Athena อาธีน่าเป็นเทพของทางกรีก เป็นเทพีแห่งปัญญา การศึกสงคราม ศิลปะ งานฝีมือ ทอผ้า และ ความยุติธรรม ทางโรมันจะรู้จักนางในนามเทพี มิเนอร์วา (Minerva) อาธีน่าเป็นเทพีที่เกี่ยวกับการรบ การสงคราม ดังนั้นภาพลักษณ์ของนางจึงเป็นเทพนักรบ ที่มักจะแต่งองค์ทรงเครื่อง สวมเกราะพร้อมรบเยี่ยงนักรบอยู่เสมอ
อาธีน่านั้นต่างจาก อาเรส เทพผู้น้อง พอสมควร ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเป็นเทพที่เกี่ยวกับการสงครามเช่นเดียวกัน
แต่ อาเรส จะเป็นเทพที่ใจร้อน ขี้หงุดหงิดอยู่เสมอ ดังนั้นการศึกสงครามสำรับอาเรสคือการรบราฆ่าฟันและการต่อสู้อย่างดุเดือดโดยไม่คิดชีวิต แต่สงครามสำหรับอาธีน่าคือการวางแผนการรบ วางกลศึก และกำหนดยุทธศาสตร์ทางการรบ ที่เป็นอะไรที่มากกว่าการเข้าไปรบอย่างบ้าคลั่งโดยไม่คิดอะไรอย่างอาเรส นอกจากนี้อาธีน่ายังเป็นเทพประจำน่านน้ำเขตอีเจี้ยน (ช่วงทะเลเมดิเตอเรเนียนระหว่างกรีกกับตุรกี) ตั้งแต่ก่อนที่กรีกจะเกิดขึ้นมาอีกด้วย อาธีน่าเป็นเทพีที่ถือซึ่งความพรหมจรรย์ ทำให้นางสะอาดบริสุทธิ์อยู่เสมอ นางจึงไม่มีคู่สมรสใด ๆ อาธีน่าเป็นเทพอุปถัมภ์ของกรุงเอเธนส์ในกรีซ และมีต้นมะกอกกับนกฮูกเป็นสัญลักษณ์ประจำตัว โดยที่วิหารพาร์เธนอน (Parthenon) ในกรุงเอเธนส์ เป็นวิหารที่มีชื่อเสียงที่สุดของนาง
คำว่า อาธีน่า นั้น เชื่อกันว่ามาจากคำว่า เอ เทโอ โนอา (A theo noa) หรือ อี เทโอ นอร์ ( E theo noa) ซึ่งมีความหมายว่า จิตแห่งเทพเจ้า ขณะที่บางหลักฐานเชื่อว่ามาจากภาษากรีกคำว่า อาเธอร์ (Ather) ที่แปลว่า เฉียบคม รวมกับคำว่า เอน (Aine) ที่แปลว่า การสรรเสริญ
กำเนิดอาธีน่า
อาธีน่าได้ถือกำเนิดมาจากศีรษะของซุส โดยมี เมทีส เทพีแห่งปัญญาเป็นมารดา
ในขณะที่ในอีกตำนานหนึ่ง ได้กล่าวถึงคำพยากรณ์ที่ว่าไว้ว่า วันหนึ่ง เมทีสจะให้กำเนิดบุตรธิดาที่มีฤทธานุภาพเหนือยิ่งกว่าซุสเสียอีก ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันเหตุอันไม่พึงประสงค์นั้น ซุสจึงสาปนางเมทีสให้เป็นแมลงวัน และกลืนนางเข้าไปในทันทีหลังได้หลับนอนกับเธอ แต่ในเวลานั้นเองเมทีสก็ตั้งครรภ์เรียบร้อยแล้ว เมทีสในร่างของซุสก็ได้สร้างหมวกเหล็ก และเสื้อคลุม สำหรับทารกน้อยของเจ้าหล่อนขึ้นมา โดยการสร้างหมวกเหล็กนั้นเมทีสจะใช้ค้อนทุบลงไปหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งการกระทำเช่นนี้ได้สร้างความเจ็บปวดทรมานในศีรษะให้กับ
ซุสเป็นอย่างมาก เมื่อไม่สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดได้อีกต่อไป ซุส จึงได้เรียกเทพ โพรเมทีอัส (ขณะที่แหล่งอื่น ๆ ว่าเป็น เฮเฟสทัส เฮอร์เมส หรือ พาเลมอน) ใช้ขวานมิโนอัน (มิโนอัน ชื่ออารยธรรมโบราณของเกาะครีต) ผ่าเข้าไปกลางศีรษะของซุส ทันใดนั้นเองปรากฏร่างอาธีน่าที่โตเต็มวัย แต่งองค์ทรงเครื่องพร้อม กระโดดออกมาจากกลางศีรษะของซุส อย่างปลอดภัย
วีรกรรมเด่น ๆ ต่าง ๆ ของอาธีน่า
เหตุกำเนิดเอริชโทนิอัส (Erichthonius)
เทพเฮเฟสทัสพยายามจะมีสัมพันธ์พิเศษกับอาธีน่าแต่ก็ไม่สำเร็จ น้ำเชื้อของเขาได้หยดลงบนพื้นดินและให้กำเนิดเป็น เอริชโทนิอัส ขึ้นมา อาธีน่าได้เก็บเขามาเลี้ยงในฐานะแม่อุปถัมภ์ ในขณะที่ตำนานในแบบอื่น ๆ จะมีเนื้อหาต่างกันไปเล็กน้อยถึงวิธีกำเนิดของ เอริชโทนิอัส แต่เนื้อหาหลัก ๆ ก็ใกล้เคียงกัน
สิทธิในกรุงเอเธนส์
อาธีน่าแข่งขันกับโปเซดอนในเรื่องสิทธิเหนือกรุงเอเธนส์ โดยเงื่อนไขของการแข่งขันคือ ทั้งคู่จะต้องมอบของขวัญให้กับชาวเอเธนส์คนละ 1 อย่าง จากนั้นหากชาวเอเธนส์เลือกของขวัญของผู้ใด ผู้นั้นก็ได้รับชัยชนะไป
โปเซดอนใช้ตรีศูลย์ปักลงบนพื้นเรียกน้ำพุออกมา แต่น้ำจากน้ำพุนั้นเป็นน้ำเค็มเหมือนน้ำทะเล จึงไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้มากเท่าไหร่ ในขณะที่อาธีน่ามอบต้นมะกอกให้กับชาวเมือง ต้นมะกอกต้นเดียวที่ให้ทั้งไม้ น้ำมัน และใช้เป็นอาหารได้อีก ดังนั้นชาวเมืองจึงเลือกของขวัญของอาธีน่า ทำให้นางเป็นองค์อุปถัมภ์ของนครเอเธนส์นั่นเอง
ทอผ้าแข่งกับ อารัคเน่ (Arachne)
มีสตรีนางหนึ่งนามอารัคเน่ ได้คุยโวไว้ว่านางเป็นช่างทอผ้าที่เหนือกว่าเทพีอาธีน่าเสียอีก อาธีน่าได้ยินคำคุยโวของเธอก็แปลงกายเป็นหญิงชรามาหาเธอ และบอกให้เธอสำนึกผิดต่อความจองหองของเธอที่ได้กล่าวล่วงเกินทวยเทพ แต่นางหาฟังไม่ กลับกันนางกล่าวท้าทายออกมาว่า ถ้าอาธีน่าเก่งจริงก็ให้มาท้าประลองกับนางเสียดีกว่า เมื่อได้ฟังดังนั้น หญิงชราจึงคืนร่างกลับเป็นเทพีอาธีน่าและรับคำท้าของนางอารัคเน่ในทันที
ในการแข่งขัน อาธีน่าได้ทอผ้าออกมาเป็นรูปเล่าเหตุการณ์เรื่องความขัดแย้งกับโปเซดอนเรื่องสิทธิเหนือกรุงเอเธนส์ ในขณะที่นางอารัคเน่ทอผ้าออกมาเล่าเรื่องความรักอันอื้อฉาวของซุส อาธีน่าเห็นดังกล่าวก็เดือดดาลกับฝีมือของนาง และหัวข้อที่นางเอามาเล่น (การแข่งขันครั้งนั้นไม่ได้ตัดสิน) นางอารัคเน่เห็นดังนั้นก็รู้สึกผิด คิดจะฆ่าตัวตายเสีย แต่อาธีน่าก็สาปเธอให้กลายเป็นแมงมุมแทน ทำให้อารัคเน่เป็นแมงมุมตัวแรกของโลก และสามารถทักทอเส้นใยของนางไปได้ตลอดกาล
ช่วย เพอร์ซิอุส (Perseus) ปราบ เมดูซ่า
อาธีน่าช่วยให้คำแนะนำเพอร์ซิอุสในการปราบเมดูซ่า ทำให้เชื่อกันว่าการที่โล่อิจิสมีศีรษะของเมดูซ่าติดอยู่ตรงกลางก็เพราะได้มาจากเพอร์ซิอุสในครั้งนั้นด้วย
เฮอร์คิวลิส (Heracles)
อาธีน่าได้บอกเฮอร์คิวลิส ถึงวิธีที่จะถลกหนังของสิงโต เนมีน ออกมา ซึ่งก็คือใช้กรงเล็บของสิงโตตัวนั้นเอง
หลังจากนั้นหนังของเจ้าสิงโตก็กลายเป็นเครื่องหมายหนึ่งของเฮอร์คิวลิสที่เขาสวมใส่ประจำตัว ร่วมกับกระบองที่ทำจากไม้มะกอก นอกจากนี้อาธีน่ายังช่วยเฮอร์คิวลิสในศึกต่าง ๆ หลังจากนี้อีกด้วย
สาปไทรีซีอัส (Tiresias) ให้ตาบอด
ชายนามไทรีซีอัสถูกอาธีน่าสาปให้ตาบอดหลังจากเขาไปแอบดูนางอาบน้ำ นางชาริโคลผู้เป็นมารดาของไทรีซีอัสได้มาอ้อนวอนขออาธีน่าให้ยกโทษให้กับบุตรของนาง และขอร้องให้รักษาตาให้กับไทรีซีอัสด้วย แต่อาธีน่าปฏิเสธและมอบความสามารถในการพยากรณ์ให้กับเขาแทน
รูปปั้นอาธีน่าเต็มตัว กับเครื่องหมายต่าง ๆ
อาธีน่าที่ปรากฏในงานศิลปะต่าง ๆ มักปรากฏรูปโฉมในลักษณะของเทพีนักรบ แต่งองค์ทรงเครื่องพร้อมรบ มีหอกติดอยู่กับตัว ไม่ก็กำหอกนั้นไว้ในมือ ถือหรือวางโล่อีจิสอยู่ข้างกาย มีรูปปั้นเทพีแห่งชัยชนะ ไนกี้ อยู่บนมือข้างหนึ่ง และมีนกฮูกเกาะอยู่ที่ไหล่ข้างหนึ่ง
จากภาพเป็นรูปปั้นอาธีน่าแบบเต็มตัวที่ถูกทำจำลองขึ้นมาจากของจริงในวิหารพาเธนอน โดยเก็บรายละเอียดทั้งหมดครบถ้วนชนิดไม่ผิดเพี้ยนไปจากของจริงเลยทีเดียว รูปปั้นนี้ถูกจัดแสงอยู่ในนคร อโครโพลิส ที่จำลองมาจากของจริง ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชมชนิดไม่เว้นวัน
รายละเอียดส่วนต่าง ๆ ของ รูปปั้น อาธีน่า
รูปประกอบ athena-in-acropolis
รูปประกอบ Aegis ใต้ภาพว่า โล่อีจิส
รูปประกอบ nike ใต้ภาพว่า เทพีแห่งชัยชนะไนกี้
อีจิส (Aegis) โล่แห่งอาธีน่า
อีจิสมีความหมายแปลว่า โล่ การคุ้มครอง การปกป้อง พิทักษ์ป้องกัน และความช่วยเหลือ คำว่าอีจิสนั้นเชื่อกันว่ามีที่มาจากคำว่า เอสโซ่ (aisso) ที่มีความหมายถึงการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน รวดเร็ว และรุนแรง ซึ่งสื่อถึงฟ้าร้อง ฟ้าผ่าของซุสนั่นเอง ในขณะที่นิรุกตศาสตร์เชื่อว่าคำว่าอีจิสนั้นมาจากคำว่า เอเจี้ยน (Aegean) ที่หมายถึงทะเลที่มีคลื่นถลาโถมรุนแรงเพราะทวยเทพทำให้สั่นไหวมากกว่า แต่ในตำนานหนึ่งนั้น ซุสได้ห่อหุ้มโล่อีจิสไว้ด้วยหนังของแพะเทพเจ้านาม อามัลเธียร์ (Amalthea) โดยที่ในภาษากรีก ไอจิส (Aigis) จะแปลว่าหนังของแพะด้วย ดังนั้นชื่อของโล่อีจิสนี้ก็อาจจะมาจากความหมายตรงนี้ก็เป็นไปได้เช่นเดียวกัน (แต่ในขณะเดียวกันก็มีอีกตำนานว่าหนังของแพะถูกนำมาทำสายคาดของโล่มากกว่า)
อีจิสเป็นโล่ประจำตัวของเทพีอาธีน่า ซึ่งแต่เดิมนั้นโล่อันนี้มีเทพซุสเป็นเจ้าของ แล้วจึงถูกเปลี่ยนมือมอบให้กับอาธีน่าในภายหลังด้วยตัวซุสเอง โล่อีจิสเป็นสัญลักษณ์แห่งฟ้าฝนคำราม และเมฆฝนทะมึน เพราะเมิ่อใดก็ตามที่ซุสใช้โล่อันนี้ ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง พลันบังเกิดออกมา โล่อีจิสที่ปรากฏในงานศิลปะภาพวาดต่าง ๆ บางครั้งจะปรากฏในลักษณะโล่ที่มีเกล็ด และ งูประดับติดอยู่ ในขณะที่ตรงกลางจะมีศีรษะของเมดูซ่าผูกติดอยู่ (ดังเช่นรูปปั้นในภาพ) และแน่นอน เรามักจะเห็นอาธีน่าอยู่คู่กับโล่นี้เสมอ
อสูรอีจิส
มีตำนานบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า อีจิสนั้นเป็นชื่อของสัตว์ประหลาดประเภทหนึ่งที่มีลมหายใจเป็นเปลวเพลิง มีรูปร่างแปลกพิสดารเหมือนกับพวกคิเมร่า แต่สัตว์ประหลาดตัวนี้ก็ถูกสังหารลงโดยอาธีน่า ซึ่งนางได้นำหนังของอีจิสมาหุ้มเป็นเกราะป้องกันตัวนาง จนเป็นที่มาของคำว่าอีจิส ในขณะที่อีกตำนานหนึ่งเชื่อว่าหนังดังกล่าวเป็นของยักษ์นาม แพลลัส (Pallas) มากกว่า
นกฮูก
นกฮูกเป็นสัญลักษณ์แห่งปัญญา และความคงแก่เรียน ดังนั้นนกฮูกที่อยู่กับเทพีอาธีน่าจึงเป็นสัญลักษณ์สื่อถึงนางที่เป็นเทพีแห่งปัญญานั่นเอง แม้แต่ชาวอียิปต์โบราณก็ยังให้ความสำคัญกับนกฮูกมากจนถึงขนาดเอามันมาทำเป็นอักษรเฮียโรกริฟฟิคตัวหนึ่งด้วย ส่วนทางอาคาเดียก็มีเทพี ลิลิตู ที่มีนกฮูกเป็นสัญลักษณ์สื่อแทนเช่นเดียวกัน
ไนกี้ (Nike) เทพีแห่งชัยชนะที่อยู่ในมือของอาธีน่าคือรูปปั้นของไนกี้ เทพีแห่งชัยชนะ ที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับอาธีน่าอย่างลึกซึ้ง เชื่อกันว่าทั้งหมดเริ่มมาจากชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของชาวกรีกที่มีเหนือชาวเปอร์เซีย ในสงครามเกาะซาลามิส (Battle of Salamis) ในช่วง 480 ปี ก่อนคริสตกาล ตั้งแต่นั้นมาเทพีไนกี้กับเทพีอาธีน่ามักจะอยู่คู่กันเสมอในฐานะ เทพีผู้นำพาชัยชนะมาให้กับการศึกสงคราม และเพื่อให้ชัยชนะอยู่คู่กับสงครามเสมอด้วย นอกจากนี้เทพีทั้ง 2 ยังมีนกฮูกเป็นสัญลักษณ์เหมือนกันอีกด้วย