Summoner Master Forum
November 28, 2024, 06:45:35 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: [ประกวด] จิ๊กซอว์อีกด้านที่ถูกลืม -----edit  (Read 7026 times)
0 Members and 4 Guests are viewing this topic.
Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« on: July 02, 2007, 12:38:50 AM »

         ในเหตุการณ์ทุกๆครั้ง คนที่มีส่วนสำคัญในเหตุการณ์ต่างๆสามารถถูกเปรียบเทียบว่าจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ใช้ในการประกอบตัวต่อขนาดยักษ์ที่เรียกว่า‘ประวัติศาสตร์’
         แม้จะเป็นถึงจิ๊กซอว์ตัวสำคัญ แต่หากร่องของจิ๊กซอว์นั้นอาจไม่สามารถลงสอดคล้องได้อย่างพอดี ส่งผลให้ต่อจิ๊กซอว์ตัวอื่นลงไปได้ จิ๊กซอว์ชิ้นนั้นก็จะถูกเก็บและถูกลืมโดยผู้ประกอบตัวต่อ ผู้ประกอบคนนั้นอาจจะหาจิ๊กซอว์ที่มีร่องเหมาะกับจิ๊กซอว์ตัวอื่นและใส่ลงไปในตัวต่อได้ในภายหลัง โดยหารู้ไม่ว่าจิ๊กซอว์ตัวนั้นคือจิ๊กซอว์ตัวเดียวกันกับซี่ที่เขาเคยตัดสินว่าใช้ไม่ได้ เพียงแค่ผ่านการกลับด้านเล็กน้อยเท่านั้น
         คนสำคัญในเหตุการณ์ต่างๆก็เช่นกัน ในบางกรณี พวกเขาหรือเธอจะถูกจดจำด้วยชื่อของพวกเขาที่ถูกใช้ในช่วงเหตุการณ์นั้นๆ โดยหารู้ไม่ว่าเขาหรือเธอคนนั้นอาจถูกเคยเรียกในอีกชื่อนึงที่ถูกตัดสินว่าไม่เกี่ยวข้องก็เป็นได้

         เหตุการณ์ที่จะกล่าวถึงนี้เป็นตัวอย่างอันดีของกรณีที่ผมขอเรียกว่า‘จิ๊กซอว์กลับหัว’…..

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

         “คิดว่าพวกฉันส่งเสียให้แกเรียนมาทำไม ให้มาเรียนวิชานอกรีตยังงี้เรอะ!? ให้ตายเถอะ คนอื่นเขาจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าตระกูลขุนนางระดับสูงของเรามีลูกหลานที่หันไปเอาดีทางด้านศาสตร์มืด” เสียงตวาดดังลั่นมาจากชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ใบหน้าของเขาบัดนี้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มด้วยความโกรธ ผมและเคราสีทองอ่อนบวกกับรูปร่างใหญ่โตทำให้ชายคนนี้ดูเหมือนกับมิโนทอร์ภูเขาไฟ (Volcanic Minotaur) ขนาดย่อมๆก็ไม่ปาน
         “พ่อของแกพูดถูกแล้ว แกมันไม่รักดี แกไม่ใช่ลูกพวกชั้นอีกต่อไปแล้ว ออกไปให้พ้นๆหน้าชั้นซะ แล้วอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”สตรีวัยใกล้เคียงกันตะคอกเสริม เธอส่งแววตาเกลียดชังมายังเด็กหนุ่มวัยรุ่นผิวซีดอายุราวๆ16-17ปีที่ยืนอยู่กลางห้อง ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเธอเคยนับเขาเป็น‘ลูก’
         “แต่ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าแค่...”เด็กหนุ่มผิวซีดพยายามจะพูดตอบแต่กลับถูกขัดจังหวะโดยบุรุษที่เขาเรียกว่า‘พ่อ’
         “ไม่ต้องมาแค่มาแต่ แล้วแกไม่ต้องมาเรียกพวกฉันว่าพ่อหรือแม่ด้วย พวกเราไม่เกี่ยวดองกันอีกแล้ว ฉันไม่เคยมีลูกชาย! ยาม! ลากมันออกไป ถ้ามันยังกล้าเสนอหน้ากลับมาบ้านนี้อีก เอาน้ำร้อนสาดไล่มันไปเลย!” ชายคนนั้นสั่งยามเฝ้าประตู
         เด็กหนุ่มคนนั้นโดนโยนออกมาจากที่ๆครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกว่าบ้าน ข้าวของของเขาโดนโยนตามออกมาในเวลาไม่นาน สภาพอากาศในช่วงนั้นดูเหมือนจะสะท้อนอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี ท้องฟ้าอัดมืดครึ้ม ฝนที่เทลงมาเหมือนฟ้ามีรอยรั่ว  ฟ้าร้องไม่ขาดสายส่งเสียงดุจเสียงพญาไฮดร้าแห่งเกาะวาร็อค (The Great Hydra of Warok) คำรามร่ำร้องด้วยความโกรธ ในใจของเด็กหนุ่มบัดนี้มีความรู้สึกไม่ต่างกัน หากแต่มันไม่ใช่ความเศร้าที่ถูกบุพการีแท้ๆตัดเยื่อใย มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างความไม่เข้าใจและความเกลียด เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อและแม่เกลียดเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อแม่ถึงยึดติดกับศักดิ์ศรีชื่อเสียงโง่ๆนั่น และที่สำคัญ เขาเกลียด เกลียดพ่อและแม่ที่ไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตา เกลียดพวกคนที่คอยเสี้ยมสอนว่าศาสตร์มืดเป็นวิชานอกรีต เกลียดแผ่นดินนี้ที่ไม่ยอมรับเขา เกลียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับอาณาจักรนี้
         “สักวันหนึ่งฟีเลเซียจะต้องพินาศด้วยมือของข้า!!!” เด็กหนุ่มสาบานกับตัวเองในใจ
         เขาเอาข้าวของบางส่วนยัดใส่เป้อย่างลวกๆโดยไม่ลืมที่จะเอาบรรดาคัมภีร์ศาสตร์มืดและคฑาประจำตัวติดตัวไปด้วยแล้วเริ่มเดิน เขาเริ่มเดินและทิ้งคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยเรียกว่าบ้านไว้เบื้องหลัง
เมื่อคฤหาสน์ลับสายตาไปแล้ว เด็กหนุ่มล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อแล้วหยิบถุงหนังขนาดย่อมๆออกมาถุงหนึ่ง แล้วเปิดดู 
         เขายิ้มกริ่ม ในถุงมีเพชรและอัญมณีขนาดใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยสีสันต่างๆอยู่สิบกว่าเม็ด ซึ่งแน่นอนว่าถูกขโมยมาจากบ้านของเขาเอง
         นอกเหนือจากนี้แล้วเขายังมีถุงอัญมณีซ่อนอยู่ตามสัมภาระและร่างกายอีกหลายถุง เพชรพลอยในถุงพวกนั้นล้วนแต่เป็นอัญมณีชนิดพิเศษที่มีราคาไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นออเรียสต่อเม็ด หากเขาขายอัญมณีพวกนี้ทั้งหมดแล้วเขาจะมีเงินพอที่จะใช้ชีวิตอย่างที่เขาต้องการไปอีกหลายปี และแน่นอนว่าเพียงพอที่จะช่วยจ่ายค่าเล่าเรียนของเขาด้วย ดูเหมือนการคิดเผื่อถึงวันที่เขาอาจจะมีปัญหาด้านการเงินของเขาได้ช่วยชีวิตของเขาไว้จริงๆ
         แม้นั่นจะแลกกับการที่คนรับใช้บริสุทธิ์5-6คนถูกลงโทษฐานลักขโมยก็ตาม.....


         2ปีต่อมา ณ โรงเรียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง แผนกมนต์ดำ

         วันนี้เป็นวันที่เด็กหนุ่มหรือพูดให้ถูกคือชายหนุ่ม จะจบการศึกษาในสาขามนต์ดำที่เขาเลือก และเป็นวันที่เขาจะทำพิธีที่สงวนไว้สำหรับนักเรียนวิชาเวทย์มนต์ระดับสูงของสายต่างๆเท่านั้น นั่นก็คือพิธีเรียกอสูรรับใช้ (Familiar) นั่นเอง
         นักเรียนที่ทำพิธีนี้จะนั่งเพ่งจิตอยู่หน้ากองไฟ รอบที่นั่งจะมีอักขระโบราณและวงแหวนเวทย์เขียนไว้อยู่ โดยมีอาจารย์ประจำสายเวทย์มนต์ที่เลือกยืนร่ายเวทย์กำกับอยู่ข้างๆใน10นาทีแรกของพิธี เพื่อให้อยู่ในสภาพกึ่งหลับ และคอยเฝ้าดูจนกว่าจะจบพิธีเพื่อคอยรองรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน พิธีนี้จะกินเวลาอย่างต่ำครึ่งชั่วโมง แต่อาจยืดนานเป็นวันได้เลยทีเดียว ในกรณีที่พิธีกินเวลานานเกินกว่า5ชั่วโมงขึ้นไป อาจารย์ประจำสายที่เลือกคนอื่นจะผัดเปลี่ยนกันมาเฝ้าแทนจนกว่าจะจะเสร็จพิธี พร้อมทั้งร่ายคาถาประคองชีพไว้ด้วยในกรณีที่พิธีกินเวลานานเกินกว่า10ชั่วโมง
         เขาได้นั่งรอระหว่างที่บรรดาอาจารย์กำลังเตรียมพิธีอยู่จนกระทั่งอาจารย์คนหนึ่งเรียกเขา
“เคอร์วิน (Kerwin) ถึงตาเธอแล้ว” อาจารย์คนหนึ่งกล่าว
         เคอร์วินเดินลงไปนั่งหน้ากองไฟกลางวงแหวนเวทย์ เขาเริ่มเพ่งจิตระหว่างที่อาจารย์กำลังร่ายเวทย์กำกับอยู่ เมื่อ10นาทีผ่านพ้นไป เขาได้อยู่ในสภาพกึ่งหลับเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยผลของเวทย์มนต์

         บัดนี้เคอร์วินยืนอยู่บนที่ๆมีเพียงความมืด เขารู้สึกถึงการคงอยู่ของตัวเองเท่านั้น ไม่รู้สึกถึงพื้นที่ยืนอยู่หรือมองเห็นอะไรทั้งสิ้น เขายืนค้างเช่นนี้อยู่พักหนึ่ง แต่ฉับพลันก็เกิดแสงสว่างขึ้น

         เหตุการณ์ที่เคยผ่านมาในชีวิตของเขาแล่นผ่านหัวของเขา มโนภาพต่างค่อยๆปรากฏขึ้นในหัวของเขา
         ‘ถ้านายอยากได้คะแนนสูงๆ เดี๋ยวฉันจะช่วยสร้างเครื่องเพิ่มคะแนนให้เอาไหม’ภาพเด็กชายผมสีแดงกำลังคุยกับเขาอย่างร่าเริงพลางส่งยิ้มให้
         ‘เคอร์วินแกมันไม่เอาถ่าน! แกไม่น่าเกิดมาเป็นลูกของฉันเลย!’เสียงตวาดมาจากชายคนหนึ่งที่เขาเคยเรียกว่าพ่อ
         ‘แกน่าจะดูเกรกอรี่เป็นแบบอย่างนะ หัดทำคะแนนสูงๆบ้างสิ แม้แต่เจ้าทีโมที่ที่มันบ้าๆบวมๆยังเก่งกว่าแกในบางวิชาเลย ’สตรีที่เขาเคยเรียกว่าแม่ส่งแววตาไม่พอใจมายังเขา
         ‘เกรกอรี่ เธอได้ที่1ของชั้นปีอีกแล้วนะ ยินดีด้วย ส่วนเคอร์วิน เธอก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน เธอได้ที่2ของชั้นปีด้วยคะแนนแทบไม่ต่างจากเกรกอรี่เลย พยายามได้ดีมาก’ ภาพอาจารย์กำลังแสดงความยินดีกับเขาและเด็กชายผมสีทองอีกคนหนึ่ง
         ‘ไอ้คนนอกรีต!’ภาพเพื่อนร่วนสถาบันคนหนึ่งกล่าวดูถูกพร้อมกับส่งสายตารังเกียจมายังเขา เมื่อรู้ว่าเขาเรียนเวทย์มนต์ดำ

         ความทรงจำเหล่านี้ได้กระตุ้นความรู้สึกบางอย่างในตัวเคอร์วิน นั่นคือความเกลียดชังและความทะเยอทะยาน เขาเกลียดพวกคนที่เคยดูถูกเขา เกลียดเจ้าเกรกอรี่ที่ชนะเขาซะแทบทุกอย่าง เขาอยากเป็นผู้ชนะ เขาอยากอยู่เหนือเจ้าเกรกอรี่ หรือจะให้ดีกว่านี้ เขานี่แหละจะเป็นผู้อยู่เหนือจอมเวทย์ศาสตร์มืดทุกคน!
         ในฉับพลันเคอร์วินได้รู้สึกถึงพลังความมืดอันดำมืดเกินกว่าจะอธิบายได้ มันเป็นพลังความมืดที่รุนแรงเสียจนมันให้ความรู้สึกเหมือนมันจะดูดทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป
         “อา...จิตใจอันดำมืดของเจ้าถูกใจพวกข้าเหลือเกิน.....”เสียงปริศนาดังขึ้นมาจากมวลสารความมืดตรงหน้าเขา มันเป็นเสียงที่ทรงพลังและน่าเกรงขาม
         “ข้ารู้สึกได้พลังอันยิ่งใหญ่ของเจ้า หากเจ้าได้รับการสั่งสอนที่ถูกทาง อนาคตของเจ้าคงไม่พ้นราชันย์แห่งศาสตร์มืดเป็นแน่แท้”อีกเสียงหนึ่งพูดขึ้น เสียงนี้แหบแห้งแต่ก็แฝงความน่ากลัวไว้ด้วย
         เคอร์วินรู้สึกลิงโลดอย่างบอกไม่ถูก นอกเหนือจากอาจารย์วิชาเวทย์มนต์บางคนแล้ว ไม่เคยมีใครชมเขามาก่อน ยิ่งการพูดสรรเสริญเขาแบบนี้ย่อมไม่ต้องพูดถึง
         “เจ้าอยากได้พลังไหม? พลังที่ยิ่งใหญ่จากนรกภูมิ”ทั้ง2เสียงกล่าว
         “พลังรึ อยากสิ ข้าอยากได้พลัง!”
         “แต่เจ้าต้องเตรียมใจรับการทดสอบของพวกเราไว้หน่อยนะ”เสียงหนึ่งกล่าว
         “ข้าไม่กลัวการทดสอบหรอก!”เคอร์วินตอบพลางมองไปยัง มวลสารความมืดตรงหน้า ความโลภในใจของเขาร้องเรียกหาพลังเพื่อนำมาสนองความโกรธแค้นที่เขามี ดูเหมือนเงามืดพวกนี้จะมีคุณสมบัติในการดึงความรู้สึกด้านลบของเขาออกมาอย่างเต็มที่ เพราะความโลภและความเกลียดชังในอกเขาคับแน่นเสียจะไม่สามารถบรรยายได้ ตอนนี้เขาต้องการแค่พลังกับการแก้แค้นเท่านั้น ความรู้สึกและความนึกคิดอย่างอื่นที่เขามีถูกบดบังไปจนเกือบหมดสิ้น รวมทั้งความสามารถในการตัดสินใจ
         “อืม ความโลภกับความโกรธแค้นงั้นรึ”เสียงจากเงามืดนั้นพูดเหมือนกำลังอ่านใจเคอร์วิน “งั้นเจ้าคงเข้ากับพวกข้าได้ดีทีเดียว แต่พวกข้าขอดูก่อนละกันว่าเจ้าเตรียมใจรับการทดสอบของพวกเราไว้แค่ไหน” เมื่อ1ในเสียงจากเงามืดพูดจบ เงามืดทั้งมวลก็สลายไป ปรากฏร่างของปีศาจ2ตัว ตัวแรกมีรูปร่างคล้ายมังกร ผิวสีม่วงอมฟ้า ปลายแขนและขาอันยาวมีกรงเล็บสีม่วงอมฟ้าเช่นกัน ปีกที่เหมือนมังกรนั้นสยายกว้าง ใบหน้าชั่วร้ายแสยะเขี้ยวเต็มปาก ส่วนปีศาจอีกตนมีรูปร่างคล้ายมนุษย์ ตามตัวมีเกราะสีดำซ้อนกันเป็นชั้นคล้ายเปลือกแมลง มือมีกรงเล็บใหญ่ยักษ์ ใบหน้านั้นถูกเกล็ดสีดำปิดไว้เหลือเพียงตาสีแดงก่ำ มีปีกคล้ายแมลงปออยู่กลางหลัง มันตัวโตพอๆกับมังกรเลยทีเดียว!
         “พวกข้าอัลซิสไซ(Pecca Ulcisci, the Sin of Revenge)และอวาริเทีย(Pecca Avaritia, the Sin of Greed)จะให้เจ้าได้ไปรับพลังที่ว่าจากนรกภูมิเอง! แต่หากเจ้าทนรับการทดสอบไม่ไหวขึ้นมาเจ้าจะทำสัญญาขายวิญญาณกับพวกข้าเพื่อให้พวกข้าช่วยเจ้าก็ได้นะ หึ หึ”
         สิ้นเสียงอัลซิสไซ ทุกอย่างก็ดำมืดไปหมดจนเคอร์วินมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
« Last Edit: July 15, 2007, 01:31:37 AM by Moonshiny Doll » Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #1 on: July 02, 2007, 12:40:16 AM »

         เมื่อแสงสว่างกลับมาเคอร์วินได้มายืนอยู่บนผืนดินแตกแห้งสีดำอมเทา รอบๆมีเพียงต้นไม้สีดำไร้ใบเท่านั้น ท้องฟ้านั้นก็มีสีดำอมเทาเช่นเดียวกับพื้นดิน
บนฟ้า เคอร์วินได้เห็นวิหคโลกันตร์(Hellish Bird) นกครึ่งกิ้งก่าตัวสีเขียว ขนาดประมาณเหยี่ยว บินว่อนอยู่เต็มไปหมด
         “แสดงว่าที่นี่คงจะเป็นนรกจริงๆสินะ” เคอร์วินคิด เริ่มนึกเสียใจที่กล่าวตกลงว่าจะรับพลังที่อัลซิสไซเสนอ

         3สัปดาห์ต่อมา
         เคอร์วินนั้นได้ติดอยู่ในนรกภูมิมาเป็นเวลาเกือบเดือนแล้ว เขาเริ่มเข้าใจภาษาปีศาจและสามารถเรียนรู้มันได้อย่างรวดเร็ว เขาได้ผูกมิตรและอาศัยอยู่กับฝูงเซนทอร์ปีศาจ(Evil Centaur) พร้อมทั้งยังเริ่มเรียนเวทย์มนต์ดำจากพวกมันด้วย ดูเหมือนวิทยาการทางเวทย์มนต์ของพวกมันจะค่อนข้างสูงทีเดียว โชคดีที่พรสวรรค์ด้านศาสตร์มืดของเขาทำให้บรรดาหมอผีเซนทอร์ปีศาจ(Evil Shaman Centaur) ยอมรับในตัวเขาได้ในเวลาอันสั้น

         ระหว่างที่เขาอยู่ในนรกเขาได้พานพบปีศาจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น:
-มารราหูกลืนชะตา(Destiny Eater) ปีศาจร้ายที่มีปากขนาดใหญ่อยู่กลางลำตัว ในตำนานกล่าวไว้ว่ามันจะคอยไล่กัดกินดวงวิญญาณในนรกภูมิ

-กองทัพอัศวินแห่งความหวาดกลัว(Dread Knight) อัศวินวิปลาสในเกราะสีดำทมิฬ บรรดาอดีตอาชญกรสงครามผู้นิยมชมชอบในการฆ่า เมื่อตายไปก็ต้องมาชดใช้กรรมคอยฆ่ากันเองไปเรื่อยๆจนกว่าจะถูกฆ่าตายในนรกครบร้อยเท่าของชีวิตที่ตัวเองปลิดไปเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ พวกมันจะโจมตีสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่ขวางหน้า

-สครีค(Screak) ปีศาจค้างคาว คอยทำร้ายวิญญาณคนบาปในนรก เสียงร้องโหยหวนของมันนั้นให้ความรู้สึกปวดแก้วหูอย่างรุนแรง พวกมันเป็น1ในสิ่งมีชีวิตไม่กี่ประเภทในนรกที่มีระดับความฉลาดใกล้เคียงกับมนุษย์

-เพชฌฆาตสีแดง(Scarlet Reaper) ปีศาจรูปร่างคล้ายมนุษย์ มีปีกและลำตัวสีแดง มันไม่รู้จักความตาย เพราะมันคือดวงวิญญาณของคนที่ทำบาปหนาเสียจนต้องมาอยู่ในนรกชั่วกัปชั่วกัลป์ ทุกวินาทีในนรกของมันมีเพียงความเจ็บปวดเท่านั้น

-เซนทอร์ปีศาจ(Evil Centaur) ชนเผ่าปีศาจในนรก พวกมันมีระดับความฉลาดเท่ากับมนุษย์และเป็น1ในสิ่งมีชีวิตไม่กี่ประเภทในนรกที่อยู่ร่วมกันเป็นเผ่า แม้แต่พวกมันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ในนรกได้ยังไง ความสามารถในการใช้เวทย์มนต์ดำของพวกมันอยู่ในระดับสูง

-อสูรสายหมอกมรณะ (Death Mist Saber Fang) ปีศาจเสือที่มีร่างกายเป็นหมอก เหยื่อที่หลงเข้าไปใน‘หมอก’ของมันไม่เคยรอดกลับมาได้

         แม้จะผ่านมาเกือบเดือนแล้วเคอร์วินก็ยังไม่สามารถหาวิธีหนีออกจากนรกได้ ความหวังในการไปจากที่นี่เริ่มริบหรี่ เขาเองก็ไม่อยากอยู่กับพวกเซนทอร์ปีศาจไปตลอดกาลด้วย ดูท่าเขาคงจะต้องทำสัญญาขายวิญญาณกับอวารีเทียและอัลซิสไซเพื่อไปจากที่นี่เสียแล้ว        
         แต่จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงประหลาดในหัว
         จากเสียงที่เบาเหมือนคนกระซิบเสียงนั้นได้ทวีความดังขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งเคอร์วินรู้สึกได้ถึงพลังอะไรบางอย่างกำลังฉุดกระชากเขา
         เกิดแสงสว่างขึ้น เคอร์วินรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังตกลงมาจากที่สูง ความรู้สึกนี้ค้างอยู่มาประมาณ5-6วินาทีจนกระทั่งทุกอย่างเกิดมืดสนิทในฉับพลัน เคอร์วินลืมตาขึ้นและพบว่าบัดนี้ตัวเองได้กลับคืนสู่โลกมนุษย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

         “ชิ เจ้ามนุษย์จอมจุ้นพวกนั้นดันมาช่วยเจ้าหนุ่มนั่นซะได้!” อัลซิสไซกล่าวด้วยความโกรธ
         “นั่นสิ หากมันหมดกำลังใจแล้วทำสัญญาขายวิญญาณกับเราเพื่อออกจากนรก เราคงได้กินวิญญาณของเจ้านั่นตอนมันหมดอายุขัยแน่นอน แต่นี่มันกลับหนีได้โดยไม่ต้องพึ่งเรา แถมมันยังได้วิชามารจากนรกไปไม่น้อยอีกต่างหาก!” อวารีเทียกล่าวตอบพลางนึกเสียดายที่ วิญญาณของมนุษย์ที่มีพลังมากขนาดนั้นคงรสชาติดีไม่น้อย!
         “แต่เจ้ามนุษย์พวกนี้ก็โง่ดีจริงๆ แค่เป่าหูนิดหน่อยก็เชื่อไปหมดซะทุกอย่าง แค่หลอกนิดหลอกหน่อยว่ามีพลังจะให้มันก็เชื่อซะแล้วว่าการไปนรกจะช่วยเพิ่มพลังให้พวกมัน พวกมันคงไม่รู้ว่า ต่อให้ไปแล้วเก่งขึ้นจริง มันก็ไม่พ้นต้องทำสัญญาขายวิญญาณกับเราเพื่อออกจากนรกอยู่ดี พวกมันคิดไม่เป็นหรือไงกันว่านี่เป็นการมัดมือชกกันเห็นๆ” อัลซิสไซพูดต่อ มันไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมมนุษย์ถึงโดนหลอกได้ง่ายเหลือเกิน......

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

         เคอร์วินมองไปรอบๆห้องทำพิธี ตอนนี้มีอาจารย์สาขามนต์ดำ3คนกำลังยืนอยู่รอบตัวเขา
“ครูขอโทษนะเคอร์วิน แต่เราคงต้องหยุดพิธีเรียกอสูรรับใช้ของเธอไว้เท่านี้ เพราะเธอน่ะอยู่ในสภาพนี้มา5วันแล้วโดยไม่ได้กินไม่ได้ดื่มอะไรเลย คาถาประคองชีพที่ร่ายไว้น่ะรับไม่ไหวแล้ว พวกครูเลยตัดสินใจใช้เวทย์มนต์ปลุกเธอขึ้นมาก่อนที่เธอจะตายจริงๆ” 1ในอาจารย์ทั้ง3กล่าว
         “เหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาเป็นความฝันงั้นหรือ”เคอร์วินนึกในใจ ภาพนรกและปีศาจที่เคยเจอยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ
         เคอร์วินไม่พูดอะไร เขาเตรียมจะลุกขึ้นไปหาอะไรดื่มเพื่อกันไม่ให้ตัวเองขาดน้ำตายแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อกองไฟตรงหน้าเขากลายเป็นสีเขียวแก่พร้อมทั้งส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา
         “พิธีสำเร็จงั้นหรือ เป็นไปได้ยังไง!?” อาจารย์คนหนึ่งอุทาน
         สิ้นเสียงของอาจารย์คนนั้น พลังมหาศาลก็ถูกระเบิดออกมาจากเปลวเพลิง พลังนั้นพุ่งอัดอาจารย์ทั้ง3คนที่บังเอิญอยู่รอบๆกองไฟ พวกเขาสลบทันที
         วิหคโลกันตร์ตัวหนึ่งได้บินออกมาจากกองไฟและมาเกาะบนบ่าของเคอร์วิน มันส่งเสียงร้องออกมาเบาๆเหมือนเป็นการทักทายเจ้านายของตัวเอง
         “ดูท่ามันจะไม่ใช่ความฝันสินะ” เคอร์วินยิ้มกริ่ม

         เมื่ออาจารย์กลุ่มนั้นฟื้นขึ้นมา เคอร์วินก็ได้หายไปเสียแล้ว ทิ้งไว้เพียงแค่ความสงสัยในใจของพวกเขาว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่......”

         หลังจากได้วิหคโลกันตร์มา เคอร์วินได้ออกเดินทางโดยทิ้งอาณาจักรฟีเลเซียอันเป็นบ้านเกิดไว้เบื้องหลัง เขาได้ร่ำเรียนวิชาจากบรรดานักเวทย์นอกรีตและพ่อมดหมอผีผู้ทรงพลังหลายคน เขาได้เรียนรู้วิชามากมาย ไม่ว่าจะเป็น
-เวทย์อสุราคำสาป (วิธีการใช้อสูรรับใช้ช่วยเหลือหรือเป็นส่วนประกอบในการร่ายเวทย์หรือสาปแช่ง) จากปรมาจารย์ศาสตร์มืดชาวฟีเลเซียนามเชอร์โนเบียส(Chernobias, the Dark Sorcerer)โดยเน้นหนักในศาสตร์การแปลงมวรสารจากร่างสัตว์อสูรให้เป็นสื่อเวทย์มนต์ คำสาป หรือพิษร้าย ด้วยวิชานี้บวกกับวิชามารที่เคอร์วินได้มาจากนรก เขาสามารถใช้ดึงความสามารถจากวิหคโลกันตร์มาใช้ได้อย่างเต็มที่

-ศาสตร์ขโมยพลังเวทย์ของนักพรตล่องหน(Invisible Hermit)ผู้อาศัยอยู่ในส่วนหุบเขาลึกทางเหนือของฟีเลเซีย โดยเคอร์วินได้นำมันมาประยุกต์ใช้กับวิชาอสุราคำสาป สร้างเวทย์ดูดพลังที่ใช้วิหคโลกันตร์เป็นสื่อเสริมพลังขึ้นมา

-วิชาเงาอสูรรับใช้ (Shadow Servant) ศาสตร์มืดของฟูดินันที่ใช้ในการสร้างสัตว์เวทย์โดยใช้ศพเป็นสื่อที่เขาเรียนมาจากอกริปปะผู้น่ากลัว(Agrippa, the Dreadful One)หมอผีนอกรีตชาวฟูดินัน ในเวลาต่อมาเขาได้นำวิชานี้มาผสมกับการใช้เลือดปีศาจของเวทย์มาร สร้างพิธีปลุกเสกทหารผีนรก(Necrotrooper)ขึ้น

-วิชาเรียกภูติผีของบรรดาหมอผีมาร(Evil Shaman)ซึ่งเป็นวิชาที่เน้นหนักไปทางการบูชายัญสิ่งมีชีวิตเพื่อเรียกบรรดาภูติกึ่งอสูรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ภูติครึ่งอสูรระดับล่างอย่างปรสิตพิษ(Poison Parasite)ไปจนถึงมารอัปรีย์(Hideous Demon)อันน่าเกลียดน่ากลัว มาใช้สอยดุจอสูรรับใช้ โดยเคอร์วินได้นำวิชานี้มาช่วยปรับปรุงทฤษฎีการสร้างทหารผีนรกของตน 

         ด้วยพรสวรรค์และความรู้ด้านภาษาปีศาจ เคอร์วินใช้เวลาไม่นานในการเข้าถึงแก่นแท้ของวิชาเหล่านี้และได้รับการยกย่องจากบรรดาผู้ที่อยู่ในเส้นทางเดียวกันว่าเป็นหนึ่งในผู้ใช้ศาสตร์มืดที่ทรงพลังที่สุดของยุค
         ในเวลาต่อมาเขาก็ได้กลับมาฟีเลเซียอีกครั้งในนามของปรมาจารย์ศาสตร์มืดแบล็คไวเซอร์(Black Wiser)และในฐานะ1ในจิ๊กซอว์ตัวสำคัญของกองทัพซาโลมในการบุกฟีเลเซีย ในช่วงสงคราม4อาณาจักร
         แต่ในบันทึกประวัติศาสตร์ของเมอรีเซียในสมัยสงคราม4อาณาจักรนั้น ชื่อของเคอร์วินกลับถูกลืมโดยสิ้นเชิง......

                        ------------จบ------------


อ่านแล้วเมนต์ด้วยนะครับ :)
« Last Edit: July 09, 2007, 12:13:15 AM by Moonshiny Doll » Logged


Toys,,*
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1171


Email
« Reply #2 on: July 02, 2007, 12:49:47 AM »

สนุกดีง้า แต่อยากให้มีต่ออีกอ่ะ

Logged


Suchan.poloplow
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1232


Email
« Reply #3 on: July 02, 2007, 01:57:37 AM »

สนุกมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

แต่มีความรู้สึกว่า  มันน่าจะยาวกว่านี้ได้อีกนะ(ถ้าหากไม่มีข้อจำกัดเรื่องหน้ากระดาษ)

แล้วก็อยากให้มีการเพิ่มส่วนขยายพิเศษของเนื้อหา(ที่เราเพิ่มให้เร้าใจ)เข้าไปอีกนิดอ่ะ
Logged


ХeЯхe$-КunG АррЯeйтiсЕ $Аiйт
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1816


« Reply #4 on: July 02, 2007, 10:19:43 PM »

สั้นไปหน่อยแต่สนุกดีครับ  ;D ตินิดหน่อย มันยังไม่ได้อารมณ์พอ 
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #5 on: July 02, 2007, 10:58:15 PM »

แล้วก็อยากให้มีการเพิ่มส่วนขยายพิเศษของเนื้อหา(ที่เราเพิ่มให้เร้าใจ)เข้าไปอีกนิดอ่ะ
ตินิดหน่อย มันยังไม่ได้อารมณ์พอ 
ผมยังไม่ค่อยเก่งในการแต่งนิยายให้มันเร้าใจผู้อ่านน่ะครับ งานนี้เองก็เป็นงานชิ้นแรกของผม คงยังต้องฝึกอีกมาก

--------------------------------

สนุกดีง้า แต่อยากให้มีต่ออีกอ่ะ
สั้นไปหน่อยแต่สนุกดีครับ  ;D
สนุกมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

แต่มีความรู้สึกว่า  มันน่าจะยาวกว่านี้ได้อีกนะ(ถ้าหากไม่มีข้อจำกัดเรื่องหน้ากระดาษ)
มีแต่คนบอกว่าสั้นไปแฮะ คือผมไม่อยากยืดเรื่องมากเกินไปน่ะครับ ความจริงผมอยากเพิ่มเนื้อเรื่องในตอนที่แบล็ค ไวเซอร์ได้ไปยังนรกให้มากกว่านี้ แต่ไอเดียผมหมดพอดี ถ้าเขียนเพิ่มในส่วนนั้นไป ผมกลัวมันจะกลายเป็นการยืดเรื่องแทน ผมเลยเปลี่ยนใจไม่ใส่ลงไป


ยังไงก็แล้วแต่ ผมขอขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะครับ ผมจะได้เอาไปพัฒนาในงานเขียนชิ้นต่อๆไป


ปล พอจะเข้าใจช่วงแรกของนิยายที่ผมพูดเกี่ยวกับตัวจิ๊กซอว์มั้ยครับ เพราะมันเป็นช่วงที่ผมกังวลว่าคนอ่านจะไม่เข้าใจมากที่สุด เลยอยากรู้ว่าแต่ละคนพออ่านรู้เรื่องรึเปล่า
Logged


ХeЯхe$-КunG АррЯeйтiсЕ $Аiйт
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1816


« Reply #6 on: July 02, 2007, 11:25:03 PM »

Quote
ปล พอจะเข้าใจช่วงแรกของนิยายที่ผมพูดเกี่ยวกับตัวจิ๊กซอว์มั้ยครับ เพราะมันเป็นช่วงที่ผมกังวลว่าคนอ่านจะไม่เข้าใจมากที่สุด เลยอยากรู้ว่าแต่ละคนพออ่านรู้เรื่องรึเปล่า

เข้าใจครับ(สำหรับคนอื่นไม่รู้ )

ถ้าเพิ่มในนรกมันจะยืดเรื่องจริงๆ แต่อยากให้เพิ่มว่าไปฝึกมากับใครบ้างยังไงกว่าจะได้ฉายาว่าแบล็คไวเซอร์

จริงผมเองก็แต่งไม่เก่งเหมือนกันว่าไปเรื่อย 
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #7 on: July 02, 2007, 11:37:06 PM »

Quote
ปล พอจะเข้าใจช่วงแรกของนิยายที่ผมพูดเกี่ยวกับตัวจิ๊กซอว์มั้ยครับ เพราะมันเป็นช่วงที่ผมกังวลว่าคนอ่านจะไม่เข้าใจมากที่สุด เลยอยากรู้ว่าแต่ละคนพออ่านรู้เรื่องรึเปล่า

เข้าใจครับ(สำหรับคนอื่นไม่รู้ )

ถ้าเพิ่มในนรกมันจะยืดเรื่องจริงๆ แต่อยากให้เพิ่มว่าไปฝึกมากับใครบ้างยังไงกว่าจะได้ฉายาว่าแบล็คไวเซอร์

จริงผมเองก็แต่งไม่เก่งเหมือนกันว่าไปเรื่อย 
อ๋อตรงนั้นเองเหรอครับ จะว่าไปมันก็เติมได้จริงๆแฮะทำไมผมนึกไม่ถึง แต่จะมาโมตอนนี้ก็สายไปแล้วแฮะ
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #8 on: July 02, 2007, 11:58:01 PM »

สนุกดีจัง  ไม่เหมือนของผมเลย  ลองเอาไปให้เพื่อนอ่านเขายังไม่กล้าอ่านเลย(เสียใจหลาย ) แนะนำนิดนึงนะครับ  เนื้อเรื่องดูเหมือนว่ายังหลวมๆไปหน่อย  (คือน้อยไปหน่อยน่ะครับ) เพิ่มเนื้อหาให้มันแน่นกว่านี้อีกนิดก็จะดีหลายๆ  (แต่ของผมนี้กำลังแก้อยู่  เพราะเกินไปตั้งหน้านึง )
Logged


singer
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1256


Email
« Reply #9 on: July 03, 2007, 12:29:34 AM »

เรื่องราวขยายความของแบล็กไวเซอร์ซินะ

น่าจะกล่าวถึงทีโมที่ด้วยอีกซักคน  จะสามารถยืดเรื่องออกไปได้อีกนิดนึง(จริงๆนะ)

ถ้านี่เป็นผลงานชิ้นแรก ถือว่าโอเคมากครับผม

พยายามเข้านะครับ

(song of loveZจากประกวด CGN + flame's Destiny ที่ประกวดที่นี่ อย่างไหนมันซึ้งกว่ากันน้า)
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #10 on: July 03, 2007, 12:51:00 AM »

Quote
น่าจะกล่าวถึงทีโมที่ด้วยอีกซักคน  จะสามารถยืดเรื่องออกไปได้อีกนิดนึง(จริงๆนะ)
ถ้าจะให้กล่าวถึงทีโมที่นี่ควรจะเขียนในรูปแบบไหนดีครับ ผู้มีประสบการณ์โปรดชี้แนะ


Quote
(song of loveZจากประกวด CGN + flame's Destiny ที่ประกวดที่นี่ อย่างไหนมันซึ้งกว่ากันน้า)
ถ้าถามผม ผมชอบflame's Destiny มากกว่าครับ :)
Logged


singer
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1256


Email
« Reply #11 on: July 03, 2007, 02:07:33 AM »

Quote
น่าจะกล่าวถึงทีโมที่ด้วยอีกซักคน  จะสามารถยืดเรื่องออกไปได้อีกนิดนึง(จริงๆนะ)
ถ้าจะให้กล่าวถึงทีโมที่นี่ควรจะเขียนในรูปแบบไหนดีครับ ผู้มีประสบการณ์โปรดชี้แนะ


Quote
(song of loveZจากประกวด CGN + flame's Destiny ที่ประกวดที่นี่ อย่างไหนมันซึ้งกว่ากันน้า)
ถ้าถามผม ผมชอบflame's Destiny มากกว่าครับ :)


อย่างเช่นเติมไปอีกนิดในเรื่องของการพูดคุย

"ดูอย่างเจ้าทีโมที่ซิ เห็นมันบ้าๆบอๆแบบนั้น แต่ก็ยังมีบางอย่างที่เก่งกว่าแกอีกนะ เควิน!"

หึหึ

แล้วไปอ่าน song of love ของผม ตอนไหนครับเนี่ย^^ (ดีใจมีคนอ่าน ด้วย)
« Last Edit: July 04, 2007, 12:02:47 AM by singer_of_element » Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #12 on: July 03, 2007, 02:59:33 PM »

ชอบเอาตัวละครหลาย ๆ ตัวมาผูกเรื่องขยายความเป็นการกำเนิด black wiser ได้อย่างลงตัวและน่าสนใจครับ 
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #13 on: July 04, 2007, 11:03:16 PM »

พี่นิฮิลครับ อยากทราบว่าผมสามารถโมนิยายนิดหน่อยได้รึเปล่าครับ มีหลายส่วนที่อยากแก้มากๆ(หลักๆคืออยากเติมคำ)

---------------------------------

Quote
แล้วไปอ่าน song of love ของผม ตอนไหนครับเนี่ย^^ (ดีใจมีคนอ่าน ด้วย)
ก็จากกระทู้ [ประชาสัมพันธ์]โหวตนิยายที่ท่านชอบหรือถูกใจกับโครงการ"หยดหมึกสานฝันร่ายประชัน... ที่คุณเคยตั้งไว้เมื่อนานมาแล้วไงครับ 
Logged


Pa-5
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 157


« Reply #14 on: July 04, 2007, 11:15:36 PM »

สนุกมากๆเลยครับทำให้มองเห็นถึงอดีตของแบล็คไวเซอร์และยังรวมไปถึงการดึงเหล่าSINเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องนี้อีกด้วย

การใช้ภาษาในการต่อว่านั้นก็ทำให้แบล็คไวเซอร์ดูน่าสงสารอย่างยิ่ง
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #15 on: July 05, 2007, 01:00:18 AM »

ตราบเท่าที่ยังไม่หมดเวลาก็ยังโม edit ได้ครับ แต่จะให้ดีน่า edit ให้เรียบร้อยก่อนส่งมานะ
Logged


ХeЯхe$-КunG АррЯeйтiсЕ $Аiйт
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1816


« Reply #16 on: July 05, 2007, 01:28:15 AM »

หมายความว่าจะตรวจตอนหมดเวลาสินะครับ ;D

(แต่ถ้าส่งแบบผ่านเมลก็คงจะแก้ไม่ได้สินะ )
« Last Edit: July 05, 2007, 09:04:02 PM by <<{><}€12><€$Kun{G}>> » Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #17 on: July 05, 2007, 09:19:30 PM »

ตราบเท่าที่ยังไม่หมดเวลาก็ยังโม edit ได้ครับ แต่จะให้ดีน่า edit ให้เรียบร้อยก่อนส่งมานะ
แต่ถ้าผมส่งไปทางเมล์ด้วยแล้วจะทำไงดีเหรอครับ หรือeditในนี้ก็พอ
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #18 on: July 06, 2007, 02:29:55 PM »

ตราบเท่าที่ยังไม่หมดเวลาก็ยังโม edit ได้ครับ แต่จะให้ดีน่า edit ให้เรียบร้อยก่อนส่งมานะ
แต่ถ้าผมส่งไปทางเมล์ด้วยแล้วจะทำไงดีเหรอครับ หรือeditในนี้ก็พอ

ไม่เป็นไรครับ edit ส่งผ่าน mail มาอีกทีได้ครับ เดี๋ยวผมเอาอันใหม่แทน แต่ให้แน่ใจว่าไม่มีแก้แล้วนะครับ ถ้าจะแก้อีกค่อยส่งทีหลังก็ได้ 
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #19 on: July 09, 2007, 12:23:55 AM »

เนื่องจากพี่นิฮิลได้อนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมได้editตัวนิยายเล็กน้อย โดยการเสริมรายละเอียดเข้าไปในบางส่วนของเนื้อเรื่องและเพิ่มจำนวนคำ(เพราะหลายๆคนบอกว่าสั้นเกิน) ในส่วนของเนื้อเรื่องหลักนั้นยังเหมือนเดิมทุกประการ ใครอ่านแล้วคิดยังไงกับนิยายversion นี้ก็ช่วยติชมด้วยแล้วกัน

ขอขอบคุณสำหรับทุกความเห็นที่ผ่านมาซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับเนื้อเรื่องครับ


ปล พี่นิฮิลครับ ผมจะส่งตัวนิยายที่คิดว่าโอเคที่สุดไปทีหลังแล้วกัน ต้องใส่ที่อยู่กับชื่อไว้เหมือนเดิมรึเปล่าครับ
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #20 on: July 10, 2007, 11:23:17 PM »

เอ่อ ขอคำแนะนำเกี่ยวกับนิยายเวอร์ชั่วที่editแล้วหน่อยครับ ไม่งั้นผมไม่รู้จริงๆว่าจะส่งversionนี้ไป หรืออันเก่าดีอยู่แล้ว
Logged


Levi
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 540


Email
« Reply #21 on: July 15, 2007, 01:15:47 AM »

         “แต่ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าแค่...”เด็กหนุ่มผิวซีดพยายามจะพูดตอบแต่กลับถูกขัดจังหวะโดยบุรุษที่เขาเรียกว่า‘พ่อ’
         “ไม่ต้องมาแต่ แล้วแกไม่ต้องมาเรียกพวกฉันว่าพ่อหรือแม่ด้วย พวกเราไม่เกี่ยวดองกันอีกแล้ว ฉันไม่เคยมีลูกชาย! ยาม! ลากมันออกไป ถ้ามันยังกล้าเสนอหน้ากลับมาบ้านนี้อีก เอาน้ำร้อนสาดไล่มันไปเลย!” ชายคนนั้นสั่งยามเฝ้าประตู
           ติดใจตรงนี้ง่ะ เปลี่ยนคำว่า "ข้าแค่" เป็น"ข้าเพียงแต่" ดีมะ     
Logged


Moonshiny Doll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 2179


« Reply #22 on: July 15, 2007, 01:26:03 AM »

         “แต่ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าแค่...”เด็กหนุ่มผิวซีดพยายามจะพูดตอบแต่กลับถูกขัดจังหวะโดยบุรุษที่เขาเรียกว่า‘พ่อ’
         “ไม่ต้องมาแต่ แล้วแกไม่ต้องมาเรียกพวกฉันว่าพ่อหรือแม่ด้วย พวกเราไม่เกี่ยวดองกันอีกแล้ว ฉันไม่เคยมีลูกชาย! ยาม! ลากมันออกไป ถ้ามันยังกล้าเสนอหน้ากลับมาบ้านนี้อีก เอาน้ำร้อนสาดไล่มันไปเลย!” ชายคนนั้นสั่งยามเฝ้าประตู
           ติดใจตรงนี้ง่ะ เปลี่ยนคำว่า "ข้าแค่" เป็น"ข้าเพียงแต่" ดีมะ     
จะว่าไปแล้วตรงนี้ก็น่าเปลี่ยนเหมือนกันแฮะ ขอบคุณที่บอกครับ แต่ผมว่า"ข้าเพียงแต่"มันฟังดูแปร่งๆไงไม่รู้อะ อาจใช้คำอื่นแทน

ว่าแต่ส่วนของเนื้อเรื่องที่เติมมานี้มันดีขึ้นรึเปล่าครับ หรือว่ามันกลายเป็นการยืดเรื่องแทน
« Last Edit: July 15, 2007, 01:39:15 AM by Moonshiny Doll » Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.111 seconds with 20 queries.