บทต่อๆไปในอนาคต
ฮาริซันยิ้มขณะมองลงไปในดวงตาสีเขียวดั่งมรกตของเรจิน่า เธอช่างต่างกับเจ้าหญิงจากดินแดนอันสูงส่งที่เขาคาดไว้ เธอไม่เย่อหยิ่ง ไม่ถือตัว ไม่เรื่องมากเอาแต่ใจ แต่เธอเหมือนดั่งสาวแรกรุ่นทั่วไปที่ตามหาความฝัน ซุกซน อยากรู้อยากเห็น ร่าเริงและเป็นตัวของตัวเอง ดวงตาสีเขียวของเธอ ดูราวกับค้นหาอะไรบางอย่างที่ยากจะเข้าใจ คงมีเพียงความงามของเธอเท่านั้นที่บ่งบอกความเป็นเจ้าหญิงที่เจิดจรัสออกมา
"นางช่างเหมือนสายลม" ฮาริซันรำพึง
"ใช่ ฟีเลเซียของเราเปรียบเป็นสายลมเป็นความสูงส่ง เป็นดั่งที่รองพระบาทพระเจ้า..."
เรจีน่ากล่าวตอบพร้อมยิ้มซุกซน
"ไม่ใช่เช่นนั้น...ข้าหมายถึง องค์หญิงเหมือนสายลมที่พัดเย็น โชยผ่านมา เปี่ยมด้วยความสดชื่น สดใส แต่ไม่อาจจับสายลมอันเย็นสดชื่นนี้ไว้ได้ ได้แต่ปล่อยให้พัดผ่านไป จนข้าคิดว่าหากได้พัดผ่านมาอีกครั้ง ข้าคงรีบต้องสูดเข้าเป็นลมหายใจ ให้นางอยู่ในใจข้าไม่พัดหนีไปไหนอีก"
เจ้าหญิงนิ่งงัน แก้มอิ่มของเธอกลายเป็นสีแดงระเรื่อ เมื่อจับต้องกับแสงอาทิตย์ยามเย็น ช่างน่าจุมพิตยิ่งนัก แม้ไม่มีคำพูดออกมาจากปากงามของเธอ แต่ในใจกลับสับสนและเต็มไปด้วยคำพูดมากมาย
"ชายคนนี้นี่ช่างกระไร เกี้ยวอิสตรีได้หน้าตาเฉย นี่เค้าพูดจากใจจริงหรือ...แววตาคมเข้มสะท้อนออกมาแต่ความซื่อตรง สีหน้าสุขุมของเค้าไม่มีแววล้อเล่นแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้เราแทบลืมหายใจ คนบ้าอะไรเนี่ย เค้าตรงไปตรงมาจนน่าใจหาย น้ำเสียงนุ่มทุ้มแสดงความหนักแน่นมั่นคง แล้วรอยยิ้มที่อ่อนโยนนั่นอีกเล่า โอ้...พระเจ้า มันเกิดขึ้นกับลูกจริงหรือนี่ ลูกจะห้ามใจตัวเองอย่างไรไหว..."
ความเงียบงันเป็นเวลานานเริ่มสร้างความกังวลให้ชายหนุ่ม เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป เขาก็แทบหัวใจวาย นึกในใจว่า
"...เมื่อครู่นี้...ข้าพูดออกไปได้อย่างไรกัน ความงามของนางความน่ารักของนางทำให้ข้าลืมตัว จนพูดความในใจที่ข้าไม่อาจเอื้อมออกไปได้หรือนี่ นางโกรธข้ารึเปล่า ยิ่งเวลานี้...นางจะหาว่าข้าฉวยโอกาสตอนนางขอความช่วยเหลือมาสร้างความลำบาก ใจให้กับนาง...แล้วถ้านางรังเกียจข้าล่ะ...ไม่นะ
แค่คิดข้าก็ใจหายวูบ ชาไปทั้งตัว ได้โปรดพูดอะไรออกมาบ้างเถอะเจ้าหญิง...โอย ทำไมข้ามันปากพล่อยอย่างนี้นะ"
สีหน้าของเขากลายเป็นกังวล คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน มือไม้เกะกะเริ่มทำอะไรไม่ถูก ทั้งความกังวลและความอายเริ่มเข้ามาสับสนในใจของชายหนุ่ม
ท่าทีของเขาทำให้เรจีน่า ได้สติเริ่มขบขัน เธอเริ่มยิ้มซุกซนอีกครั้งแต่คราวนี้ใบหน้าแดงระเรื่อของเธอ ทำให้เธอยิ่งดูงดงามน่ารักกว่าปกติ ในใจเกิดความคิด
"ตายจริง พูดออกมาเอง แท้ๆ เริ่มจะเขินเองแล้วเหรอนี่ ดูสิผู้ชายตัวโตทำท่าเงอะงะ ดูน่ารักดีจริง ต้องแกล้งคืนซะหน่อย"
เจ้าหญิงยื่นใบหน้างามของเธอเข้าไปใกล้คว้าแขนชายหนุ่มไว้ สัมผัสนี้แม้เธอจะเป็นผู้กระทำแต่สร้างความหวั่นไหวในใจหญิงสาวอยู่ไม่น้อย
แต่ชายหนุ่มที่ถูกมือนุ่มบอบบางของเธอประคองจับที่แขนกำยำนี่สิ หัวใจเค้าแทบระเบิดออกมา ริมฝีปากงามก็เอื้อนเอ่ยคำเย้า
"ชายชาวฟูดีนันดื่มน้ำผึ้งแทนน้ำหรืออย่างไร ถึงได้ปากหวานแบบนี้"
ชายหนุ่มตัวสั่นด้วยความเขินอาย ริมฝีปากสั่น สมองหยุดทำงาน ไม่อาจหาคำตอบใดๆออกมาได้ ดวงตาสีเขียวคู่งามของเธอ จ้องมองดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาอย่างไม่หวาดหวั่น คำตอบที่ไม่คาดคิด ทั้งสับสนทั้งระคนความดีใจ เขาอยากกอดเธอเสียตรงนี้ แต่สมองอันเลือนลางยังเตือนให้เขาตั้งสติได้อยู่ ท่าทางของเขาทำให้เรจีน่าทั้งขำ ทั้งสงสาร และความรักก็เริ่มก่อตัวอย่างเงียบๆในใจหญิงสาว
"ข้าล้อเล่นหรอก...คิก คิก..." เธอหัวเราะเสียงใสน่ารัก ก่อนจะจ้องมองดวงตาชายหนุ่มจนเค้าแทบละลายลงไปตรงนั้น
"ถ้าข้าคือสายลม ...ท่านคงเป็นภูผา ที่หยุดสายลมนี้ไว้ได้..."
ชายหนุ่มหยุดหายใจ สมองที่สับสนหยุดชะงักกับคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากเรียวงามของหญิงสาว เหมือนเวลาได้หยุดอยู่ตรงนั้น
แสงสีทองของยามเย็นที่สาดส่องพร่าพราว จนราวกับเป็นสวรรค์...
แหะๆๆๆๆ เอามาลงให้นะน่อ อยู่ใน SMN Novel อะนะ ;D