Summoner Master Forum
November 28, 2024, 03:32:14 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: [ประกวด] ชีวิตในวัยเยาว์  (Read 4320 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« on: August 31, 2007, 05:37:55 AM »

          “  ออกไปให้พ้นเจ้าเด็กปิศาจ ! ” เสียงของเด็กชายคนหนึ่งตะโกนออกมาจากกลุ่มของเด็กชายหญิง 10 กว่าคน
ที่กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน   เมื่อทุกคนได้ยินต่างก็หยุดเล่นและหันไปยังเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง   ที่ยืนห่าง
ออกไปประมาณ 10 ก้าว  สีผิวที่ขาวราวกับสำลีของเด็กชายเมื่ออยู่ในชุดสีฟ้าอ่อนช่างดูน่ารักน่าชัง  เหนือนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมีเรือนผมสีฟ้าอ่อนดูงดงามแปลกตา    หากแต่นั่นกลับเป็นสิ่งที่ทำให้เด็ก ๆ  ในวัยเดียวกัน   หรือแม้
 กระทั่งผู้ใหญ่หลายต่อหลายคนรังเกียจเขา  เพราะคิดว่าเขาเป็นตัวอัปมงคล หรือคิดว่าเป็นลูกของปิศาจเสียด้วยซ้ำ

       “  นิโคลัส ไอ้ปิศาจ  พวกเราเคยบอกแล้วไงว่าจะไม่ยอมให้แกเล่นด้วย  ”  เสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“ใช่ ๆ พ่อของฉันเคยบอกว่า  เพราะแกเป็นปิศาจมาเกิดพอแม่คลอดแกออกมาแม่แกก็เลยตาย  สีผมของแกก็เป็นสี
 ฟ้าแกต้องเป็นปิศาจแน่ ๆ ”  เสียงของเด็กผู้ชายอีกคนพูดเสริมขึ้นมา
          ในตอนนี้นิโคลัส(Nicholas  Odilon)  ได้แต่ยืนเงียบพูดอะไรไม่ออกเพราะสิ่งที่เด็กชายพูดผ่านไปเมื่อครู่แล้วแต่เป็นความจริง  ทั้งเรื่องแม่ที่เสียเลือดมากจนเสียชีวิตเมื่อคลอดเขาออกมา  หรือเรื่องความผิดปกติของสีผมที่เป็นสีฟ้าของเขา  แต่ที่เขาแน่ใจอย่างหนึ่งก็คือเขาไม่ใช่ปิศาจ  เพราะพ่อของเขาเคยบอกเอาไว้ว่า พวกปิศาจไม่รู้จักความรัก  แต่เขารู้จัก เพราะเขารักพ่อบังเกิดเกล้าที่คอยดูแลเขาคนเดียวมาตั้งแต่ยังแบเบาะ

      ขณะที่นิโคลัสกำลังจะเอ่ยปากแก้ต่างว่าตนไม่ใช่ปิศาจ  พวกเด็ก ๆ ก็หยิบก้อนหินบนพื้นขึ้นมาขว้างใส่เขา
นิโคลัสเลือกยืนนิ่งอยู่กับที่แทนการวิ่งหนี  ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจ้องมองไปยังเด็ก ๆ ทุกคนด้วยความมุ่งมั่น  ก้อนหินก้อนแล้วก้อนเล่าถูกขว้างจากเด็ก ๆ ลอยมากระทบร่างกายอันแสนบอบบางหนักบ้างเบาบ้าง  แต่นิโคลัสก็ยังคงอดทนเพราะถ้าเขา วิ่งหนีไปเหมือนที่เคยทำ  ก็จะเป็นการยอมรับคำกล่าวหาว่าเขาเป็นปิศาจ 
        ในที่สุดทั่วทั้งตัวของเด็กน้อยนิโคลัสก็เต็มไปด้วยรอยแผลน้อยใหญ่มากมาย  ชุดสีฟ้าอ่อนในตอนนี้ดูสกปรก
 มอมแมม   เมื่อเห็นว่านิโคลัสไม่ยอมวิ่งหนีเด็กชายคนหนึ่งในกลุ่มก็หยิบก้อนหิน   ที่ขนาดเล็กกว่ากำปั้นของผู้ใหญ่เล็กน้อยขว้างไปยังศีรษะของนิโคลัส  เกิดเสียงกระทบระหว่างศีรษะของเด็กน้อยกับก้อนหิน  เลือดสีแดงสดค่อย ๆ ไหลออกมาจากจุดที่โดนหินกระแทก  ผ่านเรือนผมสีฟ้าและค่อย ๆ ไหลลงมาอาบแก้ม 
นิโคลัสยังคงยืนอยู่กับที่  ถึงแม้นิโคลัสอยากจะเข้มแข็งต่อไปแต่ความเจ็บปวดที่ได้รับทั้งทางร่างกายและจิตใจ 
กลับทำให้น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาสีฟ้าพร้อมกับเสียงสะอื้นอย่างน่าสงสาร

         “ หยุดนะ  พวกเธอทำอะไรนิโคลัสน่ะ ! ” เสียงหนึ่งดังขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงท่าทางอายุมาก
 กว่าเด็ก ๆ กลุ่มนั้นราว 2 – 3 ปีจะวิ่งมาขวางพวกเด็ก ๆ
          “ เธอมาขวางพวกเราทำไม  ไม่รู้เหรอว่านิโคลัสมันเป็นปิศาจไม่เชื่อดูที่ผมสีฟ้าของมันสิ ”
         “ ปิศาจบ้อบอ อะไรกัน  พวกเธอก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าเค้าก็มีเลือดสีแดงเหมือนกับพวกเรา  รู้สึกเจ็บเหมือนกับพวกเรา  ชั้นจะไม่ยอมให้พวกเธอแกล้งนิโคลัสอีกเป็นอันขาด ”
            “ ถ้าเธอช่วยไอ้นิโคลัสแสดงว่าเธอเป็นพวกของมัน  พวกเรารีบจัดการพวกปิศาจกันเถอะ ”
          ว่าแล้วพวกเด็ก ๆ ก็เริ่มหยิบก้อนหินเพื่อจะขว้างใส่เด็กผู้หญิงคนนั้น  แต่เธอไม่ได้ยืนนิ่งเหมือนนิโคลัสหรือหยิบก้อนหินขึ้นมาเตรียมขว้างตอบโต้  แต่เธอค่อย ๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นและขยับปากร่ายมนต์เบา ๆ สักพักไอน้ำในอากาศก็ค่อย ๆ มารวมตัวกันเป็นลูกทรงกลมน้ำขนาดเท่าลูกฟุตบอล(Wonder  Sphere)  ลอยอยู่ตรงหน้าของเด็กหญิง
              “ ถ้าใครอยากโดนไอ้นี่ก็เชิญขว้างก้อนหินเข้ามาได้เลย ! ! !  ”

« Last Edit: September 01, 2007, 01:26:57 AM by Suchan.poloplow » Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #1 on: August 31, 2007, 05:38:40 AM »


          เมื่อเด็ก ๆ เห็นดังนั้นต่างพากันตกใจ  รีบทิ้งก้อนหินและวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง  เมื่อเด็กผู้หญิงคนนั้นหันหลังกลับไปก็พบว่านิโคลัสยังคงร้องไห้เบา ๆ มีสีหน้าประหลาดใจอยู่บนใบหน้า  เพราะนอกจากพ่อของเขาแล้ว  ก็ไม่เคยมีใครมาช่วยเวลาเขาถูกรังแกเลย  เด็กผู้หญิงค่อย ๆ เดินเข้าไปหานิโคลัสที่ยืนนิ่งอยู่กับที่โอบกอดนิโคลัสเอาไว้อย่างอบอุ่น  ประดุจมารดาโอบกอดทารกน้อย ๆ
“ไม่เป็นไรแล้วนะ  ไม่เป็นไรแล้ว  ต่อไปนี้พี่จะคอยปกป้องเธอเอง ”
…………………………………………………………………………………………………………………………………………

            เมื่อเด็กน้อยนิโคลัสค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ก็พบว่าตนกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของเขาเอง  เด็กน้อยจำได้เพียงว่า  ระหว่างที่เขากำลังถูกรังแกก็มีเด็กผู้หญิงที่โตกว่าเขามาช่วยเอาไว้  และเมื่อเธอกอดเขา เขาก็ได้ยินว่าพี่จะปกป้องอะไรซักอย่างแล้วเขาก็จำอะไรไม่ได้อีก  รอยแผลและรอยฟกช้ำตามส่วนต่าง ๆ ของผิวกายยังรู้สึกเจ็บ  โดยเฉพาะแผลที่ศีรษะซึ่งตอนนี้มีผ้าพันแผลสีขาวสะอาดพันอยู่รอบ ๆ ศีรษะ  นิโคลัสพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก  ทันใดนั้นก็มีมือนุ่ม ๆ คู่หนึ่งมาช่วยพยุงเขา  เมื่อเด็กน้อยหันไปยังเจ้าของมือ
คู่นั้นก็ได้พบกับเด็กผู้หญิงคนที่ช่วยเขาเอาไว้  กำลังยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน

          ไม่ทันที่นิโคลัสจะได้ถามว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร  ชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกับนิโคลัสหากแต่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยและสีหน้าที่ฉาบไปด้วยความเงียบขรึม  ก็ได้เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือถาดเก่า ๆ ที่มีถ้วยน้ำซุปอยู่
          “ ฟื้นแล้วเหรอลูก ” ชายคนดังกล่าวถามนิโคลัสพร้อมกับพูดต่อไปแทบจะในทันทีว่า “ ทำความรู้จักกันไว้ซะหน่อยนะ  นี่คือพี่ของลูกที่เกิดจากภรรยาคนเก่าของพ่อ  พี่เค้าจะมาอยู่กับพวกเรานับตั้งแต่นี้ไป ” เมื่อพูดจบชายผู้ซึ่งเป็นพ่อของทั้ง 2 คนในห้องก็วางถาดน้ำซุปไว้บนโต๊ะก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป  นิโคลัสเคยได้ยินว่าพ่อมีลูกสาว 1 คนกับภรรยาเก่า  แต่ถ้าพ่อของเขาอธิบายอะไรให้เขารู้เพิ่มขึ้นบ้างก็คงดีกว่านี้

         ระหว่างที่นิโคลัสกำลังนึกคำถามว่าควรจะถามอะไรเด็กผู้หญิงคนนี้ดี  เธอก็เดินไปหยิบถ้วยน้ำซุปจากนั้นจึงมานั่งอยู่บนเตียงกับนิโคลัสพร้อมกับค่อย ๆ ใช้ช้อนตักน้ำซุปป้อนให้นิโคลัส  นิโคลัสถามขึ้นมาว่า       
       “ คุณคือพี่สาวของผมจริง ๆ เหรอครับ? ”
        “ จริงสิจ๊ะ ” เด็กหญิงตอบอย่างใจดีพร้อมกับแนะนำตัว “ พี่ชื่อ นิโคล(Nichole  Odilon) เป็นพี่คนละแม่กับเธอ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งถามอะไรมากเลย  รีบ ๆ กินซุปนี่ให้หมดก่อนแล้วนอนพักผ่อนดีกว่าจะได้หายเร็ว ๆ ”

          นิโคลัสทำตามอย่างว่าง่ายโดยการอ้าปากกินน้ำซุปที่พี่สาวตักป้อนให้จนหมด  จากนั้นนิโคลัสจึงนอนลงเพื่อพักผ่อนและไม่นานก็หลับ  นิโคลจึงนำถ้วยซุปกลับไปวางไว้ที่ถาด  แล้วจึงนั่งลงบนพื้นข้างเตียงพร้อมกับนึกสงสารในชะตากรรมของตนเองและของน้องชายต่างมารดา  ก่อนที่จะค่อย ๆ ฟุบหน้าลงนอนข้าง ๆ นิโคลัส... 
...   

          อีกห้องหนึ่งในบ้านหลังเดียวกัน  พ่อของทั้งสองกำลังนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตอยู่บนเก้าอี้ตัวโปรด  นับตั้งแต่เขาจำความได้เขาก็เป็นหนึ่งในทายาทตระกูลโอดิลอน(Odilon)ที่ได้รับการจับตามอง  ด้วยผลการเรียนที่ดีล้ำหน้าคนอื่น ๆ ในตระกูล  ทำให้เขาเป็นที่คาดหวังของพ่อและแม่เป็นอย่างมาก  เมื่อเขาโตขึ้นเขาเป็นนักเวทย์ที่มีความสามารถโดดเด่นอย่างยิ่งในยุคนั้น  มีอนาคตยาวไกลและถูกตั้งความหวังจากคนในตระกูลที่คิดว่าในอนาคตเขาจะเป็นถึงผู้วิเศษ(Wonderer) ของแอนดิซอง(Annedisonge)เลยทีเดียว  แต่เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งเพราะเขาถูกจับแต่งงานกับลูกสาวของพ่อค้าผู้มั่งคั่ง  เขาจำต้องแต่งงานด้วยความไม่เต็มใจ 

หลังจากมีลูกสาวคนแรกซึ่งก็คือนิโคลได้ไม่นาน  ทั้งสองมีการทะเลาะกันบ่อยครั้งและโดยอารมณ์ชั่ววูบ  เขาหนีออกมาอยู่กินกับลูกสาวของลุงซึ่งตนแอบชอบพออยู่โดยยังไม่ได้จัดการเรื่องความสัมพันธ์กับภรรยา  เก่าให้เรียบร้อย  ทั้ง 2 ต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ  จากที่เป็นนักเวทย์อนาคตไกลก็ต้องมากลายเป็นชาวบ้านทำรองเท้าขายอยู่ตามบ้านนอก  ต้องถูกตัดขาดจากตระกูลเพราะทำเรื่องเสื่อมเสีย  ต้องถูกตัดขาดจากพระศาสนจักรเพราะทำบาปผิดต่อศีลสมรส  ซ้ำร้ายเมื่อภรรยาได้คลอดนิโคลัสออกมาก็ได้เสียชีวิตเพราะเสียเลือดมาก  นิโคลัสซึ่งเกิดจากการแต่งงานอย่างไม่ถูกต้องในเครือญาติก็มีผมสีฟ้า  เป็นที่รังเกียจของผู้คน  ตนก็ต้องอยู่ตามอัตภาพกับลูกชาย 2 คน  และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้ทราบว่าภรรยาคนเก่าได้  เสียชีวิตลงด้วยโรคร้ายและนิโคลซึ่งไม่มีแม่คอยดูแลอีกทั้งญาติฝ่ายแม่ไม่มีใครเต็มใจที่จะเลี้ยงดูจึงไม่มีที่ไป  ตนจึงได้ติดต่อกับญาติของภรรยาเก่า  และรับนิโคลมาเลี้ยงดูเพิ่มอีกคนในที่สุด
« Last Edit: September 01, 2007, 01:29:34 AM by Suchan.poloplow » Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #2 on: August 31, 2007, 05:39:22 AM »

              ตอนเช้าของวันใหม่ได้มาถึงอีกคราหนึ่งวันนี้เป็นวันLUXซึ่งเป็นวันเปิดเรียนของภาคการศึกษาใหม่  นับ
จากวันนี้นิโคลัสก็จะมีนิโคลพี่สาวต่างมารดามาเรียนด้วยอีกคนหนึ่ง  ตลอดเวลาช่วงก่อนเปิดเทอมทั้ง 2 คนต่างก็
สนิทสนมกันอย่างรวดเร็วราวกับเป็นพี่น้องคลานตามกันออกมาก็ไม่ปาน  นิโคลัสที่โหยหาความรักจากแม่ได้
นิโคลมาคอยดูแลเอาใจใส่  ส่วนนิโคลที่ต้องเสียแม่ไปด้วยโรคร้าย   เมื่อตัวเองได้มาดูแลนิโคลัสก็ทำให้จิตใจหายจากความเศร้าโศกลงไปมาก  ทั้ง 2 คนเป็นดั่งผู้ที่มาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปของกันและกัน  ช่วงเวลาในทุก ๆ
วันที่ผ่านไปนิโคลจะเล่านิทานที่เคยฟังจากแม่ให้นิโคลัสฟัง  และเนื่องจากนิโคลัสเคยขาดเรียนบ่อยจากการที่เก็บตัวเพราะไม่อยากถูกรังแกที่โรงเรียน  ส่วนพ่อก็ต้องทำงานหนักเพื่อทำรองเท้าขายเลี้ยงครอบครัวทำให้ไม่มีเวลาสอนหนังสือให้  ดังนั้นนิโคลจึงช่วยสอนหนังสือให้กับนิโคลัส  และที่นิโคลัสชอบมากที่สุดก็คือเวลาที่นิโคลแอบสอนเวทย์มนต์ธาตุน้ำขั้นพื้นฐานที่ตนเคยเรียนมาให้   เพราะพ่อไม่เคยพูดกับนิโคลัสถึงเรื่องของเวทย์มนต์เลย  นิโคลบอกกับนิโคลัสว่าจำเป็นที่จะต้องเรียนเวทย์อย่างง่ายเอาไว้ป้องกันตัว  แต่นิโคลกลับต้องแปลกใจเพราะนิโคลัสนั้นสามารถเรียนรู้เวทย์มนต์ธาตุน้ำที่ตนสอนได้อย่างรวดเร็ว  จนเมื่อวันเปิดเรียนมาถึงนิโคลก็แทบจะไม่มีอะไรจะสอนนิโคลัสอีกแล้ว   

          เมื่อเข้ามาในห้องเรียน  นิโคลเลือกเรียนชั้นเดียวกันกับนิโคลัสเพราะเธออยากที่จะอยู่คอยดูแลน้องชายผู้
น่าสงสารคนนี้ไม่ให้ถูกใครรังแก  เมื่อถึงช่วงแนะนำตัวหน้าชั้นทุกคนต่างประหลาดใจที่นิโคลบอกว่าเป็นพี่สาว
ของนิโคลัส  เพราะนิโคลมีสีผมเหมือนดั่งเช่นคนปกติทั่วไปที่เหมือนกับนิโคลัสมีเพียงนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล  และเค้าโครงหน้าจากผู้เป็นพ่อ  ทำให้คนอื่น ๆ ยิ่งมองนิโคลัสว่าเป็นเด็กที่ผิดปกติมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ 

           ในช่วงพักเที่ยง  หลังจากที่นิโคลออกไปพบกับอาจารย์ใหญ่ด้วยธุระเรื่องการย้ายเข้าเรียน  เด็ก ๆ ที่อยากจะ
แกล้งนิโคลัสก็ได้พากันเดินมาหานิโคลัสที่ริมทะเลสาบน้ำแข็ง  ซึ่งนิโคลัสชอบมานั่งกินข้าวเที่ยงที่นี่ 

             “ นิโคลัส  ไอ้เด็กปิศาจ  วันนี้แกพาพี่สาวมาเรียนด้วยเหรอ ” เด็กชายผู้เป็นหัวโจกของกลุ่มถาม

             “ ใช่  ชั้นพาพี่สาวมาเรียนด้วย  และที่สำคัญชั้นไม่ใช่ปิศาจพวกนายไม่มีสิทธิเรียกชั้นอย่างนั้นเป็นอันขาด ”

            “ แกอย่าแก้ตัวเลยนิโคลัส  หลักฐานก็เห็นอยู่ชัด ๆ ขนาดพ่อกับพี่แกยังมีสีผมเหมือนคนปกติ  แกต้องเป็นปิศาจแน่ ๆ ”

             “ ชั้นไม่ใช่ ! ! ! ”

             “ แกต้องใช่!!!  และปิศาจไม่มีสิทธิกินอาหาร ”  ว่าแล้วเด็กหัวโจกคนนั้นก็เดินเข้ามาหยิบขนมปังซึ่งนิโคลตื่นขึ้นมาทำให้นิโคลัสเป็นอาหารเที่ยงโยนลงไปบนพื้นพร้อมทั้งใช้เท้าเหยียบขยี้จนแบน  ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่นิโคลต้องตื่นมาหัดอบขนมปังเพื่อเป็นอาหารทุกวันด้วยความยากลำบาก  เพราะตอนที่อยู่กับแม่นิโคลไม่เคยได้ทำสิ่งเหล่านี้มาก่อน  ดังนั้นเมื่อขนมปังอันทำด้วยความตั้งใจของพี่สาวถูกย่ำยีอย่างไม่ไยดี  นิโคลัสจึงจ้องมองไปยังเด็กหัวโจกคนนั้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ  กัดฟันแน่น  ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลคู่นั้นในตอนนี้ดูขุ่นมัวราวกับน้ำสงบนิ่งที่ถูกก้อนหินกระแทกผิวลงไปทำให้ขุ่นก็ไม่ปาน  นิโคลัสค่อย ๆ เค้นคำพูดอย่างยากลำบากออกจากปาก
« Last Edit: September 01, 2007, 01:30:31 AM by Suchan.poloplow » Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #3 on: August 31, 2007, 05:40:02 AM »

“ แกควรจะไปขอโทษพี่สาวชั้นในสิ่งที่แกทำลงไป  เพราะพี่เค้าเป็นคนทำขนมนี้ขึ้นมา ”

              “ ชั้นไม่ขอโทษ  ไอ้ขนมสวะแบบนี้บ้านชั้นซื้อมาเลี้ยงสุนัขด้วยซ้ำ...

             ยังไม่ทันที่เด็กหัวโจกคนนั้นจะพูดจบ  ลูกทรงกลมน้ำที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกฟุตบอล 2 – 3 เท่าก็พุ่งเข้ากระแทกร่างกายอย่างแรงจนร่างของเด็กคนดังกล่าวลอยไปกระแทกกับผนังของอาคารเรียน  เด็กคนนั้นสลบไปในทันที  นิโคลัสในตอนนี้ดูราวกับเป็นปิศาจที่น่ากลัว  ดวงตาสีฟ้าดูราวกับดวจตาของปิศาจร้ายที่พร้อมจะฆ่าคนได้ทุกเมื่อ  เรือนผมสีฟ้าดูคล้ายจะเปล่งรัศมีแห่งความเยือกเย็นอัมหิตออกมา  ในมือข้างซ้ายที่ใช้ร่ายเวทย์สักครู่ยังคงมีคลื่นพลังสีฟ้าขาวไหลเวียนอยู่  เมื่อเด็ก ๆ เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวต่างพากันกรีดร้อง  บ้างก็ร้องไห้  วิ่งไปยังห้องพักของอาจารย์

          เมื่อนิโคลัสใจเย็นลงและเริ่มทบทวนในสิ่งที่ตนทำลงไป  ความกลัวในความผิดก็เริ่มไหลทะลักเข้ามาในจิตใจอย่างบ้าคลั่ง  ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกแล้ว  เขาเริ่มคิด  ต่อจากนี้ทุกคนก็จะมองเขาเป็นปิศาจจริง ๆ  เขาจะถูกผู้ปกครองของเด็กคนนั้นเอาเรื่องอย่างถึงที่สุด  พ่อของเขาจะต้องเดือดร้อนเพราะการกระทำของเขา  เขาอาจจะถูกคนในหมู่บ้านจับไปแขวนคอในฐานะปิศาจที่ทำร้ายคน  ตอนนี้ความคิดของนิโคลัสกำลังฟุ้งซ่าน
ความทุกข์ถาโถมเข้ามาในใจอย่างร้ายกาจ

          โดยไม่ทันรู้ตัว  เขารู้สึกว่ามีใครซักคนมาอุ้มเขาไปไว้หลังอาคารที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วยอาการตื่นตระหนกทำให้ตอนนี้เขาไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น เหมือนกับตนเองกลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตนไปแล้ว  สักครู่ต่อมาพอสติเริ่มกลับคืนเขาก็จำได้ว่า  คนที่อุ้มเขามาหลบตรงนี้ก็คือนิโคลพี่สาวเพียงคนเดียวของเขานั่นเอง!  เขาเริ่มวิตกกังวลว่าตอนนี้พี่สาวจะเป็นอย่างไรบ้าง  เขาได้ยินเสียงคนเอะอะมากมายอยู่อีกด้านของอาคารที่เขากำลังหลบซ่อนอยู่  เขาค่อย ๆ ย่องไปที่มุมของอาคารและได้มองเห็นนิโคล  กำลังถูกครูในโรงเรียนและแม่ของเด็กที่ถูกเขาทำร้าย  รวมทั้งชาวบ้านร่วม 20 กว่าคนกำลังสอบสวนพี่สาวของเขา

          “ นิโคลจ๊ะ  เธอบอกความจริงมาดีกว่าว่านิโคลัสเป็นคนใช้เวทย์น้ำทำร้าย เปโตร ลูกของท่านเศรษฐีนีซาร่าห์  เด็ก ๆ ที่วิ่งไปแจ้งฉันบอกฉันว่าอย่างนี้  พวกเขาเห็นกันทุกคนและเป็นพยานได้ ”

          “ คุณครูใหญ่คะ  หนูยังคงยืนยันคำเดิมว่าหนูเป็นคนใช้เวทย์น้ำทำร้ายเปโตรเองค่ะ  หนูทำร้ายเขาเพราะเขาเอาขนมปังของหนูมาทิ้งพร้อมกับขยี้มันแหลกคาพื้น  หนูทนไม่ได้เลยต้องสั่งสอนไปซะบ้างค่ะ ”  นิโคลพูดพร้อมกับชี้ไปยังขนมปังที่ตอนนี้แบนเละอยู่บนพื้น

          “ นิโคลจ๊ะ  ฉันเชื่อว่าด้วยวัยวุฒิของเธอที่โตพอ  คงจะไม่ถือสาหาความเด็กที่อายุน้อยกว่ากับเรื่องแค่นี้หรอก  แต่ถ้าเป็นเจ้าเด็กปิศา.. เอ่อ  แต่ถ้าเป็นนิโคลัสล่ะก็ไม่แน่ ”

          “ แต่ครูใหญ่คะ  นิโคลัสไม่เคยเรียนเวทย์น้ำมาก่อนแล้วเค้าจะสามารถใช้เวทย์น้ำได้ยังไงคะ  พ่อของนิโคลัสเป็นช่างทำรองเท้าคงไม่สามารถสอนอะไรเกี่ยวกับเวทย์มนต์ให้ลูกได้ ”

          “นิโคลที่รัก  เธอกำลังทำให้ฉันหมดความอดทนกับเรื่องโกหกของเธอ  เด็ก ๆ 10 กว่าคนสามารถเป็นพยานในความผิดของนิโคลัส  และฉันคิดว่าเวทย์มนต์เป็นเรื่องที่เรียนกันได้  โดยเฉพาะถ้าได้เธอที่เป็นเด็กเรียนดีในวิชาเวทย์มนต์ก่อนที่จะย้ายมาที่นี่  ช่วยสอนเขา ”

          “ ครูใหญ่คะ  หนูก็กำลังหมดความอดทนกับเรื่องตลกฝืดของครูอยู่เหมือนกัน  ก่อนจะปิดเทอมครูก็รู้ว่านิโคลัสไม่มีความรู้ในการใช้เวทย์มนต์เลย  ครูพูดถูกก็จริงว่าเวทย์มนต์เป็นเรื่องที่เรียนกันได้  แต่ครูคงไม่บอกหรอกนะคะว่าแค่ช่วงเวลาปิดเทอมจะทำให้เด็กอายุ 7 ขวบสามารถเรียนเวทย์น้ำจนถึงขั้นสามารถเอามาทำร้ายคนได้  ”
« Last Edit: September 01, 2007, 01:33:35 AM by Suchan.poloplow » Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #4 on: August 31, 2007, 05:40:38 AM »

ถึงแม้เด็ก ๆ จะสามารถเป็นพยานเอาผิดนิโคลัสได้  แต่เหตุผลของนิโคลก็นับได้ว่ามีน้ำหนักพอสมควร  เด็กอายุ 7 ขวบจะใช้เวลาแค่ช่วงปิดเทอมในการเรียนเวทย์น้ำถึงขั้นที่เอาไปใช้ทำร้ายคนคงเป็นไปไม่ได้  เมื่อคิดได้ดังนั้นครูใหญ่จึงพูดขึ้นมาว่า

          “ เอาล่ะ  ในเมื่อฉันไม่สามารถตัดสินได้ว่านิโคลัสผิดตามที่เด็ก ๆ ฟ้องร้อง  และเธอก็ยอมรับว่าเธอเป็นคนทำความผิด  ถ้าอย่างนั้นฉันจะถือว่าเธอเป็นผู้กระทำความผิด  และจะต้องได้รับการลงโทษแม้จะเป็นนักเรียนใหม่ก็ตาม ”

          เมื่อครูใหญ่พูดจบ  ผู้หญิงร่างอ้วนในชุดที่ดูภูมิฐานซึ่งเธอก็คือซาร่าห์แม่ของเปโตรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ครูใหญ่ได้เดินมาอยู่ตรงหน้าของนิโคล  พร้อมกับใช้ฝ่ามืออันอวบอ้วนฟาดฉาดใหญ่ลงไปบนแก้มขวาของนิโคล  ด้วยแรงอันมหาศาลที่ประทับลงไปทำให้แก้มของนิโคลเป็นรอยแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด 

          “ เธอกล้าดียังไงมารังแกลูกชายชั้น  โชคดีที่หมอช่วยลูกชั้นได้ทันคราวนี้ชั้นจะเอาเรื่องเธอให้ถึงที่สุด  แล้วถ้าไอ้เด็กเหลือขออย่างเธอมารังแกลูกชายชั้นอีกล่ะก็ครอบครัวเธอไม่ได้อยู่เป็นสุขแน่  ”

เมื่อพูดจบนางซาร่าห์ก็กลับหลังหันเตรียมพาร่างอันอวบอ้วนเดินจากไป  พอดีกับที่พ่อของทั้ง 2 เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพอดี  นางซาร่าห์จึงเรียกร้องค่าเสียหายซึ่งพอ ๆ กับเงินที่ 3 พ่อลูกจะใช้จ่ายได้ถึง 3 เดือน  ส่วนนิโคลในตอนนี้ก็กำลังถูกชาวบ้านรวมทั้งครูในโรงเรียนตำหนิอย่างรุนแรง  แต่นิโคลก็ยังเข้มแข็งเพราะรู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นทำเพื่อใคร 
ส่วนนิโคลัสที่มองดูจากมุมอาคารได้แต่ยืนมองด้วยสายตาเจ็บปวด  เจ็บปวดที่พี่สาวต้องมารับความผิดแทนตน  เจ็บปวดที่ทำอะไรเพื่อช่วยพี่สาวไม่ได้เลย…
...
          จากเหตุการณ์ดังกล่าว  นิโคลถูกพักการเรียนถึงครึ่งเดือนทั้ง ๆ ที่ยังเรียนได้ไม่ถึงวัน  นิโคลัสก็ไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะถือว่าทั้งหมดเป็นความผิดของตน  และตนสมควรที่จะมีส่วนในการรับผิดชอบ  อีกทั้งเขาไม่อยากไปโรงเรียนเพราะเขาไม่ชอบสายตาของทุกคนที่มองเขาด้วยความรังเกียจ  แต่เขาชอบสายตาของพี่สาวเพราะทุกครั้งที่ดวงตาสีฟ้าสดใสของพี่สาวมองมาที่เขา  เขาจะเห็นแต่ความรักและความใจดีซึ่งไม่เคยมีใครบนโลกใบนี้มองเขาด้วยสายตาแบบนี้มาก่อน  ส่วนพ่อของทั้ง 2 ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรต่อเหตุการณ์นี้  เอาแต่ทำรองเท้าจนดึกดื่นทุกวันเพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว  นิโคลัสกับนิโคลก็ช่วยพ่อทำรองเท้าอย่างขยันขันแข็ง 
จากวิกฤตที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นความสุขเล็ก ๆ แต่มีค่ายิ่งใหญ่ในครอบครัว

          เวลาผ่านไปครึ่งเดือนก็ครบกำหนดการพักการเรียนของนิโคล  ที่โรงเรียนนิโคลถูกมองว่าเป็นเด็กที่อันตรายสำหรับคนอื่น ๆ ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งด้วย  แต่นิโคลัสกลับถูกเพื่อน ๆ ที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์คราวนั้นแกล้งเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่บ่อยครั้ง  เช่น  แกล้งขโมยตำราเรียนไปซ่อน  ,แกล้งปาก้อนหินใส่  ,ทำห้องให้สกปรกเมื่อถึงเวรทำความสะอาดของนิโคลัส ฯลฯ เมื่อใดที่นิโคลเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น 
ก็จะเข้ามาช่วยเหลือนิโคลัสอยู่เสมอ ๆ

          มีอยู่คราวหนึ่งที่นิโคลัสถูกกลุ่มเด็กที่โตกว่ารังแก  เขารู้ว่าการใช้เวทย์มนต์จะทำให้พ่อของเขาต้องเดือดร้อน  ระหว่างที่กำลังจะถูกทำร้าย  นิโคลได้เข้ามาขวางและได้ต่อยตีกับเด็กกลุ่มดังกล่าว  จนสามารถปกป้องนิโคลัสเอาไว้ได้  แต่ตนเองกลับต้องนอนเจ็บตัวอยู่ที่บ้านร่วมอาทิตย์  นิโคลัสจึงหยุดเรียนเพื่อดูแลพี่สาวไปโดยปริยาย  จากเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นทำให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คนแน่นแฟ้นยิ่งกว่าพี่น้องแท้ ๆ เสียด้วยซ้ำ 
...
« Last Edit: September 01, 2007, 01:38:04 AM by Suchan.poloplow » Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #5 on: August 31, 2007, 05:41:12 AM »

          สรรพสิ่งในโลกใบนี้ล้วนหาความแน่นอนไม่ได้  การเปลี่ยนแปลงถือเป็นเรื่องธรรมชาติของโลกที่ต้องประสบอยู่เสมอ  เวลาแห่งความสุขที่ได้อยู่ร่วมกันไม่ยั่งยืน  เมื่อความทุกข์ผ่านเข้ามาย่อมเหลือแต่วันเวลาแห่งความสุขในความทรงจำ   

2 ปีต่อมา ครอบครัวที่เคยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข 3 คนพ่อลูก  ก็ต้องมาเหลือเพียง 2 พี่น้องเท่านั้น 
เพราะผู้เป็นพ่อล้มป่วยเสียชีวิตไป  ความเศร้าของการลาจากเป็นสิ่งที่ยากจะทำใจ  นิโคลัสไม่กล้าแสดงความเสียใจออกมาเพราะเป็นผู้ชายได้แต่ไปแอบร้องไห้เวลาอยู่คนเดียว  ส่วนนิโคลแม้จะเสียใจมากมายสักเพียงไหนแต่ก็ไม่สามารถแสดงความเศร้าโศกได้  เพราะตนต้องทำหน้าที่เป็นหลักยึดที่เข้มแข็งให้กับน้องชาย  พิธีศพของพ่อเป็นไปด้วยความเรียบง่าย  มีเพียง 2 พี่น้อง  เพื่อนบ้าน 3 คน  และนักบวชอีก 1 ท่านในพิธี

          ทั้งนิโคลัส กับนิโคล ตัดสินใจที่จะออกจากโรงเรียนเพื่อทำมาหากินอยู่ด้วยกัน 2 คนพี่น้อง  หลังจากการเสียชีวิตของพ่อผ่านไปประมาณเดือนกว่า ๆ ก็มีคนจากตระกูลโอดิลอนเดินทาง  ทางทะเลมาหา 2 พี่น้อง  เพื่อมาแจ้งว่าตระกูลโอดิลอนมีความยินดีที่จะรับทั้ง 2 คนไปอุปการะเลี้ยงดูให้การศึกษาอยู่กับตระกูลใหญ่  นิโคล
ซึ่งนิโคลัสวางใจให้ตัดสินใจแทนตนได้ตอบตกลงแทบจะในทันที  เพราะเห็นแก่อนาคตที่สดใสของน้องชาย และตนเอง

          ในการออกเดินทางทางทะเลเพื่อไปตระกูลใหญ่นั้น  ต้องใช้ระยะเวลาร่วม 2 สัปดาห์  ระหว่างที่อยู่บนเรือ 2 พี่น้องพากันเดินชมของต่าง ๆ เรืออย่างสนุกสนาน และชอบชวนกันมาชมทิวทัศน์อยู่บนดาดฟ้าเรือ  ตอนกลางคืนทั้ง 2 จะนับดาวบนท้องฟ้าแข่งกัน  และมักจะจบลงที่การนับไม่จบเพราะพี่น้องคู่นี้มักจะหลับไปซะก่อน...

          วันที่ 3 ของการเดินทางสัปดาห์ที่ 2  เกิดพายุฝนอย่างรุนแรง  ทั้ง 2 คนอยู่ในห้องพัก  นิโคลัสกำลังนอนอยู่บนเตียง  ส่วนนิโคลมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาเหม่อลอย  พลันสายตาก็มองเห็นอะไรบางอย่างขนาดใหญ่อยู่ห่างจากเรือไม่มาก  เมื่อพยายามมองผ่านม่านฝนที่กำลังตกหนักสิ่งนั้นก็พุ่งชนเรืออย่างแรง  ส่งผลให้เรือทั้งลำโคลงเคลงคล้ายจะล่ม  นิโคลรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่าเรือคงจะล่มในไม่ช้า  เธอรีบปลุกนิโคลัสและพาออกมานอกประตูพบว่าผู้คนมากมายบนเรือกำลังแตกตื่นกับสิ่งที่กำลังพุ่งชนเรือ

          “ มังกรน้ำ! ” นิโคลได้แต่อุทานด้วยความตกใจ  พอตั้งสติได้จึงรีบหาถังไม้เพื่อจะได้เกาะเอาไว้เมื่อเรือล่ม  แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเรือก็เกิดพังอย่างฉับพลันจากการถูกมังกรน้ำกระแทก  เรือจมลงอย่างรวดเร็วเสียงผู้คนเอะอะโวยวาย  กรีดร้องอย่างเสียขวัญ  บ้างร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า  บ้างกระโดดลงน้ำด้วยความเสียสติ
ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอตั้งตัวไม่ทัน  ตอนนี้เธอจมลงไปในน้ำและค่อย ๆ จมดิ่งลงไปเรื่อย ๆ สิ่งที่คิดถึงตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวคือความปลอดภัยของนิโคลัส  สติของเธอเลือนหายลงไปทีละนิด ๆ
...
« Last Edit: September 01, 2007, 01:40:11 AM by Suchan.poloplow » Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #6 on: August 31, 2007, 05:41:53 AM »

          “ พี่นิโคล  อยู่ที่ไหน  ตอบผมด้วย!!! ” เสียงร้องของนิโคลัสดังขึ้นท่ามกลางผู้คนที่กำลังเอาชีวิตรอด  นิโคลัสตอนนี้กำลังเกาะอยู่บนถังไม้ที่ลอยอยู่บนน้ำพลางร้องหาพี่สาว  เสียงของคนเอาชีวิตรอดยิ่งกรีดร้องดังขึ้นเมื่อมังกรน้ำโผล่ขึ้นมาคาบมนุษย์เป็นอาหารครั้งละคนสองคนก่อนที่จะว่ายลงไปใต้น้ำและกลับขึ้นมาใหม่  นิโคลัสพยายามหาพี่สาวเท่าไหร่ก็ไม่เจอ  เมื่อมองลงไปใต้น้ำก็ยิ่งมองไม่เห็นทำให้ไม่สามารถหาพี่สาวได้  นิโคลัสคิดว่าพี่สาวคงจะกำลังมองหาตนอยู่ที่ใดที่หนึ่งของผู้คนที่กำลังแตกตื่น  มังกรน้ำยังคงคาบมนุษย์ไปเป็นอาหารอยู่
เรื่อย ๆ   นิโคลัสเห็นดังนั้นจึงคิดว่าต้องหาทางจัดการกับมันให้จงได้  เมื่อมันโผล่พ้นน้ำขึ้นมานิโคลัสจึงร่ายมนต์สร้างลูกทรงกลมน้ำขนาดใหญ่กว่าลูกฟุตบอลประมาณ 5 เท่าจำนวน 5 ลูก  พุ่งโจมตีใส่แต่นอกจากมันจะไม่บาดเจ็บแล้ว  มันยังว่ายพุ่งมาทางนิโคลัสอย่างรวดเร็ว  ก่อนที่จะอ้าปากคาบนิโคลัสลงใต้ทะเลไป  นิโคลัสรู้ตัวว่าเขาเองยังไม่ตาย  แต่ตอนนี้ยังคงอยู่ในปากของมังกรน้ำและเขาถ้าไม่ขาดอากาศหายใจตายซะก่อน  ก็คงจะตายเพราะกลายเป็นอาหารมันอย่างแน่นอน  แต่ก่อนที่สติจะดับวูบไปเขาได้ภาวนาต่อพระเจ้าว่า  ถึงแม้ตนเองจะต้องตายไปจริง ๆ แต่ขอให้พี่สาวของตนรอดชีวิตได้ก็เป็นที่พอใจที่สุดแล้ว

          ทันใดนั้นเองก็มีเสียงของสตรีนางหนึ่งที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังพูดกับเขาในใจว่า  “ เด็กน้อยเอ๋ย  ไม่ต้องกังวลถึงอันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น  เจ้ากับพี่สาวของเจ้าจะปลอดภัยด้วยการคุ้มครองจากข้า ” 

          นิโคลัสแปลกใจในเสียงดังกล่าวแต่ก็ตั้งใจจดจ่อกับเสียงนั้นต่อไป  “ มิต้องแปลกใจอันใดหรอก  นี่คือเสียงของข้า  นามของข้าคือ ผืนมหาสมุทรที่ส่องแสงเรืองรอง(Muirgheal ,the Guardian Angel of Oilon) ข้าคือผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุด  ข้าถูกส่งมาเพื่อคุ้มครองตระกูลโอดิลอน  หากแม้นมิใช่ความพึงพอใจของข้าก็จะมิมีผู้ใดได้ยินเสียง  หรือเห็นตัวของข้าได้เลยแม้นผู้นั้นจะมีพระพรมากมายเท่าใดก็ตาม  แต่ที่สำคัญจงจำเอาไว้เถิดว่า  เมื่อใดก็ตามที่คนตระกูลโอดิลอนมีความไว้วางใจต่อองค์พระเจ้าสูงสุด  แม้นจะอยู่สุดขอบแผ่นดิน  สุดขอบแผ่นน้ำ  หรือแม้กระทั่งสุดขอบแผ่นฟ้า  ข้าจะตามไปปกป้องคุ้มครอง ”

          เมื่อสิ้นสุดเสียงของสตรีนางนั้น  นิโคลัสก็ต้องแปลกใจเพราะตนเองกำลังนั่งอยู่บนพื้นน้ำแข็งแผ่นใหญ่ที่ลอยอยู่บนผืนน้ำ  เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็พบผู้รอดชีวิตทุกคนอยู่บนแผ่นน้ำแข็งกำลังงุนงงกับเหตุการณ์ดังกล่าวอยู่เช่นกันเมื่อมองไปที่ด้านหลังก็พบนิโคลที่ค่อย ๆ ฟื้นคืนสติขึ้นมา  นิโคลัสรีบเข้าไปกอดนิโคลด้วยความดีใจ  นิโคลที่รู้ว่าตัวเองรอดชีวิตจึงโอบกอดนิโคลัสเช่นเดียวกัน  แต่ความดีใจก็ต้องหยุดลงเมื่อเจ้ามังกรน้ำพุ่งขึ้นมาจากน้ำอีกคราหนึ่ง 

ระหว่างที่ทุกคนกำลังตกใจนั้นก็ปรากฏแสงสีรุ้งสาดขึ้นมาเหนือน้ำในบริเวณที่มังกรน้ำอยู่  ชั่วพริบตาเจ้ามังกรน้ำก็กลายเป็นน้ำแข็งไปในทันทีสร้างความพิศวงและโล่งใจให้แก่ทุกคน  นิโคลัสเป็นเพียงผู้เดียวที่มองเห็น  นางฟ้าองค์หนึ่งซึ่งใบหน้างดงามไร้ที่ติ  มีปีกสีรุ้งงดงามที่กำลังสยายออก  กำลังลอยอยู่เหนือน้ำซึ่งเมื่อครู่นางฟ้าองค์นี้เองที่เข้าไปพูดในใจเขา  ช่วยเขากับทุกคนให้รอดชีวิต และใช้พลังเทพในการแช่แข็งมังกรน้ำ 
นิโคลัสมองเห็นนางฟ้าองค์นี้ค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าซึ่งตอนนี้มีแสงแดดอ่อน ๆ ส่องแสงลงมา

...
หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็มีกองเรือพ่อค้าจากเมืองท่าผ่านมา  2 พี่น้องและลูกเรือได้อาศัยกองเรือพ่อค้าในการขึ้นฝั่ง  ทั้ง 2 ได้ไปอยู่กับตระกูลใหญ่ของโอดิลอนซึ่งเป็นดั่งศูนย์รวมของทุกคนในตระกูล  และได้เรียนหนังสือต่อ
โดยที่ทั้งคู่เลือกเรียนในสายนักเวทย์เพื่อจะได้เรียนด้วยกัน  แต่นิโคลัสผู้มีนัยน์ตาและผมสีฟ้าอันเกิดจากสายเลือดเงือกที่เข้มข้นเพราะเกิดจากการแต่งงานในเครือญาติกลับก้าวหน้าในการเรียนเวทย์น้ำอย่างรวดเร็วและได้เลื่อนชั้นเรียนบ่อยครั้ง  และไม่นานก็ได้กลายเป็นนักเวทย์ที่รับราชการกับแอนดิซอง 
หลังจากมาอยู่ที่ตระกูลใหญ่ได้ 3 ปี  นิโคลัสในวัย 12 ปีก็สามารถสำเร็จเป็นผู้วิเศษ(Wonderer)ด้วยอายุที่น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของแอนดิซอง  และกลายเป็นจอมเวทย์ชั้นแนวหน้าที่เก่งกาจสามารถในยุคนั้น         
« Last Edit: September 01, 2007, 01:44:51 AM by Suchan.poloplow » Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #7 on: September 01, 2007, 02:04:18 AM »

(เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย(คนละส่วนกับเรื่องประกวด)
แรงบันดาลใจในการเขียน  ก็เพราะชอบพรีคอนOdilonครับ  ส่วนตัวคิดว่านิโคลัสเก่งมาก ๆ
ที่ได้เป็นWondererตั้งแต่ยังเด็ก  บวกกับอ่านข้อมูลในพรีคอนแล้วน่าสงสารจึงอยากลองเขียนดู
และออกมาในรูปแบบนี้ครับ

ในส่วนของเนื้อเรื่องผมพยายามไม่ให้หลุดจากข้อมูลในพรีคอน(ซึ่งก็อาจมีจุดหลุดอยู่บ้าง )ครับ
คือ ถ้าได้อ่านจากพรีคอนเนี่ย  เราจะคิดแค่ว่านิโคลัสเกิดในตระกูลดี  มีความเป็นอยู่ที่ดี
เพียงแต่ถูกรังเกียจด้วยผมสีฟ้า  ส่วนในเนื้อเรื่องที่ผมเขียนจะเขียนให้นิโคลัสมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก

การที่นิโคล กับนิโคลัส มีแม่คนละคนกันก็เพื่อเสริมเหตุผลว่าทำไมนิโคลที่เกิดก่อนจึงไม่มีสีผมสีฟ้า
นั่นก็เพราะนิโคลมีเลือดของคนนอกตระกูลครึ่งนึง  ส่วนนิโคลัสมีเลือดของคนในตระกูลทั้งตัวครับ

ปล. ช่วยติชมด้วยนะครับ  จะได้เป็นแนวทางในการพัฒนาต่อไป  ขอบคุณครับ_/ll\_
ปล2. ส่งชื่อ - ที่อยู่ ไปทาง IM แล้วนะครับ
« Last Edit: September 01, 2007, 03:06:16 AM by Suchan.poloplow » Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #8 on: September 03, 2007, 10:19:22 PM »

ไม่มีคนCommentเลย
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #9 on: September 04, 2007, 05:15:51 PM »

เนื้อเรื่องลื่นไหล ถ่ายทอดธรรมชาติและอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างน่าสนใจมากครับ 
ชอบที่เอาเนื้อเรื่องจาก precon จากเท่าที่อธิบายบน counter มาผูกเป็นเรื่องได้น่าสนใจดีครับ 
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.081 seconds with 20 queries.