Summoner Master Forum
November 28, 2024, 05:42:38 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: วอลเนีย  (Read 6507 times)
0 Members and 10 Guests are viewing this topic.
mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« on: March 31, 2007, 04:17:18 PM »

                                                 บทที่ 1    เมืองบนหลังเต่า
   ......ทุกคน..อยู่แต่ในบ้านนะ....ห้ามออกมา.....จนกว่า......เต่ายักษ์วอลเนียจะลงจอด   สิ้นเสียนั้น  แผ่นดินที่พวกเขาอยู่ก็ยกตัวขึ้น  ลมแรงพัดผ่านจนบ้านบางหลังปลิวหายไปกันสายลม  เมืองเริ่มยกตัวขึ้นอย่างน่าตกใจ  เสียงร้องเรียกกันของชาวบ้านดังอื้ออึงไปทั่ว 
    เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้  หญิงสาวท่าทางสูงศักดิ์  โดยดูจากการแต่งกายแล้ว  น่าจะเป็นขุนนางกล่าวอย่างสงสัย  ท่านไปไหนมาท่านซาเรียม่า  ทางการแห่งฟิเลเซียน่าจะส่งข่าวมาให้ทางกระทรวงแล้วนี้  ชายที่มีท่าทางโกรธที่แม้แต่ขุนนางยังไม่รู้กล่าวขึ้น  แล้วกล่าวต่อ  เมืองวอลเนียต้องยกตัวขึ้นเนื่องจาก  กองทัพซาโลมได้เข้าประชิดเมืองจนทางกองทัพต้านทานไม่ไหว  จึงต้องรักษาเมือง  โดยการทำตามตำนานที่กล่าวไว้ว่า  เมืองวอลเนียแห่งนี้ตั้งอยู่บนหลังเต่ายักษ์....  ท่านเชื่อในตำนานไร้สาระนั้นด้วยหรือ  ที่เป็นแบบนี้เพราะเกิดพายุและแผ่นดินไหวพร้อมกันมิใช่หรือ  ซาเรียมากล่าวแทรก  ถ้าท่านไม่เชื่อ  ก็ลองเสี่ยงตายออกไปดูข้างนอกสิ  ชายคนนั้นกล่าว  ฉันจะไปดู  เมื่อเธอเดินออกไปข้างนอกก็พบว่า  แผ่นดินของเมืองลอยอยู่บนอากาศ  เป็นไปไม่ได้  ซาเรียน่ากล่าวอย่างตกใจ 
        เพิ่งเริ่มเขียนคับ  วันนี้ไม่มีเวลาขอเขียนสั้นไนคับ   
           
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #1 on: April 01, 2007, 04:29:02 PM »

ต่อเลยนะคับ
     ทางด้านเมืองฟีเลเซีย  หลังจากที่เมืองวอลเนียได้ถูกยกขึ้น  สงครามทางด้านฟีเลเซียก็จบลง  เนื่องจากซาโลมเปลี่ยนแปลงเป้าหมายไปโจมตีเมืองฟูดินันแทน  ได้มีการประชุมการรบต่ออย่างเคร่งเครียด  แต่ก็มีประหนึ่งที่ทุกคนให้ความสนใจอย่างมาก  คือ  เหตุที่เมืองวอลเนียถูกยกขึ้นนั่นเอง
     ชาร์ล  เมืองวอลเนียขณะนี้อยู่ที่ไหนแล้วล่ะ  เสียงของกษัตริย์ซิกมันด์กล่าวถามจอมทัพแห่งสายลมด้วยความสนใจ  ข้าแต่ฝ่าพระบาท  ขณะนี้ข้าได้ส่งทหารพีกาซัสกองหนึ่งให้ตามเต่ายักษ์นั่นไปจนถึงเขตชานเมืองแอนดิซองแล้วพะยะค่ะ  คาดว่าน่าจะมุ่งลงจอด ณ เกาะกลางทะเลแถวนั้นในเร็ววันนี้  จอมทัพแห่งสายลมตอบคำถามของพระองค์  ดีแล้ว  เฝ้าไว้จนกว่าสงครามนี้จะจบลง  กษัตริย์ซิกมันด์กล่าว  เอาล่ะพูดเรื่องการทหารต่อดีกว่า
     ซาเรียม่า  เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยมิใช่หรือ  เอ้านี่  กินซะ  ชายคนเดิมเข้ามาหาเธอพร้อมยืนอาหารจานหนึ่งให้ซาเรียม่า  เธอจึงตอบว่า  ขอบคุณนะ  ว่าแต่นายชื่ออะไรล่ะ  นึกว่าท่านจะไมถามชื่อข้าซะแล้ว  เรียกข้าว่า  บีริลละกันนะ  ชื่อประหลาดดีนะ  ซาเรียม่าพูดพลางหัวเราะ  มีอะไรที่น่าประหลาดกว่านี้อีก  บีริลกล่าวด้วยสีหน้าวิตก  ซาเรียม่าเจ้าดูนั้นสิ.................           
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #2 on: April 05, 2007, 08:58:48 PM »

บทที่ 2 แผ่นดินสีดำ
     พายุมางั้นหรือ  เจ้าจะตกใจไปทำไมในเมื่อพวกเราอยู่เหนือพายุ  ชายตาบอดคนหนึ่งพูดเมื่อได้ยินเสียงชาวบ้านกล่าวตกใจ  ใช่  แต่ท่านคิดว่าเหตุใดล่ะ  ลมพายุถึงเกิดขึ้นบนเมืองกลางอากาศแห่งนี้  บีริลพูด  ต้องไม่ใช่เรื่องะรรมดาแน่นอน  ซาเรียม่ากล่าว  เอาล่ะทุกคนเข้าไปในที่หลบภัยกันเร็ว  เจ้าเมืองวอลเนียผู้สวมเสื้อคลุมอยู่ตลอดเวลากล่าว  ซาเรียม่า เจ้าพาลุงคนนี้ไปด้วยสิ  บีริลบอกด้วยความเป็นห่วง  พ่อหนุ่มเรียกข้าว่า  เดลตัน  อย่าเรียกลุงเลย  ชายตาบอดพูดแกมตลก  ครับ  บิริลตอบกลับ
     ท่านเจ้าเมืองวอลเนีย  เสียงตะโกนของชายคนหนึ่งดังขึ้นในที่หลบภัย  ข้ามีเรื่องอยากจะถามท่านหน่อย
เขาถามต่อ  ว่ามาสิ  เจ้าเมืองกล่าว  ทำไมอาณาจักรฟีเลเซียจึงทอดทิ้งพวกเรา  และเหตุใดอาณาจักรฟีเลเซียจึงขี้ขลาดเช่นนี้  ชายคนนั้นถาม  สิ้นคำถามนั้นเสียงคนเริ่มลือกันเรื่องนี้ก็ดังขึ้น  หยุดคุยกันก่อน  เจ้าเมืองกล่าว  ฟีเลเซียมิได้ทอดทิ้งพวกเราแต่อย่างไร  กษัตริย์ซิกมันด์ที่ 3 ต้องการปกป้องเมืองไว้โดยมิให้เสียเลือดเนื้อต่างหาก  อีกอย่างการที่เมืองกลายเป็นเต่ายักษ์เช่นนี้  พระองค์ยังส่งทหารพีกาซัสตามมาดูแลอยู่ห่างๆ  ทุกคนวางใจได้  เจ้าเมืองกล่าว  รู้สึกว่าพายุจะหยุดแล้วล่ะ  เราขึ้นไปกันได้แล้ว  เจ้าเมืองกล่าว
     หมอกลงงั้นหรือ  บีริลกล่าวด้วยความสงสัย  ภาพเบื้องหน้าของพวกเขา  คือหมอกที่ลงหนาจัดจนมองทางข้างหน้าไม่เห็น  แต่สายตาของซาเรียม่าสามารถจัดภาพบางอย่างได้  จึงเดินเข้าไปดู  เงาดำทะมึนสูงเลยหัวของเธอ  เริ่มเห็นได้ชัดขึ้นเนื่องจากลมเริ่มพัดหมอกออกไป  แผ่นดินสีดำสนิทและเงาเป็นประกายลอยอยู่กลางเวหา  แต่ไม่ได้มีแค่แผ่นเดียว  มีแผ่นดินสีดำหลากหลายขนาดเชื่อมต่อกันด้วยบันไดเล็กๆนับไม่ถ้วน  มีแผ่นที่ใหญ่ที่สุดอยู่ตรงกลางมีขนาดใหญ่กว่าป่าคีรีบันดาที่ว่ากว้างใหญ่เสียอีก  แผ่นดินนี้มีหลุมขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางมีขอบข่ายเวทย์เขียนไว้รอบหลุมด้วย
     เมืองวอลเนียกำลังลงหลุมนั่นหรือ  เสียงกษัตริย์ซิกมันดืกล่าว  แล้วในหลุมนั้นมีอะไรหล่ะ  กษัตริย์ถามต่อ  ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน  แต่ข้าหวังว่าจะไม่มีอันตรายพะย่ะค่ะ  ขุนพลแห่งสายลมกล่าวเชิงวิตก
   พอดีเพิ่งว่างคับ  ติชมด้วยก็ดีนะคับ
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #3 on: April 06, 2007, 05:54:35 PM »

ขอแก้ไขแป๊บนะคับ  ลุงตาบอดนั้นชื่อ  เดลท่อน นะคับ  คราวหน้าจะไม่(น่า)ทำให้ผิดพลาดครับ                                              
                                                       บทที่  3  ถ้ำทะมึน
     วันนี้ท้องฟ้าดูน่ากลัวจัง  ซาเรียม่าพูดในขณะที่นั่งอยู่ริมเมือง  โดยเต่ายักษ์กำลังบินลงหลุมอย่างช้าๆ  ดูท้องฟ้าวันนี้ไว้ซะ  มันอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะได้เห็นก็ได้  บีริลพูด  พลางเงยหน้าเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน  ข้างล่างหลุมเป็นถ้ำขนาดใหญ่ที่มีหินงอกสีดำเงาเต็มกระจายไปทั่ว  น้ำตกไหลจากปากทางเป็นทางยาว  น้ำมีความใสสะอาดจนสามารถเห็นสิ่งมีชีวิตแปลกตาในนั้นได้
    เต่ายักษ์ค่อยๆลงจอดบนพื้นถ้ำอย่างช้าๆ  เสียงหินงอกแตกดังสนั่น  ผู้คนที่อยู่ในที่หลบภัยเริ่มออกเพื่อดูสถานที่อยู่ใหม่ของพวกเขา  มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่เกิดจากน้ำตกอยู่กลางถ้ำ  แสงสว่างที่ทำให้พอมองเห็นในถ้ำได้มาจากปากทางเข้าหลุมด้านบน  ซึ่งถ้าเป็นกลางคืน  ทุกอย่างคงเป็นสีดำกันแน่
     ทุกคนพยายามเกาะกลุ่มกันไว้นะ  เรายังไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรซ่อนอยู่บ้าง  เจ้าเมืองวอลเนียกล่าวเตือนทุกคน  วันนี้ก็ใกล้จะค่ำแล้วอย่าพึ่งออกจากเมืองตอนนี้เลย  คืนนี้เราต้องหาฟืนเพื่อมาใช้ทำอาหาร  และต้องผลัดกันเฝ้ายามด้วย  เจ้าเมืองกล่าวต่อ  หลังจากฟังคำเตือนของเจ้าเมือง  ทุกคนก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง
     พ่อหนุ่ม  ช่วยพาข้าไปที่บ้านของข้าหน่อยสิ  ลุงเดลท่อนกล่าวบอกแก่บีริล  ครับ คุณลุง..เอ้ย....
คุณเดลท่อน  บิริลกล่าวแล้วจึงพยุงลุงไปที่บ้านของลุงที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน  บ้านของลุงเป็นบ้านไม้ขนาดเล็กอยู่ติดกับสุสานในโบสถ์ของเมืองวอลเนีย  ข้างในมืดมากและมีของวางระเกะระกะเนื่องจากลุงไม่ค่อยมีเวลาทำความสะอาด  บีริลพยุงลุงไปนั่งที่เก้าอี้เหล็กตัวหนึ่งแล้วจึงถามว่า  คุณเดลท่อนครับ  ผมเห็นเครื่องจักณวางเต็มไปหมด  คุณเป็นนักประดิษฐ์หรือครับ  ลุงจึงตอบว่า  ใช่ๆ  ฉันชอบประดิษฐ์ของมาช่วยอำนวยความสะดวกให้ตัวเองน่ะ  ไหนเจ้าลองหยิบแว่นตาบนโตะนั่นมาสิ  ลุงพูด  บีริลหยิบแว่นตาแล้วส่งให้ลุงลุงก็สวมแว่นตานั่นในทันที  และพูดว่า  แว่นนี้ทำให้คนตาบอดมองเห็นได้หล่ะ  มันถูกสร้างขึ้นจากเลนส์ที่ช่วยรวมแสงจนสามารถทำลายเนื้อร้ายหรือต้อที่ตาได้ชั่วคราว  แต่มันเป็นอันตรายต่อคนที่สายตาปกตินะ  วิเศาจังเลย  ปีริลกล่าว  เอาเถอะ  เจ้ากลับไปเฝ้ายามข้างนอกได้แล้ว  ขอบใจมากนะ  ลุงเดลท่อนกล่าว  ครับ  บีริลกล่าวแล้วจึงเดินออกไป 
      หลังจากที่บีริลออกไป  ลุงบีริลก็เดินไปที่ชั้นวางของหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา  แล้วนำไปใส่ในตู้หนังสือที่มีช่องว่าง  พอใส่หนังสืออีกเล่มพอดี  เสียงเครื่องจักรขนาดใหญ่ทำงานใต้เท้าของเขา  ประตูกลจึงเปิดออก  ด้านล่างเป็นห้องขนาดใหญ่  มีโครงกระดูกเรียงรายเต็มไปหมด  มีบัลลังค์ขนาดใหญ่ถูกทำจากกระดูกอยู่ท้ายห้อง  เมื่อเข้าไปในห้อง  เดลท่อนก็คุกเข่าเข้าถวายบังคมผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังค์  ลุกขึ้นสิ  ชายบนบัลลังค์กล่าว  พะย่ะค่ะ  เดลท่อนกล่าว  เจ้ามีเรื่องอะไรหล่ะ  รึว่างานที่ข้ามอบหมายให้สำเร็จแล้ว  ชายบนบัลลังค์ถาม  ไม่ใช่ก็เหมือนใช่น่ะแหละท่าน  เหลือแค่ส่วนที่ท่านเมฟีสท์ต้องจัดการเท่านั้นเอง  เดลท่อนกล่าวตอบ  ดี  ข้าจะได้อาณาจักรฟีเลเซียของข้าคืน  เจ้าซิกมันด์เพราะแก  ชายบนบัลลังค์พูดกัดฟัน  อีกไม่นานแล้วพะย่ะค่ะ  อีกไม่นานนี้  เดลท่อนกล่าวกระหยิ่ม                     
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #4 on: April 11, 2007, 04:34:45 PM »

                                                                  บทที่ 4
     เจ้าว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในคืนนี้ไหม  ทหารยามหนึ่งในสี่คนกล่าว  ขณะที่กำลังสุมไฟอยู่  หุบปากของเจ้าเอาไว้เถอะ  ทหารอีกคนกล่าว พูดเป็นลางไปได้  อีกคนกล่าว  จริงสิ  พวกท่านไปเอาฟืนพวกนี้มาจากไหนล่ะ มันติดไฟได้ดีทีเดียว ทหารอีกคนพูดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ  ข้าไม่เห็นไม้แถวนี้เลย  เห็นแต่เห็นยักษ์พวกนี้ในถ้ำมืดทางด้านโน้น  ก็เลยนำมาทำฟืนดูน่ะ  ทหารสองคนกล่าวพร้อมกัน 
     เวลาผ่านไปจนตะวันตกดิน  ทุกอย่างในถ้ำแทบจะมองไม่เห็น  นอกจากกองไฟที่ชาวบ้านก่อไว้เท่านั้น  แสงเล็กๆของดวงดาวเริ่มสว่างขึ้น  นั้นแสงอะไรน่ะ  ทหารกลุ่มเดิมกล่าว  เมื่อเขาเห็นแสงโผล่ออกมาจากในถ้ำมืด  พวกท่านเห็นเหมือนกันกับข้าไหม  ทหารคนเดิมถาม  อือ ทุกคนตอบ  ท่านลองไปดูซิว่ามันคืออะไร  หนึ่งในสี่คนบอก  ไปด้วยกันสิ  หรือว่าเจ้าปอดแหก  งั้นไปกันหมดเลย  ทุกคนจึงเริ่มเดินเข้าไป
     เมื่อเข้าไปใกล้  ทหารคนหนึ่งก็กล่าวว่า  เอาคบเพลิงมาข้าจะดูซิ  แสงจากคบเพลิงส่องให้เห็นเห็ดขนาดใหญ่ที่กำลังเรืองแสง  โถ่เอ้ย  ที่แท้ก็เห็ดเรืองแสง  ไม่เห็นจะมีอะไรเลย  ทหารอีกคนกล่าว  แต่เมื่อเช้ามันไม่ได้เรืองแสงนี่  ทหารอีกคนกล่าว  ชั่งมันเถอะ กลับไปที่กองไฟกันได้แล้ว 
     วันนี้เป็นวันจันทร์เต็มดวง  เราคงมองเห็นทางได้บ้าง  เวลาจะออกไปไหน  ให้ถือคบเพลิงไปด้วยนะ    เจ้าเมืองกล่าวเตือนทุกคน  ทหารยามเฝ้ายามดีๆหล่ะ  เขาพูดต่อ 
     เวลาผ่านไปจนล่วงไปประมาณเที่ยงคืน  ชาวบ้านเข้านอนกันหมดแล้ว  เหลือแต่ทหารเฝ้ายามที่กองไฟเท่านั้น  แสงจากเห็ดในถ้ำเพิ่มขึ้นถนัดตาจากตอนค่ำ  ท่านๆ  แสงมันเพิ่มขึ้นมา  ท่านลองไปดูให้ข้าหน่อยสิ  ทหารจากกลุ่มเดิมขอร้องเพื่อน  อือๆ  เขาตอบรับ  แล้วจึงเดิมเข้าไปใกล้ๆเห็ด  ทำไมจำนวนมันถึงมากขึ้น  เขาถามเพื่อนอีกคน  แล้วจึงยืนมือไปจับ  เมื่อมือของเขาสัมผัสกับเห็ด  ร่างกายของเขาก็เรืองแสง  สักพักก็เกิดอาการเหมือนคนติดพิษ  ร่างกายเริ่มถูกหลอมละลาย  ถูกย่อยสลายจนกลายเป็นน้ำสีเขียวเรืองแสง  ซากของเขาส่งกลิ่นเหม็น มาที่กลุ่มทหารยามกลุ่มเดิม  หนีเร็ว  ทหารหนึ่งในสามบอกเพื่อนเมื่อเห็นเห็ดเรืองแสงเริ่มงอกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
     ไปหาท่านเจ้าเมือง  ทหารคนหนึ่งกล่าว  เมื่อไปถึงบ้านของเจ้าเมืองพวกเขาก็ตะโกนว่า  ท่านเจ้าเมืองเกิดเรื่องใหญ่แล้ว  มีอะไรหล่ะ  เจ้าเมืองที่เพิ่งตื่นเปิดประตูออกมาพูด  ท่านดูนั้นสิ  ทหารหนึ่งในสี่พูดพล่างชี้ไปทางกลุ่มเห็ดเรืองแสงที่กำลังเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว  มันมีพิษไหม  เจ้าเมืองถาม  แต่แล้วก็เห็นซากของเหล่าทหารคนอื่นเต็มไปหมด  มันมาจากไหน  เจ้าเมืองถาม  ในถ้ำนั่น  ทหารตอบ  เจ้าลองเอาไฟเผามันรึยัง  เป็นความคิดที่ดี  เมื่อได้ยินดังนั้นทหารจึงจุดไฟไปที่เห็ดที่กำลังเจริญเติบโต  ไฟจากคบเพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว  เห็ดเริ่มติดไฟและลามไปทางถ้ำ  จริงสิ  มันติดไฟ  ทหารอีกคนเพิ่งนึกขึ้นได้
     เวลาเพียงไม่กี่นาที  เห็ดเรืองแสงทั้งหมดก็กลายเป็นเถ้าถ่าน  เมื่อเหตุการณ์สงบลง  เจ้าเมืองก็กล่าวให้ทุกคนกลับไปนอน  ซาเรียม่าเดินออกมา  บีริลหายไปไหน  เธอพูดกันเจ้าเมืองสีหน้าตื่น                       
                 
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #5 on: April 15, 2007, 07:20:26 PM »

     สวัสดีคับเพื่อนๆที่เข้ามาอ่าน  ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันสงกรานต์แล้ว  ทางทวีปเมริเซียก็มีเทศกาลที่มีการสาดน้ำเช่นกันคับ ผมเลยนำมาเขียนให้เพื่อนๆได้อ่านกันแทนนิยายไปก่อนนะครับ ( จริงๆหมดมุข  สมองตันคิดต่อไปได้อ่า :-\ ) เอาล่ะไปดูประวัติกันก่อนเลยดีกว่าคับ
     ก่อนอื่นก็ไปเริ่มที่ฟูดินันกันก่อนดีกว่าครับ  ประวัติก็มีอยู่ว่า  ในอดีตกาลน้านนาน  นานมากๆเลย  สมัยนั้นแม่น้ำที่อยู่รอบๆต้นยิกดราซิลยักไม่มีขนาดใหญ่เท่านี้  เป็นสายน้ำเล็กๆ  ต่อมาก็เกิดเรื่อง  เมื่อราชสีห์แห่งป่าหมอกกลางอากาศโผล่ออกมากลางเมือง  พร้อมทั้งได้นำตัวเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแล้วจึงหนีหายไปต่อหน้าต่อตาชาวบ้าน  แน่นอนเมื่อราชสีห์แห่งหมอกโผล่ออกมาเช่นนี้  เป็นการบอกลางร้ายล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้น (ประวัติสิงโตเทพแห่งหมอกไปหาอ่านเอาเองได้ครับ) ชาวบ้านเริ่มขวัญเสีย  ทุกคนต่างอยู่กับบ้านไม่ออกไปทำงาน  และแล้วภัยพิบัติที่ทุกคนรอคอยก็เกิดขึ้นเมื่อมังกรมารักค์  ซึ่งเป็นมังกรที่เคยถูกมังกรไพทอนขับไล่ไปจากเขาคีรีบันดา  เนื่องจากได้เข้าไปทำร้ายชาวบ้านเพื่อแย่งพืชพรรณ  ได้ย้อนกลับมาเพื่อแก้แค้น  แน่นอนครับชาวบ้านเพียงหยิบมือเดียวไม่อาจสู้กับมังกรร่างยักษ์เท่าต้นยิกดราซิลได้  จึงต้องหลบไปในบ้านของท่านผู้เฒ่า  ( นิดนึงเขาเป็นปู่ของปู่วูจิน )  ท่านผู้เฒ่าก็ร่ายเวทย์มนตร์กางม่านมิติเพื่อให้ชาวบ้านหลบภัย  แล้วจึงออกมาข้างนอกเพียงคนเดียว  แล้วจึงตรงไปที่แม่น้ำใต้ต้นยิกดราซิล 
     ข้าแต่ท่านยิกดราซิล  ขอท่านจงปกป้องเมืองยิกดราซิลไว้ด้วยเถอะ  ผู้เฒ่ากล่าวพร้อมโค้งคำนับ  สิ้นคำนั้นเทพราชสีห์แห่งหมอกก็โผล่ออกมาจากหมอกพร้อมทั้งนำเด็กหญิงที่นำตัวไปมาที่หน้าชายเฒ่าผู้นั้น  ทันทีที่วางลงกับพื้น  น้ำเริ่มเจิ่งนองไปทั่วจนเกิดเป็นแม่น้ำรอบต้นยิกดราซิล  น้ำเริ่มท่วมเมืองฟูดินันทั้งเมือง  แต่เกิดเหตุน่าอัศจรรย์  ทุกสิ่งในเมืองกลับไม่สมผัสจับต้องน้ำได้  รากของต้นยิกดราซิลมีขนาดใหญ่ขึ้น  และก็เลื้อยไปที่ร่างของมังกรยักษ์แล้วดูดเข้าไปในต้นไม้ยักษ์นั่น  เพียงชั่วพริบตาน้ำที่เคยทั่วเมืองก็ลดระดับลงจนเป็นแม่น้ำในปัจจุบันครับ 
     ต่อมจึงเริ่มมีการปลูกผักบนพื้นนำนั่น  ผักก็เจริญเติบโตดี  จึงเริ่มรดนำผักกัน  และก็เริ่มมารดกันเองเพื่อความสนุกสนาน  จนเป็นเทศกาลในช่วงหลังการปลูกต้นกล้าพืชครับ    จริงๆทั้งซาโลม  ฟีเลเซียก็มีเทศกาลคล้ายๆกันแต่  วันนี้ขี้เกียจแล้ว  สวัสดีคับ   
           
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #6 on: April 18, 2007, 07:42:11 PM »

                                                        บทที่  5
     ท่านเจ้าเมืองครับ  ท่านจะทำอย่างไรกับเห็ดนี่  แล้วมันเป็นเห็ดชนิดใดล่ะท่าน  ชาวบ้านคนหนึ่งถามท่านเจ้าเมืองด้วยความสงสัย  เมื่อได้ยินเช่นนั้น  เจ้าเมืองจึงเดินตรงไปยังซากของเห็ดเรืองแสงพร้อมกับก้มลงไปดูขี้เถ้า  เจ้าว่า.....ข้าควรจะถามผู้รู้ว่ามันมาจากไหนไหม  เจ้าเมืองพูดกับชาวบ้านคนเมื่อครู่นี้  ท่านลองไปถามท่านเดลท่อนดูไหม  ชาวบ้านคนเดิมถาม  เราจะได้รู้วิธีป้องกันมันด้วย  เขาพูดต่อ   
     เมื่อไปถึงบ้านของลุงเดลท่อน  ชายแก่ผู้เป็นเจ้าของบ้านก็เดินออกมา  ดั่งว่าจะรู้แล้วว่าจะมีคนมาหา  ข้ารู้ว่าท่านมาทำไมเข้ามาก่อนสิ  เขาพูดแล้วจึงเดินเข้าไปในบ้าน  อืม.....ข้าไม่คิดว่าจะได้เจอมันในที่แบบนี้นะ  เดลท่อนพูดหลังจากเจ้าเมืองส่งห่อผ้าที่ใส่ซากเห็ดเรืองให้ดู  เดี๋ยวข้าดูจากในหนังสือของข้าก่อนนะ  เขาพูดต่อ  พลางหยิบหนังสือเล่มหนึ่งจากตู้หนังสือ  แล้วจึงเริ่มพลิกหน้ากระดาษไปจนถึงหน้าหนึ่ง  เจอแล้วหล่ะ  มันเป็นเชื้อรา  ไม่ใช่เห็ด  เขาพูดขึ้น  ชื่อของมันคือเมดูซอยด์  ไมซีเลียม  เป็นเชื้อราที่จะขึ้นในที่ที่มีแสง  และจะขึ้นเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น  ในตัวมันมีน้ำมันดิปที่สามารถใช้ได้ด้วย  เขาพูดต่อ  พิษของมันจะเกิดเมื่อโดนแสงจันทร์  แถมขึ้นได้รวดเร็วด้วยสิ  เขาพูดต่อ  มีค่าสูงแต่ก็มีพิษร้ายแรง  เจ้าเมืองพูดเมื่อได้ยินเรื่องราวของเห็ด  แล้วเราจะป้องกันพิษมันอย่างไรหล่ะ  เจ้าเมืองถามต่อ  ข้าขอแสดงความเสียใจด้วย  เราไม่สามารถรักษาหรือป้องกันได้เลย  เดลท่อนพูดตอบแสดงความเสียใจ
     บีริลเจ้าอยู่ไหน  ซาเรียม่าตะโกนเรียกบีริล  เพราะหลังจากเห็ดพิษเริ่มกระจัดกระจาย  เขาก็หายตัวไปจากหมู่บ้านไม่มีใครทราบว่าเขาไปไหน  เธอเดินเข้าไปในถ้ำเรื่อยๆด้วยความหวังว่าจะพบกับบีริล  ยิ่งลึกเข้าไปคบเพลิงที่เธอนำไปด้วยก็เริ่มดับลง  ซากของเห็ดที่ถูกเผาไหม้ในถ้ำกระจายไปทั่ว  เมื่อเข้าไปได้ซักพัก  ไฟคบเพลิงของเธอก็ดับลง  แน่นอนในถ้ำนั้นก็มืดสนิท  เธอจึงก้มลงไปจุดไฟในคบเพลิง  ทันทีที่ไฟในคบเพลิงลุก  เธอก็พบเงาของบุคคลหนึ่งจากด้านในถ้ำ  ที่น่าแปลกก็คือ  เงาของบุคคลนั้นมีเงาปีกเยี้ยงอสูรในบันทึกต่างๆ  บุคคลผู้เป็นเจ้าของเงาเดินออกมาจากเงาอย่างช้าๆ  ท่านเป็นใคร  ซาเรียม่าพูดตะกุกตะกัก  เมื่อเข้าใกล้คบเพลิงเธอจึงเห็นร่างนั้นที่แท้จริง  บีริล  ทำไมท่าน.......  ซาเรียม่าอุทานอย่างไม่เชื่อตา                       
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #7 on: April 18, 2007, 08:11:12 PM »

                                                                          บทที่  6
     ร่างของอสูรนักรบผู้หน้าเกรงขามปรากฏขึ้นจากเงามืด  ร่างของเขาอยู่บนรถม้าสีดำทมิฬ  ม้าที่อยู่หน้ารถสวมเกราะเหล็กสีน้ำตาลเข้ม  เกราะของผู้ที่อยู่บนรถม้าถูกสลักเป็นรูปกษัตริย์ปีศาจ  ด้านล่างเป็นรูปอสูรรับใช้  เงาของแสงไฟกระทบกับชุดเกราะเป็นเงา  บีริลท่านเป็นใครกันแน่  ซาเรียม่าพูดกับบุคคลผู้อยู่บนรถม้านั่น  บีริลรึ  เจ้าจงจำไว้  ต่อไปนี้จะไม่ชายที่ชื่อบีริลอีก  มีแต่หนึ่งใน 72 ผู้รับใช้แห่งกษัตริย์เมฟีสท์  เบริล  ชายบนรถม้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งครึม  ว่าแต่เจ้าล่ะ  เจ้าเป็นใคร  เขาถามต่อ  ดี  งั้นข้าจะนึกว่าไม่มีบีริลผู้แสนดีในโลกนี้อีก  ซาเรียม่าพูด  เจ้าเป็นใคร  ถึงได้มีสิทธิ์พูดประชดประชันข้าเช่นนี้  ชายบนรถม้าพูด  เสียงเงียบไปซักพัก  ชายบนรถม้าจึงกล่าวต่อ  แต่เอาเถอะ  ข้าจะไม่ถือสาเจ้าหรอก  แต่ข้าต้องขอชีวิตเจ้า  ในเมื่อเจ้าเห็นตัวของข้าแล้ว  ถ้าท่านเอาไปได้ก็ลองดูสิ  ซาเรียม่า  พูดเชื้อเชิญ
     คือวันนี้จบแค่นี้ก่อนนะครับ  ติชมกันได้ครับ  สวัสดีครับ             
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #8 on: April 22, 2007, 02:55:19 AM »

     ก่อนจะต่อนะครับ  ขออธิบายเกี่ยวกับเรื่องของเห็ดเรืองแสงนะครับ  เห็ดเรืองแสงมีอยู่จริงๆครับอยู่ทางตอนใต้ของโลก  แน่นอนครับมันอยู่ในถ้ำมืดที่ลึกและมีทางออกต่อกันทะเล  บนดอกเห็ดจะมีแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เมื่อมันย่อยสลายของเสียแล้วจะขับของเสียออกมาเป็นแสงสีเขียวเรืองแสงครับ  ส่วนชื่อในเรื่องนั้น  คนที่เคยอ่านหนังสือเรื่อง  อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย  คงจะรู้จักดีนะครับ  เอามาจากเรื่องนั้นครับ  (ส่วนชื่อจริงขออุบไว้ก่อนนะครับ) เอาหล่ะไปอ่านนิยายต่อเลยครับ
     ท่านเดลท่อน  แล้วมันจะเกิดเหตุแบบคืนนี้อีกเมื่อไหร่  เจ้าเมืองถามแทนชาวบ้านที่กำลังกังวลอยู่  ข้าว่าคงอีกนาน  เพราะว่า  กว่าจะมีคืนจันทร์เต็มดวงอีก  ก็เดือนหน้าโน้นล่ะ  แต่......  เดลท่อนลากเสียงยาว  แต่อะไรล่ะท่าน  ชาวบ้านอีกคนถามด้วยความสงสัย  แต่ข้าว่าเจ้าควรจะกังวลเรื่องอื่นมากกว่านะ  เดลท่อนพูด  เรื่องอะไรล่ะท่าน  เจ้าเมืองถาม  เสบียงไงหล่ะ  ตอนนี้  เสบียงในโรงเก็บเสบียงใกล้จะหมดแล้ว  เย็นวานก่อนข้าได้ไปตรวจดูแล้ว  ท่านเจ้าเมืองจะออกไปหาเสบียงในพื้นที่ที่เราไปรู้จักแม้แต่น้อยเลยหรือ  เดลท่อนพูดเตือน  ถ้ามันจำเป็นก็ต้องไปล่ะ  ขอบคุณสำหรับคำเตือนนะ  ข้าต้องขอรบกวนท่านเพียงแต่เท่านี้หล่ะ  แล้วเจอกัน   เจ้าเมืองกล่าวลาพร้อมเดินออกไปทางบ้านในทันที  แล้วพวกเจ้าไม่คิดจะกลับกันหรือ  เดลท่อนพูดกับชาวบ้าน  ชาวบ้านเมื่อได้ยินดังนั้นจึงพากันเดินออกไป 
     ท่านเมฟีสท์  ข้ามีเรื่องด่วนมาทูล  เดลท่อนพูดกับชายบนบัลลังค์ใต้ดิน  เรื่องเห็ดเรืองแสงนั่นนะหรือ  ข้ารู้แล้ว  แล้วมันมีอะไรหล่ะ  เมฟีสท์บนบัลลังค์ถาม  ตามตำนานแล้ว  เห็ดพิษที่มีผลร้ายแรงในทวีปเมริเซียมีอยู่ทั้งหมด 72 ชนิด  แต่ละชนิดมีพิษที่ให้ผลแตกต่างกันไป  แน่นอนการที่มีจำนวนชนิดพอดีกันกับอสูรทั้ง 72 ของท่าน  ก็เนื่องมาจากมันสามารถทำลายอสูรแต่ละตัวได้  เดลท่อนพูดเชิงวิชาการ  แล้วไงล่ะ  ที่นี่ก็มีแค่ชนิดเดียวอย่างมากก็ทำลายได้แค่ตัวเดียว  เมฟีสท์สงสัย  แต่มีเรื่องที่น่าแปลกมาก  เพราะปรกติเห็ดแต่ละชนิดจะมีถิ่นที่อยู่ต่างกัน  แต่ที่นี่มีเห็ดพิษครบทุกชนิด  มันจะทำลายแผนของเราแน่  ถ้าท่านไม่รีบจัดการ  ข้าว่า...  ไม่ต้องห่วงพวกชาวบ้านถ้ามันรู้เรื่อง  มันคงกำจัดเห็ดเหล่านั้นเป็นแน่  เมฟีสท์พูดขัด  ท่านไว้ใจพวกมนุษย์นั่นเกินไป  เดลท่อนเตือน  ไม่เป็นไร  ดูไปก่อนสิ  เกมส์ยังเริ่มไปได้ไม่กี่ก้าวเอง  เมฟีสท์พูด
     ฝีมือดาบของเจ้าใช้ได้นี่  อสูรผู้น่าเกรงขามกล่าวชม  พร้อมทั้งหลบคมดาบของซาเรียม่า  แน่นอน  ถ้าข้าไม่เก่งแบบนี้ไม่มีทางได้มารับราชการชั้นสูงเช่นนี้หรอก  ซาเรียม่าพูดในขณะที่กำลังฟันไปทางแขนของนักรบ  คมดาบแม้จะคมขนาดฟัดต้นไม้ขาดได้ทีเดียว  แต่คมดาบของเธอก็แค่สะกิดเกราะอันแข็งแกร่ง  เสียงฟาดฟันกันระหว่างซาเรียม่ากับเบริลเป็นเวลานาน  หมดเวลาเล่นสนุกกับเจ้าแล้ว  เบริลพูดพร้อมกับฟัดไปที่ศีรษะของเธอ  เธอจึงยกดาบขึ้นป้อง  เสียงดาบหักดังสนั่น  ลาก่อน  เบริลเย้ย  พร้อมตั้งท่าเตรียมฟัน  แต่แล้วเสียงกรีดร้องอย่างที่ไม่เคยได้ยินก็ดังมาจากในถ้ำ  นี่ท่านได้ยินเสียงอะไรไหม  ซาเรียม่าถามด้วยความสงสัยและแปลกใจ  เสียงกรีดร้องเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ  ทุกอย่างในถ้ำหยุดอยู่กับที่แม้แต่เบริลและซาเรียม่าที่กำลังฟาดฟัน  เสียงนั่น......ข้าต้องรีบไปแล้ว  แล้วเจอกันใหม่  ถ้าเจ้ารอดนะ  ฮ่าๆๆๆๆ  สิ้นเสียงนั้นร่างของเขาก็หายไปพร้อมกับรถม้าทั้งคัน  ซาเรียม่าเริ่มกังวล  เสียงนั้นคืออะไรนะ  เธอพูดกับตัวเอง  เห็ด..... เห็ดนั่นกำลังกรีดร้อง  เธอพูดในขณะที่เห็ดเริ่มงอกเข้ามาใกล้                                 

         
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #9 on: April 24, 2007, 02:00:02 AM »

                                                                                        บทที่  7
     ชาร์ล  เรื่องของเต่ายักษ์วอลเนียนั่นไปถึงไหนแล้ว  และมีเหตุการณ์ใดขึ้นบ้าง  กษัตริย์ซิกมันด์กล่าวถามชาร์ลในห้องพักส่วนพระองค์  ข้าไม่ได้รับข่าวคราวจากทางทหารเลย  ยังไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไนขึ้นบ้างเลย  ชาร์ลตอบ  แล้วเรื่องที่พักกับเสบียงของพวกชาวป่านั่นล่ะ  กษัตริย์ซิกมันด์ถามต่อ  เรื่องนั้นท่านไม่ต้องเป็นห่วง  เพราะทางชาวฟูดินันนั้นจะพักอยู่นอกประตูเมืองก่อน  ส่วนเสบียงของชาวป่า  เขาก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว  ถ้าขาดเหลืออย่างไร  พวกเขาก็คงจะล่าสัตว์แถวนั้นเป็นอาหาร  ชาร์ลกล่าวตอบอีกครั้ง  ขอบใจท่านมาก  ท่านกลับไปพักผ่อนในที่พักของท่านเถอะ  ถ้าเช่นนั้น  ข้าขอตัวก่อน  เชิญพระองค์พักผ่อนเถิด  ชาร์ลกล่าวลา
     เมื่อชาร์ลเดินออกจากห้องพักของกษัตริย์  เขาเริ่มสงสัยว่า  เหตุใดพระองค์จึงไม่ทรงคิดเป็นห่วงชาวบ้านในเมืองวอลเนียบ้างเลย  เขานำเร่องนี้กลับไปคิดขณะกำลังเดินกลับห้องพักนอกราชวัง  ระหว่างทางเขาสังเกตเห็นว่ามีห้องอยู่ห้องหนึ่งซึ่งถูกปิดตายในราชวังมาเป็นเวลานาน  แน่นอนด้วยความสงสัยของเขาจึงลองพังประตูเข้าไป  กุญแจที่ใช้ล็อกห้องหลุดออกอย่างง่ายดาย  เนื่องมาจากมีสนิมเกาะแม่กุญแจ  เมื่อเข้าได้ในด้านใน  เป็นห้องขนาดใหญ่เท่ากันกับห้องพักของคนในราชวงศ์คนอื่นๆ  ภายในถูกประดับด้วยของเก่าหลายชิ้น  ทุกอย่างในห้องเปรอะไปด้วยฝุ่นและใยแมงมุม  แต่เป็นที่น่าแปลกคือ  ตู้หนังสือคือสิ่งเดียวในห้องที่ไม่มีแม้แต่ฝุ่นเปรอะเปื้อน  ทุกอย่างในตู้ดูสะอาดเหมือนกับจะมีคนมาทำความสะอาดบ่อยๆ  ทุกก้าวที่ชาร์ลเดินเข้าไปในห้องนี้  ฝุ่นบนพื้นก็ฟุ้งขึ้นมา  เขาตรงไปยังตู้หนังสือและหยิบหนังสือมาดู 2 เล่ม  หนังสือแต่ละเล่มเป็นกฏของการปกครองเมืองและ  ประวัติเมืองฟีเลเซีย  ห้องนี้เป็นห้องของใครกันแน่นะ  ชาร์ลพูดกับตัวเอง  เมื่อเขาเปิดอ่านไปได้สักพัก  ประตูทางเข้าห้องก็มีเสียงคนเคาะประตู  เขาจึงเดินไปเปิดอย่างช้าๆ
     นั่นใครน่ะ  ชาร์ลเรียกพร้อมกันเปิดประตู  แกนั่นแหละเป็นใคร  เสียงของหญิงแก่ตะโกนด่า   อุ้ย  ขอโทษค่ะ  ดิฉันนึกว่าเป็นพวกคนใช้ที่หลงมาในห้องนี้  เสียงของแม่บ้านในราชวังขอโทษ  แล้วท่านมาทำอะไรในห้องนี้ล่ะ  แม่ทัพชาร์ล  ห้องนี้เป็นเขตหวงห้ามนะ  แม่บ้านพูดเตือน  ขออภัยนะที่เข้ามาในที่นี้ข้าไม่ทราบน่ะ  ขอโทษอีกทีนะ  ชาร์ลพูด ท่านไปได้แล้ว  ถ้ามีใครรู้ล่ะก็ฉันตายแน่   แม่บ้านพูดแล้วเดินจากไป  ก่อนที่เข้าจะเดินออกไป  เขาได้หยิบหนังสือทั้ง 2 เล่มนั้นไปด้วย
     เมื่อกลับมาถึงห้องของเขา  เขาก็รีบอ่านหนังสือ 2 เล่มนั้นในทันที  เมื่ออ่านไปประมาณครึ่งเล่ม  ก็มีกระดาษแผ่นบางๆเขียนบันทึกประวัติของกษัตริย์ในยุคต่างๆ  มีข้อความว่า
     กษัตริย์ผู้ปกครองนครฟีเลเซียมีนามว่า  เซเรียน่า  มีพระมเหสีนาม  อเคเรีย  มีพระราชโอรส 2 พระองค์  คือ  ข้าเมฟีสท์  และซิกมันด์ผู้น้องของข้า  เมื่อข้าเติบใหญ่จนอายุเกือบ  15  บิดาของข้าก็สิ้นพระชนม์ลง  ข้าผู้เป็นพระราชโอรสคนโต  จึงได้ขึ้นครองพระราชบัลลังค์แทนท่านพ่อ  แต่เมื่อข้ามีอายุจน 25  น้องของข้าจึงได้ก่อการปฏิวัติ  และสังหารคนในราชวงศ์ลงเหลือแต่ข้าและมารดา                                       
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #10 on: April 30, 2007, 08:15:37 PM »

     ขออภัยที่เว้นไปนาน  ผมไปต่างจังหวัดมาคับ  ไปอ่านกันต่อเลย
     ปั้ง  เสียงกระสุนที่มีต้นทางมาจากนอกหน้าต่างดังขึ้น  เป้าที่กระสุนยิงโดน คือเศษกระดาษบนมือของชาร์ล  แรงกระสุนส่งผลให้กระดาษขาดว่อน  และทะลุไปทางเสื้อเกราะที่ชาร์ลสวมอยู่  แต่ยังดีที่กระสุนแค่เชี่ยวโดนชุดเกราะ  แต่แรงกระสุนก็ทำให้ชุดเกราะนั้นร้าวเลยทีเดียว 
      ใครมันกล้ายิงปืนมาทางข้า  ชาร์ลร้องลั่นด้วยความโกรธ  พลางกวาดสายตาไปทางนอกหน้าต่างเพื่อหาผู้ที่ก่อการนี้  ร่างของผู้ยิงปืนปรากฎขึ้นหลังอาคารที่กษัตริย์ซิกมันด์พักอยู่  ชาร์ลมองไปที่ชายคนนั้นด้วยความสงสัยว่าเหตุใดจึงมีมือปืนภายในเขตหวงห้ามที่กษัตริย์พักอยู่  แต่ถึงแม้ชาร์ลจะมองชายคนนั้นอยู่  แต่เขาก็ยังส่อง ปืนมาทางห้องที่ชาร์ลอยู่  ลอบสังหารข้าหรือ  มันจะมากไปหน่อยไหม  ชาร์ลพูดด้วยความโกรธ  พลางหยิบปืนที่ประดับข้างผนังขึ้นมา
      ชาร์ลเดินไปที่หน้าต่าง  วางปากกระบอกปืนยาวบนขอบหน้าต่างด้วยความใจเย็น  พลางส่องกล่องไปทางมือปืนคนนั้น  มือข้างหนึ่งของชาร์ลถือเชือกที่ดึงม่านหน้าต่างไว้รอ  ส่วนอีกมือก็เตรียมเหนี่ยวไกปืนอย่างกระชับ  ชายมือปืนปริศนาทำหน้าแปลกใจที่ชาร์ลเตรียมปืนมายิงแทนที่จะหนี  พวกมนุษย์หน้าโง่  จะแลกเลือดกับข้างหรือ  คอยดูละกัน  ชายปริศนาพูดกับตัวเอง
      ซาเรียม่าเจ้าเป็นอะไรไหม  เสียงเจ้าเมืองพูดด้วยความเป็นห่วง  ข้า...ข้าไม่เป็นไร  ว่าแต่ข้าอยู่ที่ไหนเนี่ย  ท่านเจ้าเมือง  ซาเรียม่าพูดด้วยความเหนื่อยอ่อน  เธออยู่บนเตียงที่ไหนสักแห่งในเมือง  ที่นี่บ้านข้าเองล่ะ  แล้วเจ้าเป็นอะไรไปหล่ะ  ข้าไปพบเจ้าในถ้ำนั่น  เจ้าสลบอยู่หน่ะ  เจ้าเมืองพูดพลางเรียกลูกสาวมาช่วยเช็ดตัว  ข้า  เอ่อข้าแค่เป็นลมไปหน่ะ  เรียม่าพูดเหมือนไม่อยากจะบอก  ได้งั้นเจ้าพักผ่อนไปก่อนนะ  เดี๋ยวข้าให้นาโอมิลูกสาวข้าเช็ดตัวให้  เจ้าเมืองพูดแล้วจึงเดินออกไปจากห้องนอน 
     เจ้าไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม  นาโอมิถามซาเรียม่าในขณะที่กำลังเช็ดตัวอยู่  พ่อข้าส่งคนไปตามหาเจ้าในถ้ำตั้งนาน  แล้วเจ้าพบบีริลไหม  เธอถามด้วยความเป็นห่วง  ซาเรียม่าเงียบไม่ตอบและแสดงสีหน้าเหนื่อย  ไม่เป็นไร  งั้นเจ้าพลิกัวก่อน ข้าจะเช็ดหลังให้   นาโอมิพูดอย่างเข้าใจดี และช่วยเธอพลิกตัวอย่างนุ่มนวล  โอวไม่นะ  หลังเจ้าเป็นอะไร  นาโอมพูดด้วยความตกใจ  เมื่อเธอเห็นตราประทับสีดำสนิทบนกลางหลังของซาเรียม่า                 
     
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #11 on: May 03, 2007, 03:01:28 AM »

     มาต่อแล้วครับ
                                                                                           บทที่  8
     ความเงียบในห้องของชาร์ลนั้นเริ่มเหมือนป่าช้าขึ้นทุกที  ตะวันภายนอกหน้าต่างเริ่มลงลิบตา  แสงสีส้มส่องประกายเข้ามากระทบตาของชาร์ลทำให้เริ่มเลือนลาง  เมื่อไหร่มันจะยิงเข้ามาซักทีนะ  ชาร์ลพูดพลางปาดเหงื่อที่ต้นคอด้วยมือข้างหนึ่งแต่อีกข้างยังเตรียมเหนี่ยวไกปืนแน่น  การรอคอยเป็นไปด้วยเวลานานจนพลบค่ำ  แสงจากดวงอาทิตย์เริ่มดับลงขึ้นทุกที  ได้เวลาเริ่มแล้วแม่ทัพชาร์ล  มือปืนปริศนาพูดขึ้นพร้อมยิงปืนอย่างรวดเร็ว  ชาร์ลเห็นดังนั้นจึงดึงผ้าม่านปิดพร้อมทั้งยิงปืนไปที่ชายผู้นั้น  กระสุนของชาร์ลถูกร่างของชายผู้นั้นอย่างจัง  แต่กระสุนของชายปริศนากลับมุ่งไปยังด้านหลังของชาร์ลอย่างน่าแปลกใจแทนที่จะยิงไปที่ตัวของชาร์ล กระตุกไปนิดหน่อยแต่ก็โดนอ่านะ  ชายปริศนาพูดขึ้นซึ่งบัดนี้มีร่างของบุคคลอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาข้างกาย เสียงกรีดร้องดังมาจากด้านหลังของชาร์ล  เมื่อชาร์ลหันไปดูก็พบซากศพที่สวมชุดเกราะเต็มยศกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่ด้านหลัง  กลางหน้าผากมีรูกระสุนที่ถูกยิงเมื่อซักครู่ปรากฏอยู่พร้อมควันสีขาวพวยพุ่งออกมา  ชาร์ลมองดูด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นภาพดังกล่าว  เจ้านี่เป็นใคร  ชาร์ลพูดด้วยความตกใจ  เจ้าอยากรู้จริงหรือ  เสียงปริศนาเอ่ยออกมาจากเงามืด  ร่างของชายปริศนาปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของชาร์ล  เขาสวมกางเกงขายาวสียีนส์ข้างกางเกงห้อยปืนสั้นทั้งสองข้าง  เสื้อคลุมคาวบอยติดตราประทับลายแปลกประหลาดสีน้ำตาลบนหัวมีหมวกคาวบอยติดด้วยขนนก  งั้นจงถามมา  ข้าจะตอบเจ้าทุกคำถามเลยหล่ะ  ชายผู้นั้นกล่าวพลางเงยหน้าขึ้นจากความมืด
     เจ้าเป็นใคร  ชาร์ลทำใจดีสู้เสือแล้วถามไป  เจ้าจะไปเชิญข้านั่งก่อนหรือ  ชายผู้นั่นบอก  งั้นเชิญสิ  นั่งเลย  ชาร์ลตอบ  พลางผายมือไปทางเก้าอี้ทองเหลืองข้างกาย  ชายปริศนานั่งลงทันทีที่ชาร์ลบอกแล้วจึงพูดว่า  ข้ามีนามว่าบาลบาทอส  เป็นมือปืนแห่งกษัตริย์เมฟิสท์  แต่กษัตริย์เมฟีสท์ท่านเกิดมาเมื่อนานมาหลายชั่วอายุคนแล้วนี้  ชาร์ลสงสัย  จริงสิ  ท่านเมฟีสท์น่ะเกิดมาพร้อมกับซิกมันด์ในยุดที่กษัตริย์เซเรียน่ายังปกครองอยู่  ซึ่งยังเป็นยุคที่ถูกเปลี่ยนแปลงกฏหมายบ้านเมือง หลังจากที่กษัตริย์แมคซิมีเลียใช้กฏหมายที่เด็ดขาดและรุนแรงเกินไป  เมื่อกษัตริย์เมฟีสท์ขึ้นครองราชย์ก็ยังใช้กฏหมายเดิมซึ่งไม่เป็นที่พอใจแก่ซิกมันด์เป็นอย่างมาก  ทั้งที่กษัตริย์เมฟีสท์ขึ้นครองราชย์และกฏหมายที่ประองค์คิดว่าอ่อนแอเกินไป  พระองค์จึงก่อการปฏิวัติขึ้น  และร่างกฏหมายขึ้นใหม่  และได้สังหารคนในราชวงศ์อย่างโหดเหี้ยม  ยกเว้นกษัตริย์เมฟีสท์กับพระราชินีอเคเรีย  ซึ่งแม้แต่แม่ที่แท้จริงของพระองค์เองยังสังหารลงในภายหลัง  บาลบาทอสเล่า  แม่ที่แท้จริงของกษัตริย์ซิกมันด์ที่ 1 มิใช่ราชินีอเคเรียหรือ  ชาร์ลถามด้วยความสนใจ  แน่นอนไม่มีใครทราบว่าพระองค์มีมารดานามว่าอะไร  เมื่อพระองค์เกิดมากษัตริย์เซเรียน่าก็นำมาเลี้ยงแล้ว บาลบาทอสตอบ  แล้วเกิดเหตุการใดต่อเล่า  ชาร์ลถาม  กษัตริย์เมฟีสท์ขัดขืนแล้วพยายามจะกอบกู้บัลลังค์คืน  กษัตริย์ซิกมันด์จึงสั่งประหาร  และเพื่อเป็นการปกปิดความลับเรื่องที่พระองค์ทรงก่อการปฏิวัติ  จึงปลิดชีพข้ารับใช้ของกษัตริย์เมฟีสท์ทั้ง 72 คนไปพร้อมกัน  บาลบาทอสกล่าวต่อพลางหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มแล้วพูดว่า  รวมทั้งข้าด้วย  ชาร์ลสะดุ้งขึ้นในทันใด  เขาลนลานชักดาบขึ้นมา  งั้นเจ้าก็เป็นปีศาจน่ะสิ  แล้วไอ้ตัวที่เจ้ายิงโดนตะกี้ล่ะ  ชาร์ลพูดอย่างตกตะลึง  ไม่ต้องกลัวข้าหรอก  วิญญาณของท่านเมฟีสท์และข้ารับใช้ต้องการแก้แค้นราชวงศ์ซิกมันด์เท่านั้น  ส่วนตัวที่ข้าฆ่าไปนั่นคือวิญญาณที่คอยสังหารผู้ที่ล่วงรู้ความลับนั่นเพื่อรักษาความลับต่อไป  บาลบาทอสพูด  แล้วท่านมาบอกข้าทำไม  ชาร์ลถาม  เพราะเจ้าจะได้นำความลับนี้ไปบอกแก่ชาวบ้านเมื่อความลับนี้เผยแพร่ไป  ชาวบ้านย่อมจะขัดไล่กษัตริย์ซิกมันด์คนปัจจุบันเป็นแน่  บาลบาทอสพูด  ไม่ข้าไม่ทำเช่นนั้นแน่  ชาร์ลปฏิเสธเสียงแข็ง  งั้นเจ้าก็จงถามมาอีกคนถามสิ  มันจะเป็นคำถามสุดท้ายในชีวิตเจ้าแน่                         
                     
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #12 on: May 03, 2007, 07:40:21 PM »

     แล้วถ้าข้าร่วมมือกับเจ้าหล่ะ  ชาร์ลถามลองเชิง  คิดจะเปลี่ยนใจหรือ  แน่นอนย่อมมีของกำนัลอย่างงามให้แก่ท่าน  บาลบาทอสพูดเชิญ  พลางหันหลังออกไปทางหน้าต่าง  วิวที่นี่สวยดีนี่  เขาพูดพร้อมกับจิบน้ำในแก้ว  เมื่อชาร์ลเห็นโอกาสดังนั้นจึงหยิบดาบคุนิกุนเดข้างกายเข้าจ่อที่คอของบาลบาทอส  คมดาบสะกิดผิวหนังทำให้เลือดออกจางๆ  เสียใจด้วยนะ  แผนของเจ้าคงจะไปสำเร็จด้วยดีหรอก  เพราะข้าจะกำจัดเจ้าเอง ชาร์ลพูดขู่  ทำอย่างงี้  งั้นก็แสดงว่า  คำถามตะกี้ค่าคือคำถามสุดท้ายในชีวิตเจ้าสินะ  บาลบาทอสพูด  พลางจิบน้ำต่อด้วยมืออีกข้าง  อีกข้างสะบัดออกจากกระเป๋ษพร้อมทั้งกระชากปืนจากกระเป๋ากางเกง  แล้วจ่อไปที่ชาร์ล  ข้ามีอะไรจะบอก  ตระกูลคลาแรนด์ของเจ้าก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมการปฏิวัติครั้งนั้นด้วยนะ  บาลบาทอสพูดพร้อมกลับเหนี่ยงไกปืนไปทางชาร์ล 
     ท่านแม่ทัพ  เอ่อ  เสียงนายทหารคนหนึ่งเปิดประตูเพื่อเข้ามาในห้อง  เจ้าเป็นใครนี่  ทหารคนนั้นตะโกน  ปั้ง เสียงเป้าหมายปืนย้ายจากชาร์ลไปยังทหารผู้โชคร้ายคนนั้น  เขากระเด็นไปกระทบกับตู้ไม้อย่างแรง  โชคดีไปหนึ่ง  เอาล่ะอีกคนตายซะ  มือปืนพูด  ชั่วพริบตานั้นเอง  ชาร์ลก็กระชากปืนจากมือของบาลบาทอสแล้วใช้มืออีกข้างที่ถือดาบฟาดไปที่ตัวของเขา  เลือดจำนวนมากสาดกระเซ็นไปทั่วห้อง  หนอย  แก  บาลบาทอสตะโกนลั่น  เสียเวลาอยู่ได้  เสียงหญิงคนหนึ่งดังมาจากประตู  เธอกลับด้านนาฬิกาทรายในมือลง  ร่างของชาร์ลก็แน่นิ่งไปในทันใด  แค่ทำให้สูญเสียความทรงจำก็สิ้นเรือ  นางพูดอีกครั้ง  วาสสาโก  เธอมาได้อย่างไร  บาลบาทอสพูด  และนั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่ชาร์ลได้ยินก่อนจะสลบไป             
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #13 on: May 04, 2007, 01:54:51 AM »

     โอ้ยยิ่งเขียนก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ  ผมล่ะเมื่อยมือเวลาพิมท์จริงๆ  แต่ไม่เป็นไรครับ  ผมทนได้   ไปอ่านกันต่อเลยครับ
     หลังเจ้าเป็นอะไรไป  ทำไมจึงมีตราประทับเช่นนี้  นาโอมิถามเซเรียม่า  ข้าไม่ทราบเช่นกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร  ลักษณะก็ไปได้เป็นแผลจากอะไรด้วย  ซาเรียม่าตอบ  แล้วเจ้าเจ็บไหม  นาโอมิสงสัย  ไม่เป็นไรหรอก  มันไม่ได้เป็นอันตรายแก่ตัวเจ้าหรอก  เสียงชายอาวุโสจากภายนอกลอยเข้ามาในห้อง  มันก็แค่หมึกสีดำที่ล้างไม่ออกประทับอยู่เท่านั้นเอง  ชายผู้นั้นเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มบนหน้าที่ดูอ่อนโยน  ท่านเดลท่อนนี่เอง  สวัสดีค่ะท่าน  นาโอมิพูดทักทาย  เห็นดังนั้นซาเรียม่าจึงพูดว่า  สวัสดีเช่นกันค่ะ  ถ้าท่านว่าอย่างนั้นก็คงจะไม่เป็นไรหรอก  ว่าแต่ท่านมีอะไรถึงมาหาพวกเราล่ะ  นาโอมิถาม  ข้ามีข่าวจะมาบอกหน่ะ  ท่านเจ้าเมืองกำลังจะออกไปหาเสบียงมาเพิ่มเนื่องจากในคลังเก็บเสบียงของเรา  อาหารเหลือน้อยมากเต็มที  รู้สึกว่าเขากำลังจะไปแล้วล่ะ  ลุงเดลท่อนแจ้งข่าวในทันที  อย่าไปนะ  ซาเรียม่าห้ามลุงเดลท่อน  ทำไมล่ะ  นาโอมิถามแทน  เพราะข้าเห็นเห็ดอยู่ในถ้ำนั้นน่ะสิ  ซาเรียม่าตอบไป  เห็ดรึ  งั้นเจ้าจงรีบนำข่าวนี้ไปบอกแก่ท่านเจ้าเมืองโดยเร็วที่สุดเลย  ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ลานว่างกลางเมืองนี้  เดลท่อนบอกอย่างเร่งด่วน  ข้าไปเอง  นาโอมิอาสาแล้วจึงวิ่งออกไป
     ท่านเห็นท่านเจ้าเมืองหรือไม่  นาโอมิถามทหารคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มคนที่พลุ้งพล่าน  ท่านอยู่ตรงนั้นไง  เขาพูดพลางชี้ไปทางด้านนอกเมือง  เธอจึงวิ่งไปหาอย่างรีบร้อน  เจ้าเมืองเห็นจึงถามด้วยความสงสัย  เจ้ามีอะไรด่วนนักหรือ  จึงรีบร้อนมาหาข้าเช่นนี้  ซาเรียม่าบอกว่าเธอพบเห็ดพิษในถ้ำนี้  ท่านอย่างพึ่งเข้าไปเลย  นาโอมิเตือน  แต่ถ้าเราไม่เข้าไปหาเสบียงเราก็จะอดตายนะ  อีกอย่างเราก็เตรียมคบเพลิงไปเพื่อความปลอดภัยแล้ว  เจ้าเมืองพูด  ไม่ต้องห่วง  ข้าจะพยายามนำไปในทางที่ปลอดภัย  วางใจได้  นายพรานผู้เชี่ยวชาญการเดินป่าและถ้ำของเมืองพูด  งั้นข้าจะไปด้วย  เสียงสตรีที่คุ้นเคยบอกแก่ทุกคน  เธอคือซาเรียม่านั่นเอง 
           
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #14 on: May 07, 2007, 03:43:47 AM »

                                                                                      บทที่  9
     การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก  เนื่องจากสภาพพื้นที่ในถ้ำไม่ได้มีแค่เพียงพื้นราบเท่านั้น  บางพื้นที่ก็ถูกปกคลุมไปด้วยสาหร่ายจากแหล่งน้ำเล็กๆข้างทาง  บางแห่งก็เต็มไปด้วยหินงอก  หินย้อยที่แหลมคมจนน่าเกลียว  แต่ทุกคนก็สามารถผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็น  สิ่งที่น่าแปลกใจในพื้นที่ที่ผ่านมาก็คือ  แต่ละที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตเลย  หรือแม้แต่ร่องรอยของสิ่งมีชีวิตก็ไม่มีเช่นกัน  กลุ่มชาวบ้านเดินทางมาจนถึงหุบเหวภายในถ้ำ  ภายใต้เหวลึกด้านล่างคือ  ลำธารหินปูนน้ำในลำธารดูอันตราย  แม้ว่าน้ำจะไหลไม่แรงมากนัก  แต่ระดับความสูงจากเหวด้านบน  ถ้าตกลงไปคงจะไม่มีใครรอดเป็นแน่  ทางเดินทางนี้เป็นทางไต่ระดับกับริมหน้าผา  ท่านเจ้าเมือง  นี่เราเดินมาตั้งนานแล้วยังไม่พบสัตว์ซักตัวเลย  ข้าว่าคงจะไม่มีสัตว์แถวนี้หรอก  กลับกันดีกว่า  ทหารคนหนึ่งพูดถามเจ้าเมืองผู้เดินนำหน้ากลุ่มชาวบ้าน  ถ้าเราเดินทางกลับ  แล้วเราจะเอาอะไรกินกันหล่ะ  เจ้าเมืองตอบพลางเก้าเท้าไปยังริมขอบหน้าผาโดยไม่ทันสังเกต  ดินใต้เท้าของเขาก็ร่วงหล่นลงสู่ลำธารเช่นเดียวกับเท้าของท่านเจ้าเมือง  ร่างของเขาร่วงลงอย่างรวดเร็ว  ฉับพลันนั้น  ซาเรียม่าก็คว้ามือของเจ้าเมืองไว้ได้ทัน  ไม่กี่วินาที  เธอก็ใช้แรงของเธอดึงตัวเจ้าเมืองขึ้นมาไว้ได้อย่างปลอดภัย  ขอบใจนะ  เจ้าเมืองพูดเสียงสั่น  ไม่เป็นไรหรอกท่าน  คราวหน้าคราวหลังก็ระวังด้วยละกัน  เธอเตือนตอบไป  รีบเข้าเถิดเดี๋ยวค่ำแล้วจะลำบาก  เธอพูดต่อ
     ทางด้านในเมืองวอลเนีย  เวลานี้เป็นตอนบ่ายแก่ๆ  แต่เพราะที่ตั้งเมืองวอลเนียในขณะนี้  ทำให้แสงจากดวงอาทิตย์ส่องเข้ามาได้น้อยกว่าปรกติมาก  แสงในขณะบ่ายนี้จึงมีแค่พอให้มองเห็นสิ่งต่างๆในเมืองเท่านั้น  ทางนั้นจะเป็นเช่นไรบ้างนะ  นาโอมินึกห่วงขึ้นมาเมื่อขณะหนึ่ง  ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ  เสียงเด็กผู้หญิงน้ำเสียงไพเราะเอ่ยขึ้นตอบ  จ๊ะ  นาโอมิหันหน้าไปทางต้นเสียงปากยิ้มในทันทีที่ได้ยินเสียง  แล้วเอ่ยต่อ  แม่สาวน้อยขนมปัง  ไงไม่ได้เจอกันตั้งนาน  สบายดีไหมจ๊ะ  สบายดีค่ะ  วันนี้เอาขนมปังมาส่งทางบ้านของลุงเดลท่อนค่ะ  ทางผ่านเลยมาหาค่ะ  เด็กสาวตอบทันที  งั้นเอามาสิเดี๋ยวฉันจะเอาไปส่งให้  ฉันกำลังจะไปหาคุณลุงพอดี  นาโอมิพูด  งั้นหรือ  นี่ค่ะ  ขอบใจนะค่ะเบาแรงไปได้มากเลย  งั้นขอตัวลาเลยละกันนะค่ะ  สาวน้อยพูดพร้อมส่งตระกร้าขนมปังให้แก่  แล้วเจอกันน้า  นาโอมิกล่าวลา
     หลังจากที่นาโอมิเก็บร้านเสร็จ  เธอก็ตรงไปยังบ้านของลุงเดลท่อนอย่างรวดเร็ว  เมื่อไปถึงหน้าบ้านเธอก็ตะโกนเรียกลุงเดลท่อนด้วยเสียงดังลั่น  เวลาผ่านไปนานพอสมควร  จนเธอเริ่มทนไม่ไหว  จึงลองเคาะประตูดู  กลอนประตูซึ่งเก่ามากแล้วก็หลุดออก  ประตูบ้านเปิดออกอย่างง่ายดาย  เมื่อไม่เห็นคนในบ้าน  เธอจึงเดินเข้าไปในบ้านอย่างรีบร้อน  และวางตระกร้าขนมปังลงบนโต๊ะไม้อย่างรวดเร็ว  ภายในบ้านดูเก่าแก่เหมือนไม่มีคนอยู่อาศัยเลย  ฝุ่นจับพื้นหนาจนแทบไม่เห็นพื้นไม้  พื้นบางที่ก็ผุพังจนเหมือนใกล้จะหักได้ทุกเมื่อ  ข้างโต๊ะไม้มีตู้หนังสือขนาดใหญ่บรรจุด้วยหนังสือที่เล่มเล็กเล่มใหญ่รวมกันโดยเหมือนจับยัดเข้าไปมากกว่า  ด้วยความสงสัยจึงหยิบมาเล่มหนึ่ง  และเปิดอ่านด้วยความรวดเร็ว  เนื้อหาในเล่มเกี่ยวกับเห็ดพิษทั้ง72 ชนิดที่ร้ายแรงที่สุดในโลกterra  เมื่ออ่านไปได้ซักพักเสียงฝีเท้าที่แรงขนาดทำให้พื้นไม้สั่นสะเทือนก็ดังขึ้น  ใครมาทำอะไรในบ้านของข้า  เสียงลุงเดลท่อนตะโกนถาม  และเสียงฝีเท้านั้นก็คือเสียงของลุงเดลท่อนนั่นเอง
     เมื่อผ่านจากหุบเขาแล้วทางเดินต่อมาก็เป็นห้องที่แคบลงเรื่อยๆ  จนไปถึงทางแยกแห่งหนึ่ง  ทุกคนจึงหยุดปรึกษากันว่าจะเดินทางทางกันต่ออย่างไร  เอาไงดีล่ะ  ทหารคนหนึ่งถาม  แบ่งเป็นกลุ่มกันไหมล่ะ  กลุ่มละทาง  อีกคนแสดงความคิดเห็น  ไม่ดีกว่า  ไปทีละทาง  ถ้ามีอะไรจะได้ช่วยกันได้  เจ้าเมืองเสนอความคิดเห็น  ทุกคนก็เห็นดีด้วยจึงเดินไปในทางด้านซ้าย  เมื่อเดินไปเรื่อยๆก็พบทางแยกอีก  จึงเดินไปทางซ้ายอีกที  เมื่อเดินไปสักพัก  ก็พบทางแยกอีก  ข้าว่ามันมีอะไรแปลกๆอยู่นะ  นายพรานพูดสงสัยลักษณะทางที่เป็นทางแยก  ข้าว่าทางเมืองสักครู่นี้ก็มีหินงอกลักษณะนี้อยู่นะ  ซาเรียม่าพูดและชี้มือไปทางก้อนหินด้านริมทาง  รึว่าเราเดินมาที่เดิม  ทหารคนหนึ่งพูด  แต่ทางที่เราเดินเมื่อครู่มันเป็นทางตรงนี้  ไม่มีทางเลี้ยวโค้งเลย  อีกคนให้ความเห็น  พวกเราลองเดินไปขวาดูซิ  เจ้าเมืองแนะนำ  และทุกคนก็ทำตาม  แต่ผลก็ออกมาเป็นเช่นเดิมแต่สิ่งที่แตกต่างไปก็คือสาหร่ายตามผนังถ้ำเริ่มมากขึ้น  และเริ่มไต่เข้าไปทางประตูด้วยความรวดเร็ว  ทันใดนั้นเอง  ร่างของหญิงสาวสวมชุดคลุมลายคราม  ถือนาฬิกาทรายในถือก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน                           
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #15 on: May 12, 2007, 02:17:02 AM »

ขออภัยนะครับ  เว้นไปนาน ( เปิดเทอมแล้วงานเลยเยอะครับ  )  ไปอ่านกันต่อเลยเน้อ
                                                                       บทที่  10
     ท่านมิใช่หรือ  ที่เรียกข้ามาที่นี่น่ะ  เสียงของชายปริศนาดังออกมาจากความมืด  เมื่อได้ยินเช่นนั้น  นาโอมิจึงถอนหายใจอย่างรวดเร็ว  ร่างของชายปริศนาเริ่มปรากฎออกมาจากเงามืดด้วยความรวดเร็ว  เขาสวมชุดเกราะอันทรงศักดิ์สีดำทมิฬทั่วตัว  ลายแกะสลักบนชุดเกราะบ่งบอกถึงยศของผู้สวมใส่ได้อย่างชัดเจน  ใบหน้าของเขาถูกปกปิดไปด้วยเกราะเหล็กที่แข็งแกร่ง  เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างของลุงเดลท่อนอย่างกระฉับกระเฉง  นี่ท่านจะมิเชิญแขกเช่นข้านั่งเลยหรือ  ชายผู้นั้นพูดแทนคำทักทาย  งั้นนั่งลงสิ  เดลท่อนพูดแล้วมองชายผู้นั้นด้วยสายตาสงสัย  เอาล่ะ  ท่านมีเหตุอันใดจึงเรียกข้ามาในวันนี้  ชายบนชุดเกราะกล่าวด้วยเสียงยียวน  ข้าได้ข่าวมาว่ากลุ่มชาวบ้านจะออกไปหาเสบียงกันในถ้ำแห่งนี้  พวกมันรุกล้ำเข้ามาในเขตดินแดนแห่งความลับของท่านเมฟีสท์  เดลท่อนเล่า  แค่มนุษย์เพียงไม่กี่คน  ท่านก็จะกลัวพวกมันหรือ  ชายคนนั้นพูดเย้ย  ปล่าวหรอก  แต่ข้าคิดว่า  มีมนุษย์อยู่คนหนึ่งที่มันอาจจะทำลายอสูรของพวกเราได้  เจ้านั่น  คือ......  ข้ารู้ดีน่ะท่าน  แต่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้  มันก็จะกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปแล้วหล่ะ  ท่านคอยดูสิ  ฮ่าๆๆๆ  ชายบนชุดเกราะตอบแทรก  ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง  ข้าก็มีเรื่องจะพูดเพียงเท่านี้แหล่ะ  งั้นเดียวข้าไปเตรียมการรบนะ  ฝากเฝ้าบ้านด้วยล่ะ  เดลท่อนพูดพลางเดินออกไปอย่างรวดเร็ว  ข้าเป็นนักรบนะ  มิใช่สุนัข  เอาเถอะ  ข้าไม่ถือสาหรอก  ชายบนชุดเกราะตะโกนตอบไปแล้วจึงหันมามองทางประตูที่นาโอมิแอบอยู่  ทุกอย่างในห้องเงียบไปสักพัก  เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาตรงหน้า  ไงจ๊ะสาวน้อย  ชาวผู้นั้นพูดต่อหน้านาโอมิซึ่งกำลังตกตะลึงอยู่
     นี่หรือ  ผู้ที่จะมาสังหารท่านเมฟีสท์  หญิงสาวในชุดลายครามกล่าวขึ้นกลางอากาศ  สายตาของเธอก็จ้องมาทางซาเรียม่าในกลุ่มชาวบ้าน  เมื่อได้ยินเช่นนั้น  ทุกคนในกลุ่มชาวบ้านก็ต่างแปลกใจ  ฝีมือเจ้าคงไม่ธรรมดาแน่  ไหนลองทดสอบฝีมือของเจ้าดูซิ  สาวน้อยคนเดิมกล่าวพร้อมคว่ำนาฬิกาทรายบนมือลง  ข้าให้เวลาแก่เจ้า 10 นาที  จงล้มข้าลงให้ได้  มิเช่นนั้นทุกคนในที่นี้จะตาย  เริ่มเข้าสู่เวลาแห่งความตายของเจ้าแล้วนะ  พูดจบร่างของเธอก็เลือนหายไป  ทุกคนนอกจากซาเรียม่าก็หยุดอยู่กับที่  สิ่งที่น่าแปลกคือ  ซาเรียม่าไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อยกับเหตุการที่เกิดขึ้น  และกลับถามสิ่งที่ไม่น่าจะถามคือ  เจ้าเป็นใครและใครส่งเจ้ามา  ซาเรียม่าถามจนหญิงผู้นั้นแปลกใจในท่าทีของเธอ
     กล้าถาม  ชั้นก็กล้าตอบ  ร่างของหญิงสาวปรากฎขึ้นอีกครั้ง  พร้อมกล่าว  ข้ามีนามว่าวาสสาโก  เป็น1ใน72ผู้รับใช้แห่งท่านเมฟีสท์  ผู้ควบคุมกาลเวลา  แต่หน้าของท่านนี้เหมือนกันกับ ท่านเวโรนิก้า นักรบแห่งฟีเลเซียเลย  ข้าว่า....ซาเรียม่าพูด  ฉลาดดีนี่  ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ก็ได้  ข้าคือผู้ให้กำเนิดตระกูลของฉันไม่แปลกหรอกที่ข้าจะหน้าตาเหมือนกับเวโรนิก้าน่ะ  วาสสาโกเล่าต่อ  ว่าแต่ทำไมท่านจึงถามข้าล่ะ  ไม่เอาเวลาไปล้มข้าหรือ  ท่านโง่หรือปล่าว  ดูสภาพตัวของท่านในตอนนี้สิ  ซาเรียม่ากระหยิ่มทันทีหลังพูดจบ  ร่างของวาสสาโกแหลกเป็นชิ้นๆกลางอากาศทันทีหลังพูดจบ  นี่มันเกิดอะไรขึ้น  วาสสาโกอุทานขึ้นทันที  ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากร่างที่แหลกของวาสสาโก  หนอยเจ้านี่มัน  วาสสาโกด่าด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับกรีดร้อง  เห็ดรูปนาฬิกางอกขึ้นรอบๆตัวเธออย่างรวดเร็ว  เวลาของเจ้ากับข้าหมดลงแล้ว  จงตายเสียเถิด  เธอสาปส่งแก่ซาเรียม่าพร้อมกลับหายไปในอากาศ 
     ทุกคนในกลุ่มชาวบ้านตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล  ภาพที่เขาเห็นก็คือร่างของซาเรียม่านอนสลบลงอยู่กับพื้น  ร่างไร้วิญญาณของเธอถูกล้อมรอบไปด้วยตราอักษรสีดำรอบตัว         
                                 
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #16 on: May 15, 2007, 02:14:54 AM »

                                                       บทที่  11
     กรี๊ด  เสียงดังลั่นออกมาจากปากของนาโอมิอย่างเต็มแรง  เสียงของเธอแผดดังลั่นจนไปถึงนอกบ้าน  แต่แล้วเสียงนี้ก็ถูกอุ้งมือของชายปริศนาปิดไว้  จนไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาจากปากของเธอแม้แต่น้อย  เธอพยายามดิ้นอย่างสุดแรงเพื่อที่จะให้หลุดออกจากอุ้งมือของชายผู้นั้น  แต่ร่างของเธอก็บอบบางเกินกว่าจะความสามารถผลักชายผู้นี้ได้  เงียบหน่อยสินาโอมิ  เดี๋ยวใครก็มาได้ยินหรอก  ชายในชุดเกราะพูดด้วยเสียงเบาที่สุด  นาโอมิแปลกใจอย่างยิ่งที่ได้ยินเช่นนั้น  จึงถามกลับไปอย่างใจดีสู้เสือว่า  ท่านเป็นใครกันแน่  สิ้นคำถามนี้  ชายปริศนาก็ปล่อยมือออกจากปากของเธอ  แล้วจึงหยิบหมวกเหล็กที่สวมออกอย่างรวดเร็ว  ไง  ไม่ได้เจอกันนานเลยนี้  ชายผู้นั้นพูดทักทายต่อ  นาโอมิมองใบหน้าของชายผู้นั้นด้วยความแปลกใจ  ใบหน้าของเขาช่างดูเหมือนกันชายผู้หนึ่งที่เธอเคยรู้จัก  และเพียงไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็นึกได้  ท่านบีริลนั่นเอง  เธอกล่าวออกมาด้วยความยินดี
     ที่นี่ที่ไหนเนี่ย  ซาเรียม่าพูดเมื่อลืมตาขึ้นมาหลังจากที่ดูเหมือนหลับไหลไปนานแสนนาน  เธอนอนอยู่บนพื้นดินที่แห้งแล้งและแปลกตาไปจากที่ถ้ำ  บนแผ่นดินเปลือยเปล่าที่เธออยู่ปรากฏซากต้นไม้ที่รูปร่างเหมือนอสูรกายอยู่เต็มไปหมด  ซากปรักหักพังของวิหารแปลกๆอยู่รอบตัวของเธอ  เธอลุกขึ้นจากมาท่านอน  สังเกตสถานที่รอบๆตัวอย่างรวดเร็ว  บรรยากาศรอบตัวเย็นอย่างน่ากลัว  เธอเดินออกจากที่เดิมเพื่อสำรวจพื้นที่  จนไปพบกับกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง  พวกเขาดูเหมือนซากศพที่เดินได้  ซาเรียม่าจึงเข้าถามด้วยความสงสัย  พวกท่าน  ที่นี่ที่ไหนหรือ  เธอถามชายหนึ่งในกลุ่มคนนั้น  ชายผู้นั้นได้ยินคำถามก็มองหน้ากันด้วยความแปลกใจแล้วจึงพูดว่า  เจ้าไม่รู้หรือว่าที่นี่ที่ไหน  ซาเรียม่าส่ายหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ  ที่นี่คือนรก  เจ้าแน่ใจไหมว่าเจ้าตายแล้วน่ะ  คำถามนี้ดูเหมือนจะตลก  แต่จริงแล้วมันทำให้ซาเรียม่าสับสนระหว่างความเป็นความตาย 
     ว่าแต่ท่านหายไปไหนมาตั้งนานล่ะ  นาโอมิถามบิริลที่จิบน้ำชาอยู่  แล้วทำไมท่านจึงวางแผนกับลุงเดลท่อนอย่างนี้  เธอถามต่ออย่างรวดเร็ว  พอก่อน  ขอตอบทีละคำถามนะ  คำถามแรก  ตอนที่ข้าไปสำรวจถ้ำหลังจากที่เกิดเห็ดเรืองแสงนั่นน่ะ  ข้าได้ไปเจอตราประทับลายแปลกๆ จึงหยิบมาดู  แต่แล้ว  ร่างของข้าก็ถูกวิญญาณในตรานั่นสิงเข้าน่ะ  บีริลตอบ  แล้วตอนนี้วิญญาณดวงนั้นออกไปแล้วหรือ  นาโอมิถามขัด  วิญญาณดวงนั้นหรือ  ตอนนี้ก็คือข้าไงล่ะ  เสียงของเขาเปลี่ยนไปในทันที  ใบหน้าของเขาก็เริ่มซืดลงในทันที                   
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #17 on: May 22, 2007, 02:25:01 AM »

เอ่อ  ต้องขออภัยอีกครั้งนะครับที่มาต่อช้า  ไปอ่านต่อเลยครับ
     ชายผู้มีร่างเป็นบีริลเล่าเหตุการณ์ให้แก่นาโอมิ  เมื่อเล่าไปได้ซักพัก  เขาก็ดูรีบร้อนผิดพิกล  ข้าต้องไปแล้วล่ะ  เสียงจากร่างของบีริลพูดขึ้นแผ่วๆ  อีกอย่างหนึ่งเจ้าต้องปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับนะ  ชายผู้นั้นกล่าวต่อแล้วจึงหายไปในความมืดด้วยความรวดเร็ว  นาโอมิตะลึงหลังจากฟังเรื่องที่เขาเล่าไปชั่วขณะ  พลางมองไปทางที่ชายผู้นั้นหายไป  แล้วพูดกับตัวเองว่า  กษัตริย์ซิกมันด์  ท่านเป็นใครกันแน่นะ  ไม่ทันจะพูดจบ  เสียงเสียดสีจากอากาศก็ดังขึ้นเบื้องหลังของเธอ เธอล้มลงในทันทีที่พูดจบ  เบื้องหลังคือร่างของบุคคลที่นาโอมิรู้จักกันดี  ท่าน....เดลท่อน  ข้าไม่คิดเลย  นาโอมิเค้นเสียงสุดท้ายออกจากปากถามบุคคลเบื้องหน้า  เดลท่อนเหยียบเท้าไปที่ตัวของเธออย่างรุนแรง  พลางพูดกับตัวเองด้วยใบหน้าเคียดแค้น  ชิ  เบริล  แกกล้าทรยศแก่ท่านเมฟีสท์  ก็ถือว่ามันเป็นปรปักษ์กับกษัตริย์แห่งฟีเลเซียแล้ว  เขาพูด  แล้วมองไปทางร่างไร้วิญญาณของนาโอมิ  ใช่ไหมจ๊ะ  สาวน้อย  ฮิฮิ  เขาพูดกับร่างนั้น
     ซาเรียม่าเดินไปตามทางเดินที่ไม่ถูกซากปรักหักพังทับลง  ซึ่งเป็นทางที่กลุ่มคนจำนวนหนึ่งบอกไว้  เบื้องหน้าเป็นป่าเสาหินอ่อนโบราณสีดำ  ยิ่งเดินเข้าไปในป่าเท่าไหร่  แสงสว่างก็ยิ่งลดน้อยลงไปเท่านั้น  มีใครอยู่บ้างไหม  ซาเรียม่าตะโกนเพื่อหาสิ่งมีชีวิตที่จะตอบกลับมา  แววตาเรืองแสงปรากฎขึ้นมาจากความมืดอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว  สายตาเหล่านั้นจ้องขะเหม่นมาทางซาเรียม่า  ตัวอะไรกันนี่  ซาเรียม่าอุทานกันตัวเองเมื่อเห็นร่างของอสูรที่มีร่างเป็นม้ากายาสีฟ้าเข้ม  ท่าทางเหมือนคนนิสัยเสียมากกว่าม้าซะอีก  หยาบคายมาก  นี่เจ้ามาเรียกข้าเป็นตัวเชียวรึ  ข้าเป็นถึง 1 ในข้ารับใช้แห่งท่านเมฟีสท์เชียวนะ  มันกล่าวด้วยใบหน้าโกรธกริ้ว  ม้าตัวนั้นลุกขึ้นยืนสองขา  โดยขาหน้าขาหนึ่งคีบบุหรี่จ่ออยู่ที่ปาก  นาโอมิแปลกใจที่ว่า  เหตุใดข้ารับใช้ของเมฟีสท์จึงมาอยู่ในที่เช่นนี้  โทษฐานที่เจ้าพูดเช่นนี้  จงตายซะเถอะ  มันพูดพลางขว้างก้นบุหรี่ไปที่เท้าของตน  โอ้ย  ร้อนๆๆๆ   ม้าสีฟ้าร้องดังลั่น  ซึ่งนาโอมิก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน  แล้วจึงเย้ยไปว่า  นี่หรือ  ข้ารับใช้ของเมฟีสท์  ถ้าเจ้ากระจอกเช่นนี้ก็อย่าเสียแรงเปล่าเลย  ไปซะเถอะ  มันยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ  หน่อยแกแล้วเจ้าจะรู้  เซมิจิน่าหน่ะเก่งแค่ไหน 
     นาโอมิตายแล้ว  เกิดอะไรขึ้นนี่  หมอประจำหมู่บ้านกล่าวหลังจากจับชีพจรดู  ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายเลย  ข้าว่ามันชักจะไม่ชอบมาพากลแล้วสิ  เจ้าเมืองพูด  เดี๋ยว  ท่านเจ้าเมือง  ข้าได้ยินเสียง  ผู้นำพรานบอกแก่ทุกคน  ไหนล่ะ  ข้าไม่...  เงียบ  แล้วลองฟังดู  พรานบอก  เสียงของการเคลื่อนไหวดังออกมาจากทางหนึ่งในสองทาง  สิ่งมีชีวิต  เสียงสิ่งมีชีวิตแน่นอน  เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็ต่างวิ่งเข้าทางต้นเสียงด้วยความดีใจ  เดี๋ยว  แล้วศพของซาเรียม่าล่ะ  ชาวบ้านกล่าวท้วง  แบกไปด้วยเลย  พรานพูดพลางนำทางคนที่เหลือไปทางต้นเสียงนี้
     เมื่อเข้ามาในถ้ำอีกห้องหนึ่ง  ค้างคาวนับร้อยต่างบินว่อนอยู่ในห้องจนมองทางข้างหน้าแทบไม่เห็น  ถ้ำมืดเช่นนี้หรือที่ค้างคาวอยู่น่ะ  ชาวบ้านถามเจ้าเมือง  ข้าว่ามันแปลกๆอยู่นะ  เจ้าเมืองตอบด้วยความสงสัย  หิวกันบ้างไหมเอ่ย  เสียงดังกังวานออกมาจากผนังถ้ำ  ทุกคนต่างจ้องไปทางต้นเสียง  ร่างของค้างคาวยักษ์เกาะห้อยหัวลงมาพูดขึ้น  เอาล่ะ  กินได้แล้ว  สิ้นคำสั่งของค้างคาวตัวนั้น  ฝูงค้างคาวก็พุ่งตรงมาทางกลุ่มชาวบ้านที่อยู่ในถ้ำ       
                               
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #18 on: May 24, 2007, 01:36:08 AM »

บทที่  12
     เดลท่อนเดินออกมาจากบ้านไม้ของเขาโดยทิ้งร่างของนาโอมิไว้ในนั้น  เขามองออกไปทางแสงตะวันยามเย็นที่สาดส่องเข้ามาทางปากทางเข้า  ถึงแม้แสงจะส่องสว่างสักเพียงไร  แต่ก็ส่องเข้ามาในเมืองได้เพียงบางส่วนเท่านั้น  แต่แค่นี้  เมืองๆนี้ทั้งเมืองก็เสมือนกับถูกย้อมไปด้วยสีส้มแล้ว  เดลท่อนเดินออกจากหน้าบ้านของตนอย่างเร่งรีบ  ในมือของเขากุมผ้าขนหนูขนาดเล็กที่ติดสีจากน้ำมันเครื่องยนต์ไว้  เขาเช็ดมือที่เปรอะไปด้วยเลือดของบุคคลที่เพิ่งสังหารไป  เมื่อเดินไปได้สักพัก  เขาชลอและหยุดฝีเท้าลงที่ปากทางเข้าถ้ำสีดำทมิฬ  เขาเอ่ยปากพูดพลางจ้องมองเงาในถ้ำอย่างยินดีเหมือนกันเงานั้นเป็นสิ่งมีชีวิต  ไหนข้าขอดูกองทัพแห่งแสงตะวันของเจ้าหน่อยซิ  ไม่ได้เห็นความสามารถของเจ้าตั้งแต่เกิดการปฏิวัติครั้งก่อนแล้ว  เขาพูดเสียงขรึม  พลางจ้องมองไปทางเงาทมิฬของกลุ่มคนที่เริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
     ครั้นเวลาค่ำลง  ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็ต่างเตรียมตัวเข้าที่พักเพื่อพักผ่อน  ส่วนอีกกลุ่มก็ต่างล้อมวงรอบกองไฟในแต่ละมุมของเมืองเพื่อเฝ้ายาม  ดังนั้นแสงสว่างที่มีในเมืองจึงมีเพียงแสงจากกองไฟรอบๆเมืองเท่านั้น  ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด  แสงไฟจากกองเพลิงก็มอดลงจนแทบมองไม่เห็นทาง  นี่ท่าน  อีกไม่กี่วันก็จะเป็นคืนเดือนมืดแล้ว  ท่านว่าเราจะรับมือกับพวกเห็ดเรืองแสงนั่นอย่างไรดี  ชายผู้หนึ่งที่ดูจากการแต่งกายแล้วน่าจะมียศที่สูงทีเดียวกล่าวถามเพื่อนอีกคนในกลุ่ม  นั่นสินะ  ข้าพึ่งนึกได้เหมือนกัน  แต่ได้ข่าวว่าเห็ดนั่นติดไฟได้ง่ายนิ  อีกคนผู้ฟังคำถามเมื่อสักครู่ตอบ  อ้าวนี่ได้เวลาเดินตรวจตรารอบเมืองแล้วนี่  ไปกันเถอะ  เขาพูดต่อ  แล้วจึงลุกขึ้นไปเพื่อเดินตรวจตราพื้นที่  แต่ไม่ทันที่จะเดิน  ควันจากกองไฟก็เข้าตาเขาอย่างน่าประหลาด  นั่นมันควันอะไรกันนี่  เขาพูดพร้อมขยี้ตาหวังจะทุเลาขึ้น  แต่ยิ่งขยี้ไปเท่าไร  แสงสีส้มในตาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น  และเมื่อเขาเอามือออก  สิ่งที่เขาพบก็คือ  เมืองทั้งเมืองเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของชาวบ้าน  และความร้อนแรงของเพลิงที่กำลังเผาผลาดบ้านเมืองของเขาอยู่
     ทุกคน  ระวังตัวไว้ให้ดี  เจ้าเมืองเตือนทุกคนด้วยความหวังดี  ฝูงค้างคาวนับร้อยมุ่งลงมาที่กลุ่มชาวบ้านเรื่อยๆ  มันไม่รู้จักหมดจักสิ้นเลยรึไง  พรานถามเจ้าเมือง  แล้วจึงขว้างคบเพลิงในมือไปทางกลุ่มค้างคาวนั้น  แต่มันก็หลบไปอย่างว่องไว  แล้วจึงมุ่งมาทางนายพราน  เขาชักดาบพยายามฟาดฟันไปทางค้างคาว  บางตัวที่ถูกฟัดก็ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน  แต่เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา  ตัวมันก็สามารถกลับมาต่อเป็นร่างเดิมได้  นี่มันตัวอะไรกันแน่นะ  พรานพูดเชิงโมโหและประหลาดใจ  ร่างของค้างคาวยักษ์บินลงสู่ดินอย่างรวดเร็ว  มันบินมาที่หน้านายพราน  ใบหน้าของมันเปรียบกับอสูรมีปีก  กากอยด์รึ  ข้าก็พึ่งเคยเห็นวันนี้แหละ  นายพรานยิ้มกระหยิ่มในท่าทีชวนต่อสู้ของมัน  ก็ได้  ไหนลองสู้กับข้าดูซิ  เขาพูดต่อ               
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #19 on: May 26, 2007, 01:59:38 AM »

     ใครจะเริ่มก่อนดีล่ะ  เจ้าค้างคาวผี  พรานถามเอาสนุกแก่กากอยด์  ข้าชื่อ  กุยซอน(Guison)  มิใช่ค้างคาวผีอย่างที่เจ้าว่า  มันตอบด้วยท่าทีไม่พอใจในคำเย้ยของพรานหนุ่ม  แต่ในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา  ใบหน้าของมันก็ฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่ดูแล้วเหมือนกัดฟันมากกว่า  เสียงๆหนึ่งเล็ดรอดออกมาจากปากของมันต่ออย่างรวดเร็ว  ชั้นรุกก่อน  สิ้นคำนั้น  พลันบรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนไป  จากที่เคยเป็นถ้ำหินงอกมืดทึบกลับกลายเป็นหน้าผาสูงชั้น  ชาวบ้านแต่ละคนถูกแยกออกจากกัน  และอยู่บนริมหน้าผา  ทางที่ให้เดินนั้นแทบจะเดินไม่ได้  ร่างของกุยซอนพุ่งโฉบมาทางชาวบ้านคนหนึ่งด้วยมือข้างหนึ่ง  มันบินขึ้นกลางอากาศพลางเหวี่ยงร่างของคนผู้นั้นลงสู่หุบผาที่มองไม่เห็นจุดที่ลึกสุด  แล้วกล่าวต่อ  จงเลือกเอาว่าจะสู้กับข้าก่อน  หรือไอ้เจ้านั่นจะต้องตาย  เลือกเอาเลยฮ่าๆๆๆ  ฉันเลือกทั้ง 2 อย่าง  พรานพูดพร้อมขว้างบ่วงเชือกไปที่คนผู้นั้น  ปมอีกข้างเกี่ยวไว้กับแท่งหินใหญ่  มืออีกข้างของเขาชักดาบขึ้นมา  แล้วจึงกระโดดฟาดดาบไปทางกุยซอนที่บินอยู่ ณ กลางเวหา  ดาบปักลงอย่างแรงที่ตัวมันอย่างรุนแรง  กล้ามากเกินไปแล้ว  มันพูดพลางสะบัดพรานลงไปในหุบเหว  เมื่อร่างของเขาหล่นลงไปได้ซักพัก  ก็เหมือนติดกับอะไรบางอย่างที่หลังกระตุกไว้  ร่างของชายที่ตกลงสู่เบื้องล่างกลับถูกยกขึ้น  แผนล่อต่างหาก  พรานพูดพลางกวักมือให้สัญญาณผู้อยู่ด้านบน  ทันทีที่ได้เห็นสัญญาณ  ฝูงธนูห่าใหญ่ก็ถูกยิงขึ้นมาจากด้านบน  แขนทั้งซ้ายขวาของมันก็ถูกลูกธนูตรึงไว้กับหน้าผา  แผนไรสาระน่ะมันสะบัดมือออกจากลูกธนูอย่างรวดเร็ว  พร้อมบินพุ่งมาทางพราน  หน่อยแก  มันพูดด้วยความโกรธแค้น  นัดสุดท้าย  พรานพูดพลางทำขมุบขมิบในชายเสื้อ
     ซาเรียม่าเริ่มสงสัยในการไร้ซึ่งความฉลาดเลย  มันวิ่งพุ่งมาที่ซาเรียม่าเพื่อโจมตี  แต่มันกลับสะดุดก้อนหินล้มเสียเอง  แต่ด้วยความพยายามของมันก็ลุกขึ้นมาใหม่  และวิ่งชนซาเรียม่า  เธอหลบอย่างรวดเร็ว จนมันล้มลงไปเป็นครั้งที่ 2  ครั้งนี้  มันกลับลุกมิได้แล้ว  มันล้มลงด้วยแรงเฮือกสุดท้าย  พลางชี้มือไปที่ด้านหลังของซาเรียม่า  เจอกันอีกแล้วนะสาวน้อย  เบริลทักทายด้วยเสียงเข้ม  ว่าแต่แกล้งเด็กเป็นไงบ้างล่ะ  เขาพูดต่อ  ซาเรียม่าเห็นภาพดังกล่าวก็รีบชักดาบหมายจะรบกับศัตรู  ช้าก่อน  วันนี้ข้าไม่ได้มาสู้รบปรบมืออะไรกับเจ้าหรอก  เบริลกล่าว  พลางเดินไปทางที่เซมิจิน่าล้มลง  เขาลูบหัวมันแล้วคุยกับมัน  เจ้าสนใจจะร่วมมือกับข้าไหม  เบริลถามมัน  ร่วมมือกับท่านหรือ  มันพูดเสียงแผ่ว  แต่ก็มีน้ำเสียงตกใจ  ใช่  ร่วมมือกับข้าเพื่อกำจัดเมฟีสท์  ไงล่ะ  มันอึ้งไปชั่วขณะ  ซึ่งแม้แต่ซาเรียม่าเอง  เมื่อได้ยินก็นึกสงสัย  บุรุษผู้นี้คือใครกันแน่  เป็นข้ารับใช้แต่กลับทรยศเจ้านายของท่านเอง
     ได้แต่ท่านต้องช่วยข้าด้วยนะ  ซามิจิน่าตอบด้วยนำเสียงยินดีในการกระทำนั้น  ได้สิ  เรื่องความทรงจำของเจ้าใช่ไหม  เบริลตอบ  ใช่ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกัน  ว่าแต่ผู้หญิงคนนั้นน่ะ  ใครกัน  ม้าสีฟ้าถาม  ชูวซ์  ความลับน่ะๆ  เบริลหน้าแดงขึ้นมาในทันที  แต่เขาจะเป็นผู้ร่วมงานกับเราในครั้งนี้ด้วย  เบริลบอก  เดี๋ยวนะ  ฉันฟังอยู่นานแล้ว  นี่มันเกิดอะไรขึ้น  ซาเรียม่าสงสัย  ท่านก็ได้ยินแล้วนี่  มาร่วมงานกับพวกเราเถอะ  เบริลตัดบทแล้วชวนต่อ  ซาเรียม่านึกสงสัย  ว่าสิ่งที่พบนี้อาจเป็นอุบายหรือปล่าว  แน่นอนท่านไม่ต้องกังวลหรอก  เพราะเรามีบุคคลที่จะทำให้ท่านหายกังวลได้  เบริลพูดแล้วให้สัญญาณ  ชายผู้หนึ่งเดินออกมาจากหลังเสาหิน  เขาสวมชุดเกราะที่ชาวเมืองฟีเลเซียคุ้นเคย  ท่านชาร์ล  ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้                   
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #20 on: May 27, 2007, 05:31:37 AM »

เขียนมาตั้งนานแล้ว  ผมอยากรู้จังว่ามีใครอ่านบ้างไหมเนี่ย    ช่วยโพสมาบอกหน่อยนะครับ  สนุกกันไหมอ่ะครับ  บอกได้  จะนำไปปรับปรุงครับ
บทที่  13   
     จอมทัพแห่งสายลมก้าวเท้าเข้าใกล้ซาเรียม่าอย่างช้าๆ  เสียงระหว่างการเดินของเขาก็ดังกระทบกับชุดเกราะอย่างจัง  หยุดอยู่ตรงนั้นแหละท่านชาร์ล  เบริลกล่าวอย่างเย็นชา  แต่จอมทัพผู้นั้นก็หยุดอยู่กับที่ราวกับเป็นหุ่นยนต์ที่ได้รับคำสั่งจากระบบ  เหตุใดท่านถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้  ซาเรียม่าถามคำถามที่เป็นใครก็ต้องถามออกมาแก่แม่ทัพชาร์ล  เรื่องมันยาวน่ะ  ข้าจะเล่าให้ฟังระหว่างทาง  ชาร์ลกล่าวตอบ  ระหว่างทาง  ทางไปไหนล่ะท่าน  แล้วท่านจะไปทำสิ่งใด   ซาเรียม่าถามต่อโดยไม่หยุด  พอได้แล้ว  แค่เจ้าตอบว่าไป  หรือไม่ไปกับข้า  บอกมา  เบริลพูดตัดบท  เพราะรำคาญในความเรื่องมากของเธอ  ซาเรียม่ามองหน้าแม่ทัพชาร์ลเพื่อหาคำตอบสำหรับเรื่องนี้  ใบหน้าของชาร์ลพยักลงเล็กน้อยแทนคำตอบ  สีหน้าของซาเรียม่าเริ่มกังวลมากขึ้น  ไปหรือไม่ไป  เบริลถามย้ำ  ได้  ข้าจะไป  เธอตอบหลังจากที่คิดคำตอบมาแสนนาน  สิ้นคำนี้ใบหน้าของชาร์ลและเบริลก็ถูกฉาบไปด้วยรอยยิ้ม  ดีงั้นออกเดินทางกันเลย 
     แสงจากเพลิงที่เผาไหม้ไปทั่วเมืองเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  จนราวกับว่ายามเย็นได้ปรากฎขึ้นมาอีกคร้งหนึ่ง  ทหารยามเริ่มลุกขึ้นมาดับเพลิงที่เผาไหม้เมือง  แต่ไม่ว่าจะดับซักเท่าไหร่  ไฟก็ลามไปเป็นเท่าตัว  ทางด้านโบสถ์ของเมือง  ชาวบ้านก็ต่างช่วยดับไฟกันใหญ่  ไฟเริ่มลุกลามไปที่บ้านหลังหนึ่ง  เสียงร้องของทารกดังออกมาจากภายในบ้าน  ลูกข้า  ลูกของข้า  ไม่นะ  หญิงชราผู้หนึ่งกรีดร้องเรียกลูกที่อยู่ภายในบ้านที่เพลิงลุกไหม้  เธอพยายามจะวิ่งเข้าไปในบ้าน  แต่ก็ถูกเพื่อนบ้านยึดตัวไว้  ข้าไปเอง  ชายหนุ่มผู้หนึ่งกล่าวมาจากด้านหลังของเธอ  แล้วจึงวิ่งเข้าไปในบ้านที่กำลังลุกเป็นไฟอยู่  ขอให้พระเจ้าคุ้มครองเขาด้วยเถิด  แม่ของเด็กกุมมือขึ้นขอสิ่งศักสิทธิ์ที่ตนนับถือ 
     เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปในชั้นล่างที่ห้องๆหนึ่งพลางได้ยินเสียงทารกร้องจากด้านใน  จึงเข้าไปดูด้วยความรีบร้อน  เสียงนั้นดังมาจากผ้าคลุมสีแสดสดในตระกร้าผลไม้ขนาดใหญ่  เมื่อเขาเปิดผ้าคลุมขึ้นก็พบกับร่างของทารกคนหนึ่ง  เจอจนได้  เขาพูดขึ้นด้วยความยินดีพลางอุ้มเด็กด้วยความนิ่มนวล  โอ้ว  ข้าเจออะไรเข้าให้แล้วสิ  เสียงปริศนาดังออกมาจากกองเพลิงด้านหลัง  ใครน่ะ  นั้นใคร  เด็กหนุ่มคนนั้นถาม  ซีปาร์  (Zepar)  ใช่  นั่นคือนามของข้า  แล้วเจ้าล่ะ  เสียงนั้นตอบ  เดี๋ยวก่อน  ท่านมาช่วยข้าก่อนสิ  นำเด็กคนนี้ออกไปข้างนอกให้ข้างหน่อยสิ  เด็กหนุ่มพูดพลางยื่นเด็กทารกให้แก่ชายผู้นั้น  ชายผู้นั้นรับเด็กทารกขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง  แล้วจึงเดินเข้าไปในกองเพลิง  ท่านเดี๋ยว  เด็กหนุ่มเป็นห่วงเพราะทางนั้นเป็นทางตัน  สักพักชายผู้นั้นก็กลับเข้ามาทางกองเพลิงพร้อมชุดเกราะสีแสดที่สวมเข้ามา  เด็กเป็นอย่างไรบ้าง  แล้วท่านกลับมาทำไม  เด็กหนุ่มถามอย่างแปลกใจ  เด็กน่ะปลอดภัย  แต่เจ้าน่ะไม่แน่  ชายผู้นั้นกล่าวขึ้นพร้อมกองสีแสงอาทิตย์ยามเย็น  มีคนออกมาจากร่างของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  แต่ทุกคนกลับมีรูปร่าง  หน้าตา  และท่าทางเหมือนกันอย่างกันแฝด  กล้าแบบนี้  ข้าพึ่งจะเคยเห็นแน่ะ  ดีข้าชอบ  ซีปาร์พูดยิ้มพลางชักดาบเตรียมที่จะจู่โจม                   
Logged


Tale, the Summoner Monkey
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 191


« Reply #21 on: May 27, 2007, 12:11:20 PM »

สนุกดีครับ แต่แยกคำพูดกับเนื้อเรื่อไม่ค่อยออก
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #22 on: May 29, 2007, 02:41:14 AM »

ก่อนอื่นผมก็ต้องขอโทษทุกคนที่ผมทำผิดไปในทุกบอร์ดด้วยนะครับ     ขออภัยคุณ giantpaladin  จริงๆครับ  ไม่นึกว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้  ขออภัยอีกทีนะครับ  ส่วนเรื่องคำพูดผมจะพยายามแยกออกจากกันแล้วนะครับ  ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
     " ว่าแต่พวกเราจะไปไหนกันล่ะ "  ซาเรียม่าถามขึ้นมาระหว่างการเดินทางเพื่อระงับความเงียบที่เกิดขึ้น  " ตามมาเดี๋ยวก็รู้หน่ะ "  ซามิจิน่าตอบอย่างอารมณ์เสียเนื่องจากสัมภาระทั้งหมดเขาต้องแบกอยู่คนเดียว  " แล้วทำไมข้าต้องมาแบกของอยู่คนเดียวด้วยเนี่ย "  เขาบ่นต่อ  " เงียบแล้วเก็บแรงไว้ก่อนเถอะ  เดี๋ยวก็ถึงแล้วล่ะ "  เบริลกล่าวพลางเดินอย่างเร่งรีบไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว  เขาสะดุ้งหยุดอยู่บนเนินทรายแห่งหนึ่ง  " เอาล่ะถึงแล้ว "  เขาชี้มือไปทางปราสาททรงเก่าแก่  รูปร่างคล้ายกับพระราชวังของอาณาจักรฟีเลเซียแต่ดูเก่าและทรุดโทรมกว่ามาก  " นี่คือราชวังฟีเลเซีย  หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า..... " เบริลพูดขึ้นหลังจากเห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นของทุกคน  " ใครมาทำอะไรในพื้นที่ของท่านเมฟีสท์ "  เสียงปริศนาดังขึ้นมาจากท้องฟ้าสีดำแห่งเมืองนรก  ทุกคนหันมองไปทางต้นเสียงทันที  ม้าพีกาซัสร่างยักษ์บินโผลงมาตรงหน้าของทุกคน  " ที่แท้ก็  ไอ้พวกทรยศนั่นเอง "  พีกาซัสสีดำทมิฬกล่าวขึ้น  มันมีอุ้งเท้าเป็นอุ้งเท้าราชสีห์  ทุกครั้งที่มันกระพือปีก  ลมสีฝุ่นผงจากพื้นก็พัดโหมเข้ามาโดยรอบ  "ซีเรย์  (Seere) อยู่ไหม  ข้าต้องการพบเขา " ชาร์ลกล่าวขึ้นมาโดยมิมีใครคาดคิดมาก่อน  " อยู่......หรือไม่อยู่  ท่านเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ " พีกาซัสยักษ์ถามกวนอารมณ์  " เพราะมันหมายถึงชีวิตของเจ้าหน่ะสิ " ชาร์ลตอบพลางสะบัดดาบคุนนิกุนเดออกจากฝัก  ทันใดนั้นคอของพีกาซัสก็หลุดออกมาจากบ่าของมันในทันที 
วันนี้พอก่อนนะครับ  ต้องขอโทษอีกทีนะครับ                       
       
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #23 on: June 08, 2007, 02:02:55 AM »

มาต่อแล้วเน้อ   เว้นไปนานหน่อยนะครับ
     "เสียเวลาชั้นจริงเชียว  อุตสาห์แปลงมาเป็นบุรุษเพื่อช่วยพวกมนุษย์แล้วเชียว"  เสียงที่ดังเสียดหูออกมาจากริมฝีปากของชายหนุ่มผู้อยู่กลางกองเพลิงแทนเสียงดังเดิม  ว่าแล้วเขาก็คว้าชายผ้าม่านจากหน้าต่างที่ติดไฟขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  พร้อมเปิดปากเยาะเย้ยเบาๆ  "มาสิ  กระทิงหน้าโง่"  เขาสะบัดผ้าม่านพลางยืนออกไปนอกตัวเหมือนกับนักสู้วัวกระทิงที่ดูสง่างาม 
     จากคำเยาะเย้ยของชายหนุ่มนั้นเอง  ใบหน้าของซีปาร์ก็เต็มไปด้วยความเคียดแค้นอย่างหาที่เปรียบมิได้  แต่ต่อมาใบหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความกังวล  เขาง่างมือที่ถือดาบขึ้นกลางอากาศ  พร้อมๆกับที่แฝดของเขาทำ  " อยากเจอกระทิงก็ไม่บอก "  เขาพูดขึ้น  ทันใดนั้นเอง  ร่างกายของเขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นอสูรร่างยักษ์พร้อมๆกันทุกตัว  "ดูซิ  เจ้าจะสามารถสังหารเจ้าพวกนี้ได้สักกี่ตัวกัน"
     " ท่าน  เราไปกันเถอะ "  ซาเรียม่าสะกิดชาร์ลที่กำลังเคร่งเครียดอยู่  "อืม  รู้สึกว่า  เราต้องเข้าไปดูในปราสาทนี้ซะแล้ว"  ม้าสีฟ้านั้นกล่าวขึ้น  แต่แทนทีจะมีคนฟัง  ทุกคนก็กลับเดินหน้าเข้าไปในปราสาทอย่างรวดเร็ว  "รอข้าด้วยสิ"  มันพูดต่อ  ภายในปราสาทถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม  แต่ก็เหมือนกันกับราชวังฟีเลเซีนทุกประการ  ทั้งห้องโถงขนาดใหญ่  ทางเข้าห้องบรรทมของกษัตริย์  ทุกคนเดิมมาถึงห้องประชุมกลาง  ซึ่งมีเก้าอี้ไม้เรียงรายอย่างเป็นแนวอย่างระเบียบเรียบร้อย  หัวมุมของโต๊ะประชุมมีบุรุษคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วยท่าทางเบื่อหน่าย  เขาสวมชุดเกราะเหมือนที่กษัตริย์ซิกมันด์สวมอยู่เป็นประจำ  ทันทีที่ชาร์ลเห็นชายผู้นั้นเขาถึงกับเข่าอ่อนในทันที  ซาเรียม่าแปลกใจในท่าทางของชาร์ลจึงถามเบริลดู  "นั่นใครหรือ  เหตุใดทันทีที่ท่านชาร์ลเห็นจึงเกรงกลัวเช่นนี้"  ซาเรียม่าถามเบริลที่ยืนกรานอยู่  "ก็ไม่แปลกอะไรนี่  ที่เขาจะต้องคุกเข่าให้กันต้นตระกูลที่ตระกูลของเขารับใช้มาแสนนาน" เบริลตอบ "งั้นก็แสดงว่า.....ชายผู้นั้นคือ......"  "ใช่  ชายผู้นั้นคือกษัตริย์ที่อยู่ในประวัติศาสตร์มายาวนาน  กษัตริย์ซิกมันด์ที่ 1  หรือคนที่เราตามหากันในตอนนี้  เขาคือซีเรย์" 
                   
Logged


mantellumarydoll
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 643


Email
« Reply #24 on: June 10, 2007, 06:15:42 PM »

บทที่  14
     "เหตุอันใดตระกูลที่รับใช้ข้ามาแสนนานจึงมาหาข้าอีกในที่แห่งนี้"  ซีเรย์กล่าวด้วยน้ำเสียงสงสัย  แต่ใบหน้าของเขากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยคำตอบจากคำถามที่เขาถามเอง  "ใช่ท่านจริงๆด้วย  กษัตริย์ผู้ทรยศแห่งฟีเลเซีย"  ชาร์ลกล่าวอย่างเคียดแค้นด้วยน้ำเสียงแสดงความโกรธ  "ผู้ทรยศอย่างนั้นหรือ  น่าขันยิ่งที่เจ้าพูดออกมาเช่นนี้"  ซีเรย์กล่าวด้วยความสงสัย  "หรือว่า  นี้ท่านยังไม่ทราบจริงๆสินะ  ว่าข้าก็เป็น 1 ใน72ผู้รับใช้ของท่านเมฟีสท์น่ะ"  "ข้ารับใช้งั้นรึ  งั้นก็แสดงว่าเจ้าทรยศเจ้านายของเจ้าน่ะสิ" ชาร์ลกล่าวต่อ  " นี่เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ  ทรยศอะไรกัน  แล้วเหตุใดข้าต้องทำเช่นนั้นด้วย  เพราะข้าก็ต้องทำตามคำสั่งของท่านเมฟีสท์อยู่แล้ว"  ซีเรย์ตอบ " งั้นก็แสดงว่า........."ใช่  เมฟีสท์วางแผนทั้งหมดไว้ต่างหาก"
     "จริงสิข้ายังไม่ได้ต้อนรับพวกเจ้าอย่างดีเลย"ซีเรย์พูดในขณะที่ทุกคนยังคงตกตะลึงในความไม่เชื่อหูของตน  "งั้นยินดีต้อนรับสู่เฟลเอซีเอ่  ดินแดนต้นกำเนิดแห่งปฐพีฟีเลเซียเบื้องบนนี้"  ซีเรย์พูดด้วยน้ำเสียงยินดี  "จงดีใจเถิดที่มีโอกาสได้เห็นบ้านเกิดของตนแบบต้นกำเนิดเลยล่ะ" เขาพูดต่อ  แต่ข้าว่าคงไม่ต้องแนะนำอะไรอีกแล้วมั้ง  เพราะของลอกเลียนแบบน่ะ  ย่อมเหมือนของจริงแน่นอน"  เขาพูดต่อ 
               
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.121 seconds with 20 queries.