Summoner Master Forum
November 29, 2024, 06:56:54 AM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: นิยายเรื่องล่าสุดที่แต่งในปัจจุบัน The Half Men  (Read 3514 times)
0 Members and 5 Guests are viewing this topic.
!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« on: July 11, 2006, 05:30:45 AM »

The Half Men




   บนโลกที่มีสัตว์มากมาย ซึ่งเหล่ามนุษย์นั้น ถึงคราวที่ต้องออกล่าจัดการกับเหล่าสัตว์ต่างๆ เนื่องจาก พวกมันกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดมากมาย ออกทำร้ายผู้คนมากมาย ซึ่งกลุ่มคนบางกลุ่มก็สามารถอยู่กับสัตว์เหล่านั้นได้ แต่ทั้ง 2 ฝ่ายนั้น ยังมีศัตรูอีกพวกคือ เหล่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ ซึ่งพวกนี้จะไม่อยู่ร่วมกับฝ่ายไหนทั้งนั้น มักจะคบหากันในกลุ่มพวกกันเอง แต่พวกนี้ก็ไม่ได้มีอยู่มากบนโลกนี้ ซึ่งพวกนี้ บ้างก็เกิดจากการทดลองของมนุษย์ บ้างก็ถูกสาปจากพ่อมด หรือต่างๆนาๆ แต่มีสายพันธุ์ที่น่ากลัวระดับสูงที่เหล่ามนุษย์และเหล่าสัตว์ประหลาดนั้นหวาดกลัวคือ ชายผู้ที่ถูกสาปจากพระเจ้าให้เขาเป็นสัตว์ทุกชนิด ซึ่งชายคนนี้จะมีจิตวิญญาณแห่งสัตว์ทุกชนิดในร่างกาย และเขาสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ชนิดไหนก็ได้ในครึ่งร่างของเขา นามของเขาคือ ชายอสูร…..



ตอนที่ 1 มนุษย์หมาป่า

อาณาจักรเจเนซิส ดินแดนที่อยู่ใต้เชิงเขาเวนูสซึ่งติดกับทุ่งหญ้าสวาน ชาวเมืองล้วนแต่เป็นมนุษย์ธรรมดาแล้วสิ้น ซึ่งภายในเมืองกำลังตกแต่งต่างๆนาๆเพื่อเตรียมรับงานแต่งงานของเจ้าชายวิลเลี่ยมกับเจ้าหญิงมิสแห่งอาณาจักรฟรานค่อน ซึ่งงานนี้จะมีขึ้นในคืนนี้

ภายในเมือง ผู้คนมากมายต่างช่วยงานกันอย่างขันแข็ง แต่พวกเขาต่างก็ประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อพบเห็นผู้คนแปลกหน้าซึ่งพวกเขาคิดว่าเป็นคนที่มากจากเมืองอื่นเพื่อมาร่วมงานในครั้งนี้

“ป้าๆ คืนนี้คนปกติเข้าร่วมงานในวังได้ปะ” ชายคนหนึ่งเอ่ยถามหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังจัดดอกไม้อยู่ข้างทาง
“ต้องมีบัตรเข้าแน่นอน แต่เอ๊ะ หนู อยากเข้าร่วมงานมั้ยละ” หญิงชราคนนั้นถาม
“แน่นอน กินเลี้ยง ของฟรี อยากเข้าแน่นอน” ชายคนนั้นตอบ
“ได้ๆ ฉันเป็นแม่บ้านในวังล่ะ หากหนูจะเข้าไปก็ไปพร้อมฉันซิ ฉันกำลังจะชวนพวกเด็กๆคนอื่นเข้าไปในงานเหมือนกัน” หญิงชราคนนั้นบอก ชายคนนั้นก็ยิ้มให้ทันที
“เอ๊ะ หนุ่ม ฉันไม่เคยเห็นแกมาก่อนเลย มาจากเมืองอื่นเหรอ ชื่อไรละนี่ ฉันชื่อ แมรี่” แมรี่ถาม
“มาร์คัส ซิลเลเนีย อายุ 21 ปี มาจากเมืองอื่นละ เดินทางไปเรื่อย จนจำไม่ได้ละว่า มาจากเมืองไหน” มาร์คัสตอบ
“เอาล่ะ เอาล่ะ ช่วยฉันยกดอกดไม้พวกนี้ทีซิ” แมรี่บอก มาร์คัสจึงยกดอกไม้ที่วางอยู่แถวนั้นเดินตามหญิงชราไป

ตุบ...

“ขอโทษค่ะ ที่ฉันเดินชน” แมรี่กล่าวคำขอโทษทันทีที่เธอเดินไม่ดูทางจนไปชนกับชายคนหนึ่ง ชายคนนั้นก็ได้แต่ก้มมองดูหญิงชราด้วยสายตาไร้อารมณ์ใต้ผ้าคลุม ก่อนที่จะเดินไปต่อพร้อมกับชายกลุ่มหนึ่งที่เดินตาม
“ไลแค่น” มาร์คัสพูดขึ้นพรางๆก่อนที่จะเข้าไปช่วยพยุงร่างของหญิงชราลุกขึ้น
“คืนนี้ป้าระวังตัวหน่อยละกันนะครับ ทางที่ดีอยู่ใกล้ เจ้าสาวในคืนนี้ด้วย ดูท่าชักจะเริ่มไม่ปลอดภัย” มาร์คัสบอก
“ทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” แมรี่ถาม
“แค่ไม่ค่อยไว้วางใจพวกที่จะเมาในงานแล้วอาลาวาดจนโต๊ะอาหารพัง เพราะผมจะอดกิน” มาร์คัสตอบ แมรี่ก็หัวเราะขึ้นทันที
“อย่าสนเลย มีพวกทหารอยู่ แถมอาหารก็มีอยู่เยอะแยะ ถ้าไม่อิ่มมาบอกฉันได้ กินหลังงานไม่อั้น” แมรี่กระซิบบอก แล้วพวกเขาก็เดินไปต่อ

หลายชั่วโมงผ่านไป
   
   เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน พระจันทร์ก็ขึ้นสู่ฟากฟ้า ราตรีแห่งงานเลี้ยงรื่นเริงต่างๆภายในพระราชวัง ชาวบ้านต่างได้ร่วมสนุกสนานภายในงาน ไม่ว่าจะทั้งอาหาร การแสดง ดนตรี และต่างๆ

“ป้าๆ ช่วยเล่าประวัติความเป็นมาของที่นี่หน่อยซิ” มาร์คัสเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับกินน่องไก่ที่ตนหยิบมา
“ได้ซิ ฉันเองก็เกือบจะแก่แล้ว อยู่ที่นี่ก็นานมันรู้สึกดีมากเลย ที่ได้นึกถึงอดีต ขอบใจนะที่ช่วยเตือนฉัน เมื่อก่อนนั้น ตอนที่ฉันเป็นเด็ก 15 ขวบ ที่นี่เป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆ ต่อมาไม่ถึงปี ก็เกิดสงครามขึ้น อาณาจักรเจเนซิส ถูกเผ่าไลแค่นหรือมนุษย์หมาป่าโจมตีหนักจนเมืองหลวงแตก กษัตริย์เอ็ดเวิร์ด ก็หลบหนีออกมา โดยรวบรวมกำลังคนจากหมู่บ้านต่างๆภายในอาณาจักร โดยมาสิ้นสุดที่หมู่บ้านของฉัน ชาวบ้านที่เคยทำไร่ไถนากันเป็นปกติ ต้องมาจับปืนถือดาบร่วมรบสงคราม ตอนนั้นฉันเองก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย ฉันได้แต่คอยจัดหาอาหารให้พวกทหาร...”
“แล้วกษัตริย์คนนั้นไปไหนแล้วละ” มาร์คัสถามแล้วก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนราวระเบียง
“พระองค์ทำศึกสงครามเป็นเวลา 2 ปี กองทัพเอล์ฟก็ยื่นมือเข้าช่วย จนสำเร็จ พวกไลแค่น ต่างหลีกหนีหายไปกันหมด หลังจากศึกสงคราม หมู่บ้านนี้ก็ถูกตั้งเป็นเมืองหลวงที่ใหม่แห่งอาณาจักรเจเนซิส พระองค์ทรงพัฒนาเมืองไปอย่างรวดเร็วมากไม่ถึง 5 ปี แล้วฉันเองก็สมัครเป็นแม่บ้านภายในพระราชวัง ตอนเข้าใหม่ๆ ฉันตื่นเต้นมากเลยละ ฉันทำงานในนั้นได้ 7 ปี พระองค์ก็แต่งงานและมีพระธิดา ซึ่งเธอเป็นคนน่ารักมาก ฉันเองก็ชื่นชอบในพระธิดาคนนี้มากๆเลย...”
“แล้วไปไหนซะละ” มาร์คัสถามต่อพร้อมกับกินน่องไก่ไปเรื่อยๆ
“พระธิดานั้นงามมากจนเจ้าชายและกษัตริย์จากเมืองอื่นๆนั้นต่างเห็นแล้วเป็นที่ต้องตามาก ซึ่งฉันเองก็รู้ว่า พระธิดาทรงไม่พอใจในเรื่องนี้มาก ที่กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดจะยกพระธิดาให้เจ้าชายเมืองอื่นซึ่งเป็นคนที่เธอไม่ได้ชอบ ฉันและเพื่อนๆของฉันอีก 10 กว่าคนที่เป็นแม่นมให้พระธิดานั้น ช่วยกันพาพระธิดาหนีออกจากอาณาจักรไปทางแม่น้ำลิเวียธาร แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่หญิงบริสุทธิ์เท่านั้นที่จะข้ามไปได้ หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ยินข่าวของพระธิดาอีกเลย...”
“พระธิดาคนนั้น ผมยาวๆ ตาสีฟ้า มีที่คาดผมสีเทาๆรวดลายดอกกุหลาบ หรือเปล่า” มาร์คัสถาม
“เธอเคยเจอพระธิดาเหรอ เจอที่ไหนกัน แล้วพระธิดามีความเป็นอยู่ยังไง” แมรี่รีบถามกลับทันที
“เปล่าหรอก นั่นไงในรูปฝาผนัง” มาร์คัสชี้ให้ดู
“เฮ้อ ขอโทษละกัน ฉันคิดถึงพระธิดามากไป งั้นเล่าต่อละกัน 10 กว่าปีต่อมา กษัตริย์เอ็ดเวิร์ดก็มีพระโอรสคือองค์ปัจจุบัน ซึ่งฉันเป็นแม่นมที่เลี้ยงพระโอรสมาตั้งแต่เด็กๆเลยละ พระโอรสเติบโตขึ้นมาอย่างชายชาตรีมาก ไม่รู้ว่าใครปลูกฝังเจ้าชายเอาไว้ พระโอรสมีความกล้าหาญมากๆ ในหลายๆด้าน และยังเก่งทั้งด้านการรบ สติปัญญาก็เป็นเลิศ” แมรี่เล่าให้ฟังเสร็จเธอก็หายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะคลายออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอย่างสดชื่น
“ป้าเชื่อมั้ยฉันไม่ใช่พวกเดียวกันกับป้า” มาร์คัสพูดขึ้น แมรี่ก็สงสัย
“ยังไง” แมรี่ถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ในงานนี้มีคนที่ไม่ใช่มนุษย์แท้ๆ 3 กลุ่ม” มาร์คัสบอก
“หนึ่งชายกลุ่มนั้นที่มีคนใส่ผ้าคลุมเดินนำนั้น เป็นพวกไลแค่น สองเจ้าสาวในงานนี้หรือเจ้าหญิงมิส เป็นครึ่งคนครึ่งเอล์ฟ สาม ฉันไม่อยากบอกป้าเลย ฉันเป็นคนที่หล่อที่สุดในงาน” มาร์คัสบอกพร้อมกับหัวเราะขึ้นก่อนที่จะกระโดดหนีไป แมรี่เองก็หัวเราะนิดๆพร้อมกับวิ่งไล่ตาม

“จัดการหลังเลิกงาน” ชายผ้าคลุมพูดขึ้น แล้วชายคนอื่นๆที่เดินตาม ต่างก็แยกย้ายกันไป โดยที่ชายคนนั้นเดินตรงเข้าไปหาเจ้าหญิงมิส โดยที่เขาชักมีดสั้นออกมากุมไว้ ซึ่งอีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึง
“โอ๊ะ โอ๊ะ ระวัง” มาร์คัสที่วิ่งมาโดยไม่ดูนั้น ชนชายผ้าคลุมเข้าเต็มๆ
“(อย่าหวังเลย งานนี้แกไม่สำเร็จแน่)” มาร์คัสกระซิบบอกในช่วงที่เขาล้มทับ
“เป็นอะไรมั้ย” ผู้คนบริวเณนั้นต่างเข้ามามุงดู แล้วแมรี่ก็เข้ามาดึงตัวมาร์คัสออกไป
“ญาติห่างๆฉันเองค่ะ” แมรี่พูดขึ้น

เมื่อเข้ามาในพระราชวังซึ่งไกลออกไปจากบริเวณงานเลี้ยงนั้นแมรี่ก็หยุด
“ทีหลัง อย่าวิ่งเล่นในงาน แขกคนอื่นๆก็เป็นคนสำคัญเหมือนกัน” แมรี่พูดตักเตือน
“แหมๆ ก็ได้ ช่วงนี้ฉันอิ่มแล้วละ ขอไปนั่งตากลมแล้วกัน” มาร์คัสพูดเสร็จเขาก็เดินออกไป

ทันทีที่เขาเดินผ่านพ้นประตูวัง แมรี่ก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองจะถามอะไรบางอย่างเกี่ยวสิ่งที่มาร์คัสเคยพูด แต่พอเธอวิ่งตามออกมาก็ไม่เห็นเขาแล้ว

“ใกล้เวลาออกล่าแล้ว” มาร์คัสที่นั่งอยู่บนยอดหอคอยปราสาทนั้น มองลงมาดูบริเวณลานของงานเลี้ยง แล้วเขาก็มองดูแขนทั้งสองข้างของเขาที่มีกงเล็บงอกออกมา พร้อมกับขนที่ค่อยๆดก หูที่ขยายใหญ่ขึ้น ทั้งจมูกและปากที่ยื่นออกมา เขี้ยวของเขาค่อยๆงอก หลังจากนั้นเขาก็หอนดังลั่นไปทั่ว แล้วเมฆที่บดบังพระจันทร์นั้นก็จางหาย กลับกลายเป็นพระจันทร์ที่เต็มดวงสว่างไปทั่งท้องฟ้า
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #1 on: July 11, 2006, 05:31:05 AM »

ตอนที่ 2 การไล่ล่า

เมื่อถึงยามเที่ยงคืนดึกสงัด งานเลี้ยงก็เลิกลง เมื่อชาวบ้านชาวเมืองต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปแล้ว ที่บริเวณงานเลี้ยงกลุ่มชายผ้าคลุมก็ยังคงวนเวียนอยู่แถวนั้น จนพวกทหารเดินมาไล่ ทันทีที่พวกทหารยามนั้นแตะไหล่ชายใส่ผ้าคลุม เขาก็รู้สึกถึงบางอย่าง ทหารยามกลุ่มนั้นจึงเปิดผ้าคลุมของชายพวกนั้น แล้วพวกเขาก็เห็นชายผ้าคลุมภายใต้ผ้านั้นเป็นมนุษย์หมาป่า ทหารยามต่างถูกทำร้ายจนตายไปในที่สุดแล้วพวกมันต่างก็วิ่งกระจายไปทั่วปราสาท ซึ่งเป้าหมายของพวกมันคือ จับตัวเจ้าหญิงมิสไป
 
จนไลแค่นตัวหนึ่งกระโดดเข้าไปห้องของเจ้าหญิงมิสทางหน้าต่าง
“ผิดห้องแล้วมั้ง” มาร์คัสในร่างมนุษย์หมาป่าเช่นกันนั้นพูดขึ้นแล้วเขาก็กระโดดพุ่งชนจนทั้งคู่ตกลงมาข้างล่าง ซึ่งมาร์คัสดีดตัวออกทัน ไลแค่นตัวนั้นจึงถูกเสาเหล็กข้างล่างนั้นแทงทะลุร่างจนตาย

ปึ้ง ปึ้ง...

เสียงเปิดประตูดังขึ้นไปทั่วปราสาท เจ้าชายวิลเลี่ยมที่อยู่กับเจ้าหญิงมิสบนหอดูดาวนั้นตกใจขึ้น พวกทหารจึงวิ่งเข้ามาปิดล้อมที่ทางเข้าห้องไว้
“ขอดาบให้ข้า” เจ้าชายวิลลเลี่ยมพูดขึ้นแล้วทหารนายหนึ่งก็ส่งดาบให้
“เจ้าอยู่หลังข้าไว้” เจ้าชายวิลเลี่ยมหันไปบอกกับเจ้าหญิงมิส

แต่เสียงฝีเท้าและเสียงลมหายใจอย่างแรงนั้นก็หายไป ทุกคนภายในหอดูดาวนั้นต่างนิ่งเงียบไม่ขยับ

ตึกตึก... ตึกตึก...

เสียงหัวใจของเจ้าหญิงมิสค่อยๆเต้นแรงขึ้นและเร็วขึ้นด้วยอาการหวาดกลัว จนพวกมนุษย์หมาป่าจับคลื่นเสียงได้ พวกมันกระโจนเข้ามาทางหน้าต่างของหอคอยนี้ทุกบาน ซึ่งมีจำนวน 10 ตัว ซึ่งตัวหนึ่งนั้นกระโจนเข้าใส่เจ้าหญิงมิส เจ้าชายวิลเลี่ยมจึงวิ่งเข้ามาใช้ดาบในมือแทงใส่ แต่หมาปีอีกตัวก็กระโจนหมายเล็งที่เจ้าหญิงมิส เจ้าชายวิลเลี่ยมจึงดึงดาบออกพร้อมกับตะหวัดดาบใส่ แต่ทันใดนั้นเอง มาร์คัสในร่างมนุษย์หมาป่าก็พังประตูหน้าเข้ามาพร้อมกับพุ่งชนมนุษย์หมาป่าตัวนั้น ทำให้คมดาบของเจ้าชายวิลเลี่ยมนั้นโดนเข้าที่เอวของมาร์คัสเป็นรอยยาวไปจนถึงหน้าอก

เมื่อมาร์คัสตั้งหลักได้ เขาก็หันไปมองที่เจ้าชายวิลเลี่ยมดูสายตาอาฆาตแค้น ด้วยสัญชาตญาณของหมาป่าที่สิงอยู่ในร่างของเขานั้น ทำให้เขาพุ่งเข้ามาพร้อมกับใช้หมัดขนาดใหญ่ต่อยใส่เจ้าชายวิลเลี่ยมจนกระเด็นออกไป แล้วมนุษย์หมาป่าตัวหนึ่งที่ฉวยโอกาสจับเจ้าหญิงมิสไป แต่มาร์คัสรู้ทันเขาจึงใช้มือข้างหนึ่งจับหางของมนุษย์หมาป่าตัวนั้นเหวี่ยงไปฟาดกับกำแพง แต่ร่างของเจ้าหญิงมิสก็กระเด็นออกไปซึ่งมนุษย์หมาป่าอีกตัวก็จับได้แล้วมันก็หนีออกไปทางหน้าต่างกันหมดอย่างรวดเร็วรวมทั้งมาร์คัสด้วย ทหารทั้งหมดที่บาดเจ็บอยู่นั้น ต่างวิ่งเข้ามาพยุงร่างของเจ้าชายวิลเลี่ยม

“รีบไปตามช่วยเจ้าหญิงมิสกลับมา” เจ้าชายวิลเลี่ยมสั่ง ทหารครึ่งหนึ่งจึงรีบออกจากพระราชวังไปทันทีโดยตามรอยเลือดของมาร์คัส

มาร์คัสที่วิ่งไล่ตามพวกมนุษย์หมาป่าที่ติดๆนั้น เขาตามพวกมันมาจนถึงยอดเขาเวนูส ซึ่งพวกมันก็หยุดกัน ซึ่งพวกมันไม่รู้เลยว่า มาร์คัสนั้นไม่ใช่พวกเดียวกับพวกมัน แล้วหมาป่าขนาดใหญ่ร่างเต็มตัวสีม่วงนั้นก็ปรากฏตัวออกมา ซึ่งมันคือหัวหน้าของพวกมัน

“ในที่สุดก็สำเร็จ เพียงเท่านี้ พวกเราก็จะเป็นอมตะ” หมาป่าตัวนั้นพูดขึ้นแล้วพวกๆของมันต่างก็หอนขึ้น
“ไม่หรอก มันไม่มีทางสำเร็จ ถ้าแกยังไม่ได้ข้ามศพของฉันไป” มาร์คัสพูดขึ้น พวกมนุษย์หมาป่าทั้งหมดจึงหันมามองที่เขา แล้วเขาก็ใช้แขนทั้งสองข้างแทงเข้าที่ท้องของมนุษย์หมาป่าด้านข้างทั้ง 2 ตัว แล้วเขากับหัวหน้ามนุษย์หมาป่าต่างก็จ้องหน้ากัน
“เข้ามาเลย ไลแคนทูป” มาร์คัสบอก แล้วเขาก็วิ่งตรงเข้าไป พวกมนุษย์หมาป่าทั้งหมดต่างก็วิ่งโอบล้อมเข้ามาลุมโจมตี

มาร์คัสใช้มือขวาที่ตะหวัดกงเล็บเข้าที่หลังหูของมนุษย์หมาป่าตัวหนึ่งแล้วก็เหวี่ยงมันไปรอบตัวเองเพื่อโจมตีใส่มนุษย์หมาป่าตัวอื่นจนกระเด็นออกไปแล้วเขาก็เหวี่ยงร่างของมนุษย์หมาป่าที่เขาจับไว้นั้น ทุ่มใส่ไลแคนทูป เมื่อพวกมันลุกขึ้นมาได้ พวกมันก็ไม่เห็นร่างของเจ้าหญิงมิสแล้ว

“นี่เธอเป็นพวกไหนกันแน่” เจ้าหญิงมิสที่ขี่หลังมาร์คัสในร่างหมาป่าสมบูรณ์แบบที่กำลังวิ่งหนีลงมาจากภูเขา
“ไม่ใช่พวกไหนทั้งนั้น บางเวลาฉันเองก็ชอบฆ่าคนเล่น แต่บางเวลาถ้ามีพวกที่โหดกว่าพวกมนุษย์ มันก็น่าลองของเล่นดูกับพวกมัน ฉันฆ่าคนและอื่นๆเพื่อความสนุกเท่านั้น จำไว้ด้วยละ ส่วนนี่ ฉันจะจับเธอไปกินเป็นอาหาร หากเธอกระโดดลงจากหลังฉัน เธอก็ถูกพวกนั้นกินแทน ทางเลือกของเธอตอนนี้คือ ตายกับตาย อยากตายเร็วตายช้าก็เลือกเอา” มาร์คัสบอกทำให้เจ้าหญิงมิสตกใจขึ้นทันที
“ทำไมกัน” เจ้าหญิงมิสเอ่ยถาม
“เพราะเนื้อพวกเอล์ฟนั้นอร่อย แถมผู้ที่กินหัวใจของเอล์ฟได้ คนนั้นจะเป็นอมตะไม่มีวันตายด้วยอายุ ซึ่งเธอเองก็มีสายเลือดของพวกเอล์ฟมาเช่นกัน” มาร์คัสบอก แล้วเขาก็เห็นพวกทหารที่ขี่ม้าสวนทางมาอยู่ไกลๆ พรางสลับกับได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกมนุษย์หมาป่าที่วิ่งไล่ตามมา
“จับแน่นละ ไม่งั้นตก” มาร์คัสบอก แล้วเขาเร่งฝีเท้าที่เร็วมากๆ(ความเร็ว 199 กิโลเมตร/ชั่วโมง)วิ่งสวนเข้าตรงๆกับพวกทหารที่ขี่ม้า

เพียงแค่ 15 เมตร มาร์คัสกระโดดข้ามลอยตัวเหนือตัวทหารขี่ม้าไปทันที ทำให้พวกทหารม้า และพวกมนุษย์หมาป่า เข้าปะทะกัน บ้างก็ต่อสู้กัน บ้างก็หันกลับวิ่งตามมาร์คัสไป ซึ่งไลแคนทูปที่มีฝีเท้าดั่งหมาป่าเต็มตัวนั้นวิ่งตามมาร์คัสไปด้วยฝีเท้าที่เร็วพอๆกัน

เพียงไม่ถึงนาที มาร์คัสที่วิ่งเข้าเมืองหลวงที่กว้างมากนั้น ก็ผ่านทะลุ จนออกไปถึงทุ่งหญ้าสวานแล้ว เขาจึงชะลอความเร็วของฝีเท้าลง เจ้าหญิงมิสจึงปล่อยมือที่กอดลำตัวของมาร์คัสไว้แน่น แล้วเธอก็ตกใจขึ้นเมื่อเห็นมือของตัวเองเปื้อนเลือด ซึ่งมือข้างนั้นของเธอจับแน่นเข้าที่รอยแผลของมาร์คัส
“เธอบาดเจ็บอยู่นี่” เจ้าหญิงมิสพูดขึ้น
มารืคัสจึงกลับคืนร่างมนุษย์หมาป่า โดยปล่อยเจ้าหญิงมิสลง
“ปล่อยฉันแล้วหรอ” เจ้าหญิงมิสเอ่ยถามขึ้นด้วยความดีใจ
“ไม่หรอก ฉันเหนื่อย ขอพักแปป” มาร์คัสตอบแล้วเขาก็เดินไปที่โขดหิน

แต่ทันใดนั้น ไลแคนทูป ก็กระโจนพุ่งใส่มาร์คัสจนทั้งคู่กลิ้งไปกับพื้น ไลแคนทูปที่อยู่ด้านบนนั้น ใช้เขี้ยวอันแหลมคมนั้น กัดใส่มาร์คัส แต่เขาก็หลบได้และใช้ขาคู่ดีดร่างของไลแคนทูปจนกระเด็นออกไป แล้วทั้งคู่ก็กลับมาตั้งหลักยืนอีกครั้ง ไลแคนทูปนั้นเริ่มยืนสองขา ในสภาพหมาป่าพร้อมกับหอนขึ้น มาร์คัสเองเขาก็เอามือข้างหนึ่งกุมแผลที่เอวไว้

จากนั้นทั้งคู่ก็วิ่งเข้าหากัน มาร์คัสใช้กงเล็บของเขาฟันใส่หน้าของไลแคนทูป แต่มันกลับไม่รู้สึกอะไรและใช้กงเล็บของมันข่วนเข้าที่กลางอกของมาร์คัสซึ่งมีรอยแผลอยู่ ทำให้เขาเจ็บมาก แล้วมันก็จับทุ่มร่างของเขาและใช้กงเล็บแทงลง มาร์คัสที่ตั้งสติทันจึงกลิ้งตัวหลบได้และลุกขึ้นใช้กงเล็บสวนใส่เข้าที่ท้องของไลแคนทูปจนทะลุร่าง มันจึงใช้หมัดต่อยใส่มาร์คัสจนกระเด็นไปชนกับโขดหิน หลังจากที่มันตั้งหลักได้ มันจึงวิ่งเข้ามาพร้อมกับใช้กงเล็บข้างขวาแทงเข้าที่ไหล่ซ้ายของมาร์คัสปักไว้กับโขดหิน
“คิดเหรอว่าจะสู้กับข้าแล้วจะชนะง่ายๆ” ไลแคนทูปพูดขึ้นแล้วมันก็ง้างเขี้ยวอันแหลมคมขึ้น
“ไปตายซะไป” มาร์คัสพูดขึ้น ไลแคนทูปจึงกัดเข้าที่คอของมาร์คัส แต่เขารู้ทันจึงใช้มือข้างขวาสวนขึ้นกุมกงเล็บเป็นดอกบัวแทงทะลุคางจนออกหน้าผากของไลแคนทูปตายในทันที

เมื่อทุกอย่างจบลง มาร์คัสที่เหนื่อยมากและบาดเจ็บนั้น ก็ล้มลงหมดสติทันที เจ้าหญิงมิสเห็นแล้วจึงฉวยโอกาสหนีทันที แต่เธอวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็หันกลับมาดูมาร์คัสที่คืนสภาพเป็นร่างคนปกติที่มีบาดแผลเต็มตัวนอนจมกองเลือดตัวเอง เธอเองก็อดสงสารไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจเดินกลับเข้ามาหามาร์คัสเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บและบาดแผลให้มาร์คัส
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #2 on: July 18, 2006, 04:20:43 AM »

ตอนที่ 3 ช่วยเหลือ

ไซเร้น(Silence) แม่น้ำสายใหญ่สายหนึ่งซึ่งมีความกว้างถึง 500 เมตร และมีความยาวกว่า 1000 กิโลเมตร ไหลผ่านภูเขา หุบผา เมืองใหญ่ หมู่บ้าน และอาณาจักรต่างๆกว่า 10 อาณาจักร แม่น้ำสายนี้ถูกกล่าวขึ้นว่าต้นแม่น้ำคือ ทะเลสาบเอริน ซึ่งมีรูปปั้นของเทพีอันดีน เทพผู้พิทักษ์แห่งสายน้ำ

   อันดีน เทพีแห่งสายน้ำ เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านมากมายที่ตั้งหมู่บ้านหรือบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำ ทำให้แม่น้ำสายนั้นอุดมสมบูรณ์มีพันธุ์ปลามากมาย ชาวบ้านไม่อดอยาก

   อันดีน มีผู้พิทักษ์อยู่ 2 คนคือ
เซอทีน เมอแมนที่แข็งแกร่งที่สุด ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตซึ่งที่จริงแล้วก็คือ ครึ่งคนครึ่งปลาเพศชาย ไม่ว่าจะบนบกหรือในน้ำ เขาจะมีความไวที่สูงมาก เขามีหน้าที่จัดการกับศัตรูและผู้รุกรานในทะเลสาบเอรินและแม่น้ำไซเร้น ซึ่งเขาจะเป็นผู้พิทักษ์ที่ใกล้ชิดอันดีนที่สุด
ราร่า เมอเมดผู้เลอโฉมและมากไปด้วยเสน่ห์ เธอมีร่างกายและใบหน้าที่งดงามมาก รวมทั้งยังมีเสียงอันไพเราะ ซึ่งเธอนั้นเกิดจากการเป็นคนปกติ หญิงสาวพรหมจรรย์ ที่อุทิศตนขอเป็นผู้รับใช้ของอันดีน เธอจึงได้ความสัมพันธ์นั้น เธอเลยกลายเป็น ครึ่งหญิงครึ่งปลา เธอจะอาศัยอยู่ตามแม่น้ำไซเร้นและในท้องทะเล เธอเดินทางอย่างอิสระไปทั่วโลก บ้างก็เปลี่ยนตัวเป็นหญิงสาวผู้งดงามเดินเที่ยวตามเมืองต่างๆ

   มหานครไซเร้น เมืองหลวงแห่งอาณาจักรวิตติ้งบลู อาณาจักรที่มีอาณาเขตตั้งแต่ทะเลสาบไซเร้นไปจนถึงปากทะเลซีอิว ซึ่งมีความยาวมาก ซึ่งทั้งสองฝั่งแม่น้ำไซเร้นนั้นจะเป็นพื้นที่ของอาณาจักรวิตติ้งบลูทั้งหมด ซึ่งอาณาจักรวิตติ้งบลูทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำไซเร้นจะติดกับอาณาจักรเจเนซิส ซึ่งมีทุ่งหญ้าสวานขวางกั้นอยู่ และทางฝั่งขวาของแม่น้ำไซเร้นนั้นติดกับอาณาจักรไซเบิร์กซึ่งมีป่ากีนาสและเทือกเขาไฮแลนด์ขวางกั้น

ภายในตัวมหานครไซเร้นเนื่องจากเมืองนี้ติดกับแม่น้ำไซเร้นและทะเลสาบมีท่าเรือ 2 แห่ง คือท่าเรือหลวง และท่าเรือประจำปกติที่ใช้ข้ามแม่น้ำและทะเลสาบ ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขายและการประมง ซึ่งก็มีความวุ่นวายอยู่มากพอสมควร

สถานที่สำคัญภายในมหานครนี้ก็คือ พระราชวังและปราสาทเก่าซึ่งถูกปิดมานานแล้วแต่ก็ยังมีคนมาทำความสะอาดดูแลให้ใหม่ตลอดเวลา และอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ วิหารอันดีนทั้งตั้งอยู่บนภูเขาคิรินทั้งยื่นเข้าไปจนถึงใจกลางทะเลสาบเอริน

ฟืบ ฟึบ...

เจ้าหญิงมิสวางพยุงร่างของมาร์คัสลงข้างๆโขดหินในป่า แล้วเธอก็นั่งพักเหนื่อย ซึ่งเธอเองก็ได้ยินเสียงน้ำไหลของลำธาร เธอจึงลุกขึ้นเดินไปตามเสียงนั้น เรื่อยๆจนเจอลำธารขนาดเล็กซึ่งลึกแค่ 1.5 เมตร มีความกว้างเพียง 3 เมตร ด้วยความร้อนและกระหายน้ำ เธอจึงก้มลงดื่มน้ำในลำธารอย่างชื่นใจ แล้วเธอก็นั่งพักชมนกชมไม้อยู่ริมลำธารโดยเอาเท้าจุ่มน้ำให้เย็นสบาย เธอเองก็รู้สึกสดชื่นและสบายกับสภาพป่าที่คล้ายกับบ้านเกิดของเธอ สักพักเธอก็ลงไปอาบน้ำในลำธารให้สบายตัว

ไม่นานนักมาร์คัสก็ฟื้นขึ้น ร่างกายของเขาบาดเจ็บและเต็มไปด้วยบาดแผลต่างๆ เขายังคงสงสัยว่าเขาอยู่ที่ไหนกัน เขาจึงลุกขึ้นเดินไปรอบๆเพื่อสำรวจพื้นที่ แล้วเขาก็ได้ยินเสียงน้ำไหล เขาจึงรู้ว่าแถวนี้มีลำธาร เขาจึงเดินตรงไปตามเสียงนั้น

มาคัสก็เดินมาจนถึงแม่น้ำ เขาก็พบกับเจ้าหญิงมิสที่กำลังอาบน้ำอยู่ จนเขาหยุดเดินเท้าของเขาไปเหยียบกิ่งไม้จนเกิดเสียง เมื่อเจ้าหญิงมิสหันมาเธอเองก็ตกใจ เจ้าหญิงมิสอายจนหน้าแดงและซ้อนตัวเบื้องล่างอยู่ในน้ำ
“นี่...ท่าน...ฟื้นแล้ว...เหรอ” เจ้าหญิงมิสพูดโดยที่ไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเพื่อแก้อาย มาร์คัสนิ่งเงียบสักพักแล้วเขาก็หันหลัง
“ขอโทษด้วย เราไม่รู้ว่าเธอกำลังอาบน้ำอยู่” มาร์คัสพูดเสร็จเขาก็เดินกลับไป
เจ้าหญิงมิสเห็นว่ามาร์คัสเดินกลับไปแล้ว เธอจึงหวั่นใจว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นอีก เธอจึงรีบขึ้นมาจากลำธาร

เมื่อเจ้าหญิงมิสแต่งกายเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินกลับไปหามาร์คัส แต่ทันทีที่เธอก้าวเท้าแรกออกไป ก็มีงูขนาดใหญ่ตัวหนึ่งใช้หางของมันตะหวัดเข้ามารัดที่ข้อเท้าของเจ้าหญิงมิสไว้

กรี๊ดดด...............
ด้วยความตกใจเธอจึงกรีดร้องออกมา ทำให้มาร์คัสรีบวิ่งกลับไปทันที

งูยักษ์ตัวนั้นเริ่มใช้หางอันยาวของมันรัดไปทั้งร่างของเจ้าหญิงมิสจนเธอหมดเรี่ยวแรงที่จะร้องออกมา แล้วงูยักษ์ตัวนั้นก็อ้าปากกว้างเพื่อที่จะกลืนร่างของเจ้าหญิงมิส แต่ทันใดนั้น...

ตุบ...

ก้อนหินขนาดใหญ่เขวี้ยงใส่หน้าของงูยักษ์ตัวนั้นเต็มๆ เมื่อมันตั้งสติได้ก็เห็นมาร์คัสยืนอยู่อีกฟากของลำธาร มันจึงเหวี่ยงร่างของเจ้าหญิงมิสไปชนกับต้นไม้จนเธอสลบไป

อ่า... อ๊า.....

มาร์คัสตะโกนด้วยเสียงอันดังแล้วร่างของเขาก็ค่อยๆมีขนงอกออกมาและร่างกายของเขาก็ใหญ่ขึ้นกว่าคนเดิมถึง 5 เท่า ขนที่ดกหนาและกงเล็บอันแหลมคม เขากลายสภาพเป็นครึ่งคนครึ่งหมี เขาคำรามใส่งูยักษ์ตัวนั้นด้วยเสียงอันดังจนมันเริ่มหวาดกลัวขึ้น ด้วยขนาดที่ทั้งคู่สูสีกัน ทั้งคู่จ้องตากันอยู่สักพัก แล้วทันใดนั้นทั้งคู่ก็พุ่งเข้าใส่กันกลางลำธาร

งูยักษ์ใช้หางอันทรงพลังของมันฟาดใส่ แต่มาร์คัสจับหางของมันได้ เขาเหวี่ยงมันเป็นวงกลมจนหัวของมันฟาดกับต้นไม้รอบๆลำธารจนล้มไปหมด แล้วเขาก็เหวี่ยงร่างของมันกระเด็นลงไปตามลำธาร แต่เจ้างูยักษ์ก็ตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว มันสปิงตัวพุ่งเข้ามากัดอย่างรวดเร็ว แต่มาร์คัสก็ยังคงหลบได้ แต่คราวนี้มันใช้ลำตัวของมันตะหวัดชนใส่มาร์คัสจนกระเด็นไปชนกับต้นไม้ข้างลำธาร ด้วยบาดแผลที่เขายังเจ็บอยู่นั้น ทำให้เขาลุกขึ้นมาได้อย่างล่าช้า ทำให้งูยักษ์ตัวนั้นใช้หางของมันฟาดใส่มาร์คัสเข้าเต็มๆ จนเขากระแทกชนกับต้นไม้จนต้นไม้ล้มลงไป มันจึงเลื่อยตามมา และมันก็ใช้ร่างของมันรัดร่างของมาร์คัสอย่างแน่น จนเขาเริ่มหายใจไม่ออก เขาและงูยักษ์จ้องตากันอย่างใกล้ๆ แล้วเขาก็ยื่นหน้าเข้าไปกัดลิ้นของงูยักษ์จนขาด มันจึงร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด แล้วเขาก็ใช้ฟันอันแหลมคมกัดเข้าที่ลำตัวของงูยักษ์จนมันคลายตัวออก เมื่องูยักษ์ตั้งหลักได้มันจึงขยายปากให้กว้างขึ้นหลายเท่าเพื่อที่จะกลืนมาร์คัสลงไป แล้วมันก็ใช้ปากขนาดใหญ่พุ่งเข้ามา มาร์คัสจึงใช้แขนอันทรงพลังทั้งสองข้างต้านแรงงับของงูยักษ์และฉีกปากมันจนกามขาดและตายในทันที

เมื่อร่างของเจ้างูยักษ์สิ้นสภาพไร้วิญญาณ มาร์คัสเองก็หมดแรงจนเขาต้องล้มลงนั่งพักอยู่ข้างต้นไม้ในสภาพคนปกติ เมื่อเขาหายเหนื่อยแล้ว เขาก็ลุกขึ้นเดินไปล้างเนื้อล้างตัวและดื่มน้ำในลำธาร เมื่อเขามีเรี่ยวแรงกลับคืนมาอีกครั้ง เขาก็เดินเข้าไปหาร่างอันหมดสติของเจ้าหญิงมันที่นอนสลบอยู่อีกฟากของลำธาร เขายืนมองดูร่างของเจ้าหญิงมิสอยู่สักพักแล้วเขาก็อุ้มร่างของเธอเดินกลับไปยังจุดที่เขาฟื้นขึ้นมา

-----

ไม่ว่าจะแต่งนิยายไหนๆ ลงกี่บอร์ด กี่บอร์ด (- -) คนอ่านน้อยแบบสุดๆทุกครั้ง ทำให้ท้อใจที่จะแต่งเรื่องไหนให้จบ
Logged


zhen ji
Member
*****
Offline Offline

Posts: 47


« Reply #3 on: October 11, 2007, 02:13:28 AM »

สนุกคับ
Logged


2a3b!Tz
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 9


Email
« Reply #4 on: February 20, 2008, 03:56:47 AM »

สนุกมาก
ต่อๆ
Logged


__
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 100


« Reply #5 on: February 20, 2008, 10:11:37 PM »

อย่าท้อสิครับแล้วต่อไปเรื่อยๆยังไงก็ต้องมีคนดูแต่บางที่ไม่แสดงความคิดเห็นก็แค่นั้น

ผมว่างั้นนะแต่งไปเถอะครับ
Logged


boy
Member
*****
Offline Offline

Posts: 1106


Email
« Reply #6 on: March 07, 2008, 01:05:24 PM »

สนุกดีครับ แต่งต่อเลย แต่งต่อเลย 
Logged


ตบแหลกGeneral
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 56


Email
« Reply #7 on: March 31, 2008, 03:24:57 PM »

แต่งต่อ!!!!!!!!!!
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.084 seconds with 20 queries.