ตอนที่2 สาส์นถึงจักรพรรดิ
หลังกจากเหตุการณ์ที่อิสฮานได้พบกับหญิงสาวปริศนาที่ชื่อไกอาในคืนนั้น เขาก็พยายามทำตัวให้ปกติที่สุดเพื่อไม่ให้คนรอบข้างผิดสังเกต แต่เมื่อใดที่เขาอยู่คนเดียว ก็มักจะรู้สึกกังวลถึงคำพูดของหญิงสาวแปลกหน้า คำเตือนที่ว่าสงครามจะเกิดขึ้น และคำแนะนำสำหรับเขา ดูเหมือนนางจะรู้อะไรมากมาย อาจเป็นไปได้ว่านางอาจจะรู้ทุกเรื่องในสงครามที่เคยเกิดขึ้น หรือไม่ก็ทุกเรื่องในโลก ทั้งเรื่องที่เขารู้และไม่รู้
อิสฮานได้นำคณะจากทางราชวังเดินทางไปยังทะเลทรายอันแห้งแล้งกันดารที่อยู่ทางตอนใต้แถบชายแดนติดกับฟูดินันซึ่งยังไม่ได้รับการฟื้นฟูหลังสงคราม คณะของอิสฮานได้ตั้งค่ายอยู่ข้างแม่น้ำสายใหญ่ที่ไหลมาจากฟูดินัน ซึ่งก็อยู่นอกเมืองเพื่อจะได้สะดวกสำหรับการทำงาน ทุกๆวันเขาจะต้องออกไปสำรวจพื้นที่ พร้อมทั้งให้เหล่าทหารแจกสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นและฝึกงานให้แก่ประชาชนในเมืองนี้ และบริเวณใกล้เคียงเพื่อที่จะได้สามารถประกอบอาชีพในอนาคตได้ มันเป็นแผนการระยะยาวสำหรับการฟื้นฟูบ้านเมืองเพื่อที่จะให้ประชาชนทุกคนสามารถเอาตัวรอดได้เอง
เช้าวันหนึ่ง มีผู้คนมากมายต่างก็มาที่ค่ายของอิสฮาน เพื่อขอเสบียงอาหารเพื่อการยังชีพ รวมทั้งผู้คนที่เดินทางมาเพื่อเรียนรู้การประกอบอาชีพต่างๆที่ทางการจะสอนให้ เพราะมีผู้คนอยู่มากที่แม้จะรู้วิธีการทำอาชีพต่างๆ แต่ก็ไม่ได้รู้จริง และยังต้องได้รับการเรียนรู้อีกมากมายหลายอย่าง รวมไปถึงผู้คนที่มาขอเงินทุนจากทางการสำหรับนำไปประกอบอาชีพของตน เพราะจำนวนผู้คนมากมายนี้เองทำให้ค่ายพักขนาดใหญ่ที่ถูกใช้เป็นสถานที่ฝึกสอนอาชีพด้วยแห่งนี้ดูเล็กลงไป มีผู้คนต่อแถวยาวเหยียดอยู่หน้าเต็นท์หลังใหญ่ ซึ่งเป็นเต็นท์สำหรับแจกสิ่งของยังชีพให้แก่ผู้คน ผู้คนที่ยืนรอต่างก็รอคอยอย่างมีความหวัง ขณะที่ผู้ที่ออกมาจากเต็นท์ก็มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างยินดีโดยที่ในมือมีถุงยังชีพซึ่งใส่อาหารเอาไว้
ดูเหมือนว่าการฝึกสอนจะได้รับความสนใจอย่างมาก มีผู้คนจำนวนมากต่างก็มาเข้าเรียนวิธีการประกอบอาชีพต่างๆกันไป ไม่ว่าจะเป็นการทำเหมืองในทะเลทราย การปลูกพืชให้ขึ้นในเขตทุ่งหญ้ากึ่งทะเลทราย การสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในครัวเรือน หรือส่งขาย ดูเหมือนว่านโยบายฟื้นฟูประเทศของอิสฮานจะดำเนินไปได้ด้วยดีอย่างยิ่ง ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกดีใจและไม่รู้จะอธิบายยังไงดีกับความรู้สึกที่ได้เห็นผู้คนมีความสุขกันอีกครั้งหลังจากความเหนื่อยยากในช่วงสงคราม แม้ภาพนี้เขาจะเห็นมาร่วมยี่สิบปีแล้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มของประชาชนอีกครั้งหนึ่ง
ยิ้มอะไรรึ วานาอันยื่นหน้าออกมาถาม เธอสวมชุดเหมือนกับนักเดินทางชาวอาหรับทั่วๆไป เป็นชุดสีขาวสะอาดที่มีฮู้ดปกคลุมหน้าเพื่อป้องกันแสงแดดอันร้อนแรงของทะเลทราย แม้จะผ่านมานานยี่สิบปี แต่ถึงกระนั้นสำหรับอิสฮานแล้ว เจ้าสาวของเขาก็ยังคงดูสวยน่ารักเหมือนเช่นเดิม
เปล่านี่ อิสฮานตอบ ข้าแค่ ดีใจที่ได้เห็นผู้คนมีความสุข ก็เท่านั้น ว่าจบเขาก็บิดขี้เกียจนิดหน่อยก่อนจะพูดขึ้น ได้เวลาทำงานแล้ว
เมื่อวานาอันได้ยินเข้าก็คว้ามือของอิสฮานเอาไว้ วันนี้ไม่ต้องออกมาทำงานหรอก พักซักวันเถอะ เธอว่า ตลอดเวลาตั้งแต่เดินทางมาที่นี่เขาแทบไม่ได้พักเลย ต้องทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยทุกวัน ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่หลายครั้ง คนรอบข้างจะเห็นเขามีท่าทางที่เหนื่อยล้าจากการโหมงานหนักเพื่อจักรวรรดิของเขา ข้าเห็นเจ้าเหนื่อยมาตั้งหลายวัน นอนก็ดึก ทั้งยังต้องตื่นแต่เช้าอีก วันนี้เจ้าพักอยู่ในเต็นท์ให้สบายซักวันเถอะนะ
ไม่ได้หรอก ข้ายังมีงานอีกหลายอย่างที่ต้องทำนะ อิสฮานตอบ
ไม่ได้เด็ดขาด วานาอันว่าพร้อมกับมองหน้า ดวงตาของเธอแสดงให้เห็นถึงความเป็นห่วงอย่างยิ่ง ถ้าเจ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว พักสักวันก็ไม่มีใครว่าหรอก ทุกๆคนก็รู้ดีว่าเจ้าทำเพื่อซาโลม แต่การโหมงานหนักจะทำให้ร่างกายเจ้าอ่อนแอลงนะ ได้โปรด เจ้าพักซักวันเถอะ เธออ้อนวอนด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเห็นห่วงสามี
อิสฮานมองดูดวงตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงของภรรยา ก่อนจะพูดขึ้น นั่นสินะ พักสักวันก็ได้ อิสฮานตอบพร้อมกับเดินตามวานาอันเข้ามาในเต็นท์ เขาปิดเต็นท์ลง ทำให้ภายในนั้นดูมืดสลัวลง แต่ก็ยังคงมีแสงสว่างมากพอที่จะเห็นใบหน้าของกันและกันได้ เพราะแสงแดดยามเช้านั้นยังคงสาดส่องผ่านผืนผ้าใบเข้ามาได้นิดหน่อย นี่ วานาอัน
อะไรรึ? นางหันกลับมาถาม และได้เห็นใบหน้าที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนของอิสฮาน เขาค่อยๆสวมกอดภรรยาของเขาอย่างช้าๆ ซึ่งทำให้นางดูแปลกใจไม่น้อย มีอะไรหรือ
คือว่า...เราสองคนไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน สองต่อสองเลย ตั้งนานแล้ว อิสฮานตอบ
วานาอันนิ่งอึ้งไปสักพักหนึ่งแล้วก็พูดขึ้น เจ้าไม่คิดจะพักรึ
คิดสิ อิสฮานตอบ ข้าคิดว่าข้าทำแบบนี้จะมีความสุขมากกว่าได้นอนอยู่บนเสื่อทั้งวันเสียอีก เหนื่อยกายน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ข้าแค่อยากจะพักใจที่เหนื่อยล้าจากการทำงานกับเจ้าเท่านั้นเอง
ไม่เอาน่า เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้าจะไม่ดี วานาอันว่า
ได้โปรดเถอะ เราไม่ได้สวมกอดด้วยกันแบบนี้มานานมากแล้วนะ อิสฮานว่า และไหนๆตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแล้ว โอกาสเช่นนี้ไม่ค่อยได้มีบ่อยนัก ว่าจบเขาก็กอดผู้เป็นภรรยาแน่นขึ้น
ก็ได้ วานาอันพูดขึ้นพร้อมกับสวมกอดอิสฮานบ้าง ทั้งคู่กอดกันแน่น ต่างก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของความรักที่ทั้งคู่มีให้กัน สักพักทั้งสองต่างก็จ้องมองเข้าไปยังดวงตาของอีกฝ่าย ดูเหมือนว่าวานาอันจะเข้าใจว่าอิสฮานคิดจะทำอะไร และนางก็ยินดี ทั้งคู่ค่อยๆหลับตาลงช้าๆ สวมกอดกันแน่นขึ้น ไม่รู้สึกได้ยินถึงเสียงจอแจข้างนอกนัก เหมือนกับว่าในโลกใบนี้มีเพียงเขาทั้งคู่เท่านั้น ต่างฝ่ายต่างก็ยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างช้าๆ แต่ทว่าเสียงหนึ่งก็ขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
ฝ่าบาท! ทรงอยู่ข้างในที่ประทับหรือไม่พะย่ะค่ะ เสียงเรียกนั้นดังออกมาจากข้างนอกเต็นท์ ทำให้ทั้งคู่ถึงกับสะดุ้ง และรีบผละออกจากกันทันทีอย่างตกใจ ทั้งคู่ตั้งสติสักพักหนึ่งก่อนที่วานาอันจะถามกลับไป
มีอะไรน่ะ
มีทูตจากแอนดิซองมาขอเข้าพบพะย่ะค่ะ เสียงนั้นตอบกลับมา
อิสฮานถอนหายใจอย่างเสียดายโอกาสก่อนจะตอบออกไป เข้ามาได้
แล้วก็มีคนสองคนเข้ามาในเต็นท์ คนหนึ่งสวมเครื่องแบบทหารซาโลม แต่ไม่เรียบร้อยนัก เสื้อออกนอกกางเกง และดุมบางเม็ดก็ไม่ได้ติด ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักสำหรับอิสฮาน เพราะเขาไม่ได้เข้มงวดในเรื่องนี้อยู่แล้วเพราะไม่ใช่ในเวลาสงคราม แต่อีกคนต่างหากที่ดูแปลกในสายตาของเขา ชายที่เข้ามาด้วยนั้นสวมชุดแบบนักเดินทางชาวอาหรับ แต่งตัวมิดชิดเรียบร้อย แต่หน้าตานั้นไม่ใช่ชาวซาโลม สีผมก็เป็นสีเหลืองแปลกแตกต่างออกไป สวมเสื้อผ้าข้างในเป็นชุดสีน้ำเงิน ดูๆไปก็คล้ายกับชุดของทหารในยามปกติ ในมือของชายคนนั้นมีม้วนกระดาษอยู่ม้วนหนึ่งซึ่งคงจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะดูท่าทางทหารคนนั้นจะพยายามรักษาม้วนกระดาษนั้นอย่างดี
ถวายบังคมพะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ชายคนนั้นกล่าว
เจ้าเป็นใครรึ หน้าตาไม่ใช่คนซาโลมเลย อิสฮานถามอย่างแปลกใจ
กระหม่อมเป็นทูตเดินสาส์นที่ทางราชสำนักแห่งแอนดิซองส่งมาพะย่ะค่ะ ทูตจากประเทศแห่งน้ำตอบ ได้รับคำสั่งจากองค์ราชินีวิโอเรียให้นำพระราชสาส์นฉบับนี้มาถวายแก่ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ พูดจบเขาก็คุกเข่าลงและใช้สองมือยื่นม้วนกระดาษส่งให้อิสฮาน
สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อทูตเดินสาส์นตอบว่าวิโอเรียเป็นผู้ส่งหนังสือฉบับนี้มาให้เขา เขารู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมาในทันทีทันใด และหัวใจก็เต้นรัวอย่างตื่นเต้น เขาหวังว่าเนื้อความข้างในจะไม่เป็นอย่างที่เขาคิด จะเป็นเรื่องอื่นหรืออะไรก็ได้ แต่ขออย่าให้เป็นอย่างที่เขากำลังคิดและกลัวอยู่ เขาค่อยๆหยิบสาส์นนั้นมาจากมือทั้งสองของทูตแห่งแอนดิซอง และค่อยๆคลี่ออกอ่านเบาๆด้วยใจที่เต้นระรัว ความกลัวคืบคลานเข้าในจิตใจเขาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
ถึงองค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิซาโลม
นี่ก็เป็นเวลาผ่านไปนานยี่สิบปีแล้ว ครบกำหนดเวลาที่ท่านได้สัญญากับเราเอาไว้ว่าจะหาเงินค่าปฎิกรณ์สงครามที่ซาโลมจะต้องชดใช้ในช่วงสงครามให้กับทางแอนดิซอง ข้าหวังว่าท่านคงจะไม่ผิดสัญญาที่จะหาเงินจำนวนนั้นมาชดใช้ให้กับทางเราที่ต้องสูญเสียทรัพย์สินและผู้คนไปเพราะสงครามที่บิดาของท่านเป็นผู้ก่อขึ้น
มันอาจจะเป็นการยากที่จักรวรรดิที่ได้รับความเสียหายจากสงครามอย่างหนักหนาสาหัสจะสามารถหาเงินมากมายมหาศาลขนาดนั้นมาชดใช้ได้ ฉะนั้นเราจึงยอมอ่อนข้อยืดเวลาให้ท่านหาเงินมาชดใช้ความเสียหายที่ทางแอนดิซองได้รับ และเราก็คาดการณ์ไว้ว่าเวลายี่สิบปีนั้นอาจจะไม่สามารถหาเงินมากมายขนาดนั้นมาชดใช้ให้กับทางเราได้ ฉะนั้นเราจึงคิดทางเลือกใหม่ให้ท่านได้เลือกในกรณีที่ท่านไม่สามารถหาเงินมาชดใช้ค่าปฎิกรณ์สงครามได้
นั่นก็คือ ซาโลมจะสามารถค่อยๆทยอยส่งเงินชดใช้คืนมาให้กับทางแอนดิซองปีละหนึ่งครั้งจนกว่าจะสามารถชดใช้เงินทั้งหมดได้ครบ ระหว่างนั้นทางแอนดิซองจะต้องได้รับสิทธิที่จะได้ผูกขาดการค้ากับซาโลมแต่เพียงผู้เดียว ห้ามมิให้ซาโลมทำการค้าขายกับอาณาจักรใดๆทั้งสิ้น แอนดิซองจะต้องได้รับความสะดวกในการค้ากับซาโลมในด้านต่างๆทุกด้าน และซาโลมจะสามารถขายสินค้าให้กับเราได้ในราคาที่ทางแอนดิซองเป็นคนกำหนด โดยเงินตราที่ใช้จะต้องเป็นเงินตราสากลที่ทางแอนดิซองกำหนดไว้เท่านั้น
ทั้งหมดที่กล่าวไปในย่อหน้าข้างบนนี้ ก็คือตัวเลือกใหม่สำหรับท่านนอกเหนือจากการจ่ายเงินมหาศาลนั้นในวันเดียว มันคงจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับท่านแน่นอนในการหาเงินขนาดนั้นมาชดใช้ให้กับแอนดิซอง และหวังว่าท่านจะยอมตกลงด้วยความยินดี เพราะนั่นเป็นทางเลือกที่เราอ่อนข้อกับท่านอีกครั้งหนึ่งแล้ว
วิโอเรีย
เมื่ออ่านจบ อิสฮานถึงกับหน้าซีดไปในทันทีทันใด เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลยหลังจากอ่านจบ ท่าทีของเขาแปลกออกไปอย่างเห็นได้ชัด และหลังจากที่เขาได้สติ ความกังวลก็ถาโถมเข้ามาในตัวเขาราวกับพายุที่บ้าคลั่ง ดูเหมือนว่าเขาจะจมลงไปในห้วงความคิดจนไม่ได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากความคิดมากมายที่ถาโถมเข้ามาในสมองตน ได้แต่นิ่งเงียบพยายามหาทางออกที่ดีกว่านี้ วานาอันเห็นท่าทีที่แปลกไปของเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าอิสฮานอ่านจดหมายจบแล้ว และเริ่มกลัดกลุ้มกับปัญหาจนดูเหมือนจิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว และเธอก็รู้ได้ทันทีว่าเนื้อความข้างในต้องเป็นปัญหาใหญ่มากแน่จึงทำให้อิสฮานเงียบไปในทันที จึงกล่าวกับทูตจากแอนดิซองแทนเขา
เราไม่รู้ว่าข้อความในนั้นเขียนอะไรไว้บ้าง แต่ว่ามันย่อมเป็นเรื่องที่จะต้องคิดทบทวนไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อนอย่างแน่นอน ข้าพอจะรู้คร่าวๆว่าเนื้อความข้างในเขียนอะไรเอาไว้บ้าง และข้าคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญอย่างยิ่งต่อซาโลม จึงจำเป็นที่จะต้องหารือกับฝ่ายต่างๆก่อนที่จะได้ผลสรุปออกมา ฉะนั้นจึงต้องให้ท่านพักอยู่ในซาโลมสักระยะหนึ่งก่อน หวังว่าท่านคงจะไม่ขัดข้อง
กระหม่อมมิขัดข้องประการใดพะย่ะค่ะ ทูตเดินสาส์นกล่าว
เอาล่ะ เจ้าช่วยพาเขาไปยังเต็นท์ที่พักชั่วคราวก่อนก็แล้วกันนะ วานาอันบอกกับทหารซาโลมที่เข้ามาด้วย
พะย่ะค่ะ ทหารคนนั้นรับคำแล้วก็พาทูตเดินสาส์นออกไป ทิ้งให้อิสฮานกับวานาอันอยู่ด้วยกันสองต่อสองในเต็นท์อีกครั้ง
อิสฮาน เธอเรียกเขา แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยินคำพูดของเธอเลย อิสฮาน! วานาอันเรียกด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้น แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่ได้ยินอยู่ดี นี่! อิสฮาน! เธอเรียกเสียงดังที่ข้างหูเขา ทำให้ผู้ถูกเรียกเกิดสะดุ้งขึ้น
เอ้อ...มะ...มีอะไรรึ อิสฮานได้สติ และเมื่อรู้ตัวอีกทีก็พบว่าทูตเดินสาส์นได้ออกไปแล้ว และได้มองหน้าวานาอันที่ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่เรียกเขาแล้วเขาไม่ได้ยิน เอ่อ...ข้าขอโทษ มัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปหน่อย
ในหนังสือมีเนื้อความอะไรบ้างรึ วานาอันถามอย่างใคร่รู้ มันถึงได้ทำให้เจ้าถึงกับไม่ได้สติเลยเช่นนี้
ทางแอนดิซองทวงสัญญาที่ข้าให้ไว้ว่าในยี่สิบปีจะหาเงินมาชดใช้ค่าปฎิกรณ์สงคราม จึงส่งจดหมายฉบับนี้มา ดูเหมือนว่าฝ่ายนั้นจะรู้ว่าเราไม่มีทางหาเงินมาชดใช้ได้ทันแน่ จึงได้เสนอทางเลือกใหม่มาให้กับเรา อิสฮานตอบ
แล้วยังไงต่อรึ วานาอันถาม
เจ้าลองอ่านดูเถอะ อิสฮานพูดพลางยื่นหนังสือให้แก่วานาอันก่อนที่จะนั่งเงียบและครุ่นคิดหาทางออก
วานาอันค่อยๆอ่านอย่างช้าๆเพื่อจับใจความสำคัญทั้งหมด และเมื่อนางอ่านจบก็พูดขึ้นอย่างตกใจ ทางเลือกใหม่นี้หมายความว่าเราจะต้องไปเป็นเมืองขึ้นของทางแอนดิซองนี่!
ใช่ อิสฮานตอบ ในตอนนี้แอนดิซอง ไม่ใช่สิ วิโอเรียคงจะเปิดเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมาแล้ว นั่นก็คือการที่จะยึดซาโลมไปเป็นของนาง เขาพูดอย่างเคร่งเครียด
จะทำยังไงดีล่ะ ถ้าเรายอมตกลงรับข้อเสนอนี้ล่ะก็ เราก็เหมือนกับกลายเป็นเมืองขึ้นของแอนดิซองทันที วานาอันพูดอย่างวิตก ข้อเสนอนี้จะทำให้เราเสียเปรียบทางการค้า และส่งผลเสียหายอย่างมากต่อประเทศเลยทีเดียว อีกทั้งอำนาจทางทหารของแอนดิซองในตอนนี้ก็สามารถจะยึดซาโลมได้อย่างง่ายดาย หากเราเกิดไปขัดใจกับทางนั้นขึ้นมาก็คงไม่พ้นจะต้องเกิดสงครามขึ้นอีกแน่
ข้าถึงได้วิตกอยู่กับเรื่องนี้ อิสฮานตอบ นี่สินะเหตุผลที่นังปีศาจวิโอเรียอ่อนข้อให้เราครั้งหนึ่ง รอเราฟื้นฟูประเทศขึ้นมาก่อน แล้วก็ฉวยโอกาสใช้สัญญาที่เราเคยทำเอาไว้มาเป็นเหตุผลที่จะใช้ดึงเราไปเป็นเมืองขึ้นของนาง เขาพูดอย่างวิตกพร้อมกับถอนหายใจ ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้มาก ต้องรีบกลับไปที่ราชวัง แล้วเรียกประชุมขุนนางระดับสูงทุกคนเป็นการด่วน หวังว่าคงจะมีใครสักคนที่สามารถคิดหาทางออกที่ดีกว่านี้ได้
ใช่ ก็มีแต่ต้องทำเช่นนั้นก่อน วานาอันเสริมอย่างเห็นด้วย
กลางดึกคืนนั้น อิสฮานเกิดตื่นขึ้นมากลางดึก ด้วยความที่เขายังคงกังวลอยู่กับปัญหาใหญ่ที่ตามมาทำให้เขานอนไม่หลับ รู้สึกรำคาญใจ และกระสับกระส่ายเป็นเวลาพักหนึ่ง เขาจึงค่อยๆยันกายขึ้นนั่ง มองดูใบหน้าของภรรยาเพื่อให้แน่ใจว่านางหลับสนิทดีแล้วและจะไม่ตื่นขึ้นมาตลอดทั้งคืน เขาจึงลุกขึ้นและเดินออกไปนอกเต็นท์
ท้องฟ้าในทะเลทรายอันแห้งแล้งตอนนี้ปลอดโปร่งจนมองเห็นแสงดาวระยิบระยับอยู่เต็มท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม อากาศหนาวเย็นผิดกับตอนกลางวันลิบลับ ทำให้เขาต้องสวมเสื้อผ้าสองชั้นเพื่อให้ทนกับความหนาวเย็นในเวลากลางคืนได้ เขาเดินเรื่อยเปื่อยไปอย่างไร้จุดหมายพร้อมกับคิดหาวิธีที่จะผ่านวิกฤตนี้ไปได้ จนกระทั่งสายตาไปมองที่ประตูค่าย ซึ่งมีทหารยามที่เข้าเวรกลางคืนจุดคบเพลิงสว่าง และต่างก็นั่งเล่นเกมเบาๆ กินอาหารว่าง หรือไม่ก็คุยเรื่อยเปื่อยกันไปอย่างมีความสุขเพื่อเป็นการฆ่าเวลา
เมื่อเขาได้เห็นภาพเช่นนี้เขาก็รู้สึกเสียดายที่มันอาจจะต้องหายไปหากสงครามเกิดขึ้นอีกครั้ง
เขาเดินหนีไปทางอื่นที่พวกทหารยามจะมองไม่เห็นเขา เขาเดินไปถึงลานกลางค่ายพักที่เงียบสงัด ไม่มีใครอยู่ มีแต่เพียงความมืดที่ปกคลุมเท่านั้น พลันทันใดนั้นคำว่าสงครามก็แว่บเข้ามา และนั่นที่ทำให้เขานึกถึงสิ่งที่ไกอาเตือนเอาไว้
จริงๆแล้วมันไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือนิมิตภาพของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ท่านบอกว่าจะเกิดสงครามขึ้นอย่างนั้นรึ
ใช่
ทันใดนั้นเองเขาก็สะดุ้งโผลง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกใจ สิ่งที่หญิงสาวปริศนาบอกกำลังจะกลายเป็นความจริง เพราะว่าเหตุการณ์ในขณะนี้ก็ส่งเค้าลางให้เขาเริ่มรู้ตัวแล้ว เขารู้ว่าวิโอเรียมีเป้าหมายที่จะยึดซาโลมไปเป็นเมืองขึ้นของแอนดิซอง เหตุผลก็ไม่ใช่อื่นใดนอกเสียจากจะเป็นการหาเงินไปสู่ตัวนางเอง เขากัดฟันกรอดเพราะเจ็บใจที่หาทางออกไม่ได้ การเป็นเมืองขึ้นหลีกเลี่ยงสงครามได้ แต่แน่นอนว่าประเทศต้องลำบาก และความสุขของผู้คนก็หายไป เฉกเช่นเดียวกับการที่ไม่ยอมเป็นเมืองขึ้น แอนดิซองย่อมต้องยกทัพมาตีแน่นอน และสงครามก็จะเกิดขึ้นอีกเช่นเดียวกับที่ไกอาพูดเอาไว้ และจะมีผู้คนที่ต้องล้มตายไปมากมายในสงคราม และผู้คนจำนวนมากมายจะไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสงบสุขแน่นอน
เขานั่งลงกับลังไม้ที่อยู่ข้างๆเต๊นท์ใหญ่กลางลานนั้นอย่างอ่อนล้าและท้อแท้ เขาแทบไม่มีทางออกเลย ในยามนี้เขากุมมือทั้งสองเอาไว้ที่หน้าอกพร้อมกับพูดพึมพำและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า
องค์พระผู้เป็นเจ้า ณ เวลานี้ท่านอยู่แห่งใด ได้โปรดทรงชี้ทางที่จะทำให้ข้าพเจ้าพบกับทางออกของปัญหาที่ข้าพเจ้ากำลังเผชิญนี้ด้วยเถิด เขาพูด แต่ทุกสิ่งก็เงียบสงัด เขาแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ร้ายๆที่อาจจะเกิดขึ้นจากปัญหานี้หากไม่ได้รับการแก้ไขด้วยสันติวิธี แต่เขาก็ยังคงกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ได้โปรดองค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงคำวิงวอนของข้าพเจ้าเสมอมา มาบัดนี้พระองค์โปรดทรงคำวิงวอนของข้าพเจ้าอีกครั้งเถิด ทุกสิ่งรอยกายยังคงเงียบสงัดเช่นเดิม เขาคอตกลงและหมดสิ้นความหวังไปในทันที
เป็นอะไรไปรึ เสียงที่ครั้งหนึ่งเขาเคยได้ยินดังขึ้นในความเงียบสงัด อิสฮานรีบหันขวับไปหาเจ้าของเสียงนั้นและเขาก็ได้พบกับสิ่งที่เขาแทบไม่อยากจะเชื่อ ต่อมาเขาก็รู้สึกดีใจขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
ไกอา! เขาอุทาน ท่าน...มาทำไม
อยากจะรู้ว่าเจ้าจะเปลี่ยนความคิดมาเชื่อข้ารึเปล่า นางตอบ แต่ดูท่าเจ้าคงจะเริ่มเชื่อข้าบ้างแล้วสินะ
ท่านเป็นใครกันแน่ อิสฮานถามคำถามนี้อีกครั้ง ทำไมท่านถึงได้ล่วงรู้เรื่องราวไปเสียทุกเรื่อง
ข้าเคยบอกแล้ว ว่าไม่จำเป็นต้องตอบ ไกอาตอบอย่างเย็นชา ไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่เจ้าจะต้องรู้ แต่ว่า ดูท่าทางเจ้าตอนนี้คงกำลังท้อมากเลยสินะ
แน่นอน อิสฮานตอบ ท่านคงรู้แล้วล่ะมั้ง ว่าอีกไม่นานซาโลมก็จะตกเป็นเมืองขึ้นของแอนดิซองแล้ว
รู้ นางตอบสั้นๆ และข้าก็รู้ว่าเจ้าไม่อยากให้ซาโลมไปเป็นของคนอื่น
อิสฮานหันมามอง สงสัยว่าทำไมนางถึงรู้ความคิดเขา แต่ดูเขาคงจะยอมรับแล้วว่าไกอาไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ท่านมีวิธีจะช่วยไหม
ถึงข้าตอบไปเจ้าก็ไม่ยอมรับอยู่ดี ไกอาตอบ ข้าไม่ตอบซะจะดีกว่า
ได้โปรดเถอะ ตอนนี้ข้าคิดอะไรไม่ออกแล้ว มีเพียงคำพูดจากท่านเท่านั้นที่จะช่วยข้าได้ อิสฮานวิงวอน ข้าไม่อยากให้ความสงบสุขที่กำลังเบ่งบานในซาโลมต้องถูกทำลายลง
มันจะต้องถูกทำลายลงแน่นอน ไกอาตอบ ทำให้อิสฮานมองหน้านางด้วยความตกใจ เจ้าคิดว่าการเสียสละคนส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือคนส่วนใหญ่ คุ้มค่าที่จะเสี่ยงหรือเปล่าล่ะ
ท่านหมายความว่ายังไง อิสฮานถาม
ข้าไม่ตอบ มันเป็นปัญหาที่เจ้าต้องคิด เมื่อใดที่เจ้าหาคำตอบให้คำถามนี้ได้เจ้าก็จะค้นพบทางออก
เอง ไกอาตอบ ไม่มีทางไหนที่จะหลีกเลี่ยงโชคชะตาที่จำทำให้ผู้คนได้พบกับเหตุการณ์อันโหดร้ายได้หรอก มันได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้วตั้งแต่ตอนที่วิโอเรียได้ขึ้นมาเป็นราชินีแห่งแอนดิซอง ผู้คนจะต้องพบกับความลำบากอีกครั้งหนึ่ง แต่จะมากหรือน้อย ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า จงคิดให้รอบคอบ ถี่ถ้วน อย่าตัดสินใจให้ผิดพลาด เพราะการตัดสินใจของเจ้าจะเป็นการชี้ชะตาของผู้คนจำนวนมากมายในซาโลมแห่งนี้
แต่ข้าไม่รู้จะทำเช่นไร อิสฮานตอบอย่างหมดความหวัง ไม่ว่าจะทางเลือกใดก็มีแต่ทำให้ผู้คนต้องพบกับความทุกข์
ไกอาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายในความคิดของอิสฮาน เพราะเจ้าหวังแต่จะให้ทุกคนมีความสุข มันจึงทำให้เจ้าไม่มีทางออก แต่โชคชะตาตอนนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ผู้คนจะต้องได้พบกับความทุกข์แน่ เป็นธรรมดาของโลกนี้ ที่เมื่อเกิดความสงบสุข นานเข้าเหตุร้ายก็จะเข้าแทนที่และทำให้ผู้คนเป็นทุกข์ และเมื่อผู้คนเป็นทุกข์นานเข้า ความสุขก็จะมาเยือนอีกครั้ง เจ้าต้องยอมรับความจริงว่าไม่มีทางใดที่จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่น่าเศร้าในตอนนี้ได้ เพราะไม่ว่าจะหลีกเลี่ยงมันเช่นไร แต่สุดท้ายมันก็จะต้องเกิดขึ้นอยู่ดี นางพูดเตือนสติเขา
แต่ข้ายอมรับมันไม่ได้ อิสฮานตอบ ข้าไม่อยากจะเห็นผู้คนต้องล้มตาย หรือมีชีวิตที่ต้องทรมานในยุคแห่งสงคราม และเหนือสิ่งอื่นใดข้าไม่อยากจะให้มีใครต้องยอมสละชีวิตเพื่อคนที่อ่อนแออย่างข้า
ข้ารู้ว่าเจ้าเคยมีแผลในใจจากสงคราม ไกอาตอบ เจ้าไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้น เรื่องนั้นข้าก็รู้ แต่เหตุกาณ์กลายมาเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะช้าหรือจะเร็วสงครามก็ย่อมเกิดขึ้นอีกครั้งอยู่ดี
อิสฮานเงียบไปสักพักหนึ่ง หลังจากนั้นจึงมองหน้านาง แล้วเขาก็พูดขึ้น ได้โปรด ช่วยเสนอทางออกที่จะไม่มีการเสียเลือดเนื้อ หรือทำให้ผู้คนได้รับความลำบากให้แก่ข้าที
ไกอามองเขาอย่างเย็นชาก่อนที่จะส่ายหน้าช้าๆแทนคำตอบ อิสฮานอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก เขาคอตกลง และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างหนัก ข้าคงไม่มีอะไรต้องพูดกับเจ้าอีกแล้ว ข้าหวังว่าเจ้าจะตัดสินใจได้เด็ดขาดว่าจะทำอย่างไร จำเอาไว้ จงคิดให้รอบคอบ และคิดให้ครบทุกมุม และต้องตัดสินใจให้เด็ดขาด
ท่านจะไปแล้วรึ อิสฮานถาม
คิดทบทวนให้ดี เมื่อใดที่เจ้าตอบคำถามที่ว่า การเสียสละคนส่วนน้อยเพื่อคนส่วนมากโดยมีความเสี่ยง มันคุ้มค่าที่จะเสี่ยงหรือเปล่า เมื่อใดที่เจ้าหาคำตอบให้กับคำถามนี้ได้ เจ้าจะพบทางออกเอง ข้าหวังว่าคนฉลาดเช่นเจ้าจะตอบคำถามนี้ได้อย่างฉลาด ลาก่อน ไกอาตอบ ว่าจบก็แปลงร่างเป็นนกบินจากไป
อิสฮานอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงไปเมื่อพบว่าไกอาได้จากเขาไปอีกครั้ง ความเงียบกลับเข้ามาปกคลุมพร้อมกับคำถามที่ถาโถมเข้ามาแทบจะในทันทีทันใด มีหลายคำถามมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา ทำไมนางถึงรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ทำไมนางจึงไม่บอกอะไรเขาตรงๆ และอย่างสุดท้ายคือคำถามที่นางถามเขา เขาค่อยๆสงบใจลงก่อนที่จะค่อยๆนั่งลงบนลังอีกครั้งหนึ่ง และนั่งครุ่นคิดอยู่ในความเงียบสงัดนั้น
เอ่อ คือว่าเขียนยาวไปไหมเนี่ย-*-
รู้สึกว่าตั้งแต่อ่านLord of the ring นี่ มักจะติดนิสัยเขียนเยอะๆยาวๆมาจากโทลคีนเลยแฮะ-*-
ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบเลยนะครับ :)