Summoner Master Forum
November 26, 2024, 09:50:02 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: ♪♪♪ Episode 14 Hymn of Exodus♪♪♪  (Read 36891 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« on: June 29, 2007, 09:23:09 AM »




Prelude

   ประเทศ Soprano อาณาจักรแห่งคีตราชาและการดนตรี ประเทศที่จรรโลงสันติสุขแห่งประชาชาติด้วยเพลงศักดิ์สิทธิ์ นอกจากจะเป็นประเทศที่สวยงาม และอุดมสมบูรณ์ ยังมีโรงละคร โรงอุปรากร สถาบันการดนตรี ที่มีอยู่มากมาย สุนทรียรมณ์ทางการดนตรีมีอยู่ในหัวใจของประชากรทุกผู้ในประเทศนี้ ตั้งแต่ประชาชนคนเดินดินธรรมดาไปจนถึง กษัตริย์ผู้ปกครองประเทศ ซึ่งล้วนแต่เป็นคีตราชา ที่ประเทศ Soprano นี้จะมีโบสถ์ศูนย์กลางประจำอาณาจักรชื่อว่า วิหารแห่ง St. Cecilia เป็นโบสถ์คู่บ้านคู่เมืองเป็นสถานที่ผลิตนักขับร้องบทเพลงศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งดนตรีของโบสถ์แห่งนี้จะเป็นดนตรีที่เกี่ยวกับพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์เป็นหลัก ขณะที่สถาบันการศึกษา Academy ที่เปิดสอนเรื่องการดนตรีในราชอาณาจักร ก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

   พรสวรรค์อันพิเศษนี้ มีที่มาในประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศ เมื่อครั้งอดีตประเทศนี้ได้ประสบภัยธรรมชาติและเกิดกันดาร ข้าวยากหมากแพง ประชาชนล้มตาย ในเวลานั้นกษัตริย์ AMADEUS หมดหวังในการช่วยเหลือประชาชนของตน ท่านได้เข้าไปในวิหาร St. Cecilia  อ้อนวอนสวรรค์ให้เมตตา ในเวลานั้นคล้ายบางอย่างดลใจ ด้วยเสียงร้องเพลงอันไพเราะที่เป็นพรสวรรค์พิเศษขององค์กษัตริย์ แม้ในการปกครองบ้านเมืองมันไม่ได้มีประโยชน์อะไร แต่ในเวลานี้พระองค์เกิดคิดว่า ถ้าพระองค์ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้าด้วยสิ้นสุดจิตใจแทนการสวดมนต์ธรรมดา สวรรค์อาจฟังคำอ้อนวอนของพระองค์ ในเวลานั้น พระองค์ขับเพลงที่แต่งขึ้นจากส่วนลึกของจิตใจ คร่ำครวญด้วยท่วงทำนองแสนโศกศัลย์ถึงทุกข์ลำเค็ญแสนเข็ญของประชาชน และร้องด้วยเสียงอันเปี่ยมด้วยความหวังและศรัทธา เพื่อร้องขอความเมตตาจากเบื้องบน ทุกคนที่อยู่ในวิหาร ล้วนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ แม้แต่เหล่าทหารหาญก็ยังร่ำไห้ด้วยพลังแห่งเสียงเพลงที่แสนเศร้า และจับใจ

และดูเหมือนว่า กษัตริย์ผู้ทุกข์ระทม จะได้รับมากกว่าที่ตนขอ ในเวลานั้นเองพระองค์ล้มลงตกในภวังค์ และได้เห็นนิมิตอันงดงามและเสียงดนตรีอันไพเราะเกินกว่าจะเป็นเสียงของโลกนี้ ทูตสวรรค์ผู้งดงามปรากฏกายพร้อมพิณทองขนาดใหญ่ ลอยลงมาจากสวรรค์

"อมาดีอุส เอ๋ย น้ำตาและเสียงร้องของท่าน ดังถึงสวรรค์ แม้เหล่าทูตสวรรค์ยังร่ำไห้สงสารตามเสียงแห่งความทุกข์ของท่าน ต่อแต่นี้ข้าพเจ้าจะเป็น ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์อารักขาประเทศของท่าน และข้าพเจ้าได้นำพันธสัญญาจากพระเจ้ามาให้ท่านด้วย ท่านจะรับหรือไม่ก็ได้"

สิ้นเสียงอันไพเราะกังวานในโสตสมอง กษัตริย์ตรัสถามทันทีว่าพระสัญญานั้นคืออะไร

"พันธสัญญานั้นคือ นับแต่นี้ ความอุดมสมบูรณ์จะงอกเงยจากพื้นดิน และผืนน้ำ ความอดอยากแร้นแค้นเช่นนี้ จะไม่มาเยือนประเทศแห่งนี้ อีกเลย และลูกหลานของท่านจะปกครองดินแดนนี้ตราบนานเท่านาน และเสียงอันไพเราะจะดังจากประเทศนี้ไปทั่วโลก แต่ท่านจะต้องรักษาสัญญาต่อไปนี้ คือ กษัตริย์ทุกพระองค์ต้องนมัสการพระเจ้าด้วยการร้องเพลงสรรเสริญ เพื่อแผ่นดิน และเพื่อประชาชนของท่าน เหล่ากษัตริย์ต้องรักษาคุณธรรม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความศักดิ์สิทธิ์แห่งการปฏิญาณการสมรสต่อหน้าพระเจ้า ต่อไปนี้ลูกหลานของท่านจะต้องไม่มีสนมกำนัลมากมายเหมือนชนชาติอื่น แต่จะต้องมีคู่สมรสเพียงคนเดียวจนกว่าจะตายจากกันเท่านั้น การผิดประเวณีในราชวงศ์ต้องไม่เกิดขึ้น ท่านต้องรักษาความบริสุทธิ์และความถูกต้องแห่งคุณธรรมในเรื่องความรัก และความซื่อสัตย์ของคู่สมรส ท่านต้องรักษาสิ่งเหล่านี้ เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ จงรักษาความซื่อสัตย์และความรักต่อสามีภรรยา เหมือนรักษาความซื่อสัตย์และความรักของท่านที่มีต่อพระเจ้า พระเจ้าจะรักชนชาติของท่านเหมือนดั่งสามีรักภรรยา พระองค์จะ ทะนุถนอมและหวงแหนชนชาติของท่าน ท่านและ ลูกหลานก็จงนมัสการ และถวายเกียรติพระองค์แต่ผู้เดียวเหมือนภรรยารักและซื่อสัตย์ต่อสามี การหันเหจากพระองค์ หรือการทิ้งพระองค์ก็เป็นดั่งหญิงคบชู้  ท่านจะรับพระสัญญานี้หรือไม่"

"ข้าพเจ้ารับพระเจ้าข้า... และจะสั่งสอนให้ลูกหลานของข้าพเจ้าให้ปฏิบัติตาม"

เมื่อกษัตริย์ได้สติ ทรงเล่าสิ่งที่พระองค์ได้รับมาให้ผู้ที่อยู่ในโบสถ์ฟัง จากนั้นทรงสั่งปลดนางสนมทุกคน มอบทรัพย์สมบัติให้ และส่งนางเหล่านั้นกลับบ้าน ทรงประกาศกฎมณเฑียรบาล ที่กษัตริย์ทุกพระองค์จะมีพระราชินีเพียงองค์เดียว การสมรสใหม่จะเกิดขึ้นเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ตายจากกันเท่านั้น และเชื้อพระวงศ์ที่อายุครบ6ปีทุกคน ต้องเข้าศึกษาการขับร้องในวิหาร St. Cecilia และได้เปลี่ยนชื่อประเทศเป็น Soprano


ผ่านมา 300 ปี ประเทศ Soprano ก็เจริญขึ้นเป็นลำดับ ประชาชนอยู่ดีมีสุข และไม่เคยประสบภาวะอดอยากเลย กษัตริย์ทุกพระองค์รักษาพันธสัญญาอย่างเคร่งครัด แม้กาลเวลา จะทำให้เหตุการณ์อันยิ่งใหญ่นี้ ดูเหมือนเป็นแค่ตำนานเก่าแก่ก็ตาม
« Last Edit: April 21, 2009, 07:42:41 PM by เซนต์ แมกนัส » Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #1 on: June 29, 2007, 09:24:57 AM »

Overture

จนมาถึงรัชสมัยของกษัตริย์ ZIMRI แห่งราชวงค์ AMADEUSทรงมีพระมเหสีและพระราชโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์คือเจ้าชาย RONEN แม้จะทรงเป็นพระราชาที่ปกครองประเทศได้ไม่บกพร่อง แต่มีนิสัยชอบเรื่องบันเทิงเริงรมย์เกินขนาด และขาดความหนักแน่น ดูจะเป็นจุดอ่อนที่ทราบกันทั่ว

พระราชา ZIMRI ได้ชมการแสดงจากนักร้องต่างชาตินางหนึ่ง มีนามว่า Nerodias Jezebel นางไม่ใช่นักดนตรีทั่วไป แต่นางยังเรียนรู้ศิลปะแห่งเวทย์มนต์อันชั่วร้าย และรู้จักเพลงมนตราที่ทำให้ผู้ฟังหลงใหลในตัวนาง นางไม่รีรอที่จะร่ายมนตราของนางแก่พระราชา พระองค์ทรงหลงรักนางทันทีที่ได้ฟังนางขับกล่อมมนต์เพลงนั้น หากแต่กฎมณเฑียรบาลของประเทศ Soprano กษัตริย์ทุกพระองค์นอกจากจะต้องขับร้องเพลงสรรเสริญ และขอพรจากสวรรค์ให้ประเทศร่มเย็นเป็นสุขแล้ว ยังต้องรักษาความถูกต้องแห่งศีลธรรมทุกประการดังที่ได้ให้สัตย์ปฏิญาณในวันราชาภิเษก ณ.อาสนวิหารหลวงคือ โบสถ์ St. Cecilia นั่นแปลว่า การสมรสซ้อนเป็นสิ่งที่ต้องห้าม และการยึดมั่นในคู่ครองเพียงคนเดียวเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัตินอกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเสียชีวิตเท่านั้น

ในเวลานั้น บิชอปแห่งโบสถ์ St. Cecilia ได้เตือนพระราชา ZIMRI ว่าการละเมิดปฏิญาณของพระองค์ผู้ทรงเป็นกษัตริย์จะกลายเป็นบาปแห่งประชาชาติ คือ บาปของคนๆเดียวจะเป็นเหตุที่นำประเทศและประชาชนทั้งหมดสู่ความพินาศ แต่ดูเหมือนว่าในความมืดบอดของกิเลสตัณหาของพระองค์บวกกับเพลงมนต์ดำ พระองค์จึงกลับมองราชประเพณีเป็นเพียงเรื่องงมงายมากกว่าจะมองว่าจะเป็นสัญญาอันศักดิ์สิทธิ์ที่กษัตริย์แห่ง Soprano ทุกพระองค์ได้ธำรงไว้กับพระผู้เป็นเจ้าเพื่อรักษาความสงบสุขของประเทศมาหลายร้อยปี

     หลังจากทรงเปลี่ยนกฎหมายเพื่อรับพระสนมนางแรกของพระอาณาจักร  มเหสีของพระองค์ก็กลับเสียชีวิตในเวลาต่อมาอย่างมีเงื่อนงำ กษัตริย์ทรงเสียพระทัยไม่นานนัก พระองค์ก็แต่งตั้งนาง Nerodias  มาเป็นมเหสีคนใหม่ ในเริ่มแรกนาง ก็ได้ทำหน้าที่ของตน และช่วยกษัตริย์เลี้ยงดูพระราชโอรสของพระองค์อย่างดี แต่ดูเหมือนนางจะเก็บงำธาตุแท้ของนางไม่ได้นาน นาง Nerodias ได้คบชู้กับ Marley นักดนตรีหนุ่มผู้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้านักดนตรีบรรเลงเพลงขับกล่อมสำหรับการบรรทม ทั้งคู่ได้มีโอกาสพบเจอกันบ่อยครั้ง และคบหากันแบบลับ ๆ   นาง Nerodias และชายชู้ จึงได้ร่วมกันลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ลงเสีย เพื่อที่ว่าพวกตนจะได้ไม่ต้องแอบหลบ ๆ ซ่อน ๆ กันอีกต่อไป

   ภายหลังกษัตริย์สิ้นพระชนม์ลงไป ผู้ที่จะสืบทอดราชบัลลังค์ตามกฎ มณเทียรบาลคือ เจ้าชาย Ronen นาง Nerodias จึงได้ขอการสนับสนุนทางทหารจากแม่ทัพฝ่ายขวาของอาณาจักร และมหาเสนาบดี ซึ่งทั้งสองก็เป็นชู้ลับๆของนางเช่นกัน เพื่อให้นางเป็นผู้สำเร็จราชการแทนในฐานะราชินีในระหว่างที่เจ้าชาย Ronen ยังทรงพระเยาว์ จนกว่าจะทรงเจริญพระชนมายุพอจะขึ้นครองราชได้และในระหว่างนั้นนางได้ให้กำเนิดบุตรขึ้นมาอีกคนหนึ่ง เป็นบุตรที่เกิดระหว่างนาง Nerodias กับนักดนตรีหนุ่มนั่นเอง และด้วยอายุที่ไม่ห่างจากเจ้าชายพระองค์แรกของกษัตริย์พระองค์ก่อนมากนัก พระนางจึงเลี้ยงดูเจ้าชายทั้งสองพระองค์ คือ เจ้าชาย RONEN พระองค์โตจากกษัตริย์พระองค์ก่อน กับ เจ้าชาย Calvin พระองค์เล็กของพระนาง ไปด้วยกันทั้งสองพระองค์

   วันเวลาได้ล่วงเลยผ่านไป เจ้าชายทั้งสองพระองค์ได้เติบโตขึ้นเป็นชายหนุ่มรูปงาม แต่ Marley อดีตนักดนตรีผู้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของพระราชินี อยู่ ณ เวลานั้นไม่สบายใจอย่างมาก  เพราะตามกฎมณเฑียรบาลแล้วผู้สืบราชบัลลังก์นั้นต้องเป็นเจ้าชาย RONEN ผู้เป็นพระโอรสจากกษัตริย์พระองค์ก่อน ไม่ใช่บุตรของตนที่ไม่มีสายเลือดราชวงศ์  AMADEUS เลย ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ตนปรารถนา กับหอกข้างแคร่ที่ดูจะเติบใหญ่ขึ้นทุกวัน และยิ่งไปกว่านั้นขณะที่ตนเองแก่ชราและอ่อนแอลงทุกวัน แต่พระราชินีผู้คงความงามด้วยเวทย์มนต์และไสยดำที่นางเชี่ยวชาญก็ดูจะแสดงความรักต่อเจ้าชายหนุ่มลูกเลี้ยงอย่างที่น่าจะเกินฐานะของความรักอย่างแม่มากขึ้นทุกๆวัน

  Marley จึงคิดหาทางกำจัดเจ้าชาย RONEN ลงเสีย แต่นั่นกลับกลายเป็นการทำให้เจ้าชาย RONEN ทราบความจริงที่ว่าพระราชบิดาของพระองค์ถูกปลงพระชนม์ลงด้วยฝีมือของชายชู้และแม่เลี้ยงในปัจจุบันของพระองค์   เจ้าชายจึงออกรวบรวมสมัครพรรคพวกปฏิวัติต่อต้านราชินี แต่การปฏิวัตินั้นกลับล้มเหลวเมื่อเจอกับกำลังทหารของราชสำนักกวาดล้าง ยังผลให้ผู้ร่วมปฏิวัติทั้งหมดของพระองค์ถูกจับประหารชีวิตในข้อหาเป็นกบฏ เว้นแต่เจ้าชายพระองค์เดียวที่รอดชีวิตมาได้จากการช่วยเหลือของพระนาง Nerodias

  พระนาง Nerodias จึงสั่งประหารชีวิต Marley ที่ปรึกษาและอดีตชู้รักเก่าของตน และโยนความผิดในการลอบปลงพระชนม์กษัตริย์องค์ก่อนให้ชายชู้ที่ตายไป ที่นางทำไปเพราะเริ่มหลงรักเจ้าชายวัยหนุ่มที่หล่อเหลา และเบื่อชู้แก่ที่ตอนนี้กลับกลายเป็นตัวที่จะขัดขวางความสุขของนางนั่นเอง


  เจ้าชาย RONEN ที่แม้จะรอดชีวิตมาได้แต่พระองค์ก็อยู่อย่างไม่ค่อยสบายพระทัยนัก หลังจากเกิดเรื่องราวที่ทำให้พวกพ้องต้องจบชีวิตลงหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่เลี้ยงของพระองค์เองที่ขณะนี้กำลังยื่นข้อเสนอให้เจ้าชายได้ครองราชย์ โดยมีเงื่อนไขในการที่ต้องอภิเษกสมรสกับพระนาง เพื่อพระนางจะคงความเป็นพระราชินีของประเทศสืบต่อไป แม้นางจะอ้างถึงบุญคุณที่เลี้ยงดูมาตลอดและช่วยชีวิต แต่ด้วยความที่เจ้าชายไม่เคยมองว่านางเป็นสิ่งอื่นใดมากกว่าแม่เลี้ยง และยิ่งเมื่อรู้ว่านางเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสิ้นพระชนม์ของบิดามารดาที่แท้จริงของพระองค์ นี่จึงกลายเป็นเงื่อนไขที่พระองค์รับไม่ได้ เช่นเดียวกับเจ้าชาย Calvin  พระองค์เล็กบุตรนาง Nerodias ที่เปลี่ยนไปเป็นศัตรูกับผู้พี่เสียแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าชายทั้งสองพระองค์ได้ออกไปประลองฝีมือกัน และขณะขับเคี่ยวกันอยู่นั้น เจ้าชาย RONEN  พลั้งมือฆ่าเจ้าชาย Calvin  สิ้นชีวิตลง เรื่องนี้สร้างความโศกเศร้าและผิดหวังที่สุดในชีวิตให้กับพระนาง Nerodias ที่เสียบุตรชายแท้ ๆ ของนางไป ทำให้นางสูญเสียสถานภาพทุกอย่างและยังเสียคนที่รักนางไปจนหมด
จิตใจของนางเริ่มสับสน ทั้งโศกเศร้า ทั้งรัก และทั้งแค้น ไม่กล้าไว้ใจใครทั้งสิ้น นางไว้ใจแต่ผู้ที่ได้ฟังและหลงใหลมนต์เพลงของนาง แต่ไม่ไว้ใจในจิตใจมนุษย์ที่เข้ามาหานางเลย



ในห้วงอารมณ์ที่สับสนนั่นเองพระนางได้ตัดสินพระทัยวางยาพิษเจ้าชาย RONEN บุตรบุญธรรมที่ครั้งหนึ่งพระนางเคยให้ความรักเป็นอย่างมากและทำให้นางเจ็บแค้นอย่างมากเช่นกัน
เพราะมีเพียงคนเดียว ซึ่งนางไม่อาจสะกดเขาได้ เพราะมนต์ตราใด ๆ ก็มีข้อจำกัด
มนต์เพลงของนางอาจทำให้ชายหนุ่ม มาหลงรักหญิงสาว  แต่ไม่อาจทำให้
ผู้ที่มีความรักให้แล้วในฐานะลูกและแม่ เปลี่ยนมาเป็นความรักฉันท์ชู้สาวได้


การสิ้นพระชนม์ของเจ้าชาย RONEN ทำให้ในเวลานี้นางไม่เหลือผู้ที่นางรักอีกแล้วในโลก นางจึงดำดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความมืดมนในจิตวิญญาณอย่างถึงที่สุด
« Last Edit: February 18, 2009, 07:35:54 AM by Little Lamb, the Little Angel » Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #2 on: June 29, 2007, 09:26:45 AM »

Hymn of Exodos




  ภายหลังเหตุโศกนาฏกรรมในครั้งนั้น พระนาง Nerodias ก็เริ่มสติฟั่นเฟือน อารมณ์แปรปรวนไม่อยู่กับร่องกับรอย ความชั่วร้ายของพระนางเริ่มแสดงออกมาอย่างบ้าคลั่ง พระนางได้ออกคำสั่งให้ประหารชีวิตทุกคนในราชวงค์ AMADEUS ทั้งหมดเป็นการถอนรากถอนโคน ซึ่งสิ่งที่ทำให้พระนางเกิดจิตวิปลาสไป ทั้งหมดนี้เกิดมาจากด้านมืดของมตราชั่วร้ายที่นางใช้มาตลอดรวมกับจิตใจอันเหี้ยมโหดและมีความต้องการไม่หมดสิ้น และ โศกนาฏกรรมที่เกิดซ้ำซ้อนหลายต่อหลายครั้งในชีวิต

  และพระนางได้สถาปนาตนเองขึ้น เป็นมหาราชินีองค์แรกแห่งราชวงค์ Jezebel และเริ่มปกครองประเทศ Soprano โดยถืออำนาจสิทธิ์ขาดแต่เพียงผู้เดียว  ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะขัดใจนางซักคนเดียว โดยปกติแล้วพระนางจะมีความโปรดปรานที่จะขับร้องดนตรีเป็นพิเศษ แม้เสียงที่ออกมาจะแย่หรือไม่เพราะเพียงใด ขุนนางน้อยใหญ่จำต้องแกล้งคอยชื่นชมสรรเสริญนางอยู่เป็นนิจ ด้วยว่าหากขัดใจนาง หรือ เอ่ยปากบอกออกมาว่าไม่เพราะเมื่อใด ย่อมหมายถึงศีรษะของตนเองที่จะหลุดออกจากบ่า และยอดขุนพล หรือขุนนางคนใดเริ่มกระด้างกระเดื่องก็จะตกเป็นทาสมนต์เพลงของนาง ในเวลานี้ประเทศที่ครั้งหนึ่งเคยสงบสุข และสุขสดชื่นไปด้วยดนตรีแห่งสวรรค์ ได้กลายเป็นประเทศแห่งความทุกข์ยากจากการปกครองของราชินีที่อำมหิต และมืดมนไปด้วยดนตรีเวทย์ดำแห่งการครอบงำจิตใจ อันมีเหตุเริ่มจากกิเลสตัณหาของคนเพียงคนเดียวได้นำความพินาศมาสู่คนทั้งประเทศในที่สุด


  ขณะที่เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นในวังนั่นเอง ไกลออกไป ณ โบสถ์แห่ง St. Cecilia อันเป็นศูนย์กลางของประเทศนั้น มีเจ้าชายผู้ทรงพระเยาว์ตกสำรวจอยู่พระองค์หนึ่ง มีพระนามว่า David    เจ้าชาย David มีศักดิ์เป็นหลานห่างๆของกษัตริย์ ZIMRI ที่ถูกนาง Nerodias ปลงพระชนม์ไป เรียกได้ว่าเป็นเชื้อสายรุ่นปลายแถวของราชวงศ์ AMADEUS จนทุกคนแทบไม่ได้นึกถึงว่าทรงเป็นเจ้าชายด้วยซ้ำ แต่กระนั้นก็ดีเจ้าชาย David กลับมีพรสวรรค์ทางการดนตรีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ พรสวรรค์ในการร้องเสียง Soprano ออกมาได้อย่างไพเราะเพราะพริ้งยากจะหาใครเทียมทันได้ เป็นพรสวรรค์แห่งราชวงศ์จากสายเลือดคีตราชาที่พระองค์ได้รับสืบทอดมาอย่างเต็มที่ จนมีเสียงชื่นชมว่า หากเสียงดนตรีสรรเสริญของกษัตริย์อื่นนำสันติสุขให้ Soprano ได้100ปี เสียงของพระองค์จะนำสันติสุขมาได้ถึง500ปี

   คำร่ำลือเรื่องนี้ได้เป็นได้ยินไปถึงหูพระนาง Nerodias ผู้หมายมั่นจะล้างสายเลือดราชวงศ์ AMADEUS นี้เสียให้สิ้น พระนางจึงยกกองกำลังมาบุกโบสถ์ St. Cecilia พร้อมประกาศก้องให้บรรดานักบวชที่พำนักอยู่ในโบสถ์ยอมมอบตัวเจ้าชาย David มาให้แต่โดยดี แต่เป็นธรรมดาที่บรรดาคณะนักบวชจะปฏิเสธ เพราะรู้ดีว่าพระนางต้องการที่จะปลิดชีวิตเจ้าชายลงเสีย เมื่อเป็นดังนั้น พระนาง Nerodias ก็จริตแตก สั่งสังหารหมู่ ฆ่าทุกคนในโบสถ์แห่งนี้ลงเสีย   การสังหารโหดได้เริ่มต้นขึ้นกับบรรดานักบวชที่ไร้ทางต่อต้าน และพร้อมใจที่จะสละชีพเพื่อความถูกต้อง และก่อนที่เจ้าอาวาสประจำโบสถ์จะถึงแก่มรณภาพนั่นเอง เจ้าอาวาสได้กล่าวทำนายถึงพระนาง Nerodias ทิ้งท้ายไว้ว่า

  “ข้ามองเห็นเทวทูตแห่งการลงทัณท์อยู่เหนือท่าน เพราะท่านได้กระทำทุราจารอย่างที่สุดต่อสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์นี้ และต่อชีวิตคนจำนวนมาก อีกไม่นานท่านจะสูญเสียทุกอย่างไป พระเจ้าจะทรงชิงบัลลังก์ไปจากท่านและมอบมันให้กับผู้ที่เหมาะสม และท่าน...จะเป็นสตรีที่ชื่อของนางต้องถูกสาปแช่งไปตลอดกาลที่ประวัติศาสตร์ถูกกล่าวขาน”

  แต่แม้จะทำถึงขนาดนี้ก็ยังมิอาจจับตัวเจ้าชาย David มาได้ ด้วยว่าเจ้าชายได้ทรงหลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้วในระหว่างที่พวกนักบวชได้ช่วยถ่วงเวลาให้ สร้างความโกรธแค้นให้กับพระนาง Nerodias เป็นอย่างมาก ทำให้พระนางได้ออกกฤษฎีกาประกาศออกมาทั่งราชอาณาจักร Soprano ว่า ผู้ใดให้ที่พักพิง ให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าชาย David กล้าที่จะขัดพระราชโองการ จักต้องพบจุดจบเยี่ยงโบสถ์ St. Cecilia แห่งนี้ แล้วจึงตั้งคณะนักบวชหุ่นเชิดที่พร้อมจะทำตามที่พระนางสั่งขึ้นมาใหม่ นางได้ประกาศตั้งศาสนจักรใหม่ของนางเอง ที่ศาสนาอยู่ใต้อำนาจการเมือง หลักศาสนาที่จะบูชานางประดุจเทพธิดา นางได้รื้อทำลายวิหาร St. Cecilia ตั้งรูปนางเองแทนที่รูปนักบุญแห่งการดนตรี และตั้งรูปปีศาจเจ้าแห่งมนต์ดำกลางวิหาร เพื่อเย้ยหยัน พระเจ้า และคำทำนายของนักบวช

ในเวลานั้นจึงเกิดกลียุคขึ้น ประชาชนที่รับไม่ได้ที่จะต้องเคารพนางซึ่งเป็นผู้เป็นหญิงแพศยาแทนพระเจ้า เริ่มก่อการต่อต้าน นางได้ประกาศบังคับให้ประชาชนทั้งหมดเปลี่ยนศาสนา และ ผู้ที่ยังนับถือศาสนาเดิมจะถือว่าเป็นกบฏ และต้องถูกประหาร การเบียดเบียนศาสนาที่รุนแรงได้เกิดขึ้นทั่วประเทศ ประชาชนจำนวนมากยอมตาย แต่ก็มีคนไม่น้อยที่ฉวยโอกาสนี้ เข้านับถือศาสนาใหม่เพื่อสอพลอนาง บางคนก็จำยอมด้วยกลัวจะต้องตาย และในขณะเดียวกันผู้ที่ไม่ยอมนอกจากยอมตาย หลายคนเลือกที่จะเข้าร่วมกลุ่มปฏิวัติได้ก่อตัวขึ้นทั่วไป และสงครามกลางเมืองได้เกิดขึ้น เศรษฐกิจและสังคมพังพินาศ ความขาดแคลนและข้าวยากหมากแพงที่ไม่เคยมีมานานกว่า300ปี กระจายไปทั่วประเทศ ไม่มีเสียงดนตรีอีกต่อไป มีแต่เสียงก่นด่า เสียงแตรรบ และ เสียงร้องไห้ คร่ำครวญ

ทางฝ่ายเจ้าชาย David ได้หลบหนีการตามล่าของทางการไปพร้อมกับเด็กหญิงผู้เป็น Postulant (ผู้เตรียมออกบวช) นางหนึ่งของโบสถ์  ในช่วงเวลานั้น เจ้าชายมีพระพรรษาเพียง 9 พระพรรษา ขณะที่เธอก็มีอายุไม่ต่างกันมาก คือเพียง 10 ขวบเท่านั้น ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ อยู่ทั้งคู่ แต่กลับต้องมาเผชิญชะตากรรมความยากลำบากเช่นนี้ และมีเพียงอัศวินยูนิคอร์นสาวที่รักษาโบสถ์เพียงคนเดียว ที่อารักขาพาหนีออกมา

ในระหว่างการหลบหนีนั้นทั้ง3ได้พบกับทูตสวรรค์ผู้เป็นอารักขเทวดาประจำโบสถ์ St. Cecilia และประเทศ Soprano อารักขเทวดามาปรากฏตัวระหว่างการเดินทางของทั้ง3 ให้กำลังใจ และได้ทำนายบอกไว้ว่า เจ้าชายจะสามารถกอบกู้บัลลังก์กลับคืนมาได้แน่


“ด้วย Soprano ต้องล้มลงเพราะบาปของคนๆเดียว ก็จะได้รับการกอบกู้จากสวรรค์ให้กลับยืนขึ้นได้เพราะความชอบธรรมของคนๆเดียวเช่นกัน”

ทูตสวรรค์ยังได้แนะนำว่า ในโลกนี้มีของวิเศษที่มาจากสวรรค์อยู่มากมาย และสำหรับการนี้ มีของวิเศษ 12 ชิ้น ที่จะช่วยให้การกอบกู้บัลลังก์ของเจ้าชายทำได้สำเร็จ ในจำนวนนี้บางชิ้นมีเจ้าของ บางชิ้นยังคงเป็นสมบัติที่ไม่มีใครครอบครอง ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยการหยิบยืมจากพันธมิตร หรือการพจญภัยค้นหา ก็ต้องหาให้ครบ 12 ชิ้น ก่อนที่จะกลับไปเผชิญหน้านางมารร้ายและกอบกู้ประเทศกลับมา และยังทำนายด้วยว่า เจ้าชายจะได้ผู้ช่วยเหลือมากมายจากภารกิจนี้

เมื่อรู้เช่นนั้นทั้งหมดจึงมีอุดมการณ์มุ่งมั่นที่จะกอบกู้ราชบัลลังก์แห่ง Soprano โดยเริ่มออกเดินทางรวบรวมสมัครพรรคพวกที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือมาเข้าร่วมกลุ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกระแสมวลชนจำนวนมากที่ไม่พอใจมหาราชินีที่ปกครองอย่างโหดเหี้ยม

    สมัครพรรคพวกของคณะกู้บัลลังก์ของเจ้าชาย David เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามทางและของวิเศษที่ได้มา ประกอบไปด้วยผู้มีฝีมือมากมายจากหลากหลายอาชีพ ทั้งนักรบ จอมเวทย์ นักเล่นแร่แปรธาตุ นินจา จนไปถึงอาชีพอื่น ๆ แต่ไม่ว่าจะแตกต่างกันเพียงไร ทั้งหมดล้วนมีจิตใจเดียวกันร่วมกัน คือการตามหาของวิเศษ 12 ชิ้น และกอบกู้ราชบัลลังก์กลับคืนมาให้กับเจ้าชาย David เพื่อนำประเทศ Soprano กลับคืนสู่สันติสุขดังเช่นที่ผ่านมา

การกอบกู้ราชบัลลังก์นั้นดูเหมือนจะไม่ง่ายนักเมื่อจักรพรรดินี Nerodias ก็ตระหนักถึงกลุ่มที่ต่อต้านนาง และนางยังมีกำลังทหาร และ เหล่าขุนพล  และขุนนาง ที่ต้องมนต์เพลงของนางอยู่อีกจำนวนมาก และยังพลังเวทย์มืดที่ร้ายกาจที่นางได้มาจากปีศาจแห่งบาปชั่วที่ล่อลวงมนุษย์เสมอมา บาปแห่งตัณหาที่เป็นต้นเหตุทำลายประเทศนี้ ผู้ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด

แล้วเจ้าชาย David กับคณะจะสามารถกอบกู้ราชบัลลังก์ได้สำเร็จหรือไม่ ทั้งหมดนี้ต้องติดตามกันใน Episode 14 Hymn of Exodos


« Last Edit: April 08, 2008, 06:04:43 PM by ซานโต นีโน » Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #3 on: April 11, 2008, 05:25:05 AM »

Refrain


CANTABO DOMINICO VIVAM

" ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า ตราบเท่าชีวิตจะหาไม่ "



Nerodias Jezebel
พระเจ้ากลั่นแกล้งข้า ทุกสิ่งที่ข้าไขว่คว้า ล้วนสูญเสียไปหมด  ถ้าพระเจ้ามีจริงทำไมถึงปล่อยให้ชีวิตข้ามีแต่เรื่องเลวร้าย ในเวลานี้ ข้ามีทุกอย่างอยู่ในมือแล้ว และข้าจะไม่ยอมสูญเสียมันไป ถ้าปีศาจจะให้ทุกอย่างกับข้าได้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรข้าก็ยอม



Shiriel อารักขเทวดาแห่งSoprano
เด็กน้อยเดวิดเอ๋ย เชื้อสายกษัตริย์ ผู้เล็กน้อยต่ำต้อยที่สุดในราชวงศ์กษัตริย์ AMADEUS พระเจ้าจะทรงหยิบกรวดก้อนน้อยที่คนทิ้งขว้าง ตั้งขึ้นเป็นศิลาเสาหลัก พระองค์จะทรงทำการยิ่งใหญ่สำหรับเจ้า จะทรงยกพระกรแสดงอานุภาพขับไล่ผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงให้กระจัดกระจายไป จะทรงคว่ำผู้มีอำนาจลงจากบัลลังก์ แต่ทรงยกย่องผู้ต่ำต้อยให้สูงขึ้น พระองค์จะทรงช่วยเหลือผู้อดอยาก และช่วยเหลือผู้ศรัทธาในพระองค์ โดยทรงระลึกถึงพระกรุณา ดังที่ทรงสัญญาไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า พระสัญญาของพระองค์จะไม่เพิกถอน แม้มนุษย์จะไม่ซื่อสัตย์ต่อสัญญา แต่พระองค์จะทรงซื่อสัตย์ต่อไป เพราะ พระนามของพระองค์ศักดิ์สิทธิ์ และ พระสัญญาของพระองค์เป็นนิรันดร์





เจ้าชายเดวิด
ข้ามาคิดดูถึงเรื่องราวทั้งหมด ก็เกิดความสงสัยแปลกๆขึ้น ทุกคนทราบกันดีว่า เหตุการณ์วิบัติของประเทศเราในเวลานี้ เกิดขึ้นเพราะการผิดพันธสัญญาของกษัตริย์ ZIMRI แต่ข้าเกิดคิดขึ้นมาว่า หรือที่จริงแล้วจะเป็นแบบนี้ คือเมื่อ300ปีก่อน พระเจ้าทรงรู้ล่วงหน้าว่า ในอนาคต ประเทศของเราจะต้องประสบเหตุการณ์แบบนี้อันมีต้นเหตุมาจากการมีสนมของ กษัตริย์ ZIMRI พระองค์จึงทรงตราการห้ามการสมรสซ้อนของกษัตริย์ประเทศเราไว้ ในพระสัญญา เพื่อป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นนี้




Alice นักบวชหญิง
ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างที่เจ้าชายสงสัยจริง ก็แปลว่าพระเจ้าได้เตรียมแผนการที่2ไว้ล่วงหน้าด้วยเหมือนกัน เพื่อว่าหากแผนการแรกคือการป้องกันนั้นไม่เกิดผล พระองค์ยังคงตระเตรียมทางกอบกู้ชนชาติที่พระองค์รักไว้ นั่นคือทรงส่งเจ้าชายลงมาประสูติในช่วงเวลานี้ เพื่อกลับไปกอบกู้ราชบัลลังก์ไงเพคะ



Andromache นักรบยูนิคอร์นสาว
ข้าต้องขอบอกเจ้าชายก่อนว่า ถ้าให้ข้าร่วมเดินทางกินนอนร่วมกับพวกผู้ชาย ที่ชอบอวดตัวข่มผู้หญิง บ้าแต่กำลัง วันๆคิดแต่เรื่องลามก ข้ากัดลิ้นตัวเองตายดีกว่า ดังนั้นถ้าเจ้าชายคิดจะรับผู้ร่วมทางที่เป็นชายที่อายุเกิน12ปีแล้วล่ะก็ ข้าคงไม่อาจร่วมทางไปกับท่านได้




Escaltea นักแม่นปืน
อืดอาดแบบนี้ หลับตายิงยังโดน...




SIMONE นักเล่นแร่แปรธาตุ
การค้นพบความลับของธรรมชาติเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่สุด...



Dinah โจรสาวนักล่าสมบัติ
ตระเวณตามหาของมีค่างั้นเหรอ...น่าสนใจดีนี่




Kyler นักธนู
หน้าไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้ตกทอดมาในตระกูลของชั้น และตอนนี้มันคือของที่ระลึกต่างหน้าพ่อที่เสียไป ดังนั้น ถ้าพวกท่านมีเหตุผลสำคัญที่ต้องใช้มันจริงๆ ชั้นจะให้ยืมก็ได้ แต่ต้องให้ชั้นติดตามไปด้วย เพราะชั้นจะดูแลรักษามันเอง



FELINA แมวสาวนักข่วน
เจ้าชายเนี่ย ขนาดเวลาโกรธยังดูน่ารักอยู่เลย เดี๋ยวพวกศัตรูจะไม่กลัวเอานะ มามะ...เดี๋ยวพี่สาวจะสอนวิธีขู่ให้


KOTONE นินจา
ไร้สาระ...



Mandy แม่มดแห่งป่า
ถึงจะเป็นภาระกิจแรกในฐานะแม่มดฝึกหัด แต่รับรองได้ว่า ชั้นจะไม่เป็นตัวถ่วงแน่นนอน



Raisa,Headman หญิงแห่งซาโลม
หึหึ...รอการออกรบจริงๆมานานแล้ว



Sandra นักเต้น
เค้าหิวอีกแล้วง่ะ...




AELLA หัวหน้านักดาบแห่งฟีเลเซีย
นอกจากหน้าที่ ที่ต้องติดตามอารักขาดาบศักดิ์สิทธิ์นี้ หม่อมชั้นยังได้รับพระบัญชาให้คอยช่วยเหลือฝ่าบาทในราชกิจนี้ จนกว่าจะอัญเชิญ"ดาบแห่งพระวจนะ"นี้กลับฟีเลเซียเพคะ


Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #4 on: February 12, 2009, 07:21:06 AM »





Music Hall


Soprano เป็นราชอาณาจักร ที่ไม่ใหญ่โต แต่มีประชากรหนาแน่น กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยแบ่งส่วนการปกครองออกเป็น3แคว้นย่อยๆ โดยมี ดยุคของแต่ละแคว้น ซึ่งเป็นขุนนางและเชื้อพระวงศ์ที่ขึ้นตรงต่อกษัตริย์ที่ประทับอยู่ที่เมืองหลวง



1.North Soprano แคว้นทางเหนือ ที่มีพรหมแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน หลายประเทศ เป็นแหล่งกสิกรรม และเกษตรกรรม ที่ถือว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ



ดยุคWilhelm ผู้ปลิ้นปล้อนปกครองแคว้นเหนือนี้ตั้งแต่รัชสมัยของกษัตริย์ ZIMRI ตามการสืบทอดของตระกูลขุนนางเก่าแก่ และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เขาก็พร้อมที่จะสวามิภักดิ์ต่อราชินีองค์ใหม่ และบังคับประชาชนแคว้นเหนือเปลี่ยนมากราบไหว้เทพีราชินี เพื่อเอาใจนางทันที และด้วยการปกครองที่เข้มงวดมานาน ประชาชนทางเหนือส่วนมากที่ล้วนยอมตามผู้ปกครองโดยง่าย ก็ไม่อาจต่อต้านมากนัก แคว้นเหนือและดยุคWilhelm จึงกลายเป็นขุนนางคนโปรดของนาง เนโรเดียส ในระดับต้นๆ โดยที่ไม่ต้องโดนบังคับด้วยมนต์เพลงแต่อย่างใด เพราะเขาเข้าสวามิภักดิ์และเอาอกเอาใจนางทุกรูปแบบ ตั้งแต่ในท้องพระโรงถึงห้องบรรทม มาตั้งแต่แรกเริ่ม


2.Heart of Soprano แคว้นภาคกลาง จุดศูยน์รวมของสถานที่สำคัญๆในประเทศ ทั้งราชวัง และมหาวิหารหลวง



ดยุคLudwig ผู้แข็งกร้าวและเที่ยงตรง มีศักดิ์เป็นพระญาติของกษัตริย์องค์ก่อน ด้วยความสามารถ และบุคลิคที่ห้าวหาญตรงไปตรงมา ทำให้การปกครองส่วนกลางของประเทศที่เป็นที่ตั้งเมืองหลวง และพระมหาราชวัง เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และแม้แต่นางเนโรเดียสเอง ก็ยอมรับความสามารถของเขามานาน และแน่นอนว่า ในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เขาอยู่ฝ่ายขุนนางที่จงรักภัคดีต่อระบอบเก่า เหตุผลเดียวที่เขายังรอดชีวิตมาได้ เพราะนางเนโรเดียสรู้ดีว่า การจะสยบขุนนางที่ยังกระด้างกระเดื่อง จะต้องได้เขามาเป็นฝ่ายนาง  แม้จะด้วยคุณไสย และมนต์เพลงสะกด นางก็ได้ทั้งอำนาจ แคว้นภาคกลางมาไว้ในมือโดยสมบูรณ์



3.Alto แคว้นทางใต้ที่มีส่วนติดทะเล และที่ราบลุ่ม เป็นทั้งแหล่งเพาะปลูก และการประมง โดยเฉพาะทางออกสู่ทะเลที่เป็นแหล่งสัญจร และการค้าอันสำคัญ แคว้นนี้แต่เดิมเป็นประเทศราช จึงยังคงชื่อเดิมไว้ และมีการปกครองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ เมืองหลวงเก่า ก็ยังเป็นเสมือนเมืองหลวงที่สองของประเทศ แต่ไหนแต่ไรมา ดยุคแห่งอัลโต เป็นดยุกที่มีอิทธิพลต่อประเทศมากกว่าดยุคคนอื่นๆ



ดยุค Saul สูญเสียบิดาของตนไปก่อนช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง นักปกครองหนุ่ม ขึ้นเป็นดยุคแห่งอัลโตแทน โดยมีมารดา ดัชเชส โซเฟีย ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดสตรีผู้ชาญฉลาด และช่วยสามีปกครองดูแลแคว้นสำคัญนี้จนเจริญขึ้น และมีชื่อเสียงอย่างมาก ยังคงช่วยบุตรชายปกครองดูแลแคว้นนี้ เพราะอาจกล่าวได้ว่าแท้จริงเบื้องหลังความเจริญรุดหน้าทุกอย่างในสมัยที่ผ่านมา คือความอัจฉริยะของดัชเชสผู้นี้ แต่เมื่อการปกครองเปลี่ยนแปลง ดยุค Saul ตัดสินใจเข้าฝ่ายราชินี โดยคิดว่านี่จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ที่จะรักษาความเจริญรุ่งเรืองที่รุ่นบิดาได้ทำไว้ และคงสันติสุขของคนในแคว้น  แม้ในเริ่มแรกทางแคว้นใต้ พยายามสงวนท่าที และปราณีปรานอมยอมรับการปกครองใหม่ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ในวิหาร St. Cecilia และการประกาศพระราชกำหนดให้กราบไว้เทิดทูนราชินีใหม่เป็นเทพสตรี  ดัชเชส โซเฟีย ผู้เปี่ยมด้วยปรีชาและศรัทธาไม่อาจรับสิ่งน่ารังเกียจเหล่านี้ได้ ก็เริ่มจะขัดแย้งทางความเห็นอย่างรุนแรงต่อผู้เป็นบุตร




Ensemble (อองซอมเบลอ)

แม้ประเทศนี้จะมีจุดเด่นเรื่องการดนตรี แต่การจะรักษาประเทศให้รอดพ้นจากการรุกราน จำเป็นต้องมีกองทัพที่แกร่งกล้าสามารถ บรรดาดยุคทั้ง3แคว้น ล้วนมีทัพหลวงของตัวเอง โดยทัพทั้ง3มีเอกลักษณ์การต่อสู้ที่แตกต่างและโดดเด่น และอยู่คู่กับประวัติศาสตร์ของชาติมาช้านาน


« Last Edit: February 18, 2009, 09:37:48 PM by เซนต์ แมกนัส » Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #5 on: February 12, 2009, 08:12:20 AM »

Philharmonic Orchestra

การเมืองระหว่างประเทศ

บรรดาผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน  และประเทศใกล้เคียง ล้วนตกตะลึงกับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงการปกครองอย่างรุนแรงในประเทศที่เคยเจริญ และเข้มแข็งนี้ แต่ทว่า ท่าทีส่วนมากของบรรดาผู้นำและนักการเมือง ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นคือ การสงวนท่าที และการพยายามไม่ก้าวก่ายการเมืองภายในประเทศอื่น แม้จะมีบางประเทศเรียกร้องให้ใช้ความสงบ และให้มีเสรีภาพแก่ประชาชน แต่นางเนโรเดียสไม่เคยใส่ใจและไม่เคยให้ความสำคัญอยู่แล้ว ตรงข้าม นางส่งสัญญาณแข็งกร้าวถึงประเทศใกล้เคียง ให้รู้เป็นนัยว่า อยากอยู่อย่างสงบหรือเกิดสงครามระหว่างประเทศก็เลือกเอา


Ekklesia

ข่าวการสังหารหมู่นักบวชในพระวิหาร และการเบียดเบียนศาสนาใน Soprano หนึ่งในราชอาณาจักรที่เปี่ยมศรัทธาต่อพระศาสนาที่สุดมาหลายชั่วคน สะเทือนจิตใจผู้คนทั่วโลก และเป็นการคุกคามพระศาสนจักรอย่างชัดเจน พระสันตะปาปา ปาเซลลี่ ก็อยู่ในฐานะ ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากการออกสมณสารเรียกร้องให้หยุดการเบียดเบียนพระศาสนจักรใน Soprano ซึ่งแน่นอนว่า นอกจากนางเนโรเดียสจะเดือดดาลและเกลียดชังพระศาสนจักรอย่างยิ่ง นางยังต้องการทำลายล้างพระศาสนจักรเดิมด้วย และเมื่อบรรดาผู้นำและกษัตริย์ประเทศต่างๆออกอาการนิ่งเฉย และบางประเทศกลัวเกิดปัญหากับราชินีผู้บ้าคลั่ง ประกาศไม่รับรู้ และไม่ช่วยเหลือใดๆต่อคณะกู้ชาติของเจ้าชายเดวิด  จึงมีข่าวลือไปทั่วเรื่องจดหมายลับจากพระสันตะปาปา ที่ส่งถึงพระศาสนจักรและโบสถ์ทั่วโลก ถึงการขอให้ช่วยเหลือเจ้าชายน้อยแห่ง Soprano ผู้ต้องออกเร่ร่อนพลัดบ้านเกิด และต้องการกลับไปกอบกู้ประเทศชาติ เพื่อคืนศักดิ์ศรีและสันติสุขแท้แก่ประชาชนของตน


« Last Edit: February 18, 2009, 07:53:16 AM by Little Lamb, the Little Angel » Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #6 on: February 15, 2009, 04:20:45 AM »

Holy Relic



คฑาพิชิตมาร
สถานที่-วิหารหลวงนักบุญ ซิซีเลียประเทศโซปราโน

เมื่อเจ้าชายเดวิทหนีออกมาพร้อมอลิซ หัวหน้านักบวชได้ขอให้เธอนำคฑาศักดิ์สิทธิ์นี้ไปจากวิหารด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้นางเนโรเดียสได้ไป และระหว่างทางนั้นเองที่อารักขเทวดาแห่งโซปราโนได้ปรากฎตัวขึ้น และบอกถึงของวิเศษ12ชิ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือคฑาอันนี้ และได้บอกถึงของ11ชิ้นที่เหลือ ให้กลุ่มคณะกู้ชาติได้ตามหา



หอกปลายขวานแห่งความหวัง
สถานที่-สถานศึกษานักบุญอักแนสแห่งธัดเดอัสประเทศโซปราโน

สำหรับชิ้นที่2นี้ ก็อยู่ที่สถานศึกษาของเหล่าสาวพรหมจารีผู้ฝึกฝนเป็นนักรบยูนิคอร์นในโซปราโนนั่นเอง ซึ่งประเทศใดก็ตามที่ต้องการมีนักรบยูนิคอร์น ย่อมต้องมีโบสถ์และสถานศึกษาของน.อักแนสมาตั้งในประเทศ ซึ่งสำหรับประเทศโซปราโน ก็ตั้งอยู่ที่เมืองธัดเดอัส ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ และเมื่ออันโดมาคี ได้อารักขาเจ้าชายออกจากเมืองหลวง ก็แวะที่สถานศึกษาเดิมของตน และได้รับอณุญาติให้ใช้ของวิเศษชิ้นที่2นี้อย่างง่ายดาย หอกนี้จะชื่อว่าหอกแห่งความหวัง หมายถึงผู้ที่แม้จะสิ้นหวังกับความโหดร้ายของโลก และความเลวร้ายของมนุษย์ แต่ยังมีหวังในพระเมตตาของพระเจ้าหลงเหลืออยู่ในจิตใจ เมื่อหอกนี้ได้สัมผัสจิตใจของเจ้าชายเดวิท ก็พบว่าเขายังมีความหวังอย่างเต้มเปี่ยมในการกอบกู้ประเทศชาติ อาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้จึงได้ตอบสนองยินยอมต่อเจ้าชายและกลุ่มของเขา







คฑาสายฟ้าฟาด
สถานที่-วิหารโบอาแนรเกสประเทศลีฟแลนด์

คฑาของของนักบุญผู้ได้สมญาว่าบุตรแห่งฟ้าร้อง ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ที่วิหารโบอาแนรเกส ประเทศเพื่อนบ้านฝั่งตะวันออกของโซปราโน การลอบหลบหนีเข้ามาของเจ้าชายเดวิทเป็นการแอบเข้ามาอย่างลับๆ ระหว่างทางพบแมนดี้ แม่มดฝึกหัดที่กำลังจะสอบเลื่อนชั้น และเธอก็ให้ความช่วยเหลือกลุ่มเจ้าชาย เพราะมีความฝันมาตลอดว่า จะแต่งงานกับเจ้าชายขี่ม้าขาว และจะได้เป็นเจ้าหญิงแสนสวยเหมือนเทพนิยายและนิทานก่อนนอนทั้งหลายที่เธอเคยฟังมาตั้งแต่จำความได้ และดังนั้นเธอหมายมั่นว่าจะได้แต่งงานกับเจ้าชายเดวิทเมื่อโตขึ้น และคุณยายทวดแม่มดแห่งป่าผู้ดูแลแมนดี้ ก็ยินดีให้แมนดี้ได้ออกพจญภัยในโลกกว้างกับกลุ่มเจ้าชาย เมื่อเจ้าชายเดินทางไปที่วิหารโบอาแนรเกส และเล่าความเป็นมาทุกอย่าง เจ้าอาวาสก็ยินยอมให้ยืมคฑาสายฟ้าฟาดนี้เพื่อภาระกิจของคณะเจ้าชาย





ถุงวิเศษไร้โลภ
สถานที่-สำนักคลังแผ่นดินแห่งประเทศนานิเบีย

ประเทศนานิเบียเป็นประเทศใหญ่ มีพื้นที่ติดทะเลและมีความเจริญทางเศรษฐกิจมากประเทศหนึ่ง แต่เดิมนั้นเคยเป็นประเทศที่ยากจน ต่อมามีมิชันนารีจากสาธารณรัฐสวาเนียมาเผยแผ่ศาสนา และมอบถุงวิเศษนี้ให้ กับกษัตริย์แห่งนานิเบีย นอกจากคณะมิชชันนารีจะเดินทางมาเผยแผ่ศาสนาแล้วยังนำความเจริญ และวิทยาการอันก้าวหน้าต่างๆมายังประเทศนี้ และทำให้ประเทศนี้เจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว และถุงวิเศษยังมีคุณสมบัตพิเศษ2อย่าง กล่าวคือ หากถุงนี้เป็นสาธารณะสมบัติของประเทศหรือเมือง เมื่อมีการทำบุญบริจาคช่วยเหลือคนยากจนในพื้นที่นั้นๆ ถุงนี้จะมีทองไหลออกมา ทำให้ประเทศมีกินมีใช้เสมอไปไม่ขาด แต่ถ้าถุงนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคล ถุงนี้จะเปลี่ยนคุณสมบัติเป็นการเก็บสิ่งของต่างๆได้ไม่จำกัด

เมื่อเจ้าชายเดวิทเดินทางเข้ามาแรกเริ่มได้รับการขับไล่ และไม่ต้อนรับโดยขอให้เจ้าชายออกจากประเทศภายในวันรุ่งขึ้น เพราะเกรงจะมีปัญหากับทางการเมืองระหว่างประเทศกับโซปราโน  พอดีกับที่ ฟีลิน่า มนุษย์แมวสาวสวยเซ็กซี่นักล่าสมบัติ ลอบเข้ามาขโมยถุงนี้ และเมื่อกลุ่มของเจ้าชายเดวิทช่วยตามถุงกลับมาและปราบเธอลง รัฐบาลแห่งนานิเบีย จึงยินยอมให้เจ้าชายเดวิทยืมถุงนี้ใช้ประโชน์ในการเดินทางกู้ชาติ และเจ้าชายยังขอให้ยกโทษแก่ ฟีลิน่า เพราะเห็นว่าเธอไม่ได้ชั่วร้าย เพียงแค่เป็นคนที่รักสนุก และทำสิ่งต่างๆโดยไม่ได้มองลึกซึ้งถึงผลที่จะตามมา เมื่อคณะเจ้าชายขึ้นเรือออกเดินทาง เธอก็แอบตามมา เพราะชื่นชอบในความน่ารักและใจดีของเจ้าชาย ซึ่งสิ่งนี้สร้างความเคืองให้กับแมนดี้อย่างมาก





ไม้วัดสิ้นสงสัย
สถานที่-หอคอยแฝดดิดิมสาธารณรัฐสวาเนีย

สาธารณรัฐสวาเนียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญทางวิทยาการรุดหน้ามาก มีนักเล่นแร่แปรธาตุ และนักวิทยาศาสตร์มากมาย และได้รับการสนับสนุนจากพระศาสนจักรโดยมีนักบวชและนักปราชญ์มากมายที่มีความรู้ทางวิทยาการ และเมื่อเผยแผ่ศาสนาได้นำความเจริญรุดหน้าไปยังประเทศอื่นๆด้วย หอคอยแฝดดิดิม จัดเป็น1ในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเทร่า เพราะสร้างด้วยไม้ว้ดมหัศจรรย์ ที่สามารถวัดทุกสิ่งทุกอย่างได้เที่ยงตรงทุกกระเบียดนิ้ว แม้แต่สถานที่ที่เสียหายแหว่งเว้า หรือถูกแก้ไขต่อเติม  ไม้วัดนี้ก็สามารถหาพิกัดเดิมของรูปทรงสถานที่เดิมออกมาได้ หอคอยแฝดที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ก็ถูกสร้างโดยใช้ไม้วัดมหัศจรรย์นี้เป็นอุปกรณ์

แรกเริ่มรัฐบาลของสวาเนีย เสแสร้งแกล้งทำไม่รับรู้การเข้ามาของกลุ่มเจ้าชาย เพราะไม่อยากมีปัญหาระหว่างประเทศกับประเทศโซปราโน ที่ได้ประกาศว่าเจ้าชายเดวิทเป็นกบฎ

ในช่วงเวลานี้เองที่จดหมายลับของพระสันตะปาปาที่ให้ช่วยเหลือคณะของเจ้าชายเดวิท ถูกส่งถึงพระศาสนจักรในประเทศต่างๆ และด้วยว่าปัจจุบัน ไม้วัดนี้ถือครอบครองโดยพระคาลดินัลแห่งสวาเนีย กลุ่มเจ้าชายจึงได้ยืมไม้วัดนี้มาใช้โดยง่าย และยังมีชิโมเน นักเล่นแร่แปรธาตุผู้เชี่ยวชาญการใช้อุปกรณ์ชิ้นนี้ติดตามไปด้วย





มีดของบุตรผู้กล้า
สถานที่-โบสถ์นักบุญทากายาม่าแห่งเมืองท่านางากิสะ

มีดที่ใช้ประหารนักบุญผู้เคยมาเผยแผ่ศาสนาที่เมืองท่าแห่งนี้ และถูกฆ่าโดยพวกซามูไรของไดเมียวอย่างทารุณโดยการถลกหนังทั้งเป็น แต่ท่านกลับยอมเผชิญความตายอย่างกล้าหาญ ให้อภัยและยกโทษให้ผู้ที่ฆ่าตน และยืนหยัดในความศรัทธา สิ่งนี้จึงกลับทำให้ผู้คนจำนวนมากในเมืองท่านางากิสะทึ่งและประทับใจคำสอนของศาสนาใหม่ที่เข้ามา ในเวลาต่อมามีดนี้กลับมีความพิเศษคือสามารถบาดลงไปในเนื้อแล้วไม่เกิดความเจ็บปวด จนแผลหายสนิท ทำให้มีการใช้ในทางการรักษา และผ่าตัดบาดแผลที่มีอาวุธฝังอยู่ เมื่อมีคนรับนับถือศาสนาใหม่นี้มากขึ้น ของชิ้นนี้ก็อยู่ในความดูแลของคณะซิสเตอร์ของนักบุญอาลาน่าแห่งแอนดิซอง ซึ่งมีพันธกิจในการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากและคนเจ็บป่วยอยู่แล้ว เมื่อจดหมายจากพระสันตะปาปามาถึง แม่อธิการเจ้าคณะซิสเตอร์ก็ยินดีให้กลุ่มเจ้าชายได้นำไปใช้ และระหว่างที่อยู้ในเมืองท่านี้เอง ได้มีเหตุการณ์ การวิ่งราวสิ่งของของคนในตลาด เจ้าชายเองก็โดนฉกมีดไป ผู้ขโมยซึ่งเป็นนินจาสุนัขกระโดดขึ้นหลังคาหนีอย่างรวดเร็ว ซึ่งในเวลานั้น โคโตเนะ นินจาสาวผู้กำลังเดินทางหางาน ได้เสนอภาระกิจเอามีดคืนแลกค่าจ้าง ทางกลุ่มผู้กอบกู้ได้ตกลงจ้างเธอและเห็นความสามารถและความว่องไวของอาชีพที่เป็นเอกลักษณ์นี้ เมื่อได้มีดคืนมา เจ้าชายจึงขอจ้างเธอร่วมคณะกู้ชาติต่อไป




จอกอินทรีสวรรค์
สถานที่-โบสถ์นักบุญยอห์นแห่งเกาะปัทมอสประเทศแอนดิซอง

เกาะเล็กๆที่อยู่ทางตะวันออกของแอนดิซอง เป็นที่ตั้งโบสถ์ของนักบุญยอห์นและเป็นที่เก็บจอกศักดิ์สิทธิ์ วัตถุโบราณล้ำค่า ที่สามารถทำให้ทุกสิ่งที่ใส่กลับบริสุทธิ์ปราศจากพิษ และอันตราย และน้ำนั้นกลับชำระและรักษาโรคได้ด้วย กษัตริย์ มารินัส (marinus) พระราชาองค์ปัจจุบันของแอนดิซอง ยินดีให้ความช่วยเหลือในฐานะ การลี้ภัยของกลุ่มเจ้าชาย ที่นี่จึงเป็นที่แรกที่เจ้าชายเดวิทได้รับการต้อนรับ ในฐานะเชื้อพระวงค์จากโซปราโน ในงานเลี้ยงต้อนรับนั้นเอง ที่เจ้าชายถูกขอให้ร้องเพลงอวยพรประเทศแอนดิซองบ้าง เสียงเพลงของเจ้าชายจับใจทุกคนมาก รวมทั้งแซนดร้า สาวน้อยผู้เต้นรำถวายการต้อนรับ ถึงกับลืมตัวเต้นตามเพลงที่เจ้าชายร้อง และเป็นการเต้นสดที่เต้นให้เข้ากับเพลงในเวลานั้น กลายเป็นท่าเต้นอันสวยงามแปลกใหม่ที่เข้ากับดนตรีไพเราะห์จากแดนไกลที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน เธอจึงเห็นว่า ดนตรีของประเทศโซปราโน จะสามารถพัฒนาการเต้นรำของเธอได้อย่างมาก เธอจึงขอติดตามคณะเจ้าชายเพื่อเดินทางไปยังดินแดนแห่งเสียงเพลงด้วย



หน้าไม้ศักดิ์สิทธิ์
สถานที่-ป่าเกรธแมนประเทศมิราบิลิส

หน้าไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกเก็บรักษาสืบทอดมาในครอบครัว ของไคเลอร์ สาวน้อยนักแม่นธนู ซึ่งเจ้าชายเดวิทได้เข้าพบและขอร้องเธอทุกวันเป็นเวลาถึง 7 วัน จนเธอยอมรับในความถ่อมตนและความจำเป็นของกลุ่มเจ้าชาย  และเธอได้ติดตามกลุ่มของเจ้าชายไปด้วยเพื่อดูแลรักษาหน้าไม้กากบาทที่เป็นของดูต่างหน้าบิดาของเธอ



ดาบแห่งพระวจนะ
สถานที่-อาสนวิหารแห่งฟีเลเซีย

ประเทศนักรบ และยึดความถูกต้องอย่างฟีเลเซีย ไม่เคยสนใจหรือเกรงกลัวใครทั้งสิ้นอยู่แล้ว จึงไม่เคยมีคำว่าเกรงใจกับประเทศห่างไกลที่ชัดเจนว่าผู้ปกครองครองราชย์อย่างไม่ถูกต้อง และยิ่งมีจดหมายลับจากพระสันตะปาปาที่ขอให้ช่วยเหลือกลุ่มเจ้าชาย กษัตริย์ คาเอเลสทิส (CAELESTIS) พระราชาองค์ปัจจุบัน ของราชอาณาจักรฟีเลเซีย ก็ยินดีช่วยเหลืออย่างยิ่ง ดังนั้นจึงทำการต้อนรับเจ้าชายเดวิทใน ฐานะราชอาคันตุกะ อย่างสมเกียรติ และยินดีให้ยืมดาบแห่งพระวจนะ พร้อมเอลล่า นักรบหญิงระดับพาลาดินฝีมือดีที่สุดซึ่งเคยประจำอยู่ในราชองค์รักษ์ของเจ้าหญิง อิลม่า (ILMA) พระธิดาองค์สุดท้องของพระองค์ ตามเงื่อนไขของคณะเจ้าชายที่รับแต่สตรีเข้ากลุ่ม ในฟีเลเซียนี้เจ้าชายได้รับกำลังใจและความกล้าหาญเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการต้อนรับและพระดำรัสของกษัตริย์ฟีเลเซีย




เลื่อยแห่งผู้รักชาติ
สถานที่-วิหารวีรบุรุษแห่งนอร์ทนิวแลนด์

นอร์ทนิวแลนด์เป็นเมืองใหม่ที่เพิ่งก่อตั้งมีผู้เสี่ยงโชค และผู้แสวงหาโอกาสเข้าบุกเบิกได้ไม่นาน มีโจรชุม และนักล่าเงินรางวัลมากมาย เป็นสถานที่คนหลากหลายเชื้อชาติมารวมกันเพื่อก่อตั้งประเทศใหม่ ในช่วงเริ่มแรก ได้มีการนำเลื่อยวิเศษที่ตัดได้ทุกอย่าง มาช่วยในการสร้างเมือง ซึ่งได้เก็บไว้ที่วิหารวีรบุรุษ และเมื่อเจ้าชายได้รับสิ่งนี้จากผู้ดูแลวิหาร คณะเจ้าชายก็ตกเป็นเป้าแย่งชิงของกลุ่มโจรต่างๆทันที เอสคัลเธียร์ ได้พบกลุ่มเจ้าชาย ต่อสู้กับโจรที่เธอกำลังตามล่าค่าหัวอยู่ กลุ่มเจ้าชายชิงเอาชนะได้ก่อน จึงได้เงินรางวัลค่าหัวไปโดยไม่ตั้งใจ เมื่อได้พูดคุยได้รู้ว่าคณะเจ้าชายจะเดินทางไปเกาะหลักศิลาที่มีนักล่าสมบัติและโจรมากมายไปหาสมบัติตามคำร่ำลือ เธอจึงขอติดตามไปด้วยเผื่อจะได้มีรายได้เพิ่มจากการล่าโจร



กระบองสีเลือด
สถานที่-หอแจ้งข่าว เอียโคบอส (Iakobos) จักรวรรดิ์ซาโลม

กระบองสีเลือดซึ่งมีพลังทำลายรุนแรง ถูกเก็บไว้ที่หอแจ้งข่าว เอียโคบอส (Iakobos)    พระราชา คาริม (KARIM) เคยชิงสิ่งนี้มาได้ จากโบสถ์ในแคว้นเล็กๆทางใต้ เจ้าชายเดวิท จึงขอเจรจา ในการหยิบยืมของสิ่งนี้ พระราชาคาริมเป็นคนชอบดูการต่อสู้ จึงขอท้าประลองในแบบประเพณีโบราณ โดยต่อสู้แบบกลุ่ม 9 ต่อ 9 แต่อลิซ แซนดร้า และแมนดี้ ไม่ได้รับอณุญาติให้เข้าประลองเพราะตามกฎปรกติจะไม่ให้สตรีประลองกับบุรุษ แม้หากพระราชาประทานพระราชานุญาติยกเว้น สตรีจะเข้าประลองได้ก็ต้องเป็นสตรีที่โตเต็มวัยไม่ใช่เด็กผู้หญิง และเด็กสาวทั้ง3ถูกพิจารณาว่ายังไม่ถูกต้องตามกฎ และแซนดร้าดูจะเคืองเป็นพิเศษเพราะที่จริงเธอกับชิโมเน่อายุเท่ากัน แต่ชิโมเน่กับถูกพิจารณาว่าเป็นสาวเต็มวัยแต่เธอกลับถูกพิจารณาว่าไม่ผ่าน ทำให้กลุ่มของเจ้าชายขาดคนไป1คน พระราชาคาริม จึงให้เจ้าชายเลือกทหารของพระองค์1คนเพื่อร่วมประลอง และเจ้าชายได้เลือก ไรซ่า นักรบหญิงเพียงคนเดียวที่อยู่ในบริเวณสนามประลองในเวลานั้น ไรซ่าเองแม้จะฝึกฝนเป็นนักรบมานาน แต่เธอไม่เคยมีโอกาสออกรบเลย เพราะตามหลักการของซาโลมจะเลือกผู้ชายออกรบก่อน ดังนั้นเธอจึงช่วยกลุ่มเจ้าชายเต็มที่ในการประลองหวังแสดงฝีมือให้ทุกคนประจักษ์ เมื่อกลุ่มของเจ้าชายชนะ พระราชาคาริมพอใจมาก ขอนับเจ้าชายน้อยเป็นพระสหาย ได้รับกระบองสีเลือดตามที่ทรงสัญญา ไรซ่าได้กราบทูลขอติดตามช่วยเหลือคณะเจ้าชาย ซึ่งในซาโลม การที่สตรีขอออกเดินทางไกลโดยไม่มีญาติผู้ชายไปด้วยไม่ได้ เจ้าชายเดวิทจึงขอรับเธอเป็นพี่สาวบุญธรรม และขอต่อพระราชาคาริม ให้ยินยอม ในฐานะพระสหายพระราชาจึงอณุญาติ และไรซ่าซาบซึ้งใจในตัวเจ้าชายเดวิทมาก และสัญญาว่าจะช่วยเจ้าชายกู้ชาติด้วยชีวิต



กุญแจข้ามภพ
สถานที่-อุโมงค์ใต้ดินหมู่บ้านชาวประมงเกาะหลักศิลา

ที่สุดแห่งสมบัติศักดิ์สิทธิ์ กุญแจที่สามารถเปิดประตูแห่งวิญญาณทั้ง7บาน ซึ่งร่ำลือกันว่าถูกซ่อนอยู่ในอุโมงลับใต้ดินอันสลับซับซ้อน แห่งเกาะหลักศิลา ที่ท่าเรือแคว้นลาซาล ดีน่า นักล่าสมบัติ พบกับกลุ่มเจ้าชายเมื่อได้ยินว่ากลุ่มเจ้าชายตระเวนล่าสมบัติมาหลายที่ และกำลังจะไปตามหากุญแจข้ามภพ เธอก็สนใจตามไปด้วยทันที แต่แท้จริงเธอมีจุดประสงค์ลึกๆที่แอบซ่อนอยู่ในการใช้กุญแจวิเศษนี้ เพื่อเหตุผลบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผย ส่วนคณะเจ้าชาย จำเป็นต้องใช้พลังของกุญแจนี้  เพื่อความสมบูรณ์ของภาระกิจในการกอบกู้ประเทศชาติกลับคืน





« Last Edit: April 29, 2009, 07:26:15 PM by เซนต์ แมกนัส » Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #7 on: February 15, 2009, 08:07:55 AM »

Heart Route

นักประวัติศาสตร์บางคนเรียกการเดินทางของเจ้าชายเดวิตว่า Heart Route เพราะเส้นทางที่เดินทางแล้วบรรจบกันคล้ายรูปหัวใจ และยังเป็นการเดินทางที่เปี่ยมด้วย มิตรภาพ ความรัก และเหตุการณ์ต่างๆที่จารึกในประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆหลายประเทศ

« Last Edit: February 20, 2009, 09:55:16 PM by เซนต์ แมกนัส » Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #8 on: March 11, 2009, 09:32:42 PM »

Love Song

Nerodias Jezebel
ความรักเพียงครั้งเดียวในชีวิตของชั้น มันได้ตายไปแล้ว







Alice นักบวชหญิง
ชั้นจะอยู่ข้างเจ้าชายเสมอ ไม่ต้องกลัวนะคะ



Andromache นักรบยูนิคอร์นสาว
พวกผู้ชายตอนเด็กๆก็แบบนี้แหละ พอโตขึ้นก็เปลี่ยนไป กลายเป็นพวกบ้ากามน่ารังเกียจเหมือนกันหมด... ชั้นหวังว่า เมื่อโตขึ้นเจ้าชายจะไม่เปลี่ยนไปในทางเลวร้ายเหมือนผู้ชายทั่วไปนะ



Mandy แม่มดแห่งป่า
ถ้าเจ้าชายกอบกู้ประเทศสำเร็จ จะทรงรื้อฟื้นกฎรักเดียวใจเดียวใช่ไหมคะ ชั้นฝันมานานแล้วว่าจะใส่ชุดเจ้าสาวสีขาว แต่งงานในโบสถ์ และปฏิญาณว่าจะรักกันตลอดไป แล้วเราก็จะ.... ว๊ายๆ ชั้นเพ้ออีกแล้ว แต่ก็มีความสุขจัง 



FELINA แมวสาวนักข่วน
ฮิฮิ ชอบจังเลย เวลาเจ้าชายเขินเนี่ย แก้มป่อง น่ารักขึ้นอีก



SIMONE นักเล่นแร่แปรธาตุ 
ชั้นอยากศึกษาอะไรบางอย่าง เจ้าชายจะช่วยให้ความร่วมมือได้ไหม



KOTONE นินจา
เราอย่าสร้างความสนิทมากเกินไปนักเลย ท่านควรระลึกว่า ชั้นทำงานตามการจ้าง วันหนึ่ง เราก็ต้องแยกย้ายกัน ชั้นก็จะมีเจ้านายคนใหม่ ส่วนท่านก็จะมีชีวิตของตัวเอง ความผูกพันไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากสร้างความเสียใจเมื่อลาจาก



Kyler นักธนู 
เจ้าชายทำให้ชั้นคิดถึงท่านพ่อนะ ...

...คิก คิก.. ไม่ใช่หรอก ชั้นหมายถึงเหมือนกันตรงความใจดีน่ะ



AELLA หัวหน้านักดาบแห่งฟีเลเซีย
แม้จะในระยะเวลาสั้นๆที่หม่อมชั้นได้ติดตามเจ้าชาย แต่หม่อมชั้นสามารถบอกได้ว่า เจ้าชายไม่ใช่เด็กอ่อนแอ หรือคนไม่เอาไหน แต่เจ้าชายมีจิตใจที่ดีงาม มีความกล้าหาญเกินวัย และเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริงคนหนึ่งเลยทีเดียว หม่อมชั้นกล้าพูดว่าเจ้าชายจะเป็นกษัตริย์ที่ยอดเยี่ยมในอนาคตได้ ทรงมั่นใจในตัวเองเถอะเพคะ หม่อมชั้นภูมิใจมากที่ได้มีโอกาสรับใช้ในฐานะนักรบของเจ้าชาย



Sandra นักเต้น
ชั้นเคยได้ยินมาว่าอาหารของประเทศโซปราโนหลากหลายแล้วก็อร่อยด้วย ถ้าเจ้าชายได้ทุกอย่างกลับคืนมา จะพาชั้นไปชิมอาหารฟรีทั่วประเทศเลยได้ไหม...



Escaltea นักแม่นปืน
เจ้าชาย...ลุยเลย ไว้ใจชั้นและปืนกระบอกนี้ได้ ใครบังอาจเข้าใกล้ ชั้นจะสอยมันให้ร่วง



Raisa,Headman หญิงแห่งซาโลม
หม่อมชั้น ไม่บังอาจเป็นพี่สาวของเจ้าชายหรอกเพคะ แค่ที่ทรงช่วยให้หม่อมชั้นได้ทำอย่างที่ต้องการ ก็เป็นพระคุณที่หม่อมชั้นจะไม่ลืมชั่วชีวิต ภาระกิจนี้ หม่อมชั้นจะแลกด้วยชีวิต ในการทำให้สิ่งที่เจ้าชายทรงหวังไว้ได้เป็นจริงเช่นกันเพคะ



Dinah โจรสาวนักล่าสมบัติ
ชั้นมีเรื่องที่บอกใครไม่ได้ แต่ถ้าวันหนึ่งชั้นมีคนที่ไว้ใจได้จริงๆ ชั้นอาจบอกเขา แต่เจ้าชายจะเป็นคนนั้นหรือเปล่า ชั้นยังไม่มั่นใจ






เจ้าชายเดวิด
เอ่อ... ถ้าภารกิจนี้สำเร็จ ทุกอย่างกลับคืนสู่สันติสุข.. ผมมีเรื่อง เอ่อ... ที่อยากจะบอก....คือ...ถึงเวลานั้นช่วยรับฟังด้วยนะครับ....
« Last Edit: March 12, 2009, 05:49:28 AM by Little Lamb, the Little Angel » Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #9 on: March 13, 2009, 12:22:30 AM »



Lecherous, Lust Eater

ปีศาจที่แบ่งภาคมาจากบาปแห่งกิเลสตัณหา เมื่อนางเนโรเดียส ก่อตั้งวิหารบูชาปีศาจอย่างเป็นทางการแล้ว นางยังได้เปลี่ยนแปลงแก้กฏหมาย การหย่าร้างได้ง่ายดาย และสมรสใหม่ได้เสมอ นางยังสนับสนุนและสร้างสถานเริงรมย์ทุกรูปแบบ บรรดาคนลามก และพวกหากินกับธุรกิจชั่วร้าย ก็ปลาบปลื้มชื่นชมนางอย่างมาก

สิ่งที่ตามมาคือ การล่มสลายของครอบครัวมากมาย การหลอกลวงเด็กเป็นโสเภณี และการทำแท้งเด็กที่บริสุทธิ์

ความเจ็บปวดจากการถูกทำลายความรัก ที่แพร่ขยายไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะ ความรักที่ถูกบิดเบือนและทำลายเพราะบาปทางเพศ เป็นอาหารอันโอชะของ Lecherous และยิ่งมันกินสิ่งเหล่านี้ลงไปมากเพียงไร มันก็ยิ่งส่งกลิ่นแห่งความมัวเมาไปทั่ว เพียงไม่กี่ปี มันได้มีรูปร่างที่ใหญ่โตน่าขยะแขยง แต่แฝงเร้นร่างจริงอันน่าเกลียดนี้ไว้ ตามนุษย์มองไม่เห็น แต่มีอยู่จริงอยู่ท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลาย ผู้ที่ป้องกันตนจากสิ่งยั่วยวน และพยายามเอาชนะความต้องการของตน ย่อมรอดพ้นจากกลิ่นแห่งความมอมเมาของมัน

ใครก็ตามที่ลุ่มหลงในกามราคะ ย่ิอมตกเป็นทาส และถูกมันสูบกิน พลังชีวิตของตนโดยไม่รู้ตัว มันได้พลังจากคนบาปมากมาย จนสามารถมอบพลังต่างๆที่มาจากคนที่มันสูบกิน ให้มนุษย์คนอื่นได้ จนดูเหมือนการประทานพรอะไรก็ได้ และนี่ยิ่งทำให้ความศรัทธาในปีศาจแห่งบาปลามก ซึ่งเป็นศาสนาใหม่ในโซปราโน เพิ่มพูนขึ้นอย่างมากมายด้วย
« Last Edit: March 14, 2009, 05:59:43 AM by เซนต์ แมกนัส » Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #10 on: April 29, 2009, 07:44:26 AM »

Assassin


Bride & Groom



ในช่วงเวลาที่ประเทศสับสนวุ่นวาย และมีปัญหาในเรื่องการเมืองเช่นนี้ นักฆ่า กลายเป็นอีกอาชีพที่เฟื่องฟูขึ้น นักฆ่าที่โด่งดังขึ้นมาซึ่งรู้จักในแวดวงว่า เป็นทั้งนักฆ่าที่คร่าชีวิต และจิตใจของบรรดาหญิงสาว ในรูปลักษณ์ของชายหนุ่มรูปงามสีไวโอลีน ท่าทางเจ้าชู้กรุ่มกริ่ม ที่แต่งตัวเด้วยชุดทักซิโด้สีดำล้วน รับจ้างฆ่าเฉพาะผู้ชาย กับผู้หญิงไม่รับจ้างฆ่า แต่ชอบทำร้ายจิตใจเธอเหล่านั้นทั้งด้วยการหลอกให้รัก และความเจ้าชู้ที่แจกคำหวานไปทั่ว

และภาระกิจสำคัญ จากผู้จ้างลึกลับที่ให้จ้างฆ่าเจ้าชายเดวิด ทันที่ที่เห็นเด็กชายรายล้อมด้วยบรรดาสาวงาม เขาก็หมั่นไส้และอิจฉาเป็นที่สุด แต่แทนที่จะพยายามฆ่าเป้าหมาย เขากลับใช้เวลาในการพยายามตามสร้างความสัมพันธ์กับสาวทั้ง12คนแทน จนไม่เป็นอันทำงาน ความจริงนี่ไม่ใช่สาเหตุเดียวที่ทำให้งานเขาไม่สำเร็จสาเหตุสำคัญกว่านั้นคือ...

นักฆ่าสาวสวยเซ็กซี่ ที่เคยได้รับคำมั่นจากนักฆ่าหนุ่มสุดหล่อแห่งวงการ แต่ทว่า ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวกลับลังเล ทิ้งเธอและงานแต่งงานไป เธอจึงปฎิญาณว่า จะตามขัดขวางงานทุกชิ้นของผู้ชายเฮงซวยที่ทำให้เธอ เป็นเจ้าสาวที่วิวาห์ล่ม และโดยเฉพาะการตามรังควาญทำลายความสัมพันธ์กับสาวคนใหม่ของเขาทั้งหมด

และเธอตั้งใจด้วยความแค้นว่า ถ้าสบโอกาส เธอจะฆ่าเขาด้วยความรัก...


Logged


เซนต์ แมกนัส
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 4593



« Reply #11 on: May 22, 2009, 09:43:23 PM »

ประตูแห่งโลกวิญญาณ

ประตูทั้ง 7 ที่เชื่อมต่อโลกและดินแดนอื่น ทั้งดินแดนอันสุขสม และดินแดนอันทุกข์ระทม

ประตูที่วิญญาณแต่ละคนจะเห็นสิ่งที่ไม่เหมือนกัน และ ไม่ใช่วิญญาณที่เลือกประตูที่อยากเข้า แต่เป็นประตูที่ดึงดูดวิญญาณไปยังภพที่วิญญาณนั้นต้องไป

คณะเจ้าชายมีภาระกิจสำคัญที่ต้องใช้กุญแจข้ามภพ เพื่อเปิดประตูเหล่านี้ ซึ่งเป็นภารกิจที่พลิกสถานการณ์ของคณะผู้กู้ชาติ แต่ภารกิจนั้นคืออะไร ติดตามเนื้อเรื่องได้ใน HX3


Caeli Porta   ประตูสวรรค์


Humanus Porta   ประตูคนเป็น


Hekhal Porta    ประตูนักบวช


Eden Porta    ประตูอีเด็น


Abyss Porta     ประตูน้ำแข็ง


Gehenna Porta   ประตูบึงไฟ


Sheol Porta    ประตูเหวลึก
« Last Edit: May 25, 2009, 10:24:30 PM by เซนต์ แมกนัส » Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #12 on: June 18, 2009, 04:16:23 AM »


Who is Who in Hymn of Exodus II



Ilma, the Princess of Felasia
Ilma เป็นเจ้าหญิงของนครแห่งสายลมฟีเลเซียเช่นเดียวกับ Regina ในยุคก่อนนั้นที่เราคุ้นเคยกันดี หากเพียงแต่ช่วงระยะเวลาของทั้งคู่ห่างกันเกินกว่า 200 ปีเลยทีเดียว

เจ้าหญิง Ilma เป็นธิดาองค์สุดท้องของกษัตริย์ Caelestis ผู้ปกครอง Felasia ณ ช่วงเวลา Hymn of Exodus 2   ในครั้งที่เจ้าชาย David ออกเดินทางตามหาของวิเศษ คือ ดาบแห่งพระวจนะ (Sword of Logos) จนมาถึงนคร Felasia  กษัตริย์ Caelestis  ก็ยินดีช่วยเหลืออย่างยิ่ง โดยได้ให้การต้อนรับเจ้าชายในฐานะราชอาคันตุกะอย่างสมเกียรติ และยินดีให้ยืมดาบแห่งพระวจนะ พร้อม Aella นักรบหญิงระดับพาลาดินฝีมือดีที่สุดซึ่งเคยประจำอยู่ในราชองค์รักษ์ของเจ้าหญิง Ilma ตามเงื่อนไขของคณะเจ้าชายที่รับแต่สตรีเข้ากลุ่ม




Marinus, Rune King of Annedisonge
Marinus คือกษัตริย์มนตราองค์ปัจจุบันแห่งประเทศ Annedisonge ในครั้งที่เจ้าชาย David ได้ระเห็จจากบ้านเกิดหลบหนีมาหาที่พักพิงนี่เอง เป็น Annedisonge ที่แรกที่กษัตริย์ Marinus ให้การต้อนรับขับสู้เจ้าชายเป็นอย่างดีในฐานะเชื้อพระวงศ์จาก Soprano  พร้อมทั้งพระองค์เองยังให้ความสะดวกแก่เจ้าชาย David ในการตามหาของวิเศษ จอกอินทรีสวรรค์ (Heavenly Eagle Grail) ที่ถูกเก็บพำนักไว้ในโบสถ์ St. John ที่อยู่ในเขตประเทศ Annedisonge ด้วย



The Great Witch of Leafland
แม่มดผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดน Leafland ผู้พำนักอยู่ในเขตป่าลึกลับห่างไกลผู้คน เธอผู้นี้เป็นย่าทวดของ Mandyและมีอายุจริงถึง 238 ปีแล้ว หากแต่ยังคงความสาวสวยไว้ด้วยพลังเวทย์  ด้วยพลังเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ของเธอ ทำให้เธอสามารถมองเห็นเหตุการณ์เบื้องหน้าและทำนายทายทักออกมาได้   และหนึ่งในอนาคตที่เธอเห็นคือ อนาคตที่ Mandy จะได้เป็นพระชายาของ David ได้เป็นถึงราชินีของราชวงศ์ Soprano เลยทีเดียว  หากแต่แม้พลังของเธอจะร้ายกาจ แต่ความแม่นยำของการทำนายของเธอ ดูจะเสื่อมลงไปตามอายุ ดังนั้น การทำนายเรื่อง Mandy ในอนาคตนี้ก็ มีโอกาสผิดเท่าๆ กับโอกาสถูกก็ว่าได้



Felicia, the Werecat Fighter
นักสู้สมิงสาวผู้นี้ เป็นนักสู้จากประเทศ Nanibia ดินแดนที่บรรดาชนเผ่าสมิงมากหน้าหลายตาได้อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข (ซึ่ง Nanibia Bard ที่มีหูแมวเป็นสมิงแมวก็อยู่ในประเทศ Nanibia ด้วยเช่นเดียวกันตามชื่อ)  Felicia เป็นนักสู้ชั้นแนวหน้าของประเทศ และเรียกได้ว่าเธอเป็นทั้งเพื่อนและคู่ปรับคนสำคัญกับ Felina  แม้เธอจะไม่ได้ร่วมเดินทางไปกับคณะ Deliver Band เฉกเช่น Felina แต่เธอก็มีบทบาทไม่น้อยทีเดียวในการพบเจอกับพวก David ระหว่างการเดินทางมาที่ Nanibia



Novice of St. Cecilia Church
สามเณรแห่งโบสถ์ St. Cecilia สถานที่อันเป็นหัวใจหลักที่เรื่องราวมากมายได้เริ่มต้นขึ้นที่นี่   ในครั้งการสังหารหมู่ล้างโบสถ์ของนาง Nerodias Jezebel บรรดานักบวช แม่ชี พระสงฆ์ ที่เข้าปกป้องเจ้าชาย David ได้ถูกสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมไม่ว่านักบวชนั้นจะเป็นสรตรีหรือเด็ก



Ruthie, the Waitress
Ruthie พนักงานเสิร์ฟสาวธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่รับทำงานเสิร์ฟน้ำชา กาแฟ เครื่องดื่ม อาหาร ในร้านอาหาร แห่งหนึ่งใน วงเวียนนกนางนวลทะเล ในเขตเมืองท่า  Annedisonge  ย่านร้านอาหารดังกล่าวเปิดกิจการมายาวนานกว่า 300 ปี ขึ้นชื่อเรื่องการบริการที่เป็นเยี่ยม และรสชาติที่เป็นยอด เป็นที่เลื่องลือไปจนถึงขนาดที่ว่านักท่องเที่ยวคนใดแวะเวียนมาเยี่ยมเขตเมืองท่า Annedisonge แล้วไม่ได้ลองลิ้มชิมรสอาหารจากร้านต่างๆ ในย่านนกนางนวลทะเลนี้ ประดุจว่ายังไม่ได้สัมผัสอาหารทะเลแบบ Annedisonge จริง   นอกจากนี้ ย่านนี้ยังเป็นสถานที่ ซึ่งสาวเสิร์ฟที่ถูกกล่าวถึงในประวัติศาสตร์ อย่าง “Ruth” เคยทำงานมาก่อนด้วย 



Brandisher Guild สมาคม นักดาบ
ในบรรดากลุ่มสมาคมหรือ Guild ที่มีกระจัดกระจายไปทั่วเขตคามต่างๆ ทั่วโลกนั้น หนึ่งใน Guild นักรบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดกลุ่มหนึ่ง คือกลุ่มสมาคมนักดาบ ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม Brandisher อันหมายถึงนักรบผู้กวัดแกว่งดาบในการต่อสู้  และมีความชำนาญในการใช้เพลงดาบประสานระหว่างสมาชิกนักดาบด้วยกันเพื่อให้เกิดผลท่าเพลงดาบประสานต่างๆ  สมาคมนักดาบ Brandisher นี้มีสาขาต่างๆ กระจายไปทั่วโลกตามประเทศต่างๆ  และพร้อมรับทำงานของสมาคมตามที่ได้รับเรื่องมา



Merrisia Minstrel
นักกวีนิรนามสาวสวย ผู้ออกเดินทางจากทวีป Merrisia ท่องมายังประเทศ Soprano พร้อมขับขานบทกวีพรรณนาถึงทวีป Merrisia ของเธอทั่วทุกเขตคามแห่งหนท้องถนนของ Soprano ในทุกยามที่มีโอกาส บทกวีพรรณนาที่เธอขับขาน และดนตรีการที่บรรเลงออกมามีความไพเราะและมีรายละเอียดที่ถูกกลั่นกรองพรรณนาออกมาอย่างยอดเยี่ยม ชนิดที่ว่าเพียงแค่ได้นั่งลงสัมผัสฟังดนตรีกวีนิพนธ์ที่เธอขับขาน ก็ราวกับได้เห็นภาพสถานที่ต่างๆ ในทวีป Merrisia ลอยเด่นมาปรากฏเบื้องหน้าเลยทีเดียว



Edward, the Wandering Minstrel
หนุ่มน้อยนักดนตรีปริศนา ที่ออกเดินทางขับขานบทกวีนิพนธ์ไปทั่วประเทศ Soprano  ไม่มีใครรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา หากแต่เรื่องราวของเจ้าชาย David เอง ก็ถูกเขานำมาประพันธ์เป็นบทกวี และขับขานเล่าเรื่องของเจ้าชายผ่านบทกวีนิพนธ์อย่างลับๆ ให้ความหวังและกำลังใจแก่ผู้คนผ่านบทเพลงด้วย โดยที่ทหารของราชสำนักมิอาจสังเกตหรือระแคะระคายถึงสารเนื้อหาลับที่กล่าวอ้อมๆ โดยนัยในบทเพลงนี้เลย

ข้อความที่เขาประพันธ์และสื่อออกไปนี่เอง ทำให้ประชาชนที่ถูกปิดหูปิดตาค่อยๆ ตาสว่าง ซาบซึ้งในความจริงที่แอบแฝง ความชั่วร้ายที่ซ่อนเร้น  และตระหนักรับรู้ถึงความจริงอันยากลำบากของคณะเจ้าชาย David ผู้มีสิทธิ์สืบทอดราชบัลลังก์อันชอบธรรม  ว่ากันว่าผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ได้ฟังเรื่องราวที่แท้จริงผ่านบทเพลงของ Edward กลายเป็นคนหูตาสว่าง ต่อต้านราชสำนักที่ปกครองอย่างเผด็จการโดยนาง Jezebel และหันมาอาสาร่วมกับคณะกู้ชาติของเจ้าชาย David ด้วย

นอกจากนี้ เมื่อเจ้าชายได้กลับเข้าสู่เมืองอัลโต ได้ฟังเด็กชายนักดนตรีพเนจร ร้องและบรรเลงเพลงที่มีเนื้อหาอันแปลกประหลาด และเนื้อหาของมันนั้น ได้พลิกสถานการณ์ของคณะเจ้าชายเลยทีเดียว




Guardian Angel of Pope Pacelli
อารักขเทวดาที่สวรรค์ส่งมาให้ความดูแล บุคคล สถานที่ หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นพิเศษ
โดยอารักขเทวดาประจำพระสันตะปาปา Pacelli คือทูตสวรรค์ที่สวรรค์ส่งมาอารักขาพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันเป็นพิเศษ และการที่พระสันตะปาปา Pacelli ส่งสารไปยังประเทศต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่เชื้อพระวงศ์อย่างเจ้าชาย David นั้น ก็ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือในการส่งแบบพิเศษที่ส่งผ่านทางอารักขเทวดาของพระองค์ด้วย




Guardian Angel of Boanergres Church
ส่วนอารักขเทวดาประจำโบสถ์ Boanergres นั้น เป็นอารักขเทวดาประจำสถานที่ คือ โบสถ์ที่เก็บรักษาของวิเศษ คทาสายฟ้าฟาด (Roaring Thunder Rod) เอาไว้ อารักขเทวดาองค์นี้ช่วยปกป้องโบสถ์จากสิ่งชั่วร้ายที่จะเข้ามาย่างกราย และในขณะเดียวกันก็ช่วยอำนวยความสะดวก ชี้ทางสว่างแก่ผู้ที่เหมาะสมเฉกเช่นเจ้าชาย David ในการมาขอยืมคทาสายฟ้าฟาด จากเจ้าอาวาสประจำโบสถ์ด้วย





Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.14 seconds with 21 queries.