Summoner Master Forum
October 09, 2024, 08:21:18 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1] 2  All
  Print  
Author Topic: นิยายแต่งเองเรื่องนึง (- -) หลายตอน สำหรับคนขยันอ่าน (เนกิมะ) (เวอร์ชั่น กระผม)  (Read 10613 times)
0 Members and 6 Guests are viewing this topic.
!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« on: July 11, 2006, 05:13:45 AM »

Negima V. Full-Men

(รายชื่อนักเรียนในห้อง 5-A)
(อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ ทาคามิจิ ที. ทาคาฮาตะ)

เลขที่   ชื่อ         สังกัด            หมายเหตุ
1   ก๊ก         ชมรมฟุตบอล         โจ๋พิ้งค์
2   ขวัญ         ชมรมรำไทย         -
3   คิว         ชมรมดนตรี         มือกลองประจำวง
4   เชน         ชมรมดนตรี         มือเบสประจำวง
5   จุก         ชมรมดนตรี         มือกีตาร์ประจำวง
6   หนุ่ย         ชมรมฟุตบอล         เซียนบอล
7   แบงค์(ผู้แต่ง)      ชมรมคำนวณ         มีปัญหาคนนี้เคลียร์ให้ได้
8   ปิง         ชมรมบาสเกตบอล         -
9   แพ๊ค         ชมรมวิศวกรรม         หัวหน้าห้อง, โจ๋เรด
10   มิ้ง         ชมรมฟุตบอล ชมรมมวยไทย      โจ๋แบล๊ค   
11   ยะ         ชมรมบาสเกตบอล         จอมพลัง, นักร้องประจำวง
12   วิน         ชมรมหนังสือพิมพ์         ฝ่ายข่าวประจำห้อง
13   เต้         ชมรมพลังภายใน         -
14   หรี่         ชมรมฆาตกรรมศาสตร์      ดาวเด่นประจำห้อง(เสน่ห์แรงสุด)
15   ศร         ชมรมบาสเกตบอล         โจ๋บลู
16   อาท         ผู้จัดการวงดนตรี         โจ๋เยลโล่
17   เปียว         ชมรมวิจัยอาหาร         ฝ่ายการเงินของห้อง
18   เปาโล         ชมรมชงชา         -
19   ยอน         ชมรมเพาะกาย         จอมอึดประจำห้อง
20   ตั้ม         ชมรมวิจัยสัตว์         -
21   เรียว         ชมรมบาสเกตบอล         -
22   ปาร์ค คัง จู      ชมรมยิงปืน         -
23   อรุณ         ชมรมบ้าเลือด         -
24   นพ         ชมรมเด็กดี         คู่หูอรุณ
25   อาทร         ชมรมโกะ ชมรมฟุตบอล      -
26   เท็ดดี้         ชมรมนักวิเคราะห์         ท่านขุน
27   บูม         ชมรมเบเกอรี่         เจ้าพ่อประจำห้อง
28   แป๋ง         ชมรมวิจัยเรื่อยเปื่อย      -
29   ต้น         ชมรมศิลปะป้องกันตัว      -
30   ฟาม         ชมรมว่ายน้ำ         เอฟเฟกเสียงมาก่อน (- -)

(รายชื่อนักเรียนในห้อง 3-A)
(อาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ เนกิ สปิงฟิลด์)

เลขที่   ชื่อ         สังกัด            หมายเหตุ
1   ไอซากะ ซาโยะ      -            เข้าเรียนปีค.ศ.1940
2   อาคาชิ ยูนะ      ชมรมบาส นักกีฬาบาสประจำรร.   ลูกสาวอาจารย์อาคาชิ(อ.พละ)
3   อาซากุระ คาสึมิ      ชมรมหนังสือพิมพ์ นักข่าวประจำรร.   ศูนย์รวมข่าวประจำห้อง
4   อายาเซะ ยูเอะ      ชมรมห้องสมุด         -
5   อิสึมิ อาโกะ      หน่วยพยาบาล ผู้จัดการทีมฟุตบอล   -
6   โอโคอุจิ อากิระ      ชมรมว่ายน้ำ นักกีฬาว่ายน้ำประจำรร.   -
7   คาคิสากิ มิสะ      ชมรมลีดเดอร์         -
8   คากุระซากะ อาสึนะ   ชมรมศิลปะ         -
9   คาสึกะ มิโซระ      ชมรมกรีฑา         -
10   คาราคุริ ชาช่ามารุ      ชมรมชงชา ชมรมโกะ      ฉุกเฉินติดต่อคณะวิศวกรรม
11   คุกิมิยะ มาโดกะ      ชมรมลีดเดอร์         -
12   คู เฟย         ชมรมวิจัยวิทยายุทธจีน      -
13   โคโนเอะ โคโนกะ      ชมรมวิจัยโหราศาสตร์      เลขาประจำห้อง, หลานสาว ผ.อ.
14   ซาโอโตเมะ ฮารุนะ      ชมรมห้องสมุด         -
15   ซากุระซากิ เซ็ตซึนะ   ชมรมเคนโด้ นักกีฬาโรงเรียน   ผู้สืบทอดวิชาดาบชินเมริว   
16   ซาซากิ มากิเอะ      ชมรมยิมนาสติก นักกีฬาโรงเรียน   -
17   ชิอินะ ซากุระโกะ      ชมรมลีดเดอร์         -
18   ทัตสึมิยะ มานะ      ชมรมยิงปืน         ลูกสาวเจ้าของศาลเจ้าทัตสึมิยะ
19   เจ้า หลินเฉิง      ชมรมอาหาร และอื่นๆ      เรียนเก่งอันดับ 1 ของห้อง
20   นางาเซะ คาเอเดะ      ชมรมเดินเล่น         นินจาสายโคงะ
21   นาบะ ชิชุรุ      ชมรมดาราศาสตร์         -
22   นารุทากิ ฟูกะ      ชมรมเดินเล่น         แฝดผู้พี่
23   นารุทากิ ฟูมิกะ      ชมรมเดินเล่น         แฝดผู้น้อง
24   ฮาคาเซะ ซาโตมิ      ชมรมวิจัยหุ่นยนต์ (วิศวกรรม)   -
25   ฮาเซกาว่า จิซาเมะ      -            สายตา 1.2 เชี่ยวชาญเรื่องคอม
26   เอวานเจลีน เอเค แมคโดเวล   ชมรมชงชา ชมรมโกะ      มีปัญหาปรึกษาคนนี้
27   มิยาซากิ โนโดกะ      ชมรมห้องสมุด         เจ้าหน้าที่ห้องสมุด
28   มุราคามิ นัตสึมิ      ชมรมการแสดง         -
29   ยุกิฮิโระ อายากะ      ชมรมขี่ม้า         หัวหน้าห้อง, ลูกเศรษฐี
30   โยทสึบะ ทาสึกิ      ชมรมอาหาร         ฝ่ายโภชนาการ
31   ซาซี เรนนี่เดย์      ชมรมเวทย์มนต์         -


(คำพูดใน ดอกจันทร์ คือ การนึกคิด พูดในใจ หรือพูดกระซิบกัน หรือพูดพึมพำแบบเบาสุดๆๆๆๆๆๆๆ)

ตอนที่ 1 5-A ห้องนี้เก๋าสุด

ณ ห้อง 5-A แผนกม.ปลาย โรงเรียนมาโฮระฝั่งชายล้วน

“นักเรียน เคารพ” แพ๊คผู้เป็นหัวหน้าห้องสั่งขึ้นทันทีที่อาจารย์ประจำชั้นเข้ามา
“ไงทุกคน สุขสบายดีมั้ย นี่ก็ใกล้วันงานประจำปีแล้ว พวกแกคิดจะทำอะไรละ อย่าริบังอาจคิดก่อนกวนให้งานวุ่นวาย ฉันจะตามดูพวกแก” อ.ทาคาฮาตะบอก
“อะไรวะ พวกเราแค่เดิน จะไปคิดมากอะไร” หรี่พูดขึ้น
“แฮะๆ ก็ฉันกลัวว่าพวกแกจะไม่ใช่แค่เดินเล่นละซิ แต่ก็เอาเถอะ ใครมีงานอะไรก็ไปช่วยทางชมรมพวกแกบ้าง เดี๋ยวม.6 ไม่ผ่านชมรม ก็อดจบ” อ.ทาคาฮาตะบอก
“เออ งั้นไปละ ไปยะ หรี่ ศร” ปิงพูดขึ้นพร้อมหยิบลูกบาสแล้วก็เดินออกไปจากห้อง
“เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้วละ ช่วงก่อนวันงาน 1 อาทิตย์เขาก็งดการเรียนการสอนนี่ พวกเธอจะไปไหนก็ไปเถอะ” อ.ทาคาฮาตะบอก
“คร๊าบ” นักเรียนในห้องต่างพูดขึ้นเป็นเพียงเดียวกันด้วยความดีใจ ก่อนที่จะวิ่งออกไปจากห้อง
“มิ้งไปเล่นบอลเว้ย” ก๊กตะโกนบอก
“เออๆ ไป” มิ้งก็วิ่งตามก๊กไปทันที
“เชน ไปเดินเล่นกันปะ” อาทชวน
“เออๆ” เชนตอบ
“แพ๊ค ไปเปล่า” อาทชวนอีก
“ไม่ละ ไปกันเถอะ เค้าอยู่ห้องนี่ละ เดี๋ยวก็มีอะไรเด็ดๆโผล่มาเอง” แพ๊คยิ้มให้พร้อมกับเก๊กหล่อตามเคย
“วันงานไอ้นี่มีแววแว่นแตก” อาทบ่นเสร็จแล้วก็เดินออกไปพร้อมกับเชน

ระหว่างทางนั้นอาทกับเชนก็ไปเจอจุกกับคิวที่เดินสวนทางกันมา
“เฮ้ยจะไปไหนวะ” จุกถาม
“ไปเดินเล่น” เชนตอบ
“เออไปด้วยดิ แล้วว่างปะเนี่ย ไม่ไปซ้อมหรอ” จุกถาม
“ยะมันไปเล่นบาส จะซ้อมยังไงละ” เชนตอบ
“ปล่อยมันเถอะ พวกเราเก่งอยู่แล้ว” คิวบอกแล้วพวกเขาก็เดินออกไปจากอาคารเรียน

 ที่สนามบาส
ชมรมบาสเกตบอลก็ปล่อยว่างพักจากการซ้อมให้คนในชมรมไปเดินเล่นกันตามสบาย ในเมื่อสนามบาสว่าง พวกปิงก็เข้าจองไปเล่นกันทันที
แต่อีกมุมหนึ่งของสนามบาสนั้นก็มีนักเรียนหญิงห้อง 3-A อาคาชิ ยูนะ ลูกสาวอ.อาคาชิ หัวหน้าอาจารย์แผนกพลานามัย ซึ่งเธอกำลังถือของเพื่อจะเต็มไปจัดงานที่ห้อง แต่ก็มีพวกรุ่นพี่ม.6 เข้ามาขวาง
“เฮ้ย น้องสาว เธอใช่มั้ยลูกสาว อาคาชิ มันกล้าตัดคะแนนพวกเราโดยไร้เหตุผล ต้องสั่งสอนมันสักหน่อย จับตัวไปเว้ย” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น พวกผู้ชายแถวนั้นจึงเดินเข้ามาดูรวมทั้งพวกปิงก็เดินเข้ามาดู
“จะมากไปหรือเปล่า ถึงจะเป็นปี 4 ก็เถอะ นี่มันแผนกมัธยม กลับถิ่นแกไป๊” โทโคอุจินักเรียนห้อง 6-B สังกัดชมรมพลังภายใน
“นี่แกไม่รู้ฉันซะแล้ว รู้มั้ยฉั...” ชายคนนั้นกระชากคอเสื้อโทโคอุจิมาแล้วจู่ๆเขาก็เลือดกำเดาพุ่งแล้วก็กระเด็นออกไป แล้วพวกนักศึกษามหาลัยปี 4 กลุ่มนั้นต่างก็ล้มลงไปอย่างประหลาด

“เห๊อ ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน เหมือนตอนม.ปลายเลยนะพวกแก” อ.ทาคาฮาตะบอกแล้วทุกคนก็แหวกทางให้
“ที่นี่มันโรงเรียนมัธยม ถึงแม้มันจะสังกัดเดียวใต้ชื่อว่าโรงเรียนมาโฮระ ฉันในฐานะอาจารย์ก็ยังมีสิทธิจัดการกับพวกแกอยู่นะ” อ.ทาคาฮาตะบอก แล้วพวกปี4 ก็รีบลุกขึ้นวิ่งหนีไปทันที
“อาจารย์เก่งจัง” ศรกล่าวคำชม
“ฮ่าๆ ไม่หรอก ฉันยังไม่ได้ทำไรเลย” อ.ทาคาฮาตะบอก
“ขอบคุณอ.ทาคาฮาตะนะค่ะ” ยูนะกล่าวคำขอบคุณเสร็จก็เก็บของแล้วก็รีบเดินกลับไปที่ห้องทันที
“โอ้ รุ่นพี่โทโคอุจิ เก็บพวกนั้นหรือเนี่ย” พวกนักเรียนม.ต้นชายที่มาดูเหตุการณ์นั้นพูดขึ้น
“ฮ่าๆ ใช่แล้ว ฉันเอง ต้องสอนให้พวกมันรู้ว่า ชมรมพลังภายในก็ไม่น้อยหน้าใคร” โทโคอุจิหัวเราะขึ้นอย่างดีใจ ในขณะที่พวกปิงนั้นกลับหมั่นไส้แทน แล้วพวกเขาก็กลับไปเล่นบาสตามปกติ

“เห๊อ ไม่มีไรทำเลย แบงค์ไปเดินเล่นกันปะ” แพ๊คถาม
“ไปก็ไป อยู่นี่ก็ไม่มีไรทำ” แบงค์ตอบ แล้วทั้งคู่ก็เก็บเก้าอี้ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง
“แบงค์ช่วงนี้แกได้เข้าชมรมปะ” แพ๊คถาม
“ไม่ค่อยได้เข้าอ่ะ เข้าไปก็ไม่ค่อยมีไรทำ” แบงค์ตอบ
“เออดี จะได้เดินเล่นสบายใจ ไปเดินแถวม.ต้นเปล่า เผื่อจะเจออะไรดีๆ” แพ๊คบอก
“แล้วแพ๊คไม่มีงานที่ชมรมหรอ” แบงค์ถาม
“มีก็ไม่ไป เพราะเค้าหล่อ ไม่มีใครกล้าทำเค้าหรอก” แพ๊คยิ้มให้ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปแผนกม.ต้น

เมื่อย่างผ่านเข้าเขตม.ต้น
“ว๊ายรุ่นพี่แพ๊ค” พวกสาวๆกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งเข้ามารุมล้อมทันที
“รุ่นพี่ตอนวันงานว่างไหมคะ” นักเรียนหญิงม.ต้นคนหนึ่งถาม
“เห็นมั้ยเพราะเค้าหล่อ” แพ๊คเก๊กหล่อให้เพื่อนดู
“ว่างครับ” แพ๊คตอบ
“ค่ะ พอดีชมรมมายากลเราขาดสัตว์ อยากให้รุ่นพี่ไปสวมเป็นคิงคองแทนค่ะ ช่วยหน่อยนะคะ” นักเรียนหญิงคนนั้นบอก แพ๊คหน้าซีดทันที
“ตามสบายนะแพ๊ค งั้นเราไปเดินเล่นดูตามชมรมดีกว่า” แบงค์บอกเสร็จก็เดินฝ่าออกมาจากวงล้อมทันที
“เดี๋ยวรอด้วย” แพ๊ครีบวิ่งฝ่าออกมาแล้วก็ดึงแขนเพื่อนวิ่งหนีกลุ่มสาวๆไปทันที

“เห๊อ รอดมาได้สักที ไม่ยักรู้ว่าแผนกม.ต้นจะวุ่นวายขนาดนี้” แพ๊คบ่นขึ้น
“ก็อยากมาเองช่วยไม่ได้” แบงค์หัวเราะใส่
“แค่นี้ยังไม่พอหรอกสำหรับเค้า มันแค่จิ๊บๆ” แพ๊คเปลี่ยนจากสีหน้าอันเหนื่อยมาเป็นยิ้มได้ทันที
“แล้วแกแน่ใจเหรอที่จะไม่เข้าชมรม ถึงแกจะไม่ใช่นักเรียนใหม่ก็เถอะ” แพ๊คถาม
“ไม่ละ มีแค่ถุงมือนี้หายห่วง ส่วนงานของชมรมนั้น เขาให้นักเรียนใหม่จัดแสดงโชว์พวกรุ่นพี่อย่างเรานั้น เดินเล่นสบาย” แบงค์ตอบ

“เฮ้ยๆ ประธานเฟยมา หลบเร็ว” เสียงของชายกลุ่มหนึ่งดังขึ้น
“พวกลื๊อไม่ไปซ้อมที่ชมรมหรอกเร๊อ” เฟยถาม
“ครับ ครับ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้ครับ” ชายกลุ่มนั้นบอก

“แบงค์ลุยเลยปะ” แพ๊คถาม
“เฮ้ย นั่นแค่เด็กม.3” แบงค์ตอบ
“ยิ่งลุยดี รังแกเด็กคืองานหลักของพวกเรา” แพ๊คบอกเสร็จหัวเราะขึ้นก่อนที่จะเดินตรงเข้าไปกลุ่มนั้น
“เดี๋ยว แต่นั่นมันประธานชมรมวิทยายุทธจีนเชียวนะ” แบงค์บอก แต่ไม่ทันซะแล้ว

“เฮ้ย น้องไม่เก่งพอ อย่ามาสด” แพ๊คบอก
“หรอ อั๊วไม่อยากคุยด้วยหรอกกับคนปากเฉีย” เฟยบอกแล้วก็เดินหนีไปทันที
“จ่ายค่าผ่านมาก่อน รู้จักลูกศิษย์แว่นมรณะน้อยไปซะแล้ว” แพ๊คบอก
“รุ่นพี่แพ๊ค ห้อง 5-A ชมรมวิศวกรรม และชมรมอาไรอีกเน๊อ ขออั๊วนึกแปป” เฟยบอก
“3 วินาทีจอมกองเลือด ฉายา แพ๊คหล่อ ฮ่าๆๆ” แพ๊คบอก
“อ่า งั้นอย่าลองกะอั๊วหรอ ได้เลย” เฟยพูดเสร็จ
“1...” แพ๊คชูนิ้วนับให้ดู เฟยก็ออกหมัดสวนเข้าที่ท้อง แพ๊คก็นิ่งไปสักพักทันที
“ไ...ไม...หมัดหนักจังวะ” แพ๊คล้มไปกองกับพื้นทันที

“ประธานเฟย ต้องขอโทษด้วย พอดีเพื่อนมันซ่าไปหน่อย” แบงค์วิ่งเข้ามาบอกแล้วก็พยุงแพ๊คขึ้น
“จัดการทีดิแบงค์” แพ๊คบอก
“ไม่อ่ะ” แบงค์บอกแล้วก็หันไปยิ้มให้เฟย
“ได้ข่าวว่า ชมรมคำนวณ มีนักเรียนม.ปลาย คือลื๊อเองหรอเนี่ย อ่า ได้เจอตัวจริงแล้ว ขอลายเซ็งหน่อย” เฟยยิ้มขึ้นทันทีที่เห็นหน้า
“แค่คำนวณ จะเอาอะไรมากกว่า” แบงค์บอก
“ก็อั๊วได้ยินว่าลื๊อคำนวณได้แม้กระทั่งแรงเหวี่ยง แรงกระทบ แรงกะระยะ อยากให้ลื๊อสอนบ้างจัง” เฟยบอก
“เรื่องนั้นมันธรรมดา มันอยู่ที่ใจ ความสามารถเฉพาะตัว หากจะเอาไปผสมกับวิทยายุทธจีนแล้วไม่เข้ากันหรอก” แบงค์บอก
“งั้นอั๊วขอทดสอบ” เฟยพูดเสร็จก็ออกหมัดอย่างรวดเร็วใส่ แบงค์ก็ตกใจเล็กๆ ก่อนที่จะหลับตาลงท่อนสูตรคำนวณ พอลืมตาขึ้นมาหมัดนั้นก็กระแทกเข้าที่อกเต็มๆ จนกระเด็นไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
“หว่าย อั๊วทำแรงไปรึเปล่า อั๊วขอโทก” เฟยบอก
“ไม่เป็นไรครับ เราไม่รู้สึกอะไรหรอก เกือบคำนวณไม่ทัน แรงออกมาหมัดนั้น จะมีแรงลมที่พุ่งตามมาอย่างรวดเร็ว แค่ดีดตัวออกนิดเดียวให้พ้นระยะหมัดเพียง 1 เซนติเมตร โดนแค่ลมพัดจนกระเด็นก็ไม่เจ็บหรอกครับ” แบงค์บอก
“โอ๊ะ สุกยอกจริงๆ” เฟยตกใจ
“อ่ะ นี่ลายเซ็น” แบงค์ยื่นกระดาษให้ แล้วเขาก็ลุกขึ้นพาแพ๊คไปห้องพยาบาลทันที

“แบงค์ ไมแกสมองไวจังวะ ไปดูที่บอร์ดชมรมแก สูตรคำนวณแต่ละสูตรยาว 5-6 บรรทัด กว่าจะคิดได้นี่เอา 10-20 นาทีเลย” แพ๊คถาม
“ก็บอกแล้วไง ความสามารถส่วนบุคคลเกิดมาสมองไวก็งี้ละ คิดเก่งแค่เรื่องคำนวณ วิชาอื่นห่วยแตกบรรลัย” แบงค์ยิ้มให้แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนานแล้วก็เดินไปด้วยกันต่อ

ที่ห้องพยาบาล
“อ.ชิซึนะครับ อยู่มั้ยครับ” แบงค์ตะโกนเรียก
“อ.ชิซึนะไม่อยู่ค่ะ มีอะไรเหรอ” นักเรียนหญิงที่อยู่สังกัดห้องพยาบาลนั้นเดินเข้ามาบอก
“ครับ งั้นช่วยทำแผลให้เพื่อนผมหน่อยครับ เขาโดนของแข็งกระแทกที่ท้องอย่างแรง ไม่รู้ไส้แตกหรือเปล่า” แบงค์บอก
“ค่ะ พามานอนที่เตียงได้เลยค่ะ” นักเรียนหญิงคนนั้นบอก
“ปะ แพ๊ค” แบงค์พยุงแพ๊คเข้าไปนอนที่เตียงด้านในห้องพยาบาล
“แพ๊ค ไมชอบอ้างตัวไปเรื่อยว่าเป็นลูกศิษย์อ.ทาคาฮาตะ แพ๊คก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นสักหน่อย” แบงค์ถาม
“เพราะเค้าหล่อ ความหล่อเอาชนะได้ทุกอย่าง ฮ่าๆๆ” แพ๊คยิ้มให้
“ถ้าอยากเก่งแบบอ.ทาคาฮาตะ ก็ไปให้อ.เขาสอนอะไรบ้างซิ มัวแต่ไปเที่ยวเดินแบบนี้ ถ้าเจอหนักกว่าประธานเฟยแล้ว จะแย่เอา” แบงค์บอก
“ไม่ต้องห่วง มีแก เค้าอุ่นใจวะ ฮ่าๆๆ” แพ๊คหัวเราะขึ้น แบงค์ก็คิ้วขมวดทันที
“เห๊อ สมแล้วที่เป็นหัวหน้าห้อง มีหัวหน้าดีแบบนี้นี่เอง เอาละ เดี๋ยวไปเดินหาซื้ออะไรมาให้ จะเอาไรเปล่า ไปแปปเดียว แค่หน้าอาคารตรงนี้” แบงค์บอก
“อะไรก็ได้ เค้ากินได้หมด” แพ๊คบอก
“นี่ ช่วยอย่าเข้าใกล้เพื่อนผมมากนะครับ เขาดูน่ากลัวกว่าที่คิด” แบงค์เดินไปบอกนักเรียนหญิงคนนั้น
“ค่ะ” นักเรียนหญิงคนนั้นตอบ แล้วก็เดินไปตรวจอาการของแพ๊ค แล้วแบงค์ก็เดินออกไปจากห้อง

“ไปโดนอะไรมาเหรอค่ะ” นักเรียนหญิงถาม
“โดนรถสิบล้อบรรทุช้างชนครับ แต่เค้ารอดมาได้” แพ๊คตอบ
“เหรอค่ะ เก่งจัง” นักเรียนหญิงคนนั้นยิ้มให้แล้วก็กดที่ท้องของแพ๊ค

อ๊า..............................................

“เจ็บ....” แพ๊คบอก
“ฉันแค่กดเบาๆเองนะคะ โดนรถชนขนาดนั้น ก็น่าจะทนได้นี่” นักเรียนหญิงบอก
“เอมิ อยู่มั้ย” เสียงนักเรียนหญิงอีกคนวิ่งเข้ามาในห้องพยาบาลเอ่ยถามขึ้น
“จ้า ฉันอยู่นี่” เอมิบอก
“อ่า เธออยู่เวรที่นี่ทั้งวันเลยเหรอ ตอนนี้ฉันว่าง เธอไปช่วยงานชมรมเถอะ ฉันดูแลต่อให้เอง” นักเรียนหญิงอีกคนบอก
“ขอบใจนะ อาโกะ แล้วเธอละ มีซ้อมดนตรีกับพวกมาโดกะไม่ใช่เหรอ” เอมิถาม
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันพอไปได้ละ แถมดึกๆก็ซ้อมเองประจำ เย็นๆเดี๋ยวก็ไปซ้อมกันทั้งวงอีกที” อาโกะตอบ
“จ้ะ งั้นตามสบายนะ คนเตียงโน้นเขาโดนรถสิบล้อบรรทุช้างชน อาการคงหนักน่าดูละ เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงอ.ชิซึนะก็กลับมาแล้ว ช่วยเฝ้าต่อให้ฉันทีนะ” เอมิบอก อาโกะก็ตกใจขึ้นนิดๆ
“จ้า ไปเถอะ *โดนรถสิบรถบรรทุช้างชนเนี่ยนะ ไม่น่ารอดมาเลย*” อาโกะยิ้มให้แล้วเพื่อนของเธอก็เดินออกไปจากห้อง
“เอาล่ะ เจ็บตรงไหนค่ะ” อาโกะเข้ามาดูอาการแพ๊คต่อทันที

10 นาทีต่อมา
แบงค์ก็กลับมาที่ห้องพยาบาลอีกครั้ง เมื่อเขาเข้ามาก็เห็นอาโกะกำลังทายาที่ท้องของแพ๊ค
“เพื่อนผมเป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” แบงค์ถาม
“ไม่หรอกค่ะ แค่อาจจะจุกเสียด ทายาแล้วก็ให้กินยาสมานแผลด้านในเดี๋ยวก็หาย” อาโกะตอบ เสร็จเธอก็เดินเอายาไปเก็บ
“เป็นไงละ ไปหาเรื่องซะทั่ว นี่ถ้าเจอพวกหนักกว่านี้มีหวังนอนทั้งเดือนแน่” แบงค์วางของไว้ข้างๆ
“ก็ไม่รู้นี่ เห็นตัวเล็กๆ ก็นึกว่าจะเหมือนเด็กทั่วๆไป” แพ๊คบอก
“เด็กบ้าอะไร ขนาดใครๆยังเรียกท่านประธาน” แบงค์บอก
“เพื่อนคุณนอนพักสักชั่วโมง แผลก็พอบรรเทาหายค่ะ” อาโกะบอก
“ครับ แต่เอ๊ะ !” แบงค์เกิดสงสัยขึ้น
“คุณครับ ที่หลัง มีเลือดไหลเป็นทางเลยครับ” แบงค์พูดขึ้น อาโกะก็ตกใจ
“ว๊าย เลือดออกอีกแล้ว” อาโกะพูดขึ้นพลางๆ พร้อมกับวิ่งไปหยิบยามาพร้อมกับ วิ่งไปที่มุมห้องและดึงม่านมาบัง แล้วเธอก็ถอดเสื้อพาดไว้กับราว แพ๊คกับแบงค์เห็นก็ตกใจ
“เป็นอะไรมากมั้ยครับ ให้ผมช่วยมั้ย” แบงค์ถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ อย่าเปิดม่านเข้ามานะค่ะ” อาโกะตอบ
“ครับ แต่นี่มันไหลนองเลยนะครับ เลือดนองเต็มพื้นเลย” แบงค์บอก
“ว๊าย สงสัยจะไม่ทันแล้ว *ปกติเราให้พวกเพื่อนๆช่วยทำด้วยนี่ ทำคนเดียวลำบากเกิน*” อาโกะก้มมองดูเลือดที่ไหลออกมาจากแผลด้านหลังของเธอ
“ให้ผมช่วยดีกว่านะครับ” แบงค์เปิดม่านเข้าไป ก็เห็นอาโกะที่พยายามห้ามเลือดที่ไหลออกมาจากแผลที่กลางหลังของเธอ แบงค์หลับตาสนิท
“ส่งผ้ามาทีครับ เดี๋ยวผมจะกดแผลไว้ให้” แบงค์ยื่นมือไป อาโกะที่ตกใจนิดๆพอตั้งสติได้ก็ส่งผ้าให้ แบงค์จึงเอาผ้านั้นกดแผลไว้ให้ จนเลือดเริ่มหยุดไหล แล้วอาโกะก็ส่งยาให้ แล้วก็ตามด้วยผ้าพันแผล เมื่อทุกอย่างเสร็จลง

“ต้องขอบใจรุ่นพี่มากเลยนะค่ะ” อาโกะบอก
“ไม่เป็นไรครับ” แบงค์ยิ้มให้
“ว๊าย รุ่นพี่ไม่เห็นแผลที่ด้านหลังใช่ไหมค่ะ” อาโกะถาม
“ผมหลับตาอยู่มองไม่เห็นอะไรหรอกครับ ว่าแต่ อาโกะ มีแผลที่หลังด้วยเหรอครับ” แบงค์ตอบ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะค่ะ *หากผู้ชายคนนั้นเห็นเข้า ก็มีแต่คนเกลียด แบบนี้ใครเขาจะมารักเราละเนี่ย*  อาโกะบอก
“ถือว่าผมตอบแทนที่คุณอาโกะช่วยทำแผลให้เพื่อนผมแล้วกันนะครับ” แบงค์บอก
“แบงค์ มานี่ทีซิ” แพ๊คเรียกพร้อมกับทำคิ้วขมวด
“เดี๋ยวผมไปดูแลเพื่อนก่อนนะครับ” แบงค์พูดเสร็จก็เดินไปหาแพ๊ค
“*อิจฉาละซิ*” แบงค์พูดเบาๆพรางยิ้ม
“*เออ แหมๆ จู๋จี๋กันได้ดีเลยนะ อย่ามาทำแบบนี้ต่อหน้าเพื่อน มันอดใจไม่ไหวเว้ย*” แพ๊คบอก
“พักไปเถอะ อีกชั่วโมงเจอกันแถวลานต้นไม้โลกแล้วกัน” แบงค์พูดเสร็จก็ยิ้มให้ก่อนเดินออกไปจากห้อง แล้วแพ๊คก็เห็นสีหน้าของอาโกะที่ดูซึมเศร้าวิตกกังวลบางอย่าง พร้อมกับเหลือบตามองดูแบงค์ที่เดินออกไป
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #1 on: July 11, 2006, 05:14:40 AM »

ตอนที่ 2 ศิษย์แว่นมรณะ ซะอย่าง

“อาท ไปหาไรกินก่อนเหอะวะ” คิวบอก
“เออ ปะๆ” อาทก็บ่นหิวขึ้น แล้วพวกเขาก็ไปยังร้านที่เปิดประจำปี ร้านเจ้าเปาฉี

“ซัตจัง เหมือนเดิม 4 ที่” จุกบอก แล้วพวกเขาก็นั่งที่โต๊ะว่าง
“อ่า นี่จ้า” แล้วนักเรียนหญิงคนหนึ่งก็ถือถาดอาหารมาเสิร์ฟ
“เร็วทันทีดีจัง” จุกบอก
“ม่ายเป็นไรฮ่า” นักเรียนหญิงคนนั้นบอก
“เฮ้ย คนนั้นก็น่ารักนะเว้ย หม้อเลยเปล่า” คิวบอก
“เฮ้ย ดูอย่างนั้น ไม่รู้จักเหรอ อัจฉริยะอันดับ 1 ของโรงเรียนเชียวนะเว้ย ไปแหย่มมั่วๆ สมองมันฉลาดกว่าพวกเราเป็นสิบๆเท่าเชียวนะ” จุกบอก
“เออๆ กินเหอะๆ” อาทบอก

“อ้าว มาสเตอร์ เหรอค่ะ จะรับอะไรดีค่ะ” นักเรียนหญิงคนหนึ่งที่เป็นคนเสิร์ฟพูดขึ้น
“อะไรก็ได้ที่มันเย็นๆ วันนี้ร้อนจัง กะว่าจะพักที่นี่สักพักแล้วค่อยกลับไปนอนที่บ้านดีกว่า” นักเรียนหญิงที่เพิ่งมาถึงบอก
“ลูกคุณหนูด้วยละมั้งนั่น หม้อเลยเปล่า” คิวบอก
“กินไป” อาทบอก
“นั่นมันนักเรียนนอกนะเชียว นักเรียนแลกเปลี่ยน ภาษาไม่เก่งอย่าไปคุยละ เดี๋ยวเป็นใบ้กลับมา” จุกบอก
“รู้เยอะจังวะ” คิวถาม
“ให้อ้วนมันหาข้อมูลให้ มันนักข่าวประจำโรงเรียนเลยนะ เรื่องนี้มันรู้หมดแหละ” จุกบอก
“เชน ลองตะโกนขึ้นซิว่า ใครห้อง 3-A วะ” จุกพูดเสร็จก็ยิ้มออกมาจนหัวเราะ
“หัวเราะแบบนี้มีพิรุธ ไม่เอาด้วยหรอก” เชนบอก
“งั้นตะโกนเอง” คิวบอกแล้วก็ลุกขึ้นยืน
“ใครวะอยู่ห้อง 3-A” คิวตะโกนขึ้น แล้วนักเรียนที่มานั่งกินอาหารในร้านเจ้าเปาฉีนั้นก็หันมามอง
“*หมดนี่เลยเหรอวะ*” อาทพูดเบาๆ
“ไม่มีไรคร๊าบ เพื่อนผมแค่จะเช็คเสียงเฉยๆ” จุกลุกขึ้นมาพูดบอกทุกคน
“ที่จริงไม่หมดหรอก แต่ใครพูดแบบนี้ เป็นใครก็หันมองหมดแหละ” จุกบอก
“เดี๋ยวแกล้งเพื่อนหรอจุก” คิวถาม
“เปล่า แต่ไปทำเอง ช่วยไม่ได้” จุกตอบ

“แล้วโต๊ะกลุ่มนั้นใคร เด็กนั่นมันน่าอยู่แผนกประถมไม่ใช่เหรอ มาทำอะไรในแผนกมัธยม” เชนชี้ไปทางโต๊ะอีกมุมหนึ่ง
“อ่า ไม่ได้ข่าวเหรอเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ว่ามีอาจารย์เด็กอายุ 10 มาประจำชั้นนักเรียนหญิงห้อง 3-A อยากเป็นบ้างวะ” จุกบอก
“เฮ้ย ห้อง 3-A ทุกที่มันขึ้นชื่อว่า เก๋า+แสบ ที่สุดไม่ใช่เหรอ แปลว่า ก็พอๆกับเราเลยอ่ะดิ” อาทบอก
“ว่างั้น แต่นักเรียนหญิงในห้องนั้น มีทั้งเท่ ทั้งน่ารักเลยนะ หน้าหม้อชิบ” คิวบอก
“รีบกิน รีบไปเหอะ ดูเหมือนกับพวกกลุ่มนั้น มันจ้องที่เราหนักแล้ว” เชนบอก แล้วพวกเขาก็มองไปทางกลุ่มโต๊ะอีกมุมหนึ่งที่มีพวกม.ปลายเดียวที่นั่งอยู่ 7 คนรุมมองมาที่โต๊ะเขา
“ศิษย์แว่นมรณะ กลัวไร” อาทบอก
“ก็ตอนนี้แว่นมรณะไม่มาอ่ะดิ” เชนบอก แล้วพวกเขาก็รีบกินแล้วก็ไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์

“ทั้งหมด 60 บาทค่ะ” นักเรียนหญิงคนนั้นบอก
“*ใส่แว่นน่ารักดี*” คิวกระซิบบอก
“น้องเพื่อนพี่ชอบอ่ะ มันบอกน้องน่ารัก มีเบอร์หรือเปล่า” จุกพูดขึ้นทันที
“อะไรกัน แค่นี้ก็จะมาซะแล้ว... เห๊อ ไม่ยักรู้ ซาโตมิ จะมีชายมาชอบ” นักเรียนหญิงอีกคนพูดขึ้น
“มาสเตอร์ค่ะ เขาเป็นแขกนะค่ะ” นักเรียนหญิงอีกคนพูดห้าม
“นี่ค่ะ เงินทอน” ซาโตมิยื่นเงินทอนให้
“อ้าว พวกเธอหรอกเหรอ” เสียงของอาจารย์ท่านหนึ่งดังขึ้น พวกอาทจึงหันไปมอง
“อ.ทาคาฮาตะ” เชนพูดขึ้นด้วยความตกใจเล็กๆ
“พวกเธอก็ติดใจอาหารร้านนี้ด้วยเหรอเนี่ยไว้วันหลังพวกเธอทำตัวดีๆจะพามาเลี้ยงที่นี่” อ.ทาคาฮาตะบอก
“ไปเถอะ” จุกบอกแล้วพวกเขาก็เดินออกไป
“ทาคามิจิ พวกนั้นลูกศิษย์แกหรอ” นักเรียนหญิงคนนั้นถาม
“ทาคามิจิ” อาจารย์เด็กน้อย เนกิ เรียก
“อ้าว เนกิคุง เดินเข้ามาไม่ได้มอง” อ.ทาคาฮาตะบอก
“ลูกศิษย์เธอแต่ละคน นี่ดีๆกันทั้งนั้นเลยนะ เห๊อ ห้องฉัน มีแต่ป่วนๆ ก๊วนๆ กันไม่เว้นแต่ละวัน” อ.ทาคาฮาตะบอก
“ไม่หรอกครับ ตอนนี้ตารางผมแน่นสุดๆเลย เอาแบบว่า งานเทศกาลนี้ผมแทบไม่มีเวลาว่างเลยละ งานเยอะมากๆ” เนกิบอก
“ฮ่าๆ จงทำต่อไปเถอะ เอาล่ะ ซัตจัง ขอ 1 ชามนะ” อ.ทาคาฮาตะบอกแล้วพวกเขาก็นั่งกินอาหารคุยกัน

เมื่อพวกอาทเดินเล่นมาถึงลานใต้ต้นไม้โลก
“เฮ้ย ไอ้น้อง ตอนอยู่ในร้านอาหารอ่ะ ทำเก๋าหรอ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“*เอาไง*” คิวถาม
“*ลุยเว้ย*” จุกตอบ
“มากัน 4 คนทำซ่าเหรอ” ชายอีกคนขึ้นเสียงใส่ แล้วพวกอาทก็หันกลับไปยืนปะหน้ากัน
“แล้วจะทำไม พวกเราศิษย์แว่นมรณะ ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนกันทั้งสิ้น” อาทบอก
“งั้นเก็บมันเลย” ชายกลุ่มนั้นบอก

ชายกลุ่มคนนั้นจึงวิ่งเข้ามาอัดทันที แต่อาทก็พุ่งออกมาได้อย่างรวดเร็วและใช้ฝ่ามือสับเข้าที่ท้ายทอยด์ของชายกลุ่มคนนั้นจนล้มไปกันไม่เป็นท่า
“อาท แจ่มวะ” คิวตะโกนเชียร์
“ฮ่าๆๆๆ” อาทหันมาโบกมือให้เพื่อนๆ
“จับมันเว้ย” ชายกลุ่มนั้นฉวยโอกาสที่อาทเผลอวิ่งเข้าไปจับตัวไว้ แล้วที่เหลือก็วิ่งไล่พวกเชนที่กำลังวิ่งหนี แล้วอาทก็ดิ้นสุดแรง จนหลุดแล้วก็กระโดดหนีไปอย่างรวดเร็ว

จนพวกเขาวิ่งมาเจอกับแบงค์
“เฮ้ย แบงค์ช่วยทีดิ” เชนบอก
“เกิดอะไรขึ้น” แบงค์ถาม
“พวกนั้นมันจะทุบหัวพวกเรา” อาทตอบ
“เห๊อ ก่อเรื่องอีกละ เดี๋ยวเราไปขอโทษพวกมันให้” แบงค์บอก
“เฮ้ย เสียศักดิ์ศรีหมด” คิวบอก
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะพวกนั้นยังไงก็ไม่ยกโทษให้ คำนวณไว้หมดแล้ว” แบงค์หันมายิ้มให้ แล้วพวกนั้นก็วิ่งตามมาทัน และหยุดเมื่อเห็นแบงค์หยุดขวางทางไว้

“อ๊อ แกอีกคนด้วยใช่มั้ย ที่อยู่กับพวกนั้น ทำยืนเงียบ ซัดมันก่อนเลย” ชายกลุ่มนั้นบอก
“เราสู้คนไม่เก่ง แต่ก็คำนวณเป็นเลิศ...” แบงค์บอก
“หุบปากไปซะ” ชายกลุ่มนั้นต่างออกหมัดพร้อมกัน แล้วแบงค์ก็หลับตาลง พอเขาลืมตาขึ้นมา เขาก็ล้มตัวออกไปทางด้านข้างหลบหมัดพวกนั้นได้ทันและใช้ขาตะหวัดกวาดขาล่างพวกนั้นจนล้มหมด
“การออกหมัดที่รุนแรง แต่ไม่เร็วพอนั้น เราจึงบอกไว้ไงว่า เราคำนวณเก่ง คำนวณได้แม้กระทั่งว่า 1 วินาทีก่อนหมัดพวกนายจะถึง ฉันจะทำยังไงให้รอด เพราะฉะนั้น พวกนายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” แบงค์บอก แล้วพวกนั้นก็หมั่นไส้จึงใช้ขาถีบทันที แต่เขาก็ยังหลบได้ แล้วพวกนั้นจึงรีบลุกขึ้นมาทันที

“วิชาลับหมัดร้อยลี้” โทโคอุจิปล่อยแรงลมออกจากหมัดเป็นกระสุนพลังโจมตีใส่ชายกลุ่มนั้น ทำให้พวกนั้นกระเด็นหงายกันไปไม่เหลือแรงที่จะลุกขึ้น
“เบื่อจริง พวกรังแกชาวบ้านเนี่ย” โทโคอุจิบอก
“ยินดีที่ได้เจอกันครับ โทโคอุจิ” แบงค์บอก
“ว๊าว รุ่นพี่โทโคอุจิ เท่จัง” พวกสาวๆแถวนั้นที่เห็นต่างวิ่งเข้ามารุมล้อม
“แบงค์ แกเก่งวะ” เชนวิ่งเข้ามาดูสภาพ
“*ถอยไปหน่อยนะ จะขอทดสอบกับชมรมพลังภายใน* โทโคอุจิ ไหนๆก็เจอกันแล้ว เราขอโดนพลังนั้นบ้างซิ เราขอแค่ 10 วินาทีในการลุกขึ้นหลังจากโดนพลังนั้น และวิ่งเข้าไปหา” แบงค์บอก
“ได้เลยไอ้น้อง เตรียมวิชาลับหมัดร้อยลี้ของท่านโทโคอุจิคนนี้ให้ดี” โทโคอุจิบอกแล้วพวกสาวๆก็แหวกทางออก

“วิชาหมัดร้อยลี้” โทโคอุจิปล่อยหมัดออกไป แบงค์จึงหลับตาลง
“*ระยะเวลา 0.5 วินาที หลบได้ยากมาก ทางเดียวที่จะบาดเจ็บน้อยที่สุด คือ...*” แบงค์ก็ลืมตาขึ้นแล้วก็ยื่นมือออกไปข้างหน้า ใช้มือข้างขวารับแรงกระแทกจากหมัดร้อยลี้ แล้วเขาก็กำหมัดแน่น ก่อนที่จะวิ่งตรงเข้าไป และใช้แรงลมที่เขากำไว้นั้น อัดใส่โทโคอุจิจนกระเด็นลอยไปไกลกว่า 10 เมตร

“ทำได้ไงกัน ไอ้หนู แกเก่งมาก ใช่ซิ ไอ้หนู นายก็คือ แบงค์ ชมรมคำนวณที่ไม่โด่งดัง สำหรับผู้มีฝีมือแล้ว การที่จะซ่อนตัวในชมรมที่ถูกลืมนี่เอง ไม่นึกเลยจะได้เจอคนมีฝีมืออย่างแก อ่ะ นี่หมากฝรั่งมิตรภาพ รับไปซิ” โทโคอุจิลุกขึ้นมาอย่างช้าๆและเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นหมากฝรั่งให้พร้อมกับรอยยิ้ม แบงค์ก็รับอย่างเต็มใจและส่งรอยยิ้มให้เป็นการตอบแทน
“ทั้งหมดนั้นเป็นการคำนวณอย่างเดียว ไม่ได้ออกแรงแต่อย่างใด หมัดร้อยลี้นั้นเร็วมาก จนหลบไม่ได้แน่ในระยะแค่ 10 เมตร จึงต้องรับพลังอย่างเดียว แต่การที่จะเอาส่วนไหนรับเท่านั้นแหละคือจุดสำคัญที่จะคำนวณ เราจึงใช้มือนี่ละ ถ่ายเถพลังมาที่มือเพื่อต้านพลังไว้ และใช้พลังนี้โจมตีกลับคืน โดยไม่ต้องเสียแรงแต่อย่างใด ง่ายๆก็คือ ถ้าจะออกแรงต่อยรุ่นพี่แล้ว เอาแรงนั้นมาเกร็งร่างกายเพื่อต้านพลัง จะคุ้มกว่า” แบงค์บอก แล้วพวกเพื่อนๆก็ปรบมือให้
“เพื่อนผมคร๊าบ เพื่อนผม” จุกเดินเข้ามากอดคอทันที
“สมแล้วที่เป็นลูกศิษย์แว่นมรณะ” โทโคอุจิพูดเสร็จก็ลาจาก แล้วพวกแบงค์ก็มานั่งเล่นคุยกันใต้ลานต้นไม้โลก รอแพ๊ค

10 นาทีต่อมา
“เชน เดี๋ยวเราไปเดินเล่นละ ช่วยรอแพ๊คแทนเราแล้วกันนะ” แบงค์บอก
“อือๆ ไปเถอะ เดี๋ยวรอแพ๊คเอง เนี่ยจุกเลย เพิ่งกินอิ่มมาวิ่งหนีไอ้พวกนั้น” อาทบอก
“เออ นั่งพักที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ลมเย็นๆ” คิวบอก
“งั้นไปละ” แบงค์พูดเสร็จก็เดินจากไปทันที

ทันทีที่เขาเดินลับสายตาเพื่อนๆไปแล้วนั้น เขาก็เดินไปชนกับนักเรียนหญิงคนหนึ่ง
“ขอโทษครับ” แบงค์รีบกล่าวคำขอโทษทันที
“ไม่ค่ะ ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษที่เดินใจลอยไปหน่อย” นักเรียนหญิงคนนั้นบอก แล้วพอทั้งคู่ได้ยินเสียงก็ตกใจ แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองซึ่งกันและกัน
“ว๊าย...” นักเรียนหญิงคนนั้นตกใจ
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #2 on: July 11, 2006, 05:15:09 AM »

ตอนที่ 3 เปลวไฟ จุดประกายศึกอันเร่าร้อน

“คุณอาโกะ” แบงค์ทักขึ้น
“ขอโทษด้วยนะค่ะรุ่นพี่ ที่หนูเดินชน” อาโกะบอก
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนี้จะไปไหนเหรอครับ แบกของซะหนักเลย มาครับ ผมช่วย” แบงค์เก็บของที่หล่นขึ้นมาถือไว้ให้
“ขอบคุณมากนะค่ะ” อาโกะบอก
“ครับ ว่าแต่แผลที่หลังหายแล้วเหรอครับ” แบงค์ถาม
“*ว๊าย เขายังจำได้อยู่อีก* ค่ะ” อาโกะตอบ

ตื๊อออ...... ตื๊อออ.....

“*ว๊าย ซากุระโกะโทรมาอีก*” อาโกะรับโทรศัพท์ทันที
“*นี่อาโกะ ทำไมนานจัง ยัยหัวหน้าห้องบ่นหนักแล้วเนี่ย อยู่ไหนให้ฉันไปช่วยมั้ย*” ซากุระโกะถาม
“*จ้า กำลังไปเนี่ยแหละ อีกสัก 5 นาทีคงถึง พอดีที่ห้องพยาบาลมีคนไข้เลยอยู่ดีแลเขาสักพัก*” อาโกะตอบ
“*อือๆ ให้ไวละ ยัยหัวหน้าห้องยิ่งบ่นเก่งอยู่*” ซากุระโกะพูดเสร็จก็วางสายไปทันที
“ขอโทษด้วยนะค่ะ ที่ต้องให้ช่วย ช่วยถือของพวกนี้ไปห้อง 3-A แผนกม.ต้นหญิง หน่อยได้มั้ยค่ะ” อาโกะถาม
“มันจะยังไงอยู่นะครับ แต่ก็ได้ครับ” แบงค์เหงื่อตกทันที

“เฮ้ย ลืมของไว้ที่ห้อง เดี๋ยวไปเอาก่อนนะ” เชนบอกพร้อมกับสีหน้าที่อมทุกข์
“เออๆ ไปเหอะๆ” คิวบอก เชนก็รีบวิ่งกลับไปที่ห้องทันที

“เห๊อ นานทีจะได้ออกมาเดินเล่นคนเดียว ทิ้งจากเพื่อนได้นี่ก็มีสุขอย่าง” เชนพูดกับตัวเองแล้วเขาก็กลับไปเอาของที่ห้อง

“รีบมั้ยครับ คุณอาโกะ ผมจะได้วิ่งไป” แบงค์ถาม
“ไม่ต้องรีบก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจะสะดุดบาดเจ็บเอา แค่ถือของจนมองทางไม่เห็นนี่ก็อันตรายแล้วนะค่ะ” อาโกะตอบ
“ไม่ต้องห่วงครับ” แบงค์พูดเสร็จก็บิดบางอย่างที่ข้อมือ และใช้ส้นเท้าแตะกัน หลังจากนั้นเขาก็ยกของที่อยู่ในลังขึ้นด้วยมือเดียว อาโกะตะลึงทันที
“มาครับ เดี๋ยวจะพาไป เพื่อนๆคุณคงรออยู่” แบงค์พูดเสร็จก็ใช้อีกมือหนึ่งอุ้มอาโกะขึ้นและวิ่งไปด้วยความเร็วมาก เพียงไม่ถึง 1 นาที พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องเรียน 3-A แผนกม.ต้นหญิง

“*เมื่อกี๊นี่มันอะไรกัน เขาเป็นนักกีฬาเหรอเนี่ย ทำไมถึงวิ่งเร็วขนาดนี้ แถมยังแรงเยอะอีกด้วย*” อาโกะหัวเราะสักพักด้วยความตกใจ
“ผมวางของไว้ตรงนี้นะครับ ผมคงจะเข้าไปในห้องไม่ได้หรอก นี่มันแผนกม.ต้นหญิง ซึ่งผมเป็นผู้ชาย” แบงค์บอก
“ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะค่ะ” อาโกะกล่าวคำขอบคุณ แล้วแบงค์ก็ยิ้มให้ ทำให้อาโกะรู้สึกแปลกๆขึ้น
“อาโกะ พอบอกให้มา ก็มาซะเร็วเลย แล้วของละ” พวกเพื่อนๆที่อยู่ในห้องนั้นได้ยินเสียงอาโกะจึงเปิดประตูออกมาดู
“นั่นใครอ่ะ อาโกะ อย่าบอกนะว่า...” มาโดกะมองดูแบงค์ที่กำลังเดินจากไป
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ อย่าเข้าใจผิด เขาแค่ช่วยถือของมาเฉยๆ” อาโกะบอก
“เอ๊ะ นั่นมันรุ่นพี่ในชมรมคำนวณผู้ล่วงลับนี่ ชมรมที่ถูกลืม ไม่น่าเชื่อ ยังมีคนที่เหลืออยู่ในชมรมและยังออกมาเดินเล่นได้ตามสบาย เขาลือกันว่าชมรมนั้น ใครเข้าไปไม่บ้าตาย ก็สมองเสื่อมเลยละ” มิสะบอก
“นี่พวกคุณ กรุณากลับมาทำงานต่อค่ะ เดี๋ยวไม่เสร็จทันงานนะค่ะ ต้องเร่งรีบหน่อย” หัวหน้าห้องพูดขึ้น
“จ้า” พวกสาวๆต่างยกของหน้าห้องเข้าไปในห้อง

1 ชั่วโมงต่อมา
“นี่ยัยหัวหน้าห้อง นี่พวกเราทำงานกันมานานแล้ว ขอพักละ ฉันยังมีงานที่ชมรมต้องทำอีก” ยูนะบอก
“ก็ได้ค่ะ ใครที่มีงานช่วยที่ชมรมก็ไปช่วยได้เลยนะค่ะ แต่... คืนนี้ 1 ทุ่มครึ่งต้องมาทำงานต่อทดแทนเวลาด้วยค่ะ” หัวหน้าห้องบอก
“ยัยบ้า จะใช้แรงงานไปถึงไหนกัน” คาสึมิบ่นใส่
“ถ้าไม่ใส่ทันวันงานพวกเราจะแย่นะค่ะ” หัวหน้าห้องบอก
“ถึงเส้นตายจะอยู่ข้างหน้า แต่เราก็ไม่ควรจะรักษาความเย็นชาไว้” ฮารุนะบอก
“นี่คุณจะบ้าเหรอ หาทำงานช้าแบบนี้ ต่อให้อีกอาทิตย์ก็ไม่เสร็จ” หัวหน้าห้องบอก
“ให้เพื่อนๆเขาพักก่อนก็ดีนะครับ คุณอายากะ แล้วพรุ่งนี้ค่อยมาทำกันใหม่ ถ้าไม่ทันจริง 2-3 วันก่อนงานค่อยเร่งทีเดียว จะดีกว่านะ” เนกิบอก
“โอ้ ถ้าเป็นคำขอของคุณครูเนกิ ดิฉันพร้อมรับฟังค่ะ เอาล่ะทุกคน พักได้” อายากะวิ่งเข้ามาหาเนกิทันที

“นี่ๆ เมื่อเช้าอั๊วเจอรุ่นพี่มาแกล้งด้วยละ” เฟยบอก
“น่าเชื่อเหรอที่โดนแกล้ง ใครจะมาแกล้งเธอได้คู” มานะนั่งปราดเหงื่อ
“อั๊วล้อเล่ง แต่เมื่อเช้าอั๊วเจอรุ่นพี่ของชงรงคังนวนที่เขาเลื่องลือกันละเน๊อ ได้ลายเซ็งมาล้วย” เฟยบอก
“คนคนนั้นน่ะเหรอ ไม่น่าเชื่อ ใครๆต่างบอก ชมรมมันน่าจะถูกลืมจนหายสาบสูญไป แต่สมาชิกบางคนยังรอดออกมาได้หรือเนี่ย” มานะพูดขึ้น
“ก็น่าจะใช่นะเจ้าค่ะ *ผู้มีฝีมือยังมีอยู่ในโรงเรียนนี้อีกมาก*” คาเอเดะบอก

“อาโกะ ไปกินข้าวกับพวกเราซิ” มิสะเรียก
“ไม่ละ ฉันขอนั่งพักสักแปปละ” อาโกะบอก
“อาโกะ หน้าเธอดูเครียดจัง ไปเจออะไรมาเหรอ” มากิเอะเดินเข้ามานั่งข้างๆ
“*จะบอกเพื่อนๆดีมั้ยเนี่ย* ไม่มีอะไรหรอก” อาโกะบอก
“ถ้าอย่างนั้นก็ยิ้มแย้มซะหน่อยซิ อาโกะจัง” อากิระบอก
“หรือว่า แผลเธอ...” ยูนะถาม
“ว๊าย ไม่นะ ไม่มีใครเห็น ไม่ใช่คนนั้นนะ” อาโกะรีบปฏิเสธทันที
“ตอบสนองมาอย่างรวดเร็ว มีพิรุธ ต้องมีอะไรปิดบังแน่เลย” ยูนะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ใส่
“อาโกะผู้น่าสงสาร หลงรักรุ่นพี่มากี่คนแล้วละ” อากิระถาม
“อย่าพูดแบบนั้นซิ” อาโกะบอก
“ไปเดินเล่นกับพวกเราให้สบายขึ้นจะดีกว่านะ” มากิเอะบอก
“ก็ดีนะ *เพื่อนๆจะรู้ไหมเนี่ย*” อาโกะยิ้มให้แล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปพร้อมกับเพื่อนๆ

ที่จุดชมวิวทางเหนือจากต้นไม้โลก
“นั่งพักคนเดียวที่นี่ก็สบายดีนะ” เชนพูดขึ้นแล้วสายลมอันอ่อนๆก็พัดเข้ามา
เขานั่งมองดูสาวๆที่เดินในแถวลานใต้ต้นไม้โลกผ่านไปคนแล้วคนเล่า
“วันงานปีนี้ จะได้ทำแบบตำนานที่เขาล่ำลือได้บ้างหรือเปล่าเนี่ย” เชนพูดลอยๆ
“มาหลบอยู่นี่เองเหรอ เชน” แบงค์เอ่ยถามขึ้น
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย *ยังไม่เห็นเดินขึ้นมาเลยนี่*” เชนหันกลับไปดูทันที
“เห๊อ จากตรงนี้ถึงพื้นก็ไม่สูงมากประมาณ 15 เมตร ถ้ากระโดดลงไป อย่างมากก็เจ็บขา แต่ไม่ถึงขาหัก แต่ถ้าลงที่ปลายเท้าก่อนแล้วค่อยส้นและใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างถ่ายแรงกระแทกลงไป มันจะทำให้เท้ากระแทกที่พื้นเบามากจนไม่รู้สึกเจ็บ ที่นี่ใช้เป็นทางหนีได้ดีเลยละ ถ้าล่อใครให้วิ่งตามขึ้นมา” แบงค์เดินมาดูที่ราวระเบียง

ตื๊อออ........... ตื๊อออ..........

“แปปนะ” เชนบอกแล้วก็รับโทรศัพท์
“มีอะไรเหรอ” เชนถาม
“*อยู๋ไหนวะ*” อาทถามกลับ
“อยู่แถวจุดชมวิว” เชนตอบ
“*จุดไหนวะ มันมีตั้ง 6 ที่*” อาทบ่น
“เออๆ อยู่ไหนละ เดี๋ยวจะไปหา” เชนบอก
“*ไม่ต้องละ แค่ถามเฉยๆ ตอนนี้เจออะไรๆดีๆละ*” อาทพูดเสร็จก็วางสายไปทันที
“เชนว่ามันแปลกมั้ย ถ้าใครสักคนจะรู้ความลับของใครอีกคนอย่างง่ายดาย” แบงค์ถาม
“ไม่มั้ง แล้วมานี่เพื่ออะไรเนี่ย” เชนพูดขึ้นอย่างสงสัย
“เอาเป็นว่า อีก 1 นาที ถ้าเชนนั่งอยู่ตรงนี้ จะมีใครกลุ่มหนึ่งผ่านขึ้นมาที่นี่ ซึ่งเราอยู่ไม่ได้หรอก ต้องไปก่อนละ” แบงค์ยิ้มให้
“พูดซะ เวอร์ปะเนี่ย” เชนถาม
“เชื่อใจในฝีมือการคำนวณเราซิ ฟังจากเสียงฝีเท้าอันเบาสุดๆแล้ว คำนวณได้ว่า อีก 1 นาที ฝีเท้านั้นจะเดินมาถึงที่นี่” แบงค์ตอบเสร็จก็จับราวระเบียงกระโดดลงไปข้างล่างทันทีโดยใช้หลักการของเขา แล้วเขาก็เดินไปอย่างหน้าตาเฉยไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“จะเป็นได้เหร๊อ ที่จะมีคนขึ้นมา ปกติที่นี่ก็คนน้อยอยู่แล้ว ในวันงานปีที่แล้วก็ยังไม่ค่อยมีคนขึ้นมากันเลย” เชนพูมพึมพำอยู่ลำพัง แล้วสักพักเขาก็ได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งกำลังพูดคุยกันซึ่งเสียงนั้นค่อยๆดังขึ้นมาเรื่อยๆ
“ไอ้พวกเด็กนั่นมันต้องตาย ถ้าเจอนะ คราวนี้ต้องอย่าปล่อยให้มันรอดไปได้” พวกชายกลุ่มเดิมที่มีเรื่องกับพวกเชน เมื่อเชนเห็นเพียงน้อยนิดด้วยความกลัว เขาจึงรีบกระโดดลงไปจากราวระเบียงหนีทันทีด้วยวิธีที่แบงค์บอก

เมื่อเท้าเขาถึงพื้นทำตามที่บอก เขาก็รู้สึกแค่ว่าลงท้ายเหยียบพื้นเบาๆไม่เห็นกระโดดลงจากที่สูงที่ลงเท้าทั้งหมดหนักๆ แล้วเขาก็รีบวิ่งหนีไปอย่างไม่รีรอ

“เจอพวกนี้อีกแล้วเหรอเนี่ย” เชนวิ่งมาหยุดที่ลานน้ำพุของโรงเรียน
“ไงน้องสาว กินข้าวเที่ยงกับพวกพี่มั้ยจ๊ะ” พวกนักเรียนชายห้อง 4-D เดินเข้ามาล้อมกลุ่มของพวกซากุระโกะ
“นี่พวกแกจะไปไหนก็ไปเลย” มาโดกะขึ้นเสียงใส่
“ปากหนักดีนะแม่คนนี้ ปากแบบนี้กินน้ำพริกหน่อยมั้ยจ๊ะ” พวกชายกลุ่มนั้นแซวแล้วก็หัวเราะกัน
“*พวกรังแกชาวบ้านอีกแล้วเหรอเนี่ย ขืนปล่อยไว้ พวกนักเรียนหญิงกลุ่มนั้น อาจจะไม่พอใจ*” เชนคว้าไม้เล็กๆอันหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ศรไฟ 5 ดอก(เฟอเรว ไรมิโค้)” เชนใช้ไม้เท้าเล็กอันนี้ร่ายเวทย์มนต์ไฟไว้ที่ปลายนิ้วทั้ง 5 และเดินเข้าไปหา
“นี่ น้องเพิ่งเข้าแผนกม.ปลายใหม่ๆ อย่าเพิ่งทำซ่าเลยนะ” เชนบอก
“แล้วจะทำไม คิดว่าสูงกว่าแล้วกลัวหรอ” ชายคนหนึ่งตะหวาดใส่
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เตือน รวมทั้งเตือนให้ระวังไฟที่ไหม้ตรงขาด้วย” เชนพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มนิดๆ
“กลิ่นอะไรไหม้อ่ะ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นพูดขึ้น
“ก็ที่ขาพวกแกไง” มาโดกะบอก แล้วพวกนั้นจึงมองกันและแตกตื่นกันรีบวิ่งไปหาน้ำมาดับ

“*เห๊อ ทำไมโรงเรียนเรามีคนแบบนี้เยอะจังเลย หรือว่าไม่เยอะ แต่เราเจอบ่อยเอง*” เชนบ่นพึมพำ
“ขอบใจมากนะรุ่นพี่ เอ๋... อ่าไม่รู้จักชื่อขอเรียกแค่รุ่นพี่แล้วกันนะค่ะ” มิสะบอก
“ไม่เป็นไรครับ” เชนยิ้มให้
“แล้วไฟเมื่อกี๊มันเกิดได้ยังไง” มาโดกะถามด้วยความสงสัย
“ผมใช้ไฟแช๊คลนที่กางเกงพวกมันเองละครับ” เชนตอบ
“ผมชื่อ เชน อยู่ห้อง 5-A ครับ ยังไงวันหลังถ้ามีอะไรก็เรียกให้ผมช่วยได้นะครับ พวกนักเรียนที่มันซ่าให้ผมช่วยจัดการก็ได้ ลูกศิษย์แว่นมรณะซะอย่าง ผมช่วยได้แน่นอนครับ” เชนบอก
“ค่ะ ไม่มีอะไรแล้วละ ขอบใจรุ่นพี่เชนมากเลยนะคะ” ซากุระโกะกล่าวคำชมเสร็จ เชนก็เดินจากไปทันที

“เชนทำพลาดนิดๆแล้วละ” เสียงของแบงค์ดังขึ้น
“พลาดเหรอ พลาดยังไง” เชนถาม
“ไม่รู้ซิ แต่เหมือนกับว่า มันจะไม่ปลอดภัยสำหรับเชนอีกต่อไปแล้ว” แบงค์พูดขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยดี

“มีนักเรียนจอมเวทย์อยู่ในนี้ด้วยเหรอเนี่ย น่าสนใจแฮะ” เอวาเจลีนบอก
“มาสเตอร์ค่ะ แต่คนนั้นเขาเป็นรุ่นพี่นะค่ะ” ชาช่ามารุบอก
“จะรุ่นพี่อ่ะ ฉันยังแก่กว่าพวกมันอีก” เอวาเจลีนตะหวาดใส่
“ค่ะ แต่ในฐานะการเรียนแล้ว พวกเราคือรุ่นน้องนะค่ะ” ชาช่ามารุพูดซ้ำ

“ลูกพี่ครับ นั่นมันเวทย์มนต์ชัดๆ” คาโมบอก
“ครับ ผมเห็นแล้ว แปลว่ายังมีนักเรียนจอมเวทย์อื่นอีกนอกจากคนที่ท่านผ.อ.แนะนำให้รู้จัก” เนกิบอก
“แปลว่าจะมีศัตรูเพิ่มขึ้นอีกเหรอ” อาสึนะถาม
“ไม่หรอกพี่สาว ถ้าเขาไม่ใช่พวกจอมเวทย์สายมืด” คาโมตอบ
“ไปต่อเถอะจ๊ะ ยังไง ถ้าเป็นอย่างที่อาสึนะบอก ที่นี่ก็ยังมีคนอื่นอีกมากมายที่จะจัดการแทนพวกเราได้นี่” โคโนกะบอก
“จริงมั้ย เซตจัง” โคโนกะถาม
“ค่ะ คุณครูไปเถอะค่ะ ดูท่า รุ่นพี่ 2 คนนั้นดูแปลกๆ เขามีอะไรมากกว่าที่คิดไว้” เซตซึนะตอบ
“ครับ ผมก้รู้สึกแปลกๆ โดยเฉพาะคนที่จู่ๆก็โผล่ไปเดินกับคนที่เป็นจอมเวทย์ ซึ่งยังไม่เห็นกันเลยว่า เขามาจากไหนยังไง” เนกิบอก
“เอาไว้ให้ พี่สาวคาสึมิหาข้อมูลมาให้แล้วกันครับลูกพี่ ผมหิวแล้ว ไปหาไรกินก่อน” คาโมพูดเสร็จพวกเนกิก็ไปต่อกันทันที แต่เนกิยังมีความสงสัยค้างคาใจ ซึ่งหลังจากที่เพื่อนๆไปกันหมดเหลือแต่เขา เขาที่ยังยืนมองอยู่นั้น จู่ๆก็มีนักเรียนเดินผ่านไปเพียงแว๊ปเดียว เขาก็เห็นรุ่นพี่ที่เขาสงสัยนั้นมายืนอยู่ตรงหน้า
“สวัสดีครับคุณครูเนกิ” นักเรียนคนนั้นกล่าวคำทักทาย แล้วเขาก็เดินสวนกลับไปอีกทาง

“เนกิ ยังจะยืนรออีกอะไรละ เร็ว” อาสึนะเดินกลับมาเรียกๆ
“ครับๆ” เนกิที่ตกใจกลัวนั้นเรียกเดินตามไปทันที
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #3 on: July 11, 2006, 05:15:40 AM »

ตอนที่ 4 ค่ำคืนแห่งการเปิดศึก ชมรม ปะทะ ชมรม

เย็นวันนั้น นักเรียนทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไป พวกเพื่อนในห้อง 5-A ก็กลับไปยังหอพักชายมาโฮระ
“แผลที่ท้องหายยังละ” แบงค์ถาม
“ปวดนิดๆ ยัยนั่นมันหนักโคตรเลย ผู้หญิงบ้าอะไรวะ” แพ๊คบ่นขึ้น
“นอน เหอะๆ จะเอาไรเปล่า เดี๋ยวออกไปซื้อไรข้างนอกมาให้” แบงค์ถาม
“อะไรก็ได้ที่มันกินได้” แพ๊คตอบแล้วก็ขึ้นนอนที่เตียงทันที
ซึ่งเตียงนั้นเป็นเตียง 2 ชั้นแพ๊คนอนข้างล่างแบงค์นอนข้างบน ซึ่งเป็นห้องพักที่ไม่ใหญ่นัก จึงอยู่ได้กันประมาณ 2-3 คน

พอแบงค์ออกมาจากห้องก็เห็นนักเรียนกลุ่มหนึ่งมายืนอยู่ที่หน้าห้องของเต้ สักพักเต้ก็เปิดประตูออกมาคุยด้วย ซึ่งมันอยู่คนละฝั่งกับห้องที่แบงค์ เขาจึงไม่ได้ยินการสนทนาครั้งนั้น แต่เขาก็ยืนดูอยู่สักพัก แล้วเต้ก็กลับเข้าไปในห้อง แล้วนักเรียนกลุ่มนั้นก็เดินลงบันไดกลับออกไป ไม่นานเต้ก็แต่งชุดนักเรียนเดินออกมาจากห้องและเดินลงบันไดตามไปพร้อมกับสีหน้าที่ตรึงเครียด แล้วแบงค์ก็เดินตามไป
“แบงค์ จะออกไปไหนหรอ” เชนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องตัวเองนั้น ถามขึ้น
“ออกไปซื้อของให้แพ๊ค แล้วก็ออกไปออกกำลังกายนิดหน่อย ร่างกายจะได้แข็งแรง” แบงค์พร้อมกับรอยยิ้มและเดินผ่านไป
“ออกกำลังกายตอนกลางคืนเนี่ยนะ” เชนถามอีก
“นั่นแหละกำลังดี ยิ่งกลางคืนวันนี้มันร้อนผิดปกติ ถ้าออกกำลังกายก็น่าจะเหงื่ออกง่าย” แบงค์ตอบทิ้งท้ายแฝงความสงสัยของเชนเอาไว้

“เต้คุง จะไปไหนเหรอ” แบงค์ทีรีบวิ่งตามมานั้นถามขึ้น
“ชมรมเขาบอกเรียกประชุมด่วนที่ลานต้นไม้โลกที่โรงเรียน” เต้ตอบ
“ไปด้วยดิ ก็จะผ่านไปแถวนั้นเหมือนกัน ไปซื้อของให้แพ๊ค” แบงค์บอก
“อือ ไปดิ” เต้พูดเสร็จทั้งคู่ก็เดินไปด้วยกัน
“โทโคอุจิ เขาคิดจะอะไรละเนี่ย” แบงค์ถาม
“ไม่รู้ซิ สงสัยจะมีเรื่อง” เต้ตอบ
“เห๊อ คนเราเน๊อ” แบงค์พูดอย่าสลดใจทันที

เมื่อมาใกล้ถึงโรงเรียน
“เอาล่ะ เราไปซื้อของในร้านนี้ละ เต้ไปต่อเลยนะ ขอให้โชคดีละ โชว์พลังภายในที่เรียนมาให้มันเห็นเลย สู้ๆ” แบงค์พูดให้กำลังใจ
“เออ ขอบใจ” เต้พูดเสร็จก็เดินไปต่อทันที แล้วแบงค์ก็เดินเข้าร้านสะดวกซื้อไปทันที
“จะซื้ออะไรไปนั่งกินระหว่างชมถ่ายทอดสดดีละ” แบงค์เดินดูขนมตามชั้นไปในร้าน

ที่ลานใต้ต้นไม้โลก
“เอาล่ะ วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ชมรมพลังภายในจะตามหลังชมรมวิทยายุทธจีนมาตลอด” โทโคอุจิบอก
“ถ้าพวกลื๊อล้งอั๊วได้ก็เชิงเลย” เฟยบอก
“ท่านประธานยอดเยี่ยมครับ” เหล่านักเรียนในชมรมวิทยายุทธจีนต่างปรบมือและส่งเสียงเฮกันขึ้น
“ทุกคนมาครบแล้ว รุ่นพี่โทโคอุจิ” นักเรียนในชมรมพลังภายในคนหนึ่งวิ่งเข้ามาบอก
“อือ” โทโคอุจิบอก
“ชงรมอั๊วดังกว่ามีคงเยอะกว่า อั๊วจะตัดคงให้เล่าๆกังแล้วกัง” เฟยพูดเสร็จก็หันกลับไปแล้วก็ใช้มือสับลงไปยังทางพวกสมาชิกในชมรม
“เอ๋ จะตักฝั่งไหนออกดี” เฟยถามขึ้น
“โถ่ ประธานเฟย ได้โปรดให้พวกเราได้ร่วมสู้เถอะครับ” เหล่าสมาชิกทั้งสองฝั่งพูดขึ้น
“งั้งพวกแหลวหน้า 3 แถว ออกไปให้หมก ที่เหลืออยู่กะอั๊ว” เฟยพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
“ขอร้องให้พวกเราได้สู้ด้วยเถอะนะครับ” พวกที่ถูกตัดออกนั้นวิ่งเข้ามาอ้อน
“คำของอาจารย์ถือว่าเป็งคำขาดเน๊อ หากไม่ไปอั๊วไล่เตะจริงด้วย” เฟยบอก
“ครับ ไปแล้วครับ” แล้วคนกลุ่มนั้นก็รีบวิ่งหนีไปกันทันที

“นี่เธอจะดูหมิ่นชมรมพวกเรามากไปซะแล้วนะ แม่หนู ถึงจะแค่ม.3ก็เถอะ แต่มาหยามกันแบบนี้ก็ไม่ไว้แหละ” โทโคอุจิเริ่มกำหมัดแน่น
“เต้คุง กินหนมก่อนมั้ย กินให้อิ่มค่อยสู้” แบงค์ที่วิ่งตามมานั้น วิ่งเข้ามาหา
“อารายกันเนี่ย” เฟยถาม
“อ้าว ไงครับ ประธานเฟย” แบงค์ทักทายขึ้น
“ไม่อาว พวกลื๊อขี้โกง ดึงคงจากชงรงอื่งมาด้วยเนี่ย ขี้โกงกังชักๆ” เฟยทำหน้างอนขึ้นทันที
“เปล่าครับ ผมแค่เอาขนมมาให้เพื่อนกิน กับนั่งดูการต่อสู้เฉยๆ นานๆทีจะได้เห็นอะไรมันๆ” แบงค์บอก
“งั้งก็ดีไป *แหม ถ้ามีลื๊ออยู่ละก็ อั๊วก็มีหวังแพ้ได้ละซิ*” เฟยพูดขึ้น
“ไม่ละ เดี๋ยวจุก” เต้บอก
“อ้า งั้นไม่เป็นไร เรานั่งกินอยู่ม้านั่งตรงนั้นนะ ใครหิวก็มาได้เลย เงินแพ๊คมัน ไม่ใช่เงินเรา กินกันเต็มที่ไปเลย” แบงค์พูดเสร็จก็เดินไปนั่งที่ม้านั่งที่วางตามล้อมโคนใต้ต้นไม้โลก

“เอาล่ะ พวกเรา ใช้วิชาที่ฉันสอนวันวานเลย” โทโคอุจิบอก
“หมัดวายุพิษ” ทั้งชมรมพลังภายในต่างพูดกันพร้อมกันและใช้หมัดที่เกร็งไว้นั้นออกหมัดไปข้างหน้า
เฟย เห็นก็ยิ้มและยืนเฉยๆ ส่วนพวกด้านหลังนั้นต่างวิ่งหนีกันทันที แต่หมัดที่ออกไปนั้นกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
“ฮ่าๆๆๆ นี่นะเหรอประธานเฟย ตอนนี้รู้ตัวมั้ยว่าโดนพิษจากเพลงหมัดนี้เข้าแล้ว ทันทีที่ออกหมัดไป หากใครสูดอากาศในช่วงนี้ เท่ากับสูดพิษเข้าร่างกาย” โทโคอุจิบอก
“ไม่หรอก ไม่หรอก ม่ายเห็งหรอว่าอั๊วใช้มือปัดไปหมก เดี๋ยวจะทำให้ดู” เฟยพูดเสร็จก็ตีแขนที่กอดอกไว้นั้นแผ่ออกไป แล้วลมรอบๆตัวเฟยก็เป็นคลื่นกระจายออกไป
“พวกเราลุย !” โทโคอุจิพูดเสร็จเหล่าสมาชิกในชมรมต่างก็วิ่งเข้าประจัญทันที ในขณะที่พวกสมาชิกในชมรมของเฟยนั้นต่างสำลักพิษกันทั่วหน้า

“เซน” สมาชิกชมรมพลังภายในต่างใช้นิ้วในการแทงใส่สมาชิกชมรมของเฟยทำให้จุดบริเวณที่โดนแทงนั้นชาจนขยับไม่ได้
“เอาล่ะ คราวนี้ก็ตาเธอละ เฟย หมัดเสือขาว ชิ” โทโคอุจิกำมือหงิกแล้วก็จ้วงใส่ แต่เฟยหลบออกข้างและจับที่ข้อมือของโทโคอุจิและเหวี่ยงตัวเองกระโดดข้ามหัวไปอยู่ด้านหลัง
“8ปรมัตถ์ถล่มมาร” เมื่อเฟยลงมาได้ก็กระชากมือกลับทำให้โทโคอุจิหันตามมา แล้วเธอก็ใช้ฝ่ามืออีกข้าง ผลักใส่โทโคอุจิจนกระเด็นไปไกลกว่า 30 เมตร ซึ่งกระเด็นกระแทกกับพื้นไปตามทาง
“รุ่นพี่โทโคอุจิ” สมาชิกในชมรมต่างวิ่งเข้าไปดูอาการ
“เฮ้ย จะหยุดทำไม อัดพวกมันต่อไป ขาดฉันไปคนเดียว อย่าหมายถึงว่า ชมรมเราจะแพ้ซิ” โทโคอุจิบอก

“ใครอยากโดงแบบนั้งอีกก็เข้ามา” เฟยบอก
“เต้ สู้ๆ เต้ สู้ๆ” แบงค์ให้เสียงเชียร์พรางกินขนมไป เมื่อเต้ได้ยินก็มีแรงฮึดขึ้นมา
“*ต่อหน้าเพื่อนเราจะแพ้ไม่ได้*” เต้กำหมัดแน่แล้วก็ผ่อนคลายออก
“*ม่ายด้าย ต่อหน้าเค้า เราต้องแสดงให้เต็งที่*” เฟยนึกไปในใจแล้วเต้ก็วิ่งตรงเข้ามา
“หมัดลับแห่งเต้คุง โซเซน...” เต้ใช้หมัดขวาออกหมัดใส่ โดยเอาแขนซ้ายนั้นมาขั้นไว้ เฟยก็ประหลาดใจว่า ต่อยแขนตัวเองทำไม
“โอ้ ท่านรองเต้ ใช้ท่านั้นสำเร็จด้วย” สมาชิกในชมรมต่างตกใจ
“โซ โซ้” เต้เปร่งเสียงออกมา แล้วเฟยก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างบีบตัวเธอไว้แน่นแล้วก็มีแรงลมขนาดใหญ่กระชากเฟยอย่างแรงจนกระเด็นไปราวๆ 10 เมตร
“เฮ้ย ประธานเฟย ล้ม ไม่น่าเชื่อ” สมาชิกที่สองชมรมที่สู้ๆกันแล้วมองดูนั้นเห็นก็ตกใจ
“เต้ เก่งสุดยอด จบนี่เดี๋ยวพาไปเลี้ยงข้าวเลย เงินแพ๊คมากินกันให้เต็มที่” แบงค์ตะโกนบอก แล้วเต้ก็ยิ้มขึ้น

“*ไม่ได้ เรามาพรากท่าซะแล้วเหรอเนี่ย ต่อหน้าคงนั้งด้วย*” เฟยนอนนึกอยู่อย่างแน่นิ่ง
“ประธานเฟย เป็นอะไรมั้ยครับ” สมาชิกในชมรมต่างวิ่งเข้ามาดูอาการ
“เป็นไงละ เธอก็ไม่ต่างจากฉันหรอก แถมยังโดนแค่รองประธานชมรมของฉันอัดอีก ฮ่าๆๆ” โทโคอุจิหัวเราะใส่
“พวกลื๊อทำให้อั๊วอักอายต่อหน้าคงนั้ง พวกลื๊อต้องชกใช้” เฟยลุกขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่โกรธ
“9วรยุทธพระโพธิสัตว์...” เฟยตั้งท่าย่อตัวลงและกางแขนไปข้างหน้าและข้างหลัง
“น้อมนมัสการ” แล้วเฟยก็พุ่งผ่านกลุ่มชมรมพลังภายในไปหยุดยืนอีกฝั่งอย่างรวดเร็วโดยใช้ศอกนั้นอัดเข้าที่ท้องเต้ที่เป็นปลายทาง
แล้วพวกสมาชิกในชมรมที่เฟยผ่านไปนั้น ต่างกระเด็นออกไปคนละฝั่งตามทาง
“แบงค์ เราทำได้แค่นี้ละ” เต้หันไปบอกพร้อมกับชูนิ้วให้ ก่อนที่จะล้มลง
“เฟย แกเก็บลูกน้องฉันเรียบ เพราะฉะนั้น เรามาดวลกัน ด้วยหมัดเดียว ถ้าฉันแพ้ ฉันจะขอออกจากชมรมทั้งหมด และใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยโดยให้เธอดูแลสมาชิกในชมรมฉันแทน หรือง่ายๆก็รวมชมรมซะ แต่ถ้าฉันชนะ เธอต้องเป็นฝ่ายที่ออกจากชมรมแทน” โทโคอุจิบอก
“ได้เลยฮ่า อั๊วชอกแบกตัวๆ” เฟยหันกลับมา
“เต้คุง อย่าเพิ่งแพ้ซิ ลุกขึ้น เร็วๆ ไม่เอาน่า ห้องเราติงต๊องบ้าบอ แต่ก็ใจสู้นะ อย่าลืมซิ พวกเราลูกศิษย์แว่นมรณะ อย่าเอาชื่อมาทิ้งซิ” แบงค์ตะโกนบอก
“เต้ ลุกขึ้น ลุก ลุกขึ้นซิ กล้าแพ้ต่อหน้าเราหรอ เต้ เก่งกว่าเราอีก ลุกขึ้นซิ” แบงค์พยายามตะโกนเรียก

“สุดยอดเคล็ดลับวิชาแห่งโทโคอุจิ หมัดเหล็กมหาวายุเพลิง” โทโคอุจิวิ่งเข้ามาพร้อมกับแรงลมที่หมุนรอบหมัดของเขา
“เกร็งปาน...” เฟยยืนมองดูแบงค์ที่กำลังเรียกเพื่อนของเขา และตนก็สะบัดมือข้างหนึ่งลง
“ตายซะเถอะ” โทโคอุจิจ้วงใส่ทำให้แรงลมที่เก็บมานั้นกระจายออก
“วิชาลมปาน” เฟยย่อตัวถอยหลบหมัดและต้านแรงลมดันตัวขึ้นมาและใช้ท่อนแขนอัดใส่
“นี่น่ะเหรอ ลมปานที่เลื่องลือ” โทโคอุจิพูดขึ้น
“ของจริงมังต่อจากนี้ต่างหาก” เฟยใช้มืออีกข้างที่เกร็งปานไว้แตะสัมผัสเบาๆที่อกของโทโคอุจิ แล้วพลังปานก็แผลงฤษธิ์เสื้อของโทโคอุจิฉีกกระจายเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วร่างของเขาก็กระเด็นลอยไปตกประมาณ 10 เมตร
“อั๊วชนะแล้ว” เฟยบอก
“ไม่ ไม่ เรายังสู้ต่อได้” เสียงของเต้ดังขึ้นแล้วเขาก็ค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นมา
“เต้ สู้ๆ” แบงค์เชียร์ พอเต้ลุกขึ้นได้สักพัก เขาก็หมดแรงล้มลง แบงค์จึงรีบวิ่งเข้ามาพยุงตัวไว้

“เฟย เธอชนะแล้ว พอเถอะ” แบงค์บอก
“ก็ร่าย” เฟยเชิดหน้าหนี
“เธอต้องการอะไร งั้นเอางี้ดีกว่า ถ้าภายใน 10 วินาที ถ้าเธอทำให้ฉันล้มได้ ฉันจะยอม ฉันรู้ว่าเธอต้องการบางอย่างจากฉัน” แบงค์บอก
“งั้งก็เอา อั๊วชอบลุยๆหรู่แล้ว” เฟยบอก

“อั๊วก็อยากรู้แหละว่า ในโรงเรียงนี้ จะมีผู้ยอกฝีมือแบบเก่งๆสักกี่คง” เฟยพูดเสร็จ แบงค์ก็พาเต้ไปนั่งที่ม้านั่งแล้วก็หันกลับมา
“1... 2...” แบงค์เริ่มนับเวลา เฟยก็ใช้วิชาตัดระยะเข้ามาอยู่ใกล้ๆอย่างรวดเร็วโดยไม่เห็นล่องลอยพร้อมกับกระโดดเตะใส่ แบงค์ก็หยิบขนมขึ้นมาอย่างปกติ แต่ลูกเตะของเฟยนั้นจู่ๆก็เหมือนมีแรงต้านแล้วเธอก็กระเด็นออกไป แต่เธอพลิกตัวกลับมายืนได้
“4... 5... 6...” แบงค์ก็นับต่อไปเรื่อยๆ
“ตัดสินด้วยอันนี้ละ หมัดเคลื่อนพิภพ” เฟยวิ่งเข้ามาใช้หมัดขวาโจมตีใส่ แบงค์จึงกระเด็นออกไปแต่ตีลังกากลับหลังตั้งตัวได้ทัน แต่เขาก็ไม่เห็นเฟยแล้ว
“8... 9...” แบงค์ก็ยังคงนับต่อ
“จกแล้วเน๊อ” เฟยยิ้มขึ้นอย่างพอใจแล้วก็กวาดขาล่างทำให้แบงค์ล้มลง
“หมัดเคลื่อนพิภพ” เฟยโจมตีใส่ในระยะใกล้ๆ แบงค์จึงหลับตาลง
“*ระยะเวลา 0.3 วินาที แรงลมสูง ก้มหลับดีมั้ย ไม่น่า มันก็แพ้ทันที ใช้แขนกั้น ก็อนาถแถมแพ้อีก งั้นทางสุดท้าย เคล็ดวิชาขี้โกงของเรา...*” พอเขาลืมตาขึ้นมาก็จับที่ข้อมือของเฟยและเหวี่ยงตัวไปด้านหลังเหมือนอย่างที่เฟยใช้กับโทโคอุจิ แต่เขาปล่อยมือทันที เพื่อทิ้งตัวออกมาได้ระยะหนึ่ง
“ฉันขอใช้กระบวนท่านี้แก้แค้นให้เพื่อนของฉัน หมัดโซเซน...” แบงค์พูดขึ้นเสร็จก็กำหมัดซ้ายแน่นและออกหมัดพร้อมกับยกแขนขวาขึ้นมาขวาง ทำให้หมัดนั้นโจมตีใส่แขนขวาของเขา
“*แย่แล้ว การโจมตีแบบไม่มีทิกทาง มังมาทางไหนเนี่ย*” เฟยเริ่มถอยออกมาพร้อมกับหันไปมา เพื่อจับจิตถึงพลังหมัดที่แบงค์ใช้ออกมา
“หมัดนี้ฉันใช้ตามที่ดูเต้ทำ โซ โซ้...” แบงค์ก็ตะโกนออกมา
“ปานคุ้มภัย” เฟยใช้มือทั้สองข้างเกร็งปานทันที
“ฮ่าๆๆๆๆ ขอโทษด้วยนะเฟย ที่จริงแล้ว ฉันทำไม่เป็นหรอก ท่าอะไรนั่น บอกแล้วว่าฉันเก่งแต่แค่คำนวณ กับเลียนแบบท่าชาวบ้านขู่คนอื่นเท่านั้น และอยากจะบอกเธอว่า 10... เธอแพ้แล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนละ” แบงค์ยิ้มให้ แต่กลับทำให้เฟยโกรธ
“ขี้โกงมาหลอกอั๊วได้ *เก่งแล้วยังขี้โกงอีก ร้ายกาจมาก” เฟยวิ่งงอแงหนีไปทันที

“ไป เต้ กลับกันเถอะ” แบงค์เดินเข้าไปพยุงเต้ แล้วเขาก็กลับหอพักกัน

และแล้วการศึกครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการปะมือระหว่างผู้มีฝีมือเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆนั้น ยังคงต้องฝึกอีกยาวไกล
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #4 on: July 11, 2006, 05:16:14 AM »

ตอนที่ 5 มายาแห่งความรัก

ในคืนวันต่อมาท่ามกลางแสงจันทร์อันเต็มดวงที่สาดส่อง ณ ลานต้นไม้โลก ตำนานแห่งต้นไม้โลกที่ว่า ใครที่สารภาพรักใต้เงาต้นไม้โลกนี้ จะสมหวังกันไปจนตาย และในค่ำคืนนั้น
“ซากุระโกะครับ พอซากุระโกะยิ้มแล้วน่ารักจังเลยนะครับ” เชนยิ้มให้
“รุ่นพี่เชนค่ะ” ซากุระโกะสบสายตาอันหวานซึ้งพร้อมกับใบหน้าที่แดงกล่ำ
“ครับ ผมพอจะรู้ว่าซากุระโกะจะบอกอะไร” เชนเอามือขึ้นมาลูบที่แก้มอันบางๆของซากุระโกะ
“หลับตาลงนะครับ” เชนเอ่ยเสียงเบาๆ
“ค่ะ” ซากุระโกะก็หลับตาลง… (แล้วเราก็มานั่งชมจันทร์กันดีกว่านะครับ เหอะๆ บทนี้อาจจะลึกซึ้งกันไปนิดๆ...)
“อ...อืม...อือ...อื้อ...อื๊ม...” ซากุระโกะครางเสียงออกมาเล็กๆ

“ซากุระโกะ ซากุระโกะ” เชนจับที่ไหล่ของเธอและเขย่าเบาๆ จนเธอลืมตาขึ้นมา
“เห๊อ ตื่นแล้วเหรอจ๊ะ” มาโดกะพูดขึ้นพร้อมกับอมยิ้ม
“นี่ฉันหลับไปเหรอเนี่ย” ซากุระโกะถาม
“ก็ใช่ซิ ฝันกลางวันคงจะหวานน่าดูเลยนะ” มิสะตอบ
“ก็เล่นเอาแต่พูด “รุ่นพี่เชน อย่านะ อย่านะ เดี๋ยวใครมาเห็น” นี่เธอฝันอะไรไปเนี่ย” มากิเอะถาม
“ว๊าย พวกเธอจะมาฝังใจอะไรกับคำละเมอของฉันเล่า *นี่เราละเมอพูดแบบนั้นออกมาเหรอเนี่ย*” ซากุระโกะขึ้นเสียงใส่ แล้วพวกเพื่อนๆต่างก็นิ่งเงียบแต่อมยิ้มแทน จนกลั้นไม่ไหวจนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แล้วซากุระโกะก็วิ่งไล่พวกเพื่อน พวกเพื่อนๆของเธอต่างก็วิ่งหนีกันอย่างสนุกสนาน

ที่ห้องพักครู
“อ.ทาคาฮาตะครับ มีเรื่องอยากจะถาม” แพ๊คเดินเข้ามาถาม
“มีอะไรเหรอ” อ.ทาคาฮาตะวางปากกาจากการทำงานหันมาสนใจนักเรียนของเขา
“คือ ห้องเราเนี่ย มันขึ้นชื่อว่า โคตรห่วยแตกสุดๆเนี่ย ผมว่า ถ้าจู่ๆพวกผมเปลี่ยนจากนรกเป็นสวรรค์ได้ อ.จะรับไหวมั้ยครับ” แพ๊คถาม
“อะไรกัน ฉันเป็นครูมาตั้งหลายปี เจอนักเรียนมาทั้งหลายรูปแบบ หนักกว่าพวกเธอฉันยังเอาอยู่เลย” อ.ทาคาฮาตะตอบ
“แฮะๆ เชน เธอช่วยไปเอาข้อมูลนักเรียนของพวกเธอมาทีซิ ที่ห้องเก็บข้อมูลเกรด A ถามภารโรงแถวนั้นก็ได้นะ มันเป็นห้องเก่าแล้ว ข้อมูลพวก ม.5 ม.6 จะถูกเก็บไว้ที่นั่น พอหมดรุ่นเธอ ห้องนั้นก็ปิดตายละ” อ.ทาคาฮาตะบอก แล้วเชนก็เดินออกไปจากห้อง เดินออกจากอาคารไปเข้าอาคารใหญ่

“ทำไมวันนี้น่าเบื่อจัง ตั้งแต่ตื่นมาแหละ สงสัยจะนอนไม่ค่อยหลับจากเมื่อคืน” เชนเดินไปอย่างซึมๆ
“เห๊อ ถ้าวันนี้แบงค์ไม่อยู่เฝ้าไข้เต้ที่โรงพยาบาลก็ดีละซิ ไม่น่าเชื่อ ขาดเพื่อนบางคนในเวลาบางเวลา มันเงียบเหงาขนาดนี้เลย” เชนบ่นพึมพำไปมาจนเข้าเดินมาถึงอาคารใหญ่
“เฮ้ย เชนจะไปไหนอ่ะ” ยะที่เดินสวนทางออกมาทักทายและถามขึ้น
“ไปเอาของให้อาจารย์” เชนตอบ
“เออ งั้นไปเหอะ เดี๋ยวรอที่สนามบาส ถ้าจะไปเล่นก็ไปนะ” ยะพูดเสร็จก็วิ่งออกไปทันที
“คนเรา เหอะๆ น่าจะไปช่วยถือกันบ้าง” เชนบ่นอยู่สักพักแล้วเขาก็เดินไปที่นักเรียนที่กำลังกวาดพื้นอยู่
“น้องครับ ห้องข้อมูลเกรด A อยู่ห้องไหนครับ” เชนถามขึ้น
“ตรงที่สุดแล้วขึ้นบันไดแล้วก็เลี้ยวขวาเข้าแผนกม.ต้นหญิง ค่ะ แล้วก็ตรงไปที่หน้าห้องจะบอก เกรดของแต่ละห้องค่ะ ห้องข้อมูลเกรด A จะอยู่ห้องที่ 3 ถัดจากบันไดลงค่ะ” นักเรียนหญิงคนนั้นตอบ
“ครับ ขอบคุณครับ แล้วน้องชื่ออะไรครับ เผื่อเจอกันคราวหน้า มีอะไรจะได้ช่วยกันได้บ้าง” เชนถาม
“หนูชื่อ ซากุระ เมย์ นักเรียนชั้น ม. 2-F ค่ะ” เมย์ตอบ
“ครับ ผมชื่อ เชน อยู่ชั้น ม. 5-A ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เชนยิ้มให้แล้วก็เดินไปต่อจนขึ้นบันไดไปตางทางที่เมย์บอก

เมื่อมาถึงห้องข้อมูลเกรด A เชนก็เข้าไปในห้องและก้มมองหาล๊อคเกอร์ที่เขียนว่าห้อง 5-A

เดี๋ยวซิ รอพวกเราด้วยซิ...

เสียงคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังวิ่งมาทางนั้นค่อยดังขึ้นเรื่อยๆ
“ซากุระโกะ อย่าหนีซิ” มิสะที่ตามมาติดนั้นตะโกนเรียก
ซากุระโกะที่เห็นประตูห้องข้อมูลเกรด A เปิดจึงรีบวิ่งเข้ามาทันที

ทันใดนั้นเธอก็ชนกับเชนที่กำลังก้มหาชื่ออยู่นั้น จนทั้งคู่ล้มไป และเกิดการจูบขึ้น ริมฝีปากเชนสัมผัสกับริมฝีปากอันอ่อนนุ่มของซากุระโกะชั่วครู่หนึ่ง
“ซากุระโกะ อ่า หนีพวกเรามาห้องอย่าคิดว่า...” มาโดกะและเพื่อนๆที่วิ่งตามเข้ามานั้นเห็นภาพที่ซากุระโกะนอนทับไปบนร่างของเชน
“ว๊าว ซากุระโกะกับหนุ่มหล่อในดวงใจซะด้วย” มิสะอมยิ้มขึ้นทันที
“สงสัยมีข่าวให้เมาส์กันหลายวันเลยละ ปะอย่าไปเป็นก้างเลย ไปบอกคาสึมิดีกว่า เครื่องกระจายเสียงของโรงเรียน” มาโดกะกับเพื่อนๆรีบวิ่งออกไปทันที
“เดี๋ยวพวกเธอ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะ หยุดก่อน *โดนเพื่อนเข้าใจผิดแล้วละซิทีนี้ ถ้าข่าวถึงคาสึมิเข้า มีหวังโดนแซวทั้งโรงเรียนแน่*” ซากุระโกะตะโกนเรียก
“ขอโทษรุ่นพี่เชนด้วยนะคะ ที่หนูวิ่งเข้ามาโดยไม่ดู” ซากุระโกะรีบขอโทษแล้วก็รีบลุกขึ้นวิ่งตามพวกเพื่อนๆไปทันที
“อย่างน้อยวันนี้ก็ได้เจอของดี” เชนยังคงนอนพักอยู่กับพื้น แล้วเขาก็หันไปมองที่ตู้ล๊อคเกอร์ก็เจอของห้อง 5-A
“อยู่นี่เอง อยู่ซะล่างสุดเลย ถึงว่าหาไม่เจอ” เชนลุกขึ้นแล้วก็ดึงชั้นล๊อคเกอร์ออกมาพร้อมกับนำเอกสารถือกลับไปให้อ.ทาคาฮาตะ

ตกเย็นในวันนั้น ณ เวลา 17.50 น. ที่ใต้ลานต้นไม้โลก
“เอาน่า อย่าโกรธพวกเราเลย พวกเราก็พูดไปงั้นๆ ไม่ไปบอกยัยเครื่องกระจายเสียงหรอก” มาโดกะเข้ามาปลอบใจซากุระโกะ
“ก็แหม ทั้งเรื่องที่ฝัน ทั้งวันนี้ มันน่าเอาไปเมาส์อยู่ออกนะ” มิสะบอก
“ห้ามทำแบบนั้นเลย ไม่งั้นตัดเพื่อนกันเลย” ซากุระโกะบอก
“เอาล่ะ กลับหอพักกันเถอะ” มาโดกะยื่นมือให้
“ไม่ละ ขอนั่งอยู่ที่นี่สักพัก เดี๋ยวดึกๆก็กลับเองละ” ซากุระโกะบอก
“จ้า แม่คนเก่ง กลับคนเดียวตอนกลางคืน ระวังหน่อยแล้วกัน ถ้ากลัวก็โทรเรียกให้พวกออกมารับก็ได้” มิสะพูดเสร็จก็เดินกลับหอพักไปพร้อมกับมาโดกะ

และแล้วเวลาก็ผ่านร่วงโรยไป นาทีแล้ว นาทีเล่า ซากุระโกะก็นั่งอย่างเงียบๆอยู่คนเดียว จนเวลาผ่านไปเป็น 19.40 น.
“อ้าว ซากุระโกะ ยังไม่กลับอีกหรอ” มากิเอะที่เลิกซ้อมยิมนาสติกจึงกลับหอพักและผ่านมาเจอ
“จ๊ะ เดี๋ยวก็กลับละ เธอกลับไปก่อนเถอะ มากิจัง” ซากุระโกะบอก
“หน้าตาดูซึมเศร้าจัง ทำหน้าแบบนี้ไม่สวยออกนะ ยิ้มเข้าไว้ จะน่ารักดีออก” มากิเอะพูดขึ้น ซากุระโกะก็รู้สึกแปลกๆขึ้น แล้วสักพักเธอก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้
“งั้นฉันกลับก่อนนะ” มากิเอะพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันสดใสของเธอ

ซากุระโกะเริ่มลองทบทวนกับตัวเองหลังจากที่มากิเอะบอก จนเวลาผ่านไปเป็น 21.15 น.
“ซากุระโกะ ยังไม่กลับอีกเหรอครับ” เสียงของชายคนหนึ่งทักขึ้น เธอจึงเงยหน้ามอง
“รุ่นพี่เชน” ซากุระโกะตกใจเล็กๆแล้วเธอก็ลุกขึ้นมาเดินเข้ามาในระยะหนึ่ง
“*เหมือนในฝันเลย ทั้งชุดและสถานที่*” ซากุระโกะนึกขึ้นได้
“ซากุระโกะครับ พอซากุระโกะยิ้มแล้วน่ารักจังเลยนะครับ” เชนยิ้มให้
“รุ่นพี่เชนค่ะ” ซากุระโกะสบสายตาอันหวานซึ้งพร้อมกับใบหน้าที่แดงกล่ำ
“ครับ ผมพอจะรู้ว่าซากุระโกะจะบอกอะไร” เชนเอามือขึ้นมาลูบที่แก้มอันบางๆของซากุระโกะ
“หลับตาลงนะครับ” เชนเอ่ยเสียงเบาๆ
“ค่ะ” ซากุระโกะก็หลับตาลง… (แล้วเราก็มานั่งชมจันทร์กันดีกว่านะครับ เหอะๆ บทนี้อาจจะลึกซึ้งกันไปนิดๆ...)
“อ...อืม...อือ...อื้อ...อื๊ม...” ซากุระโกะครางเสียงออกมาเล็กๆ

“ซากุระโกะ ซากุระโกะ” เชนพูดขึ้น ซากุระโกะจึงลืมตาขึ้นมา
“คุณซากุระโกะครับ คราวหลังอย่าหลับในชั่วโมงเรียนนะครับ” เนกิบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้
“ไม่ใช่แค่หลับค่ะคุณครูแถมยังละเมออีกด้วย” มิสะลุกขึ้นบอก
“ว๊าย *นี่เราฝันไปอีกแล้วเหรอเนี่ย*” ซากุระโกะตกใจและอายเพื่อนๆจนต้องเอาหนังสือบังหน้า แต่เพื่อนๆต่างก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
“หนุ่มหล่อคนไหนจ๊ะถึงทำให้ดวงใจของซากุระโกะคนนี้เพ้อฝันถึงได้” มิสะกระซิบถามพรางหัวเราะ
“อย่ายุ่งน่า มันก็แค่ความฝัน” ซากุระโกะบอก
“นอนต่อดีกว่า” ซากุระโกะบอกแล้วก็เอาหนังสือบังไว้และแอบหลับต่อ

จนพักเที่ยง เพื่อนๆก็มาสะกิดที่ไหล่เบาๆเพื่อปลุก จนซากุระโกะตื่นขึ้นมาก็เห็น เชนยืนอยู่ตรงหน้า
“คุณซากุระโกะครับ” เชนเอ่ยชื่อขึ้น แล้วจู่ๆก็มีมีดแทงทะลุหลังเชนออกมา เลือดนั้นกระเด็นเข้าเต็มหน้าของเธอ จนเธอกรีดเสียงร้องสุดเสียง

แล้วเธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝันในห้องพักของเธอ มิสะ และ มาโดกะ ที่นอนอยู่นั้น ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงกรี๊ดของเธอ
“ซากุระโกะ เป็นอะไรเหรอ” มิสะถาม
“เปล่าจ๊ะ แค่ฝันร้าย” ซากุระโกะตอบ
“งั้นนอนต่อเถอะ เธอชอบนอนน้อยแล้วก็ไปหลับที่ห้องประจำเลย” มาโดกะบอกแล้วพวกเธอก็นอนต่อ
“*นี่เราคงตื่นขึ้นมาจากความฝันแล้วนะ ในที่สุดเราก็กลับสู่ความจริง เรื่องทุกอย่างมันเป็นแค่ความฝันนั่นเอง*” ซากุระโกะพูดกับตัวแล้วก็หลับตาลงนอนลงบนเตียงอันอบอุ่นของเธอ

“ซากุระโกะ ซากุระโกะ” เสียงของชายคนหนึ่งเรียก พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นเงาชายแปลกหน้าคนหนึ่งค่อมร่างเธอไว้แล้วชูมีดเปื้อนเลือดขึ้นมาและแทงเธอ แต่เธอหลบได้และกรีดร้องอีกครั้ง จนเพื่อนๆของเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับเปิดไฟ
“นายเป็นใครกัน” มาโดกะถามขึ้นด้วยความกลัวเช่นกัน พอซากุระโกะเห็นหน้าชายคนนั้นเต็ม เขาก็หวาดกลัวกับใบหน้านั้นทันที ซึ่งเป็นคนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน
“ถอยไปจากเพื่อนฉันนะ” มิสะคว้าไม้เบสบอลขึ้นมา
“ฉันจะไปตามคนอื่นมาช่วยนะ” มาโดกะบอกแล้วก็วิ่งออกไปจากห้องทันที แต่ทันทีที่เปิดประตูห้อง ชายคนนั้นก็เขวี้ยงมีดปักเข้าที่กลางหลังของมาโดกะ ทำให้เธอล้มลง
“มาโดกะ” มิสะหันไปดู แล้วชายคนนั้นก็ฉวยโอกาสพุ่งเข้าชนมิสะจนกระเด็นออกไป แล้วเขาก็ไปดึงมีดที่ปักที่มาโดกะออก แล้วก็ดึงลากมิสะขึ้นมา แล้วเขาก็ใช้มีดปาดคอเธอต่อหน้าซากุระโกะ น้ำตาเธอไหลออกมาทันทีที่เห็นเพื่อนๆถูกฆ่าอย่างโหดร้าย แล้วชายคนนั้นก็เดินตรงเข้ามาที่เธอพร้อมกับใช้มีดแทงใส่เธอ

“ไม่..........” ซากุระโกะสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน
“ซากุระโกะ ตื่นแล้วเหรอ นี่มัน 7 โมง แล้วนะ รีบไปอาบน้ำแต่งตัวซิ เดี๋ยวไปโรงเรียนสายหรอก” มิสะบอก
“ฝันร้ายอีกแล้วละซิ” มาโดกะถาม
“จ๊ะ ฝันร้ายที่น่ากลัวมากๆเลยละ” ซากุระโกะตอบ แล้วเธอลุกขึ้นจากเตียงกลับไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุขในโลกแห่งความจริง
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #5 on: July 11, 2006, 05:18:06 AM »

(- -) ไม่ยักรู้ว่ามีเตือนด้วย (- -)
ห้าม รีพาย เกิน 4 ครั้ง
ขอเป็นสิทธิพิเศษได้มั้ย (- -) เพราะนิยายมัน 30 กว่าตอน (ยังแต่งไม่จบ)


ตอนที่ 6 รู้เขารู้เรา เตรียมการรบเพื่อรางวัลนั้น

หลายวันต่อมาหลังจากที่สองชมรมแห่งการต่อสู้ได้ปะทะกัน หลังจากที่เต้ออกจากโรงพยาบาลแล้วเขาก็กลับไปเรียนต่ออย่างปกติ

1 วันก่อนงานมหาเทศกาลประจำปี มาโฮระ

“เฮ้ย ข่าวเว้ยข่าว” วินเอาหนังสือพิมพ์โรงเรียนมาแจกจ่ายเพื่อนๆในห้องของเขา
“สุดยอด เต้ ได้ขึ้นหน้าหนึ่งด้วย” หนุ่ยยิ้มทันทีที่เห็นรูปเต้ในหนังสือพิมพ์
รองประธานชมรมพลังภายในที่สลายไปหลังจากศึกหนัก เต้ นักเรียนชั้น 5-A เป็นบุคคลแรกที่ทำให้ประธานชมรมวิทยายุทธจีนคูเฟย ล้มได้ในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา…

เพื่อนๆในห้องต่างเข้ามาชื่นชมให้กับเต้
“ดูข่าวบอลดีกว่าเว้ย” มิ้งบอกแล้วก็เปิดหนังสือพิมพ์หน้าอื่นๆดู
“วิน ข่าวพิมพ์ผิดเปล่า” ก๊กเรียกมาถาม
“ผิดอะไร ชมรมหนังสือพิมพ์ทำงานมา 10 กว่าปีไม่เคยผิดพลาดสักครั้ง” วินพูดโปรยๆ
“นี่ไง งานประลองประจำปีมาโฮระ เงินรางวัล 10 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ชนะหนึ่งเดียวเท่านั้น” ก๊กอ่านให้ฟัง แล้วเพื่อนๆต่างก็เข้ามาล้อมดูกัน แล้วพวกเขาก็มองหน้ากัน
“10 ล้านบาท…” พวกเขาตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน
“ใครลงบ้าง” ยะถาม
“เค้าจะลงไปโชว์ความหล่อให้ดู” แพ๊คบอก
“เอาด้วยก็ได้วะ” หรี่พูดขึ้น
“ด้วยเว้ย บอลไม่สนแล้ว แทงมาหลายเดือนโดนกินเรียบ มาเอานี่ดีกว่า มวยไทยจงเจริญ โย้” มิ้งบอก
“ด้วยเว้ย ลงไปวิ่งๆ” อาทบอก
“งั้นเราก็เอาด้วยคนซิ ถ้าใครได้เงินมา เอามาแบ่งกันด้วยนะ” แบงค์เดินเข้ามาร่วมด้วย
“เชนเอาด้วยปะ เต้ละ สุดยอดอย่างเต้น่าจะลงนะ” แบงค์ถาม
“ไม่ละ เค้าไม่สู้คน” เชนตอบ
“ไม่เอาด้วยละ เงินรางวัลแบบนี้ พวกคนเก่งๆยังมีอีกเยอะ รวมทั้งประธานเฟยด้วย หากไปเจอเข้า ได้นอนโรงพยาบาลอีกแล้วแน่” เต้บอก แล้วพวกที่ตั้งใจจะลงแข่งก็เริ่มถอดใจและแยกย้ายไปนั่งตามที่

“ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้หรอ ถ้ากลัวแบบนี้ เขาจะเรียกว่าประลองหรอก แล้วจะสู้ทำไมวะ ไม่สนเว้ย เจอใครซัดหมด เกมส์แพ้คนไม่แพ้” มิ้งบอก
“เออ เอาตามเดิม ลุย ปะ ไหนรับสมัครที่ไหนวะ” ยะพูดขึ้นแล้วพวกเขาก็เดินตามจุดรับสมัครคือที่หน้าศาลเจ้าทัตซึมิยะ

เมื่อพวกเขามาถึงหน้าศาลเจ้าทัตซึมิยะ พวกเขาก็ลงชื่อสมัครกันทันที
“เชิญพวกคุณจับฉลากได้เลยค่ะ ถ้าใครได้หมายเลขไหนคือ อยู่ในลานประลองสนามนั้นนะค่ะ รอบคัดตัวเราจะให้สนามหนึ่งบรรจุได้ 20 คน มี 8 สนาม และหาผู้ที่รอดมา 4 คน เพื่อผ่านเข้าไปในรอบจริงที่แข่งกันในวันงานนะค่ะ” หญิงรับสมัครบอก
“จับเว้ย จับเว้ย” มิ้งบอกแล้วก็ล่วงเข้าไปจับฉลากคนแรก
ซึ่งผลออกมาดังนี้
มิ้ง ก๊ก อาท ได้สนาม A , ยะ คิว ได้สนาม B , ปิง ศร ได้สนาม D , แบงค์ เต้ ได้สนาม F , หรี่ จุก แพ๊ค ได้สนามที่ H

“โอ้ พระเจ้า” เสียงชายคนหนึ่งที่ดูรายชื่อที่ติดที่บอร์ดข้างจุดรับสมัคร ซึ่งเป็นรายชื่อของผู้ลงสมัครของแต่ละสนาม ซึ่งรายชื่อของพวกแพ๊คนั้นก็จะถูกนำไปลงในนั้น ในเวลาต่อมา พอพวกแพ๊คได้ยินจึงเดินเข้าไปดูกัน
“ทำไมต้องมาอยู่สาย H ด้วยวะ โอ้ เจ้ากับประธานเฟย” ชายคนนั้นพูดขึ้น
“เฮ้ยๆ ที่เขารับคนผ่าน 4 คน มีประธานเฟยคนเดียว พวกเรายังมีหวังเข้ากันได้อยู่” ชายอีกคนบอก
“อีก 3 คนที่เหลือมันพวกเราต่างหาก” แพ๊คพูดขึ้น
นี่ๆ พอจะรู้มั้ยว่า จากรายชื่อทั้งหมด ตัวเก็งของทุกปีนี่ใครเหรอ” แบงค์เดินเข้าไปถามหญิงที่รับสมัคร
“ก็คงจะประธานเฟยค่ะ ส่วนคนอื่นนั้น ดูแล้วคงจะหน้าใหม่ค่ะ “ หญิงคนนั้นตอบ
“ครับ ขอบคุณครับ” แบงค์พูดเสร็จก็เดินออกมา

“ไง พวกลื๊อทั้งหลายก็มาลงสมัครกะเขาด้วยหรอ” เฟยถาม
“ฉันไม่กลัวแกหรอก ยัยเปี๊ยก” แพ๊คขู่เสียงใส่
“อั๊วม่ายด้ายมาหาเรื่องพวกลื๊อ แต่อั๊วจะมาบอกกับลื๊อว่า...*ถ้าลื๊อแพ้อั๊วในงางประลองนี้ ลื๊อต้องไปเที่ยวกะอั๊วในวังงางสุดท้ายทั้งวัง*” เฟยกระซิบบอกกับแบงค์ ทำให้เขาผวาทันทีที่ได้ยิน
“มันจะไม่รุนแรงไปหน่อยหรอ” แบงค์ถาม
“ม่ายหรอก อั๊วชอบคงเก่งๆ ใครที่ชนะที่หนึ่งได้ อั๊วรักตายเลย” เฟยตอบ แล้วพวกแพ๊คต้องก้ขนลุกไปตามๆกัน

“อ่ะ นี่ข้อมูลรายชื่อ หามาให้ ดูจากรายชื่อในนี้แล้ว ก็ไปหาข้อมูลของแต่ละคนมาให้ ที่ดูว่าน่าเป็นห่วงมีดังนี้ เทพแห่ง 3-A คูเฟย มานะ และ คาเอเดะ คนแรกเลย คูเฟย มีชื่อเป็นที่รองรับไปทั่วโรงเรียนว่าคือผู้ที่เก่งกาจที่สุดและเป็นแชมป์แข่งงานประลองทั้งหลายในรอบปีที่แล้วที่ผ่านมา คนต่อไป มานะ ลูกสาวเจ้าของศาลเจ้านี่ เรื่องความน่ากลัวเธอเป็นอันดับ บางคนเคยมีว่า แค่เห็นหน้าเธอก็สู้ไม่ออกแล้ว ซึ่งเธออยู่ชมรมยิงปืน ถนัดการใช้ปืนมากๆ จนกระทั่งรับงานด้วยซ้ำ คนสุดท้าย คาเอเดะ จากชมรมเดินเล่น ชมรมสุดเรื่อยเปื่อย ซึ่งข่าวลือมาว่าเธอแอบเอาเวลาของชมรมและนอกเวลาไปฝึกเหล่าวิชานินจาบนภูเขามาโฮระฝั่งตะวันออก” วินวิ่งมาบอก
“แล้วในตารางนอกจากเฟยที่อยู่ในสาย H แล้วมานะเองก็อยู่ในสาย H…” วินบอก แล้วพวกเขาต่างก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
“ฮ่าๆ แพ๊คสงสัยกลุ่มแกเตรียมคัดออกได้เลยคน” อาทบอก
“จุก แกถอนตัวไปเลย ผอมแห้งแรงน้อยสู้ไม่รอดหรอก” แพ๊คบอก
“ถ้าไอ้ผอมอ่ะ หรี่โน้น หรี่ออกไป” จุกบอก
“เลิกเถียงกันเหอะ ช่วยๆกันล้ม 2 คนนั้นซิ แค่คนเดียวพวกแกก็ผ่านกันแล้ว แถมมานะนั่น วินก็บอกว่าถนัดปืน การแข่งยังไงเขาก็ไม่ให้เอาปืนเข้าไปด้วยหรอก พวกแกสู้สบายๆ” ยะขึ้นเสียงใส่
“และอีกคน คาเอเดะ อยู่ในสาย A” วินบอก
“สุดๆ ได้เจอพวกเดียวกันแล้ว จะโชว์วิชานินจาที่ฝึกมาให้ดูเลย ว่าไม่น้อยหน้าใคร” อาทบอก

“นี่เนกิ พวกเราก็ลงบ้างดิ เงินรางวัลตั้ง 10 ล้านเชียวนะ” เสียงเด็กชายคนหนึ่งพูดขึ้น พวกแพ๊คจึงหันกลับไปมอง ก็เห็นอ.เนกิ(อาจารย์ประจำชั้นห้อง 3-A)และนักเรียนหญิงที่ตามมาอีก 4 คน
“ผมไม่ไหวหรอกมั้งครับ ดูซิ ตายสถานเดียวมีทั้งปรมาจารย์คูเฟย คุณมานะ แล้วก็ยังคุณคาเอเดะอีก” เนกิถอดใจทิ้งทันที
“ไม่สู้ก็ไม่รู้ ฉันพัฒนาฝีมือจนเก่งขึ้นแล้ว” เด็กชายคนนั้นบอก
“โคทาโร่คุงลงคนเดียวเถอะนะครับ ผมจะคอยเชียร์เอง” เนกิบอก
“ลงน่า ฉันลงชื่อแกไปเผื่อให้แล้ว” โคทาโร่บอก
“อ้าว เนกิก็มาลงแข่งประลองกับเขาด้วยเหรอ สงสัยฉันต้องลงกับเขาบ้างละ” อ.ทาคาฮาคะที่เดินผ่านมาเห็นจึงเดินเข้ามาทัก
“ไม่หรอกครับ ผมยังไม่เก่งเลย” เนกิบอก
“ไงเจ้าหนู แกลงด้วยเหรอ ลงมาให้ฉันเก็บเล่นซะดีๆ” เอวาเจลีนที่เดินตามทาคาฮาตะมา
“ถ้าอ.ทาคาฮาตะ ลงแข่ง หนูก็จะลงด้วยค่ะ” อาสึนะบอก
“อ้าวงั้นเหรอ ทำไมเยอะจังละ” อ.ทาคาฮาตะบอก
“แล้วพวกเธอละ” อ.ทาคาฮาตะหันมาถามพวกแพ๊ค
“พวกเราลงกันหมดแล้ว เชิญอาจารย์จับฉลากเลยว่าจะอยู่สายไร” แพ๊คบอก
“ได้เลย ได้เลย มาเนกิ มาจับฉลากกัน” อ.ทาคาฮาตะบอก

และแล้วผลก็ออกมาดังนี้
เนกิ ได้สนาม B , อ.ทาคาฮาตะ เอวาเจลีน ได้สนาม C , อาสึนะ เซตซึนะ ได้สนาม E , โคทาโร่ ได้สนาม F

“รอดตัวไปไม่ได้เจอกับอ.ทาคาฮาตะ” แพ๊คบอก
“ผมก็ด้วยครับ ถ้าเจอมีหวังหงายกลางเวทีแน่” เนกิบอก
“ฮ่าๆ ฉันไม่ทำอะไรขนาดนั้นหรอก อย่างมากก็ยืนอยู่เฉยๆ รอดูคนอื่นสู้กัน พอเหลือน้อยๆก็ค่อยออกแรงนิดๆ” อ.ทาคาฮาตะบอก
“เฮ้ย แว่นมรณะ ลงแข่งด้วย พวกเราเลิกเหอะ” พวกชายกลุ่มหนึ่งที่จะมาสมัครนั้นต่างก็รีบหนีทันที
“ทาคามิจิ น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอครับ” เนกิถาม
“ไม่หรอก ฉันเป็นแค่ครูแนะแนวใจดีคนหนึ่งละ” อ.ทาคาฮาตะตอบ

“รอบคัดตัวจะมีเริ่มขึ้นในเวลา 17.00 น. ขอให้ผู้สมัครทุกคนมาที่นี่ด้วยนะค่ะ” หญิงผู้รับสมัครบอก

“เอาล่ะ แยกย้ายไปเติมน้ำมันให้เต็มท้องกันเถอะ” อาทพูดเสร็จพวกเขาก็ไปหาอะไรกินกัน

“เนี่ยนะหรือ นักเรียนห้องนาย ที่บอกว่าจะเอามาปะมือกับห้องฉัน” เอวาเจลีนถาม
“ฮ่าๆ ดูพวกเขาแบบนั้น แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยจะต่างไปจากห้องเธอสักเท่าไหร่หรอก” อ.ทาคาฮาตะตอบ
“ขนาดจะสู้ในเย็น ยังจะไปหาอะไรกิน เวลาสู้ก็จุกตายเปล่าๆ แค่นี้ก็ยังไม่คิดกันเลย” เอวาเจลีนบอก
“พวกเขาก็เป็นอย่างนี้ละ ที่จริงแล้วในนั้น อยากให้เธอจับตามองดู คนที่อยู่ริมซ้ายสุด แบงค์ แล้วก็คนที่สูงๆทางขวา ยะ แล้วก็ที่อ้วนๆ อาท และอีกคน ที่ตัวผอมๆร่างเล็กที่ยืนของคนริมซ้ายสุด เต้ ขนาดข่าวยังตามไปทำเลยที่ว่า ทำให้คูเฟย ล้มได้ เขาก็เก่งไปอีกแบบนะ คนพวกนี้” อ.ทาคาฮาตะบอก
“แค่ยัยติงต๊องเยลโล่น่ะเหรอ ฉันยังล้มมันได้สบายๆเลย” เอวาเจลีนบอก
“มาสเตอร์คร๊าบ ตามสัญญานั้นยกเลิกไม่ได้เหรอครับ” เนกิถาม
“ไม่ได้ ถ้าแพ้ก็ต้องไปเที่ยวกับฉันในวันงานวันสุดท้าย” เอวาเจลีนตอบ
“งั้นฉันก็ไปหาอะไรกินสักหน่อยละ ฮ่าๆ” อ.ทาคาอาตะบอก
“หน๊อย ที่แท้อ.เป็นไง ลูกศิษย์ถึงเป็นแบบนั้นตามเลยละซิ” เอวาเจลีนบ่นใส่
“แล้วมาสเตอร์ครับ พวกเราจะไปไหนกันละ” เนกิถาม
“แกจะไปไหนก็ไป มันแค่แข่งคัดเลือก จะไปคิดมากอะไร” เอวาเจลีนบอก
“จริงด้วย ไปเที่ยวกันเถอะเนกิ” โคทาโร่พูดเสร็จก็กอดคอเนกิเดินออกไปทันที แล้วพวกเขาก็แยกย้ายกันไป

ฉนวนศึกครั้งใหญ่ที่รวมเหล่านักสู้ผู้เก่งกาจมากมายมารวมกัน พวกเขาคนไหนบ้างที่จะรอดไปแข่งรอบจริงในวันพรุ่งนี้ จะมีเพียง 32 คนเท่านั้น การต่อสู้ของกลุ่มคนหลายกลุ่มที่นำตัวบุคคลที่ใจกล้าพามาเข้าแข่ง พวกเขาจะพากลุ่มของเขาไปยังรางวัล 10 ล้านบาทได้หรือนี่
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #6 on: July 11, 2006, 05:18:47 AM »

ตอนที่ 7 ศึกก่อนงานประลอง

ที่ร้านเจ้าเปาฉี
“ซัตจังวันนี้ เพื่อนมาเยอะ เอาอร่อยๆเลยนะ” จุกบอก แล้วซัตจังก็ยิ้มให้ที่มีลูกค้ามาร้านเธอเยอะๆ
“มาพนันกันเปล่าว่า ในรอบจริงพรุ่งนี้ จะมีพวกเราสักกี่คนที่ผ่านเข้าไป” ก๊กถาม
“ไม่เว้ย เสียบอลมาเยอะ ขี้เกียจเสียอีก” มิ้งตบหัวก๊กทันที
“แบงค์คำนวณดิ” แพ๊คถาม
“ไม่ละ ข้อมูล โจทย์ ตัวแปร ไม่พอที่จะตั้งเป็นสมการได้” แบงค์ตอบ
“นี่ค่ะ ก๋วยเตี๋ยวสูตรเพิ่มพลัง *สูตรเด็ดของคุณเจ้ากับฉันคิดขึ้นมาเลยนะค่ะ*” ซัตจังบอก
“จริงเหรอ” อาทถาม
“ยะ อย่าเพิ่งกินนะ จะลองกินแล้วมางัดข้อกัน” ก๊กบอก ก๊กก็กินเข้าไปหนึ่งคำ สักพักก็มางัดข้อกับยะ

1...2...เริ่ม…

ทั้งคู่ต่างงัดข้อกันสูสีขึ้น ต้านพลังกันอยู่หลายนานจนสุดท้ายก๊กก็แพ้ไปตามเคย
“จริงด้วย แรงเยอะขึ้น ปกติงัดกับยะไม่ขึ้น 2 วิ” ก๊กบอก
“งั้นพวกเรากินกันเต็มที่” มิ้งพูดเสร็จพวกเขาก็กินกันอย่างอร่อย

เมื่อพวกเขากินกันอย่างเต็มที่จนอิ่มแล้วก็ได้จ่ายเงินที่เคาท์เตอร์
“ทั้งหมดก็ 195 บาทค่ะ” ซาโตมิบอก
“นี่ครับเอาไปเลย 200 ไม่ต้องทอนนะ” แพ๊คบอก
“ค่ะ *แค่เศษอีก 5 บาทเนี่ยนะ*” ซาโตมิยิ้มให้
“อย่าลืมมาอุดหนุนใหม่ในคราวหน้านะค่ะ” ซาโตมิพูดทิ้งท้าย

“ไง พวกแกน่ะเหรอ ลูกศิษย์เจ้าแว่นนั่น” โคทาโร่ถาม
“แล้วไง ไอ้หนู ตัวก็แค่เด็กป.5อย่ามาเก่ง เดี๋ยวซัดแว่นแตก” แพ๊คขู่
“ถ้าทำได้ก็มา ที่จริงจะมาแค่ลองเชิงกับ 2 คนนั้นที่อยู่สายเดียวกับฉันต่างหาก” โคทาโร่ชี้ไปทางแบงค์และเต้
“ไหวเหรอ” มิ้งถาม
“เต้ สู้ๆ จะเชียร์เว้ย” วินพูดพรางหัวเราะ
“เอาก็เอา” แบงค์เดินก้าวออกมาพร้อมกับเต้
“*เต้ เคล็ดวิชาของเต้ มันต้องทำไรบ้างนะ นอกจากขั้นตอนตามนั้นแล้ว*” แบงค์ถาม
“*เอ่อ... ตั้งจิตให้มั่น รวบรวมมันไว้ที่หมัดที่ออกไป ซึ่งที่จริงแล้วไม่จำเป็นต้องใช้แขนบังก็ได้ แต่พลังมันจะเกิดขึ้นก็คนถัดไปต่อจากคนที่เราลงหมัด ซึ่งไม่มี เราก็ใช้แขนเรามาขั้นแทนได้*” เต้บอก
“อ๊อ *แล้วพลังจิตนี่มันจะรวบรวมยังไงเนี่ย*” แบงค์ถามพรางยิ้มให้

“เริ่มเลยละนะ” โคทาโร่บอก
“เดี๋ยว...” แบงค์หันกลับมาบอก แล้วโคทาโร่ก็ใช้วิชาตัดระยะเข้ามาอยู่ตรงหน้าภายในพริบตา
“*เร็วมาก ไม่มีเสียงฝีเท้า ใช้วิชาขณะลอยตัวเหรอเนี่ย*” แบงค์ตะลึงกับความสามารถของโคทาโร่
“เกร็งปาน” เต้กางแขนทั้งสองออกมา
“*ไม่น่าเชื่อ เราใช้วิชานี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย สงสัยเป็นเพราะอาหารของซัตจังแน่เลย*” เต้ตกใจกับตัวเอง

โคทาโร่ที่ลอยตัวอยู่นั้นออกหมัดใส่แบงค์ทันที
“*ในระยะขนาดนี้ไม่ไหวแน่*” แบงค์คำนวณได้ก้ใช้มือขวาเข้ารับแรงหมัดทันที

กึก...

เสียงบางอย่างดังขึ้นมาในแขนขวาของแบงค์
“อ่า...*แขนเรา*” แบงค์รีบชักแขนขวากลับพร้อมกับหมุนตัวกลับใช้ขาฟาดใส่โคทาโร่ แต่โคทาโร่ก็กระโดดถอยออกไปได้

แล้วโคทาโร่ก็ใช้วิชาตัดระยะเข้ามาอีกครั้ง
“64หมัดวายุ” เต้พุ่งตัวเข้ามาขวางพร้อมกับใช้หมัดโจมตีใส่ ซึ่งลมปานที่แฝงอยู่ในหมัดนั้นทำให้เหมือนกับว่าเพียง 1 วิ ต่อยไป 8 ครั้ง” เต้ออกหมัดใส่ทุกกระบวนท่าจนสุดท้ายเกร็งหมัดออกแรงอัดเต็มที่ ซึ่งลมปานนั้นก็โจมตีตามหมัดสุดท้ายนี่อีก 7 ครั้ง จนทำให้โคทาโร่กระเด็นออกไปพร้อมกับจุก
“*นี่มันวิชาอะไรกัน ไม่มีช่องว่างให้หลบหรือป้องกันเลย ขืนโดนแบบนี้ตั้งแต่หมัดแรกคือต้องโดนตลอดยันจบเลยเหรอเนี่ย*” โคทาโร่เริ่มแค้นใจขึ้นมา

“แบงค์เป็นอะไรมั้ย” เต้ถาม
“ไม่หรอก พอไหว เต้ถอยไปหน่อย ต่อจากนี้ฉันเก็บเอง” แบงค์เงยหน้าขึ้นมาบอกพร้อมกับรอยยิ้มแล้วก็ยกแขนซ้ายขึ้นมาตั้งท่า ปล่อยแขนขวาห้อยอยู่แบบนั้น
“*แขนหักแน่เลยแบบนี้*” เต้เกิดความสงสัยขึ้น

“นี่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ฝึกจากชมรมใดๆ แต่เป็นการที่คิดค้นขึ้น การเสียแขนขวาไปเพื่อส่งพลังมาที่แขนซ้ายข้างเดียว ด้านน้ำแกงอันแสนอร่อยนั้น นี่คือสิ่งที่แกจะได้เห็น เจ้าเด็กน้อย...” แบงค์ชี้หน้า
“โคทาโร่คุง มาอยู่นี่เองเหรอ” เนกิที่วิ่งตามหานั้น วิ่งผ่านมาเจอ
“เดี๋ยวก่อน กำลังมัน ดูฉันจะล้มลูกศิษย์เจ้าแว่นนั่นให้ดู” โคทาโร่บอก
“คนนั้นน่ะเหรอ” เนกิชี้ไปทางกลุ่มนั้น
“ใช่แล้ว” โคทาโร่ตอบ
“งั้นก็มาแลกเลือดกันเลยดีกว่า หมัดเทพสุนัข” โคทาโร่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง แต่จู่ๆแบงค์ก็ไปโผล่ที่ข้างๆ แล้วก็จับที่ข้อมือของโคทาโร่ในข้างที่ชาร์ตพลังไว้
“เพราะแกยังไม่รู้จัก ฉันคนนี้ดีพอ” แบงค์สบสายตาของโคทาโร่อันหวาดกลัวของเขา แล้วจู่ๆก็เหมือนกับว่า เขาหลุดเข้าไปในที่ลึกลับบางอย่างที่มีแต่ความมืด แล้วเขาก็เหมือนกับว่าถูกบางอย่างเข้าโจมตีจากทุกด้าน

แบงค์ก็ใช้ขาเกี่ยวที่หลังโคทาโร่แล้วก็เหวี่ยงไปฟาดกับพื้นโดยมีส้นตอกที่อยู่ที่หลังของโคทาโร่
“โคทาโร่ เป็นอะไรมั้ย” เนกิรีบวิ่งเข้ามาดูอาการ

“คุณครูเนกิ โปรดดูแล เขาไว้ดีๆละ อย่าเพิ่งให้เขากินอะไร ไม่งั้นจะอ้วกออกมา อย่าให้เขาขยับส่วนใดเกิน 13 ครั้ง ไม่งั้นส่วนนั้นจะใช้การไม่ได้ไป 1 ชั่วโมง ซึ่งที่บอกนี่ให้คืออยากให้เขาพักพร้อมกับรักษาตัวสัก 1 ชั่วโมง” แบงค์บอก
“ครับ” เนกิรับคำแนะนำแล้วอาสึนะและเพื่อนๆก็เข้ามาพยุงตัวโคทาโร่ที่หมดสติไป ซึ่งที่จริงแล้วเขายังตกอยู่ห้วงความมืดที่ถูกสิ่งที่เขามองมันไม่เห็นโจมตีเขาอยู่ตลอดเวลา

“แบงค์แขนขวาเป็นไรมากเปล่า” พวกเพื่อนๆต่างวิ่งเข้ามาถาม
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ไหล่หลุด พวกนายไปเดินเล่นกันก่อนเถอะ ไว้เจอกันที่ศาลเจ้าตอน 5 โมงเย็นแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปห้องพยาบาลก่อนแล้วกัน” แบงค์ตอบแล้วก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มที่เขามีอยู่กับตลอดเวลา

ที่ห้องพยาบาล
“อ.ชิซึนะครับ ช่วยดูที่แขนขวาผมให้หน่อยครับ” แบงค์เดินเข้ามาบอก
“จ้า มานั่งตรงนี้เลยนะ” อ.ชิซึนะเดินไปหยิบเครื่องตรวจเช็ค
“อ.ชิซึนะ คะหนูกลับมาแล้วค่ะ” อาโกะเดินกลับมาในห้อง
“อ่า มาพอดีเลย งั้นช่วยดูแลคนไข้รายนี้ให้ด้วยนะ ครูจะตรวจเอกสารต่อ” อ.ชิซึนะบอกแล้วอาโกะก็เดินเข้ามาข้างในหลังม่าน

“ว๊าย *รุ่นพี่คนนั้นนี่*” อาโกะร้องขึ้นด้วยความตกใจ
“คุณอาโกะนี่เอง ช่วยดูแขนขวาผมให้ทีนะครับ มันรู้สึกเหมือนกับว่าขยับแขนมันไม่ได้เลย” แบงค์บอกพร้อมกับยิ้มให้ ทำให้อาโกะหน้าแดงขึ้นมาทันที
“ค่ะ ค่ะ” อาโกะก็รีบเดินไปออกไปหลังม่าน พร้อมกับหยุดยืนนิ่งหายใจแรงๆสักพักเพื่อครายความตื่นเต้น แล้วเธอก็เดินกลับเข้ามานั่งที่ข้างๆ แล้วเธอก็จับที่บริเวณไหล่ขวาของแบงค์
“รู้สึกเจ็บมั้ยค่ะ” อาโกะถาม
“ไม่ครับ ไม่รู้สึกอะไรเลย” แบงค์ตอบ แล้วเธอก็ค่อยๆเลื่อนลงมาที่ศอก และแตะเบาๆ
“เริ่มรู้สึกบ้างมั้ยค่ะ” อาโกะถามต่อ
“ครับ มันเริ่มรู้สึกปวดๆเวลาคุณอาโกะแตะ” แบงค์ตอบ
“สงสัยรุ่นพี่จะแขนหักค่ะ คงต้องเข้าเฝือกสักอาทิตย์ ถ้าไม่หายก็คงต้องไปให้โรงพยาบาลเช็คดูอาจจะกระดูกแขนร้าวได้” อาโกะบอก แล้วแบงค์ก็ยิ้มให้
“วันงานวันแรกกับวันสุดท้าย อาโกะว่างมั้ยครับ” แบงค์ถาม แล้วเธอก็หน้าแดงร้อนไปทั่ว
“ทำไมเหรอค่ะ” อาโกะถาม
“คือก็คิดว่า จะชวนไปเดินเล่นเที่ยวในงานครับ ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ” แบงค์ตอบ
“คือวันที่สองของงาน หนูต้องขึ้นไปแสดงดนตรีสดกับเพื่อนๆ วันแรกอาจจะต้องซ้อมกันหนักค่ะ” อาโกะบอก
“ครับ งั้นวันที่สองผมจะไปดูให้ได้แล้วกันนะครับ” แบงค์ยิ่งพูดอาโกะก็ยิ่งหน้าแดงขึ้น
“แล้วเย็นนี้ว่างมั้ยครับ” แบงค์ถาม
“ติดงานที่ห้องพยาบาลนี่ละค่ะ” อาโกะตอบ

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย พวกเราดูแลให้ ไปเถอะ อาโกะจัง” เอมิและเพื่อนๆที่แอบฟังหลังม่านนั้นเปิดม่านเข้ามา อาโกะก็ตกใจทันที
“ว๊าย อาโกะหน้าแดงกล่ำเลย” เพื่อนคนหนึ่งแซวขึ้น
“งั้น นี่ครับ ตั๋วชมการประลองรอบคัดเลือก ผมเองก็ลงแข่ง อาโกะจะไปดูหรือไม่ไปก็ได้นะครับ” แบงค์ยื่นตั๋วให้แล้วเขาก็ลุกขึ้น
“รุ่นพี่จะไหวเหรอค่ะ แขนหักอยู่แบบนี้ งานประลองเขาไม่ให้ลงแข่งแน่นอนค่ะ” อาโกะถาม
“ไม่เป็นไรครับ แค่ทำเป็นล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ตลอดก็ไม่มีอะไรผิดปกติแล้ว” แบงค์หันมายิ้มให้แล้วก็เดินออกไป
“อาโกะ แฟนใหม่เธอเหรอเนี่ย” เอมิถาม
“บ้าน่า ไม่ใช่สักหน่อย อย่าคิดเองเออเองซิ” อาโกะตอบ
“หน้าแดงแบบนี้มีพิรุธแน่เลย แล้วเขาเห็นแผลที่หลังหรือยังละ ถ้าเห็นแล้วก็คงจะเหมือนกับรุ่นพี่คนอื่นๆเลยมั้ยเนี่ย” เพื่อนอีกคนแซว
“ไม่นะ *ใช่ซิ เขาเห็นแผลที่หลังเราแล้วนี่ แต่ทำไมเขากลับไม่คิดสงสัยหรือเกลียดแต่อย่างใด*” อาโกะนึกขึ้นได้
“ไปเถอะอาโกะ ทางนี้พวกเราดูแลให้” เอมิบอก
“แต่ตอนเย็นฉันยังไปมีซ้อมดนตรีกับพวกมาโดกะนะ” อาโกะบอก
“ไม่เป็นไรหรอก เธอเก่งอยู่แล้ว ถ้าเธอกลัวไปคนเดียว มาพวกเราจะไปด้วย” เอมิบอกเสร็จก็พาอาโกะออกไปทันที
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #7 on: July 11, 2006, 05:19:20 AM »

มีเตือนแบบนี้ งั้นลงวันละ 4-5 ตอนละกัน (- -)
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #8 on: July 11, 2006, 05:32:03 AM »

ตอนที่ 8 ศึกประลองรอบคัดเลือก ศึกหนักสำหรับวันข้างหน้า

ณ เวลา 16.50 น. บริเวณหน้าศาลเจ้าก็เต็มไปด้วยเหล่าผู้มีฝีมือมารอแข่งรอบคัดเลือก
“ไง แบงค์มาแล้วเหรอ” แพ๊คตะโกนเรียกทันที
“มาซะเท่เลยนะ เก็กทำเอามือล้วงกระเป๋า” มิ้งแซวเล่นๆ
“กะวันนี้โชว์เลยลูกศิษย์อ.ทาคาฮาตะเป็นไง ก็เลยกะล้วงกระเป๋ากางเกงเลียนแบบ ดีที่ไม่มีแว่นใส่ ไม่งั้นเหมือนเลย” แบงค์บอก แล้วพวกเนกิก็มาถึงที่นั่นด้วย
“ห้องเราคนอื่นก็มาลงด้วยนะ สงสัยว่างานนี้จะมันน่าดู มาวัดเลย ใครเก่งที่สุดในห้อง แต่ยังไง ถ้าใครได้ ที่ 1 อย่าลืมเอาตังมาแบ่งกันละ” ศรยื่นมือมาข้างหน้า แล้วพวกเพื่อนๆต่างก็เอามือมาวางก่อนที่จะร้อง เฮ พร้อมกับความฮึดที่เพิ่มขึ้น

“เอาล่ะ ในที่สุดขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคน เข้ามาข้างในได้เลยค่ะ” เสียงของนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดขึ้นผ่านไมค์ ผู้มีฝีมือที่ต่างรอกันก็ทยอยเดินผ่านประตูศาลเจ้าเข้าไปข้างใน
“ตื่นเต้นเว้ย” แพ๊คบอก
“เออๆ” มิ้งบอก

“ก่อนอื่นก็ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคนขึ้นไปยังสนามที่จัดไว้ให้ทั้ง 8 ได้เลยค่ะ” พีธีกรในการแข่งครั้งนี้ก็ปรากฎตัวขึ้นมาคือ คาสึมิ
“และต่อจากนี้ไปก็ขอเชิญเจ้าของงานที่จัดขึ้นในปีนี้คุณเจ้าหลิงเฉิง เลยค่ะ” คาสึมิกล่าวเสร็จคุณเจ้าก็เดินออกมาจากประตูในศาลเจ้าอีกฝั่ง พร้อมกับกล่าวคำปราศรัยเปิดพิธี

“ขอโทษค่ะ ขอทางหน่อยนะค่ะ” เอมิที่เดินแทรกเข้ามานั้นก็เดินมาจนถึงระเบียงหน้าสุด
“อ้าว อาโกะ เธอมาดูกับเขาด้วยหรอ” ซากุระโกะถาม
“เอมิเขาดึงมาจ๊ะ” อาโกะตอบ
“ที่ไหนละ หนุ่มหล่ออุตส่าให้บัตรเชิญมา จะไม่มาก็อะไรอยู่” เอมิบอก
“อ่า พวกเธอก็มาด้วยเหรอ” โคโนกะถาม
“จ้า นานๆทีจะมีงานอะไรใหญ่ๆจัดขึ้นที” มาโดกะตอบ
“พวกเรามาเชียร์อาสึนะกับเซตจังจ้า พวกเธอละ” โคโนกะบอก
“ยืนดูเฉยๆดีกว่านะ ดูเอาสนุกๆ” มิสะบอก

เมื่อคุณเจ้ากล่าวเปิดพิธีเสร็จ ก็กลับมาทางด้านของพีธีกร
“กฎกติกา ผู้เข้าแข่งขันคนไหนที่หลุดออกจากสนานจะถือว่าตกรอบ และใครที่ล้มลงไปหมดสภาพต่อสู้แล้วก็ถือว่าตกรอบ หาผู้ที่อยู่บนสนาม 4 คนสุดท้ายเท่านั้น อาวุธของมีคมและอาวุธบินทุกชนิดห้ามหมด เมื่อเข้าใจกติกาแล้วก็เริ่มลงมือได้เลย” คาสึมิพูดเสร็จ ผู้เข้าแข่งขันต่างก็ซัดกันนัวเนียในสนามขนาด 15 * 15 เมตร

สนาม A
“เข้ามาเลย ซื๊ด ก้านคอหลับหมดอ่ะ” มิ้งพูดขึ้นด้วยเสียงอันดังแล้วเขาก็วิ่งเข้าไปในดงที่กำลังตะลุมบอล เขาก็กระโดดเข้าไปพร้อมกับตะหวัดขาไปมาก้านคอใส่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นไปทั่ว
“คนนั้นน่ะเหรอ คาเอเดะ” อาทหันไปมองนักเรียนหญิงคนหนึ่งซึ่งยืนยิ้มอยู่เฉยๆ
“คิดจะปะมือกับข้าน้อยเหรอเจ้าค่ะ” จู่ๆคาเอเดะก็มาโผล่ที่ข้างหลังอาทแล้วก็ใช้ฝ่ามือสับที่ท้ายทอยด์
“อ่า ฝีมือใช่ย่อยเลยนี่” อาทใช้วิชาหายตัวมาโผล่ด้านหลังแล้วก็เอามือลูบๆแถวท้ายทอยด์
*ขนาดหลบได้ยังคันๆเลย* อาทบ่นพึมพำ
“รุ่นพี่ช่างมีฝีมืองั้นไว้เจอกันในพรุ่งนี้นะเจ้าค่ะ” คาเอเดะบอก แล้วผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งก็จ้วงหมัดเข้ามา แล้วคาเอเดะก็แยกร่างหนึ่งออกไปโจมตีสวนกลับ ด้วยฝ่ามือที่ผลักทำให้กระเด็นลอยออกไปนอกสนาม
“เฮ้ยก๊กระวัง” มิ้งหันไปเจอ แล้วก็โดนชายคนหนึ่งถีบกระเด็นไปแต่ยังไม่ออกจากสนาม
“ไม่ไหวมั้งก๊ก เลิกๆไปเหอะๆ” อาทวิ่งเข้ามาถาม
“ออกไปทั้งคู่เลย” ชายคนนั้นวิ่งเข้า แล้วอาทก็หายตัวไปโผล่ข้างหลังและถีบตูดชายคนนั้น ด้วยความที่เขาวิ่งมาเร็วจนหยุดไม่อยู่ จึงกลิ้งหลุดออกจากสนามไป
จนในที่สุดสนาม A ก็ผ่านการคัดเลือกโดยมีผู้เข้ารอบ มิ้ง ก๊ก อาท และ คาเอเดะ

สนาม B
“ไม่น่าเชื่อในสนาม บี มีผู้เข้าแข่งขันวัยเด็กนั่นคือ อาจารย์ของเรา เนกิคุง นี่เอง ด้วยวัยเท่านี้เขาจะเข้ารอบหรือเปล่า”
“หนู ที่นี่เขาเล่นกันแรงนะ” ชายร่างใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามาบอก
“ครับ” เนกิยิ้มให้อย่างดีใจ แล้วจู่ๆชายร่างใหญ่คนนั้นก็กระเด็นลอยไปติดข้างฝาอย่างรวดเร็ว
“โอ้ ไม่น่าเชื่อ ลูกเตะของ ผู้เข้าแข่งขันยะ จะทรงพลังอะไรขนาดนี้ เดิมทีเขาขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่แข็งแรงที่สุดใน ม.5 แต่ไม่น่าเชื่อจะเตะคนที่ร่างใหญ่กว่า 2 เท่าลอยไปติดกำแพงอย่างรวดเร็วได้” คาสึมิบรรยาย แล้วผู้ชมต่างก็เฮกันด้วยความสนุกสนาน
“นี่ เขาคนนั้นเขาก็มีพลังจิตที่ค่อนข้างสูง เขาฝึกจนร่างกายแข็งแกร่งจริงๆจึงมีแรงเยอะขนาดนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก แค่ค่อยหลบอย่างเดี่ยวเดี๋ยวเธอก็รอด” ชายผ้าคลุมคนหนึ่งจู่ๆก็มาโผล่ที่ข้างหลังเนกิ
“ยะ แกเก็บคนเดียวเลยเหรอวะ” คิวถาม
“ไม่รู้” ยะบอก
“งั้นช่วย” ยอนพูดเสร็จก็จับคิวเหวี่ยงกระเด็นหลุดออกไปนอกเวที
“โอ้ ในที่สุดก็เหลือ 4 คน สนาม B เป็นอันเสร็จ” คาสึมิบอก
“เฮ้ย คิว ล่วงไปตั้งแต่เมื่อไหร่” ยะวิ่งเข้าไปถามพรางหัวเราะขึ้น

สนาม C
“เอาล่ะ เราลองมาดูกันที่สนาม C กันบ้าง แต่ เอ๋...” เมื่อคาสึมิหันกลับมาดูที่สนาม C ก็เห็นผู้เข้าแข่งขันนอนกันเกลื่นเหลือแต่ อ.ทาคาฮาตะกับคุณหนูน้อยหมวกแดงเอวาเจลีน
“ไม่น่าเชื่อ เพียงชั่วพริบตาเดียว สนามนี้ก็โล่งเลย สมแล้วที่ได้ฉายา แว่นมรณะ” คาสึมิบอก
“นั่นมันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ยที่สนามนั้น” เนกิหันไปดู
“เห๊อ โรงเรียนนี้จะมีพวกดีๆสักกี่คนเนี่ย ถ้าเป็นเมื่อก่อนรู้ว่าที่นี่อ่อนขนาดนี้ ฉันมาระเบิดเมืองนี้ดีกว่า” เอวาเจลีนบอก
“แฮะๆ เธอก็พูดไป เอาล่ะ ตอนนี้ไปพักกันเถอะ” อ.ทาคาฮาตะพูดเสร็จพวกเขาก็เดินลงไป
“เอาเป็นว่าสนามนี้ หากใคร 2 คนแรกที่ลุกขึ้นมาได้ถือว่าผ่านเข้ารอบตามแว่นมรณะไปได้เลย” คาสึมิบอก
“แฮะๆ สนามเมื่อกี้ถ้าใครดูทันก็มาบอกพิธีกรได้นะค่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” คาสึมิพูดเสร็จเธอก็หันไปดูสนามต่อไปทันที

สนาม D
“แฮะๆ สนามนี้ทำไมยังตะลุมบอนกันไม่เลิก สงสัยจะสูสีกันหน้าดู งั้นเราไปดูสนามถัดไปเลยแล้วกัน” คาสึมิหัวเราะเล็กๆ

สนาม E
“อ๊า ในสนามนี้มีสาวน้อย 2 คนที่กำลังกวาดชายหนุ่มมากมายล่วงไปจากสนามหมดเลย เหลือแต่สาวๆ กับคิงคองประจำห้อง ค่า” คาสึมิ
“ว่าใครคิงคอง เดี่ยวสอยลงมาเลย” อาสึนะขึ้นเสียงใส่
“เอาน่า อาสึนะ ไปเถอะ ผ่านแล้ว” เซตซึนะบอก
“สนามต่อไปนี่ก็สนามสนใจนะค่ะ จากรายชื่อมีเด็กวัย 10 ขวบเหมือในสนาม B เลย” คาสึมิพากษ์ไปเรื่อย

สนาม F
“ไม่น่าเชื่อ ตอนนี้ในสนามเหลืออยู่ไม่ถึง 10 ซึ่งมีการต่อสู้กันอยู่ 2 กลุ่ม พวกเขาไม่ได้ตระลุมบอนเหมือนสนามอื่นเลย”
“เต้คุง จัดการกลุ่มนั้นได้เลย” แบงค์บอก
“ในที่สุดก็ได้เจอแล้วนะ คราวนี้อยู่ไกลสายตาคนนิดๆ ฉันจะลงมืออย่างเต็มที่ละ” โคทาโร่บอก
“ฉันจะใช้แค่มือซ้ายข้างเดียวในการล้มให้ดู” แบงค์พูดเสร็จก็ตั้งท่าสู้

“นั่นไง นั่นไง อาโกะ รุ่นพี่ที่อยู่กับเธอที่ห้องพยาบาล” เอมิชี้ให้ดู

“หมัดเขี้ยวคำราม” โคทาโร่พุ่งเข้ามาพร้อมกับใช้หมัดคู่อัดใส่ แบงค์ที่มองดูอาโกะที่มาดูการประลองของเขานั้น จึงถูกโคทาโร่อัดเข้าเต็ม จนเข้ากระเด็นไปไกล ถึงขอบ แต่เขาตีลังกากลับหลังโดยใช้ 1 นิ้วทำท่าหกสูงที่ขอบสนาม
“โอ้ไม่น่าเชื่อ ผู้เข้าแข่งขันแบงค์ ที่กำลังจะตกสนามนั้น เขากลับใช้เพียง 1 นิ้วในการยืนทรงตัวแทน
“หนังเหนียวเหลือเกินนะ” โคทาโร่ใช้วิชาตัดระยะเข้าไปใกล้ พอมาถึงแบงค์ก็หมุนนิ้วตัวเอง และกางขาหมุนทำให้โคทาโร่โดนลูกเตะเข้าไปจนกระเด็น พอเขาตั้งหลักได้ก็ไม่เห็นแบงค์แล้ว
“โอ๊ะ ไม่น่าเชื่อ ผู้เข้าแข่งขันแบงค์ที่ใช้เท้าหมุนตัวจนเกิดฝุ่นฟุ้งพอฝุ่นหายไปก็ไม่เห็นเขาแล้ว”
โคทาโร่จึงหันไปดูที่อีกกลุ่มหนึ่ง เขาก็เห็นลางๆว่า แบงค์นั้นยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มนั้น
“หมัดเทพสุนัข” โคทาโร่พุ่งเข้าไปพร้อมกับหมัดอันน่ากลัว
“ขอโทษด้วยนะเต้” แบงค์พูดขึ้นแล้วเต้ก็หันกลับมามอง แล้วแบงค์ก็ใช้หมัดซ้ายอัดใส่ท้องเต้เต็มๆ
“เพื่ออะไร” เต้ถาม
“เพื่อให้มันผ่านเข้ารอบสบายๆไง ลมปานประสานหนึ่ง พลังจิตประสานร่างกาย เพลงหมัดลับของเต้คุงไง หมัดโซเซน โซ โซ้…” แบงค์เปร่งเสียงออกมา แล้วผู้เข้าแข่งขันสนามนั้นจู่ๆก็หยุดนิ่ง โคทาโร่เห็นก็หยุดนิ่งเช่นกัน แล้วแบงค์ก็บิดหมัดตัวเองและออกแรงออกใส่เต้เข้าไป แล้วพวกคนอื่นที่อยู่หลังเต้นั้น ต่างก็กระเด็นลอยออกจากสนามไป
“*อะไรกัน นี่มันหมัดอะไรกัน*” โคทาโร่ตกใจขึ้นทันทีพร้อมกับเอามือป้องลมที่พัดแรงมากจนแม้กระทั่งเขาก็ปลิวไปแต่ไปเกาะที่เสาตรงมุมสนามได้ทัน
“ไม่น่าเชื่อว่า น้ำแกงของซัตจังจะทำให้มีพลังเยอะขนาดนี้ ขอบใจเต้คุงด้วยนะ ที่ช่วยสอนกระบวนท่านี้ให้เรา” แบงค์พูดเสร็จก็เดินลงจากสนามไป
“โอ้ ในที่สุดสนาม F ก็ลงอย่างไม่รู้เหตุผล จู่ๆกลุ่มที่ตระลุมบอนกันก็ลอยออกไปจากสนามกันหมด แต่สุดท้ายเหลือผู้เข้ารอบแค่ 3 คนในสนาม แต่คนสุดท้ายจะลองรีภาพดูว่า ใครหลุดออกไปจากสนามคนสุดท้ายจากครั้งนี้”

สนาม H
“แล้วก็มาถึงสนาม  H ที่รอคอย ประธานเฟยยังโชว์ฟอร์มได้อย่างเหลือเชื่อจัดการผู้ชายหลายคนได้เพียงกระบวนท่าเดียว”
“ถึงแม่เธอจะโหดและดุขนาดไหน แต่ก็มีรวมภาพอัลลั้มลับเฉพาะของประธานเฟย หากใครสนใจติดต่อพิธีกรหลังไมค์”
“ยัยอาซากุระปากเฉีย” เฟยเชิดตะหวาดใส่
“ฮ่าๆ เอาล่ะ คู ตอนนี้ก็เหลือ 5 คนในสนาม จะเอาไงดีละ” มานะถาม
“ให้เธอจักกางแล้วกัง” เฟยตอบ
“เดี๋ยวๆๆๆ พวกผมขอเคลียร์กันเอง” แพ๊ครีบพูดขึ้นมาทันที
“งั้งก็ดีไป มานะ เรามาคุยกังเพลิงๆดีกว่า” เฟยบอก
“แพ๊ค แกอ่ะออกไปดิวะ มัวแต่เก๊กอยู่ได้ ช่วยก็ไม่ช่วย” หรี่ขึ้นเสียงใส่
“ไม ไอ้แห้ง จะต่อยปะละ” แพ๊คบอก
“เดี๋ยวซัดแว่นแตกเลย ไอ้แว่น” หรี่เอาอกมาชน
“จะว่าไป 2 คนนั้นน่ากลัวจริงๆนะ” จุกบอก
“กลัวก็ออกไปดิวะ” หรี่หันไปตะหวาดใส่
“เออ ขอบใจ รอคำนี้ละ เหอะๆ ไปแล้วโว๊ย” จุกพูดเสร็จก็รีบวิ่งกระโดดลงจากสนาม
“โอ้ ไม่น่าเชื่อ จะมีผู้เข้าแข่งขันฆ่าตัวเองโดยการทำให้ตัวเองตกจากสนามไป ช่างมีน้ำใจซะจริงๆ”

“และแล้วก็ได้ผู้เข้าแข่งขันกันในรอบแรกในวันงานพรุ่งนี้ แล้วละค่า จะแข่งกันในระบบ ทัวนาเมนท์ โดยจับคู่กันได้ดังนี้ค่า

สาย A                  สาย B   
ชื่อ                  ชื่อ
คู่ 1 โคทาโร่ Vs ซากุระ เมย์             คู่ 9 แบงค์ Vs ปวดหัวจัง เครียดแมน
คู่ 2 คูเนล ซันดาส Vs ก๊ก            คู่ 10 เอวาเจลีน เอ.เค. แมคโดเวล Vs ฟิชเชอร์แมน
คู่ 3 มิ้ง Vs โคอิชิโร่ โทโคอุจิ         คู่ 11 ทาคามิจิ T ทาคาฮาตะ Vs อ.เนกิ สปิงฟิลด์
คู่ 4 หรี่ Vs โกคิน ชิโอะ            คู่ 12 ยะ Vs ยอน
คู่ 5 โกโก้แมน Vs นางาเซะ คาเอเดะ         คู่ 13 คากุระซากะ อาสึนะ Vs ซากุระซากิ เซตซึนะ
คู่ 6 ลี เซชิโร่ Vs อาท            คู่ 14 ปิง Vs ศร
คู่ 7 คู เฟย Vs อินิมาซะ มาคุ            คู่ 15 เต้ Vs แพ๊ค
คู่ 8 ทัตซึมิยะ มานะ Vs โอเคจัง         คู่ 16 ทาคาเนะ D กู๊ดแมน Vs ร๊อคแมน

“อ๊า ทำไมต้องมาเจอ ทาคามิจิ ด้วย” เนกิตะลึงขึ้นทันที
“ศิกย์อั๊วแย่เลี้ยว” เฟยเดินเข้ามาปลอบใจ
“ฮ่าๆ สงสัยเธอคงได้เจอกับศิษย์ฉันแล้วละ เอวาจัง ฉันคงแพ้เนกิคุงแน่เลย” อ.ทาคาฮาตะบอก
“ยังไงฉันก็ชนะขาด ขนาดแกฉันยังชนะเลย แค่ลูกศิษย์แก ฉันสะกิดก็นอนแล้ว” เอวาเจลีนบอก
“ฮ่าๆ เธอนี่เก่งไม่เปลี่ยนเลยนะ เนกิคุง เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า ถือว่าเลี้ยงสำหรับพรุ่งนี้” อ.ทาคาฮาตะบอก
“*เพื่อ 10 ล้านบาท*” พวกมิ้งต่างเข้ามารุมหัวกันแล้วก็คุยวางแผนกันสำหรับพรุ่งนี้
“ขอให้ผู้เข้าแข่งขันทุกคน มาพบกันใหม่ในวันงานพรุ่งนี้ ณ เวลา 8.00 น. ด้วยนะค่ะ” คาสึมิพูดเสร็จทุกคนก็แยกย้ายกันไป
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #9 on: July 11, 2006, 05:32:41 AM »

ตอนที่ 9 ขบวนการพิทักษ์ …Ranger…!

หลังจากประลองกันเสร็จสับ พวกแพ๊คต่างก็กลับหอพักเพื่ออาบน้ำให้สบายตัว
ณ ห้องอาบน้ำรวมชาย ของหอพักชายมาโฮระที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเมือง
“แพ๊คคืนนี้ออกโรงเปล่า” อาทถาม
“ลุยเลยปะละ” แพ๊คบอกแล้วก็หันไปมองคนอื่น
“จะเอาอะไรกันนักกันหนาวะ” มิ้งถาม
“แล้วจะไปทำอะไรวะ” ก๊กถาม
“ตัดตอนพวกคนแข่งคนอื่น” อาทตอบ
“บ้า คิดว่าหรอว่าจะรอด” ศรบอก
“นอนหงายในห้องนอนรวมยังสบายกว่าออกไปข้างนอกอีก” ก๊กบอก
“งั้นนอนไปเหอะ ออกไปสร้างวีรกรรมกันเถอะ” อาทบอก
“ใครเอาบ้าง” แพ๊คถาม
“ไปก็ไปวะ” มิ้งบอก
พวกเขาก็คุยไปคุยมาจนพวกเขาทั้ง 5 ขบวนการโจ๋เรนเจอร์ได้ตกลงสำหรับคืนนี้ที่จะออกไปเดินเล่นในงานที่กำลังจะเปิดขึ้นในเวลาเที่ยงคืน.

ณ สะพานข้างเกาะหอสมุด ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง
“นี่ทำไมพวกเราต้องออกมาด้วย ฉันอยากนอนมากกว่า” อาสึนะถาม
“แหม งานประจำปีทั้งที เขาว่าถ้าไม่มาสนุกตั้งแต่เปิดยันปิดนี่ เสียดายแย่ต้องรอไปอีก 1 ปีเต็มเลยนะ” มากิเอะตอบ
“แล้วยิ่งในคืนแรก เขาว่ากันว่าจะปล่อยสัตว์ประหลาดจากชั้นใต้ดินของเกาะหอสมุดออกมาด้วยละ และใครที่จับได้ก่อนจะได้รางวัลด้วยเจ้าค่ะ” คาเอเดะบอก
“เพราะงี้ อั๊วจึงรวกรวมขบวงกางของเราแล้วออกมาตามจักมัง” เฟยบอก
“มันมีจริงเหรอยูเอะ สัตว์ประหลาดนั่นน่ะ” อาสึนะถาม
“จอมเวทย์ก็ยังมี หุ่นยนต์ก็ยังมา ผีก็ยังผสมโรง มนุษย์ต่างดาวก็มาเยือน สัตว์ประหลาดอะไรพวกนี้ก็คงไม่ต้องวิตก มันอาจจะมีแน่นอนค่ะ” ยูเอะตอบ

เมื่อติงต๊องเรนเจอร์มาถึงหอสมุดก็มีประธานชมรมห้องสมุดและคณะกรรมยืนอยู่
“นี่ยูเอะ เธอก็มาด้วยเหรอ” ประธานชมรมถาม
“ค่ะ รุ่นพี่” ยูเอะตอบ
“เอาล่ะ พวกเธอคงจะเชื่อข่าวลือที่พวกเด็กใหม่ในชมรมไปประกาศละซิ มันไม่มีจริงหรอกนะ” ประธานชมรมบอก
“อ้าว แล้วมาหลอกกังได้งายเนี่ย” เฟยถาม
“ไม่ใช่หลอก แต่ไม่ใช่ให้ไปจับสัตว์ประหลาดหรอก แต่เราสำรวจมาแล้วว่า ในโรงเรียนมีขบวนการ เรนเจอร์อยู่ก็เกือบมากนะ เลยคิดอะไรสนุกๆขึ้นมา โดยให้แต่ละ เรนเจอร์ ช่วยกันทำตามสิ่งที่พวกเธอจับขึ้นมาได้ให้ครบ ถ้าครบเป็นกลุ่มแรกก็จะได้รางวัลไป กฎข้อแรกคือต้องมีมาเป็นขบวนการเรนเจอร์ และต้องทำตามใบข้อมูลต่อไปนี้” ประธานชมรมตอบ
“งั้นจับขึ้นมาเลยนะ” อาสึนะล้วงมือเข้าไปจับฉลากขึ้นมา
“ขอให้โชคดีนะ” ประธานชมรมพูดเสร็จอาสึนะก็เปิดกระดาษออกมาอ่าน

“ให้จับสมาชิกในขบวนการเรนเจอร์อื่นที่ใส่แว่นมาโดยไม่ให้เขาบาดเจ็บมีแผลเลือดไหล กระดูกหัก แต่มีข้อแม้ว่า ต้องให้เขาแว่นแตก…” ยูเอะอ่านให้ฟัง
“เอ๋ คืนนี้เนี่ยนะ” มากิเอะบอก
“แล้วจะไปหาจากไหนเนี่ย” อาสึนะถาม
“นี่ไง บอร์ดตรงนี้มีรายชื่อขบวนการเรนเจอร์อื่นๆรวมทั้งของเราด้วย ข้างในมีรูปภาพและข้อมูลของสมาชิกด้วยละ แถมคืนนี้ประธานบอกว่า กระจายข่าวไปให้ขบวนการอื่นๆให้ออกมากันในค่ำคืนนี้ นอกจากพวกเราแล้ว อาจจะมีพวกอื่นๆที่ล่าพวกเราอยู่ก็ได้” ยูเอะตอบ
“ช่วยกันหาแล้วกันนะเจ้าค่ะ” คาเอเดะและเพื่อนๆก็มาเปิดดูรายชื่อของขบวนการเรนเจอร์อื่นๆซึ่งมีกว่า 30 ขบวนการ
“ม่ายน่าเชื่อโรงเรียงนี้จะมีพวกแบบเราเยอะขนากนี้” เฟยบอก
“เจอแล้ว” มากิเอะบอกแล้วเพื่อนๆต่างก็วิ่งเข้าไปดู
“นี่ไงขบวนติงต๊องเรนเจอร์ของพวกเรา” มากิเอะบอก
“ไม่น่าเชื่อรูปพวกนี้หามาจากไหนเนี่ย” มากิเอะเปิดดูรูปข้างใน
“ด้านขวาล่างไง ภาพถ่าย by คาสึมิ ทำกันได้” ยูเอะบอก
“นี่ไง อั๊วเจอเลี้ยว” เฟยเรียก
“ขบวนการโจ๋เรนเจอร์ มีไอ้แว่น 1 คน” อาสึนะบอก
“ไปเก็บกันเลย” มากิเอะบอกแล้วพวกเธอต่างก็ออกเดินทางกลับไปในเกาะใหญ่ทันที

ที่สถานีรถไฟ
“แพ๊คหาอะไรกินก่อนปะ” อาทบอก
“เออๆ มีร้านอาหารใกล้ๆ เข้าไปกินก่อนก็ได้ คืนนี้มีเงินรางวัลรออยู่ เต็มที่เว้ย” แพ๊คบอกแล้วพวกเขาก็เดินเข้าไปในร้านอาหารย่านกลางเมืองมาโฮระ ซึ่งสองข้างทางถนนนั้นมีเหล่าร้านที่คุณลุงคุณป้า ต่างจัดขึ้นไว้สำหรับงานประจำปี

บนรถไฟที่กำลังมุ่งสู่สถานนีใจกลางเมืองมาโฮระ
“แล้วแบบนี้พวกเราจะไปหาที่ไหนเนี่ย” มากิเอะถาม
“แยกกันหาดีมั้ย” อาสึนะบอก
“ก็ดีเหมือนกันนะเจ้าค่ะ” คาเอเดะพูดขึ้น
“ฉันสู้ใครไม่เป็น” ยูเอะบอก
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ มากับข้าน้อย ข้าน้อยยินดีปกป้องทุกสถานการณ์” คาเอเดะหันมายิ้มให้
“งั้นแบ่งกลุ่มดังนี้นะ ฉันไปกับอาสึนะจัง ยูเอะกับคาเอเดะ ส่วนคู เธอลุยเดี่ยวได้อยู่แล้ว” มากิเอะบอก
“ตกลงเอาตามนั้นแล้วกัน” อาสึนะบอก

สถานีต่อไป ย่านโรงเรียนมาโฮระ ค่ะ...

เมื่อรถไฟจอด พวกเธอทั้งหมดก็เดินออกมากัน และแยกย้ายกันไป แต่ทันที่พวกเดินออกมาจากสถานีก็เห็นพวกโจ๋เรนเจอร์กำลังนั่งกินอาหารอยู่ในร้านอาหารใกล้ๆ
“เจอตัวเลี๊ยว” เฟยเดินเข้าไปในร้านและตรงไปยังโต๊ะพวกที่แพ๊คนั่งที่ติดอยู่ริมกระจกหน้าร้าน
“เธออีกแล้วเหรอ” แพ๊คชี้หน้า

เพ๊ง...

เฟยจับแพ๊คเหวี่ยงกระแทกกระจกหน้าร้านออกมา
“เฮ้ย เมื่อกี๊พูดเล่น” แพ๊ครีบลุกขึ้นวิ่งหนีทันที
“จะไปไหนเหรอ เจ้าค่ะ” คาเอเดะเดินเข้ามาขวางทางแพ๊คไว้
“ต้องขอโทกพวกลื๊อด้วย อั๊วมาเพื่อเอาตัวชายคงนั้งไป” เฟยพูดเสร็จก็เดินทะลุกระจกหน้าร้านที่แตกออกไป
“เดี๋ยว จะเอาแพ๊คไปทำไร” อาทถาม
 “ถ้างั้น แปลงร่าง...” ก๊กและเพื่อนๆต่างวิ่งออกไปหาแพ๊คและยืนเรียงหน้ากัน 5 คนพร้อมกับทำท่าทางอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน

“งั้นพวกข้าน้อยขอด้วยนะเจ้าค่ะ” คาเอเดะก็หายตัวกลับไปยังพวกของเธอแล้วแสดงเก๊กท่าประจำแก๊ง
“ผู้พิทักษ์สุดเรื่อยเปื่อย กวนชาวบ้านไปทั่ว โจ๋เรนเจอร์” แพ๊คนำทีมพูดขึ้นพร้อมกับเก๊กท่า
“งั้นข้าน้อยก็... เอ๋...” คาเอเดะและเพื่อนๆกำลังจะแสดงท่า
“ไม่อยู่แล้วโว้ย...” พวกแพ๊คต่างตะโกนลั่นพร้อมกับวิ่งหนีกันแตกตื่นไปคนละทิศคนละทาง
“สมแล้วที่เป็นขบวนการเรนเจอร์แบบพวกเรา” มากิเอะหัวเราะนิดๆ

“พี่ครับ พี่ครับ ขอยืนจักรยานก่อนนะครับ” พวกแพ๊ควิ่งไปเจอคนกำลังปั่นจักรยานอยู่ แพ๊คก็รีบกระโดดถีบชายคนนั้นตกจากจักรยานไปทันทีแล้วเขาก็ขึ้นไปปั่นจักรยานด้วยความเร็วหนีอย่างเร่งรีบ
“แพ๊ค รอด้วยโว๊ย” มิ้งตะโกนเรียก

แล้วประธานเฟยก็ยืนดักรออยู่ข้างหน้า
“หมัดเหินฟ้า” เฟยออกหมัดหมัดใส่ที่ล้อจักรยานแล้วก็งัดขึ้น จนจักรยานและแพ๊คลอยขึ้นไป
แล้วก็มีริบบิ้นมามัดตัวแพ๊คไว้
“ได้ตัวแล้ว” มากิเอะบอก
“ลูกเตะปราบสตรี” ก๊กวิ่งเข้าไปกระโดดเตะใส่
“ว๊าย” มากิเอะรีบทิ้งริบบิ้นและวิ่งหนีทันที
“ไอ้บ้า ไปไล่เตะผู้หญิง” มิ้งตะโกนใส่ทันทีที่ปั่นจักรยานผ่านมาเห็น

พอแพ๊คตกลงมาก็อยู่บนหลังรถบรรทุก
“พี่ครับ ช่วยขับเร็วๆหน่อย” แพ๊คเดินเข้าไปบอกคนขับ
“ได้เลยเจ้าค่ะ” คาเอเดะโผล่หัวออกมาตอบ

Lock On… ตื๊ด... ตื๊ด... มิสไซด์โจมตีเป้าหมาย

ศรใช้เครื่องยิงจรวดถล่มใส่รถบรรทุกที่คาเอเดะขับมาจนระเบิดแล้วทั้งคู่ก็กระเด็นขึ้นฟ้าไป

“แพ๊คยื่นมือมา” ก๊กที่อยู่บนเฮลิคอปเตอร์นั้นจับที่ราวประตูและยื่นมือไป แพ๊คพยายามจะคว้าไว้แต่ไม่ถึงจนตัวเองหล่นลงมา
“อาท ขับลงไปอีกดิ” ก๊กตะโกนบอก
“ครับ ผ๊ม” แล้วเฮลิคอปเตอร์ก็ลดระดับความสูงลง

“Home Run” อาสึนะใช้กระดาษพับขนาดใหญ่หวดใส่ก้นแพ๊คจนลอยกลับขึ้นไปด้วยความเร็วสูงจนทะลุเฮลิคอปเตอร์จนระเบิดทันที
“เครื่องตก เครื่องตก สละลำ” อาทรีบลุกออกมาจากที่คนขับมาใส่ล่มชูชีพกระโดดออกมาทันที เหลือแต่ก๊ก ด้วยแรงระเบิดเขาจึงลอยไปไกลกว่าแพ๊ค

แล้วมิ้งก็ขับมอเตอร์ไซดขึ้นทางกระดก จนเหินลอยขึ้นมาแพ๊คจึงดึงหลังมิ้งไว้เพื่อดึงตัวเข้ามาซ้อนท้าย
“มิ้ง เต็มที่เลย” แพ๊คตะโกนบอก
“เร็วแล้ว 120 นี่ยังไม่เร็วอีกหรอ” มิ้งตะโกนกลับ

บึ้มมม.....

เป้าหมายถูกทำลาย แล้วก็มีล้อมอเตอร์ไซด์กลิ้งออกมาจากควันระเบิด
“รถถังนี่ร้ายแรงจริงๆ” ยูเอะเปิดฝารถถังขึ้นมา แล้วแพ๊คก็ลอยกลับขึ้นไปบนใหม่

แล้วแพ๊คก็เห็นจุดตกของเขา เห็นพวกติงต๊องเรนเจอร์ยืนล้อมจุดนั้นไว้อยู่ แต่เมื่อเขาลงมาใกล้ถึง ศรก็เปิดฝาท่อ แล้วแพ๊คก็ตกลงไปในท่อ แล้วศรก็รีบปิดฝาทันที
“ไอ่หย๋า พวกอั๊วจะต้องไล่ตามพวกลื๊ออีกนางไหมเน๊อ” เฟยบ่น แล้วยูเอะก็เคาะที่ฝาท่อเบาๆ ศรจึงเปิดฝาขึ้นมานิดๆ แล้วยูเอะก็โยนลูกระเบิดลงไปในท่อ
“1...2...” ยูเอะนับเวลา

ตูมมม.........

แล้วก็มีควันลอยออกมาจากรูฝาท่อ
“จบเสียที” มากิเอะบอกแล้วคาเอเดะก็เปิดฝาท่อ
“ฮ่าๆๆๆ” ก๊กหัวเราะขึ้นมา แล้วเขาก็พุ่งขึ้นมาจากฝาท่อพร้อมเครื่องเจ็ทติดหลังพร้อมกับมีแพ๊คเกาะหลังขึ้นมา
“คิดว่าหนีข้าน้อยพ้นหรือเจ้าค่ะ” คาเอเดะยิ้มนิดๆ แล้วแพ๊คก็มองที่เครื่องเจ็ทของก๊กก็มีกระดาษใบหนึ่งติดอยู่เขียนว่า ระเบิด แล้วกระดาษใบนั้นก็เปร่งแสงสีแดงขึ้นแล้วก็...

บึ๊มมม..........................

แพ๊คล่วงลงมาทันที
“หนีเว้ย หนีเว้ย” มิ้งขับซาเล๊งมารับแพ๊คและก๊กที่ตกลงมาใส่ที่กระบะหน้าที่มีศรกับอาทนอนซมอยู่แล้ว
“มิ้งเต็มที่” ก๊กบอก แล้วมิ้งก็บิดเครื่องเต็มที่

“เดี๋ยวพวกลื๊อทำน้ำมันรั่ว” เฟยตะโกนบอก
“พวกเขาคงไม่ฟังหรอกเจ้าค่ะ” คาเอเดะบอก
“ให้พวกเขาหนีไปสัก 10 วินาทีดีมั้ย” ยูเอะถาม
“ก็ดีนะ นับเลยซิ” อาสึนะยิ้มให้
“1... 2... 3... 4... 5...”

“แพ๊คอีกนิดเดียวก็รอดแล้ว” มิ้งบอก
“มิ้งเร่งอีกดิ” ก๊กตะโกนใส่
“น้ำมันมันจะหมดแล้ว อุตส่าไปปล้นมา” มิ้งตะโกนใส่

“7...8...9...10... เอาล่ะยูเอะ” มากิเอะนับเสร็จ แล้วยูเอะก็โยนไม้ขีดไฟใส่รอยน้ำมัน แล้วก็เกิดไฟรุกตามเป็นทาง

แต็ด แต็ด แต็ด แต็ด แต็ด...

บึ๊มมม.....

แล้วท้ายที่สุดโจ๋เรนเจอร์ก็นอนหงายกันกลางสะพานข้ามไปยังเกาะหอสมุดอย่างหมดสภาพ
“พวกลื๊อไม่น่ารีบร้องหนีพวกอีวตั้งแต่แรกเลยเน๊อ” เฟยบอก
“พวกเราแค่จะเอารุ่นพี่ที่ใส่แว่นคนนั้นไปตามคำสั่งในใบนี้เท่านั้น แค่จะไปเอารางวัล” มากิเอะบอก
“เหรอ งั้นเอาไปเลย เหอะ เหนื่อยรู้งี้ถีบไอ้แพ๊คให้ไปตั้งแต่แรก” อาทบอก แล้วเฟยก็ต่อยหน้าแพ๊ค 1 ที
“เอาล่ะ แว่งแตกเลี๊ยว ไปกันต่อเถอะ” พวกติงต๊องเรนเจอร์ก็เดินข้ามไปหอสมุดต่อทันทีโดยลากแพ๊คไปด้วย

“อะไรนะ งี่เง่าเรนเจอร์ทำเสร็จไปเมื่อ 2 นาที ที่แล้ว” พวกติงต๊องเรนเจอร์พูดเป็นเสียงเดียวกัน
“จ้ะ พวกเธอมาช้าไปละ” ประธานชมรมห้องสมุดพูดเสร็จก็เก็บของพร้อมกลับบ้านกันทันที
“ปีนี้อดรางวัลอีกแล้วเหรอเนี่ย” มากิเอะทรุดลงทันที
“ขอโทษด้วยนะเจ้าค่ะ ที่พวกข้าน้อยทำลงไป แค่เพื่อจะล่ารางวัลพวกนี้” คาเอเดะกล่าวคำขอโทษให้กับแพ๊คที่สลบเป็นตาย

แล้วพวกเขาก็เดินซึมเศร้ากลับพอพักกันโดยปล่อยให้เหล่าบรรดาโจ๋เรนเจอร์นอนหงายกันกลางถนน
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #10 on: July 11, 2006, 05:33:14 AM »

ตอนที่ 10 Secret Mission ค่ำคืนแห่งการล่า

“ผมจะมาเล่าเรื่องความลับของอาชีพนักข่าวกันว่า นี่ก็คือวิธีหางานอย่างหนึ่งสำหรับนักข่าว เวลาที่ไม่มีข่าว แต่เขาก็จะทำข่าวขึ้นมาให้ได้ วิน นักข่าวประจำห้อง คู่แข่งกับ คาสึมิ นักข่าวประจำห้อง 3-A แต่วันนี้ไม่ค่อยได้มีข่าวเด่นใดๆนอกจากการประลองรอบคัดเลือก แต่ วิน จำเป็นที่ต้องขยันหาข่าวให้มากเพื่อที่จะได้เป็นที่รู้จักกันทั่ว ต่อไปนี้จากเล่าถึงขั้นตอนทุกอย่าง...”

ที่หน้าห้องของหรี่
“หรี่อยู่เปล่า” วินเคาะประตูถาม แล้วหรี่ก็เปิดประตูออกมา
“ไม่ไรวะ” หรี่ถาม
“มีงานให้ตามเคย” วินตอบ
“เท่าไหร่” หรี่ถาม
“เอาน่า เดี๋ยวพรุ่งนี้จ่าย แถมมีลูกทีมให้ หนุ่ย กับ เต้” วินตอบ
“เออๆ ตอนไหน ที่ไหน เหยื่อคือใคร” หรี่ถาม
“ตอนนี้ละมืดกำลังดี ที่ทางเดินใหญ่สวนสาธารณะ เหยื่อคือหญิงสาวคนไหนก็ได้ที่เดินผ่านมาคนแรก” วินตอบ
“เออๆ อีก 10 นาทีจะออกไป ให้ 2 คนนั้นไปรอก่อนนะเลย” หรี่พูดเสร็จก็กลับเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด

“และนี่ก็คืองานของเขา หรี่ รับจ้างฆ่าคน เพื่อข่าวสำคัญ วินจำเป็นต้องจ้าง หรี่ ให้ฆ่าคนเพื่อให้ตนได้ทำข่าว แต่เหตุการณ์ในคืนนี้มันกลับไม่เป็นแบบนั้น ข่าวฆาตกรต่อเนื่องของวินนั้นจะโด่งดังได้ถ้าไม่มี...”

“เชนเห็นแพ๊คเปล่า” แบงค์เดินมาเคาะประตูถาม
“ก็เมื่อเย็นตอนอาบน้ำ พวกโจ๋เรนเจอร์มันบอกจะออกไปเดินเล่นกันนี่” เชนตอบ
“แล้วนั่นหรี่จะไปไหนกัน” เชนเห็นหรี่เดินออกมาจากห้องของตัวเองพร้อมมีดสั้นคู่ใจ
“สงสัยคงไปรับงานอีกแล้วละซิ ไม่เป็นไร หรี่ได้ตัง เราช่วยเหยื่อ เป็นอันจบ เดี๋ยวเราจัดการให้เอง” แบงค์ยิ้มให้
“แล้วแขนขวานี่ยังล้วงกระเป๋าเก๊กไม่เลิก เหอะๆ” เชนเห็นก็แซวเล่นๆ แล้วแบงค์ก็เดินออกจากหอพักตามหรี่ไป

“ที่จริงแล้ว เหตุการณ์ในคืนนี้ ถ้าไม่มีผมแล้ว เหตการณ์ทุกอย่างมันก็ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่างเลย เนื่องจากผมเองนั้น ไม่อาจจะทำอะไรได้ ได้แต่ยืนดูเท่านั้น ดูพวกเขาทำกันอย่างโหดร้าย เพราะผมหยุดพวกเขาไม่ได้ รวมทั้งยังช่วยให้วินทำข่าวนี้ไม่ได้อีกต่างหาก ไม่ว่ายังไงสำหรับคืนนี้แล้ว วินก็คงจะไม่มีทางได้ข่าวนี้ได้ แต่ผมก็ต้องช่วยเพื่อเหยื่อรายนั้นให้มีวันพรุ่งนี้...”

ที่สวนสาธารณะเวลา 21.50 น.
“หนุ่ย เต็มที่เลยนะ เต้ด้วย ไม่ต้องฆ่านะ เอาแค่ไปจับหรือช่วยหรี่มันพอ” วินบอก
“เฮ้ย เราไม่ถนัดเรื่องแบบนี้” เต้บอก
“เอาเถอะ เต้ ได้ตัง ทำๆไปเถอะ” หนุ่ยพูดเสร็จหรี่ก็เดินเข้ามา
“คนไหนวะ” หรี่พูดขึ้น
“เบาๆซิ” วินบอก
“เออๆ” หรี่ก็เบาเสียงลง
“นั่นไงเดินมาแล้ว” วินชี้ให้ดูแล้วเขาก็เดินถอยไปหลบหลังต้นไม้ทันที
“หนุ่ย แกเข้าซ้าย เต้ แกเข้าทางขวา ฉันจะเข้าหลัง ถ้ามันดิ้นจากพวกนายได้ ก็ไม่รอดฉัน” หรี่พูดเสร็จก็เดินเข้าไปหาแบบตรงๆทันที โดยทำเดินสวนทางกับเหยื่อรายนั้น

“แล้วพวกเขาก็ลงมืออย่างเด็ดเดี่ยวซึ่งเหรื่อยรายนั้นเป็นแค่เด็กนักเรียนหญิงม.ต้นเท่านั้น ผมจึงยืนดูอยู่เฉยๆไม่ได้ จึงต้องใส่หน้ากากเพื่อไม่ให้เพื่อนๆรู้แล้วก็...”

แล้วเต้กับหนุ่ยก็พุ่งเข้ามาด้านข้างเหยื่อรายนั้นและล๊อคแขนทั้งสองข้างของเธอไว้ แล้วหรี่ก็วิ่งย้อนกลับมาปิดตานักเรียนหญิงคนนั้นไว้พร้อมกับเอามีดจ่อที่คอเธอ

แล้วชายขี่ม้าขาวก็กระโดดเข้ามาช่วยโดยใช้ลูกถีบทั้งสองข้างถีบหนุ่ยกับเต้กระเด็นออกไปพร้อมกับใช้มือจับที่ข้อมือของหรี่ไว้ไม่ให้ปาดคอเหยื่อได้ แล้วเขาก็บิดข้อมูลหรี่ ทำให้หรี่ต้องปล่อยมีดออกจากมือแล้ว ชายคนนั้นก็เหวี่ยงหรี่ลอยออกไป แล้วเขาก็ใช้แขนซ้ายโอบนักเรียนหญิงคนนี้ไว้และกระโดดหนีไปทันที

“ใครวะนั่น ชายขี่ม้าขาวช่วยนักเรียนหญิงจากฆาตกรบ้าเลือด โอ้ข่าวใหม่” วินที่ถ่ายภาพไว้ทุกฉากนั้นเขายิ้มขึ้นมาทันที

“หลังจากที่ผมช่วยเธอไว้ได้แล้ว ผมก็สบสายตากับเธอภายใต้หน้ากากอันมิดชิดนี้ ใบหน้าอันสดใสของเธอไร้แม้แต่น้ำตาและความกลัว แล้วพอแสงจันทร์ส่องลงมา ผมจึงรู้ว่า...”

“ไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ” แบงค์ถาม
“ค่ะ” นักเรียนหญิงคนนั้นตอบ
“เอ๋ ! เฮ้ย... ชาช่ามารุ” แบงค์ตกใจขึ้นนิดๆ
“ค่ะ ต้องขอบคุณด้วยนะค่ะ ที่ช่วย แต่ที่จริงแล้วไม่ต้องช่วยก็ได้ค่ะ” ชาช่ามารุบอกแล้วเธอก็ลุกขึ้น
“ต้องขอตัวก่อนนะค่ะ ถ้าไม่ไปเอาของที่ทำตกไว้กลับไปให้มาสเตอร์ เดี๋ยวมาสเตอร์จะโกรธค่ะ” ชาช่ามารุพูดเสร็จก็เดินกลับไปยังจุดที่แบงค์พาหนีมา
“*ตายละหว่า หรี่ หนุ่ย เต้ รีบหนีไปให้ไวเลย*” แบงค์เริ่มนึกภาพคำนวณขึ้น

“เธอคือ คาราคุริ ชาช่ามารุ เป็นหุ่นยนต์สาวที่มีเสน่ห์ดึงดูดชายได้ด้วยความน่ารักของเธอ ซึ่งผู้สร้างเธอนั้นคือ ซาโตมิ และลูกทีมซึ่งหนึ่งในนั้นคือ แพ๊คด้วย เธอเป็นหุ่นยนต์ที่มีข้อมูลการต่อสู้ชั้นยอด จนขนาดสามารถถล่มโรงเรียนทั้งโรงเรียนได้ถ้าเกิดข้อมูลผิดพลาดในระบบของเธอ ซึ่งตอนนี้เธอกำลังจะกลับไป...”

หรี่ลุกขึ้นเดินมาหยิบมีดสั้น พอเขาลุกขึ้นมาก็เห็นชาช่ามารุยืนอยู่ตรงหน้า
“รู้มั้ยคนที่เห็นหน้าฉันแล้วมักไม่รอดไปได้หรอก” หรี่บอก
“ค่ะ เข้าใจค่ะ แต่ฉันต้องขอตัวกลับก่อนนะค่ะ หากช้ากว่านี้มาสเตอร์จะโกรธได้” ชาช่ามารุบอก แล้วหรี่ก็เอามีดแทงเข้าที่ท้องเธอทันที แล้วหรี่จึงรู้ว่าเธอไม่ใช่คน ท้องของเธอนั้นแข็งดั่งเหล็ก มีดของหรี่นั้นหักทันที
“ขอโทษด้วยนะค่ะ แต่มันเป็นการป้องกันตัว” ชาช่ามารุพูดเสร็จก็โจมตีใส่หรี่เข้าทันที

“หมัดเซน” เต้วิ่งเข้ามาใช้พลังลมอัดกระแทกใส่ แต่ชาช่ามารุกลับไม่รู้อะไรเลย
ชาช่ามารุจึงเหวี่ยงหรี่กระเด็นออกไปพร้อมกับหมุนตัวเตะใส่เต้จนกระเด็นออกไปอีกทาง
“ลูกเตะทยานฟ้า Flying Driver Shoot” หนุ่ยใช้แรงเตะอันทรงพลังจากการฝึกเตะฟุตบอล
“โอ๊ย โอ่ย...” ชาช่ามารุยังคงยืนนิ่งแต่หนุ่ยกลับเจ็บหน้าแข้งแบบสุดๆจนเขาเดินขากะเพกหนีออกมา แต่ก็ถูกชาช่ามารุเตะปลิวติดต้นไม้ที่วินแอบอยู่

“ขอโทษด้วยนะเพื่อนๆ เราช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ และสิ่งที่วินได้ในคืนนั้นคือ ภาพถ่ายของฆาตกรบ้าเลือดที่หมดสภาพ และระหว่างทางกลับนั้น เขาก็ยังไปเห็นขบวนการโจ๋เรนเจอร์ที่นอนสิ้นสภาพอยู่กลางถนนเช่นกัน ถึงวินจะไม่ได้ข่าวที่เขาต้องการ แต่เขาก็ยังได้ข่าวมาในคืนนั้น...”

“แล้วเราก็ขอเดินเล่นอยู่ข้างนอกอีกสักพัก เพราะเราเองก็นอนไม่หลับ” แบงค์เล่าเรื่องให้ฟังเสร็จเขาก็ลุกขึ้นและกระโดดไปตามหลังคาตึก
 
“แต่ก็ใช่ว่าเรื่องราวเล่านั้นจะถูกเปิดเผย มันจะถูกเก็บเป็นความลับไปตลอด และอาชีพของเพื่อนๆที่เขาต้องล่านั้น ใช่ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ถูกล่า และตัวผมเองก็ถูกล่าเช่นกันในตอนนี้ แต่สำหรับอาชีพนักข่าวแล้ว ผมยินดีช่วยวินเพื่อนกระผมให้ได้ข่าวไปมากที่สุดเสมอ...”

“นั่นไง นั่นไง ชายที่ยืนล๊วงกระเป๋า ในใบเขียนว่าไง” ชายคนหนึ่งชี้ไปทางแบงค์ที่ยืนอยู่บนยอดตึกแห่งหนึ่ง
“ให้ถ่ายภาพตอนเขายืนล้วงกระเป๋าแล้วก็จับตัวไปส่งที่เกาะหอสมุด” ชายอีกคนบอก
“งั้นถ่ายภาพเรียบร้อยแล้วก็ลุยเลย จับเป็นไม่ได้ก็จับตายโลด” ชายอีกคนบอก

“ขบวนการเรนเจอร์ก็ยังคงมีมากมายในช่วงคืนนี้ ช่วงค่ำคืนแห่งการล่า แต่พวกเขาก็ถูกล่าโดยผมเช่นกัน…”

ปัก ปัก...

ขบวนการมุดดินเรนเจอร์ก็ถูกจัดการภายในไม่ถึง 1 นาที

“นั่นไง ตามที่ใบบอก ให้ถ่ายภาพและจับชายที่ยืนอยู่บนยอดตึก” สักพักก็มีขบวนเรนเจอร์อีก 6 กลุ่มโผล่ออกมาล้อมรอบทุกทิศทางหนีของแบงค์จากตึกที่อยู่รอบๆตึกที่เขายืนอยู่

ปัก ปัก... ผัวะ ผัวะ... แอ๊ก... โอ๊ย... อ๊าก...

“เพียงไม่ถึง 1 นาที ขบวนการเรนเจอร์กลุ่มนั้นก็ล้มหงายนอนสบายกันหมด ซึ่งผมเองไม่ได้ทำสิ่งใดเลย และผมเองก็ไม่ได้มีพลังอะไรมากมาย แต่ผมมีความเร็วพอที่จะจัดการเขาหมดภายใน 1 นาทีได้ แต่ผมไม่ได้ทำมัน...”

“นี่ถือว่าเป็นการตอบแทนที่รุ่นพี่ช่วยฉันไว้จากคราวนั้นแล้วกันนะค่ะ” ชาช่ามารุกระโดดขึ้นมายังยอดตึกที่แบงค์ยืนอยู่
“ขอบคุณมากครับที่ช่วย” แบงค์กล่าวคำขอบคุณ
“แล้วส่งของให้มาสเตอร์แล้วเหรอครับ” แบงค์ถาม
“ค่ะ กลับไปถึงมาสเตอร์ก็หลับพอดี ฉันเลยออกมาเดินเล่นข้างนอกค่ะ” ชาช่ามารุตอบ
“ครับ ผมก็ออกมาเดินเล่นเหมือนกัน จะว่างมั้ยครับ ถ้าผมจะชวนคุณชาช่ามารุไปเดินเล่นด้วยกัน” แบงค์ถาม ชาช่ามารุก็เกิดเงียบๆสักพัก
“ค่ะ ได้ค่ะ ถ้าเป็คนคำขอของรุ่นพี่ดิฉันก็ไม่ค่อยอยากขัด” ชาช่ามาตอบเสร็จแบงค์ก็ยิ้มให้ทันที
“ไปครับ แล้วผมจะเล่าเรื่องอะไรให้ฟัง” แบงค์พูดขึ้นแล้วก็กระโดดไปตามตึกพร้อมกับชาช่ามารุ

“ผมก็ได้ชาช่ามารุเป็นเพื่อนอย่างลับๆ ผมและเธอได้ออกมาคุยกันอย่างสนุกสนานรวมทั้งยังคอยจัดการกับเหล่าขบวนการพิทักษ์โรงเรียนเรนเจอร์ต่างๆกันอย่างสนุกสนาน โดยมีวินที่วิ่งตามคอยเก็บภาพถ่ายและข่าว ซึ่งไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวที่ออกหาข่าว คาสึมิยอดนักข่าวเธอก็ออกหาข่าวแข่งกับวินในคืนนั้นด้วยเช่นกัน แต่วินเองก็ชะล่าใจ ซึ่งคาสึมิได้ข่าวเด็ดบางอย่างไปโดยที่วินไม่นึกถึง ภาพถ่ายของผมกับชาช่ามารุที่ยืนอยู่ด้วยกัน โดยคาสึมิไปพลาดหัวข่าวว่า...”

“ซึ่งนั่นก็เป็นการทำร้ายตัวเองทางอ้อม เมื่อชาช่ามารุรู้เรื่องเข้า คาสึมิเองก็ไม่พ้นเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ และข่าวนั้นก็ถูกทำลายโดยชาช่ามารุ ไม่น่าเชื่อว่านักข่าวจะเหน็ดเหนื่อยหาข่าวกันขนาดต้องทนทุกข์ทรมานทนเจ็บขนาดนี้เพื่อข่าวเพียงข่าวเดียว” แบงค์เล่าให้ฟัง
“คงจะอย่างนั้นละมังค่ะ” ชาช่ามารุบอก
“งั้นพวกเราไปต่อกันเถอะครับ ผมถือว่าคืนนี้เป็นการอุ่นเครื่องก่อนพรุ่งนี้ด้วย หรือว่าเราจะไปเดินเล่นในงานกันก่อนดีไหมครับ ไม่รู้ว่าคุณชาช่ามารุหิวหรือยังครับ” แบงค์ถาม
“ไม่เป็นไรค่ะ” ชาช่ามารุตอบ แล้วแบงค์ก็ยิ้มให้
“งั้นก็ไปเดินเล่นในงานกับผมเป็นเพื่อนหน่อยแล้วกันนะครับ” แบงค์จับแขนชาช่ามารุแล้วก็กระโดดลงไปเดินอย่างปกติ

“แล้วผมก็ชวนเธอเดินเล่นในงาน ทำให้สมองกลของเธอนั้นรับรู้ถึงข้อมูลอันใหม่ ข้อมูลที่มีแต่ความสนุก... และนี่ก็เป็นเรื่องเล่าของกระผมในค่ำคืนนั้น...”
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #11 on: July 11, 2006, 05:33:39 AM »

ตอนที่ 11 ศึกประลองเดือด (รอบแรก)

“และแล้ววันนี้ก็มาถึง เมื่อคืนนี้มีใครไปชมการเปิดมหาเทศกาลที่ประตูทางเข้างานบ้างค่ะ พอดีพิธีกรไปทำธุระเลยไม่ได้ไปดู” คาสึมิขึ้นมาทำหน้าที่อย่างสดใส ผู้ชมที่ติดตามจากเมื่อวานนั้นรีบตื่นมาดูกันอย่างรวดเร็วแถมยังมีผู้ชมจากเมืองอื่นที่นั่งรถไฟมาเทศกาลมาโฮระประจำปีด้วย ทำให้ผู้ชมนั้นหนาแน่นขึ้น
“สำหรับวันนี้จะเป็นการแข่งรอบแรกของแต่ละสายซึ่งจะแข่งกัน 2 รอบและอีก 3 รอบสุดท้ายนั้น จะไปเริ่มอีกที ณ เวลา 17.00 น. ของวันนี้อย่างเช่นเคย และสนามในวันนี้นั้น เป็นสนามขนาด 20 * 20 เมตร ซึ่งมีรั้วกันทุกด้านสูงขึ้นมา 1 ฟุต ซึ่งรอบๆสนามนั้นเป็นบ่อน้ำที่ลึกประมาณ 50 เมตร ซึ่งกฎกติกาวันนี้คือ หากผู้เข้าแข่งขันคนไหนล้มลง หรือออกนอกสนามจนนับครบ 10 วินาที ผู้เข้าแข่งขันคนนั้นก็จะแพ้ไปทันที” คาสึมิอธิบายทุกอย่างให้ฟังเสร็จเธอก็เดินเข้าไปในห้องข้างๆ

“ตื่นขึ้นมาฟิตร่างกายแต่เช้าเลยนะ เนกิ” โคทาโร่บอก
“ครับ เพื่อวันนี้ต้องทำให้ได้” เนกิบอก
“ฮ่าๆ ไงเนกิคุง เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย” อ.ทาคาฮาตะเข้ามาทักทาย
“ครับ นอนหลับสบายดี” เนกิยิ้มให้

“เอาล่ะผู้เข้าแข่งขันทุกท่าน พร้อมแล้วหรือยังค่ะ” คาสึมิเดินเข้ามาถาม
“กฎกติกาเหมือนเดิม ใช้ของเมื่อวานแต่การแข่งวันนี้ ใครที่ออกนอกสนามหรือล้มโดยถูกนับถึง 10 เมื่อไหร่จะแพ้ทันที” คาสึมิบอก
“*นี่อ.ทาคาฮาตะ สงสัยในตัวคุณเจ้าบ้างหรือเปล่าค่ะ*” เซตซึนะถาม
“*ก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ก็คงต้องดูไปก่อน*” อ.ทาคาฮาตะตอบ
“*เรื่องคุณเจ้าไว้รอวันสุดท้ายจะดีกว่านะครับอ.ทาคาฮาตะ” แบงค์ที่ได้ยินจึงเดินเข้ามาบอก

“เอาล่ะ เชิญคู่แรกได้เลย โคทาโร่ และ ซากุระ เมย์ คนอื่นสามารถออกไปยืนดูที่ระเบียงที่สำหรับรับรองแขก สามารถดูได้ชัดกว่าที่นั่ง VIP ซะอีก” คาสึมิบอกเสร็จนักสู้ทั้งสองก็ก้าวสู่สังเวียน

“และแล้วนักสู้คู่แรกก็เข้าสู่สนามแล้วค่ะ ฝ่ายหนึ่งนักสู้ตัวจิ๋ววัย 10 ขวบ โคทาโร่ และอีกท่านคือสาวน้อยน่ารักเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่พึ่งมาไม่นานตอนนี้เธออยู่ชั้นม.2 เธอคือ ซากุระ เมย์” คาสึมิประกาศเสร็จผู้คนก็ต่างส่งเสียงเชียร์กัน ซึ่งในสนามรอบๆนี้มีเหล่านักเรียนห้อง 3-A เกือบครึ่งห้องมาเชียร์ เช่นเดียวกับนักเรียนห้อง 5-A ด้วยก็มาเชียร์ด้วยเช่นกัน

เริ่ม...

เมื่อสิ้นเสียงของคาสึมิแล้วการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
“*ผู้หญิงเหรอเนี่ย เรายิ่งไม่ชอบตีผู้หญิงด้วย*” โคทาโร่ยืนตั้งท่า
“อาเบอาร์ท” เมย์เรียกไม้กวาดอาวุธของเธอออกมา
“*ถ้างั้นเราค่อยต่อยวืดก็ไม่โดนแล้ว แค่ให้แรงลมพัดก็พอ*” โคทาโร่นึกขึ้นได้ก็ใช้วิชาตัดระยะเข้าไปใกล้แล้วก็ใช้หมัดเสยขึ้นแรงลมจากหมัดพัดให้เมย์ลอยออกจากสนามไป
“ช่วยด้วยค่า หนูว่ายน้ำไม่เป็น” เมย์ที่กำลังจะจมน้ำด้วยเหตุที่เธอว่ายน้ำไม่เป็น เมื่อคาสึมินับถึง 10 จนแพ้แล้วนั้นโคทาโร่ก็กระโดดลงไปช่วยทันที
“นักกีฬาโคทาโร่ช่างมีน้ำใจนักกีฬาเหลือเกิน” คาสึมิพูดขึ้น
“เธอนี่ ไม่ไหวแล้ว ไม่น่าจะมาสู้เลย” โคทาโร่บอก
“พี่หนูให้ลงค่ะ” เมย์พูดเสร็จทั้งคู่ก็กลับเข้าไปข้างในทันที แล้วก็เริ่มคู่ที่ 2

“มิ้งดูเว้ย จะเข้ารอบให้ดู” ก๊กตะโกนบอก
“ให้มันชนะก่อน เห๊อ” มิ้งตะโกนกลับ

เริ่ม...

เมื่อเริ่มทันทีก๊กก็วิ่งเข้าไปอัดอย่างรวดเร็ว แต่คูเนลถอยหลบได้ตลอด
“มิ้งกินขนมนี่ปะ อร่อยดี” ศรยื่นให้มิ้งจึงหันมาหยิบไปกิน

แอ๊ก...

เมื่อมิ้งหันกลับไปก๊กก็นอนแน่นิ่งที่สนามแล้ว
“โอ้ไม่น่าเชื่อ แค่สวนกลับหมัดเดียว น๊อคเลย” คาสึมิบรรยาย
“ทุกคนมองทันหรือเปล่าว่าเขาทำอะไร ดิฉันก็มองไม่ทัน แต่จู่ๆนักกีฬาก๊กก็หลับแน่นิ่งเลย” คาสึมิบอก แล้วคูเนลก็เดินกลับเข้าไปด้านใน

“มิ้งลุยเว้ย” ศรพูดให้กำลังใจ

คู่ที่ 3 เริ่มได้...

มิ้งวิ่งเข้าคลุบวงในแล้วตีเข่าทันที คนดูต่างก็ร้อง

เอ้อ... เอ้อ... เอ้อ... เป็นจังหวะ

“ไอ้หนู เอาอีกกำลังมัน” คนดูต่างส่งเสียงให้
มิ้งก็ตีเข่าใหญ่จนโทโคอุจิจุกจนทำอะไรไม่ถูก จนไปโดนจุดสำคัญแล้วก็ล้มลงไป จนคาสึมินับถึง 10 และแพ้ไป

คู่ที่ 4 เริ่ม...

หรี่วิ่งตรงเข้าไปชนชิโอะล่วงลงน้ำทั้งคู่ไปทันที แล้วคนดูทุกคนก็ไม่เห็นการต่อสู้ในน้ำของทั้งคู่
“7... 8.... 9...” คาสึมิยังคงนับไปเรื่อยๆ แล้วหรี่ก็รีบตะกุยขอบสนามขึ้นมาอย่างเร่งรีบ
“10... ไม่น่าเชื่อ นักกีฬาหรี่จะขึ้นมาจากน้ำทัน” คาสึมิประกาศให้หรี่เป็นผู้ชนะเข้ารอบไป

คู่ที่ 5 เริ่ม...

“หมัดร้อยลี้” โกโก้แมนออกหมัดโจมตีใส่ทันที แต่คาเอเดะหลบ แต่โกโก้แมนก็ยังโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่ปล่อยช่องว่าง
“โจมตีใส่ใครอยู่เหรอเจ้าค่ะ” คาเอเดะอีกร่างที่ยืนดูโกโก้แมนปล่อยหมัดตามเงาอีกร่างของเธอไป เมื่อเขาเห็นแล้วคาเอเดะก็ใช้สันมือสับที่ท้ายทอยด์จนน๊อคไป

คู่ที่ 6 เริ่ม...

ทันที่เริ่มอาทก็วิ่งเข้าไปทันที เมื่อ ลี ออกหมัดสวนอาทก็ไปโผล่ได้หลังแล้ว แล้วเขาก็จับลีซูเพ็กใส่น้ำ แล้วเขาก็ไปยืนบนหัวของลี ไม่ให้ขึ้นมาบนสนาม จนคาสึมินับใกล้ถึง 10 อาทจึงกระโดดขึ้นมา แล้ว ลี ก็แพ้ไปพร้อมกับลอยแน่นิ่งในน้ำ
“หน่วยกู้ภัย ช่วยด้วยค่า” คาสึมิเรียก แล้วชายร่างใหญ่ล่ำบึกนับ 10 ก็กระโจนลงน้ำไปช่วยทันที

“อ่า แล้วก็มาถึงคู่ที่หลายคนเฝ้ารอดูการต่อสู้ของเธอมาตลอด คู่ที่ 7 ประธานเฟย ปะทะ มาคุ ค่า” คาสึมิประกาศเสร็จทั้งคู่ก็เดินออกมากัน ทันทีที่เฟยออกมา ผู้คนต่างส่งเสียงกันทั่วหน้า

คู่ที่ 7 เริ่มได้...

“เข้ามาเลย...” มาคุตั้งท่าสู้
“ได้เลยฮ่า” เฟยวิ่งเข้าไปได้ระยะหนึ่งแล้วก็ออกหมัดพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วภายในการกระโดดก้าวเท้ายาวๆเข้าไป มาคุที่โดนถึงกลับกลิ้งหลายตลบ
“แค่นี้เองเหรอ ประธานเฟย” มาคุดีดตัวลุกขึ้นมา แล้วเขาก็วิ่งตรงเข้ามา
“หมัดเหินฟ้า” เฟยใช้วิชาตัดระยะเข้ามาใกล้พร้อมกับใช้หมัดเสยมาคุลอยหายขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที

“แฮะๆ ดูเหมือนจะลอยไปไหนแล้วก็ไม่รู้ละค่ะ ถือว่า ประธานเฟยเป็นฝ่ายชนะไป” คาสึมิประกาศแล้วเฟยก็เดินกลับไปข้างใน
“คู เธอทำได้ไม่เลวละเลย ใช้เวลาแปปเดียวเอง” มานะที่เดินสวนทางมาพูดทักพร้อมกับยิ้มให้

คู่ที่ 8 เริ่มได้

ปุ๊ก...

“เอ๊ะ อะไรนี่ดิฉันยังพูดไม่ทันขาดคำ ร่างของโอเคจังก็กลิ้งไปไกล งั้นดิฉัน นับเลยนะค่ะ”

จนคาสึมินับเสร็จ

“ไม่น่าเชื่อ จู่ๆ ก็กลิ้งไปอย่างไรเหตุผลแล้วก็นอนแน่นิ่ง หรือว่านักกีฬา มานะใต้โต๊ะหรือเปล่า” คาสึมิประกาศ
“พูดดีๆหน่อยซิ คาสึมิจัง ระวังจะเป็นปลาหมอนะ” มานะยิ้มให้แล้วก็เดินกลับเข้าไป

ต่อไปขอให้นักกีฬาคู่ต่อไปเข้ามาได้เลยค่ะ

“อ่า จากประวัติไม่น่าเชื่อเลยนะค่ะว่า ฝ่ายหนึ่งเป็นลูกศิษย์ของแว่นมรณะ และอีกฝ่ายคือลูกศิษย์ของประธานเฟย”

คู่ที่ 9 เริ่มได้...

“ว๊าว อาโกะ นั่นไงแฟนเธอ” เอมิแซวขึ้นมาทันที
“ไม่ใช่สักหน่อย” อาโกะรีบปฏิเสธทันที

“ให้เวลา 5 วิ สำหรับคิดว่าจะโจมตีฉันทางไหนแล้วกัน” แบงค์พูดขึ้นแล้วก็เอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกง

“อ๊ะ หรือนี่จะเป็น แว่นมรณะ Jr. ล้วงกระเป๋าต่อสู้”

“จะโชว์ให้ดู ด้วยท่าของประธานเฟย หมัดเหินฟ้า” เครียดแมนใช้วิชาเหมือนกับเฟยทุกอย่างรวมทั้งใช้วิชาตัดระยะเข้ามาใกล้ด้วย แบงค์ก็ก้มหัวมองดูเครียดใช้หมัดของเขาเสยขึ้น แต่แบงค์กลับใช้เท้าขวาเหยียบไปที่หมัด แล้วออกแรงเหยียบลง ซึ่งแรงต้านกันนั้น ส่งให้แบงค์ลอยตัวสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
“ฮ่าๆๆๆ” เครียดแมนหัวเราะขึ้นอย่างสบายใจ

“ไม่น่าเชื่อ นักกีฬาแบงค์จะลอยหายไปบนท้องฟ้าเหมือนอย่างมาคุหรือเปล่า เอ๊ะ นั่น !” คาสึมิเงยหน้าขึ้นไปมองพร้อมกับเอามือป้องแสง
“เขากลับลงมาแล้วค่า” คาสึมิประกาศ เครียดแมนจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง

แบงค์ที่ตกลงมาก็หมุนตัวใช้ส้นเท้าตอกลงที่หัวของเครียดแมน แล้วเขาก็แสดงลีลากระบวนท่าเตะอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะตกถึงพื้น ซึ่งในจังหวะสุดท้ายนั้นเขาหมุนตัวใช้ขาเกี่ยวคอของเครียดแมนฟาดลงกับพื้นจนน๊อคไป
“*ขอบใจ ชาช่ามารุมากเลยนะ ที่ก่อนมาพาไปเลี้ยงที่ร้านของซัตจัง*” แบงค์ยิ้มให้กับผู้ชม แต่ผู้ชมกลับตะลึงอยู่สักพักก่อนที่จะส่งเสียงเฮกันออกมา

“*อะไรกัน มันเตะเร็วพอๆกับเจ้าทาคามิจิเลยเหรอ” เอวาเจลีนที่ดูเหตุการณ์แล้วก็เกิดความสงสัย

คู่ที่ 10 เริ่มได้...

ฟิชเชอร์แมนวิ่งตรงเข้ามาที่เอวาเจลีน แล้วจู่ๆเขาก็ลื่นล้มลงไปตรงหน้า เอวาเจลีนจึงเดินมาลงค่อมหัวของฟิชเชอร์แมนไว้ แล้วก็ใช้นิ้วชี้จุ้มที่หลังของฟิชเชอร์แมน
“อย่าดิ้นให้ยากเลย” เอวาเจลีนบอกแล้วคาสึมิก็นับไปเรื่อยๆจนครบ 10 เอวาเจลีนก็เข้ารอบไปอย่างงายดาย

ต่อมาอีกคู่หนึ่งที่สำคัญไม่น้อย ศึกระหว่างอาจารย์ทั้งสองท่านขอเชิญผู้เข้าแข่งขัน เข้าสู่สนามได้ค่า” คาสึมิประกาศเสร็จ เนกิ และ ทาคามิจิ ก็เดินเข้ามายังสนาม
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #12 on: July 11, 2006, 05:34:18 AM »

ตอนที่ 12 ถุงมือปริศนา และเบื้องหลัง...

“เอาล่ะ เนกิ การต่อสู้ครั้งนี้ อยากให้เธอลงมือให้เต็มที่ ไม่เช่นนั้นยังไงเธอก็ไม่ชนะฉันแน่” ทาคามิจิพูดขึ้นเล็กน้อย
“ครับ” เนกิตอบกลับด้วยความมุ่งมั่น

คู่ที่ 12 เริ่มได้...

“ลำนำสัปยุทธ์” เนกิรวบรวมพลังขึ้นทันที

อ๊า...

จู่ๆทาคามิจิก็มีอาการแปลกๆเกิดขึ้น
“นักกีฬาทาคามิจิเกิดอะไรขึ้นไม่รู้เหมือนกันค่าตอนนี้” ผู้ชมทั้งหมดต่างก็แปลกใจ
“เนกิ สงสัยฉันไม่ไหว” ทาคามิจิบอก
“ทาคามิจิเป็นอะไรเหรอครับ” เนกิถาม
“ไม่รู้เหมือนกันจู่ๆแรงมันก็หายไป เรื่องการสู้ครั้งนี้ ให้เธอชนะไปเลยแล้วกัน เรื่องของฉันนั้น เอาไว้วันหลังค่อยเจอกันใหม่ก็ได้” ทาคามิจิตอบแล้วเขาก็กะอักเลือดออกมา

“ไม่น่าเชื่อ นักกีฬาทาคามิจิจะขอถอนตัวกะทันหัน” คาสึมิประกาศ
“นั่นมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย” อาสึนะพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“อาจารย์” เหล่านักเรียนห้อง 5-A วิ่งเข้ามาดูอาการ แล้วพวกเขาก็พาอ.ทาคาฮาตะไปหาหน่วยแพทย์ที่คอยตรวจเช็คสำหรับงานนี้

ที่ห้องควบคุม
“เรียกฉันมามีอะไรเหรอ” แบงค์ถาม
“อั๊วก็แค่อยากจะให้ลื๊อช่วยนิดหน่อย” เจ้าหันมาตอบพร้อมกับยิ้มให้
“เอาน่า ช่วยหน่อยได้มั้ยฮ้า” เจ้าถาม
“เจ้าหลินเฉิน เธอเองก็เป็นนักเรียนห้อง 3-A และเป็นนักเรียนในโรงเรียน และเป็นอะไรมากกว่านั้น รวมทั้งยังฉลาด และเก่งกาจด้วย ทำไมถึงมาใช้คนด้อยอย่างฉันละ” แบงค์ถาม
“ก็ลื๊อคำนวณเก่งที่สุดในโรงเรียนนี้แล้วละซิ” เจ้าตอบแล้วก็โยนซองขาวอันหนึ่งให้
“ฉันไม่รับทำงานบ้าบออะไรของเธอหรอก” แบงค์บอก
“งานก็แค่ ช่วยแพ้หนูเนกิคุงให้หน่อยก็เท่านั้นเอง แล้วก็ช่วยกันไม่ให้ใครเข้ามาใกล้ทางลับใต้ศาลเจ้าได้ละ” เจ้าบอก
“เงินในซองมันน้อยกว่า 10 ล้าน ฉันลุยไปจนชนะที่ 1 ได้ก็ยังคุ้มกว่าอีก” แบงค์บอก
“ไม่ใช่แค่เงินเท่านั้นนะ” เจ้าลุกขึ้นเดินเข้ามาหา
“แต่จะได้...” เจ้าก็หอมแก้มทันที แต่แบงค์ก็ยังคงมีสีหน้าเดิม
“ฉันไม่เชื่อหรอก คนฉลาดอย่างเธอ คิดเหรอว่า ฉันโง่พอจะให้เธอหลอกใช้ง่ายๆหรอก” แบงค์กระซิบบอก
“งั้นอั๊วขอถุงมือนั้นคืน” เจ้าเริ่มมีสีหน้าที่ไม่พอใจ
“แน่ใจนะ” แบงค์ถาม
“ไม่ดีกว่า หากลื๊อทิ้งอั๊วไป ลื๊อก็ไปช่วยพวกนั้นมาจับอั๊วละซิ แล้วนี่ ยาถอนพิษ เอาไปให้อาจารย์ของลื๊อกินซะ” เจ้าตอบ
“นี่ละ คือข้อได้เปรียบของฉัน เอาเป็นว่า งานนี้ฉันรับไว้ก็ได้ แต่งานคุ้มภัยให้เธอนั้น ฉันไม่รับรอง จ้างคนอื่นเอาแล้วกัน แล้วเงินในซองนี้ ก็ตัดออกไปเลยครึ่งหนึ่ง และถุงมือที่เธอเคยให้นั้น ฉันจะถอดคืนเธอข้างหนึ่ง เพราะแขนขวาฉันหัก ถึงใส่ไปมันก็ไม่มีประโยชน์” แบงค์พูดเสร็จก็ทำอย่างที่เขาบอก แล้วก็เดินออกไป
“เก่งๆอย่างทาคามิจิอั๊วยังไม่กลัวเลย แล้วทำไมอั๊วจะต้องตามง้อลื๊อเล่า แล้วที่อั๊วสร้างของต่างๆให้ลื๊อไปเนี่ย ไม่รู้เลยเหรอว่าอั๊วคิดยังไง” เจ้าตะโกนใส่ทิ้งท้าย
“เธอมันฉลาดและเจ้าเล่ห์เกิน ถ้าใครคิดตามเธอไม่ทันก็ตกเป็นทาสของเธอละซิ” แบงค์หันกลับมามอง เจ้าก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที
“*ขี้โกงอย่างลื๊อ อั๊วต้องเอามาให้ได้ ไม่ว่าจะต้องผ่าหัวลื๊อหรือวิธีใดก็ตาม*” เจ้าเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วก็หยิบถุงมือที่สร้างขึ้นด้วยวิทยาศาสตร์ที่เพิ่มแรงให้ผู้ที่ใส่นั้นขึ้นมาใส่เอง
“นี่อั๊วจะใส่ไปทำไมเนี่ย ใส่เท่แล้วกัน” เจ้ายิ้มขึ้นนิดๆก่อนที่จะกลับมานั่งดูที่หน้าจอมอนิเตอร์

ที่สนาม
“ไม่น่าเชื่อ ชายร่างใหญ่ฉายารถถังอย่าง ยอน จะมาตัดสินการต่อสู้กับยะโดยการงัดข้อ”
“ยอน แกคิดดีแล้วเหรอ แกก็รู้นี่ฉันมันแรงเยอะสุดในระดับ” ยะถาม
“เอาเป็นเอา สมัครมางานนี้แค่เล่นเอาสนุกๆ ยอนตอบ แล้วทั้งคู่ก็ออกแรงงัดข้อกัน ซึ่งสุดท้ายแล้วผลก็คือ ยะ เป็นฝ่ายชนะ ยอน จึงเดินออกไปจากสนามพร้อมกับยะอย่างภาคภูมิใจและหยิ่งในศักดิ์ศรีแห่งลูกผู้ชาย

“ต่อมาคู่สาวน้อยเพื่อนสนิท ไม่น่าเชื่อเลยจะมาตีกันเองได้ในงานประลองครั้งนี้”

ที่ข้างสนาม
“เต้คุง” แบงค์เดินเข้ามาหา
“มีอะไรเหรอ” เต้ถาม
“ถุงมือนี้ ถือว่าเป็นเครื่องนึกถึงเราแล้วกันนะ ไปเอาที่ 1 มาให้ได้นะ เราคงจะไปไม่ถึงหรอก เต้คุงเก่งกว่าต้องทำให้ได้นะ” แบงค์ถอดถุงมือข้างซ้ายให้
“อืม” เต้รับอย่างเต็มใจแล้วเขาก็ใส่มันทันที
“งั้นไปก่อนนะ อีกครึ่งชั่วโมงจะมาใหม่ หรือถ้ามันใกล้จะถึงคู่เราแล้ว โทรไปเรียกด้วยละ” แบงค์พูดเสร็จก็เดินกลับออกไปทันที ซึ่งพอมาถึงประตูเอวาเจลีนก็ยืนขวางทางอยู่

“นี่นายเป็นใครกัน” เอวาเจลีนถาม
“เอ๋ ถามกันตรงๆเลยเหรอ” แบงค์ตอบกลับพร้อมกับหัวเราะนิดๆ
“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นแกนะ ไอ้บ้า” เอวาเจลีนตะหวาดใส่
“ฉันเป็นมิตรกับทุกคนนะ แม้กระทั่งคุณเจ้า แล้วเธอก็คงจะด้วยคนนะ” แบงค์ตอบ
“ทำไมนายถึงเตะได้เร็วเท่าทาคามิจิ ทั้งๆที่แกเป็นแค่ลูกศิษย์” เอวาเจลีนถาม
“อนึ่งน้ำแกงอันแสนอร่อยของซัตจังสูตรเพิ่มพลัง แล้วอ.ทาคาฮาตะก็ไม่สอนอะไรพวกเราเลย เรื่องการต่อสู้อะไรต่างๆของฉัน ฉันจำเอามาจากคนอื่น สมองฉันมันจำอะไรได้ง่ายๆ ดูใครใช้ท่าไรรอบเดียวก็ใช้ตามได้แล้ว” แบงค์ตอบ
“แล้วอีกอย่าง...” แบงค์ยื่นหน้าเข้ามาจะกระซิบบอกบางอย่าง

จุ๊บ...

แบงค์ฉวยโอกาสหอมแก้มเอวาเจลีนก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปยังระเบียงของผู้ชม ซึ่งพอเอวาเจลีนเงยหน้าตามขึ้นไปก็มีน้ำหยดใส่หน้า
“ฉันคำนวณไว้แล้วละ เธอไม่น่าจะเงยหน้าขึ้นมาเลยนะ” แบงค์พูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินหายไปในฝูงชน
“*หน๋อย เจ้าบ้าเอ๊ย ประลองรอบ 2 แกตายแน่*” เอวาเจลีนพูดขึ้นด้วยความโกรธแล้วเธอก็เดินออกไปแถวห้องควบคุม

“นี่มันอะไรกัน” เอวาเจลีนเอ่ยถามขึ้น
“มีอะไรหรอฮ้า” เจ้าพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“เจ้าหมอนั่นมันเป็นใคร แล้วมันรู้จักพวกเราได้ไง” เอวาเจลีนถาม
“อ๊อ เขาก็คือรุ่นพี่แบงค์ ห้อง 5-A เขายินดีช่วยงานอั๊ว และทำงานไม่เคยพลาดด้วย อั๊วก็เลยชอบเขา น้อ” เจ้าตอบ
“ไม่ใช่อย่างนั้น มันต้องมีอะไรปิดบังอีกมากกว่านั้น” เอวาเจลีนเริ่มมีสีหน้าที่เคร่งเครียด
“หรือว่าลื๊อกลัวอีที่จะสู้กันในรอบต่อไปฮ้า” เจ้าถาม
“ไม่ใช่สักหน่อย แต่ที่สงสัยทำไมมัน....” เอวาเจลีนกำลังจะพูดขึ้น
“เอ๋ เดี๋ยวนะ อั๊วขอเครื่องสแกนห้องนี้ก่อน เหมือนมีคนดักฟัง” เจ้าพูดเสร็จก็หยิบเครื่องมือบางอย่างขึ้นมาและเดินตรวจดูรอบๆห้อง

“ม่ายมีอาราย เมื่อกี๊รู้สึกเหมือนมีคนมาดักฟัง มีใครตามเธอมาหรือเปล่า” เจ้าถาม
“ไม่มีนี่ เธอคิดมากไปหรือเปล่า” เอวาเจลีนบอก
“คงช่าย ฮ่าๆ” เจ้าหัวเราะขึ้น
“สรุปเธอจะบอกฉันได้หรือยังว่าเจ้านั่นมันมีอะไรพิเศษ” เอวาเจลีนถาม
“เขาก็เป็นคนที่มีสมองไว คำนวณเก่งมากๆ เป็นหนึ่งคนที่อั๊วไม่อยากสู้ด้วย” เจ้าตอบ
“แค่มีสมองเพ้อเจ้อ จะไปเก่งอะไร มันต้องมีมากกว่านั้น” เอวาเจลีนถามอีก
“ก็ได้ ก็ได้ อั๊วสร้างถุงมือ และรองเท้าให้อีไปใช้ ซึ่งใครที่ใส่มันจะมีพลังส่วนนั้นเพิ่มขึ้น และเร็วขึ้น แต่อั๊วทำให้ไปกี่อย่างกี่อย่าง อีก็ยังไม่สงสารอั๊วเลย” เจ้าพูดพร้อมกับก้มหน้าก้มตาเอามือทุบพื้นอย่างเสียใจ
“ถึงว่า ที่แท้ก็เพราะว่ามีเธอช่วยนี่เอง ของแบบนั้น ถึงมีฉันก็ยังชนะได้สบาย” เอวาเจลีนเริ่มเปลี่ยนสีหน้ามายิ้มทันที
“เธอนี่ก็เหมือนพวกติงต๊องห้องเราไม่มีผิดเลย ไปชอบอะไรกับพวกผู้ชาย” เอวาเจลีนพูดขึ้น
“ก็มันจริงนี่ ถ้ายังไงลื๊อก็ลองเป็นหนูทดลองให้อั๊วทีว่า การสู้กับอี ถ้าลื๊อชนะ อั๊วก็ชนะอีได้ อั๊วจะได้ไม่ต้องมากลัวอีอีก เพราะที่จริงแล้วอีเป็นคนเจ้าเล่ห์พอๆกับอั๊วเลย อีเป็นนักคำนวณและวางแผนไปเนียนมาก” เจ้าพูดขึ้น
“อย่างที่อีเขียนให้อั๊วนี่ว่า ห้ามเอามือจับที่ประตูห้องนี้เวลาเดินออก ลื๊อลองไปทดลองให้ดูหน่อยซิ” เจ้าหยิบกระดาษที่แบงค์เขียนให้ขึ้นมา
“ได้ๆ มันก็กระดาษเขียนไว้ ถ้ามันจะมีอะไรก็แปลว่าเจ้านั่นมันจะฆ่าเธอนั่นแหละ” เอวาเจลีนพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องไปโดยใช้มือข้างหนึ่งจับที่บานประตู

“ไม่เห็นมีอะไร” เอวาเจลีนหันมาบอก
“ม่ายรู้ซิ สงสัยจะเกิดกับอั๊วคนเดียวมั้ง ลื๊อไปเถอะ ไม่มีอะไรแล้วนี่” เจ้าพูดขึ้นอย่างสงสัยแล้วเธอก็ลองลุกขึ้นเดินไปหาเอวาเจลีนโดยใช้มือจับบานประตูอย่างในกระดาษนั้น
“นี่ไง ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลย” เอวาเจลีนบอก
“ฮ่าๆ สงสัยอีจะล้อเล่นอั๊ว” เจ้าหัวเราะขึ้นแล้วปลาในสระน้ำนอกระเบียงก็โผล่ขึ้นมาพร้อมกับพ่นน้ำใส่เจ้า

“ง่ะ...” เอวาเจลีนก็ตกใจ
“ไอ๋หย๋า เสื้ออั๊วเปียกเลย” เจ้าตกใจรีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องทันที

ที่สนาม
“และแล้วก็มาถึงคู่ที่ 15 แล้ว อีก 2 คู่ก็จะหมดรอบนี้ละ ซึ่งเมื่อครบแล้ว เราจะพักช่วงซ่อมแซมสนามกัน 1 ชั่วโมง ผู้เข้าแข่งขันทุกคนสามารถไปพักผ่อนได้ทันที” คาสึมิประกาศเสร็จ เต้ และ แพ๊ค ก็เดินขึ้นมาในสนาม

“เต้ ในฐานะเค้าเป็นหัวหน้าห้อง ถ้าเต้ทำเค้า เค้าโป้งด้วย” แพ๊คพูดขึ้น
“เฮ้ย อะไรกัน จู่ๆรุ่นพี่แพ๊คใช้อำนาจความเป็นหัวหน้าห้องข่มสมาชิกในห้องซะแล้ว” คาสึมิได้ที่ยินพูดขึ้น
“ไม่ได้ละ แบงค์ฝากความหวังไว้ที่เราแล้ว เราต้องทำให้ได้” เต้พูดเสร็จก็เกร็งที่มือซ้ายทันที
“เฮ้ย กล้าทำเค้าหรอ” แพ๊คถาม

คู่ที่ 15 เริ่มได้ค่า...

“ได้เลยเต้ ไม่รู้จักฉายา 3 วิ จมกองเลือด ซะแล้ว” แพ๊คถอดแว่นออกมาเช็ดแล้วก็ใส่ใหม่
“แพ๊คต้องขอโทษด้วยที่จะใช้แพ๊คเป็นหนูทดลองกระบวนท่าใหม่ ที่พึ่งคิดได้ตอนคุยกับแบงค์” เต้พูดเสร็จกำหมัดซ้ายแน่น
“เฮ้ย เอาจริงเหรอวะ” แพ๊คถาม
“หมัดวิหกเหิน” เต้พุ่งเข้าไป
“1 วิหกกางปีก” เต้ก็ใช้หมัดขวาเสยคางแพ๊คลอยขึ้น แล้วก็ตามด้วยมือขวาที่เสยตามซึ่งมือซ้ายนั้นไม่ถูกตัวแพ๊คเลย แต่แรงลมนั้นทำให้เหมือนกับว่ามีหมัดจำนวนมากอัดใส่แพ๊คในช่วงที่เต้ใช้มือซ้ายเสยตาม
“2 ลมหมุนวิหก” เต้กระโดดตามขึ้นไปแล้วก็หมุนตัวใช้ขาเตะแพ๊คจนล่วงลงมากระแทกกับพื้น
“3 วิหกพลัดถิ่น” เต้ใช้มือซ้ายที่เกร็งปานพุ่งลงมากดเข้าที่อกของแพ๊ค แล้วบริเวณรอบๆก็มีแรงลมพุ่งกระจายออกไป

8… 9… 10…

“นักกีฬาต้เป็นฝ่ายชนะค่า” คาสึมิประกาศเสร็จเต้ก็ยิ้มอย่างดีใจแล้วเขาก็หันไปทางแบงค์ที่เคยยืนอยู่ แต่ก็ไม่เจอแล้ว
“ขอโทษด้วยนะแพ๊ค แต่มันจำเป็นจริงๆ” เต้พูดเสร็จก็เดินกลับไปในห้องรับรองผู้เข้าแข่ง

“*อยากเป็นแบบแบงค์ได้จัง ถึงจะไม่เก่งเท่าพวกเราแต่เขาก็ยังฝากความหวังไว้กับคนอื่น เชื่อมั่นในคนอื่น ช่างมีน้ำใจจริง แถมยังอารมณ์ดียิ้มตลอดเวลาอีก*” เต้นั่งนึกไปพรางๆ
“*แถมยังคำนวณเก่งใช้ได้ทั้งตอนต่อสู้และตอนเรียนอีก อยากเป็นแบบนั้นบ้างจัง*” เต้นั่งก้มหน้าอยู่คนเดียว
“เต้คุง ไอติม กินหน่อยซิ อุตส่าไปซื้อมาให้” แบงค์ยื่นไอศกรีมให้ เต้จึงเงยหน้าขึ้นมาและรับไว้
“ขอบใจนะ” เต้ยิ้มให้
“ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่ถุงมือนั่นใช้ได้มั้ย” แบงค์ถาม
“ก็ดีนะ แล้วคิดยังไงถึงให้ถุงมือนี้ละ” เต้ถาม
“ก็เต้เก่งกว่าเราไง เราเองเอาที่ 1 ไม่ได้หรอก แต่เราจะฝากจิตใจเราไว้กับถุงมือนี้เพื่อให้เต้มีกำลังใจมุ่งมั่นไปเอาที่ 1 ให้ได้” แบงค์ตอบ

“เอาล่ะค่ะ ในที่สุดการประลองรอบแรกก็จบลงไป ซึ่งสนามก็แทบพัง รอบสองอาจจะพังเลยก็เป็นได้ค่า ซึ่งถ้าสนามยังซ่อมไม่เสร็จทันอีกภายใน 1 ชั่วโมงเราอาจจะไปใช้สนามสำรองอีกฝั่งหนึ่งค่า และตอนนี้ก็มาดูตารางสำหรับรอบสองกันดีกว่านะค่ะ…”

สาย A                  สาย B
คู่ 1 โคทาโร่ Vs คูเนล ซันดาส         คู่ 5 แบงค์ Vs เอวาเจลีน เอ.เค. แมคโดเวล
คู่ 2 มิ้ง Vs หรี่               คู่ 6 อ.เนกิ สปิงฟิลด์ Vs ยะ
คู่ 3 นางาเซะ คาเอเดะ Vs อาท         คู่ 7 ซากุระซากิ เซตซึนะ Vs ปิง
คู่ 4 คู เฟย Vs ทัตซึมิยะ มานะ         คู่ 8 เต้ Vs ทาคาเนะ D กู๊ดแมน

“และในรอบสองยังมีโฆษกพิเศษทั้ง 3 ท่านจะมาเป็นผู้บรรยายด้วยค่ะคือ ท่านแรก รุ่นพี่อดีตประธานชมรมพลังภายใน โคอิชิโร่ โทโคอุจิ และท่านที่สอง คาราคุริ ชาช่ามารุ และท่านที่สาม หัวหน้าทีมวิจัยของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ด๊อกเตอร์ฮาคาเซะ ซาโตมิ ซึ่งรับรองว่ารอบสองและรอบต่อไปจะมันขึ้นอย่างแน่นอนค่า...”
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #13 on: July 11, 2006, 05:34:45 AM »

ตอนที่ 13 เวลาพัก... เหนื่อย..!

หลังจากสิ้นสุดการประลองฝีมือรอบแรกนักกีฬาบางคนก็ออกมาจากศาลเจ้าเพื่อไปพักผ่อน แต่บางคนก็อยู่ข้างในเพื่อฝึกร่างกายสำหรับรอบต่อไป

“อาโกะ เย็นนี้อย่าลืมไปซ้อมละ เดี๋ยวพวกเราต้องขอตัวกลับไปช่วยงานที่ห้องละ เดี๋ยวยัยหัวหน้าห้องบ่น” มาโดกะพูดเสร็จ 3 สาวเชียร์ลีดเดอร์ก็แหวกฝูงชนออกไปทันที

“นี่ๆ รอบแรกลื๊อเก่งมากเลยเน๊อ จักกางลูกศิกอั๊วได้ง่ายๆ” เฟยวิ่งเข้ามาหาแบงค์ทันทีที่แบงค์เดินออกมาข้างนอก
“*สงสัยงานนี้จะหนีไม่พ้น เห๊อ*” แบงค์ทำหน้าสลด
“นั่น ติ๊ก กลิ่นสี” แบงค์ชี้ไปอีกทางพร้อมกับแสดงอาการตกใจ เฟยจึงหันตามไป
“ไหนอ่า ม่ายเห็งมีเลย” เฟยกวาดสายตามองท่ามกลางผู้คน แล้วเธอก็หันกลับมา
“อ๋า โดนลื๊อหลอกอีกแย้ว ใจร้าย” เฟยออกวิ่งตามหาทันที
 
“เฮ้ย พวกเราไปกินข้าวร้านซัตจังต่อมั้ย กินแล้วรู้สึกสดชื่นแข็งแรงขึ้นมา รอบสองจะได้ชนะง่ายๆ” อาทพูดขึ้น
“เออๆ ดีๆ ไปกัน” ยะบอกแล้วพวกเขาและเพื่อนๆก็ไปกัน

แล้วกลุ่มสาวเชียร์ลีดเดอร์ก็เดินสวนทางกับกลุ่มนักเรียน 5-A
“*เอ๋ รุ่นพี่คนนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหน*” ซากุระโกะเกิดแปลกใจขึ้นมานิดๆแล้วก็หันกลับไปมอง
“อะไรเหรอ ซากุระจัง” มิสะถาม
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก แค่รุ่นพี่กลุ่มนั้นมีคนหนึ่งใช่คนที่ช่วยพวกเราไว้คราวนั้นหรือเปล่า” ซากุระโกะชี้ให้เพื่อนๆดู
“เอ๋ หรือว่าเธอปริ๊งเขาละจ๊ะ” มาโดกะแซว
“ไม่ใช่สักหน่อย” ซากุระโกะตะหวาดใส่
“แบบนี้แน่เลย ไปดีกว่า” มาโดกะและมิสะรีบวิ่งหนีไปทันที

“เชน ยะ ช่วยด้วย” แบงค์ที่กำลังวิ่งหนีเฟยอยู่นั้นตะโกนเรียกจนเสียงเปลี่ยนเลย
“หยุดเลี๋ยวนี้นะ บังอาจมาหลอกอั๊ว” เฟยรีบวิ่งตามมาติดๆ
“ใช้หัวซิแบงค์ ใช้หัว” อาทตะโกนบอก
“มันคิดอะไรไม่ทันแล้ว หยุดวิ่งก็ตายซิ” แบงค์ตะโกนกลับแล้วเขาก็เห็นเสาต้นหนึ่งจึงใช้กระโดดและใช้มือซ้ายจับไว้และเหวี่ยงตัวขึ้นไปบนหลังคาตึกทันที

“เห๊อ หนีพ้นสักที” แบงค์ปราดเหงื่อแล้วก็เดินไปต่อ
“คิกว่าหนีอั๊วพ้งหรอ” แบงค์ตกใจทันทีที่เห็นเฟยมายืนดักหน้า
“หลอกอั๊วได้ ต้องชกใช้ด้วยการให้อั๊วกอดเลย” เฟยพูดขึ้นแบงค์ก็แทบช๊อคทันที แล้วเฟยก็กระโดดเข้ามา
“มีอะไรกันเหรอค่ะ” ชาช่ามารุที่บินอยู่ด้านบนนั้นผ่านมาเห็น
“คุณชาช่ามารุช่วยผมด้วยครับ” แบงค์รีบวิ่งหนีไปทางชาช่ามารุทันที
“เกิดอะไรเหรอค่ะรุ่นพี่แบงค์” ชาช่ามารุถาม
“ชาช่ามารุช่วยอั๊วจับอีให้ทีซิ” เฟยตอบ
“เหรอค่ะ” ชาช่ามารุพูดขึ้นแล้วพวกเธอก็ไม่เห็นแบงค์แล้ว

“*ขืนถ้าโดนแบบนั้นเข้า ใครต่อใครจะเข้าใจกันผิดแน่*” แบงค์นึกภาพขึ้นแล้วขนลุก
“ต้องขอโทษรุ่นพี่ด้วยนะค่ะ” ชาช่ามารุพูดขึ้นแล้วเธอก็ดึงคอเสื้อด้านหลังเอาไว้
“ชาช่ามารุ ปล่อย ปล่อย” แบงค์ออกแรงวิ่งเต็มที่แต่ก็ไม่หลุด
“อ่า ขอบใจ ชาช่ามารุด้วยเน๊อที่ช่วยอั๊ว” เฟยที่วิ่งตามก็วิ่งตรงเข้ามาหาทันที แบงค์จึงสละเสื้อทิ้งและวิ่งหนีต่อทันที
“สงสัยรุ่นพี่จะกลัวคุณคูเฟยเอามากๆเลยค่ะ” ชาช่ามารุบอก
“ม่ายใช่สักหน่อย” เฟยรีบวิ่งตามไปทันที

“มานะช่วยหยุดคนนั้นที” เฟยตะโกนบอก แล้วมานะก็ยื่นขาออกไป แบงค์ที่วิ่งมาด้วยความเร็วนั้นสะดุดเข้าอย่างจัง
“*ตายล่ะหว่า เสร็จกัน*” เฟยที่วิ่งตามมากระโดดทับหลังแบงค์ทันที
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคู” มานะถาม
“ม่ายมีอารายหรอก ขอบใจลื๊อมักๆนะที่ช่วยจับคงนี้ให้อั๊ว” เฟยตอบ
“สงสัยจะเจอคนที่ถูกใจแล้วละซิ” มานะแซวเล่นๆแล้วก็ไปเดินเล่นต่อ
“ทำมายลื๊อชอบหนีอั๊วด้วย” เฟยเอ่ยถามขึ้น แต่แบงค์กลับนอนแน่นิ่ง
“ว๋าย นี่อย่าเพิ่งเป็งอารายปายน้า” เฟยเริ่มเขย่าตัวแบงค์ไปมาแต่ก็ไม่มีอาการใดๆ
“อั๊วไม่ได้ตั้งใจ *หรือว่าลื๊อเป็งอย่างที่บอก อย่างนี้ที่อั๊วทำไปก็แรงเกิงไปละซิ*” เฟยเริ่มเกิดความวิตก
“ไอ๋หย๋า อย่าตายซิ อั๊วไม่ได้ตั้งใจทำ อั๊วลืมนึกวลื๊อจะแกร่งเหมืองพวกอั๊ว” เฟยลุกขึ้นลากคอแบงค์ขึ้นแล้วก็สะบัดไปมา
“ตื่งๆๆๆ” เฟยใช้มือตบหน้าแบงค์ไปมา
“*ไม่จริง*” เฟยแทบจะไม่เชื่อในสายตาตนมือของเธอเริ่มอ่อนแรงปล่อยร่างของแบงค์ แล้วร่างของแบงค์ก็ล่วงตกลงไปในแม่น้ำใกล้ๆ

“เฮ้ยมีคนตกน้ำ” ผู้คนแถวนั้นต่างวิ่งเข้ามาดู
“เฮ้ย...ดูนั่น” ผู้คนต่างตกใจกัน
“ขึ้นฝั่งไปแล้วนั่น แม่น้ำเชี่ยวขนาดนี้ยังว่ายน้ำฝ่าไปได้ สมแล้วที่เป็นรุ่นพี่ 5-A” ผู้คนต่างพูดขึ้น เฟยที่กำลังเศร้าเสียใจนั้นหันไปมอง เธอก็ตกใจทันทีที่เห็นภาพแบงค์กำลังไต่กำแพงจากแม่น้ำขึ้นไปยังอีกฝั่ง แล้วเขาก็หันมายิ้มให้ก่อนที่จะวิ่งหนีไป
“หลอกอั๊วได้อีกแล้ว อั๊วโกรธแล้วนะ คราวนี้ต้องเอาให้ตายคามือเลย” เฟยพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่นแล้วก็กระโดดข้ามไปอีกฝั่งทันที

“เนกิ ช่วยด้วยครับ” แบงค์ที่วิ่งเปียกโชกจากน้ำในแม่น้ำนั้นวิ่งหนีอย่างสุดฝีเท้า
“นั่นมันรุ่นพี่ห้อง 5-A ลูกศิษย์อ.ทาคาฮาตะนี่” อาสึนะพูดขึ้น
“และนั่นก็คูเฟย ห้องเรานี่ สงสัยทั้งคู่จะวิ่งเล่นกันสนุกสนานเลยนะ” โคโนกะเอ่ยขึ้น
“คงงั้นละมังค่ะ” เซตซึนะหัวเราะนิดๆแล้วก็มองแบงค์และเฟยที่วิ่งผ่านไปแบบฝุ่นตลบ

“นี่พวกเธอ วันนี้เนกิคุงแต่งตัวหล่อเน๊อ” ฮารุนะพูดขึ้น
“คงงั้นค่ะ” โนโดกะตอบ
“ก็ปกตินี่” ยูเอะตอบ
“เหรอ” ฮารุนะยื่นหน้าเข้ามาหา

“หลบไปครับ หลบไป” แบงค์ที่วิ่งมาเห็นพวกฮารุนะเดินอยู่ เมื่อเขารู้ว่าไม่ทันแน่จึงใช้พลังของรองเท้าเบล๊กอย่างรวดเร็วจนนิ่งสนิท และก้มตัวลง
“แย่เลี้ยว” เฟยที่วิ่งตามมานั้นหยุดไม่ทันจึงสะดุดแบงค์ลอยไปชนกับพวกฮารุนะชนล้มกันไป
“อูย... เจ็บจัง” เฟยลุกขึ้นมาลูบหัวตัวเองเบาๆ
“เฟย เลิกตามทีเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว” แบงค์พูดขึ้นแล้วก็หายใจแรงๆครายเหนื่อย
“แล้วลื๊อจะวิ่งหนีอั๊วทามมายละ” เฟยถาม
“ยัยติงต๊องเยลโล่นี่เอง ไปก่อเรื่องอะไรละเนี่ย” ฮารุนะถาม
“ไม่ช่ายเรื่องของลื๊อสักหน่อย” เฟยตอบ
“ถ้าอยากได้สูตรคำนวณกะระยะนั้น ก็ลองไปดูที่ชมรมฉันซิ จะมาขอจากฉันทำไม” แบงค์ตอบ
“อั๊วไม่ด้ายต้องการแค่นั้น” เฟยพูดขึ้น แบงค์และพวกฮารุนะก็ตกใจขึ้น
“หรือว่า...” ฮารุนะทำสายตาอันน่ากลัวเข้ามาถาม
“*แย่แน่ หากเป็นแบบนี้ ต้องหาทางให้เฟยตัดจากเราให้ได้*” แบงค์นึกสภาพถึงภาพบางอย่างแล้วก็ขนลุกขึ้นอีก

“*อ๊ะ นั่นโอ้สวรรค์ทรงโปรด* คุณอาโกะครับ” แบงค์รีบวิ่งเข้าไปหาอาโกะที่เดินผ่านไปแถวนั้นทันที
“อ่า รุ่นพี่” อาโกะทักกลับ
“*คุณอาโกะช่วยผมทีนะครับ เรื่อง...*” แบงค์เข้าไปกระซิบให้ฟัง

“ติงต๊องเยลโล่เจอชายในฝันเหรอเนี่ย” ฮารุนะพูดขึ้น เฟยและพวกยูเอะก็ตกใจ
“*ได้ไงกัน ต้องหลอกอั๊วอีกแน่ๆ*” เฟยพูดขึ้นด้วยความโมโหแล้วก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหา

“*ช่วยผมทีนะครับ*” แบงค์ถาม
“ค่ะ ค่ะ ก็ได้ค่ะ” อาโกะตอบ

“นี่มันอารายกัน” เฟยถาม
“นี่ อาโกะ แฟนผมเองครับ” แบงค์ตอบ เฟยแทบช๊อคทันที
“จริงเหรอ” ฮารุนะวิ่งเข้ามาถาม พออาโกะเห็นสีหน้าของฮารุนะก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาทันที
“*หากฮารุนะรู้ก็แทบจะเหมือนคาสึมิรู้เลย จะเอาไงดีละ*” อาโกะเริ่มลังเลใจ
“พอเถอะ ฮารุนะ นี่ไม่ใช่เรื่องของเธอซะหน่อย พวกเราไปกันเถอะ” ยูเอะเดินเข้ามาเรียก
“ก็ได้จ้า” ฮารุนะพูดขึ้นแล้วพวกเธอก็เดินจากไป
“ไม่ตอบแบบนี้มีพิรุธ ลื๊อคิดจะหลอกอั๊วอะไรอีกละ” เฟยถาม
“ถ้าไม่เชื่อจะพิสูจน์ให้ดู” แบงค์ตอบ
“*ขอโทษด้วยนะครับ อาโกะ*” แบงค์กระซิบเบาๆแล้วก็หอมแก้มอาโกะ เฟยช๊อคใจจนเกิดแรงระเบิดลอยขึ้นฟ้าไปทันทีที่เห็น

“เห๊อ กว่าจะรอดได้” แบงค์ถอนหายใจทันที
“เอ่อ..คือ...” อาโกะตกใจนิดๆ
“เหว่อ...” แบงค์เองก็ตกใจทันทีที่เห็นอาโกะหน้าแดงกล่ำ
“เรื่องนั้นขอโทษด้วยนะครับ ที่ทำไปแบบกะทันหัน แต่ก็ขอบคุณมากนะครับที่ช่วย งั้นเป็นการตอบแทน ไปกินข้าวกับผมมั้ยครับ ผมจะเลี้ยงให้ถือว่าเป็นการตอบแทน” แบงค์ถาม
“ก...ก...ก็..ได้ค่ะ” อาโกะตอบ แล้วแบงค์ก็ยิ้มให้ แล้วอาโกะก็เดินไปกับแบงค์กันสองคน

“*ถ้าเพื่อนๆมาเห็นเข้าจะเป็นยังไงเนี่ย*” อาโกะเริ่มวิตกกังวล

ที่ร้านเจ้าเปาฉี

ตูมมม......

เสียงบางอย่างดังขึ้น ซัตจังจึงเดินเข้าไปที่หลังร้าน
“อ้าว เฟยเองเหรอ มาเร็วดีนี่ มากินน้ำซุบก่อนซิ พวกห้อง 5-A มากินกันเต็มเลย” ซัตจังยิ้มให้
“อั๊วอยากตาย” เฟยตอบ
“ได้เลย ถ้าอยากตายฉันช่วยนะ” ซัตจังคว้ามีดนับสิบขึ้นมา พร้อมกับทำสีหน้าโหด เฟยเห็นจึงได้สติกลับคืนมาทันที
“เดี๋ยวๆๆๆๆ อั๊วกลัวแล้วอย่าฆ่าอั๊วเลย” เฟยรีบหนีเข้ามุมห้องทันที
“นึกไว้แล้วละ ใครกันจะอยากจะมาตาย ไปเจออะไรเข้าละ” ซัตจังถาม
“ในเมื่ออั๊วไม่ได้กะพวกรุ่งพี่เก่งๆอั๊วก็ขอเนกิคุงแล้วกัง” เฟยพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่น
“อีกแล้วละซิ สู้ต่อไปนะ ต้องมีสักคนละ” ซัตจังยิ้มให้แล้วทั้งคู่ก็เดินกลับออกไป

ที่ห้องควบคุม
“งานอะไร” มานะถาม
“งานมันอยู่ในซองนั้นแล้ว ลื๊อจะทำก็รับๆไปซะนะ ไม่ใช่งานฆ่าใครหรอก” เจ้าตอบพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่ว่างานใดๆฉันก็รับไว้หมดละ ขอแค่มีเงินจ้างก็พอ” มานะคว้าซองนั้นแล้วก็เดินออกไปซึ่งจับที่บานประตู แล้วปลาในสระน้ำข้างๆก็โผล่ขึ้นมาพ่นน้ำใส่
“ฮ่าๆ ลืมบอกไป ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ไง แต่ใครที่เดินออกไปโดยจับที่บานประตูจะโดนแบบนี้ทุกคน” เจ้าหัวเราะขึ้น
“แกตายซะเถอะ ไอ้ปลาบ้า” มานะชักปืนกลออกมากระหน่ำยิงลงไปในบ่อ แล้วปลานับสิบก็ลอยหงายท้องขึ้นมา เจ้าเห็นก็ตะลึงทันที
“โหกจัง” เจ้าตาค้างทันทีแล้วมานะก็หันกลับมายิ้มให้ก่อนที่จะเดินจากไป
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #14 on: July 11, 2006, 05:35:21 AM »

ตอนที่ 14 ปริศนาใต้ผ้าคลุม

“และแล้วสนามก็ซ่อมแซมเสร็จได้ทันเวลา เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็ขอให้นักกีฬาคู่แรกออกมาได้แล้วค่า” คาสึมิประกาศเปิดงานประลองรอบที่ 2

“นักกีฬาคนแรกหนุ่มน้อยไฟแรงเพิ่งเข้ามาในโรงเรียนนี้ปีแรก ก็ออกลายแล้ว เขาคือ โคทาโร่”
“นักกีฬาคนต่อมาไม่ทราบที่มาหรือประวัติเป็นคนนอกที่ขอสมัครเข้ามาแข่งด้วยใต้ผ้าคลุมอันหนาชื่อของเขาคือ คูเนล ซันดาส”

การประลองรอบที่ 2 คู่แรก เริ่มได้ค่า...

“หมัดเขี้ยวหมาป่า” โคทาโร่ตัดระยะเข้าไปใกล้ทันพร้อมกับโจมตีด้วยหมัดที่เปรียบเสมือนเขี้ยวหมาป่า แต่คูเนลก็หลบได้อย่างเหลือเชื่อ แล้วโคทาโร่ก็มองดูใบหน้าใต้ผ้าคลุม เขาเห็นเพียงแววตาคู่เดียวของคูเนล แล้วจู่ๆโคทาโร่ก็ปลิวออกไป
“*นี่มันอะไร นั่นมันพลังอะไร ทำไมจู่ๆถึงได้... ไม่ซิ มันอาจจะโจมตีเร็วจนเรามองไม่เห็นก็ได้” โคทาโร่ลุกขึ้นมาและตั้งท่าป้องกัน

ที่ห้องพยาบาลสำหรับผู้แข่งขัน(ที่ศาลเจ้า)
“เอิก. เอ่อ...”
“อ.ทาคาอาตะฟื้นแล้วเหรอค่ะ” อาสึนะถาม
“อ้าวแล้วนี่ไม่ไปแข่งเหรอ” อ.ทาคาฮาตะถาม
“หนูตกรอบแล้วค่ะ ก็เลยมาเฝ้าอ.ทาคาฮาตะแทนคนอื่น” อาสึนะตอบ
“นี่คุณอาสึนะ คุณเจ้าเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว” เซตซึนะวิ่งเข้ามาบอก
“อ่า อ.ทาคาอาตะฟื้นแล้วเหรอค่ะ” เซตซึนะตกใจนิดๆ
“เซตซึนะคุงเตรียมตัวให้พร้อมดีกว่านะ ฉันกับอาสึนะคุงจะไปตามคุณเจ้าเอง อาจารย์จอมเวทย์คนอื่นก็คงจะรู้ถึงการเคลื่อนไหวของคุณเจ้าเหมือนกัน” อ.ทาคาอาตะบอก
“ค่ะ ตอนนี้คุณเจ้าออกจากห้องควบคุมแล้ว และเดินเข้าไปในทางน้ำใต้ศาลเจ้า ซึ่งมันมีอีกทางเข้าหนึ่งข้างนอกศาลเจ้า คิดว่าคุณเจ้าคงจะใช้เส้นทางนี้ในการเข้าออก ถ้าไปดักไว้อาจจะได้เจอตัวก็ได้” เซตซึนะพูดให้ฟังเสร็จอ.ทาคาฮาตะก็ยิ้มขึ้นเล็กๆ
“เอาล่ะ อาสึนะคุง เราไปกันเลยดีมั้ย” อ.ทาคาฮาตะถาม
“ค่ะ” อาสึนะตอบอย่างมั่นใจแล้วทาคามิจก็ลุกออกมาจากเตียงและเดินออกมาจากศาลเจ้าพร้อมกับอาสึนะ

อ๊า...

โคทาโร่โดนโจมตีกลับอย่างที่เคยโดนไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นการโจมตีอะไร
“โคทาโร่คุงไม่ไหวแน่ๆแบบนี้” เนกิพูดขึ้น
“ก็คงใช่นะเจ้าค่ะ อีกฝ่ายไม่ได้โจมตีด้วยหมัดหรือขาแต่อย่างใดเลย” คาเอเดะบอก
“เหรอครับ” เนกิถาม
“เจ้าค่ะ จากที่ดูแล้ว ถ้าใช้หมัด หรือขาแต่อย่างใด ผ้าคลุมนั้นก็ต้องมีขยับถึงจะเร็วแค่ไหนก็ตามเพราะผ้าคลุมมันไม่ได้มีวิชาด้วยนี่” คาเอเดะตอบ
“โคทาโร่ อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ สู้ไว้” เนกิตะโกนบอก
“เออ รู้แล้ว” โคทาโร่ตะโกนกลับแล้วจู่ๆคูเนลก็มาโผล่ตรงหน้าของโคทาโร่
“ตัดระยะเหรอเนี่ย” โคทาโร่ตกใจ

“*ไม่ใช่ตัดระยะเจ้าค่ะ ผ้าคลุมไม่มีการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด หรือจะพูดง่ายๆว่า หายตัวก็ไม่น่าใช่ แต่มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวแต่อย่างใด เพราะผ้าคลุมนั้นนิ่งอยู่กับที่ตลอด*” คาเอเดะอธิบาย

“*อ๊า นี่มันอะไรกัน ลมอะไร ทำไมจู่เหมือนมีอะไรที่หนักมากมาทับ*” โคทาโร่ทนรับแรงนั้นไม่ไหวจนล้มลงไป
“ขอโทษด้วยนะ ฉันกลัวเธอจะลุกขึ้นมาได้” คูเนลพูดเสร็จก็ยื่นมือออกมาจากผ้าคลุมแล้วก็กดลงไปที่อกของโคทาโร่
สายตาของโคทาโร่นั้นบ่งบอกถึงสิ่งบางอย่างที่รุนแรงมากโจมตีใส่เขา

แล้วพื้นบริเวณรอบๆของโคทาโร่ก็ร้าว

อ๊า...

โคทาโร่ตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้วร่างของเขาก็จมลงไปในพื้นจนเกิดหลุมขนาดใหญ่

1… 2… 3… 4… 5… 6… 7… 8… 9… 10…

“นักกีฬาคูเนลเป็นฝ่ายชนะไปในรอบนี้ ค่า...” คาสึมิประกาศ

“อ๊ะ นั่นคุณเจ้านี่ครับ” เนกิเห็นเจ้าเดินอยู่บนหลังคาทางเดินศาลเจ้า
“อะไรนะค่ะ” เซตซึนะหันตามขึ้นไปดู
“แล้วคนที่อยู่ที่ทางใต้ดินละ นั่นก็ตัวปลอมละซิ” เซตซึนะพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ แล้วเจ้าที่ยืนอยู่นั้นก็หันมายิ้มให้ แล้วเธอก็กระโดดหนีไป แล้วก็มีอาจารย์จอมเวทย์ 2 คนกระโดดตามไป

เจ้าหลินเฉินก็กระโดดออกมาจากศาลเจ้าโดยชนเข้ากับแบงค์ที่กำลังจะเดินเข้าไป
“อูย เจ็บจังเลย” เจ้ารีบลุกขึ้นมา
“เจ้าจังนี่ ไม่นั่งเฝ้าหน้าจอแล้วเหรอ” แบงค์ถาม
“อย่าเพิ่งเลย ตอนนี้ช่วยอั๊วก่อนซิ มีคนไล่ตามอั๊วมา อั๊วถึงอยากให้ลื๊อช่วยน้อ” เจ้าส่งสายตาอันออดอ้อน ทำให้แบงค์ใจอ่อน
“อ่า ดีจัง งั้นช่วยใส่ผ้าคลุมนี้แล้วหนีไปให้ไกลจากที่นี่นะฮ้า” เจ้าพูดเสร็จก็ถอดผ้าคลุมของตนมาสวมให้แบงค์ทันทีแล้วก็เดินหลบแถวริมกำแพงศาลเจ้าไปเรื่อยๆ

“เจ้าหลินเฉิน ยอมให้จับซะดีๆ” อาจารย์คนหนึ่งพูดขึ้นแล้วก็กระโดดเข้ามา
“*นึกว่าเรื่องอะไร*” แบงค์รู้ถึงเหตุผลแล้วเขาก็ยิ้มขึ้นเล็กๆก่อนที่จะกระโดดไปตามหลังคาตึกและหนีไป

การต่อสู้คู่ที่ 2 เริ่มได้ค่า...

“หรี่ หัวแตกแน่” มิ้งตั้งท่ากาดขึ้น
“เพื่อนกันไม่เอาน่า” หรี่บอก

ที่หน้าศาลเจ้า
“เห๊อ ได้ออกมาสูดอากาศนี่มันสดชื่นดีจัง” เจ้ายืดแขนยืดขาอย่างผ่อนคลาย
“อ๊ะ นั่นไงคุณเจ้า” อาสึนะที่เดินออกมานั้นเห็นเข้า
“อ้าว อาสึนะนั่นเอง” เจ้าเอ่ยทักขึ้น
“อาเบอาร์ท” อาสึนะเรียกกระดาษพับออกมาฟาดใส่
“ไอ๋หย๋า ลื๊อคิดจะทำอะไรเนี่ย” เจ้าถาม
“เดี๋ยวอาสึนะคุง” ทาคามิจิพยายามจะห้าม เจ้าจึงวิ่งหนีไปทางภูเขาด้านข้าง อาสึนะจึงวิ่งตามไป
“เดี๋ยว อาสึนะคุง นั่นอาจจะเป็นกับดักนะ” ทาคามิจิวิ่งตามไปทันที

“ศรบุปผาวายุ 3 ดอก(ฟรานเอ็กเซลไมติโอ้)” อาจารย์จอมเวทย์คนหนึ่งร่ายเวทย์มนต์โจมตีใส่เจ้า แต่เธอก็หลบได้ จนมาหยุดอยู่ที่ยอดตึกสูงแห่งหนึ่ง
“หมดทางนี้แล้วละซิ” อาจารย์อีกท่านพูดขึ้น
“ต้องขอโทษอาจารย์ด้วยนะฮ้า” เจ้าบอกแล้วก็หันมาปลอมกับหน้ากากเหล็กที่ปรากฏขึ้นภายใต้ผ้าคลุมนั้น
“เฮ้ย...” อาจารย์ท่านหนึ่งตกใจขึ้นทันที
“ศรนิทรา 9 ดอก(สเลปโอไมซาส)” อาจารย์อีกท่านไม่รีรอร่ายเวทย์มนต์โจมตีใส่ทันที

เจ้าก็เตะศรเวทย์มนต์เหล่าสวนใส่อาจารย์ที่ใช้ผลของกระสุนเวทย์นั้นทำให้อาจารย์ท่านนั้นหลับใหลลงทันที แต่จำนวน 9 ดอกนั้น อีก 8 ดอก เจ้าพลิกตัวลงยืนด้วยแขนเพียงข้างเดียวแล้วก็หมุนตัวอย่างรวดเร็วใช้ขากวาดเป็นวงล้อดูดกระสุนเวทย์มารวมไว้ที่ปลายเท้าแล้วก็ขยับไปหาอาจารย์อีกท่าน

“ศรเงินทั้ง 7(ซิลเดอเลไดอัส)” อาจารย์อีกท่านร่ายเวทย์มนต์โจมตีทันที
“8ปักษาพิชิตศัตรูเน๊อ” เจ้าดีดตัวขึ้นและใช้ศรเวทย์มนต์ที่เก็บมานั้นเตะปะทะใส่ศรเงินและศรสุดท้ายนั้นเตะเข้าที่ตัวอาจารย์ท่านนั้น ทำให้หลับไปในเวลาถัดมา

“ขอโทษด้วยนะฮ้า ท่านอาจารย์ท่านสอง อั๊วแค่ทำเพราะมีคนมาขอให้อั๊วช่วย” เจ้าพูดให้ฟังแล้วก็ถอดหน้ากากออกแล้วก็ถอดผ้าคลุม แล้วก็กระโดดลงไปจากตึก

อาสึนะวิ่งตามคุณเจ้ามาจนถึงทางน้ำใต้ศาลเจ้า
“คุณเจ้า หยุดนะ” อาสึนะวิ่งตามมาติดๆ แต่พอพ้นทางโค้งก็ไม่เห็นแล้ว
“ไปไหนของเขาเร็วจัง” อาสึนะพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“คุณอาสึนะ มาอยู่ที่นี่ได้ไงค่ะ” มานะที่เดินออกมาจากข้างในเอ่ยถามขึ้น
“อ้าวคุณมานะนี่เอง เห็นคุณเจ้าหรือเปล่าค่ะ” อาสึนะถาม
“ไม่เห็นหรอกค่ะ คงจะวิ่งเข้าไปทางนั้นละมังค่ะ” มานะชี้ไปอีก อาสึนะจึงหันไปดู

ผัวะ...

“ขอโทษด้วยนะ อาสึนะ” มานะใช้กระเป๋ากีตาร์ที่ถืออยู่ในมือฟาดใส่อาสึนะจนสลบ
แล้วทาคามิจิก็วิ่งตามมาถึง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” ทาคามิจิถาม
“มันเป็นงานค่ะ” มานะตอบ
“งานที่จับคนที่เข้ามาในเขตหวงห้ามไงฮ้า” เสียงของคุณเจ้าดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทาคามิจิจึงหันไปดู
“โทษของการเข้ามาในเขตหวงห้ามคือต้องกุมตัวไว้สัก 2-3 วันนะฮ้า โปรดให้ความกรุณาด้วย” เจ้าบอก
“ขอโทษอ.ทาคาฮาตะด้วยนะค่ะ เชิญมากับฉันค่ะ” มานะพูดเสร็จทาคามิจิก็ถอนหายใจแล้วก็พยุงร่างอาสึนะและเดินตามมานะไป

“โอ้ ไม่น่าเชื่อ นักกีฬาหรี่คว่ำแล้วค่ะ แต่สุดยอดจะทนเจอก้านคออันรุนแรงของมิ้งเข้าไป 10 กว่าครั้งยังยืนอยู่ได้ เอาเป็นการต่อสู้ของคู่นี้ มิ้ง เป็นฝ่ายชนะค่า...”
“โย้ ชนะแล้วเว้ย” มิ้งตะโกนขึ้นด้วยความดีใจ

“คู่ต่อไปก็ตาดิฉันแล้วซินะค่ะ หนูเนกิจงมองดีๆนะค่ะ การต่อสู้นี้อาจจะต่อสู้กันด้วยกระบวนท่าที่เร็วนะเจ้าค่ะ” คาเอเดะพูดเสร็จก็เดินออกมารอที่หน้าประตูทางออก
“ครับ สู้เขานะครับ” เนกิพูดให้กำลังใจ
“เจ้าค่ะ แต่ที่หวั่นใจคืออีกฝ่ายก็มีวิชาพอๆกับข้าน้อยเจ้าค่ะ” คาเอเดะมีสีหน้าที่วิตกแต่ก็ยังคงยิ้มได้เสมอ
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #15 on: July 11, 2006, 05:35:57 AM »

ตอนที่ 15 ไหวพริบและชั้นเชิง ความไวที่เหนือชั้น

“ขอเชิญนักกีฬาของคู่ที่ 3 เข้าสู่สนามได้แล้วค่า...” คาสึมิประกาศแล้วประตูก็เปิดออก คาเอเดะ และอาท เดินออกมากัน

“นักกีฬาคนแรก สมาชิกในชมรมสุดเรื่อยเปื่อยชมรมเดินเล่น นางาเซะ คาเอเดะ...”
“นักกีฬาคนต่อมา ผู้จัดการวงดนตรี ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวง อาท...”

“รุ่นพี่โปรดออมมือให้ข้าน้อยด้วยนะเจ้าค่ะ” คาเอเดะพูดขึ้น
“เพื่อ 10 ล้าน อ๊า...” อาทเกิดแรงฮึดขึ้นมาทันที

“แยกร่างเงาหลอน” อาทท่องคาถาขึ้นทันทีแล้วร่างของเขาก็แยกออกมาเป็น 7 คน
“อ่า ข้าน้อยแยกได้ 12 ร่างเจ้าค่ะ” คาเอเดะยิ้มนิดๆแล้วก็ใช้วิชาแยกร่างออกมา

แล้วจู่ๆพวกเขาทั้งหมดก็หายไป

“ว๊าย นี่มันเกิดอะไรขึ้น จู่ๆผู้เข้าแข่งขันต่างก็หายไปกันหมดเลยค่า...”

แล้วจู่ๆคาเอเดะก็กระเด็นออกมาจากกลางสนาม แล้วคาเอเดะก็สลายไป
“ข้าน้อยอยู่นี่เจ้าค่ะ” การต่อสู้ของทั้งสองเร็วมากจนเหมือนกับว่าหายไปทันที แล้วอาทก็ถูกคาเอเดะเตะกระเด็นจนล้มลง

“เสร็จล่ะ สาวน้อย” อาทก็โผล่ขึ้นมาที่ข้างหลังคาเอเดะและจับเธอซูเพกออกนอกสนาม
“ฮะ อะไรกัน” จู่ๆร่างของคาเอเดะก็หายไปแล้วเธอก็โผล่ออกมาจากข้างบนพร้อมกับง้างฝ่ามือ
“อยู่นี่ต่างหากละ” อาทยิ้มขึ้นนิดๆแล้วก็ผลักคาเอเดะตกน้ำไป

“*เร็วมากเลยนะเจ้าค่ะ เอาจนข้าน้อยยังตามไม่ทัน*” คาเอเดะโผล่ขึ้นมาจากน้ำพร้อมกับยิ้มให้นิดๆ

4... 5... 6...

“รุ่นพี่ช่างเก่งมากจริงๆนะเจ้าค่ะ งั้นข้าน้อยขอลงแรงบ้างละ” คาเอเดะพูดเสร็จก็ว่ายลงไปใต้น้ำ

“โอ้ไม่น่าเชื่อ นักกีฬาคาเอเดะกลับไม่เร่งรีบที่จะกลับขึ้นมา แถมยังลงไปว่ายน้ำเล่นอีก”

7... 8...

“โอ้ เงิน 10 ล้านในฝัน อีกไม่นาน...” อาทพูดขึ้นด้วยความดีใจ แล้วคาเอเดะก็มาโผล่ที่ตรงหน้า อาทสะดุ้งตกใจจนกระโดดถอยออกมาไป
“ข้าน้อยเอาจริงละนะเจ้าค่ะ” คาเอเดะพูดเสร็จก็ใช้มือประกบกันและร่ายวิชาฉบับนินจาขึ้น
“คาถามังกรวารีพิฆาต(ชินโต เมไซโยะ)” แล้วน้ำด้านหลังของคาเอเดะก็มีมังกรที่ร่างกายเป็นน้ำพุ่งขึ้นมา

แล้วมังกรน้ำตัวนั้นก็ทยานขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพุ่งลงมากดทับร่างของอาทด้วยความแรงสูง แรงดันน้ำมหาศาลกระแทกทับบนร่างของอาทจนเขาจุกไม่สามารถลุกขึ้นได้และแพ้ไป

“โอ๊ะ ไม่น่าเชื่อ เธอรู้คาถาเยอะกว่าฉันอีก” อาทเงยหน้าขึ้นพูดเสร็จก็หงายลงไปนอนพักต่อ
“ขอบคุณมากนะเจ้าค่ะที่ออมมือให้ มิฉะนั้นเมื่อกี๊รุ่นพี่คงจะหลบการจากมังกรนั้นได้” คาเอเดะยิ้มให้แล้วก็เดินกลับไป
“*กำลังตะลึงอยู่ต่างหากละ เลยลืม*” อาทก็ยิ้มขึ้นนิดๆ

“การต่อสู้ของคู่นี้ช่างทำให้สนามนี้และผู้ชมต่างเย็นชุ่มช่ำใจกันทั่วหน้าเลยมั้ยค่า...”

“และขอเชิญนักกีฬาคู่ต่อไปเลยค่า...”

“คู่นี้เป็นที่น่าตื่นเต้นและน่าประทับของผู้ชมเอาคู่หนึ่งเลยนะค่า อนึ่งเป็นที่นักกีฬาฝ่ายหนึ่งคือประธานเฟยผู้โด่งดัง ขอเชิญพบกับนักกีฬากันได้เต็มตาค่า...”

“นักกีฬาคนแรกเป็นที่รู้จักกันดีโดยทั่วหน้า ประธานชมรมวิทยายุทธ์จีน คู เฟย”
“นักกีฬาคนต่อมาอดีตแชมป์ยิงปืนระดับประเทศ แต่ในการต่อสู้แล้วถ้ามีปืนให้เธอใช้ ใครต่อใครก็คงไม่รอดแน่ เธอคือ ผู้พันทัตซึมิยะ มานะ”

“แฮะๆ ตรงคำว่าผู้พันไม่ต้องก็ได้” มานะพูดขึ้น
“พวกเราคกกังมาตั้งนางนี่ก็ครั้งแรกซินะที่จะได้สู้กัง” เฟยบอก
“จริงด้วยซิ เธอเอาให้เต็มที่เลยนะ” มานะบอก
“ลื๊อก็ออมมือให้อั๊วบ้างละกัน ลื๊อเก่งกว่าอั๊วตั้งหลายเท่าเน๊อ” เฟยยิ้มนิดๆแล้วทั้งคู่ก็มายืนอยู่บนสนาม

การต่อสู้รอบที่ 2 คู่ที่ 4 เริ่มขึ้นได้เลยค่า...

เปรี้ยง...

“เอ๊ะ...จู่ๆประธานเฟยก็กระเด็นไม่เป็นท่าเหมือนกับโอเคจังนักกีฬาที่เจอกับผู้พันมานะในรอบที่แล้วเลย”
“ไม่หรอกครับ นั่นเป็นหนึ่งในวิชาลับกระสุนดัชนี ซึ่งจะใช้สิ่งของชิ้นเล็กๆในการดีดออกไป ซึ่งแรงดีดนั้นจะรุนแรงเหมือนกับปืนที่ยิงกันอยู่ทั่วๆไปเลยละ” โทโคอุจิพูดแทรกขึ้นมา
“จริงเหรอค่ะ” ชาช่ามารุถาม

“เอ๋ เหรียญ 5 บาท”
“โอ้ โอ้... ลืมนับเวลาค่ะ ขอโทษด้วยนะค่ะ 6... 7... 8...”

“คู ไม่เอาน่า อย่านอนเล่นซิ เธอดีดตัวหลบทัน ยังไม่ถึงกับน๊อคหรอก เลิกนอนได้แล้ว” มานะพูดขึ้น

9...

“ไอ๋หย๋า โหกจัง” คูดีดตัวกลับขึ้นมายืน แล้วที่หน้าผากของเธอก็มีรอยฟกช้ำเลือดไหลออกมา

แล้วเสื้อโคทแขนยาวที่มานะใส่ก็มีเหรียญออกมาทางรูแขนเสื้อ

“มาเริ่มกันเลยดีกว่านะ คู” มานะยิ้มขึ้นนิดๆ
“ได้เลย” เฟยก็ตั้งท่าขึ้นทันที

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยงเปรี้ยงเปรี้ยง...

ผู้พันมานะกระหน่ำยิงเหรียญโจมตีใส่อย่างไม่ยั้ง เฟยก็ใช้ความอ่อนพริ้วดั่งสายลมของเธอนั้นหลบกระสุนพร้อมกับเข้าไปให้ใกล้

“ตาอั๊วเอาคืนบ้างนะฮ้า”
“8ปรมัตถ์” เฟยใช้ตัดระยะเข้าไปใกล้แล้วก็ออกหมัดใส่ แต่มานะก็หลบได้แล้วก็เอามือเหวี่ยงไปด้านหลังซึ่งมาจ่อที่คางของเฟยพอดี
“ไม่ว่าระยะไหน ฉันก็ยิงได้ทั้งนั้นละ”

เปรี้ยง...

แรงอัดกระแทกในระยะประชิดทำให้ร่างของนักกีฬาเฟยลอยออกไปทันที

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง...

โอ้ ผู้พันมานะช่างโหดซะยิ่งกว่าไร กระหน่ำยิงซ้ำทันทีไม่ปล่อยให้ประธานเฟยได้ตั้งหลัก จนตอนนี้ร่างของประธานเฟย ล่วงตกลงมาถึงพื้น เธอก็ดีดตัวหลบกระสุนทันที แต่กระสุนที่ยิงไม่หยุดนั้นทำให้เธอโดนเข้า เข้าไปอีกชุดหนึ่ง

“เอาล่ะ คู” มานะขยายม่านตากว้างจ้องมองไปที่แฟย

เปรี้ยงงง...

กระสุนพิฆาตนัดหนึ่งถูกยิงออกไปโดนเข้าที่หน้าผากของเฟยจนล้มลงไปนอนแน่นิ่งทันที

“โอย มานะ ลื๊อเก่งเหลือเกิง” เฟยพูดขึ้น

3... 4... 5...

“เดี๋ยวซิครับ อาจารย์เฟย อย่าเพิ่งแพ้ซิ” เนกิตะโกนบอกแล้วเฟยก็หันไปมอง
“*ใช่แล้ว ต่อหน้าลูกศิษย์อั๊วจะแพ้ไม่ได้ เดี๋ยวลูกศิษย์จะเสื่อมศรัทธาในตัวอั๊วหมด*” เฟยนึกขึ้นได้ก็ดึงผ้าที่มัดที่เอวไว้ออกมา

8... 9...

“ฮ้า...” เฟยสปิงตัวขึ้นมาพร้อมกับเหวี่ยงผ้านั้นไปมัดมานะไว้ มานะจึงใช้แขนข้างหนึ่งยกขึ้นมาขั้นไว้
“ม่ายด้าย ม่ายด้าย อั๊วจะมาแพ้ต่อหน้าลูกศิกและลูกน้องในชงรงม่ายด้าย” เฟยยิ้มขึ้นทันที
“เอาจริงแล้วเหรอ คู ต้องอย่างนี่ซิ” มานะก็ยิ้มให้นิดๆแล้วเธอก็เกร็งแขนสะบัดผ้าจนขาด

“หอกผ้าไหม” เฟยจับผ้าของเธอนั้นยืดตึงเป็นเสมือนหอกแทงใส่ แต่มานะก็ยังหลบได้ จนเธอสะบัดผ้ากลับมามัดแขนมานะไว้อีกครั้ง พร้อมกับกระชากมานะให้ลอยเข้ามา

เปรี้ยงงง......

มานะยิงกระสุนนัดหนึ่งอีกครั้ง แต่จู่ๆก็มีเลือดกระเด็นหยดลงมา จนเธอประหลาดใจ

“เกร็งปาน” เฟยใช้มืออีกข้างรวบรวมพลังไว้
“ลมปราณพิฆาต” เฟยใช้ฝ่ามือนั้นอัดเข้าใส่มานะทันที แล้วทั้งคู่ก็ยืนหยุดนิ่ง

เคร้ง เคร้ง เคร้ง เคร้งเคร้งเคร้งเคร้งเคร้ง... เสียงเหรียญที่หล่นออกมาจากมือของมานะ

“นี่น่ะเหรอ พลังลมปราณเลื่องลือของเธอคู สงสัยฉันต้องคิดใหม่ซะละ เธอเก่งกว่าที่คิดไว้ซะอีก” มานะบอก
“เดี่ยวจะแผลงฤษธิ์ให้ดู” เฟยพูดเสร็จก็ออกแรงกดฝ่ามือเข้าไปแล้วเสื้อกลางหลังของมานะก็ขาดกระจายไปทันทีด้วยพลังลมปราณที่โจมตีทะลุทั้งร่างกาย มานะจึงทรุดลง

1... 2... 3...

“เห๊อ กว่าจะชนะมานะได้เอาอั๊วเกือบตาย” เฟยยืนปราดเหงื่อแล้วก็มองดูผู้ชมที่ส่งเสียงให้กำลังใจเธอ

9... 10...

“การต่อสู้ของคู่นี้ ประธานเฟยเป็นฝ่ายชนะค่า...”

“ปรมาจารย์เฟยนี่เก่งมากเลยนะครับ” เนกิบอก
“ใช่เลี้ยวเจ้าลูกศิก” เฟยลูบหัวเนกิเบาๆ

5 นาทีต่อมา

“ไอ๋หย๋าให้อั๊วแข่งต่อไม่ได้หรอ” เฟยถาม
“ไม่ได้หรอกครับ แขนหักแบบนี้” แพทย์สนามตอบ
“ม่ายเป็งไรอั๊วสู้ได้” เฟยบอก
“กับข้าน้อยคงจะไม่ไหวหรอกมั้งนะเจ้าค่ะ พักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ” คาเอเดะบอก แล้วเฟยก็มีสีหน้าที่ซึมเศร้าลงทันที

ที่ห้องควบคุม
“นี่เก่งจังเลยนะ อุตส่าแพ้ดาราเอกประจำงานให้แบบนี้ ถ้าดาราเด่นประจำงานแพ้ตั้งแต่เริ่ม งานก็คงจะค่อยๆเบาบางลงแน่เลย อ่ะนี่เงินค่าชดเชย” เจ้ายื่นซองให้
“ไม่หรอก ฉันสู้เพื่อสนุกมากกว่า แล้วอีกอย่างก็ใช่ที่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันกับคูได้เจอกัน และเด็กคนนั้นคงโกรธฉันเอามากๆแน่ถ้ารู้ว่า ฉันออมมือให้และชนะแบบไม่ใสๆ” มานะเดินไปดูที่นอกระเบียงชั้น 3 ซึ่งมองลงไปเห็นลานประลองอย่างชัดเจน

“หมอครับ ช่วยดูแผลให้ผมหน่อยครับ ผมต้องขึ้นแข่งคู่ต่อไปแล้ว” แบงค์รีบวิ่งมาที่ห้องพยาบาลทันที
“หว๋า ลื๊อไปโดงอารายมา เลือดไหลโชกเลย” เฟยถาม
“ลื่นล้มหัวแตกน่ะ” แบงค์ตอบแล้วแพทย์สนามก็ใส่ยาและพันแผลให้ที่ศีรษะ
“แล้วนี่มีใครเห็นอาสึนะกับอ.ทาคาฮาตะบ้างมั้ยค่ะ” เซตซึนะถาม ทุกคนต่างส่ายหน้ากัน
“จริงซิ 2 คนนั้นก็หายไปไม่ติดต่อกลับเลย” เนกิพูดขึ้น
“จะคิดไรมาก อยู่กับเจ้าแว่นนั่น มันเก่งจะตายไป ขนาดฉันลองทดสอบแปปเดียวก้รู้เลยมันเก่งกว่าพวกเราอีกเยอะเลยละ” โคทาโร่พูดขึ้น

“ก่อนเริ่มคู่ต่อไป ขอให้ทีมงานเก็บกวาดสนามก่อนนะค่ะ ท่านผู้ชม เหรียญเกลื่อนเลย ถือว่าเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงทีมงานที่มาเก็บแล้วกัน...”

“เอาล่ะ ในเมื่อสนามเราเก็บกวาดเรียบร้อยแล้วเชิญนักกีฬาคู่ต่อไปออกมาได้เลยค่า...”

“คนแรกคุณหนูน้อยน่ารักใส่ชุดได้น่ารักโดนใจหนุ่มๆน่าดู เธอเป็นนักเรียนนอก เธอคือ เอวาเจลีน เอ.เค. แมคโดเวล”
“และคนต่อไปก็...”
“เอ่อ... เอ่อ... สงสัยนักกีฬาคงยังมาไม่ถึงค่ะ รออีกสักแปปนะค่ะ ตามกฎถ้าประกาศแล้วยังมาไม่ทันใน 5 นาที ถือว่าแพ้ไปตามระเบียบค่ะ...”

ตึง..... ตึง.... ตึง... ตึง.. ตึง. ตึง ตึงตึงตึงตึง...

“แบงค์ สู้ๆ แบงค์สู้ๆ พวกเพื่อนๆต่างยกกลองมาตั้งใกล้ๆทางออกพร้อมกับตีกลองขึ้นเพื่อให้กำลังใจ

“โอ้ มาแล้วค่า นักกีฬาแบงค์ เขาเดินออกมาด้วยกำลังใจจากเพื่อนๆห้อง 5-A แถมบนหัวยังมีผ้าสีแดงโผกหัวด้วย เขามาในมาดนักเรียนชุดม.ปลายเต็มที่ แถมล้วงกระเป๋าทั้งสองข้างสมแล้วที่เป็นศิษย์แว่นมรณะ เขาคือ แบงค์...”

แล้วแบงค์ก็เดินเข้ามาในสนามยืนจ้องหน้ากับเอวาเจลีนขึ้น ซึ่งแววตาของเอวาเจลีนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แต่แววตาของแบงค์นั้นเต็มไปด้วยความสุขและปริยิ้มออกมาให้ ทำให้เอวาเจลีนเห็นแล้วสยดสยองขึ้นมาทันที...
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #16 on: July 11, 2006, 05:36:28 AM »

ตอนที่ 16 การคำนวณที่ผิดพลาด

“เจ้าหนู แกถอนตัวยังทันนะ จะได้ไม่เสื่อมชื่อเสียงว่าเป็นลูกศิษย์เจ้านั่น” เอวาเจลีนพูดขึ้น
“ไม่หรอก หากจะฆ่ากันให้ตาย ก็เอาเถอะ เพราะตอนนี้มือทั้งสองข้างฉันเหมือนคนปกติ ฉันคืนถุงมือไปให้เจ้าแล้ว ฉันต่อยเธอกี่ครั้ง เธอก็ไม่เจ็บหรอก” แบงค์ชักมือข้างซ้ายขึ้นมาให้ดูแล้วก็ล้วงใส่กระเป๋าต่อ
“รู้แบบนี้ ยังคิดจะสู้อีกเหรอ” เอวาเจลีนถาม
“แน่นอน แรงสู้ไม่ไหว แต่สมองฉันเจ้าเล่ห์ไม่แพ้นากิเลยละ” แบงค์ตอบแล้วก็เดินไปรอบๆสนามแล้วก็ลงเท้าย้ำไว้ที่พื้นบางจุด

“นักกีฬาแบงค์ทำสิ่งใดนั่น...”

“วางกับดักครับ” แบงค์บอก ซึ่งตอนนี้จุดที่เขาย่ำเท้าลงไปหนักนั้นอยู่เต็มสนามแล้ว
“ง่ายๆก็คือ ฉันเหยียบพื้นที่แกเหยียบไม่ได้เลยใช่มั้ย แต่ที่จริงแล้ว ฉัน....” เอวาเจลีนยิ้มขึ้นนิดๆแล้วก็ลอยตัวขึ้น

“โอ้ นักกีฬาคุณหนูน้อยลอยได้เหรอเนี่ย ข้างบนก็ไม่มีเฮลิคอปเตอร์ ไม่มีสลิงอย่างแน่นอนค่า...”

“ศรทมิฬ 1 ดอก(ดาร์กเซลเมไดโอ้)” เอวาเจลีนบินเข้ามาพร้อมกับปล่อยศรเวทย์โจมตีใส่ แบงค์จึงกระทืบเท้าลงไปที่พื้น แล้วแผ่นไม้ที่เขาเหยียบก็หลุดลอยขึ้นมาขวางไว้ แล้วเขาก็ถีบแผ่นไม้นั้นเข้าโจมตี เอวาเจลีนจึงปัดแผ่นไม้นั้นทิ้ง แล้วแบงค์ก็หมุนตัวเตะทันที ทำให้เอวาเจลีนกระเด็นหลุดออกไปจากสนามแต่ตัวของเธอนั้นก็ยังคงลอยอยู่

“ขนาดหลุดออกจากสนามแล้วยังคงลอยอยู่ได้ แต่ถือว่าอยู่นอกสนามก็คงต้องนับค่ะ 1... 2... 3...”

เอวาเจลีนจึงลอยกลับเข้ามาในสนามซึ่งเธอลงกลับมายืนอยู่ที่ขอบรั้วสนาม

“เธอคงจะสงสัยว่าฉันเตะเร็วขนาดไหนซินะ” แบงค์ถาม
“ก็ว่าใช่นะ จะเร็วแค่ไหนถ้าทำลายกำแพงของฉันไม่ได้ก็หมดความหมาย กำแพงบุปผาคุ้มภัย(วออาไมแอริก้า)” เอวาเจลีนยิ้มนิดๆ แล้วก็ดีดตัวพุ่งเข้าไป
“*ใช่ซิลืมไปเลย นั่นมีเวทย์มนต์ด้วย เราไร้ซึ่งเวทย์มนต์ แบบนี้ก็ชนะไม่ได้ละซิ*” แบงค์นึกขึ้นได้ แล้วก็ถูกเอวาเจลีนพุ่งชน แล้วเธอก็ใช้คลื่นกำแพงบุปผากดทับร่างของแบงค์เอาไว้
“มาดูหน่อยซิ จะทนศรทมิฬได้สักกี่ดอก” เอวาเจลีนใช้มือข้างหนึ่งบีบคอแบงค์เอาไว้
“ศรทมิฬ 9 ดอก(ดาร์กเซลเมไดโอ้)” เอวาเจลีนใช้อีกมือหนึ่งร่ายกระสุนเวทย์ขึ้นทันที

2... 3...

“แค่นี้มันยังไม่พอหรอกต้องเจอนี่ด้วย คลื่นแสงไนท์แมร์(เนไคโรแมเซแรส อาคดิโอ้ กาเทล) เอวาเจลีนส่งพลังจากศรทมิฬ 9 ดอกมารวมกับเวทย์มนต์ที่กำลังร่ายแล้วก็กดใส่ที่ร่างของแบงค์
“*ยังไงก็หลบไม่ได้ แต่ถ้าโดนเต็มๆ เราอาจจะน๊อคและถ้าแขนขวาโดนเข้าอาจจะสูญเสียไปตลอดก็ได้*” แบงค์เห็นเวทย์มนต์นั้นที่กำลังอัดตรงเข้ามา เขาจึงชักมือซ้ายออกมาประกลบที่มือขวาของเอวาเจลีนที่ร่ายเวทย์มนต์นั้นไว้

ฟู่มมม.........

เกิดคลื่นลมขนาดใหญ่กระจายไปทั่วทันที

“อะไรกันนี่ จู่ๆ ก็เกิดลมอะไรขึ้นนี่ ฝุ่นฟุ้งกระจายจนมองไม่เห็นเลยค่า....”

“โอ๊ย ใครต่อยหลังฉันค่า อย่านะ ฉันเป็นพิธีกร....”

“โซ โซ้...”

ปุบ... เสียงกระแทกดังขึ้น แล้วร่างของเอวาเจลีนก็กระเด็นลอยออกมาจากสนามที่ฝุ่นกำลังฟุ้ง

เมื่อฝุ่นจางลง เอวาเจลีนก็ตกใจขึ้นทันที

“ห๊า อะไรกัน มันไม่เป็นอะไรเลยเหรอเนี่ย”

แบงค์ยืนปัดฝุ่นตามตัวด้วยมือซ้ายของเขา

“เธอเก่งมากเลยนะ เล่นเอาฉันเกือบป้องกันไม่ทัน เล่นเอาซะมือแทบไหม้เลย” แบงค์ยืนยิ้มให้
“ต่อจากนี้ ฉันจะใช้มือในการช่วยการเคลื่อนไหวของฉันละนะ ใช้ขาอย่างเดียว มันไม่ค่อยถนัด” แบงค์ชูมือซ้ายขึ้นมาซึ่งมีไอความร้อนระเหยออกมา
“แล้วที่เธอถามนั้น ฉันจะแสดงให้ดูเองว่า เตะเร็วแค่ไหน” แบงค์พูดเสร็จก็วิ่งตรงเข้าไป
“*โจมตีจากระยะไกลมันคงปัดได้ โจมตีระยะใกล้ก็เสี่ยงเกินไป แต่มันก็ต้องเสี่ยง* ศรทมิฬ 3 ดอก(ดาร์กเซลเมไดโอ้) เอวาเจลีนใช้วิชาตัดระยะพุ่งเข้าชนพร้อมกับปล่อยกระสุนเวทย์ใส่
“ช้าไปนิดนะ” แบงค์พูดขึ้นแล้วเอวาเจลีนก็หันไปด้านหลัง เท้าของแบงค์ก็ฟาดใส่ที่ร่างของเธอจนกระเด็นกลับเข้าไปในสนาม

“งั้นก็ลองเจอหน่อยละกัน” เอวาเจลีนลุกขึ้นได้ร่างของเธอก็ค่อยๆสลายหายไป
“ฮ่าๆๆๆ” เหลือแต่เพียงเสียงหัวเราะของเธอ

“*ข้างหลังเหรอ*” แบงค์ที่ฟังเสียงลมที่เอวาเจลีนง้างหมัดหรือขาเพื่อโจมตี เขาจึงหันกลับไปพร้อมกับเหวี่ยงขาไปฟาดใส่
“ทางนี้ต่างหาก” เอวาเจลีนพูดขึ้นแล้ว
“ศรทมิฬ 1 ดอก(ดาร์กเซลเมไดโอ้)” แบงค์จึงรีบกระโดดตีลังกากลับไปทางข้างหลังทันที

ฮึฮึ...

“*ฮ๊ะ อยู่ข้างบนเหรอเนี่ย*” แบงค์เห็นยอมยิ้มของเอวาเจลีนแล้วเขาก็ถูกกระสุนเวทย์มนต์โจมตีใส่จนตกลงมากระแทกกับพื้นเต็มๆ

“ฉันไม่เพียงแต่ล่องหนได้แล้ว รู้มั้ยละว่า ฉันยังแยกร่างออกมาได้ 13 ร่าง เจ้าหนูแกต้องสู้กับฉัน 13 ร่างในสภาพที่ล่องหน ฮ่าๆๆๆ ยอมแพ้ซะเถอะ” เอวาเจลีนหัวเราะขึ้น แล้วแบงค์ก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับปราดเหงื่อนิดๆ
“สงสัยผ้านี้มันปิดหู เลยฟังเสียงไม่ทัน ถอดหน่อยก็แล้วกัน” แบงค์ดึงผ้าโผกหัวสีแดงนั้นดึงลงมาไว้ที่คอให้กลายเป็นผ้าพันคอสีแดง แล้วที่ศีรษะของเขาก็เห็นผ้าพันแผลที่พันไว้

“อ๊ะ นึกไว้แล้วไม่ผิด คนที่ช่วยคูในตอนนั้นคือเขานี่เอง ความไวของเขาเหลือเชื่อเลย” มานะที่ยืนอยู่นั้นพูดขึ้น
“ใช่แล้วละ ตอนนี้อั๊วให้เอวาจังเป็นหนูทดลองดูว่า จะล้มอีเขาได้หรือเปล่า ถ้าได้ อั๊วกับลื๊อก็คงจะล้มได้ง่ายๆ แล้วก็จะไม่มีใครมาขวางทางอั๊วได้อีกแล้วในโรงเรียนนี้” เจ้าเดินเข้ามายืนดูข้างๆ
“แต่คนนั้นเขาก็เหมือนกับทาคามิจิเลยนี่” มานะถาม
“ไม่ใช่ เขาไม่เหมือนกันเลยสักนิด ทุกกระบวนท่าที่เขาต่อสู้นั้น ไม่ได้ฝึกมาจากทาคามิจิเลยสักนิด เบื้องหลังของอีอั๊วก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่หรอก” เจ้าตอบ

“ศรทมิฬ 1 ดอก(ดาร์กเซลเมไดโอ้)” เอวาเจลีนยิงกระสุนเวทย์อีกครั้งแต่แบงค์ก็ปัดได้ แต่เอวาเจลีนร่างอื่นนั้นก็โจมตีใส่ที่เขาอย่างไม่ยั้ง เขาจึงหันไปตั้งสติป้องกันการโจมตีระยะประชิด
“ศรทมิฬ 1 ดอก(ดาร์กเซลเมไดโอ้)” เอวาเจลีนยิงกระสุนเวทย์อีก
“*มา 3 ทางเหรอ*” แบงค์ฟังเสียงกระสุนเวทย์มนต์ที่ฝ่าลมจนเกิดเสียงขึ้น เขาจึงก้มตัวลงแล้วก็หมุนตัวเหวี่ยงขาหมุนเป็นพายุปัดกระสุนเวทย์เหล่านั้นรวมทั้งเตะพวกเอวาเจลีนร่างอื่นที่เข้ามาโจมตีระยะใกล้จนกระเด็นออกไป ก่อนที่จะดีดขึ้นไปบนอากาศ
“*อะไรกัน หน่วงเวทย์ไว้เหรอเนี่ย*” เขาเห็นแสงกระสุนเวทย์จ่ออยู่ตรงหน้า
“ต่อให้เก่งแค่ไหนก็นึกสภาพว่าเจอกับสิ่งที่แกมองไม่เห็นรุมโจมตี การเคลื่อนไหวและการโจมตีแกเดาไม่ออกหรอก” เอวาเจลีนพูดขึ้นแล้วกระสุนเวทย์นั้นก็ยิงเข้าที่กลางหัวของแบงค์ทำให้ร่างของเขาลอยกระเด็นตกลงไปในน้ำ

“*ไม่ได้ หัวเราคิดคำนวณอะไรไม่ทันเลยเหรอเนี่ย*” แบงค์ที่ค่อยๆจมดิ่งลงไปยังใต้สระน้ำเรื่อยๆ

2... 3... 4... 5...

“เราต้องตั้งสติให้ดีซิ แค่เราปวดหัวนิดๆ แต่สมองเรายังพอใช้การได้นี่*” แบงค์พูดขึ้นกับตัวเองก่อนที่จะลืมตามอง แล้วเขาก็เห็นเงาร่างของเอวาเจลีนที่ว่ายตามลงมา
“*อ๊ะ นั่นไง หากเป็นใต้น้ำ หรือมีสิ่งใดที่ทำให้เห็น เราก็คงจะรู้ว่ายัยนั่นอยู่ไหน*” แบงค์ยิ้มขึ้นนิดๆ

โซ โซ้...

7... 8...

ตูมมม.............

จุดที่แบงค์จมลงไปนั้นจู่ๆก็มีแรงระเบิดน้ำขนาดใหญ่ขึ้น

“เฮ้ย มีใครวางระเบิดใต้น้ำอ่ะ” คนดูต่างตื่นตากับแรงระเบิดน้ำนั้นทันที
“ไม่น่าเชื่อ จู่ๆก็มีแรงระเบิดใต้น้ำเกิดขึ้น”

แล้วร่างเงาของเอวาเจลีนร่างหนึ่งก็นอนหมดสภาพข้างสนามซึ่งวิชาล่องหนนั้นสลายไปเห็นร่างปกติ ก่อนที่จะสลายหายไป

“โอ๊ย...”

แบงค์ก็กระโดดขึ้นมาจากใต้น้ำซึ่งเขากลับมายืนบนสนามอีกครั้งซึ่งมีร่างเงาของเอวาเจลีนอีกร่างนอนหมดสภาพอยู่ใต้เท้าของเขา

“นี่มันอะไรกัน” เอวาเจลีนพูดขึ้นด้วยความหวั่นใจ
“คราวนี้ละ ฉันจะให้เธอได้เห็นความไวของสมองฉันให้ดู” แบงค์ดึงผ้าพันคอออกมาแล้วก็เหวี่ยงเป็นวงกลมไปมา พอผ้าพันคอนั้นแห้งหมาดเขาก็ผูกมันไว้กับข้อมือขวา
“เฮ้ย เสื้อแขนยาวนักเรียนนี่พอเปียกน้ำแล้วมันอมน้ำไว้ดีจัง ถอดสักหน่อย อย่าเพิ่งทำอะไรนะ ขอพักสักแปป” แบงค์พูดขึ้นแล้วก็ยิ้มให้

“อะไรกันนี่ มีการขอคู่ต่อสู้พักด้วย”

“จะมากไปแล้ว” เอวาเจลีนพูดขึ้นด้วยความโกรธ
“คิดว่าฉันเล่นกับแกอยู่รึไง” เอวาเจลีนขึ้นเสียงใส่
“*อยู่นั่นไง*” แบงค์จับต้นเสียงได้จึงเหวี่ยงเสื้อนอกไปใส่ ซึ่งคลุมร่างของเอวาเจลีนที่แท้จริงพอดี แล้วเขาก็รู้ทันทีว่ามีร่างอยู่ตรงนั้นด้วยที่ว่าเสื้อนั้นลอยขยุกขยุ๋ยได้
“หนุ่ย ขอยืมท่าก่อนละกัน Flying Driver Shoot” แบงค์กระโดดตีลังกาหลังไปทางเสื้อของเขา แล้วเอวาเจลีนก็ดึงเสื้อนั้นออก ทันทีที่เธอดึงเสื้อออกสิงห์นักเตะก็หวดเข้าใส่จนเธอล่วงตกลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วแบงค์ก็คว้าเสื้อของตัวเองไว้

แล้วเอวาเจลีนร่างเงาก็ล้อมพุ่งเข้ามาโจมตี
“ขอโทษด้วยนะ ฉันมองเห็นพวกเธอหมดแล้ว” แบงค์หันกลับไปเตะเป็นวงกว้างจนกระเด็นออกไป น้ำจากผ้าพันคอของแบงค์นั้น ที่สะบัดไปทำให้ละอองน้ำเปียกใส่พวกร่างเงาของเอวาเจลีน ซึ่งเขาสามารถเห็นพวกนั้นได้จากละอองน้ำที่ติด

4... 5... 6...

แล้วเอวาเจลีนก็ลอยกลับขึ้นมาจากน้ำในร่างปกติที่เปียกน้ำไปทั้งร่าง
“ห๊ะ นี่มันอะไรกัน” เอวาเจลีนตกใจขึ้นทันทีที่เห็นร่างเงาของเธอนอนหมดสภาพเกลื่อนสนาม
“แฮะๆ ขอโทษด้วยนะ แต่มันไม่ใช่ร่างจริงของเธอนี่ เธอคงจะไม่เจ็บหรอก” แบงค์หันมาหัวเราะอย่างร่าเริง

“สงสัยจะจริงของเธอนะเจ้า เขาไม่เหมือนกับทาคามิจิเลย ทั้งสไตล์การสู้ เขายอมเจ็บเพื่อนำข้อมูลนั้นมาเป็นการคำนวณอะไรของเขา แต่ทาคามิจิจะใช้การดูเชิงเป็นตัววัด ซึ่งถ้าจะรู้ถึงแกนลึกของคู่ต่อสู้ เขาจะดูคู่ต่อสู้ออกง่ายกว่าทาคามิจิ” มานะพูดขึ้น
“ใช่เลี้ยว อั๊วถึงกลัวอีมากกว่าทาคามิจิไง อั๊วต้องมาคอยเอาอกเอาใจอี เพื่อให้อีมาช่วยอั๊วนี่แหละ” เจ้าบอก

“มหาเพลิงสายฟ้าดำ(จูเฟอโร่ เลยูเดอร์ กีเดอร์ เดลมาทิอัส)” เอวาเจลีนร่ายเวทย์มนต์อย่างไม่สนใจผู้ชม เธอเรียกสายฟ้าดำขนาดใหญ่ฟาดใส่แบงค์ทันที
“*ห๊ะ กล้าร่ายเวทย์มนต์ต่อหน้าคนเลยเหรอเนี่ย*” แบงค์ประหลาดใจเมื่อเขาไม่คิดว่าเอวาเจลีนจะกล้าทำได้เช่นนี้ สายฟ้าที่ฟาดอย่างรวดเร็วนั้นฟาดลงใส่เขากดจนร่างของเขาทะลุพื้นสนามทิ้งดิ่งลงสู่ก้นสระน้ำไปทันที และก็มีแรงระเบิดน้ำเกิดขึ้นซึ่งน้ำนั้นกลับกลายเป็นสีแดงดั่งสายเลือดโลหิต

“ไม่น่าเชื่อ ฝนก็ไม่ตก ท้องฟ้าก็ไม่ครึ้ม แต่จู่ๆก็มีฟ้าผ่าลงมาได้ ช่างเหลือเชื่อจริงๆ”

1... 2... 3...

ผู้ชมทั้สนามต่างตะลึงตาค้างกันไปตามๆกัน

“สงสัย เอวาจังจะเอาจริงเข้ามาแล้วละ” มานะพูดขึ้น
“อูย อั๊วก็เพิ่งเห็นอีลงหนักก็วันนี้ละ” เจ้าเองก็ตกใจที่เห็นแบบนั้น

“สงสัยถ้าจบคู่นี้คงต้องซ่อมแซมสนามกันหนักเลยค่า จู่ๆธรรมชาติก็ไม่เป็นใจฟ้าดันมาผ่าเอาสนามพังซะขนาดนี้ แถมฟ้ายังไม่เป็นใจให้นักกีฬาแบงค์อีก เหมือนฟ้าลงทัณฐ์อะไรไว้ประมาณนี้เลยค่า...”
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #17 on: July 11, 2006, 05:36:50 AM »

ตอนที่ 17 Re-Start Match Fight (แบงค์ Vs Dark Evageline)

“มาสเตอร์ ทำเกินกว่าเหตุแล้วนะครับ” เนกิตะโกนบอก
“เรื่องของฉัน เจ้าหนู แกยังไม่รู้ตัวจริงของเจ้านั่นเลยด้วยซ้ำ” เอวาเจลีนบอก

4... 5... 6...

“*อะไรกันนี่ จู่ๆแรงเราก็หายไปหมด หรือน้ำแกงของซัตจังจะหมดฤษธิ์ลง หรือเพราะเราไม่ได้ใส่ถุงมือนั้น ขอโทษด้วยนะเต้ เราคงต้องขอนอนใต้ก้นสนามนี้สักพัก* ... ” แบงค์ค่อยๆลืมตาขึ้นมา

7... 8... 9...

“นึกว่าจะเก่งสักแค่ไหน” เอวาเจลีนลอยลงมายืนอยู่ขอบรูกลางสนามที่เธอใช้สายฟ้าดำถล่มใส่

“สงสัยนักกีฬาเอวาเจลีนจะเป็นฝ่ายชะ...ชะ... เอ๋...” คาสึมิกำลังจะประกาศจู่ๆเธอก็เห็น แบงค์ยืนอยู่ข้างหลังเอวาเจลีนซึ่งใบหน้าของเขานั้นไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ไม่ยิ้มออกมาเหมือนเมื่อก่อนและยังหลับตาลงท่องบางอย่างอยู่ตลอดเวลา พร้อมกับมีเลือดไหลโชกออกมาจากข้างศีรษะ และที่ต้นแขนทั้ง 2 ข้างก็มีเลือดไหลออกมาแถมแขนทั้งสองข้างนั้นยังห้อยออกมาด้วย

ผู้ชมต่างตกใจกันที่เพียงแค่พวกเขากระพริบตาขึ้น ก็เห็นแบงค์ยืนอยู่ข้างหลังเอวาเจลีนแล้ว

“อะไรกัน นี่มันขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เอวาเจลีนรีบกระโดดข้ามไปอีกฝั่งของหลุมทันที

“รู้ละ ทำไมเขาถึงเรียกทาคามิจิว่าอาจารย์ 2 คนนี้มีข้อเหมือนกันอยู่นิดๆ นี่เอง” มานะมองดูออกจึงยิ้มขึ้นที่เห็นการต่อสู้อันสนุก
“ลื๊อมองดูออกด้วยหรอ ช่วยอธิบายให้อั๊วเข้าใจที” เจ้าถาม
“เขาเหมือนกันที่ไม่ใช่สายเลือดจอมเวทย์ พวกเขาไม่มีพลังเวทย์ พวกเขาจึงเรียนรู้ได้แค่เวทย์มนต์ที่เสริมร่างกายเท่านั้น ง่ายๆก็คือ เขาก็เป็นหนึ่งในจอมเวทย์ที่ใช้เวทย์มนต์ไม่ได้ แต่ใช้เวทย์มนต์ในการเสริมร่างกายเท่านั้น” มานะอธิบายให้ฟัง

แล้วผ้าพันสีแดงที่พันที่ข้อมือนั้นก็หลุดออก เอวาเจลีน เนกิ มานะ และผู้ที่อยู่โลกเบื้องหลังเห็นแล้วก็ตกใจที่ข้อมือขวาของแบงค์มีเส้นสีดำพันไว้

“นั่นไง เขาเป็นจอมเวทย์จริงๆด้วย แต่ผนึกเวทย์ตัวเองเอาไว้” มานะบอก

“ไม่จริงน่า” เอวาเจลีนกัดฟันขึ้นด้วยความโกรธ แล้วเส้นสีดำที่ข้อมือก็สลายไป

“30 วินาทีต่อจากนี้ ขอให้พลังเวทย์มนต์ทั้งหมดจงส่งพลังมายังร่างกายเพื่อเสริมสร้างฟื้นคืนพลังทั้งหมดกลับคืนมา” แบงค์พูดขึ้นแล้วก็มีแรงลมเริ่มพัดขึ้นรอบๆตัวเขาทันที

“เขายอมเอาตัวตนของเขารับพลังและทดสอบพลังของคู่ต่อสู้ เพื่อศึกษาและคำนวณ ตอนนี้เขาคงจะรู้ไส้ของเอวาเจลีนจนหมดแล้วละ เขาจึงใช้พลังเวทย์มนต์สร้างตัวเองขึ้นมาใหม่เพื่อสู้กันจริงๆ” มานะพูดขึ้น
“อย่างนี้นี่เอง” เจ้าเห็นก็ยิ้มขึ้นนิดๆ
“อย่างนี้อั๊วสร้างเขตมนตราดีกว่า ให้อีสู้กันอย่างเต็มที่ อั๊วอยากเห็นฝีมือที่แท้จริงของอี” เจ้าพูดขึ้นแล้วก็เดินไปกดปุ่มที่โต๊ะ สร้างอาณาเขตเวทย์มนต์ทำให้ผู้ที่นอกศาลเจ้านั้นไม่เห็นหรือรับรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใดๆในศาลเจ้านี้

“อาณาเขตเวทย์มนต์งั้นเหรอ อย่างนี้ก็ดีซิ” เอวาเจลีนเริ่มลอยตัวขึ้นทันที

“แล้วพวกผู้ชมละ” มานะถาม
“ไม่ต้องห่วง หลังจากจับคู่นี้อั๊วจะปล่อยแก๊ชทำลายระบบประสาท ทำให้พวกเขาลืมเรื่องที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นครึ่งชั่วโมง” เจ้าตอบ

“ศรทมิฬ 13 ดอก(ดาร์กเซลเมไดโอ้)” เอวาเจลีนร่ายกระสุนเวทย์โจมตีใส่ แบงค์ก็พุ่งขึ้นตรงไปหาทันที ทำให้กระสุนเวทย์ที่ยิงออกไปนั้นพลาดเป้าหมาย
“เธอไม่สังเกตเลยเหรอว่า ตอนแรกที่สู้กับเธอ ฉันไม่เอ่ยกระบวนท่าใดๆของฉันเลย ก็เพราะฉันยังไม่ใส่ใจที่จะสู้จริงๆหรอก” แบงค์พูดขึ้น แล้วเขาก็บีบคอเอวาเจลีนและเหวี่ยงลงไปที่สนาม
“หมัดดาวตก” แบงค์ทิ้งตัวลงมาพร้อมกับทิ้งหมัดอัดใส่เอวาเจลีนที่ยังจุกกับแรงกระแทก

อ๊า...

เอวาเจลีนพลิกตัวหงายขึ้นมาก็เห็นแบงค์ยืนอยู่เบื้องหน้า
“งั้นมาดูหน่อยซิว่า คำนวณทันมั้ย” เอวาเจลีนยิ้มให้ แบงค์ก็ประหลาดใจ
“ศรทมิฬ 199 ดอก(ดาร์กเซลเมไดโอ้)” เอวาเจลีนสร้างกระสุนเวทย์จำนวนมากโจมตีใส่แบงค์เข้าเต็มๆจนร่างของแบงค์ลอยกระเด็นออกไป

“โอ้ นักกีฬาทั้งคู่นอนหมดสภาพกันอย่างสบาย งั้นก็นับเลยนะค่ะ”

1... 2... 3... 4... 5... 6... 7... 8...

ห๊า... เสียงฮือกันทั้งสนามเมื่อแบงค์ลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง

“อะไรกันโดนกระสุนเวทย์เข้าไปเต็มขนาดนั้นยังลุกขึ้นได้อีก” เนกิตะลึงทันที แล้วแบงค์ก็ปัดมือทั้งสองข้าง
“เธอใช้เวทย์มนต์ที่ยังเหลือพลังอยู่ยิงซะจนหมดจนลุกไม่ขึ้นเลยละซิ เธอก็นึกซิว่า เธอมีพลังแค่ไหน แล้วเธอเหลือแค่ไหน แล้วเพียงแค่นั้นจะใช้ล้มเธอได้หรือเปล่า ฉันใช้เวทย์ไม่เป็น แต่ฉันนำมาใช้ในรูปแบบชีวิตที่ 2 ในตอนท้ายแบบนี้ละ ที่เธอโจมตีไปนั้นคือ พลังเวทย์มนต์ที่ห่อหุ้มตัวฉันอยู่ พลังของเธอทำลายไปได้แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น มันไม่โดนฉันเต็มๆหรอก” แบงค์พูดขึ้น

9... 10…

“ไม่น่าเชื่อ การต่อสู้ที่มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นหลายอย่าง การต่อสู้ที่ดูเหมือนเกินจริงโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น สุดท้ายนักกีฬาแบงค์ก็เป็นฝ่ายชนะไปค่า...”

“เอาล่ะ ได้เวลาอั๊วปล่อยแก๊ชละ” เจ้าพูดขึ้นแล้วก็เดินไปกดปุ่มอีกที
“กลยุทธ์ กลอุบาย สงสัยจะเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยในยามต่อสู้ นอกจากมีฝีมือแล้ว ถ้าไม่มีความคิดในการต่อสู้ ก็คงจะไม่สามารถชนะคนอื่นได้เลย” มานะพูดขึ้น
“ก็แปลว่า นากิ ก็คงจะมีความฉลาด กลอุบาย กว่า 1000 อย่างเลยละซิ” เจ้าพูดขึ้น

แล้วแก๊ชก็ถูกแพร่เข้าสู่ทางเดินศาลเจ้า ซึ่งใช้เป็นสถานที่สำหรับผู้ชม ไม่นานผู้ชมและผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดก็สลบไป

“แกเป็นใครกันแน่” เอวาเจลีนถาม
“ฉันก็คือเพื่อนเธอไง เอวาเจลีน เป็นเพื่อนกันนะ” แบงค์ตอบพร้อมกับยิ้มให้
“ในโลกเบื้องหลังมีคนที่เก่งกว่าฉันอีกเหรอเนี่ย” เอวาเจลีนพูดขึ้น
“ไม่หรอก ฉันไม่เก่งไปกว่าเธอเลยสักนิด แต่ฉันใช้กุลอุบายหลอกล่อเธอจนติดกับดักเหมือนที่เธอโดนจากนากิไงละ” แบงค์พูดเสร็จก็ช้อนร่างของเอวาเจลีนที่หมดแรงแม้แต่จะยืนนั้นขึ้นมา แล้วก็เดินออกไปจากสนาม เอวาเจลีนหน้าแดงขึ้นทันทีที่มีชายเข้ามาแตะต้องแบบนี้

เมื่อผู้ชมและผู้แข่งขันคนอื่นๆที่ฟื้นขึ้นมานั้น พวกเขาก็จำอะไรไม่ได้เลย

“เฮ้ย พวกเราหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่...”
“ไม่รู้เหมือนกัน พวกเราก็หลับ…”
“ใครจะตื่นใครจะหลับ แต่คู่ที่ 5 นั้นผู้ที่ชนะนั้นคือนักกีฬาแบงค์ค่า....” คาสึมิประกาศ
“ชนะกันยังไง” เนกิถาม
“ถ้าข้องใจอะไรเดี่ยวอีก 1 อาทิตย์คงจะมีถ่ายทอดเทปบันทึกย้อนหลังค่า เชิญติดตามชมที่บ้านของท่านกันได้เลย” คาสึมิตอบ
“ว่าแต่ตอนนี้คงต้องซ่อมแซมสนามกันยกใหญ่เลยค่ะ”

แล้วทีมงานต่างก็แบกไม้มาซ่อมสนามกัน

“เจ้าหลินเฉิน เธอรู้อะไรเกี่ยวกับชายคนนั้นบ้าง ฉันรู้ว่าเธอคงจะรู้อาจจะหมดเปลือกลยก็ได้” มานะเดินกลับเข้ามาถาม
“ก็ได้ ก็ได้ อีเป็นญาติห่างๆก็อั๊วเอง ในโลกเบื้องหลังแล้วอีเป็นพวกจอมเวทย์ที่ไร้สังกัด หรือไม่ค่อยมีคนพบเห็นกัน หรือเรียกนามของเขาว่า จอมเวทย์ลึกลับ ซึ่งต่างจากพวก นากิ ที่โด่งดังไปทั่วโลกเวทย์มนต์ แต่ฝีมือของอีนั้น อั๊วไม่ค่อยมั่นใจหรอก ตอนอั๊วมาอยู่ที่นี่ก็เพิ่งรู้ว่าอีเองมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่ด้วย” เจ้าตอบ
“ถึงว่าละ ทุกกระบวนท่านั้น ล้วนแต่ไม่มีเวทย์มนต์ใดๆ นอกจากใช้เวทย์มนต์เสริมให้กระบวนทุกท่านั้นรุนแรงขึ้น อย่าง หมัดดาวตก ลำพังเองเขาใช้เวทย์มนต์ดาวตกไม่ได้ จึงใช้ตัวเองเป็นตัวเวทย์มนต์ซะเองโดยใช้วิชาที่เรียนมาสร้างกระบวนท่าเลียนแบบเวทย์มนต์เพื่อทดแทนการที่เขาไม่สามารถใช้เวทย์มนต์ได้” มานะพูดขึ้น
“ถูกแล้ว อีก็เหมือนกับอั๊วและลื๊อแหละ ที่ไม่มีเวทย์มนต์ แต่อีกลับนำมาใช้ผสมผสานได้ อั๊วเองยังคิดไม่ออกเลย ได้แต่เอาหลักการวิทยาศาสตร์มาช่วยผสมผสาน” เจ้าบอก
“วันหลังคงต้องขอทดสอบฝีมือบ้างละ ดูซิ การโจมตีที่รุนแรงของฉันที่ใครๆต่างฝ่ากันเข้ามาได้ยากนั้น จะมีใครทำลายมันลงได้หรือเปล่า” มานะยิ้มขึ้นนิดๆ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ลื๊อมีปืนขืนอีโดนยิงนัดเดียวก็นอนโลงเลยละซิ ขนาดใช้แค่เหรียญคูจังยังโดนไปตั้งหลายดอก ถ้าเป็นปืนจริงคงตายตั้งแต่นัดแรกแล้วละ” เจ้ายิ้มให้
“ฮึฮึ” มานะหัวเราะขึ้นนิดๆแล้วก็เดินกลับออกมาที่ระเบียงเพื่อดูสนามประลอง
“เขาก็คงจะฝีมือพอๆกับกลุ่มคนพวกนั้นเลยซินะ” มานะพูดขึ้น
“สมแล้วที่เป็นรุ่นพี่ ถ้าแพ้รุ่นน้องเอาง่ายๆก็คงจะเสื่อมศักดิ์ศรีแน่ แต่การต่อสู้นี้ คงจะมันขึ้นถ้าเอวาจังมีพลังอย่างเต็มตัว แค่พลังเพียงบางส่วนก็เล่นเอารุ่นพี่คนนั้นถึงขนาดต้องลงแรงจริงๆเข้าเลย” มานะพูดขึ้น

“ไอ้บ้าเอ๊ย แกทำเอาซะฉันต้องมานอนพักคู่กับแกเลยเนี่ย” เอวาเจลียตะหวาดใส่
“ขอโทษนะ แต่เธอเองก็ทำเอาฉันที่ต้องแข่งในตอนเย็นนั้นต้องมานอนพักอยู่ที่นี่เหมือนกัน” แบงค์กล่าวขึ้น
“ฉันเลยอดดูเจ้าเนกิมันสู้เลย โถ่เว้ย” เอวาเจลีนพูดขึ้นด้วยความโมโห
“ฉันก็อดเดินเล่นในงานเลย ตั้งครึ่งวัน เสียดายเวลาแย่เลย ต้องรออีกตั้ง 1 ปี” แบงค์ก็หัวเราะขึ้นนิดๆ
“ไม่ต้องมาพูด ถ้าแกยอมๆตั้งแต่แรกให้ฉันผ่านเข้ารอบ มันก็คงไม่เป็นแบบนี้” เอวาเจลีนรวบรวมแรงที่มีลุกขึ้นกระโดดข้ามมายังเตียงที่แบงค์นอนอยู่แล้วเธอก็บีบคอแบงค์ด้วยแรงที่มือ
“ขนาดโมโหยังน่ารักเลยนะ สมแล้วที่เป็นเอวาเจลีนผู้โด่งดัง เจอกันใกล้ๆแบบนี้แล้วมันรู้สึก...” แบงค์ยิ้มให้ เอวาเจลีนก็นิ่งไปสักพัก
“แกนึกบ้าอะไรของแก ตายซะเถอะ ไอ้พวกที่มีสมองคิดแต่เรื่องแบบนั้น” เอวาเจลีนเขย่าคอของแบงค์ไปมา
“ตายยย.... ตายซะเถอะ ไอ้พวกบ้า” เอวาเจลีนตะโกนใส่

แบงค์ที่แขนทั้งสองข้างนั้นไร้ซึ่งแรงที่จะขยับเขาก็ได้แต่มองดูเอวาเจลีนโมโหใส่ ซึ่งเขาก้รู้ว่าเอวาเจลีนเองไม่มีแรงมากพอที่จะบีบคอของเขาแน่นจนหายใจไม่ออก
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #18 on: July 11, 2006, 05:37:10 AM »

ตอนที่ 18 จอมเวทย์ขี่ม้าขาว

“คนแน่นเอี้ยดขนาดนี้จะเข้าไปไงเนี่ย” เชนที่เพิ่งเดินมาถึงศาลเจ้านั้นก็ประหลาดใจขึ้นทันที

“เอ... คนไหนน้า ที่จะพอช่วยเราได้” เซตจิ๋วที่ลอยอยู่แถวนั้นกวาดสายตาหาทันที จนเธอไปเห็นเชน เธอจึงเอ็ดใจและลอยเข้าไปหา

“พี่ชายค่ะ” เซตจิ๋วทักขึ้น เชนจึงหันไปดูเขาก็ตกใจเมื่อเห็นเซตซึนะที่มีขนาดเท่าตุ๊กตาลอยอยู่
“นี่....เธอ..” เชนพูดขึ้นด้วยความตกใจ
“พี่ชายเป็นจอมเวทย์ใช่ไหมค่ะ” เชนปากค้างทันที
“ใช่แน่เลย ช่วยหนูหน่อยซิ เพื่อนหนูหายไป” เซตจิ๋วพูดขึ้นแล้วก็ดึงแขนเชนลากไปด้วยทันที

ทางเดินน้ำใต้ศาลเจ้า
“อย่างนี้นี่เอง เธอก็คือจิตหนึ่งของนักเรียนหญิงของห้อง 3-A ซินะ ถึงว่าทำไมถึงรู้ว่าเราเป็นจอมเวทย์” เชนพูดขึ้น
“ก็หนูไม่ใช่คนปกติค่ะ ถ้าใช่คงจะเดินได้เหมือนคนอื่นละ” เซตจิ๋วลอยนำไปทันที
“ศรเพลิง 9 ดอก((เฟอเรว ไรมิโค้)” เชนร่ายเวทย์มนต์ไฟที่เขาถนัดขึ้น
“ทำอะไรอยู่เหรอค่ะ” เซตจิ๋วถาม
“ก็จะฆ่าเธอไง ฮ่าๆๆๆ” เชนทำหน้าโหดใส่
“ว๊ายยย.......” เซตจิ๋วกรี๊ดขึ้น
“ล้อเล่นน่า ฉันร่ายเวทย์มนต์เตรียมไว้ก่อน เผื่อเจออะไรเข้าจะได้โจมตีได้ทันที” เชนบอก เซตจิ๋วจึงถอนหายใจทันทีแล้วก็ลอยเข้าไปข้างในต่อ

Lock On… Lock On… ฟู่...

“เสียงอะไรนั่น” เชนพูดขึ้น
“กำแพงเพลิง(พาเวล มาติโอ้)” เชนร่ายมนต์กำแพงไฟขึ้นล้อมรอบป้องกันจรวดที่ยิงมาทางพวกเขา
“นี่มันพวกอะไรกัน” เชนถามขึ้น
“สงสัยจะเป็นพวกหุ่นยนต์เฝ้าทางของคุณเจ้าค่ะ” เซตจิ๋วตอบ
“ไม่ใช่คน งั้นไม่ออมมือละนะ ศรเพลิงโจมตี” เชนใช้กระสุนเวทย์ทั้ง 9 โจมตีออกไปรอบทิศซึ่งบ้างลูกนัดก็ถูกเจ้าหุ่นยนต์ทำให้พังลงทันที

จนสักพักเขาก็ไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของเครื่องจักรกล กำแพงเพลิงจึงสลายไป
“เฮอะ หมดแล้วละ” เชนก็สลายมนตรากำแพงไฟ แล้วเขาก็ออกเดินต่อไป
“รุ่นพี่เก่งจัง” เซตจิ๋วชื่นชมและยิ้มให้

ตื๊ด ตื๊ด... สัญญาณเตือนดังขึ้น เจ้าได้ยินก็สะดุ้งตกใจ

“มีคนลอบเข้ามาเหรอเนี่ย มานะ เธอช่วยดูทางใต้ศาลเจ้าที” เจ้าหันมาบอก มานะก็สลัดดึงปืนไรเฟิลคู่ใจออกมาจากระเป๋ากีตาร์
“อย่าลืมละ หัวละ หมื่นนะ” มานะยิ้มให้แล้วก็เดินออกไปซึ่งจับที่บานประตู แล้วปลาตัวเดิมก็โผล่ขึ้นมาจากสระ

“ฮึ...” มานะได้ยินเสียงน้ำสั่น
“ตายยย....... ไอ้ปลาบ้า ตายซะเถอะ” มานะควักปืนออกมายิงก่อนที่ปลาตัวนั้นจะพ่นน้ำใส่ ซึ่งมันได้ตายสนิททันที

ทางเดินน้ำใต้ศาลเจ้า
“รุ่นพี่นี่ถนัดทางด้านเวทย์มนต์เหรอค่ะ” เซตจิ๋วถาม
“ครับ ไฟนี่ละ ร้อนแรงดี” เชนตอบ

“ต้องขอโทษด้วยนะรุ่นพี่ นี่เป็นเขตหวงห้าม ผู้อื่นใดก็ตาม ไม่สามารถผ่านไปได้ค่ะ” มานะยืนขวางทางไว้
“*ฮ๊า มานะก็ด้วยเหรอเนี่ย*” เซตจิ๋วตกใจ
“ขอโทษด้วยนะเซตซึนะแต่นี่มันเป็นงานของฉัน” มานะพูดขึ้นแล้วก็เดินตรงเข้ามา
“*ระวังนะค่ะรุ่นพี่ มานะเขาเก่งเอามากๆ*” เซตจิ๋วกระซิบบอก
“*งั้นผมจะล่อไว้เอง เซตจิ๋วไปช่วยคนอื่นเถอะ*” เชนบอก
“ค่ะ” แล้วเธอก็ลอยข้ามไปอีกฝั่งทันที

“นักรบเพลิง 6 ตน(เฟมโซดิเมอร์)(นักรบเพลิง ใส่ชุดเกราะทั่วกาย ไม่มีเท้าแต่มีขา ทั้งร่างเป็นไฟหมดรวมทั้งชุดเกราะด้วย แต่ดาบนั้นเป็นเหล็กอย่างดี)” เชนร่ายมนต์เรียกอัศวินร่างเพลิงทั้ง 6 ตนออกมาพร้อมกับดาบอันแข็งแกร่งและแหลมคม
“*นักเวทย์หรือเนี่ย*” มานะนึกสนุกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัว
“ดวงไฟคุ้มกัน 9 ดวง(เฟมสกาเลโต้)” เชนก็ร่ายลูกบอลไฟทั้ง 9 ออกมาลอยล้อมรอบตัวเขาไว้

เปรี้ยงงง.............

เสียงปืนไรเฟิลที่ดังกึกก้องไปทั่วทางเดินใต้ศาลเจ้า อาสึนะ และทาคามิจินั้นจึงได้ยินเข้า
“เสียงปืนนี่” อาสึนะเกิดขึ้นสงสัย
“ต้องเป็นมานะแน่” อาสึนะเกิดแรงโมโหขึ้น

“ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ คนไร้เวทย์มนต์อย่างฉัน คงจะทำอะไรเจ้านักรบเพลิงนี่ไม่ได้เลย” มานะมองดูกระสุนไรเฟิลที่ยิงผ่านเปลวไฟปกติไป

นักรบเพลิงทั้ง 6 จึงลอยเข้ามาโจมตีมานะ
“*จงออกมา (อาเบอาร์ท)*” มานะใช้อาติแฟกของเธอเรียกปืนคู่ใจออกมา

เปรี้ยงงง..............

กระสุนจากปืนเวทย์มนต์นั้นทำให้นักรบเพลิงตนหนึ่งกระเด็นออกไปได้
“ศรเพลิง 9 ดอก(เฟอเรว ไรมิโค้)” เชนยิงกระสุนเวทย์ทั้ง 9 รวมเป็นลูกใหญ่และยิงใส่มานะ ซึ่งนักรบเพลิงอีก 5 ตัวต่างก็ล้อมเธอไว้ติดกับกำแพง แล้วพวกมันก็ใช้ดาบฟันเข้าพร้อมกัน เธอจึงหันกลับและวิ่งไต่กำแพงตีลังกาหลังข้ามกลุ่มพวกนักรบเพลิงออกมาซึ่งทำให้เธอหลบศรเพลิงทั้ง 9 ดอกและคมดาบแห่งนักรบได้ แล้วเธอก็ล่วงตกลงไปในธารน้ำใต้ศาลเจ้า น้ำที่กระเด็นโดนพวกนักรบเพลิงทำให้พวกมันมีอาการแปลกๆ

“*ถึงไม่ใช่เวทย์มนต์ แต่น้ำก็พอทำลายมันดีเลย*” มานะลืมตามองผ่านน้ำขึ้นมา

ปุ ปุ ปุ ปุ....

มานะยิงปืนขึ้นมาจากใต้น้ำใส่นักรบเพลิง เมื่อกระสุนที่หุ้มน้ำนั้น ทำให้เปลวเพลิงของนักรบส่วนที่ถูกยิงเริ่มมอดลงพร้อมกับกระเด็นไปตามแรงกระสุน

“อ.ทาคาฮาตะ ถอยไปก่อนนะค่ะ” อาสึนะตั้งหลัก

กึก. กึก...

เซตจิ๋วปลดล๊อคประตูจากด้านนอกเข้ามา

ย๊ากกก.....

อาสึนะถีบใส่ประตูที่เปิดไปกะทันหันทำให้ลูกถีบนั้นโดนเซตจิ๋วเข้าเต็มๆ
“ว๊าย เซตจิ๋วนี่ ทำใจดีๆเอาไว้นะ” อาสึนะตกใจขึ้นทันทีที่ตนไปถีบพลาดเป้า
“ฮ่าๆ ในที่สุดก็มีคนมาช่วยแล้วนะอาสึนะคุง” ทาคามิจิหัวเราะกับสิ่งที่อาสึนะทำ
“ปายจากที่นี่กานเถอะ... โอย...” เซตจิ๋วพูดขึ้น
“อือ ไปกันเถอะ อาสึนะคุง” ทาคามิจิรีบลุกขึ้นแล้วพวกเขาก็หนีออกจากห้องขังใต้ศาลเจ้าไปกันทันที

อ๊า.....

เมื่อพวกอาสึนะมาถึงทางเดินใหญ่ก็เห็นเชนที่กระเด็นลอยตัดหน้าไป พวกอาสึนะจึงรีบวิ่งออกไปทันที

“ห๊า มานะ” อาสึนะหันไปเห็นเข้า มานะจึงกระโดดข้ามไปอีกฝั่งพร้อมกับยิงปืนสกัดไว้ พวกอาสึนะจึงหาที่หลบกระสุน แล้วมานะก็หนีหายไปทันที
“รุ่นพี่เป็นอะไรมั้ยค่ะ” เซตจิ๋วเข้ามาถาม
“อ้าว เชนเองเหรอ ขอบใจนะที่มาช่วยฉัน” ทาคามิจิเดินเข้ามาช่วยพยุงและพาออกไปจากทางเดินใต้ศาลเจ้า

“และแล้วสนามเราก็ซ่อมแซมเสร็จทันทีเวลาค๊า เพื่อไม่ให้เสียเวลาของเชิญคู่ต่อไปเล๊ยยย..............”
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #19 on: July 11, 2006, 05:37:50 AM »

ตอนที่ 19 แว่นมรณะ Jr. ศิษย์คนแรกผู้สำเร็จ

“ทำไมเราแพ้เต้ได้วะ เค้าทั้งหล่อกว่า สูงกว่า ไม่น่าจะแพ้ได้” แพ๊คพูดขึ้นด้วยความโกรธ

แผล็บ แผล็บ...

“ไอติมนี่ก็อร่อยดีแฮะ เอาอีกอันดีกว่า” แพ๊คเปลี่ยนเรื่องทันทีทำให้เขากลับมายิ้มร่าเริงได้อีก
“ลุงครับ เอาอีกอัน” แพ๊คสั่งเอาไอศกรีมอีกอัน
“อ่ะนี่” แพ๊คก็จ่ายเงินเสร็จก็กลับมานั่งกลิ่นต่อที่ม้านั่งตัวเดิมของเขา แต่พอกลับมานั้นมีคนมานั่งอีกฝั่งด้วย
“*การแต่งตัวสงสัยจะเป็นพวกลูกคุณหนู รวยและโง่ หลอกง่าย ฮ่าๆๆ เสร็จเค้าแน่*” แพ๊คนึกบางอย่างขึ้นได้จึงเดินเข้าไปหา

“นี่คุณครับ ผมนั่งด้วยได้มั้ยครับ” แพ๊คพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
“ค่ะ ค่ะ” นักเรียนหญิงคนนั้นตอบ
“เอาหน่อยมั้ยครับ ตอนแรกจะซื้อมาให้แฟน แต่จู่ๆเขาบอกเลิก ผมเลยมานั่งกินไอติมทำใจ” แพ๊คยื่นไอศครีมที่เขาเพิ่งซื้อมาให้
“ขอบคุณค่ะ *ว๊าย ในที่สุดก็มีคนมาจีบแล้ว*” นักเรียนหญิงคนนั้นตอบด้วยความเต็มใจ
“*ต้องหลอกให้ยัยนี่ซื้อบ้าน ซื้อรถ คืนเราให้ได้ ฮ่าๆๆ ค่าไอศกรีมอันเดียว*” แพ๊คเริ่มหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ขึ้นแล้วก็นั่งข้างๆ
“ชื่ออะไรเหรอครับ ผมชื่อ แพ๊ค เป็นหัวหน้าห้อง 5-A” แพ๊คถาม
“ยูกิฮิโระ อายากะ ค่ะเป็นหัวหน้าห้อง 3-A” อายากะตอบ
“อ๋า เป็นหัวหน้าห้องเหมือนกันเลยนะครับ แล้วมานั่งที่นี่คนเดียวทำไมละครับ เพื่อนๆไปไหนละ” แพ๊คถามอีก
“มานั่งพักค่ะ เดี๋ยวสักพักก็กลับไปที่ห้องไปช่วยงานห้องต่อ” อายากะตอบ
“งั้นช่วงนี้ไปเดินเล่นกับผมมั้ยครับ” แพ๊คถาม
“ค่ะ *แบบนี้ไม่มีผิดแน่ ต้องจับมันมาแต่งตุ๊ดให้ได้*” อายากะยิ้มให้
แล้วทั้งคู่ก็ลุกขึ้นไปเดินเล่นกันในงาน

“อ๊ะ ยัยหัวหน้าห้องมีคนมาจีบเหรอ” มากิเอะพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ใช่ พวกฉันไปเห็นมา ตอนไปพักเห็นเดินเล่นในงานกับรุ่นพี่คนหนึ่งละ” มาโดกะบอก
“ฮึฮึ กลับมาล้อให้ห้องแตกแน่” มิสะพูดขึ้น
“จ้า จ้า ทำงานกันต่อเถอะ ตอนเย็นจะได้มีตังไปเดินเล่นกัน” ยูนะเรียกแล้วพวกเขาก็กลับมาทำงานกันต่อ

“ห้อง 3-A นี่ดีจังเลยนะครับ มีงานก็ช่วยกันทำ ห้องผมซิหนีหายกันหมด ขนาดงานโรงเรียนนี่ยังแยกย้ายกันไป รวมทั้งผมด้วย” แพ๊คพูดขึ้น
“ก็ไม่หรอก ห้องฉันนั้นก็มีเรื่องไม่ซ้ำแต่ละวัน แถมแต่ละคนมีทั้งติงต๊องเรนเจอร์ พวกดีๆในห้องมีไม่กี่คนหรอกค่ะ” อายากะบอก
“คุณครูเด็กห้อง คุณอายากะเป็นยังไงเหรอครับ ได้ยินแต่ข่าว ไม่ค่อยได้เจอตัวจริง” แพ๊คถาม
“เขาก็น่ารักมากๆเลยค่ะ ทั้งนิสัยดี เรียบร้อย...” อายากะที่นึกถึงเนกิแล้วเธอก็พูดชื่นชมอย่างหวานซึ้ง แพ๊คถึงกลับหน้าซีดลงเล็กๆ
“เห็นบอกกันว่า คุณครูเด็กลงแข่งด้วยเหรอครับ เขาไปเก่งอะไรมาจากไหนกัน” แพ๊คถาม
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ คงจะไปเรียนวิชาจากติงต๊องเยลโล่ แถมอุตส่าได้บัตรเชิญมาแล้วแท้ๆ แต่งานที่ห้องก็ยุ่ง จะทิ้งไปก็เสียหน้าที่หัวหน้าห้องหมด” อายากะตอบ
“ผมก็ลงแข่งเหมือนกันนะครับ” แพ๊คบอก
“จริงเหรอค่ะ แล้วคุณครูเนกิเข้ารอบไปถึงไหนแล้วเหรอค่ะ” อายากะถาม
“ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมแข่งเสร็จก็ออกมาเดินเล่น รอแข่งอีกทีตอนเย็น ผมจะแสดงให้พวกนั้นได้เห็นว่า ศิษย์แว่นมรณะเป็นยังไง” แพ๊คยิ้มขึ้นนิดๆแล้วก็ชักมือออกจากกระเป๋ากางเกงและพุ่งหมัดออกไปข้างหน้า แล้วจู่ๆแผ่นป้ายข้างหน้าก็ล้มลง ทั้งแพ๊คและอายากะต่างก็ตกใจ

“*เฮ้ย มันทำได้ไง*” อายากะเกิดสงสัย
“*นี่มันอะไรเนี่ย*” แพ๊คเองก็สงสัยกลับตัวเอง แล้วเขาก็ชักมืออีกข้างออกมาและพุ่งหมัดออกใส่ป้ายอีกอัน ซึ่งป้ายนั้นก็ล้มลงเหมือนกัน
“*โอ้ พระเจ้า ทำสำเร็จแล้ว ฮ่าๆๆๆ ในที่สุดเค้าก็เก่งแบบอ.ทาคาฮาตะแล้ว*” แพ๊คยิ้มอย่างดีใจพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจ
“*สงสัยจะจริงอย่างที่มันพูด ตอนแรกนึกว่าพวกหลอกเด็ก*” อายากะก็หัวเราะนิดๆ

“เฮ้ย เฮ้ย มีคนต่อยกัน ไปเชียร์เร็ววว......” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“*งานแรกมาแล้ว ฐานะแว่นมรณะจูเนียร์ เราต้องแสดงฝีมือ*” แพ๊คมองไปทางกลุ่มคนที่กำลังตีกันด้วยความมุ่งมั่น
“รอตรงนี้นะครับ เดี๋ยวผมจะไปห้ามพวกเขาเอง” แพ๊คบอก
“ค่ะ *ระวังจะแว่นกลับมาละ ฮ่าๆๆๆ*” อายากะก็นึกขำในใจ แล้วแพ๊คก็เดินตรงเข้าไปพร้อมกับล้วงกระเป๋า

“เฮ้ย แว่นมรณะมา หนีเร็ว” ชายคนหนึ่งพูด
“ไม่ใช่นี่หว่า นั่นมันไอ้แว่น 5-A สงสัยมันอยากโดน ลากมันมา” ชายอีกพูดขึ้นแล้วพวกเขาก็เดินตรงเข้ามาหาแพ๊ค

ผัวะ ปึ้ก ปึ้ก.... แอ๊ก โอ๊ย.....

ไม่นานนักเลงที่ตีกันกลุ่มนั้นก็นอนหงายราบคาบกันหมดทันที

“*ไม่อยากจะเชื่อ เจ้านั่นมันทำได้ไงกัน*” อายากะถึงกลับตะลึงขึ้นมาทันที
“เฮ้ย นั่นมันศิษย์แว่นมรณะนี่” ชายกลุ่มนั้นรีบลุกขึ้นและวิ่งหนีไปทันที
“ว๊าย รุ่นพี่แพ๊คนี่” สาวๆเหล่านั้นต่างวิ่งเข้ามารุมล้อม
“ผม แว่นมรณะ Jr. ครับ” แพ๊คเก๊กหล่อใส่สาวๆ

10 นาทีต่อมา
“ไม่รู้เหมือนกันนะค่ะว่า อ.ทาคาฮาตะ เป็นพวกปราบนักเลงโรงเรียนที่ดังไปทั่ว” อายากะบอก
“ครับ ถึงยังไง ผมก็ฝึกฝนวิชาของอ.ทาคาฮาตะจนสำเร็จ” แพ๊คพูดขึ้น
“มีชื่อเสียง สาวๆชื่อ รุ่นพี่แพ๊คนี่ดีจังเลยนะค่ะ” อายากะพูดชมขึ้น
“ครับ อยู่ม.ปลายแล้วต้องวางตัวให้ดูน่าเกรงขาม ต้องทำตัวให้เป็นที่รู้จักในทั้ง ม.ต้น และม.ปลาย พอคุณอายากะขึ้น ม.ปลาย ก็คงต้องมีสักเรื่องที่คุณอายากะถนัดละ ที่จะทำชื่อเสียงให้คุณอายากะดังไปทั่วโรงเรียนได้” แพ๊คบอก

“รุ่นพี่อายากะครับ ช่วยรับผมไว้ด้วยคนนะครับ”
“ผมก็ด้วยนะครับ จะเอาผมไปทำอะไรก็ยอม”
“ผมจะยอมเป็นทาสเลยครับ”

“*ฮึฮึฮึ ถ้าเราดังขึ้นมาแบบนั้นแล้ว ต้องมีพวกรุ่นน้องมาให้เราจับเล่นแน่เลย*” อายากะนึกภาพแผนการอันสยดสยองของเธอ

“เอ๋ นั่นมันพี่สาวหัวหน้าห้องของเจ้าเนกินี่” โคทาโร่ที่เดินผ่านมาจึงเดินเข้าไปหา

“ไง พี่สาว แอบมาเดินเล่นกับแฟนเหรอเนี่ย” โคทาโร่ทักขึ้น
“ใครแฟนมิทราบยะ” อายากะตะหวาดใส่
“ก็ไอ้แว่นตาบอดนั่นไง นี่พี่อะไรบังตาเปล่า ถึงมาเลือกชอบป้านี่” โคทาโร่บอก
“หน๋อย ไอ้เด็กเปรต” อายากะขึ้นเสียงใส่พร้อมกับดึงแก้มโคทาโร่ทั้งสองข้าง
“เจ้าหนู มาลองสักตั้งมั้ย โทษฐานที่ทำตัวไม่เรียบร้อย มันต้องสั่งสอนกันสักหน่อย” แพ๊คพูดขึ้น
“ได้เลยพี่ชาย ระวังจะดีแต่ปากละ” โคทาโร่ก็ยิ้มขึ้นทันทีที่มีคนมาท้าเขาสู้

ผัวะ.....

จู่โคทาโร่ก็กระเด็นออกไปทันที แล้วเขาก็พลิกตัวกลับมาตั้งหลัก
“*นี่มันอะไรกัน มันโจมตีตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย*” โคทาโร่เกิดความสงสัยขึ้น
“*ฮ่าๆๆ แบบนี้เค้าก็ชนะเต้ และเพื่อนๆในห้องได้แล้ว แล้วพวกนั้นก็ต้องมาเกรงกลัวหัวหน้าห้องคนนี้*” แพ๊คยิ้มขึ้น

โคทาโร่จึงใช้วิชาตัดระยะเข้ามา
“*อ๊ะ” เขาเห็นหมัดพุ่งตรงใส่หน้าเขาจนกระเด็นออกไปอีก
“*อะไรกัน ทำไมมันต่อยเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ*” โคทาโร่เริ่มหวาดหวั่นขึ้น

ผัวะ ผัวะ.... ปึ้ก ปึ้ก.....

แพ๊คโจมตีต่อเนื่องทันทีโคทาโร่จึงได้แต่ป้องกันไว้ตลอด

“*อะไรกันนี่ขนาดเพื่อนของคุณครูเนกิที่ฝึกวิชากันมาด้วยกัน ยังสู้เจ้าแว่นนี่ไม่ได้เหรอเนี่ย*” อายากะมองดูการต่อสู้ของสองคนนี้

“*เข้าข้างหน้าไม่ได้ก็ต้องอ้อมไปด้านหลัง*” โคทาโร่มองดูเสาไฟที่อยู่ข้างๆ แล้วเขาก็วิ่งไปยังเสาไฟและกระโดดขึ้นไปดีดตัวพุ่งไปทางแพ๊ค

ผัวะ ผัวะ....

แพ๊คจึงโจมตีใส่ทันที แต่โคทาโร่ป้องกันไว้ได้จนเขาลงมาอยู่ด้านหลังแพ๊ค เขาจึงออกหมัดอัดใส่กลางหลังแพ๊ค

แอ๊ก...

ร่างของแพ๊คลอยกระเด็นไปไกลกว่า 10 เมตร ซึ่งมีเสาไฟตั้งอยู่ข้างหน้า แพ๊คจึงใช้หมัดนั้นอัดใส่เสาไฟเพื่อหยุดแรงกระแทกไว้

“*เจ็บ เจ็บ เจ็บ โอย......*” แพ๊คพูดขึ้นในใจโดยไม่แสดงอาการใดๆออกมาให้เหมือนแบบทาคามิจิ
“ที่แท้ก็แค่พวกกระจิ๊บ” โคทาโร่ยิ้มขึ้นนิดๆแล้วเขาก็พุ่งตามมา
แพ๊คจึงหันกลับไปพร้อมกับใช้หมัดอีกข้างหนึ่งอัดใส่โคทาโร่ หมัดนั้นเสยเข้าที่คางทำให้โคทาโร่กระเด็นลอยออกไปและหมดเรี่ยวแรงลงทันทีเมื่อโดนโจมตีเข้าสู่จุดสำคัญ

“ไม่เก่งพอ อย่ามา หล่อให้เท่าเค้าก่อน ค่อยมาเจอกันใหม่” แพ๊คพูดและเก๊กขึ้นทิ้งท้าย

“เดี่ยวดิฉันต้องพาเด็กคนนี้ไปห้องพยาบาลก่อนนะค่ะ เขาเป็นเพื่อนคุณครูดิฉันเองค่ะ ต้องขอตัวไปก่อนนะค่ะ” อายากะบอกแล้วก็พยุงร่างของโคทาโร่ขึ้น
“ครับ ไว้คราวหน้ามาคุยกันต่อได้นะครับ” แพ๊คเสยผมขึ้นก่อนที่จะเอามือล้วงกระเป๋าและเดินจากไป

“เป็นไงละแก สมแล้วที่โดนแบบนี้ ซ่านัก” อายากะบอก

เมื่อแพ๊คเดินเข้ามาในห้องน้ำ เขาก็เข้าไปในห้องที่ว่าง

อ๊ากกกกก....................... เจ็บบบ... โว๊ยยยยยย.......................................................

เขาตะโกนลั่นห้องน้ำด้วยอาการเจ็บที่มือที่ไปต่อยเสาไฟฟ้าเข้าอย่างแรง
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #20 on: July 11, 2006, 05:38:31 AM »

ตอนที่ 20 มหาเทศกาลมาโฮระ (วันที่ 1)

ฟิ่ว ฟิ่ว... ฟึ้บ ฟึ้บ.... เปร้งงง......

“แหงะ เร็วจัดจนลืมดูทาง ออย....” อาทที่ใช้การเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปจนเขามองทางไม่ทันไปชนกับเสาไฟฟ้าในงานเข้าอย่างจัง

“อ่า... รุ่นพี่นินจานี่เอง” คาเอเดะที่เดินผ่านมาจึงเดินเข้ามาทัก

“อูย อูย อูย.....”
“นี่หรอเจ๊ที่สู้กับเจ๊ในงานประลองรอบสอง” ฟูมิกะถาม
“เจ้าค่ะ” คาเอเดะตอบ
“*นั่นมันคนนั้นนี้*” อาทเห็นปุ๊บเขาก็รีบลุกขึ้นปัดฝุ่นวางมาดทันที
“นี่ๆ เป็นอะไรเปล่า” ฟูกะถาม
“เป็นคน” อาทตอบ
“ฟูมิกะ” ฟูกะหันไปมอง แล้วทั้งคู่ก็พยักหน้า

“วิชาลับนินจาสลับร่าง” ฟูกิมะ-ฟูกะ กระโดดสลับกันเข้ามาใช้มือทุบหัวอาท

อ๊ะ.....

“ปล่อยหนูนะ ปล่อยหนู” คาเอเดะดึงสองพี่น้องคู่เอาไว้
“ทำร้ายผู้อื่นมันไม่ดีนะเจ้าค่ะ” คาเอเดะบอก
“รุ่นพี่อาท ซินะค่ะ พอจำชื่อจากตอนสู้ได้ ไม่รู้เหมือนว่ารุ่นพี่ไปฝึกนินจามาจากไหน” คาเอเดะถาม
“ตามการ์ตูนครับ จากความชอบกลายเป็นความสามารถ แล้วก็กลายเป็นแบบนี้” อาทตอบ
“เจ้าค่ะ พยายามต่อไปนะ ข้าน้อยจะเอาใจช่วย”

“อาทอยู่นี่เองเหรอ” แป๋งวิ่งเข้ามาหา
“งั้นข้าน้อยขอตัวก่อนนะเจ้าค่ะ” คาเอเดะยิ้มให้ก่อนที่เธอและสองพี่น้องจะหายตัวไปอย่างไร้ล่องลอย
“*อ๊ะ*” อาทตกใจนิดๆ
“เฮ้ย ไปเดินเล่นกันเปล่า พวกเพื่อนๆไปกันหมด เดินเป็นกลุ่มเจอใครจะได้รุมตื๊บได้สะใจ” แป๋งบอก
“เออๆ ไปๆ ดีเหมือนกัน” อาทและแป๋งก็เดินไปด้วยกัน

“เฮ้ย อาทมาแล้วเว้ย” คิวพูดขึ้น แล้วพวกเพื่อนๆต่างก็เฮกันสนุกสนาน
“ไปถล่มม.ต้นกัน” จุกบอก
“ลุยๆ” เปียวหยิบหน้ากากขึ้นมาสวม
“บ้าเปล่า เดินไปมา มาใส่หน้ากาก อายรู้จักเปล่า อายอ่ะ” คิวตะหวาดใส่
“งั้นเราไปหอสมุดนะ” เปาโลพูดขึ้น
“เออ ไปด้วยเว้ย ไปหาน้องโนโดกะดีกว่า ฮึฮึ...” แป๋งยิ้มขึ้นนิดๆแล้วก็เดินไปกับเปาโล
“พวกเราที่เหลือไปเหอะ กลัวไรกับพวกม.ต้น เจอซัดดั้งหักหมดอ่ะ” ตั้มกำหมัดขึ้นมาโชว์
“ดีเลย อยากฆ่าคนอยู่ ลุยมันเลย” ต้นออกเดินนำไปอย่างไม่รีรอ แล้วพวกเขาก็เดินตามกันไป

ที่ศาลเจ้าทัตซึมินะ
“และแล้วในที่สุดการต่อสู้ในรอบ 2 ก็จบลง เอาเป็นว่าการต่อสู้ในช่วงนี้ถือว่าจบลงค่า ไว้รอติดตามชมได้ในตอนเย็นเวลา 17.00 น. ที่เดิมแห่งนี้ และตารางก็มาได้ดังนี้ค่า

สาย A
คูเนล ศันดาส Vs มิ้ง
นางาเซะ คาเอเดะ Vs คู เฟย

สาย B
แบงค์ Vs เนกิ สปิงฟิลด์
ซากุระซากิ เซตซึนะ Vs เต้

“ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเก่งมาจากไหน แต่ยิ่งเก่งมาเจอกับเก่ง รับรองความมันจะยิ่งเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ตอนนี้ขอจบแต่เพียงเท่านี้ค่า...” คาสึมิพูดเสร็จเธอก็เดินกลับเข้าไปในศาลเจ้าทันที

ที่ห้องควบคุม
“วันนี้ลื๊อทำได้ดีนะ” เจ้าบอก
“งานถนัดฉันละ เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ” คาสึมิหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม
“แล้วจะเอายังไงต่อละ” คาสึมิถาม
“ยังไม่เอาไงต่อหรอก อั๊วยังไม่เห็นฝีมือของหนูเนกิเลย ถ้าจะลงมืออะไรต้องรู้ข้อมูลของศัตรูให้ครบถ้วนซิ” เจ้าตอบ
“คุณครูเนกิ คงไม่เข้ามาขวางเธอหรอก” คาสึมิบอก
“ไม่หรอก อีอ่ะตัวขวางอั๊วเลย อีจะสงสัยมากๆถ้ารู้ว่าอั๊วต้องการอะไร และ 0% ที่อีจะยอมให้อั๊วทำแบบนั้น” เจ้ายิ้มขึ้นนิดๆ
“แล้วนี่มั่นใจกับเรื่องรับมือไว้แล้วเหรอ” คาสึมิถาม
“ไม่ต้องห่วง ถ้าต้องมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น ฝ่ายอั๊วมี มานะ เอวา ชาช่ามารุ ซาโตมิ และอั๊วอยู่ พอรับมือได้ แค่มานะคนเดียวก็อาจจะกินพวกหนูเนกิขาดแล้ว” เจ้าตอบ
“แต่ฝ่ายโน้นมีทั้ง อ.ทาคาฮาตะ คุณครูเนกิ อาสึนะ เซตซึนะ คู คาเอเดะ และเหล่านักเรียนห้อง 3-A ที่ช่วยพวกนั้นด้วยนะ” คาสึมิพูดขึ้น
“ไม่ต้องห่วงอั๊วสร้างร๊อคแมนไว้นับร้อยอยู่ใต้ศาลเจ้า ถ้าไม่ไหวก็ปล่อยพวกนั้นออกมาอาลาวาดได้ แถมอั๊วยังมีไม้เด็ดไว้รออีกเยอะ” เจ้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“เห๊อ เธอนี่ฉันไม่เข้าใจเธอเอาซะเลย งานก็เป็นงาน ฉันไม่ได้ไม่เสียอะไรอยู่แล้ว” คาสึมิบอก
“ฮึฮึ ภายในวันที่ 2 ของงาน อั๊วจะออกไปเดินเล่นบ้างละ เดี๋ยวจะไม่ได้เที่ยวงานอะไรกับเขาเลย และอั๊วจะไปทักทายพวกหนูเนกิซะหน่อย” เจ้าพูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโดยไม่จับบานประตู

ที่ห้องพยาบาล
“มาสเตอร์สบายดีมั้ยค่ะ” ชาช่ามารุที่เดินเข้ามาเอ่ยถามขึ้น
“ถ้าหมายถึงเอวาเจลีน เธอสบายดีครับ คงจะเล่นซนมากหมดแรงก็หลับไป” แบงค์ตอบแทนเอวาเจลีน
“ค่ะ ขอบคุณรุ่นพี่มากนะค่ะที่ดูแลมาสเตอร์แทนดิฉัน” ชาช่ามารุกล่าวคำขอบคุณ
“เชิญพักผ่อนให้สบายเถอะนะค่ะ เดี๋ยวมาสเตอร์ดิฉันจะดูแลต่อจากนี้เอง” ชาช่ามารุบอก
“ครับ ผมเองก็ไม่ค่อยบาดเจ็บอะไรมากหรอก แค่ปวดแขนนิดหน่อย” แบงค์ยิ้มให้
“เหรอค่ะ งั้นขอให้ดิฉันตรวจดูให้นะค่ะ” ชาช่ามารุเดินเข้ามาหา
“งั้นก็ช่วยหน่อยแล้วกันนะครับ มันเป็นมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” แบงค์ใช้มือซ้ายจับแขนขวาขึ้นมา
“ข้างขวานี่เหรอค่ะ” ชาช่ามารุถามแล้วก็ยกแขนแบงค์ขึ้นมา
“ครับ”

ตื๊ดดด........... ตื๊ดตื๊ดตื๊ดดด...................

“แค่แขนหักไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ” ชาช่ามารุใช้สายตาของเธอสแกนดูความบาดเจ็บ
“อันนี้ผมพอจะรู้แล้วละครับ แต่ถ้าบอกให้คนอื่นรู้เข้า ผมอาจจะหมดสิทธิ์แข่งได้” แบงค์พูดขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันช่วยแปปเดียวก็หายเอง” ชาช่ามารุพูดเสร็จก็จับแขนแบงค์หักไปมา

อ๊ก....อ๊ะ......

“เสร็จแล้วค่ะ แขนของรุ่นพี่กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วค่ะ” ชาช่ามารุบอก แบงค์เองก็ตกใจ แล้วเขาก็ลองขยับแขนขวาซึ่งก็ได้จริงอย่างที่ชาช่ามารุบอก
“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วย แต่เมื่อกี๊น่าจะให้ผมเตรียมไว้ก่อน เล่นทำกันแบบนี้ ผมเกือบร้องลั่นห้องเลย” แบงค์หัวเราะขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะ นี่ถือว่าเป็นการตอบแทนที่ดูแลมาสเตอร์แทนดิฉัน” ชาช่ามารุพูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปนั่งเฝ้าข้างเตียงที่เอวาเจลีนนอนอยู่

“ชาช่ามารุครับ ชาช่ามารุจะยอมเป็นทาสรับใช้ของเอวาเจลีนตลอดไปเลยเหรอครับ” แบงค์ถาม
“ค่ะ เพราะมาสเตอร์คือบุคคลที่มอบชีวิตให้กับดิฉัน ถ้าไม่มีมาสเตอร์ ถึงจะมีร่างจากด๊อกเตอร์แล้ว ฉันก็คงจะไม่สามารถขยับหรือพูดคุยได้แบบนี้ค่ะ” ชาช่ามารุตอบ
“ชาช่ามารุคงจะเคยเดินทางกับเอวาเจลีนมานานแล้วซินะครับ” แบงค์พูดขึ้น
“ไม่หรอกค่ะ ฉันเพิ่งถูกสร้างขึ้นมาไม่กี่ปี” ชาช่ามารุบอก
“คือ มันเคยมีจอมเวทย์คนหนึ่งซึ่งเขาบาดเจ็บจากการต่อสู้จนต้องตัดแขนขาออกหมด ซึ่งเขารู้ว่าเขาต้องตายแน่ถ้าทำแบบนั้น แต่เขาก็ใช้เหล็กมาหลอมรวมกับตัวเขา ทำให้เขาเป็นครึ่งคนครึ่งหุ่นยนต์ เขามีชีวิตจิตใจที่เหมือนกับคนแต่มีแค่ร่างกายบางส่วนเท่านั้นที่เป็นหุ่นยนต์ ชาช่ามารุก็เป็นแบบนั้นได้นี่ครับ ซึ่งอาจจะเป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้ แต่มนุษย์ยังคงต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ แต่ชาช่ามารุเพิ่งถูกสร้างมาไม่กี่ปีก็อาจจะเป็นแค่เด็กอ่อน แต่ชาช่ามารุสามารถเป็นคนได้เต็มตัวนะครับ ถ้าขอพรจากนางฟ้าสีน้ำเงิน หรือจากจอมเวทย์คนนั้น” แบงค์เล่าให้ฟังชาช่ามารุก็สนใจขึ้นทันที
“จริงเหรอค่ะ” ชาช่ามารุถาม แล้วแบงค์ก็พยักหน้าตอบ
“แต่มันติดขัดที่ นางฟ้าสีน้ำเงินเป็นเพียงในนิยาย และจอมเวทย์คนนั้นเป็นพวกชั่วร้าย คนดีปกติคงไม่กล้าตัดแขนขาทิ้งละ แฮะๆ” แบงค์หัวเราะนิดๆ
“รุ่นพี่พอจะพาดิฉันไปหาจอมเวทย์คนนั้นได้ไหมค่ะ” ชาช่ามารุถาม
“ผมเองก็ไม่ค่อยรู้จักกับเขาเท่าไหร่หรอก แต่ผมไม่เป็นศัตรูกับใครทั้งนั้น ถ้าผมเจอเขา ยังไงเขาก็คงจะยินดีรับผมเป็นเพื่อนอย่างแน่นอน” แบงค์ตอบ แล้วชาช่ามารุก็เงียบไปสักพัก

“แต่ผมพอมีวิธีติดต่อกับเขาหรือเรียกให้เขามาหาได้นะครับ ถ้าคุณชาช่ามารุต้องการผมก็จะบอกวิธีให้” แบงค์พูดขึ้น
“ค่ะ วิธีใดค่ะ” ชาช่ามารุถาม
“เอาหูมานี่ครับ” แบงค์เรียก ชาช่ามารุจึงเดินเข้ามาใกล้ๆ แล้วเขาก็กระซิบบอก

“หา นี่สมองกลเธอร้อนรึไง คิดอะไรขึ้นมาเนี่ย” ซาโตมิตกใจทันที
“ค่ะ ด๊อกเตอร์ ช่วยดิฉันเถอะนะค่ะ” ชาช่ามารุพูดขึ้น
“อะไรกัน มันจะเป็นไปได้ไงที่จะมีคนมาทำให้เธอเป็นมนุษย์ได้เต็มตัว” ซาโตมิถาม
“เหรอค่ะ งั้นดิฉันขอโทษที่รบกวนเวลาของด๊อกเตอร์ค่ะ” ชาช่ามารุพูดเสร็จก็เดินก้มหน้าออกไป
“เดี๋ยววว.....” ซาโตมิรีบวิ่งตามไป

“ฉันจะช่วยเธอดูก็ได้ หลักการวิทายาศาสตร์ ไม่ลองมันก็ไม่รู้ สิ่งที่คาดเดาจะรู้ว่ามันถูกหรือผิด มันต้องพิสูจน์ มาเถอะ ชาช่ามารุ ฉันจะช่วยเธออีกแรงเอง ไหนลองบอกวิธีมา...” ซาโตมิยิ้มให้แล้วทั้งคู่ก็เดินกลับเข้าไปในตึกวิจัย
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #21 on: July 11, 2006, 05:38:59 AM »

ตอนที่ 21 ชาช่ามารุ อยากเป็นคน !

...ขั้นแรก เธอต้องแต่งตัวให้น่ารักที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเจ้าหมอนั่นมันลามกใช่ย่อย ถึงได้เป็นจอมเวทย์ชั่วร้ายนี่ไง...

“อ่า ชาช่ามารุแต่งตัวแบบนี้น่ารักแล้วนะ” ซาโตมิที่จัดการเรื่องเครื่องกายของชาช่ามารุให้จนเสร็จ
“ขอบคุณค่ะ ด๊อกเตอร์” ชาช่ามารุบอก
“แต่เอ วิธีอย่างที่รุ่นพี่คนนั้นบอก จะจริงเหรอ” ซาโตมิถาม
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่จากการประมวลผลแล้ว รุ่นพี่คนนั้นเขาพูดออกมาจากใจจริง 100% ไม่มีปิดบังใดๆ” ชาช่ามารุตอบ

...ขั้นต่อมา เธอต้องเตรียมตัวเกี่ยวกับการต่อสู้ให้พร้อมที่สุด เพราะเจ้าหมอนั่นไม่มีทางที่จะให้สิ่งใดง่ายๆหรอก ซึ่งเขาเป็นจอมเวทย์ที่เก่งกาจมากคนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเธอสู้เขาไม่ได้แน่ แต่เธอต้องหาคนมาช่วย...

“เอาล่ะเครื่องมือต่อสู้รุ่นใหม่ของฉัน งานนี้จะได้ทดลองมันครั้งแรกละ อ่าต้องเตรียมไปเยอะๆ จะได้ทดสอบในทีเดียว” ซาโตมิวิ่งไปหยิบอุปกรณ์ต่างๆที่เธอสร้างขึ้น
“เอ แล้วทำไมเธอไม่ให้มาสเตอร์ของเธอมาช่วยละ” ซาโตมิถาม
“มาสเตอร์ยังคงบาดเจ็บและต้องพักฟื้นค่ะ จะไปขอใครก็กลัวจะรบกวนคนอื่น หรือแม้แต่ด๊อกเตอร์เองก็ตาม” ชาช่ามารุตอบ
“จ้า เพื่อรางวัลโนเบล ฉันจะพิสูจน์ให้ได้ว่ามีวิธีทำให้หุ่นยนต์เป็นคนได้จริง” ซาโตมิพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่น

...ขั้นตอนต่อมา เธอต้องพยายามปรับตัวและแสดงอารมณ์หวาดกลัวหรืออะไรต่างๆ เพราะเจ้าหมอนั่น มันจะทำลายเธอเอาตอนไหนก็ได้ หากเธอทำให้มันติดใจในตัวเธอได้ เธอก็จะรอดจากข้อนี้ไป แต่อาจจะถูกมันทำลายขนาดต้องซ่อมหนักก็เป็นได้...

“ไหน ลองยิ้มซิ” ซาโตมิยิ้มขึ้น ชาช่ามารุก็พยายามจะฉีกยิ้ม
“ขอโทษค่ะ ด๊อกเตอร์ ด๊อกเตอร์ไม่ได้ใส่ข้อมูลเกี่ยวกับการยิ้มให้ดิฉัน ดิฉันทำไม่ได้หรอกค่ะ” ชาช่ามารุพูดขึ้นอย่างสลดใจ
“อ่า มันก็แปลกละ ฉันเองก็ไม่เคยเห็นหุ่นยนต์ยิ้มได้เอง เพราะฉันเองก็ไม่เคยสร้างข้อมูลนี้ขึ้นมาเหมือนกัน ต้องขอโทษด้วยนะ” ซาโตมิหัวเราะขึ้นนิดๆ

...ทั้งหมดนั่นคือการเตือนหรือแนะนำเฉยๆ วิธีจริงอยู่ต่อมาจ้า แต่ขอเตือนอีกครั้ง อย่าสู้กับเขาตรงๆด้วยกำลัง เขาจะพยายามยั่วให้เธอโมโหจนต้องใช้กำลังซึ่งเธอจะเก่งแค่ไหน เจ้าหมอนั่นมีวิชาที่สามารถทำลายหุ่นยนต์ได้ภายในพริบตา พยายามใช้ความเป็นตัวของตัวเธอสู้...
...ขั้นต่อมา ให้ขึ้นไปบนที่สูงที่สุดให้ได้ และไร้ซึ่งผู้คนอื่น...

“อ่า ลมเย็นจัง เคยขึ้นมาแต่ตอนกลางคืน ไม่ยักรู้ตอนกลางวันจะมีลมพัดเย็นได้ขนาดนี้” ซาโตมิสูดอากาศเข้าไปเต็มปอดบนบอลลูนดาดฟ้า
“ต้องขอโทษด๊อกเตอร์ด้วยนะค่ะ ที่ต้องเข้ามาเสี่ยงอันตรายกับดิฉัน” ชาช่ามารุพูดขึ้น
“ด๊อกเตอร์ค่ะ ถ้าหากดิฉันเป็นคนขึ้นมาได้จริง ด๊อกเตอร์ช่วยสอนสิ่งต่างๆให้ดิฉันด้วยนะค่ะ” ชาช่ามารุพูด
“ได้เลย” ซาโตมิหันมายิ้มให้

...ขั้นตอนต่อมา เธอต้องร้องเพลงอะไรก็ได้ ที่ไพเราะที่สุด ร้องไปเรื่อยๆจนกว่า เมฆจะบังแดดให้ร่มเงาในจุดที่เธอยืนอยู่...

“เอาเพลงนี้เลย In The Sky เริ่มเลยนะ” ซาโตมิหยิบแผ่นซีดีเพลงขึ้นมาใส่เข้าไปตัวของชาช่ามารุ
แล้วสักพักชาช่ามารุก็ขับร้องบทเพลงนั้นทันที ไปเรื่อยๆ
“*ชาช่ามารุร้องเพลงนี่ก็ไพเราะดีนะ เราไม่นึกถึงจุดนี้เลยนี่ มัวแต่ใส่ข้อมูลทั่วไปกับการต่อสู้ แม้แต่ข้อมูลอีโมชั่นความรู้สึกก็ใส่ให้ไม่ครบ เรานี่แย่จัง*” ซาโตมินั่งฟังเพลงที่ชาช่ามารุร้องไปเรื่อยๆ
“อ่า เมฆบังแดดแล้ว” ซาโตมิพูดขึ้น ชาช่ามารุจึงหยุดร้องและมองดูบนท้องฟ้า

...ขั้นตอนต่อมา เธอต้องพูดขึ้นว่า “ต้องขอความกรุณาด้วย” แล้วหลังจากนั้นถ้าเธอได้ยินเสียงใครพูดขึ้น เธอต้องจัดการคนนั้นด้วยกำลังให้หมดสภาพในทันที...

“นี่ ชาช่ามารุ วันหลังฉันจะเอาเธอไปประกวดร้องเพลงบ้างดีมั้ย” ซาโตมิถามขึ้น
“ต้องขอความกรุณาด้วยนะค่ะ” ชาช่ามารุพูดขึ้น
“เอ๋...” ซาโตมิแปลกใจกับคำพูดของชาช่ามารุ
“*ด๊อกเตอร์* ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ ด๊อกเตอร์ มันเป็นขั้นตอนในการทำ ดิฉันต้องจัดการกับด๊อกเตอร์ค่ะ” ชาช่ามารุหันมามอง
“เฮ้ย เดี๋ยวซิ นี่มันอะไรกัน” ซาโตมิถามขึ้นด้วยความตกใจ
“ขั้นตอนนั้นบอกไว้ว่า หลังจากที่ดิฉันพูดไปแล้ว ถ้ามีใครพูดต่อจากดิฉันคนแรก ดิฉันต้องจัดการกับคนนั้น” ชาช่ามารุตอบ
“เอ๋ เดี๋ยวซิ เดี๋ยวๆ ปริ้นข้อมูลเสียงเธอออกมาก่อนซิ” ซาโตมิรีบหาข้ออ้างทันที ชาช่ามารุจึงปริ้นข้อมูลเสียงออกมา
“นี่ไง นี่ไง มีเสียงอะไรไม่รู้ดังขึ้นก่อนฉันจะพูดนี่” ซาโตมิชี้ให้ดู
“เหรอค่ะ งั้นต้องขอโทษด๊อกเตอร์ด้วยนะค่ะ ที่เข้าใจผิด” ชาช่ามารุก้มหัวขอโทษ

“ฮ่าๆ คุณชาช่ามารุ ไม่น่าเชื่อว่าจะเชื่องมงายกับคำพูดของผมง่ายๆ” แบงค์หัวเราะขึ้น
“รุ่นพี่” ชาช่ามารุเอ่ยทัก
“ครับ เสียงนั้นเป็นเสียงผมเอง” แบงค์หันมายิ้มให้
“และขั้นตอนสุดท้ายที่จะได้เจอกับเขานั้นคือ จัดการผมให้ได้ภายในช่วงเมฆบังแดดให้ได้ นี่ละที่ผมจะมาบอก แต่มาขัดขั้นตอนนั้นไปซะได้ คงจะมาผิดเวลาจริงๆด้วย” แบงค์พูดขึ้นแล้วเขาก็สะบัดแขนขวาให้สบายๆ
“คนนี้เหรอที่บอกเธอเกี่ยวกับวิธีอะไรบ้าๆ” ซาโตมิตั้งระบบอาวุธที่เธอเตรียมมาทันที
“งั้นต้องขออภัยรุ่นพี่ด้วยถ้าดิฉันทำอะไรเกินไป” ชาช่ามารุบอก
“ครับ เต็มที่เลย ถือว่าผมทดสอบแล้วกันนะว่าคุณชาช่ามารุพอที่จะสู้กับเจ้าหมอนั่นได้หรือเปล่า แค่ทำให้ผมล้มแค่ครั้งเดียว ผมก็จะยอม” แบงค์ยิ้มให้พร้อมกับยืนกางแขน

“ปืนใหญ่ไฟฟ้า” ซาโตมิบังคับกระเป๋าด้านหลังของเธอเรียกป้อมปืนขนาดใหญ่ขึ้นมา

ปี๊ดดด.......  ซูมมม.................

แต่แบงค์กลับใช้แขนยกขึ้นป้องลำแสงไฟฟ้านั้น

“อะไรกัน แขนมนุษย์ไม่น่าจะทนแรงไฟฟ้าแสนโวลต์ได้นี่” ซาโตมิตกใจขึ้นทันทีที่เห็น

ชาช่ามารุก็พุ่งตรงเข้ามาพร้อมกับปล่อยหมัดจรวดใส่ แต่แบงค์กลับเอียงตัวหลบนิดเดียวและใช้มือจับที่ข้อแขนชาช่ามารุและกระชากเข้าหาตัวพร้อมกับตีเข่าใส่ท้องชาช่ามารุจนกระเด็นออกไป จากนั้นแบงค์ก็เริ่มออกวิ่งเข้าไปหา ชาช่ามารุจึงตั้งหลักแล้วเร่งเครื่องพุ่งเข้าชน แต่แบงค์กลับกระโดดขึ้นไปเหยียบหลังเธอและใช้ขาทั้งสองข้างดีดเธอออกไป

อ๊า................

แบงค์พุ่งเข้าไปหาซาโตมิพร้อมกับใช้มือข้างเดียวบีบคอเธอจนร่างลอยจากพื้น

“ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า” ซาโตมิตะหวาดใส่
“รุ่นพี่ปล่อยด๊อกเตอร์ปล่อยเถอะนะคะ” ชาช่ามารุหันมาขอร้องพร้อมกับทำสีหน้าเศร้าซึม
“ชาช่ามารุจัดการมันเลยฉันจับให้ เร็วเมฆกำลังจะไปแล้ว” ซาโตมิยอมใช้แขนกลสี่แขนจากกระเป๋านั้นจับตัวแบงค์เอาไว้ แล้วชาช่ามารุก็พุ่งตรงเข้ามาต่อยใส่ทันที

แอ๊กกก.................

ร่างของแบงค์กระเด็นล้มลงไป

“เย้ สำเร็จแล้ว” ซาโตมิดีใจขึ้น

“ฮ่าๆๆๆๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ” แบงค์ลุกขึ้นมาหัวเราะอย่างสบายใจ
“รุ่นพี่” ชาช่ามารุต่างประหลาดใจกับเสียงหัวเราะนั้น
“ยินดีด้วยที่เธอทำวิธีนี้เพื่อมาหาฉันสำเร็จ” แบงค์หันมาบอก ซาโตมิและชาช่ามารุก็ตกใจทันที
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #22 on: July 11, 2006, 05:39:36 AM »

ตอนที่ 22 จอมเวทย์จักรกล การต่อสู้ด้วยใจของ ชาช่ามารุ

เมื่อแบงค์หันกลับมาพวกเธอก็กลับเห็นว่านั่นไม่ใช่เขาอีกแล้วทั้งใบหน้า ขนาด รูปร่าง และหนวดที่เฟิ้ม เหมือนคนแก่
“นายเป็นใครกัน” ซาโตมิถาม
“เอ๋ นั่นแสงแดดเริ่มตามมาแล้ว ชาช่ามารุเร็ว จัดการมันให้ได้” ซาโตมิพูดขึ้น

แล้วชาช่ามารุก็เห็นชายคนนั้นขยับปากพูดไปมาอย่างเบาๆ แล้วแสงแดดที่ตามมานั้นก็หยุดนิ่ง
“เอาล่ะ ฉันก็คือ ด๊อกเตอร์เครัส แวนเดอสัน ฉันคือคนที่เธอต้องการ ฉันคือพระเจ้าแห่งหุ่นยนต์” เครัสแนะนำตัวแล้วเขาก็ถอดผ้าคลุมออก ซึ่งร่างกายของเขานั้น แขนและขาทั้งหมดเป็นหุ่นยนต์หรือแม้แต่ตรงหัวใจก็มีเหล็กบางอย่างเจาะเข้าไป
“หา เจ้าหมอนี่นะเหรอ ที่เธอจะให้มันช่วย” ซาโตมิพูดขึ้น
“ค่ะ ด๊อกเตอร์” ชาช่ามารุบอก
“กฎของฉัน หนึ่งเธอต้องชนะฉันก่อน ฉันถึงจะทำตามคำขอของเธอ”
“สอง ภายในช่วงห้วงเวลาแห่งนี้ ทุกอย่างจะหยุดนิ่งหมด ยกเว้นฉันและพวกเธอ ซึ่งถ้าปล่อยไว้แบบนี้ แสงจากอาทิตย์จะค่อยๆดับลง จนห้วงเวลาจะมืดสนิท และเธอก็ต้องมาเป็นทาสรับใช้ของฉัน ตลอดไป” เครัสพูดเสร็จเขาก็พุ่งตรงเข้ามา

“ชาช่ามารุหลบไป” ซาโตมิงัดอาวุธที่เตรียมออกมา
“ปืนจรวดตามล่า กึ่งอัตโนมัต พร้อมทดลอง” ซาโตมิชักปืนขนาดใหญ่ 2 อันออกมาแล้วก็กดปุ่มยิง จรวดนับ 10 จากทั้งสองกระบอกโจมตีใส่เครัส แล้วก็มีจรวดจากปืนนั้นยิงออกมาตลอดเวลา พอควันจากหายไปซาโตมิและชาช่ามารุต่างก็ตกใจที่เห็นเครัสยืนอย่างสบาย

“โอยยย......... เล่นแรงไม่เบานี่แม่หนู เข้าใจละ ถึงฉันจะเป็นจอมเวทย์แต่สำหรับอาวุธพวกนี้ เวทย์มนต์ไม่ช่วยอะไรได้เลย งั้นมาสู้กันด้วยแรงตรงๆแล้วกัน” เครัสบอก

Lock On… Lock On…

ซาโตมิยิงจรวดชุดใหญ่อีกครั้ง แต่พอจรวดเหล่าพุ่งเข้าไปใกล้ตัวเครัสแล้ว จรวดพวกนั้นก็หยุดนิ่งทันที

ฮึ…

“ฉันเป็นจอมเวทย์ก็อย่าลืมซิ ฉันใช้เวลาทำให้เวลาช้าลงหรือเร็วขึ้นได้ จรวดพวกนี้อีกสัก 100 ปีถึงจะถูกตัวฉันได้มั้ง มันจะช้าขนาดนั้นล่ะ แล้วเธอ ถ้าต่อยฉันโดนเพียงหมัดเดียวก่อนพระอาทิตย์จะดับไปจากห้วงเวลานี้ได้ ฉันจะช่วยเธอเอง” เครัสยิ้มให้
“ค่ะ มิสไซด์โจมตี” ชาช่ามารุยิงจรวดโจมตีใส่
“ฮ่าๆๆ มันไม่ได้ผลหรอก” เครัสหัวเราะขึ้น

บึ๊มมมมม..................................

“แอ๊ก... ได้ไงเนี่ย” เครัสที่ลอยกระเด็นออกไปนั้นลุกขึ้นมาพร้อมกับสงสัย
“ดิฉันโจมตีใส่จรวดของด๊อกเคอร์ค่ะ ให้มันระเบิดกันเอง” ชาช่ามารุอธิบาย
“ในเมื่อโจมตีระยะไกลไม่ได้ก็ต้องเจอนี้ ซุปเปอร์พาวเวอร์แขนกล” ซาโตมิเปลี่ยนรูปแบบอาวุธออกมาเป็นแขนกลขนาดใหญ่ 2 ข้างซึ่งตรงปลายหมัดนั้นมีประจุไฟฟ้าอยู่
“ชาช่ามารุ ลุยกัน” ซาโตมิบอกแล้วเธอทั้งคู่ก็พุ่งเข้าไปพร้อมกัน

เครัสยิ้มให้ก่อนที่จะใช้วิชาตัดระยะผ่านชาช่ามารุเข้ามาหาซาโตมิ
ห๊า...
ซาโตมิใช้จึงแขนกลไฟฟ้าโจมตีใส่ เครัสเองก็ใช้หมัดสวนปะทะกัน
“ชาช่ามารุเอาเลย” ซาโตมิใช้แขนกลอีกข้างโจมตีใส่เครัสอีก แต่ตอนนี้เขากลับใช้มือกำแขนกลอันแรกและยกขึ้นเหวี่ยงซาโตมิลอยออกไป ชาช่ามารุที่พุ่งเข้ามาเครัสจึงหันกลับไปพร้อมกับใช้หมัดออกข้างอัดใส่ชาช่ามารุ ทันทีที่หมัดโจมตีโดนก็มีแรงระเบิดเกิดขึ้นทันที

“ฉันนอกจากจะแข็งแรงกว่าหุ่นยนต์ทั่วไปแล้ว ฉันยังมีอาวุธต่างๆอีกมากมาย และยังมีพลังเวทย์ที่หนุนหลังอยู่ พวกเธอเลิกคิดซะเถอะ” เครัสบอก
“ชาช่ามารุอย่ายอม อ่า นี่เอาปืนใหญ่ของเธอไปใช้ได้เลย” ซาโตมิโยนปืนใหญ่คู่ใจของชาช่ามารุไปให้
“จะเล่นปืนใหญ่กันก็ได้” เครัสแปรสภาพหมัดขวาของเขาเป็นกระบอกปืนใหญ่

ครึ้งงง..............

ชาช่ามารุใช้ปืนใหญ่ยิงกระแสไฟฟ้าโจมตีใส่เพื่อที่จะให้เครัสหยุดนิ่ง แต่เขาก็หลบได้และบินขึ้นมาบนท้องฟ้า

“ปืนใหญ่ไฟฟ้า” ซาโตมิชาร์ตกระแสไฟฟ้าไว้เต็มที่จากแขนกลทั้งสองข้าง แล้วเธอก็ยิงมันออกไปใส่เครัสอย่างรวดเร็ว

ตูมมม...............

กระแสไฟฟ้าจำนวนมากที่กระทบกันทำให้เกิดแรงระเบิดขึ้น ชาช่ามารุจึงใช้ปืนใหญ่ของเธอชาร์ตพลังไว้ จากนั้นก็ยิงใส่

เปร้งงง...........................

ลำแสงเลเซอร์จากปืนใหญ่ของชาช่ามารุกลับสะท้อนเด้งออกไปยังจุดที่ซาโตมิยืนอยู่ เธอจึงรีบวิ่งหลบแรงระเบิดทันที พอควันจากแรงระเบิดตรงเครัสดับลง พวกเธอก็เห็นแขนอีกข้างของเขานั้นแปรสภาพเป็นโล่ขนาดใหญ่
“ตาฉันบ้างละ” เครัสใช้ปืนใหญ่ที่ชาร์ตพลังไว้ยิงสวนกลับใส่ชาช่ามารุ แต่เธอก็หลบได้เนื่องจากระยะค่อนข้างไกลกันจึงมีเวลาในการบินหลบ

ทั้งคู่ต่างโจมตีกันด้วยลำแสงเลเซอร์สลับไปมากัน ซาโตมิจึงตั้งข้อมูลขึ้นจึงเห็นว่าพลังในปืนใหญ่ของชาช่ามารุเริ่มอ่อนแรงลง ซึ่งหมายถึงพลังงานของปืนใหญ่ใกล้หมดลง

“ชาช่ามารุปืนเธอพลังงานใกล้จะหมดแล้ว” ซาโตมิตะโกนบอก ชาช่ามารุที่หันไปมองนั้นไม่ทันได้ตั้งหลักก็ถูกเลเซอร์ของเครัสยิงใส่เข้าที่ไหล่ขวา
“ค่ะ ด๊อกเตอร์” ชาช่ามารุตั้งหลักได้จึงชาร์ตปืนใหญ่โดยรวมพลังงานทั้งหมดเท่าที่มีไว้อีกครั้ง
“มาเลย แม่เด็กน้อย” เครัสยิ้มขึ้น

ชาช่ามารุจึงพุ่งตรงเข้าไปทันที เครัสจึงชาร์ตปืนใหญ่ขึ้น
“พาวเวอร์บู๊ตเตอร์” ชาช่ามารุเร่งความเร็วสูงเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว
“มิสไซด์ยิง” เธอยิงจรวด 1 ลูกเข้าโจมตีใส่ในระยะใกล้
“*อะไรกัน เร่งเครื่องได้เร็วถึงขนาดนี้เชียวเหรอ*” เครัสถึงกับตกใจขึ้นแทบยกโล่ขึ้นมาป้องกันจรวดไม่ทัน

ตูม...

“จรวดไฟทุกนัด โจมตี” ชาช่ามารุพุ่งอ้อมเข้ามาด้านหลังและปล่อยจรวดจำนวนมากโจมตีซ้ำใส่เข้าไป

พอควันนั้นจางลงชาช่ามารุก็ไม่เห็นเครัสแล้ว
“เธอเก่งมากเลยนะ สร้างแผนได้ดี สมองกลได้ข้อมูลแบบนี้มาจากใครกัน ฉันชักอยากลองกับคนที่เธอจดจำข้อมูลมาแล้วซิ” เครัสพูดขึ้น ชาช่ามารุที่ได้ยินเสียงจึงเงยหน้าขึ้นไปข้างบน
“ระบบบาเรียป้องกัน ติดเร็วๆซิ” ซาโตมิที่กำลังส่งพลังตรงไปยังชาช่ามารุ

เครัสใช้ปืนใหญ่ที่ชาร์ตไว้ยิงอัดใส่ตรงๆจากทางด้านบนของชาช่ามารุอัดกระแทกลงมายังบอลลูน เมื่อควันดับลงทุกคนก็เห็นร่างของชาช่ามารุที่นอนแน่นิ่งเกิดไฟฟ้าช๊อตไปตามร่าง เครัสจึงลอยลงมา

“ชาช่ามารุ” ซาโตมิตะโกนขึ้นแล้วก็มองที่เครัสด้วยความโกรธแค้น
“ฉันจะล้างแค้นให้ชาช่ามารุ ไอ้พวกไม่มีหัวใจ” ซาโตมิพูดขึ้น เครัสถึงกับเอ็ดใจขึ้นมา
“หัวใจ มันคืออะไร” เครัสพูดขึ้นลอยๆ
“ไปเกิดใหม่แล้วค่อยรู้ไป” ซาโตมิวิ่งตรงเข้ามาพร้อมกับใช้แขนกลไฟฟ้าโจมตีใส่เครัสที่กำลังใจลอยทำให้เขาโดนโจมตีเข้าอย่างจัง

อ๊า....

เครัสที่ตั้งหลักได้เขาจึงใช้แขนทั้งสองข้างจับที่แขนกลของซาโตมิและบีบมันจนแหลกสลาย
“ฉันยังไม่ยอมแกหรอก” ซาโตมิแปรสภาพแขนกลที่พังกลับและดึงปืนใหญ่ 2 กระบอกออกมาจากกระเป๋าหลัง
“อะไรคือ หัวใจ” เครัสพูดขึ้นพร้อมกับเตะซาโตมิจนกระเด็นออกไป
“จบกันที มนุษย์เอ๋ย ในโลกแห่งหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรกล ฉันคือพระเจ้า” เครัสร่ายมนต์ขึ้นแล้วกระเป๋าและอุปกรณ์ของซาโตมิทั้งหมดก็แตกสลายไปโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไร
“ตราบใดที่ฉันยังมีแขนขา ไม่เห็นของแก ฉันยังคงลุกขึ้นสู้เว้ย” ซาโตมิลุกขึ้นมายืนอีกครั้งอย่างกล้าหาญ

“พอเถอะค่ะ ด๊อกเตอร์” ชาช่ามารุพูดขึ้น พวกเขาจึงหันไปมองที่ร่างของชาช่ามารุ
“ทั้งหมดนี้ มันคือสิ่งที่ดิฉันต้องการ ด๊อกเตอร์ไม่น่าจะมาลำบากขนาดนี้เลย ถึงแม้ถ้าดิฉันต้องแตกสลายหรือตายไป ด๊อกเตอร์ก็สร้างฉันขึ้นมาใหม่ได้นี่ค่ะ” ชาช่ามารุค่อยขยับร่างลุกขึ้นมายืนอย่างช้าๆ
“ชาช่ามารุ” ซาโตมิพูดขึ้นอย่างไม่สบายใจ แล้วชาช่ามารุก็เดินเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าเครัส
“ได้โปรด ช่วยทำให้ฉันเป็นคนด้วยเถอะนะค่ะ” ชาช่ามารุพูดขึ้นแล้วน้ำตาแห่งหุ่นยนต์(น้ำยาหล่อเลนส์)ก็ไหลออกมา เครัสถึงกลับตะลึง
“เพราะอะไรกัน การที่เป็นหุ่นยนต์นั้นดีกว่ามนุษย์ทั่วไปทุกอย่าง” เครัสพูดขึ้น
“นี่ตาแก่ ชาช่ามารุอุตส่าขอขนาดนี้จะไม่มีจิตใจจะช่วยเลยเหรอ ใช่ซิ แกมันไม่มีหัวใจนี่” ซาโตมิพูดขึ้น เครัสจึงเอ็ดใจกับคำพูดของซาโตมิขึ้นมาอยู่หลายครั้ง แล้วเขาก็เอามือขึ้นมาจับที่หน้าอกซ้ายของเขา

“การที่ฉันเกิดมาเป็นหุ่นยนต์นั้น ฉันรู้ดีว่า การที่อยากจะได้เป็นมนุษย์เหมือนคนอื่นเขานั้นมันเป็นยังไง” เครัสพูดขึ้น
“เอ๋... แล้วที่จริงแล้ว แกไม่ใช่คนหรอกเหรอ” ซาโตมิพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“นั่นเป็นแค่เมื่อก่อน ฉันรู้ว่าฉันใกล้ตาย ฉันจึงสร้างชิ้นส่วนต่างๆขึ้นมาเสริมร่างกายเป็นให้คงอยู่รอด ฉันต้องยอมเป็นครึ่งคนครึ่งหุ่นยนต์ นั่นคือชีวิตใหม่ของฉัน” เครัสพูดขึ้น
“ในเมื่อได้ชีวิตใหม่มาแทนที่จะทำตัวดีช่วยคนอื่น แล้วทำไมถึงมาทำแบบนี้ละ” ซาโตมิพูดขึ้น
“ฉัน ช่วยใครไม่ได้หรอก” เครัสพูดขึ้นแล้วชาช่ามารุกับซาโตมิก็ตกใจ
“ถึงฉันสามารถทำลายหุ่นยนต์หรือเครื่องจักรได้ภายในดีดนิ้ว แต่ฉันไม่สามารถสร้างหุ่นยนต์ให้เป็นคนได้โดยสมบูรณ์แบบ ซึ่งที่จริงแล้ว มันมีเพียงฉันคนเดียว” เครัสพูดขึ้นทั้งน้ำตาคลอ
“คุณเครัส” ชาช่ามารุเงยหน้ามอง แล้วรูปในเสื้อของเครัสก็ลอยหลุดออกมา ซาโตมิจึงวิ่งเข้าไปคว้าเอาไว้

ห๊า...

“ชาช่ามารุ เธอช่างเหมือนลูกสาวฉันไม่มีผิด” เครัสลูบหัวชาช่ามารุเบาๆ
“*ชาช่ามารุเหมือนผู้หญิงในรูปเลย*” ซาโตมิตะลึงกับภาพนั้น
“นี่คงถึงเวลาที่ฉันรอคอยแล้วมาตลอด 100 ปี ในที่สุดฉันก็ได้เจอลูกสาวอีกครั้ง แม้ตัวจริงนั้นลูกจะตายไปในวันที่ฉันเกิดใหม่ก็ตาม” เครัสเอามือควักเข้าไปในอกซ้ายของเขา
“จึงอยู่รอดต่อไปนะ ชาช่ามารุ ลูกรัก...” เครัสดึงหัวใจจักรกลของเขาออกมา
“พ่อขอโทษที่ไม่ยอมจากไปพร้อมกับลูกในวันนั้น และขอโทษที่ต้องมาลาจากกันไปในวันนี้ ทั้งๆที่ได้พบกันอีก” เครัสยื่นเหล็กแหลมชิ้นนั้นให้ชาช่ามารุ แล้วเธอก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับรับมันไว้ และนำแหลมชิ้นนั้นปักเข้าที่อกซ้ายของเธอจนมิด แล้วสักพักข้อต่อร่างกายทั้งหมดก็เรียบจางลงจนเหมือนมนุษย์ปกติทั่วๆไป

“พ่อ...” ชาช่ามารุพูดขึ้น
“*ห๊า อะไร ชาช่ามารุที่ไม่เคยถูกต้องระบบอื่นๆใด แต่กลับเรียนรู้ที่จะทำอะไรได้เอง ไม่น่าเชื่อ*” ซาโตมิตะลึง

“พ่อค่ะ” ชาช่ามารุเดินเข้าไปกอดเครัสไว้ทันที แล้วใบหน้าของเครัสก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขทั้งน้ำตาที่ไหลริน
“ลาก่อน....” เครัสพูดครั้งสุดท้ายแล้วร่างของเขาก็สลายไป แล้วห้วงเวลาที่หยุดนิ่งก็หายไป ชาช่ามารุและซาโตมิกลับสู่โลกปกติ

“ฮืออ... ฮึ๊ก ฮึ๊ก... พ่อ…” ชาช่ามารุล้มลงทั้งน้ำตา
“*ไม่น่าเชื่อ หัวใจชิ้นนั้นชิ้นเดียว จะทำให้หุ่นยนต์เป็นคนได้*” ซาโตมิรีบวิ่งเข้ามาหา
“ชาช่ามารุ กลับกันเถอะ เธอก็ได้เป็นมนุษย์ดั่งใจเธอแล้ว” ซาโตมิพูดขึ้น
“ถ้ารู้ว่าต้องแลกกับชีวิตท่านพ่อ ฉันขอเป็นแบบนี้ต่อไปดีกว่า” ชาช่ามารุบอก
“ชาช่ามารุ ชาช่ามารุ” ซาโตมิพูดขึ้น แต่ชาช่ามารุก็ยังคงร้องไห้อยู่ ซาโตมิจึงหยิบรูปนั้นขึ้นมาดู
“เชอรี่ แวนเดอสัน” ซาโตมิเรียกขึ้นอีกครั้ง ชาช่ามารุจึงหยุดร้องไห้ทันที
“*หัวใจนั้นคงมีวิญญาณของลูกสาวของตาแก่นั่นด้วยซินะ และในร่างของชาช่ามารุ ก็มี 2 คนในตอนนี้ละซิ*” ซาโตมินึกขึ้นในใจ
“ต่อไปนี้ นี่คือชื่อใหม่ของเธอ จงจำไว้นะ คาราคุริ ชาช่ามารุ พ่อของเธอยอมให้เธอได้เกิดใหม่ เพราะเขาสร้างเธอขึ้นมาแบบเขาไม่ได้ แต่เขาอยากให้เธอได้เกิดมาแทนเขาด้วยซ้ำ พ่อเธอทำเพื่อเธอทุกอย่าง แม้แต่ยอมตายแทนได้ ถ้าเธอมัวแต่มานั่งร้องไห้แบบนี้ เธอไม่เสียดายชีวิตของพ่อเธอ ที่รอหาร่างให้เธอมาตั้ง 100 ปีเชียวเหรอ” ซาโตมิตบหน้าชาช่ามารุ
“ด๊อกเตอร์” ชาช่ามารุทักขึ้น
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็กลับห้องวิจัยฉันเถอะ ฉันจะได้ตรวจเช็คร่างกายให้” ซาโตมิยิ้มให้
“ค่ะ ด๊อกเตอร์” ชาช่ามารุปาดน้ำตาแล้วก็ลุกขึ้น

เธอจึงลอยตัวขึ้น แต่เธอลืมไปว่า เท้าของเธอนั้นกลายเป็นคนปกติทุกอย่างแล้ว
“*ชาช่ามารุ เอาเลย*” เชอรี่พูดขึ้นมาในใจของชาช่ามารุ แล้วเธอจึงลองเหยียบเท้าลงเบาๆ แล้วร่างของเธอก็ลอยขึ้นมาได้เอง
“*ท่านพ่อคงจะหาของทุกอย่างเพื่อมาพัฒนาให้ฉันโดยตรง โดยอยากให้ฉันเป็นคน จึงได้ใช้บางอย่างสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมา แต่ภายในนั้นเธอยังรู้สึกได้มั้ยว่า เป็นเครื่องจักรอยู่*” เชอรี่พูดขึ้น
“ค่ะ” ชาช่ามารุบอก
“ง่า... เป็นคนยังลอยได้อยู่ สุดยอด” ซาโตมิตะลึง
“นี่ ชาช่ามารุ มารับฉันไปด้วยซิ” ซาโตมิตะโกนเรียก
“ค่ะ ด๊อกเตอร์” ชาช่ามารุบินกลับลงมารับซาโตมิกลับไปยังห้องวิจัยของเธอ

... ถึงแม้ภายนอกจะเป็นมนุษย์ ถึงแม้ภายในจะยังคงเป็นหุ่น แต่ทั้งหมดนั้น มันไม่ใช่แค่นั้น บางสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือทดแทนได้ นั่นคือ หัวใจ...

หัวใจล่องหนที่อยู่ในร่างของชาช่ามารุ สมองที่คอยคิดอารมณ์ได้เอง เธอได้สิ่งที่เธอต้องการคือ การได้เป็นมนุษย์ ซึ่งเธอได้สมดั่งใจแล้ว
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #23 on: July 11, 2006, 05:40:17 AM »

ตอนที่ 23 ยาวิเศษย์

ที่ห้องพยาบาล
“อ่า เชนไปโดนอะไรมาเหรอ” แบงค์เอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นเชนเดินเข้ามา
“ไม่มีไรมากหรอก แค่ล้มน่ะ” เชนตอบ
“อือ เดี๋ยวไปเดินกันปะ นั่งอยู่เฉยๆในวันที่มีงานรื่นเริง ไม่ไปแล้วมันรู้สึกยังไงไม่รู้” แบงค์พูดขึ้น แล้วเชนก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้
“แล้วนั่นใครละ ที่นอนอยู่นั่น” เชนถาม
“คนที่แข่งกับเราไง แพ้ทีก็หมดสภาพแบบนี้แหละ หรือเชนไม่ได้มาดู” แบงค์พูดตอบ
“ก็ใช่ละ ไปช่วยอ.ทาคาฮาตะที่ถูกจับไปขังในคุกใต้ศาลเจ้า ไม่รู้ว่าเป็นใครกัน” เชนพูดขึ้น
“ทางที่ดีอย่าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้ดีกว่านะ อะไร อะไร มันดูไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ในตอนนี้โดยเฉพาะสำหรับพวกที่ฝีมือยังไม่เก่งกาจมากนัก อย่างเชนลำพังคนเดียวสู้กับใครนั่นยังยากอยู่ อยู่ใกล้ๆเราไว้จะดีที่สุด” แบงค์บอก
“อือ เห็นเด็ก 3-A ที่ให้ฉันไปช่วยนั้นบอกเป็นพวกคนในห้องนั้นนั่นแหละ” เชนพูด
“ห้องนี้ละร้ายนัก ไกลห่างได้ จะดีเอง” แบงค์พูดเสร็จเขาก็ลุกขึ้นจากเตียง
“ไปกันยัง” แบงค์ถาม
“แล้วเด็กบนเตียงนั้นละ” เชนบอก
“ดิฉันดูแลต่อเองค่ะ” ชาช่ามารุที่เดินเข้ามาถึงนั้นพูดขึ้น

“อ๊ะ... *นี่ทำสำเร็จแล้วเหรอเนี่ย*” แบงค์เองก็ประหลาดใจ
“ขอบคุณรุ่นพี่มากนะค่ะ ที่แนะวิธีนั้นให้” ชาช่ามารุก้มหัวแสดงการขอบคุณและเดินตรงไปนั่งเฝ้าที่เตียงของเอวาเจลีน
“งั้นไปก่อนนะ” แบงค์โบกมือลาแล้วก็เดินออกไปจากห้องพร้อมกับเชน
“*มาสเตอร์จะแปลกใจมั้ยนะ ถ้าเห็นฉันในสภาพนี้*” ชาช่ามารุนั่งหลับลงไปตรงนั้นทันที

“เชน เราจะเอายังไงดี” แบงค์พูดขึ้นลอยๆ
“อะไรเหรอ” เชนถาม
“เชนจำยานั่นที่เรากินไปได้ปะ” แบงค์ตอบ
“ได้ แล้วไง” เชนบอก
“ถ้าเรากินอีก เชนจะรู้ใช่ปะว่า ผลจะออกมาเป็นไง” แบงค์พูดเสร็จเชนก็ประหลาดใจ
“แน่ใจเหรอว่าจะกิน” เชนถาม
“ชีวิตที่เคยอยากได้ แต่มันไม่ถูกต้องอ่ะ เราใช้ของพวกนี้ช่วย มันไม่มีดีอะไรเลย อยากได้มาแบบจริงใจ ไม่ใช่หลอกลวง” แบงค์ตอบ
“แล้วมันไม่ดียังไง” เชนถามอีก
“เชนลองนึกดูว่า ถ้าเชนโดนผลของยานี้เข้า เชนจะชอบหรือ” แบงค์บอก แล้วเชนก็ส่ายหน้า
“เราจึงอยากใช้ยานั้นอีกครั้ง” แบงค์พูดขึ้นอย่างมุ่งมั่น
“แต่ผลจากครั้งที่สอง มันจะส่งผลเสียนะ ไม่ใช่มันจะกลับไปอย่างเดิม” เชนบอก
“มันก็ยังดีกว่าที่เป็นแหละ ยิ่งเสียนี่ซิยิ่งดี หากยังมีอยู่ แปลว่านี่แหละตัวจริง” แบงค์พูดเสร็จก็ควักยาเม็ดสีแดงขึ้นมา
“แน่ใจแล้วเหรอ” เชนถามอีกครั้ง
“แล้วเชนละ ไม่กินบ้างเหรอ” แบงค์พูดเสร็จเขาก็กินยานั้นเข้าไปทันที

“เอาล่ะ ไปเดินเล่นกันเถอะ ผลของยามันคงไม่แรงอย่างที่เชนบอกหรอก มันต้องกลับมาเป็นแบบเดิมแหละ ไม่ใช่กลับมาเสีย” แบงค์ยิ้มให้แล้วทั้งคู่ก็ไปเดินเล่นกันต่อในงาน

ทั้งคู่เดินไปจนถึงย่านสวนสนุกพวกเขาก็เห็นแพ๊คเดินเล่นอยู่ในนั้น ทั้งคู่จึงเดินเข้าไปหา
“ไงแพ๊ค มาเดินเล่นคนเดียวเหรอ” แบงค์ทักขึ้น
“มาเดินโชว์ความหล่อ เว้ย” แพ๊คยิ้มขึ้นพร้อมกับเก๊กท่าหล่อตามเคย
“เออ แบงค์ เค้าขอทดสอบหน่อยดิ พอดีไปได้ของดีมาก แกช่วยยืนห่างจากเค้าสัก 5 เมตรซิ” แพ๊คพูดขึ้นแล้วก็ยืนล้วงกระเป๋า
“ไกลพอยัง” แบงค์เดินหยุดตรงจุดที่แพ๊คบอก

ฟิ่ววว............

เสียงลมพัดที่เร็วมาก แบงค์จึงเอียงตัวไปด้านข้างหลบ แต่กระดุมที่เสื้อนั้นขาดหมด
“*อะไรกันนี่*” แบงค์เองก็ตกใจขึ้นหลังจากตะลึงอยู่ชั่วขณะ
“เอาล่ะนะ” แพ๊คยิ้มขึ้นทันที

ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้วฟิ้วฟิ้ววว..............

แรงลมที่รวดเร็วนั้นโจมตีเป็นชุดใหญ่
“*ความเร็วของแรงลม และการกระทำนั้น ยากมากที่จะสร้างลมได้เร็วขนาดนี้ แบบนี้ไม่ผิดแน่...*” แบงค์ฟังเสียงลมได้เขาก็กระโดดหลบเป็นจังหวะ
“แบงค์เต้นให้มันหน่อยซิ เต้นเป็นกาไปได้” แพ๊คพูดขึ้นอย่างสบายใจ
“ขอบใจนะที่บอก *ใช่แล้ว*” แบงค์ก็หัวเราะนิดๆแล้วเขาก็กระโดดสูงขึ้นไป แพ๊คจึงเงยหน้าตามขึ้นไปพบกับแดดเปรี้ยงสาดส่องเข้ากระทบตาจนแสบตาและมองอะไรไม่เห็น

โป๊กกก.........

แบงค์ใช้เท้าเตะลงเข้าที่กลางหัวแพ๊ค แล้วสักพักแพ๊คก็เริ่มรู้สึกมึนๆก่อนที่หงายลงไปนั่งบนม้านั่งใกล้ๆ

“อะไรเหรอแบงค์” เชนถาม
“สงสัยแพ๊คคงเห่อของใหม่ คงฝึกวิชาของอ.ทาคาฮาตะสำเร็จ เลยเอามาใช้เล่น แต่ก็น่ากลัวใช่ย่อย ขนาดแพ๊คฝึกสำเร็จใหม่ๆ ยังตั้งตัวยากเลย ถ้าแพ๊คฝึกจนเก่งแบบอ.ทาคาฮาตะ พวกเราในห้องคงไม่รอดแน่” แบงค์ตอบ
“อือ แล้วจะเอากับแพ๊คต่อ” เชนถามอีก
“ปล่อยนี่ก็ได้มั้ง ไปเดินเล่นต่อเถอะ” แบงค์พูดเสร็จทั้งคู่ก็ไปเดินเล่นกันต่อ

“แบงค์ เค้าอยากเก่งแบบคนอื่นอ่ะ เค้าเวทย์มนต์ที่เค้าก็ไม่ค่อยได้ใช้ แต่ถ้าเป็นแบบพวกเต้ แพ๊ค อาท แบงค์ มิ้ง ยังได้ใช้กันอย่างสบายใจ เค้าอยากเป็นบ้างอ่ะ” เชนพูดขึ้น
“ไม่ยาก เลือกวิชาต่อสู้ที่ถนัด แล้วฝึกฝนมันบ่อยๆ ผสมกับเวทย์มนต์ที่มี จะเก่งได้ง่ายเลยละ” แบงค์บอก
“เค้าเลือกไม่ถูก” เชนบอก
“งั้นบอกทางเลือกให้ ถ้าแนวลึกลับไร้คำบรรยาย ก็ต้องไปขอฝึกจากอ.ทาคาฮาตะอย่างแพ๊ค ถ้าชอบแนวบ้าพลังรวดเร็วก็ไปฝึกจากยะ ถ้าชอบแนวกำลังภายในก็ฝึกจากเต้ ถ้าชอบบ้าเลือดมวยไทยก็ฝึกจากมิ้ง แต่ถ้าแบบเรานั้นยากละ เพราะของเรามันใช้สมอง หรือง่ายๆคือ ความสามารถเฉพาะตัว เลียนแบบกับหลบหลีก นี่แหละเรา” แบงค์อธิบายให้ฟัง
“เค้าไม่เก่งแบบนั้นอ่ะ เค้าก็ไม่ได้แรงเยอะอะไร” เชนพูดอย่างเศร้าใจ
“งั้นก็เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ต่อไปนั่นแหละ อย่ามาเดินสายนักเลียนแบบอย่างเราเลย” แบงค์ยิ้มให้พร้อมกับชูนิ้ว
“แต่ถ้าแบบนี้ เค้าก็ไม่เก่งเหมือนคนอื่นดิ แบงค์ก็บอกอยู่ว่าสู้กับใครยังไม่รอด” เชนพูดขึ้น
“ถ้าในห้องแล้วนั้น หากเชนใช้เวทย์ได้ด้วย ก็ที่จะมีไม่ชนะก็แค่ยะ มิ้ง เต้ อาท คงแค่นี้ละมั้ง คนอื่นเชนยังสู้ได้ สำหรับเราแล้ว เราคำนวณเวทย์มนต์ไม่ออกหรอก ถ้ามัวแต่คิดก็โดนเข้าไปเต็มๆแหละ” แบงค์พูด
“หรือถ้าเชนอยากเป็นแบบเรานั้น ไม่ยาก ดูการต่อสู้ของคนอื่นบ่อยๆ และนำมาปรับปรุงตัวเองหรือฝึกฝนตาม ถ้าไม่รู้เคล็ดก็ไปถามตรงๆเลย อย่างกระบวนท่าหนึ่ง เราเลียนแบบเต้ แต่ยังไงก็ทำไม่สำเร็จ ถ้าไม่ไปถามความลับของท่านั้นจากเต้” แบงค์บอก
“อือ งั้นเค้าเอาแบบนี้แล้วกัน” เชนเริ่มยิ้มขึ้นมาทันที

“อือ แล้วเชน ถ้าเราใส่แว่นนี่ จะดีปะ” แบงค์ถาม
“เรื่องของแก แต่ใส่ก็ได้ ดูตลกดี” เชนตอบ
“โอเค ใส่แว่นแล้วเหมือนเด็กเรียน” แบงค์พูดขึ้นพร้อมกับหยิบแว่นมองทะลุ(แว่นไร้เลนส์)ขึ้นมาใส่ทันที
“แล้วทำผมเสยตั้งด้วยดีปะ” แบงค์ถามอีก
“มันจะเข้าเหรอ ใส่แว่น แล้วทำผมตั้ง” เชนตอบ
“อือ งั้นจัดผมใหม่แล้วกัน” แบงค์พูดขึ้นแล้วก็ใช้มือปัดๆผมให้ดูเรียบร้อยขึ้น

เมื่อพวกเขาทั้งสองเดินเล่นกันจนมาถึงย่านเชิงเขาใกล้กับทุ่งกว้าง
“เชน นั่งบอลลูนปะ จะได้ไปลงแถวโรงเรียน เดินมาซะไกลแล้ว” แบงค์บอกแล้วก็เดินนำขึ้นไปทันที
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #24 on: July 11, 2006, 05:40:53 AM »

ตอนที่ 24 เด็กน้อยผู้เก่งกาจ

“ชาช่ามารุ...” เอวาเจลีนตื่นขึ้นมาจากเตียงที่ห้องพยาบาลก็เห็นชาช่ามารุที่นั่งหลับอยู่ข้างๆ
“ว๊าย...” เอวาเจลีนตกใจขึ้นทันทีที่มองดูนาฬิกานั้น 22.20 น. แล้ว
“ยัยหุ่นบ๊อง ปล่อยให้ฉันนอนขนาดนี้ได้ไง ทำไมไม่ปลุกฉัน” เอวาเจลีนเขย่าชาช่ามารุจนตื่นขึ้นมา
“อะไรเหรอค่ะ มาสเตอร์” ชาช่ามารุถาม
“นี่มันกี่โมงแล้วดูซิ วันงานทั้งที ปล่อยให้ฉันหลับเพลินได้ไง” เอวาเจลีนขึ้นเสียงใส่ ชาช่ามารุก็เงียบไปสักพักและมองดูที่นาฬิกา ก่อนที่จะหันกลับมามองที่เอวาเจลีน
“ขอโทษค่ะ มาสเตอร์” ชาช่ามารุก้มหัวแสดงการขอโทษ
“ขอโทษแล้วมันหายมั้ยเล่า” เอวาเจลีนเริ่มโวยวายขึ้นทันที
“เอ๊ะ... แล้วนี่ยัยซาโตมิทาครีมเคลือบผิดหนังให้เหรอ ไม่เห็นรอยข้อต่อเลย” เอวาเจลีนเอ็ดใจขึ้นมา
“เปล่าค่ะ” ชาช่ามารุยิ้มให้ เอวาเจลีนก็สะดุ้งตกใจถอยออกไปหลายก้าว
“หุ่นยนต์ยิ้มได้ ไม่จริง นี่มันต้องเป็นความฝัน ความฝันแน่เลย ชาช่ามารุ ตบหน้าฉันซิ” เอวาเจลีนพูดขึ้นด้วยความกังวล ชาช่ามารุจึงลุกขึ้นเดินเข้ามาดีดนิ้วเข้าที่หน้าผาก
“อ๊ะ...” เอวาเจลีนร้องขึ้นด้วยความเจ็บ
“*อะไรกัน นี่มันความจริงเหรอเนี่ย*” เอวาเจลีนสงสัยขึ้น

“แก แกต้องเป็นยัยบ๊องของฉันตัวปลอมแน่ บอกมา ชาช่ามารุอยู่ที่ไหน ไม่งั้นฉันจะอัดไม่เลี้ยงเลย” เอวาเจลีนกระโดดออกมาพร้อมกับชาร์ตเวทย์มนต์
“มาสเตอร์” ชาช่ามารุมองดูด้วยความเศร้าใจ
“มาสเตอร์ เพิ่งพักฟื้นมา ไม่ควรออกแรงให้เสียกำลังนะค่ะ” ชาช่ามารุพูดเตือนขึ้น
“เหรอ งั้นขอบใจนะที่บอก ดูๆไป เธอก็ไม่ต่างเท่าไหร่ แถมนี่ก็คงเป็นความฝัน อะไรก็เกิดขึ้นได้ ฉันคงเพ้ออยากให้ยัยชาช่ามารุเป็นมนุษย์ ในความฝันก็เลยคงเป็นแบบนี้” เอวาเจลีนลดมือลงและพูดขึ้นอย่างเข้าใจ

ทั้งคู่ยืนนิ่งกันอยู่สักพัก เอวาเจลีนก็จ้องมองดูชาช่ามารุที่ยืนนิ่ง
“นี่ใช่ ชาช่ามารุตัวจริงปะเนี่ย” เอวาเจลีนเดินเข้ามาดูตั้งแต่หัวจรดเท้าทุกด้าน
“ค่ะ มาสเตอร์” ชาช่ามารุตอบ
“งั้นไปเดินเล่นในงานดีกว่า อยู่นี่เสียเวลาเปล่า แล้วรู้ปะเนี่ย ผลงานประลองใครชนะเลิศ” เอวาเจลีนถาม
“ไม่ทราบค่ะ มาสเตอร์” ชาช่ามารุตอบแล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปข้างนอก

“มาสเตอร์ค่ะ” ชาช่ามารุมองดูด้วยความหวั่นใจ
“อะไร” เอวาเจลีนหันมาดู
“เอ่อ... คือ... ไม่มีอะไรค่ะ” ชาช่ามารุพูดเสร็จก็ก้มหน้าอย่างเศร้าใจ
“นี่เธอแปลกไปนะเนี่ยรู้ตัวบ้างมั้ย ไปทำอะไรมา หรือยัยซาโตมิไปล้างสมองข้อมูลเธอแล้วมาใส่ใหม่” เอวาเจลีนถาม
“เหรอค่ะ ดิฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ดิฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง” ชาช่ามารุตอบ
“ใครจะสน นี่มันคงเป็นโลกความฝันชัดๆ เธอเองก็คงเป็นแค่ชาช่ามารุในความฝันของฉันเท่านั้น ฉันออกจะฝันแบบนี้บ่อยจะตาย ฝันแล้วตัวเองมีสติท่องเที่ยวไปในความฝันของตัวเอง” เอวาเจลีนเดินไปต่อโดยไม่สนใจอะไร

“ไง เอวาจัง” ทาคามิจิที่เดินผ่านไปแถวนั้นเอ่ยทักขึ้น
“อะไร แม้แต่ในฝันฉันก็ยังคิดเอามันมาอยู่ในฝันด้วยเหรอเนี่ย” เอวาเจลีนบ่นพึมพำเบาๆ
“แล้วนี่ รู้มั้ย ผลการประลองใครชนะ” เอวาเจลีนถาม
“อัล ไง ฝีมือเขาระดับไหน พวกเราในโรงเรียนนี้ไม่มีใครสู้เขาได้หรอก” ทาคามิจิตอบ
“เหรอ ก็ว่างั้นแหละ” เอวาเจลีนบอกแล้วพวกเขาก็เดินไปกันต่อ
“แล้วนี่หายบาดเจ็บจากตอนสู้กับลูกศิษย์ฉันแล้วเหรอ” ทาคามิจิถาม
“ใช่จริงด้วย แล้วเจ้าลูกศิษย์แก ได้ที่เท่าไหร่” เอวาเจลีนเอ็ดใจขึ้น
“ฮึฮึ เขาแพ้เนกิละ ไม่รู้ทำไม สู้ๆกันอยู่ แบงค์ก็แกล้งทำเป็นโดนการโจมตีของเนกิ ทั้งๆที่เขาหลบได้ แล้วก็แพ้ไป” ทาคามิจิบอก
“งั้นก็แปลว่า เจ้าหนูนั่นมันเล่นขี้โกงชัดๆ สงสัยคงยัดใต้โต๊ะกับเจ้าลูกศิษย์แกแน่เลย” เอวาเจลีนบอก
“ฮ่าๆๆ อย่าไปสนเลย ถึงจะใครที่ 1 ก็คงเป็นอัลอยู่ดี ว่าแต่ตอนนี้เธอต้องระวังตัวให้ดีขึ้นด้วยละ ลูกศิษย์แต่ละคนตอนนี้ใช่หมูๆแล้วนะ ทั้งแบงค์ที่ไม่เคยเข้าใจถึงความสามารถที่แท้จริงของเขา และแพ๊คที่ฝึกฝนวิชาของฉันจนเกือบหมดได้สำเร็จ และเต้ที่ยังสู้จนเกือบชนะเนกิคุงได้ ฉันคิดว่า หากพวกเขาเก่งกันมากกว่านี้ ฉันคงรับมือไม่ไหวแน่ ยิ่งแพ๊ค ถึงเขาจะไม่มีพลังเวทย์มนต์หรือพลังจิต แต่วิชาที่ไม่ใช้นั้น เขาฝึกจนสมบูรณ์แบบ ก็นึกสภาพเธอสู้กับฉันก็แล้วกัน” ทาคามิจิเล่าให้ฟัง
“จากข้อมูล ความเป็นไปได้จากการวิเคราะห์ นักเรียนห้อง 5-A มีความเสี่ยงสูงในการที่จะหยุดยั้งได้” ชาช่ามารุบอก
“ถ้าจะบอกฉันนะ ไปบอกพวกลูกศิษย์แกซิ ให้มันอย่าคิดเรื่องบ้าๆอะไรขึ้นมาทำกัน” เอวาเจลีนตะหวาดใส่
“ไม่ได้หรอก ตอนนี้ฉันหยุดพวกเขาไม่ได้หรอก แต่ยังพอเตือนพวกเขาไว้ได้” ทาคามิจิบอก

 “อ้า มาสเตอร์ ผมได้ที่ 2 ในการแข่งด้วยครับ” เนกิรีบวิ่งเข้ามาหาทันที
“ยินดีด้วยนะเจ้าหนู แล้วยังไงต่อละ” เอวาเจลีนกล่าวคำชื่นชม
“ไม่มีอะไรแล้วครับ แฮะๆ” เนกิบอก
“สวัสดีอ.ทาคาฮาตะ และอ.เนกิ คุณหนูน้อยและชาช่ามารุ” เสียงของแบงค์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“อ้าว แบงค์เองเหรอ มีอะไรละ” ทาคามิจิหันไปถาม
“ไม่มีอะไรหรอกฮะ” พวกเขาก็ตะลึงเมื่อเห็นสภาพแบงค์เป็นเด็กวัย 8 ขวบ
“นี่กินยาลดอายุเหรอเนี่ย” ทาคามิจิตะลึงอยู่สักพัก
“ฮะ แต่งตัวแบบนี้วิ่งเล่นในงานก็สนุกดีนะฮะ” แบงค์ยิ้มให้
“อ.เนกิ ถ้าไม่รังเกียจ เที่ยงคืนนี้ เชิญไปที่ลานใต้ต้นไม้โลก กระผมอยากขอประลองฝีมืออีกครั้งหนึ่ง อย่างเต็มความสามารถ โดยมีพละกำลังเท่ากับอ.เนกิ ง่ายๆก็คือ กระผมจะขอสู้กับอ.เนกิในสภาพนี้” แบงค์พูดท้าขึ้น
“ครับ เรามาลองสู้กันอีกสักครั้ง ในงานประลองก็ดูเหมือนรุ่นพี่แบงค์จะออมมือให้ผมอยู่ด้วยนะครับ” เนกิรับคำท้าทันที
“จะไหวเหรอเนกิคุง” ทาคามิจิถาม
“แบงค์เองก็อย่าลงแรงให้มากละ” ทาคามิจิหันกลับมาบอก
“ก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้ดูการประลอง มาดูนอกรอบก็ยังดี ฉันพนันเลยเจ้าหนู ถ้าแกแพ้แกต้องไปเดินเที่ยวงานกับฉันในวันสุดท้าย แกผ่านคำสั่งนี้จากงานประลองมาได้ รอบนี้แกไม่ผ่านแน่ แล้วก็แกถ้าแกแพ้เจ้าบ้าเนกินี่ ฉันจะขุดหลุมให้แก มาแพ้เด็กวัย 10 ขวบ” เอวาเจลีนหันไปบอกทั้งสองคน
“ผมแค่ 8 ขวบเองฮะ” แบงค์ยิ้มให้

แล้วพวกเขาก็ไปเดินเล่นกันอยู่สักพัก
“อ.ทาคาฮาตะ ฮะช่วยแสดงหมัดอิไอให้กระผมดูหน่อยได้มั้ยฮะ เอาแบบช้า อยากเห็นจังๆ” แบงค์พูดขึ้น
“ได้ซิ ลองโยนกระเป๋าน้ำนั่นซิ” ทาคามิจิบอกแล้วแบงค์ก็โยนกระเป๋าน้ำ ทาคามิจิจึงชักมือข้างหนึ่งออกหมัดไป แล้วก็เกิดแรงลมพุ่งชนกระเป๋าน้ำนั้นจนกระเด็นไปลงถังขยะ
“อ่า แบบนี้ใช่มั้ยฮะ” แบงค์ยิ้มขึ้น แล้วเขาก็โยนกระเป๋าน้ำอีกอันขึ้น แล้วจู่ๆกระเป๋าน้ำนั้นก็กระเด็นไปลงถังขยะ

อ๊ะ...

เอวาเจลีน และเนกิต่างตะลึงรวมทั้งทาคามิจิด้วย
“*อะไรกัน แค่เห็นก็ทำตามได้เลยโดยไม่ต้องฝึกหรือเนี่ย*” ทาคามิจิอ้าปากค้างจนบุหรี่หล่น
“เอาล่ะ อ.เนกิ กระผมจะใช้กระบวนท่านี้ละ ต่อสู้ในค่ำคืนนี้” แบงค์หันมาบอก
“*เจ้าเด็กนั่นมันเป็นอะไรกันแน่ คาดเดายากจริงๆ ถ้าเป็นจอมเวทย์ ถึงจะเป็นเวทย์มนต์ระดับสูงสุดแค่ไหน ก็ไม่มีเวทย์มนต์ใดที่จะทำให้เรียนรู้วิชาได้ภายในชั่วพริบตาได้*” เอวาเจลีนเริ่มสงสัย
“ชาช่ามารุฮะ ผมขอขี่คอได้มั้ยฮะ พอเป็นเด็กแบบนี้แล้ว เดินนิดเดียวก็เมื่อยขาแล้ว” แบงค์บอก แล้วเขาก็วิ่งไปหาชาช่ามารุ แล้วพวกเขาก็ไปเดินเล่นในงานกันต่อ

“อ๊ะ อ๊ะ... ดูนั่น” มิสะที่เดินเล่นกับพวกมาโดกะอยู่นั้นเห็นพวกเนกิที่กำลังเดินเล่นในงานเช่นกัน
“ดูซิ เด็กที่ขี่คอชาช่ามารุนั่นใครกัน” มิสะชี้ให้เพื่อนๆดู
“ไม่รู้ซิ ลูกอ.ทาคาฮาตะมั้ง หรือไม่ก็น้องชายใครสักคนหนึ่ง หรือว่าจะเป็นน้องชายคุณครูเนกิ” ซากุระโกะพูดขึ้น
“แต่ช่างน่ารักเหมือนคุณครูเนกิไม่ผิดเลย” มาโดกะบอก
“แบบนี้ต้องถ่ายรูปไว้” มิสะแอบถ่ายภาพไว้ แล้วก็ส่งรูปไปให้อายากะดูโดยตั้งหัวข้อว่า (รูปน้องชายคุณครูเนกิ)

“ว๊าว คุณครูเนกิมีน้องชายด้วย” อายากะเห็นก็ตะลึง
“น่ารักเหมือนเนกิคุงเลย” มากิเอะเองก็เป็นด้วย

...จินตนาการ....
“คุณอายากะครับ ผมน่ารักมั้ยครับ” เนกิที่แต่งชุดเด็กสาวใส่ผมยาว จนอายากะตะลึง
“พี่อายากะฮะ ผมก็น่ารักมั้ยฮะ” เด็กน้อยก็วิ่งเข้ามาหาทำให้อายากะตะลึงหนักขึ้น
“น่ารักทั้งคู่เลยจ๊ะ” อายากะโอบกอดทั้งเด็กน้อยและเนกิ

อายากะจึงส่งข้อความกลับไปหามาโดกะว่า
“พวกคุณต้องติดตามคุณครูเนกิไป และรายงานสถานที่ แล้วฉันจะตามไป”
อายากะยิ้มอย่างดีใจ แต่เพื่อนๆรอบข้างกลับต้องประหลาดใจกับความคิดของอายากะ

ที่อาคารสวนน้ำ (จุดชม พุ ดอกไม้ไฟ)
“อ.ทาคาฮาตะ ฮะ” แบงค์เอ่ยพูดขึ้น
“อะไรหรือ” ทาคามิจิหันมามอง
“ผมคิดว่า ผมและคนอื่นๆคงอยู่ได้อีกไม่นาน มันอาจจะเริ่มขึ้นในเร็วๆนี้ก็ได้” แบงค์พูดขึ้น
“อย่าพูดแบบนั้นซิ” ทาคามิจิหัวเราะขึ้นเล็กๆ
“ถึงถ้าเป็นแบบนั้นจริง ผมคงต้องตัดจากคนอื่นไปให้ไกลจากที่นี่” แบงค์พูขึ้นอย่างสลด
“ถ้าถึงตอนนั้นแล้ว อ.ทาคาฮาตะ โปรดจัดการผมได้เต็มที่เลยนะครับ” แบงค์พูดเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้
“จ้า” ทาคามิจิเองก็ยิ้มให้แล้วแบงค์ก็วิ่งไปขี่คอชาช่ามารุดูดอกไม้ไฟกับเนกิ

“ทาคามิจิ ถามจริง เจ้าเด็กนั่นมันเป็นอะไรกันแน่” เอวาเจลีนเดินเข้ามาถาม
“เขาก็เป็นเด็กคนหนึ่งนั่นแหละ” ทาคามิจิตอบ
“รู้แล้วว่าเด็ก แต่มันเป็นอะไรนอกจากนั้นกันแน่” เอวาเจลีนถามต่อ
“เขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากเธอหรอก เธอยังอยากที่จะอยู่อย่างมีความสุขเลย เขาเองก็เช่นกัน แต่เขานั้นไม่สามารถหยุดยั้งหรือควบคุมแบบเธอได้” ทาคามิจิตอบ
“แล้วเขาเป็นอะไรกันแน่” เอวาเจลีนถามอีกครั้ง
“เขาเป็นปีศาจตนหนึ่ง เหมือนเธอไง เอวาเจลีน” ทาคามิจิตอบอย่างชัดเจนจนเอวาเจลีนก็อึ้งทันที แล้วเธอก็มองดูแบงค์ที่ยิ้มร่าเริงเหมือนเด็กทั่วๆไป
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #25 on: July 11, 2006, 05:41:31 AM »

ตอนที่ 25 Retry Match 3-A Vs 5-A

ณ เวลา 23.30 น.
“เอาล่ะ ผมขอบคุณมากนะฮะ ที่พาเที่ยวได้ขนาดนี้ ผมจะไปรอที่นัดละ ไปก่อนนะทุกคน” แบงค์โบกมือลาและวิ่งจากไป
“นี่เจ้าหนู แกคิดถูกหรอที่จะสู้กับเจ้าหมอนั่น” เอวาเจลีนเดินเข้ามาถาม
“ครับ หรือคุณเอวาเจลีนมีอะไรเหรอครับ” เนกิบอก เอวาเจลีนจึงส่ายหน้าปฏิเสธ
“มาสเตอร์แค่เป็นห่วงค่ะ” ชาช่ามารุบอก
“ใครเป็นห่วงเล่า แกเนกิ แกต้องห้ามตายด้วยมือคนอื่นนอกจากฉัน รวมทั้งเจ้านากิพ่อแกด้วย” เอวาเจลีนชี้หน้าตะหวาดใส่
“ครับ” เนกิกลับยิ้มให้

“เนกิคุง ฉันจะบอกเคล็ดตอนสู้กับเขาให้นะ 1. เน้นโจมตีด้วยเวทย์มนต์โดยไม่ต้องร่าย โจมตีไปเรื่อยๆ 2. ห้ามโจมตีด้วยกระบวนที่ไม่ใช้เวทย์มนต์เด็ดขาด ที่ฉันจะบอกก็คือ ถ้าเนกิคุงใช้ท่าวิชากังฟูที่เรียนมานั้น เขาจะใช้วิชานั้นโจมตีกลับ และเขาเป็นคนที่หลบหลีกเก่งมากๆ หรือง่ายๆ เขามีความสามารถในการลอกเลียนแบบวิชาจากคู่ต่อสู้เพียงแค่มองดูกระบวนท่านั้น คือเขาถ้ายิ่งสู้ ก็จะยิ่งเก่งขึ้น ยิ่งถ้าเขาได้สู้กับบุคคลเก่งระดับอย่างนากิแล้ว เขาจะเป็นคนที่น่ากลัวเอามากๆ” ทาคามิจิบอก
“แล้วทำไมถึงให้ผมโจมตีด้วยเวทย์มนต์เบาๆตลอดละครับ” เนกิถาม
“เพราะเขาใช้เวทย์มนต์ไม่ได้แบบฉันไง เขาลอกเลียนแบบวิชาที่ใช้เวทย์มนต์ไม่ได้หรอก” ทาคามิจิตอบ
“ครับ ผมจะใช้วิธีตามที่ทาคามิจิบอก” เนกิพูดขึ้น

“ไง เนกิ ยังไม่นอนอีกเหรอ” โคทาโร่วิ่งเข้ามาถาม
“มีอะไรเหรอ โคทาโร่คุง” เนกิหันไปเจอ
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่เดินเล่นในงานละ เพิ่งหนีพี่ชิซุรุมาได้” โคทาโร่บอก
“เจ้าลูกหมา แค่นี้แกก็ยังกลัวยัยนั่น คงไม่ต้องได้เป็นใหญ่หรอก กับอีแค่ผู้หญิงก็ยังกลัว” เอวาเจลีนพูดขึ้น
“ว่าไงนะ ยัยผีบ้า” โคทาโร่ตะหวาดใส่
“หรือแกจะสู้กับฉัน” เอวาเจลีนตะหวาดกลับ
“ได้ มาเลย ยัยผีบ้า ฉันไม่กลัวแกหรอก” โคทาโร่ถกแขนเสื้อขึ้น
“ไม่ดีกว่า ฉันตั้งกฎแบบนี้ดีกว่า เจ้าหนู แกกับเจ้าลูกหมานี่ ฉันจะบอกเจ้านั่นเองให้แก 2 คนสู้กับมัน ถ้าเจ้าลูกหมาแพ้ แกต้องเลียฝ่าเท้าฉัน ถ้าแกชนะฉันจะทำตามแกทุกอย่าง” เอวาเจลีนจ้องมองดูโคทาโร่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“สู้กับใคร เนกิ” โคทาโร่ถาม
“เจ้าหมอนั่นมันคงจดจำท่าที่ฉันใช้ ก็คิดซะว่า แกสู้กับเจ้านั่นเท่ากับแกสู้กับฉัน” เอวาเจลีนตอบ
“ใครกันเล่า ยัยนี่ตอบไม่ตรงคำถาม” โคทาโร่ขึ้นเสียงใส่
“คนที่ชนะ มาสเตอร์ค่ะ” ชาช่ามารุตอบขึ้น
“ไม่ได้ชนะสักหน่อย ฉันไม่มีพลังกับประมาทไปนิดเดียวเท่านั้นเอง” เอวาเจลีนกระโดดไปดึงแก้มชาช่ามารุ
“เจ้าหมอนั่นเองเหรอ ฝีมือก็ราวๆฉันนั่นแหละ ฉันมีเนกิรุมมัน ยังไงก็ชนะ” โคทาโร่พูดขึ้น
“ฮึฮึ...” ทาคามิจิหัวเราะขึ้นเล็กๆ โคทาโร่จึงแปลกใจ
“ไปกันเถอะ” ทาคามิจิพูดเสร็จพวกเขาก็เดินไปกันต่อ โดยมีโคทาโร่ที่ยังสงสัยในบางอย่าง

“เอ๊ะ พวกนั้นจะไปไหนกัน” ฟูกะที่ขี่คอคาเอเดะสังเกตเห็นพวกเนกิ
“ตามพวกนั้นไปกันเถอะ” ฟูมิกะบอก
“เจ้าค่ะ” คาเอเดะตอบแล้วพวกเขาก็เดินตามพวกเนกิไปห่างๆ

“ไหนๆ คุณคุกิมิยะ น้องชายคุณครูเนกิอยู่ไหน” อายากะที่มาถึงเอ่ยถามทันที
“ไปแล้วค่ะ แต่ถ้าตามคุณครูเนกิไปคงได้เจอ” มาโดกะตอบ
“งั้นตามไปเลย” อายากะพูดขึ้น

“เจ้าบ้าเนกิมันไปไหนของมันนะ” อาสึนะเดินตามหาภายในงาน
“แฮะๆ คงเดินเล่นกับพวกเพื่อนๆละมัง” โคโนกะบอก

ฟิ้ววว...........

“คุณหนูระวังค่ะ” เซตซึนะจับสังเกตได้บางอย่าง จึงเอามือจับดาบไว้
แล้วก็ปรากฏเป็นเครื่องบินกระดาษ อาสึนะจึงเก็บขึ้นมาเปิดอ่าน

...เรียนชิญนักเรียกห้อง 3-A ทุกคน ไปที่ลานใต้ต้นไม้โลกในเวลา 00.00 น. อาจารย์เนกิ และ อาจารย์ทาคาฮาตะ รอทุกคนอยู่...

“ว๊าว อ.ทาคาฮาตะ รอฉันอยู่เหรอเนี่ย” อาสึนะดีใจขึ้นทันที
“นี่ๆ เขาบอกว่าทุกคนนะ คงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแน่” โคโนกะหัวเราะขึ้นนิดๆ
“แต่คุณครูเนกิอยู่ที่นั่น ถ้าไปก็คงได้เจอแน่” เซตซึนะพูดเสร็จพวกเขาก็ไปกัน

โป๊กกก.............

“โว๊ย ใครปาใส่หัววะ” อรุณโวยวายขึ้นทันที
“เห้ยๆ แค่กระดาษ อย่าโวย อายเขาบ้างมั้ยน่ะ คนมองที่แกเนี่ย” นพตบหัวอรุณทันทีแล้วก็ยื่นก้อนกระดาษ พวกเขาจึงเปิดอ่าน

... อรุณ เรามีอะไรสนุกๆให้ทำ รับรองสนุกถึงใจแน่ เจอกันที่ลานใต้ต้นไม้โลกเวลา 00.00 น. มาให้ได้นะจาก แบงค์ ...

“เฮ้ย นพไปลุยโว๊ย” อรุณทิ้งกระดาษและกระชากแขนนพวิ่งไปทันที อาทรและท่านขุนจึงเดินตามไปแทน

ที่ร้านเจ้าเปาฉี
“หา... หนูเนกิ ต้องมีเรื่องแน่เลย” เจ้าพูดขึ้น
“แล้วจะเอายังไงละ” ซาโตมิถาม
“อั๊วก็จะไปช่วยละกัน คนอย่างอั๊วเคยกลัวใครที่ไหนละ ยิ่งอั๊วมีของขี้โกงด้วยแล้ว สบายใจ” เจ้าหันมายิ้มให้
“งั้นปิดร้านละกัน นี่ก็ดึกมากแล้ว” ซัตจังพูดขึ้นแล้วพวกเขาก็ช่วยกันปิดร้าน
“นี่ๆคุณลูกค้า ร้านอั๊วจะปิดแล้วนะคะ” เจ้าเดินเข้ามาบอก

“มันไปมีเรื่องอะไรไว้แน่เลย หรือว่าจะจัดงานฉลองของห้องหว่า” อาทพูดขึ้นอย่างแปลกใจ
“ไปเว้ย ไม่สน” ฟามรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากร้านทันที
“เฮ้ย รอด้วย” ต้นก็ลุกตามไป
“ไปเว้ยพวกเรา” ตั้มบอก
“กินอิ่มมันต้องออกแรงเว้ย ร่างกายจะได้แข็งแรง” ยอนเบ่งกล้ามขึ้น

ปุ่กกก.............

ลูกดอกยางยิงเข้าที่กลางหน้าผากแพ๊ค
“เฮ้ย แพ๊ค ไม่....” จุกตะโกนขึ้นด้วยความเสียใจ
“เฮ้ยๆ ยังไม่ตาย แค่ลูกดอกยาง” ยะบอก
“เออเว้ย มีอะไรติดอยู่ด้วย” คิวดึงลูกดอกยางนั้นและดึงกระดาษขึ้นมาอ่าน

... ลานใต้ต้นไม้โลก ไม่มาบ้านบึ๊มมม................

“เฮ้ย นี่มันขู่ฆ่ากันชัดๆ ต้องเป็นไอ้พวกฆาตกรโรคจิตแน่เลย” ปิงพูดขึ้น
“ไม่ใช่ไอ้หรี่แน่ มันก็อยู่กับเรานี่” เชนบอก
“เออเว้ย อย่าคิดมั่ว” หรี่พูดขึ้น
“โอ๋ พี่หรี่อย่าคิดมาก แค่พูดเล่นเอง” ปิงเข้ามากอดหรี่ไว้แน่น
“ไปเหอะ ไปก็ไม่เสียหายอะไรนี่” ยะพูดเสร็จก็เดินไปทันที
“ใช่ๆ ลองไปดูแล้วกัน” ศรพูดเสร็จพวกเขาก็เดินตามไป

ที่ลานใต้ต้นไม้โลก เวลา 00.00 น.

เฮ้ยยย..........

พวกเขาต่างประหลาดใจที่เห็นนักเรียนของห้อง 3-A และ 5-A มากันพร้อมหน้าพร้อมตา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ใครเป็นคนส่งจดหมายนั้น” ในกลุ่มนั้นสักคนหนึ่งพูดขึ้น
“ไม่มีใครส่ง แต่มาวันนี้ อ.ทาคาฮาตะ อยากเห็นการรวมพลังของพวกเรา แสดงให้เห็นว่า ห้องที่ห่วยแตกบรรลัยเกือบสุดของโรงเรียน นั้นไม่ใช่เรื่องจริง” แบงค์พูดขึ้น
“ไม่หรอก ฉันเป็นคนสั่งให้แบงค์เขาทำเอง ฉันก็แค่อยากจะดูฝีมือจากการฝึกฝนของ เนกิคุง กับ ทาคามิจิคุง ว่าสอนนักเรียนของเขาไปได้แค่ไหน” อาจารย์ใหญ่เดินโผล่ออกมา

ท่านผ.อ. (พวกเขาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน)

“ฉันศึกษาข้อมูลของนักเรียนทั้ง 2 ห้องแล้ว ฉันคิดว่า ในคืนนี้ ห้องไหนที่ชนะจะได้เป็นผู้รักษาโรงเรียน และผู้แพ้จะได้เป็นยามคอยตรวจตราดูแลโรงเรียน ซึ่งหน้าที่มันไม่ต่างกัน แต่ความถี่ถ้วนของงานนั้น ผู้แพ้จะต้องทำหนักกว่า” อาจารย์ใหญ่บอก
“ท่านผ.อ. ครับ แล้วทำไมต้องห้องของผมกับห้องของทาคามิจิด้วยละครับ” เนกิถาม
“เพราะห้องอื่นนั้นล้วนแต่เป็นนักเรียนปกติ ฉันคัดนักเรียนแปลกๆมารวมไว้กันที่ห้องพวกนี้แหละ” อาจารย์ใหญ่ตอบ
“แฮะๆ ห้องผมคงสู้ไม่ไหวหรอกมั้งครับ” ทาคามิจิหัวเราะขึ้น
“เนื่องจากเพื่อให้ความสมดุลเท่ากัน เธอเอวาจัง และทาคามิจิคุง เธอสองคนต้องดูการต่อสู้เพียงอย่างเดียว” อาจารย์ใหญ่บอก
“แน่นอนอยู่แล้วไอ้แก่ ฉันไม่เหนื่อยแรงอะไรง่ายๆหรอก” เอวาเจลีนพูดขึ้น
“พวกลูกคุณหนูพวกนี้เหรอจะไปสู้กับไอ้พวกบ้านั่น มีการต่อสู้ก็ไม่บอก ฉันจะช่วยฝั่งเนกิเอง” โคทาโร่พูดขึ้น
“เอาเลย เจ้าหนู” อาจารย์ใหญ่ยิ้มให้
“ให้เวลาวางแผนปรึกษากัน 10 นาที ภายในนี้มีอาณาเขตเวทย์มนต์อยู่ ไม่มีใครรู้เรื่องหรอก” อาจารย์ใหญ่พูดเสร็จพวกเขาก็เข้าไปรวมกลุ่มกัน
“และเนกิคุง การต่อสู้ครั้งนี้ ถือว่าฉันทดสอบเธอด้วย หากไม่ชนะ เธอจะต้องรอทดสอบใหม่ในปีหน้า และทาคามิจิหากลูกศิษย์ของเธอแพ้ เธอคงรู้ตัวนะ” อาจารย์ใหญ่พูดขึ้น
“พักงาน 1 ปี ผมเข้าใจครับ” ทาคามิจิพูดอย่างสลด

อาจารย์....

พวกนักเรียนต่างมองดูทาคามิจิ แต่เขากลับยิ้มให้ทุกๆคน
“*อ.ทาคาฮาตะ จะไม่อยู่ 1 ปีเลยเหรอ*” อาสึนะเกิดความสงสัยขึ้น

“ไหนกันน้องชายคุณครูเนกิ” อายากะพูดขึ้น
“ฉันไม่รู้นี่ จู่ๆจะมีเรื่องบ้าๆแบบนี้ขึ้น
“เพราะเธอนั่นแหละ ชวนฉันมา”
“แล้วดูพวกนั้น ทั้งเป็นผู้ชาย ทั้งสูงใหญ่ แข็งแรงกว่า เอาเปรียบกันชัดๆ”
นักเรียน 3-A ต่างพูดนินทาขึ้น

“เอาแบบนี้ดี ฉันก็ลืมว่าพวกเธอบางคนนั้นไม่ชอบการต่อสู้ ใครสู้ได้และพร้อมที่จะสู้ ก้าวออกมา” อาจารย์ใหญ่พูดขึ้น

ฝั่ง 5-A ก็มีแบงค์ลุกขึ้นเดินออกและตามด้วย เชน เต้ แพ๊ค มิ้ง อรุณ อาทร ยะ ยอน  หนุ่ย หรี่ อาท ศร ก๊ก ต้น ตั้ม และฟาม

ฝั่ง 3-A ก็มี เนกิ โคทาโร่ ที่ก้าวออกมาอย่างมุ่งมั่น และตามมาด้วย มานะ คูเฟย คาเอเดะ เซตซึนะ อาสึนะ เจ้า ซาโตมิ ชาช่ามารุ

“อ๊ะ ฝั่งเราแค่ 10 คนเอง ฝ่ายโน้นตั้ง 17 คน” อาสึนะเกิดความประหลาดใจ
“ไม่ พวกเราจะปล่อยให้สู้กันแค่นี้กันได้ไง ฉันในฐานะหัวหน้าห้อง มีอะไรก็ต้องช่วยก่อนเสมอ” อายากะพูดขึ้น
“ใช่ พวกเราจะช่วยเอง” มากิเอะพูดเสร็จนักเรียนในห้อง 3-A ต่างก้าวออกมา

“ขอบอกก่อนนะว่า มันไม่เหมาะกับพวกคุณหนูอย่างพวกเธอหรอก” โคทาโร่บอก
“*เนกิคุงช่างสอนได้ดีจริงๆ* เอวาเจลีนฉันปลดเธอก็ได้ เพื่อนๆคนอื่นก็ลงหมดแล้วนี่ ไม่คิดลงด้วยเหรอ” อาจารย์ใหญ่พูดขึ้น
“ก็ได้ งั้นเปลี่ยนกฎ เจ้าลูกหมา แค่แกล้มก่อนฉัน แกต้องเลียฝ่าเท้าฉัน ตามนี้ เจ้าหนูด้วย หากล้มก่อน แกต้องไปเที่ยวกับฉันในวันงานสุดท้าย” เอวาเจลีนพูดขึ้น
“ได้ไงกัน ยัยบ้า กะเก็บเนกิคุงไปเที่ยวคนเดียวทั้งวันได้ไง” พวกสาวๆในห้อง 3-A ต่างไม่พอใจ
“ฮึฮึ...” เอวาเจลีนเดินลงมายืนอยู่ในกลุ่มของ 3-A

“ดีละ งั้นเริ่มเลยละกัน ฝ่ายไหนล้มกันหมดจนลุกไม่ขึ้นแล้วถือว่า แพ้ ใครที่ล้มแล้ว ห้ามโจมตีซ้ำ นอกจากคนนั้นจะลุกขึ้นมาใหม่” อาจารย์ใหญ่พูดเสร็จการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #26 on: July 11, 2006, 05:42:11 AM »

ตอนที่ 26 การต่อสู้เริ่มขึ้น

“วางแผนดังนี้เลยลูกพี่ กองหน้าให้พี่สาวดังต่อไปนี้ลุย คูเฟย อาสึนะ เซตซึนะ โคทาโร่ ชาช่ามารุ และกองกลางที่คอยป่วนและตัดกำลังฝ่ายโน้นด้วย ลูกพี่ ยัยผีดิบ คาเอเดะ เจ้า และมานะ ส่วนคุณหนูทั้งหลายอยู่กองหลังให้กำลังใจลูกพี่เป็นโอเคนะครับ” คาโมเสนอความคิดขึ้น
“เจ้าค่ะ” คาเอเดะบอก
“นี่ถ้าเรียกไม่ดี แกเป็นผีแบบฉันแน่” เอวาเจลีนตะหวาดใส่

ฝ่าย 5-A
“เฮ้ย เดี๋ยวเรากับมิ้งเป็นกองหน้านะ ยะ ยอน เป็นกองกลาง ส่งลูกผ่านมา เดี๋ยวเราเตะเอง ที่เหลืออยู่กองหลัง ให้แพ๊คเป็นคนรักษาประตู” หนุ่ยพูดขึ้น
“บ้า ไม่ใช่แข่งบอลเว้ย” มิ้งตบหัว แล้วหนุ่ยก็หัวเราะขึ้นที่เล่นมุขกับเพื่อนๆ
“เอาเป็นว่าลุยกันไปเลย เน้นรุม โกงไว้ก่อนพ่อสอนไว้ หากเกาะกลุ่มกันและจัดการไปทีละคน พวกเราชนะแน่นอน” แบงค์พูดขึ้น
“เออเว้ยไปลุยเลย เค้ายืนตรงนี้แหละ” แพ๊คพูดเสร็จพวกเขามองกันด้วยความมุ่งมั่นก่อนที่จะส่งเสียงเฮดังๆแล้วแยกวงออก
“ทุกคน ใครเก่งด้านไหน ทำหน้าที่ด้านนั้นให้ดีที่สุด อย่าประมาท ถ้าไม่เก่งจริง อาจารย์ใหญ๋ไม่จัดมาปะมือกับพวกเราหรอก” แบงค์พูดเสร็จทางฝ่ายห้อง 3-A ก็แยกวงออกมาตั้งแนวรบ

“เอาล่ะ วางแผนพร้อมใจกันดีแล้ว ก็ลุยกันเลย” อาจารย์ใหญ่พูดเสร็จก็เดินมานั่งที่ม้านั่งกับทาคามิจิ

กองหน้าของทั้ง 2 ฝ่ายจึงบุกประจัญเข้าทันที ด้วยฝ่าย 5-A ที่มีกองหน้าเกือบหมดบุกเข้ามา จึงทำให้อาสึนะหวั่นใจ

เปรี้ยงงง........

มานะใช้วิชากระสุนดัชนียิงเปิดทันที

เปร้งงง.............

“*อะไรกัน*” มานะตกใจขึ้นทันทีแล้วเธอก็เห็นเหรียญของเธอหล่นอยู่บนพื้นพร้อมกับเม็ดโกะ
“ฮึฮึ มีวิชาร้ายไม่เบาเลยนี่” อาทรกำเม็ดโกะจำนวนมากไว้ในมือ

“แพ๊ค ลุยกันเลยปะ” แบงค์เอ่ยถามขึ้น
“เฮ้ย ที่จริงเค้าคนเดียวก็เก็บหมดแล้ว พวกนี้มาอะไรเนี่ย พวกนี้นอนหมด เค้าก็ยังลุยได้เลย” แพ๊คตอบ
“หมัดอิไอของอ.ทาคาฮาตะละซิ เราก็ใช้เป็นเหมือนกันนะ ลุยพร้อมกันคงน่ากลัวใช่ย่อย ไปกันเถอะ” แบงค์ยิ้มให้ แล้วโคทาโร่ที่กระโดดข้ามพวกเพื่อนๆในห้อง 5-A มาเห็นแบงค์ยืนคู่กับแพ๊ค

“หมัดเทพอสูร” โคทาโร่กำหมัดมาแต่ไกล

ผัวะผัวะผัวะผัวะ... ปึกปัก ปึกปัก...

การโจมตีที่รัวและไร้การมองเห็น โคทาโร่ถึงกับอึ้งเมื่อแบงค์และแพ๊คโจมตีใส่โคทาโร่กลางอากาศจนล่วงลงมานั้น เสร็จทั้งคู่ก็เดินตรงเข้าไปทันที

“ฝ่ามือเคลื่อนพิภพ” เฟยใช้หมัดปรานโจมตีใส่จนพวก 5-A กระเด็นออกมากันหมด
“อรุณ สู้หน่อยโว๊ย” นพตะโกนเชียร์
“ไอ้น้องยังอ่อนหัด อยู่หลังพี่นี่” แพ๊คพูดขึ้นแล้วเขาก็เดินผ่านพวกเพื่อนๆที่นอนหงายกันไป

“หมัดอิไอ ถ้าเพียงคนเดียวนั้น ยังมีช่องว่างให้เข้าโจมตี แต่เมื่อมี 2 คนแล้ว ต่อให้มาข้างหลังก็เสร็จอีกคน น่ากลัวจริงๆ” อาจารย์ใหญ่พูดขึ้น
“แฮะๆ ที่จริงผมสอนแค่คนเดียวเองนะครับ” ทาคามิจิบอก

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง...

มานะยิงกระสุนเหรียญใส่ แต่ก็กระเด็นออกไปหมดด้วยหมัดอิไอที่โจมตีสวน
“แม้แต่โคทาโร่ที่ตัดระยะเข้าไปแต่ก็ไม่พ้นการโจมตีปริศนา” เนกิพูดขึ้นอย่างหวาดกลัว
“กลัวอะไรเจ้าหนู มันจะโหดสักแค่ไหนเชียว ชาช่ามารุ จัดการ” เอวาเจลีนพูดขึ้น
“ค่ะ มาสเตอร์” ชาช่ามารุหันมาบอก
“ขอโทษด้วยนะค่ะ รุ่นพี่ทั้งสอง” ชาช่ามารุพูดเสร็จก็ปล่อยจรวดโจมตีใส่ แบงค์และแพ๊คตะลึงทันที แล้วแพ๊คก็ใช้หมัดอิไอโจมตีใส่จรวดจนระเบิดแล้วเขาก็กระเด็นไป แต่แบงค์กลับกระโดดหนีหลบออกมาในช่วงที่แพ๊คโจมตีใส่จรวด

“ทุกอย่าง ย่อมมีจุดอ่อน อย่าคิดมากเจ้าหนู ยังอ่อนหัดอยู่” เอวาเจลีนยิ้มขึ้น
“มาสเตอร์เก่งจังเลยนะครับ” เนกิพูดชื่นชม

“มือขวารวบรวมเวทย์ มือซ้ายประสานจิต พลังทั้งสองประสานเป็นหนึ่งเดียว” แบงค์พูดขึ้นแล้วก็มีแสงสว่างออกมาจากกลุ่มควัน เมื่อควันนั้นหายไปก็ไม่เห็นแบงค์แล้ว

โอ๊ยยย........

อาสึนะถูกอาทโจมตีใส่จนกระล้มลงไป แล้วอาทจึงพุ่งเข้ามายังเนกิ แต่คาเอเดะมาขวางเอาไว้ จนอาทต้องกระโดดถอยออกมาเพื่อไม่ให้ถูกล้อม

“เฮ้ย แบงค์หายไปไหนแล้ว” แพ๊คสงสัยขึ้น

“นี่ละสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของเขา ผมคิดว่าถ้าเขาเรียนรู้มากกว่านี้ จะกลายเป็นคนที่น่ากลัวที่สุดเลย” ทาคามิจิพูดขึ้น
“คงงั้นซินะ” อาจารย์ใหญ่นึกขึ้นได้จึงมองดูการต่อสู้ต่อ

“เฮ้ย จับคู่ลุยเลยดีกว่า รุมพร้อมโดนสวนมาทีตายทั้งกลุ่มไม่ไหววะ” ยะบอก
“งั้นตามนี้ใครอยากลุยคนไหนจัดการเลยโว๊ย” มิ้งบอก
“ไม่ๆ แบบนั้น หากไม่มีใครเลือกลุยกับฝ่ายโน้นคนใดคนหนึ่ง ก็โดนตีหลังได้ซิ” เชนแย้งขึ้น
“เอางี้ มิ้ง อรุณ เต้ ตั้ม ต้น ลุยยัยกังฟูนั่น ยะ ยอน แกลุยยัยบ้าพลังนั่น หนุ่ย ศร ฟาม ก๊ก ลุยยัยถือดาบ อาทร ลุยยัยที่ยืนนิ่งๆนั่น หรี่ อาท จัดการยัยตาตี่ ที่เหลือคงรู้นะ ส่วนเค้าจัดการพวกหลังสุดเอง ฮ่าๆๆ 5-A จงเจริญ” แพ๊คพูดเสร็จพวกเขาก็ลุยอีกครั้ง

มิ้งและอรุณออกวิ่งนำไปทันที
“ฟาดหางจระเข้” มิ้งใช้ท่าฟาดขาเตะในขณะที่ลอยอยู่
“ฝ่ามือเมฆาล่องลอย” อรุณใช้ฝ่ามือพิสดารโจมตีใส่ตรงๆ
แต่เฟยก็กระโดดหมุนตัวหลบได้

โซ โซ้... ปั้กกก.......

เต้ใช้วิชาส่วนตัวโจมตีใส่หลังอรุณต่อเนื่องทันที

“งั้นข้าพเจ้าต้องปกป้องทุกคนโดยการ...” คาเอเดะพูดขึ้นแล้วเธอก็แยกร่างออกมาอีก 12 ร่าง
“ดีเลยงั้น ฉันเอาด้วย” โคทาโร่ที่เพิ่งลุกขึ้นมาก็แยกร่างออกมา 7 ร่างและบุกเข้าโจมตีจากด้านหลังพวก 5-A โดยมีคาเอเดะที่โจมตีจากด้านหน้า ด้วยจำนวนที่มาก พวก 5-A จึงต้องหันมาต่อสู้กับร่างเงาของโคทาโร่และคาเอเดะ โดยมีพวกมานะ และห้อง 3-A เข้าโจมตีอีก

“เฮ้ย แบงค์มันไปไหนวะ” แพ๊คที่ถูกโจมตีจนกระเด็นออกมาและบ่นขึ้น

“เหมือนสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้วนะ” อาจารย์ใหญ่พูดขึ้น
“ฮึฮึ คงงั้นมั้งครับ ดูท่าเนกิคุงจะฝึกฝนให้นักเรียนในห้องสามัคคีมากขึ้นมาได้” ทาคามิจิบอก

เปรี้ยงงง........... เคร้ง เคร้ง เคร้งเคร้งเคร้งงง.........

ก้อนหินเล็กๆปริศนายิงเข้าที่ข้อมือของมานะจนเหรียญในมือล่วงหล่นออกมามือ
“อะไรกัน จากไหนเนี่ย” มานะแปลกใจขึ้น

“ขอโทษด้วยนะแพ๊ค ที่เราลุกขึ้นช้าไปนิด” แล้วร่างก็แบงค์ก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับในมือถือก้อนหินอีกก้อนหนึ่ง
“*รู้จักวิชานี้ด้วยเหรอเนี่ย*” มานะเองก็ตะลึงพร้อมกับกุมที่ข้อมือที่มีเลือดไหลออกมา

เกร็ง ปราณ...

เฟยตั้งท่าขึ้นเตรียมใช้หมัดปราณโจมตีใส่กลุ่ม 5-A อีกครั้ง แล้วเธอก็วิ่งตรงเข้าไป

64 หมัดวายุ จิ๋ววว...............

เสียงประหลาดดังขึ้น

ปั้ก ปึ้กๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผัวะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.............

หลังจากสิ้นเสียงนั้นก็มีร่างของเด็กชายวัย 8 ขวบปรากฏขึ้นพร้อมกับฝ่ามือทั้ 2 ข้างที่มีพลังปราณอย่างเต็มโบกมือสะบัดไปมาโดยที่โจมตีไม่โดนเฟยเลย แต่ลมปราณนั้นกลับโจมตีโดนเข้าอย่างจัง จนเขาเสยมือทีละข้างขึ้นไปจนร่างของเฟยลอยขึ้น เขาจึงหมุนตัวเข้าไปใกล้และใช้ฝ่ามือซ้ายอัดเข้าที่ท้องของเฟย

“แอ๊ก...” เฟยจุกจนพูดอะไรไม่ออก
“ขอโทษนะฮะ ถ้าผมใช้ร่างเดิมมันคงจะแรงกว่านี้ 2 เท่า” แบงค์ยิ้มให้

ซู่มมม.............. บึ๊มมม.................................
 
ร่างของเฟยก็ปลิวออกไปจนติดกำแพงที่ห่างไปออกราวๆ 50 เมตร
“*อะไรกัน มันแยกร่างได้ด้วยเหรอ*” เอวาเจลีนเกิดความสงสัยแต่พอมองกลับไปยังแบงค์ที่ยืนอยู่นั้นก็ไม่เห็นแล้ว
“*ขนาดเฟยยังจับไม่ได้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เคลื่อนไหวได้เบาจับสัมผัสไม่ได้เลยเหรอเนี่ย*” มานะเองก็แปลกใจ แล้วเธอก็ใช้มืออีกข้างถือเหรียญไว้

เปรี้ยงงงง............

“*ฮ๊ะ*” มานะตั้งสติทันจึงชักมือกลับมา แล้วเธอก็เห็นก้อนหินเล็กๆหล่นอยู่ข้างๆ พวกเขาจึงหันไปมองที่แบงค์ ก็เห็นแบงค์วัยม.ปลายยืนยิ้มให้พร้อมกับกำก้อนหินไว้ ด้วยความแปลกใจพวกนั้นจึงมองกลับไปยังแบงค์จิ๋วแต่ก็หายไปแล้ว

“พี่สาวฮะ ผมขอขี่คอได้มั้ยฮะ ผมเตี้ยมองไม่เห็นเลย” เด็กชายวัย 8 ขวบสะกิดอายากะ
“ว๊าว นี่น่ะเหรอน้องชายคุณครูเนกิ ได้ซิจ๊ะ” อายากะยิ้มขึ้นอย่างสุขใจแล้วแบงค์จิ๋วก็ปีนขึ้นไปขี่คออายากะ
“พี่สาวอ่านอะไรเหรอฮะ” แบงค์จิ๋วเอ่ยถามโนโดกะที่กำลังอ่านใจคู่ต่อสู้อยู่ ซึ่งในหนังสือนั้นเขียนไว้เหมือนกับสิ่งที่แบงค์จิ๋วพูดเลย
“*ว๊าย เนี่ยนะเหรอศัตรูเรา*” โนโดกะตกใจ

เปรี้ยงๆๆๆๆ....

แบงค์จิ๋วใช้ก้อนหินยิงใส่โคทาโร่ร่างเงาที่รุมพวกเพื่อนๆจนสลายไปหมด พวกมานะที่จับได้จึงหันกลับไปมองที่พวกเพื่อนๆที่อยู่กองหลัง

เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆ......

แบงค์ก็ใช้ก้อนหินยิงใส่คาเอเดะร่างเงาจนดับสลายไปหมด การเล่นตลกของเขานั้นทำให้มานะ เอวาเจลีน เจ้า และเนกิ ต่างตกใจและหวาดหวั่นขึ้น แต่แบงค์กลับยิ้มให้
“ทำได้ไงกัน” เนกิเกิดสงสัยขึ้น เขาจึงวิ่งตรงเข้าไปหา
“ศรเวทย์มนต์ 1 ดอก(ฟรานเอ็กเซลไมติโอ้)” เนกิร่ายเวทย์มนต์โจมตีใส่ทันที

ตึกตึกตึก...

“ฮ๊ะ... หนูเนกิระวังทางซ้าย” เจ้าที่จับสัมผัสเสียงฝีเท้าได้ตะโกนขึ้นทันที เนกิจึงหันไปทางซ้าย
“สวัสดีฮะ คุณครูเนกิ คนอื่นปล่อยให้เขาสู้ไปดีกว่านะฮะ เรามาตัดสินกันตัวๆจะดีกว่า” แบงค์จิ๋วปรากฏตัวขึ้น อายากะก็ตกใจแล้วเธอก็เอามือคลำบนหัวของเธอก็ไม่มีเด็กวัย 8 ขวบแล้ว

“เด็กคนนั้นเขาเปรียบเสมือนตัวแทนของนักเรียนทั้งห้องมารวมกัน การต่อสู้วิชาต่างๆของทุกคนในห้อง เขาสามารถใช้เลียนแบบได้หมด เนกิคุงคงต้องสู้กับนักเรียน 5-A ทั้งห้องแล้วละ” ทาคามิจิพูดขึ้น

“มาสเตอร์ค่ะ” ชาช่ามารุเอ่ยขึ้น
“อะไร” เอวาเจลีนหันไปถาม แต่ก็ไม่เจอชาช่ามารุ
“มาสเตอร์ค่ะ” เสียงของชาช่ามารุดังขึ้นมาจากด้านหลัง พอเอวาเจลีนหันกลับไปก็เห็นแบงค์ยืนอยู่จ้องหน้าในระยะประชิด

“มาสเตอร์ค่ะ มาสเตอร์ค่ะ” เสียงของชาช่ามารุยังคงเรียกต่อไป
“อะไร” เอวาเจลีนสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝันของเธอพร้อมกับเหงื่อที่เปียกจนท่วมร่าง
“นี่ใกล้ 5 โมงเย็นแล้วค่ะ” ชาช่ามารุพูดขึ้น
“เออดี ที่ปลุก ไม่ใช่แบบในฝันละ หลับจนไม่ปลุกฉันเลย” เอวาเจลีนบอก แล้วเธอก็เอ็ดใจเมื่อเห็นชาช่ามารุมีเนื้อหนังเหมือนคนไม่มีรอยข้อต่อใดๆ
“โอ้ นี่เรายังอยู่ในความฝันอีกเหรอเนี่ย” เอวาเจลีนก็เป็นลมสลบไปต่อทันที
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #27 on: July 11, 2006, 05:42:45 AM »

ตอนที่ 27 งานประลองประจำเทศกาลมาโฮระ (รอบก่อนรองชนะเลิศ)

ที่ศาลเจ้าทัตซึมิยะ
“และแล้วมาก็ถึงเวลาที่ผู้ชมทุกท่านรอคอยอีกครั้ง การประลองเริ่มเข้าใกล้จุดสิ้นสุด นักกีฬาแต่ละท่านเริ่มแข็งแกร่งขึ้น ผู้ที่เก่งที่สุดเท่านั้นถึงจะชนะ” คาสึมิพูดโปรยๆเสร็จ งานประลองก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
“คืนนี้จะแข่งกัน 3 รอบคือ รอบก่อนรองชนะเลิศ 4 คู่ รอบรองชนะเลิศ 2 คู่ และรอบชิงชนะเลิศในคู่สุดท้าย”
“แต่ที่น่าเสียดายด้วยความร้าย คู่ที่ 2 ของรอบก่อนรองชนะเลิศ เนื่องจาก ประธานเฟย ขวัญใจผู้ชมบาดเจ็บจากรอบที่แล้ว จนแพทย์สนามไม่สามารถบอกให้ลงแข่งต่อได้ คู่นั้น นางาเซะ คาเอเดะ ถือว่าเป็นผู้ชนะไปเลยค่า...”

ที่ห้องรับรองนักกีฬา
“นี่เจ้าหนู แกหวั่นใจปะ” เอวาเจลีนเดินเข้ามาถาม
“ก็ตื่นเต้นนิดๆครับ ไม่น่าเชื่อจะได้เจอกับคนที่เก่งกว่ามาสเตอร์” เนกิตอบด้วยอาการตื่นเต้น
“ใครเก่งกว่า ฉันมีพลังไม่เต็มตัว แต่เจ้านั่นเกือบดับ ถ้าฉันมีพลังเต็ม มันก็อนาถแน่นอน” เอวาเจลีนพูดขึ้น
“มาสเตอร์แค่รับไม่ได้ค่ะ” ชาช่ามารุพูดแทรก เอวาเจลีนจึงกระโดดดึงแก้มชาช่ามารุด้วยความโมโห
“*จริงซิ เราก็ชอบฝันอะไรที่เป็นอนาคตอยู่บ่อยๆ ถ้าในฝันนั้นเป็นจริง อย่างชาช่ามารุนี่ก็เป็นคนจริงๆ งั้นก็แปลว่า ที่ 1 ก็ต้องเป็นอัลอย่างถูกต้องและที่ 2 ก็คือเจ้าหนูนี่* ฮึฮึ...” เอวาเจลีนนึกถึงความฝันก่อนที่จะหัวเราะออกมา
“ไง เนกิ เอาที่ 1 ให้ได้นะเฟ้ย แล้วเอาเงินมาแบ่งด้วยละ” โคทาโร่วิ่งเข้ามากอดคอทันที
“ฝันไปเถอะ เจ้าลูกหมา อย่างเก่งเจ้าหนูนี่ก็ได้แค่ที่ 2” เอวาเจลีนยิ้มขึ้น
“ว่าไงนะ ยัยผีบ้า” โคทาโร่โมโหขึ้นทันที

“อ่า เนกิคุง วันนี้พร้อมมั้ย” ทาคามิจิเดินเข้ามาถาม
“ครับ เต็มที่เลย” เนกิตอบอย่างมั่นใจ
“อย่าเพิ่งถอดใจไปละ ถ้าฉันบอกว่า เด็กของฉันนั้นเก่งใช่ย่อย” ทาคามิจิหัวเราะขึ้นเล็กๆ

“เต้ ไม่ต้องห่วงที่ 2 เต้ได้แน่นอน เอาที่ 1 มาให้ได้นะ” แบงค์ตบบ่าเต้เสร็จเขาก็เดินตรงเข้ามาหาเนกิ

“ไอ่หย๋า ลื๊อตายซะเถอะ” เฟยวิ่งตรงเข้ามาหาแบงค์ และเขาก็หันไปยิ้มให้
“ลมปราณพิฆาต” เฟยใช้ฝ่ามืออีกข้างอัดใส่แบงค์
“*ลืมไป เรากินยานั้นไปแล้วนี่ เฟยก็เลยไม่เป็นแบบเมื่อก่อน*” แบงค์ที่เพิ่งนึกขึ้นได้เขาก็สายไปแล้ว

ปู๊มมม........... เสื้อของแบงค์ขาดกระจายเป็นชิ้นๆแล้วเขาก็ทรุดตัวลงไป

“โทกฐางที่ลื๊อ หลอกให้อั๊วเชื่อใจมานาง” เฟยพูดเสร็จก็สะบัดมือครายปราณออก สักพักแบงค์ก็ลุกขึ้นมายิ้มให้
“งั้นก็ขอโทษด้วยละกันกับสิ่งที่เคยทำมา เอาล่ะ สวัสดียามเย็น อ.เนกิ อ.ทาคาฮาตะ” แบงค์พูดขึ้นอย่างปกติทำให้พวกเนกิตะลึง
“นี่ไม่เจ็บอะไรเลยเหรอครับ” เนกิถาม
“ไม่หรอกครับ เจ็บแบบสุด ท้องไส้ปั่นป่วน แต่อ.ทาคาฮาตะสอนให้อดทนเอาไว้ ต่อให้เจ็บแค่ไหน ถ้าเก็บอาการไว้ได้ คู่ต่อสู้จะยิ่งตะลึงกับพลังที่เขาโจมตีว่าทำอะไรเราไม่ได้เลย” แบงค์ตอบ
“ฮ่าๆ ดูเหมือนลูกศิษย์ฉันแต่ละคนจะเอาฉันเป็นแบบอย่างกันหมดเลย” ทาคามิจิหัวเราะขึ้น
“ไม่ต้องห่วงครับ อ.เนกิ ตัวแทนห้อง 5-A นั้นไม่ใช่ผมหรอก แต่เป็น คนนั้น” แบงค์ชี้ไปทางเต้ให้ทุกคนดู
“*คนนั้นน่ะเหรอ ที่เก่งสุดในลูกศิษย์แก*” เอวาเจลีนพูดขึ้นเบาๆ
“*ไม่หรอก คนตรงหน้าเธอต่างหากละ จากที่ฉันดูรวมๆนะ แต่ไม่แน่ คนนั้นอาจจะมีอะไรมากกว่าที่ฉันคิดไว้ก็ได้ ลูกศิษย์ฉันแต่ละคนมันก็แปลกไม่แพ้เพื่อนๆในห้องเธอหรอก*” ทาคามิจิพูดขึ้นเบาๆ

“เพื่อไมให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญคู่แรกขึ้นเวทีได้เลยค่า...”

“มิ้งสู้เขานะเว้ย” เพื่อนๆต่างเดินเข้ามาให้กำลังใจ
“เออ ขอบใจ ห้องเรายังเหลืออีก 3 คน ข้า แก แล้วก็แก โอกาสได้ที่ 1 ยังพอมีอยู่” มิ้งพูดเสร็จเขาก็เดินเข้าสู่สังเวียนทันที

การต่อสู้รอบก่อนรองชนะเลิศคู่ที่ 1 เริ่มมม....................

มิ้งวิ่งตรงเข้าไปทันทีแล้วเขาก็กระโดดขึ้นไปเตะก้านคอแต่จู่ก็เหมือนกับมีแรงต้านออกมา มิ้งจึงหมุนตัวใช้ท่าไอ้เข้ฟาดหางใส่เข้าที่ปลายงคางของคูเนล แล้วทั้งคู่ก็แยกออกมาตั้งหลัก

“*ตั้งแต่สู้มาในวันนี้เพิ่งเห็นเจ้าอัลมันโดนโจมตีโดน เด็กนั่นมันก็ไม่ธรรมดาเลยนี่*” เอวาเจลีนพูดขึ้น
“ฮึฮึ...” ทาคามิจิก็ปลื้มใจในตัวลูกศิษย์

มิ้งจึงวิ่งเข้าไปอีกครั้ง พร้อมกับง้างหมัด คูเนลจึงใช้พลังจิตจ้องไปที่หมัด
“*อ๊ะ*” คูเนลคาดผิดมิ้งกลับกระโดดแทงเข่าใส่คูเนลจนกระเด็นออกไป แล้วมิ้งก็ตรงเข้ามาจับตีเข่าต่อทันทีไม่รีรอ
“ขอโทษด้วยนะครับ” เสียงคูเนลดังขึ้นมาข้างๆตัวมิ้ง เขาจึงแปลกใจมากซึ่งร่างของคูเนลที่ถูกเขาจับตีเข่าอยู่หายตัวไปโผล่ด้านข้าง พอมิ้งหันไปมองร่างของเขาก็กระเด็นลอยออกไปนอกสนาม แต่มิ้งพลิกตัวจับขอบรั้วไว้และดีดตัวกลับเข้ามาได้

“*นักเรียนปกติเนี่ยนะหรือจะสู้กับเจ้าอัลได้ขนาดนี้ ขนาดเจ้าลูกหมายังโดนแค่ทีเดียวก็หลับเลย*” เอวาเจลีนพูดขึ้นลอยๆ
“มาสเตอร์รู้จักคนนั้นด้วยเหรอ” เนกิถาม
“เขาก็คือคนในรูปนั้นไง” ทาคามิจิตอบ
“ฮ๊า... คนนั้นคือคนในกลุ่มเพื่อนของพ่อผมเหรอ” เนกิพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ
“สงสัยเจ้าหมอนั่น ฝีมือจะอ่อนหัดลง” เอวาเจลีนพูดขึ้นเยาะเย้ย
“ที่จริง น่าจะให้จับคู่ใหม่นะ ดูแล้ว ลูกศิษย์ฉันคนนั้นเขาสู้ไม่ได้หรอก” ทาคามิจิหัวเราะขึ้นเล็กๆ
“ของมันแน่” เอวาเจลีนยิ้มขึ้น
“จับคู่ใหม่โดยให้ผมลงเจอกับเขาเหรอครับ” แบงค์เดินเข้ามาดูด้วย
“ฮ่าๆ ก็คงงั้นละมั้ง ไม่ก็ฉัน มีแต่คนอยากปะมือกับพวกเขาอยู่แล้วนี่ การที่ได้ท้าทายกับคนเก่งๆมันดีตรงนี้ละ” ทาคามิจิบอก
“แล้วหน้าอย่างแกจะเอาอะไรไปสู้กับเจ้านั่น” เอวาเจลีนถาม
“ความน่ารักไงฮะ” แบงค์เอามือทุบอกตัวเองแล้วร่างของเขาก็กลายเป็นเด็กวัย 8 ขวบ
“*อะไรกัน เหมือนในฝันเลย หรือที่เราฝันนั้นมันเป็นจริง*” เอวาเจลีนตกใจขึ้นทันที

“แบบนี้ต้องเรียกของ” มิ้งพูดเสร็จเขาก็ก้าวเท้าขวาออกไปกระทืบพื้นข้างหน้าอย่างแรง แล้วเขาก็ร่ายรำเหมือนไหว้ครู แล้วเขาก็ลุกขึ้นมายืนปกติ
“ของขึ้นแล้วโว๊ย” มิ้งวิ่งตรงเข้าไปหาคูเนลทันทีด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น

เขาเตะก้านคออีกครั้ง ทำให้คูเนลต้องตกใจเมื่อพลังจิตของเขาสะกดพลังอะไรของมิ้งไม่ได้เลย ทำให้เขาโดนลูกเตะก้านคอของมิ้งเข้าไปเต็มๆ

“ฮ๊ะ... โดนเหรอเนี่ย” เอวาเจลีนตกใจ

แล้วคูเนลก็พลิกตัวมาตั้งหลักอีกครั้ง แต่มิ้งก็บุกเข้าลุยต่อทันที คูเนลจึงได้แต่หลบอย่างเดียว

“เจ้าบ้าอัลมันตกอับขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” เอวาเจลีนแปลกใจ
“ไม่หรอก” ทาคามิจิพูดขึ้น

ไม่นานนักคูเนลก็เสียหลัก มิ้งจึงใช้โอกาสนี้ใช้ท่าไอ้เข้ฟาดหางโดยเล็งเข้าที่กามหมายน๊อค แต่พอเขาหมุนตัวกลับมาก็ไม่เห็นคูเนลแล้ว

ปั้กกก......

คูเนลใช้ฝ่ามือฟันเข้าที่คอของมิ้ง ทำให้จุกจนพูดอะไรไม่ออกและล้มลง

1... 2... 3... 4... 5... 6... 7... 8... 9... 10...

“ผู้ชนะในคู่นี้คือ คูเนล ซันดาส ไม่น่าเชื่อจากการที่ตกเป็นฝ่ายรับตลอด มาพลิกเอาตอนท้ายเพียงการโจมตีครั้งเดียว ช่างสุดยอดจริงๆ”

“และที่แน่นอนต่อมา คู่ที่ 2 นักกีฬา นางาเซะ คาเอเดะ เข้ารอที่รอบรองชนะเลิศ ซึ่งรู้ผลกันเลยว่ารอบต่อไป 2 คนนี้จะต้องเจอกันแน่นอน”

“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เชิญคู่ต่อไปเลยค่า...”

เมื่อสิ้นเสียงประกาศ แบงค์และเนกิต่างก็เดินออกมาพร้อมๆกัน เนกิเดินออกมาพร้อมกับสีหน้าและแววตาที่มุ่งมั่น แต่แบงค์กลับยิ้มอย่างปกติ

“สองคนนั้นดูท่าจะน่าลุ้น น่าสนุกนะ” ทาคามิจิพูดขึ้น
“สวัสดี เอวาเจลีน เอ.เค. แมคโดเวล ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” คูเนลเดินเข้ามายืนดูข้างๆ
“แกกับพวกของแกหายไปไหนกันหมดละ” เอวาเจลีนถาม
“ไปใช้ชีวิตสนุกๆของแต่ละคนไงละ” คูเนลตอบ
“มาลองเล่นอะไรสนุกๆกันมั้ย” คูเนลถาม
“มาพนันกันว่า คู่นี้ใครจะชนะ” คูเนลพูดขึ้น
“ฮึฮึ... ได้ซิ *ในฝันมันก็บอกอยู่เจ้าหนูนั่นมันได้ที่ 2 ชนะแน่นอน*” เอวาเจลีนยิ้มขึ้น
“ฉันพนันเลยว่า เจ้าหนูเนกินั่น ยังไงมันก็ชนะ มันเป็นลูกศิษย์ฉันซะอย่าง” เอวาเจลีนบอก
“งั้นฉันก็คงต้องเลือกอีกฝ่ายละ แต่ถ้าเธอแพ้ ต้องใส่ชุดว่ายน้ำทับชุดที่ใส่เดินเล่นกับฉันแล้วกันนะ” คูเนลพูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่งอันแสนกะล่อน

“ถึงคู่หนูเนกิอีกรอบน๊อ” เจ้าลุกขึ้นมาดูทันที
“แต่อีกฝ่ายก็น่ากลัวใช่ย่อยนะ” มานะบอก
“ไม่หรอก อีเขารับงานอั๊วไว้แล้ว หนูเนกิชนะแน่นอน แต่อีคงอยากสู้กับหนูเนกิให้สนุกๆก่อน แน่นอน” เจ้ายิ้มขึ้น
“อย่างนี้ซินะ” มานะเองก็ยิ้มขึ้นนิดๆ
“แต่ไม่ต้องห่วง อีเองชอบต่อสู้กับคนเก่งๆ ต่อให้จบการแข่งแล้ว อีอาจจะมีการท้าเจอกับหนูเนกิใหม่ก็ได้ แบบสู้กันให้รู้ผลจริงๆ” เจ้าพูดเสร็จก็หยิบไทม์แมคชีนของเธอขึ้นมาดู
“แต่ดูแล้ว ห้องของอ.ทาคาฮาตะ นั้นก็น่าสนใจพอๆไม่แพ้ห้องเราเลยนะ ก่อนเคยคิดที่อยากจะลองสู้กับพวกเฟย แต่ตอนนี้ชักอยากสู้กับคนพวกนี้แล้ว” มานะบอก

“*แต่มันจะเป็นไปได้ไง เจ้าบ้านั่นมันก็น่ากลัวใช่ย่อย ตั้งแต่ตอนสู้กับเรา เจ้าหนูนั่นมันจะชนะเจ้านั่นได้ไง ถ้าขืนแพ้ขึ้นมา ต้องมาใส่ชุดว่ายน้ำไปเดินกับไอ้ลามกนี่แน่เลย*” เอวาเจลีนนึกขึ้นอย่างหวั่นใจ

“ช่วยลงมือให้เต็มที่เลยนะครับ” แบงค์ยิ้มให้
“รุ่นพี่เองก็ช่วยออมมือให้ผมด้วยนะครับ” เนกิเองก็ยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ครับ แน่นอนอยู่แล้ว...” แบงค์พูดเสร็จ เนกิก็แปลกใจกับคำพูดนั้น
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #28 on: July 11, 2006, 05:43:18 AM »

ตอนที่ 28 กระบวนท่าปริศนา

การต่อสู้รอบก่อนรองชนะเลิศคู่ที่ 3 เริ่มได้ค่า.....

“ลำนำสัปยุทธ์” เนกิใช้เวทย์มนต์เสริมกำลังทันที

“เจ้าบ้าเนกิมันจะสู้ได้เหรอ” อาสึนะพูดขึ้น
“น่าจะได้นะค่ะ” เซตซึนะบอก
“ข้าน้อยเองก็คิดว่าหนูเนกิคงสู้สุดใจเจ้าค่ะ แต่อีกฝ่ายนั้น จากที่ดูมาแต่รอบนั้น สู้ได้น่ากลัวมาก” คาเอเดะยืนวิเคราะห์ข้างๆ

“*เราไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นยังไง แต่ชนะเอวาเจลีนมาได้ ต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวแน่นอน*” เนกิตั้งสติอยู่สักพัก
“งั้นผมเป็นฝ่ายบุกแล้วกันนะครับ” แบงค์พูดขึ้นแล้วเขาก็เดินเข้ามาอย่างช้าๆ
“*เราคงต้องสวนกลับอย่างรวดเร็วมันเป็นทางเดียว*” เนกินึกขึ้นเสร็จ แบงค์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว
“*มาถึงเมื่อไหร่เนี่ย*” เนกิตกใจ แล้วแบงค์ก็ออกหมัดซ้ายใส่แต่เนกิจับที่ข้อมือและบิดแขน แบงค์จึงหมุนตัวตามแรงบิดและใช้ขาทั้ง 2 ข้างเตะใส่เนกิจนกระเด็นออกไป

“เจ้าบ้าเนกิมันทำอะไรของมันเนี่ย” อาสึนะบ่นขึ้น
“สงสัยหนูเนกิคงจะคิดอะไรเรื่อยเปื่อย หรือใจลอยก็ได้นะเจ้าค่ะ” คาเอเดะบอก
“ใช่เลี้ยว ขนาดรุ่งพี่เดินเข้ามาอย่างช้าๆ เนกิคุงยังใจลอยอยู่เลย แถงกางโจงตีปกติของรุ่งพี่นั้น เนกิคุงกลับใช้ท่าป้องกังในแบกที่ผิก” เฟยพูดขึ้น
“คุณครูเนกิ อาจจะคิดหรือประเมิณคู่ต่อสู้ไว้สูงเกินไป จนคิดมากและกลัวขึ้นมาก็ได้นะค่ะ” เซตซึนะบอก

“*นี่เราคิดมากไปเองหรือเนี่ย*” เนกิเริ่มกระวนกระวายใจและสับสนกับตัวเอง

“ศรวายุ 1 ดอก(ฟรานเอ๊กเซลไมติโอ้)” เนกิตัดระยะเข้ามาพร้อมกับยิงเวทย์มนต์เสยคาง แต่แบงค์กลับตีลังกาไปข้างหลังและใช้ขาทั้งสองข้างดีดเนกิจนกระเด็นลอยขึ้นไป แล้วแบงค์ก็ใช้หมัดซ้ายกระโดดเสยขึ้นไปเข้าที่ท้องของเนกิ และเหวี่ยงหมัดทุ่มร่างของเนกิลงไปที่พื้น ก่อนทิ้งตัวลงมาโดยหมุนตัวใช้ส้นเท้าฟาดลงเข้าที่ร่างของเนกิ

“โอ้... โจงตีต่อเนื่องได้สุกยอกจริงๆ นำกระบวงท่าหลายท่ามาใช้ต่อเนื่อง สงสัยลูกศิกอั๊วแพ้แน่เลย” เฟยตะลึงขึ้น
“สงสัยเนกิคุงคงอาจจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนนั้นก็ได้” ทาคามิจิพูดขึ้น
“อะไรกัน แค่นี้เจ้านั่นมันไม่ถึงกับแพ้หรอก” โคทาโร่บอก

2… 3… 4…

“มาครับ ผมช่วย” แบงค์ยื่นมือให้เนกิ

6... 7... 8...

“ไม่เอาน่า คนที่ชนะในรอบนี้ ต้องเป็นเธอไม่ใช่ฉัน ฉันไม่ต้องการที่จะเจอกับคนในห้องของฉันหรอก” แบงค์ดึงแขนเนกิขึ้นทันที

“อะไรกัน ฝ่ายตรงข้ามยังไม่ทันแพ้ แต่กลับช่วยดึงขึ้นมา หรือว่าเขาจะยังสู้ไม่ถึงใจหรือ” คาสึมิและผู้ชมต่างแปลกใจกับการกระทำของแบงค์

“เอาจริงเลยซิครับ ผมรออยู่” แบงค์ยิ้มให้
“ครับ” เนกิพูดเสร็จเขาก็วิ่งตรงเข้ามา
“ฝ่ามือเคลื่อนพิภพ” เนกิใช้ฝ่ามืออัดเข้าที่กลางอกของแบงค์เต็มๆโดยที่เขาไม่หลบเลย
“เอาอีกครับ” แบงค์บอก
“หมัดแปดปรมัตถ์” เนกิถอยออกมาและพุ่งเข้าไปอีกครั้ง

“ไอ่หย๋า พุ่งเข้าตรงๆแบกนี้ หนูเนกิแย่แน่” เฟยพูดขึ้น แล้วแบงค์ก็จับที่ข้อมือของเนกิและหักเข้าอัดใส่ตัวเอง
“เจ้านั่นมันอึดเกินคนหรือเปล่า” เอวาเจลีนพูดขึ้น
“ใช่แล้ว เขาเหมือนกับเธอนั่นละ จำไม่หรือ เขาโดนคูจังอัดเอาเต็มๆ เหมือนกับว่าเขาโดนตัดกำลังมาก่อน แต่เขาก็ยังคงสู้กับเนกิได้เหนือกว่ากันอย่างเห็นได้ชัด” ทาคามิจิบอก
“เจ้าหนู แกใช้พลังรวมกับท่าบ้าบอของแกด้วยซิโว๊ย ถ้าแกแพ้ขึ้นมา ฉันจะฆ่าแก” เอวาเจลีนตะโกนขึ้น

“*จริงซิ ถ้าโจมตีด้วยท่ากังฟูรวมกับเวทย์มนต์ อาจจะหนักหน่วงขึ้น*” เนกินึกขึ้นได้
“เอาเลยครับ ใส่มาเลย เต็มๆ ผมอยากเห็นพลังที่แท้จริงของสายเลือดชายคนนั้น” แบงค์ยิ้มให้
“ศรวายุ 3 ดอก(ฟรานเอ๊กเซลไมติโอ้)” เนกิร่ายเวทย์มนต์ขึ้นพร้อมกับตัดระยะเข้าไป แต่แบงค์ก็เตะเข้าที่คางของเนกิเต็มๆ จนกระเด็นออกไป
“*มาข้างหลังแล้ว*” เนกิจับสัมผัสได้จึงพลิกตัวใช้แขนข้างหนึ่งรับลูกเตะของแบงค์พร้อมกับใช้มือที่ร่ายเวทย์มนต์ไว้ยิงศรเวทย์มนต์อัดใส่แบงค์เข้าเต็มๆ

“ดูเหมือนจุดอ่อน เด็กคนนั้นจะมองหายากนะ” คูเนลพูดขึ้น
“อะไร หรือว่าแกมองออก” เอวาเจลีนถาม
“หอมแก้มฉันก่อนซิ ถึงจะบอก” คูเนลตอบ ทำให้เอวาเจลีนโมโหขึ้น

“ฝ่ามือเคลื่อนพิภพ” เนกิตัดระยะลงมารอข้างล่างและใช้ฝ่ามืออัดเข้าที่กลางหลังของแบงค์ จนร่างของเขาลอยสูงขึ้นไปและตกลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง

“*อะไรกัน ทำไมเจ้านั่นถึงกับนิ่งเป็นหินไปเลย หรือจะเป็นผลของฝ่ามือติงต๊องนั่น*” เอวาเจลีนประหลาดใจ

2... 3... 4... 5...

“ยินดีด้วยนะครับ อ.เนกิ ที่ลงมือจริงๆกับผม ผมแรงกว่านี้อีกนะครับ” แบงค์พูดเสร็จเขาก็ลุกขึ้นมายืนและปัดฝุ่น

เนกิจึงบุกเข้ามาอีกครั้งด้วยการตัดระยะพร้อมกับใช้ศอกอัดเข้าที่ท้องและใช้ฝ่ามือเสยคางของแบงค์จนลอยขึ้นไป แบงค์ที่ตั้งสติได้จึงหมุนตัวเตะไปด้านข้าง เนกิที่ตัดระยะขึ้นไปข้างบนนั้น โดนแบงค์เตะเข้าจังหวะพอดีจึงกระเด็นล่วงลงมา

“*มองไม่ออกเลยว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหน*” เนกิเริ่มหวั่นใจ แล้วเขาก็ตัดระยะเข้าไปพร้อมกับโจมตีด้วยกระบวนท่ากังฟูต่างๆ แต่แบงค์ก็ยังคงหลบได้บ้างและโดนโจมตีเข้าบ้างในบางครั้ง แต่เขากลับยังยืนอยู่ได้ไม่กระเด็นหรือล้มไปเหมือนคนอื่นที่โดน

“รุ่งพี่คงนั้งอึกจริงๆ ปกติโดงอั๊วอักลงปรางแล้ว ไม่น่ามีแรงขนากนี้ แถงยังโดงลูกศิกอั๊วเล่งงานต่อเรื่อยๆก็ยังยืงอยู่ได้” เฟยเองก็ประหลาดใจ

เนกิที่บุกเข้าเรื่อยและจู่โจมด้วยกระบวนติดกันอย่างต่อเนื่องไม่เปิดช่องว่างให้แบงค์ได้หลบหนีหรือโจมตีสวนกลับ แบงค์จึงได้แต่ก้าวถอยพร้อมกับปัดป้องการโจมตี

“ดูเหมือน หนูเนกิจะติดกับดักของรุ่นพี่คนนั้นแล้วนะ” มานะพูดขึ้น
“น่าจะใช่นะ แต่อั๊วดูไม่ออก ลื๊อบอกทีซิ” เจ้าก็จ้องมองไม่คาดสายตา
“ดูการเดินของรุ่นพี่คนนั้นซิ” มานะพูดขึ้น
“เป็นวงกลมเนี่ยนะ” เจ้าเองก็ประหลาดใจ
“อ๊ะ ไม่ซิ อีเดินถอยเป็นวงกลมจากขอบสนามเข้าไปตรงกลางนี่” เจ้ามองเห็นถึงข้อสงสัย

“ไอ่หย๋า หนูเนกิแย่เลี้ยว” เฟยที่เพิ่งนึกขึ้นกระบวนท่าหนึ่งได้จึงพูดขึ้น
“แย่ยังไง” อาสึนะถาม
“หนูเนกิติกอยู่ในช่วงร่ายรำกระบวงท่า จุดมรณะ หากหนูเนกิโดงเข้าถ้าร่างกายไม่แข็งแรงอากตายได้” เฟยตอบ
“แต่ดูสภาพทางฝ่ายโน้นก็ย่ำแย่แล้วเหมือนกันนะ เดินเหมือนเซไปมา จะล้มเอา” เซตซึนะมองดูการเดินที่ไม่เหมือนเดินของแบงค์
“เนกิ อย่าตามเจ้านั่นไป” อาสึนะตะโกนขึ้นบอกทันที
“ฮ๊ะ” เนกิได้ยินจึงหยุดก้าวและออกหมัดใส่แบงค์แทน แต่แบงค์ที่โดนเนกิโจมตีฝ่ายเดียวอย่างหนักหน่วงจนเหมือนจะล้มลงนั้น กลับหมุนตัวหลบและกระชากข้อมือเนกิของหมัดที่ใช้โจมตี
“นั่นน่ะ รุ่นพี่คนนั้นกะโจมตีกลับทีเดียวชนะเลยมั้ง” มานะพูดขึ้น
“อ๊อ อั๊วจำได้ละ วิชานี้ แต่อั๊วไม่เคยเห็นคนไหนใช้มาก่อนเลย” เจ้าบอก
“เพราะไม่มีใครเห็นหรอกว่าวิชานี้เป็นไง นอกจากคนที่โดน” มานะพูดเสร็จร่างของเนกิที่ยืนอยู่นั้น จู่ๆก็กระเด็นออกไปยังขอบสนาม

ผู้ชมและนักกีฬาคนอื่นต่างตะลึงว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆเนกิที่ยืนอยู่ ไปโผล่ยังขอบสนามในสภาพที่โทรมหนัก

1... 2... 3...

“*อะไรกัน เจ้าหนูนี่แพ้เหรอเนี่ย*” เอวาเจลีนนึกขึ้นด้วยความเจ็บใจแล้วก็หันไปมองที่อัลที่กำลังนึกอะไรบางอย่างแล้วเขาก็หันมามองที่เอวาเจลีน
“สงสัย เธอต้องไปหาชุดว่ายน้ำน่ารักๆ รอฉันไว้ได้เลยนะ” อัลพูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์

4... 5... 6...

“ไอ่หย๋า ไม่ใช่อย่างที่อั๊วคิกเหรอเนี่ย” เฟยเองก็ตกใจกับกระบวนท่าปริศนา
“เจ้าบ้าเนกิ ลุกขึ้น อย่าเพิ่งแพ้ซิ” โคทาโร่ตะโกนเรียกให้กำลังใจ
“รุ่นพี่คนนี้ช่างแกจริงเลยนะเจ้าค่ะ” คาเอเดะพูดชื่นชม

7... 8...

“*เนกิ ลุกขึ้นซิ*” อาสึนะพูดให้กำลังใจอย่างเงียบๆ
“สงสัยหนูเนกิคงจะแพ้แล้วละซิ” มานะบอก



“ไม่หรอก หนูเนกิยังมีดีกว่านี้อีกเยอะ และอีกอย่าง อีทำงานไม่เคยพลาด อีก็รับงานไปว่าจะแพ้หนูเกิให้อั๊ว เพราะฉะนั้น อีอาจจะรู้ขีดจำกัดและความตั้งใจของหนูเนกิ อีจึงลงแรงที่ดูน่ากลัวลงไป แต่ไม่ถึงกับทำให้หนูเนกิแพ้ได้หรอก” เจ้ายิ้มขึ้น แล้วเนกิก็ค่อยลุกขึ้นในวินาทีสุดท้าย

“โอ้ ไม่น่าเชื่อ นักกีฬาเด็กน้อย เนกิ สปิงฟิลด์ ยังลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง เอาทำให้ผู้ชมและคนอื่นลุ้นแทบแย่”

“*สมแล้วที่เป็นลูกชายคนนั้น*” แบงค์ยิ้มให้
“เห๊อ” เอวาเจลีนถอนหายใจทันที

“มาเลยครับ ผมจะขอสู้กับรุ่นพี่อีกครั้ง ยังไงผมก็ไม่ยอมแพ้หรอก ตราบใดที่ผมยังลุกขึ้นได้อยู่” เนกิตั้งท่าสู้อีกครั้ง
“ครับ เพราะยังไงแล้ว นี่อาจจะยังไม่ใช่การต่อสู้ที่เราสองคนต้องลงจริงลงจังหรอกนะครับ เมื่อกี้ผมแค่ทดสอบสายเลือดของชายคนนั้น” แบงค์พูดเสร็จ เนกิก็กลับเข้าสู่สภาพสับสนอีกครั้ง
“*มันหมายความว่ายังไงกัน รุ่นพี่คนนั้นพูดถึงอะไร เขาอัดเราขนาดนั้น นั่นยังไม่ใช่ตอนเอาจริงอีกเหรอเนี่ย*” เนกิตะลึงอยู่ชั่วขณะและเริ่มเกิดอาการหวาดกลัวขึ้นในใจเล็กๆ
“*ไม่ซิ เราจะแพ้ไม่ได้ เราไม่ได้หวังชนะเพราะรางวัล แต่เราต้องทำตามรอยเท้าของท่านพ่อให้ได้*” เนกิตัดความกังวลใจทิ้งแล้วกำหมัดแน่
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #29 on: July 11, 2006, 05:43:52 AM »

ตอนที่ 29 ชัยชนะที่ไม่ต้องการ

เหตุการณ์ในกระบวนท่าปริศนา
“เนกิ อย่าตามเจ้านั่นไป” อาสึนะตะโกนขึ้นบอกทันที
“ฮ๊ะ” เนกิได้ยินจึงหยุดก้าวและออกหมัดใส่แบงค์แทน แต่แบงค์ที่โดนเนกิโจมตีฝ่ายเดียวอย่างหนักหน่วงจนเหมือนจะล้มลงนั้น กลับหมุนตัวหลบและกระชากข้อมือเนกิของหมัดที่ใช้โจมตี

วู่ปปปปป.............................

“อะไรกัน” เนกิประหลาดใจเมื่อเขามองไปรอบๆนั้นไม่มีใครอยู่เลยเหมือนกับว่าศาลเจ้าที่นี่ร้าง
“อ.เนกิ คงจะไม่เอ็ดใจเลยละซิว่าทำไม” เสียงของแบงค์ดังขึ้นแต่เนกิกลับมองไม่เห็น
“ที่นี่ก็คือที่ที่เราสู้กัน ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจ อ.เนกิจำได้ไหมว่า ตอนโจมตีผมมานั้น ผมเดินถอยหลังโดยใช้เท้านั้นเขียนวงเวทย์ขึ้น และที่นี้ก็คือวงเวทย์กาลเวลา ทุกสิ่งข้างนอกนั้นจะหยุดนิ่ง เหมือนกับว่าในนี้มันหยุดเวลาไว้หมด จะไม่มีใครเห็น และแน่นอน อ.เนกิ เตรียมรับมือการโจมตีของผมบ้าง” เสียงของแบงค์ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน” เนกิยังคงสับสนอยู่
“จะพูดไปก็คงจะไม่เข้าใจ พูดด้วยผลเลยแล้วกันว่า ผมนั้นต้องการแค่ตัดกำลัง อ. เนกิ เท่านั้น” แบงค์พูดเสร็จแล้วเขาก็ตีลังกาหน้ามายืนด้วยมือและเหวี่ยงขาหมุนเป็นพายุ แต่ขาที่เหวี่ยงไปนั้นกลับผ่านทะลุร่างของเนกิไป
“*นี่มันอะไรกัน*” เนกิประหลาดใจ

ฮึ...

ร่างของแบงค์จู่ๆก็โผล่เข้ามาด้านหลังเนกิพร้อมกับซัดจนกระเด็นออกไป เนกิจึงพลิกตัวกลับมาตั้งหลัก ซึ่งเห็นร่างของแบงค์มี 2 คน
“*แยกร่างเงาหรือเนี่ย แต่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ยังไม่รู้เลย ในนี้ไม่มีใครเห็น เราก็ใช้เวทย์มนต์ได้ตามสะดวกแล้วละซิ*” เนกินึกขึ้นได้
“ภูติสายลมทั้ง 13 ตนจงออกมา” เนกิร่ายเวทย์มนต์สร้างร่างเงาคล้ายเขาขึ้นมาจากลม 13 ร่าง
“ผมบอกไว้แล้วไงว่า เตรียมรับไว้ดีกว่า ไม่ต้องขืนสู้หรอก” แบงค์พูดเสร็จเขาจึงเหวี่ยงหมุนให้เร็วขึ้นภูติลมเหล่านั้นก็ดูแรงหมุนของแบงค์ดูดเข้าไปและถูกโจมตีสลายหายไปหมด
“การยืนเฉย ไม่ขอแนะนำให้ใช้นะ เวลาจะสู้กับใครก็ตาม” แบงค์กระซิบข้างๆหูเนกิ ก่อนที่เขาจะซัดเนกิจนลอยไปชนกับอีกร่างที่หมุนเตะจนกระเด็นกลับออกมา แบงค์จึงตัดระยะไปดักทางและอัดเนกิโดยการเล็งให้ไปกระแทกกับวงล้อของเขา ด้วยแรงเหวี่ยงและแรงกระแทกจากการโจมตี ทำให้เนกิสับสนจนป้องกันไม่ถูกว่าจะโดนโจมตีจากทางไหน

จนแบงค์ที่หมุนเป็นวงล้อนั้นหุบขาและดีดร่างของเนกิลอยสูงขึ้นไป และอีกร่างก็ตัดระยะไปดักทางอีกพอดี
“ขอทดสอบหน่อยละกันว่า สายเลือดชายคนนั้นจะอดทนสักแค่ไหน” แบงค์พูดเสร็จเขาก็ทุบร่างของเนกิลงมา
“ถ้ายังใสซื่อแบบนี้ รับรองได้เลยว่า ไม่มีทางได้เหมือนเจ้าคนนั้นแน่” แบงค์ที่อยู่ข้างล่างใช้มือดีดตัวกระโดดขึ้นมาและหมุนตัวเตะก้านคอเนกิจนกระเด็นออกจากวงเวทย์ไป

1... 2... 3... 4... 5... 6... 7... 8... 9...

แล้วเนกิก็ลุกขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับแววตาที่มุ่งมั่นที่จ้องมองมาที่แบงค์
“ศรวายุ 31 ดอก(ฟรานเอ๊กเซลไมติโอ้)” เนกิร่ายเวทย์มนต์ขึ้นซึ่งต้องใช้เวลาในการร่าย
“งั้นฉันขอหลับตาลงสัก 9 วินาที เธอคงทำสำเร็จนะ” แบงค์พูดเสร็จเขาก็หลับตาเพื่อผ่อนคลาย
“ฉันให้ อ.เนกิ อัดมาก่อนได้เลยในช่วงเวลา 9 วินาที ก่อนที่จะไม่ได้ทำ” แบงค์พูดขึ้นอย่างมั่นใจและปริยิ้มเล็กๆ

“รุ่นพี่คนนั้นต่อให้หนูเนกิมากไปหรือเปล่า” มานะพูดขึ้น
“ไม่หรอก ถ้าเอาเทปมาฉายซ้ำและดูดีๆ หนูเนกิยังโจมตีไม่โดนอีเลย ตั้งแต่ทีอีเล่นมากไป คือช่วงที่อีนอนนิ่งไปนั่นแหละ เหมือนจะโดนนะ แต่ดูดีๆ อีถอยหลบระยะโจมตีออกมา 1 ซม. ได้ตลอด อย่างมากหนูเนกิก็ทำให้เสื้อผ้าของอีขาดได้ ก็น่าปลื้มแล้วละ” เจ้าอธิบายให้ฟัง

“ครับ ฝ่ามือแปดปรมัตถ์” เนกิพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยหมัดที่นำมาก่อนพร้อมกับกระสุนที่ลอยตาม เนกิออกหมัดอัดใส่ท้องแบงค์เข้าเต็มๆ แล้วเขาก็ต่อด้วยศอกและหมัดอีกข้างเสยคางขึ้นก่อนที่จะหมุนตัวใช้หมัดเดิมเสยขึ้นอีกครั้งจนร่างของแบงค์ลอย เนกิจึงตัดระยะเข้าไปดักและใช้ฝ่ามืออัดลงเข้าที่กลางหลัง แต่แล้วร่างของแบงค์กลับหายไป

“ลูกเตะนกน้อยเหิน” แบงค์ปรากฎตัวอีกครั้งด้านหลังเนกิพร้อมกับถีบร่างของเนกิจนกระเด็นตกลงมากระแทกกับพื้น

“ฮึฮึ... เพลงเตะที่เขาถนัด เขาเพิ่งใช้กระบวนท่าที่เขาค้นคิดออกมาเองเหรอเนี่ย เห็นสู้กันตั้งนานยังไม่ได้ใช้ไรเลย” ทาคามิจิมองดูการต่อสู้อย่างชื่นชม
“*สภาพมันโทรมยิ่งกว่าเจ้าเนกิ ทำไมมันถึงยังมีแรงมากกว่าอีกละ*” เอวาเจลีนประหลาดใจ
“*เจ้าเนกิ จะไหวเหรอนั่น*” อาสึนะเกิดความเป็นห่วง
“หนูเนกิ ยังคงสู้อย่างมุ่งมั่นเจ้าค่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก” คาเอเดะบอก
“เนกิ มันถนัดใช้ขา หักขามันเลย” โคทาโร่ตะโกนบอก

พอเนกิที่ลุกขึ้นตั้งตัวได้ก็เห็นแบงค์ยืนอยู่ตรงหน้า
“หมัดวายุ (ศรเวทย์มนต์ 1 ดอก)” เนกิออกหมัดใส่พร้อมกับปล่อยเวทย์ แต่แบงค์ก็หมุนตัวหลบพร้อมกับเหวี่ยงขามาฟาดด้วยท่า ฟาดหางจระเข้ของมิ้งและหลังจากนั้นก็เตะรัวใส่เนกิทั้งสลับทั้งหมุนทิศทาง เข้าทุกด้าน ทำให้เนกิที่โดนเตะจนมึนนั้น มองไม่ถูกว่าแบงค์โจมตีมาทางไหน จนสุดท้ายพอเนกิตั้งสติได้และจับทิศทางการเคลื่อนไหวของแบงค์ได้ เขาจึงปล่อยศรเวทย์มนต์พร้อมกับหมัดอันหนักหน่วงใส่แต่ในจังหวะสุดท้ายของกระบวนท่าของแบงค์นั้น

“*พลาดเหรอเนี่ย*” เนกิตกใจเมื่อเห็นแบงค์ก้มตัวลงหลบแล้วเขาก็กระโดดเสยขึ้นพร้อมกับเข่าที่เสยคางเนกิจนกระเด็นลอยออกไป
“*ไม่ได้ เรามึนและสับสนมากไป เราไปมองตามรุ่นพี่คนนั้นที่เคลื่อนไหวเร็วเกิน เราต้องใช้อย่างอื่นจับจิต*” เนกิหลับตาลงและพลิกตัวกลับมาตั้งหลักอีกครั้ง
“ศรวายุ 9 ดอก” เนกิฟังเสียงเท้าของแบงค์ที่เอียงไปทางขวาเล็กน้อย ทำให้รู้ว่าแบงค์จะวิ่งไปทางขวา เนกิจึงตัดระยะไปดักรอพร้อมกับยิงกระสุนเวทย์และใช้หมัดเสยร่างของแบงค์จนลอยขึ้นไป
“ใยแส้สายลมกักขัง” เนกิตัดระยะขึ้นไปรอพร้อมกับยิงสายลมจำนวนมากเข้ามามัดร่างของแบงค์ไว้พร้อมกับออกหมัดอัดใส่เข้าเต็มๆจนตกลงมากระแทกกับพื้น
“สุดท้าย หมัดอภิมหาซากุระร่วงโรย(ศรวายุ 21 ดอก)” เนกิทิ้งตัวลงมาพร้อมกับหมัดเวทย์มนต์อัดใส่ร่างของแบงค์ที่ถูกกักขัง จนทำให้เกิดแรงระเบิดขนาดใหญ่ไปทั่วสนาม

“ช่างคิดได้เยี่ยมดีจริง รู้ว่าผมหลบเก่ง จึงกักขังไว้ไม่ให้หนีเพื่อโจมตีทีเดียวหมายชนะ” เนกิต้องตกตะลึงเมื่อหมัดของเขานั้นอัดพื้นเปล่าซึ่งแบงค์มายืนอยู่ด้านหลัง แต่ควันที่ฟุ้งกระจายไปทั่วทำให้ไม่มีใครมองเห็น
“เรื่องอันนี้ อาจจะอธิบายไม่ยาก ผมแยกร่างออกมา 2 ร่าง ซึ่งร่างที่เนกิอัดอยู่นั้นคือ ร่างเงา ฝึกฝนต่อไปนะ” แบงค์พูดเสร็จเขาก็รีบลงมานอนกับพื้นพร้อมกับจับหมัดของเนกิกดที่ร่างของเขา
“เอาน่า เธอชนะแล้ว” แบงค์ยิ้มให้
“*นี่มันอะไรกัน*” เนกิยังตะลึงและสับสนในบางเรื่อง

“ไม่น่าเชื่อ มันเกิดอะไรขึ้น ใครก่อการร้ายรึเปล่า มาทิ้งระเบิด ควันยังฟุ้งอยู่เลยค่า...”

“หนูเนกิก็ฉลาดใช่ย่อยเลยนะเนี่ย” มานะพูดชื่นชม

พอควันจางหายลง ทุกคนก็เห็นร่างของแบงค์ที่นอนหลับใหลอยู่บนพื้น
“เก่งมากเจ้าหนู “ เอวาเจลีนดีใจขึ้นทันที
“เสียดายจัง อุตส่าจะได้เห็นของสวยๆงามๆแล้วนะเนี่ย” อัลพูดขึ้นอย่างเศร้าใจ
“ฮึฮึ... ฉันเองก็ชักอยากจะเจอกับเนกิคุง บ้างแล้วซิ” ทาคามิจิบอก

7... 8... 9...  10...

“ผลการแข่งขันของคู่นี้... เอ๋...” คาสึมิประหลาดใจเมื่อเธอนับถึง 10 ทันทีแบงค์ก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับรอยยิ้มและปัดฝุ่นก่อนที่จะโบกมือให้กับผู้ชมอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส ทุกคนที่ดูกันนั้นต่างอึ้งเงียบกันไปตามๆกัน

“แฮะๆ สงสัยเนกิคุงคงอาจจะยังไม่ชนะก็ได้ละมั้ง” ทาคามิจิหัวเราะขึ้น
“ถือว่าช่วยกัน เธอใส่ชุดว่ายน้ำให้ฉันดู” อัลหันมามองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ เอวาเจลีนจึงต่อยเข้าเต็มหน้าใต้ผ้าคลุม

“เห็นมั้ยละ หนูเนกิต้องชนะได้แน่นอนเจ้าค่ะ” คาเอเดะยิ้มขึ้น
“ลูกศิกอั๊วเอง ฮึอึ” เฟยตะโกนไปทั่ว
“สมแล้วที่เป็นอาจารย์ในห้องของพวกเรา” เซตซึนะพูดชื่นชม

“เนกิคุง ไว้เจอกันคราวหน้า ถ้าชนะฉันอีก ฉันจะบอกเรื่องราวบางอย่างเกี่ยวกับ ชายคนนั้นให้ฟัง” แบงค์ให้ยิ้ม
“ครับ” เนกิที่ยังสงสัยค้างคาใจอยู่ แต่เขาก็ตัดทิ้งไปในช่วงนั้นโดยการตอบอย่างเต็มใจ ก่อนที่เขาจะยืนโซเซไปมา เพราะหมดแรงแถมสภาพที่โทรม แบงค์จึงวิ่งเข้ามาประคองก่อนที่ให้เนกิขี่หลังและทั้งคู่ก็เดินออกไปจากสนามด้วยเสียงเฮของผู้ชมอันดังทั่วสนาม

“ต่อไปก็เราแล้วซินะ” เซตซึนะหันไปมองดูที่เต้ผู้ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้
“ชายคนนั้นจะเป็นยังไงกัน” เซตซึนะประเมิณความสามารถของเต้ไม่ถูก
“แบงค์ เราจะชนะเอาที่ 1 มาให้ดู” เต้มองดูถุงมือข้างซ้ายที่แบงค์ให้มาก่อนที่จะกำหมัดแน่น แล้วเขาก็เดินมารอตรงทางออกพร้อมกับเซตซึนะ


ฟี๊... ปึก พึก...

แบงค์ที่เดินออกมาจากสนามไม่ทันสุดทาง ร่างของเขาก็ล้มลงไปพร้อมกับเนกิที่แบกอยู่บนหลัง ซึ่งเขาเอามือทั้งสองข้างกุมหน้าไว้
“*ตาของเรา เกิดอะไรขึ้นเนี่ย*” แบงค์ลืมตาขึ้นแต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลย
“รุ่นพี่เป็นอะไรเหรอเปล่าครับ” เนกิถาม
“ไม่หรอก เราไปกันต่อเถอะ” แบงค์หันมายิ้มให้ก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินไป
“*ดวงตานั่น*” เนกิตกใจกับดวงตาของแบงค์ที่จางหายไปและมีเลือดไหลออกมา
Logged


Pages: [1] 2  All
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.26 seconds with 21 queries.