เรื่องย่อในโลก Terra นั้นมีตำนาน นิทาน เทพนิยาย และเรื่องเล่าต่าง ๆ กล่าวถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของบรรดาภูต ดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เป็นที่พำนักของบรรดาเอลฟ์ และ แฟรี่ทั้งหลาย ที่กระจายอยู่ทั่วโลกTerra แต่ถูกซุกซ่อนไว้หลังสงครามใหญ่ แต่เรื่องการดำรงอยู่จริง ๆ ของดินแดนแห่งนั้นกลับยังเป็นปริศนาอยู่ ด้วยว่าจะแม้มีเรื่องเล่าขานมากมาย และแม้จะมีการพบเห็นบรรดาแฟรี่เหล่านั้นในโลกมนุษย์บ้าง แต่กลับไม่มีผู้ใดเคยไปยังดินแดนของพวกแฟรี่ หรือแม้แต่เคยเห็นดินแดนแห่งนั้นจริง ๆ ด้วยตาของตนเองเลย ดังนั้นเรื่องราวของดินแดนแห่ง ภูติ และ เอลฟ์นี้จึงเป็นเรื่องราวอันน่าพิศวง น่าหลงใหล และเป็นดั่งเรื่องชวนฝันในจินตนการที่ทุกคนรู้จักและสามารถจดจำกันได้ดีเท่านั้น
ดินแดนของบรรดาเอลฟ์ และ บรรดาแฟรี่ ในโลก Terra ได้ถูกซุกซ่อนจากโลกมนุษย์ โดยฝีมือของบรรดาทวยเทพ ดินแดนของภูตแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ ส่วนของ ไมเนอร์เอลฟ์ ดินแดนส่วนรอบนอกที่ติดกับแดนมนุษย์ อันเป็นที่พำนักของบรรดาภูตน้อยทั้งหลาย เช่นพวกแฟรี่ พิคซี่ โคโลบ็อคเคิ่ล และ นอร์ม เป็นต้น พวกภูตที่พบเห็นในโลกมนุษย์นั้นเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่หลุดออกมา ดินแดนส่วนของ ไมเนอร์เอลฟ์ เป็นเหมือนด่านแรกที่เชื่อมต่อไปยังดินแดนของเมเจอร์เอลฟ์ที่อยู่ลึกลงไปกว่านั้นอีก
ส่วนที่ 2 ของดินแดนภูตคือ ส่วนของ เมเจอร์เอลฟ์ ดินแดนหลักของพวกภูตระดับสูง และพวกเอลฟ์ทั้งหลาย ซึ่ง สถานที่แห่งนี้ถูกซ่อนอย่างไม่มีวันหาพบตั้งแต่หลังสงครามเอลฟ์ในครั้งอดีตกาล
ดังนั้นสำหรับพวกเอลฟ์แล้ว ไม่มีการพบเห็นเลยหลายร้อยปี จนผู้คนรู้สึกว่า การมีอยู่ของเอลฟ์เป็นตำนานมากกว่าเรื่องจริง แต่กับพวกแฟรี่ และพวกภูติจิ๋วต่างๆ ที่มีการพบเจอบ้าง แต่ดินแดนของพวกแฟรี่นั้น ก็ยังไม่มีมนุษย์คนใดเคยไปพบเจอจริงๆ จึงไม่มีหลักฐานยืนยันว่า แฟรี่นั้นมีแดนเฉพาะของตนเองจริงหรือไม่ หรือที่จริงแฟรี่ก็อาศัยอยู่ในโลกทั่วไป ซึ่งแปลว่าเรื่องราวการซ่อนดินแดนของทวยเทพอาจเป็นเพียงตำนานเท่านั้นไม่ใช่เรื่องจริง ดังนั้นการค้นพบอาณาจักรของแฟรี่ที่เป็นไมเนอร์เอลฟ์ จึงเป็นเหมือนการยืนยันว่า ดินแดนของเหล่าเมเจอร์เอลฟ์ว่ามีอยู่จริงเช่นกัน มีสมมุติฐานของฝ่ายที่เชื่อว่าตำนานเรื่องการซ่อนดินแดนของพวกเอลฟ์เป็นความจริง กล่าวว่า เจตนาจริงๆของ เหล่าเทพ คือต้องการซ่อนดินแดนส่วนหลักของพวกเมเจอร์เอลฟ์ ดังนั้นมนุษย์ย่อมไม่มีวันหาพบได้และไม่เคยมีใครเห็นเหล่าเอลฟ์เลย หากแต่ดินแดนส่วนของไมเนอร์เอลฟ์ที่อยู่รอบนอก เพียงแต่ได้รับผลจากเหตุการณ์นี้ไปด้วยเท่านั้นจึงทำให้การซุกซ่อนไม่สนิทเท่า จึงเป็นเหตุให้มีพวกแฟรี่ หรือภูติจิ๋วชนิดอื่นๆยังออกมาในโลกทั่วไปได้ แต่กระนั้นก็ยังไม่เคยมีใครพบดินแดนของแฟรี่จริงๆเพื่อยืนยันทฤษฏีนี้
ครั้งหนึ่งมีนักผจญภัยนายหนึ่งมีนามว่า เฟลิคซ์ (Felix) เขาได้ออกผจญภัยไปสำรวจตามสถานที่ต่าง ๆ ในโลก Terra ด้วยความหวังว่าจะพบสถานที่ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมีผู้ใดเคยสำรวจพบเจอมาก่อน ระหว่างที่เขากำลังออกผจญภัยอยู่นั่นเอง เขาได้ไปพบกับแฟรี่นางหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ และได้แอบตามแฟรี่นางนั้นไปจนพบเส้นทางจากโพรงใหญ่ที่เชื่อมต่อเข้ากับอีกดินแดนหนึ่งที่ซ่อนและแทรกอยู่ในโลก Terra แห่งนี้
เฟลิคซ์ได้เดินทางมาถึงสถานที่ในตำนานแห่งนี้ได้จริง ๆ ซึ่งการที่เขาได้พบเจอบรรดาภูตน้อยอย่างแฟรี่นั้น ก็เป็นการยืนยันด้วยว่า บรรดา ตำนาน เทพนิยาย นิทานทั้งหลายที่กล่าวถึงดินแดนของเอลฟ์นั้นน่าจะมีมูลฐานมากจากเรื่องจริง
เฟลิคซ์ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากบรรดาภูต และเหล่าแฟรี่ทั้งหลาย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นมิตรกับเขาไปเสียทั้งหมด เขาได้ท่องไปตามสถานที่ต่าง ๆ ในดินแดนแห่งนี้ จากสถานที่อันกว้างใหญ่ไพศาลใหญ่โตและคงไว้ซึ่งความสวยสดงดงามของแมกไม้นานาพันธุ์ พร้อมกับบรรดาภูตและสิ่งมีชีวิตมากหน้าหลายตาที่ไม่ได้จำกัดแค่พวกภูตเท่านั้น สถานที่แห่งนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นราวกับสวรรค์ย่อม ๆ เลยก็ว่าได้ ดังนั้นการใช้ชีวิตของเฟลิคซ์ในแต่ละวัน ณ สถานที่แห่งนี้ จึงผ่านไปอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ และแสนสุขขียิ่งนัก
เฟลิคซ์ได้ใช้เวลา ณ ดินแดนภูตแห่งนี้อย่างมีความสุข จนเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปมาบรรจบถึงวันที่เขาจะกลับไปโลกมนุษย์อีกครั้ง ก่อนจะกลับออกจากดินแดนแห่งภูติแห่งนี้มีกฎว่า ผู้ที่มาเยือนจากโลกมนุษย์จะต้องกินยาของภูตเพื่อที่จะได้ลืมเรื่องทั้งหมดที่ได้พานพบประสบมาเสียก่อน จึงจะสามารถกลับออกไปได้ มาถึงตรงนี้เฟลิคซ์จึงได้เข้าใจว่าทำไมจึงไม่มีบันทึก หรือ ข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้อย่างชัดเจนมาก่อนเลย เขาอาจจะไม่ใช่คนแรกที่มายังสถานที่แห่งนี้ก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่พบเจอสถานที่แห่งนี้และกลับไปยังโลกมนุษย์นั้นจะจดจำทุกสิ่งที่ผ่านมาไม่ได้เลย ดังนั้นเพื่อไม่ให้ลืมเรื่องราวทั้งหมดลง
เฟลิคซ์จึงตัดสินใจแอบจดรหัสลับเอาไว้ รหัสลับที่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับพวกแฟรี่ ดินแดนแห่งภูติ ตลอดจนสถานที่ตั้งแห่งนี้ ด้วยความหวังว่าเมื่อกลับไปโลกมนุษย์เขาจะได้ถอดรหัสนั้นเพื่อหวนระลึกจดจำเรื่องราวทั้งหมดได้อีกครั้ง
เฟลิคซ์หลังจดรหัสลับไว้แล้วก็ได้ดื่มยาที่ทำให้ลืมของพวกภูตจนหมด และได้ถูกนำข้ามกลับไปยังโลกมนุษย์ที่เขาคุ้นเคยอีกครั้งหนึ่ง เขารู้สึกตัวอีกทีกลางป่าลึกกับความทรงจำของเรื่องราวทั้งหมดที่จางหายไปจากสมองของเขาราวกับเขาพึ่งตื่นขึ้นมาจากฝันอันยาวนานก็มิปาน สิ่งเดียวที่เขาเข้าใจ ณ เวลานั้นคือเขาได้หลงป่า และได้หมดสติไปเป็นเวลานานทีเดียว เฟลิคซ์ผู้ยังสับสนงงงวยได้เดินทางกลับบ้าน ก่อนจะเอะใจกับเครื่องหมาย สัญลักษณ์แปลก ๆ ที่เป็นรหัสที่เขาได้ทำเอาไว้ เขาไม่เข้าใจว่ารหัสเหล่านั้นมีความหมายว่าอย่างไรกันแน่ แต่เขาก็เชื่อว่ามันน่าจะมีหมายสำคัญบางอย่างซ่อนอยู่ และบางทีมันอาจจะเป็นคำตอบของเรื่องราวปริศนาทั้งหมดที่เขาได้ประสบพบเจอ ณ ช่วงเวลาที่เหมือนหลับลึกของเขานั้นก็เป็นได้
เฟลิคซ์เริ่มตั้งหน้าตั้งตาแกะรหัสที่เขาเขียนเอาไว้ในทันที ทีละนิด ๆ ๆ อย่างช้า ๆ ทีละวัน การแกะรหัสเป็นไปด้วยความยากลำบาก และกินระยะเวลาแสนจะยาวนาน จากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนเป็นปี จนพระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปหลายสิบปี ในที่สุดเขาก็สามารถถอดรหัสทั้งหมดออกมาได้ พร้อมกับความทรงจำในเรื่องราวของบรรดาแฟรี่ และดินแดนแห่งภูต ความทรงจำเมื่อวันวานที่ได้ย้อนหวนเข้าสู่ห้วงแห่งความนึกคิดของเขาอีกครั้งหนึ่งราวกับว่าเขาพึ่งท่องไปยังดินแดนแห่งนั้นมา ถึงแม้เขาจะสามารถจดจำเรื่องราวทั้งหมดได้แล้วก็ตาม แต่ ณ เวลานั้นเขาก็ย่างเข้าสู่วัยชราภาพไปเสียแล้ว
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวัยหนุ่มของเขาจึงเป็นเพียงความฝันประสบการณ์ความหลังอันสุขสันต์ที่ตราตรึงอย่างมิลืมเลือนแต่เพียงเท่านั้น ซึ่งถึงแม้เขาอาจไม่มีโอกาสไปเยือนสถานที่แห่งนั้นอีกแล้ว แต่เขาก็ตกลงปลงใจที่จะบันทึกเรื่องราวทั้งหมดที่ได้หวนระลึกจดจำได้นั้นออกมา เป็นบันทึกเรื่องราวของบรรดาภูต แฟรี่ เรื่องราวของดินแดนแห่งภูต สภาพแวดล้อม สังคม การใช้ชีวิต และทุกสิ่งที่เขาสามารถจดจำได้ บันทึกออกมาเป็นตัวอักษร เป็นตำนานเรื่องเล่าอีกบทหนึ่งซึ่งได้กลายเป็นบันทึกเรื่องราวของดินแดนแห่งภูตที่สมบูรณ์ที่สุดเล่มหนึ่งของ Terra ในเวลาต่อมา