Summoner Master Forum
October 04, 2024, 04:34:05 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: [ประกวด] Cursed Ruffian บุรุษผู้กวัดแกว่ง Atimazo  (Read 4526 times)
0 Members and 5 Guests are viewing this topic.
==I{}*A*timazo *S*word >>>
Member
*****
Offline Offline

Posts: 283


« on: July 12, 2007, 04:07:26 AM »

                     ฝูง Shin Shin บินเล่นกันขวักไขว่ในทุ่งหญ้าที่เขียวขจี เมอร์ริเซียช่างมีความอุดมสมบูรณ์อะไรเช่นนี้ ผืนขนาดใหญ่รายล้อมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด เสียงเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งดังขึ้นเป็นระยะราวกับจะพาผู้ที่มาพบเห็นย้อนกลับคืนสู่ความทรงจำในวัยเยาว์ กลิ่นอายของดอกไม้หลากหลายพันธุ์กระจายในสายลมส่งกลิ่นหอมยิ่งนัก

                     แต่ภายในความอุดมสมบูรณ์เช่นนี้... เมื่อมองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตาพลันเห็นสิ่งที่ไม่คิดฝันเกิดขึ้น เปลวเพลิงเผาผลาญสิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าวอดวาย เสียงกรีดร้องของสตรีนางหนึ่งดังกึกก้อง บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดฟุ้ง ประสาทสัมผัสของ Shin Shin เริ่มรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนรุนแรง ดูเหมือนตัวที่ทำหน้าที่ดูแลฝูงตัวหนึ่งส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายฟังไม่ได้ศัพท์ ก่อนสีหน้าของพวกมันทุกตัวจะซีดเผือด พากันบินให้วุ่นวายเพื่อเอาชีวิตรอด

แต่แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็สงบลงในเวลาอันรวดเร็ว เมฆฝนเริ่มก่อตัวชะล้างคาวเลือดที่กระจายในอากาศ และเปลวไฟให้สงบลง บรรยากาศเต้มไปด้วยความเศร้าหมอง และวังเวงยิ่งนัก หมู่บ้านที่ผู้คนอาศัยกว่าร้อยชีวิต บัดนี้ไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่าจะมีผู้เหลือรอดมากน้อยเพียงใด เหตุการณ์ในครานี้ดูเหมือนจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้มีให้เห็นได้ง่ายๆในหมู่บ้านเล็กๆทางตอนเหนือของเมอร์ริเซีย 
   
   …..ย้อนไปเมื่อ 20 นาทีก่อนหน้านี้......
   
   “แฮ่ก...แฮ่ก....พวก Dread Knight มันมาที่นี่แล้ว ทหารของเราไม่มีใครสู้มันได้สักคน” ชายคนหนึ่งใส่ชุดราวทหารตะโกนสุดเสียง เสียงถูกส่งผ่านอากาศแทรกเข้าไปในประสาทการรับฟังของทุกคน บรรยากาศของความเงียบมาเยือนหมู่บ้านอีกครั้ง ปะปนไปด้วยความสิ้นหวัง พลางเสียงกรีดร้องของชาวบ้านระงมไปทั่วผืนหญ้าอันกว้างใหญ่

ชาวบ้านนับร้อยต่างหนีตายเอาชีวิตรอด แต่ยังไม่สิ้นเสียงตะโกนของชาวบ้านเสียด้วยซ้ำ “.ฟิ้ว...”เสียงคมดาบสีเงาดำฟาดแหวกอากาศดังหวีดหวิวก่อนจะกรีดเข้าร่างกำยำของทหารที่อยู่เบื้องหน้าอย่างไม่ปราณี ตามมาด้วยเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดที่เขาได้รับจากการเอาชีวิตรอดครั้งนี้

หากวิ่งมองไปข้างหน้าจะเห็นเพียงแต่ความมืดมน หากหันมองไปข้างหลังจะเห็นเพียงแต่จำนวนคนที่วิ่งหนีตายลดน้อยลงทุกที ภาพอันหน้าสลดหดหู่เกิดขึ้นเบื้องหน้าของเด็กชายคนหนึ่งที่นั่งตัวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว มารดาของเขาได้ออกไปทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ"ตามสัญชาตญาณของผู้ให้กำเนิด" เธอดึงความสนใจเหล่า Dread Knight ให้ออกห่างจากที่หลบซ่อนของลูกชายตน แม้จะเป็นเวลาสั้นๆแต่ดูเหมือนลูกชายเธอจะปลอดภัย.....
   
   ร่างหญิงสาวนางหนึ่งทรุดลงต่อหน้า ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สายตาของเธอไม่เคยละจากเด็กชายตัวน้อยๆที่อยู่ออกไปแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว สายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงไย ความสิ้นหวัง ความดีใจ ความเสียใจ บัดนี้แม้ร่างของเธอจะไร้วิญญาณแล้ว แต่สายตาของทั้งคู่ก็ยังไม่ละจากกันอยู่ดี

                     เด็กหนุ่มนั่งร้องไห้เงียบๆอยู่คนเดียว พ่อที่เป็นทหารเวลานี้จะเป็นอย่างไร แม่ของตนตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ คนในหมู่บ้านตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง แคลร์เด็กสาวที่ตนแอบหลงรักจะหนีรอดหรือไม่ คำถามมากมายอยู่ในหัวของเด็กชายคนนั้นวนเวียนเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน จากที่เคยสงสัยว่าความเจ็บปวดที่ต้องเสียคนที่เรารักไปเป็นเช่นไร

                     "บัดนี้ดูเหมือนเขาจะรู้ดีที่สุดว่าความรู้สึกที่ว่ามันเจ็บปวดเหมือนถูกคมมีดกรีดลึกเข้าไปในหัวใจ"

                     สายตาของเด็กหนุ่มแดงกล่ำเต็มไปด้วยความแค้นเคือง ปะปนกับน้ำตาที่สะท้อนเปลวเพลิงจนดูกลายเป็นสายเลือด กับการกระทำครั้งนี้ หมู่บ้านที่เคยสงบสุขของเขาถูกเพลิงเผาผลานจนวอดวายสิ้น ร่างที่ไร้วิญญาณของคนที่เคยเล่นด้วยกัน คนที่เคยพูดคุยกัน กองพะเนินดั่งเนินหินขนาดย่อมๆ

บ้านเรือนถูกทำลาย ทรัพย์สินถูกช่วงชิง เด็กหนุ่มได้แต่กัดฟันทน สายตาได้แต่จดจ้องเพื่อจำความเจ็บช้ำทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนได้แบกรับเอาไว้ เขาไม่เคยคิดแม้แต่จะลืมเหตุการณ์ในครั้งนี้เลย.....
   
   เหล่า Dread Knight ทำการเดินตรวจตราอีกครั้งเพื่อหาผู้มีชีวิตรอด หัวหน้าของพวกมันสองตัวเถียงกันวุ่นวาย เมื่อนับซากศพที่ลูกน้องของตนฆ่าได้มีจำนวนเท่ากัน เหมือนเป็นการเล่นสนุก!? แต่ในเมื่อปัญหาไม่อาจตกลงกันได้ด้วยวาจามันจึงต้องออกเดินหาคนที่รอดในหมู่บ้านเพื่อมันจะได้เป็นผู้ชนะ การกระทำของพวกมันโหดร้ายไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่กำเนิดมาจากนรก ....แย่กว่าเสียด้วยซ้ำ.... มันสอดส่ายสายตาอยู่นาน ก่อนประสาทสัมผัสอันเหนือมนุษย์ของพวกมันจะสัมผัสได้ถึงการสั่นไหวเล็กๆของพุ่มไม้ที่ไกลออกไปร่วม 200 เมตร รังสีการฆ่าเริ่มเข้ามาปกคลุมเด็กหนุ่มอีกครั้ง
   
   ทันทีที่เด็กหนุ่มถูกจ้องมองด้วยสายตาที่หิวกระหายชัยชนะ ฝีเท้าของเขาก็เริ่มออกตัวทันที ฝีเท้าคนหรือจะสู้ม้าได้ จากระยะที่ห่าง 200 เมตรกำลังถูกย่นเข้ามาเรื่อยๆในเวลาอันรวดเร็ว พลันสายตาเห็นป่าที่อยู่ข้างทาง ก่อนจะตัดสินใจกระโจนเข้าดงไม้ที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคม ดูเหมือนจะเป็นเด็กที่ฉลาดมากเลยทีเดียว ม้าหลายตัวไม่กล้าเข้าใกล้ดงหนามที่ว่านั่น หลายตัวโดนดงหนามรัดตัวขยับไปไหนไม่ได้ แม้มันจะปล่อยเด็กคนหนึ่งไปก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เมื่อเด็กคนนั้นเป็นคนตัดสินชัยชนะในครั้งนี้ก็จำเป็นต้องฆ่าเพื่อชัยชนะของพวกมัน

                      พวก Dread Knight  เดินฝ่าดงหนามด้วยความง่ายดายก่อนวิ่งตามเด็กหนุ่มไป จากระยะที่ทิ้งไปได้ บัดนี้กลับมาเท่าเดิมอีกครั้ง ดูเหมือนจะกระชั้นกว่าเดิมเสียอีกด้วยซ้ำ เท้าเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยรอยแผล กิ่งไม้ทะลุฝ่าเท้าจนเลือดไหลยาวเป็นทาง ตอนนี้ได้ยินแต่เสียงลมหายใจ เสียงลมหายใจที่เริ่มติดขัด......

   เท้าเริ่มไม่ทำตามคำสั่ง ประสาทเริ่มพร่ามัว ก่อนที่สติของเด็กหนุ่มจะดับลง สายตาของเขาเห็นปลายคมดาบอยู่ตรงหน้าแต่ไม่ใช่ของพวก Dread Knight ...ประกายคมดาบดูสวยงาม ท่วงท่าในการใช้ทำให้รู้ว่าเป็นผู้ที่มีความเก่งกาจมากทีเดียว เสียงคมดาบแหวกอากาศดังหวีดหวิวดั่งท่วงทำนองของเทพเจ้าประจำวันทั้งเจ็ด (Angel of music) ฟาดฟันเข้าใส่หมู่ Dread Knight เหมือนบรรเลงดนตรี เสียงที่ฟาดฟันเข้าใส่อริร้ายช่างดูไพเราะเหลือเกิน “ใครกันนะ...?”

**************************************************************************************************************************************************

   “แฮ่ก...แฮ่ก...อีกแล้ว” เหงื่อชโลมร่างชายหนุ่มอยู่ทั่ว หลังจากตื่นขึ้นจากห้วงความฝัน แสงอาทิตย์ลอดผ่านช่องหน้าต่างบานเล็กๆ ส่องให้เห็นชายหนุ่มได้ชัดยิ่งขึ้น ภายใต้ใบหน้าคมคาย  ผมสีดำสนิทยาวประบ่า สายตาของเขากลับปรากฏแววตื่นตระหนกให้เห็น


   “ฝันบ้าๆนั่น เมื่อไรจะหายไปสักทีนะ” เขาสบถลงเบาๆกับตัวเอง ก่อนจะพยุงร่างตนเองขึ้นมา พร้อมกับความสงสัยเช่นเดียวกับทุกครั้ง ห้วงจิตใจลึกๆของชายหนุ่มยังคงสงสัยว่าเด็กและบุรุษในฝันเป็นใครกันแน่
   
   “ตื่นแล้วรึ Ruffian ฝันอีกแล้วสินะ” โครล์ว พ่อของเขาพูดขึ้น หลังจากที่เห็นท่าทีของลูกชายของตนที่ไม่สู้ดีนัก
   
   “คนพาล (Ruffian) งั้นรึ ผมไม่ชอบกับความหมายนั่นเสียจริง”
   
   “แต่มันออกเสียงเท่ดีนะ....หึ.. หึ..” ชายหนุ่มรู้สึกเอือมระอากับพฤติกรรมของบุรุษผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักฆ่าแห่งความมืด (Dark slayer) ถึงพ่อของเขาจะล้างมือจากงานไปนานเสียมากแล้ว แต่มันก็น่าจะมีเค้าลางของผู้ที่เป็นนักฆ่าอยู่ไม่มากก็น้อย แต่นี้กลับไม่พบส่วนใดส่วนหนึ่งที่บ่งบอกได้เลย..ว่าเขาเคยเป็นนักฆ่ามาก่อน

                       แต่แล้ว..เพียงไม่นาน สายตาที่รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับพ่อของตนกลับกลายเป็นความอยากรู้อยากเห็น สายตาที่ดูเฉื่อยชากลับกลายเป็นกระตือรือร้น ส่อแววฉลาดออกมาให้เห็น

   “เสมอกันมาหลายครั้งแล้วนะครับ” Ruffian วิ่งออกไปบริเวณหลังบ้านของตน ก่อนจะหยิบดาบไม้ขึ้นมาเสียคู่หนึ่ง แล้วโยนดาบอีกเล่มในมือให้พ่อของตน ถึงบัดนี้ฝีมือของเขาจะเทียบเท่าพ่อของเขาในเวลานี้ แต่ชั่วชีวิตของเขายังไม่เคยสัมผัสโลหะที่เรียกว่า ดาบ เสียที

   “ดาบ ไม่เคยปราณีผู้ที่อ่อนแอกว่ามันหรอกนะ” โครล์วสอนลูกของตนเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา หลังจากสิ้นเสียง โครล์วก็เงื้อดาบไม้เข้าฟันลูกชายของตนอย่างไม่ปราณี ดั่งนักฆ่าที่จะพิฆาตอริร้ายในดาบเดียว การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด พลันหยุดชะงักลง เมื่อมีเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้นมาจากภายนอก
   
   “ท่านหัวหน้า !! เมืองข้างๆขอความช่วยเหลือจากทางเราครับ” ลูกน้องของโครล์วคนหนึ่งรายงานสถานการณ์ที่ได้รับฟังมา ก่อนจะกระซิบเข้าที่ข้างหูของเขา

   ดวงตาของโครล์วเบิกโพลงกว้างหลังสิ้นสุดประโยคสุดท้ายที่ลูกน้องของตนรายงาน แรงกดดันเริ่มแผ่ขยายออกเป็นบริเวณกว้าง ทำให้ Ruffian รู้สึกอึดอัดยิ่งนัก ตอนนี้เขารู้สึกถึงความน่าเกรงขามในตัวของชายผู้นี้มากเสียทีเดียว
   
   “ข้า.....จะลงมือเอง” โครล์วประกาศลั่น มือข้างหนึ่งจับดาบที่เหน็บข้างเอวของตนไว้แน่น ก่อนจะปลดผนึกมันออกจากฝัก ปรากฏเป็นดาบสีเงินวาว คมดาบเรียบกริบที่พร้อมจะฟาดฟันสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของมันให้สูญสลายไป เขาจ้องมองดาบของตนด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนจะพูดคุยกับดาบของตนเองดั่งสิ่งมีชีวิต

   “ข้าจะต้องใช้เจ้าจริงๆรึ ”
   
   “…..Atimazo……”


   **หากแต่จะเป็นดาบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกแล้ว ผู้ที่ใช้มันคงต้องมีความเก่งกาจอย่างมากเช่นกัน โครล์วรู้ดีกับความจริงข้อนี้ เขาไม่สามารถควบคุมสิ่งนี้ได้ดั่งใจ
   
   **หากแต่จะเป็นดาบที่ต้องใช้พลังในการควบคุมมากแล้ว ผู้ที่ใช้มัน ต้องมีพลังจิตใจที่กล้าแข็งเช่นกัน โครล์วรู้ตัวดีว่าทุกครั้งที่เขาปลดปล่อยมันจากฝัก ดูเหมือนว่าวิญญาณของเขาจะถูกดูดกลืนไปทีละน้อย และสุดท้ายชีวิตของเขาจะดับลงถ้าเขายังใช้มันต่อไป


**************************************************************************************************************************************************

   “แซ่ก แซ่ก ” ใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง เสียงฝีเท้าของบุรุษสองคนกำลังมุ่งตรงไปยังทิศตะวันออกผ่านผืนป่าอย่างไม่ลดละ เมืองข้างหน้ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างพวกเขายังไม่รู้ รู้แต่เพียงว่ามีโกเล็มตัวใหญ่ยักษ์ออกอาละวาดไปทั่ว รูปร่างของมันสูงใหญ่บดบังแสงจันทร์ยามค่ำคืนจนสิ้น ตามคำบอกเล่าของผู้ที่เป็นลูกน้อง
   
   “3 วัน ไม่มีการหยุดพัก” โครล์วพูดกับ Ruffian ขึ้นมาทำลายความเงียบของทั้งสอง แล้วเร่งความเร็วนำหน้าโดยไม่รั้งรอบุตรชายของตน ก่อนจะต้องหยุดฝีเท้าลง เมื่อพบเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า

   หญิงสาวร่างบอบบางนางหนึ่งท่าทางอิดโรย ดูเหมือนจะถูก Saber hell hound ที่อาละวาดในแถบนี้เล่นงานเข้า
“ฮ่ะ ฮ่ะ คืนนี้คงต้องพักอยู่ที่นี่แล้วล่ะครับ” Ruffian บอกกับพ่อของตน ก่อนจะปลีกตัวเพื่อไปหาเศษไม้เพื่อก่อกองไฟ
   
   ค่ำคืนที่เงียบสงบกลับมาเยือนผืนหญ้าอีกครั้ง เสียงลมกรีดอากาศดั่งกรีดเข้าไปยังขั้วหัวใจ ดูวังเวงยิ่งนัก ใต้แสงจันทร์สีนวลอร่าม ปรากฏร่างหญิงสาวที่ร่างกายเต็มไปด้วยผ้าพันแผล กำลังขุดคุ้ยสัมภาระของชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตหล่อนทั้งสอง
   
   “ทำอะไรน่ะ !!” เสียงๆหนึ่งดังขึ้น ทำให้หญิงสาวต้องผละจากสิ่งของเหล่านั้น
   
   “ข้าเดาถูกจริงๆเสียด้วย ว่าเจ้าต้องเป็นหัวขโมยที่เขาร่ำลือกัน” เสียงอีกเสียงหนึ่งดังตามขึ้นมา
   
   “เจ้าจะเอาไปก็ได้นะ แต่ดาบที่อยู่เบื้องหน้าของเจ้าจงอย่าแตะต้อง” โครล์วทำได้แค่เตือนหัวขโมยนางนั้น แต่หล่อนก็ไม่สนใจในความหวังดีที่ตนได้รับ เธอไม่สนใจกลับเอื้อมมือเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเก่า
   
   “นั่นก็เพื่อตัวของเจ้า” โครล์วบอกเสียงเรียบ ผ่านสายตาที่ดูเย็นชายิ่งนัก ก่อนจะเฝ้ามองขโมยสาวที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบดาบที่อยู่ตรงหน้าของตนอย่างไม่สนใจในคำเตือนของเขาแม้แต่น้อย

   ขโมยสาวเอื้อมมือข้างหนึ่งของตนหยิบดาบเล่มที่ว่าขึ้นมา พลันดึงมันออกมาจากฝักเพื่อคิดจะใช้มันขู่นักฆ่าที่อยู่เบื้องหน้าให้หวาดกลัว แต่สายตากลับมัวแต่เชยชมความงดงามของมันอย่างละสายตาเสียมิได้เลย

ดูเหมือนโชคชะตาของเธอคงเดินทางมาได้เพียงเท่านี้
   
   ดาบรู้สึกเพียงผู้ที่ถือมันคืออาหารอันโอชะ...พระเพลิงเผาผลาญร่างกายของหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนจะไม่มีเวลาให้เธอผู้นั้นดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากดาบเล่มนั้นเลยเสียด้วยซ้ำ บรรยากาศยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล ต้นหญ้าแถบนั่นเหี่ยวเฉาลงอย่างทันตา Ruffian รู้สึกถึงพลังนั่นได้เช่นกัน ฉับพลันที่เขาได้เห็นพลังอำนาจของ Atimazo ร่างกายของชายหนุ่มก็สั่นเทิ้มไปทั่วเพราะรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่ง เขาหลงใหลกับมันอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะมีเสียงเรียกปลุกเขาให้ออกจากโลกที่เพ้อฝัน

   “Ruffian Ruffian จิตใจของเจ้ายังอ่อนแอเกินไป” โครล์วรีบเขย่าตัวลูกชายของตนอย่างกังวลใจ
Ruffian หันลงมองที่ดาบนั่นอีกครั้ง แต่ไม่พบแม้แต่ร่างของหญิงสาวที่ว่าอีกเลย โครล์วเดินไปหยิบ Atimazo ขึ้น ก่อนจะรีบใส่มันลงในฝัก เหมือนเป็นการผนึกคมเขี้ยวของดาบเอาไว้ แล้วกระซิบกับสายลมเบาๆ หวังเพื่อให้เสียงที่เขาพูดส่งผ่านไปยังหญิงสาวผู้โชคร้าย
   
   “เด็กน้อย......ก่อนที่ข้าผู้นี้จะใช้มัน ข้าครุ่นคิดไตร่ตรองดูมากกว่าเจ้าหลายเท่านัก” เขาพูดประโยคทิ้งท้ายก่อนจะออกเดินทางอีกครั้ง.....
« Last Edit: September 01, 2007, 04:36:50 AM by ==I{}*A*timazo *S*word >>> » Logged


==I{}*A*timazo *S*word >>>
Member
*****
Offline Offline

Posts: 283


« Reply #1 on: July 12, 2007, 04:13:11 AM »

รุ่งสางของวันที่ 4
   
   “นี่หรอครับพ่อ เมืองที่ถูกเล่นงาน” Ruffian แทบไม่เชื่อกับสายตาของตนเอง สภาพเมืองถูกตัดขาดจากภายนอก เมื่อเดินผ่านประตูเมืองเข้าไปก็จะพบแต่ความอดอยากยากแค้น และความสิ้นหวังของชาวบ้าน แต่เมื่อพวกเขาเห็น Dark slayer ก็โห่ร้องด้วยความดีอกดีใจ เพราะโครล์วถือเป็นความหวังสุดท้ายของเมืองทั้งเมือง ที่ถูกโกเล็มเหล็ก (Hubris Iron Golem) อาละวาดเล่นงานยามค่ำคืนติดต่อกันมาหลายวันแล้ว   
   
   พวก Ruffian พักกันอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งแถวประตูเมืองฝั่งเหนือที่พบโกเล็มเหล็กที่ว่า จากคำบอกเล่าของชาวบ้านคนหนึ่งบอกว่า มันมีร่างกายสูงใหญ่กว่ากำแพงเมืองเสียอีก นัยน์ตามีสีแดงกล่ำ มีเกราะเหล็กกล้าหุ้มอยู่ทั่วตัว ดูเหมือนลูกธนูและคมดาบไม่สามารถระแคะระคายเกราะหนาๆของมันได้เลย

   
   “ทุกอย่างเหมือนที่ฝึกกันมา เพียงแต่ครั้งนี้ดาบสามารถคร่าชีวิตผู้คนได้” โครล์วเตือนลูกของตน เมื่อเห็นว่า Ruffian รู้สึกตื่นเต้นกับการใช้ดาบของจริงเป็นครั้งแรก ก่อนจะสอนลูกชายของตนถึงวิธีใช้ดาบจนมืดค่ำ

   ความมืดกลับมาเยือนอีกครั้ง เมฆหมอกปกคลุมทั่วท้องฟ้าสีแดงระเรื่อ เสียงสัตว์นับร้อยร้องระงมไปทั่วผืนป่า ก่อนจะเงียบลง บรรยากาศเริ่มมีแรงกดดันมากขึ้น
   
   ตึก.. เสียงเบาบางแหวกผ่านอากาศกระทบโสตประสาทส่วนของการได้ยินที่รวดเร็วดั่งสัตว์ป่า ก่อนที่สมองจะประมวลผลทั้งหมดออกมาเป็นคำพูด
   
   “ มันมาแล้ว.” ชายทั้งสองกุมดาบของตนที่เหน็บข้างเอวไว้แน่น แล้วเดินออกไปเพื่อเผชิญหน้ากับอสูรกายยักษ์ในยามราตรี

   โกเล็มเหล็กยืนจ้องมองบุรุษผู้ที่ไม่ได้รับเชิญเบื้องหน้าของตนที่ตัวเล็กกว่ามันราวร้อยเท่า หากจะเปรียบเทียบคงจะดูเหมือนมดปลวกที่ไร้ค่า หลังจากที่มันครุ่นคิดเสร็จเรียบร้อย ก็ตวัดมือกวาดสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าให้พ้นจากสายตาของมัน
   
   โครล์วไม่รอช้าที่จะดึง Atimazo ออกมาแล้วตวัดมันไปที่แขนของโกเล็มยักษ์ตรงหน้า  ดาบปะทะเกราะเหล็กกล้าเสียดสีกันจนเกิดเป็นประกายไฟลุกวาว ดูเหมือนคมดาบเรียบกริบจะแทรกตัวผ่านเกราะเหล็กกล้าอย่างง่ายดาย กรีดเนื้อภายในเกราะหนานั้นขาดออกเป็นสองท่อน โกเล็มเหล็กร้องลั่น เลือดสีดำสนิททะลักออกมาดั่งสายฝนโปรยปราย
   
   ในเวลาเดียวกัน Ruffian ก็รวบรวมพละกำลังขาของตนเองกระโดดขึ้นไปยังแขนข้างที่ขาดของโกเล็ม เขาลากดาบของตนกรีดเกราะขึ้นไปจากแขนถึงบริเวณหัวไหล่ของมัน แต่ดูเหมือนดาบปรกติจะไม่เป็นผล ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนที่เกราะของมันให้เห็นเลย ชายหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายไปยังจุดที่ไร้การห่อหุ้มจากเกราะเหล็กกล้า Ruffian เงื้อดาบขึ้นแล้วปักลงไปที่ตาข้างขวาของมัน ก่อนจะบิดด้ามดาบเพื่อบดขยี้ลูกตาให้แหลกละเอียด

   เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของยักษ์ใหญ่ดังลั่น มันใช้แขนข้างที่เหลือของตนคว้าตัวชายหนุ่มขึ้นมาไว้ได้ แล้วบีบมือด้วยความโมโห เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดที่ตนได้รับ
   
   “Ruffian !” โครล์วตะโกนอย่างบ้าคลั่ง เขาวิ่งเข้าไปยังใต้แขนของโกเล็มตัวนั้น แล้วตวัดดาบฟาดฟันใส่เป้าหมายอย่างเอาเป็นเอาตาย มือของโกเล็มที่กำลูกชายของเขาไว้แน่นคลายลง ก่อนที่มือของมันจะตกลงสู่พื้นดูเหมือนดาบจะดูดกลืนทุกสิ่งไว้เสียหมด จนมือข้างที่ขาดของโกเล็มทั้งสองกลายเป็นเถ้าถ่าน

   “ อั่ก..!!” ของเหลวสีแดงไหลออกจากปากของโครล์วอย่างไม่ขาดสาย ผลกระทบของดาบมีความรุนแรงเกินไปสำหรับเขา ทุกครั้งที่ดาบได้ดูดกลืนพลังของสิ่งที่ถูกมันหันคมดาบเข้าใส่ ดาบจะดูดกลืนพลังของผู้ถือมันเพื่อความเท่าเทียมที่แลกมากับความแข็งแกร่ง นี่เป็นอีกหนึ่งของสมดุลคงร่วมที่ดาบและผู้ใช้มีพันธะต่อกัน โครล์วทรุดลงต่อหน้าลูกของตนที่ยืนตระหนกอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น Ruffian ไม่ได้สังเกตกับเหตุการณ์ภายนอกของตนเลย สายตาเพียงแต่จ้องมองผู้ที่เป็นพ่อ โดยที่เขาไม่รู้สึกเลยว่าโกเล็มยักษ์กำลังเงื้อเท้าจะเหยียบเขาที่ยืนนิ่งอยู่

   โครล์วใช้พลังครั้งสุดท้ายเพื่อดีดตัวผลักลูกชายของตนออกจากรัศมีการโจมตีของโกเล็มเหล็ก
".........ดาบ........"หลุดจากมือผู้ใช้มัน ก่อนที่โครล์วจะถูกเท้าขนาดมหึมากดทับลงอย่างรุนแรง

กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ความหม่นหมองกลับมาเยือนผู้คนที่ชมการต่อสู้ครั้งนี้อยู่อีกครั้งหนึ่ง

   “พ่อ...!!” Ruffian ยืนตัวแข็งทื่อดังเสาหิน ร่างกายทั้งหมดหยุดนิ่ง เมื่อพบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้ให้ชีวิตตายลง เขาเป็นผู้ทำให้ชาวบ้านที่เหลือนับร้อยต้องไร้ที่อยู่อาศัย เขาทำให้ความหวังสุดท้ายของชาวเมืองต้องพังทลาย ก่อนที่ Ruffian จะเสียใจจนหมดสติ ร่างของเขาล้มลงไปเหมือนผู้ที่ปลงกับชีวิตที่อยู่มาได้ของตน

   “ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกบัดนี้ได้ตายไปแล้ว ข้าไม่มีธุระอะไรอีกกับร่างที่ไร้วิญญาณ คงเหลือแต่สายเลือดของผู้ที่ใช้ข้าในอดีต ข้าเชื่อมั่นในสายเลือดของโครล์ว” เสียงลึกลับแว่วขึ้นมา

   “ตื่นขึ้นหนุ่มน้อย........................ข้ายังสนุกกับการเล่นกับเจ้ายักษ์ไร้สมองนั่นอยู่นะ”

   “ แต่พลังของข้าในตอนนี้มัน….” Ruffian พูดคุยกับเสียงที่ตนได้ยินกึกก้องกังวานในห้วงความคิดของตน
   
   “มากพอแล้ว”

   ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาจากภวังค์เมื่อสักครู่ เท้าของโกเล็มกำลังจะเหยียบเขาเข้าอีกคน สันชาตญาณของการป้องกันตัวตื่นขึ้น มือข้างหนึ่งหยิบดาบที่อยู่ในมือของตนขึ้นมาป้องกันไว้ พลางฟันลงไปที่เท้าของโกเล็มอย่างไม่ลดละ หากเป็นดาบเล่มเก่าที่เขาใช้อาจจะเป็นการฟันลมๆแล้งๆ แต่ในมือของเขาตอนนี้มันไม่ใช่ เท้าของโกเล็มฉีกออกเป็นแนวเหวอะหวะ มันเสียการทรงตัวอยู่ครู่หนึ่งแล้วล้มลงไป
   
   ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าไปประชิดตัวของยักษ์ใหญ่ตัวนั้นก่อนจะปักดาบแทงลงตัดขั้วหัวใจ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องทั่วผืนป่า

   “สนุกจริงๆ” Ruffian ตวัดปลายดาบเบาๆลงไปบริเวณต้นคอของโกเล็มเหล็กถูกแบ่งออกเป็นสองท่อน เสียงน่ารำคาญของมันหยุดลง ร่างกายของมันถูกสังเวยให้แก่ Atimazo จนหมดสิ้นไม่หลงเหลือแม้แต่ซากศพของมัน จะคงเหลือแต่เกราะเหล็กที่แตกละเอียดอยู่ตรงหน้า กลิ่นคาวเลือดดำสนิทส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วผืนหญ้า ตามมาด้วยเสียงโห่ร้องดีใจปกคลุมทั่วทั้งเมือง

   “ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ความรู้สึกมันเป็นเช่นนี้นี่เอง” Ruffian หัวเราะลั่น หลงระเริงไปกับอำนาจของดาบ ถึงดาบจะสัญญาต่อสายเลือดแห่งโครล์วแล้ว แต่จิตใจของชายหนุ่มเองที่ไม่แข็งแกร่งพอที่จะไม่หลงระเริงไปกับอำนาจอันยิ่งใหญ่ของมัน
   
   Ruffian ชำเลืองมองไปยังหมู่ทหารและเหล่าชาวบ้านที่โห่ร้องไปทั่วด้วยสายตาแข็งกร้าว เขากระโดดจากพื้นดินขึ้นไปยังกำแพงเมือง เพียงครู่หนึ่งเสียงโห่ร้องดีใจกลับเงียบหายลง ตามมาด้วยเสียงชาวบ้านที่กรีดร้องวิ่งหนีตาย หาที่หลบซ่อน
   
   ซากทหารนับร้อยตายเกลื่อนทั่วทั้งกำแพงเมือง มีเพียงชายที่ยืนตระหง่านเหนือซากศพทั้งหลายท่ามกลางแสงจันทร์สีแดงฉาน

   “หึ หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า แข็งแกร่งเสียจริงๆ” Ruffian รู้สึกลุ่มหลงไปกับความแข็งแกร่งของตนเอง ก่อนจะวิ่งออกจากเมืองไป
   
   จากหนึ่งสู่สิบ จากสิบสู่ร้อย จากร้อยสู่พัน เมืองแล้วเมืองเล่าที่ Ruffian ย่างกรายเข้าไป ทุกเมืองมีจุดจบเช่นเดียวกัน คือบ้านเมืองพังพินาศลง ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัย                         
   
    เสียงกร่นด่าสาปแช่งระงมเซ็งแซ่ไปทั่วทั้งเมอร์ริเซีย ข่าวลือหนาหูแพร่สะพรัดไปทั่ว หากยามราตรี บุรุษชุดเกราะดำ มือข้างหนึ่งถือดาบเงินดูน่าเกรงขามผ่านไปยังแห่งหนใด แห่งหนนั้นก็จะพินาศสิ้น

   Ruffian เดินทางต่อไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย เป้าหมายต่อไปคือหมู่บ้านที่อยู่ตรงหน้า แต่แล้วหมู่บ้านที่เขากำลังจะไปเยือนก็เกิดไฟไหม้โหมกระหน่ำไปทั่ว พลันเห็นเด็กน้อยคนหนึ่ง ร่างกายชโลมไปด้วยเลือดล้มลงอยู่ตรงหน้า
   
   เหตุการณ์ในฝันย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง Ruffian กุมขมับตัวเองด้วยความงุนงง ภาพต่างๆในฝันถาโถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ภาพเหตุการณ์ที่เขาคุ้นเคยมานานปรากฏอยู่ตรงหน้า ก่อนที่ชายหนุ่มจะอุ้มเด็กหนุ่มขึ้นมาไว้ในอ้อมกอดของตน มืออีกข้างตวัดดาบฟาดฟันเหล่า Dread knight จนหมดสิ้น

   นี่เป็นตำนานอีกบทหนึ่งที่ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์
   
   คนพาลผู้ถูกสาปแช่ง( Cursed Ruffian ) ช่างเป็นชื่อที่เหมาะสมเสียจริงกับบุรุษผู้ที่มี Atimazo Sword เป็นดาบคู่ใจ ตระเวนฆ่าฟันผู้คนไปเสียทั่ว มีเพียงเด็กน้อยคนเดียวที่ทำให้สติของเขากลับคืนมาอีกครั้ง ตำนานที่เล่าขานกันมาในเมอร์ริเซียก่อนจะเกิดยุคสมัยของสงคราม 4 อาณาจักรเสียอีก

   Cursed Ruffian อุ้มเด็กชายคนนั้นขึ้นมาอย่างทะนุถนอมก่อนจะกอดลงเบาๆด้วยความอบอุ่นและคุ้นเคย ในอดีต โครล์วก็เคยทำเช่นนี้กับเขา จากเหตุการณ์ทำนองเดียวกัน

“ดูเหมือนสายเลือดที่ Atimazo ยอมรับ สายเลือดของโครล์ว จะมีผู้สืบทอดเสียแล้ว......”


"ฮึบ ฮึบ" เสียงผู้ชาย 2 คนประดาบกันในรุ่งสางของทุกๆวัน เสียงจากกระท่อมเล็กๆกลางหุบเขาซึ่งไร้ผู้คน ไม่นานนักเสียงที่ว่าก็จบลงเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา เปลี่ยนเป็นเสียงร้องไห้ของเด็กชายตัวน้อยๆ และพ่อของเขาที่วิ่งหาของเพื่อทำไห้ลูกของตนหยุดร้องไห้เป็นการใหญ่ แต่เด็กน้อยก็ไม่เคยเลยที่จะคิดแม้แต่จะทิ้งดาบนั้นลงจากมือที่กุมไว้แน่น
     
                  "พ่อครับ..เราจะซ้อมไปเพื่ออะไรหรอครับ"เด็กชายปาดคราบน้ำตาด้วยแขนเสื้อเบาๆ แล้วถามพ่อของตนขึ้นมาอย่างสงสัย

                  "ทวดของเจ้าเคยทำเช่นนั้นกับปู่ของเจ้า ต่อมายังรุ่นของพ่อ และจะเป็นอย่างนี้เรื่อยไป จนกว่าจะหามีชีวิตไม่แล้ว ย่อมต้องหาผู้สืบทอดเพลงดาบที่ตนร่ำเรียนมาต่อไป "

                  "แล้วดาบตรงนั้นล่ะครับ" เขาชี้ไปทางดาบเล่มหนึ่งที่ถูกผนึกไว้อย่างมิดชิดและวางตระหง่านอยู่บนชั้นเก็บดาบ ดูจะเป็นดาบที่มีค่าที่สุดในบรรดาดาบทั้งหมดที่มี

                  "อยากใช้หรือเปล่าล่ะ" คำถามสั้นๆออกจากปากของชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะพยุงร่างลูกชายของตนขึ้นมาเพื่อฝึกดาบอีกครั้งหนึ่ง

                  และจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป..ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นก็ตาม สายเลือดแห่งโครล์วจะไม่มีวันละทิ้งเพลงดาบที่บรรพบุรุษของตนได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้ควบคู่กับ Atimazo ...เพลงดาบที่เป็นที่เล่าขานกันมาถึงผู้ที่ใช้มัน คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอย่างแท้จริง.....

« Last Edit: September 03, 2007, 03:32:20 PM by ==I{}*A*timazo *S*word >>> » Logged


singer
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1256


Email
« Reply #2 on: July 12, 2007, 11:32:40 AM »

สนุกดีครับ  แต่มันสะดุดตอนแรกนิดๆ ตรงที่ lin lin 

lin lin เป็นสัตว์ทดลองที่ penelope, the alchemist สร้างขึ้นนิครับ(ดูจากการ์ด และท่ารวมร่างของ penelope ) ไม่น่าจะมีเป็นฝูง ^^(อีกทั้งยุคก่อนหน้าสงคราม 4 อาณาจักร  ไม่น่าจะมีเรื่องของการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้น)

เนื้อเรื่องดีครับ แอบแฝงคติเล็กน้อย(แต่มีความรู้สึกเหมือนอ่าน การ์ตูนละเลงเลือด)
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #3 on: July 12, 2007, 09:02:38 PM »

สนุกมากครับ แต่อ่านไปอ่านมาแล้วนึกถึงArthasจากWarcraft IIIแฮะ
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #4 on: July 13, 2007, 12:56:02 AM »

จากที่ลองดูคร่าว ๆ ถือว่าโอเคใช้ได้เลยครับ ทั้งเนื้อหา การนำเสนอ และแนวเรื่อง
ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรครับผม

อ่อ อย่าลืมรายละเอียดส่วนตัวสำหรับรับรางวัลด้วยนะครับ
Logged


==I{}*A*timazo *S*word >>>
Member
*****
Offline Offline

Posts: 283


« Reply #5 on: July 13, 2007, 03:02:11 AM »

ก่อนจะ edit มีคำถามครับ

1.ไอ้เจ้า Cursed Ruffian ไม่มีในเนื้อเรื่องหลักใช่ไม๊ครับ(กลัวแต่งวืด)
2.Dark Slayer น่าจะไม่มีนะ
3.แล้ว Shinshin ล่ะครับ (จะเปลี่ยนจาก lin lin เป็น shinshin ง่ายดี)


สนุกดีครับ  แต่มันสะดุดตอนแรกนิดๆ ตรงที่ lin lin 

lin lin เป็นสัตว์ทดลองที่ penelope, the alchemist สร้างขึ้นนิครับ(ดูจากการ์ด และท่ารวมร่างของ penelope ) ไม่น่าจะมีเป็นฝูง ^^(อีกทั้งยุคก่อนหน้าสงคราม 4 อาณาจักร  ไม่น่าจะมีเรื่องของการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้น)

เนื้อเรื่องดีครับ แอบแฝงคติเล็กน้อย(แต่มีความรู้สึกเหมือนอ่าน การ์ตูนละเลงเลือด)


มันจริงหรอครับที่ว่าไม่มีการสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้น - -*

คือพระเจ้าสร้างขึ้นมาปุ๊ปพวกมันก็รบกันเลยหรอ ไม่มีเวลาให้มันตั้งอาณาจักรอะไรเลยหรอ

คือถ้ามันมีเวลาส่วนที่เว้นว่างจาก                        (สร้างสิ่งมีชีวิต----------ช่วงเวลาว่าง(มันคงอยู่แถวนี้มั้ง 555+)-------------สงคราม)


แล้วรายละเอียดส่วนตัวส่งทาง e mial พร้อมเนื้อเรื่องอีกทีหรอครับ



ป.ล.ไม่เคยอ่านนิยายอ๊ะ มาถึงเห็นอบิลิตี้การ์ดมันเข้ากันได้ แล้ว Dark slayer ในภาพมันถือเหมือนอติมาโซ่ เลยเอามาร้อยเรียงเป็นเรื่องอ่า - -*

อีกอย่างเห็นซีลที่ถือ Atimazo มันร่อแร่ทั้งนั้น - - มี Cursed ruffian ที่มันคึกอ่ะนะ
 

« Last Edit: July 13, 2007, 03:06:16 AM by ==I{}*A*timazo *S*word >>> » Logged


==I{}*A*timazo *S*word >>>
Member
*****
Offline Offline

Posts: 283


« Reply #6 on: July 13, 2007, 03:20:43 AM »

หลังจากอ่านอีกรอบเพื่อพิจราณาตนเองแล้ว

เฮ๊ย!! ก่อนจะ มันมีเป็นสิบๆที่เลยนิหว่า

ใช้คำอะไรแทนดีว้า - -* (ผมเครียดนะเนี่ย)
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #7 on: July 13, 2007, 05:31:52 PM »

รายละเอียดส่วนตัวสำหรับติดต่อจะส่งทาง e-mail ทาง pm หรือลงในนี้ก็ได้ครับ

พวกนี้ยังไม่มีการปรากฏในเนื้อเรื่องหลักครับ
Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #8 on: July 14, 2007, 11:22:39 PM »

สนุกมาก ๆ เลยครับ  เห็นอย่างนี้แล้วยังคิดเลย  ว่าเราเองจะมีปัญญาแต่งรึเปล่า
Logged


Gabriela, Gergory's Guardian Angel
Member
*****
Offline Offline

Posts: 49


Email
« Reply #9 on: July 18, 2007, 04:00:54 PM »

หนุกดีแฮะ ได้รางวัลก้อเยี่ยม โหวตให้ 10
Logged


Wonder~Tanu
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1526


Email
« Reply #10 on: July 30, 2007, 12:14:47 AM »

เลือดสาดกระจายมันน่ารักดี
Logged


==I{}*A*timazo *S*word >>>
Member
*****
Offline Offline

Posts: 283


« Reply #11 on: August 01, 2007, 11:45:10 PM »

เลือดสาดกระจายมันน่ารักดี

ปรึกษาหมอดูนะครับ
(แอบขุดนิยายตัวเองด้วยแหละ)


ป.ล.ปรับปรุงคำที่ผิดพลาดบางส่วน แล้วมีข้อมูลส่วนตัวแล้วครับ Rep3
« Last Edit: August 01, 2007, 11:52:38 PM by ==I{}*A*timazo *S*word >>> » Logged


Wonder~Tanu
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1526


Email
« Reply #12 on: August 03, 2007, 11:17:26 PM »

ไม่น่ารักได้ไง เริ่มมาก็เปิดฉากชินชินที่แสนน่ารักพร้อมกับเลือดสาด...

ป.ล. อย่าว่าแต่เลือดคนสาดเลย น้ำไขสันหลังที่เลี้ยงสมองคนเหม็นๆเราก็โดนสาดมาแล้ว
Logged


==I{}*A*timazo *S*word >>>
Member
*****
Offline Offline

Posts: 283


« Reply #13 on: August 11, 2007, 07:20:04 PM »

ว่างครับ ผมขอขุดนิยายตัวเองขึ้นหน่อยนะ ให้มันเด่นๆ

MOD คงไม่ว่านะครับ
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.086 seconds with 21 queries.