Summoner Master Forum
November 26, 2024, 04:45:31 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1] 2 3  All
  Print  
Author Topic: UP [Fic] War of Actor In Terra [Fin]/ Multi Armor Actor V.O.W.[Fin]/E.E  (Read 35808 times)
0 Members and 9 Guests are viewing this topic.
cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« on: August 24, 2008, 06:48:56 PM »

ก่อนที่จะชม Fic กันนั้น ต้องขออธิบายก่อนนะครับ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเสมือนภาคต่อของ Fic ภาคที่แล้ว
ซึ่งก็คือ Legend of the Thaliwilya ทำให้มีการนำเอาข้อมูลบางส่วนในภาคที่แล้ว
มาเป็นฐานของเรื่องด้วย ดังนั้นการบรรยายในช่วงเกริ่น อาจจะมีเนื้อหาต่างไปจากทางตำนานที่ SMN แต่งไว้
ดังนั้นจะขออธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดบางส่วนในภาคที่แล้ว

1.เผ่าพันธุ์ครึ่งสมิง
เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีความคล้ายคลึงกับเผ่าสมิงแต่ไม่ใช่สมิงจริงๆ โดยมีจุดสังเกตที่ลักษณะของร่างกายจะเน้นไปทางมนุษย์มากกว่าสัตว์ แต่จะมีลักษณะของสัตว์ประจำตัวแสดงออกมา เพียงเล็กน้อย เช่นหู และ หางเป็นของสัตว์
แต่เมื่อเติบโตขึ้นก็จะสามารถ จำแลงร่างกายให้แนบเนียนได้กว่าเดิม โดยจะออกไปในทางมนุษย์เช่นเปลี่ยนหูของสัตว์เป็นหูของ มนุษย์ได้ แต่สิ่งที่ไม่อาจซ่อนได้คือหาง เผ่าพันธุ์นี้มีลักษณะพิเศษคือ จะสามารถจำแลงกายเป็น
สมิงเต็มตัวได้และจะมีความสามารถเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถ แปลงเป็นสัตว์ประจำตัว แบบปกติได้อีกด้วย

2. 12 เทพขุนศึก
เป็นชื่อทีมของเหล่าแม่ทัพหน่วยทั้ง 12  ในภาคที่แล้ว เนื่องจากมีบางส่วนทรยศต่อ องค์กร
ซึ่งที่ยังคงเหลือรอดมาจาก ภาคที่แล้วก็คือ ครึ่งสมิง สี่ ตน กับ ทิโมธี และแม่มดสาวอีกหนึ่งแต่ได้หายสาบสูญไป
จึงเหลืออยู่ เพียง 5 คนเท่านั้น (ทิโมธี เข้าร่วมกับองค์กรโดยสมัครใจและพาเกรเกอรี่เข้าร่วมด้วย
โดยที่เกรเกอรี่ยอมตามเข้าไปด้วยสาเหตุบางประการก่อนจะแปรพรรค์กลับมา ช่วยเหลือกับทุกคนเพื่อ
ปกป้องโลกเทอร่าเอาไว้)

3.แอคเตอร์ (Actor)
เป็นคำเรียกรวมๆของ ระบบชุดเกราะพิเศษ ที่ ทิโมธี สร้างขึ้นโดยการสร้างจักรกลขนาดเล็ก ในรูปของสิ่งมีชีวิตต่างๆ
เพื่อ สะดวกในการขนย้าย และ สร้างอุปกรณ์ สำหรับติดตั้งจักรกลนั้น ออกมาในรูปของเข็มขัด
โดยที่ตัวเข็มขัดมีระบบเดิม เป็นการประกอบชุดเกราะสำหรับใช้สะสมพลังงาน สองรูปแบบคือพลังกายและพลังเวทย์
พร้อมกับการปลดปล่อยเกราะ เพื่อให้พลังที่สะสมมาสถิต ยังร่างของผู้สวมใส่ และหากนำเอาจักรกลประดิษฐ์ที่กล่าวไป
มาประกอบเข้าด้วยกัน จะทำให้สามารถเปลี่ยนรูปแบบพลังของเกราะได้ ส่วนรายละเอียดที่เหลือ
นั้น สามารถติดตามได้ในภาคนี้เพราะ เกี่ยวกับเนื้อเรื่องโดยตรงอยู่แล้ว

4. มิติมังกร หมู่บ้านมังกร โรงเรียนมังกร
นี่เป็นสถานที่ในภาคที่แล้ว มิติมังกรเป็นมิติขนานซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของมังกร ซึ่งมีพัฒนาการทางสังคม
โดยที่ลักษณะเป็นการอยู่รวมแบบ หมู่บ้านและชุมชน เรียกรวมๆว่าหมู่บ้านมังกร ส่วนโรงเรียนมังกรนั้น
คือโรงเรียนที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสอนความรู้ศาสตร์ในแต่ละแขนงให้แก่มังกร ด้วยกันเอง โดยไม่ต่างไปจากมนุษย์เลยก็ว่าได้


ดังนั้นสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูภาคแรก เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ในการย้อนดู จึงจะมีแทค Quote
สำหรับเป็นกรอบเพื่ออธิบายข้อมูลของตัวละครทั้งในภาคที่แล้วและภาคนี้แทรกไป และหากสนใจ
ก็สามารถติดตามเนื้อเรื่องของภาคที่แล้ว ได้จากที่นี่

http://www.santoninogame.com/yabb/index.php?topic=15969.0

และสุดท้าย  หากเนื้อเรื่องในนี้ส่งผลเสียหายโดยรวม ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย



War of Actor In Terra

  เทอร่า(Terra) โลกซึ่งประกอบด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และศาสตร์ต่างๆ
มากมายเหลือคณา ประวัติศาสตร์ของโลกนี้ได้ดำเนินเรื่อยมา

ตั้งแต่ครั้งมหาสงครามทูตสวรรค์ซึ่งก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่าบาป(Sin) และปีศาจที่เป็นผลตะกอนของการนั้นได้เกิดขึ้น
ประวัติศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตในเทอร่านี้ จึงก้าวไปพร้อมกับ การชี้นำจาก เหล่าเทพและปีศาจ จนในที่สุดเมื่อ
 มหาสงครามสี่อาณาจักรแห่ง ทวีปเมอริเซีย ได้อุบัติขึ้นสงครามของเหล่า บาปกับทูตสวรรค์จึงได้เริ่มต้นอีกครา
นำไปยังการ สูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดเมื่อ องค์พระผู้สร้างได้ ตัดสินพระทัย ยื่นพระหัตถ์เข้าช่วยเหลือ
สงครามจึงจบลง

แต่ทว่าพระองค์กลับต้องแบกรับเอาความสูญเสียที่ได้ก่อเป็นพลังด้านลบมาพร้อมกันหลังจากที่ทรงช่วยเหลือ
จนในที่สุดเพื่อไม่ให้พระองค์ที่ถูกพลังด้านลบซึ่งมีมากเกินเข้าครอบงำ และทำลายทุกสรรพสิ่ง พระองค์ทรงแยก
พระจิต และ พระอำนาจออกจากกันเพื่อไม่ให้พระองค์ที่ถูกครอบงำ นำพระอำนาจใช้ในการทำลายทุกสิ่ง

พร้อมกับ สร้างสรรค์ผู้ที่เป็นความหวังของพระองค์เพื่อช่วยเหลือโลก จากพระองค์ซึ่งนั่นทำให้อัศวินมังกร
ทาลิวิลย่า(Thaliwilya) ต้องจุติลงมาทำการกอบกู้โลก และในที่สุดแม้ตัวพระองค์ที่ทรงถูกครอบงำ จะทำให้โลกนี้เกือบจะถึงการดับสูญ



แต่ด้วยพลังแห่งความนึกคิดของทุกชีวิตที่ต้องการจะอยู่ต่อไป ไม่ว่าเทพ มนุษย์ สัตว์ และ ปีศาจ ชีวิตเหล่านี้
คือสิ่งที่พระองค์ได้ให้กำเนิดมา ทำให้เกิดปาฏิหาริย์ ขึ้นพระองค์ทรงเป็นอิสระจากพลังด้านลบ
และตำนานในตอนนั้นก็ได้จบลงไป  ทว่าบัดนี้ภัยคุกคามซึ่งมาจากห้วงอวกาศกำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้…..

3000 ปีต่อมาหลังการ ก่อตั้งเมืองมิลาบิลิส(Mirabilis)
ทวีปเมอริเซียและทวีปอื่นๆก็ได้เปลี่ยนโฉมหน้าไป เมื่อการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกได้ทำให้ทวีปต่างๆแยกจากกัน
สภาพพื้นผิวจึงเปลี่ยนแปลงไป ดังตัวอย่างที่เห็นชัดในทวีปเมอริเซียขณะนี้ เมื่อมหาพฤกษา อิคดราซิล(Yggdrasil)
ซึ่งเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งนี้มาหลายพันปี ได้ ยกผืนแผ่นดินรอบๆสูงขึ้นจากผืนป่าของอาณาจักรฟูดินัน

จนในที่สุดธารน้ำที่ไหลจากปลายรากของมหาพฤกษา จึงกลายเป็นน้ำตกไหลเป็นทะเลสาบนีรันด้า (Nerunda Lake) แทน
และผืนแผ่นดินรอบๆมหาพฤกษาที่ยกตัวสูงขึ้นจึงกลายเป็น เนินเขาไปและถูกเรียกกล่าว เป็นเขตแดนศักดิ์สิทธิ ไปจากการที่มังกรมารัค(Marag, Yggdrasill’s Guardian )ผู้พิทักษ์แห่งมหาพฤกษาได้ เฝ้าระวังไม่ให้มนุษย์เข้าใกล้ยังพื้นที่นั้น นอกจากนี้



ใบของมหาพฤกษายังคายละอองน้ำออกจากใบตลอดเวลาจนทำ ให้ เนินเขาที่ยกตัวสูงขึ้นถูกปกคลุมด้วยหมอกหนา
ที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น อาจกล่าวได้ว่าเป็นการ ปกป้องตนจาก ความเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกที่สังคมของมนุษย์เริ่มจะพัฒนา
สูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะบัดนี้ผืนป่าอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น ไม่ใหญ่อีกต่อไปแล้วความลึกลับภายในป่าได้สาบสูญไปจนสิ้น


เมื่อมนุษย์ได้ เริ่มขยายถิ่นฐานและพัฒนา ความเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ตึกรามบ้านช่อง สูงเสียดฟ้า
ขึ้นเต็มไปทั่วจนเป็นมหานครตั้ง ห่างจากผืนป่าไปไม่มากนัก เมืองมิลาบิลิสที่  ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อ 3000 ปีก่อน
หลังการอภิเษกของเจ้าหญิงเรจิน่าและเจ้าชายฮารีซัน ช่วงเวลาในขณะนี้ ทุกๆอย่างได้เปลี่ยนแปลงไป
อย่างสิ้นเชิง

ในเมืองจากที่เคยใช้ม้าหรือรถม้าเป็นพาหนะ กลับเปลี่ยนไปใช้ ยวดยานจักรกล ต่างๆชนิดในการคมนาคม
พื้นถนนไม่ได้เป็น ดินแดงหรือดินทราย ได้กลายเป็นถนนลาดยาง เพื่อให้ยวดยานเหล่านั้นสามารถเดินทาง
ได้อย่างสะดวก สองข้างทางริมถนนบัดนี้ เสาส่งไฟได้เรียงตัวเป็นแนวยาวไปเรื่อยๆ ผู้คนเดินกัน ขวักไขว่

บ้านเรือนถูกก่อด้วย ปูนซีเมนต์ และส่วนใหญ่มักจะเป็นตึกทรงสี่เหลี่ยม สูงตระหง่าน ซึ่งปูด้วยกระจกไล่ลงมาตลอดชั้น
ใช่แล้วหากจะกล่าวถึงสภาพในขณะนี้มันก็แทบไม่แตกต่างไปจาก โลกแห่งความเป็นจริงของเราเลย
หากแต่ ศาสตร์แห่งเวทมนต์และเหล่าสรรพสัตว์ในตำนานทั้งหลายนั้นยังไม่ได้สูญหายไป ยังคงอยู่ร่วมกันกับสังคม

ซึ่งพัฒนาวัฒนธรรมมาจนถึงบัดนี้  มิราบิลิส แห่งนี้ เหนือขึ้นไป บนเมืองเต่าบินยักษ์ซึ่งเป็นฐานของเมืองวอลเนียที่
ยกตัวออกไป จากพื้นที่ตรงนี้ไปตั้งในเขตทะเล บัดนี้มันได้กลับมาลอยตัวอยู่เหนือเมืองแห่งนี้ เพื่อเป็นเขต
ประทับสำหรับเชื้อพระวงศ์ แทน ห่างไปจากเมือง ซึ่งเป็นเขตที่ตั้งของอาณาจักรฟีเลเซีย
 เมืองแว่นแคว้นทั้งหลายใน อดีตได้เหลือแต่เพียงซากปรักเท่านั้น จากการพุ่งชนของอุกกาบาต ขนาดยักษ์
ที่พุ่งลงมาชนเมืองเอรีมและไถลเข้าไปพังอีกหลายเมืองจนกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ในที่สุด

เมื่อ 10 ปีก่อน นั้นหลังจากอุกกาบาต ตกลงมา ก็ได้มีการเข้าไปสำรวจและทำการทดลองกับ เศษหินของอุกกาบาต
ซึ่งมีพลังที่มหัศจรรย์ เพราะมันสามารถเปล่งพลังงานที่ทำให้มิติเวลาเกิดการบิดเบี้ยวได้  พวกเขาจึงทำการทดลอง
กับสัตว์ต่างๆเพื่อจะนำไป พัฒนาเป็นอาวุธสงคราม จนในที่สุดหลังการทดลอง กับสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไปเรื่อย
และแล้วในที่ สุด ดร. รีกอล (Regol) ผู้นำในการวิจัยครั้งนั้น ก็ได้ค้นพบว่า เศษอุกกาบาตจะมอบพลัง
ให้กับสัตว์จำพวก แลนทิส (Lantis) ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีลักษณะของสัตว์หลากหลายชนิดผสมกันอยู่

ด้วยพลังจากเศษอุกกาบาตนั้น ทำให้เหล่า แลนทิส มีพลังความเร็วที่สูงขึ้นจนน่าตกใจเพราะมันเป็นการ
เคลื่อนไหวระดับความเร็วเหนือล้ำ กระแสแห่งเวลาเลยทีเดียว ทว่าแทนที่ สิ่งนี้จะชี้นำยุคสมัยใหม่ให้แก่สังคมมนุษย์
ดร.รีกอล กลับคิดจะใช้ พลังของเหล่าแลนทิสพวกนี้ เพื่อสนองความต้องการของตน สงครามระหว่างมนุษย์กับเผ่าพันธุ์ซึ่งมี
พลังจากห้วงอวกาศจึง อุบัติขึ้น อย่างไรก็ตาม เศษอุกกาบาตนั้นหาได้เพียงแค่มอบอำนาจ การเคลื่อนที่เหนือกระแสเวลา
เพียงอย่างเดียวไม่ มันยังทำให้ แลนทิส ที่ดูดซับพลังนี้เข้าไปมีความสามารถในการขยายพันธ์ที่รวดเร็ว เพราะเมื่อมัน

สัมผัสหรือเข้าไปปะปนกับ แลทิสตัวอื่น หรือแม้แต่แลนทิส ที่ต่างชนิดกัน พวกมันก็จะได้รับพลังนี้ไปและตกอยู่ภายใต้การควบคุมของ รีกอล

นอกจากนี้ พวกมันยังสามารถแฝงตัวเป็นมนุษย์ หรือสิ่งมี่ชีวิตอื่นที่มันสูบกินเข้าไปจากการฆ่า ได้อีกด้วยทำให้การจะแยกพวกมันออกมา
กำจัดยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด จึงได้มีการคิดค้น อาวุธที่จะใช้ต่อกรกับพวกมันขึ้น โดยการนำเอา ต้นแบบของพลัง มาจากอาวุธพิเศษที่สามารถทำให้มนุษย์เคลื่อนไหว เหนือกระแสเวลาได้มา พัฒนาให้สมบรูณ์ เพื่อต่อกรกับ เหล่าแลนทิส ซึ่งเรียกระบบนี้ด้วยชื่อเดิมของมันว่า ระบบแอคเตอร์ (Actor System) ทว่ากระบรวนการผลิตนั้นก็ยังทำได้ยากยิ่ง ทำให้แอกเตอร์นั้นถูกสร้างออกมาในจำนวนที่จำกัด
อีกทั้ง ตัวแอคเตอร์ที่สร้างขึ้นยังมีพลังมาก เสียจนทำให้คนทั่วไปสวมไม่ได้ทั้งหมด หากแต่จะต้องหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะกับแอคเตอร์
 มาทำการสวมใส่ เพื่อต่อสู้กับเหล่า แลนทิส ดังนั้นด้วยรูปแบบเดิม ของแอคเตอร์รุ่นแรก ซึ่งออกแบบโดยนักประดิษฐ์ชาวฟีเลเซีย
จึงถูกนำมาใช้ควบคู่กันไปด้วย ซึ่งเป็นการออกแบบให้ แอคเตอร์ มีรูปร่างเหมือนกับสิ่งมีชีวิต ในแต่ละรูปแบบ

และทำให้มันมีความนึกคิดได้เองในระดับหนึ่ง เพื่อที่จะสรรหา และคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติ ตรงตามที่ต้องการ ให้มาครอบครอง
ตัวแอคเตอร์ เอง นั่นจึงเป็นจุดเริ่มของเรื่องราวทั้งหมดจากนี้…..


Task 1 เจ้าชายผู้มาจากฟากฟ้า

 มิราบิลิส หลังการก่อตั้ง 3000 ปี วิทยาการของมนุษย์ ได้ก้าวหน้าไปจนเหนือคำบรรยาย

ณ คฤหาสน์ ซึ่งมีเรือนกระจกตั้งห่างจากตัวคฤหาสน์ ไปไม่ไกลนัก ภายในสวน ซึ่งล้อมรอบไปด้วย ป่ารกทึก
คฤหาสน์แห่งนี้ตั้งอยู่ ใกล้กับชายป่า นั่นเอง  แต่ภายในตัวบ้านนั้นแทนที่จะถูกตกแต่ง อย่างหรูหราสวยงาม
กลับรกระเกะระกะ ไปด้วยเครื่องจักรและชิ้นส่วนกลไก มากมาย มีเพียงไม่กี่ห้องและตามทางเดินเท่านั้น
ที่ถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกนั้น ห้อง 5 ห้องจากบรรดา ห้องอเนกประสงค์ ทั้ง 10 ไม่นับรวมห้องน้ำและห้องครัว
ถูกใช้เป็นห้องเก็บของและทำการวิจัย โดยนักวิทยาศาสตร์วิจัยเครื่องกล (The Mechanic) ซึ่งมากด้วยความรู้และประสบการณ์

เขาเอาแต่เก็บตัววิจัยอยู่ในห้องมืดๆนี้มานานเท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจทราบได้ ท่ามกลางห้องซึ่งมีเพียงแสงไฟสลัวๆ
จาก สะเก็ดไฟของอุปกรณ์เชื่อมเหล็ก ที่จี้เข้า จี้ออก กับ สิ่งประดิษฐ์ขนาดเท่าฝ่ามือซึ่ง ยังไม่เสร็จดี

ก็อกๆๆ…แอ็ดดดดด

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ ประตูจะเปิดครูดไปกับพื้นห้อง จนเกิดเสียง แสงจากหลอดไฟบนทางเดินนอกห้องสาดเข้า
มา พร้อมกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งมือขาวของเขา ถือถาดซึ่งวาง ขนมปังอบใหม่ๆ 2 ก้อน เอาไว้กับน้ำผลไม้ สีเหลืองสด
แก้วใหญ่ กลิ่นหอมของขนมปังอบ ได้โชยไปเตะจมูกของ นักวิจัย ก่อนที่เขาจะวางมือลงจากงาน
เด็กหนุ่ม ปล่อยมือซ้ายจากลูกบิดประตู และคลำไปตามผนังห้อง ก่อนจะกดสวิตซ์ ที่ผนัง
หลอดไฟในห้อง พลันสว่างขึ้นในทันที เด็กหนุ่มจึงเอื้อมมือไปปิดประตูก่อนจะ

ยกถาด อาหารตรงไปยัง โต๊ะซึ่งกองไปด้วย เศษกระดาษ ตามพื้นห้องรกเกลื่อนไปด้วย
เศษ ชิ้นส่วนของเครื่องจักรและเศษกระดาษมากมาย และบนโต๊ะ อื่นๆก็ยังวากหนังสือระเกะระกะ
ไปทั่ว บ้างก็กองชั้นเป็นภูเขา ที่โต๊ะข้างๆนักวิจัย นั้นมีกล่อง เหล็กสีเขียวซึ่งถูก ล็อค ไว้ด้วย
แม่กุญแจของกล่อง มันตั้งอยู่มานานเสียจน ฝุ่นเกาะราวกับว่าไม่ เคยมีใครไปแตะมันมานานแล้ว


กรากก…ก็อง  ก็อง

เสียงกราว ดังขึ้นจากการที่เด็กหนุ่มเอามือ กวาดเศษกระดาษและเศษชิ้นส่วน ต่างๆบนโต๊ะเล็กๆโต็ะหนึ่งลง
ก่อนจะวางถาดอาหารลงไปบนโต๊ะที่ว่างแล้วนั้น

“ นี่มัน สองอาทิตย์มาแล้วนะครับ…น่าจะพักซักหน่อย ”
 เด็กหนุ่มกล่าวด้วยความเป็นห่วงในสุขภาพของนักวิจัย

“ นี่เป็นความหวังของมนุษยชาติถ้าหยุดล่ะก็… ”
“ ครับๆๆ..ถ้าหยุดล่ะก็ อนาคตของมนุษยชาติก็จะต้องพินาศแน่…แต่ถ้ายังโหมทำงานต่อแบบนี้เกิดล้มป่วยขึ้นมา แล้วใครจะ
มาสานต่อความหวังของมนุษยชาติกันล่ะครับ.. ”
นักวิจัยกล่าวได้ไม่ทันจบดีเด็กหนุ่มก็แทรกขึ้น ก่อนที่เขาจะยกแขนเสื้อขึ้นเพื่อดูนาฬิกาข้อมือ ซึ่งมีตัวเลขเขียนไว้แทนการใช้เข็ม
บอกเวลา ทันทีที่เด็กหนุ่มเห็นตัวเลข บนนาฬิกา เขาก็รีบจ้ำ ไปยังประตูและเปิดมันออกแต่ก่อนที่จะเดินออกไป
 เขาก็หันกลับไปหานักวิจัย

“ แล้วก็ ขนมปังน่ะรีบทานก่อนที่มันจะหายร้อนดีกว่านะครับคุณพ่อ ”
เด็กหนุ่มกล่าวจบก็เดินออกไปพร้อมกับปิดประตูทันที

ที่ชั้นบนของคฤหาสน์ ภายในห้อง ห้องหนึ่งซึ่งถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ รอบๆผนัง ถูกบังไว้ด้วยตู้หนังสือ
ซึ่งมีหนังสือมากมายวางเรียงเอาไว้จนเต็มทั้งตู้ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเกี่ยวกับหลักปรัชญา และ ประวัติศาสตร์
พื้นห้องปูด้วยพรมสีชมพู และมีโต๊ะเล็กตั้งอยู่กลางห้อง โดยมีเบาะรองนั่งสี่ผืนตั้งซ้อนกันไว้ใต้โต๊ะ
ใกล้กันนั้นเอง เตียงผ้าใบใหญ่ซึ่งผ้าห่มและผ้าปูเตียงพึ่งจะถูก จัดเก็บอย่างเรียบร้อย

และที่ข้างหัวเตียงก็มีโต๊ะทำงานตั้งติดกับหน้าต่าง บนโต๊ะยังถูกวางไว้ด้วย หนังสือเรียงเป็นแถว
และกระบอกใส่พู่กันและปากกา เด็กสาวซึ่งมีผมสีฟ้ายาวสลวย นัยตาสีเขียว และแต่งตัวด้วยชุดสีดำ
ซึ่งเป็นเครื่องแบบ เธอกำลังจัดหนังสือใส่กระเป๋าอย่างช้า ในขณะที่จิตใจนั้นไม่ค่อยจะอยู่กับเนื้อกับตัว


ขณะที่เธอหยิบเอาหนังสือเล่มหนาขึ้นมาซึ่งหน้าปกเขียนไว้ว่า ประวัติขุนและเชื้อพระวงศ์แห่งเมอริเซีย
ขึ้นมาจากโต็ะเธอก็เปิดมันออก ไปจนถึงหน้ากลางของหนังสือซึ่งรวบรวมรูปของเหล่า ขุนนางและ
เจ้าชายต่างๆในประวัติศาสตร์ของเมอริเซีย นางถึงกับเคลิบเคลิ้มไปเลยทีเดียว

“ ถ้าความฝันเป็นจริงได้ล่ะก็ อยากจะให้มีเจ้าชายขี่ม้าขาวมาปกป้องเหมือนในนิยายบ้างจังเลย  ”
เธอคิด ขณะที่ทอดสายตาไล่ไปเรื่อยเพื่อเสาะหาเจ้าชายในฝัน

“ เทีย ข้าวเช้าเสร็จแล้วถ้าไม่รีบลงมาจะเย็นซะก่อนนะ ”
เสียงดังขึ้นมาจากด้านล่าง ทำให้เธอสะดุ้งจนเผลอทำหนังสือตกลงกับพื้น ก่อนที่จะ รุกลี้ลุกรน
เก็บหนังสือขึ้นมายัดใส่กระเป๋า



 
Quote
เทีย ไอน่าซัลเฟอร์(Tear Aina Sulphur) อายุ 14 ปี เผ่าพันธุ์:มนุษย์  เพศ:หญิง
อาชีพ: นักเรียนชั้นปีที่ 2 ของ มิราบิลิส อาคาเดมี่ (Mirabilis Academy)
 สังกัดชมรม: ค้นคว้าและวิจัยประวัติศาสตร์ ตำแหน่ง: สมาชิกชมรมอย่างเป็นทางการ

“ จ…จะลงไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่าาาา ”
เทีย ตะโกนตอบลงไป เธอรีบ ปิดปากกระเป๋าลง พร้อมกับเปิดประตูห้องวิ่งออกมา ที่ทางเดินและตรงลงไปยังบันได
ในขณะที่เด็กหนุ่มซึ่งเป็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่เดินมาที่พื้นบันไดเช่นกัน เทียที่รีบร้อนจนสะดุดขั้นบันไดในที่สุดก็ล้ม
โครมลงไปทับร่างของเด็กหนุ่มซึ่งอยู่ข้างล่างทันที พร้อมกับที่ แผ่นบัตรกระดาษแข็ง 5 ชิ้นจะลอย
โปรยขึ้นไปก่อนจะร่วงหล่นลงมา กระจายเกลื่อนไปทั่วร่างของทั้งสอง

“ ข…ขอโทษค่ะพี่ ฟอน หนูรีบไปหน่อยก็เลยสะดุดร่วงลงมา ”
เทีย กล่าวขณะที่ลุกขึ้น ออกจากร่างของพี่ชายที่ ถูกเธอนั่งทับไว้

“ อูยยยย พี่บอกต้องกี่ทีแล้วว่าอย่าวิ่ง ลงบันไดน่ะมันอันตราย นี่ถ้าพี่ ไม่อยู่ข้างล่างนี่ล่ะก็ป่านนี้เธอหัวแตกไปแล้วรู้มั้ย..อูยยยย ”
พี่ชายของเธอกล่าว ขณะที่ยันตัวขึ้น พร้อมกับเอามือกุม สะโพกด้วยความเจ็บช้ำ พร้อมกับก้มเก็บบัตร ทั้ง 5 แผ่น
ที่กระจายขึ้นมา
ก่อนที่จะเดินนำไปที่ห้องอาหาร

ครู่ต่อมาพวกเขาทั้งสองก็รับประทานอาหารเช้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อย

“ แล้วนี่คุณพ่อยังไม่ออกมาจากห้องทดลองอีกเหรอคะ…นี่มันครึ่งเดือนแล้วนะคะ ”
เทียกล่าว พร้อมกับจ้องไปยังประตูห้องที่อยู่ตรงข้าม ไป

“ ตอนนี้ มาสเตอร์แอคเตอร์ (Master Actor) ที่ พ่อกำลังวิจัยอยู่ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตอนนี้พูดไปพ่อก็ไม่ฟังหรอกคงต้องปล่อยไปจนกว่าจะเสร็จสมบรูณ์ นั่นล่ะ ”
ฟอนกล่าวขณะที่เก็บภาชนะทั้งหมดออกจากโต๊ะไป โดยทิ้ง บัตรทั้ง 5 แผ่นที่ กับสัมภาระต่างๆเอาไว้บนโต๊ะ
เทีย เอื้อมมือไปหยิบบัตรทั้ง 5 แผ่นขึ้นมาดู มันเป็นบัตรสมาชิกของชมรม ทั้ง 5 แผ่น

สัมภาระของพี่ชายเธอนั้น นอกจากกระเป๋าหนังสือแบบเดียวกับเธอ ที่ข้างๆก็มีถุงผ้าแบบรัดเชือกปิด ซึ่งที่ปากถุง
นั้นสิ่งของภายในได้แลบออกมามีทั้ง แว่นตากันน้ำ ตำราทำอาหาร และ นวมชกมวยสีแดงสด

“ พี่คะ นี่ปีที่สามแล้วพี่ยังจะสังกัดชมรมควบตั้ง 5 ตำแหน่งอยู่อีกเหรอคะ หนูนึกว่าพี่ออกไปเข้าชมรม ทำอาหารอย่างเดียวแล้วซะอีก ”
เทีย กล่าวขณะที่มองบัตรชมรมทั้งห้าแผ่น

“ เปล่าหรอกแค่ช่วงนั้น ชมรมกีฬาหมดฤดูแข่งขันไปแล้วน่ะ พี่ก็เลยเข้าออกแต่ชมรมทำอาหารอย่างเดียว ”
ฟอนกล่าวเขาเป็นเด็กหนุ่มมีผมสีดำ และมีนัยตาสีแดง เขาอายุมากกว่าน้องสาว 3 ปี งานดูแลภายในบ้านทั้งหมดเขาจะเป็นคนทำเสมอ

Quote
ฟอน ไอน่าซัลเฟอร์ (Fon Aina Sulphur) อายุ 17 ปี เผ่าพันธุ์ : มนุษย์ เพศ :ชาย
อาชีพ: นักเรียนชั้นปีที่ 3 ของ มิราบิลิส อคาเดมี่ 
สังกัดชมรม : ฟันดาบ ,ทำอาหาร,ว่ายน้ำ,ยิงปืน,ชกมวย ตำแหน่ง: กัปตันทีมแข่งขันของชมรมทั้ง 5 ชมรม 

“ แต่หนูว่าพี่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่งจะดีกว่านะคะ ควบ 5 ตำแหน่งแบบนั้นมันไม่เหนื่อยเหรอคะ
ตอนปีหนึ่งที่พี่พึ่งเข้าชมรมไป ก็ถูกคัดให้เป็นกัปตันทีมซะแล้ว ถึงจะพาเข้ารอบไปได้ก็เถอะแต่ก็ได้แค่ชนะเลิศระดับเขตเท่านั้น พอเข้าระดับอาณาจักร พี่ก็หมดแรงสุดท้ายพวกที่เหลือพอไม่มีพี่ ก็แพ้ตกรอบไปเลย ”
เทีย กล่าวหน้ามุ่ย ขณะที่ยื่นบัตรสมาชิกทั้งหมด ให้แก่พี่ชาย

“ ทำไงได้ล่ะก็โรงเรียนของเราน่ะนอกจาก ชมรมการวิจัยแล้วพวกชมรมกีฬาชมรมหัตกรรมน่ะเด่นเหมือนโรงเรียนอื่นเขาซะที่ไหน ถ้าขืนพี่ออกล่ะก็ พวกรุ่นน้องที่เขาเข้าชมรมมาใหม่ก็หมดอนาคตไปตามกันน่ะสิ.. พี่ไม่อยากให้พวกเขาเจอแบบพี่อีกแล้ว ”
ฟอนกล่าวก่อนจะยื่นมือมารับบัตรจากมือของน้องสาว

“ หนูเข้าใจค่ะพี่ แต่ถ้าพี่ต้องบาดเจ็บเหมือนตอนปีหนึ่งล่ะก็หนูไม่เอาแล้วนะคะ… ”
เทียกล่าวก่อนที่จะนึกย้อนไปถึงตอนที่พี่ของเธอ ยังอยู่ชั้นปีที่หนึ่ง เพราะพวกรุ่นพี่ที่นำชมรมกลับ
หมดกำลังใจที่จะสานต่อกิจกรรมของชมรมหลังจากที่แพ้มาตลอด ทำให้พวกชั้นปีที่ต่ำกว่าต้องพลอย

« Last Edit: November 02, 2008, 10:32:03 PM by cocka-c » Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #1 on: August 24, 2008, 06:49:20 PM »

ระสับระส่ายไปด้วย สุดท้ายพี่ชายของเธอ ก็ต้องคอย เคี่ยวเข็น ลูกทีม จนสามารถผ่านเข้าระดับ
อาณาจักรได้ แต่สุดท้ายด้วยอาการบาดเจ็บจากการแข่งของชมรม ชกมวยพี่ชายเธอจึงต้องถอนตัว

ทำให้ สุดท้ายเมื่อไร้ผู้นำทีมจึงตกรอบไปทั้งหมด และแม้ในปีต่อมา พี่ชายของเธอจะพยายามหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บ
แต่สุดท้ายก็ด้วยภาระที่มากเกินไปจึง พากันตกรอบหมดอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้มีใครตำหนิติเตียนเขาแต่อย่างใด

 
ฟอนที่เห็นน้องสาว กลัดกลุ้มจึงเข้าไปลูบหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู

“ ไม่ต้องห่วงพี่จะไม่ฝืนแน่นอนและอีกอย่าง ถ้าพี่ไม่ฝึกทักษะไว้หลายๆด้านล่ะก็
พี่ก็จะปกป้องครอบครัวของเราเอาไว้ไม่ได้นะ ”
ฟอนกล่าว จบก็เดินไปคว้าสัมภาระที่โต๊ะ โดยที่เธอเดินตามหลังพี่ชายไปพร้อมกับเก็บความ
กลัดกลุ้มเอาไว้ในใจ

ครู่ต่อมา

ณ ถนนสายหนึ่งซึ่งตอนนี้ ลุกไหม้ไปด้วยไฟซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุของยวดยานที่เข้าชนกัน
จนเป็นหายนะ ท่ามกลาง เปลวเพลิงนั้น มีสัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายกับเสือ ทว่าผิวของมันกลับเป็นหิน
แข็ง และบริเวณต้นคอกับไหล่ของมันมีปีกใสเหมือนปีกของแมลงยื่นออกมา

“ ล้อมมันไว้ ”
เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับ กลุ่มทหารซึ่งสวมชุดเกราะกันไฟ ได้บุกเข้าล้อม เจ้าสัตว์ประหลาดนั้นไว้
ในมือของพวกเขาจะถือปืน ไว้คนละกระบอกที่ปลายกระบอกยังมีดาบปลายปืนติดเอาไว้

“ จัดการก่อนที่มันจะ Time Walk ”
หัวหน้ากลุ่มสั่งจบ กระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนก็ถาโถมเข้าใส่ ร่างของมันแต่ก็ไม่ได้ระคายผิวของมันเลย
พวกเขายังคงยิงต่อไป ทว่าเพียงพริบตามันก็หายวับไป ก่อนที่พวกเขาจะถูกอะไรบางอย่างชน
จนกระเด็นไปคนละทิศ  นายทหารคนหนึ่ง ถูกมันเหยียบ ร่างเอาไว้จนหนีไม่ได้

มันอ้าปากซึ่งเต็มไปด้วยเขี้ยวอันคมกริบขึ้น หมายจะขย้ำทั้งเป็น แต่แล้วมันก็ถูก อะไรบางอย่างพุ่งกระแทก
ปากจนเสียหลักล้มลง เจ้าสิ่งนั้นมีรูปร่าง คล้ายกับหนูลม (Gusty Rat) แต่ทว่าร่างกายของมันกลับเป็นโลหะ
และมีดวงตาที่เรืองแสงได้ แทน มันกระโดดเหยงๆ เข้าไปหาเด็กหนุ่มที่จูงมือน้องสาว เข้ามา เด็กหนุ่มคว้ามันไว้
ก่อนจะ ปล่อยมือจากน้องสาว และเดินตรงเข้าไปหาเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น



“ โปรวิเด็นเซอร์แลนทิส (Providencer Lantis) ที่โดดเด่นในเรื่องผิวหนังที่แข็งเหมือนหินนี่เอง… ”
เด็กหนุ่มกล่าวขณะที่เดินเข้าไปใกล้มัน



“ น….นี่เธอถอยออกมา มันอันตรายนะ ”
หัวหน้ากลุ่มออกปากห้ามแต่ทว่าเด็กหนุ่มก็ไม่ฟัง ทันทีที่เจ้า แลนทิส ลุกขึ้นมา
ด้วย สัญชาติญาณ มันจึงเปลี่ยนเป้าหมายเข้าไปจู่โจมเด็กหนุ่มทันที

แต่ทว่าเด็กหนุ่มก็ วางสัมภาระที่ถือไว้ลงพร้อมกับ บิดสลักที่ข้างๆเข็มขัด ซึ่งติดตั้งกลไก เอาไว้
เกิดคลื่นการบิดเบี้ยวของมิติรอบตัวเขาในทันที พร้อมกับที่ชิ้นส่วนโลหะชิ้นเล็กชิ้นน้อยจะทะลุมิติออกมา
ประกอบเข้ากับร่างของเขา เป็นชุดเกราะ

“ Exchange Giga Mode ”
เสียงทุ้มต่ำยานคางดังออกมาจาก เข็มขัดของเขา ทันทีที่เจ้าแลนทิสพุ่งเข้ามา
เด็กหนุ่มก็ ชกสวนออกไป ด้วยมือซ้ายจนมันกระเด็นล้มลงตรงหน้า
ก่อนที่เด็กหนุ่มจะ นำเอาหนูลมที่เป็นจักรกล ยื่นขึ้นมา และกด สวิตซ์ที่ลำตัวของมัน

ทันใดนั้นร่างของมันก็ได้แตกสลายเป็นเศษส่วนและหลอมรวมเข้ากับชุดเกราะของเด็กหนุ่ม
ก่อนจะเปลี่ยนรูปร่างและโครงสร้างไป กลายเป็นชุดเกราะที่มีขนาดเทอะทะ และติดอาวุธหนัก
ไว้ทั้งร่าง

“ Set Up  Change Gusty From ”
เสียงดังขึ้นมาจากชุดเกราะของเด็กหนุ่มที่เปลี่ยนรูปไปแล้ว



“ จ…เจ้าเด็กนี่เป็น ผู้ถูกเลือกจากแอคเตอร์(Actor)งั้นเรอะ ”
หัวหน้าหน่วยอุทานด้วยความตะลึง เจ้าแลนทิสที่ลุกขึ้นมาหลังจากที่
ล้มลงไปเป็นครั้งที่สอง เด็กหนุ่มไม่รอช้า คว้าเอาปืนซึ่งเหน็บไว้ที่เอว
ยิงกราดใส่มันทันที แต่ทว่ามันก็พุ่งตัวหายวับไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

เพียงไม่นานนักกระจกบนอาคาร ที่อยู่ด้านหลังของเขาก็แตกกระจายร่วงหล่นลงมา
ก่อนที่เศษกระจก จะตกถึงพื้นเด็กหนุ่มรีบกดสวิตซ์ ที่ ด้ามปืนทันที

“ Time Walk ”
เสียงทุ้มต่ำยานคางแบบเสียงเครื่องจักร ดังขึ้น พร้อมกับที่ทุกๆอย่าง รอบตัวของเขา
เคลื่อนไหวช้าลง จนแทบหยุดนิ่งเศษกระจกที่ตกลงมานั้นก็แทบจะ ไม่ขยับเลย

ที่เหนือหัวของเขาเจ้า แลนทิส กำลังไต่ไปตามกระจกของอาคาร อย่างรวดเร็ว
บานกระจกแตกไล่ไปเรื่อย ทุกครั้งที่มันเหยียบลงไป

เด็กหนุ่มงอเข่าเพื่อรวบรวมแรง กระโดดตามขึ้นไป ทันทีที่เข้าประชิดตัวมันได้
เขาก็ทุบมันด้วยด้ามปืนจนร่วงหล่นกระทบกับเศษกระจกที่ยังคงลอยตัวอยู่ลงไป กระแทกพื้นถนนเบื้องล่างจนยุบตัวลง

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นอีกครา ก่อนที่ทุกๆอย่างรอบตัว จะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เศษกระจกที่แตกร้าวลงมาได้
ตกกระแทกลงบนร่างของเจ้าแลนทิส เด็กหนุ่มพุ่งกลับลงมายังเบื้องล่างอีกครั้ง ก่อนที่
ปากกระบอกปืนที่หัวไหล่และที่มือ กับปืนใหญ่ อีกกระบอกที่เหน็บหลังไว้จะถูกชักขึ้นมา
เล็งไปยังร่างของเจ้าแลนทิสที่ถูกเศษกระจกทับอยู่

คลื่นไฟฟ้าได้ไหลจากปากกระบอกปืน ทุกกระบอกไปยังส่วนหัวของชุดเกราะ
ก่อนจะไหลกลับลงมาที่ปากกระบอกปืนทั้งหมดอีกครั้ง

“ Mega Shooting ”
สิ้นเสียงจากชุดเกราะ คลื่นพลังทรงอานุภาพก็ถูกยิงออกมาจากกระบอกปืนทั้งหมด พร้อมกับเป่าร่างของ
เจ้าแลนทิส ไปพร้อมๆกับเศษกระจก ให้หายไปในพริบตา

“ จัดการได้แล้ว… ”
หัวหน้ากลุ่มกล่าว ด้วยความพิศวง ขณะที่เด็กหนุ่มลดอาวุธทั้งหมดลง ก่อนที่ชุดเกราะจะสลายตัวไป
และ กลับไปรวมตัวกันเป็น หนูลม อีกครั้ง

“ นั่นคือ กัสตี้แอคเตอร์ (Gusty Actor)ค่ะเป็นของที่พี่ฟอนได้รับมาเมื่อ สามปีก่อน  ”
น้องสาวของเด็กหนุ่มกล่าวขณะที่เดินผ่านหัวหน้ากลุ่มตรงไปยังสัมภาระต่างๆที่พี่ของเธอวางไว้ก่อนจะแปลงร่าง
และยกมันส่งให้กับพี่ของเธอ

“ เอาล่ะถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวได้สายกันพอดี ”
ฟอนรับเอากระเป๋ามาจากเทีย ก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งออกไปทั้งๆอย่างนั้น
ทิ้งให้พวกทหารได้นั่งตกตะลึงอยู่อย่างนั้น

“ ถึงจะรู้อยู่แล้วก็เถอะนะว่า แอคเตอร์จะเลือกผู้มีคุณสมบัติ เองแต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้เลย
ยิ่งฝีมือในการต่อสู้ของเด็กคนนั้นด้วยแล้ว…. ”
หัวหน้ากลุ่มรำพันกับตัวเองก่อนจะนิ่งไป

……….
……………
……………..


ในเย็นวันนั้น

“ เฮ้อ…วันนี้มีแต่เรื่องทั้งนั้นเลย เมื่อเช้าพี่ก็จัดการแลนทิสไปตัวหนึ่งแล้ว เมื่อกลางวันนี้ก็มีบุกมาอีกสองตัว
ด้วย เมื่อไหร่ รีกอล จะถูกจับซักทีนะ…พี่จะได้ไม่ต้องสู้ต่อไปด้วย… ”
เทีย บ่นด้วยความไม่สบอารมณ์ ขณะที่เปิดประตูคฤหาสน์ เข้าไป

“ กลับมาแล้ว…..ค่ะ ”
เทียกล่าวสะดุดไปทันทีที่เห็นร่างพ่อเธอถูก แลนทิส เหยียบไว้ และที่
ตรงหน้าพี่ชายของเธอ ซึ่งสวมร่างแอคเตอร์ ล้มทรุดอยู่ต่อหน้า ชายแก่ ซึ่งดวงตาซ้ายของเขาสวม
แว่นขยายไว้ คลุมร่างด้วยผ้าคลุมสีดำ ตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ รีกอล…นี่แก…พี่คะ ”
เทียกล่าวก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นพี่ของตน เธอรีบเข้าไปพยุงร่างของพี่ชายขึ้นทันที

“ แม่หนูบอกมาซะดีๆ มาสเตอร์แอคเตอร์ อยู่ที่ไหนแล้วชั้นจะปล่อยพ่อกับพี่เธอไป ”
รีกอลกล่าว
Quote
รีกอล ราเฟล (Regol Rafel) อายุ 65 ปี เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
อาชีพ : อดีตนักวิจัยวัตถุและสิ่งมีชีวิตอวกาศ
สถานะ: อาชญากร ระดับโลก ผู้ก่อสงครามระหว่างแลนทิสกับมนุษย์


“ เทียไปที่ห้องวิจัยนะ..แล้วเอากล่องเหล็กที่เก็บ มาสเตอร์แอคเตอร์ หนีไปซะพี่จะถ่วงเวลาไว้ไปซะ ”
ฟอนกล่าวจบก็ ยิงระดมใส่ทันที แต่ทว่า แลนทิสทั้งหลายก็เข้ามาคุ้มกัน รีกอลไว้
ซึ่งเทียได้อาศัยจังหวะนี้ วิ่งหลบออกไปยังห้องวิจัย

“ ตามมันไปเร็ว ”
รีกอล สั่งทว่าฟอนก็เข้าไปขวางทางเดินไว้

“ อย่าหวังจะผ่านไปได้เลย ”
ฟอนกล่าวจบคลื่นไฟฟ้าก็เริ่มวิ่งไล่ไปทั่วร่างของเขา

…………..
………………

“ นี่สินะมาสเตอร์แอคเตอร์ ต้องรีบหนีแล้ว ”
เทียซึ่งหอบเอากล่องเหล็ก ออกมาจากห้องวิจัย และหนีออกไปทางประตูหลัง
ได้เดิน ไปจนถึงเรือนกระจกที่อยู่ไม่ไกลนัก

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ร่างของฟอนพี่ชายเธอจะ ปลิวกระเด็นมาอยู่ข้างๆ 

“ ส่งกล่องนั่นมา ”
รีกอลกล่าวขณะที่เดินเข้ามาใกล้พร้อมกับเหล่า แลนทิส
 ฟอนพยายาม จะลุกขึ้นมาขวางแต่ ทว่าเขาก็ไม่มีแรงพอจะขยับแล้ว ชุดเกราะ
แตกเสียหายไปหลายจุด ปากกระบอกปืนถูกทำลาย จนเสียหาย
ทั้งหมด

แลนทิสทั้งหมดกำลังจะเข้ามาถึงตัว เทีย แล้วในวินาทีนั้นฟอนจึงตัดสินใจ
รวบรวมแรงเฮือกสุดท้าย ปลดชุดเกราะออกและโยน กัสตี้แอคเตอร์ ไปยังตัวน้องสาว
ไม่ช้าก็เกิดหลุมมิติแผ่ขยายขึ้นมาจากตัวแอคเตอร์ และดูดตัวเทียเข้าไป

“ เอามาสเตอร์แอคเตอร์หนีไปเร็ว ”
ฟอนกล่าว ขณะที่ร่างของเทียถูกดูดเข้าไปในห้วงมิติ

“ พี่…. ”
เทียกล่าวได้ไม่ทันขาดคำร่างของเธอก็ถูกดูด เข้าไปในห้วงมิตินั้น พร้อมๆกับที่แลนทิสทั้งหมดกระโจนตามเข้าไป

……………..
………………..
…………………….


ย้อนเวลากลับไป เมื่อ 3000 ปีก่อน  6 ปีหลังการกอบกู้โลกของอัศวินทาลิวิลย่า(2 ปีหลังก่อตั้งเมืองมิราบิลิส)
 ทวีปเมอริเซีย ยังคงมีรูปโฉมเดิม ไม่มีวิทยาการที่ล้ำสมัยมากมายนัก ผืนป่าของอาณาจักรฟูดินัน ยังคงกว้างใหญ่ไพศาลและมหาพฤกษายังไม่กีดกันตัวออกจากโลกภายนอก

ณ ป่าใกล้กับทะเลสาบนีรันด้า ได้เกิดหลุมมิติปรากฏขึ้น ในอากาศพร้อม กับร่างของเทียที่ หล่นลงมาจากหลุมมิตินั้นก่อนจะหายไป

“ ที่นี่มันที่ไหนกัน… ”
เทีย กล่าวขณะที่มองไปรอบๆ ป่าซึ่งมืดทึบมีเพียงแสงตะวันที่ สาดส่องทะลุลงมาเพียงเล็กน้อย

โฮกกกกกก

เสียงคำรามดังขึ้น ด้านหลังเธอ ทันทีที่เธอหันไปก็เห็นร่างของสัตว์ประหลาดซึ่งมีรูปร่างคล้ายเสือผสมกับกวาง
บนเขา ของมันเกี่ยว เสื้อเชิ้ตสีดำ ของใครเอาไว้ มันคือ กาเซลเลย์ป่า(Forest Gazelle)
ซึ่งกำลังคึกคะนอง เทีย พยายามจะลุกขึ้นวิ่งหนี ทันทีที่เธอก้าวเท้าออกไป กาเซลเลย์ป่า
ก็วิ่งไล่กวดเธอทันที เขาหนามของมันหากขวิดโดนคงไม่รอดเป็นแน่



“ ช่วยด้วย….ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ”
เทียตะโกนขอความช่วยเหลือแต่ทว่า ท่ามกลางป่าลึกนี้ จะมีใครมาช่วยเธอได้กัน

“ มันอยู่นั่นไง เจ้าตัวขโมยเสื้อชั้นไป ”
เสียงดังขึ้นมาจากฟ้า พร้อมกับหมาป่าขนสีเงิน กระโจนลงมาขวาง มันไว้จากเธอ

ทันทีที่เทียแหงนหน้าขึ้นมองฟ้า เงาที่กำลังบินอยู่เหนือนาง นั้นคือร่างของมังกรขาวพาลานัลคาเลี่ยน (Palanalcarion, the light Dragon) ซึ่งมีเด็กหนุ่มที่มีอายุพอๆกับเธอขี่อยู่บนหลังของมัน



“ น…นี่หรือว่าเขาคือเจ้าขี่ม้าขาวที่จะมาปกป้องเรา อย่างในนิยายน่ะ….แต่นี่มัน มังกรนี่ ช่างเถอะ
ขอแค่เป็นเจ้าชายก็พอ..นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ยหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ยังจะมาฟุ้งซ่านอีก ”
เทียคิด ขณะที่หมาป่าขนเงินที่เข้ามาช่วยเธอไว้ ถูกเจ้ากาเซลเลย์ป่าขวิดจนไปกระแทกเข้ากับต้นไม้
มันยันตัวขึ้นมาก่อนที่จะสำลัก ค่อกแค่ก

“ นี่ลอเรนซ์(Laurance) อย่าเอาแต่กิน ลงมาช่วยกันหน่อยสิ ”
เจ้าหมาป่าตัวนั้นกล่าว ขึ้น



Quote
ลอว์เรนซ์  ซาราเบลด (Laurance Salablade) อายุ 15 ปี เผ่าพันธุ์: มนุษย์ เพศ:ชาย
ประวัติโดยรวม : ทายาทคนสุดท้ายแห่งตระกูลซาราเบลดซึ่งเป็นวีรบุรุษผู้ช่วยกอบกู้โลกเทอร่าจากวิกฤติ
 วุฒิการศึกษา: จบจาก โรงเรียนมังกร (Dragon Academy)  วิชาการต่อสู้:วิชาดาบซึ่งเคยได้รับการฝึกสอนกับแม่ทัพชาว์ลแห่งฟีเลเซียมาแล้ว
 

“ ห…หมาพูดได้นี่มันอะไรกันเนี่ย…งงไปหมดแล้วค่าาา ”
เทียคิด ตอนนี้อารมณ์เธอแปรปรวนไปหมด ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือสับสนดี


“  ลากูน่า(Laguna)อย่างนายน่ะเอาชนะ มันได้ง่ายๆอยู่แล้วแค่คืนกลับร่างครึ่งสมิงก็ขาดลอยแล้ว ”
เด็กหนุ่มที่ชื่อ ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่ในมือยังถือช้อนกับจานขนมเค้กเอาไว้



Quote
ลากูน่า รูลเวลล์ (Laguna runevel) อายุ 15 ปี เผ่าพันธุ์: ครึ่งสมิง เพศ: ชาย
ประวัติโดยรวม: อดีต 12 เทพขุนศึก และเป็นทายาทที่เหลือยู่ของตระกูลรูลเวลล์ ที่คอยปกป้องตระกูลซาราเบลดเมื่อครั้งอดีต 
วุฒิการศึกษา: จบจาก โรงเรียนมังกร (Dragon Academy)  วิชาการต่อสู้:วิชาหมัดและวิชามนตราที่ฝึกมาสมัยเข้ารับการฝึกเป็น 12 เทพขุนศึกปัจจุบันยังคงฝึกอยู่ กับพี่ชายของตนที่ชื่อเจนัส

“ จะไปทำยังงั้นได้ไงเล่า เด็กผู้หญิงคนนี้ก็อยู่ด้วย ชั้นไม่ได้ใส่เสื้ออยู่นะ เฟ้ยยย ”
หมาป่าขนเงินกล่าวขณะที่ กระโดหลบการพุ่งชนของ กาเซลเลย์ป่า เป็นพัลวัล

“ กางเกงนายก็ใส่อยู่ ยังจะต้องอายอีก เฮ้อเอาก็เอาเดี๋ยวขอกินให้เสร็จก่อนนะ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็เขมือบเค้กเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะกระโดลงจากหลังของ พาลานัลคา มาอยู่ตรงหน้า เธอ โดยที่ปากยังอมช้อนเอาไว้
เขาดึงช้อนออกจากปาก ก่อนจะเลียริมฝีปากด้วยความเอร็ดอร่อยโดยไม่สนใจเจ้าหมาป่าที่กำลังจะถูก
ขวิดตาย

“ เอาล่ะจะไปช่วยแล้วอย่าพึ่งตายซะก่อนล่ะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบก็ควงช้อนในมือ ก่อนจะวิ่งเข้าไป หาเจ้ากาเซลเลย์ป่า

“ จะสู้กับมันทั้งตัวมีช้อนแค่คันเดียวเนี่ยนะเป็นไปไม่ได้หรอก ”
เทียคิด แต่แล้วสิ่งที่เธอคิดก็ผิดจนได้ เมื่อ ลอว์เรนซ์ตวัดช้อน ฟาดฟันกับเขาอันแหลมคนของมันได้อย่างสูสี
ก่อนที่จะแทงช้อนสวนออกไปเร็วขึ้นจนแทบมองตามไม่ทัน เจ้ากาเซลเลย์ป่าที่ หมุนคอหลบช้อนวน
ไปเรื่อยๆจนตาลายในที่สุดมันก็หยุดนิ่ง เขาจึงฟาดหน้าของมันลงไปด้วยช้อนเต็มๆ

มันล้มพับลงในทันที เจ้าหมาป่าเดินเข้ามาคาบเสื้อเชิ้ตสีดำที่เกี่ยวอยู่ที่ เขาของมันออกก่อนจะเข้าหลบในพงไม้
ครู่ต่อมามันก็ออกมาในสภาพของเด็กหนุ่มผมสีเงินที่มีหางหมาป่ายื่นออกมาแทน

“ เฮ้อนึกว่าจะตามมาไม่ทันซะแล้ว แค่ลงไปว่ายน้ำหน่อยเดียวเจ้ากวางบ้านี่มันดันมาขโมยเสื้อไปซะได้ ”
เด็กหนุ่มบ่น ไม่หยุดขณะที่ดึงคอเสื้อให้กระชับ

เทียที่ยังนั่งจ้องด้วยความตกตะลึง ต่อเหตุการณ์ ตรงหน้านั้น มังกรพาลานัลคาได้เข้าไปสะกิดร่างของเธอเบาๆ

“ นี่ไม่เป็นไรนะ ”
พาลานัลคากล่าวซึ่งแทนที่เธอจะ ตอบกลับไปว่าไม่เป็นไรขอบคุณที่ช่วยเหลือ
กลายเป็นว่าเธออยากจะเป็นลมซะตรงนั้น

“ นอกจากหมาพูดได้แล้วกลายเป็นคนได้ ยังมีมังกรพูดได้อีกโอยยยฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆเลย ”
เทียกล่าวขณะที่เอามือกุมหัวด้วยความงุนงง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ ไม่ได้นะไลท์ นอกจากพวกเรานายไปพูดภาษามนุษย์ กับคนอื่นอย่างนี้ เดี๋ยวก็ได้แตกตื่นกันพอดี ”
ลอว์เรนซ์กล่าว ขณะที่เข้าไปช่วยดึงร่างของเธอขึ้นยืน

“ จะว่าไปแล้วเหมือนเคยเห็นพวกนี้ที่ไหนมาก่อนนะ เจ้าพี่ชายผมเงินนี่คงจะเป็นครึ่งสมิง
ที่เขาล่ำลือกัน ส่วนเจ้ามังกรพูดได้นี่ตอนเรียนก็รู้แค่ว่า เป็นมังกรที่อาศัยอยู่ในมิติลับของพวกมัน
ส่วนพี่ชายคนนี้หน้าตาคุ้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนนา….อ้ะใช่แล้วที่ หนังสือรวมประวัติศาสตร์
การกู้โลกครั้งยิ่งใหญ่น่ะเอง ถ้าจำไม่ผิด วีรบุรุษคนนั้นเป็นเด็กที่คุยกับมังกรได้รู้สึกจะชื่อลอว์เรนซ์ซะด้วย
งั้นก็หมายความว่านี่เราย้อนอดีตมา 3000 ปีกว่าๆเลยน่ะสิ   ”

เทียคิดในขณะที่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าตนถูกส่งกลับมายังอดีตเมื่อสามพันปีก่อน
ชะตาของเธอจะเป็นเช่นไรต่อไป

โปรดติดตามตอนต่อไป

รูปภาพจะอัพให้อาทิตย์หน้านะจ้ะ
« Last Edit: August 31, 2008, 06:32:31 PM by cocka-c » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #2 on: August 29, 2008, 08:52:08 PM »

สนุกดีครับ  ไว้จะติดตามต่อไปครับ
(หมายเหตุ*** เนื้อเรื่องช่วงแรกคล้าย sonic จังเลย  )
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #3 on: August 30, 2008, 03:49:09 AM »

หนอยเจ้าการูรูม่อน(โค้ดเนมของคนแต่งเรื่องนี้ เพราะตำนานทาลิที่เป็นภาคแรกมันเป็นผู้ช่วยผม)
ที่บอกว่าจะต่อ ยอดเนี่ยนึกว่าจะเอา ลอว์เรนซ์ตัวเดียวนี่เล่นลากไปทั้งดุ้นเลยนี่หว่า

แล้วไหง ลอว์เรนซ์ใช้ช้อนขนมสู้เนี่ย ไม่ใช่มิวทูนะว้อยยย คิดไปได้ เอาช้อนล้มเสือกวาง
แล้วยังเอาแลนทิส ในชุด 4 naga มาเขียนซะยังเอเลี่ยนเลย คิดไปได้ บรรเจิดแท้ ขอดูหน่อยเ
ละว่าจะแต่งออกมาแบบไหนอีก หึ หึ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #4 on: August 31, 2008, 06:31:13 PM »

Task 2   ตราแห่งผู้พิทักษ์


“ หมายความว่าเธอมาจากอนาคตในอีก 3000 ปีข้างหน้าเหรอ ”
ลอว์เรนซ์ทวนคำอีกครั้ง หลังจากที่เทียได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เธอมาอยู่ที่นี่ให้
พวกเขาฟัง

“ จะเชื่อดีมั้ยเนี่ย…. ”
มังกรพาลานัลคาที่ชื่อไลท์ ขอความคิดเห็น

“ ก็ไม่แน่หรอกนะก่อนหน้านี้ก็มีไม่ใช่เหรอคนที่สามารถเดินทางข้ามผ่านเวลาได้น่ะ ”
ลากูน่ากล่าว

“ หมายถึง เนโครบิชอป (Necro Bishop) สินะ…จะว่าไปแอคเตอร์ที่สวมไปตอนนั้นรู้สึกจะมีพลังใน
การเดินไปในเวลาต่างๆได้นะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวขณะที่นึกย้อนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน

Quote
เนโครบิชอป  แท้จริงคือเกรเกอรี่ที่จำยอมไปเข้าร่วมกับองค์กรในภาคที่แล้ว และด้วยสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าแอคเตอร์
ซึ่งทิโมธีได้ทำขึ้นมาเป็นพิเศษนั้น ทำให้เกรเกอรี่ที่สวมใส่เข้าไปกลายเป็นเนโครบิชอปและสามารถเดินทางก้าวข้ามกาลเวลาได้เพราะได้รับพลังมาจากอวตารของพระผู้เป็นเจ้า

“ นี่พวกเธฮรู้เรื่องแอคเตอร์ด้วยเหรอ ”
เทีย อุทานทันทีที่ได้ยินพวกเขาพูดถึงแอคเตอร์ซึ่งเป็นวิทยาการในยุคของเธอที่นำมาใช้ต่อสู้กับ แลนทิส

“ ก็ไม่ได้รู้ละเอียดมากนักหรอก เพียงแต่ 6 ปีก่อนพวกเราเคยเจอกับคนที่ประดิษฐ์เจ้าสิ่งที่เรียกว่าแอคเตอร์น่ะ
แล้วก็ต้องลำบากกับมันไปไม่น้อยเลย ”
ลากูน่ากล่าว ขณะที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่นั้นเอง หูของลากูน่าที่มีประสาทสัมผัสไวพอกับสมิง
ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างใกล้เข้ามา

“ เดี๋ยวตรงพุ่มไม้นั่นมีอะไรบาง… ”
ลากูน่ากล่าวได้ไม่ทันจบประโยคดี พวกเขาทั้งหมดก็ถูก อะไรบางอย่างที่เร็วมากพุ่งชนจน
ล้มกลิ้งไป เจ้าสิ่งนั้นได้มาหยุดต่อหน้าของเทีย มันคือแลนทิสแต่ทว่าคราวนี้มันกลับมีรูปร่างเหมือนมังกร
วิ่งสี่ขาซะมากกว่า

“ กราเวลลา แลนทิส (Gravella Lantis) ”
เทีย อุทานทันทีที่เห็นมัน เจ้าแลนทิส ง้างเขี้ยวอันคมกริบของมันขึ้น เพื่อที่จะขย้ำเธอ
แต่ลากูน่าก็พุ่งเข้ามาผลักตัวเธอออกไป เขี้ยวจึงเฉี่ยวไปโดนหัวไหล่ของเขาแทน
ทันทีที่ ลากูน่า หันไปดูบาดแผลของตน ประกฎว่าแขนข้างที่ถูกเขี้ยวขูดหัวไหล่นั้น หนักอึ้งราวกับหิน
ไม่ช้าปากแผลของเขาก็แข็งเป็นหินทันทีและค่อยๆลาม มายังร่าง



“ แย่ล่ะลักษณะพิเศษของเจ้าแลนทิสนี่ก็คือพิษศิลา ที่อาบอยู่ที่เขี้ยวหากโดนเข้าไปมันจะทำให้เลือดจับตัว
แข็งเป็นหิน ถ้าปล่อยไว้ล่ะก็ ”
เทีย นึกย้อนถึงข้อมูลเกี่ยวกับ แลนทิสแต่ละชนิดที่เธอศึกษาไว้เพื่อช่วยเหลืองานวิจัยของพ่อ
ขณะนั้นลากูน่า ได้ล้วงเอาสายสร้อยที่คล้องหินรูปจันทร์เสี้ยวไว้ขึ้นมา

Quote
สิ่งนี้คือศิลาจันทรา ที่เป็นสมบัติตกทอดกันมาของตระกูลเผ่าครึ่งสมิง ในอดีตก่อนจะล่มสลาย ซึ่งมีอำนาจในการอัญเชิญจันทราสามรูปแบบรายละเอียดที่เหลือสามารถติดตามได้จากภาคแรก


“ ข้าแต่ผู้ปกครองแห่งดวงเดือนและหน้ากากแห่งเลือดเนื้อจงมอบนิทราอันเป็นนิรันด์แก่อริข้า Bloody Moon  ”
ลากูน่า กำศิลานั้นไว้ก่อนจะออกปากร่ายคาถาลงไป ศิลาก็พลันส่องแสง วาบขึ้นมาหมู่เมฆได้มารวมตัวกัน
ปกปิดท้องฟ้าส่วนที่พวกเขาอยู่ก่อนที่ ดวงจันทร์สีเลือด จะปรากฏขึ้นทันที่ที่ลากูน่าได้อาบแสงนั้น
บาดแผลของเขาก็ได้จางหายไป แขนกลับมาขยับได้เป็นปกติอีกครั้ง พิษได้ถูกชำระออกไปจากร่างหมดแล้ว



“ ส…สามารถ รักษาพิษศิลา ได้ในพริบตาพลังอะไรกันเนี่ย ”
เทีย อุทานด้วยความตกตะลึง แต่ทว่านั้นก็ยังเท่ากับที่ ลากูน่า กำลังจะกลายร่างเป็น สมิงหมาป่าสีเงิน
(Silver Werewolf)



“ เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะว่าแต่เธอรู้ใช่ไหมว่าเจ้านี่มันตัวอะไรแล้วการเคลื่อนไหวแบบตะกี้น่ะมันเหมือนระบบ
Time Walk ของแอคเตอร์เลยไม่ใช่รึไง ”
ลอว์เรนซ์กล่าวขณะที่ ลากูน่าในร่างสมิงออกไปรับมือกับมันทว่า แลนทิสตัวนั้นก็ได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
พุ่งชนไปมา จนลากูน่าล้มไม่เป็นท่า

………………..
……………………..
………………………..

เขตชายป่าของฟูดินันที่เชื่อมไปยังเขตล่าสัตว์ของ อาณาจักรฟีเลเซียนั้น ใต้ต้นไม้ที่โตแยกขึ้นไปบน
อยู่บนเนินเพียงต้นเดียว สาวน้อยยผมทองมัดเป็นมวย ไว้ด้วยริบบิ้นสีดำ สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรง
สีดำและผูกไทค์สีดำ นางมายืนรอใต้ร่มเงาเพื่อหลบแดดนี้นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจทราบได้

ขณะนั้นเองได้มีเสียงโหวกเหวกดังขึ้นมาจากด้านล่างเนิน ไม่นานนักกลุ่มเด็กหนุ่ม 5 คนที่ดูเหมือนจะเป็นพวก
นักสู้ฝึกหัดของฟูดินัน กำลังเดินขึ้นเนินมาทันทีที่ พวกเขาเห็นเธอ ก็เดินตรงเข้ามาทันทีราวกับ
จะมาหาเรื่อง พวกเขาล้อมนางไว้ คนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มเดินเข้ามาหานาง

“ ว่าไงจ้ะน้องสาว มารอใครอยู่เอ่ย สนใจจะไปเที่ยงกับพวกพี่มั้ย ”
เด็กหนุ่มหยอดคำใส่นาง แต่นางก็เมินหน้าหนีไม่สนใจ ทำให้เหล่าเด็กหนุ่มเริ่มไม่สบอารมณ์กับนาง

“ เชอะพวกนักเลงขี้หลีไปวันๆน่ะอย่าแตะตัวฉันเลยจะดีกว่า ”
เด็กสาวกล่าว

“ พูดงี้ก็สวยสิรู้มั้ยว่าตอนนี้เธออยู่ในสถานะไหน ”
หัวหน้ากลุ่ม ขู่แต่เธอก็ไม่ได้สนใจยังคงตีหน้านิ่งเฉย

“ ลูกพี่ยัยนี่ไม่ใช่คน มันมีหางยื่นออกมาด้วย ”
ลูกน้องในกลุ่มกล่าวขึ้นมาหลังจากที่เห็นหางแมงของนางกวัดไปมา

“ หือนี่รึว่าเธอคือ ยัยปีศาจแมว เมื่อ 11 ปีก่อนน่ะ ”
หัวหน้ากลุ่มกล่าวขณะที่นึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อ 11 ปีก่อนที่กลุ่มของพวกเขาวิ่งไล่
นางที่ไม่มีทางสู้ซึ่งหลงเข้ามาอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะถูกครึ่งสมิงเด็กชายเข้ามาขวางไว้และจัดการจนหมอบราบเสียทุกคน

“ อ๋อนี่พวกแกเมื่อตอนนั้นเองหรอกเหรอ ”
เธอกล่าวขณะที่เริ่มจะคุ้นหน้าของพวกเขา แต่ดูเหมือนสถานการณ์จะแย่ลงกว่าเดิม เมื่อเรื่องที่นึกกันได้นั้นกลับเป็นความบาดหมางซะนี่

“ คราวนี้เจ้าหมานั่นไม่ได้อยู่ด้วยสินะ เธอต้องเละอยู่นี่แหล่ะ ”
หัวหน้ากลุ่มกล่าวด้วยความผยอง

“ หมายถึงเจนัสน่ะเหรอ ไม่ต้องห่วงถึงยังไงซะหมอนั่นก็จะมาปกป้องฉันแน่
แต่สำหรับพวกแกในตอนนี้น่ะ แค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว ”
เธอกล่าวจบก็ ตวัดขาเตะก้านคอ หัวหน้ากลุ่มจนร่วงสลบลงไปทันที
ท่ามกลางความตกตะลึงของลูกน้องที่เหลือ

“ เอ้าเข้ามาสิหนี้บัญชีคราวก่อนฉันขอคืนที่นี่เลยละกัน ”
เธอกล่าว ขณะนั้นเอง ก็มีเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งเป็นครึ่งสมิงหมาป่าผมสีดำสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีดำทับเสื้อเชิ้ตสีขาว
เดินขึ้นเนินมาและเห็น
เธอกำลังถูก พวกนักเลงรุมล้อม

“ นีน่า ”
เด็กหนุ่ม อุทานขึ้นมาด้วยตกใจ ก่อนจะวิ่งเข้าไปเพื่อจะช่วยแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อแทนที่
เธอจะต้องให้เขาช่วยกลับกลายเป็นว่าพวกนักเลงนั่นวิ่งลงมาขอความช่วยเหลือจากเขา
แต่ทันทีที่จำหน้ากันได้ว่าเคยมีเรื่องกันเมื่อ 11 ปีก่อนก็พากันวิ่งวงแตกกระเจิงไปคนละทิศ

“ อะไรของพวกมัน… ”
เด็กหนุ่มเกาหัวด้วยความฉงน แต่ก็ไม่ได้สนใจ จึงเดินเขาไปหาเธอ

“ นีน่า(Neena)ไม่เป็นอะไรนะพวกนั้นทำอะไรเธอรึเปล่า ”
เขาถามด้วย ความเป็นห่วง



Quote
นีน่า ลาเซริโอ้ (Neena Laserio) อายุ 16 ปี เผ่าพันธุ์: ครึ่งสมิง เพศ :หญิง
ประวัติโดยรวม : อดีต 12 เทพขุนศึก และเป็นทายาทที่หลงเหลืออยู่ของตระกูลลาเซริโอ้
ที่คอยปกป้องตระกูลซาราเบลดเมื่อครั้งอดีต ชอบเรียกลากูน่าว่า ลากุ เฉยๆ
วุฒิการศึกษา: จบจาก โรงเรียนมังกร (Dragon Academy) วิชาการต่อสู้: การใช้อาวุธทุกชนิดโดยเฉพาะปืน และทักษะลอบสังหารสมัย ที่เป็น 12 เทพขุนศึก นอกจากนี้เธอยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับครึ่งสมิงที่ชื่อริคุซึ่งเป็น 12 เทพขุนศึก
เช่นกัน

   ความถนัดส่วนตัว : เย็บปักถักร้อย  และมีรสนิยมเรื่องเสื้อผ้าถึงเข้าขั้นเรื่องมาก ดังในภาคก่อนตอนที่เลือกซื้อชุดให้เจนัสและลากูน่ากว่าจะเลือกได้ก็ต้องรื้อกันร้านกระจาย (สาเหตุที่ต้องซื้อเสื้อเนื่องจากตอนที่สองพี่น้องเป็นเทพขุนพล มักใช้ร่างสมิง จึงไม่ได้สวมเสื้อผ้าใส่เพียงกางเกงขายาวสีดำกับขาวเพียงตัวเดียวเท่านั้น ซึ่งหลังโดนจับแต่งก็ครบเครื่องดังในภาคที่แล้ว ปัจจุบันเสื้อที่ใส่อยู่ นีน่าเป็นคนเย็บให้)


“ ไม่ต้องห่วงหรอกน่าเจนัส(Genus) เมื่อก่อนกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน พวกนั้นทำอะไรฉันไม่ได้หรอกว่าแต่วันนี้เธอเรียกฉันมาทำไมเหรอ ”
เธอกล่าวขณะที่ดึงเสื้อให้เรียบตึง



Quote
เจนัส รูลเวลล์ (Genus Runevel) อายุ 16 ปี เผ่าพันธุ์: ครึ่งสมิง เพศ: ชาย
ประวัติโดยรวม : อดีต 12 เทพขุนศึก และเป็นทายาทที่หลงเหลืออยู่ของตระกูลรูลเวลล์ที่คอยปกป้องตระกูลซาราเบลดในอดีต
วุฒิการศึกษา: จบจาก โรงเรียนมังกร (Dragon Academy) วิชาการต่อสู้: วิชาหมัดและมนตรา
ที่ฝึกสมัยเป็น 12 เทพขุนศึก ปัจจุบันยังคงฝึกฝนอยู่และคอยถ่ายทอดวิชาให้แก่ ลากูน่า ที่เป็นน้องชายและฝึกกายภาพให้แก่ลอว์เรนซ์ด้วย 



“ คือจำที่ชั้นเคยพูดไว้เมื่อ 6 ปีก่อนที่หุบเขาทางเหนือของทวีปคาดาร่าได้ไหม ”
เจนัส ถามขณะที่ใบหน้าแดงระเรื่อ

Quote
ในภาคที่แล้วเจนัสได้พยายามจะบอกความในใจกับนีน่าแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป หากสนใจสามารถติดตามตามได้จากภาคแรก

“ ตอนไหนเหรอ เรื่องมันตั้ง 6 ปีมาแล้วฉันจำไม่ได้หรอก อีกอย่างเหตุการณ์ที่ทวีปนั่นมีอะไรให้น่าจำบ้างล่ะ
เพราะตอนที่อยู่ที่นั่น ก็มีแต่ สู้รบกันตลอดเลย เธอเองยังเกือบถูกฉันฆ่าทิ้งไปแล้วด้วยซ้ำ  ”
นีน่า กล่าวขณะที่นึกย้อนถึงเรื่อง เมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งนับเป็นประสบการณ์ที่สะเทือนใจที่สุด ของพวกเขาเลยก็ว่าได้

Quote
ในภาคที่แล้ว ศึกตัดสินกับเทพขุนศึกกว่าครึ่ง ได้จบลงที่นั่น และยังเป็นการจุติของมุรามาซะโซลอีกด้วย
(มุรามาซะโซล คือจิตวิญญาณร้ายของ ลอว์เรนซ์ ในภาคที่แล้ว ) ซึ่งปรากฏในบทที่ 25 ของ ภาคแรก

ขณะนั้นหมอกเริ่มลงจัดอย่างไม่รู้สาเหตุ กลีบดอกซากุระ สีชมพู โปรยปรายลงมาอย่างช้าๆ
ราวกับบรรยากาศเป็นใจ ให้ทั้งคู่แต่ดูเหมือนว่าฝ่าย นีน่า จะรู้สึกแปลกใจซะมากกว่าจะมี
อารมณ์เคลิบเคลิ้มไปด้วย

“ ดีล่ะตอนนี้ นีน่า คงจะเริ่มรู้สึกเคลิบเคลิ้มขึ้นมาแล้ว ทีนี้ก็จะได้…. ”
เจนัส ในขณะที่ นีน่า มองมาที่เขาด้วยสายตา งงๆ

“ คือว่าที่ชั้นเรียกเธอมานี่น่ะ...ก็คือชั้น..ช…ชอบ…เธอ… ”
“ นี่รู้ว่ามันแปลกๆไหม ”
เจนัสที่กล่าวตะกุกตะกักไป ต้องชะงักทันทีที่ นีน่าแทรกขึ้นมา

“ อ…อะไรเหรอ ”
เจนัส ถึงกับมีอาการสะดุ้งเฮือกในทันที ที่ถูกถาม

“ ก็กลีบซากุระนี่น่ะสิ เจ้าต้นที่อยู่เหนือเราเนี่ยมันไม่ใช่ต้นซากุระซะหน่อย แล้วยังหมอกนี่อีกนี่มันเที่ยงแล้วนะ ”
นีน่า กล่าวด้วยความสงสัยกับสภาพรอบตัวของพวกเขา ที่มีกลีบดอกซากุระปลิวเวียนไปเวียนมา
ในเขตหมอกที่ปกคลุมพวกเขาอยู่

“ ม…ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย บางทีลมอาจจะพัดกลีบซากุระพวกนี้มาก็ได้ ”
เจนัส แก้ตัวไปข้างๆคูๆ

“ พัดมาเหรอจากหมู่เกาะนิคโคอุ เนี่ยนะ ” (นิคโคอุ หมู่เกาะใน เทอร่า ที่มีสภาพแวดล้อมคล้ายกับญี่ปุ่นสมัย
กลาง ที่มีตระกูลของพวก ซามูไร นินจา อาศัยอยู่)
นีน่า อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อว่าเจนัสจะกล่าวเกินจริงออกมา ได้ขนาดนี้
ในขณะที่กำลัง เก้ๆกังๆ กันอยู่นั้น บนต้นไม้ เด็กหนุ่มครึ่งสมิงพังพอน ผมสีแดง
กำลังมองสถานการณ์ข้างล่างด้วยสีหน้า เหนื่อยใจ

“ เฮ้อ…เจ้า เจนัส เอ้ยอุตส่าห์บอกแล้วว่ากลีบซากุระของวิชาชั้นน่ะมันจะทำให้
ความแตกเอาง่ายๆ แทนที่จะมานั่งสร้างสถานการณ์แบบนี้สู้นายเอาเวลาไปนั่งคิดหาวิธีสื่อรักที่มันดีกว่านี้
จะดีกว่า ม้างง ”
ครึ่งสมิงพังพอนคิด ทันใดนั้นเขาก็เกิดเสียหลักทำให้ เท้าที่เกาะกิ่งไม้อยู่ ลื่นหล่นลงมากลางวงทั้งสอง

“ ริคุ(Riku)เธอขึ้นไปทำอะไรข้างบนน่ะ…อ่ะเดี๋ยวนี่หรือว่ากลีบซากุระพวกนี้มาจากเธอ ”
นีน่ากล่าวขณะที่ ครึ่งสมิงพังพอนริคุ ค่อยๆยันตัวขึ้น จากพื้นพร้อมสะบัดมือปัดเสื้อให้ฝุ่นหลุดออกไป



Quote
ริคุ เฟ็นเรีย (Riku Fenria) อายุ 16 ปี เผ่าพันธุ์ : ครึ่งสมิง เพศ:ชาย
ประวัติโดยรวม : อดีต 12 เทพขุนศึก ทายาทคนสุดท้ายของ ตระกูลเฟ็นเรียซึ่งมีหน้าที่พิทักษ์ดาบศักดิ์สิทธิ์ชินเซเบอร์(Shin Saber) มีความสัมพันธ์ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ นีน่า เพราะพ่อของนีน่า แต่งงานกับ น้าของริคุ
ในภาคที่แล้วเขาเป็นครึ่งสมิงคนสุดท้ายที่ทรยศองค์กร ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการ ปรับความเข้าใจของทุคคนในกลุ่ม ดังในภาคก่อน ลอว์เรนซ์ ซึ่งกลุ้มใจอยู่ก็ได้เขาเป็นที่ปรึกษา
วุฒิการศึกษา: จบจาก โรงเรียนมังกร (Dragon Academy) วิชาการต่อสู้: วิชาหมัดและมนตราแบบเดียวกับ
เจนัส และ ลากูน่าซึ่งเรียนสมัยเป็น12 เทพขุนศึก และยังมีท่าเคียววายุ คาไมทาจิ เป็นท่าประจำตัว
 ความถนัดส่วนตัว : ทำอาหารเก่ง   


“ ก็ประมาณนั้นล่ะนะ ”
ริคุกล่าวจบ กลีบดอกซากุระรอบๆก็สลายไปพร้อมกับหมอกที่ วนไปรอบๆสภาพรอบด้านของพวกเขาจึงเปิดออก

“ นั่นมัน…. ”
นีน่า เปรยขึ้น พร้อมกับชี้นิ้วไปยัง ฟากของเขตป่าฟูดินัน ทำให้ทั้งหนุ่มครึ่งสมิงทั้งสองหันตามไปมอง
ภาพตรงหน้านั้นคือ ดวงจันทรา สีเลือดลอยเคว้งเหนือผืนป่าใกล้กับ ทะเลสาบ นีรันด้า

“ จันทราสีเลือด ลากูน่ากำลังสู้อยู่เหรอ แต่กับอะไรล่ะ ”
ริคุกล่าว หลังจากพิเคราะห์ ว่าสาเหตุใดที่ทำให้ ลากูน่าซึ่ง มีฝีมือระดับแม่ทัพนั้นต้องเพลี่ยงพล้ำถึงขนาดใช้
พลังของศิลาจันทรา ที่ ปิดผนึกไปหลังจบสงครามเมื่อ 6 ปีที่แล้ว

อยู่ๆก็มีเสียงโลหะดังกระทบกัน ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จากทางด้านหลัง ทันทีที่พวกเขาหันกลับไป
 หมาป่าตัวสีขาวปลอด(Hoary Wolf)ผิวเป็นโลหะ กับ ตัวด้วงสีดำที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ซึ่งคล้ายกับ
ตัวด้วงออบซิเดียน(Obsidian Beetle)
กำลังขึ้นเนินตรงมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็วทั้งสองตัวมีขนาดที่เล็กเท่าฝ่ามือ ที่ปากของหมาป่าโลหะและเขาของตัวด้วง ได้แบกเอาเข็มขัดซึ่งประกอบกลไกต่างๆไว้กับสายเข็มขัด






“ ออบซิเดียแอคเตอร์(Obsidian Actor) ”
“ ฮอลี่แอคเตอร์(Hoary Actor) ด้วยแต่ทำไมกัน…. ”
ริคุ เปรยขึ้นด้วยความตกตะลึง ก่อนที่ เจนัส จะเอ่ยต่อท้ายทันทีที่เห็นจักรกลทั้งสองนั้น

“ แต่แอคเตอร์ทั้งสองตัวนั่น ทิโมธี (Timothy, the Inventor of Felasia) ปิดระบบของมันแล้วนี่ ”
นีน่า กล่าวขณะที่แอคเตอร์ทั้งสองซึ่งเคยถูกใช้โดย เจนัส กับ ริคุเมื่อ 6 ปี ก่อนซึ่งน่าจะถูกปิดการทำงานไปแล้ว
ได้มาปรากฏต่อหน้า



“ เปล่าหรอก..ทิโมธี ไม่ได้ปิดมันแต่ปล่อยให้พวกมันเป็นอิสระส่วนเข็มขัดที่เป็น แอคเซสเซอรี่(Accessories)
น่ะ ทิโมธี เป็นคนเก็บมันไว้ ”
เจนัส อธิบายก่อนที่ ฮอลี่แอคเตอร์ ซึ่งมีรูปร่างเป็นหมาป่าจะ เอาเข็มขัดส่งให้เขา
เจนัส รับมันมา ก่อนจะลูบหัวมันซึ่งมันก็ตอบสนองราวกับสิ่งมีชีวิต

Quote
แอคเซสเซอรี่(Accessories) คืออุปกรณ์สำหรับประกอบชุดเกราะเสริมพลังกายพื้นฐาน ให้แก่ผู้สวมใส่
ซึ่งใครจะสวมก็ไม่สำคัญสามารถเรียกใช้ระบบนี้ๆได้ทั้งหมด แต่สำหรับ Giga Mode นั้นเป็นระบบสำหรับเชื่อมต่อกับแอคเตอร์ มีเพียงผู้ที่ได้รับเลือกจาก แอคเตอร์เท่านั้นจึงจะสามารถเชื่อมต่อระบบกับ ตัวแอคเตอร์เพื่อ ดึงพลังออกมาได้หากเปลี่ยนมาใช้โหมดนี้ ชุดเกราะที่เปลี่ยนไปจากเดิมนั้นก็จะเป็นแค่ชุดเกราะเปล่าๆที่ไม่มีคุณสมบัติในการสะสมพลังงาน สำหรับระบบปลดพลังนั้นเป็นของเดิมที่ แอคเซสเซอรี่ นี้มีอยู่แล้วโดยตอนที่อยู่ Normal Modeนั้นจะทำการ
สะสมพลังงานเอาไว้ และเมื่อทำการ Push Off ชุดเกราะจะ ระเบิดกระจายตัวออกจากร่าง และปลดปล่อยพลังที่สะสมมาทั้งหมด ซึ่งในภาคที่แล้วตอนแรกที่ ริคุ ปรากฏตัวเขาได้ใช้คุณสมบัตินี้ ก่อนที่จะได้รับ แอคเตอร์ มาจาก ทิโมธี 

“ แล้วทำไมพวกมันถึงมานี่ล่ะ แถมยังแบกเอา แอคเซสเซอรี่ มาด้วย แสดงว่า ทิโมธี จะต้องมีเหตุผลบางอย่างถึงได้
ส่งมันให้แอคเตอร์เอามาให้เรา ”
ริคุ กล่าวขณะที่ รับเอาเข็มขัดมาจาก ออบซิเดียนแอคเตอร์ ที่มีลักษณะเป็นตัวด้วง ก่อนที่มันจะบินไปเกาะที่ไหล่ของเขา

“ นี่..หรือว่า ”
เจนัส เปรยก่อนจะหันไปทาง ทิศที่ดวงจันทรา สีเลือดปรากฏ ตอนนี้มันได้หายไปแล้ว
ซึ่งนั่นหมายความว่าผู้ใช้ได้สูญเสียการควบคุมพลังของศิลาจันทราไปหรือไม่ก็หยุดใช้พลัง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดแต่ ใจของเขาตอนนี้ก็ไม่อาจอยู่เฉยได้อีกแล้ว

ซึ่งเช่นกันแอคเตอร์ทั้งสองต่างแสดงกิริยาแปลกๆ ฮอลี่แอคเตอร์ งับแขนเสื้อของเจนัสพร้อมกับดึงดัน
จะให้เขาไปยังทิศที่เกิดเรื่องขึ้น เช่นกัน ออบซิเดียนแอคเตอร์ เองก็บินชนหลังของ ริคุ เป็นเชิงผลักให้
เขาไปตามนั้น


“ เรารีบไปตามที่เจ้าพวกนี้บอกกันเถอะเพราะชั้นรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีเลย ”
เจนัสกล่าวจบก็ออกวิ่งนำไปโดยไม่รอ แต่ริคุ กับ นีน่า ก็วิ่งไล่หลังมาเรื่อยๆ

“ รอพี่ก่อนนะลากูน่า ”
เจนัสคิดขณะที่ พวกเขาทั้งหมดตรงไปยังทะเลสาบนีรันด้า


……………
……………………
……………………


“ อ็อค…. ”
ลากูน่า สำลักพร้อมกับเอามือกุมท้อง ด้วยความจุก หลังจากที่ถูก กราเวลลาแลนทิส
กระแทกเข้าใส่อย่างจัง จนล้มพับซึ่งมันยังคงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอยู่และพุ่งชน
ใส่ไปมาจน เขาไม่อาจลุกขึ้นมายืนได้  แต่นั่นพึ่งเริ่มต้น เพราะตอนนี้ ทั่วทั้งร่างของเขา

เต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ซึ่งมาพร้อมกับน้ำหนักที่ค้ำร่างของเขา เอาไว้จนลุกไม่ขึ้น
ปากแผลค่อยๆแข็งเป็นหิน และลามไปเรื่อยจนในที่สุดเขาก็ไม่มีแรงจะลุก
แม้ร่างกายจะไม่กลายเป็นหิน แต่เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกำลังจับตัวแข็งไปเรื่อยๆ
ลมหายค่อยแผ่วเบาลง ภาพตรงหน้าพร่ามัวไปหมด ก่อนจะมืดสนิท

« Last Edit: August 31, 2008, 06:33:31 PM by cocka-c » Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #5 on: August 31, 2008, 06:31:30 PM »

“ นี่ อย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะ ชั้นจะช่วยรักษาเดี๋ยวนี้ล่ะ ”
เทีย กล่าวพร้อมกับลากร่างซึ่งหมดสติของ ลากูน่า ออกห่างจาก แลนทิส ซึ่ง ลอว์เรนซ์ได้เข้าไปรับมือแทน แต่ก็เจอสภาพเดียวกันนั่นคือไม่อาจ ตามความเร็วของมันได้ทัน
 
ขณะเดียวกัน เทีย ก็ได้เปิดกระเป๋านักเรียนซึ่งยังสะพายติดตัวมาด้วยโดยวางกล่องเหล็กที่เก็บรักษา มาสเตอร์แอคเตอร์เอาไว้ข้างๆ  พร้อมกับล้วงหาบางสิ่งในกระเป๋า
ก่อนจะหยิบเอากล่อง สีขาวซึ่งมีกากบาทเป็นรูปเครื่องหมายบวกขึ้นมาจากกระเป๋า และเปิดมันขึ้น
ภายในเต็มไปด้วย ห่อถุงและซองกระดาษมากมายซึ่งบรรจุ สมุนไพร น้ำยาและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอย่าง

ครบถ้วน  เธอหยิบเอา กระบอกฉีดและห่อกระดาษกับขวดน้ำยา ขึ้นมาอย่างชิ้น ก่อนจะ แกะห่อกระดาษ
ซึ่งภายมีกล่อง ใส่เข็มกับ พลาสเตอร์ และสำลี ต่างๆเธอหยิบเอาเข็มกับสำลีขึ้นมา ก่อนจะประกอบเข็นเข้ากับกระบอกฉีด ขนาดเล็ก และนำมันไปสูบยาออกจากขวดน้ำยา   

“ ทนหน่อยนะ นี่เป็นยารักษาที่ฉันเตรียมไว้สำหรับทำแผลให้พี่ แต่ก็แทบจะไม่ได้ใช้เลย
กว่าจะเตรียมเสร็จก็ต้องใช้เวลาหน่อยล่ะ ”
เทียกล่าวขณะที่ บรรจุยาเข้าไปในกระบอกฉีดจนเต็ม เธอ ยกแขนของลากูน่า ซึ่งหมดสติ
อยู่ขึ้นมา และเสียบเข็มทะลุลงไป ยังแขนของเขา ก่อนจะกดหัวสูบกระบอกฉีด

เพื่ออัดยา ลงไปในกระแสเลือด จนเมื่อหัวสูบกดจนหมดกระบอก เธอถอนเข็มออกมา
และปลดหัวเข็มทิ้งไป ก่อนจะ เอาสำลีมากดปากแผลที่แทงลงไปไว้เพื่อห้ามไม่ให้ยาไหลกลับออกมา

ไม่นานนัก เลือดที่ปากแผลก็ ละลายกลับเป็นเลือดตามเดิม น้ำหนักของร่างกายเริ่มกลับมาเป็นปกติ
เลือดเริ่มไหลเวียนอีกครั้ง ทำให้ลากูน่าค่อยๆได้สติ เทียถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ก่อนจะเริ่มเก็บอุปกรณ์ทั้งหมด ทันทีที่เก็บเสร็จ
ร่างของ ลอว์เรนซ์ที่ ต้านแลนทิสเอาไว้ก็กระเด็นมากระแทกเธอจนล้มลงไปทั้งคู่
ร่างของลอว์เรนซ์ ไม่มีรอยขีดข่วนจากการถูกกัดแต่ก็ยังคงมีรอยช้ำจากการถูก
กระแทก ส่วนช้อนที่อยู่ในมือนั้น ได้หักงอจนเสียรูป


“ ถึงจะเก่งแค่ไหนก็เถอะแต่ถ้าไม่แปลงเป็น ผู้พิทักษ์ ก็สู้กับแลนทิสที่ Time Walk ไม่ได้แน่ ”
เทีย คิดขณะที่ยันตัวลุกขึ้น พร้อมกับลอว์เรนซ์ ทว่าคมเขี้ยวของแลนทิส
ก็ได้คืบคลานเข้ามาหาพวกเขา

“ Kamaitachi ”(เคียววายุ)
สิ้นเสียง คลื่น สุญญากาศ ก็ตวัดเข้าใส่หัวของมันจน นอของมันหักกุด
พวกเขาทั้งสามหันไปยังที่มาของเสียง ทันที ก็ได้พบกับ ริคุซึ่งเป็นสร้างคลื่นสุญญากาศ
มานั่นเอง

ส่วนเจ้าแลนทิสนั้น ทันทีที่มันจะแว้งกัดใส่ ก็ถูกลูกเตะของเจนัส ฟาดจนหน้าหัน
แต่เจนัสเองกลับ ต้องเอามือหน้าแข้งด้วยความเจ็บจนชาจากการเตะเข้าใส่ร่างซึ่งแข็งราวกับหินของมัน


“ อูยยย….เจ้านี่มันตัวอะไรกัน ”
เจนัส ครวญขณะที่เอามือประคบหน้าแข้ง ของเขา เจ้าแลนทิส สะบัดหน้าด้วยความมึนก่อนจะ พุ่งตัว
ออกไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

“ Time Walk ได้อีกดูท่าจะไม่ใช่สัตว์ประหลาดธรรมดาๆ ซะแล้วสิ ”
ริคุ กล่าวขณะที่พยายามจะมองตามแต่ก็ไม่ทัน

“ งั้นจะมามัวรออยู่ทำไมเล่าพวกนายสองคนก็ รีบๆแปลงร่างออกไปลุยได้แล้ว ”
นีน่ากล่าวจบก็ผลักให้ เจนัสกับริคุ ออกไปข้างหน้า กราเวลลาแลนทิส ที่เห็นทั้งสอง
คนเดินออกมานั้น ด้วยสัญชาติญาณ มันจึงพุ่งใส่พวกเขาทันที
ซึ่งทั้งสองก็ถูกมันชนกลิ้งไปกันคนละทางแต่พวกเขาก็พลิกตัวขึ้นยืนทันที ก่อนจะดันสลักที่ข้างเข็มขัดไปด้านหน้า

“ Push On ”
เสียงทุ้มต่ำยานคางดังขึ้นจากเข็ดขัดก่อนที่
ชิ้นส่วนชุดเกราะ จะปรากฏขึ้นกลางอากาศ และประกอบเข้ากับร่างของทั้งสอง



เจ้าแลนทิสหยุดมองด้วยความสนใจเพียงชั่วครู่ก่อนที่ จะออกพุ่งต่อซึ่งทั้งสองคนก็ดันสลักกลับมาเล็กน้อย

“ Stan By ”
เสียงดังขึ้นจากเข็มขัดอีกครั้งก่อนที่ ไอน้ำสีขาวจะพุ่งโชยออกมาตามรอยต่อของชุดเกราะ
พร้อมกับที่ชิ้นส่วนชุดเกราะ แยกตัวออกจากกัน จนดูราวกับร่างของพวกเขาพองโตขึ้น
 ทั้งสองดันสลักต่อ จนสุด

“ Push Off”
สิ้นเสียงจากเข็มขัด ชุดเกราะก็ระเบิด ตัวออก ชิ้นส่วนที่กระจายออกไปนั้นกระแทกเข้ากับร่างของ
แลนทิสที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ในสายตาของมันนั้น ชิ้นสว่นพวกนี้ แค่ลอยเอื่อยๆ
ออกมาเท่านั้น แต่จำนวนก็มากเกินไป จนต้องอ้อมหลบไป ก่อนจะชนพวกเขากลิ้งไปอีกครั้ง

“ ชิ …สงสัยจะเล่นด้วยไม่ได้ซะแล้ว ”
เจนัส สบถขณะที่ยันตัวลุกขึ้น

“ ขนาดเพิ่มพลังจาก Normal Mode แล้วยังตามไม่ทันเลยดูท่าจะไม่มีทางเลือกจริงๆนั่นล่ะ ”
 ริคุกล่าวจบ ออบซิเดียแอคเตอร์ กับ ฮอลี่แอคเตอร์ ก็กระโดด กระโดดเข้ามาที่มือของพวกเขา
ก่อนที่พวกเขาจะบิดสลักขึ้นแทนการดัน

“ Exchange Giga Mode ”
สิ้นเสียง ชิ้นส่วนเกราะก็ปรากฏขึ้นในอากาศอีกครั้งและประกอบเข้าสู่ร่างแต่ชุดเกราะได้เปลี่ยนรูป
ไปเป็นอีกแบบแทน และทันทีที่กดสวิตซ์ ตรงส่วนลำตัวของแอคเตอร์
 พวกมันก็แตกสลายเป็นชิ้นและรวมตัว เข้ากับชุดเกราะ

“ Set Up ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ชุดเกราะของพวกเขาเปลี่ยนรูปไปอีกครั้ง
โดยที่ชุดเกราะของ เจนัส เปลี่ยนรูปไปคล้าย หมาป่า ที่เกราะแขนนั้น มีสนับเหล็กซึ่งเปิดอ้าเอาไว้
พร้อมจะดึงลงมาประกบเข้ากับหมัดเพื่อใช้งานส่วน ริคุนั้นชุดเกราะเปลี่ยนรูปไปคล้ายด้วง
โดยที่เกราะแขนนั้น มีใบดาบยื่นออกมาทั้งสองข้าง และที่เกราหัวมีเขาสามเขา

“ Change Hoary From ”



“ Change Obsidian From ”



เสียงดังขึ้น จากตัวชุดเกราะ ทันทีที่แลนทิสเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
พวกเขาทั้งสองก็กดปุ่มที่ กลไก แถวหน้าอก



“ Time Walk ”
สิ้นเสียง พวกเขาทั้งสองก็ได้เข้าสู่ห้วงเวลากันกับ แลนทิส

“ แอคเตอร์ ฮอลี่กับออบซิเดียน แต่ว่าของต้นแบบ ของยุคนี้น่ะ ระบบ Time Walk มันยังไม่สมบูรณ์นะ ”
เทีย กล่าวแม้จะยังตกใจอยู่บ้างที่ เจนัส กับริคุ คือผู้ถือครอง แอคเตอร์ต้นแบบที่จะถูกใช้
จำลองและพัฒนาในยุคของเธอซึ่งคำพูดของเธอ ก็เป็นจริงตามนั้น

เพราะแม้จะเห็นการเคลื่อนไหวของ แลนทิสแล้วแต่มันก็ยัง รวดเร็วจนยากจะตามทันอยู่ดี
อีกทั้งระบบต้นแบบนี้นั้น ยังไม่สมบูรณ์ทำให้ไม่สามารถใช้ได้นานนัก

ทั้งสองพยายามจะ โจมตีใส่แต่ ก็พลาดเสียทุกครั้งไป ได้แต่เป็นฝ่ายรับเพียงอย่างเดียว
ในขณะที่เวลาของการ Time Walk ที่ไม่สมบูรณ์นี้กำลังจะหมดไปและในที่สุด

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง พวกเขาก็กลับสู่ห้วงเวลาเดิม พร้อมกับที่ ชุดเกราะแตกสลายกลับไปเป็นแอคเตอร์
ดังเดิมทั้งสองทรุดตัวลงด้วยความเหนื่อยหอบ ขณะที่สถานการณ์กำลังเลวร้ายถึงที่สุด
ก็มีแลนทิสชนิดเดียวกัน เข้ามาร่วมอีกสามตัวรวมเป็นสี่

“ นี่มันไม่ได้มีตัวเดียวเหรอ ”
นีน่าอุทาน ในขณะที่สถานการณ์แย่ลงไปทุกขณะ

“ แค่ตัวเดียวก็เหลือร้ายแล้วนี่ยังมีเพิ่มมาอีกเป็นสี่ ไม่ไหวแน่ ”
ริคุ กล่าวขณะที่พยายามมองหาทางออกแต่ก็ไม่มีประโยชน์ พวกเขาถูกล้อมไว้หมดแล้ว

“  พวกมันคงตามกลิ่น พลังงานของแอคเตอร์ต้นแบบที่สองคนนั่นใช้แน่ๆ จะทำยังไงดีล่ะจริงสิ
มาสเตอร์แอคเตอร์นี่ล่ะ แต่ว่ามันยังไม่เคยทดลองใช้เลย แล้วพวกเขาจะมีคุณสมบัติตรงกับแอคเตอร์
รึเปล่าก็ไม่รู้ แต่ต้องลองกันหน่อยล่ะ ขอแค่ให้มีใครซักคนใช้มันได้ก็พอ ”

เทียคิดขณะที่คว้าเอากล่องเหล็กที่เธอหอบมันหนีมาจากอนาคต แต่ทว่ามันกลับถูกล็อคเอาไว้
ด้วย รู กุญแจรูปวงกลมเจ็ดวงเล็กเรียงกันเป็นวงใหญ่

“ แล้วจะเปิดมันยังไงล่ะเนี่ย ”
เทีย คิดขณะที่พยายามเขย่ากล่องอย่างร้อนรนเพราะเจนัสกับริคุ ก็เริ่มที่ทานเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

“ ขอร้องล่ะ ช่วยเปิดออกทีเถอะฉันไม่อยากให้พวกเขาต้องมาตายตรงนี้ ได้โปรดเปิดออกทีเถอะ ”
เทีย ภาวนาขณะที่ยังคงพยายามออกแรงแกะกล่องแต่ก็ไม่สำเร็จ
ขณะนั้นเอง แอคเตอร์ ทั้งสองที่ยังคงวนอยู่ใกล้ก็ได้เข้ามาหาเธอ พวกมันเข้าไปใกล้กล่องที่เธอถือไว้
แม้จะยัง งงๆ แต่เธอก็วางมันลงโดยหวังว่าแอคเตอร์ทั้งสองจะช่วยได้ทันทีที่ทั้ง

สองตัวสัมผัสถูกกล่องพวกมันก็ สลายกลายเป็นแสงและเข้าไปอุดในรูทั้งเจ็ด เสียงกริ๊กดังขึ้น
พร้อมกับฝากล่องเปิดอ้าออก สิ่งที่อยู่ข้างในกล่องเรืองแสง วาบตลอดเวลา
มันเป็นเหรียญซึ่งสลักตราต่างๆกันไว้ 5 เหรียญ ซึ่งวางไว้กับสมุดซึ่งเป็นเสมือนคู่มือการใช้
ทันทีที่เทียหยิบเอาสมุดออกมา เหรียญทั้งห้าก็เริ่ม มีปฏิกิริยา

ทันใดนั้นที่หลังฝ่ามือของ ลอว์เรนซ์ เจนัส ริคุ นีน่า และลากูน่าที่พึ่งได้สติ
ก็มี สัญลักษณ์เหมือนกับบนเหรียญปรากฏขึ้น เทีย รีบเปิดสมุดคู่มือทันที
ซึ่งภายในได้บันทึกเกี่ยวกับข้อมูลของแต่ละสัญลักษณ์เอาไว้

ตราแห่งอรุณ คือผู้พิทักษ์แห่งอนาคต ผู้ได้รับเลือกจาก เดรคแอคเตอร์ (Drake Actor)
ตราแห่งโลหิต คือผู้พิทักษ์แห่งการต่อสู้ ผู้ได้รับเลือกจาก เนลฟาแอคเตอร์ (Nelfa Actor)
ตราแห่ง วาโย คือผู้พิทักษ์แห่งอิสรภาพ ผู้ได้รับเลือกจาก ไนเซอร์แอคเตอร์ (Niser Actor)
ตราแห่ง บุปผา คือผู้พิทักษ์แห่งความสง่า ผู้ได้รับเลือกจาก ชูริกะแอคเตอร์ (Shuriga Actor)
ตราแห่ง หิมะ คือผู้พิทักษ์แห่งความบริสุทธิ์ ผู้ได้รับเลือกจาก ซาร์สแลซแอคเตอร์ (Sarslash Actor)

ในหน้าที่เธอเปิดดูได้บันทึกถึงภาพลักษณ์ของแอคเตอร์และชื่อที่ยิ่งอ่านก็ยิ่ง งง
ทว่านั้นยังไม่น่าดงดูใจได้เท่า กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเมื่อเหรียญทั้ง 5 ได้ลอยออกไปหาแต่ละคน
โดยที่ลอว์เรนซ์ได้ตราอรุณ เจนัสได้ตราโลหิต ริคุได้ตราวาโย นีน่าได้ตราบุปผา ลากูน่าได้ตราหิมะ

พวกเขารับมันมาพร้อมกับสีหน้าประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตน
เพียงไม่นานนักหลังจากที่เหรียญได้เลือกเจ้าของ มันก็ลอยขึ้นจากมือของพวกเขา
และกลายสภาพเป็น จักรกลมีชีวิตรูปร่างต่างๆ ไล่มาดังนี้

ตราแห่ง อรุณกลายเป็น มังกรสีแดง ปีกโปรงใสราวกับกระจก
ตราแห่งโลหิตกลายเป็น หมาป่าสีฟ้า ตาสีแดงและที่ขาทั้งสี่มี ชิ้นส่วนคล้ายปีกติดอยู่ทำให้ลอยตัวอยู่ได้
ตราแห่ง วาโยกลายเป็น ตักแตนตำข้าวสีเขียว และมีปีกโปรงใส่ กระพืออย่างรวดเร็ว
ตราแห่ง บุปผากลายเป็นผีเสื้อ ปีกของมันมีสีแวบวาบ 4 สีเปลี่ยนสลับกันไปเรื่อยๆ
ตราแห่ง หิมะกลายเป็น หมาป่าสีเงิน ตาสีฟ้า และมีปีกยื่นที่ขาออกมาแบบเดียวกับของเจนัส
ทั้งหมดบินวนฉวัดเฉวียนไปรอบๆพวกเขา

“ นี่น่ะเหรอ มาสเตอร์…แอคเตอร์ น่ะแถมยังมีผู้ถูกเลือกถึง ห้าคนครบหมดเลย ”
เทีย อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตาทั้งที่เธอขอแค่ให้มีคนใช้มาสเตอร์แอคเตอร์ ได้แค่เพียงคน
เดียวก็ยังดี กลับกลายเป็นว่า แอคเตอร์ของเธอได้เลือกพวกเขาทั้งหมด
ขณะเดียวกัน แลนทิสทั้ง 4 ตัวที่เริ่มจะไม่ไว้ใจกับสภาพการณืในตอนนี้ พวกมันจึงเริ่มขยับ
อีกครั้ง

“ ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ ”
ลากูน่า กล่าวขณะที่ลุกขึ้นไปสมทบกับเจนัส นีน่า และริคุ

“ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเวลาให้มาเข้าใจแล้วล่ะ ”
นีน่า กล่าวขณะที่เห็นพวกแลนทิส เริ่มขยับอีกครั้ง

“ งั้นจะมัวรออยู่ทำไมล่ะ ”
ริคุ กล่าวขณะที่แอคเตอร์ทั้ง ห้าเริ่มบินช้าลง

“ รีบจัดการให้มันจบไปเถอะ ”
เจนัสกล่าวจบพวกเขาก็คว้าแอคเตอร์ของตนเองมาไว้ในมือ ยกเว้นลอว์เรนซ์เท่านั้นที่ยังคง
ปล่อยให้แอคเตอร์ของเขาบินต่อไป

ทันทีที่ เจนัสคว้า แอคเตอร์ หมาป่าสีฟ้า มามันก็พับเก็บข้อต่อและเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปเป็น
อุปกรณ์ ซึ่งมี หัวของมันเป็นสลักดันขึ้นลงได้ และเพราะอะไรบางอย่างกระตุ้นให้เขา
นำมันเหน็บไว้กับเอว ก่อนที่จะดันหัวสลักลง

“ Exchange ”
เสียงก้องขึ้นจากตัวแอคเตอร์ก่อนที่จะเกิดบล็อกเรียงตัวขึ้นในอากาศล้อมร่างของเขาเอาไว้
จนกลายเป็นชุดเกราะ หนักเทอะทะประกอบติดกัน เกราะหัวเป็นทรงตั้งคล้ายหัวจรวด
และที่ไหล่ทั้งสองข้างติดปีกไอพ่นเอาไว้ จนดูราวกับว่า ชุดเกราะนี้เป็นมนุษย์จรวดลำหนึ่งเลยทีเดียว



ทันทีที่กราเวลลาแลนทิสตัวที่หนึ่งพุ่งเข้ามา เจนัสที่สวมชุดเกราะแล้วก็ออกไปรับหน้าทันที
เขายกแขนขวาซึ่งติดปืน เอาไว้กับเกราะขึ้นยิงสาดใส่จนมันกระเด็นออกไป ก่อนที่เขา
จะเอามือซ้าย ดันสลักที่ปืนให้เลื่อนมาด้านหลัง เกิดคลื่นไฟฟ้าวิ่งไปทั่วทั้งร่าง
พร้อมกับที่ชุดเกราะค่อยๆปลดตัวออกจากกัน และทันทีที่เขาดันสลักกลับที่

“ Cast Off ”
เสียงดังกังวานขึ้นก่อนที่ชุดเกราะจะระเบิดตัวออก จากร่างชิ้วส่วนของมันพุ่งเข้ากระแทกใส่ แลนทิส
จนต้องถอยร่น  ตอนนี้ชุดเกราะส่วนเกินที่ทำให้เทอะทะถูกปลดออกไปแล้ว เกราะหมวก
ทรงจรวดค่อยๆเลื่อนลงมา จนกลายเป็นหน้ากาก รูปร่างคล้ายหมาป่า เกราะปีกไอพ่น
ที่ถูกดีด ออกก็เผยอาวุธชิ้นที่อยู่ภายในออกมา ซึ่งเป็นพลองสั้นเหน็บเอาไว้ที่หัวไหล่ทั้งสองข้าง

“ Change Wolf ”
เสียงดังกังวาน ขึ้นทันทีที่เกราะหมวกโหลดตัวลงมาเป็นที่เรียบร้อย



“ ยังงี้นี่เอง นำเอา Push Off ของ Normal Mode มารวมกับระบบของแอคเตอร์ซึ่งควรจะอยู่ Giga Mode
ทำให้เกิดเป็นฟอร์มใหม่ที่ความสามรถในการสะสมพลังงาน และยังเปลี่ยนเป็นระบบแอคเตอร์ได้
โดยนำการ Push Off มาดัดแปลงเป็น Cast Off แทนทำให้ช่องว่างในการใช้งานหายไปแถมยังเพิ่มประสิทธิภาพเข้าไปอีกสมแล้วที่เป็นงานวิจัยของพ่อยอดเยี่ยมจริงๆ ”
เทีย คิดขณะที่มองดูความสามารถของ มาสเตอร์แอคเตอร์ ซึ่งกำลังถูกใช้โดยเจนัส
ในขณะที่คนอื่นๆก็เริ่มใช้มันบ้าง แอคเตอร์ของ พวกเขาเปลี่ยนรูปเป็นอุปกรณ์
แบบดันสลักทั้งหมด ก่อนที่จะนำมาเหน็บไว้ที่และดันสลักลง

“ Exchange ”
เสียงดังกังวานขึ้น พร้อมกับชุดเกราะที่ถูกประกอบเข้ากับร่างของพวกเขา
ชุดเกราะของริคุ มีลักษณะเทอะทะ โดยเฉพาะที่หัวไหล่และแขนจะมีโล่
ติดเอาไว้ ส่วนโล่ที่แขนนั้นจะติดกระบอกปืนเอาไว้



ของนีน่านั้นแม้จะไม่ได้เทอะทะมากนัก แต่ก็มีเกราะปีกและ กงจักรเหล็กลอยอยู่บริเวณ
หัวไหล่



และของลากูน่ามีลักษณะคล้ายหมาป่า เกราะแขนและขาจะใหญ่เป็นพิเศษ 



ทันทีที่พวกเขาสับสวิตซ์ ของแต่ละจุดของชุดเกราะ คลื่นไฟฟ้าก็ไหลเวียนไปทั่วร่าง
พร้อมกับที่ชุดเกราะปลดตัวออกจากกัน และทันทีที่สับสวิตซ์กลับ

“ Cast Off ”
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับชิ้นส่วนเกราะจำนวนมากพุ่งกระเด็นออกไป ราวกับพายุ

“ Change Mantis ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของริคุ ทันทีที่ใบดาบที่แขนกางออกเต็มใบ ร่างของชุดเกราะนั้นคล้าย
ตั๊กแตนตำข้าว



“ Change Butterfly ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของ นีน่า ทันทีที่ ปีกทั้งสี่ของเธอสยายออกครบ และกรงจักรหัวไหล่
แยกตัวออกเป็นกลีบดอกไม้ 4 ดอก 4 สีลอย อยู่รอบตัวเธอส่วนเกราะหมวกของเธอนั้น ส่วนที่ม้วนอยู่
ได้ยืดออกและบรรจบกันที่ปลายจนดูคล้ายวงแหวน ร่างของชุดเกราะเหมือนกับผีเสื้อ



“ Change Wolf ”
เสียงดังขึ้นจากตัวเกราะของลากูน่าทันทีที่ กรงเล็บทั้งสองข้างโหลดขึ้นมาด้านหน้าครบ
ที่เกราะขา สนับเข่ากับรองเท้านั้นถูกเชื่อกันไว้ด้วยแสงเลเซอร์ เพื่อเป็นอาวุธ



ทั้งหมดเกิดขึ้นโดยที่ ลอว์เรนซ์ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้แอคเตอร์ของตนบินอยู่อย่างนั้น

“ ทำไมเค้า ถึงไม่ยอมใช้ แอคเตอร์ นะ ”
เทียคิดขณะที่มอง ลอว์เรนซ์ด้วยความสงสัย

เจนัสเอื้อมมือไปคว้าเอา ทอนฟา(พลองสั้นที่มีด้ามจับใครเคยอ่านรีบอร์น ก็อันที่ฮิบาริใช้นั่นล่ะ)
ที่เหน็บไว้ที่หลัง ออกมาควงก่อนจะกระชับด้ามจับไว้แน่น พร้อมกับ ทุบสวิตซ์ ซึ่งติดไว้ที่กลไกตรงเอว

“ Time Walk ”
สิ้นเสียงทุกๆสิ่งรอบตัวของ เจนัส ก็เคลื่อนไหวช้าลงจนแทบหยุดนิ่ง เขาฟาด ทอนฟา ใส่ แลนทิสอย่างไม่ยั้งมือ
จนเมื่อมันคิดจะหนีไป เขาก็ยกแขนตั้งในแนวฉากกับลำตัว ก่อนจะกดสวิตซ์ ที่อยู่บนหัวด้ามจบของทอนฟา
ทันใดนั้นไอพ่นก็ถูกปล่อยออกมาจาก ปลายด้านยาวอยู่บริเวณข้อศอกของเขา ส่งผลให้ตัวของเขา
พุ่งไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว

จนเมื่อแซงมาอยู่ตรงหน้ามัน เขาก็กดสวิตซ์อีกครั้งไอพ่นหยุดลง ก่อนจะหมุนตัวซัดด้วยทอนฟาตามแรงเหวี่ยงจน
แลนทิสล้มพับลง

“ Time Walk ”
สิ้นเสียงสภาพรอบตัวของเขากับเจ้าแลนทิสก็กลับมาเคลื่อนไหวดังเดิม  ขณะที่เจ้าแลนทิส
ยันตัวขึ้น เจนัสก็เก็บทอนฟาไปไว้ที่หัวไหล่อีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมไป หมุนสวิตซ์ที่เอวซึ่งทุบลงไปก่อนหน้านี้
คลื่นไฟฟ้าไหลจากกรงเล็บที่เท้าข้างขวาขึ้นไปยังส่วนหัวก่อนจะไหลกลับลงมาอีกครั้ง

ทันทีที่เจ้าแลนทิสลุกขึ้นมา


“ Mega Kick ”
เสียงก้องขึ้นจากตัวชุดเกราะ พร้อมกับที่เจนัสตวัด กรงเล็บข้างที่ ชาจท์ ประจุเอาไว้ซัดเขาไปที่ต้นคอของมัน
เพียงพริบตาที่ กรงเล็บกระทบ ร่างของมันก็ระเบิด กระจุยกลายเป็นผงไปในทันที

“ Time Walk ” 
เสียงดังขึ้นพร้อมกับที่ ริคุพุ่งตัวผ่านเจนัสไปอย่างรวดเร็ว และเข้าชนกับอะไรบางอย่างที่พึ่งผ่านหน้าเขาไป

“ Time Walk ”
สิ้นเสียงร่างของทั้งสองก็ปรากฏ ริคุกำลัง ประชันกับแลนทิส อีกตัวอยู่ เขาตวัด ใบดาบที่
แขนทั้งสองข้าง ซึ่งร่างที่แข็งแกร่งของมันยังถูกดาบนั้นฟันจน  เกิดรอยแผลได้
แต่ก็ไม่มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลของมันแม้แต่น้อย มีเพียงรอยบากฝังลึกไว้เท่านั้น
ความเร็วปกติที่ ริคุมีอยู่ตอนนี้ทำให้แลนทิสไม่อาจทำอันตรายแก่เขาได้เลย

ทันทีที่ตวัดใบดาบทั้งสองข้างครบเขาก็หมุนตัวเตะด้วยหลังเท้า
จนมันกระเด็น ไปกระแทกต้นไม้ เสียจนหักโค่น ร่างของถูกทับด้วยลำต้นที่หักลงจนขยับไม่ได้
ริคุรีบเอื้อมมือไปกดสวิตซ์ที่หัวไหล่ขวาทันที คลื่นไฟฟ้าไหลจากส่วนหัวลงไปยังปลายเท้าทั้งสองข้าง
ก่อนที่กลไกคล้ายแท่นตั้งที่ส้นเท้าของเขาจะหุบเข้าไปในรองเท้า ทำให้เขางอเข่าลงมาตามแรง
กระทำ

“ Mega Jump ”
สิ้นเสียงจากชุดเกราะ แท่นที่หุบเข้าไปก็ดีดออกมาอย่างแรง พร้อมกับที่ริคุออกแรงกระโดดไปพร้อมกัน
ทำแรงส่งเมื่อรวมกันเขาจึงกระโดขึ้นไปสูง เหนือยอดไม้ทั้งหมด
ทันทีที่ขึ้นมาสูงที่สุด เขาก็กดสวิตซ์อีกครั้ง คลื่นไฟฟ้าที่คาอยู่ที่ปลาบเท้าทั้งสอง
ได้ไหลเวียนไปยังใบดาบทั้งสองข้าง ริคุ กางแขนออกเพื่อที่เงื้อให้ใบดาบฟันได้ ก่อนจะพุ่งตรงลงไปยังร่างของเจ้าแลนทิสที่ถูกซากต้นไม้ทับอยู่

“ Mega Slash ”
เสียงก้องกังวานดังขึ้นจากชุดเกราะพร้อมกับที่ ริคุตวัดดาบ ทั้งสองข้าง ผ่าซากต้นไม้ไปพร้อมๆกับแลนทิส
คลื่นไฟฟ้าได้ไปค้างอยู่ที่ร่างของมันก่อนจะระเบิดเป็นจุลไป


“ ลากูน่าล่อตัวนั้นมาทางนี้ ที ”
นีน่ากล่าวขณะที่ ดอกไม้โลหะซึ่งประด้วยใบโลหะดอกละ 4 กลีบ วนไปเรียงตัว
กันเป็นโค้งเหนือร่างของเธอ ทันทีที่ลากูน่าไล่ต้อนแลนทิสที่เขาสู้ด้วยโดยการใช้กรงเล็บที่
แขนทั้งสองข้าง ลากมันเหวี่ยงไปชนเข้ากับแลนทิสที่ นีน่าสู้ด้วย  เธอจึงสะบัดมือ ออกไป

กลีบดอกที่เรียงตัวพัดเป็นกรงจักร ดอกไม้ สองดอกก็พุ่งออกไปจาก สี่ดอกที่มีอยู่
เข้ากงจักรดอกไม้ พัดฟันจนร่างของแลนทิสทั้งสอง ขยับหนีไปไหนไม่ได้ ครั้นเมื่อสองดอกแรกหมุนกลับมา
อีกสองดอกที่เหลือก็ พุ่งออกไปแทน

“ ตอนนี้เลยลากูน่า ”
นีน่ากล่าวจบ ลากูน่าก็หมุนสวิตซ์ตรงเอวซึ่งเป็นแบบเดียวกับเจนัส คลื่นไฟฟ้าไหลจากรกงเล็บทั้งสอง
ไปยังส่วนหัวก่อนจะไหลวกกลับไปยังกรงเล็บทั้งสองอีกครั้ง

“ Mega Slash ”
สิ้นเสียง ลากูน่าก็พุงเข้ากระชากแลนทิสออกมาจากวงตัวหนึ่ง และฟันใส่ด้วยกรงเล็บโดยไม่ยั้งมือ
ในขณะที่สวิตซ์ที่เอวเริ่มหมุนกลับไปเรื่อยๆจนเมื่อกลับมาที่จุดเดิม คลื่นไฟฟฟ้าก็แผ่ไปทั่วร่าง
ของเขาก่อนจะไหลไปรวมกันที่ หน้าแข้งทั้งสองข้าง

“ Mega Twin Kick ”
ลากูน่า หยุดการฟันด้วยกรงเล็บทันทีร่างของมันจึงร่วงหล่นลงมา แต่ยังไม่ทันที่จะถึงพื้นลากูน่าก็ตวัดขาซึ่งมีเลเซอร์เชื่อมอยู่ระหว่างสนับเข่ากับกรงเล็บ

ทันทีที่เตะเข้าไปคลื่นไฟฟ้าที่ค้างอยู่ที่หน้าแข้งก็ ถูกถ่ายไปยังร่างของแลนทิส และทันทีที่
ลากูน่าหมุนตัวไปตามแรงเหวี่ยงขาอีกขาก็ถูกตวัดขึ้นตามมา ทันทีที่ขาของลากูน่าผ่านร่างของมัน
ประจุไฟฟ้าที่เหลือถ่ายเข้าไปในร่างของมันจนเต็มก่อนจะระเบิดออก

“ Mega Shooting ”
สิ้นเสียง จักรดอกไม้ทั้งสี่ ก็ลอยมาซ้อนตัวกัน ที่มือซึ่งประสานกันไว้ของนีน่า
คลื่นไฟฟ้าไหลจากส่วนหัวลงมายังฝ่ามือทั้งสองที่ประสานกันอยู่ก่อนจะส่งถ่ายผ่าน
จักรดอกไม้ ที่ซ้อนกัน หลังจากที่ประจุทั้งหมดไปคาอยู่ที่จักรดอกไม้

แลนทิสตัวสุดท้ายที่ พยายามจะลุกหนีหลังจากที่จักรดอกๆไม้ทั้งหมด
ถูกเรียก กลับไปแต่ก็ไม่ทันซะแล้วเพราะคลื่นพลังงาน ที่หมุนตัวออกมาราวกับพายุ
โดยอาศัยจักรดอกไม้ที่ซ้อนตัวกันแทนลำกล้อง ได้เป่าร่างของมันเป็นจุลไปเรียบร้อยแล้ว


บัดนี้พวกเขาสามารถจัดการกับแลนทิสที่บุกมาลงได้ทั้งหมด แล้วพวกเขาทั้งสี่ ปลดสวิตซ์ใช้งานซึ่งติดตั้งอยู่
ออกเกราะทั้งร่างก็สลายตัวกลับไปรวมที่สวิตซ์ก่อนจะเปลี่ยนรูปกลับเป็น แอคเตอร์และบินหายไปพร้อมๆ
กับแอคเตอร์รูปร่างมังกรที่ลอว์เรนซ์ยังไม่ได้ใช้

“ ทำไมถึงไม่ใช้ มาสเตอร์แอคเตอร์เดรค ล่ะคุณเองก็น่ารู้วิธีใช้อยู่แล้วนี่  ”
เทีย ถามขณะที่เดินเข้าไปหา ลอว์เรนซ์แต่เขาก็ไม่ได้ให้คำตอบแก่เธอ
กลับเดินหนีไปหา มังกรพาลานัลคาเลี่ยนที่ชื่อไลท์ ก่อนจะขึ้นไปขี่มัน

“ กลับกันเถอะไลท์ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบ ไลท์ก็กระพือปีกขึ้นบินพาเขาหนีหายไป โดยไม่เปิดดอกาสให้เธอได้
ถามอีกเลย

โปรดติดตามตอนต่อไป
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #6 on: September 01, 2008, 01:45:58 AM »

โอย สมแล้วที่เคยเป็นฝ่ายจัดหาภาพและตัดต่อประกอบ ภาพเยอะจริงๆโหลดเกือบชั่วโมงกว่าภาพจะครบ
ว่าแต่ สายหมอกซากุระของโครงเรื่องที่ชั้นแต่ง แกเอาสานต่อแค่เนี้ย ใช้เป็นโลเกชั่นสารภาพรักแถมไม่สำเร็จอีก

สรุปแล้วเจ้าเจนัสคงไม่มีวันสมหวังในรักเลยมั้งเนี่ย ภาคที่แล้วก็ไม่สำเร็จภาคนี้ก็หวืด
ว่าแต่Cast Off เนี่ยคงจะทำเสียงประกอบจริงๆด้วยนะ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #7 on: September 01, 2008, 02:02:23 AM »

โอยเจ้าเกรม่อย เลิกตามมาเผาซักทีจะได้มั้ย ยะ เรียนเสริมพื้นฐานวิศวะก็โดเดี๋ยวก็สอบไม่ติดเหมือนตอน ม.3 หรอก
ยุ่งจนเคยหยุดแต่งนิยายไปทีแล้วไม่ใช่เรอะยังไม่เข็ด เฮ้อ

โอ้ว่าแล้วคุณ boy ยังคงตามมาดูเจ็ ขอขอบคุณจากใจจริงเลยจ้ะ
ว่าแต่พอท้วงขึ้นมาก็ชักเอะใจ มันเหมือนโซนิกจริงๆด้วย เอในภาพนิมิตมันก็เห็นงี้นินา เอ้อพอดีเจ็แต่งตามที่เจ็ฝันน่ะ
เหอๆๆๆ
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #8 on: September 01, 2008, 09:42:54 PM »

สนุกดีครับ  ไว้จะติดตามต่อไปครับ
คำแนะนำเดิมครับ (ไม่มีอะไรมาก  )  เนื้อเรื่อง+การเดินเรื่องสนุกดีครับ
Logged


S u p e r ~ J u n i o r
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1167


Email
« Reply #9 on: September 04, 2008, 12:03:22 AM »

สนุกดีครับ

ชอบFic Text เยอะๆ อ่ะครับ
เนื้อเรื่องนี่ละเอียดได้ใจ

แต่ทำไมของเรา Text น้อยมากๆๆ
ปรับปรุงที่ Epi 2
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #10 on: September 04, 2008, 10:51:53 AM »

Quote
ชอบFic Text เยอะๆ อ่ะครับ
เนื้อเรื่องนี่ละเอียดได้ใจ

โฮะโฮะ.. ถ้าชอบtext เยอะนะจ้ะ เดี๋ยวtask ที่3-4 จะเยอะชนิดอ่านกันจนตาลายเลยล่ะจ้ะ

« Last Edit: September 04, 2008, 11:23:43 AM by cocka-c » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #11 on: September 04, 2008, 11:04:06 PM »

Quote
ชอบFic Text เยอะๆ อ่ะครับ
เนื้อเรื่องนี่ละเอียดได้ใจ

โฮะโฮะ.. ถ้าชอบtext เยอะนะจ้ะ เดี๋ยวtask ที่3-4 จะเยอะชนิดอ่านกันจนตาลายเลยล่ะจ้ะ


แต่ผมว่า อย่าดีกว่า  ไม่งั้นอ่านไม่ออกต้องจารึกทีละตัวเลยมั้ง  ยิ่งผมเป็นคนสายตาสั้นไม่น้อยเลยด้วย 
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #12 on: September 05, 2008, 01:19:04 AM »

Quote
ชอบFic Text เยอะๆ อ่ะครับ
เนื้อเรื่องนี่ละเอียดได้ใจ

โฮะโฮะ.. ถ้าชอบtext เยอะนะจ้ะ เดี๋ยวtask ที่3-4 จะเยอะชนิดอ่านกันจนตาลายเลยล่ะจ้ะ


แต่ผมว่า อย่าดีกว่า  ไม่งั้นอ่านไม่ออกต้องจารึกทีละตัวเลยมั้ง  ยิ่งผมเป็นคนสายตาสั้นไม่น้อยเลยด้วย 

ใช่ๆเห็นใจคนพิมพ์มั่งสิเว้.... ถึงคนคิดเนื้อเรื่องจะไม่ใช่ชั้น แต่คนที่ต้องลำบากลำบนพิมพ์น่ะมันชั้นนะเว้....

 

เอ้อเกือบลืม เรื่องเสียง sound Effect ที่จะเอามาประกอบน่ะหามาให้แล้วนะ ส่งไปที่เมลแล้วจะเอามาใช้ตอนสุดท้ายใช่มะ


อ่อข่าวดีเร็วๆนี้ legend of the thaliwilya อาจจะอัพตอนพิเศษเพิ่มคอยเช็คแท็ค
 ไว้นะครับ แต่ที่แน่ต้องมาหลังเรื่องนี้จบอ่ะนะ เพราะต้องพิมพ์ให้มัน ก่อนไม่มีเวลาพิมพ์ของตัวเองเหอๆ

« Last Edit: September 05, 2008, 01:47:01 AM by greamon » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #13 on: September 05, 2008, 09:57:41 AM »

ครับ 
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #14 on: September 07, 2008, 07:27:37 PM »

Task 3 เหตุผลของการต่อสู้


“ อะไรกัน ทำไมต้องหนีกันด้วยฉันแค่ถามว่าทำไมถึงไม่ยอมสู้ก็เท่านั้นเอง คนอะไรใจดำชะมัด ”
เทีย บ่นอุบอิบ ขณะที่เดินตามพวกเจนัสไปต้อยๆ

“ ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะเพียงแต่เค้ามีเหตุผลที่ไม่อยากจะสู้น่ะ ”
นีน่า หันมากล่าวด้วยน้ำเสียงสนิทสนม

“ นี่แล้วเธอน่ะจะเดินตามพวกเราไปถึงเมื่อไหร่ ”
ลากูน่าถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนักที่เธอยังคงเดินตามพวกเขามา ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน
เลย

“ นี่เธอไม่มีที่จะไปเลยเหรอ ”
ริคุถามซึ่งก็จริงอย่างว่าเธอไม่มีที่จะไป เพราะเธอไม่อาจกลับไปที่อนาคตได้ จึงต้องตามพวกเขามา
แต่เพื่อไม่ให้เสียหน้าเธอจึงแกล้งตีไปว่า

“ เปล่าซะหน่อยฉันก็แค่จะไปคุยกับตานั่นให้รู้เรื่องก็เท่านั้นเองและอีกอย่างตอนนี้พวก
เธอก็เป็นผู้ถูกเลือกจากแอคเตอร์แล้วจากนี้ไปพวแลนทิสที่ตามฉันมาจากอนาคตจะต้องบุกมาอีกแน่
ฉันต้องคอยดูแล และให้ข้อมมูลในการสู้แก่พวกเธออยู่แล้ว ”
เทียกล่าวเสียงแข็ง ซึ่งที่จริงทุกคนก็รู้แกวเธออยู่แล้ว แต่ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไป
จนเมื่อพวกเขามาหยุดตรงพุ่มไม้หนา

“ รหัสคราวนี้เปลี่ยนเป็นอะไรนะ ”
เจนัสหันไปถามริคุ ขณะที่แหวกพงไม้ออก สร้างความฉงนให้แก่ เทีย ไม่น้อย

“ สุริยันศักดิ์สิทธิ ”(Holy Sun)
สิ้นคำของริคุ ก็เกิดแสงวาบขึ้นจากพงไม้ มิติค่อยๆแหวกออก เป็นประตู เทียได้แต่ยืนจ้องตาไม่กระพริบ
กับเหตุการณ์ตรงหน้า



“ เอ้าเข้าไปกันได้แล้วเดี๋ยวจะมีคนมาเห็น ”
ลากูน่ากล่าวจบก็ประคองตัวเทียเข้าไปในประตูพร้อมกับทุกคนทันทีที่ ก้าวเข้าไปกันครบแล้ว
ประตูมิติก็ปิดลง ตอนนี้พวกเขาได้เข้ามาอยู่อีกด้านของประตูแล้ว

พวกเขายืนอยู่บน เนินเขาซึ่งเต็มไปด้วยหญ้าเขียวขจี และเมื่อมองตรงออกไป ท้องฟ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
เบื้องล่าง มีหมู่บ้านขึ้นอยู่ตามป่าเป็นหย่อมๆ สะพานข้ามแม่น้ำซึ่งไหลผ่านทุกหมู่บ้าน
บนท้องฟ้า มังกรนานาชนิด บินว่อนไปทั่ว นอกจากนี้ในไกลไปจากเขตของหมู่บ้าน
ยังมีหอคอย 5 หอคอยตั้งห่างกัน

“ นี่…นี่มันหรือว่าจะเป็นมิติมังกรที่เขาล่ำลือกัน ”
เทียเปรยเสียงตะกุกตะกักด้วยความตกตะลึง กับภาพตรงหน้า

“ รู้ดีเหมือนกันนี่ ใช่แล้วล่ะที่นี่คือมิติมังกรมิติที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่อยู่ของเหล่ามังกร
แบ่งการปกครองเป็น สองชั้นจากเดิมที่มีอยู่สี่ ตอนนี้เหลือแค่ชนชั้นสามัญกับมังกรสวรรค์แล้วล่ะ ”
ริคุ อธิบายขณะที่ชี้ให้เธอดูจุดต่างของมิติจากเนินที่พวกเขายืนอยู่ซึ่งมองได้เห็นแทบทั้งหมด

Quote
เขตการปกครองของมิติมังกรนั้นเดิมมี 4 เขตคือ มังกรสามัญ มังกรสวรรค์ มังกรบาป มังกรดำ
แต่ในภาคที่แล้ว ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นปัจจุบันจึงเหลือเพียง2 เขตการปกครองเท่านั้น

“ เห็นหอคอยทั้งห้านั่น ไหมนั่น น่ะ คือวิหารมังกรที่ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่ ตอนนี้ใช้เป็นประตู
ไปสู่เขตการปกครองของมังกรสวรรค์แทนแล้วล่ะ ”
ริคุอธิบาย ซึ่งเทียเองก็นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“ เรื่องชมวิวน่ะไว้ก่อนเถอะ รีบกลับไปที่บ้านได้แล้วมั้ง ”
เจนัส กล่าวจบพวกเขาก็เดินลงจากเนินตรงไปยังหมู่บ้าน

…………..
……………..
……………….

ครู่ต่อมา ในเขตตลาดของหมู่บ้าน

เทคโนโลยี กลไกที่ดูแปลกตาเพราะถูกคิดค้นโดยมังกรทำให้ เทียรู้สึกสนใจเป็นพิเศษ
เพราะเดิมทีเธอ สนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ในอดีตมากแม้จะเคยเห็นของพวกนี้จากในตำรามาแล้ว
แต่เมื่อได้มาพบมาสัมผัสจริงๆทำให้ใจของเธอเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ

จนเมื่อพวกเขาเดินมาหยุดที่หน้าประตูบ้านซึ่งตั้งอยู่ห่างจาก เขตหมู่บ้านไม่มากนัก
ทันทีที่เจนัสเปิดประตู ลูกมังกรพาลานัลคา สามตัวก็กระโดดพุ่งเข้าใส่เจนัสจนล้มนอนลงไป

“ กลับมาแล้วๆๆ ”
“ กีซซซซ ” (พี่เจนัสเล่าให้ฟังทีเกิดอะไรขึ้นบ้าง)
“ แปลงร่างให้ดูหน่อยสิ พี่เจนัส พี่นีน่า ก็ได้  ”
ลูกมังกรพาลานัลคาทั้งสามตัว ร้องกันระงม อย่างซุกซน

“  ก็าซซซซซ ” ( นี่นี่ อย่ากระโจนเข้าไปตะครุบตัวพี่ชายเขาอย่างนั้นสิ )
มังกรดำนอฟโฮทิออน (Novhothion, the Dark Dragon) ซึ่งสวมผ้ากันเปื้อนสีขาว เดินเข้ามาอุ้มตัว เด็กๆ
ออกจากร่างของเจนัส



“ เออนี่ไลท์เล่าให้ฉันฟังแล้วล่ะ พวกเธอแปลงร่างสู้กับสัตว์ประหลาดมา งั้นเหรอช่วยเล่าให้ฟังบ้างสิ ”
นอฟโฮทิออนกล่าวเสียงใส ซึ่งเทีย ที่มองดูการสนทนาของพวกเขา ด้วยความงุนงง

“ นี่มันอะไรเนี่ยคราวนี้เป็นมังกรดำพูดได้อีกสมเป็นมิติมังกรจริงๆ ”
เทีย เปรยด้วยความฉงน ขณะที่เดินเข้าไปในบ้านซึ่งมีขนาดใหญ่เกินกว่า จะเป็นบ้านของมนุษย์เสียด้วยซ้ำ
เครื่องเรือนภายในบ้านยังมีขนาดใหญ่ไปตามกัน แต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากจนเกินไป

“ เรย์ (Ray) ไชน์ (Shine) แฟลช (Flash) ได้เวลานอนกลางวันแล้ว ไปที่ห้องเร็ว ”  
พาลานัลคาเลี่ยน ที่ชื่อไลท์ซึ่งดูจะเป็นพี่ใหญ่ในบรรดาน้องๆมังกรขาวทั้งหลาย สั่ง
ซึ่งน้องทั้งสามต่างก็ตีหน้าบูดหน้าบึ้งด้วยความไม่พอใจ

“ ไม่เอานะจ้ะ ถ้าเป็นเด็กดื้อ อาจารย์ดีวายดราก้อน(Divine Dragon)จะโกรทเอานะ ”
นอฟโฮทิออน แกล้งขู่เด็กๆ ซึ่งทันทีที่เด็กๆได้ยินพวกเขาก็พากนวิ่งแจ้นเตลิดเข้าห้องนอนไปทันที



“ ขอบใจนะดาร์ค(Dark)ถ้าไม่ได้เธอช่วยล่ะก็ชั้นก็ไม่รู้จะคุมพวกน้องๆไหวรึเปล่าพ่อกับแม่ก็ออกไปข้างนอกกว่าจะกลับก็อีกสองสามวันล่ะ ”
ไลท์กล่าวขอบคุณ กับนอฟโฮทิออน ที่ช่วยพาน้องๆเข้านอน

“ ว่าแต่แล้วตานั่นอยู่ไหนล่ะ ”
เทีย ถามขึ้นขณะที่มองไปรอบๆเพื่อจะหาตัว ลอว์เรนซ์แต่ก็ไม่พบเขา

“ นี่เธออีกแล้วหรือ ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังของเธอ อย่างทันควันทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไป
ลอว์เรนซ์ กำลังยืนเท้าเอวตีหน้ามุ่ย ด้วยความไม่พอใจ ที่ได้พบเธออีกครั้ง

“ มาก็ดีแล้ว ฉันถามไปทำไมต้องหนีกันด้วย ตอบมา ซะว่าทำไมถึงไม่ยอมใช้ เดรคแอคเตอร์ ”
เทีย กล่าวน้ำเสียงฉุนเฉียว ทว่า ลอว์เรนซ์ ก็เมินหน้าหนีไม่ยอมตอบเช่นเคย

“ คุณคือผู้ได้รับเลือกจากมันแล้ว จากนี้ไปชะตาของคุณจะต้องต่อสู้กับ… ”
“ ชั้นไม่คิดจะกลับไปจับดาบอีกหรอกเธอไปหาคนอื่นเถอะ ”
เทีย กล่าวได้ไม่ทันจบ ลอว์เรนซ์ก็สวนขึ้นมาทันที ทำให้เธอนิ่งอึ้งไป ชั่วครู่
ก่อนที่เขาจะเดินหนีออกไปทางประตูหลัง โดยไม่หันกลับมาอีก


“ นี่กลับมาก่อน… ”
เทีย เรียกก่อนจะก้าวเท้าตามไปแต่ทว่า เจนัส ก็ปรามเธอไว้ ไม่ให้ตามไป

“ อย่ามาขวางนะฉันต้องคุยให้รู้เรื่อง ”
เทีย กล่าวทว่าทันที่เธอ ได้สบตากับสายตาอันเย็นชา ของเจนัส ที่พึ่งจะแสดงออกมาให้เห็น
ทำให้เธอ เงียบไปและพูดไม่ออก ด้วยสัญชาติญาณรับรู้ถึง จิตฆ่าฟันที่แรงกล้าแผ่ออกมา
จนราวกับถูกคมเขี้ยวของ หมาป่าขย้ำเข้าไปทั้งร่างแล้ว แม้จะยังไม่เกิดอะไรขึ้น ก็ตาม

“ เธอมีเหตุผลอะไรที่จำเป็นจะต้องให้เขาใช้ แอคเตอร์ รึเปล่า”
เจนัส กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นจับขั้วหัวใจ ชวนให้ ไลท์กับดาร์ค นิ่งไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว
เพราะท่าทางแบบนี้ เจนัสไม่ได้แสดงให้พวกเขาเห็นมาตั้งแต่หลังจบศึกเมื่อ 6 ปีก่อนแล้ว
ซึ่งแน่นอนว่า ขนาดผู้ที่เคยได้พบและสัมผัสมาแล้วยังอดหวั่นใจไม่ได้ กับ เทีย ที่พึ่งจะได้รู้สึกเป็นครั้งแรก
นั้นมันน่ากลัวเสียจนบรรยายไม่ถูก จนตอนนี้เธอเกร็งไปทั้งร่าง

“ เอาอีกแล้ว…นายนี่หัดยั้งมือกันบ้างไม่ได้รึไงน่ะเห็นไหมเธอกลัวจนตัวสั่นเป็น ลูกนกแล้ว ”
ริคุ กล่าวขณะที่เดินเข้ามาพาตัว เทีย ออกให้ห่างจากเจนัส ซึ่งทันทีที่เจนัสรู้สึกตัว
เขาก็รีบกลบเกลื่อนจิตสังหารเมื่อครู่ทันที

“ โทษทีลืมตัวไปหน่อย…เธอไม่เป็นไรนะ ”
เจนัสกล่าวขอโทษ ซึ่ง เทีย ที่พึ่งจะรู้สึกตัว หลังจากที่เหมือนกับตกอยู่ในภวังไปชั่วครู่
นีน่า เดินเข้ามาหาเธอโดยส่งยิ้ม อ่อนให้แก่เธอ เพื่อให้เธอเบาใจ และผ่อนคลายความตึงเครียดจากการ
ถูกจิตสังหารของ เจนัส กดดันไปเมื่อครู่

“ ที่ลอว์เรนซ์เขาไม่ยอมใช้แอคเตอร์น่ะ เพราะเขามีเรื่องฝังใจที่ทำให้เขาไม่อาจกลับไปจับอาวุธขึ้นสู้ได้อีกแล้ว
ดังนั้นการใช้แอคเตอร์ ก็เหมือนกับการที่ต้องจับดาบเพื่อต่อสู้นั่นเลยทำให้เขาไม่ยอมใช้มันยังไงล่ะ ”
นีน่าค่อยๆอธิบายให้ เทีย ฟังด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“ แล้วจะอีกอย่างตอนนี้พวกเราสี่คนก็ใช้แอคเตอร์ของเธอให้แล้ว ถ้ายังไงพอจะช่วยยกเว้นให้ ลอว์เรนซ์
ได้ไหมถือเป็นคำขอร้องจากพวกเรานะ ”
ริคุกล่าวซึ่ง เธอก็ยอมที่จะทำตามข้อเสนอ

“ ก็ได้แต่ว่าช่วยเล่าทีได้ไหม ว่าอะไรที่ทำให้เขาไม่ยอมจับดาบอีก ”
เทียถามด้วยความอยากรู้

“ เจ้านั่นเสียพี่ชายไปจากการต่อสู้ เมื่อ 6 ปีก่อน และพี่ชายของเจ้านั่นก็เป็นญาติคนสุดท้ายที่เหลืออยู่
กาเร็ท ซาราเบลด(Garet) ”
ลากูน่า ตอบข้อสงสัยของเธอทันควัน

 
Quote
กาเร็ท ซาราเบลด (Garet Salablade) อายุ 13 ปี (เสียชีวิตไปแล้ว) เผ่าพันธุ์:มนุษย์ เพศ:ชาย
ประวัติโดยรวม: ทายาทแห่งซาราเบลด ที่รอดจากการจลาจลตระกูลเมื่อ 14 ปีก่อน มีศักดิ์เป็นพี่ชายของลอว์เรนซ์ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ถูกเลือกจาก ดาบวิเศษ Miraiken (ดาบแห่งอนาคต) ซึ่งเป็นดาบผนึกของ
สุดยอดมังกร นิลทูเรี่ยน (Nilturien, the Giga Dragon)  ปัจจุบันดาบนี้ ได้ถูกเก็บรักษาไว้ที่
โรงเรียนมังกร(Dragon Academy)[สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ในบทที่ 28 ของภาคแรก] โดยเดิมทีดาบนี้เป็น
ดาบวิเศษที่ตระกูลรูลเวลล์ เป็นผู้ดูแลก่อนจะส่งมอบให้แก่ กาเร็ทในฐานะผู้ที่ถูกเลือก ซึ่งมาฮา พ่อของเจนัสเป็นผู้มอบให้  วิชาการต่อสู้ : ดาบเวทย์สายนักรบศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีปรากฏว่าฝึกหรือจบมาจากที่ไหน      



“ ส..เสียพี่ชายไปงั้นเหรอ..นั่นสินะถ้าเป็นฉันเองก็คงรู้สึกแบบ
เดียวกันเพราะถ้าฉันต้องเสียพี่ ฟอน ไปฉันเองก็…จริงสิ พี่ฟอน ”
เทีย คิดก่อนจะชะงักไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่า พี่ชายของเธอ ใช้แอคเตอร์ของตัวเองส่งเธอมายังโลกอดีต
เช่นนั้น พี่ชายและพ่อของเธอ ก็จะตกอยู่ในอันตรายโดยเฉพาะ พี่ชายของเธอฟอน ซึ่งไม่มีแอคเตอร์
ที่จะใช้สู้แล้ว

“ แต่เราจะกลับไปยังไงล่ะ การ ที่พี่ใช้ แอคเตอร์ ส่งเรามามันคือวิธีอะไรเรายังไม่รู้เลย
ไม่สิเราไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าแอคเตอร์มีระบบอะไรอื่นอีกบ้างนอกจากการต่อสู้…ถ้าไม่รีบกลับไปล่ะก็  ”
เทีย คิดด้วยความกังวลเสีย จนคิ้วพันกัน ทำให้ทุกคนที่อยู่ข้างๆ ฉงนไปตามๆกัน

…………….
…………………
………………….

ณ เนินบริเวณทางเข้ามิติ ชายซึ่งมีผมสีแดงที่ปลายเส้นผมบางเส้นนั้นมีรอยไหม้จางๆ กระทั่งเสื้อแจ็คเก็ต
สีฟ้าเขียว ของเขาเองก็มีรอยไหม้ไปทั่ว เขาฟุบสลบอยู่ โดยที่มือข้างขวายื่นออกไปนั้นเกาะหัวโลหะของหุ่นยนต์
ซึ่งมีหน้าตาคล้ายมนุษย์ ดวงตาของมันปิดสนิทเพราะระบบหยุดทำงานไปแล้ว
ขณะเดียวกัน มังกรหนุ่มสาว สี่ตัวซึ่งกำลังบินขึ้นเนินมา นั้นก็พบร่างของเขา ทั้งสี่ตัวนั้น
มีมังกรนิทินโคออน(Niltincoion, the Fire Dragon) เฟินกอลโลออน (Firngolloion, the Water Dragon)  
ดิมมินูวเลี่ยน(Dimminuialion, the Wind Dragon) และ นิลเฮอเรี่ยน (Nilhirion, the Earth Dragon)









“ ก็าซซซซ ”(นั่นมัน ทิโมธี นี่ )
นิทินโคออนคำราม ออกมาเมื่อเข้ามาใกล้และได้เห็นร่างของ ทิโมธี
ฟุบสลบอยู่โดยที่ทินทอน(Tinton, Timothy’s Aide)หุ่นกระป๋องคู่ใจอยู่ในสภาพ เหลือแต่หัวเท่านั้น



“ ก็าซซซซซ ”(แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน)
มังกรสาว ดิมมินูวเลี่ยน คำรามขณะที่ พยายามพลิกร่างของ ทิโมธี ขึ้น
ทันทีที่ร่างของ ทิโมธี พลิกหงายขึ้น ภาพตรงหน้าก็สร้างความตกตะลึง งึนงัน แก่ทั้งสี่
เมื่อแผลเหวอะ ขนาดใหญ่ซึ่งมี เมือกสีเขียวชวนสะอิดสะเอียนไหลย้อยออกมา และยังส่งกลิ่น
ที่ไม่น่าพิสมัย มาอีกจนพวกเขาต้องยกมือขึ้นปิดจมูกด้วยความรังเกียจ
  
“ ก็าซซซซซ ”(นี่มันอะไรเนี่ย ตายแล้วรึไงกันมันถึงได้เหม็นขนาดนี้)
เฟินกอลโลเนี่ยคำรามด้วยความแขยงก่อนจะ อ้าปากพ่นน้ำราดไปบนแผลของ ทิโมธี เพื่อชะล้าง
เมือกที่เกาะอยู่ออก

“ ก็าซซซซซซซซซซซซซซซ ”(ไม่หรอก ชีพจรยังเต้นอยู่จะยังไงก็ตามต้องพาเขาไปรักษาก่อน
ขืนทิ้งไว้นานเราได้ไปร่วมงานศพเขาแทนแน่ )
นิลเฮอเรี่ยน คำราม ก่อนที่พวกเขาทั้งสี่จะช่วยกันยกร่างไร้สติของทิโมธีขึ้น โดยที่หัวของทินทอนนั้น
นิทินโคออน ได้หิ้วตามมา

“ ก็าซซซซซ ” (ที่พักใกล้ที่สุดที่เราพอจะทำแผลให้เขาได้ตอนนี้ก็คงต้องไปที่บ้านอาจารย์ดีวายดราก้อนแล้วล่ะ)
นิลเฮอเรี่ยนคำรามอีกครั้งก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะตรงไปยัง บ้านที่พวก ลอว์เรนซ์ พักอาศัยอยู่

Quote
เกี่ยวกับ เหล่ามังกรทั้งหกธาตุนี้และ อาจารย์ดีวายดราก้อนนะครับ ในภาคที่แล้ว มังกรทั้งหกตัวนั้น
เป็นเพื่อร่วมชั้นเรียนของ ลอว์เรนซ์ ที่ร่วมเดินทางเพื่อกอบกู้หมู่บ้าน และช่วยทุกคนที่ถูก
จับตัวไปจากองค์กรโฮลี่ไนแมร์ ส่วนดีวายดราก้อนนั้น เป็นอาจารย์ สอนภาษามนุษย์ ที่โรงเรียนมังกร
14 ปีก่อนตอนที่เกิดการจลาจลตระกูลซาราเบลด ลอว์เรนซ์ ซึ่งยังเป็นทารกอยู่นั้น ได้เสียแม่ไป

จากการถูกไฟคลอกตาย ดีวายดราก้อนก็ได้มาพบเขาและเก็บเขามาเลี้ยง จากเหตุการณ์นี้ทำให้
เขาเป็นพ่อบุญธรรมของลอว์เรนซ์ ส่วนไลท์หรือ มังกรพลานัลคาเรี่ยน ในตอนนี้นั้นคือลูกแท้ๆของ ดีวายดราก้อน
ซึ่งเกิดหลังจากที่ลอว์เรนซ์ถูกเก็บมาไม่นานจึงเปรียบได้ว่า ลอว์เรนซ์ เป็นพี่บุญธรรมของเขา  
……………………….
………………………….
…………………………….

ก๊อกๆๆๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น อย่างต่อเนื่อง

“ ก็าซซซซซ ”(มาแล้วๆจะ เปิดเดี๋ยวนี้ล่ะ)
ไลท์ กล่าว ขณะที่เดินไปยังประตู ทันทีที่ประตูเปิดออก ภาพของผู้มาเยือนตรงหน้านั้น
ทำให้เขารู้สึกแปลกใจอย่างไม่คาดคิดมาก่อน

“ ไฟร์ อควา เอิธท์ วิล มีอะไรเหรอถึงได้มากันพร้อมหน้าเลยแล้วนั่น…. ”
ไลท์กล่าวทักทายเพื่อนมังกรทั้งสี่ อย่างสนิทสนม ก่อนจะชะงักไป เมื่อเห็นร่างของทิโมธีถูก
พวกเขาหอบมา


“ ก็าซซซซซซ ” (เราไปเจอเค้าที่เนินทางออกสู่โลกภายนอกน่ะ
ตอนนี้ต้องรีบทำแผลให้เขาไม่มีเวลาอธิบายแล้ว)
นิลเฮอเรี่ยน ที่ไลท์เรียกว่าเอิทธ์ กล่าวระสับระส่าย ซึ่งไลท์ก็รีบหลีกทางให้พวกเขาเข้าไปในบ้าน
ทันที ก่อนจะปิดประตูตามไป  เจนัส นีน่า ลากูน่า ริคุ และ เทียซึ่งยังอยู่ในบ้าน ก็ตรงเข้ามาดูด้วยความสนใจ
ก่อนจะต้องเปลี่ยนเป็นความตกตะลึง

“ น…...นี่ ศาสตราจารย์ทิโมธี ผู้ที่คิดค้นระบบแอคเตอร์ต้นแบบนี่นา แล้วทำไมเขาถึงได้ ”
เทียอุทานด้วยความไม่อยากเชื่อในสายตาเมื่อบัดนี้ ผู้ที่ไดให้กำเนิด ระบบแอคเตอร์
ต้นแบบที่ถูกนำไปใช้ในอนาคต จะมาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว  ขณะที่พวก เอิทธ์กำลังวางร่างของ
ทิโมธี ลงบน ฟูกที่ ดาร์ค พึ่งขนออกมาจากห้องนอนของพวกลูกมังกรพาลานัลคาที่นอนกัน
อยู่ ซึ่งแน่นอน ว่าเสียงเอะอะที่ดังขึ้นนั้น ได้ปลุกให้เด็กๆตื่น ออกมาดูด้วยความอยากรู้
ซึ่งก่อนที่จะวางร่างของ ทิโมธี นั้น ดิมมินูวเลี่ยน ที่ถูกเรียกว่าวิล ก็คว้าเอา
ผ้าปูโต๊ะซึ่งทำจากพลาสติก(เทคโนโลยีของมังกรสูงกว่ามนุษย์ในตอนนี้) ที่ คลุมโต๊ะ เล็กข้างๆมาปูทับฟูกอีกที
เพื่อไม่ให้เมือกที่แผลไหลเลอะฟูก  ส่วนหัวของทินทอนก็เอาไปวางไว้บนโต๊ะนั้นแทน

“ ทำไมเค้าถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ”
นีน่ากล่าว ขณะที่ตรวจสภาพบาดแผลของ ทิโมธี ซึ่งยังคงเน่าเฟะไปเรื่อย พร้อมกับ
หลั่งเมือกสีเขียวออกมาแทบจะตลอดจนเละไปทั้งแผล ริคุที่ไปหยิบเอากล่องเครื่องมือ
ปฐมพยาบาลที่ห้องครัว กลับมานั้น ก็ต้องวาง กล่องเครื่องมือลงเพราะ ไม่รู้จะรักษาอย่างไร

“ ไม่เคยเห็น อะไรแบบนี้มาก่อนเลยยังกับถูกพิษมายังไงยังงั้น ”
ริคุ เปรย ขณะเดียวกัน ลอว์เรนซ์ ก็โผล่เข้ามาร่วมวงด้วย

“ นี่เกิดอะไรขึ้นน่ะ ถึงได้เอะอะกันขนาดนี้ แล้วนี่ ทำไมมากันครบหมดเลยล่ะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวถามด้วยความสงสัยก่อนที่ สายตาจะไปสะดุดเข้ากับ ร่าง ทิโมธี
ที่นอนอยู่

“ นี่มันอะไรกัน ”
ลอว์เรนซ์ อุทาน ขึ้นด้วยความตะลึงเมื่อเห็นสภาพบาดแผลของทิโมธี

“ อาการไม่ค่อยจะดีซักเท่าไหร่ แผลเอาแต่เน่าเฟะและก็หลั่งเจ้าเมือกน่าขยะแขยงนี่ออกมาตลอดเลย ”
ริคุกล่าวขณะที่พยายามหาทางรักษา ในขณะที่ลอว์เรนซ์ รู้สึกเอะใจบางอย่างเกี่ยวกับอาการของแผลนั่น


Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #15 on: September 07, 2008, 07:27:52 PM »

“ บาดแผลมีอาการแปลกแบบที่ไม่เคยเห็นอีกแล้ว นี่ทันเหมือนกับที่
ลากูน่าโดนเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนั้นกัดแล้ว แผลกลายเป็นหินเลยนี่รึว่า… ”
ลอว์เรนซ์คิด ก่อนจะหันควับไปหา เทีย ที่กำลังนั่งพิจารณาบาดแผลของ ทิโมธี
ด้วยความ สนอกสนใจ

“ นี่เธอรู้ใช่ไหม วิธีรักษาน่ะเพราะแผลนี่มันออกอาการแปลกๆแบบ
ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเหมือนกับที่ลากูน่าโดนเลย ชั้นเห็นนะตอนที่เธอ รักษาให้ลากูน่าน่ะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบ ทุกคนก็มองมาหานางเป็นทางเดียวกัน

“ ถูกต้องนี่เป็นผลมาจากพิษของ แลนทิส ซึ่งก็คือสัตว์ประหลาดที่พวกเธอสู้ด้วยนั่นล่ะ ”
เทียกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะลุกไปคว้าเอา กระเป๋าของเธอที่วางพาดไว้ที่ขาโต๊ะซึ่งตั้งหัวทินทอนอยู่
และคว้าเอากล่องอุปกรณ์พยาบาลขึ้นมา

“ บอกทีเถอะเธอเป็นใครกันแน่และทำไมเจ้าพวก…แลนทิส เนี่ย ถึงได้ปรากฏตัวขึ้น
แล้วยังจะแอคเตอร์พวกนั้นอีก ”
เจนัสถามด้วยความสงสัย

“ ฉันจะเล่าให้ฟังก็ได้แต่ก่อนอื่นต้องทำแผลให้ เขาก่อน… ”
เทียกล่าว ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆ ฟูก และเปิดกล่อง ออกพร้อมกับคว้าเอา สำลีและขวดยาขึ้นมา
ก่อนจะดึง จุกขวดออกและอุดสำลีไว้ที่ปากอยู่ พร้อมกับเอนขวดให้น้ำยาไหลซึมเข้า

สำลี ก่อนจะดึงสำลีออกและปิดจุกขวดไว้ตามเดิม เธอเอาสำลีที่ชุบน้ำยาแล้ว
เช็ดเกลี่ยไปรอบๆแผล ก่อนจะเช็ดไล่เข้าไปจนทั่วทั้งแผลอย่างเบามือที่สุด

ซึ่งทันทีที่น้ำยาถูก เช็ดลงไปบนแผล ปากแผลก็หยุดเน่าลง และไม่หลั่งเมือกออกมาอีกแล้ว
หลังจากที่เช็ดจนแน่ใจแล้วว่าพิษถูกยาถอนแล้ว เทีย ก็เอาสำลีที่ใช้แล้วนั้น ใส่ลงไปใน

ถ้วยแก้วใสที่พึ่งจะหยิบขึ้นมาจากกล่องก่อน จะคว้าเอาขวดน้ำยาสีขาวในกล่องขึ้นมาอีกขวด
และเปิดจุก เทน้ำยากรอกลงไปในถ้วยจนสำลีจมอยู่ในถ้วย ก่อนจะเก็บขวดยาทั้งหมด
ลงกล่อง ก่อนจะหยิบเอาผ้าพันแผลสีขาวสะอาดขึ้นมามวนหนึ่ง

“ นี่สำลีนี่ฉันแช่ยาฆ่าเชื้อเอาไว้ รอจนกว่าเมือกเขียวๆนี่จะจางไป
หมดก่อนนะแล้วค่อยเอาไปทิ้งส่วนน้ำยาใน ถ้วยที่เหลือให้เอาไปเททิ้ง แล้วพอแผลแห้งก็เอา ผ้าพันแผลนี่พันซะ  ” 
 เทีย กล่าวจบก็ส่งผ้าพันแผลกับ ถ้วยที่แช่สำลีไว้ ให้ริคุ ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดลงกล่อง
และเอามันใส่กระเป๋าอีกครั้ง

“ เอาล่ะเริ่มจาก ฉันชื่อเทีย ไอน่าซัลเฟอร์ ครอบครัวของฉันทำการวิจัยระบบแอคเตอร์
อยู่และมาสเตอร์แอคเตอร์ ที่พวกคุณใช้ไปก็คือแอคเตอร์รูปแบบใหม่ที่มีพลังเหนือล้ำ
กว่าแอคเตอร์รุ่นต่อๆไปในอนาคต จากนี้อีก 3000 ปี ทำให้ รีกอล ซึ่งเป็นคนที่บงการ
แลนทิส พวกนี้บุกเข้ามาขโมย มาสเตอร์แอคเตอร์ แต่ฉันก็เอามันหนีมาจากอนาคต และดูเหมือนว่าแลนทิส
ที่บุกมาบางส่วน จะหลุดตามฉันมาที่นี่ด้วย พวกมันตามล่าแอคเตอร์โดย จับสัมผัสพลังงาน
ที่ปล่อยออกมาจากแอคเตอร์ ดังนั้นมันถึงได้ตามล่าฉันยังไงล่ะ  ”

เทียอธิบายถึง เรื่องราวของเธอทั้งหมดก่อนที่จะได้มาเจอกับพวกเขา

“ งั้นที่ ทิโมธี โดนทำร้ายนี่ก็คงเพราะว่า พวกมันอีกส่วน ได้ไปทำร้ายเขาที่มี
ฮอลี่กับออบซิเดียน แอคเตอร์ อยู่สินะ สุดท้ายก็เลยส่ง เข็มขัดมาให้พร้อมกับแอคเตอร์เพื่อ
ล่อให้พวกมันมาสู้กับเรา ”
ลากูน่า กล่าวน้ำเสียงเรียบ

“ ก็แล้วแต่จะคิดนะ.. ”
เทีย กล่าวหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อย
ดี ลอว์เรนซ์ ก็เดินหนีเธอ ออกไปทางประตูหลังอีกเช่นเคย ครั้งนี้
เทียเดินตามเขาออกไปทางประตูหลังได้สำเร็จโดยมี นีน่า เดินตามหลังเธอมา
 ทันทีที่ เทีย ออกไปทางประตูหลัง

สนามหญ้าหลังบ้านที่เต็มไปด้วยแปลงดอกไม้ และธารน้ำตกจำลองที่ตั้งติดกับผนังบ้าน
ซึ่งธารน้ำไหลทอดยาวผ่านแปลงทุกแปลง   บรรยากาศนี้ทำให้เธอรู้สึกถึงความหลัง
เก่าๆ ภาพ ความทรงจำที่ พ่อ พี่ชาย และแม่ของเธอก่อนที่จะหย่ากับพ่อของเธอนั้น
ได้นั่งชมสวนดอกไม้  ช่วงเวลาแห่งครอบครัวอันแสนสุขนั้น ทำให้เธอนิ่งไป


“ มีอะไรรึเปล่า เทีย ทำไมถึงหยุดเดินล่ะ ”
นีน่าถามด้วยความเป็นห่วง ทำให้เธอได้หลุดจากห้วงแห่งความนึกคิด

“ เปล่าค่ะ..ก็แค่ภาพตรงนี้มันทำให้ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศตอนที่ไปเที่ยวกับครอบครัวก็เท่านั้นเอง ”
เทีย เปรยเสียงเรียบ ขณะที่พยายามจะสลัดความทรงจำนั้นออกไป

“ คือช่วยเล่าให้ฟังทีได้ไหมค่ะ อดีตของเขากับพวสกคุณทุกคนน่ะ ”
เทีย กล่าวขอร้องขณะที่สายตานั้น ได้จับจ้องไปยัง ลอว์เรนซ์ที่ นอนเล่นอยู่
ใต้ต้นไม้

“ ได้สิแต่เรื่องมันยาวนะ ”
นีน่า กล่าวเสียงใสก่อนจะ เริ่มต้นเล่าทุกอย่างตั้งแต่วันแรกที่เธอได้พบกับ ลอว์เรนซ์
และเรื่องราวการ ผจญภัยต่างๆที่ผ่านมาให้ เทีย ฟังอย่างละเอียด

………………..
…………………
……………………
 
“ แย่แล้ว ที่ตลาด มีพวก แลนทิส บุกมาพวกมันมากันเป็นสิบเลย  ”
ริคุ ตะโกนดังลั่น ขณะที่วิ่งเข้ามาตามนีน่า และเทีย ที่อยู่หลังบ้าน
เนื้อความนั้นทำให้ ทุกคนตื่นตัวกันทันที

“ นี่รึว่ามันยกกันมาหมดเลยน่ะ…ที่สำคัญมันเข้ามาในมิตินี้ได้ยังไง ”
นีน่า ถามด้วยความสงสัย

“ เห็นว่า พวกมังกรที่ออกไปข้างนอกมา น่ะกลายร่างเป็นพวกมันน่ะสิ ”
ริคุ กล่าวด้วยความกระวนกระวาย

“ นั่นเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของแลนทิสค่ะ พวกมันจะสามารถแปลงเป็นร่างของ
เหยื่อที่มันฆ่าได้และจะรับเอาความทรงจำของ เหยื่อมาด้วยนั่นก็เลยทำให้พวกมันเข้ามาได้ยังไงล่ะคะ ”
เทีย อธิบายขณะที่เจนัส กับ ลากูน่าก็ตามกันมารวมกลุ่มด้วย

“ จริงสิรู้สึกว่าในนั้นจะ มีอยู่ตัวนึงคล้ายๆปลานะแต่มันว่ายในอากาศได้น่ะ ”
ริคุกล่าว ทันทีที่ เทียได้ยิน ภาพของ แลนทิส ที่มาบุกบ้านของเธอก็แวบขึ้นมา

“ ตอนนั้นจำได้ว่า มีแลนทิสที่เป็นชนิดอาศัยในน้ำตัวนึงนี่นา แต่มันบินอยู่ การที่แลนทิสมี
ความสามารถเพิ่มขึ้นมาอีกนอกเหนือจากความสามารถพื้นฐานก็แปลว่า… ”
เทีย คิด ก่อนที่จะหน้าซีดเผือด ด้วยความผวา

“ แย่แล้ว..ถ้าเป็นอย่างที่ว่าล่ะก็ เจ้าแลนทิส นั่นเป็นระดับที่พัฒนาแล้ว ความแข็งแกร่งจะต่าง
กับขั้นแรกลิบลับเลย ”
เทีย อุทานในขณะที่ครึ่งสมิงทั้งสี่ ได้แต่ตีหน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วยความเครียด จากข้มมูลที่พึ่งได้รับ
พวกเขาต้องรับมือศัตรูที่แข็งแกร่งทั้งที่ยังพึ่งใช้ แอคเตอร์ ไปได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง

“ ไม่มีเวลาแล้วพวกเรารีบออกไปกันเถอะ ”
เจนัส กล่าวจบครึ่งสมิงทั้งสี่ก็พากันวิ่งออกจากบ้านไป พร้อมกับ
มังกรหนุ่มสาวทั้งหกโดยลูกๆมังกรนั้น ถูกไลท์ ขังเอาไว้ในห้องไม่ให้หนีออกมา

ตอนนี้สวนหลังบ้านเหลือเพียงแค่ เทีย กับ ลอว์เรนซ์เท่านั้น
เธอเดินเข้าไปหาเขาอย่างช้าก่อนจะหยุดลงที่ตรงหน้า

“ ฉันรู้เรื่องหมดแล้วเหตุผลที่คุณไม่ยอมสู้ ฉันเข้าใจดี เพราะพี่ชายของฉันเอง ก็เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อ
ปกป้องฉันเหมือนกัน และตอนนี้เค้าก็ยังสู้อยู่ที่อนาคตแต่ก็คงจะไม่มีทางรอดแล้วล่ะ
 เพราะพี่ใช้พลังทั้งหมดส่งฉันหนีมานี่แล้ว ”
เทียกล่าวเสียงแผ่วในขณะที่ลอว์เรนซ์ ยังคงนั่งเฉย

“ อย่างน้อยๆฉันก็อยากจะรับผิดชอบที่ต้องดึงพวกคุณมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ด้วยแต่ฉันก็ทำได้
เพียงแค่ให้ข้อมูลกับอาวุธเท่านั้นที่สุดแล้วฉันก็ไม่อยากให้ใครต้องมาสังเวยชีวิต เพิ่มไปอีกเพราะ
เรื่องของฉัน….ฉันจะไม่ขอให้คุณสู้แต่ถ้าเห็นแก่เพื่อนๆของคุณ ศัตรูคราวนี้มันแข็งแกร่งมาก  ”
เทีย กล่าววิงวอนด้วยความหวังว่าเขาจะยอมเข้าใจ

“ ยังไงซะชั้นก็ขอยืนยันคำเดิม ชั้นไม่คิดจะจับดาบอีกแล้ว ”
ลอว์เรนซ์กล่าว

“ นั่นสินะคะ..ฉันต้องขอโทษด้วยทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าคุณ ต้องเจ็บปวดกับการต่อสู้มาถึงขนาดนั้น
ก็ยังจะมาฝืนใจให้คุณทำทั้งที่ไม่อยาก.. ”
เทียกล่าวจบก็ วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมาอีกเลย ทิ้งไว้เพียงประกายน้ำตายที่ กระเด็นตอนเธอหันหนีไป
เท่านั้นที่ยังคง สะท้อนอยู่ในใจของเขา

“ นี่เราทำถูกแล้วหรือ…ที่ปฏิเสธเขาไป ทำไมกันทั้งที่ถูกบังคับให้สู้ทั้งที่ไม่อยากแต่
ทำไมใจเรากลับรู้สึกขัดๆตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว …ไม่เอาแล้วจะเป็นยังไงก็ช่างสิ เราจะไม่สู้อีกแล้ว ”
ลอว์เรนซ์คิด ขณะที่ลุกขึ้นเดินเข้าไปในบ้าน

“ ชั้นได้ยินหมดแล้ว… ”
เสียงหนึ่งแว่วขึ้นมา ทำให้เขาหันควับไปยังต้นเสียง ด้วยความตกใจ
ทิโมธี ซึ่งลุกขึ้นมานั่งซ่อมกลไก หัวของทินทอน นั่นเองที่เป็นเจ้าของเสียงเมื่อครู่

“ เพราะการต่อสู้ทำให้เสียพี่ชายไปก็เลยพาลเกลียดการต่อสู้ ไปไม่สมกับเป็นเจ้าเลยนะ ”
ทิโมธีกล่าวเสียงเรียบขณะที่มือยังคง หมุนไขควง ขันน็อตในหัวของทินทอน

“ แล้วมันยังไงล่ะ…สู้ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกรังแต่จะเสียซะเปล่าๆ ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“ ไม่อยากเชื่อเลยนะว่านั่นจะออกมาจากปากของ ผู้กล้าที่เคยกอบกู้โลกนี้ไว้น่ะ
รู้อะไรไหม เหตุผลจริงๆที่ข้ายอม เข้าร่วมกับอิเดียพ่อของเจ้าในตอนนั้นน่ะ ”
ทิโมธี กล่าว

“ นี่แกต้องการจะบอกอะไรกันแน่… ”
ลอว์เรนซ์กล่าวเขาเริ่มไม่สบอารมณ์กับท่าทีของทิโมธีซะแล้ว

“ ในตอนที่ข้าพบกับเขาครั้งแรกน่ะ ข้าเห็นถึงความตั้งใจที่แรงกล้าซึ่งลึกเข้าไปในจิตใจ
ของเขาที่จะสู้เพื่อปกป้องคนสำคัญ นั่นล่ะทำให้ข้ายอมที่จะรับใช้เขา พ่อของเจ้าน่ะพยายามที่จะต้านทาน
อำนาจจิตด้านลบอย่างสุดความสามารถเพื่อสั่งให้ข้าไปช่วยหยุดการต่อสู้ระหว่างเจ้ากับพี่ของเจ้า
แม้แต่พี่ของเจ้าสุดท้ายเขาก็ยอมสละชีวิตเข้าปกป้องเจ้า… ”
ทิโมธีกล่าวยังไม่ทันจบก็ต้องชะงักไปเมื่อ ลอว์เรนซ์ ทุบกำปั้นเข้าของประตู

“ แล้วมันยังไงล่ะสุดท้ายก็ตายเปล่าทิ้งชั้นไว้คนเดียว…สู้ไปให้มันได้อะไรขึ้นมา ”
ลอว์เรนซ์ตะหวาด ด้วยความหงุดหงิด





“ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเข้าใจความหมายของการต่อสู้ผิดไปนะ…คนเราจะลุกขึ้นมาสู้ก็เพื่อปกป้อง
บางสิ่งที่สำคัญกับเรา เพื่อที่จะปกป้องสิ่งนั้นแม้ชีวีก็ไม่เสียดาย คนที่สู้ไปโดยไม่มีเหตุผล น่ะไม่มีหรอก
ชีวิตของทุกคนจะต้องสู้เพื่อที่จะก้าวไปยังอนาคต เคยพูดเอาไว้ไม่ใช่รึไง ว่าต่อให้เป็น ลิขิตสวรรค์
หรือเทพบันดาลก็จะก้าวข้ามมันไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอนาคต ผู้กล้าที่ไขว่คว้าอนาคตนั่นล่ะที่เป็นเจ้า ”

ทิโมธี กล่าว คำพูดของเขาทำให้ลอว์เรนซ์เริ่มรู้สึกตัวว่า ที่เขาทำนั้นมันเป็นเพียงการหลีกหนีปัญหาเท่านั้น
เขาเกือบจะลืมถึงเหตุผลของการต่อสู้และความเป็นตัวของตัวเองไปเสียแล้ว

“ นั่นสินะชั้นนี่มันบ้าจริงๆ…ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าความรู้สึกที่ต้องสูญเสีย
พี่ชาย ไปมันเจ็บปวดแค่ไหน แต่ชั้นกลับเมินหนีและไม่สนใจใยดีเลยว่า เธอคนนั้นจะรู้สึกยังไง
ไม่ยอมหรอก ถึงอดีตของชั้นจะย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้วก็ตาม แต่สำหรับเธอมันคืออนาคต
ไม่ใช่อดีต ไม่ยอมให้เธอต้องเป็นแบบชั้นแน่นอน…รอก่อนนะ เทีย ”
ลอว์เรนซ์ คิด ขณะที่สัญลักษญ์แห่งอรุณได้ปรากฏเรืองรองบนหลังมือที่กำแน่นของเขา

……………..
……………………
……………………..

ณ ลานกลางตลาด

จักรกลมีชีวิต 4 ตัวได้โผล่ออกมา จากช่องว่างมิติที่บิดเบี้ยว และพุ่งตรงลงไปยังลานข้างล่าง
ก่อนที่จะถูกคว้าไปอยู่ในมือของผู้ใช้และแปรสภาพตัวเองเป็นสวิตซ์


“ Exchange ”
สิ้นเสียง เจนัส นีน่า ลากูน่าและริคุ ทั้งหมดก็ได้สวมใส่เกราะของแอคเตอร์
ต่อหน้าต่อตา บรรดาแลนทิส นับสิบ ซึ่งมีทั้ง กราเวลล่าแลนทิส  10 ตัวโปรวิเด็นเซอร์แลนทิส  10 ตัว
และแลนทิสรูปร่างคล้ายเสือผสมม้าลาย 5 ตัว กับแลนทิสรูปร่างปลาซึ่งแหวกว่ายอยู่ในอากาศ 1 ตัว


“ ชิ…ยกโขยงกันมาหมดเลยรึไงนะ ”
เจนัส ที่สวม เนลฟาแอคเตอร์ สบถก่อนที่จะกระโดดขึ้นไป
ทันทีที่เขาออกแรงสะบัด ปีกเหล็ก ก็กางขึ้นทันทีพร้อมกับไอพ่น
ที่ถูกปล่อยอกมาส่งตัวเขาให้ทะยานอยู่บนฟ้าได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเล็งลำกล้องปืนที่ข้อมือขวา
ลงมายิงกราดใส่แลนทิส ทั้งหมด

“ มีเกือบสามสิบตัวเลยได้มั้งเนี่ย ”
นีน่า ที่สวมใส่ ชูริกะแอคเตอร์ กล่าวพลางเตะตวัดขาปัดป้องการโจมตีของ โปรวิเด็นเซอร์แลนทิส
ที่เข้าล้อมเธอไว้ ทันทีที่โปรวิเด็นเซอร์แลนทิส ทั้ง 5 ตัวพุ่งเข้าใส่พร้อมกัน เธอได้กระโดดถอยห่างออกมาจากวงล้อม
จนพวกมันชนเข้ากันเสียเอง เมื่อสบโอกาส นีน่าจึงคว้าเอา กงจักรที่ติดอยู่ตรงเกราะไหล่ออกมา
และขว้างมันออกไป กงจักรได้เฉือนร่างของ โปรวิเด็นเซอร์แลนทิส ตัวแล้วตัวเล่าก่อนที่ 2 ใน 5 ตัว
จะระเบิดตัวเองไป

“ สำเร็จ…อะ….นี่มัน ”
ลากูน่า ที่สวมใส่ ซาร์แสลซแอคเตอร์ กล่าวเสียงใสหลังจากที่เห็นว่าโปรวิเด็นเซอร์แลนทิสถูกกำจัด ไปบ้างแล้ว
ทว่าเขาก็ต้องชะงักไปเมื่อ เจ้าแลนทิสรูปร่างปลานั้น ได้ยืดครีบจำนวนมากทั่วทั้งร่าง
ของมัน ไปยังเศษซากที่เหลือของโปรวิเด็นเซอร์แลนทิส ที่ถูกทำลายไปเมื่อครู่
ก่อนที่ครีบเหล่านั้นจะหลั่งสารบางอย่างลงไป เพียงไม่นานหลังจากที่สารเหล่านั้น
ซึมเข้าไปในเศษซากทั้งหมด เศษซากเหล่านั้น ก็ค่อยงอกเจริญเติบโตขึ้น เป็นโปรวิเด็นเซอร์แลนทิส
อีกครั้งแต่ด้วยจำนวนเศษซากที่กระจายออกมานับ สิบทำให้จำนวนที่เพิ่มขึ้นนั้น
เป็นทวีคูณ

“ ขืนเป็นแบบนี้ ยิ่งกำจัดมันก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆสิ ”
ริคุ ที่สวมใส่ ไนเซอร์แอคเตอร์ กล่าว พร้อมกับ รัวกระสุนใส่ แลนทิส ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วนี้
 


“ เจ้าปลานั่น อควอร่าแลนทิส (Aquara Lantis) แถมยังเป็นระดับสองด้วยไม่สิ..เจ้านี่มันอาศัยอยู่แต่ในน้ำ
แต่การที่มันขึ้นว่ายอยู่ในอากาศได้แล้วยังมีความสามารถ แบบนี้ก็แปลว่า…เจ้านี่มันขั้นสามแล้ว ”
เทีย ซึ่งยืนมองอยู่นอกวงกับเหล่ามังกรทั้งหก กล่าวขณะที่พิเคราะห์ ความสามารถ
ของแลนทิสรูปร่างปลาอยู่นั้น ไม่ทันขาดคำมันก็แสดงอีกความสามรถ
ออกมาจนได้ เมื่อ อควอร่าแลนทิส สร้างเกราะป้องกัน พลังงานขึ้นมาล้อมรอบตนไว้ ทันทีที่

ปืนของ เจนัส ยิงสาดลงมา ทันทีที่ เจนัสหยุดยิงมันก็คลายเกราะออกและ ตวัดครีบอกไปรัดเหนี่ยวร่าง
ของ เจนัส ที่บินอยู่ลงมาทุ่มตรงหน้า

“ มีอีกความสามารถด้วยงั้นเหรอ เจ้านี่มันขั้นสมบรูณ์แล้วนี่ ”
เทีย กล่าวจบไม่นานักก็มีเรื่องที่จะต้องกังวลยิ่งกว่านั้น เมื่อแลนทิสรูปร่างเสือผสมม้าลาย

เริ่มแยกร่างออกมาจำนวนมาก ทั้งที่ อควอร่าแลนทิส ยังไม่ได้ใช้พลัง ทว่าร่างเหล่านั้น
ดูเหมือนจะเป็นแค่ร่างเงา เพราะเมื่อนีน่า ซัดกงจักรใส่ กงจักรก็ผลัน ทะลุผ่านร่างมันไปทันที



“ เจ้า ชิมเมรอลแลนทิส(Shimmeral Lantis)ก็ด้วยเหรอนี่หรือว่า โปรวิเด็นเซอร์กับกราเวลลาก็ด้วย ”
เทีย คิดขณะที่สิ่งที่เธอกำลังหวั่นนั้น ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ เมื่อ โปรวิเด็นเซอร์แลนทิสได้ สร้างเกราะพลังงาน
ขึ้นมาและเมื่อพวกมันนำมาประสานเข้าด้วยกันล้อมรอบ อควอร่าแลนทิส และเจนัสไว้

เกราะก็มีขนาดใหญ่ขึ้นจนในที่สุดเมื่อ ลากูน่า ลากเท้าไปตามพื้นโดยมีลูกล้อที่เกราะเท้า ช่วยหมุนเพิ่มความเร็ว
เข้าไปพุ่งชนทว่าก็ถูกเกราะพลังงานนั้น

สะท้อนกระเด็นออกมา ไม่เว้นแม้แต่กระสุนที่ ริคุ ยิงไปยั้งสะท้อนตามกันออกมา ทำให้การคุ้มภัยให้กับ
อควอร่าแลนทิส สมบรูณ์ยิ่งขึ้น และไม่นานนัก กราเวลลาแลนทิส ก็ได้ ตวัดหางฟาดใส่ พวกเขาเป็นพัลวัล
โดยที่การฟาดแต่ล่ะครั้งนั้น มีความหนักหน่วงมาก


“ กำหนดเขตแดน แยกเงา หางเหล็กกล้า ตวัดรัดเหนี่ยว ขยายส่วนคืนชีพ
แหวกนภา แล้วยังมีกำแพงแสงอีก แลนทิส พวกนี้มีความสามารถพัฒนาขึ้นทุกตัวเลย
หรือเพราะ พวกมันเห็นการต่อสู้ของ พวก กราเวลลา เมื่อตอนนั้น ถึงได้ออกฆ่า สิ่งมีชีวิต
เพื่อพฒนาระดับของตน…ไม่ได้การในโลกอนาคต แค่ระดับสอง พี่ยังเอาไม่ค่อยจะอยู่เลย
แต่นี่มันมีระดับสมบรูณ์อยู่ด้วย มาสเตอร์แอคเตอร์ที่ใช้อยู่นี่ถึงจะถูกสร้างให้มารับมือกับ
ระดับสองและสาม แต่ว่ากับระดับสมบรูณ์นี่มัน ”

เทีย คิดขณะที่กำลังมองหาทางออกของสถานการณ์ ที่ภายในวงล้อมเกราะพลังงานของแลนทิส
ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อ เจนัส ที่อยู่ข้างใน พยายามขัดขืน จนคลายตัวออกจากครีบ
ของอควอร่าได้ ในที่สุด เขารีบดันสลัก ปืนที่มือทันที คลื่นไฟฟ้าวิ่งไหลไปตามรอยต่อของชุดเกราะ
ทันทีที่ชุดเกราะขยาย ตัวหลวม ทั้งหมด แลนทิส ที่อยู่ในวงล้อม ก็พุ่งเข้ามาหมายจะหยุดเขา
แต่ เจนัส ก็ดันสลักกลับทันที

“ Cast Off ”
สิ้นเสียง ชุดเกราะก็ระเบิดออก เศษชิ้นส่วนเกราะได้กระจายเข้าไปกระแทก โปรวิเด็นเซอร์
ทุกตัวจนกระจายวงออกทำให้ อาณาเขตสนามพลังหายไป

“ Change Wolf ”
  เสียงดังขึ้นอีกคราพร้อมกับ เกราะหัวที่โหลดต่ำลงมาจนดูราวกับหมาป่า

“ เราก็ Cast Off กันเถอะ ”
ริคุ เสนอไม่นานนักพวกเขาก็ทำการสลับสลักและสวิตซ์ทันที คลื่นไฟฟ้าที่ไหลกระจายไปทั้งร่าง
พร้อมกับชุดเกราะที่ ขยายตัวหลวมขึ้นก่อนที่พวกเขาจะดันสลักกลับ พร้อมกับชุดเกราะที่ระเบิดตัวออก

“ Cast Off ”
“ Change Mantis ”
“ Change Butterfly ”
“ Change Wolf ”

เสียงทั้งหมดดังขึ้นพร้อมกัน ไม่นานนัก แลนทิส ทั้งหมดก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ในทันที พวกเขาจึงทุบสวิตซ์ เพื่อเข้าสู่ห้วงเวลา เดียวกับพวกแลนทิส

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง ทุกๆอย่างรอบตัวพวกเขาก็ เคลื่อนไหวช้าลง ร่างเงาของชิมเมรอล นั้นแทบจะหยุดค้างอยู่กลางอากาศ
แต่ก็ยังคงเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ
 เจนัส รีบชักเอา ทอนฟา ขึ้นมาเตรียมทันที เพราะจำนวนแลนทิส ที่ Time Walk ได้นั้น
มีจำนวนมากมายเหลือคณา อีกทั้งหากทำลายมัน อควอร่า ก็จะทำให้พวกมันคืนชีพและเพิ่มจำนวน
ขึ้นอีกครั้นจะเข้าไปจัดการกับตัว อควอร่า เองพวกแลนทิสตัวอื่นก็จะเข้ามาขวางไว้ ด้วยจำนวนที่มากกว่า
พวกเขาเป็นเท่าตัว การต่อสู้จึงเป็นไปอย่างยากลำบาก

ขณะเดียวกัน เทียและเหล่ามังกรที่อยู่คนละห้วงกระแส ก็มองเห็นพวกเขาทั้งหมด
เคลื่อนที่กันสับสนอลหม่าน ไปทั่ว

“ ไม่ไหวหรอกจำนวนมันเยอะเกินไป ”
เทีย กล่าวขณะที่พยายามมองตาม จนในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปครบกำหนด สามนาที

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ร่างของพวกเขาทั้งสี่ ถูกกราเวลลา และโปรวิเด็นเซอร์
หลายตัวกดทับไว้ จนขยับหนีไม่ได้

“ Razor Leaf ”
เสียงทุ้มต่ำดังกังวานขึ้นจาก ชุดเกราะของ นีน่า จักรกลีบดอกไม้ทั้ง 4 ดอก
ก็ผลัน แยกตัวจากกันเป็นกลีบ ทั้งสิ้น 16 กลีบ ก่อนจะพุ่ง ฉวัดเฉวียน
เข้าไปเชือดเฉือน จนแลนทิสทั้งหมดต้องถอยห่าง พวกเขาลุกขึ้นพร้อมกับที่ นีน่า
เรียกให้กลีบดอกทั้งหมดกลับมารวมเป็นจักรดอกไม้ทั้งสี่อีกครา

“ จัดการไปพร้อมๆกันเลย ”
เจนัส กล่าวจบพวกเขาทุกคนก็ ทำการเตรียมใช้ท่าพิฆาตทันที

“ Mega Kick ”
“ Mega Slash ”
“ Mega Shooting ”
“ Mega Kick ”
สิ้นเสียงจากชุดเกราะ เจนัส กับ ลากูน่า ก็วิ่งเข้าไป เตะกวาดเหล่าแลนทิส ทั้งซ้ายและขวา
ให้ไปรวมกัน โดย ริคุ คอยใช้ใบมีดที่สะสมประจุ ตวัดปัดครีบและหางเหล็ก ของอควอร่า และ กราเวลลา

จนเมื่อมันมารวมกันทั้งหมด การสะสมประจุพลังงานของ นีน่า ก็สมบรูณ์ คลื่นพลังทรงอานุภาพ
ถูกยิงผ่านกลีบดอกทั้ง 4 ที่มาซ้อนกัน ตรงเข้าหาร่าง ของแลนทิสที่กองอยู่ ผลัน เจ้าโปรวิเด็นเซอร์แลนทิส
ทั้งหมดก็ได้ลุกฮือขึ้นสร้างอาณาเขตป้องกัน การโจมตีของ นีน่า ที่กระทบเข้ากับเกราะอาณาเขตนั้น
ลำแสงทั้งหมดก็ถูกสะท้อน ออกมากระแทกใส่พวกเขาทั้งหมด

“ อัก…ไม่ไหวจริงๆรึนี่ ”
เจนัส สบถขณะที่พยายามยันตัวลุกขึ้นสู้

“ ก็าซซซ ”(พวกเราไปช่วยกันเถอะ)
ไลท์ กล่าวจบพวกเพื่อนมังกรก็ออกไป ช่วยสู้ทว่า ก็ถูก ครีบของ อควอร่า จับตัว
ไว้ทั้งหมด  มังกรทั้งหกตัวกำลังจะ ถูก อควอร่า ที่ง้าง คมเขี้ยวเต็มที่หมายจะกลืนกิน
ร่างของ มังกรทั้งหกให้เปรม 

“ นี่คิดจะกินกันสดๆเลยเรอะ ”
ริคุ กล่าวครั้นเมื่อพวกเขาจะเข้าไปช่วย ก็ถูก หางเหล็กของกราเวลลา ฟาดจนล้ม ก่อนจะ
ถูกรัว ทุบไม่หยุด ชุดเกราะของพวกเขา ถูกฟาดจนเริ่มแตกหัก เจนัสพยายามฝืนโดยเอาทอนฟารับหาง
เหล็กไว้ จนหลุดออกมาจากวงล้อม แต่ทว่าทอนฟาของเขาก็หักไปแล้ว

เจนัสรีบวิ่งตรงเข้ายังร่าง ของ อควอร่า ที่ไร้การป้องกัน ทว่าชิมเมรอลก็เข้ามาขวางและ แยกเงา
ออกมานับสิบร่าง พุ่งเข้าชนใส่ไปมา จนไม่อาจเคลื่อนที่ไปไหนได้

ขณะที่ เจนัส ถูกชนไปมาอยู่นั้น นีน่าที่ยังตกอยู่ในวงล้อมของ กราเวลลา ก็ถูกกระหน่ำตีหนักขึ้นกว่า
ลากูน่า และ ริคุ จนตอนนี้เธอบอบช้ำไปทั้งตัว เกราะที่สวมอยู่นั้น แทบจะไม่ช่วยคุ้มกันอะไรให้อีกแล้ว
ซ้ำจักรกลีบดอกไม้ก็ถูก โปรวิเด็นเซอร์ ขยี้จนแตกละเอียด

“ นีน่า…อุบ ”
เจนัสพยายามที่จะเข้าไปช่วย แต่เขาก็ยังไม่อาจหลุดออกมาจากวงล้อม ชิมเมรอล
ได้ ความบอบช้ำจากการถูกกระแทกไปมาเริ่มทำให้เขาหมดแรง ที่สุดแล้ว เขาเริ่ม รู้สึกมึน

และจุก ในขณะที่ร่างถูกกระแทกไปมานั้น เขาก็เริ่มจะไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เพียงไม่นานนัก
เจนัส ก็ฟุบหมอบราบลง พร้อมกับร่างของ ชิมเมรอล ที่หยุดการเคลื่อนไหว

 ก่อนจะลงมือขย้ำร่างของ เจนัส ชุดเกราะผุๆที่สวมร่างอยู่ตอนนี้ ไม่อาจกันคมเขี้ยวของ
พวกมันได้ โลหิตสดๆไหลอาบ ไปทั้งร่าง ท่ามกลางสายตาของเพื่อนๆที่มองดู
โดยไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยได้
 
“ เจ…นัส ”
นีน่า ที่ยังคงถูกกระหน่ำตีจน หน้ากาก แตกไปส่วนแล้ว พยายามจะคลานออกไป
หาเจนัส แต่ก็ถูก หางของ กราเวลลา ตัวหนึ่ง รัดคอเอาไว้

ลากูน่า และริคุ ที่จะเข้าไปช่วยนั้น พวกเขากลับถูกโปรวิเด็นเซอร์
สร้างเกราะพลัง งานขังเอาไว้ไม่ให้เข้าไปช่วย  ในขณะที่ เหล่ามังกรกำลังจะถูกเขมือบด้วยนั้น

“ ปล่อยพวกเขาซะ ”
เทีย ที่วิ่งเข้าตะโกนลั่น ทำให้พวกแลนทิส หยุดไปมองด้วยความสนใจ

“ พวกแกแค่ได้รับคำสั่งให้ ตามจับตัวฉันแล้วเอามาสเตอร์แอคเตอร์กลับไปใช่ไหม
ถ้างั้นก็ปล่อยพวกเขาซะแล้วฉันจะยอมมอบ มาสเตอร์แอคเตอร์ให้รวมทั้งตัวฉันด้วย ”
เทีย พยายามเจรจาทั้งที่รู้ว่าพวกมันคงไม่เข้าใจความหมาย
ทว่า อควอร่าแลนทิส ก็ว่ายเข้ามาหา เธอใกล้ราวกับเข้าใจ

“ ผิดแล้วเราได้รับคำสั่งให้ทำลาย มาสเตอร์แอคเตอร์และฆ่าผู้ที่ถูกเลือกซะ รวมไปถึงเธอด้วย ”
อควอร่าแลนทิสกล่าวเสียงแหบ ซึ่งนั่นทำให้เธอแทบช็อก อยู่ ตรงนั้น ที่มันสามารถพูดได้
แต่เนื้อความที่ อควอร่า กล่าวนั้นกลับทำให้เธอ ช็อกยิ่งกว่า เมื่อเธอสำคัญผิดว่า รีกอล ต้องการ
มาสเตอร์แอคเตอร์ แต่แท้จริงแล้วเขาเพียงแค่ต้องการทำลายมันเท่านั้น

เมื่อคิดได้ดังนั้น เทีย จึงประจักษ์แล้วว่า พี่และพ่อของเธอก็คงจะถูกฆ่าไปแล้วหาก รีกอลไม่สนใจที่
ให้พ่อของเธอสร้าง มาสเตอร์แอคเตอร์ ขึ้นมาใหม่

“ ตามคำสั่งเราจะเริ่มกำจัดจากเธอก่อน ”
อควอร่า กล่าวจบ ก็ง้างเขี้ยวขึ้นเพื่อจะ ขย้ำร่างของเธอเข้าไป ทว่า
มังกรจักรกลขนาดเล็กก็พุ่งเข้ามาชน ปากของมันจนกระเด็นไปก่อนที่จะ
บินกลับไป ตัดครีบของ มันจนร่างของ มังกรทั้งหก ร่วงหล่นลงสู่พื้น

“ เดรคแอคเตอร์… ”
เทีย อุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ โดยที่สายตานั้นยังคงจับจ้องอยู่ที่ เดรคแอคเตอร์
ซึ่งบินไปหาเจ้าของ ที่เดิน นวยนาดตรงเข้ามา มังกรจักรกลได้พับประกอบตัวเอง
เป็นลักษณะ กำไลข้อมือ โดยหางของมันที่เป็นทรงเรียวแหลมนั้น ได้ยื่นตรงไปข้างหน้า
ก่อนจะเข้าไปอยู่ในมือของผู้ถูกเลือก

“ ลอว์เรนซ์ ”
เทียเปรยเสียงเรียบ โดยไม่คิดว่า ลอว์เรนซ์ จะเป็นผู้ที่ช่วยเธอไว้ทั้งที่เขาปฏิเสธ เธอ
อย่างเด็ดขาด

“ ถึงจะมีมาเพิ่มอีกคนก็ไม่ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นมาหรอก ”
อควอร่า สบถขณะที่ถอยไปอยู่หลังแลนทิสทั้งหมด

“ เคยมีคนพูดไว้จงก้าวข้ามลิขิตแห่งฟ้าเพื่อไขว่คว้าอนาคตมาไว้ในกำมือ  ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวจบก็ สวมแอคเตอร์เข้าที่ข้อมือ ก่อนจะดันหางที่เป็นสวิตซ์ขึ้น

“ Exchange ”


โปรดติดตามตอนต่อไป
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #16 on: September 07, 2008, 07:45:52 PM »

หมายเหตุในตอนนี้ มีการอัพเสียงประกอบไว้ด้วย สามารถโหลดเพื่อ ฟังลักษณะของเสียงได้


Task 4 Maximum Power


“ Exchange ” 
เสียงดังขึ้นทันทีที่ ลอว์เรนซ์ ดันหางของ แอคเตอร์ ซึ่งเป็นสวิตซ์ขึ้น ก็เกิดบล็อก
จำนวนมากเรียงตัวครอบคลุมร่างของเขาก่อนจะกลายรูปเป็นชุดเกราะซึ่งมี เกราะอก คล้ายหัวมังกร
ที่แขนข้างขวา ตัวแอคเตอร์ ได้กลายสภาพเป็นอาวุธ รูปร่างคล้ายโล่ และมีส่วนของ สว่านยื่นออกมา

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504AF74R5J1R5OLTKO2XJUPMGNB]



แลนทิสทั้งหมดเปลี่ยนเป้าหมายจาก พวก เจนัส มายังเขาทันที สว่านที่มือของเขาเริ่มหมุน
ทันทีที่ กราเวลลาแลนทิส ตัวแรกเข้ามาใกล้ เขาก็แทงสว่านลงไปยังร่างของมัน
ก่อนที่สว่านจะปั่นร่างของมันจนเละ ครั้นเมื่อ หางเหล็กของกราเวลลา ตัวอื่น พุ่งมา
เขาก็ยกโล่ซึ่งติดกับสว่านขึ้นมาปัดป้อง โดยที่เสียงกระทบของสว่านกับหางเหล็กนั้น

ดังเสียดสี กังวานออกมา ไม่เพียงเท่านั้น ชิมเมรอลแลนทิสยัง แยกร่างเงาออกมาเพิ่ม
และพุ่งล้อมไปมาเพื่อให้เขามองได้ลำบากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา ลอว์เรนซ์ เอื้อมมือไปกด
ดึงสลักข้อมือที่ ใต้โล่ลงมา คลื่นไฟฟ้าได้ไหลผ่านไปตามรอยต่อของชุดเกราะก่อนที่มันจะ
แยกชิ้นและขยายตัวหลวมออก

“ Cast Off ”
เสียงทุ้มกังวานดังขึ้นทันทีที่ ลอว์เรนซ์ ดันสลักข้อมือกลับ ชุดเกราะระเบิดตัวออก
โดยที่เศษ ชิ้นส่วนนั้นกระจายตัวกระแทกเหล่าแลนทิส กระเด็นไปจนหมด


เกราะอกที่มี รูปร่างคล้ายหัวมังกรได้เลื่อนขึ้นมาประกบติดกับเกราะหัวจนเป็นหน้ากาก
หัวมังกร เกราะที่ซ้อนอยู่ใต้เกราะหัวไหล่ซึ่งหลุดออกไปนั้น ได้ยื่นออกเป็นปีก ที่เกราะขา
ใบมีดซึ่งพับตัวเก็บอยู่เลื่อนออกมาประกบติดกับแข้ง  ส่วนโล่กับสว่านนั้นได้หลุดออกไป
เหลือไว้เพียงกรงเล็บขนาดใหญที่มือทั้งสองข้าง

“ Change Dragonfly ”
สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ ก็ กดสวิตซ์ ที่เกราะแขนขวา ทันที

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E2VDRU345[MLYH8QWO194D]



“Time Walk  ”
สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว โปรวิเด็นเซอร์ กลาเวลลา และชิมเมรอล หลายตัวถูกกำจัดไปก่อนที่
ได้ Time Walk ทว่า อควอร่าแลนทิสก็รีบทำการคืนชีพให้แก่ พวกมันทันทีพร้อมทั้งเพิ่มจำนวนขึ้นมาอีกด้วย
 
ก่อนที่ตัวมันเองจะ Time Walk ตามไป ลอว์เรนซ์ ที่พุ่งตวัดกรงเล็บใส่ร่างของแลนทิสที่ยัง
ไม่ได้ Time Walk อยู่นั้น เมื่อเห็นว่า อควอร่า ตามเข้ามา ในห้วงเวลาแล้ว จึงเปลี่ยนเป้าหมาย
เข้าไปต่อกรกับ อควอร่า ทันที ทว่าอควอร่า กลับเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมากจนเขาเอง
ตามแทบไม่ทัน 

“ Time Walk ”
 สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ ก็กลับมายังห้วงเวลาเดิมโดยเขาถูกพวกแลนทิสล้อมไว้แล้ว
แต่ลอว์เรนซ์ ก็ กดสวิตซ์ ที่เกราะแขนอีกครั้ง ก่อนจะชัก สลักของข้อแขน คลื่นไฟฟ้า
พุ่งพล่านไปทังร่างก่อนจะมารวมกันที่ หน้าแข้ง ข้างขวา ทันทีที่แลนทิสทั้ง หมดพุ่งเข้าใส่

“ Mega Kick ”
สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ ก็ตวัดขาเตะ วนไปรอบๆ ใบมีดที่ขาได้เฉือนและถ่ายประจุเข้าไปในร่างของ
แลนทิส ทุกตัวก่อนจะระเบิดเป็นซาก แต่แล้ว อควอร่า ที่ยังรอดอยู่ก็ได้คืนชีพให้แก่พวกมันอีกครา
และจำนวนยังเพิ่มเป็นทวีคูณ จนตอนนี้มีนับร้อย

“ ไม่ได้การขืนเป็นแบบนี้มีแต่จะทำให้พวกมันเพิ่มจำนวนขึ้นเท่านั้น  ”
เทีย กล่าว ในขณะที่พวกมังกร ทั้งหก ช่วยกันลาก พวกเจนัส ที่บาดเจ็บออกมา

“ ถ้าไม่กำจัดแก่ก่อนมันก็คงไม่จบสินะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าวพร้อมกับชี้หน้า ของ อควอร่า  สิ้นคำ เหนือหัวของเขา
ก็เกิดคลื่นไฟฟ้า ไหลเวียนไปรอบๆ ก่อนที่ดาบเล่มสีดำทองซึ่งมีกลไกติดอยู่ ก็พุ่งออกมา
เขาคว้ามันไว้



“ ชั้นคือนักรบผู้ไขว่คว้าอนาคต ทางเดินของชั้น….ชั้นเลือกเอง ”
สิ้นคำ ลอว์เรนซ์ ก็กดสวิตซ์ ที่ดาบ คลื่นไฟฟ้าไหลเวียนออกมาจากดาบ แล่นไปทั่วร่าง
พร้อมกับชุดเกราะที่เปลี่ยนไปทั้งร่าง เกราะปีกหุบตัวลง บล็อกชิ้นส่วนต่างๆปรากฏ
ขึ้นรอบๆร่างของเขาก่อนจะเรียงตัวเป็นส่วนเสริมของเกราะ

“ Change Hyper Dragonfly ”
เสียงดังก้องกังวานจากตัวชุดเกราะพร้อมกับ ปีกพลังงานสีรุ้งขนาดใหญ่ที่กางออกมา
ต่อหน้าต่อตาของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เทียรีบเปิดสมุดคู่มือของมาสเตอร์แอคเตอร์ทันที



“ นี่มัน เดรคแอคเตอร์ได้ติดตั้งโหมดพิเศษซึ่งมีพลังระดับสูง ซึ่งจะยกระดับความสามารถของผู้ใช้ขึ้นทั้งหมด
สิบเท่า อำนาจในการเดินในกระแสเวลานั้น จะถูกเพิ่มประสิทธิภาพเป็น
 ควบคุมเวลาได้ดั่งใจชื่อของมันก็คือ Hyper Mode ”
เทีย อุทานออกมาหลังจากที่อ่านข้อความในคู่มือถึงพลังอันโดดเด่นของ  ไฮเปอร์โหมดนี้
ขณะที่แลนทิส ทั้งหมดได้ เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่พวกมันก็ไม่รอช้ารีบ Time Walk กันทันที
เพื่อหมายจะจัดการเขาโดยไม่ให้ตั้งตัว ทว่าทันทีที่ลอว์เรนซ์ กดปุ่มบนด้ามดาบ คลื่น
พลังงานที่มองไม่เห็นก็แผ่ออกมาจากร่างของเขา

“ Chrono Control ”
สิ้นเสียง ทุกๆอย่างรอบตัวของเขาก็หยุดลง แน่นอนบัดนี้ไม่เสมือนว่าเวลาหยุดลง
แต่บัดนี้เขาได้ทำให้เวลานั้นหยุดลงโดยสมบรูณ์ เหล่าแลนทิส นับร้อยต่างหยุดนิ่ง
ค้างในท่าต่างๆ ลอว์เรนซ์ ยกดาบขึ้นก่อนจะพุ่งตัวฟัน แลนทิส จำนวนมาก
จนเมื่อเวลาผ่านไป ก็ได้ครบกำหนดการใช้พลัง

“ Chrono Control ”
สิ้นเสียง ร่างของแลนทิสที่ถูกฟันไปก็ได้ระเบิดออก โดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
แต่แล้ว เมื่อ อควอร่า จะคืนชีพให้แก่ แลนทิส อีกครั้ง ลอว์เรนซ์ก็ได้เข้าไปเพื่อจะขัดขวางทว่า แลนทิสตัวอื่นๆที่ยังเหลืออยู่ก็เข้ามาขวางไว้ โดนโปรวิเด็นเซอร์ได้กางเกราะสนามพลังอีกครั้ง เพื่อคุ้มครอง อควอร่า
และ ชิมเมรอลแลนทิส กับ กราเวลลาแลนทิส จะคอยต้านเขาเอาไว้ด้านนอก 

“ ไม่ให้ทำได้หรอกน่า ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบ ก็สับไกสลักที่ด้ามดาบ กรรเชียงดาบได้หุบลง

“ Drake Power ”
เสียงกังวานออกมาจากตัวดาบ พร้อมกับคลื่นไฟฟ้าที่ไหลเวียนไปทั่วทั้งดาบ
ก่อนที่เขาจะฟันมันลงไปบนร่างของ แลนทิส  ที่พุ่งเข้ามาขวางหนึ่งครั้ง

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B310MMYRZNIB[85UWIOLZAO9]

“ One ”
เสียงดังกังวานอีกครั้ง พร้อมกับคลื่นไฟฟ้าที่ พุ่งพล่านกว่าเดิม ราวกับกำลังสะสมประจุอยู่
ในขณะนั้น ชิมเมรอลตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาด้านหลัง ลอว์เรนซ์ จึงหมุนตัว ตวัดดาบฟาดใส่จนมันกระเด็นไปกองกับพื้น

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E2UXJL1KZTT7UFFR4B6L8M]

“ Two ”
เสียงดังขึ้นอีกพร้อมกับคลื่นไฟฟ้าที่ถูกสะสมมากขึ้น ก่อนที่เขาจะฟันลงไปบนเกราะพลังงานของพวกแลนทิส

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E21UPQBA[PMB84D7ZXKTG9]

“ Three ”
สิ้นเสียง ลอว์เรนซ์ก็สับไกสลักขึ้นพร้อมกับ กรรเชียงดาบที่กางออกอีกครา
คลื่นไฟฟ้าทั้งหมดไหลไปรวมกับที่ ปีกทั้งสองข้างของเขา ก่อนที่จะเปล่งรัศมีเจิดจรัส
เพียงพริบตาเขาก็ได้เคลื่อนตัวไปอยู่ ด้านของกลุ่ม แลนทิส ทั้งหมด

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B1E2B4OL2OX2Z5A[YPK3NX[H]

“ Maximum Hyper Cyclone ”
สิ้นเสียงที่กังวานจากดาบ เขาก็หมุนตัวตวัดดาบ ทันทีที่คลื่นพลังงาน
ที่ถูกปล่อยออกมานั้น หมุนตัวราวกับพายุ  ก่อนจะพุ่งเข้าไปพัดเป่าทำลาย
เหล่า แลนทิส ทั้งหมด ไปโดยที่เกราะของพวกมันก็ไม่อาจต้านไว้ได้

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B310THNEX233[17Z5J5F[JHV]

ทันทีที่ พายุพลังงานสลายไป แลนทิสตัวอื่นๆนอกจาก อควอร่าแลนทิส ก็สลายเป็นจุล
ไม่เหลือแม้แต่ซากจะให้คืนชีพ ลอว์เรนซ์ไม่รอช้า เขาสับไกสลักอันเดิมขึ้นแทนที่จะดันลง
กรรเชียงดาบได้หุบลงอีกครั้ง พร้อมกับคลื่นไฟฟ้าที่ไหลอาบดาบไว้อีกครา ก่อนจะพุ่งเข้า
ฟันใส่ร่างของมันอย่างรวดเร็วถึงสามครั้ง

“ Three ”
“ Two ”
“ One ”
เสียงดังกังวานรัวขึ้นมาติดกัน ร่างของ อควอร่าแลนทิส นั้นไม่อาจขยับหนีได้เพราะถูกคลื่นไฟฟ้า
จากการฟันทำให้ เส้นประสาทด้านไปทั้งร่าง ลอว์เรนซ์ สับไกสวิตซ์ลง กรรเชียงดาบได้กางออก
พร้อมกับคลื่นไฟฟ้าที่ได้โอนถ่าย ไปยังปีกทั้งสอง

“ Maximum Hyper Typhoon ”
สิ้นเสียงซึ่งกังวานดังก้อง ลอว์เรนซ์ ก็ทะยานตัวขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะ
พุ่งตัวลงผ่าร่างของ อควอร่าแลนทิส เป็นสองซีก และระเบิดสลายไป

[โหลดเสียง http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=108504B310R[26545XT6VQ2S8X32IK]

“ สำเร็จแล้ว จัดการได้ทั้งหมดเลย ”
เทียเปรยด้วยโล่งใจ ที่บัดนี้แลนทิสทั้งหมดที่ตามเธอถูกจัดการจนหมดสิ้นลงแล้ว

“ แต่มันยังไม่จบหรอกนะ..อนาคตของเธอน่ะ ”
ลอว์เรนซ์ ที่ยังคงอยู่ในไฮเปอร์โหมดหันมากล่าว ก่อนที่จะตวัดดาบ ฟันผ่าอากาศไปจนเกิดเป็น
รอยแยกของมิติ


“ จะไปกันรึยังล่ะไปช่วยครอบครัวของเธอน่ะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าว คำพูดของเขาทำให้เธอยิ้มออก

“ ใจคอจะทิ้งพวกเราไว้นี่รึไง ”
เจนัส กล่าวขณะที่เดินกระโผลก กระเผลก มาพร้อมกับทุกคน

“ แหงอยู่แล้วพวกนายก็ต้องไปด้วย ไลท์ฝากทางนี้ด้วยนะ ”
ลอว์เรนซ์กล่าว กับเจนัส ก่อนจะฝากฝัง ไลท์ ให้ดูแลทางนี้ด้วย

“ งั้นก็ไม่ต้องรอแล้วไปกันเลยที่อนาคต…. ”
เทียกล่าวจบ เธอ ลอว์เรนซ์ เจนัส นีน่า ลากูน่า และริคุ ทั้งหมดก็กระโจนเข้าไปในรอยแยกของมิติ
ก่อนที่รอยแยกจะปิดลง
…………………..
……………………..
…………………………

3000 ปีต่อมาโดยประมาณ

“ มันจบลงแล้ว รีกอล ”
เสียงหนึ่งดังก้องขึ้น ท่ามกลาง ห้องอันมืดมิดซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องจักรทั้งหลาย ที่ถูกทำลายจนย่อยยับ
ดร.รีกอล ซึ่งถูกต้อนจนมุม กับผนังห้อง โดยมีสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด

“ ข..ข้าผิดไปแล้ว…ไว้..ไว้…ชีวิตชั้นเถอะ ขอร้องล่ะ ”
รีกอล ร้องขอชีวิต น้ำตาคลอเบ้าด้วยความกลัวอย่างที่สุด
ต่อประกายแสงที่แวบไปมาถึงสามครั้ง

“ Three ”
“ Two ”
“ One ”
เสียงที่ดังขึ้นรัวติดกันสามครั้งนั้น ทำให้เขา ต้องคลานหนีดิ้นรนด้วยความหวาดกลัวอย่างที่
ในขณะที่ ร่างชุดเกราะมังกรซึ่งมีปีกพลังงานสีรุ้ง ขนาดใหญ่ได้ใกล้เข้ามาและเงื้อดาบในมือขึ้น

“ สู่สุขคติซะเถอะ ”
สิ้นคำดาบก็ถูกตวัดในทันที
“ ไม่มมมมมมมมม ”
รีกอลร้องเสียงหลงด้วยความกลัวสุดขีด

“ Maximum Hyper Typhoon ”
สิ้นเสียงคลื่นพลังงาน ก็เผาร่างของรีกอลจนเป็นจุลไปในที่สุด

………………..
          Fin
………………….

อวสานแล้วจ้า เหอๆจบน่าเกลียดไปไหมเนี่ย ส่วนเสียงประกอบนั้น
เจ็ อัดเอามาจาก ทีวีตอนที่ดูเรื่องไรเดอร์….อยู่แล้วเอามาให้เกรม่อนตัดต่ออีกทีจ้ะ
แหมดูแล้วให้บรรยากาศแปลกๆเนอะ ไม่แน่อาจมีโครงการภาคต่อ ของเรื่องนี้อีก
แต่คงต้องปีหน้าล่ะจ้ะ เพราะตอนนี้ต้องเตรียมสอบตรงแล้ว ถ้ามีภาคต่อของเรื่องนี้ล่ะก็
ที่นี้ล่ะจะเป็น อนิเมะไร้สาระ ดีๆเลยนี่เอง

เพราะงั้นแล้วจะเกริ่นเรียกน้ำย่อยก่อนนะจ้ะ (แต่ไม่รู้จะได้เขียนเปล่า)

เนื้อเรื่องในภาคถัดไป(ถ้ามี)นั้น พวกลอว์เรนซ์ได้มาถึงอนาคตในอีกสามพันปีข้างหน้า
ซึ่งเป็นยุคของเทีย ทว่าพ่อของเธอได้ถูก รีกอล จับตัวไปเพื่อให้ทำการพัฒนาระบบ แอคเตอร์
ที่สามารถใช้กับแลนทิสได้ ส่วนฟอนพี่ชายของ เทีย ก็ได้หายตัวไป และเพื่อที่จะปกป้องเทีย
ไม่ให้ถูก รีกอล จับไปเป็นตัวประกันต่อรองกับพ่อของเธอ พวกลอว์เรนซืจึงต้องแฝงตัวเข้า

เป็นนักเรียนของ มิราบิลิสอาคาเดมี่ด้วย (ผอ.โรงเรียนคือ พวกของเซโร่เพื่อนของพระเอกในภาคที่แล้วซึ่งพวกเขาเป็นจอมเวทย์อมตะเลยอยู่ทนมาถึงสามพันปี) นอกจากนี้เหล่าชมรมที่พี่ของเธอสังกัดอยู่นั้น
เมื่อขาดผู้นำ อย่างฟอนก็ทำให้ร่อแร่เต็มทน เทียจึงได้คิดหาวิธีแก้ ไขโดยการส่งพวกลอว์เรนซ์
 ให้เข้าไปช่วยทีมของพี่ชายเธอ (คิดว่าคงจะพอเดากันได้ว่าใครไปอยู่ชมรมไหนบ้างนะถ้ายางคนเคยดูภาคแรกแล้ว
รับรองถึงบางอ้อแน่)

ขณะเดียวกันองค์กร Bell Cross (ระฆังไขว้)ที่เป็นผู้พัฒนาระบบแอคเตอร์นั้น ต้องการที่จะรวมเอาลิขสิทธิ์
ของมาสเตอร์แอคเตอร์มาเข้าผนวกด้วย ทำให้การต่อสู้นั้นทวีความยุ่งยากขึ้นไป
เมื่อต้องรับมือกับทั้งรีกอล และ Bell Cross (รีกอลกับ Bell Cross เป็นศัตรูกัน แต่ทาง Bell Cross เองก็ต้องการที่
จะเอามาสเตอร์แอคเตอร์มาครอบครอง เพื่อเป็นใหญ่ในวงการธุรกิจ   ) ทุกท่านจะได้ชมความไร้สาระ
แบบที่หาดูได้ใน อนิเมะทั่วไปในภาค สามนะจ้ะ บายจ้ะ
« Last Edit: September 14, 2008, 05:38:24 PM by cocka-c » Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #17 on: September 07, 2008, 08:20:10 PM »

มาแรง จบเร็ว แปลกๆๆๆๆๆๆๆๆจัง
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #18 on: September 07, 2008, 08:27:57 PM »

เจ้าการูรูม่อน มันบอกไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งแล้วว่ามันจะ เขียนความยาวแค่ประมาณ สองบทของ ตำนานทาลิ
เลยมีแค่ 4 ตอนเองอาจจะสั้นไปหน่อยแต่อย่างว่าล่ะ ลอว์เรนซ์เก่งขึ้นจมขนาดนั้นคงไม่มีใครสู้ได้แล้วเลย
จบไปเลยล่ะมั้งเหอๆทีนี้จะได้พิมพ์ตอนพิเศษซักที แต่มีแค่บทเดียวง่ะเพราะต้องเตรียมสอบเช่นกัน
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #19 on: September 11, 2008, 02:50:43 AM »

จะว่าไปไหนๆก็จบภาคต่อของ ตำนานทาลิ ไปแล้ว มีวครรู้สึกบ้างไหมว่ามันคุ้นๆ
cast off เงี้ย แถมเสียงเอฟเฟคที่เอามาให้โหลดกันก็อ่ะนะใครเคยดูคงอ๋อไปตามๆกัน
ทีนี้เรื่องของเรื่องคือมันยังไม่จบน่ะสิ เพราะพวก ลอว์เรนซ์ดันข้ามกลับไปอนาคต ก็เลยว่าจะมีภาคต่อ
นอกจากนี้ยังมีพล็อตอีกเยอะ ไปๆมาๆจับมันมามิกซ์กันจนได้ชื่อเรื่องภาคใหม่แว้ว

แต่ยังไม่พิมพ์หรอกนะ เพียงแต่จะลงตอนในภาคต่อนี้ ซักตอนเพราะว่าแอคเตอร์ที่ออกแบบมามัน
ยังลงไม่หมดเลยกะขอเอามาลงให้หฃมดเลย เพราะหากเจ็ไม่ได้มาเขียนอีกจะได้ไม่มมีอะไรมาคาใจ
ไม่งั้นก็เกรม่อนคุงมาเขียนต่อแทนเจ็ จะได้จับทางถูก ดังนั้น อาทิตย์นี้หลังจากลงตอนพิเศษ ทาลิ แล้ว
ตอนพิเศษของเจ็ก็จะลงถัดไปอีกอาทิตย์เช่นกัน

ซึ่งก็อย่างที่บอกกันไปว่าที่จริงมันไม่ใช่ ตอนพิเศษแต่เป็นตอนๆหนึ่งใน ภาคใหม่ที่จะลงต่อจากนี้ แน่ล่ะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่
พวกเจ็ทำกันหรอกนะ แต่ภาคแรกที่เป็นตำนานทาลิ น่ะทำไปแล้ว  คือตอนพิเศษวันวาเลนไทน์ แต่ไปๆมาๆมันไม่ฟิคกะเนื้อเรื่องก็เลยตัดไป ไม่นำมาใช้ร่วมกับเนื้อเรื่องหลัก

แต่บทที่จะลงนี้เป็นตอนจากเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งจะหยิบมาเล่าถึงก่อนเพราะเป็นตอนที่ แอคเตอร์ที่ออกแบบไว้ออกมารวมกับของเก่าครบพอดี โดยชื่อของภาคนี้มัน
ชื่อ Multi Armor Actor Seed desti...เอ็ยไม่ใช่ Multi Armor Actor V.O.W (Voice of war)

เหอๆหลุดไปหน่อยเอาเถอะเห็นชื่อคราวนี้คงรู้นะว่ามาจากเรื่องอะไร และแน่นอนว่า มันเป็นตอนที่หยิบยกมาจึงต้องมีการเกริ่น
ถึงสภาพการณ์ต่างๆของ ภาคนี้ก่อน ซึ่งเจ็จะมาลงให้พร้อม ตอนพิเศษของตำนานทาลินะ แต่เราจะลงแยกกระทู้กัน
แล้วเจอกันจ้า

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #20 on: September 14, 2008, 07:09:27 PM »

เกริ่นก่อนลงตอนพิเศษ ในอาทิตย์หน้าจ้า


เอ้อที่จริงมันก็ไม่ได้เป็นตอนพิเศษอะไรหรอกนะแต่เจ็ เห็นว่ามันเป็นตอนที่น่าจะเอามาให้ชมยั่วน้ำลายกันไปก่อน
เนื่องจากว่า ดีไซน์ของ แอคเตอร์มันยังเหลืออีกบานเบอะเลยที่ยังไม่ได้ ลง ตอนแรกเจ็กะว่าจะลง
ให้หมดทั้งสี่บทนั่นเลยแต่ไม่ไหวเยอะเกิน มันเลยกลายเป็นว่ามีภาคต่อแทน ดังนั้นวันนี้เพื่อความสมบรูณ์ที่อาจจะไม่เกิดขึ้นในอนาคต

 เจ็ จึงขอหยิบเอา บทๆหนึ่งของภาคต่อนี้มาให้ชมกันก่อน เพราะมันเป็นช่วงการเปิดตัวของแอคเตอร์ใหม่อีกสองตัว
ซึ่งตัวหนึ่งเป็นไฮเปอร์โหมดของ เนลฟาแอคเตอร์ ส่วนอีกตัวเป็น แอคเตอร์สายพันธุ์ใหม่(มีหลาย ซีรี่ส์ จริงๆอย่างกะกันดั้ม ) ชื่อของมันคือ อาร์เมอร์แอคเตอร์  (Armor Actor) ทีนี้ ก่อนจะมาดูกันนั้น คงต้องมีการเล่ารายละเอียดก่อนล่ะนะ เพราะมันเป็นการหยิบยกเอาตอนๆหนึ่งในภาคต่อมาขึ้นให้ดูเพื่อจะได้ลงภาพให้ครบทุกตัว

เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า หลังจากที่พวก ลอว์เรนซ์ข้ามเวลาไปยังอนาคตอีก 3000 ปี พ่อของเทีย ถูกรีกอล
จับตัวไปเพี่อให้สร้าง แอคเตอร์ที่สามารถเพิ่มพลังให้กับแลนทิสได้ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น(แล้วจะยกขึ้นมาทำไม)

เพราะเนื้อเรื่องของช่วงที่หยิบมานี้ มันหลังจากที่โค่นล้ม แลนทิสและรีกอล ลงได้แล้ว ครอบครัวของเทียกลับมาอยู่กันพร้อมหน้ายกเว้น ฟอนพี่ชายของเธอที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากที่ เทีย กลับมายังอนาคต
และแม้จะปราบ รีกอล ลงได้ในที่สุดก็ยังคงไม่พบข่าวคราวจากพี่ชายเธอ   

จากปากคำของรีกอลที่สารภาพออกมาว่าตน ไม่ได้ฆ่าพี่ชายของเธอหากแต่ในวันนั้นพี่ชายของเธอได้ หนีพ้นไปจากเงื้อมมือของเขา ทำให้การตามหาตัว ฟอน เริ่มขึ้นในขณะที่แลนทิสนั้นยังคงไม่หมดไปอย่าง ถาวรเมื่อ
องค์กร bell cross  ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยและพัฒนาแอคเตอร์ ที่มีอำนาจที่สุดโดยมีความ มุ่งหมายในการ
สร้างแอคเตอร์เพื่อสันติภาพ เป็นเพียงหน้ากากบังตา หากแท้จริงนั้นต้องการหาผลประโยชน์จากแอคเตอร์

โดยการสร้างแอคเตอร์  เพื่อขายให้รัฐในราคาสูง เพื่อต่อสู้กับ แลนทิส แต่เมื่อแลนทิสได้สูญสิ้นการควบคุมจากรีกอล
ทำให้ดุลการค้านั้นเสียไป bell cross จึงได้เข้าทำการสร้างเรื่องขึ้น โดยทำให้แผนการ แลนทิสเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างลับๆและคอยควบคุมมันเพื่อให้ เป็นข้ออ้างที่แอคเตอร์ยังจำเป็นอยู่  ในขณะเดียวกันพวกเขาต้องการที่จะให้พ่อของเทีย
ที่พัฒนาระบบมาสเตอร์แอคเตอร์นั้นมาเข้าร่วมกับองค์กรเพื่อการพัฒนา ระบบแอคเตอร์สำหรับนำไปใช้ในสงคราม

ขณะเดียวกันกลุ่มของ ลอว์เรนซ์ ที่ยังติดอยู่ที่ยุคนี้เพราะมาสเตอร์แอคเตอร์นั้น ครั้นที่มายัง อนาคตนี้ เขากลับไม่สามารถควบคุมมันได้ดั่งใจ จึงยังไม่อาจเปิดประตูเวลากลับไปได้ ไม่นาน ก็เริ่มมีความคิดที่แตกแยก ริคุ และ นีน่า ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับองค์กรbell cross) 
เพราะหลงเชื่อในคำพูดของ ประธานหญิง อาเทเนีย (Athenia) ซึ่งประกาศอุดมการณ์ในการที่จะทำให้
สงครามกับแลนทิสที่ยังคงหลงเหลือหมดไป (ไม่มีใครรู้ว่าองค์กรอยู่เบื้องหลัง ) และในที่สุด ริคุ กับ นีน่าก็ได้แยกจากกลุ่มไปเพื่อเข้าร่วมกับองค์กร ทว่าการที่เจนัสและลอว์เรนซ์ซึ่งไม่เห็นด้วยที่ จะยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงคราม

ครั้งนี้ ประกอบกับการขัดขวางการดำเนินงานของ bell cross อยู่เนืองๆทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นศัตรูกันอย่างเลี่ยงไม่ได้

โดยที่ลากูน่านั้น ไม่อาจที่จะทนรับได้หากพวกของเขาต้องมาห้ำหั่นกันเองเขาจึงไม่เลือกที่จะอยู่ฝ่ายใด
และหนีหายไป ก่อนจะเข้าร่วมกับ กลุ่มต่อต้านอิสระ ที่ตั้งขึ้นเพราะรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงขององค์กร bell cross
ทำให้เขาพยายามที่จะนำข่าวนี้ไปแจ้งให้ เป็นที่ประจักษ์โดยต้องฝ่าการขัดขวางขององค์กร  อย่างยากลำบาก

นี่คือสภาพการของตอนที่จะยกมานี้ ก่อนที่จะอธิบายว่าแอคเตอร์ที่มาใหม่นี้คืออะไรนั้นจะขอเกริ่นไปถึง
ตัวละครใหม่อีกคนที่จะมาร่วมในบทนี้ด้วย ซึ่งพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของเทีย
ซึ่งมี 3 คน ซึ่งมีบทบาทในการ ช่วยเหลือพวกลอว์เรนซ์ ในการโค่นอำนาจของ รีกอล ดังต่อไปนี้

สเตร่า เคลม (Stelar Clame)  นักเรียนหญิง เป็นคนที่มีนิสัย ออกจะห้าวๆอยู่บ้าง แต่ด้วยหน้าตาที่สวยใสเสียจนหนุ่มหลงทำให้มีคน เข้าหาเธอมากมายแต่ก็ถูกปฏิเสธกลับไปเสียทุกคน ทว่าพี่ท่านดันไปชอบ เจนัส ซะนี่ประมาณว่าคุณเธอแค่สบตาก็ตกหลุมรักในทันที สังกัดชมรม ยิงปืนที่ตอนนี้ นีน่า ให้ความช่วยเหลือฝึกซ้อมอยู่

ชินจิ  ยามาโตะ (Shinji yamato) นักเรียนชาย ธรรมดาๆที่มีนิสัย ร่าเริงรักพวกพ้อง ที่สำคัญเขาแอบชอบ สเตร่า อยู่ด้วย
 สังกัดชมรมมวยที่ตอนนี้เจนัสให้การช่วยเหลือฝึกซ้อมอยู่ 

ลูน่า เรมวี่ (Luna Lemvie) นักเรียนหญิง ธรรมดาๆอีกคน เธอคนนี้มีนิสัยเรียบร้อย และขยัน เธอจึงได้รับเลือกให้ทำหน้าที่ ประธานห้องโดยปริยาย ทว่าเมื่อนำข้อมูลของเธอคนนี้ไปผนวกกับอีกสองคนข้างบนทำให้มันกลายเป็นรักหลายเส้าไปในทันที เพราะคุณเธอดันไปชอบ อีตา ชินจิ นี่สิ แต่เค้าก็ดันไม่เห็นหัวซะงั้นดังนั้นผังความรักคงจะเรียงอย่างนี้  ลูน่า ชอบ ชินจิ ชอบ สเตร่า ชอบ เจนัส ชอบ นีน่า  เรื่องวุ่นๆมันก็เลยเกิดในช่วงแรกที่ออกจะไปในแนวตลกเบาสมองไปวันๆ  แต่แล้วเรื่องก็เกิดจนได้

จุดเริ่มของวังวนแห่งความแค้น

ก็อย่างที่ว่าไปเรื่องมันจะไม่เกิดเลยถ้ายัย สเตร่า เป็นมนุษย์เดินดิน แต่พี่ท่านดันเป็นแลนทิส โดยที่ไม่รู้ตัวเนี่ยซี่
และเรื่องมันก็เริ่มตรงที่ว่า วันที่คุณเธอกลายเป็นแลนทิส ก็ดันควบคุมตัวเองไม่ได้และเกือบจะฆ่า ชินจิ กับ ลูน่าไปอยู่แล้ว แต่เดชะบุญ เจนัสมาช่วยไว้ทัน และจัดการเก็บ สเตร่า ไปต่อหน้าต่อตา ชินจิ ทำให้เรื่องได้เกิดขึ้นเมื่อ เจ้า ชินจิมันดันแค้นเพราะรัก ทำให้ตั้งแต่นั้นพี่แกไปยอมสบตาเจนัสอีกเลย แถมยังเปลี่ยนนิสัยไปเป็นคนละคนอีกจากที่เคยร่าเริงแจ่มใสกลายเป็นเย็นชาไร้ความรู้สึกไปแทน



นั้นคือเหตุการณ์หลังจากที่ รีกอล ถูกกำจัด ต่อมาหลังจากที่ ริคุ และนีน่า แยกตัวไปเข้ากับ bell cross
เรื่องก็เกิดอีก เพราะต่อมา bell cross ได้พัฒนาระบบแอคเตอร์ แบบใหม่ขึ้นมา นั้นคือ อาร์เมอร์ แอคเตอร์ ส่วนรายละเอียดจะบอกอีกที


และกำลังค้นหาผู้มีคุณสมบัติ ทีนี้เรื่องมันมีอยู่ว่า แอคเตอร์ตัวนี้มันคล้ายๆกับ ไฮเปอร์แอคเตอร์ ซึ่งก็คือดาบ ที่ใช้เปลี่ยนเป็นไฮเปอร์โหมด ของลอว์เรนซ์นั่นล่ะ สาเหตุที่ ไฮเปอร์แอคเตอร์  เลือก ลอว์เรนซ์

เพราะเขามียีนพันธุกรรมของมังกรอยู่ในตัว ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า Dragoordinator (ดราโกออดิเนเตอร์)
ดังนั้นเพื่อการที่จะใช้อาร์เมอร์แอคเตอร์ ทำให้ต้องมีการ ผ่าตัดดัดแปลง ยีนพันธุกรรม เพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางกายให้ตรงกับ แอคเตอร์  ซึ่งเรียกผู้ที่ผ่านกระบวนการนี้ว่า Coordinator (โคออดิเนเตอร์) ชินจิถูกยื่นข้อเสนอ

ให้เข้ารับการเป็นเจ้าของ อาร์เมอร์แอคเตอร์เพราะเขามีคุณสมบัติ ตามที่ต้องการอยู่
ซึ่งเรื่องมันก็เข้าทางพอดีเพราะเขาที่เก็บเรื่องของ สเตร่าไว้ในใจมาตลอด ทำให้มันกลายเป็นเชื้อไฟแห่งความแค้น

ในที่สุด ชินจิได้ตัดสินใจ ดวลหมัดกับเจนัส(อยู่ชมรมมวยอ่ะนะ)  โดยมีข้อแม้ว่า หากเขาชนะเจนัสจะต้อง
ออกจากชมรมแต่ถ้าเขาแพ้ เขาจะเป็นฝ่ายไปเอง ผลก็แพ้เจนัส ตามคาด เพราะความด้อยกว่าทั้งทางเผ่าพันธุ์และประสบการณ์ (ถือว่าเป็นคนธรรมดาที่สู้กับเจนัสได้นานที่สุด 1 นาทีเต็ม) ซึ่งนั่นทำให้ไฟติดขึ้นมาจนได้
เพราะหลังจากที่ออกจากชมรมไป และรับข้อเสนอเข้ารับ การเป็น เจ้าของอาร์เมอร์แอคเตอร์ Chaos (เคออส)

ก่อนจะหายตัวไปพร้อมกับข่าวลือว่าเขาตายไปแล้ว ทิ้งช่วงจากนั้นสักพัก เพราะจะตัดไปทางด้าน ของลากูน่าที่ไปเข้ากับกองกำลังต่อต้านอิสระ ก่อนจะตัดกลับมาอีกที ทีนี้ศึกระหว่าง ชินจิกับเจนัส ก็ได้เริ่มขึ้นหลังจากที่ เจนัสจัดการกับ

แลนทิส เสร็จและกำลังจะหนีออกจากสถานีวิจัยร้าง ของรีกอล (ในตอนนี้คิดว่าน่าจะเป็นช่วงที่เจนัสตามสืบข้อเท็จจริงขององค์กรอยู่)  ในขณะที่หนีออกมานั้น อาคารได้ถล่มลงมา ชินจิก็ได้เดินออกมาจากกองเพลิงที่เป็นต้นเหตุให้อาคารถล่มลงมา พร้อมกับประโยคเพียงประโยคเดียว “ ชั้นกลับมาจากนรกเพื่อจะส่งนายลงไปแทน ”
ก่อนจะใช้ อาร์เมอร์แอคเตอร์ เคออส แปลงร่างและเข้าปะทะ 

ในครั้งนี้ ชินจิมีพลังมากกว่าเดิมเนื่องจากการดัดแปลงยีนในร่างกายใหม่ทำให้เขามีพลังเทียบเท่ากับเจนัสเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ด้วยระบบเสริมของ อาร์เมอร์แอคเตอร์ซึ่งเป็นการประกอบ พาสชิ้นส่วนเสริมพลัง
และเขายังใช้จุดอ่อนของ เจนัส ที่จะไม่โจมตี เต็มแรงใส่ ส่วนหัวเพื่อสังหารอีกฝ่าย ที่ไม่ใช่แลนทิส ทำให้เจนัสไม่อาจต่อกรได้และ ถูกชินจิ ซัดตกหน้าผาไป ต่อหน้ากล้องที่ถ่ายทอด การสังหารของเขาไปยัง องค์กร ต่อหน้าต่อตา ริคุ กับ นีน่า

ทำให้ในที่สุด ริคุกับนีน่า เริ่มที่จะไม่ไว้ใจองค์กรอีกต่อไป(ตอนที่ชินจิกลับไปยังองค์กรเขาได้รับการต้อนรับ
อย่างวีระบุรุษ แต่ริคุได้เข้ามาถาม(น้ำเสียงประมาณมาหาเรื่องซะงั้น)ว่าทำไมต้องถึงกับฆ่าเจนัสด้วย เพราะคำสั่งที่ออกไปนั้นแค่บอกให้ขัดขวางผู้ที่แทรกแซงภารกิจเท่านั้น  ) ในขณะนั้น ลูน่า ซึ่งเธออยู่ที่องค์กรกับพวกริคุด้วย โดยเธอทำหน้าที่เป็นหน่วยข่าวกรองให้กับองค์กร อยู่แต่แรกแล้ว ต่อมาเมื่อริคุสามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าองค์กร อยู่เบื้องหลังการ สร้างแลนทิสขึ้นใหม่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
เขาจึงคิดหาทางหนีจากองค์กรโดยพา นีน่า และ ลูน่า หนีออกมา

ชินจิจึงได้รับคำสั่งให้จัดการเก็บพวก ริคุ ที่เป็นคนทรยศซะ  และเขาก็จัดการทำลาย ยานหลบหนีที่ใช้หนีมา จนตกลงทะเลไป
ช่วงนั้น ลอว์เรนซ์ กับ เทีย กำลังเคลียกับ การโจมตีทางบริษัทที่ให้การสนับสนุนการวิจัย ของพ่อเธอ
ซึ่งถูกบีบบังคับจากองค์กร จนในที่สุดเมื่อพ่อของเทียยืนยันที่จะ ไม่ให้ความร่วมมือกับองค์กรอยู่ดี ทางองค์กร
จึงได้ส่งคนมาเก็บแต่ ลอว์เรนซ์ ก็ได้พาหนีออกไป โดยได้รับความช่วยเหลือจาก กองกำลังต่อต้านอิสระ
ที่ลากูน่า สังกัดอยู่ และได้ชวนให้ ลอว์เรนซ์เข้าร่วมด้วย   และแล้วเรื่องก็ได้ดำเนินมาจนถึงจุดที่จะหยิบยกมาแล้ว
จากที่ดูเผินๆมานั้น  จะเห็นได้ว่า หลังจากที่จัดการกับรีกอลลงได้ แกนหลักของการสู้รบจะไปอยู่ที่การสู้กันเองของแอคเตอร์แต่ละระบบมากกว่าจะสู้กับแลนทิสแล้ว(สาเหตุเพราะแลนทิสมีน้อยชนิดมากขืนลงซ้ำชนิดไปเรื่อยๆคงเอียนตายเลย)
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #21 on: September 14, 2008, 07:37:04 PM »

ที่ยาว ๆ ข้างบนนี่  ขี้เกียจอ่านอย่างแรง 
(ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย  )
Logged


greamon
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 534


Email
« Reply #22 on: September 16, 2008, 12:50:25 PM »

Quote
ที่ยาว ๆ ข้างบนนี่  ขี้เกียจอ่านอย่างแรง 
(ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย    )

ก็ ว่างั้นล่ะครับ เจ้าการูรูม่อนมันเล่นอยากลง ภาพดีไซน์ ให้ครบเลยต้องลำบากลำบนกัน
ซะขนาดนี้เอาเป็นว่าผมจะสรุปแบสั้นๆให้ละกัน
เจ้าการูรูม่อนนี่มันไม่มีทักษะการเขียนอะไรที่มนุษย์มนา เขาเข้าใจกันได้ง่ายๆเลย

เรื่องของเรื่องก็คือ ในภาค Multi Armor Actor อะไรเนี่ย
มีตัวละครเพิ่มมาจากภาค War of Actor in Terra อีก 3ตัวละคร และเป็นเพื่อนกัน
ทีนี้ ก็เกิดเรื่องรักหลายเส้า ขึ้นเมื่อ ไอ้ 3 ตัวละคร ใหม่เนี่ย
ดันไปวุ่นกับคู่แท้จากภาคก่อน(ไม่ต้องบอกหรอกเนอะ) ทีนี้ 1 ในตัวละครใหม่คนหนึ่งเป็นแลนทิส
 และถูกเจนัสกำจัดไปก็เลยกลายเป็นการแก้แค้นกันระหว่างเพื่อนไป

แล้วก็เอาไปผนวกกับ เรื่องของแอคเตอร์ก็เท่านั้น เองครับ ที่เหลือนอกจากนั้นมันแค่รายละเอียดเสริม แต่ไม่แน่ ถ้าหลังจากที่อ่านบทพิเศษ
แล้วอาจจะต้องจำใจวนกลับไปดูก็ได้ เพราะ อาจทำให้เกิดอาการมึนเช่น ชินจิ เป็นใครมายังไงหว่า

ดูๆ ไปแล้วยังกะกันดั้ม เลย เฮ้อโรคนี้ท่าจะแก้ไม่หาย
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #23 on: September 21, 2008, 06:00:44 PM »

เนื่องจากในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ ต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ ดังนั้นจะขอเลื่อนการลง ภาค Multi Armor Actor V.o.w
ไปในวันที่ 1 ตุลาเป็นต้นไป
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #24 on: September 21, 2008, 09:14:41 PM »

เนื่องจากในสัปดาห์หน้าที่จะถึงนี้ ต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบ ดังนั้นจะขอเลื่อนการลง ภาค Multi Armor Actor V.o.w
ไปในวันที่ 1 ตุลาเป็นต้นไป
เฮ่อ  ผมก็เหมือนกัน ต้องอ่านหนังสือสอบ 
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #25 on: October 01, 2008, 07:13:39 PM »

Multi Armor Actor V.O.W (Voice Of  War)
เสนอ File XX เขี้ยวที่ฟื้นคืนและปีกที่หักลง
 (XX คือลำดับของบทเนื่องจากยังไม่ได้แต่งขึ้นอย่างเป็นรูปเป็นร่างจึงขอละไว้)

ความเดิมก่อนขึ้นเรื่อง: ริคุ นีน่า และ ลูน่า ได้หลบหนีออกมาจากฐานทัพที่แอนดิซอง
โดย ขโมย ยานขนส่งเพื่อหลบหนีมา ชินจิ และ เซน่า(Zena) จึงได้รับคำสั่งโดยตรงจาก อาเทเนีย(Athenia)
ให้ทำการจม ยาน ของพวก ริคุ ทิ้ง และเมื่อตามมาทัน ริคุ ได้เข้าปะทะกับ ชินจิ แต่ด้วยพาสเสริม
วิงค์โหมด(Wing Mode) ของชินจิ ทำให้ ริคุ ด้อยกว่าในการต่อสู้กลางอากาศ และถูก ชินจิ หักแขนซ้าย
ก่อนจะ ทุ่มลงทะเลไปพร้อมๆกับที่ เซน่า ได้จมยานขนส่งที่ นีน่าและลูน่า โดยสารมาลงสู่ก้นทะเล

ขณะเดียวกัน ที่ คฤหาสน์ไอน่าซัลเฟอร์ ทหารของ Bell Cross ได้เข้าล้อมเพื่อจะ พาตัว ดร. คีออส ไอน่าซัลเฟอร์
หรือพ่อของเทียไป ลอว์เรนซ์ จึงใช้ Hyper Dragonfly พาเทียและพ่อแม่ของเธอ หลบหนีออกมา ก่อนที่
พวกเขาจะถูกไล่ต้อนมาจนถึง เขตท่าเรือเก่า ของฟีเลเซีย พวกเขาจะเป็นเช่นไรก็ต้องลุ้นกันในตอนนี้ล่ะครับ

 Sky Earth Neo Valnia  ซึ่งตั้งอยู่บนหลังเต่ายักษ์ วอลเนีย ที่ลอยตัวอยู่
เหนือ อาณาจักรมิราบิลิส ซึ่ง Sky Earth แห่งนี้คือที่พำนักของราชวงศ์ และเขตทำการของ สภาสูงทั้งหมด
 ณ อาคารทำการของกระทรวง ความมั่นคงระหว่างประเทศ
กระจกที่เว้าออกมาของตึกอาคาร ได้มีห้องกระจกขนาดเล็ก พอที่จะให้คนเข้าไปได้ กำลังลอยตัวไต่ขึ้น
ไปยังชั้นบนของอาคาร ภายในห้องกระจกนั้น แสงตะวันยามเย็น ที่สาดส่องทะลุ กระจกเข้ามาภายในห้อง
ทำให้เกิดเงาพาดเป็นทางไปทั่วห้องกระจก หญิงสาวนางหนึ่ง เธอมีสายตาคมคาย ริมฝีปากอิ่มเอิบ
กิริยาท่าทางสงบด้วยความเป็นกุลสตรี ที่ใบหูซ้ายของนางห้อยต่างหู รูปกางเขนสีเงินเอาไว้
ชุดราตรี สีแดงสดที่สวมอยู่ กระทบกับแสงทอประกายราวดวงดาราก็ไม่ปาน

ที่ผนังห้องใกล้กับประตูนั้น มีแผงปุ่มซึ่งเขียนตัวเลขไว้ที่ปุ่มเรียงไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ โดยมีปุ่มหนึ่งเรืองแสงอ่อนๆอยู่
ขณะที่หน้าปัดบนคานประตูห้อง นั้น แสดงตัวเลขที่เปลี่ยนค่าไปเรื่อยๆ

ติ๊งงงงง

เสียงดังขึ้นพร้อมกับปุ่มหยุดเรืองแสงและ ตัวเลขบนหน้าปัดหยุดนิ่ง พร้อมแรงสะเทือนเบาไปรอบห้องก่อนที่
ประตูห้องจะเลื่อนตัวเปิดแยกออกจากกัน หญิงสาวเดินออกจากห้องไป ประตูก็ปิดลง ก่อนที่ห้องจะเลื่อน
ลงไปทิ้งให้นางอยู่ภายในทางเดินอาคารชั้นใดชั้นหนึ่ง ที่ทอดยาวไปโดยมีประตูห้อง เรียงรายและป้าย
รายละเอียดติดไว้ที่หน้าประตูห้อง นางเดินไปตามทางพร้อมกับไล่สายตาไปตาม ป้ายของห้อง
ก่อนจะไปหยุดลงที่ห้องๆหนึ่งนางยื่นมือไปกดปุ่มที่แผงซึ่งมีลำโพงติดอยู่กับผนังข้างประตู

“ ใครน่ะ ”
เสียงก้องสลัวๆดังออกมาจากลำโพง นาง กระแอมไอทีนึง ก่อนจะสูดลมหายใจลึก

“ ดิ ฉันมาขอพบท่านเสนาธิการ อีเกิล(Eagle) ตามที่นัดไว้ค่ะ ”
นางกล่าวเสียงหวาน ใส่ลำโพง

“ อาเทเนีย เองเรอะ รอสักครู่นะจะเปิดเดี๋ยวนี้ล่ะ ”
สิ้นเสียงที่ดังตอบกลับมา ประตูก็มีเสียงกริ้ก ดังขึ้นก่อนที่จะเลื่อนออก โดยมีชายชราในชุด สูทสวมแว่นตาข้างเดียว
รอต้อนรับอยู่



“ ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ท่านเสนาธิการ ว่าแต่คราวหน้าเรียกพนักงานมาตรวจอินเตอร์โฟน
หน้าห้องท่านหน่อยก็ดีนะคะ เพราะรู้สึกเสียงมันจะแตกฟังไม่ค่อยชัดนะค่ะ ”
 นางกล่าว จบก็ย่างสามขุมเข้าไปในห้องก่อนที่ประตูจะเลื่อนปิด

“ ว่าแต่รีบร้อนมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรงั้นรึ ”
เสนาธิการชรากล่าวถามถึงธุระของนาง ขณะที่เดินตามนางไปยังโต็ะกระจกที่ตั้งอยู่กลางห้อง
ทั้งสองทิ้งตัวลงบนเก้าอี้หุ้มผ้ากำมะหยี่สีแดง โดยนั่งตรงข้ามกัน

“ ดิ ฉันจะมาขอคำตอบเรื่องแอคเตอร์ระบบใหม่ของเราที่จะส่งขึ้นไปให้เหล่าผู้ถูกเลือกน่ะค่ะ ”
นางกล่าวอย่างสงบเสงี่ยม

“ อ๋อเรื่องการส่งแอคเตอร์ให้กับ นักรบระดับสูงของแต่ละทวีป น่ะรึถ้าเรื่องนั้น ล่ะก็พวกเขาไปรวมกันที่
Colony Felasia แล้วคงจะส่งถึงให้ในคืนวันพรุ่งนี้ว่าแต่ระบบใหม่นี่หรือว่า..  ”
เสนาธิการชรา กล่าวตอบก่อนจะเริ่มตั้งคำถามด้วยความสงสัย นางยิ้มรับอย่างเบิกบานก่อนจะกล่าวตอบ

“ ถูกต้องแล้วค่ะ แองเจิลแอคเตอร์(Angel Actor) สำหรับเหล่านักรบทั้งห้าที่เป็นอัศวินผู้พิทักษ์แห่งระฆัง5เสียง
T.Q.V. ได้เสร็จสมบรูณ์แล้วเท่านี้การกวาดล้างแลนทิสทั้งหมดไปก็จะไม่ใช่เพียงความฝันอีกค่ะ ”
นางกล่าวเสียงเรียบ เสนาธิการชรา ถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะกล่าวตอบ

Quote
T.Q.V.  ย่อมาจาก Tintinnabulum Quinque Vox  แปลว่า กระดิ่ง5เสียง หรือ ระฆังเสียง5
คำเหล่านี้เป็นภาษาละติน
โดยคำแรกมีความหมายว่า กระดิ่งหรือระฆัง ส่วนคำที่สองคือ จำนวนนับ5 และคำสุดท้ายแปลว่าเสียงโดยมีรากคำมาจากคำว่า Voice ว่าแต่เอาภาษาละติน มาใช้เนี่ยมันจะกลายเป็น เนกิมะ เลยป่ะเนี่ยเหอๆ จะตั้งชื่ออังกฤษก็โหลเกิน 

“ เฮ่อที่นี้มนุษยชาติก็จะได้อยู่รอดปลอดภัยซะที ต้องขอบคุณเธอและองค์กรจริงๆ ”
เสนาธิการชรากล่าวขอบคุณอย่างสบายใจ

“ มิได้ค่ะท่าน เสนาธิการ ทางเรานั้นต้องการจะรักษาซึ่งสันติสุขแก่ปวงชนทั้งโลก นี่เป็นงานของพวกเรา Bell Cross
ทางเราเองก็ต้องขอขอบคุณที่ทางรัฐให้ความร่วมมือและเห็นความสำคัญใน การจัดการปัญหาของแลนทิส
เป็นอย่างยิ่งค่ะ ”
นางกล่าว ก่อนที่ทั้งสองจะจับมือแสดงความยินดี

“ หึ..เพื่อสันติสุขของมวลมนุษย์ รึถูกหลอกแล้วยังไม่รู้ตัวอีก พวกแกจะยิ้มระรื่นได้
ก็แค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะเพราะอีกไม่นานพวกแกก็ต้องถูกลบหายไป แล้ว…หึๆๆ ”
นางคิด ภายใต้หน้ากากของผู้พัฒนาเพื่อสันติ โดยลับหลังนางก็คือผู้บงการแผนการทั้งหมดนั่นเอง

……………………
………………………
…………………………

ณ ท่าเรือร้าง เมือง เอรีม เก่า เขตฟีเลเซีย

“ ลอว์เรนซ์จะทำยังไงดีล่ะเราไม่มีทางหนีแล้วนะข้างหน้าก็เป็นผาทะเล ด้านหลังพวกทหารมันก็ไล่มาแล้วนะ ”
เทีย กล่าวอย่างร้อนรน ขณะที่เหลียวกลับไปมอง พลทหารหุ้มเกราะนับสิบนาย ซึ่งสวมใส่ มัลติอาร์เมอร์
ได้ไล่หลังพวกเขามาเรื่อยๆ  ลอว์เรนซ์ได้แต่จ้องลงไปยังพื้นน้ำเบื้องล่าง พวกเขาอยู่บนตึกทำการ
ของท่าเรือที่ตั้งอยู่บนหน้าผา ทะเล ด้านล่างนั้นเป็นพื้นน้ำที่ลึกและมีคลื่นทะเลที่รุนแรงซัดสาดตลอดเวลา
ด้านหลังพวกเขา ก็ถูกล้อมไปด้วย ทหารของ Bell Cross นับสิบนาย ขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ผิวน้ำ
พลันเขาก็รับได้ถึงอะไรบางอย่าง ขณะเดียวกันทหารทั้งหมดได้ล้อมวงเข้ามาใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อยๆ


“ โดดเร็วเข้าไม่มีเวลามาอธิบายแล้ว ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบก็ โอบ พ่อและแม่ของ เทีย ให้โดดผ่านผนังตึกที่พังลงไปยังทะเลเบื้องล่างก่อนที่ตัวเขาจะอุ้ม เทีย
และโดดตามลงไป

“ พวกมันบ้าไปแล้วรึไง ลงไปตายชัดๆ ”
พลทหารนายหนึ่งกล่าวขณะที่ทุกนายพยายามจะเข้าไปรั้งตัวพวกเขา แต่ก็ไม่ทัน ได้แต่มองตามลงไปยังผิวน้ำ
ที่เต็มไปด้วยคลื่นทะเลซึ่งพัดกระหน่ำอย่างแรง โดยไร้วี่แววของพวกเขา

………
…………..
………………

ก๊องงง..ก๊องงง..ก๊องงง

เสียงคล้ายเหล็กถูกเคาะดังกังวาน ขึ้นหลายครั้งภายใน ยานดำน้ำขนาดยักษ์รูปร่างคล้ายปลาสีขาว

“ Angel Wing กำลังดำลงระดับความลึก 25…26….28…..30… ”
เสียงประกาศดังก้องไปทั่วลำเรือ

“ รักษาระดับการดำไว้ที่ 45  ”
เสียงของแม่ทัพสาวผมทอง ในชุดนายพลหญิงสีขาวตัดน้ำเงิน สั่งการนักบิน ทั้งสามนายที่กำลังปฏิบัติ
การอยู่บนแผงควบคุม ด้านล่างแท่นบังคับการ

ปึ้ง….วืดดด…ปึ้ง
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ลากูน่า ที่เดินเข้ามาภายในห้องหลังจากที่ประตูเลื่อนเปิดออกและปิดลง

“ อ้าว ลากูน่าเองเหรอ อีกเดี๋ยวก็จะถึง Heaven Base ที่ลาซาล(Lazal) แล้ว…ว่าแต่อาการของ ครึ่งสมิงพังพอนที่ช่วยมาล่ะ ”
แม่ทัพสาวกล่าวไม่หยุด อย่างร้อนใจ

“ พี่ริคุ ได้สติแล้วล่ะครับ แล้วก็ เนลฟาแอคเตอร์ ซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยแล้วพร้อมจะออกปฏิบัติการได้ทุกเมื่อแล้วครับ  ”
ลากูน่ากล่าว ตอบอย่างแข็งขัน

“ อืมต้องบอกว่าโชคดีจริงๆนะที่ ได้ ดร.คีออส มาช่วยทำให้ มัลติอาร์เมอร์กับแอคเตอร์อันอื่นๆ
ได้รับการซ่อมแซมจนสมบรูณ์น่ะ..แต่ฉัน ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีนะทำไมพี่ชายเธอถึงต้องการทำภารกิจนี้ด้วยล่ะ
ที่จริงไม่เห็นต้องเข้าไปยุ่งด้วยเลยก็ได้นี่ หนำซ้ำ จากที่ฟังมาน่ะโดนเค้ายำมาเละเลยไม่ใช่เหรอ แล้วนี่เพื่อนก็ยัง
มาโดนทำร้ายอีก จะแก้แค้นก็ไม่ใช่ฉันล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ ”

แม่ทัพสาวบ่นไม่หยุดปากขณะที่นั่งคิดถึงเหตุผลในการทำภารกิจนี้

“ ผมว่า..พี่เค้าคงมีเหตุผลแหล่ะครับแล้วก็อีกอย่างถ้าภารกิจนี้สำเร็จดีไม่ดีเราอาจจะได้ กำลังรบเพิ่มมาด้วยก็ได้
จริงมั้ย ครับ ว่าแต่หลังจากนี้คุณคางาริ(kagari) ไม่ต้องกลับไปที่ Nerunda Tower แล้วรึครับ ”
ลากูน่า กล่าว



“ ฐานที่ทะเลสาบนีรันด้า ย้ายขึ้นไปสมทบกันที่ Colony Zalom แล้วล่ะสรุปคร่าวๆก็คือ เหลือแค่พวกเราเท่านั้นที่ยังอยู่บนโลกหลังภารกิจนี้ เราจะนำยานขึ้นวงโคจรแล้วไปสมทบกันที่ Colony ทันทีช่วยไปบอกพวกเขาทีนะ  ”
คางาริ กล่าวจบ ลากูน่า ก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับออกไป

……..
………….
……………..
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #26 on: October 01, 2008, 07:21:40 PM »

“ นี่นายถ้าไม่ทานอะไรซะบ้างเดี๋ยวก็ไม่หายกันพอดี ”
“ ใครใช้ให้นายอุ้มฉันโดดล่ะยะ ”
“ ไม่เอาน่าชั้นกินเองได้ไม่ต้องป้อนหรอก ”
“ ถ้าตอนนั้นชั้นไม่เห็นว่า ลากูน่า บกธง อยู่ที่ใต้หน้าผาล่ะก็ ป่านนี้เราคงไม่รอดหรอก ”
“ ยังจะมาพูดดี อีกแขนหักแบบนั้นน่ะจะกินยังไง ”

เสียงโหวกเหวก ดังลั่นออกมาหลังประตู เหล็กก่อนที่มันจะเลื่อนเปิดออก ลากูน่าที่เดินเข้ามาเจอสภาพภายในที่
วุ่นวายก็ถอนหายใจด้วยความกังวลเล็กน้อย ห้องกว้าง ที่รอบผนังห้องมีเตียงพยาบาลตั้งรายรอบ กับ

จอรับภาพที่ติดอยู่ที่ผนังห้อง ริคุ ที่เข้าเฝือกแขนกำลัง วุ่นอยู่กับ นีน่า ที่จะป้อนข้าวให้ ขณะที่ ลอว์เรนซ์ กำลัง
ปรับความเข้าใจกับ เทีย ที่ยังโมโหเขาไม่หาย ส่วน
ลากูน่า กวาดสายตาไปรอบห้องก่อนจะไปหยุดที่ เจนัสพี่ชายของตน



“ พี่ครับทุกอย่างพร้อมแล้ว สามารถออกตัวได้ทุกเมื่อ ”
ลากูน่า กล่าวจบ ประตูห้องก็เลื่อนเปิดอีกครั้ง พร้อมกับที่ พ่อและแม่ของเทียก้าวเข้ามาในห้อง

“ การติดตั้งบูสเตอร์(Booster)เรียบร้อยแล้วทีนี้ก็สามารถรบได้ทั้งบนฟ้าแล้วก็อวกาศด้วย ส่วนตอนที่ Time Walk
ตัวระบบของแอคเตอร์จะ ส่งถ่ายประจุ โครโนตรอน เข้าไปในบูสเตอร์เอง เพราะงั้นถึงแม้ Time Walk
บูสเตอร์ก็ยังคงทำงานได้ ”
คีออส พ่อของเทียกล่าวขณะที่รับผ้าเช็ดมือมาจากภรรยาของตน เพื่อเช็ดคราบน้ำมันที่มือ ออก

“ ขอบคุณนะครับเพราะถ้าบินไม่ได้ผมก็คงลำบากเหมือนกัน ”
เจนัสกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู

“ เดี๋ยวสิถ้ายังไงชั้นไปช่วยอีกแรงจะดีกว่านะ เพราะฝ่ายนั้นเขามีสองไม่ใช่รึไง ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวขณะที่เข้ามาขวางประตูไว้ เจนัส ขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ลอว์เรนซ์เห็นจึงรีบตอบกลับไปทันที

“ ไม่ต้องห่วงชั้นแค่จะไปคอยกันตัวเกะกะให้รับรอง ไม่เข้าไปยุ่งกับนายแน่นอน ”
ลอว์เรนซ์กล่าว ซึ่งแม้จะไม่พอใจนักแต่เจนัสก็ยอมให้เขาตามไปด้วย ทั้งสองเดินออกไปจากห้อง
นีน่าและริคุ เหลียวไปมองหลังของทั้งสองก่อนที่ประตูจะปิดลง

“ ทำไมเจนัสถึงต้องทนลำบากทำภารกิจนี้ด้วยนะ ”
นีน่าเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

“ หมอนั่นคงเห็นตัวชั้นอีกคนเหมือนกับเจ้าเด็กจอมอาฆาตคนนั้นก็ได้ มั้ง ที่จริงชั้นก็ไม่ได้
อยากจะโทษเจ้าเด็กนั่นหรอกนะ เพราะ ครึ่งนึงพวกเราเองก็เคยเข้าใจความรู้สึกแบบนั้นมาแล้วนี่ ”
ริคุกล่าว ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียง

“ เจ้าบ้าเอ๊ย ตอนนั้นน่ะมันใช่ความผิดนายซะที่ไหนกัน.. ”
ริคุ คิดก่อนที่จะปิดตาลง

………….
……………..
…………….

ครู่ต่อมา
ณ ทางเดินแคบๆที่เพดานติดไฟสีแดงกระพริบตลอดเวลา บนพื้นมี รางสำหรับตัวเลื่อนเพื่อยิงส่ง
ติดตั้งยาวไปจนถึงประตูเหล็กที่ปิดอยู่  เจนัส และ ลอว์เรนซ์ทั้งสอง ถือแอคเตอร์ เอาไว้ในมือเพื่อเตรียมรอสัญญาณ

“ Gate Stand by ”
เสียงประกาศดังขึ้น ก้องไปทั่วทางเดินนี้ พวกเขาทั้งสองได้ประกอบแอคเตอร์เข้ากับร่างทันที

“ Exchange ”
สิ้นเสียงก็เกิดบล็อกจำนวนมากมาย เรียงตัวขึ้นในอากาศรอบตัวพวกเขาก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นชุดเกราะ
พร้อมกับที่ประตูเหล็กได้เปิดออก ภาพพื้นดินซึ่งตัดกับทะเลที่อยู่ปลายสุดทางเดินได้ปรากฏแก่สายตาลมทะเลพัดโชยเข้ามาภายใน ทั้งสอง ได้เดินเข้าไปประจำที่ยังกระดานจักรกล ที่ติดตั้งกับแท่นสำหรับปล่อยตัว





“ Catapult Shooter Stand by ลำดับการออกตัวเริ่มจาก เนลฟา เวลาในการออกตัวแล้วแต่ทาง เนลฟา ”
เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง ภายในชุดเกราะหน้ากากที่สวมใส่อยู่ของพวกเขานั้น ได้มีการเพิ่มความสามารถ
ในการสื่อสารและติดต่อเข้าไปด้วยซึ่งพวกเขามองเห็นเป็น แถบข้อมูลแสดงข้อมูล และตัว ล็อคเป้า
วิ่งไปมาบนจอรับภาพของหน้ากากที่พวกเขาสวมอยู่

“ เจนัส รูลเวลล์  เนลฟาแอคเตอร์ ออกตัว ”
สิ้นคำ เจนัสก็เหยียบสวิตซ์ที่กระดาน ก่อนที่มันจะเคลื่อนตัวพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว  และขึ้นบินไปในอากาศ
เจนัส ทรงตัวอยู่บนกระดานได้สำเร็จ ก่อนที่จะบังคับให้มันบินตรงไปยัง แผ่นดินที่อยู่ตรงหน้า

“ Catapult Shooter Stand by ลำดับการออกตัวถัดไป เดรค เวลาในการออกตัวแล้วแต่ทาง เดรค ”
เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้ง

“ ลอว์เรนซ์ ซาราเบลด เดรคแอคเตอร์ ออกตัว ”
ลอว์เรนซ์กล่าวจบ ก็เหยียบสวิตซ์ที่กระดาน ก่อนที่มันจะวิ่งตรงออกจากยานไป และลอยลำขึ้นไปสมทบกับเจนัส

“ การออกตัวเสร็จสิ้น ”
นายทหารที่ห้องบังคับการรายงาน ขณะที่เขายังคงรัวมือไปบนแป้นพิมพ์ อย่างต่อเนื่อง

“ เอาล่ะเราจะเข้าสู่ First Page แล้วเตรียมตัวได้ ”
“ ครับ ”
คางาริสั่งการจบ เสียงตอบรับของทั้งสองคนก็ดังตอบกลับมา โดยติดต่อผ่านทางชุดเกราะมาที่ห้องบังคับการ

…………………
………………….
……………………

ณ ฐานปฏิบัติการชั่วคราวของ Bell Cross บนชายหาด ลาซาล

กระโจมเต็นท์ขนาดใหญ่ กางอยู่บนชายหาดที่ว่างเปล่าแห่งนี้ ลมทะเลพัดโหมเสียจน ผ้าใบปลิวสะบัดพลิ้วลู่ไปตามลม
ขณะที่ภายในนั้นกองทหารหลายนายกำลังตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

“ เรดาห์จับได้ว่ามีวัตถุไม่ทราบสัญชาติสองลำกำลังบินมาทางนี้ครับ ”
“ เครื่องตรวจสอบพลังงานจับคลื่นประจุ โครโนตรอนได้ คาดว่าเป็นแอคเตอร์ครับส่วนรุ่นคือ
MA-01 Drake กับ MA-02 Nelfa ครับ ”
เสียงรายงานของพลทหารดังสลับกันไปเรื่อย ในขณะที่ผู้หมวดต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดต่อสถานการณ์ณ์ที่เกิดขึ้น

“ รีบติดต่อไปยังสำนักงานใหญ่ให้ส่งกำลังเสริมมา พวกที่เหลือให้สวมใส่ มัลติอาร์เมอร์เพื่อเตรียมรับมือ ”
ผู้หมวดกล่าวจบเหล่าพลทหารก็ยุ่งกันเป็นการใหญ่

“ ฉุกเฉินๆ ขณะนี้ข้าศึก มาสเตอร์แอคเตอร์สองลำกำลังตรงมาเตรียมการรับมือโดยเร็ว ”
เสียงประกาศดังก้องจาก เสาลำโพง ที่ปักทิ้งไว้บนหาด เหล่าทหารทุกนายที่ได้ยินคำสั่งต่างรีบวิ่งไป
ประจำที่ทันที

ครู่ต่อมา พลทหารหุ้มเกราะในมือถือปืนลำแสงขนาดใหญ่กับโล่ ที่มีขนาดพอจะปิดบังร่างกายได้มิดชิด
ก็ได้บินออกมาประจัญบานกับพวกเขาทั้งสอง



………….
……………….

“ ว่าไงนะ เนลฟา กับ เดรค งั้นเหรอสองตัวนั่นมันจมลงทะเลไปแล้วนี่…หนอย  ”
เด็กหนุ่มผมสีดำ นัยตาสีแดง สบถด้วยความไม่พอใจกับรายงานขอความช่วยเหลือจากฐานกำลังที่ส่งมา

“ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ชินจิ ”
เด็กหนุ่มผมสีเทาสวมหมวกคาดแว่นกันลม อีกคนที่อายุ พอๆกับเขาหันมาถามด้วยความสงสัย

“ จะอะไรซะอีกล่ะเซน่า เดรค กับ เนลฟา น่ะสิมันบุกโจมตีฐานกำลัง Heaven Base ที่ลาซาล ”
ชินจิ ตะคอกด้วยความโมโห ทั้งที่เขาคิดว่าได้สังหาร เจนัส เป็นที่เรียบร้อยไปแล้วแต่เจนัสกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง

“ งั้นก็ไม่ต้องรอแล้ว รีบไปที่ Heaven Base กันเลย ”
เซน่ากล่าว
………………
………………….
……………………

“ Cast Off ”
สิ้นเสียง ชุดเกราะของเจนัสและลอว์เรนซ์ก็ระเบิดออก ผลักพลทหารหุ้มเกราะกระเด็นออกห่างไป
เสียจนทรายคละคลุ้งไปทั่วหาด

“ Change Dragonfly ”
“ Change Wolf ”
เสียงดังกังวานก้องขึ้นพร้อมกันก่อนที่ เจนัส กับ ลอว์เรนซ์ จะแยกกันจัดการทำลายอาวุธของอีกฝ่าย





“ Time Walk ”
สิ้นเสียง เจนัส และ ลอว์เรนซ์ ก็พุ่งตัวอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตา ทหารจำนวนนับสิบนายก็ถูกทำลายปืนและโล่
จนพังใช้การไม่ได้ก่อน จะถูกซัดหมอบลงไป

“ รีบ Time Walk ตามเร็ว…. ”
หัวหน้าพลทหารกล่าวยังไม่ทันจบ เขาที่เป็นพลทหารหุ้มเกราะคนสุดท้ายก็ถูก
ซัดจนร่วงลงไปโดยไม่รู้ตัว

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง เจนัส และลอว์เรนซ์ก็หยุดการเคลื่อนไหวทันที

ซูมมมมมม
เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ยานขนส่งความเร็วสูงพึ่งจะบินผ่านหัวพวกเขาไป นักบินสองนาย
โดดร่มลงมายังชายหาด ทันทีที่ถึงพื้นพวกเขาก็ปลดร่มออก

“ เจนัส เนลฟาแอคเตอร์ เริ่ม Second Page  ”
“ ลอว์เรนซ์ เดรคแอคเตอร์ เริ่ม Second Page ”
ทั้งสองติดต่อกลับไปยังยาน ซึ่งคางาริที่รับสัญญาณ อยู่นั้นกำลังประเมินสถานการณ์ จากจอรับภาพที่ทั้งสองส่งมายังจอรับภาพ ในห้องบังคับการ

“ ยืนยัน นักรบของ Bell Cross ชินจิ ยามาโตะ  เซน่า คัสท์   แอคเตอร์ที่ถือครองคือ AA-01 Chaos และ AA-03 Abyss ”
นายทหาร รายงานจากข้อมูลของ นักรบทั้งสองที่พึ่งมาถึง ให้คางาริ ทันที



 

“ เริ่ม Second Page ได้ ”
คางาริ ออกคำสั่งจบ เจนัสก็ชักทอนฟาขึ้นมา กระชับไว้ทันที

“ นายสู้กับชินจิไป ส่วนชั้นจะล่อเจ้าอาบิสออกมาเอง ”
ลอว์เรนซ์กระซิบผ่าน ตัวรับเสียงที่หน้ากาก ติดต่อไปยังเจนัส
ทันทีที่ตกลงกันได้ ลอว์เรนซ์ก็พุ่งตัวออกไปโดย เปิดไอพ่นของปีกที่หลัง ช่วยทะยานออกไป
และพาตัว เซน่า แยกห่างออกมาจากชินจิ ก่อนจะโยนตัวของ เซน่าลงไปบนหาดที่ห่างออกไป

“ ถึงจะแยกพวกเราออกจากกันก็เท่านั้นล่ะน่า ”
ชินจิ กล่าวจบก็เกิดคลื่นไฟฟ้าแปรปรวนขึ้นในอากาศ

“ Stand By ”
เสียงดังกังวานราวกับเสียงเครื่องจักรดังขึ้นก่อนที่ บล็อคลูกบาศก์สี่เหลี่ยม ซึ่งมีหน้าสีในแต่ละบล็อคเล็กๆ
ของลูกบาศก์ต่างกันออกไปมันกำลัง หมุนสลับแกนของตัวเองไปมาเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว

“ Block Break ”
สิ้นคำของชินจิ ลูกบาศก์ก็หมุนแกนของมันสลับไปเรื่อยๆจนทุกด้านมีบล็อกสีเดียวกันครบ(ลักษณะประมาณลูกบิดสีที่กำลังฮิตอยู่ตอนนี้ล่ะ)

“ Set Up ”
สิ้นเสียงก้องกังวานของลูกบาศก์นั้น มันก็ค่อยๆแตกกระจายเศษชิ้นส่วนออกมา เรียงตัวตามจุดต่างๆ ล้อมรอบร่างกายของเขาก่อนที่จะสร้างบล็อกต่อเนื่องไปเรื่อยจนหลอมรวมเป็นชุดเกราะ

“ Change Gladiator Chaos ”
เสียงก้องกังวาน ดังขึ้นจากตัวเกราะ ลักษณะของเกราะนั้นรักษารูปทรงของมนุษย์เอาไว้ โดยมีลักษณะคล้ายนักรบ
กัลดิเอเตอร์ในยุคโบราณ ดวงตาข้างซ้ายมีเซ็นเซอร์ กลอกกลิ้งไปมา ซึ่งมีความสามารถในการตรวจจับ
คลื่นพลังงาน ตัวชุดเกราะไม่มีการติดอาวุธใดๆลงไปเลยแม้แต่น้อย



“ Part Set up Sword  ”
สิ้นคำ ก็เกิดบล็อก เล็กๆเรียงตัวขึ้นที่แขน ขวาก่อนจะเรียงตัวและหลอมกลายเป็นเกราะข้อมือ
ใบดาบชักออกมาจาก ข้อมือนั่นพร้อมกับเสียงหวีดหวิวจากตัวดาบที่มีลมหมุน วนอาบไว้รอบใบดาบ

“ Sword Mode ”
เสียงทุ้มต่ำดังกังวานจากตัวเกราะของ เคออส  ทั้งสองไม่พูดพร่ำทำเพลงต่างเข้า ปะทะกันในทันที
ทุกครั้งที่ดาบของ เคออส ปะทะเข้ากับพลองทอนฟาของ เนลฟา จะเกิดประกระแสงและเสียง
วี้ๆ ดังขึ้นทุกครั้งไปจากการที่ มวล ลมรอบใบดาบเสียดสีกับ พลองทอนฟา

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นทันทีที่ ทั้งสองเดินสวิตซ์ Time Walk เม็ดทรายที่ฟุ้งกระจายอยู่รอบตัวของทั้งสองได้ลอยตัวค้างอยู่กลางอากาศ และแทบจะหยุดนิ่งอยู่เช่นนั้นเลย ทว่าการต่อสู้ของทั้งสองก็ไม่ได้หยุดลงไปด้วย
ดาบของ เคออส ยังคงตวัดฝ่า เม็ด ทราย เข้าฟาดใส่เนลฟา อย่างไม่หยุดหย่อน ทันทีที่เจนัสรับคมดาบด้วยพลองทอนฟา พลองอีกอัน
ก็จะถูกซัด กระแทกใส่ร่างของ ชินจิที่ เป็น เคออส อยู่ ซึ่งแม้ชินจิจะพยายามหลบก็ไม่อาจพ้น ได้ทุกครั้งไป

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง ทุกอย่างรอบตัวของทั้งสองก็ กลับมาเคลื่อนไหวตามเดิม เม็ด ทรายกลับปลิวว่อนไปตามแรงลม

“ อัก…แค่ก ”
ชินจิ สำลักขณะที่เอามือกุมหน้าท้องที่ถูก พลองทอนฟา ซัดเข้าไปเต็มๆเซ้นเซอร์ที่ดวงตาซ้าย
กลอกกลิ้งไปหยุดจ้องอยู่ที่ร่างของ เจนัส ก่อนจะเริ่มวิเคราะห์ ข้อมูลและสถานะ

Quote
สภาพการคืนตัวอนุภาคโครโนตรอน: 97%   สถานะของผู้สวมใส่ [ความดัน:ปกติ  อัตราการเต้นของหัวใจ : ปกติ]

ข้อมูลต่างๆได้ถูกไล่ขึ้นมาปรากฏบนจอรับภาพของหน้ากากที่ชินจิสวมอยู่ เขากัดกรอดด้วยวามเจ็บแค้นในทันที

“ ชิ…ทั้งที่เราลำบากขนาดนี้เจ้านั่นมันยังเย็นใจได้อีกเรอะ อีกอย่างอัตราการคืนตัวของ
โครโนตรอน หลัง Time Walk มันยังทำได้เกือบสมบรูณ์เต็มร้อย ขืนสู้กันยืดเยื้อล่ะก็ไม่เป็นผลดีกับเราแน่ ”
ชินจิ คิดขณะที่ประเมินสถานการณ์ เจนัสยังคงยืนดูเชิงอยู่อย่างสงบๆ ทำให้ชินจิรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที

“ หนอยยย..จะดูถูกกันมากไปแล้วทั้งที่มีโอกาสแต่กลับไม่เข้ามาแล้วนายจะต้องเสียใจ ”
ชินจิ สบถก่อนจะพุ่งตัวออกไปและยกดาบขึ้นฟาดใส่ ทว่าเจนัสก็รับไว้ด้วยการยกทอนฟาขึ้นมาประสาน
ไขว้กันเพื่อรับคมดาบก่อนจะเตะ เข้าที่สีข้างของ ชินจิ อย่างจังจนคู้ตัวลงด้วยความจุกเสียด

“ นายกำลังเข้าใจอะไรผิดอยู่รึเปล่า…ชั้นไม่ได้ดูแคลนนายเลยแล้วก็ ไม่เคยคิดจะดูถูกด้วย ”
เจนัส ตอบกลับมาด้วยท่าทีสงบ ขณะที่ชินจิ ยังคงกุมสีข้าง ด้วยความจุกพร้อมกับกัดฟันทนเจ็บก่อนจะยันตัวลุกขึ้นมา

“ ความเห็นใจของนายน่ะชั้นไม่ต้องการ..ตราบใดที่ยังส่งนายไปลงนรกไม่ได้ชั้นก็ไม่มีหน้าจะไปพบสเตร่าที่ถูกนายฆ่าได้หรอก ”
ชินจิ ตะคอกด้วยความโมโหก่อนที่ใบดาบจะเริ่มสะสมประจุพลังงานอย่างรวดเร็ว

“ Mega Slash ”
เสียงแหลมสูงดังขึ้นจากตัวเกราะของชินจิ ก่อนที่ใบดาบจะถูกตวัดเฉียงขึ้น เกิดคลื่นแสงสีเขียววาบออกมาจากใบดาบ
พุ่งออกไป  เจนัส เอื้อมมือไปหมุนสวิตซ์สำหรับ Time Walk ที่ เอวพลัน เกิดแรงดันไฟฟ้าขึ้นที่ส่วนขาขวา

ก่อนที่จะถูกส่งถ่ายไปยังส่วนหัว และไหลย้อนกลับลงไปยังส่วนขาอีกครั้ง ภาพจากจอรับที่หน้ากาก
ของเจนัส ซึ่งมองผ่านออกมาได้มีเครื่องหมายเล็งเป้า แบบตรวจจับพลังงานขึ้นมาพร้อมกับแถบคำนวณความเร็ว
และระยะทางของคลื่นพลังที่พุ่งมา

“ Mega Kick ”
เสียงก้องกังวานดังขึ้น ทันทีที่เจนัสจับจังหวะได้ เขาก็ตวัดขาเตะคลื่นพลังงานที่พุ่งมาในทันที
คลื่นไฟฟ้าที่อาบขาเอาไว้ช่วยเป็นแรงผลักให้คลื่นพลังที่พุ่งมาเหนี่ยวนำตามการเตะไป
เจนัสหมุนตัวโดยทรงตัวด้วยเท้าเพียงข้างเดียว ส่วนขาอีกข้างก็เหวี่ยงให้คลื่นพลังพุ่งกลับไปหา
ชินจิ เสียเอง

“ ชิ … Part Set Up Buster ”
ชินจิ กล่าวจบ ตัวดาบและเกราะข้อมือก็สลายไป ก่อนที่เขาจะยกแขนซ้ายขึ้นมาเกิดบล็อกเรียงตัวขึ้นรอบแขนเหมือนครั้งแรก มันรวมตัวกันกลายเป็นเกราะ ที่มีลักษณะคล้ายปากกระบอกปืนสะสมพลังงาน(Buster)ซึ่งมีลูกเลื่อนและราง
ติดอยู่บนปากกระบอก 

“ Buster Mode ”
เสียงดังขึ้นก่อนที่ อนุภาคความร้อนจะไหลอกมาจาก ปากกระบอก ทำให้มวลอากาศรอบๆปากกระบอกบิดเกลียว คลื่นความร้อนค่อยขยายตัวจากปากกระบอก และเพิ่มพลังงานขึ้นเรื่อยๆ  ในขณะที่ลูกเลื่อนได้เคลื่อนตัว
ไล่ไปด้านหลัง เสมือนเป็นตัววัดการเก็บสะสมพลังงาน 

“ ชิ…จะแรงพอต้านเอาไว้รึเปล่านะ…ขอแค่ให้ต้านได้ก็พอ ”
ชินจิ คิดขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่ลูกเลื่อนและคลื่นพลังงานที่ ถูกสวนกลับมาซึ่งกำลังตรงเข้ามาเรื่อยๆ

“ Mega Shooting ”
เสียงดังกังวานขึ้นทันทีที่ ลูกเลื่อนเคลื่อนตัวจนสุด ลำพลังงานถูกยิงระเบิดออกมาจากปากกระบอก
พร้อมกับลูกเลื่อนที่ค่อยๆ เลื่อนตัวไปข้างหน้า จนสุดพร้อมกับ สายลำพลังงานออกไปจนหมดกระบอก
ลำพลังงานกับคลื่นพลังงาน เข้าปะทะกันจนเกิดระเบิดยังผลให้ ฝุ่นทรายฟุ้งกระจายไปทั่ว

จนไม่อาจมองเห็นอะไรได้ ภายในควันทรายนั้น เจนัส พยายามหันมองไปรอบๆ ขณะที่
สายตาของเขาความหาตัวชินจิ ผ่านจอรับที่ตอนนี้มีเครื่องหมายเล็ง วิ่งมั่วไปหมด เพื่อทำการจับ
คลื่นพลังงาน

“ Part Set up…..Wing ”
เสียงของชินจิดังก้องขึ้น เจนัส พยายามหาที่มาของเสียงทันที แต่แล้วฝุ่นทรายรอบๆก็ ถูกกระแสลมที่พัดมาจากด้านหลังเขาหอบอกไป ตัวล็อคเป้าจับคลื่นพลังงานบนจอรับภาพได้เลื่อนตัวขึ้นบน ทันทีที่เขามองขึ้น
ตัวล็อค ก็เล็งไปยังร่างของ ชินจิ ที่ตอนนี้ ลอยตัวอยู่เหนือเขา

“ Wing Mode ”
เสียงทุ้มแหลมดังขึ้นจากตัวเกราะของ ชินจิ ที่ตอนนี้ได้ประกอบเข้ากับ ชิ้นส่วนเสริม รูปร่างคล้ายครีบปลา
สี่ครีบ ซึ่งประกอบเข้ากันคล้ายปีก อีกทั้ง ไอพ่นที่ปล่อยออกมาจากช่องลม ที่ปลายปีกทำให้ ชินจิ สามารถทรงตัวอยู่ในอากาศได้ ขณะเดียวกันตัวล็อคเป้า ของเจนัสก็ได้เลื่อนตัวไปยังส่วนขาขางขวาของ ชินจิ ที่กำลังสะสมพลังงาน
อยู่

“ Mega Kick ”
เสียงดังก้องกังวานขึ้นพร้อมกับ ที่ชินจิ พุ่งตัวลงมาโดยง้างขาพร้อมจะตวัดเตะก้านคอ เจนัส ให้ร่วงในทีเดียว

“ ทีนี้ก็จบกันซะที ”
ชินจิ กล่าวจบขาของเขาก็ตวัดออกไปอย่างรวดเร็ว ทว่า

“ Time Walk ”
เสียงได้กังวานขึ้นก่อนที่ร่างของเจนัสจะหายไปจากตรงนั้น ลูกเตะของเขา วืดไปเสียแล้ว

“ Time Walk ”
เสียงดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่เจนัส จะมาปรากฏตัวอยู่ ด้านหลังของเขา โดยที่พลองทอนฟา ถูกนำไปเหน็บไว้ที่หลังตามเดิม เจนัส ตวัดขาที่สะสมประจุพลังงานไว้ ใส่ทันที

“ Mega Kick ”
สิ้นเสียง ลูกเตะของ เจนัส ก็ถูกตวัดเข้าใส่ร่างของ ชินจิ ทว่าเขาก็เอี้ยวตัวหลบได้ทัน ทำให้เจนัส พลาดท่าเสียหลัก
และกำลังจะร่วงลงสู่พื้นดิน

“ ถ้าสู้กันบน ฟ้านายไม่มีทางทำอะไรชั้นได้หรอกน่า ”
ชินจิ กล่าวด้วยความผยอง ก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหาหมายจะจัดการ เขาก่อนจะถึงพื้น

“ Booster On ”
สิ้นคำ ที่เกราะ ขาก็เกิดบล็อกเรียงตัวขึ้นประกอบกันกลายเป็นเกราะเท้าเสริมขึ้นมา
ทั้งสองด้าน ละอองแสงสีฟ้าได้ถูกปล่อยออกมาจากเกราะเท้า
และล่องลอยอยู่รอบตัวเขา พลันความเร็วในการตกของเขาก็ค่อยๆช้าลงจนในที่สุดเขาก็ลอยตัวในอากาศได้
และทันทีที่เขาทรงตัวได้สำเร็จ พลองทอนฟา ทั้งสองด้ามก็ถูกชักออกมากระชับแน่น ไว้ที่มือทั้งสองข้าง
ชินจิที่พุ่งเข้ามาต้องหยุดชะงักไปด้วยความตะลึง

“ นี่มันอะไรกันบินได้ทั้งๆที่ไม่มีไอพ่นเนี่ยนะหรือว่าแสง ที่ลอยอยู่รอบๆนั่นมันจะ อะ… ”
ชินจิ อุทานด้วยความประหลาดก่อนจะชะงักไป เพราะเซ็นเซอร์จับคลื่นพลังงาน
ที่ตาซ้ายเกิดรวนขึ้นก่อนที ตัวเล็งเป้าทั้งหมดและค่าสถานะต่างๆซึ่ง เคยปรากฏอยู่บนจอรับภาพ
ที่หน้ากากจะหายไป อีกทั้งคลื่นการติดต่อสื่อสารก็ถูกตัดขาดไปพร้อมๆกัน

“ นี่มันอะไรกันอยู่ๆเซ็นเซอร์ กับสัญญาณการติดต่อก็หายไปหรือว่าละอองแสงสีฟ้านั่นมันจะ ”
ขณะที่ชินจิคิดอยู่นั้น เขาก็ต้องชะงักไป เพราะเจนัสได้  พุ่งเข้ามาและฟาดทอนฟาใส่เขา ที่ตอนนี้
ติดตั้งชิ้นส่วนปีกเอาไว้จึงไม่มีอาวุธที่จะรับมือกับ พลองทอนฟา ทำให้เขาต้องตกเป็นฝ่ายรับ
ในทันที

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง ร่างของเจนัสก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง
สร้างความตกตะลึงให้แก่เขามากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะถูก การโจมตีที่รวดเร็วจนตามไม่ทันของ เจนัส
รัวใส่อย่างต่อเนื่องจน บอบช้ำไปตัว

“ Time Walk ”
สิ้นเสียง เจนัส ก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง

« Last Edit: October 01, 2008, 07:30:32 PM by cocka-c » Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #27 on: October 01, 2008, 07:26:28 PM »

“ แฮ่ก..แฮ่ก..นี่แก Time Walk แล้วยังบินได้อีกทำไมกัน ทั้งๆที่ถ้า Time Walk ประจุโครโนตรอน จะทำให้แกเคลื่อนตัวเร็วกว่า พลังงานของไอพ่นที่ปล่อยออกมา ดังนั้นแล้วตัวแกจะต้องตกลงไปข้างล่างแต่แล้วแกกลับโจมตีใส่ชั้นที่อยู่กลางอากาศได้อีกทำไมกัน ”
ชินจิ ถามไปหอบไปด้วยความอ่อนล้า ในขณะที่จิตใจเต็มไปด้วยความสับสนและกังวล

“ ละอองสีฟ้าที่เห็นนี่คือประจุ ธาตุที่ไหลเวียนอยู่ในพลังงานของชุดเกราะซึ่งถูกแปลงออกมาด้วย Booster ที่เท้านี่ มันคืออนุภาคE.I. ที่จะทำให้ตัวผู้ใช้ สามารถทานแรงโน้มถ่วงและเหาะเหินได้อย่างอิสระ แต่ว่ามันก็มีข้อเสียตรงที่จะรบกวนคลื่นการสื่อสาร และเซ็นเซอร์ตรวจจับพลังงานรอบๆด้วย ดังนั้น เซ็นเซอร์ที่ หน้ากากของชั้นจึงได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ ดร.คีออส ที่พวกองค์กรตามล่าตัวอยู่นั่นล่ะ ”
เจนัส อธิบาย อย่างเย็นใจโดยไม่หวั่นเกรงต่อการให้ข้อมูลกับ ชินจิ

“ ชิ.. ดร. คีออส งั้นเองเรอะนึกว่าตกหน้าผาตายไปแล้วซะอีก…ก็ดีถึงนายจะเหาะเหินเดินอากาศได้ยังไงชั้นก็ไม่สน
เพราะบนท้องฟ้าคือสังเวียนของชั้น Hyper Mode ”
ชินจิ กล่าวจบ ชิ้นส่วนเสริมทั้งหมดที่ใช้ไปก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกันในคราวเดียวและถูกติดตั้ง
เข้ากับร่างของเขาก่อนจะสร้างบล็อกที่ต่อมารวมตัวกลายเป็นเกราะ เสริมให้ทั้งร่างได้รับการปกป้องยิ่งขึ้น

“ Part Set up Combine Hyper Chaos ”
เสียงดังก้องกังวาน ไปทั่วทั้งหาดจากตัวเกราะ ที่บัดนี้เปลี่ยนรูปไปราวกับอัศวินวิหก ผู้โบยบินในท้องนภา



“ ชั้นจะใช้ร่างที่เคยจัดการนายเมื่อครั้งที่แล้วส่งนายกลับไปยังนรกอีกครั้ง ”
ชินจิ กล่าว วาจา จองหองเย่อหยิ่ง ในขณะที่เจนัส ส่ายหัวไปมาด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
สร้างความหงุดหงิดให้ ชินจิ เป็นอันมาก

“ นายเคยบอกว่ากลับมาจากนรกเพื่อส่งชั้นลงไปแทนแต่ในเมื่อตอนนี้ ชั้นอยู่ที่นี่มันก็หมายความว่านายจะต้อง
เป็นฝ่ายกลับไปแทน…”
สิ้นคำ เจนัสก็ประกอบด้ามของทอนฟา เข้าด้วยกัน พลันเกิดคลื่นไฟฟ้า ไหลจากทอนฟาวิ่งไปทั่วร่าง
พร้อมกับ บล็อคที่ปรากฏขึ้นรอบๆก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นส่วนเสริมของเกราะ ซึ่งมีแพคหลังคล้ายกับ

ลูกกระสุนปืนใหญ่ แบกอยู่ที่หลังสองลูก โดยรอบๆลูกกระสุนนั้นมีร่อง เป็นรอยราวกับ อุดอะไรบางอย่างใส่ไว้
ภายในร่องนั้น 

“ Change Hyper Wolf ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวานจากตัวเกราะ ร่างใหม่ที่ อาบด้วยละอองสีฟ้าที่ยังคงปล่อยออกมา
ลอยตัวอยู่ตรงหน้า บัดนี้ เจนัส สามารถใช้ ไฮเปอร์โหมด ของเขาได้แล้ว



“  ถ้าลอว์เรนซ์คือผู้ก้าวข้ามลิขิตฟ้า…ชั้นก็คือผู้เหยียบย่ำไปบนชะตาแห่งฟ้าเพื่อช่วงชิงอนาคตมา ”
เจนัส กล่าวจบ ก็พุ่งตัวเข้าใส่พร้อมกับง้าง ทอนฟาที่ประกอบกันขึ้น เกิดแสงพลังงานหุ้มตัวพลองเอาไว้
คล้ายคมดาบทั้งสองด้าน เจนัส ฟันมันลงแต่ ชินจิ ก็ยกดาบขึ้นรับไว้ทัน ก่อนจะบินถอยฉากออกมา

.................
........................
..............................

“ Stand By ”
เสียงทุ้มแหลมของเครื่องจักรดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏของ สำรับไพ่ (Deck) ขึ้นกลางอากาศซึ่งบิดเบี้ยวจาก
พลังงานคลื่นไฟฟ้าที่ตัว สำรับ ปล่อยออกมา ก่อนที่ตัวมันจะตกลงไปยังมือของเด็ก
หนุ่มผมสีเทาสวม เสื้อแจ็คเก็ต หนังสีน้ำตาล อมเทา ซึ่งเขาสวมหมวกคาด ด้วยแว่นกันลม
ทันทีที่รับ สำรับมาเขาก็จัดแจงสับไพ่อย่างรวดเร็ว

“ Shuffle Deck ”
สิ้นคำของเด็กหนุ่ม ไพ่ทั้งหมดที่ถูกสลับก็ พุ่งตัวปลิวออกมาหมุนวนรอบตัวของเขาราวกับพายุ
ปกคลุมจนไม่เห็นร่างของเขา พร้อมกับคลื่นไฟฟ้าแปรปรวน หมุนรอบไปกับไพ่ที่ปลิวกระจัดกระจาย

ก่อนที่ทั้งหมดนั้นจะ ค่อยๆ อันธทาน หายไป พร้อมกับการปรากฏของเด็กหนุ่มในร่างที่สวมเกราะเหล็ก
และหน้ากาก ปกปิดใบหน้าส่วนบน เสียครึ่งหนึ่งหมวกทรงสูงสีดำ และเสื้อสูทสีดำที่สวมทับเกราะเอาไว้
ราวกับนักมายากลแห่งรัตติกาล 

“ Change Magical Abyss ”
เสียงทุ้มกังวานดังจากชุดเกราะของเขา



“ เซน่า คัสท์ (Zena Cass ) อาบิส (Abyss) เริ่มปฏิบัติการ ”
สิ้นคำเซน่า ก็ไม่รอช้า ทุบสวิตซ์ ที่หน้าอก ทันที ลอว์เรนซ์ เห็นเช่นนั้นจึง
รีบเดินสวิตซ์ที่ข้อแขนเช่นกัน


“ Time Walk ”
เสียงดังก้องกังวานขึ้นพร้อมกับที่ร่างของทั้งสองหายไปจากตรงนั้นพร้อมๆกัน
ลอว์เรนซ์ กับ เซน่ากำลังปะทะกันด้วยความรวดเร็วเหนือกระแสเวลา จากการ Time Walk  ด้วยความเร็วที่ยากจะหยั่งถึง ทำให้พื้นทรายถูก ลาก เป่าขึ้นมาคละคลุ้งไปทั่วจากการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของทั้งสอง

“ Time Walk ”
สิ้นเสียงทั้งสองก็ หลุดการเคลื่อนไหวลง ท่ามกลางละอองทรายที่คละคลุ้งไปทั่วนี้ ทั้งที่ตอนนี้เกราะของ
เซน่า เต็มไปด้วยทราย แต่ก็ไม่มีละอองทรายแม้แต่เม็ดเดียวหลุดเข้าไปสัมผัสกายของ ลอว์เรนซ์ ได้เลย
หนำซ้ำตัวของเขายังลอยอยู่กลางอากาศตลอดเวลาอีกด้วย โดยมีละอองสีฟ้า ล่องลอยอยู่รอบกาย
สายตาของ ลอว์เรนซ์นั้นไม่ได้จับจ้องอยู่ที่การต่อสู้กับ เซน่าเลยแม้แต่น้อย หากแต่จับจ้องอยู่ที่ การต่อสู้
ของเจนัส ที่พึ่งจะมีละอองแสงสีฟ้าลอยขึ้นมา พร้อมกับคลื่นพลังงานแรงสูงที่ระเบิดแผ่ออกมา


“ เจ้านั่น…ดูเหมือนจะใช้ไปแล้วสินะ Hyper Actor น่ะ ไม้เด็ดทั้งทีเอาออกมาใช้ตั้งแต่เริ่มเดี๋ยวก็หมดสนุกกันพอดี ”
ลอว์เรนซ์ เปรยขึ้นอย่างสงบเสงี่ยมโดยไม่สนใจต่อท่าทีแค้นเคืองที่ เซน่า มีให้เขา

“ นี่แก...ไม่ได้สนใจชั้นเลยงั้นเหรอ..ก็ดีแล้วแกจะต้องเสียใจ..Part Set Up  Relic Deck ”
สิ้นคำ ก็เกิดบล็อกเล็กๆเรียงตัวขึ้นในอากาศก่อนที่เขาจะคว้ามันไว้ มันได้เปลี่ยนรูปเป็นสำรับไพ่
หนึ่งกอง เซน่า สับสำรับไพ่ อย่างรวดเร็วก่อนที่จะหยุดและดึงไปบนสุดขึ้นมาและแสดงให้
ลอว์เรนซ์ดู มันเป็นไพ่ที่มีรูปหอกโลหะ หลายแฉก อยู่บนไพ่

“ Summon Polemos Pike ”
เสียง แหลมห้วนดังกังวาน พร้อมกับที่ไพ่ใบนั้นสลายตัวไปและเรียงรูปใหม่กลายเป็นหอกเหมือนในไพ่
เซน่าควงมัน 3 ครั้งครึ่งก่อนจะพุ่งออกไปหมายจะแทง ลอว์เรนซ์ ด้วยหอกนี้
ทว่าลอว์เรนซ์ก็ปัด มันออกด้วยดาบเล่มสีดำที่ชักขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว จนหัวหอกหักไป



“  Hyper Actor Ready ”
เสียงแหลมทุ้มดังกังวานจากตัวดาบ ก่อนที่ ลอว์เรนซ์จะพลิกด้ามดาบให้คมหันออก

“ เฮ้อที่จริงก็ไม่อยากหรอกนะ...แต่ชั้นเองก็ไม่มีเวลามาเล่นซะด้วยสิถ้าก่อน เย็นนี้ชั้นยังทำลาย
ลิฟต์ วงโคจรนั่นไม่ได้ล่ะก็พวกชั้นเองก็แย่เหมือนกัน ”
ลอว์เรนซ์ เปรยด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ขณะที่ชี้ไปยังเสา สูงที่ยาวทะลุกฟ้าขึ้นไปสุดลูกหูลูกตา


“ นี่..หรือว่าพวกแกคิดจะขัดขวางการขนส่งของในวันนี้น่ะ.... ”
เซน่า อุทานขึ้นก่อนจะชะงักไปเมื่อ ลอว์เรนซ์ ได้ย้ายมา อยู่ตรงหน้าเขาใกล้เสียจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รด
ใส่หน้าเขา ลอว์เรนซ์ กดสวิตซ์ที่ด้ามดาบในทันที



“ Change Hyper Dragonfly ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวานขึ้นพร้อมกับ ชุดเกราะของ ลอว์เรนซ์ ที่เปลี่ยนรูปไป เกราะปีกหุบตัวลง บล็อกชิ้นส่วนต่างๆปรากฏขึ้นรอบๆร่างของเขาก่อนจะเรียงตัวเป็นส่วนเสริมของเกราะ
พร้อมกับปีกพลังงานสีรุ้งที่ กาง พรึบออกมา



“ โทษนะแต่ชั้นไม่ใจดีเหมือน เจนัส หรอก... ”
ลอว์เรนซ์ กล่าวเวียงเรียบก่อนที่ที่นิ้วโป้งมือข้างที่จับด้ามดาบไว้จะดันสลักขึ้น กรรเชียงดาบหุบตัวลง พร้อมกับปล่อยคลื่นไฟฟ้าไหลอาบไปทั้งดาบ  ก่อนที่ ลอว์เรนซ์ จะฟาดคมดาบเข้าใส่ เซน่าจึงยกท่อนหอกที่หักไปแล้วขึ้นมารับคมดาบไว้ ทันทีที่คมดาบปะทะเข้ากับท่อนหอกก็เกิดประกายไฟแวบขึ้นมา

“ Three ”
“ Two ”
“ One ”
เสียงดังกังวานจากตัวดาบ ขึ้นพร้อมกับประกายไฟที่แวบขึ้นทุกครั้งก่อนที่ ลอว์เรนซ์ จะสับสวิตซ์กลับลงมา
ที่เดิมกรรเชียงดาบกางขึ้นพร้อมกัน โดยมีคลื่นพลังงานไหลวูบอาบไปทั้งตัวดาบ

“ Maximum Hyper Typhoon ”
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับที่คลื่นพลังงานแสงพุ่งออกจาก คมดาบ

“ ชิ…”
เซน่า สบถขณะที่พลังงานแสงกำลังจะปะทุผ่าท่อนหอกที่เขาถืออยู่ ทันทีที่
ลอว์เรนซ์ตวัดคมดาบตัดท่อนหอกลงทั้งด้ามได้สำเร็จ คลื่นพลังงานแสงทั้งหมดก็พุ่งออกจากคมไปเผาผลาญร่างของ เซน่าจนสิ้นสลาย 

ปิ๊บบบ ปิ๊บๆๆๆๆ

เสียงดังขึ้น พร้อมกับ เซ็นเซอร์ล็อคเป้าหมายบนจอรับภาพของหน้ากากที่ ลอว์เรนซ์ สวมอยู่
กระพริบขึ้น เพื่อแสดงตำแหน่งของพลังงานที่ตรวจจับได้ ทันทีที่เขาหันไปยังทิศที่
เซ็นเซอร์ แจ้งตำแหน่งมา เซน่าซึ่งถือ หอกโปเรมอส ที่สมบรูณ์เหมือนใหม่ กำลังกระโดดตัวลอย อยู่กลางอากาศ
ก่อนจะลงคมหอกใส่เขา

แก๊งงงงงงง
………………
…………………….
……………………….
เคล้งงงงง เคล้งงงงงงง

เสียงของคมดาบที่กระทบกัน ดังก้องไปทั่วทั้งหาด ทรายสีขาวและแดด ที่ส่องสว่างเจิดจ้า
แสงสีฟ้าที่วาบขึ้นทุกครั้งที่คมดาบของ เจนัส และ ชินจิ  เข้าปะทะกัน

“ จะก้าวข้ามหรือจะเหยียบย่ำอะไรของนาย ชั้นไม่สน.... ”
ชินจิ ตะหวาดจบก็ ยกบัสเตอร์ที่มือซ้ายขึ้นมา จ่อที่ลำตัวของ เจนัส ในระยะประชิด

“ Mega Shooting ”
เสียงดังกังวานจากตัว บัสเตอร์ ก่อนที่คลื่นพลังงานจะถูกเป่าออกมาจากปากกระบอก เจนัส ก็ได้ อ้อมไปอยู่ข้างเขาแล้ว คลื่นพลังงานจึงพลาดเป้าไป เจนัส เงื้อดาบสองคม ที่มือออกก่อนที่จะเกิดคลื่นพลังงานไหลไปรวมกันที่ คมดาบพลังงานสีฟ้า

“ Mega Cutting ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวาน ขึ้นพร้อมกับที่ เจนัส ฟาดคมดาบลงไปทันที

ตูมมมมมมม!

เสียงระเบิด ดังขึ้นพร้อมกับเกราะปีกของ ชินจิ ถูกตัดจนขาด และระเบิดออกร่างของ ชินจิ ร่วงลง
มากระแทกกับพื้นทรายก่อนจะกลิ้งไปตาม แรงระเบิดเสีย 3 ตลบ
เจนัส ค่อยๆโรยตัวลงมายังพื้นทราย เบื้องล่าง ก่อนที่เกราะเท้าซึ่งประกอบบูสเตอร์เอาไว้จะ สลายตัว บูสเตอร์ออกไป
ละออง อนุภาค สีฟ้าที่ล่องลอยอออกมาจึงจางหายไปด้วย

“ อึ...อึก..อั่ก..แค่กๆๆ ”
ชินจิ สำลักขณะที่ พยายามยันตัวลุกขึ้น อย่างโซซัดโซเซ ก่อนที่จะหันมาประจันหน้ากับ เจนัส เซ็นเซอร์และ
ตัวรับสัญญาณกลับมาทำงานอีกครั้ง หลังจากที่เจนัส ปิดบูสเตอร์ไปแล้ว
ตอนนี้ กราฟแสดงค่าสถานะของเขา ระบุความเสียหาย ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Quote
ค่าความทนทานคงเหลือ :75 %   อัตราการไหลเวียนพลังงาน: 35%
การส่งถ่ายประจุโครโนตรอนสามารถทำได้: 25%   ค่าความเสียหายโดยรวม : 165%  สถานะ : วิกฤติ

“ ชิ...ถึงตัวเซ้นเซอร์กับ มาตรวัดจะกลับมาแล้วก็เถอะ แต่ว่าความเสียหายขนาดนี้คงจะ Time Walk ไม่ได้แล้ว
ที่อยูตรงหน้าเราคือ มาสเตอร์แอคเตอร์ ระบบ ไฮเปอร์โหมด ความร้ายกาจของมันเราก็เคยเห็นมาแล้ว
ความสามารถที่หยุดกระทั่งเวลาได้ ถ้าไม่รีบคว่ำมันก่อนล่ะก็...เราเอง..ฮึ้ยยย ”
ชินจิ คิดก่อนที่จะขบกรามแน่น ด้วยความเจ็บแค้น

“ Mega Slash ”
เสียงดังกังวานขึ้นพร้อมกับ คลื่นไฟฟ้าที่ไหลวนไปอาบที่ดาบพลังงาน ของเขา
ก่อนที่จะตวัดมันออกไป คลื่นพลังงานพุ่งตรงเป็นเสี้ยวไป แต่เจนัสก็หลบมันได้อย่างง่ายดาย
ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปประชิดตัว แล้วซัดหมัดซ้ายเข้าที่ หน้าท้องของเขาอย่างจัง จนตัวคู้ลง
ด้วยความจุก

“ ได้สติรึยัง..จะทำแบบนี้ให้มันได้อะไรขึ้นมา ”
เจนัส กล่าว ทว่าชินจิ กลับตวัดดาบใส่เขาจนต้องถอยหลบออกมา

“ นายกำลังถูกหลอกใช้อยู่นะ..คิดว่าทำแบบนี้แล้ว สเตร่าจะ กลับมารึไง ”
เจนัส พยายามจะเจรจาแต่ ทว่าคลื่นพลังงานก็ถูกยิงออกจากปากกระบอก บัสเตอร์ที่แขนซ้ายของ ชินจิ
โปรยใส่เขาอย่างต่อเนื่อง

“ อย่ามาทำเป็นรู้ดีเลย...นายไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าชั้นรู้สึกอย่างไง...ย้ากกกก ”
ชินจิกล่าวอย่างเดือดดาล ขณะที่พุ่งเข้าไปฟัน เจนัส ทว่าเขาก็รับมันไว้ด้วยดาบสองคม
ทั้งสองกำลัง วัดกำลังกันอย่างสูสี

“ ถ้าวันนั้น..วันนั้นถ้านายไม่อยู่ที่นั่น สเตร่าก็คง..ย้ากกกก ”
ชินจิกล่าวเสียงสั่นก่อนจะตัดบทไปแล้ว ยกบัสเตอร์จ่อยิงระยะเผาขน

ทำให้เจนัสต้องยกคมดาบขึ้นปัดป้อง ก่อนที่แท่งโลหะซึ่งถูกอุดเอาไว้ที่ แพคจรวดด้านหลัง
จะเลาะตัวออก และพุ่งบินออกมานับสิบ ที่ส่วนหัวและปลายของมันได้แยกออก ปรากฏให้เป็นปากกระบอก
โผล่พ้นออกมา และยื่นตัวประกอบออกมาคล้าย ลูกดอก (รูปจรวด ฟันเนล* อันที่2ที่เขียนว่าDestroy)

บนจอรับภาพของ เจนัส นั้น ตอนนี้มีตัวเซ็นเซอร์ เล็งเป้าขึ้นมาเท่ากับจำนวน ลูกดอกโลหะที่ลอยไปรอบตัวของเขา
วิ่งไปมา ก่อนที่เซ็นเซอร์ทั้งหมดจะถูกเล็ง ไปรวมกันที่ ตัวของ ชินจิ

“ ชิ...ฟันเนล เจ้านี่มีของแบบนี้ด้วยเรอะ ”
ชินจิ สบถขึ้นขณะที่ถอยฉากออกมา จะหลบกระสุนบางส่วนที่ถูกปัดกลับมา

“ Lock On Laser Strom ”
เสียงแหลมก้องดังกังวานจากตัวเกราะของ เจนัส ก่อนที่ ฟันเนล ทั้งหมดจะพุ่งไปยัง ชินจิ
และยิงแสง เลเซอร์ ออกมากจากปากกระบอก แสงเลเซอร์จาก ฟันเนล นับสิบนั้นถูกระดมยิงออกมาอย่างต่อเนื่อง
จนตอนนี้ ชินจิ ได้ถูกล้อมยิงไปทั่วทั้งร่าง ฟันเนลที่ ลอยตัวไกลออกไปก็จะวกตัวกลับมายิงไปเรื่อยๆไม่จบสิ้น
ครั้นจะ ทำลายก็ไม่อาจตามการเคลื่อนไหวของ ฟันเนล เหล่านี้ได้ จนถึงตอนนี้

จอรับภาพของ ชินจิ ก็ขึ้นเตือนความเสียหายของระบบต่างๆ ซึ่งกำลังจะหยุดทำงานในไม่ช้า
ขณะที่แสงเลเซอร์ยังคงถูกยิง ออกมาราวกับพายุกระหน่ำก็มิปาน ทว่าแม้จะระดมยิงเพียงใด
การโจมตีโดยรวมทั้งหมดจะมุ่งไปที่ เซเบอร์พาส กับ บัสเตอร์พาส เสียส่วนใหญ่ ราวกับ
ว่าการโจมตีในครั้งนี้ จุดประสงค์คือเพื่อทำลายอาวุธของเขาเท่านั้น

จนเมื่อถึงขีดสุดที่ พาสทั้งสองที่เหลือจะรับไว้ มันจึงระเบิดตัวสลายไป พร้อมกับที่เลเซอร์จากฟันเนลหยุดลง
 ร่างของชินจิ กระเด็นไปตามแรงระเบิดตัวเซ็นเซอร์
แสดงค่าสถานะทั้งหมดบนหน้าจอได้หายไปหมดสิ้น ระบบพลังงานส่วนใหญ่
ของเขาถูกทำลายจนสิ้นแล้ว เกราะเสริมบางส่วนที่ ถูกต่อเติมหลังการเปลี่ยน ไฮเปอร์โหมด ยังไม่หายไปแต่ก็
อยู่ในสภาพชำรุด สภาพของไฮเปอร์โหมดขณะนี้ไม่อาจต่อสู้ได้อีกแล้ว

“ แค่ก...แค่กๆ..แฮ่ก นายนี่มัน..คิดจะทำอะไรกันแน่ทำไมถึงไม่เล็งยิงทำลายร่างของชั้นไปซะเลยล่ะ ”
ชินจิ สบถขณะที่ลุกขึ้นยืนด้วยสภาพโซซัดโซเซ ร่างของเขาตอนนี้ระบมไปหมดจากการถูก
ระดมยิง แม้เกราะจะกันไว้ได้แต่ความเสียหายเหล่านั้นบวกแรงปะทะจากระเบิด ทำให้เกราะ
แขนซ้ายของเขาแตก ร้าวไปแล้ว ในขณะที่เกราะแขนขวา ก็มีบางส่วนแตกหลุดไปจนเห็นเนื้อใน

ที่แผลอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน เช่นเดียวกันเกราะทั้งร่างตอนนี้อยู่ในสภาพชำรุด จนไม่อาจใช้การอะไรได้อีกแล้ว
ฟันเนลทั้งหมดยังคงลอยล้อมรอบ เขาอยู่ขณะที่เจนัส ยังคงเดินใกล้เข้ามา 

“ จะยอม... ”
“ ไม่..ชั้นไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด..แค่ทำลายอาวุธของชั้นทั้งหมดแล้วจะมาสรุปเอาว่าชนะแล้วงั้นเหรอ
ชั้นไม่ยอมจนกว่าเราจะแหลกกันไปข้าง.. ”
เจนัส กล่าวออกมาได้ไม่ทันจบ ชินจิ ก็แทรกขึ้นทันที ทำให้เขาต้องชะงักไป

“ ก็ได้..ถ้าอยากสู้นักล่ะก็.. ”
เจนัส กล่าวจบก็ชู ดาบสองคมที่เกิดจากการประกบ ทอนฟา เข้าไปขึ้น เหนือหัว ฟันเนล ทั้งหมด
ได้ลอยตัวออกไปล้อมกรอบ เป็นเสา 4 ต้น ต้นละสาม ฟันเนล เรียงต่อกัน ตั้งล้อมพวกเขาไว้ก่อนที่จะหุบ
ปากกระบอกเลเซอร์ ลงทั้งหัวและปลาย พร้อมกับเรียงส่วนประกอบอีกครั้ง จนมีลักษณะคล้ายผลึกหิมะ
(รูป ฟันเนล ตัวที่สาม เขียนว่า Defend)

พร้อมกับเชื่อต่อเข้ากันด้วย แสงเลเซอร์ที่ยิงออกจากปลายแหลม และเชื่อมไปยังเสา ฟันเนล ต้นอื่นๆด้วย
ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างแสงเลเซอร์เกิด กำแพงพลังงานใสที่มองไม่เห็นขื้น ล้อมกรอบพวกเขาไว้

ก่อนที่ ฟันเนล หัวเสาจะเชื่อมแสงเลเซฮร์เข้ากับด้าม ทอนฟา ที่กลายเป็นดาบข้างละสองเส้นทันทีที่
 เจนัส ปล่อยมือ ออกตัวดาบทอนฟา ก็ลอยตัวขึ้น ไป ก่อนจะหยุด จนลักษณะ ของแสงเลเซอร์ ที่เชื่อมและล้อมกันคล้ายกระโจม แก้วใส ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างแสงเลเซอร์ถูก สร้างกำแพงพลังงานกั้นเอาไว้จนหมด บัดนี้พวกเขา
ถูกขังเอาไว้ภายในอาณาเขต ที่ เจนัส สร้างขึ้นแล้ว

ขณะที่ ชินจิ ได้แต่มองตาค้างด้วยความ ประหลาดใจสลับกับความระแวงว่า เจนัส ตั้งใจจะทำอะไร

“ Private Arena (อาณาเขตจำเพาะบุคคล) …  Straight Ring (สังเวียนแห่งการเปิดเผย)  ”
เสียงทุ้มแหลมห้วน ดังขึ้นจากตัวเกราะ พร้อมกับที่ ตัวแสดงค่าสถานะ ต่างๆบนจอรับภาพของ เจนัส
 กำลังเปลี่ยนแปลง

Quote
ความเร็ว:200%  พลังทำลาย : 200% ความทนทานร่างกาย :200%  สถานะเกราะพลังงาน:ปลดการทำงาน


“ สังเวียนแห่งการเปิดเผยนี่จะช่วยเปิดจิตใจนายได้หรือไม่ ไฟแห่งความแค้นที่สุม อกนายมันจะผลาญเชื้อไฟแห่งชีวิตจนมอดสิ้นหรือจะลุกโหมเป็นเพลิงชีวิตใหม่กันแน่ นี่คือการเดิมพันของชั้น ”
เจนัส คิดขณะที่ ยกแขนสองข้างขึ้นตั้งการ์ด และเริ่มเต้นฟลุคเวิร์ค

“ เอ้ามัวรออะไรอยู่..อยากสู้นักชั้นก็จัดสังเวียนให้แล้ว..แต่นี่คือโอกาส สุดท้ายของนาย จะบอกไว้ก่อนเลยนะว่า
ในสังเวียนแห่งนี้ค่าความสามารถ ในการรุกโจมตีของชั้นจะเป็นระยะประชิดทั้งหมดและพลังทำลายเพิ่มเป็นเท่าตัว
ชั้นมีเวลาให้นาย 3 นาที ก่อนที่ ดูโอเบลด (Duo Blade) ที่ลอยอยู่เหนือ หัวพวกเราจะสะสมพลังงานเสร็จ.. ”
เจนัส กล่าวจบร่างของเขาก็หายวับไปในทันที ก่อนที่จะมาโผล่อยู่ต่อหน้า ชินจิ หมัดของเจนัส ได้เสยคางจนร่างของ เขากระเด็นไปกระแทกกับกำแพงพลังงาน  ก่อนไหลครูด ลงมากองกับพื้น 

“ นี่มันบ้าอะไรกัน ความเร็วเมื่อครู่นี้มันเกือบจะเข้าระดับ Time Walk เลยนะแล้วยังพลังทำลายเมื่อครู่อีก
เจ้าสังเวียน นี่มันเพิ่มพลังให้ขนาดนี้เลยเรอะ แบบนี้มัน มัดมือชกกันชัดๆแล้วยัง ดาบที่ลอยขึ้นไปนั่นอีก
ถ้าครบ 3 นาทีแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ชิ..นี่ขนาดบอกเองว่าจะเอาจริงแล้ว ทั้งที่ชั้นลมอยู่นี่ยังไม่คิดจะ
เข้ามาซ้ำอีก กรอดดด..จะดูถูกกันเกินไปแล้วถึงตอนนี้ ชั้นจะไม่เหลืออะไรแล้วก็เถอะ ต่อให้ตายชั้นก็ไม่ยกโทษให้เด็ดขาด ”
ชินจิ คิดขณะที่พยายามยันตัวขึ้น ยืนอย่างลำบาก ทันทีที่เขาตั้งการ์ด เจนัส ก็หายวับไปอีกครั้งและมาโผล่ตรงหน้าเขาเหมือนครั้งแรก ชินจิ ชกออกไปโดยไม่ลังเล ด้วยอาวุธสุดท้ายที่เหลืออยู่ คือร่างกายและวิชาการต่อสู้ที่เรียนมาเท่านั้น
ทั้งที่ หมัดซึ่งชกตอบสนองไปทันทีที่นั้น น่าจะซัดจน เจนัส ล้มได้แต่ทว่า หมัดของเขากลับทะลุผ่านไปราวกับไม่มีตัวตน

ปักกก

เสียงดังขึ้นพร้อมกับ ความจุกเสียดที่ พุ่งขึ้นมา เจนัส ที่หน้าจะพุ่งเข้ามาอย่างตรงๆและถูกหมัดของเขาไป
 กลับก้มตัวหลบหมัดและสวนหมัดกลับเข้า เต็มๆหน้าท้อง ของชินจิ จนเกราะลำตัวที่ร้าวอยู่ก่อนแตกกระจายออก

“ บ้าน่าก็เราชกโดนแล้วนี่..ภาพติดตางั้นเรอะ..ชั้นคนนี้น่ะเหรอที่เห็นภาพติดตาของหมอนั่น ทั้งที่
ความสามารถของเราที่กลายเป็นโคออดิเนเตอร์  นี่น่าจะตอบสนองทันแท้ๆ แต่เรากลับ.. ”
ชินจิ คิดขณะที่ร่างของเขาปลิวกระเด็นไป ติดกำแพงพลังงาน  และยังไม่ทันที่เขาจะได้ล้มตัวลง
เจนัส ก็ตัดระยะ เข้ามาประชิดเขาอีกครั้ง ก่อนจะรัวหมัดใส่ ที่ใบหน้า หน้าท้องอย่างต่อเนื่อง

และ ปิดท้ายด้วยการเตะก้านคอ ลากให้เขากระเด็นไปกระแทกกับกำแพงพลังงานอีกด้าน จนร่วงกอง
ร่างกายของเขา ระบบช้ำไปทั้งร่าง ชุดเกราะที่ยังเหลือก็แตกผุ จนเป็นเพียงแค่เศษโลหะผุๆ ติดร่างไว้เท่านั้น
ทั้งที่ตอนนี้ตัวเขาก็อยู่ในสภาพปางตายเต็มที่แล้ว แต่ เจนัส ก็ยังคงไม่ยอมบุกเข้ามาหากเขายังไม่ลุกขึ้น

Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #28 on: October 01, 2008, 07:32:12 PM »

“ นี่..ชั้นไม่มีวันจะตามนายทันเลย...รึไงกัน..สเตร่า ขอโทษนะชั้นคงต้องผิดคำพูดซะแล้ว.. ”
ชินจิ คิดขณะที่พยายามยันตัวลุกขึ้น อย่าง โซซัดโซเซ ก่อนจะวิ่งบุกเข้าใส่อย่างลืมเป็นลืมตาย
และต้องชะงักไปเมื่อ เจนัสได้พุ่งเข้าซัดใส่หน้าท้องเขาอย่างเต็มแรงจน ทรุดตัวล้มลง

“ Time Out…Charge Complete ”
เสียงดังกังวาน ออกมาจากตัวดาบที่ลอยเคว้งอยู่ เจนัส ผลักตัวของเขาออกให้ล้มไปก่อนจะกระโดดขึ้นไปคว้า
เอาด้าม ทอนฟา แสงเลเซอร์ทั้งหมด วิ่งไปรวมกันที่กลางด้าม ก่อนที่ใบมีดจะกางออกจนมีลักษณะคล้ายคันธนู
ก่อนที่ เจนัส จะเล็งยิงไปที่ ชินจิ ซึ่งยังนั่งตัวคู้ด้วยความระบบ อยู่กำแพงพลังงานที่กางล้อมรอบไว้ได้หายไป
เกราะ บูสเตอร์ถูกประกอบตัวเข้าที่เกราะเท้าของ เจนัส อีกครั้งพร้อมกับปล่อยละออง E.I. สีฟ้าออกมา

“ One ”
เสียงทุ้มแหลมก้องกังวาน จากคันธนู ดังก้องไปถึงใจของ ชินจิ พร้อมกับภาพของ เพื่อนสาว ผมสีทอง สเตร่า ที่เขา
คอยมองไม่ห่างตาปรากฏขึ้นในใจของเขา กับศรพลังงานสีฟ้าที่ เจนัส ง้างยิงออกมาดอกแรกพุ่งเข้า
กระแทก ร่างของเขากระเด็นลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ ในขณะที่ทุกอย่างเริ่มพร่ามัว แต่ภาพของ สเตร่า
กลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ Two ”
เสียงดังกังวานอีกครั้งทันทีที่ เจนัส ง้าง ศรพลังงาน ยิงออกไป ศรพลังงานพุ่งกระแทกกับร่างของชินจิ
จนร่วงหล่นกระแทกกับพื้นทราย ทว่าในตอนนี้ ชินจิ ก็ไม่อาจรู้สึกอะไรได้อีกแล้วประสาทรับรู้ของเขาเริ่มด้านชาลง
ความทรงจำเกี่ยวกับ สเตร่า ได้ผุดขึ้นมาเรื่อยๆในใจของเขา ในทุกวินาทีที่ ทุกอย่างเริ่มจะมืดลง ความทรงจำแห่งวันคืนที่เคย เรียนร่วมกันมา ทั้งตอนท่องเที่ยว งานโรงเรียน งานกีฬา และอื่นๆไปจนถึง การร่วมผจญภัยไปกับลอว์เรนซ์และพรรคพวก  ทุกอย่างค่อยๆเอ่อล้นออกมาในใจของเขา 

และทันทีที่ เจนัส ง้างดึง ศรพลังงานออกมา เป็นครั้งที่สาม ร่างของเขาก็เกือบจะถึงพื้นแล้ว
เสี้ยววินาที นั้น เจนัส กำลังลังเลที่จะยิงออกไป ภาพความทรงจำเมื่อครั้งที่เขาเข้าไปในโลกแห่งจิตใจ
ที่แอคเตอร์ ต้นแบบ สร้างขึ้นเพื่อช่วยให้จิตของริคุ ไม่ต้องถูกดูดกลืนหายไป คำพูดของเครสเซนท์
ที่เป็นร่างจิตด้านมืดของริคุ ได้ดังก้องขึ้นมาในหัวของเขา

 “ ไม่ต้องมาสมเพชข้าหรอก นี่เป็นทางที่ข้าเลือกเอง..ส่วนแกเจนัสครั้งนี้แกชนะข้าแพ้แล้ว
ถ้าเจอกันครั้งหน้าล่ะก็…หึ ”

คำพูดของเครสเซนท์ที่ดังแว่วมา นับแต่วันนั้นเขายังไม่เคยลืม

“ เจอกันครั้งหน้าตอนนั้นเราก็คงไม่เป็นศัตรูกันแล้วล่ะ ”
“ หึ ..นั่นสินะถ้ามีครั้งหน้าล่ะก็นะ ”
บทสนทนาที่ เขาพูดเอาไว้ครั้งสุดท้าย กับ เครสเซนท์ นับจากวันนั้นเขายังจำมันได้ดี
การกระทำสุดท้ายที่คนอย่าง เครสเซนท์ ไม่น่าจะทำและความสำนึกที่มารู้ตัวในวาระสุดท้าย

“ ไอ้บ้าเอ็ย.. มันจะมีได้ไงกันเล่า ครั้งหน้าน่ะ..สุดท้ายแม้แต่ตอนนี้ชั้นก็ทำอะไรไม่ได้เลยรึไงกัน..นี่ชั้นจะต้องมาทนรับ ความรู้สึกเมื่อตอนนั้นอีกโดยที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้รึไง..โธ่ว้อยยยยย”
เจนัส คิด ก่อนที่เขาจะแผลงศร ออกไป

“ Three ”
ศรพลังงานดอกสุดท้าย พุ่งเข้าปะทะ กับร่างของ ชินจิ จนกระเด็นครูดไปกับพื้นทราย ก่อนที่ตัวคันธนู
จะมีคลื่นไฟฟ้าไหลวนไปรวมกันที่แกนกลางของ คันธนู จรวดฟันเนล ทั้งหมดได้วิ่งขึ้นมาเรียงตัว ไปรอบๆเขา
ก่อนที่จะเปิดปากกระบอกอีกครั้งและเริ่มสะสม พลังงานจนเกิดเป็นแสงสีฟ้าแวบขึ้นที่ ปากกระบอก

มาถึงจุดนี้ ชินจิ ก็แทบจะหมดสติไปแล้วโดยที่ภาพความทรงจำสุดท้ายที่เขาเห็น ชัดเจนคือ วาระสุดท้ายของ สเตร่า
ที่กลายร่างเป็นแลนทิส ก่อนจะถูก ท่า Mega Kick ของ เจนัส สังหารไป

“ แกนี่มันเหมือนกับข้าเมื่อสมัยก่อนไม่มีผิดจริงๆ.. ”
เสียงหนึ่งดังแว่วขึ้นมา ในหัวของเขาที่กำลังจะหมดสติในอีกไม่ช้า

“ แต่ข้าน่ะยังดีอย่างน้อยก็รู้ใจตัวเองก่อนตายล่ะแต่เจ้าเนี่ยสิ จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้อีกหรือ..ว่าแท้จริงแล้วตัวเจ้าต้องการอะไรกันแน่ ”
เสียงนั้นดังแว่วขึ้นมาอีก

“ แกเป็นใครกัน.. ”
ชินจิ กล่าวในใจ โดยหวังจะได้รับคำตอบ

“ ถ้าแกแค้นจนอยากจะฆ่าจริงๆล่ะก็ทำไมตอนที่ซัดมันตกทะเลไปถึงไม่ตามไปดูให้แน่ใจซะล่ะ
หรือที่จริงแกก็แค่อยากจะหาที่ระบายความคับแค้นเท่านั้น ไม่สิบางทีลึกๆแล้วแกอาจจะไม่ต้องการฆ่ามันก็ได้มั้ง
เอาเถอะข้าจะไม่บอกให้เจ้าเลือกหรอกนะเพราะคำตอบมันอยู่ในใจเจ้ามาต้องนาน แล้ว ”
เสียงนั้นตอบกลับมาโดยที่ยังไม่ตอบคำถามของเขา ทันทีที่เขาพยายามจะถามไปอีกครั้ง
ก็ถูกแทรกขึ้นมา

“ ข้าก็แค่คนโง่ที่หลงผิดจนต้องถูกขังเอาไว้ในแอคเตอร์ต้นแบบ ที่ถูกเอามาชำแหละประกอบอยู่ในเกราะของเจ้าก็เท่านั้นเอง..แต่ถ้าอยากรู้มาก นักข้าจะบอกก็ได้..เครสเซนท์ และก็ไม่ต้องห่วง เจ้าเจนัสน่ะไม่ฆ่าแกหรอกยังมีเวลาให้ไปนั่งค้นหาใจตัวเองอีกเยอะแต่ก็อย่าเอามันไปผลาญทิ้งเสียอีกล่ะ ”
เสียงตอบกลับมาก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบลงไป

“ Maximum Hyper Cyclone ”
เสียงทุ้มแหลมดังกังวานจากคันธนูที่สะสมพลังงานจนเต็มเปี่ยม ก่อนที่คลื่นพลังงานจะหมุนควงสว่านออกไปราวกับพายุหมุน พร้อมๆกับแสงเลเซอร์ที่สะสมพลังงานจนเต็มเปี่ยมถูกยิงออกจากปากกระบอกของ ฟันเนล เสริมการทำลายล้าง

“ นี่เราทำอะไรไม่ได้เลยรึยังไงกัน ”
 เจนัส คิดทบทวน ขณะที่คลื่นพลังงาน กำลังจะปั่นร่างของ ชินจิ ให้เป็นจุลนั้น ก็มีแสงวาบออกมาจากบริเวญเกราะตรงอกด้านซ้ายของ ชินจิ

“ งายยย..ไม่เจอกันนานเลยนะ ”
เสียงที่เขาคุ้นเคย ดังขึ้นในเสี้ยววินาทีนั้นเอง
“ เสียงนี้มัน..เครสเซนท์ แต่ทำไมถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ ”
เจนัส เผลอกล่าวออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อเสียงของคนที่เขากำลังนึกถึงจะมาให้ได้ยินเอาตอนนี้

“ หึหึ..รู้ดีเหมือนกันนี่3000กว่าปีมานี่ จิตของข้าที่ถูกกักเอาไว้ในแอคเตอร์สองตัวนั่น ถูกชำแหล่ะเอามาวิจัยเละไปหมดเลย รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ในตัวของ เจ้าหนูนี่ซะแล้ว ดูเหมือนชะตา จะเล่นตลกกันยังไงไม่รู้สิ
ที่ทำให้แกต้องมาเจอกับเหตุการณ์เหมือนตอนนั้นอีก ”
เสียงของเครสเซนท์ ดังก้องในหัวของเขา

“ แล้วตอนนี้ชั้นกำลังจะทำซ้ำ รอยเดิมอีกแล้วน่ะสิ ไม่ว่าจะยังไงชั้นก็เปลี่ยนความคิดของ เค้าไม่ได้เลย
ชั้นหมดหนทางแล้วล่ะ ”
เจนัส ตอบกลับไป ในวินาทีนี้เสมือนกับว่าเวลาได้หยุดลงไปเขากำลังสนทนากันจิตที่ยังหลงเหลือ
อยู่ของ 12 เทพขุนศึก เครสเซนท์

“ ไม่สมเป็นเจ้าเลย ถึงใจจะเปลี่ยนกันไม่ได้ง่ายๆก็เถอะ แต่วิธียังมีออก ถมไปแค่ยืดเวลาให้หน่อยก็พอแล้ว ”
คำพูดของเครสเซนท์ ทำให้เจนัส ฉุกคิดขึ้นได้ในทันที

“ จริงสิยังมีวิธีนั้นอยู่แต่ว่าชั้นคนเดียวคง.. ”
“ อย่าพูดงั้นเช่..ไม่ใช่นายแต่พวกเราต่างหากนี่ลืมที่พูดไว้แล้วรึไง..ถ้าเจอกันครั้งหน้า
เราคงไม่ได้เป็นศัตรูกันแต่.. ”
เสียงของเครสเซนท์ ดังขึ้นพร้อมท้วงถึงคำพูดที่ให้กันไว้เมื่อครั้งอดีต ถึงประโยค ที่ไม่สมบรูณ์ในครั้งนั้น
เจนัสยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

“ แต่เราจะเป็นเพื่อนที่ร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ”
เสียงของทั้งสองก้องขึ้นพร้อมกัน ขณะที่คลื่นพลังงานเริ่มเผาผลาญชุดเกราะของ ชินจิ

“ Chorono Control ”
เสียงดังก้องกังวานจากตัวชุดเกราะ ก่อนที่คลื่นพลังงาน ที่มองไม่เห็นจะแผ่ขยายตัวออกมาครอบคลุม
ไปทั่วทั้ง พื้นที่ บัดนี้เวลาไม่เสมือนหยุดลงอีกแล้วหากแต่ได้หยุดลงอย่างสมบรูณ์

“ ตอนนี้ที่เกราะยังพอมีพลังงานเหลืออยู่บ้าง ข้าใช้มันสร้างเกราะคุ้มกันไว้ให้แล้วเพราะฉะนั้นตอนนี้ล่ะ
เข้าไปถอดตัวออกจากเกราะก่อนที่เกราะจะไหม้หมด ”
เสียงของ เครสเซนท์ ดังขึ้น

“ แต่ถ้าอย่างนั้น จิตของนายที่ยังอยู่ในเกราะของ เคออส ก็จะหายด้วยนะ ”
เจนัส กล่าว

“ ต้องสนใจข้าหรอกช่วยเจ้าหนูนั่นให้ได้ก็พอ..แล้วทีนี้วิญญาณของข้าก็จะเป็นอิสระ ”
เสียงของเครสเซนท์ ตอบกลับมาเพื่อยืนยันในการทำลาย เคออส แอคเตอร์ทิ้ง

“ เครสเซนท์ ”
เจนัส กล่าวเสียงสั่นเครือ

“ อะไรกันนี่เจ้าเสียใจรึไงไม่ต้องมาเสียน้ำตาให้ข้าหรอก..ที่สำคัญเท่านี้ความต้องการของข้าก็ สัมฤทธิ์ผลเสียที
การที่ได้สู้ร่วมกับเจ้าเท่านี้ข้าก็ไม่มีอะไรค้างคาอีกแล้ว..เอาล่ะจงก้าวต่อไปในทางเดินของเจ้าซะ ”
เสียงของ เครสเซนท์ แว่วเบาลงเรื่อยๆขณะที่ เจนัสซึ่งพุ่งตัวเข้าไปหาร่างของ ชินจิ แซงตัดหน้าคลื่นพลังงาน
และจัดแจงฉีกกระชากชุดเกราะออกจากตัวของ ชินจิ ออกหมด ก่อนจะแบกร่างของ ชินจิ วิ่งฝ่าออกมาจาก
คลื่นพลังที่จะกระทบเกราะในอีกไม่ช้าเมื่อเวลาในการ Chorono Control หมดลง

“ Chorono Control ”
สิ้นเสียง คลื่นพลังงานก็กระทบ และปั่นเผาผลาญจน ชุดเกราะ คาออสแอคเตอร์ มลายสิ้นไป

“ ลาก่อน...เจนัส ขอบใจเจ้ามากแม้ว่าข้าจะเป็นเพียงแค่วิญญาณเทียมที่ถูกสร้างขึ้นแต่เจ้าก็ยัง
ให้ความเห็นใจแก่ข้าจนถึงวินาทีสุดท้ายชีวิตนี้ข้าพอใจแล้ว... ”
เสียงของ เครสเซนท์ ดังแว่วขึ้นมาก่อนจะหายไปท่ามกลางกองเพลิงที่ ลุกไหม้อยู่เบื้องหลัง
นักรบหนุ่มทั้งสอง

“ เจนัส เนลฟา ขอรายงาน Second Page เสร็จสิ้น จะเริ่ม Third Page ณ บัดนี้ ”
 เจนัส ติดต่อกลับไปยังยาน Angle Wing ก่อนที่จะหันกลับไปมองยัง เสาลิฟต์ วงโคจรสูดเสียดฟ้า ที่ตั้งตระหง่าน
อยู่ท่ามกลางหาดทรายอันกว้างใหญ่แห่งนี้ ในขณะที่ยังแบกร่างของ ชินจิ เอาไว้

“ รับทราบรายงานเริ่ม Third Page ได้ ”
เสียงตอบกลับดังขึ้นก่อนที่เจนัส  ซึ่งออกจาก ไฮเปอร์เนลฟาโหมด กลับมาเป็น เนลฟา ตามเดิม
กำลังออกตัวไปด้วยบอร์ดยนต์ที่ ขี่มาตอนส่งตัว มุ่งหน้าไปยังเสาลิฟต์วงโคจร

................
................
....................

ณ ห้องบังคับการ ภายในยาน Angle Wing
“ เอาล่ะเท่านี้ก็เหลือแค่ ลอว์เรนซ์ สินะ.. ”
คางาริ กล่าวได้ยังไม่ทันขาดคำก็มีสัญญาณติดต่อแทรกเข้ามา
ภาพบนหน้าจอ แสดงภาพของผู้ติดต่อ เข้ามาขึ้นหลาบนจอ เด็กหนุ่มผมดำที่ดูสูงวัยกว่า พวกลอว์เรนซ์
ประมาณปีสองปี ในชุดเครื่องแบบ สีฟ้าเทา เป็นผู้ติดต่อเข้ามา

ปึ้ง….วืดดด…ปึ้ง

เสียงประตูเปิดออกดังขึ้นพร้อมกับที่ เทีย ก้าวเข้ามาภายในห้องทันทีที่ เธอเห็นผู้ที่ติดต่อเข้ามา
นั้นเธอก็แทบจะล้มทรุดเอาเสียตรงนั้น

“ ถึงยาน Angle Wing ฟอน ไอน่าซัลเฟอร์ ผู้นำสูงสุดแห่ง Freedom Resistant (ต่อต้านอิสระ) จะขอเข้าพบ
คางาริ ไอรีนา (Kagari Aileena) ผู้ดำรงตำแหน่งแม่ทัพยาน Angle Wing ช่วยเตรียมการเปิดช่อง Catapult เพื่อทำการลงจอด มาสเตอร์แอคเตอร์ แฟนธอมเดรค(Phantom Drake) ด้วยเปลี่ยน..  ”
เด็กหนุ่มสั่งการ ก่อนที่ คางาริ จะรับคำสั่งและให้นำยานขึ้นสู่ผิวน้ำ



“ พ...พี่ฟอน..นี่มันอะไรกันพี่กำลังจะมางั้นเหรอแล้วยัง แฟนธอมเดรค อีกหมายความว่า นักรบของ แฟนธอมเดรค มาสเตอร์แอคเตอร์ตัวสุดท้ายที่กหายไปอยู่กับพี่งั้นเหรอ..นี่มันอะไรกัน ”
 เทียเปรยเสียงสั่นขณะที่ทรุดตัวลงขุกเข่าอย่างไม่รู้ตัว เมื่อทราบว่าพี่ชาย ที่หายสาบสูญไป
ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าเธออีกครั้ง ซ้ำยังเป็น ผู้ถือครองมาสเตอร์แอคเตอร์ ตัวสุดท้ายที่หายไป แฟนธอมเดรค
อีกด้วย เรื่องราวจะเป็นเช่นไรโปรดติดตามตอนต่อไป


โอยกว่าจะจบ part 1 นี่ยังมีอีก part นะเนี่ยแล้วก็ตอนต่อ กับข้ามไปตอนอวสานของภาคนี้เลย
ว่าแต่หลังจากอ่านมานี่คง งง เต็กกันแล้วซินะ ว่าอะไรคืออะไรบ้างเพราะฉะนั้น จะมาแถลงไขให้
กระจ่างกับคอลัม พิเศษนะจ้ะ
Logged


cocka-c
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 188


Email
« Reply #29 on: October 01, 2008, 07:33:11 PM »

บทความพิเศษ แก้ข้อสงสัยในการอ่านภาค V.O.W.

ข้อมูล อาร์เมอร์แอคเตอร์ (Armor Actor)

อาร์เมอร์แอคเตอร์ ก็เหมือนกับแอคเตอร์ทั่วๆไป เพียงแต่แยกเป็นอีก ลิขสิทธิ์ ของ Bell Cross ที่ผลิตขึ้นมา
ซึ่งแอคเตอร์โดยทั่วไปนั้น จะถูกเรียกว่า มัลติอาร์เมอร์(Multi Armor)  ซึ่ง อาร์เมอร์แอคเตอร์ นี้
ได้มีการเสริมระบบใหม่ เข้าไปนั่นคือระบบ PS. หรือ Part Setup ซึ่งเป็น การเสริม ชิ้นส่วนสำหรับเพิ่ม สมรรถนะแก่
ผู้สวมใส่ในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละแอคเตอร์ก็มี พาสเสริมในจำนวนครอบครองที่ต่างกัน แต่โดยส่วนมากจะมีตั้งแต่สองชิ้นขึ้นไป ในเวลาปกติจะสามารถเลือกติดตั้ง พาสได้แค่ชิ้นใดชิ้นหนึ่งเท่านั้น  แต่สำหรับ ไฮเปอร์ โหมดที่ถูกติดตั้ง
ในระบบนี้ จะเป็นการติดตั้งพาสทั้งหมดลงในคราเดียว จึงทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมาก กว่าปกติเป็นเหตุให้การใช้
ไฮเปอร์โหมดของระบบ นี้มีระยะเวลาจำกัด


ข้อมูล มัลติอาร์เมอร์ (Multi Armor)

หลังจาก การโค่นล้ม แผนการแลนทิส Bell Cross ได้วิจัยและพัฒนา ระบบของ แอคเตอร์ ให้สามารถใช้ได้กับ
พลทหารธรรมดา ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ถูกเลือก โดยการสวมใส่นั้นไม่จำเป็นต้อง พึ่งพาแอคเตอร์ในการขนย้ายชุดเกราะ
หากแต่ พลทหารจะสวมใส่เกราะตั้งแต่ก่อนออกรบ เพราะ มัลติอาร์เมอร์ เป็นเพียงชุดเกราะเพิ่มประสิทธิภาพทาง
การ รบเท่านั้น แต่สามารถใช้ Time Walk ได้ ซึ่งระยะเวลาการใช้จะสั้นกว่า ระบบแอคเตอร์ นอกจากนี้

ตัวเกราะยังไม่มีระบบ สร้างพลังงาน จึงใช้ การสะสมประจุพลังงาน จากการชาจ์ต ไฟแทนดังนั้น เกราะจึงมีข้อจำกัด
ในการใช้งาน และเนื่องจากการไม่กำหนดเงื่อนไขของผู้สวมตัว เกราะจึงไม่ได้มีพลังโดดเด่นนัก

ในช่วงแรก Bell Cross ต้องการผลิตออกมาเพื่อให้ พลทหารขององค์กร ใช้ในการรบกับแลนทิส แต่หลังจาก
โค่นล้มแผนการแลนทิส ลงได้ เป้าหมายในการวิจัย มัลติอาร์เมอร์จึงเปลี่ยนไป ใช้เพื่อการทำสงครามแทน

     
ข้อมูลกองกำลังต่อต้านอิสระ

หลังจากการโค่นล้มแผนการแลนทิส Bell Cross ได้ทำการ รื้อฟื้นแผนการแลนทิสขึ้นมาอย่างลับๆเพื่อผลประโยชน์
ทางการเงิน กองกำลังต่อต้านอิสระ จึงเกิดขึ้น จากกลุ่มสมาชิก องค์กร Bell Cross บางส่วนที่ไม่เห็นด้วย
กับการหาผลกำไรจากการเอาชีวิต ของคนและ แลนทิส มาเป็นเครื่องมือ กลุ่มคนเหล่านี้ เดิมทีเข้าร่วมองค์กร
เพราะต้องการจะให้สงครามกับ แลนทิส จบลงเพื่อไม่ให้ มนุษย์ และ แลนทิส ต้องสูญเสียไปมากกว่านี้
แต่เมื่อ องค์กรได้ใช้อุดมการณ์ของพวกเขาเป็นเครื่องมือ แผนการที่จะเปิดโปง เบื้องหลังขององค์กรจึงเริ่มขึ้น
โดยมีผู้นำกองกำลังคือ ฟอน ไอน่าซัลเฟอร์ หรือพี่ชายของ เทีย ไอน่าซัลเฟอร์ ที่หายตัวไปในภาคแรกนั่นเอง
 
ข้อมูล บูสเตอร์และอนุภาค E.I.
นี่คือ เกราะเสริมสำหรับระบบ มาสเตอร์แอคเตอร์นั่นเองมีไว้เพื่อทำการต่อสู้ในอากาศหรือบนอวกาศ แหมพูดกันอย่างนี้แล้วแถมในเรื่องยังมี Colony อีกชัวร์อยู่แว้วว่าต้องออกไปรบกันในอวกาศแบบ สตาร์วอร์หรือ Gunda…
กันเลยล่ะจ้ะ ว่าอนุภาค E.I. เนี่ยมันคืออะไรงั้นเหรอมันก็คือ Elemental Ion (ประจุธาตุ) ซึ่งว่าตามตรงมันคือพลังงานธาตุที่ไหลเวียนอยู่ในพลังงานของแอคเตอร์ ซึ่งไหลเวียนอยงู่ในชุดเกราะอีกที นึงยังไงล่ะจ้ะ ก่อนจะถูกบูสเตอร์ดึง
เอามาแปลงเป็นละอองอนุภาคเพื่อห่อหุ้มร่างของ ผู้สวมสำหรับการต้านทานแรงดึงดูด อีกทั้งรูปการใช้งานยังง่ายกว่า
การที่ติดไอพ่นมากและไม่สิ้นเปลืองพลังงานอีกทั้งยังใช้ได้อย่างไม่จำกัด แต่มีข้อเสียคือ มันจะรบกวนสัญญาณการ

สื่อสารและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ทั้งหมด แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นข้อเสียไปซะหมด เพราะมันสามรถนำมาใช้ขัดขวางการติดต่อสื่อสารของศัตรูได้ ทว่าหากรบเป็นกองทัพล่ะก็คงไม่สะดวกใช้ เพราะจะติดต่อกันเองไม่ได้
ข้อดีอีกอย่างคือตรวจจับยากเพราะเป็นพลังงานกึ่งมนตรา

ข้อมูล Hyper Actor Hyper Wolf
นี่คือร่าง Hyper ของเจนัสนั่นเอง โดยมีอาวุธหลักๆสองอย่างคือ ดาบสองคมที่เกิดจากการประกบทอนฟา
และ จรวดควบคุม ฟันเนล ซึ่งเป็นอาวุธ ที่ใช้สำหรับ กระจายโจมตี เหมือนใน gundam นั่นเอง
โดยมีสามโหมด คือแบบพกพา จะเป็นลักษณะหุบตัวเป็นกลีบ เก็บไว้ที่แพคหลังทั้งสองข้าง
แบบที่สอง จะเป็นรูปแบบ เบิก กลีบเปิดปากกระบอกเพื่อระดมยิง สามรถยิงได้ทั้งหัวและหาง
แบบที่สาม จะเป็นลักษณะ ดอกไม้ ซึ่งสามรถสร้างกำแพงพลังงานเพื่อป้องกันได้

อีกทั้งยังใช้ในการสร้าง อาณาเขตพิเศษ Private Arena (อาณาเขตจำเพาะบุคคล) เพื่อกำหนดการใช้ท่า อย่าง
Straight Ring (สังเวียนแห่งการเปิดเผย)   นอกจากนี้ยังมีรูปแบบการใช้งานอีกมากมาย

ค่อนข้างพลิกแพลงขึ้นกับผู้ใช้ ส่วนท่าไม้ตายประตัวระดับ ไฮเปอร์ อย่าง Maximum Hyper Typhoon or Cyclone
นั้นมีรูปแบบต่างไปจาก ของ ลอว์เรนซ์ คือจะเป็นการยิง ศรพลังงาน สามครั้งหรือ ก็คือเน้นการโจมตีระยะไกล
นั่นเอง ทว่ารูปแบบ typhoon นั้นยังไม่แน่ว่าจะเป็นเช่นนี้หรือไม่แต่ส่วนใหญ่รูปแบบ typhoon นั้นเหมาะใช้ทำลายระยะประชิดเพราะเล็งแค่เป้าเดียว

ส่วนตัวดาบนั้น ชื่อ Duo Blade (ดูโอ เบลด) ซึ่งมีรูปแบบการปล่อยท่าพิฆาตที่ต้องสะสมพลังงานมาก
จึงมักใช้คู่กับ ท่าสร้างสังเวียนเพื่อรอเวลา

Straight Ring (สังเวียนแห่งการเปิดเผย)   
เป็นการสร้าง อาณาเขตจำเพาะขึ้นมา หากนำไปใช้ในการรบจริงๆคงต้องบอกว่าลืมได้เลย
เพราะศัตรูไม่ได้มีแค่ตัวเดียวแน่ ส่วนมากน่าจะเอาไว้สู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งจริงๆมากกว่า
เพราะขณะที่เจ้าตัวอยู่ในอาณาเขตจะมีพลังเพิ่มขึ้นเท่าตัว
สำหรับ ไฮเปอร์วูฟล์นี่ ออฟชั่นเยอะมากคงอธิบายไม่หมดว่าแต่ไปๆมาๆชักจะเก่งกว่า ไฮเปอร์เดรค ซะแล้วสิ
อ้อลืมบอกไประบบ ไฮเปอร์ นี่เจนัสพึ่งจะขอให้ ดร.คีออส ติดตั้งให้ในบทนี้


ข้อมูล Phantom Drake
คงต้องอธิบายแยกเอาล่ะครับ เพราะว่า ตัวแฟนธอมเดรคนั้นเคยปรากฏตัวตอนงานกีฬาของ
โรงเรียนที่ เทีย เรียนอยู่ และ ยังไปปรากฏตัวอีกหลายครั้งเพื่อคอยช่วยเหลือพวกลอว์เรนซ์
แบบลับๆ แต่ที่โผล่ให้เห็นจะๆอีกครั้งก็คือตอน ที่ชมรมที่พวกลอว์เรนซ์ไปให้ความช่วยเหลือ เพราะฟอนหายตัวไป ในตอนท้ายของการแข่งในแต่ละชมรมนั้น แลนทิสได้บุกเข้าทุกการแข่งขันแต่
แฟนธอมเดรคก็เข้าไปจัดการเก็บเองทั้งหมด โดยคนที่เห็นตัวเขาจะๆมีเพียง เจนัส ที่

พึ่งจะชนะน็อคคู่ต่อสู้บนเวทีมา และแปลงร่างเพื่อต่อสู้กับแลนทิส เพราะแฟนธอมเดรค มาไม่ทัน
ทำให้แฟนธอมเดรคที่ Time Walk มานั้นได้พูดคุยกับเจนัส นิดหน่อยซึ่งสาเหตุที่ไปปรากฏตัวนั้นคงเป็นเพราะห่วงทีมของชมรมที่ตัวเองสังกัดอยู่เลยไปดูเพื่อความแน่ใจ แต่สุดท้ายทีมก็ตอกรอบระดับ
ทวีปจนได้ เลื่อนจากระดับอาณาจักร ไปได้นิดหน่อย หมายเหตุพวก เจนัส ถอนตัวตั้งแต่ระดับ ทวีปทันที เพราะเหล่ารุ่นน้องต้องการที่จะพยายามด้วยตัวเอง หลังจากที่ได้พยายามฝ่าวิกฤติมาแล้ว

กลับมาเข้าเรื่องกันต่อและในครั้งนี้ฟอนปรากฏตัวขึ้นในฐานะผู้นำสูงสุดของกองกำลังต่อต้านอิสระ
และยังเป็นผู้ถือครองแฟนธอมเดรค และเขากำลังจะมาแสดงความสามารถให้ดูในอีกไม่ช้า
นี้เอง
Logged


Pages: [1] 2 3  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.235 seconds with 21 queries.