Summoner Master Forum
October 02, 2024, 11:38:24 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: นิยายแสงสว่างในความมืดกับอสุราในแดนทิพพ์ ตอนที่32 ดิวาทอร์กษัตริย์แห่งเซนทิริก  (Read 1693 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
lastfriendder
Member
*****
Offline Offline

Gender: Female
Posts: 74


Email
« on: June 18, 2007, 03:30:20 PM »

ตอนที่32 ดิวาทอร์กษัตริย์แห่งเซนทิริกตอนที่32 ดิวาทอร์กษัตริย์แห่งเซนทิริก
     แสงแห่งรุ่งอรุ่นที่ทอแสงนวลลงมาสู่มหาวิหารปราการดาบแห่งเซนทิริกมิเนทาริกวันนี้เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองหลังสงครามทหารจำนวนมากในเซนทิริกได้รับการดูแลเอาใจใส่ เสียงคำรามดังมาจากค่ายของคาล์น(Karn, king of black forest) และเสียงเจื่อยแจ้วของราซิโอร่า(Raciora, queen of black forest) ที่ดุคาร์นเรื่องบาดแผลที่เกิดขึ้นมากมาย
     วานาแอนเดินถืออ่างน้ำมาให้กับฮาริสันก็แอบหัวเราะในใจ แต่สายตาของเธอก็มองไปยังอิสฮาน ซิกมันและอองเดรที่นอนหลับอยู่ถัดออกไป ใจเธอก็คิดว่านี้คือกษัตริย์ที่เคยเป็นอริกันมาก่อนแต่เมื่อเป็นมิตรกันแล้วก็สามารถรบเคียงบ่าเคียงใหล่กันเพื่ออุดมการเดียวกันได้
     เสียงขุกขักทำให้วานาแอนมองกลับไปยังผู้ที่เดินอยู่ภายนอกที่สงเสียงคำสั่งเด็จขาดกับเหล่าทหารที่ประจำการณ์อยู่ เกรกอรี่เดินวนมาที่วานาแอนเธอก็ทำความเคารพเล็กน้อยแล้วมองเกรกอรี่ที่มองเธออยู่นาน
     “ท่านเกรกอรี่ พวกเขาพบกับความโหดร้ายมาหลายต่อหลายวันแล้วไม่ต้องดุร้ายแรงก็ได้นะคะ”
     “เรายังมีแผ่นดินของเราที่ต้องกลับไป ปราการดาบแสงแห่งนี้ป้องกันแผ่นดินเราไม่ได้หรอก ดูสิที่นี้ล้างศึกมานานแล้วยังสามารถรบได้และด้วยความสามัคคีของพวกเขา กับแค่ความจงรักภักดีไม่ว่าจะเป็นราชินีที่ปรากฏตัวเร็วดังสายฟ้า กับผู้สำเร็จราชการณ์ทุกท่านที่ทำหน้าที่”เกรกอรี่เดินไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อไปยังหลังม้าที่รออยู่
     “ท่านจะไปที่ใดหรือท่านเกรกอรี่”
     “ข้าว่าจะเดินทางไปที่วิหารของกาสม่าที่นั้นมีเครื่องมือมองดูอนาคตอยู่ หวังแก่สวรรค์ว่าเทพกาสม่าจะไม่ส่งนิมิตมาโดยมีพวกปีศาจนั้นอยู่ดู ข้าว่าข้าจะไปพบดิวาทอร์ก่อนจะเป็นอันดีกว่า”วานาแอนได้แต่พยักหน้าให้เหมือนรู้ว่าเกรกอรี่กล่าวถึงอะไร แล้วก็มองเกรกอรี่ควบม้าขึ้นไปบนมหาปราสาทของเซนทิริก
     “ขบวนเสด็จมหาราชาดิวาทอร์มา ขบวนเสด็จมหาราชาดิวาทอร์มา ๆ”เด็กน้อยคนหนึ่งวิ่งแจ่นมาพร้อมร้องบอกคนอื่นๆประชาชนมหานครต่างวิ่งเข้าไปในบ้านพร้อมปิดประตูอย่างรวดเร็ว
     ไม่ใช่การณ์ดีแน่แน่ วานาแอนคิดแล้วสายตาก็มองเห็นกษัตริย์ในชุดเกราะสีเงินบนหลังม้าสีขาวราวนิยายที่ควบขี่มาอย่างเชื่องช้ากับผู้สำเร็จราชการณ์เทออสที่กางแผ่นที่และแจกแจงว่ามีสิ่งใด้เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
     “เราสร้างทางน้ำเอาไว้เป็นชลประธารของมหานครเหตุใดพวกท่านจึงไม่ขุดลอกให้ทางน้ำเดินได้สะดวก”
     “ข้าพระองค์ต้องขออภัยที่ไม่ทราบในเรื่องนั้น”เทออสมองทางหินที่มีโคลนขัดทางน้ำอยู่แล้วจึงรู้ว่าเจ้าทางหินนี้เป็นมากกว่ากำแพงแบ่งเขตนคร
     “ยามหน้าร้อนมหานครแห่งนี้จะแล้วน้ำป็นอันมาก แต่หิมะบนเทือกเขาของปราสาทยังจับอยู่ที่นั้นจะสร้างน้ำลงมาแจกจ่ายให้ประชาชนได้ไม่ขาด เจ้าก็รู้ดีว่ามหานครแห่งนี้อยู่บนที่สูง”ดิวาทอร์มองไปยังบ้านเรื่อนที่ปิดสนิทและร่างของสตรีที่ยืนมองเขาอยู่ สตรีในชุดสีน้ำตาลที่ปักสวดลายงดงามยืนมองเขาอย่างไม่กระพริบตา
    “ข้าพระองค์วานาแอน เจ้าหญิงแห่งฟูดินันเจ้าคะ”วานาแอนมองรอยยิ้มที่ขี้เล่นของดิวาทอร์ก็ใจหาย เธอไม่เคยเห็นเทพแห่งการทำลายใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน และไม่คิดว่าชายผู้นั้นจะมีใบหน้าที่งดงามอีกเสียด้วย
     ดิวาทอร์ได้แต่พยักหน้ารับแล้วหันกลับไปที่เทออสที่แจกแจงว่ามีจุดเสียหายที่ใดอีกบาง “ว่าแต่พระองค์ทราบแล้วว่าประเทศพันธมิตรใหม่ได้ขอหลบภัยที่ขอบเขตของปราสาทชันที่หนึ่ง นางเป็นหนึ่งในนั้น”เทออสกล่าวขึ้นพร้อมควบม้าตรงไปข้างหน้าเล็กน้อย ดิวาทอร์หันมามองวานาแอนเอาไว้ “ข้าจำได้เรื่องแผ่นดินของเจ้า ท่านยักดราซิลยังคงอยู่สินะ”ดิวาทอร์ดึงม้าให้อยู่นิ่งแล้วเชิยคางของวานาแอนขึ้นมามองไปในดวงตาของเธอ
     “เจ้าคะ” วานาแอนถอยออกเล็กน้อยหน้าแดงระรืนขึ้นด้วยความอ้ายที่จะมองดวงตาสีมองประกายนั้น
     “ข้าขอโทษเจ้าด้วยที่ทำให้เจ้าเป็นแบบนี้”ดิวาทอร์ควบออกไปข้างหน้าจนหายลับไปจากสายตาของวานาแอน เธอแตะใบหน้าส่วนที่ดิวาทอร์เคยสัมผัส เสียงคำรามของซิกมันทำให้เธอหันกลับไปที่ค่ายซึ่งทหารมารายงานการหายตัวไปของเรจิน่า
     “ทำใจดีๆเอาไว้ซิกมัน”ฮาริสันปลอบใจ อองเดรที่มองซิกมันสั่งคำสังเด็จขาดก่อนจะปรามเอาไว้อย่างรวดเร็วเมื่อตนักได้ว่านี้ไม่ใช่อาณาจักรของตน

     สายลมที่พัดผ้าบางที่มีสีขาวพริวไปตามสายลม ชุดงดงามสีขาวของจีเนรอสที่เดินมาเคียงข้างดิวาทอร์ยามเย็นของปราสาท “ข้าจำแสงอาทิตย์ได้”จีเนรอสประคองมือใหญ่ของดิวาทอร์จูงพาเขาไปที่ฐานหินที่มีหมอนนุ่มๆอยู่มากมาย “ท่านต้องพักผ่อน ท่านเหนื่อยมามาก”
     ดิวาทอร์ดึงกายของจีเนรอสมาจูบที่ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของเธอ ทั้งสองลืมเลือนทุกอย่างรอบตัว เมื่อดิวาทอร์คลายริมฝีปากออกและเม้มที่จมูกสวยของเธอเล็กน้อย
     “ท่านไม่ควร ไม่ควรทำเช่นนี้ดิวาทอร์”จีเนรอสเอยขึ้นอย่างสั่นพร่าง
     “ข้าขออภัยจีเนรอส ข้าเพียงคิดถึงเจ้ามาก มากเสียจนข้าเจียนจะตายให้ได้แล้ว”ดิวาทอร์นังลงและดึงเธอลงนั่งข้างๆ “ข้าเข้าใจว่าเจ้ายังเป็นกษัตริย์ของอธิริกอยู่”
     “ข้าอยากฟังเรื่องของท่านมากกว่า พรุ่งนี้เป็นวันที่ท่านจะครองมหาอาณาจักรของท่านอีกครั้ง”
     “ประชาชนของข้ากลัวและเกลียดข้าเสียด้วยสินะ”
     “พวกเขาจะรักท่านเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาจะเข้าใจว่าท่านเป็นกษัตริย์ที่ดีเพียงใด”จีเนรอสพลักแผ่นอกของดิวาทอร์ให้เขานอนลงบนหมอนนุ่มๆ “แต่เวลานี้ท่านควรหลับพักผ่อนเสียดีกว่า”
     รุ่งเช้าเหล่าข้าราชการและผู้เป็นใหญ่หลายต่อหลายคนอยู่ในเขตราชฐานเหนือแสงดาบบัญลังของเซนทิริกเสียงคุยกันแซแซดทั่วทั้งราชอาณาบริเวณของปราสาทแห่งนี้ เสียงคุยสนทนาตัดสิ้นว่าผู้ใดมีอำนาจใดและอีกทั้งเรื่องราวของดิวาทอร์และพิธีราชาภิเสกวันนี้
     ประตูราชฐานชั้นเทพเจ้าเปิดออกเป็นสัญญาณของความสงบในท้องพระโรงของราชวังแห่งนี้ขบวนแถวทหารเดินมาจัดเป็นแนวอารักขาดิวาทอร์ที่เดินตรงออกมาในชุดเกราะสีเงินแสนงดงาม เครื่องยศของเขาเป็นตราปีกสิบปีกแก้วและผ้ายาวสีแดงที่ทาบทับยู่ที่บ่าของเข้ายาวไปตามทางเดินของมหาปราสาท
     ดิวาทอร์หยุดที่หน้าทางขึ้นบัญลังมองขึ้นไปบนเฟดานหินอ่อนที่มีภาพเรื่องราวของเขาและจีเนรอสในภพอื่นๆ แต่แสงที่สองลงมาพร้อมเทพ เกบียล (Garbian, Repesent of God father) ที่ลงมาพร้อมราชสารแห่งอาณาจักรของพระเจ้า “ข้าชอบเวลานี้เป็นที่สุด”เกบียลส่งราชสารให้กับดิวาทอร์ก่อนจะพุ่งตรงขึ้นฟ้าไป
     “ในนามแห่งพระบิดา เทพผู้ปกป้องบัญลังรับพระสาร”ดิวาทอร์หันกลับมามองเทพทั้งสองที่ยืนอยู่บนเส้าแห่งเทพปกป้อง ลิบร้ามี(Libra Me, guardian spirit)และไครี่เออิลิสัน (Kyrie Eleison, guardian spirit)
     เทพทั้งสองช่วยกันเปิดพระสารของพระเจ้าออกก่อนจะคำนับลงเมื่อเทพพระองค์หนึ่งปรากฏกายขึ้นเบื่องหน้า เทพจากสุขวิไล(Kingdom of God) เทพแห่งสัญญา โพมิสทิด้า (Promistida, Goddess of promise)
     “ตามพระสัญญาแห่งพระองค์ท่านและความเป็นใหญ่เหนือแสงดาบของ อาณาจักรแห่งสวรรค์(Sun(Sentheric United Nation) Unify Tri Associated World-Territory And Nobility Ancient God Of Rose Nation)…”คำพูดกล่าวมากมายไหลผ่านไปโดยที่ดิวาทอร์ไม่สนใจนักเขารู้หมดทุกอย่างก็เพราะเขาเคยผ่านพิธีนี้หลายต่อหลายครั้ง “…ลมแห่งเทพเซอูสจงรับรู้ว่าท่านเป็นกษัตริย์ ดินแห่งเทพไกอาจงตะนักว่าท่านคือพระเจ้าของแผ่นดิน วารีแห่งเทพโพเซดอนจงเคารพซึ่งอำนาจของท่าน ไฟแห่งเทพอพอลโล่จงหวั่นเกรงในวาจาของท่าน แสงแห่งปราการดาบและสนธยาแห่งสายน้ำลูซิเฟอร์จะมองท่านปกป้องปราการแห่งนี้”เทพีร่ายกวัดเกว่งมือดาบเล่มงามก็ลอยออกมาที่เบื่องหน้าของดิวาทอร์
     “ในนามแห่งพระบิดาขอแต่งตั้งท่านเป็นกษัตริย์แห่งเซนทิริก มิเนทาริก(Sentheric Minetaric) ราชาแห่งปราการดาบแอเลิอทเซียนแดเมอเนอกุส โนส แด เทอมูส โดมิเนทุสและอาณาบัญลังแห่งขอบเขตใต้แสงดาบทั้งปวง”เสียงราชสารแตกกระจายเป็นฝุ่นทองและความงดงามของแสงปราการดาบก็สว่างขึ้นเหนือขอบเขตทั้งปวง
     เทพีผู้งดงามหายไปพร้อมแสงสว่างที่เจิดจ้าในท้องพระโรงทิ้งไว้แต่ดิวาทอร์ที่เดินขึ้นนั่งบัญลัง “ดิวาทอร์ กษัตริย์แห่งเซนทิริก มิเนทาริก(Devator, king of Sentheris) เทออสคุกเข่าลงพร้อมเหล่าขุนนางทั้งปวงที่คุกเข่าลงพร้อมๆกัน
     เทพีทั้งแปดลงมาประจำเส้าแห่งอาณาจักรแต่สายตาของดิวาทอร์มองไปที่ประตูที่เปิดออก “จีเนรอส กษัตริยดินีแห่งอธิริก เร็กซิริกบันดาร(Generos, queen of Atheric)”เสียงนายหน้าประตูร้องบอกทุกสายตาก็มองไปที่ขบวนเอลฟ์ที่เดินเข้ามา
     ขบวนของเอลฟ์เดินขนาบออกไปด้านข้างเพื่อรวมกับแถวกับทหารเซนทิริกแสงสว่างจากปราการดาบที่ส่องสท้อนกลับเข้ามาที่ท้องพระโรงและเงาของคนสองคนที่ยืนอยู่เบื่องหน้าประตู
     ดิวาทอร์มองขึ้นไปบนฟ้าแห่งสวรรค์ “ข้าแด่พระผู้เป็นเจ้าโปรดเป็นพยานในความรักของข้าพระองค์”เสียงสั่นเครื่อของเขาดังเบาๆก่อนที่สายตาจะมองไปยังจีเรอสในชุดสีขาวงดงามมีผ้าคลุมหน้าสีขาวยาวตามเส้นผมของเธอจรดกับพื้นไล่ไปตามชายกระโปรงขาวที่ยามไปเบื่อหลังที่เดินเข้ามาพร้อมกับเอลาโน่ผ่านซุ้มดาบของทหารเซนทิริกและซุ้มดอกไม้ป่าที่เอลฟ์ได้สร้างขึ้นด้วยพลังของธรรมชาติ
     เอลาโน่เดินออกจากจีเนรอสเมื่อผ่านซุ้มดาบและดอกไม้ไปแล้วจีเนรอสเดินขึ้นสู่พระบัญลังของเซนทิริกเข้ารับมือที่ยื่นมาของดิวาทอร์และทั้งคู่ก็ยืนอยู่หน้าพระบัญลังของเซนทิริก สบตากันอยู่นานแสงแวววาวของอัญมณีทำให้ดิวาทอร์มองตามลงมาที่เรือนร่างของจีเนรอสเบื่องหน้า
     “ท่านอยู่ในสายตาของพระเป็นเจ้า แล้วท่านยังรักข้าอยู่หรือไมที่รักของข้า”จีเนรอสถามออกไปเบาๆเมื่อแสงสว่างอัศจรรย์ได้สาดแสงลงมาจากเพดานของท้องพระโรงตรงลงมาที่จีเรนอสและดิวาทอร์(In the vision of god) ทั้งสองประคองมือของกันและกันเอาไว้
     “จีเนรอส เจนเนเรซิเอเนอร์เจ้าจะรับข้าเป็นสามีในสายตาของพระเป็นเจ้าหรือไม่”ดิวาทอร์ถามขึ้นเสียงดังสนั่นท้องพระโรง
     “รับค่ะ”จีเนรอสตอบออกไปอย่างมั่นใจก่อนจะมองขึ้นสบตาของดิวาทอร์หลังจากที่หบสายตาอย่างอายๆก่อนหน้าแล้วแสงสว่างก็รวมคัวเบื่องหลังของพระบัญลังของเซนทิริกเป็นร่างของไตตันในชุดเกราะใหญ่โตทั้งคู่หันไปมองความเปลี่ยนแปลงนั้น
     “ดิวาทอร์ ดิ ดีวาสเตทอร์ย เจ้าจะรับจีเนรอสเป็นภรรยาในสายตาของพระเป็นเจ้าหรือไม่”เสียงถามดังขึ้นเป็นเสียงของอเลทาดอสแล้วแสงสว่างก็สลายตัวกลายเป็นแหวนทองที่นิ้วนาวซ้ายของทั้งสอง “จากนี้ต่อไปเจ้าสองคนเป็นสามีภรรยากันแล้วจงทำหน้าที่ของเจ้าทั้งสองให้ดี... จูบภรรยาของเจ้าสิดิวาทอร์”เสียงดังหายไปแล้วดิวาทอร์ก็หันมามองจีเนรอสก่อนจะคว้างร่างเบื่องหน้ามาจูบอย่างกระหายแสงสว่างแตกกระจากออกรอบตัวทั้งสองแผ่งออกไปทั่วราชอาญาจักรแห่งเซนทิริก ทำให้พืชพันธ์งอกงามและความงดงามของพืชพันธ์ยิ่งกว่าที่เคยพบมา
     ทั้งสองมองลงมาที่เหล่าปวงประชาเบื่องล่างแล้วก็ส่งยิ้มลงไปให้กับผู้คนที่ก้มลงเคารพ ดิวาทอร์ส่งสัญญาณมือเป็นการบอกให้ทุกคนลุกขึ้น
     ทั้งสองเดินลงมาที่เบื่องล่างเพื่อคุยกับเหล่าขุนนางก่อนจะมาหยุดที่เบื่องหน้าของขุนพลทั้งสี่และนางฟ้าที่ยิ้มอย่างเบิกบานอยู่เคียงข้าง
     “ข้าต้องขอโทษพวกท่านที่ทำให้พวกท่านบาดเจ็บสาหัสในสนามรบ”
     “เรื่องนั้นพวกเราไม่เอาความหรอกพระองค์ท่าน”ลาสิมัสรีบตอบออกไป
     “ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้มีความสุขกับงานเลี้ยงในคำคืนนี้”ดิวาทอร์ตบที่ไหล่ของฮาดิอัสก่อนจะเดินไปที่เหล่ากษัตริย์ทั้งสี่แล้วก็พยักหน้าให้กันและกัน จีเนรอสมองมาที่วานาแอนที่หลบสายตาของดิวาทอร์ก่อนจะโนมคอของดิวาทอร์ลงมากระซิบ
     “วานาแอนหลงรักท่าน”จีเนรอสกระซิบเบาๆ
     “ตลกแล้ว”ดิวาทอร์กระซิบคืนเบาๆทั้งสองก็ได้แต่หัวเราะกันแล้วเดินไปทักทายกับขุนนางอื่นๆต่อไป

     คำคืนสโมสรณ์ผ่านไปเหลือไว้แต่ความเงียบที่คอบครองทั่วทั้งราชอาณาจักร ดิวาทอร์เดินโซเซไปมาด้วยฤทธิของสุราเปิดประตูห้องนอนเข้ามา สายตาของเขาเห็นจีเนรอสที่ยืนอยู่ที่ระเบียง เขาก็รีบสาวเท้าเขากอดเธอแล้วชิงจูบทาบที่ริมฝีปากของเธอเอาไว้
     “เลิกแกล้งข้าสักทีดิวาทอร์ ไม้นี้ข้าเห็ฯว่ามันเก่าแวละ”จีเนรอสจูบที่สันแก้มของเขา ดิวาทอร์ก็ยิ้มและหัวเราะออกมาก่อนจะอุ่มร่างของจีเนรอสขึ้น “ท่านยังติดค้างเต้นรำกับข้าอยู่ดิวาทอร์”
     “ถ้าเช่นนั้นเราก็มาเต้นรำกัน”ดิวาทอร์ลดร่างของจีเนรอสประคองมือของเธอเป็นการเต้นรำกันเป็นจังหวะช้าๆ “ข้าต้องขอโทษเจ้าอีกครั้งจีเรรอสข้านี้อยู่เรื่อยเลย”
     “ไม่ต้องขอโทษข้าหรอกดิวาทอร์ ท่านนี้ก็อยู่เรื่อยเลย”จีเนรอสกล่าวจบก็สัมผัสแรงสั่นสะเทือนที่ส่งมาตามแผ่นอกของดิวาทอร์ที่ดังอยู่ภายในอกของเขา เธอลูบมือข้างหนึ่งมาที่คอของเขาแล้วโน้มดิวาทอร์ลงมาจูบที่ค้างของเขาไร้ตามไร้หนวดที่โกรนอย่างหยาบๆของเขา
     “อย่ายั่วข้านะจีเนรอส”
     “ข้าไม่ได้ยั่วท่านสักหน่อย แต่ต้อนนี้ข้าเป็นของท่านทั้งหัวใจแล้ว กายของข้าก็เป็นของท่านแล้วเช่นกัน”เธอกระซิบเบาดิวาทอร์ก็ผละออกเล็กน้อย “ถึงเวลาแล้วดิวาทอร์ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด-“
     ดิวาทอร์ปิดปากของเธอไว้ก่อนด้วยริมฝีปากของเขา “ข้ารอได้จีเนรอส ถ้าเรื่องยังไม่จบข้ารอได้”
     “ข้าเลือกชะตาชีวิตของข้าแล้วดิวาทอร์”จีเนรอสมองสบที่ดวงตาของชายที่เป็นที่รักที่ขมวดคิ้วอย่างคุ่มคิดมือของเธอก็ลูบไปที่หน้าผากไล่ลงมาที่ระหว่างคิ้วของเขา “มอ-เด-ติ-เด-คาร์ อะ-ซา-เล-มิ-เด-โฟ-ร่า อิ-วา-ซา-ลิ-มอ-เด อา-เด-คาร์-มอ-เด-ติ-ซา-ยา(Modetidecar Arzalemidefora Evazalimode Ardecarmodetizaya) หัวใจของข้า ข้าได้กำหนดเส้นทางไว้แล้ว ที่ชีวิตของข้า หัวใจของข้าจะเป็นของท่าน”จีเนรอสกล่าวขึ้นดิวาทอร์ก็ช้อนร่างของเธอขึ้นและเดินตรงไปที่เตียงนุ่มสบาย

Logged


♦♦♣[A]pprentic[€]+♠+[M]agisterMag[ii]♣♦♦
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 1584


« Reply #1 on: June 29, 2007, 11:58:24 PM »

หนุกดี

ปล พิมพ์ผิด
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.073 seconds with 20 queries.