โอลิมปิกครั้งแรกสุดเลย หลายๆคนคงจะรู้จักกันว่า เกิดที กรีซ บน ยอดเขา โอลิมปัส ส่วน ห่วงสัญลักษณ์ โอลิมปิกนั้น หลายๆคนเข้าใจว่า แทน 5 ทวีป โดย น้ำเงินแทน ยุโรป เหลืองแทนเอเชีย ดำ แทน แอฟริกา เขียวแทน ออสเตรเลีย และ แดง แทน อเมริกา จริงๆแล้วไม่ใช่ เพราะ 5 ห่วงนั้นไป ตรงกับ ที่มี 5 ทวีปบนโลกโดยบังเอิญ เหตุผลที่แท้จริงนั้น ผู้ออกแบบได้ให้ความหมายของ วงแหวนไว้ว่า ธงชาติต่างๆในโลกจะต้องมีอย่างน้อย 1 สี จาก 6 สีของโอลิมปิก
ต่อมา เมื่อมีการนำสัญลักษณ์โอลิมปิก มาทำเป้นธง ธงดังกล่าวก็จะถูกนำมาใช้ในการจัดแข่งขัน
ธงโอลิมปิกอันแรกจะถูกนำขึ้นสู่ยอดเสา เมื่อเริ่มต้นพิธีเปิด
และ นำลงจากเสาเมื่อพิธีปิด
ธงที่โอลิมปิดอันที่ 2 จะนำมาใช้ในการกล่าวปฏิญาณ
และ ธงพิเศษ อีกอันหนึ่งที่เก็บไว้เมื่อสิ้นสุดงาน สำหรับผู้นำของเมืองนำธงสัญลักษณ์นี้มามอบให้กับประธาน IOC (International Olympic Committee) และส่งต่อไปในอีก 4 ปีข้างหน้า พิธีนี้ได้เริ่มใช้กันมาตั้งแต่การจัด Antwerp Game ที่ประเทศเบลเยี่ยม ธงทั้ง 3 นี้ความหมายเหมือนกันทุกประการแต่จะแตกต่างกันตรงที่มีขนรอบธงและสีของโบว์ที่ผูกกับเสาธงต่างกัน
ในกีฬาโอลิมปิกยุคหลังๆมานี้ สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสีสันและเป้นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งไปแล้ว คือ การออกแบบตราสัญลักษณ์ที่บรรจุเอาตราสัญลักษณ์โอลิมปิก 5 ห่วงนั้นเข้าไปด้วย โดยสัญลักณ์จะถูกนำมาเป้นของที่ระลึกต่างๆกันด้วย
สัญลักษณ์ของการแข่งขัน โอลิมปิก
ในการแข่งขันครั้งที่ 1-9 ยังไม่มีการนำสัญลักษณ์ 5 ห่วงมาใช้ แต่จะมีการจัดทำเหรียญและโปสเตอร์ต่kงๆแทน
ครั้งที่ 1 Athens 1869
ครั้งที่ 2 Paris 1900
ครั้งที่ 3 St. Louis 1904
ครั้งที่ 4 London 1908
ครั้งที่ 5 Stockholm 1912
ครั้งที่ 6 Berlin 1916
ครั้งที่ 7 Antwerp 1920
ครั้งที่ 8 Paris 1924
ครั้งที่ 9 Amsterdam 1928
ต่อมาครั้งที่ 10 ก็เริ่มนำ 5 ห่วงมาใช้พร้อมออกแบบให้เข้ากัน ลองมาดูกันดีกว่า
ครั้งที่ 10 Los Angeles 1932 มีลักษณะคล้ายตราติดแขนเสื้อของทหาร หรือ อาร์ม สีเป็นแบบธงชาติ อเมริกัน ด้านหน้าจะประกอบไปด้วยตราสัญลักษณ์ของโอลิมปิก และ คำ 3 คำคือ Citius (ความเร็ว) Altius (ความสูง) Fortius (ความแข็งแรง)
โดยรอบสัญลักษณ์ โอลิมปิก และมีกิ่งของเรเวลสัญลักษณ์แห่งชัยชนะอยู่ด้วย
ครั้งที่ 11 Berlin 1936 มีลักษณะ ระฆังคว่ำ จำลองแบบประตู Brandenburg สัญลักษณ์ของเมืองเบอร์ลิน มีรูปนกอินทรีย์ยืนอยู่บน 5 ห่วง และ ตรงขอบระฆังคว่ำมีคำว่า "Ich rufe die jugend der Welt!" (I Call the youth of the world)
ครั้งที่ 12-13 ไม่มีการแข่งขัน เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่2
ครั้งที่ 14 London 1948 ออกแบบโดยนำหอนาฬิกาของรัถสภาอังกฤษมาใช้ และ เข็มนาฬิหาเข็มสั้นของ Bogben จะอยู่ที่เลข 4 ซึ่ง เป็นเวลาในพิธีเปิดมหกรรมการแข่งขันกีฬาฯ ด้านหน้าจะมีสัญลักษณ์ของโอลิมปิก
ครั้งที่ 15 Helsinki 1952 ได้ใช้รูปตึกที่มีชื่อเสียงของเมือง และมีสัญลักษณ์ของโอลิมปิกอยู่ด้านบน
ครั้งที่ 16 Melbourne 1956 มีลักษณะรูปทรงวงรี ด้านหลังเป้นรูปแผนที่ของประเทศออสเตรเลีย ด้านหน้าเป็นรูปคบเพลิง ด้านบนมีสัญลักษณ์ของโอลิมปิก และครึ่งล่างของวงรีใช้คำว่า Melbourne 1956 และเพิ่มกิ่งเลเรลประดับอยู่ทั้ง 2 ข้าง
ครั้งที่ 17 Rome 1960 เป็นรูปเด็กสองคนดูดนมจากหมาป่าตัวเมีย อยู่บนสัญลักษณ์โอลิมปิก นั่นคือการนำเรื่องเล่าการก่อตั้งกรุงโรมที่มี Remus และ Romulus 2 พี่น้องซึ่งถูกทิ้งไว้ในป่า และมีหมาป่าเก็บมาเลี้ยง ต่อมา Romulus ก็สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์ และตั้งชื่อเมือง่วา Rome ส่วนตัวหนังสือตรงกลางคือเลขโรมัน
ครั้งที่ 18 Tokyo 1964 ออกแบบโดยการใช้พระอาทิตย์สัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นบนสัญลักษณ์ของโอลิมปิก
ครั้งที่ 19 Mexico 1968 ออกแบบเป็นลายเส้นตัวอักษรคำว่า MEXICO และตัวเลข 68 โดยมีสัญลักษณ์โอลิมปิกรวมกับตัวเลขด้วย
ครั้งที่ 20 Munich 1972 ออกแบบโดยใช้รัศมีแสงของมงกุฎ สื่อถึง สปิริทของการจัดการแข่งขันครั้งนี้
ครั้งที่ 21 Montreal 1976 สัญลักษณ์นี้สร้างจากห่วงโอลิมปิกที่ลากสูงขึ้นไปเหมือนยอดเขา หรือ เหมือนตัว M ที่หมายถึง Montreal มอกอีกอย่างก็เหมือนลู่วิ่งที่จุดรวมของเกมทั้งหมด สัญลักษณ์นี้ยังสื่อถึงการยอมรับจุดสูงสุดของโอลิมปิกว่าเป้นความภาคภูมิใจของผู้ชนะ จากการต่อสู้อย่างสง่างาม และการยอมรับ Montreal ว่าเป็นหนึ่งในเมืองโอลิมปิก
ครั้งที่ 22 Moscow 1980 ออกแบบด้านบนเป็นเส้นขนาน รูปทรงปิรามิด เหนือสัญลักษณ์โอลิมปิก เส้นกลางยอดสูงสุดเป็นรูปดาวอยู่ด้านบนเพื่อระลึกถึง พระราชวัง Kremlin คลังหรือป้อมแห่งมอสโก
ครั้งที่ 23 Los Angeles 1984 สร้างเป็นลักษณะรูปดาวที่เปรียบเสมือนความฝันอันสูงสุดจากการไขว่คว้าของมนุษย์ สัญลักษณ์นี้ กล่าวถึงฝีเท้าของการแข่งขันเพื่อจุดหมายในความเป็นเลิศ และดาวที่ซ้อนๆกันนั้นหมายถึงความเท่าเทียมกันของทุกๆคน
ครั้งที่ 24 Seoul 1988 สัญลักษณ์เป็นรูปของ Samtaeguk ซึ่งเป็นประเพณีของเกาหลี มีลักษณะกว้างเช่นเดียวกับพัดและประตู ซึ่งเป็น หัตถกรรมของคนเกาหลี สื่อความเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าภาพ ถ้ามองดีๆจะมี 2 ส่วนซ้อนกัน สื่อถึงการเคลื่อนที่เข้าหาศูนย์กลาง หมายถึง การประสานความร่วมมือของคนทั่วโลก และการเคลื่อนออกจากจุดศูนย์กลาง หมายถึง ตัวแทนของความมึ่งมั่นสู่ข้างหน้าและค้นหาความสำเร็จ
ครั้งที่ 25 Barcelona 1992 สัญลักษณ์สื่อถึงการเคลื่อนไหวของมนุษย์ ที่กำลังก้าวข้ามผ่านอุปสรรค การใช้สีออกแบบ ศรีษะ(สีน้ำเงินของทะเลเมดิเตอเรเนียน) แขน (สีเหลืองจากพระอาทิตย์ ลายเส้นสื่อเหมือนการต้อนรับ) และขา (สีแดงที่ก้าวผ่านอุปสรรค) เหนือสัญลักษณ์โอลิมปิก
ครั้งที 26 Atlanta 1996 สัญลักษณ์เป็นรูปคบเพลิงที่เสาหิน มองดีๆจะประกอบไปด้วย สัญลักษณ์โอลิมปิก ตัวเลข 100 (ครบรอบ 100 ปี โอลิมปิก) เปลวไฟหมายถึง ความแสวงความเก่งของนักกีฬา สีทองของลายเส้นหมายถึง เหรียญทองหรือชัยชนะ สีเขียวของพื้นแทนกิ่ง เรเรล หมายถึงผู้ชนะและบ่งบอกถึง ชื่อเสียงของเมือง Atlanta ว่าเป็นเมืองแห่งต้นไม้
ครั้งที่ 27 Sydney 2000 สัญลักษณ์นี้เปรียบเสมือนตัวแทนของนักกีฬา ทั้งรูปร่างและสีที่บ่งบอกถึงชาว ออสซี่ มีส่วนประกอบลายเส้นรูป บูมเมอแรง (สีแดง)
พระอาทิตย์ ชายหาด หิน (สีเหลือง)
โอเปร่าเฮ้าท์ (สีฟ้า)
ภาพโดยรวมดูเหมือน คนถือวิ่งคบเพลิงโอลิมปิก
ครั้งที่ 28 Athens 2004 ใช้สัญลักษณ์ ช่อของโอลีฟที่พันเป็นวงกลม หมายถึง โอลิมปิกโบราณ นอกจากนี้ โอลีฟ ยังหมายถึง ต้นไม้ทางศาสนา ของเอเธนส์ได้อีกด้วย สีขาวแทนร่มเงา สีน้ำเงินแทน ชาวชนบทของกรีก
ครั้งที่29 Beijing 2008 สัญลักษณ์นี้มรความหมายถึง Dancing Beijing ที่ประกอบไปด้วย ลายของตราประทับสีแดงที่อ่านว่า Jing หมายถึง เหล่าประชาชนในชาติที่มีความเป็นจีน และลายเส้นคนอ้าแขนเหมือนร่างกายนักกีฬา อีกนัยหนึ่ง การเต้นนี้ถือว่าเป็นตัวแทนของความเชื่อใจ และ ความเชื่อมั่นยืนอยู่ตรงหน้าที่สักการะ
Comming Soon
ครั้งที่ 30 London 2012
เกริ่นนำ
โอลิมปิคครั้งล่าสุดนี้จัดขึ้นที่ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน จัดขึ้นเมือ วันที่ 8 เดือน 8 ปี 08 เวลา 8 นาฬิกาPM(20.00) โดยเลข 8 นี้เป็นเลขนำโชคในวัฒนธรรมจีน ซึ่งตามความเชื่อของจีน เลข 8 เป็นเลขมงคลมากที่สุด ซึ่งออกเสียงคล้ายกับคำว่า 'ฟา' ที่หมายถึงความร่ำรวย
มาถึง 5 มาสคอส ของ ปักกิ่งเกมกัน
Beibei "เป้ยเป้ย" ออกแบบมาจากปลาซึ่งตามความเชื่อของคนจีนถือว่าปลาเป็นสัญลักษณ์ ของความอุดมสมบูรณ์
"เป้ยเป้ย" จะเป้นตัวแทนของความสุภาพและบริสุทธิ์
เนื่องจากตามวัฒนธรรมจีน ภาพเขียนพู่กันรูป ปลา และ น้ำ จะแทนสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและความสำเร็จ นอกจากนั้น คำว่าปลาในภาษาจีนที่ออกเสียงว่า อี๋ว์ ยังพ้องเสียงกับคำที่หมายถึง มีกินมีใช้เหลือเก็บ
เป้ยเป้ย Beibei จะทำหน้าที่ส่งมอบความเจริญรุ่งเรือง เนื่องจากตามวัฒนธรรมจีน ภาพเขียนพู่กันรูป ปลา และ น้ำ จะแทนสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองและความสำเร็จ นอกจากนั้น คำว่าปลาในภาษาจีนที่ออกเสียงว่า อี๋ว์ ยังพ้องเสียงกับคำที่หมายถึง มีกินมีใช้เหลือเก็บ ส่วนหัวของหนูน้อยเป้ยเป้ย ยังประดับด้วยลวดลายปลาที่นิยมในยุคเครื่องมือหินใหม่ของจีน
และเธอเป็นเสมือนห่วงสีน้ำเงินในตราสัญลักษณ์โอลิมปิก
Jingjing "จิงจิง" ออกแบบมาจากหมีแพนด้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ เป็นตัวแทนความร่าเริง สดใส ผู้ที่นำพรอันประเสิรฐและความเจริญรุ่งเรืองมายังผู้ที่พบเห็น
"จิงจิง" จะเป้นผู้ที่คอยปกป้องและดูแลธรรมชาติให้ยังคงสวยงามตลอดไป
จิงจิงมาจากป่าไม้อันกว้างใหญ่ แทนความสมานฉันท์อันดีระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ส่วนหัวของหนูน้อยจิงจิงประดับด้วยลวดลายกลีบดอกบัวตามลักษณะเครื่องเคลือบสมัยซ่งและ "จิงจิง" เป็นเสมือนห่วงสีดำในตราสัญลักษณ์โอลิมปิก
Huanhuan "ฮวนฮวน" ถือเป็นพี่ใหญ่ในบรรดาตัวมาสคอตทั้งหมด และถือเป็นตัวแทนคบเพลิงของการแข่งขัน
"ฮวนฮวน" เป็นตัวแทนของความกล้าและความแข็งแรง
เครื่องประดับบนศีรษะของฮวนฮวนมีต้นแบบมาจากลวดลายของเปลวไฟในภาพบนผนังของถ้ำผาม่อเกาคู เมืองตุนหวง ในมณฑลกันซู่ ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ฮวนฮวน จึง เสมือนห่วงสีแดง ในตราสัญลักษณ์โอลิมปิก
Yingying "อิ๋งอิ๋ง" เจ้ากวางน้อยที่ออกแบบมาจากกวางทิเบต ที่ได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลจีน
"อิ๋งอิ๋ง" เป็นตัวแทนของความจริงใจและซื่อสัตย์ เครื่องประดับศีรษะของอิ๋งอิ๋งเป็นการผสมผสานระหว่างรูปแบบเครื่องประดับของที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบตและเขตต่างๆ อาทิ ซินเจียงในภาคตะวันตกของจีน มือเท้าของอิ๋งอิ๋งว่องไว เป็นนักกีฬาที่เชี่ยวชาญกรีฑาทั้งลานและลู่เปรียบเสมือนห่วงสีเหลือง ในตราสัญลักษณ์โอลิมปิก
Nini "หนีหนี่"มาจากฟากฟ้านภากาศ เพราะเป็นนกนางแอ่นที่กำลังสยายปีก รูปลักษณ์ของนีนีได้มาจากว่าวนางแอ่นดั้งเดิมของปักกิ่ง นางแอ่น ยังเป็นตัวแทนของ เยียนจิง (ชื่อในสมัยโบราณของเมืองปักกิ่ง) หนีหนี่จะนำพาฤดูใบไม้ผลิและความเบิกบานมาสู่มวลมนุษย์ และโปรยปรายคำอวยพร ขอให้โชคดี ยังทุกที่ที่บินผ่าน นิสัยของนีนี ไร้เดียงสาไม่เป็นพิษเป็นภัย ความเบิกบานอยู่เป็นนิจของหนีหนี่จะส่องประกายบนสนามแข่งขันยิมนาสติก เป็นตัวแทนห่วงสีเขียวในตราสัญลักษณ์โอลิมปิก
และเมื่อ 5 ตัวนี้มารวมกัน Beijing huan ying ni "เป้ยจิงฮวนอิ๋งหนี" จะมีความหมายว่า "ปักกิ่งยินดีต้อนรับ"
Credits : CG+ Mag issue 14
http//:www.cgplusmag.com
http://www.ibiblio.org/chinesehistory/ http://www.komchadluek.net http://www.aldaver.com http://www.google.com http://en.wikipedia.org/