Summoner Master Forum
October 01, 2024, 10:22:48 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: ไขปัญหาการเลือก กับทฤษฎีความได้เปรียบ  (Read 6550 times)
0 Members and 7 Guests are viewing this topic.
เทราสเฟียร์ เอล เซราฟีเตอร์
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1580


Email
« on: May 05, 2008, 02:13:04 AM »

นักเล่นการ์ดซัมมอนเนอร์ส่วนใหญ่คงเคยประสบปัญหาว่าจะเลือกการ์ดใบใดให้เหมาะสมกับเด็คของตน ทำไมการ์ดบางใบถึงมีราคาแพง จะมองอย่างไรจึงตัดสินได้ว่าการ์ดใบไหนเก่งกว่ากัน หรือคาดคะเนแนวโน้มการรีสตริคต์และการแบน ทฤษฎีหนึ่งที่สามารถไขปัญหาน่าปวดหัวนี้ได้อย่างเป็นระบบ คือ ทฤษฎีความได้เปรียบ(Advantage Theory)

   ทฤษฎีความได้เปรียบซึ่งมีรากฐานมาจากเกมการ์ด Magic The Gathering แต่อาจนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างลงตัวกับเกมการ์ดชนิดอื่นๆรวมถึงซัมมอนเนอร์ มาสเตอร์ ทฤษฎีได้จัดแบ่งการ์ดสองเป็นสองประเภท คือ การ์ดที่มีความได้เปรียบเชิงมือหรือเชิงการ์ด (Hand or Card Advantage) และการ์ดที่มีความได้เปรียบเชิงจังหวะ (Tempo Advantage)

   การ์ดที่มีความได้เปรียบเชิงการ์ด (Card Advantage) คือการ์ดที่ทำให้เรามีสรรพอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งซีลหรือมิสติกบนมือมากขึ้น พูดง่ายๆคือการ์ดที่มีเอฟเฟคต์เกี่ยวข้องกับการจั่ว การนำการ์ดขึ้นมือจากไชรน์ เช่น Joyful Fairy(ลงมาจั่ว) Wind Goddess Shaman(สั่งตีจั่ว) Take Back Magic(ชุบการ์ดมิสติกขึ้นมือ) เป็นต้น ซึ่งเปิดโอกาสให้เรามีทางเลือกเล่นจากทรัพยากรที่มีมากกว่าคู่ต่อสู้ ไม่ว่าจะตั้งเกม ทำเกม หรือพลิกเกมได้ รวมถึงเปิดเกมจิตวิทยาว่าเรามีขุมกำลังสำรองในมือ ทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าเสี่ยงบุกเข้ามาง่ายๆ

   ส่วนการ์ดที่มีความได้เปรียบเชิงจังหวะ (Tempo Advantage) คือการ์ดที่ชิงจังหวะให้เรากระทำได้ก่อนมาตรฐานทั่วไป เช่น Rachoyu ที่ร่าย 3/1 แต่ได้พลังโจมตี 10 Amber in memory หรือการ์ดอื่นที่ลงมาแล้วผ่านไป 1 เทิร์นสามารถรวมร่างได้ทันที ซึ่งการ์ดเหล่านี้จะชิงโอกาสเข้ามาสู่ผู้เล่นได้ในทันทีที่ลง
มา 
   การ์ดส่วนใหญ่มีความสมดุล หากได้เปรียบเชิงการ์ด จะเสียความได้เปรียบเชิงจังหวะไป เช่น Joyful Fairy ที่ร่าย 2 ลงมาจั่ว แต่ค่าพลังต่ำกว่ามาตรฐานการ์ดค่าร่าย 2 หรือ Rachoyu ที่ได้เปรียบเชิงจังหวะแต่เมื่อโจมตีต้องเสียการ์ดในมือ 1 ใบ Heaven Knight ที่มีพลังสูง โจมตีออลได้รุนแรง แต่ต้องกลับกองใน 3 เทิร์น ซึ่งเป็นการเสียความได้เปรียบเชิงการ์ดในมือนั่นเอง ซึ่งผลกระทบฝั่งตรงข้ามนี้เรียกว่า Drawback Effect

   กรณีหนึ่งซึ่งอาจนำมาแยกแยะว่าการ์ดใบใดมีความได้เปรียบแบบใด คือการเปรียบเทียบระหว่าง Swapping Spell (Secondary D4K) และ Take Back Magic (Ekk) Swapping Spell ร่าย 2 แต่ต้องแลกกับการเสียการ์ดในมือเพิ่มอีก 1 ใบ คือใช้การ์ด 2 ใบแลกการ์ดเพียงใบเดียวในไชรน์ ส่วน Take Back Magic ต้องร่ายถึง 3 Mp ซึ่งอาจมีปัญหาในเวลาคับขันที่ Mp ไม่เพียงพอ

   การพิจารณาว่าการ์ดใบใดใช้ได้ดี หรือควรนำมาเล่น หรือแม้แต่ว่าการ์ดใบไหนน่าจะมีราคาก็สามารถใช้ทฤษฎีนี้คิดตามไปได้ การ์ดที่ได้เปรียบด้านใดด้านหนึ่งแต่มีข้อเสียน้อย หรือไม่มีข้อเสียเลย ย่อมน่าใช้มากกว่าการ์ดที่มีข้อเสียมากกว่า หรือหากการ์ดใบใดมีความได้เปรียบทั้งสองด้านโดยไม่มีข้อเสีย ย่อมกลายเป็นการ์ดที่น่าใช้สูงสุดและมีราคาสูงตามความต้องการของตลาด และอาจถูกรีสตริคต์หรือห้ามใช้แข่งได้ เช่น Sigmund, the little prince ที่ค่าร่ายต่ำโจมตีสูง(ได้เปรียบเชิงจังหวะ) ลงมาหาการ์ดมิสติก PS มาแปะได้ทันที(ได้เปรียบเชิงการ์ด) ทั้งยังมีสกิลนำมิสติกติดตัวได้ หรือ Wind Goddess Shaman ที่ร่าย 2 ได้ค่ามาตรฐาน แต่สกิลทำให้ได้เปรียบเชิงจังหวะคือโจมตีข้ามไลน์ได้ ทั้งยังมีอบิลิตี้ตีจั่วโดยไม่มีข้อเสีย จึงต้องถูกรีสตริคต์ไปตามระเบียบ หรือการ์ดความนิยมสูงอย่าง Michael, the Archangel ที่พลังคุ้มค่าร่าย มีอบิลิตี้เสริมหลายอย่าง โดยไม่มีข้อเสียเลย ทั้งยังเปิดหาได้ยากจึงทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก

   นอกจากนี้ การจัดคอมโบเฉพาะเติมเต็มให้การ์ดที่เสียเปรียบบางส่วน ก็อาจเป็นทางเลือกหนึ่งของการเลือกการ์ดให้เข้าเด็ค ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Moonshine Werewolf ที่เมื่อต่อสู้ต้อง sacrifice การ์ดเพื่อเพิ่มพลัง ซึ่งเป็นการเสียความได้เปรียบเชิงการ์ดเพื่อความได้เปรียบเชิงจังหวะ แต่หากเราวาง Brighid ที่โม่การ์ดจากกองแทนการถูกทำลายได้บนสนาม Drawback Effect ของMoonshine Werewolf ก็ไม่มีผลในทันที ทั้งยังอาจมีข้อดีต่อเนื่องเพื่อสร้างคอมโบจนทั้ง Lakshami และ Saraswati ถูกแบนไปตามๆกัน

   เราสามารถใช้ทฤษฎีความได้เปรียบคาดคะเนและทำนายอนาคตของการ์ดล่วงหน้าได้ระดับหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์จากการเล่นจริงประกอบด้วย หวังว่าทุกท่านจะนำทฤษฎีนี้ไปใช้ประโยชน์เพื่อความสนุกสนานและความเป็นเลิศได้ตามความตั้งใจ หากมีข้อนะนำหรือมาร่วมถกประเด็นกันต่อเรื่องทฤษฎีความได้เปรียบก็ยินดีครับ
« Last Edit: May 05, 2008, 02:14:59 AM by เทราสเฟียร์ เอล เซราฟีเตอร์ » Logged


~{[M]iRRo[R]}~
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 250


Email
« Reply #1 on: May 05, 2008, 02:38:30 AM »

บทความดีมักๆเลยคับ
ระยะหลังมานี้ การ์ดที่ใช้ค่อนข้างจะหนาขึ้นมากๆ โดยเฉพาะมิสติก
ข้อความนี้ ทำให้คัดออกได้ง่ายขึ้นเยอะเลย^^
Logged


Zairen Verotzard, [ Bibliophobia ]
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1944


« Reply #2 on: May 05, 2008, 02:45:55 AM »

แสดงได้ชัดมากเลยครับ




" เก่งไป " ก็ต้องถูกจัดการ

" เก่งไม่พอ " ก็ต้องถูกเมิน
Logged


คาร์ลิโต้ หัวฟูที่สอง
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3569


Email
« Reply #3 on: May 05, 2008, 02:52:18 AM »

บทความที่ดีอ่ะครับ คัดมิสติกออกไปเยอะมากมายเลย ใส่เยอะไปก็ไม่ขึ้น ขนาดใส่น้อยไม่เกิน 50 ก็ยังเน่าในบางเวลา
Logged


DanGerous Priest -Genjo SanZo-
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1783


Email
« Reply #4 on: May 05, 2008, 03:00:16 AM »

บทความดีนะครับ
Logged


AbNolzMiC
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1525


Email
« Reply #5 on: May 05, 2008, 03:04:12 AM »

เจ๋งดีครับ

ผมลองสรุปประเด็นเคียวฟุได้ว่า

ใช้สกิลเรียกตัวเองได้ = ได้เปรียบเชิงการ์ด
ใช้สกิลเรียก Monster ที่ Effect แรงๆ = ได้เปรียบเชิงจังหวะ

Bakery Girl ก็ได้ว่า
ลงมาค่าร่ายลบ = ได้เปรียบเชิงจังหวะ
จ่าย 0 เอาขึ้นมือ / โม่ทันใด = ได้เปรียบเชิงการ์ด

หรือเปล่าหว่า
Logged


iMnemoniC™
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 921


« Reply #6 on: May 05, 2008, 03:18:11 AM »

เนื้อหาได้หลักการดีมาก...

แต่จริงๆ มันก็คือเอาสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาบอกเล่ากันเท่านั้นเอง...

เพราะการ์ดที่มีความได้เปรียบ ไม่ว่าจะเชิงอะไรก็แล้วแต่ ส่วนมากจะถูกนำมาเล่นทั้งนั้น...

และส่วนมากกาณ์ดเปล่านั้นก็จะเป็นไม่แรร์ก็ชุดพิเศษ จึงไม่แปลกที่เด็คจะมีแต่แรร์กับชุดพิเศษ...

เพราะการ์ดที่ไม่มีความได้เปรียบอะไรเลย ก็จะไม่ถูกนำมาใช้ หรือถ้าถูกนำมาใช้ก็จะเป็นตัวเสริมไม่ใช่ตัวหลัก...

เช่น คารีบัน ที่ด้วยตัวมันเองไม่มีทางที่จะเข้าไปในสนามจากกองได้เลย จึงกลายเป็นตัวเสริมให้ เคียวฟุ ไป...
Logged


S_A_Y
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 7679


Email
« Reply #7 on: May 05, 2008, 04:11:11 AM »

ถ้าไม่แห่เล่นตามกัน คาดการณ์ว่า การ์ดใบนั้นก็คงไม่ถูกเพ่งเล็ง

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเช่นกัน

ปล. ไม่มีกลอนแนบมาด้วยแฮะ  รู้สึกแปลกๆ
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #8 on: May 05, 2008, 02:44:19 PM »

ดังนั้นเสน่ห์ความสนุกอีกอย่างของการจัดเด้คคือการหาการ์ดที่เข้ากับ concept การเล่นของเรา โดยเลือกจากแนวที่มีความสามารถเข้า และ ดีที่สุด แทนที่จะเลือกแต่แนวสูตรสำเร็จที่ใช้กันหมด โดยไม่คำนึงถึงความเข้ากัน 
Logged


เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1432


Email
« Reply #9 on: May 05, 2008, 05:55:54 PM »

บางทีดวงกับความกล้า(ของผู้เล่น)ก็มีส่วนอยู่นะครับ


ปล.ตอนแรกนึกว่าจะมาเป็นกลอน (แอบคิด 555+)
Logged


- k A w E z -
Member
*****
Offline Offline

Posts: 147


« Reply #10 on: May 06, 2008, 12:52:53 AM »

อุ้ย...ชอบ
Logged


gb_seaoer
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1386


« Reply #11 on: May 06, 2008, 01:07:16 AM »

เชิงการ์ด เชิงจังหวะ เด็คที่มีของแบบนี้มักจะเป็น Metagame สินะ อืมๆ

ปล.ดีคับ
Logged


Panther
Member
*****
Offline Offline

Posts: 3605


Email
« Reply #12 on: May 06, 2008, 01:23:07 AM »


" เก่งไป " ก็ต้องถูกจัดการ

" เก่งไม่พอ " ก็ต้องถูกเมิน


 จิงแท้แน่นอน เรย   ยกเว้น เจอ  พวก เดค เด็กแนว อ่านะ
Logged


PRINCE OF MICHAEL
Member
*****
Offline Offline

Posts: 54


Email
« Reply #13 on: May 06, 2008, 02:07:03 PM »

บทความดีแต่เรามะเข้าใจ
Logged


boomkung
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 3594


« Reply #14 on: May 06, 2008, 04:17:23 PM »


" เก่งไป " ก็ต้องถูกจัดการ

" เก่งไม่พอ " ก็ต้องถูกเมิน
" เก่งเท่าเดิม " คนก็เล่นของเก่า ไม่มีคนเล่นของใหม่

น่าตกไทป์จริงๆ 555+
Logged


Zairen Verotzard, [ Bibliophobia ]
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1944


« Reply #15 on: May 06, 2008, 04:19:54 PM »


" เก่งไป " ก็ต้องถูกจัดการ

" เก่งไม่พอ " ก็ต้องถูกเมิน
" เก่งเท่าเดิม " คนก็เล่นของเก่า ไม่มีคนเล่นของใหม่

น่าตกไทป์จริงๆ 555+



อันนี้เจ๋งกว่า เหอเหอเหอ 
Logged


totti_pop
Member
*****
Offline Offline

Posts: 7


Email
« Reply #16 on: May 17, 2008, 02:29:50 AM »

ชอบบทความนี้จัง
พออ่านเรื่องนี้ ผมก้อเลยนึกถึงเด็คไฟ
เด็คไฟในความรุสึกผมมานมีปัญหาในความได้เปรียบทั้งสองจุดเลย

ได้เปรียบเชิงการ์ด : นอกจาก Nazae&Bakery girl กะ mask doom (โดนรีเหลือแค่ 2 ใบอีก เฮ้อ)
                                ก้อแทบจาไม่เลยอารายให้จั่วแล้ว เท่าที่ผมลองดูนะ (โดยเฉพาะกะเด็คลม)
                                เวลาปะทะกัน(โดยเฉพาะกะเด็คลม)ในศึกแรกมักจะไม่เปนไร แต่ การปะทะครั้งต่อไป
                                การ์ดมักจะไม่เหลือให้สู้เลย
ได้เปรียบเชิงจังหวะ : อันนี้เสียเปรียบมาก การ์ดสมัยใหม่ทำให้เด็คไฟตีเร็วได้แค่เด็คที่มี At มะสูงมาก
                                 หากเจอตัวบิ๊กๆ ที่ทำให้ต้องอาศัยการตั้งตัวถึงจะตีเข้าเช่น มิ้กกี้ เปนต้น ก้อแทบจะเก็บเด็ค
                                 เพราะเด็คไฟไม่เหมาะกับการสู้กันแบบยืดเยื้อ  (ยกเว้น Zadin ที่พอจะปั๊ม At ขั้นมโหฬารได้)
                                 ส่วนเรื่อง mp นี้ก้อลำบาก  ค่าตีที่สามารถสู้กะคนอื่นได้ก้อต้องใช้ถึง 2-3 จะเกนหรือลด mp ก้อลำบาก
                                 แต่เรื่องที่ว่านี้ยังพอจะจัดการได้บ้าง แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เด็คไฟไม่เติบโตคือ
                                 Curse คับโผม
                                 หากเจอการยิง curse รัวๆจากฝ่ายตรงข้าม เด็คไฟแทบจะหมดปัญญาที่จะหาจังหวะตี
                                 หากใช้ mystic card แก้ นอกจากจะเสียการ์ดแล้วยังเสีย mp ที่จะตีในเทิร์นหน้า
                                 พอถึงเทิร์นฝ่ายตรงข้ามก้อจะยิง Curse  มาอีกจนเป็นวัฏจักร
                                 โดยเฉพาะ freeze curse ก้อจะยิงจนตัวตั้งไหล
                       
                                 ความได้เปรียบที่ทาง SMN สร้างให้เด็คไฟตีได้ด้วย At มหาศาลก้อหมดค่าไปในทันที
                                 เศร้าจริงๆคับเพ่น้อง

เมื่อแยกเด็คที่มีศักยภาพในแต่ละธาตุ
แสง : เหล่าเทพทั้งหลายโดยเฉพาะ มิกกี ที่มาแรง
ดิน  : Karn นี่แหละครับ
น้ำ   : Andre และพวกที่ยิง freeze เปนหลัก (Odilon ออกมาทำให้เด็ค only freeze เจ๋งขึ้น)
ลม   :ลองถาม ซิก ดูว่าทำไมโดนแบน ยังมี Wind Goddess Shaman ,Pony Pegasus อีก แถมตอนนี้ยังมี Agent Arosel อีก
มืด  : นี่แหละที่หายากในตอนนี้ แต่อย่างน้อยมานก้อมี toxic
ส่วนไฟ คงส่งได้แค่ Nazae กะ Bakery หล่ะมั้ง เฮ้อ

ตามความคิดผม หากเด็คไฟไม่ได้รับการแก้ปัญหาตรงจุดนี้ เชื่อเถอะครับที่เด็คไฟจะโลดแล่นในงาน GT คงจะหายาก
หวังว่าคงมีอะไรดีๆ สำหรับเด็คไฟบ้าง นอกจาก At กระจายอย่างเดียว (At เยอะยังใช้ mp สูงอีก เฮ้อ)
Logged


Gaianas,The dark werewolf pugilist
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 412


« Reply #17 on: May 17, 2008, 03:02:41 AM »

^
^
^
^
ลองหาเล่นเซราฟมาเล่นดูนะ  น่าจะใช้ได้   ;D 
Logged


AbNolzMiC
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1525


Email
« Reply #18 on: May 17, 2008, 03:31:46 AM »

^
^
^
^
แล้วเคยเหนมั้ยครับ Seraph All ไปเต็มสูบ โดนดาบน้ำแข็งขว้าง Freeze 3 turn
Logged


Simone, Deliver Band Alchemist
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 725


Email
« Reply #19 on: May 17, 2008, 04:56:15 AM »

^
^
^
^
ง่อย
เป็นไอติมเลย...
Logged


เทราสเฟียร์ เอล เซราฟีเตอร์
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1580


Email
« Reply #20 on: May 17, 2008, 07:14:40 AM »

พูดถึงเด็คไฟ ยังไงก็แพ้เคิร์สอยู่วันยังค่ำตามคอนเซ็ปต์ครับ

ดังนั้น การแก้ไขคือหาการ์ดจากสีอื่นมาปิดจุดอ่อน หรือนำการ์ดเวทย์มาป้องกันให้ได้ หรือตีเขาให้ตายก่อนจะเจอเคิร์สครับ

ผมว่าไฟนี่แหละที่สมดุลตามคอนเซ็ปต์การ์ดดั้งเดิมที่สุดแล้ว ธาตุอื่นเสียสมดุลจนแก้ยากแล้วครับ
หวังว่าคงไม่มีไฟตัวยักษ์ๆแคนเซิลเคิร์สมาอีกนะ
Logged


totti_pop
Member
*****
Offline Offline

Posts: 7


Email
« Reply #21 on: May 18, 2008, 01:28:07 AM »

เหอๆ
หยั่งที่ว่าอ่าแหละ เด็คที่จะเปน meta ต้องสมบูรณ์ด้วยการมีตัวหย่ายๆ พร้อม cancle curse
เช่น Karn, Michael
ส่วนไฟ ผมก้อไม่อยากให้แก้เคิร์สหรอก
แต่ก้อน่าจาทามให้มีการตีได้อย่างสบายใจ
เช่น ตีหนักๆ ด้วยด้วย mp  2 หรือ อบิลิตี้อารายก้อได้ที่ช่วยส่งเสริมให้กล้าโจมตีก่อนจาโดนเคิร์ส
หรือ ตี all ด้วย mp 4หรือ เปนต้น

หยั่งไงก้อขอบคุณทุกความเห็นที่เกี่ยวข้องกะเรื่องนี้นะครับ
ที่ผมเขียนก้อแค่เพื่อความเท่าเทียมของเด็คทุกธาตุอ่าครับ 
Logged


ศรี
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1468


Email
« Reply #22 on: May 20, 2008, 06:01:45 AM »

ท่านสามารถเปลี่ยนข้อด้อยของการ์ด ให้กลายเป็นข้อดีได้ ด้วยการทำคอมโบบางอย่าง  :P
Logged


Kurei_[คุเร]
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2345


« Reply #23 on: May 21, 2008, 11:06:26 PM »

เวลาผมเล่นการ์ดนะ
ความได้เปรียบอยู่ที่สมาธิตอนนั้นด้วย
แต่ความได้เปรียบนั้น ผมมองดูอีกแบบคือ
1.Controlสนามได้ดี
2.แก้ไปจะคุ้มค่าไม๊ ซึ่งก็คือเรื่องของการ์ดบนมือ
3.เราสามารถตัดMPฝ่ายตรงข้ามได้นิดหน่อยทุกเทอร์นรึปล่าว?
4. ข้อนี้จำเป็นมากที่สุดเลย คือ คุณภาพการ์ดที่เราจะเลือกเอาลงในแต่ละเด็ค เนื่องจากตอนนี้มีหลากหลายและไม่ซ้ำซากอีกอย่างคืออ่านเมต้าเกมตอนนั้นด้วยหละครับว่าจะคัดใบไหนดี 
« Last Edit: May 21, 2008, 11:21:02 PM by -=[Kurei]=- » Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.086 seconds with 21 queries.