พอดี ผมไป เปิดดู หาข้อมูลเกี่ยวกับ DVD ไรเดอร์ คาบูโตะ ว่าจะมีขายในงาน TGS2008 หรือเปล่า
แล้วบังเอิญไปเจอ ของดีเข้าก็เลยคลิกไปดู ปรากฎ เกือบเข้าข่าย โอตาคุ คืออะไร
คำว่าโอตาคุ (ヲタク ) ในภาษาญี่ปุ่น มาจากคำว่า Taku ซึ่งแปลว่าบ้าน ซึ่งเป็นคำสุภาพ หลังๆเริ่มเพี้ยนความหมายมาเป็นเช่นเดียวกับคำว่า Mania ที่แปลว่าผู้ที่คลั่งไคล้สิ่งใดสิ่งหนึ่งมากๆ แต่ส่วนใหญ่จะมักใช้กับพวกที่บ้าการ์ตูนซะมากกว่า เป็นความหมายที่ค่อนข้างไม่ดีภาพพจน์ของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เมื่อให้ Image จะได้ประมาณว่า เพศชาย ตัวอ้วนๆ สิวเขรอะๆ ใส่แว่น ผมเผ้ารุงรังไม่สระผม กลิ่นเหงื่อโชย เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าแตะ แบกเป้ จริงๆแล้วโอตาคุไม่จำเป็นต้องมีลักษณะที่กล่าวไว้ก็ได้ หน้าตาดีก็มี และก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ชาย เพียงแต่ไอ้ส่วนของโอตาคุผู้ชายจะเยอะกว่ามากนั่นเอง
ซึ่งก็สามารถแปลได้ว่า โอตาคุ คือ กลุ่มบุคคลผู้ซึ่งลุ่มหลงในโลกแห่งการ์ตูน และ อนิเมชั่น กลุ่มคนเหล่านี้จะมีความสามารถในการเก็บเกี่ยวการ์ตูนหรืออนิเมชั่นในระดับ rare จากสถานที่ต่างๆได้อย่างไม่ยาก และด้วยความหมกมุ่นอย่างหนักในโลกของอนิเมชั่น ทำให้คนเหล่านี้ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่าง "เด็ก" ผู้หญิงในชีวิตจริงกับในอนิเมชั่นได้ ทำให้การรับรู้ด้านความสวยงามเกี่ยวกับผู้หญิงจริงๆสูญเสียไป พวกนี้จะคิดว่า "เด็ก" ผู้หญิงที่น่ารักคือผู้ที่มี หูแมว หูหมา หูกระต่าย ชุดเมด เท่านั้น
พวกนี้คือ Otaku2p ยกระดับ ชาตินี้มันจะไม่สนผู้หญิงจริงๆ แล้ว (แต่จริงๆ คือผู้หญิงไม่สน) โดยมันจะเฝ้าบูชาสาวน้อยจาก Anime อย่างถวายหัว
2p ย่อมาจาก Too Parry หมายถึง หลีกหนีแล้วซึ่งความจริงทุกประการ โอตาคุเหล่านี้จะมีอาการนับถืออนิเมขึ้นสมอง หากมีใครมากล่าวว่าร้ายแก่อนิเมเรื่องโปรดจะเกิดอาการโกรธลุกเป็นไฟจนแทบจะกินเลือดกินเนื้อ โอตาคุเหล่านี้จะคุยกับคนธรรมดาไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเขาจะพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไม่อาจแกะข้อความออกมาได้
สมองส่วนใหญ่ของโอตาคุเหล่านี้ จะใช้จดจำแต่ข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวันอย่างเต็มแน่นเอี๊ยด ซึ่งอาจไม่มีเรื่องที่มีสาระอยู่เลย
ในทางด้านบวกนั้น โอตาคุ อาจหมายถึงแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งมีความรู้ความสามารถ สามารถจดจำในสิ่งที่ตนเองสนใจเป็นพิเศษ
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้กลายมาเป็นพวก โอตาคุ ส่วนมากจะมาจาก การที่ไม่สามารถสมหวังในความรัก ( อกหัก , สาวไม่แล ) ดังนั้น จึงต้องมาปลอบประโลมตัวเองด้วยโลกสมมุติที่ตัวเองสร้างขึ้นจากความใฝ ่ฝันและหลงใหลในตัวละครของการ์ตูนและอนิเมชั่น เรียกได้ว่า พวกนี้คือพวกที่บ้าการ์ตูนนั่นเอง
OTAKU หรือ
โอคาคุ มีผู้ให้คำนิยามตามตัวอักษรดังต่อไปนี้
O outcast ไม่มีใครคบ T tacky ซกมก A aggravate น่ารำคาญ K kinky วิปริตทางเพศ U ugly อุบาทว์ วิธีสังเกตโอตาคุไม่สนใจผู้หญิงอื่น นอกจากนางในฝันในอนิเมเท่านั้น
จะก้มหน้าอ่านหนังสือการ์ตูนลูกเดียว โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง ถ้าเดินไปอ่านไปก็ไม่สนใจว่าจะเดินชนใคร
ถ้าชวนคุยเรื่องการเมือง ก็จะเอากันดั้มมาอ้าง ถ้าชวนคุยเรื่องแฟชั่น ก็จะพูดถึงชุดคอสเพลย์ ไม่ก็ชุดเมด บลาๆๆ
ถ้าชี้ให้ดูเด็กผู้หญิง ก็จะพล่ามแต่เรื่อง L (Lolicon) และ Y (Yaoi,Yuri)
แต่ถ้าพูดเรื่องเคนชิโร่ พวกนี้ตะโกนว่า "จ๊าก K"แล้วเดินหนีคุณไป
ถ้าเกิดเป็นคนรู้จักบังเอิญเจอพวกนี้ แล้วตะโกนเรียกเค้า เค้าจะไม่ตอบ ไม่สนใจ เพราะกำลังท่องชื่อตัวละครอยู่
ถ้าเกิดบังเอิญได้ยินชื่อญี่ปุ่นจากคนที่หน้าตาค่อนไปทางประเทศเพื่อนบ้านให้รู้ได้เลยว่านั่นแหละ ใช่
มากกว่า 50% ของพื้นที่ในคอมจะมีแต่เรื่องเกมส์และอนิเม นอกนั้นเป็นระบบปฏิบัติการ และ MS Office
สะพายกระเป๋าใบเบ้อเริ่ม.. ไม่รู้ว่าข้างในใส่อะไรไว้นักหนา
แต่งตัวเชยๆ บ้างก็ใส่แว่น ชอบหลบหน้าผู้คน
คติประจำใจพวกนี้คือ " ตัวตายไม่ว่า ขอข้าดูอนิเมเถอะ "
ขาดกามา การ์ตูนไม่ได้ เหมือนขาดอาหาร...
คิดถึงเรื่องกามา การ์ตูนเกือบ 75% ของความคิดทั้งวัน
แต่งแฟนฟิค แต่งคอส เขียนโดจิน วาดแฟนอาร์ต <<<ทำอะไรซักอย่างใน 4 อย่างนี้ ทำแน่ๆสาบาน อาจทำครบทั้ง 4 ข้อเลยก็ได้
มีการ์ตูนที่ชอบที่สุดแบบยกย่องเทิดทูนคลั่งไคล้อยู่อย่างน้อยสามเรื่อง
มีตัวละครที่รักสุดๆในชีวิตเป็นหนึ่งเลย และมีประปรายอีกเยอะ=_=
สละเงินซื้อของการ์ตูนได้ไม่มีเสียดายเลย เงินกินข้าวของทั้งเดือนก็ยอม! (ไปตายเอาดาบหน้า การ์ตูนข้ามาก่อน!!)
รอบรู้เรื่องการ์ตูนไป (เกือบ) ทุกอย่าง ตามข่าวการ์ตูนไวมาก ใช้ภาษาโอตาคุ
เกลียดพวกสามมิติ (ดารา วงการบันเทิง น้ำเน่า) บางคนอาจเฉยๆหรือแค่รำคาญ แต่จะไม่สนใจพวกนี้เลย
ไม่มีแฟน (เรารักตัวการ์ตูนก็พอ!)
คลุกคลีกับการ์ตูน นั่งดู + อ่านได้ทั้งวัน ข้าวปลาลืมกินก็มี
เคยโหลดพวกสแกนคอมมิค แฟนซับ บิทอนิเม อย่างน้อยสิบครั้ง
เชิดชูอากิฮาบาร่าเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์
เกิดความรู้สึกโมเอะ (สุขใจสุดๆเหมือนไฟในตัวลุกโชน) เมื่อได้อยู่ในที่ๆมีการ์ตูน ได้ดูการ์ตูนหรืออ่านการ์ตูน
เมื่อดูการ์ตูนหรืออ่านการ์ตูนจะดูเหมือนหลุดไปอีกโลกนึง
ไปงาน Event การ์ตูนได้แทบทุกงานไม่มีขาด และหอบข้าวของที่ซื้อมาเป็นประจำ
จะพูดไม่หยุดเมื่อพูดถึงการ์ตูน
ในห้องจะเต็มไปด้วยการ์ตูน ทั้งของสะสม หนังสือการ์ตูน อนิเม ฟิกเกอร์ การาจคิท โปสเตอร์ และอีกสารพัด
อ่าน&ดูการ์ตูนแบบจริงจังอย่างน้อย เกือบทุกเรื่องที่รู้จัก(โอตาคุจะรู้จักการ์ตูนโดยเฉลี่ยคนละ 100 เรื่อง ถึงจะคิดว่าไม่มากขนาดนั้นมั้ง?แต่ถ้าจับมานั่งลิสต์ซักพัก ดีไม่ดี อาจเกิน 100 ด้วยซ้ำไป)
เครดิต .Wiki
คำศัพท์เฉพาะทั่วไป โดจินของเหล่าโอตาคุAnime (อนิเมะ) - ย่อมาจากอนิเมชั่น หมายถึงภาพเคลื่อนไหว ถ้าเป็นประเทศอเมริกาจะใช้คำว่า Cartoon
OVA (โอวีเอ) - Original Video Animation เป็นพวก Anime ที่ไม่ฉายทาง TV แต่ทำ VCD / DVD ขายเลย
Manga (มังหงะ) - หมายถึงหนังสือการ์ตูน ถ้าเป็นประเทศอเมริกาจะใช้คำว่า Comic
Doujin, Doujinshi (โดจินชิ) - ของทำมือ เช่นการ์ตูนทำมือ ซอร์ฟเกมส์สร้างเอง พวงกุญแจ ฯลฯ แต่มักใช้หมายถึงการ์ตูนทำมือ โดจินพวกนี้มักจะมีราคาแพงเพราะทำออกมาจำกัด มีหน้าปกและกระดาษอย่างดีถ้าพวกที่ซีร็อกซ์เอาจะถูกหน่อย แต่จำนวนหน้าและลายเส้นไม่ได้ดีกว่าพวกการ์ตูนเล่มละ 40 เลย หลังๆถ้าพูดถึงโดจินมักจะถูกเหมารวมว่าเป็นการ์ตูนโป๊(H-Doujin) ซะมากกว่า
Figure (ฟิกเกอร์) - โมเดลลงสีสำเร็จราคาแพงขนาดใหญ่ ส่วนมากราคาตกประมาณ 1500 บาทขึ้นไป
Kachapong (กาจาปอง ) - มาจากคำว่า "กาจ๊าง เสียงตอนโมเดลบรรจุไข่ตกลงมา " เป็นฟิกเกอร์ลงสีสำเร็จบรรจุไข่ ราคาถูกกว่าฟิกเกอร์ประเภทข้างบนมาก ตกลูกละ 80 บาท มีเป็นชุดชุดละประมาณ 5-6 ตัวบางชุดจะมีตัวลับซ่อนอยู่ด้วย
Cosplay (คอสเพลย์) - ย่อมาจากคำว่า Costume Playing หมายถึงการแต่งตัวเลียนแบบตัวละครหรือตัวการ์ตูนต่างๆที่ชื่นชอบการคอสเพลย์โดยการห้อยผ้าขนหนูสีเหลืองบริเวณลำคอ หรือถือดาบที่ทำเองอย่างเดียวเดินร่อนรอบงาน ถือว่าเป็นปมด้อยของผู้คอสนั้นๆ (ความเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้า ) - ทุนน้อย,ไม่กล้า - อ่อน
Coslover (คอสเลิฟเวอร์) -มีความหมายเหมือนเลเยอร์ทุกอย่าง แต่จะใช้กับพวกหน้าตาไม่ดี บางทีหน้าตาบางคนอาจจะเหมือนแรงงานอพยพแต่อยากแต่งคอสเป็นพระเอกนางเอกของเรื่องที่ตัวเองชื่นชอบ
Layer (เลเยอร์) - ย่อมากจาก Cosplayer แปลว่านักคอสเพลย์ จะคอยไปคอสเพลย์ตามงานการ์ตูนเพื่อให้คนอื่นจำได้ (ครั้งสองครั้งจึงไม่นับว่าเป็น Layer) ส่วนใหญ่เป็นพวกฐานะดีบ้านมีอันจะกิน เพราะชุดคอสราคาแต่ละชุดส่วนมาก 1000 บาทขึ้นไปและไม่ค่อยซ้ำในแต่ละงาน
Idol (ไอดอล) - คำแสดงยศชั้นสูงของเลเยอร์ เมื่อคอสเพลย์หลายๆครั้งเข้าจนคนจำได้และ + กับมีหน้าตาดีกว่าปกติ จะได้เลื่อนยศมาเป็น Idol ได้
Gardian (การ์เดี้ยน) - องครักษ์พิทักษ์ไอดอล มีทั้งแบบร้องขอและแบบไม่ร้องขอ โดยอย่างหลังส่วนมากเป็นพวกโอตาคุชายโรคจิต ที่ชื่นชอบเป็นแฟนคลับของไอดอลคนนั้นๆ
Pramool Webboard (ประมูลเว็บบอร์ด) - แหล่งพูดคุย(สื่อสาร)อีกแหล่งของโอตาคุ เป็นลักษณะค่อนข้างสาธารณะ โดยแบ่งเป็นห้องๆให้คนมาตั้งหัวข้อเรื่องต่างๆ เพื่อมาพูดคุย แสดงความคิดเห็น รวมทั้งทะเลาะระหว่างสมาชิกบอร์ดด้วยกัน
ตุรกี - แหล่งรวมอนิเมะโหลดตรง กรุณาอย่าเผยลิงค์ในที่สาธาระ!
Fansub (แฟนซับ) - การ์ตูนแปล, สิ่งผิดกฏหมายที่ทำให้ถูกต้องโดยการเอามาเผยแพร่ในประเทศที่ไม่มีลิขสิทธิ์
License (ไลเซ่น) - ลิขสิทธิ์, คำศัพท์ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ โดยเจ้าของจะสามารถทำกับมันอย่างไรก็ได้ ซึ่งที่ทำให้คนทั่วไปอดดู และหันไปสั่งตรงจากต่างประเทศ
Pirate (ไพเรท) - ของไม่มีลิขสิทธิ์ ของขโมยมา ถ้าเป็นหนังสือการ์ตูนหน้าปกมักจะยั่วยุกามรมณ์แต่ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง
Spoiler (สปอยล์เลอร์ หรือ สปอยล์) - การเล่าเรื่อง การเล่าฉากสำคัญๆ ก่อนที่จะรู้
ปาหมอน - ฉากจบในตำนานของการ์ตูนเรื่อง ชาร์แมนคิงที่อุตส่าห์แต่งมาตั้งนาน สนุก และมีรวมเล่มเป็นสามสิบสี่สิบเล่ม แต่ตอนจบดันจบแบบไม่เคลียร์ ด้วยการ ปาหมอน ในตอนสุดท้าย
ไนซ์โบ๊ท (Nice Boat) - มาจากอนิเมะเรื่องสคูลเดย์ในเวลาก่อนที่จะฉายตอนสุดท้ายนั้นมีเหตุฆาตกรรมลูกสาวฆ่าพ่อด้วยการจามขวานที่คอ จึงทำให้ผู้ฉายคิดว่า อาจจะโดนข้อหาเป็นเหตุยุยงให้เกิดอาชญากรรมขึ้นมา เลยจัดการแก้ปัญหาโดยการเอาภาพเรือมาให้ดูแทน
VCD - สื่อรูปแบบหนึ่งที่นำออกมาขายเพื่อทดลองว่าจะทำออกมาเป็น DVD ดีหรือเปล่า, สื่อราคาถูกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการการ์ตูนโดยไม่ใส่ใจการพากย์และคุณภาพมากนัก
DVD -สื่อรูปแบบหนึ่งที่โอตาคุยอมเสียเงินมากกว่า 3 เท่าของ VCD เพื่อเอาเสียงพากย์ต้นฉบับภาษาญี่ปุ่น แน่นอนว่าคุณภาพของภาพและเสียงย่อมดีกว่า VCD เช่นกัน
Censored (เซ็นเซอร์) - การปิดบังซ่อนเร้น เหยื่อที่โดนมักเป็นหนังสือและVCDการ์ตูน
Shonen (โชเน็น) -การ์ตูนผู้ชายทั่วๆไป
Shojo (โชโจ) - การ์ตูนผู้หญิงทั่วๆไป
Ranger (เรนเจอร์) - สายเพื่อนสนิท - นี้ถ้าไม่รักกันจริงคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ คนที่อยู่สายนี้จะไม่พยายามที่จะอยู่ตัวคนเดียวเป็นอันขาดและจะทำการจับกลุ่ม 3-5 คนเข้าไว้โดยมีการกำหนดสีกันอย่างชัดเจน โดยอ้างว่าเวลาอยู่คนเดียวไม่สามารถเรียกหุ่นยนต์ออกมาได้ ซึ่งหากรวมๆ กับไรเดอร์แล้ว ก็จะถูกเรียกว่า Live Action Hero
ฮิคิโคโมริสิ่งมีชีวิตที่ว่ากันว่าอันตรายยิ่งกว่าโอตาคุ แต่ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัด ได้ยินมาว่าคือโอตาคุที่ได้รับแรงกดดันทางสังคมมากๆ จนมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว รุนแรง เก็บตัว ไม่ชอบออกไปไหน ไม่สุงสิงกะใคร ไม่ยอมฟังและรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นเลย พอทำอะไรผิดพลาดก็ยอมรับไม่ได้ว่าตัวเองผิด สังเกตง่ายๆคือติดบ้านซะยิ่งกว่าโอตาคุ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาจากโอตาคุเหมือนกัน ปัจจุบันยังหายากอยู่
[
color=green]โรคที่น่ากลัวกว่าโอตาคุ มันคือ..... [/color] [/u]
ขอบอกใว้ก่อนว่ามันเป็นโรคที่ทุกคนเป็นได้ แต่ว่าพวกโอตาคุจะเป็นเร็วกว่า
และผมขอสงวนนามทั้งหมดด้วย
เริ่มแรกครอบครัวผม พ่อแม่มักไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยครั้ง พ่อผมเป็นข้าราชการที่พอมีชื่อเสียง สายงานของท่านมักไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยมาก ส่วนแม่ผมต้องไปด้วย
ผมกับพี่ชายมักจะอยู่กับป้าที่อายุมากกว่าพ่อมากกับลูกพี่ลูกน้องที่เป็นพี่สาวที่มีอายุห่างจากผมเกือบ10ปีอยู่ในบ้านเดียวกัน แต่แล้วป้าผมเสียประกอบกับพี่สาวผมได้เป็นอาจารย์ที่มหาลัยแห่งหนึ่งเลยมักไปอยู่ที่หอพักอาจารย์ ผมกับพี่เลยต้องอยู่แค่2คนตอนนั้นผมอยู่ม.5 ส่วนพี่ผมปี 3
ผมเริ่มเป็นโอตาคุเมื่ออยู่ม.3 เพราะพี่ผมเขาเริ่มเป็นตอนเขาอยู่ม.5มั้ง เพราะว่านานมากเลยจำไม่ค่อยได้ แต่จำได้ว่าพี่ผมเป็นก่อน
พอผมเข้ามหาลัยได้แถมอยู่ที่มหาลัยที่มีชื่อเสียงมากแต่ว่าอยู่ไกลมาก ผมมักโทรกับพี่ชายบ่อยครั้ง นาน ๆ ทีผมจะกลับไปบ้านเป็นครั้งคราว
แต่มีช่วงหนึ่ง น้ำเสียงพี่ผมเริ่มแปลกไป ผมเคยลองถามแม่ในช่วงที่แม่กลับบ้านซึ่งตอนนั้นแม่เริ่มเลี่ยงที่จะพูดถึงพี่ชายผมแล้ว
แล้วมีครั้งหนึ่งหลังสอบปีใหม่ผมมีเวลาหยุดยาวเลยอยากกลับบ้านสักครั้ง ตอนแรกพี่สาวไม่อยากให้ผมมาบ้านเท่าใดนัก พี่เขาไม่ยอมบอกเหตุผลตอนแรก แต่สุดท้ายก็บอกว่าผมอาจช่วยพี่ชายได้ ผมไม่เข้าใจสิ่งที่พี่สาวพูดเลย แล้วนั่งคิดในรถตลอดเวลาว่ามันเกิดอะไรกันแน่
พอกลับบ้านไปพบว่าบ้านนั้นล็อคกุณแจเอาใว้ ไม่รู้เรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายผมมีกุนแจสำรองอยู่แล้ว พอเปิดไป เหมือนไม่มีใครอยู่เลยจนกระทั้ง
"เหมียว!" เสียงเจ้าอิจิโกะ แมวที่ผมกับพี่เคยเก็บได้เมื่อปีก่อน มันมีสีขนขาวดำและมีลายคล้ายสตอเบอร์รี่เลยได้ชื่อนั้น มันมาคลอเคลียผม ผมเห็นว่ามันมีแผลคล้ายรอยถูกฟาดกับรอยมีดเล็กน้อย มันไม่เคยอ้อนผมขนาดนี้มาก่อน พอผมอุ้มมันไปห้องผมซึ่งติดกับห้องพี่ชาย มันรีบโดดหนีไปไกลมาก เหมือนกลัวสุดขีด ผมนั่งพักก่อนที่ห้องผม พบว่าการ์ตูนกับฟิกเกอร์ที่เคยอยู่ที่ห้องผมได้หายไปกับคอมพิวเตอร์ที่ตั้งในห้องผมก็ได้หายไปด้วย ผมได้ยินเสียงเพลงของอนิเมดังออกมาจากห้องพี่ชายผม ผมเลยรีบเปิดห้องพี่ผมแต่มันล็อคอยู่
"พี่ นี่ผมเองพี่อยู่ในห้องใช่มั้ย" ผมพูดพร้อมเคาะประตู ผมคิดว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่างจนประตูแง้มออกมา
"แกเองเรอะ"พี่ผมจ้องมองผมมาจากช่องประตู"นึกว่าพวก'นั้น'ซะอีก มะเข้ามาเลย"
สิ่งที่พี่ผมเห็นในห้องนั้นเหลือเชื่อมากเกินไป มันยิ่งกว่าที่ผมเคยมาบ้านครั้งล่าสุด ห้องนั้นกลิ่นอบอวลด้วยกลิ่นฮารท์ดีสไหม้ คอมตัวแรกของพี่ปิดอยู่กับคอมของผมซึ่งกำลังเล่นอนิเมการ์ตูนสาวน้อยอยู่ ฟิกเกอร์ที่มีขนาดต่าง ๆ กันวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ หนังสือการ์ตูนวางเรียงรายอยู่ใต้เตียง ผ้าปูเตียง หมอน และหมอนข้างเป็นตัวการ์ตูนจากเรื่องต่าง ๆ ที่เหล่าโอตาคุชอบมาก และโปสเตอร์ต่าง ๆ เต็มห้อง
"พี่ นี่มัน"
"สุดยอดใช่มั้ย แต่ขอโทษทีที่ต้องยืมคอมแก เพราะว่ามันโหลดไม่ได้ตลอด24ชั่วโมง ไอ้เครื่องเฮงซวย"
"ไม่ใช่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
"ไม่มีอะไร แค่อยากเปลี่ยนอะไรนิดหน่อยให้มันเข้ากับฉันเท่านั้นเอง
"หมายความว่าอะไรกัน"
"ก็แค่อยากลองสร้างสวรรค์บนดินเท่านั้นเองแหละ แต่ดันมีมารมาทำร้ายพวกเธอนิดหน่อยน่ะ เจ้าสัตว์นรกที่เราเคยเก็บมันมาเท่านั้นเอง"
"สัตว์นรก ? หมายถึงอิจิโกะเหรอ"
"ใช่ มันบังอาจมาทำร้ายพวกหล่อนน่ะสิ ดูสิ" เขาพูดพลางชี้ไปที่โปสเตอร์อันหนึ่งที่มีรอยแมวข่วน"เป็นแกคงเข้าใจนะความเจ็บปวดอันนี้"
"แต่ว่า แล้วเรื่องงานล่ะ"
"ฉันก็ลองแต่งนิยายดูก่อน เผื่อดังมาก็ได้รวยเอง ไม่จำเป็นต้องไปทำงานแข่งกับพวกนั้นสักหน่อย เห็นไหม ไม่จำเป็นต้องไปทำงานเหมือนพ่อเลย"
"หมายความว่าพี่น่ะ ไม่ได้ออกไปข้างนอกเลย"
"ถูกต้อง น้องรัก"
"แล้วแฟนพี่ล่ะ อย่าบอกนะว่า"
"ใช่ เราเลิกกันแล้ว ยัยสามมิตินั่นมันไม่เข้าใจเราเลย ไม่เหมือนพวกหล่อนที่เอาอกเอาใจเราเลย"แล้วพี่ผมก็จ้องมองอนิเมต่อพร้อมทำหน้าหื่นกระหาย แล้วผมก็เริ่มถอยห่าง
"อ่าว ไม่ดูด้วยกันหน่อยหรือ"
"ไม่ล่ะ" ตอนนั้นผมเผลอทำหน่าคล้ายขยะแขยงพี่ตนเอง
"หรือว่าแก ไม่สิ หรือว่าเป็นพวกนั้นปลอมตัวกัน"
"หมายความว่าอะไรกัน"
"ออกไปนะออกไป"แล้วพี่ที่เคยฝึกเทควอนโดก็ถีบผมซึ่งหนักเกือบร้อยกระเด็นออกนอกห้อง แล้วล็อคประตู ผมกำลังคิดเรื่องที่ผมเคยอ่านตอนว่าง ๆ พี่ผมอาจจะเป็น...
"เธอเห็นแล้วสินะ"ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นพี่สาวผมเดินมาหา เธอเพิ่งกลับมาเมื่อกี้นี้เอง
"พี่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"
"คือว่า ขอเริ่มจากตอนที่พ่อเธอให้ไปฝึกงานน่ะ เธอก็รู้ว่าพ่อเธอน่ะเป็นคนยังไง เขากดดันพี่มากไป บวกกับถูกเปรียบเทียบกับพ่อเขาจากคนที่ทำงาน แถมยังมีคนล้อเลียนเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเธอเป็นกัน แล้วสุดท้ายแฟนก็ทิ้ง เลยกลายเป็นแบบนี้ ตอนนี้น่ะ ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้เลย แม้แต่จิตรแพทย์ที่มารักษา พี่เลยได้แต่คองส่งอาหารใว้บนโต๊ะน่ะ" พี่สาวถึงกับนำตาร่วง
"ทำไมพี่ถึงไม่บอกผมล่ะ"
"เพราะพี่เห็นว่าเธอใกล้สอบเลยไม่กล้าบอก และน้า(หมายถึงแม่ผม)ไม่อยากให้เธอรู้อีก เพราะกลัวว่าเธอจะกังวลเกินไป"
"บัดซบเอ้ย!"
"เธอคงรู้สินะว่าพี่เธอเป็นอะไร"
"ครับ"
ไม่น่าเชื่อว่าโรคนี้จะเกิดกับคนในครอบครัวผมได้ ผมเคยอ่านเล่นในหนังสือต่าง ๆ กับการ์ตูนบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
พี่ผมไม่ใช่รายแรกและอาจไม่ใช่รายสุดท้ายที่เป็น ตอนนี้อาจยังไม่แพร่หลายเพราะยังไม่เป็นที่รู้จักนัก
ใช่แล้ว ตอนนี้พี่ผมเป็นโรคที่เรียกว่า
"ฮิคิโคโมริ"
ข้อมูล นี้นำมาจาก เวป
www.gamer-gate.net