ฟูดินัน ธรรมชาติ มิตรภาพ สายลมพัดพากลิ่นหอมละมุนของดอกไม้ป่า จนอบอวลทั่วทั้งผืนป่า แสงทองอำพันยามอรุโณทัยฉาบทาใบไม้ในป่าให้เป็นสีทองดูงดงาม
ทุกชีวิตในผืนป่าได้ตื่นจากนิทรา เริ่มต้นวันใหม่อย่างมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
กระท่อมหลังหนึ่งตั้งอยู่ในป่าแถบฟูดินัน ไม่ไกลจากต้นไม้ขนาดใหญ่ นาม พฤกษาเทพอิกดราซิล (Yggdrasil) ท่ามกลางเหล่าพฤกษานานาพันธุ์ เสียงเหล่านกขับขานบทเพลงยามเช้าไพเราะจับจิต ผสานกับเสียงของลำธารไหลริน ยิ่งทำให้เหมือนกับเสียงเพลงแห่งสรวงสวรรค์ที่ถูกบรรเลงขึ้นในผืนป่าอันอุดมแห่งนี้
เด็กสาวคนหนึ่งยืนทำอาหารอยู่หน้าเตาไฟ กลิ่นซุปข้นหอม ควันลอยกรุ่นจากในหม้อซุป หลังจากนั้นจึงเดินไปที่ห้องของพี่ชาย
พี่จ๊ะ ตื่นซะทีสิ ทานอาหารเช้าได้แล้ว เด็กสาวร้องเรียกผู้เป็นพี่ชายที่กำลังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงในห้องของตัวเอง โธ่ มาน่า ขอนอนอีกเดี๋ยวนึงไม่ได้เหรอ? ผู้เป็นพี่โอด ไม่ได้ค่ะ จะไปฝึกดาบแต่เช้าไม่ใช่เหรอ ตื่นเดี๋ยวนี้ ผู้เป็นน้องสาวกระตุกผ้าห่มของพี่ชายออกทันที เป็นธรรมดาของคนเรา ก็อากาศท่ามกลางป่าเขายามเช้ามันหนาวซะขนาดนี้ ใครมันจะอยากลุกจากเตียงอุ่นๆได้เล่า แต่ถึงขนาดน้องสาวมากระตุกผ้าห่มถึงในห้อง เจ้าพี่ชายตัวดีก็ยังไม่อยากจะลุกจากเตียงอยู่ดี สาวน้อยเริ่มออกอาการฉุน ผู้เป็นพี่ชายได้ยินเสียงน้องสาวเดินฉับๆออกไปจากห้อง ซักครู่หนึ่ง เธอเดินเข้ามาพร้อมกับถือถังน้ำที่ใส่น้ำไว้เกือบเต็ม แล้วสาดใส่พี่ชายที่นอนอยู่บนเตียงดังโครม เท่านั้นแหละ ตาสว่างทันที ผู้เป็นพี่ถึงจะลุกจากเตียงได้ แต่ก็ได้อย่างยากลำบาก มีพี่ชายที่ไหน ให้น้องสาวคอยดูแลอยู่เรื่อยเลย พี่เนี่ย มาน่าบ่น เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาทานอาหารเช้าด้วยกันนะคะ ซุปกำลังอุ่นๆถึงจะอร่อย เอริน่ากล่าวต่อ รู้แล้วๆ อัลตอบด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอก
ว่างัวเงียอยู่ แล้วสาวน้อยก็เดินออกไปจากห้อง
มาน่าจัดวางจานซุปบนโต๊ะเล็กๆอย่างเป็นระเบียบ จากนั้นไม่นานผู้เป็นพี่ชายจึงเดินมาที่โต๊ะและนั่งลง มองหน้าผู้อ่อนวัยกว่า มาน่าเห็น
อาการของพี่ชายก็มุ่นคิ้วด้วยความสงสัย หน้าหนูมีอะไรติดเหรอไงคะ เธอถาม ผู้เป็นพี่ชายยิ้ม พลางมองน้องสาวอย่างเอ็นดู นี่ล่ะนะ น้องสาวของเรา ก็เพราะคอยจู้จี้แบบนี้ถึงได้รักมากกว่าชีวิตไงล่ะ
มาน่า (Mana, Fudenun Healer) เป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆ อายุยังไม่ถึง 10 ขวบแต่ทำงานต่างๆในบ้านได้คล่องแคล่ว ดวงหน้ากลม นัยน์ตาโตสีมรกตดูเป็นประกาย เส้นผมสีฟ้ายาวถึงกลางหลัง ตัดกับผิวสีขาวปนสีน้ำผึ้งดูน่ารักยิ่งนัก ส่วนตัวพี่ชายที่ชื่ออัล (Al, Fudenun Scout)นั้น มีผิวสีเดียวกับน้องสาว ใบหน้าคมผนวกกับแผลเป็นขนาดใหญ่เป็นทางยาวที่แก้มซ้าย นัยน์ตาสีฟ้าเหมือนมหาสมุทรยามต้องแสงตะวัน ผมสีขาวราวกับผู้ผ่านโลกมายาวนาน สีผมและแผลเป็นบนใบหน้าทำให้เขาดูเด่นสะดุดตาอย่างมากในสายตาของชาวเผ่าฟูดินัน พี่น้องคู่นี้ไม่ได้เป็นชาวฟูดินันแต่กำเนิด แต่ชาวฟูดินันได้พามาเข้าเผ่าเนื่องจากเห็นว่า ทั้งคู่เดินทางมากับผู้เป็นพ่อมายาวนานและต้องตกระกำลำบากอยู่ท่ามกลางป่าเขา ผู้เฒ่าวูจินจึงให้มาสร้างบ้านอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านฟูดินัน เด็กทั้งสองได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ และชาวเผ่าฟูดินันก็ไม่รังเกียจ ทั้งสองคนพี่น้องจึงใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบเรื่อยมาโดยที่พ่อของพวกเขาเป็นช่างตีเหล็กที่มีฝีมือดี ท่านผู่เฒ่าวูจินจึงให้เป็นช่างตีเหล็กที่คอยตีอาวุธให้กับเผ่าเวลาหากมีสงครามเกิดขึ้น
97....98.....99.....100!! อัลฝึกดาบด้วยการฟันใส่หุ่นไม้ที่ทำเองโดยนับจำนวนครั้ง ร่างกายของเขาอ่อนล้า จึงนั่งพักที่โคนไม้ใกล้ๆ แล้วหลับตาลงรวบรวมสมาธิ จนไม่ได้สังเกตว่าใครคนหนึ่งยืนมองอยู่ในที่นั้น จนคนๆนั้นเดินเข้ามาทักทาย ขยันฝึกดาบแต่เช้าเชียวนะ อัล อัลจีงหันไปมองที่มาของเสียง อ๊ะ ท่านพี่ฮารีซัน (Harison, The Knight of Pentacles) คนที่ยืนอยู่คือชายหนุ่มหัวหน้าเผ่าฟูดินันที่เข้ามาทักทายเด็กหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าอย่างเป็นกันเอง เป็นไงบ้าง อยู่ที่นี่สบายดีมั้ย ฮารีซันถามถึงความเป็นอยู่ของอีกฝ่าย อัลฟังคำถามก็ยิ้มเขินๆ แค่ชาวฟูดินันไม่รังเกียจพวกผม แล้วยังให้ผม มาน่า และท่านพ่ออยู่ที่นี่ด้วยก็นับว่าเป็นบุญคุณมากแล้วล่ะครับ ผมไม่มีสิทธิ์บ่นว่ามันลำบากหรอก อัลพูดพลางเอามือลูบศีรษะตนเอง ฮารีซันยิ้มเล็กน้อย อัล เผ่าฟูดินันไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นซักหน่อย ถ้าครอบครัวเจ้าอยู่อย่างลำบาก ข้าก็จะให้คนหาพื้นที่ใหม่ที่ดีกว่าให้เจ้า เราเผ่าเดียวกัน อยู่กันอย่างพี่น้อง ใครเล่าจะให้พี่น้องในเผ่าต้องลำบาก จริงมั้ย ผมกับน้องอยู่สบายดีครับ ขอบคุณท่านพี่ฮารีซันที่หวังดี อัลตอบพลางยิ้มกว้าง ผมพักเหนื่อยพอแล้ว ผมจะฝึกดาบต่อล่ะครับ อัลกล่าวต่อพร้อมกับหยิบดาบคู่ใจของตนขึ้นมา แล้วเดินออกจาร่มไม้ที่นั่งเมื่อครู่ ทันใดนั้นฮารีซันก็ลุกขึ้น อัล ข้าว่าเรามาประลองกันหน่อยมั้ย อัลหันกลับมาทำตาเบิกกว้าง ฮารีซันจึงกล่าวต่อ เจ้าฝึกดาบกับหุ่นไม้อย่างเดียวมันคงไม่ทำให้เจ้าเก่งขึ้นได้แน่ ข้าจะเป็นคู่ซ้อมให้เจ้าซักครั้งก็แล้วกัน อัลจึงพยักหน้า ถ้าเช่นนั้นก็....รบกวนด้วยนะครับ และการฝึกซ้อมดาบของอัลก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง รู้สึกว่าการฝึกคราวนี้คงไม่น่าเบื่อเหมือนทุกวันที่ผ่านมาเป็นแน่.....
สกุณาขับขาน
เบิกบานในไพรสัณฑ์
สายชลจากสวรรค์
จากดวงจันทร์สู่พสุธา
..
ลำนำแห่งการชื่นชมธรรมชาติถูกขับออกมาจากเด็กหญิงตัวน้อยที่นั่งอยู่ที่โคนของ พฤกษเทพอิกดราซิล ใบไม้สีเงินร่วงหล่นจากต้นสะท้อนกับแสงตะวันงดงามจับตา เด็กหญิงนั่งขับบทเพลงอยู่ใต้ร่มเงาของพฤกษาเทพอิกดราซิลจนเหล่าสัตว์เล็กอย่าง นก หนู ที่กำลังแอบดูเด็กน้อยที่กำลังขับบทเพลงอยู่ด้วยความสงสัย และแล้วพวกมันก็ออกจากที่ซ่อนเข้ามาใกล้ๆเจ้าของเสียงเสนาะ ทำตาปริบๆ เด็กหญิงเห็นหนูดิน (Geo Rat) ตัวหนึ่งเข้ามาใกล้ เธอยกมันขึ้นมาอุ้มเล่นอย่างเอ็นดู ซึ่งเจ้าหนูดินตัวน้อยก็ไม่ขัดขืนแต่อย่างใด
ดวงดาวและดวงจันทร์
เคียงคู่กันประดับฟ้า
แสงตะวันยามทิวา
จิตแห่งป่าล้วนรื่นรมย์
..
เด็กหญิงขับบทเพลงต่อไป เหล่าสัตว์ตัวเล็กๆต่างก็เข้ามารุมล้อมเธอด้วยความสนใจ บรรดาหนูทั้งหลายก็เข้ามานั่งฟัง นอนฟัง ใกล้ๆ เหล่านกก็เกาะที่กิ่งไม้ใกล้ๆบริเวณนั้น
กลิ่นหอมแห่งพฤกษา
จากบุปผาดูน่าชม
ภุมรามาดอมดม
ตามสายลมจากแดนสรวง.....
เป็นเพลงที่เพราะมากนะจ๊ะ มาน่า มาน่าได้ยินเสียงใครพูดขึ้นจึงหันไปหาที่มาของเสียง คนที่ยืนอยู่คือ สาวสวยที่อายุมากกว่า เป็นดุจดังพี่สาวที่เธอชื่นชม ซึ่งก็คือ วานาอัน (Wanaan, The Princess of Pentacles) นั่นเอง เธอมีใบหน้าที่อ่อนโยน และดูเป็นพี่สาวที่แสนดีในสายตาของมาน่า ขอโทษนะจ๊ะ พี่มาขัดจังหวะเธอรึเปล่า วานาอันกล่าวขอโทษเนื่องจากเข้ามาขณะที่มาน่ากำลังร้องเพลง เด็กหญิงผู้อ่อนกว่าสั่นศีรษะ ไม่หรอกค่ะ พี่วานาอัน วานาอันเข้ามานั่งลงข้างๆ มาน่าที่กำลังลูบหัวหนูดินที่กำลังเคลิ้มเพราะถูกมืออันบอบบางของเธอลูบหัว คนที่เห็นว่าเพลงของหนูไพเราะก็มีแต่พี่ชาย ท่านพ่อ ท่านปู่วูจิน แล้วก็พี่วานาอันนี่แหละค่ะ เด็กสาวตอบเสียงใส แต่สองแก้มมีสีชมพูบางๆเนื่องจากเธอเขินอายเวลามีคนชม วานาอันยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดูเด็กหญิงตัวน้อยที่เปรียบเหมือนน้องสาว พี่ว่า เหล่าสัตว์กับต้นไม้ในป่าจะต้องชอบเพลงของมาน่าแน่ๆเลยจ้ะ วานาอันกล่าว
เด็กหนุ่มและชายหนุ่มที่กำลังพักเหนื่อยอยู่ใต้ร่มเงาไม้ ที่เดิม หลังจากการฝึกที่เป็นการประลอง ฮารีซันหันมามองผู้เป็นรุ่นน้อง อัล ฝีมือเจ้าไม่เบาทีเดียว... เพลงดาบของเจ้ารุกข้าซะเกือบจนมุมเลยนะ อัลซึ่งกำลังมองดูดาบของตนเองก็ยิ้มแห้งให้อีกฝ่าย พี่ฮารีซันเก่งกว่าผมอีกนะครับ อัลกล่าวตอบพลางจับสีข้างของตัวเอง เพราะในตอนที่ประลองโดนฮารีซันเตะเข้าที่ตรงนั้นทีหนึ่ง ยังเจ็บแปลบนิดๆอยู่เลย นี่ อัล ฮารีซันเอ่ยเรียกเด็กหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าแบบลอยๆ จนทำให้คู่สนทนาหันมามองด้วยความสงสัย หวังว่าความสามารถของเจ้าจะเป็นพลังในการคุ้มครองเผ่าฟูดินันของพวกเรานะ ฮารีซันกล่าวด้วยรอยยิ้ม ครับผม อัลตอบอย่างแข็งขัน ผมจะสู้เพื่อพี่น้องเผ่าฟูดินันอย่างสุดความสามารถครับ อัลกล่าวต่อ ฮารีซันตอบรับด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
ตัวละครที่คิดเองมี 2 คนครับ (ไม่รู้มากไปมั้ย) มี อัล มาน่า แต่จริงๆมีพ่อของพวกเขาอีกแต่ในเนื้อเรื่องไมมีบท แค่ถูกกล่าวถึงเท่านั้น
วรสุธี มณีฤทธา
33 เจริญกรุง58 ถ.เจริญกรุง เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120