วยความรู้สึกราวกับต้องสูญเสียบางสิ่ง

“ มีแค่วิธีนี้เท่านั้นจริงๆสินะ ”
ริคุ กล่าวเสียงลอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ ขอโทษด้วยนะ นีน่า ที่ต้องให้ทำแบบนี้สุดท้ายแล้วชั้นก็ผิดสัญญาจนได้ ”
เจนัส กล่าวขอโทษกับ นีน่า ทว่าเธอก็ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นปราม เจนัส

“ ไม่ต้องขอโทษหรอกนี่เป็นทางที่ ฉันตัดสินใจร่วมกับพวกเธอและเป็นการตัดสินใจของ ฉันเอง
ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกนะ  ”
นีน่า กล่าวแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น เจนัส ก็ไม่อาจยกโทษให้ตัวเขาเองที่ต้องให้ นีน่า มาเข้าร่วมกับแผนการนี้
ทว่าถึงตอนนี้ ลอว์เรนซ์ ก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพวกเขาหมายถึง อะไร

“ ลอว์เรนซ์ เดี๋ยวพวกเราจะจัดการกับพวกกระดิ่ง 5 เสียงเองส่วนนายรีบอาศัยจังหวะนั้นไปจัดการ
กับ ไดงามิแอคเซีย ซะ ”
เจนัส กล่าวจบยังไม่ทันที่ ลอว์เรนซ์ จะได้กล่าวตอบอะไร พวกเขาก็พุ่งตัวออกไปเสียแล้ว

“ ด…เดี๋ยวสิแล้วพวกนายจะทำอย่างไง…กันเล่า… ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวไปได้ครึ่งประโยคก็ต้องชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่า วิธีเดียวที่พวกเขา ทั้งสี่ตนจะสามารถ
หยุดยั้งเหล่า กระดิ่ง 5 เสียงนี้ได้

“ นี่รึว่าพวกนายคิดจะเสียสละตัวเองน่ะ…อย่าทำบ้าๆนะ ”
ลอว์เรนซ์ ตะโกนเพื่อขอร้องให้ทั้งสี่หยุด ทว่าก็ไม่ทันการเสียแล้ว ริคุ ลากูน่า และนีน่า ได้พุ่งตัวเข้าไปรวบ
เหล่ากระดิ่ง 5 เสียงให้เข้ามารวมกันใกล้ เจนัส ในขณะที่เจนัส ก็กาง ดูโอเบลด ออก
แน่นอนว่า เหล่ากระดิ่ง 5 เสียง ได้ต่อต้านและดิ้นรน อย่างที่สุดทว่าทั้งสามก็ได้
เอาตัวเข้าแลกแม้จะถูกฟันจนถูกทุบตี ก็ยังคงรวบตัวทั้งหมดเข้ามารวมที่ เจนัส


“ ปล่อยข้านะเจ้าพวกสวะปล่อย ย้ากก…ปล่อย ”
อัซเรย์ ที่มีแรงมากที่สุด ดิ้นจนหลุดจากการรวบตัวของ ริคุ ไปได้ก่อนจะหันกลับมาเพื่อตวัดดาบใส่เขา

“ Spear Angriff ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นก่อนที่ เอริค กับ กอนดารี่ที่ขี่แมงมุมคู่ใจ ไรโอ จะพุ่งเข้ามา กระแทกขนาบ
ข้างด้วยหอก ร่างของ อัซเรย์ ถูกหอก เสียบแทงทะลุ ก่อนที่ทั้งสองจะเหวี่ยงให้ร่างของ อัซเรย์ เข้าไปร่วมวงกับ พวกเจนัส

“ ขอบใจมากนะที่เหลือฝากด้วยล่ะ ”
เจนัส กล่าวก่อนที่จะเริ่มควง กระบองดาบ ที่แปลงจาก ดูโอเบลด เอริค และ กอนดารี่
พยักหน้ารับคำ ด้วยสายตาเศร้าสร้อย ที่ไม่อาจช่วยอะไรได้ ในขณะที่ ลอว์เรนซ์ ได้พุ่งเข้าไปเพื่อจะหยุดพวกเขา
ทว่า เอริค กับ กอนดารี่ ก็เข้าไปขวางเขาไว้ ครั้นเมื่อ ลอว์เรนซ์ พยายามจะฝ่าก็ได้เข้าล็อคตัวของ ลอว์เรนซ์
ไม่ให้เข้าไป

“ ปล่อยสิ..ชั้นต้องหยุดพวกเขาเอาไว้…จะใช้วิธีไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่วิธีนี้ชั้นจะไม่ยอม
เสียสละเพื่อนเพื่อตัวเองหรอก…ปล่อยสิ ”
ลอว์เรนซ์ ตะคิกใส่ทั้งสอง ทว่าทั้งสองก็ยังคงไม่ยอมทำตาม ได้แต่ขบกรามแน่นและ
ก้มหน้าด้วยความคับแค้นใจที่ไม่อาจเลือกทางอื่นได้

“ เจนัส หยุดซะพวกเราค่อยหาทางอื่นก็ได้ขอร้องล่ะอย่าทำอย่างนี้เลย ”
ลอว์เรนซ์ ตะโกนร้องขอ ให้ พวก เจนัส หยุดทว่า พวกเขาเหล่านั้นก็ยังคงยืนยันที่จะทำต่อไปโดย
ไม่สนใจว่า ลอว์เรนซ์ จะพูดอย่างไร

“ Maximum Hyper Typhoon ”
เสียงทุ้มแหลมดังจาก ดูโอเบลด ขึ้นก่อนที่ เจนัส จะกระแทกมันลงคลบื่นพลังงานระเบิดออกมา
เผาผลาญร่างของ พวกเขาทั้งสี่ ไปพร้อมกับ กระดิ่ง 5 เสียง ในทันที ครึ่งสมิงทั้งสี่มองหน้ากัน
ด้วยสีหน้าที่เชื่อมั่นซึ่งกันและกัน

“ ขอโทษด้วยนะที่ต้องให้พวกเจ้าต้องมาเสียสละร่วมด้วยน่ะ ดูโอเบลด ”
เจนัส กล่าวกับพลองเลเซอร์ที่ ยังคงปล่อยพลังงานอยู่ ในขณะที่ร่างของเขากำลังค่อยๆถูกกลืนหายไป

“ No Problem ”
เหล่า อาวุธของพวกเขาตอบเป็นเสียงเดียวกัน อย่างแข็งขัน
ทั้งสี่ ยิ้มให้กันอย่างไม่ทุกข์ร้อนต่อความตายที่จะมาเยือนในไม่ช้า

“ ขอโทษด้วยนะ นีน่า สุดท้ายชั้นก็ปกป้องเธอเอาไว้ไม่ได้แล้ว ”
เจนัส กล่าวด้วยความเสียใจ ทว่า นีน่า ก็ปรามเขาไว้

“ พอเถอะ เธอขอโทษฉันมากี่ร้อยครั้งแล้ว นี่ครั้งสุดท้ายไม่ต้องอีกแล้วล่ะ ”
นีน่า กล่าวเสียงแหบเพราะคลื่นพลังงานเริ่มที่จะกัดกินร่างของพวกเขาแล้ว

“ แล้วก็ ลากูน่า พี่ขอโทษนะ ที่ต้องลากน้องมา..ด้วย ”
เจนัส กล่าวขณะที่ร่างของเขาเริ่มจะทนไม่ได้แล้ว

“ ม…ไม่เป็นไร…ครับไม่ว่าเมื่อไหร่หรือ…ที่ไหนผมก็จะขอตามท่านพี่ไปทุกเมื่อ..แฮ่กๆ..อีกไม่นานก็จะได้พบกับท่านแม่..แล้วสินะ ”
ลากูน่ากล่าว ขณะที่สติเริ่มเลือนราง พร้อมกับคลื่นพลังงานที่เผาผลาญรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“ งั้นเจอกันที่โลกหน้านะ.. ”
ริคุ กล่าวจบพวกเขาทั้งสี่ ต่างก็สิ้นใจลงในทันที คลื่นพลังงสานได้ เผาผลาญร่างของพวกเขาจน
สลายไปเหลือไว้เพียง มาสเตอร์แอคเตอร์ที่ แยกตัวออกมาและพุ่งกระเด็นออกไปคนละทิศละทาง
ต่อหน้าต่อตา ของทุกคน

“ เจนัส…นีน่า…ลากูน่า..ริคุ..โธ่เว้ยย..ฮือๆ..เจ้าพวกบ้าทำไมถึงทำแบบนี้ ”
ลอว์เรนซ์ คร่ำครวญด้วยความเสียใจอย่างที่สุดต่อการจากไปของเพื่อนๆที่อยู่ร่วมกันมา
จนราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน

“ คุณ เจนัส กับทุกคนบอกเอาไว้ว่าก่อนจะออกเคลื่อนพล ว่าการที่พวกเขาเสียสละไม่ใช่การจากลา
ดังนั้นจะไม่กล่าวคำว่าลาก่อน.. ”
เอริค กล่าวเสียงสั่นเทา ในขณะที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความเจ็บแค้นและความเศร้าต่อการจากไปอย่างกะทันหันของ ทั้งสี่

“ เพราะพวกเราจะอยู่กับนายเสมอไปจะมีชีวิตอยู่ในใจของนายและจะสู้ร่วมไปพร้อมกันและจะไม่ทิ้งกัน
อย่างเด็ดขาด..นี่คือคำพูดที่คุณ เจนัส และอีกสามคนสั่งเสียไว้ ”
กอนดารี่ กล่าวเสียงสะอื้นในมือกำหอกสองปลายแน่นเสียจน ข้อมือซีด

“ เชอะ..เจ้านั้นทั้งที่บอกให้คนอื่นมีชีวิตต่อไปแต่กลับหายไปซะเองเนี่ยนะน่าโมโหชะมัด..เจ้าบ้าเอ๊ย ”
ชินจิ คิดขณะที่ ในมือกำด้ามปืนแน่น เซ็นเซอร์บนหน้ากากเล็งเป้าไปที่หัวของ เซน่า ที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา
เพื่อจะแทงทะลุร่างของเขา  ทว่า ชินจิ ก็ลั่นไก ออกไปกระสุนพลังงานพุ่งตัดผ่านหัวของ เซน่าไป
ร่างของ เซน่า ที่ถูกยิงได้ร่วงหล่นลงสู่ท้องทะเลเบื้องล่างและจมหายไป


“ Part Set Up Hyper Mode ”
ชินจิ เปรยเสียงแผ่ว ขณะที่ลดแขนลง

“ All Part Set Up Combine Hyper Mode ”
สิ้นเสียงปืนในมือขวาของ ชินจิ ก็สลายไปก่อนจะเกิดบล็อค ขึ้นเรียงรายไปรอบตัวของเขาและ
รวมรูปเป็น ปืนลำแสงขนาดใหญ่ประกอบเข้ากับโล่ขนาดใหญที่ขยายขึ้น

“ ชั้นจะทำให้ทุกอย่างมันจบเดี๋ยวนี้แหล่ะ ”
ชินจิ กล่าวเสียงแผ่ว ก่อนที่ ปืนลำแสงจะสับกระสุนพลังเวทย์
และเริ่มสะสมพลังงาน ในขณะเดียวกัน ฟอน ก็เริ่มที่จะยับยั้ง ไดงามิแอคเซียเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

แม้ กองยานรบและเหล่า ST กับนักรบแมงมุม Spider Warrior ไปจนถึง มัลติอาร์เมอร์ แฟลชของกองกำลัง
 จะช่วยกันระดมโจมตี ก็ตาม นั่นก็ไม่อาจสร้างความเสียหายให้แก่ ไดงามิแอคเซีย ได้ทว่าในขณะนั้นเอง
ก็มี มัลติอาร์เมอร์รุ่น กรูฟ อัลฟ่าวัน จำนวนนับร้อยและกองยานรบของสหพันโลก ได้ตรงเข้ามาช่วย
ระดมโจมตี อีกแรง

“ นี่มัน… ”
คางาริ เอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะมีการติดต่อเข้ามาจากกองยานเหล่านั้น

“ พวกเราคือ ADC จะขอเข้าสนับสนุนการรบในครั้งนี้เพื่อให้สงครามสงบลงตามอุดมการณ์และด้วยเหตุนี้กองทัพโลกก็ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือแก่เรา พวกเราจะให้การสนับสนุนกองยานของพวกท่านเต็มที่ ”
ผู้นำทัพของกองยานแห่งสหพันโลกและหน่อยรบของ ADC (Association Dispassionate Confliction = กลุ่มสมาคมความเป็นกลางทางความขัดแย้ง) ที่พึ่งก่อตั้งขึ้นมาได้ไม่กี่เดือนก่อน ได้ติดต่อเข้ามา เพื่อแจ้งถึงความจำนง

ที่จะช่วยเหลือพวกเขา ซึ่งแม้จะน่ายินดีที่มีกองหนุนมาช่วยทว่า สภาพการณ์ตอนนี้ก็คลุมเครือเต็มที
เพราะ การโจมตีทุกอย่างไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ ไดงามิแอคเซีย ได้เลยการโจมตีทั้งหมดถูกสลาย
ไปครั้งแล้วครั้งเล่า และในตอนนี้ก็ถึงขีดจำกัดของ ฟอน เสียแล้วชิ้นส่วนทมั้งหมดได้กลับไปรวมประกอบกับเข้าร่างเหมือนเดิม ในขณะที่ผนึกได้ถูกสลายไปเรียบร้อย ไดงามิแอคเซีย จึงเริ่มขยับอีกครั้ง

“ ไม่มีเวลาอีกแล้วอย่าให้การเสียสละของพวกเขาต้องเสียเปล่าเลย ”
เอริค กล่าวซึ่ง ลอว์เรนซ์ ที่น้ำตาไหลซึมออกมาตามรอยต่อของหน้ากาก ก็หันไปมองยัง
ไดงามิแอคเซีย ศัตรูตัวสุดท้าย เขายกมือขึ้นปาดคราบน้ำตาที่ไหลออกมา
ก่อนจะตั้งท่าดาบทั้งหกได้หมุนวนรวมกันเป็นดาบแสงเล่มใหญ่เพียงเล่มเดียว

“ Signum Genesis ”
สิ้นเสียงจากตัวดาบ ลอว์เรนซ์ ก็ตวัดมันลงไปคลื่นพลังงานได้พุ่งออกมาจากคมดาบตรงเข้าหา
ร่างของไดงามิแอคเซีย

“ Energy Blast ”
สิ้นเสียงจากปืนลำแสงยักษ์ของ ชินจิ ลำแสงพลังงานแรงสูงก็ถูกยิงออกไปกระแทกเข้ากับ
คลื่นพลังงานจากดาบของ ลอว์เรนซ์ ที่บริเวณร่างของ ไดงามิแอคเซีย

“ Last in Quest ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากการประสานท่าของ อาวุธทั้งสอง เกิดระเบิดขนาดใหญ่ที่เคยใช้
กวาดล้างกองทัพเรือนแสนล้าน ในพริบตาได้เข้าทำลาย ไดงามิแอคเซีย ทว่าแทนที่ทุกอย่างควรจะเป็นเช่นนั้น
แรงระเบิดที่เกิดขึ้นได้ทุกดูดกลืนเข้าไปยังร่างของ ไดงามิแอคเซีย และสลายหายไปเป็นความว่างเปล่า

“ พวกแกจงหายไปซะให้หมด ”
อาเทเนีย ที่ควบคุม ไดงามิแอคเซีย กล่าวด้วยโทสะ ที่น้องชายของตน ถูกสังหารและเหล่ากระดิ่ง 5 เสียงที่
สร้างมาได้ถูกทำลายลง

“ ฮ่าๆๆพวกแกจะต้องหายไปให้หมดหายไป..อัก ”
อาเทเนีย หัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะกระอักเลือดออกมา นางมองคราบที่ติดอยู่บนฝ่ามือด้วยความ ฉงนใจ

“ มนุษย์อย่าบังอาจมาสั่งการข้าจงหายไปซะ ”
เสียงดังขึ้นจากตัวของ ไดงามิแอคเซีย ก่อนที่ห้องควบคุมที่ อาเทเนีย นั่งอยู่จะถูกบีบอัดจนสลาย
และถูกดูดกลืนหายเข้าไปในความว่างเปล่าที่ขยายตัวขึ้นมาจากภายใน ตัว ไดงามิแอคเซีย

“ ข้าจะนำโลกกลับคือสู่ความว่างเปล่าอีกครั้งและครั้งนี้ เจ้าผู้สืบทอดแห่งซาราเบลดเจ้าไม่อาจที่จะทีพลัง
มาต่อกรกับข้าได้อีกต่อไปแล้ว ”
เสียงที่ ลอว์เรนซ์ รู้สึกคุ้นเคยดังขึ้นจาก ไดงามิแอคเซีย เขาจำมันได้ดีอย่างไม่มีวันลืม
เสียงที่ คร่าชีวิตของพี่ชายเขาไป และทำให้เขาและเพื่อนๆต้องทนทุกข์ทรมานมาในอดีต

“ อวตารจิตด้านมืดแห่งพระเจ้า God Terra แกเองงั้นรึ ”
ลอว์เรนซ์ เรียกชื่อเจ้าของเสียงด้วยน้ำเสียงโทสะสุดขีด ความเดือดดาลได้พุ่งพล่านออกมาเสียจนแทบจะ
ระเบิด

“ ไม่นึกเลย 3000 ปีก่อนเจ้าได้หยุดยั้งข้าเอาไว้ และ 3000 ปีที่ผ่านมานี้ผู้ที่จะมาหยุดข้าก็ยังเป็นเจ้าอีกงั้นรึนี่
แต่ว่าครั้งนี้มันต่างกันเจ้าไม่อาจ ใช้ดาบแห่งคำอธิษฐานได้หากเจ้าไม่ใช่เทพ และเจ้าก็ไม่ได้
เป็น อัศวินมังกรทาลิวิลย่า เจ้าจึงไม่ใช่เทพ เจ้าพวกครึ่งสมิงที่ทรยศข้าก็ตายกันไปหมดแล้ว เจ้ายังจะเอาอะไรมาหยุดข้าได้อีก สำนึกไว้เลย ซาราเบลดเจ้าจะเป็นคนแรกที่ต้องหายไป ”
ไดงามิแอคเซีย กล่าวจบลำแสงสีดก็ถูก ยิงตรงเข้าไปยัง ลอว์เรนซ์

“ ลอว์เรนซ์ ”
เทีย ที่ดูการต่อสู้ของพวกเขาอยู่บนยาน อุทานขึ้นมาขณะที่ ลำแสงกำลังจะพุ่งเข้าทำลายร่างของเขา

“ Chorono Contorl ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นพร้อมกับที่ ลอว์เรนซ์ กดปุ่มสวิตซ์บนด้าม ไฮเปอร์เบลด ที่แยกการรวมร่างกับดาบ
เล่มอื่นแล้ว ทุกอย่างได้หยุดนิ่งลงนะตรงนั้นลำแสงที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาก็ได้หยุดลงตรงหน้าเขา
ในตอนนี้เขาได้หยุดเวลาลงได้อีกครา หลังจากที่เหล่า กระดิ่ง 5 เสียงได้ผนึกความสามารถในการควบคุมเวลาของพวกเขา ในตอนนี้เขาสามารถใช้มันได้อีกครั้ง

“ เพราะกระดิ่ง 5 เสียงถูกทำลายไปแล้ว การควบคุมเวลาเลยกลับมาใช้ได้อีกครั้งสินะ ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขึ้น ก่อนที่จะพุ่งตัวหลบออกจากวิถีลำแสงขณะที่ เรียกเอาดาบทั้งห้าเล่มออกมาอีกครั้ง

“ นี่เราจะทำยังไงดี กระทั้ง Last in Quest ก็ยังเอามันไม่อยู่เลย…ชั้นคนเดียวไม่ไหวจริงๆด้วยสินะ ”
ลอว์เรนซ์ คิดขณะที่มองดูไฮเปอร์เบลดที่ใช้ พลังไปจนหมด A.i. จึงหยุดการทำงานไปด้วยหลังจากใช้พลังเฮือกสุดท้ายควบคุมเวลา

“ นายไม่ได้สู้อยู่คนเดียวซะหน่อย ”
“ ลุกขึ้นมาสิ ”
“ ตราบใดที่ยังไม่สิ้นหวังทางแห่งอนาคตจะเปิดออกนั่นเป็นคำพูดของนายไม่ใช่รึไง ”
“ ต่อให้สวรรค์ก็ไม่อาจเลือกทางเดินให้ตัวเองได้จงก้าวข้ามลิขิตแห่งฟ้าเพื่อไขว่ขว้าอนาคต ”
เสียงของพวก เจนัส ได้ดังขึ้นในจนเขาราวกับว่าพวกเขาอยู่กับตนเองตลอด
คำพูดที่ผุดขึ้นมานั้นทำให้เขานึกถึงเรื่องดาบเล่มสุดท้าย ที่ ดร.คีออส บอกเอาไวตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันคือดาบเล่มไหน


“ ความหวัง ความเมตตา ความซื่อสัตย์ คุณธรรม ปัญญา และมิตรภาพ ดาบที่มีพลังทั้ง 6 สถิตย์อยู่ ”
สิ้นคำของ ลอว์เรนซ์ ดาบทั้งหกเล่มก็ได้รวมเข้าด้วยกันเป็นดาบแสงอีกครา ซึ่งเป็นดาบที่ยังไม่ปรากฏรูป
ทันทีที่เขาเอื้อมมือไปจับด้ามดาบความทรงจำทั้งหมด ก็ได้หลั่งไหลเข้ามาในหัวใจ วันเวลาที่มีร่วมกับทุกคน
ที่นี่และที่โลกอดีต ทำให้เขาสำนึกได้ว่าจะต้องมีชีวิตรอดกลับไปให้ได้ เพื่อไปพบเพื่อนพ้องเหล่าลูกมังกร
และครอบที่รอเขาอยู่ที่ โลกอดีตเมื่อ 3000 ปีก่อน ดาบแสงได้ปรากฏรูปร่างขึ้นจนเห็นเด่นชัด
ดาบสีทองด้ามสีแดง และลายเกล็ดมังกรบนคมดาบ

“ Seven Blade Macarhyadia ”
สิ้นเสียงจากตัวดาบ ร่างของดาบก็ปรากฏขึ้นมันคือดาบแห่งอัศวินทาลิวิลย่า มาคายาเดีย
นั่นเอง ทันทีที่ดาบมาอยู่ในมือของเขา อีกครั้งมันก็ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างมากมายมหาศาล
เกิดช่องว่างของมิติ เบิกออกก่อนที่เจ้าแมวสีขาวจะกระโจนออกมา

“ เจ้า..ชะตาแห่งแสง ”
ลอว์เรนซ์ อุทานเมื่อ แมวมีปีกสีขาวซึ่งเป็น ชะตาแห่งแสงได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง

“ เรียกข้าว่า เนเมซิส (Namesis) จะดีกว่านะ ”
เจ้าแมวขาวกล่าว เสียงขรึมต่อสายตา งุนงงที่ปรากฏขึ้นใาแววตาของ ลอว์เรนซ์

“ Chorono Contorl ”
เสียงดังขึ้นอีกครั้งจากตัวดาบเวลาในการ ควบคุมเวลาได้หมดลงแล้ว
ทว่า ลอว์เรนซ์ ได้เคลื่อนตัวหลบมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่การปรากฏตัวของ เนเมซิส นั้นกลับทำให้ ไดงามิแอคเซีย และ ทุกๆคนต้องตกตะลึงมากกว่า

“ เนเมซิส นี่เจ้าอีกแล้วรึ ”
ไดงามิแอคเซีย กล่าวด้วยความผวา ท่ามกลางความสับสนของ ทุกๆคน

“ นั่นมันตัวอะไรกันน่ะ ”
เทีย อุทานด้วยความฉงน หลังจากที่เห็น เนเมซิส

“ ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด คือผู้ที่จะกำหนดชะตาของตนด้วยตัวเองและการกระทำของเขานั้นได้
กำหนดชะตาของคนอื่นๆอีกหลายคนเหล่าครึ่งสมิงทั้งสี่ ที่มีชะตาจะต้องถูกเจ้าใช้งานจนถึงแก่ชีวิตในการปฏิบัติ

หน้าที่ นั้นแต่ทว่า ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด ได้กำหนดชะตาของตนเสียใหม่ การกำหนดชะตาของเขาได้ทำให้ชะตาของ
ครึ่งสมิงทั้งสี่เปลี่ยนไป นี่คงจะเป็นพลังที่เขาได้รับประทานมาในฐานะที่เป็นความหวังที่สามของพระองค์

และเพื่อที่จะหยุดยั้งพลังแห่งความว่างเปล่าจึงต้องใช้พลังแห่งคำอธิษฐานเติมเต็มความว่างเปล่านั้น
เมื่อครั้งก่อน การเติมเต็มที่ว่าคงจะไม่สมบรูณ์เนื่องจากเจ้ายังถือครองพระอำนาจของพระองค์อยู่ส่วนหนึ่งจึงทำให้เจ้ายังคงหลงเหลือมาได้จนบัดนี้ทว่าถึงเวลาที่จะทำให้พลังด้านลบซึ่งครอบงำพลังแห่งความว่างเปล่าหายไปเสียที  ”
สิ้นคำของ เนเมซิส มันก็ได้รวมตัวเข้ากับมาคายาเดียและกลายเป็นดาบแสงขนาดใหญที่ยาวไม่เห็นปลาย
บัดนี้ดาบแห่งคตำอธิษฐานได้ถูกเนรมิตขึ้นมาอีกครั้ง

“ ดาบแห่งคำอธิษฐานงั้นเรอะถึงยังไงซะร่างของเจ้าตอนนี้เป็นเพียงร่างมนุษย์ธรรมดาไม่มีทาง
ต้านทานอานุภาพของดาบแห่งคำอธิษฐานได้หรอกน่าหากฝืนใช้มันทั้งอย่างนั้นร่างของ เจ้าก็จะแตกสลายไปด้วย ”
ไดงามิแอคเซ๊ย กล่าวทว่า ลอว์เรนซ์ กลับไม่ลังเลที่จะฟาดมันลงไป
ไดงามิแอคเซียจึงยกเอสดาบขึ้นรับคมดาบแห่งคำอธิษฐาน ทันทีที่ดาบกระทบกัน พลังแห่งคำวิงวอนในความต้องที่จะมีชีวิตอยู่ของทุกคนทั่วทั้งโลกก็ได้หลั่งไหลเขามารวมกันที่ดาบมากขึ้นๆเรื่อยๆ ทว่าลอว์เรนซ์ที่ ไม่ได้อยู่ในร่างของ ทาลิวิลย่ามีเพียงเดรคแอคเตอร์ไฮเปอร์โหมดที่สวมอยู่เท่านั้น จึงไม่อาจทนรับแรงสะท้อนของพลังที่มากมายมหาศาลเช่นนี้ได้ แต่เขาก็ยังคงฝืนต่อไป

“ พวกเราช่วยเป็นพลังให้ชั้นทีเถอะ ”
ลอว์เรนซ์ ภาวนา ทันใดนั้นก็มีแสงสี้ลำพุ่งเข้ามาหาเขา มันคือศิลาจันทราของพวก เจนัส
ที่หลงรอดมาจากการถูกทำลาย ทั้งสี่ก้อนได้รวมตัวเข้ากับดาบและช่วยผ่อนแรงสะท้อนทำให้ ลอว์เรนซ์สามารถควบคุมดาบได้ เงาของ เจนัส นีน่า ลากูน่า และริคุ นั้นได้ปรากฏขึ้นและยื่นมาเข้าช่วยจับดาบแห่งคำอธิษฐาน
พลังของดาบที่มากขึ้นเรื่อยๆได้ฟันตัดทะลวง ดาบของ ไดงามิแอคเซีย และผ่าร่างของมันออกเป็นสองเสี่ยง
ก่อนที่จะเกิดระเบิดและสลายไปในที่สุด ดาบแสงได้สลายตัวหายไป พร้อมกับที่ เนเมซิส แยกตัวอกมา
เนเมซิส มองร่างของ ลอว์เรนซ์ ที่โทรมจากการต่อสู้และการฝืนใช้พลังที่เกินตน ด้วยสายตาวิงวอน
ให้เขามีชีวิตรอดกลับไป ก่อนที่ตนจะกลับไปยังโลกแห่งชะตา ชุดเกราะของ ลอว์เรนซ์ ได้สลายตัวออกพร้อมกับที่
เดรคแอคเตอร์ ได้บินหายไปร่างของเขาได้ค่อยๆร่วงหล่นลง ก่อนที่ ชินจิ จะเข้าไปรับเอาไว้
และทุกอย่างก็ดูเหมือนจะจบลงด้วยดีแล้ว

……………..
…………………….
………………………..
1 เดือนผ่านไป


“ จะกลับไปจริงๆเหรอ ”
เทียกล่าว กับ ลอว์เรนซ์ ที่พึ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ทั้งคู่ยืนอยู่บนเนินหญ้าที่ หมู่บ้านแหลมทวีป คาดาร่า
ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ ลอว์เรนซ์ได้พบกับ นีน่า เป็นครั้งแรกและเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของเขากับพวกครึ่งสมิง

“ ชั้นรู้ดีว่าตัวชันเองเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วดังนั้นอย่างน้อยชั้นต้องทำให้ความต้องการของทุกคนที่ฝากฝังไว้เป็นจริง ชั้นจะกลับไปพร้อมกับทุกคน..พวเขายังคงอยู่ในจิตใจของชั้น และชั้นก็มีหน้าที่ที่ จะต้องพาพวกเขากลับไปด้วย
ขอให้เธอเข้าใจด้วยนะเทีย ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่ เดรคแอคเตอร์ ได้บินลงมา และเปิดประตูมิติให้แก่เขา

“ ลอว์เรนซ์ ที่แล้วมาฉันก็แค่ไปเจอเธอโดยบังเอิญ ที่โลกอดีตเท่านั้นแต่เธอก็ยังอุตส่าห์ช่วยเหลือชั้นมาตลอด
จนกลับมาที่โลกอนาคตนี่ก็ยังต้องคอยช่วยเหลือฉันอยู่เรื่อยมา รวมไปถึงเพื่อนของเธอด้วย ทั้ง เจนัส ลากูน่า นีน่า และริคุ ต่างก็เป็นคนที่สำคัญสำหรับฉันไปแล้วที่ผ่านมาฉันเอาแต่เรื่องมาให้ตลอดเลยแต่เธอก็ไม่เกี่ยงที่จะช่วย ขอบคุณมากนะสำหรับทุกสิ่งและนี่คงถึงเวลาที่ต้องลากันแล้วสินะ ถึงจะเป็นช่วงเวลาแค่ 1 ปี แต่ฉันจะไม่ลืมเธอและทุกคนเลย ”
เทีย กล่าวขอบคุณกับสิ่งที่ผ่านมาที่เขาได้ช่วยเหลือเธอไว้ ต่อหน้าเหล่าลูกเรือของยาน Angle Wing ที่ยืนดูอยู่ห่างๆ

“ ชั้นเองก็เหมือนกันจะไม่ลืมเลย ลาก่อนนะ เทีย ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็เดินเข้าไปในประตูมิติ โดยมีเสียงกล่าวอำลาจากทุกคนไล่หลังไปก่อนที่รอยแยกจะปิดลง

………………..
…………………….
……………………
โลกอดีต 3000 ปีก่อน
หมู่บ้านมังกร

“ ไลท์ ลอว์เรนซ์ จะกลับมารึเปล่านะ ”
ไฟร์ถาม ขณะที่ไลท์ยังคงเอาแต่จ้องมองไปยังเนินหญ้าซึ่งเป็นทางผ่านเข้าออกนอก มิติมังกร

“ เฮ้พวกนายก็มาด้วยเรอะ ”
เสียงของ อควาดังขึ้นพร้อมกับที่ เอิธท์ วิล ดาร์ค และพวกอาจารย์กับเพื่อนๆที่เคยเรียนโรงเรียนมังกรด้วยกันจะยกโขยงกันมาสมทบ

“ อ้าวไหงมากันหมดเลยล่ะ ”
ไฟร์กล่าวถามด้วยความสงสัย

“ พอดีวันนี้รู้สึกว่า ลอว์เรนซ์ อาจจะกลับมาน่ะก็เลยชวนกันออกมารอ ”
วิล กล่าวขณะที่มองไลท์ ที่มานั่งรอคอยการกลับมาของลอว์เรนซ์ นับตั้งแต่เขาจากไปยังโลกอนาคตกับพวก เจนัส
เวลาได้ล่วงเลยมา 2 เดือนแล้ว

“ ไลท์.. ”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นนั่นทำให้ไลท์ลุกขึ้นในทันที ลอว์เรนซ์ กำลังเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างโซซัดโซเซ

“ ลอว์เรนซ์ ”
ไลท์อุทานทว่า ลอว์เรนซ์ ที่เข้ามาก็ฟุบลงไปกับพื้นหญ้าเสียก่อนทำให้พวกเขาวิ่งเข้าไปดูอาการด้วยความเป็นห่วง

“ ลอว์เรนซ์ เป็นอะไรไปน่ะ..ลอว์เรนซ์แล้วคนอื่นๆล่ะ เจนัส นีน่า ลากูน่า แล้วก็ริคุไฟปไหนหมด ”
ไลท์กล่าวขณะที่พยายามเรียกสติของเขา

“ พวกเขาตายหมดแล้ว… ”
ลอว์เรนซ์กล่าวเสียงแผ่ว คำพูดของเขาทำเอาทุกคนหน้าซีดเผือดไปตามกัน

“ และอีกไม่นานชั้นเองก็คงจะไม่รอดแล้วล่ะอย่างน้อยๆแค่ได้นำจิตวิญญาณของพวกเขามาส่งพร้อมกับ
ตัวของชั้นเองก็พอแล้ว…ขอโทษนะไลท์ทั้งที่พึ่งจะกลับมาแท้ๆแต่ก็เป็นแบบนี้ซะแล้ว ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวมือของเขาก็แน่นิ่งไปในทันที ลมหายใจเฮือกสุดท้ายได้หายไปแล้ว
แม้ว่าแรงสะท้อนจากการ
ใช้ดาบแห่งคำอธิษฐานจะได้รับการผ่อนปรน ทว่ามันก็ยังเกินกว่าที่เขาจะรับได้ สิ่งที่ เนเมซิส คาดเอาไว้แล้ว
ลอว์เรนซ์ จะเปลี่ยนชะตาของเขาเป็นครั้งสุดท้าย การที่เขาสามารถอยู่ได้จนครบ 1 เดือนหลังจาก
การใช้ดาบนั่นก็คือขีดจำกัดที่สุดแล้วของเขาอย่างน้อยที่สุด เนเมซิส ก็คาดการไม่ถึงเพียงอย่างเดียวนั้นคือ เขาสามารถกลับไปบอกลากับทุกคนได้ในช่วงท้ายของชีวิต บัดนี้วิญญาณของ หนุ่มน้อยก็ได้พบกับ
ครอบครัวที่พรากจากกันแล้วที่โลกภายภาคหน้า
 และตำนานก็ได้จบลงไปในตอนนั้นนั่นเอง ทว่าเรื่องราวของเธอพึ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
การเดินทางของ เทีย ยังไม่สิ้นสุดแต่มันพึ่งเริ่มต้น

Multi Armor Actor V.O.W Fin……….

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #56 on: October 26, 2008, 07:57:23 PM »

ในที่สุดก็อวสานภาค Voice of War แล้วนะเจ้าคะ อาทิตย์หน้าตอนสุดท้ายแล้วอย่าลืม
มาดูกันให้ได้นะจ้ะ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #57 on: November 02, 2008, 06:37:34 PM »

Multi Armor Actor E.E.(End of Era)

โลกเทอร่า 3000 ปีหลังการก่อตั้งมิราบิลิส ได้เกิดสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ของมนุษย์และแลนทิส ที่นำมาซึ่งสงคราม
เข่นฆ่ากันเองของมนุษย์ จากการชักนำขององค์กร วิจัยพัฒนาอาวุธเอกชน Bell Cross ซึ่งมีจุดประสงค์ที่
จะนำเอาพลังแห่งความว่างเปล่าใช้ทำลายเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ ให้สิ้นไป ทว่าด้วยการขัดขวางของเหล่า
นักรบผู้ถือครองมาสเตอร์แอคเตอร์และความร่วมมือของกองกำลังต่อต้านอิสระ (Freedom Resistant)กับ สหพันโลก
และ ADC (Association Dispassionate Confliction = กลุ่มสมาคมความเป็นกลางทางความขัดแย้ง)

ทำให้สามารถโค่นล้มอาวุธสุท้ายของ Bell Cross ไดงามิแอคเซีย (Daikami Axia) ทว่าโลกก็ไม่ได้กลับเข้าสู่ความสงบสุขเช่นแต่ก่อน เมื่อเศรษฐกิจโลกในช่วงนั้นได้ขึ้นกับการค้าอาวุธและมัลติอาร์เมอร์ที่ Bell Cross บริหารไว้
เมื่อการล่มสลายของ Bell Cross ได้มาถึงสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกต่างก็ซบเซาลงไปตามๆกัน

ความเสียหายที่ ไดงามิแอคเซียก่อก็ไม่มีผู้ใดออกมารับผิดชอบได้ จากการที่ทวีปเลาดิเชีย ซึ่งเป็นสนามรบในครั้งนั้นได้ถูกลบหายไปจากประวัติศาสตร์ ทำให้หลายชาติที่มีความมั่นคงทางการเงิน ซึ่งอยู่ในเขตทวีปเลาดิเชียพลอยหายไปด้วยจึงไม่มีการนำเงินมาลงทุนหมุนเวียนในการค้าอื่นๆนอกจากการค้าอาวุธ สงครามเหล่านี้

เมื่อเวลาผ่านไปความกดดันก็เริ่มก่อให้เกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ เมื่อในบางประเทศไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำสงครามเพื่อแย่งชิง เพราะประเทศอื่นๆก็ยังอยู่ในสภาพที่ต้องฟื้นตัวจึงทำให้ไม่อาจส่งความช่วยเหลือให้กันและกันได้
ไม่นานสงครามก็เกิดขึ้นอีกและโลกก็ได้แบ่งแยกออกเป็น 3 ฝ่ายไป คือ ADC ที่ได้รับประเทศสมาชิกเพิ่มจากเหล่า

ประเทศที่ไม่ต้องการก่อสงคราม  กลุ่มที่ต้องการก่อสงครามเพื่อให้ประเทศของตนที่เปลืองงบไปกับการพัฒนาอาวุธ
สามารถอยู่รอดต่อไปได้คือกลุ่มปฏิรูปมนุษยชาติ และ กลุ่มสุดท้ายที่ก่อตั้งขึ้นเพราะ การไม่ยอมรับทางสังคมโลกคือ
เหล่าแลนทิส นั้นแม้จะเป็นอิสระจากการควบคุมของ Bell Cross ทว่าก็ไม่ได้มีทุกตัวที่เลือกกลับ

ไปสู่ธรรมชาติแต่เลือกที่จะใช้ชีวิตต่อไปในสังคมมนุษย์ ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มมนุษย์ ที่เกิดขึ้นจากการทดลองของ Bell Cross อย่าง Super Solider และ Coordinator ที่ยังคงหลงเหลือมาล้วนไม่ได้รับการยอมรับต่อสังคมโลก

ทำให้พวกเขาจับมือกับเหล่าแลนทิสลุกขึ้นสู้ร่วมกันด้วยฐานะที่เป็นผลิตผลของ Bell Cross เพื่อให้โลกยอมรับพวกเขา
ซึ่งเรียกตัวเองว่า  New Type นอกจากนี้กลุ่มของพวก New Type ยังได้รับการหนุนหลังจาก พวกชนเผ่า
ฮิแรนด้า(Hiranda)และ อาแร็คน่า (Aracna) ที่มาจากกาแล็คซี่ อื่นอีก ทำให้กำลังรบของ กลุ่ม New Type มีเทียบเท่ากลุ่มอื่นๆ นอกจากนี้มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้ง 5 เครื่องที่ไร้ซึ่งเจ้าของ เดรคที่อยู่กับ กลุ่ม Freedom Resistant
ที่ตอนนี้ได้เข้าให้ความร่วมมือกับ New Type เพราะอำนาจทั้งหมดเป็นของชนเผ่า ฮิแรนด้าและอาแร็คน่า
ทำให้ เดรค ถูกยกให้กับกลุ่ม New Type เช่นกันกับ เนลฟา ที่ถูกเก็บกู้ได้ภายหลัง

ส่วน ไนเซอร์ และ ชูริกะ ถูกกลุ่ม ปฏิรูป มนุษยชาติเก็บกู้ไปได้และ ซาร์แสลซ ได้ถูกเก็บกู้โดย ADC
จากการนี้เหล่ามาสเตอร์แอคเตอร์ซึ่งมีอำนาจสูง กว่าแอคเตอร์ทั้งหมด จึงถูกใช้เป็นตัวกลางในการก่อสงคราม
โดยเหล่าพลทหารพิเศษที่ถูกคัดสรรให้มาควบคุม แอคเตอร์เหล่านี้ นอกจากนี้ มาสเตอร์แอคเตอร์ที่ตกไปอยู่ในมือของคนเหล่านี้ก็ถูกทำการแก้ไขดัดแปลงเสียใหม่ให้ลบเงื่อนไขการใช้งาน ที่ยุ่งยากออกไปอย่าง ไฮเปอร์โหมดของเดรคที่
มีเพียงลอว์เรนซ์เท่านั้นที่ใช้ได้ พวกชนเผ่า ฮิแรนด้า ก็ได้ใช้วิทยาการของตนทำให้ลบเงื่อนไขตรงจุดนี้ไปได้

ด้วยเหตุผลที่ไม่อาจยอมรับได้ทำให้ยาน Angle Wing ตัดสินใจแยกตัวออกจากกองกำลังต่อต้านอิสระ ที่ได้เปลี่ยนการปกครองไปและออกเดินทางเพื่อสงบสงครามเหล่านี้ โดยการเก็บกู้มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งหมดกลับมา เทียและเหล่าลูกเรือบนยานจึงต้องร่อนลงสู่สนามรบอีกครา บัดนี้นับจากวันที่ ลอว์เรนซ์ กลับไป เวลาได้ล่วงเลยมา 7 ปีแล้ว
บัดนี้ตำนานหน้าสุดท้ายของหนังสือกำลังจะปิดลงในไม่ช้า


ตอนใต้ของเขตเมืองร้าง อาณาจักรมิราบิลิส

บัดนี้เมืองซึ่งเคยเจริญรุ่งเรืองด้วยอารยธรรม ได้กลายเป็นเพียงซากปรักของอดีตที่ล่วงเลยมานาน
จากการทำสงครามทำให้ ประชาชนต้องอพยพไปยังที่ใหม่ ทว่ากลุ่มคนที่ไม่มีที่ไปก็ได้แต่ต้องดำรงชีวิตอยู่ในซากปรักนี้ อย่างแร้นแค้นทรหด ต่อสภาพการแก่งแย่งต่างๆที่ไร้ซ฿่งกฏกติกา เพราะในช่วงเวลาเช่นนี้ กฎหมายได้หายไปแล้ว

ไม่มีใครจะคุ้มครองตนได้นอกตัวเองเท่านั้น ดังนั้นการฆ่าฟันกันเพื่อแก่งแย่งปัจจัยในการดำรงชีวิต จึงมีให้เห็นทุกวันบนผืนดินที่เปรียบเสมือน นรก นี้ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ก็ไม่มีความปรานีให้กัน ผู้อ่อนแอ่ไม่อาจมีชีวิตรอดอยู่ได้

บัดนี้สถานที่แบบนั้น ได้เริ่มแผ่ขยายไปทั่วทั้งทวีปเมอริเซีย ที่ถูกทิ้งร้างไปแล้ว เพราะมันได้กลายเป็น
สนามรบของโลกไป ฃเสียแล้วในตอนนี้ เหล่าผู้คนที่ติดอยู่ใน ทวีปสนามรบเช่นนี้ จึงได้แต่รอคอยความตายเท่านั้น

ณ กองซากปรัก มีกลุ่มเด็กหนุ่มวัยฉกรรจ์ สามคนกำลังรุมซ็อม เด็กหนุ่มคนหนึ่งอยู่ เด็กคนนั้นมีผมสีดำ
นัยตาสีฟ้า สวมเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น ไม่ต่างไปจากเด็กพวกนั้น ที่ริมฝีปากมีคราบเลือดจางๆติดอยู่
จากการที่เขาเอามือไปปาดมันออก ตามร่างกายมีบาดแผลซึ่งเกิดจากการสู้เพื่อเอาชีวิตรอด ในที่แบบนี้ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะมีการรุม ซ้อมคนที่ตัวคนเดียวต่อให้เก่งซักเท่าไหร่ก็ไม่อาจสู้จำนวนได้
เด็กชาย ถูกซ้อมจนสะบักสะบอมไปทั้งร่าง ก่อนจะถูกโยนทิ้งลงไปอย่างไม่มีเยื่อใย



“ เป็นไงล่ะอยากซ่าส์ดีนัก มันต้องโดนอย่างนี้จำไว้วันหลังถ้าพวกข้าต้องการอาหารก็เอามาให้ซะดีๆไอ้แห้งอย่างแกนะไม่มีค่าจะอยู่หร้อก ฮ่าๆๆ ”
หัวโจกของกลุ่มกล่าวขณะที่พวกลูกน้อง เก็บเอากระป๋องเสบียงที่ เด็กชายหาได้จากบริเวญรอบนี้อย่างยากลำบาก ไปจนหมด ก่อนจะเดินจากไปทิ้งให้เขาต้องนอน เจ็บช้ำอย่างทรมานและหิวโหย ไม่ช้าเขาคิดว่าความตายคงจะมาเยือน
ในอีกไม่ช้า ทุกอย่างดับสนิทลง เขาหมดสติไปเสียแล้ว


“ เด็กคนนี้นสินะ ทาร็อตโต้ แน่ใจนะ ”
นักปราชญ์หนุ่มคนหนึ่งได้เดินเข้ามาหา เด็กชายที่หมดสติ ที่ไหล่ซ้ายของเขามีแมว ดาร์คเดสทินี่ ก็อยู่

“ เออสิคนนี้ไม่ผิดแน่ ”
เจ้าแมว ตอบเสียงใส ขณะที่บินลงไปดมรอบใบหน้าของ เด็กหนุ่ม

“ นี่น่ะเหรอเด็กหนุ่มผู้ที่รับคำทำนายว่าจะเป็นผู้ทำลายหรือผู้ช่วยโลกน่ะ..งั้นเราคงต้องช่วยเขาแล้วสินะ ”
นักปราชญ์กล่าวก่อนจะ ก้มลงร่ายเวทย์รักษา บาดแผลให้กับเขา

“ นี่เวสเล่ คงไม่ลืมนะ ไอ้นาฬิกานั่นน่ะ  ”
เจ้าแมวหันมาถาม ซึ่งเวสเล่ก็ทำท่าเหมือนพึ่งนึกได้


“ อ้อจริงสิ เกือบลืม ”
เวสเล่ กล่าวขณะที่ล้วงเอานาฬิกาข้อมือสีฟ้า ที่หน้าปัดเป็นแบบจอมอนิเตอร์และมีปุ่มสำหรับกดเพื่อการใช้งาน
ตัวเลขบนหน้าปัดบอกเวลาเป็นแบบ ดิจิตอล ขึ้นมาสวมให้กับเด็กชาย

“ เดี๋ยวพอเขาตื่นขึ้นมาก็เล่าให้ฟังให้หมดเลยนะ ”
เจ้าแมว กล่าวขณะที่ยกอุ้งเท้าขึ้นเลีย ในขณะนั้นก็มีเสียงระเบิดและเสียงปืนดังมาเป็นระยะๆจากที่ไกลออกไป
การสู้รบได้เริ่มขึ้นอีกในที่ไกลออกไปจากที่นี่

“ เฮ้อถ้าไม่มีไอ้สงครามบ้าๆนี่ล่ะก็เด็กคนนี้ก็คงไม่ต้องเลือกแบบนี้หรอก สุดท้ายแล้วคนที่จะเลือกให้โลกนี้อยู่
หรือไปก็เขาสินะ…เพราะซาราเบลดคนสุดท้ายกลับไปสามารถเลี่ยงจากชะตา ได้สุดท้ายโลกก็ต้องคัดสรรคนมาใหม่อีก จะมีรึเปล่าน้า วันที่โลกจะสงบลงจริงๆน่ะ ”
เวสเล่ เปรยด้วยความเอือมอาลัยกับสภาพของ โลกที่ประวัติศาสตร์ตลอดมานั้นมีแต่สงครามความขัดแย้ง
ช่วงหลายร้อยศตวรรษที่เขาเฝ้าจับตาดูมานั้นยังไม่ถึงวันที่ความสงบสุขจะอยู่ได้อย่างยั่งยืนเลยแม้แต่น้อย

“ ก็เพราะงั้นแหล่ะเด็กคนนี้ถึงเป็นตัวตัดสินยังไงล่ะว่าโลกแบบนี้น่ะควรจะอยู่ต่อไปหรือหายไปซะ ”
เจ้าแมว กล่าวด้วยความรำคาญ

“ แต่ไม่นึกเลยนะว่าพลังแห่งความว่างเปล่าที่พวกเราปฏิเสธมาตลอดจะถูกนำมาใช้ตัดสินแบบนี้น่ะ
อย่างนี้เท่ากับที่พวกซาราเบลดทำมาทั้งหมดมันสูญเปล่ากันเห็นๆเลย ไม่รู้เลยว่าสวรรค์คิดอะไรอยู่กันแน่
เมื่อ 2800 ปีก่อนถึงได้แยกตัวออกไปเฝ้าจับตาดูโลก จากที่ไกลๆแทน ”
เวสเล่ เปรยจบก็ถอนหายใจด้วยความหน่ายขณะที่ เอามือบหัวของเด็กน้อย ซึ่งกำลังพักฟื้น ด้วยสายตาเอ็นดู

“ ชั้นอยากรู้จริงๆว่าเธอจะเลือกทางไหนกันนะเด็กน้อยเอ๋ย ”
เวสเล่ กล่าวเสียงลอย ขณะที่มองขึ้นไปบนฟ้าที่ไม่มีกระทั่งแสงอาทิตย์สาดส่องลงมา จากการที่ควันไฟแห่งสงครามได้ก่อตัวปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้จนมืดมน

…………….
………………..

3 ปีต่อมา

สงครามยังคงก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้จบ ทวีปเมอริเซียแทบจะถึงการล่มสลายเมื่อมีการนำเอาระเบิดพลังงานสูงเข้ามาใช้ในการรบ กองทหารมัลติอาเมอร์ ที่นำโดยมาสเตอร์แอคเตอร์ก็ยังคงเข้าปะทะกันและยิงใส่กันโดยไม่สนว่า กระสุนของตนจะไปโดนเอา พลเมืองที่ไม่มีที่ไปหรือไม่ กาต่อสู้บนน่านฟ้าเหนือซากเมืองมิราบิลิส
ในครั้งนี้ ยาน Angle Wing ที่ได้แยกตัวออกจาก Freedom Resistant ได้เข้ามาแทรกแซงการสู้รบระหว่างพวก
ADC และ กลุ่มปฏิรูปมนุษยชาติ

“ Excel Shooting ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นก่อนที่ อาร์เมอร์แอคเตอร์ไกอา จะยิงกระสุนแสงจำนวนนับสิบออกไป ทำลายทหารมัลติอาร์เมอร์จนร่วงหล่นลงสู่พื้นไปหลายนาย

“ Twin Mega Shooting ”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นขณะที่แฟนธ่อมเดรคยิง ลำแสงพลังงานสีดำ สองแสงพุ่งเข้าทำลาย กองทหารมัลติอาร์เมอร์ อีกกอง

“ Mega Kick ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นขณะที่ ซาร์แสลซ ได้พุ่งเข้ามาตวัดขาเตะกลางอากาศ  ทว่าไกอา ก็เปลี่ยนพาสเสริมเป็นโล่ ยืดมันออกไปกันการโจมตีไว้

“ ไม่เป็นไรนะ ฟอน ”
ไกอา ติดต่อไปยัง ฟอนที่สวม แฟนธ่อมเดรค อยู่

“ อืมขอบใจนะ ชินจิ แต่ดูเหมือนศัตรูจะมากันเยอะเหลือเกิน ”
ฟอน กล่าวขณะที่มองภาพรวมในสนามรบ ขณะเดียวกันยาน Angle Wing ก็ได้ถูกล้อมเาอไว้ด้วย
ทัพของศัตรู ทั้งสองฝ่าย

ภายในห้องบังคับการของ Angle Wing

“ หันหางเสือไป 10 เลเซอาร์ทุกกระบอกเล็งยิงทำลายเป้าหมายซะ ”
คางาริ สั่งการ จบเหล่าลูกเรือก็รีบจัดการกันเป็นการใหญ่ ทว่าก่อนที่ ยานจะได้ทันหักหัวหลบออกจาก
วงล้อมของศัตรู คลื่นลำแสงพลังงานลูกใหญ่ก็พุ่งตรงเข้ามาที่ยาน

“ หักหลบไม่ทันแล้วค่ะ ”
ลิลลี่ กล่าวขณะที่มองจอเรดาห์ กลุ่มแสงพลังงานเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

“ Pancer Gueis ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นก่อนที่ เอริค จะลอยเข้ามาสร้างกำแพงแสงขึ้นด้วย Spell Technical รูปแบบหอกที่ถืออยู่ในมือ
คลื่นพลังกระทบกับกำแพง อย่างจังก่อนจะสลายไป

“ ไม่เป็นไรนะครับ ”
เอริค ติดต่อเข้ามา การป้องกันของเขา ช่วยให้ยานรอดพ้นจากการถูกทำลายมาได้

“ ขอบใจมากนะ เอริคแล้วกอนดารี่ ล่ะ ”
คางาริ กล่าวถาม

“ อ๋อกอนดารี่ กำลังรับมือกับ ไนเซอร์ อยู่ครับเดี๋ยวผมคงต้องไปช่วยก่อนล่ะครับ พวกเราไม่มี Time Walk เหมือน
แอคเตอร์นี่ครับ ”
เอริค กล่าวจบก็ออกตัวไปทันที

“ ขอโทษด้วยนะ เอริค กอนดารี่ ที่ต้องให้พวกเธอทรยศต่อ ชนเผ่าของตัวเองมาเข้าร่วมกับยานของเราน่ะ ”
คางาริ คิดเพราะในวันที่แยกตัวออกมานั้น เอริค กับ กอนดารี่ขอที่จะติดตามไปด้วย โดยยอมสละ
ตำแหน่งของตนไปปพร้อมๆกับฟอน ที่สละตำแหน่งตัวแทนผู้นำ ของกองกำลังฝ่ายโลก

และออกเดินทางร่วมมากับยานเพื่อเก็บกู้มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งหมด และหยุดสงครามนี้ลง
ซึ่งการกระทำของ พวกเขานั้นถือเป็นการตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกเลยทีเดียว

และในวันนี้ พวกเขาได้ใช้เวลาถึง 10 ปีในการเตรียมกำลังและตามสืบว่าศุนย์กลางการรบในขณะใดที่
มาสเตอร์แอคเตอร์ ของกลุ่มต่างจะออกทำการรบ เพื่อจะได้ทำการจัดการกับนักรบผู้สวมใส่และชิงเอากลับมา
ทว่ามันก็ยังเป็นงานที่ยากอยู่ดีเพราะอีกฝ่ายคือมาสเตอร์แอคเตอร์


“ Time Walk ”
สิ้นเสียง ทั้งมาสเตอร์แอคเตอร์และมัลติอาร์เมอร์ต่างก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหนือกระแสแห่งเวลา
 เข้าปะทะกันอย่างชุลมุน ทำให้ ยานของพวกเขาตกที่นั่งลำบากในทันที

“ ช่วยเปิดGate ให้ทีสิคะฉันจะออกไปเอง ”
เสียงสัญญาณติดต่อเข้ามาที่ มอนิเตอร์ของห้องบังคับการ

“ งั้นฝากด้วยนะ เทีย เปิดGate ได้ ”
คางาริ กล่าวจบก็สั่งการให้ทำการเปิดประตูส่ง ตัวทันที

“ Gate Stand By,CataPul Shooter Stan By เตรียมการส่งตัว :ซาคาทซึกิ(Sakatsugi) เวลาในการออกตัวแล้ว
แต่ทาง ซาคาทซึกิ ”
เสียงประกาศดังขึ้น จากห้องบังคับการส่งไปยังลำโพงบนผนังที่ ช่องปล่อยตัว ประตูยานได้เปิดออกจนสุด
เทีย ได้เดินตรงไปยังปลายรางเลื่อนก่อนจะ ยกเอาผลึกทรงกลมสีฟ้า ที่ห้อยคอเอาไว้ขึ้นมา

“ Stand By Ready ”
เสียงแหลมสูงดังขึ้นจาก ผลึกนั่นก่อนที่มันจะหลุดออกจาก สร้อยและขยายรูป ขึ้นเกิดชิ้นส่วนเกราะ
ปรากฏขึ้นกลางอากาศก่อนจะประกอบเข้ากันจนเป็นยวดยาน รูปทรงเพรียวที่หัวรถ มีลำกล้องปืนติดตั้งอยู่
เทีย ขึ้นไปขี่มันอย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่จะเอาหมวกป้องกัน ที่ถือสวมลงไป
และก้มตัวลงจับคันบังคับของ พาหนะ เธอบิดคันบังคับเล็กน้อย เจ้ายาพาหนะก็ส่งเสียงคำรามดังกระหึ่ม



“ เทีย ไอน่าซัลเฟอร์ Jet Actor Sakatsugi ออกตัวล่ะนะคะ ”
เทียกล่าวจบ ก็บิดคันเร่งเสียเต็มแรงเจ็ตแอคเตอร์ก็พุ่งทะยานออกสู่น่านฟ้า ท่อไอพ่ด้าล่างได้ปล่อยละอองอนุภาค E.I. ออกมา ทำให้มันสามารถทรงตัวอยู่กลางอากาศได้  

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง เหล่า มัลติอาร์เมอร์ที่ปะทะกันอยู่ อย่างรวดเร็วก็สามารถมองเห็นได้แบบปกติแล้วเพราะเธอได้เข้าสู่ห้วงเวลาเดียวกับพวกเขาแล้ว เธอ ไม่รอช้า ขับเจ็ตแอคเตอร์พุ่งเข้าชน ทหารจนตกร่วงไปอย่างไม่เกรงกลัว
ขณะเดียวกันก็คอยยิงช่วยสนับสนุนทหารฝ่ายเธอ ไปด้วย

“ Time Walk ”
ทุกเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ การเคลื่อนไหวเหนือการเวลาจะสิ้นสุดลง

“ เปลี่ยนเป็น Armor Mode  ”
เทีย สั่งจบเจ็ตแอคเตอร์ ก็ทำการแยกส่วนประกอบออกและ กระจายตัวไปประกอบเข้ากับร่างของเธอ
จนกลายเป็นชุดเกราะ หางเสือทั้งสองข้างกลายเป็นปีก และตัวเครื่องภายในเปลี่ยนเป็น กระเป๋ายิงจรวด
ทั้งสองอัน หน้ากากของยานประกอบเข้ากับหมวกป้องกันของเธอ และกลายเป็นหน้ากากไป
ตัวเซ็นเซอร์ และค่ามาตรวัด ต่างๆได้ปรากฏขึ้นบนจอหน้ากากทั้งหมด

“ Change Armor Sakatsugi  ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากตัวเกราะของเธอท่ามกลางสายตาของ ศัตรูที่มองมายังผู้มาใหม่อย่างเธอ



“ Genocide Misslie ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นก่อนที่ เทียจะยก เอากระยิงจรวดทั้งขึ้น หัวจรวดมิสไซล์จำนวนสิบนัด
โผล่พ้นลำกล้องขึ้นมาก่อนที่ ตัวเซ็นเซอร์ที่หน้ากากของเธอจะล็อคเป้า เหล่าทหารทั้งหมด
 จากนั้นจรวดมิสไซล์จึงพุ่งตัวออกไปทำลายล้างศัตรูจน วอดวายไปหลายนาย

“ สุดยอดสมแล้วที่เป็น เจ็ตแอคเอตร์ซาคาทซึกิ ที่ดร.คีออส สร้างขึ้นใหม่ ”
ชินจิ กล่าวหลังที่เห็นพลังทำลายของ ซาคาทซึกิ  

“ Mega Slash ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ ไนเซอร์ จะไปอยู่ด้านหลังของ เทียทว่าครั้นจะหันไปรับมือก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะคมดาบกำลังจะบั่นคอเธอในไม่ช้านี้

เคร้ง!

เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ดาบโลหะเล่มหนึ่งเข้ามารับคมดาบของ ไนเซอร์ ไว้ ร่างของผู้มาใหม่ที่เข้ามาช่วยเหลือเธอไว้
เป็นนักรบสวมชุดเกราะที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งมันบินได้ทั้งที่ไม่มีไอพ่นหรือกระทั่งประจุ E.I.  ที่แขนขวาเป็นดาบคมสองปลาย และยังมีดาบเลเซอร์อีกเล่มเหน็บเก็บไว้ที่เอวขวา

“ ใครกัน เกราะแบบนี้ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย มัลติอาร์เมอร์เหรอไม่สิ หรือว่าแอคเตอร์ ”
เทียคิดขณะที่มอง ผู้ที่มาใหม่ในเสี้ยววินาทีนั้น เอง มือซ้ายของนักรบคนนั้นก็ชักเอาดาบ
เลเซอร์ออกมาจากเอวขวาตวัด ฟันใส่ ไนเซอร์ อย่างจัง จนร่างของ ไนเซอร์ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
และสลายตัวกลับออกมาจากร่างของผู้สวม  ฟอน เห็นโอกาสจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปเก็บ ตั้กแตนยนต์ที่เป็น
ไนเซอร์แอคเตอร์ ซึ่งกำลังร่วงหล่มลง ในทันที

“ แกเป็นใครกัน… ”
ทหารที่สวม ชูริกะแอคเตอร์ อยู่ถามขึ้นด้วยความผวาทว่าก็ไม่มีเวลา ที่จะให้เจ้าตัวได้รู้เพราะ
เพียงพริบตา นักรบคนนั้นก็พุ่งผ่านร่างของ ชูริกะ ไปเสียแล้ว แรงระเบิดจากการฟันอันหนักหน่วงทำให้
 ชูริกะแอคเตอร์ แยกตัวออกจากผู้ใช้ และคราวนี้ ชินจิ เป็นคนเก็บมาไว้ได้

ในขณะที่ร่างของทหารที่สวม มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งสอง ตกลงสู่พื้นเบื้องล่างโดยไร้การเยียวยา
ซาร์แสลซ ที่เห็นเช่นนั้น คิดที่จะหนีทว่า นักรบผู้มาใหม่นั้น ก็ได้เสียบดาบเลเซอร์ทะลุเข้าไปที่
หน้าอกของ เขาเสียแล้ว ซาร์แสลซ ได้แยกตัวออกมาและ เอริค กับ กอนดารี่ ก็ได้เข้ามารับ
เอาไว้

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #58 on: November 02, 2008, 06:37:55 PM »

“ เจ้านี่เป็นมิตรงั้นเหรอหรือว่าเป็นศัตรูกันแน่ ”
เทียคิด ในขณะนี้พวกกองทัพ ของ ADC และกลุ่มปฏิรูปมนุษยชาติ ต่างก็ได้ถอยร่นกันออกไปแล้ว

“ เอย์จิ เซ็ตซึนะ Axia Actor ”
นักรบผู้มาใหม่ประกาศนามของตนกับ นามของแอคเตอร์ที่เขาใช้ทว่าชื่อของแอคเตอร์นั้นทำให้ พวกเขาต้อง
ชะงักไป



“ แอคเซีย..แอคเตอร์งั้นเหรอหมายถึง ไดงามิแอคเซียนั่นน่ะเหรอ ”
เทียกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อว่า แอคเซีย ที่น่าจะถูกทำลายไปแล้วกลับมาปรากฏตรงหน้าในรูปโฉมใหม่

“ ต่อไปก็ตาพวกแกแล้วชั้นคนนี้จะทำลายมันให้หมดโลกแบบนี้น่ะ ”
สิ้นคำของแอคเซีย เพียงชั่วพริบตา ฟอน และชินจิ ก็ถูกฟัน จนได้รับความเสียหายอย่างหนักในเสี้ยววินาทีนั้นเอง
 
“ ต่อไปก็เธอ ”
แอคเซียกล่าวจบก็เงื้อดาบขึ้น เพื่อจะฟันใส่ เทีย ทว่าก็มีคลื่นพลังงานแสงขนาดใหญ่พุ่งตรงลงมาหาทั้งสอง
พริบตานั้นแทนที่ แอคเซียจะหนีไปทว่า เขากลับหันกลับไป ตวัดดาบเพื่อต้านทานการโจมตีนั้น แสงจากการระเบิดเจิดจ้าไปทั่ว แรงระเบิดที่ขยายออกมาส่งผลให้ทั้งสองกระเด็นหายไป โดยไม่รู้ทิศ

………………
……………………

ราตรีได้มาเยือนแล้วทว่า ท้องฟ้าก็ยังคงมืดมาตั้งแต่ก่อนนี้แล้วด้วยควันเพลิงจากสงครามแสงตะวันไม่ได้ส่องลงมานานเท่าใดแล้ว พืชต้นไม้ต่างๆไม่อาจเติบโตได้ ทำให้ทวีป เมอริเซียแทบจะกลายเป็น แผ่นดินร้าง

ที่ไร้ซึ่งชีวิตไปเสียแล้ว เมืองที่เคยเจริญรุ่งเรืองอารยธรรม ก็ได้เหลือเพียงซากปรักหักพัง รายล้อมไปทั่ว
ที่กองซากปรักแห่งหนึ่งในเขตเมืองร้าง ร่างของ หญิงสาว ผมสีฟ้า สวมชุดนักบิน ที่คอห้อยผลึกทรงกลมสีฟ้า
และหมวกป้องกันวางอยู่ข้างกาย เธอสลบไสลไม่ได้สติมา กว่าสามวันแล้ว
ดวงตาของเธอที่ปิดสนิทนั้นค่อยแยกออก ภาพทั้งหมดที่เข้าสู่สายตานั้นยังคงเรือนราง
เธอพยายามลืมตาขึ้น ภาพต่างรอบตัวทำให้เธอสับสนมาก เธอลุกพรวดขึ้นมามองไปรอบๆ

“ นี่มันที่ไหนกันก็เรา จำได้ว่าเรากับกองยานกำลังรบกับ มาสเตอร์แอคเตอร์ อยู่นี่แล้วจากนั้นก็..จริงสิ
เราถูกคลื่นพลังงานจากที่ไหนซัดตกลงมานี่ สงสัยจะกระเด็นมาไกลเลย ”
เธอคิด ขณะที่ลุกขึ้นเพื่อมองหาใครแถวนั้นซักคน

“ ฟื้นแล้วเหรอนึกว่าตายแล้วซะอีก หลับไปสามวันเต็มๆเลยนะ ”
 เสียงดังขึ้นจากด้านหลังซากปรัก ทำให้เธอหันควับไปทันที
เด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังนอน แหงนมองท้องฟ้า เขาสวมเสื้อสีดำ ที่ขาดวิ่น ดวตาของเขาเป็นสีฟ้าผมสีดำ
อายุราว 16 ปีซึ่งเด็กกว่าเธออยู่ หลายปีเลยทีเดียว

“ เธอเป็นใครน่ะแล้วที่นี่ที่ไหน ”
หญิงสาวถาม ด้วยความอยากรู้

“ ความจำเสื่อมด้วยรึไง เทีย ไอน่าซัลเฟอร์ สังกัดยาน Angle Wing ที่แยกตัวออกมามีเป้าหมายคือการยุติสงครามนโลกนี้ด้วยการรวบรวมมาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งหมดกลับคืนเพ้อชะมัดถึงทำแบบนั้นไปก็ไม่ช่วยให้โลกมันดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้หรอก  ”
เด็กหนุ่มกล่าว เสียงของเขา ทำให้ เทียจำได้ เขาคือคนที่ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกระทันหัน
และจัดการกับ มาสเตอร์แอคเตอร์ สามเครื่องไปพร้อมๆกันในเวลาไม่นาน และในขณะที่เขาจะลงสังหารเธอ
พวกเขาก็ถูกคลื่นพลังซัดจนปลิวมาที่นี่นั่นเอง

“ หรือว่าเธอคือ คนที่สวม แอคเซีย ตอนนั้น ”
เทีย กล่าวด้วยความผวาขณะที่ค่อยๆถอยออกห่าง

“ ใช่ ชั้น เอย์จิ เซ็นซึนะผู้ที่ได้รับคำทำนายว่าจะเป็นผู้ทำลายและช่วยเหลือโลก ”
เด็กหนุ่มกล่าว ก่อนจะยันตัวขึ้นมองมาที่เธอ

“ เอย์จิ …..งั้นเหรอแล้วเธอมีจุดประสงค์อะไรกันต้องการจะช่วยพวกเราหรือจะขัดขวางกันแน่ ”
เทียกล่าวถามด้วยความอยากรู้ ทว่าเอย์จิ ก็หัวเราะในลำคอเบาๆ

“ ช่วยรึ..คิดไปเองรึเปล่าชั้นก็แค่จะทำลายมันทุกๆอย่างก็เท่านั้นเอง เจ้าพวกที่ก่อสงครามนี่จนแผ่นดินนี้ต้องลุกเป็นไฟ ชั้นคนนี้ถึงได้รับ แอคเซีย มาเพื่อทำลายโลกนี้ซะ ”
เอย์จิ กล่าว จบก็กระโดด ลงมาและยกข้อมือขึ้น เทียจึงเห็น นาฬิกา ที่ข้อมือของเขา

“ หรือว่านั่นคือ แอคเซสซอรี่ของแอคเซีย ”
เทีย กล่าวขณะที่เธอเองก็ คว้าเอา ผลึกแอคเซสซอรี่ของ ซาคาทซึกิ เตรียมไว้

“ ใช่นี่คือแอคเซีย ที่ชั้นได้รับมาเมื่อ 3 ปีก่อน ”
เอย์จิ กล่าวจบ ก็กดสวิซต์ ที่นาฬิกา เกิดบล็อกขึ้นรอบๆร่างของเขาและขยายตัวประกอบเป็นชุดเกราะ

“ Change  Axia ”
เอย์จิ ที่เปลี่ยนร่างเรียบร้อยก็เตรียมจะบุกเข้าไปโดยไม่ให้เธอตั้งตัวได้ทัน
ทว่าเขากลับล้มพับลงไปซะก่อนที่จะได้ทันขยับ เกราะได้สลายตัวลงในทันที ก่อนที่ เขาจะแน่นิ่ง

“ ฮ..เฮ้เดี๋ยวซิเป็นอะไรไปน่ะ ”
เทีย กล่าวขึ้นด้วยความฉงน ก่อนจะตัดสินใจเดินไปดูอาการ ทันทีที่เข้าไปใกล้และสำรวจร่างกายของ เขา
เธอก็พบสาเหตุในที่สุด ที่แขนของเด็กชายมี ปากแผลฉีกเหวอะอยู่ ซึ่งคงจะได้รับมาตอนเขาเอาร่างกายของตน
ช่วยป้องเธอซึ่งถูกพัดปลิวมากับเขา และแผลคงได้มาเพราะป้องกันร่างของเธอไว้จากซากปรักพวกนี้

“  ดูๆไปแล้วก็ ไม่น่ามีพิษ มีภัยนี่นา แต่ว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ ตอนแรกก็บอกว่าจะทำลายแล้วก็กลายมาเป็นปกป้องฉันไปซะทุกทีแบบนี้ แล้วที่บอกว่าเป็นผู้ทำลายและช่วยเหลือนี่มันอะไรกันแล้วทำไม แอคเซียถึงมาอยู่กับเด็กคนนี้ได้ล่ะจำได้ว่า 10 ปีก่อน ลอว์เรนซ์ ทำลายมันไปแล้วนี่  ”
เทีย คิดขณะที่ ฉีกแขนเสื้อของตน ออกมามัดปากแผลของเด็กชายไว้

............
.............
.................

“ ยังหาตัวไม่เจออีกเหรอ เร็วเข้ารีบหาตัว เทีย ให้เจอ  ”
เสียงสั่งการของ คางาริ ดังก้องไปทั่วห้องบังคับการ ขณะที่ลูกเรือต่างก็พยายามกันอย่างเต็มที่ ทว่าก็ยังไม่พบ
ร่องรอยของเธอเลย ส่วนฟอน และ ชินจิ ก็ได้รับบาดเจ็บจนต้องพักฟื้นทำให้ไม่สามารถออกไปได้ เอริค กับ กอนดารี่จึงต้องหากันตามลำพัง สองคน ทำให้กำลังในการหาเป็นไปได้ไม่เต็มที่

…..........
....................

“ อ้าวตื่นแล้วเหรอ ”
เทีย กล่าวเมื่อ เด็กหนุ่มลืมตาตื่น เขาสะดุ้งลุกขึ้นออกจากตักของเธอในทันที พร้อมกับถอยออกห่างแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่ออาการเจ็บแผลกำเริบ

“ อย่าพึ่งขยับตัวสิเดี๋ยวแผลก็เปิดหรอก ”
เทีย กล่าวขณะที่เข้าไปใกล้เขา

“ อย่าเข้ามานะ ”
เอย์จิ ตะคอก ก่อนที่เขาจะทันสังเกตว่าแขนเสื้อเธอฉีกขาดและเมื่อดูที่ผ้าพันแผล ที่พันแขนเขาเอาไว้
ทำให้เขารู้ว่าเธอฉีกแขนเสื้อของเธอ ทำเป็นผ้าพันแผลให้

“ ทำไมถึง ทำแผลให้ชั้นล่ะ ”
เอย์จิ ถามด้วยความสงสัย

“ ต้องมีด้วยเหรอเหตุผลที่ต้องช่วยน่ะ ”
เทีย กล่าวคำพูดของเธอทำให้เขารู้สึกสับสน การที่เธอช่วยเขาโดยไม่หวังสิ่งใดนั้นเป็นความช่วยเหลือที่เขาพึ่งจะเคยได้รับ เป็นครั้งแรกหลังจากที่เขาต้องใช้ชีวิตตามลำพังตัวคนเดียวมาตลอด

“ นี่เธอ..อุบ ”
เอย์จิกล่าวได้ไม่ทันขาดคำ ปากแผลก็เปิดจนได้ เขาเอามือกุมแผลด้วยความเจ็บปวด เทีย รีบเข้าไปทันที และดูอาการ
พร้อมกัน ฉีก แขนเสื้อซ้ายออกมา เช็ดปากแผลให้เขา เขามองเธอด้วยความแปลกใจ

“  อย่าขยับจะดีกว่านะเพราะปากแผลใหญ่ขนาดนี้ถ้าไม่ รีบทำแผลด้วยเครื่องมือที่ดีกว่านี้ล่ะก็ แผลจะติดเชื้อเอาง่ายๆ อดทนหน่อยนะอีกเดี๋ยวพรรคพวกของฉันก็คงจะหาเราพบ ”
เทีย กล่าวด้วยความห่วงใย

“ อ…เอ่อคือขอบใจนะ ”
เอย์จิ กล่าวหน้าแดงด้วยความเขินอาย ทว่า เทียที่ ได้ยินคำขอบคุณของเขาก็รู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก
เธอยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร ในตอนนี้เขารู้สึกอยากที่จะเปิดใจยอมรับเธอ ขึ้นมาบ้างแล้ว

“ นี่ที่บอกว่าจะทำลายโลกนี้น่ะทำไมถึงอยากทำลายล่ะแล้วแอคเซียนั่น เธอบอกว่ามีคนให้มาน่ะมันเป็นยังไงกัน เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ย ”
เทีย กล่าวเอย์จิ รับคำก่อนจะเริ่มเล่าทุกอย่างที่เขาได้ผ่านมาเมื่อ3ปีก่อน
...............
......................
......................

“ แย่แล้วค่ะเรดาห์จับสัญญาณของศัตรูได้ 2 ในนั้นเป็นมาสเตอร์แอคเตอร์ค่ะ ”
ลิลลี่ รายงานขึ้นทันทีที่ สัญญาณปรากฏขึ้นบนมอนิเตอร์ของเธอเต็มไปหมด

“ มาสเตอร์แอคเตอร์สองตัวงั้นเหรอหรือว่า ”
คางาริ อุทานขึ้นก่อนที่จะชะงักไปเมื่อนึกถึงมาสเตอร์แอคเตอร์ที่ยังเหลืออยู่อีกสองเครื่อง
นอกจากที่เก็บกู้กลับมาแล้ว

“ ยืนยันทั้งสองตัวคือ เดรคแอคเตอร์และเนลฟาแอคเตอร์ ส่วนกองทัพที่บุกมาทั้งสามทางไล่จากเหนือวนไปซ้าย
คือ ADC กลุ่มปฏิรูปมนุษยชาติและ New Type ครับ ”
พลทหารชายที่ยังคงรัว นิ้วลงบนแผงควบคุมรายงานอย่างไม่ขาดสาย
รายงานนั้นทำเอา คางาริ นิ่งอึ้งด้วยความวิตกทันที ทั้งยานเข้าสู่ความกลลาหล ในพริบตา

“ บุกพร้อมกันหมดเลยงั้นเหรอนี่หรือว่าเป้าหมายคือ มาสเตอร์แอคเตอร์ทั้งหมดบนยานเรา ”
คางาริ คิดตอนนี้พวกเขาถูกล้อมเอาไว้แล้ว

“ เอาไงดีคะหัวหน้า ข้าศึกรุกประชิดเข้ามาแล้วนะคะ ทีมสำรวจรอคำสั่งอยู่ค่ะ ”
โคโลน่า กล่าวถามอย่างร้อนรน คางาริ ได้แต่นิ่งคิดหาทางออก ทว่าเวลาก็กระชั้นชิดเข้ามาแล้ว

“ ต..เตรียมการพร้อมรบ คำสั่ง Condition Red ให้หน่วยสำรวจเปลี่ยนเป็นหน่วยรบ ส่งมัลติอาเมอร์ออกไป
เลเซอร์ทุกกระบอกรวมทั้ง แกรนครอส ให้ Stand by ไว้ เราจะตีฝ่าออกไป ”
สิ้นคำของ คางาริ คำสั่งทั้งหมดก็ถูกต่อไปเรื่อยๆ กระบอกปืนทั้งหมดรอบลำยานถูกเตรียมพร้อมให้ยิงได้ทุกเมื่อ
กลุ่มสำรวจที่บินอยู่นอกยานก็เปลี่ยน มาตั้งทัพรบในทันที โดยมี เอริค และ กอนดารี่ นำทัพแทน ฟอน และชินจิ ที่ยังบาดเจ็บอยู่

“ พร้อมไหมสตราดร้า ”
เอริคกล่าวกับ หอกของตนขณะที่บินตรงมาประจำที่

“ Alright My Master ”
เจ้าหอกตอบกลับมาเสียงแหลม

…………….
…………………….

“ เมื่อ 5 ปีก่อนทวีปนี้ยังไม่เป็นอย่างที่เห็นนี่หรอกชั้นกับครอบครัว อาศัยอยู่ที่ มิราบิลิส นี่
เพราะมันเป็นอาณาจักรที่ ไม่มีการแบ่งแยกไม่ว่า จะเป็นเผ่าพันธุ์ใด แต่เพราะไม่ต้องการที่จะก่อสงคราม
แบ่งแยกชาติเผ่าพันธุ์ ทำให้กลุ่มอำนาจอื่นๆเข้ามาทำลายอย่างไม่ใยดีเลย ตอนนี้มันกลายเป็นแค่ซากปรักในสนามรบไปแล้วล่ะ  ”
เอย์จิ กล่าวขณะที่ภาพความทรงจำได้ปรากฏขึ้นในใจของเขา แววตาของเขาแสดงความเจ็บแค้นออกมา
ซึ่งเทีย เข้าใจดีว่ามันคือความแค้นในความด้อยพลังของตัวเองทำให้ไม่อาจปกป้องใครไว้ได้ และพอได้พลังมาอยู่ในมือก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้แล้ว

“ จากนั้นไม่นานสงครามก็ลามมาถึงนี่ชั้นกับครอบครัว พยายามจะอพยพหนีออกไปแต่ เพราะระเบิดลูกหนึ่ง
ที่ถูกทิ้งลงมา ชั้นที่พลัดแยกกับครอบครัวไปจึงรอดมาได้เพียงคนเดียว…หลังจากนั้นทุกวันก็มีแต่การแย่งชิงเข่นฆ่าเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด ไม่มีกฎหมายหรืออะไรมาคุ้มครองทั้งนั้น ตัวเองเท่านั้นที่จะคุ้มครองตัวเองได้ ”
เอย์จิ กล่าวขณะที่มือกำแน่นเสียจนข้อมือซีด กัดฟันขบกรามด้วยความเจ็บแค้น

“ อยู่มาวันหนึ่งชั้นก็ถูกรุมทำร้าย คงไม่รู้สินะว่าหลังจากถูกรุมซ้อมแล้วถูกขโมยเอาอาหารที่หาได้ยากลำบากไปแบบนั้น มันจะรู้สึกยังไงแต่ตอนนั้นน่ะคิดว่าต้องตาายแล้วแน่ๆแต่ก็มีใครไม่รู้มาช่วยเอาไว้เขาบอกว่าตัวเองชื่อ เวสเล่
แล้วยกเจ้านี่ให้ แถมยังบอกอีก ว่าชั้นเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้เป็นผู้ทำลายและช่วยเหลือ โลกนี้ ”
เอย์จิ กล่าวพร้อมกับยก นาฬิกาข้อมือขึ้นให้เธอดู

“ หมายความว่าคนที่ชื่อ เวสเล่ นั้นเป็นคนเก็บแอคเซียแอคเตอร์ที่หล่นลงมาหลังจากการรบในครั้งนั้นเหรอ
ว่าแต่ เวสเล่นี่ชื่อมันคุ้นๆอยู่นะเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน ”
เทีย คิดขณะที่พยายามนึกว่าเคยได้ยินชื่อ เวสเล่ ที่ไหนมาก่อนใบหน้าของ ลอว์เรนซ์ ก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที

“ นี่ๆตรงนี้มีซุ้มทำนายดวงด้วยล่ะนายไม่ลองดูหน่อยเหรอ ”
“ หือทำนายดวงมันคืออะไรน่ะ ”
“ ไม่รู้จักเหรอ มันก็คือการทำนายว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเราในอนาคตยังไงล่ะ ”
“ อ๋อพยากรณ์อนาคตน่ะเหรอ..ไม่เอาหรอกก่อนนี้เพราะไอ้คำทำนายบ้าๆพวกนี้เกือบทำเอาโลกนี้พังมาแล้ว
อย่างไอ้หนังสือพยากรณ์อนาคตของไอ้เจ้า เวสเล่ นั่นน่ะ ”
“ หมายถึง แวเลี่ยน เวสเล่ นักปราชญ์ชื่อดังในอดีตน่ะเหรอ ”

บทสนทนาเมื่อ 10 ปีกอนในงานโรงเรียนได้ผุดขึ้นมาเมื่อนึกถึงชื่อของเวสเล่

“ นี่แล้วคนนั้นน่ะมีแมวมาด้วยรึเปล่า ”
เทีย ถามขึ้นอย่างหุนหันทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย

“ ก..ก็มีนะเป็นแมวสีดำตัวเล็กๆมีปีก ที่หัวมันมีปอยขนเหมือนกับทรงผมเลย แถมพูดได้ด้วย ”
เอย์จิ ตอบ เทีย ที่ได้ยินคำตอบนั้นแทบไม่อยากเชื่อหูของตนเลย

“ นักปราชญ์ที่หายตัวไปเมื่อ 3 สหศวรรษ ก่อนเนี่ยนะทำไมถึงมาปรากฏตัวที่ยุคนี้ได้ล่ะ แต่เดี๋ยวก่อนจากฉายาของเขาที่ถูกเรียกว่านักปราชญ์มายาแล้ว ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างยิ่งเขาเป็นคนเอาแอคเซียมาให้ก็น่าจะสนับสนุนเหตุผล
ในการมีอยู่ของเขาได้เหมือนกันนี่นา ”
เทีย คิดระหว่างนั้นก็มีเสียงระเบิดและแสง จากการรบดังขึ้นมา ทั้งสองหันไปยังทิศนั้น
ยาน Angle Wing ถูกรุมล้อมด้วยกองทัพของศัตรูห่างไปจากพวกเขาไม่มากแล้ว

“ Angle Wing ถูกล้อมแล้วงั้นเหรอ…ไม่ได้การต้องรีบไปช่วยแล้ว.. ”
“ อย่าดีกว่า ”
เทียกล่าวได้ยังไม่ทันจบ เอย์จิ ก็แทรกขึ้นมา เธอหันมามองเขาด้วยสายตา ฉงนกับสิ่งที่เขากล่าว

“ ถึงไปตอนนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก….และถึงจะช่วยได้แล้วมันยังไงล่ะถึงจะเก็บมาสเตอร์แอคเตอร์พวกนั้นไปได้
คิดว่าพวก สหพันกับกลุ่มอื่นๆจะยอมเลิกราง่ายๆเหรอ ถึงชั้นจะไม่ทำอะไรเลยโลกก็คงจะพินาศเองเข้าซักวัน มันไม่มีทางช่วยแล้วล่ะโลกนี้น่ะ  ”
เอย์จิ กล่าวเสียงสั่นเครือ เทีย รู้ดีว่าเธอไม่มีทางเข้าใจได้ว่าชีวิต ที่ต้องโดดเดี่ยว นั้นเป็นอย่างไร
ถึงได้ทำให้หัวใจของเด็กคนนี้ จมอยู่กับความสิ้นหวัง อย่างแสนสาหัส แต่มีอย่างหนึ่งที่เธอรู้ได้อย่างแน่ชัด
แม้ตัวเขาเองจะพูดปาวๆ ว่าหมดหวังแล้ว ทำลายทิ้งไปซะดีกว่าแต่ใจจริงของเด็กคนนี้ยังคงสับสนอยู่
เธอ ก้มลงข้างๆเขาสายตาจ้องลึกลงไปในแววตาของ เด็กหนุ่ม

“ จริงอยู่สิ่งที่พวกฉัน ทำมันอาจช่วยให้สงครามจบลงไม่ได้แต่ก็ไม่ได้สูญเปล่าหรอก เพราะพวกเราได้เตรียมใจตั้งแต่วันที่ตัดสินใจ จะเป็นปฏิปักษ์ กับโลกแล้วไม่ว่าทางใดก็จะต้องสงบสงครามนี้ให้จงได้ไม่ว่าทางใดก็ตาม ”
เทีย กล่าวอย่างหนักแน่น ขณะที่ สายตาของเด็กหนุ่มฉายแววฉงน ขึ้นมา

“ นี่พวกเธอเป็นใครกันแน่…แม้จะรู้ว่าสูญเปล่าแต่ก็ยังจะมุ่งต่อไปข้างหน้า อะไรที่ทำให้ต้องทำถึงขนาดนี้ล่ะพวกเธอทำเพื่ออะไรกัน ”
เอย์จิ ถามด้วยความอยากรู้ เทีย ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะ กล่าวตอบ

“ พวกเราก็เป็นแค่ผู้ที่มุ่งหวังในความสงบสุขโลกที่ไม่ต้องทำสงคราม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อคนสำคัญของเราชีวิตที่อยากปกป้อง และอื่นๆที่อยู่ร่วมกับเรา แม้มันจะเป็นโลกเล็กๆของแต่ละคนที่อยากจะปกป้องไว้ แต่ถ้าหากทุกคนต่างช่วยโลกของตนเองเมื่อรวมกันมันก็จะกลายเป็นโลกของทุกคน นี่คือสิ่งที่ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้ ถึงได้ออกเดินทางร่วมกับทุกคนเพื่อทำให้สำเร็จยังไงล่ะ ”
เทีย กล่าว คำพูดของเธอซึมเข้าไปในใจของเด็กหนุ่ม ทีละน้อยๆ

“ เพื่อโลกที่มีแต่สันติอย่างนั้นเหรอ….แค่ต่างคนต่างช่วยโลกของตนไว้ก็พองั้นเหรอ…. ”
เอย์จิ เปรย ขณะที่ตีหน้ามุ่ยคิ้วขมวดเพื่อใช้ความคิด

“ ใช่และคนสำคัญที่ต้องปกป้องเธอเองก็มีใช่ไหมล่ะ… ถึงตอนนี้เธอจพูดอยู่ปาวๆ ว่าจะทำลายแต่จริงๆแล้ว
เธอไม่ได้ต้องการแบบนั้นสินะ เพราะแค่อยู่เฉยโลกก็คงพินาศไปเองแต่ถึงอย่างนั้น ใจของเธอก็คงปล่อยเอาไว้ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เพราะอย่างนั้นเธอถึงได้เข้าไปแทรกแซงการ รบนั่น… ”
“ หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ! ”
เทีย กล่าวยังไม่ทันจบประโยคดี เอย์จิ ก็ตะคอกแทรกขึ้น ด้วยความไม่พอใจ

“ สันติบ้างล่ะ…ปกป้องคนสำคัญบ้างล่ะ…ไอ้ของแบบนั้นน่ะชั้นไม่มีมันแล้ว ”
เอย์จิ กล่าว ด้วยสีหน้าโกรธเคือง เมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ

“ ด…เดี๋ยวก่อนสิ ”
เทีย กล่าวขึ้นในทันที ทว่า เอย์จิ ก็วิ่งหนีจากเธอไปเสียแล้ว

“ อยากทำอะไรก็เชิญ…. ”
เอย์จิ ตะโกนขณะที่วิ่งไปก่อนจะกดสวิตซ์ที่นาฬิกาข้อมือ ชุดเกราะของแอคเซียถูกประกอบขึ้น ก่อนที่เขาจะบินหนีไป
โดยไม่หันกลับมามอง

“ เอย์จิ.. ”
เทีย กล่าวเสียงแผ่ว กลับปฏิกิริยาตอบสนองของ เอย์จิ ที่หนีทำให้เธอช็อคไปไม่น้อย
ทว่าเสียงระเบิดก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงไม่อาจตามไปขอร้อง เอย์จิ ได้ เมื่อคิดดังนั้น เธอจึงรีบวิ่งกลับเข้าหาสนามรบ
ในทันที

…………………….
……………………………
……………………………….

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #59 on: November 02, 2008, 06:38:19 PM »

ณ ซากเมืองเขตที่ 8 ของ มิราบิลิส
สถานที่แห่งนี้ก็เป็นเชกเช่นเดียวกับ พื้นที่อื่นๆในเมอริเซีย บริเวณรอบๆเต็มไปด้วยซากปรักของตึก
และสิ่งก่อสร้างในอดีตที่ล่มสลายลงจากสงคราม ท่ามกลางกองซากปรักนั้น มีท่อเหล็กเรียวยาว ซึ่งผูกไขว้

เป็นกางเขน ปักเอาไว้ ที่กางเขนเหล็กนี้ มีจี้ห้อยคอ ที่ฝาเปิดชำรุดไปแล้ว ห้อยเอาไว้ บนตัวจี้มีรูปถ่ายของ
ครอบครัว 4 คนโดยที่รูปฝั่งของ พ่อแม่และน้องสาวถูกไฟ เผาจนไหม้เหลือเพียง ส่วนของตัวเท่านั้นที่ยังคง
เหลือจากการถูกเผา และรูปของพี่ชายที่ยังคงสมบรูณ์ อยู่แม้จะมีรอยไหม้จางๆ  ซึ่งรูปของพี่ชาย นั้นก็คือ เอย์จิ นั่นเอง

ไม่ไกลจากกางเขน เอย์จิ ได้นั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ต่อหน้ากางเขนเหล็กนี้ มันเป็นสุสานที่เขาสร้างขึ้น
เพื่อเป็นอนุสรณ์ แก่ ครอบครัวของเขา

“ เธอเองก็มีใช่ไหมล่ะคนสำคัญที่อยากจะปกป้องน่ะ…. ”
เสียงของ เทีย ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา

“ คนสำคัญงั้นเหรอ….. ”
เอย์จิ เปรยเสียงแผ่ว ก่อนที่ภาพอดีต เมื่อหลายปีก่อนจะผุดขึ้นมา ในใจชีวิตประจำวันที่แสนสงบสุขและธรรมดา
ทุกวันเขากับน้องสาวก็ไปโรงเรียนกันแต่เช้า คุณพ่ออกไปทำงาน คุณแม่อยู่ทำงานบ้าน พอถึงวันหยุด
ก็อยู่กันพร้อมหน้า ตามประสาครอบครัวเล็กๆ พอปิดเทอมก็ไปเที่ยวพักผ่อน

เมื่อมีเกมส์ออกใหม่เขาก็จะประจบขอให้พ่อซื้อ หลังจากได้มา น้องสาวก็จะเข้ามาขอเล่นด้วยแล้วก็แย่งกันวุ่น
มันเป็นเพียงชีวิตครอบครัวที่ธรรมดาๆเท่านั้นจนกระทั่ง เสียงแห่งสงครามได้แว่วมาถึง

ท่ามกลางความ โกลาหล และระเบิดที่ดังขึ้นทุกๆวินาที เสียงปืนที่ดังลั่นระงมอยู่ตลอดเวลา
เสียกรีดร้องของผู้คน ที่ดังกึกก้องไปทั้งเมือง ผู้คนต่างพากันหนีเอาตัวรอดโดยไม่สนคนรอบข้าง
ไม่ว่าตนจะเหยียบย่ำไปบนศพหรือร่างของ คนที่บาดเจ็บก็ตาม ในความสับสนนั้น แม่ที่อุ้มน้องสาวซึ่งร้องไห้ด้วย

ความหวาดกลัว ขณะที่พ่อ พยายามจะยื่นมือ มาจับมือ เขาที่ถูกพัดไปกับฝูงชนทว่า แรงผลักจาฝูงชนก็แยก
เขาออกจากครอบครัว ด้วยความที่จะฝืน ทำให้ตัวเขาถูกพัดตกไป ยังร่อง ถนน และเมื่อลุกขึ้นมา ยังไม่ทันที่จะได้กลับขึ้นไป แรงระเบิด ก็ผลักให้เขากระเด็น ออกไปและกระแทกเข้ากับต้นไม้ จนหมดสติ
เมื่อลืมตาขึ้น ทุกอย่างบนถนน ก็จมอยู่ในกองเพลิง เสียแล้ว  ภาพต่างๆค่อยเลือนหายไปความเจ็บแค้นและความโศกเศร้าที่ไม่อาจสลัดทิ้งไปได้ ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเขาเสมอมา

“ พ่อครับ แม่ครับ มายูริ (Mayuri) …นี่ผมจะทำยังไงดี ”
เอย์จิ กล่าวขึ้นขณะที่สายตามองขึ้นไปยัง จี้ที่คล้องอยู่บน กางเขนเหล็กนั้น

“ แล้วตอนนี้นายคิดว่าตัวเองควรจะทำอะไรล่ะ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ของเขา ทันทีที่ หันไป เด็กชายอายุ ประมาณ 10 ปี ผมสีฟ้าสวมเสื้อเชิ้ต สีฟ้าคนหนึ่ง
กำลังจ้องมาที่เขา

“ นี่นายเป็นใครกัน ”
เอย์จิ ถามขึ้นด้วยความอยากรู้

“ นั่นไม่ใช่เรื่องที่นายควรจะใส่ใจในฐานะผู้ถูกเลือก ”
เด็กชายกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้

“ ในฐานะของผู้ถูกเลือกงั้นหรือ ก็จริงนะแต่ว่าอย่าได้ยึดติดกับมันเลยเพราะ
การเลือกของนายมันก็แค่มีผลกับโลกนี้เท่านั้นเองโลกไม่ได้หมุนรอบตัวเอง แต่หมุนรอบตัวเราลองคิดอย่างนี้ดูแล้วหนทางจะปรากฏเอง ”
เด็กชาย กล่าวเสียงใสขึ้นมาทันที ขณะที่ชี้นิ้วควงไปมาอย่างสบายอารมณ์

“ โลกหมุนรอบตัวเรา…อย่างนั้นเหรอ ”
เอย์จิ เปรยด้วยความงุนงง ในคำพูดของเด็กคนนี้ อีกทั้งความสงสัยในตัวของเด็กปริศนาคนนี้ก็ยังไม่หายไป

“ เมื่อเราเปลี่ยนตัวเอง โลกก็จะเปลี่ยนตามไปด้วยคิดอย่างนี้ซะมันจะทำให้นายตัดสินใจได้ดีกว่า
….ไม่ต้องยึดติดกับอะไรหรือใครทั้งนั้นขอแค่ทำตามที่ใจเราต้องการก็พอ หากคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องก็จงก้าวต่อไป…ไอ้เรื่องที่เป็นผู้ทำลายหรือช่วยเหลืออะไรนั่นน่ะไม่ต้องไปสนใจก็ได้ ”
เด็กชาย กล่าว

“ แต่ถ้าอย่างนั้นจะให้ทำยังไงล่ะ ชั้นเลือกไม่ได้หรอกว่าจะทำยังไง โลกคิดจะให้ชั้นทำยังไงกันแล้วถ้าชั้นทำผิดพลาดขึ้นมาล่ะ ”
เอย์จิ รัวคำถามใส่ไม่หยุด ก่อนที่เด็กชายต้องยกมือขึ้นปราม

“ ก็เพราะงี้แหล่ะชั้นถึงบอกให้นาย คิดซะว่าโลกหมุนรอบตัวเรา เพื่อนของชั้นคนหนึ่งเขาก็เหมือนนายนั่นล่ะ โชคชะตากำหนดให้เขาต้อง สู้เพื่อโลกและพ่ายแพ้เพื่อโลก แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่เลือกที่จะเดินตามโลก
หากแต่จะก้าวไปตามทางที่เขาเลือกเพื่อให้โลกก้าวตาม เขาเคยพูดไว้ว่า
จงก้าวข้ามลิขิตฟ้าเพื่อไขว่คว้าอนาคตมาไว้ในกำมือ  ”
เด็กชาย กล่าวจบ เอย์จิ ก็เริ่มจะคิดได้ในทันที ว่าทำไมเขาต้องยึดติดกับฐานะที่เขาได้รับ ทั้งที่มันไม่มีมาตั้งแต่ต้นแล้ว
 เขาจะทำอะไรยังไงมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา ไม่จำเป็นต้องเลือก ระหว่างสิ่งใดทั้งนั้น ขอเพียงแค่ตัวเขาพอใจที่จะเดินไปในทางใดก็ได้นั่นคือทางที่เขาเลือก เด็กชายมองหน้า เขาก่อนจะยิ้นขึ้นเล็กน้อย

“ สีหน้าดีขึ้นแล้วนี่แสดงว่าตัดสินใจได้แล้วสินะ ”
เด็กชาย กล่าว ก่อนจะยื่นมือ ออกมาเกิดมวลน้ำขึ้นในอากาศ มารวมตัวกันที่มือของเขา ก่อนที่จะนำมันไปประคบกับ แผลที่ แขนของ เอย์จิ

“ ข้าขอวิงวอนต่อเทพีแห่งสายชล Undine ได้โปรดมอบสายธารแห่งชีวิตสถิตย์สู่หัตถ์ข้า ขอจงหล่อเลี้ยง
เยียวยาบาดแผลแห่งผองข้าด้วยเถิด สายธารคืนชีวิต ”
เด็กชาย กล่าวจบมวลน้ำเหล่านั้นก็ซึมเข้าไปในแผล ที่แขน ก่อนที่แผลจะสมานตัวจนหายเป็นปลิดทิ้ง
สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ เอย์จิ เป็นอันมาก

“ เท่านี้ก็เรียบร้อย เอาล่ะไปได้แล้ว ”
เด็กชาย กล่าว

“ Change Axia ”
สิ้นเสียง เอย์จิ ก็สวมเกราะของแอคเซีย และบินตรงออกไปอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้เด็กชายมองคล้อยหลังเขาจนหายลับไปจากสายตา

“ ทำไมถึงต้องทำให้มันยุ่งยากอยู่เรื่อย เลยนะ ”
เด็กชายกล่าวจบ ก็มีแสงวงเวทย์ปรากฏ ขึ้นมาบนพื้น ก่อนที่ เด็กหญิง ผมขาวสวมชุดสีดำทั้งชุดที่หลังของเธอมีปีกนก
ราวกับนางฟ้าทว่ามันเป็นสีดำ ข้างๆเธอ  เด็กชายผมดำสวมเสื้อเชิ้ตสีแดง และนักเวทย์ชายวัยกลางคน อีกหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น

“ แหมทำไงได้ล่ะ เซโร่ ก็ฉันเก็บปีกไม่ได้ นี่นาเดี๋ยวเขาจะสงสัยเอา แล้วอิชิกิ เองก็ไม่ถนัดพูดปรับความเข้าใจ ด้วย ”
เด็กหญิงกล่าวพร้อมกับที่ เด็กชาย อีกคนที่สวมเสื้อสีแดง หัวเราะแก้ตัวแผ่วๆ

“ ที่เรโค่พูดมาก็มีเหตุผลนะ แต่ที่ฉันไม่เข้าใจเลยก็คือทำไม ถึงออกไปเองล่ะ เวสเล่แค่เร่งให้เขาตัดสินใจเร็วขึ้นไม่เห็นถึงกับต้องตามพวกเรามากันจนครบเพื่อให้มาพูดกับเจ้าตัวเลยนี่ ”
เซโร่ กล่าวขณะที่ชายตาไปมอง นักเวทย์ชายวัยกลางคน ที่เป็นคนมอบ แอคเซีย ให้แก่ เอย์จิ

“ นั่นสิอย่างที่ เซโร่ พูดที่เรียกมานี่คงไม่ได้มีเหตุผลแค่นี้สินะ ”
เด็กชาย ชุดแดง ที่ชื่อ อิชิกิ กล่าว

“ หึ..ก็คงจะยังงั้นล่ะ ว่าแต่หลังจากที่เกิดเรื่อง ที่มิราบิลิส อคาเดมี่ แล้วกับพวกลอว์เรนซ์ ก็ไม่ได้เจอ
กันเลยสินะพวกเจ้าน่ะ  ”
เวสเล่ กล่าว

“ แหงสิ ก็หลังจากนั้นปัญหาการเมืองก็วุ่นวายกันไปหมดเลยไหนจะเรื่องแลนทิส กองทัพโลกเคลื่อนพล
วุ่นกันซะจนไม่เป็นอันเปิดเรียนเลยส่วนพวก ลอว์เรนซ์ ก็ดันไปเข้าร่วมสงครามแล้วก็
ไปกับพวก กองกำลังต่อต้านอิสระนั่น  ”
เซโร่ กล่าวก่อนจะหยุดไป เพราะหลังจากนั้น ข่าวผลการรบที่ไปจบลง ณ ร่างจุติสวมแอคเตอร์ ไดงามิแอคเซีย
ก็ได้หวนกลับคืนมา


“ ที่น่าตกใจก็คงไม่พ้นนี่สินะ…พวกครึ่งสมิงที่อยู่กับ ลอว์เรนซ์….  ”
เรโค่ กล่าวมาถึงตรงนี้ก็ต้องหยุดไปเพราะไม่อาจ จะฝืนรำลึกเรื่องที่เจ็บช้ำนี้ขึ้นมาได้

“ สุดท้ายแม้แต่ลอว์เรนซ์ ก็… ”
อิชิกิ กล่าวก่อนจะหยุดไป ทว่า เวสเล่ กลับตีหน้าเบ้ ด้วยความงุนงง

“ เดี๋ยวก่อนสิ แล้วนี่พวกเจ้ารู้ได้ยังไงว่า ลอว์เรนซ์ ตายน่ะเจ้านั่นย้อนกลับไปยังอดีตแล้วไม่ใช่เรอะ ”
เวสเล่ กล่าวถามด้วยความสงสัย

“ แล้วคิดว่าหลังสงคราม สามขั้วอำนาจที่ลามมาจนถึงตอนนี้น่ะ พวกเราไปหลบภัยอยู่กันที่ไหนล่ะ ”
เซโร่ กล่าวอย่างหัวเสีย ทั้งที่ทุกคนพยายามละสิ่งที่ไม่อยากได้ยินที่สุดแต่ เวสเล่กลับพูดขึ้นมาซะเอง

“ พวกเราทั้งสามคนก็เข้าไปขออาศัยหลบอยู่ในมิติ มังกร อยู่ 3 ปี แน่นอนคนที่เล่าให้พวกเราฟังก็คือ
ไลท์ นั่นล่ะ ”
เรโค่ กล่าวเสียงเรียบ

“ หาเจ้า ลูกมังกรแสงตังนั้นน่ะเหรอ นี่มันกว่าสามพันปีมาแล้วนะ ยังอยู่มาถึงอีกเรอะ ”
เวสเล่ อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ แล้วคิดว่าเผ่าพันธุ์มังกรอายุยืนนานแค่ไหนล่ะ ยิ่งเป็นสายพันธุ์มังกรเทพ อย่างดีวายดราก้อน ที่ไลท์เป็นแล้ว
ถ้าอยากจะอยู่ล่ะก็จะอยู่ไปจนโลกพินาศเลยก็ยังได้ นี่เพราะการจากไปของ ลอว์เรนซ์ น่ะแหล่ะทำให้ ไลท์ตัดสินใจจะอยู่เรื่อยมาจนกว่าจะได้เห็น โลกในอนาคตที่พวก ลอว์เรนซ์มา ต่อสู้อยู่ไงล่ะ ”
อิชิกิ กล่าวตะคอกเสียง

“ เอาล่ะๆข้าเข้าใจแล้วอย่าพึ่งหัวเสียสิ งานของเรายังไม่เริ่มเลยนะจะมาแตกคอกันไม่ได้ ”
เวสเล่ กล่าวตัดเพื่อให้เรื่องมันจบๆไป

“ แล้วที่เรียกพวกเรามานี่คิดจะทำอะไรล่ะ ”
เซโร่ ถาม

“ งานของพวกเราขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ เจ้าหนูนั่น ถึงตอนนั้นเราต้องปลุกพลังแห่งความว่างเปล่าของ พระเจ้าที่สถิตอยู่ในตัวเขาขึ้นมา ”
เวสเล่ กล่าวคำพูดของเขาสร้างความประหลาดใจ แก่จอมเวทย์น้อยทั้งสาม

“ พลังแห่งความว่างเปล่า..นี่อย่าบอกนะว่า เด็กคนนั้น ”
เซโร่ กล่าวขึ้นอย่างปุบปับในทันที

“ ใช่สาเหตุที่เด็กคนนั้นเป็นผู้ถูกเลือก ให้เป็นผู้ทำลายและช่วยเหลือ ก็เพราะเขาคือร่างอวตารที่แยกออกมาจากแก่นพลังแห่งความว่างเปล่า มาจุติ ใหม่อีกครั้ง เด็กคนนั้น คือ อวตารร่างจิตของพระเจ้าแห่งเทอร่านี้ยังไงล่ะ ”
เวสเล่ กล่าว

…………..
……………….

Logged


Pages: 1 [2] 3  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.237 seconds with 21 queries.