Summoner Master Forum
October 02, 2024, 05:21:07 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: Wanda Story  (Read 2940 times)
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« on: December 28, 2005, 12:53:49 AM »

The Wanda’s Story


เช้าวันเริ่มต้นอันอบอุ่นที่มีแสงแดดสาดส่องเป็นละอองเบาๆ ผ่านเมฆหมอกในยามเช้า ชาวบ้านภายในเมืองต่างออกมารับอากาศแห่งเช้าวันใหม่

วานด้าเด็กหนุ่มวัย 16 ปี เขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บกด มักอยู่ลำพังตัวคนเดียวกับความเศร้าและเหงาเดียวดาย เขาไร้ญาติมิตรสนิทนอกจากเพื่อนของเขาไม่กี่คน วานด้าตื่นมาแต่เช้าออกจากบ้านไปช่วยคุณลุงข้างบ้านเข้าไปในป่าใกล้ๆหาตัดไม้มาทำฟืน และเขาได้รับอาหารและเงินเพียงเล็กน้อยมาเป็นค่าแลกเปลี่ยน

เสร็จจากงานในยามเช้าวานด้าก็แต่งตัวด้วยชุดกันหนาที่ถักขึ้นด้วยตนเองด้วยขนกระต่ายหิมะที่อาศัยอยู่ตามป่าใกล้ๆ ซึ่งพวกกระต่ายหิมะจะพลัดขนออกในช่วงหน้าร้อน เขาก็เลยได้ขนกระต่ายหิมะจำนวนมากมาถักเป็นเสื้อกันหนาว ซึ่งหายากมาก เขาออกจากบ้านเดินทางไปยังในตัวเมืองพร้อมกับพกมีดสั้นไว้ป้องกันตัว เพราะบ้านของเขานั้นอยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองซึ่งเงียบเหงามาก เมื่อเขามาถึงก็เป็นเวลา 9 โมงเช้าแล้ว ซึ่งบริเวณกลางเมืองนั้นเต็มไปด้วยผู้คนอย่างหนาแน่น ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และตรงกลางมีต้นคริตมาสขนาดใหญ่ตั้งสูงสวยงามสง่า ที่ประดับประดาไปด้วยริบบิ้นสีแดง ปอยหิมะ กล่องของขวัญ ลูกบอล ดาวกระดาษ และหลอดไฟขนาดเล็กอีกจำนวนมาก แสงจากหลอดไฟระยิบระยับอยู่ตลอดเวลาทำให้มองดูแล้ว ต้นคริตมาสดูแปลกตาไปทันที

“เอาล่ะ พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ช่วงนี้ก็ใกล้วันคริตมาสเข้าไปทุกทีแล้ว ทางฉัน เจ้าเมือง ก็อยากจะให้มีการประกวดอะไรเล็กๆน้อยๆให้เด็กเขาได้สนุกกัน รวมทั้งจะมีการจัดแข่งต่างๆนาๆ และเราจะมาสนุกกันจริงๆในคืนวันคริตมาสอีก 6 วัน” เจ้าเมืองประกาศอยู่กลางเมืองที่เต็มไปด้วยผู้คนมามุงล้อม วานด้าพยายามจะเข้าไปดู แต่เขาเกิดความเกรงใจที่ติดตัวมาตลอด ทำให้เขานั้นยืนฟังอยู่ข้างนอกสุดออกห่างจากฝูงชนไปประมาณ 3 ก้าว
“แล้วอันที่ประกวด ประกวดอะไรเหรอ” ชาวเมืองคนหนึ่งถาม
“อ้อ เรื่องนั่นน่ะเหรอ มันมีประกวดอยู่หลายแบบ มีทั้งประกวดการแต่งกาย ประกวดผลงานสร้างสรรค์ และต่างๆ ถ้าอยากรู้ข้อมูลลึกๆก็มาหาฉันได้ตรงๆ ฉันจะรอ” เจ้าเมืองตอบเสร็จก็เดินออกไปจากบริเวณนั้น ชาวบ้านต่างก็แยกย้ายกันไปเตรียมตัวสำเร็จงานต่างๆ

“เดี๋ยวครับ เจ้าเมืองวอตาส” วานด้ารีบวิ่งเข้ามาหา เจ้าเมืองร่างใหญ่ผู้อารมณ์ดีผู้นี้ก็หยุดและหันกลับมา
“มีอะไรเหร๊อ วานด้า” เจ้าเมืองถาม
“คืองานที่จะประกวดกันเนี่ย มีอะไรบ้างเหรอครับ” วานด้าถามด้วยความสงสัย
“มันมีประกวดอยู่หลายแบบ แล้วเธอถนัดแบบไหนล่ะ ฉันจะได้จัดให้เธออยู่ในการประกวดหมวดนั้นได้” เจ้าเมืองลูบหัววานด้าเบาๆ ก่อนที่จะเดินจากไป
“เราจะเอาอะไรไปประกวดกับเขาได้ ช่างไม่คิดเสียจริงเลยนี่เรา” วานด้าพูดประชดตัวเองแล้วเขาก็เดินออกไปจากบริเวณนั้น

เมื่อวานด้าเดินผ่านไปแถวสวนสาธารณะ เขาต้องประหลาดในทันทีที่เจอกับกลุ่มสาวๆ ซึ่งหนึ่งคนในนั้นเป็นคนที่เขาแอบชอบอยู่ เขารีบวิ่งมาหลบหลังต้นไม้ทันทีเฝ้ามองดูพวกเธอที่กำลังเดินเล่นคุยกันตามภาษาวัยรุ่นทั่วไป
“ไง วานด้า” ชาลีเข้ามาผลักหลังวานด้าจนเขานั้นกระเด็นออกมาหลังต้นไม้ ทำให้พวกสาวๆนั้นหันมามอง เขาเขินอายจนไม่กล้าพูดอะไร
“เป็นอะไรมั้ยค่ะ” หญิงสาวที่วานด้าแอบชอบนั้นถามด้วยความเป็นห่วง แต่เขากลับรีบลุกขึ้นปัดเศษหิมะและวิ่งจากไป เพื่อนๆของเธอต่างหัวเราะกับอาการตื่นของวานด้า

“วานด้า เป็นอะไรของนายน่ะ วิ่งหนีเหมือนอย่างกับเจอผี” ชาลีเดินมานั่งข้างๆ
“ฉันไม่กล้าพอ”
“ชอบเขา ก็บอกไปตรงๆเลยซิ มีเพื่อนแบบนี้เรากลุ้มใจแทนเลย”
“ฉันอายเพื่อนๆของเขา นายเข้าใจใช่มั้ย ชาลี” วานด้าถาม
“ใช่ แกมันเป็นคนขี้อาย ไม่กล้า แล้วอย่างนี้ถ้าเขามีคนอื่นมาชอบ อย่ามาหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน” ชาลีตอบเสร็จก็วิ่งจากไปทันที

วันนั้นทุกวัน เขาก็มัวแต่นั่งเหม่อคิดถึงแต่สาวคนนั้นทั้งวันอยู่ในบ้านหลังเล็กๆนอกเมืองอันอบอุ่นของเขา จนในที่สุดเขาก็เผลอหลับไปใต้แสงจันทร์
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #1 on: December 28, 2005, 01:32:02 AM »

เช้าวันต่อมา หนุ่มน้อยวานด้าตื่นขึ้นมาอย่างสบายใจ เขาแต่งตัวออกไปช่วยลุงข้างบ้านหาฝืนจากในป่าอย่างเช่นเคย แต่วันนี้ลุงคนนั้นเกิดป่วยไม่สบายขึ้นมา วานด้าจึงต้องเข้าไปในป่าคนเดียว ระหว่างที่กำลังจะเข้าไปในป่า
“เดี๋ยววานด้า” เสียงอันอ่อนหวานที่เขาจำได้ขึ้นใจนั้นดังมาจากด้านหลัง เขาแทบไม่กล้าที่จะหันหลังกลับไปมองเธอ เขาจึงหยุดยืนนิ่ง
“ให้พวกเราเข้าไปในป่าด้วยได้มั้ย พอดีพวกเราก็จะเข้าไปหาฝืนและผลไม้จากในป่า” สาวคนนั้นจับมือวานด้าเพื่อให้เขายอมใจอ่อน จนในที่สุดวานด้าก็ไม่กล้าปฏิเสธคำขอร้องของเธอ
“ได้ครับ แต่อย่าไปไหนไกลสายตาผมละ เพราะในป่ามันอันตราย ผมเองยังไม่รู้เลยว่าจะเจอกับอะไรบ้าง” วานด้าบอก พวกสาวๆต่างก็พยักหน้าและเดินตามวานด้าเข้าไปในป่าอย่างประชั้นชิด

หนุ่มน้อยวานด้าใจจดใจจ่อกับสถานการณ์ข้างหน้า เขาคอยระแวงหน้าระแวงหลังอยู่ตลอดเวลา เพราะเป็นครั้งแรกที่เข้ามาในป่าโดยไม่มีคุณลุงผู้ใจกล้า
“เอาล่ะ ผมคิดว่าเข้ามาลึกแค่นี้พอมั้งครับ แถวนี้ก็มีผลไม้และฝืนมากพอควร” วานด้าหยุดเดินและหันหลังมาบอก
“ขอบใจนะ ที่พาพวกเราเข้ามา” พวกสาวๆต่างกล่าวคำขอบใจ ทำให้วานด้านั้นหน้าแดงขึ้นมาทันที

ในขณะที่เขากำลังปลื้มปิติดีใจกับคำพูดของสาวน้อยคนนั้น แล้วเขาก็เผอิญไปเห็นรอยเท้าขนาดใหญ่ เขาเอ็ดใจจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ
“นี่... นี่...” วานด้าหันกลับไปมองยังพวกเธอ เขาก็ผวาเล็กๆ
“มีอะไรเหรอ วานด้า” สาวน้อยคนหนึ่งถามขึ้น แต่พวกเธอกลับเห็นวานด้าชักมีดสั้นออกมา
“อย่าหันไปมอง ค่อยๆเดินมาหาฉันช้าๆ” วานด้าพูดด้วยเสียงอันเบา พวกเธอจึงพยักหน้าตกลงและเดินออกมาจากบริเวณนั้นอย่างช้าๆ

โฮ๊กกกกกกกกกกกก..............

เสียงหมีขาวขนาดใหญ่คำรามมาจากด้านหลังพวกเธอ ทำให้พวกเธอนั้นสะดุ้งตกใจรีบวิ่งมาด้านหลังวานด้าทันที แต่วานด้านั้น เขากลับวิ่งสวนทางพวกเธอเข้าไปพร้อมกับมือข้างหนึ่งถือมีดสั้นและอีกข้างถือขอนไม้เล็กๆ

วานด้า... !!!

วานด้าเขวี้ยงขอนไม้ใส่แต่หมีขาวยักษ์ใช้อุ้มมือขนาดใหญ่ปัดป้องขอนไม้ได้ แต่พอมันรู้สึกตัวอีกที ก็เห็นวานด้ากระโดดพุ่งเข้ามาพร้อมมีดสั้นแทงเข้าที่อกของมัน มันดิ้นอย่างทรมานอยู่สักพัก แล้วแขนของมันที่เหวี่ยงไปมาก็ไปฟาดโดนวานด้าจนเขานั้นกระเด็นออกมาชนกับต้นไม้ พวกสาวๆจึงวิ่งเข้ามาดูอาการ

“วานด้า เธอไหวมั้ย”
“รีบกลับเข้าไปในเมืองซะ ไม่ต้องห่วงผม ผมจะขวางมันไว้ให้” วานด้าตอบ
“แต่เธอ...”
“ไม่ต้อง เชื่อมั่นในตัวผม” วานด้ายิ้มให้เล็กๆเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ เมื่อพวกเธอเข้าใจแล้ว พวกเธอจึงรีบวิ่งกลับเข้าไปในเมืองเพื่อบอกให้เจ้าเมืองมาช่วยเหลือวานด้า

ในขณะที่วานด้ากำลังจะลุกขึ้นยืนนั้น หมีขาวยักษ์ตัวนั้นก็ดึงมีดสั้นออกและมันเดินตรงเข้ามาหา วานด้าจึงใช้มือทั้งสองข้างกวาดหาสิ่งของบางอย่างใต้หิมะ แต่หมีขาวยักษ์ตัวนั้นใช้อุ้มมือขนาดใหญ่ฟาดใส่เขาก่อน วานด้าวิ่งกลิ้งตัวหลบออกมา แล้วเท้าของเขาก็ไปหยิบอะไรบางอย่าง เขาจึงปัดหิมะออกก็เห็นว่ามีขวานที่คุณลุงข้างบ้านเคยเอามาใช้ตัดต้นไม้ แต่ทำหายอยู่ในป่า เขาจึงคว้าขวานด้ามนั้นขึ้นมา

“จงไปเถอะ เรามิใช่ศัตรูคู่อาฆาตกัน เราไม่เคยสร้างกรรมอะไรไว้ด้วยกัน” วานด้าพูดขึ้น คำพูดของเขานั้นทำให้สีหน้าของหมีขาวยักษ์อันดุดันนั้นเริ่มจางหายไปเป็นสีหน้าปกติ แล้วมันก็เดินจากไปพร้อมกับเลือดที่หยดตามทาง เมื่อเขารู้ว่าหมีขาวตัวนั้นไปแล้ว เขาจึงทิ้งขวานและเดินไปเก็บมีดสั้นใส่ปอกเหน็บข้างเอว เขาค่อยเดินไปอย่างเจ็บปวดจากการที่ถูกหมีขาวฟาดเขาไปกระแทกกับต้นไม้ เขาเดินไปได้สักพักก็สำลักออกมาเป็นเลือด เขาใช้หลังมือขวาเช็ดไหลออกจากปากและเดินไปต่อ แต่พอมาถึงกับธารน้ำ เขาเดินข้ามสะพานเชือดไปอย่างช้าๆ เขาเริ่มมองภาพข้างหน้ามัวขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็สลบตกลงไปในธารน้ำอันเย็นยะเยือก
« Last Edit: December 28, 2005, 01:39:25 AM by !!! Unknow !!! » Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #2 on: December 29, 2005, 02:21:35 PM »

หนุ่มน้อยวานด้าผู้น่าสงสาร ร่างอันไร้สติของเขาลอยคออยู่ในธารน้ำอันหนาวเหน็บอยู่ลำพังเพียงคนเดียว กระแสน้ำอันเชี่ยวกาดนั้นช่างไม่ปรานีเขาเอาเสียเลย แต่แล้วก็มีชายแก่คนหนึ่งไปเจอเข้า จึงนำร่างของวานด้านี้ขึ้นมาจากธารน้ำไปพักในบ้านหลังหนึ่ง ไม่นานนักหนุ่มน้อยวานด้าก็ฟื้นขึ้นด้วยอาการผวาสะดุ้งสุดตัว

“ตื่นแล้วเหร๊อ พ่อหนุ่มน้อย” ชายชราผู้นั้นถามพรางหัวเราะ
“ที่นี่ที่ไหนกัน” วานด้าถาม
“นี่บ้านของฉันเอง เจ้าโชคดีนะที่ฉันช่วยขึ้นมาจากแม่น้ำ หากอยู่ในน้ำนานกว่านี้ภายในร่างกายของเจ้าจะแข็งตายหมด” ชายชราตอบ พอวานด้าหายสงสัยเขาก็นอนพักต่อ
“เดี๋ยวฉันจะเอาซุบร้อนๆมาให้ทานแก้หนาว ส่วนอาการช้ำในที่ลำตัว คงต้องใช้เวลารักษาหน่อยนะ ดูถ้าจะโดนหนักเอาการ” ชายชราลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไปจากห้อง
“เธอคงกลับไปถึงเมืองอย่างปลอดภัยนะ” วานด้ายังคงนึกถึงหญิงสาวในดวงใจของเขาอยู่ตลอดเวลา

“นี่พี่ชาย ซุบร้อนๆค่ะ” เสียงเล็กๆของเด็กสาวคนหนึ่งดังขึ้น วานด้าจึงหันไปดู
“ฮ่าๆๆๆ แม่หลานปู่คนนี้นี่ บริการให้กับแขกดีเหลือเกิน อ้าวนี่หลานฉัน ชื่อ เวล แล้วเธอละ ฉันยังไม่ได้ถามชื่อเลย ฉันชื่อ วีเนมอส” ชายชรามองดูหลานสาวที่ตื่นเต้นดีใจ วานด้ารับชามน้ำซุบร้อนๆมาวางข้างๆ
“ผมชื่อ วานด้า ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ ที่ช่วยผมเอาไว้” วานด้ากล่าวคำขอบคุณ
“เหอะๆๆๆ เอาล่ะ เอาล่ะ เจ้านอนพักอยู่ที่นี่ก่อนแล้วกัน เวล หลานดูแลเขาดีๆล่ะ เดี๋ยวปู่จะออกไปหาสมุนไพรจากในป่า” ชายชราผู้แสนใจดีสั่งเสร็จก็สะพายกระเป๋าหนาพร้อมกับเดินออกจากบ้านไป

หนุ่มน้อยวานด้านอนพะวงถึงแต่หญิงสาวอันเป็นที่รักของเขา
“พี่ชายมาจากไหนเหรอ” เวลถาม
“ทราน ซิมโฟเนีย แล้วที่นี่ที่ไหนเหรอ” วานด้าตอบ
“ทำไมพี่ชายมาไกลเสียจริง ที่นี่เวเนเดีย ที่นี่ห่างจากที่ที่พี่ชายอยู่ไกลมากเลยเชียวนะ” เวเมลพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ
“แล้วฉันจะกลับไปที่ที่ฉันมาได้อย่างไรกัน” วานด้าถาม
“ไม่รู้ค่ะ แต่ถ้าถามคุณปู่ ท่านคงจะรู้ เพราะคุณปู่เป็นขุนนางในพระราชวัง ตอนนี้ยังคงเป็นครูสอนวิชาให้กับเจ้าหญิงเมแกน ถ้าให้คุณปู่ช่วยก็คงจะพอได้” เวลตอบ จากนั้นวานด้าก็ลุกขึ้นจากเตียง เวลจึงทำท่าตกใจ
“พี่ชายอย่าเพิ่งลุกไปไหนเลย” เธอรีบเข้ามาพยุงแม้จะช่วยได้ไม่มากก็ตาม
“ฉันอยากออกไปเดินเล่นสูดอากาศข้างนอกสักแปป” วานด้าบอก แล้วเขาก็ค่อยๆเดินออกไปยังระเบียงข้างนอก

ทันทีที่เขาก้าวเท้าผ่านพ้นประตูระเบียงออกมา เขาตะลึงทันทีก็ภาพป่าไม้อันเขียวชอุ่มที่สวยงามมาก ขอบระเบียงมีเหล่านกน้อยมาบินเกาะรายล้อมเรียงกันเป็นคู่ๆ
“อยากให้เธอมาเห็นแบบฉันบ้างจัง” วานด้ายืนชมนกชมไม้อยู่นั้น เขาก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวผมยาวสีฟ้ารุ่นราวคราวเดียวกับเขา นั่งอยู่ในศาลาที่พักกลางสวนที่ตั้งอยู่ไกลออกไป ความน่ารักของเธอนั้นสะดุดตาของวานด้าเป็นอย่างมาก
“เหล่สาวอยู่รึพี่ชาย” เวลเดินออกมาแซว ทำให้วานด้าตกใจและทำเป็นเล่นกับนกที่เกาะอยู่ขอบระเบียงแทน
“นั่นเจ้าหญิงเมแกน อย่าหมายปองต้องใจเข้าล่ะ ขนาดเจ้าชายผู้สูงศักดิ์จากหลายอาณาจักรมาสู่ขอไม่รู้กี่นับคน ไม่เคยมีใครได้สมใจกลับไปเลย เพราะองค์ราชินีมาเรียนั้นตั้งข้อพิสูจน์เพื่อที่จะได้เจ้าหญิงไปนั้น ยากเอามากๆ” เวลบอก
“ไม่หรอก ฉันมีหญิงสาวคนหนึ่งที่ฉันชอบอยู่แล้ว” วานด้าตอบ
“หญิงสาวผู้นั้นเป็นใครกันนะ แปลว่าคงจะงามกว่าเจ้าหญิงเมแกนจนไม่สามารถทำให้พี่ชายนั้นเปลี่ยนใจได้เชียวหรือนี่” เวลพูดแซวเสร็จก็รีบวิ่งหนีกลับเข้าไปในบ้านทันทีเพราะกลัวจะโดนวานด้านั้นโกรธเอาที่ไปแซวแบบนั้น
“ไม่ได้ ถึงเราจะชอบเจ้าหญิงคนนั้นเข้าอย่างจัง แต่เราต้องห้ามใจให้ได้ เรามันเด็กไร้ญาติ ชาติตระกูลต้อยต่ำมันไม่คู่ควรกับเจ้าหญิงผู้งดงามแบบนั้นอยู่แล้ว” วานด้าพูดประชดใจตัวเองเสร็จเขาก็มองดูเจ้าหญิงเมแกนอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน

ตกเย็นชายชราผู้แสนใจดีก็เดินทางกลับมาถึง

“โอ้ แม่หลานคนนี้ คงจะเล่นมาเหนื่อยทั้งวัน หลบไปแล้วซะนี่” ชายชรามองดูหลานสาวที่นอนอยู่บนเตียงของวานด้า
“วันนี้เธอช่างซนเอามากๆ ผมทำอาหารเย็นให้เธอกินเสร็จก็นอนหลับไปเลย” วานด้าเดินเข้ามาหาชายชรา
“เหอะๆๆๆ เธอยังเด็กอย่าคิดอะไร มีเธอบ้านของฉันก็ไม่เหงา ว่าแต่เจ้าหนู...” ชายชราจะพูดอะไรบางอย่าง
“คุณเป็นขุนนางในพระราชวังเหรอครับ ถ้าช่วยได้ ช่วยส่งผมกลับไปยัง ทราน ซิมโฟเนีย จะได้ไหมครับ” วานด้าถาม
“อืออออ...... จะว่าไปมันก็ไกลอยู่ ถ้าเดินทางอย่างเร็วสุดก็คงต้องใช้เวลาเป็นอาทิตย์เชียวละ พรุ่งนี้จะลองไปเข้าเฝ้าองค์ราชินี ฉันจะพาเจ้าไปด้วย เผื่อมีอะไรจะได้ให้พระองค์พอช่วยได้บ้าง” ชายชราตอบ
“ขอบคุณมากเลยนะครับ ว่าแต่...” วานด้ากำลังจะเอ่ยถามขึ้น
“จุ๊.. จุ๊.. ไว้พรุ่งนี้ก็แล้วกัน คืนนี้นอนพักผ่อนเถอะ เจ้ายิ่งบาดเจ็บอยู่ ฉันจะหมักสมุนไพรแปป แล้วค่อยนอน และเจ้าหนู เธอคงให้หลานสาวฉันนอนด้วยได้นะ พอดีเตียงนั้น เตียงของเธออยู่แล้ว เธอยังเด็ก อย่าไปคิดอะไรมาก” ชายชราพูดเสร็จก็เดินเข้าไปหลังบ้าน วานด้าก็แทบถอนหายใจ เขายืนมองดูเวลที่กำลังหลับ เขามองไปมองมาเขาก็ยิ้มนิดๆ
“ฉันจะคิดไปซะว่าเธอเป็นน้องสาวก็แล้วกัน” เสร็จวานด้าก็อุ้มเวลให้ขยับเข้าไปข้างใน และเขาก็นอนหันหลังให้

แต่จู่ๆ แสงจันทราก็สว่างจ้าขึ้นผิดปกติ แสงสว่างที่จ้าเจิดจรัสนั้นสาดส่องทะลุหน้าต่างเข้ามาในห้อง แต่วานด้านั้นไม่ได้เอ็ดใจอะไร เขานอนต่อไปด้วยแสงอันอบอุ่นที่สาดส่องเข้ามาหาเขาอยู่ทุกค่ำคืน เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันบ่งบอกถึงอะไร แต่มันก็ทำให้เขานั้นได้หลับอย่างสบาย
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #3 on: December 29, 2005, 09:15:31 PM »

เช้าวันต่อมา หนุ่มน้อยวานด้าที่ชินกับการตื่นเช้าอยู่แล้ว เขาจึงอยากตอบแทนชายชราด้วยการ ทำอาหาร และงานต่างๆสารพัดก่อนที่ชายชราจะตื่น

ไม่นานนักหลังจากที่เขาทำงานทุกอย่างเสร็จชายชราก็เดินลงมาจากชั้น 2 ของบ้าน
“โอ้ พ่อหนุ่ม ไม่ต้องทำงานให้เหนื่อยแรงไปเลย หลานสาวฉันบอกหมดแล้ว เธอควรจะรีบไปชำระร่างกายแต่งชุดดีๆ อีกเดี๋ยวฉันจะพาเจ้าไปยังพระราชวัง” ชายชราบอก
“แต่ ผมไม่มีชุดดีๆใส่เลย” วานด้าตอบ ชายชราจึงยิ้มเล็กๆ   
“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ ฉันก็เลยเตรียมชุดเครื่องแบบตอนที่ฉันยังหนุ่มๆมาให้เธอใส่ ไปเวล พาพี่เขาขึ้นไปเปลี่ยนชุดหน่อย” ชายชราบอก
“แล้วหนูละค่ะคุณปู่ ขอไปด้วยได้มั้ยค่ะ” เวลถาม ชายชราจึงหัวเราะและลูบหัวหลานสาวเบาๆ
“ได้ซิ เร๊ว รีบไปเปลี่ยนชุดเสียซิ” ชายชราตอบ เด็กสาวตัวเล็กๆจึงรีบวิ่งขึ้นไปชั้น 2 ทันที วานด้าเห็นแล้วเขาจึงเดินตามขึ้นไป

10 นาทีต่อมา

วานด้าแต่งชุดอัศวินอันงามสง่าเดินลงมาพร้อมกับเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ทันทีที่ชายชราเห็นวานด้าแล้ว เขาก็แทบตกใจ รูปลักษณ์ของวานด้านั้นดูสมส่วนดั่งเจ้าชายไม่ผิด และหลานสาวของเขาพอแต่งชุดแล้วก็น่ารักราวกับเป็นเจ้าหญิง ชายชราปรบมือทันทีด้วยความตะลึง
“แม่หลานสาวของปู่นี่ช่างน่ารักเป็นที่ 1 เลย” ชายชรากล่าวชมเชยทำให้เวลนั้นเขินอายวิ่งเข้ามากอดชายชราเอาไว้
“จริงซิ พ่อหนุ่มยังไม่เคยมาที่นี่เลย ย่อมเป็นที่แปลกตาแน่ถ้าใครเห็นเข้า เจ้าช่วยหน่อยเสียได้ไหม ฉันจะบอกแก่ทุกๆคนว่า พ่อหนุ่มเป็นเจ้าชายมาจาก ทราน ซิมโฟเนีย การนี้ทั้งหมดก็เพื่อตัวพ่อหนุ่มทั้งแล้วสิ้น” ชายชราบอก
“ครับ” วานด้าตอบตกลงเสร็จ ชายชราก็ยิ้มเล็กๆก่อนที่เขาจะเดินจากบ้านไปพร้อมกับอัศวินหนุ่มกับเจ้าหญิงน้อย

เมื่อทั้ง 3 เดินทางมาถึงเมืองเวเนเดีย ชาวบ้านหลายคนก็ทักทายให้กับชายชรา แต่ก็มีบ้างที่สงสัยในตัวอีก 2 คนว่าคือใครกันที่เดินทางมาพร้อมกับชายชรา จนทั้ง 3 ผ่านฝูงชนมาถึงหน้าประตูปราสาท

“โอ้ ท่านลอร์ดวีเนมอส องค์ราชินีทรงรอท่านอยู่” ทหารเฝ้าประตูเห็นชายชราแล้วก็สะดุ้งตกใจ แต่แล้วเขาก็สงสัยในตัวของวานด้า แต่แล้วก็มีชายคนหนึ่งแต่งตัวราวกับนักบุญเดินออกมา
“สวัสดี ท่านลอร์ดวีเนมอส โอ๊ะ นี่ใครกัน” ชายคนนั้นถาม
“สวัสดี ท่านลอร์ดฟาชาต นี่ วานด้า เจ้าชายแห่งทราน ซิมโฟเนีย เขาเป็นญาติห่างๆกับฉัน ฉันพาเขามาเข้าเฝ้าองค์ราชินี ส่วนนี่ หลานสาวฉันเวล ยังจำเธอได้อยู่รึเปล่า” ชายชราตอบ
“โอ้ ไม่ได้เจอกันซะไม่กี่เดือน โตเป็นสาวขึ้นแล้วรึเนี่ย” ฟาชาตบอก
“เดี๋ยวฉันขอตัวก่อน องค์ราชินีทรงเรียกเข้าเฝ้า” ชายชราพูดเสร็จก็เดินเข้าไปข้างในต่อพร้อมกับเด็กน้อยทั้ง 2

ทันทีที่เข้ายังท้องพระโรง วานด้าก็ตะลึงกับความใหญ่โตของห้อง แต่เขาเก็บอาการตื่นตะลึงเอาไว้ใต้ใบหน้าอันเงียบขึม
“ลอร์ดวีเนมอส” ราชินีมาเรียพูดขึ้น
“พะยะค่ะ” ชายชราก้มหัวและตัวทำความเคารพ วานด้าและเวลจึงทำตาม
“นั่นใครกันรึ วีเนมอส” ราชินีมาเรียถาม
“นี่ เจ้าชายวานด้า แห่งทราน ซิมโฟเนีย เขาเป็นญาติห่างๆของกระหม่อมเองพะยะค่ะ” ชายชราตอบ
“เจ้าชายวานด้า เงยหน้าขึ้นให้ฉันดูหน่อยซิ” ราชินีมาเรียสั่ง ด้วยความกลัววานด้าจึงสบตามองชายชราเล็กๆ ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้น
“หน้าตาเจ้าช่างดูงามสง่ากว่าเจ้าชายไหนๆที่ข้าเคยเจอมาเสียซะนี่ เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุอันใด” ราชินีมาเรียถาม
“กระหม่อมมาเพื่อที่จะมาเยี่ยมท่านปู่ก็เท่านั้นเองพะยะค่ะ” วานด้าตอบ

“ท่านแม่ค่ะ” เสียงของหญิงสาวดังขึ้นมาจากห้องข้างๆ พอวานด้าหันไปมองก็เห็นเจ้าหญิงเมแกนวิ่งเข้ามายังท้องพระโรง วานด้าใจเต้นไม่เป็นจังหวะทันทีที่ได้เห็นเจ้าหญิงเมแกนอย่างใกล้ๆ
“แม่กำลังคุยกับแขกอยู่ นี่เจ้าหญิงเมแกนบุตรสาวของฉัน และนั่นเจ้าชายวานด้าแห่งทราน  ซิมโฟเนีย ทำความรู้จักกันไว้ซิ” ราชินีมาเรียบอก
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เจ้าหญิงเมแกนส่งรอยยิ้มอันอ่อนหวานให้ทำให้ใจของวานด้าที่รักเดียวใจเดียวนั้นแทบละลายไปทันที
“ยิ...น.. ยิน..ดี...ที่..ได้..รู..รู้...จักครับ” วานด้าปากสั่นทันที เวลเห็นก็หัวเราะเล็กๆ

“เจ้าชายวานด้า ท่านถนัดในเรื่องใดมากที่สุด” ราชินีมาเรียถาม
“กระหม่อมถนัดอยู่หลายเรื่อง แต่ที่ถนัดกว่าเรื่องอื่นๆก็คือเรื่องการป้องกันตัว พะยะค่ะ” วานด้าตอบ
“งั้นดีเลย ฉันอยากให้เจ้าช่วยพิสูจน์ความกล้าของเจ้าหน่อยซะหน่อย เจ้าพร้อมจะรับมั้ย” ราชินีมาเรียถาม
“กระหม่อมพร้อมรับทุกประการพะยะค่ะ” วานด้าตอบ
“ช่างกล้าหาญยิ่งนัก” ราชินีมาเรียกล่าวคำชม
“ท่านแม่ทรงอย่าได้กระทำการเช่นนี้อีกเลย มันค่อนข้างจะโหดร้ายเกินไป” เจ้าหญิงเมแกนบอก
“อีก 3 ชั่วโมง ฉันจะให้เวลาเจ้าชายวานด้า ได้เตรียมตัวเตรียมใจ แล้วเจ้าชายต้องไปที่หนองน้ำคอซัส ซึ่งลอร์ดวีเนมอสรู้ทางไปแน่นอน” ราชินีมาเรียพูดเสร็จก็กวักมือเรียกทหารนายหนึ่งที่ยืนเฝ้าอยู่ในห้อง
“เจ้าจงรีบไปประกาศให้ชาวบ้านได้ทราบ อีก 3 ชั่วโมงจะมีการทดสอบความสามารถของเจ้าชายครั้งที่ 9” ราชินีมาเรียพูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกไปจากท้องพระโรง

“เจ้าชายวานด้า ได้โปรด ท่านจงอย่าได้เข้าร่วมในครั้งนี้เลย การทดสอบของท่านแม่นั่นอันตรายมากๆ ท่านอาจจะตายได้” เจ้าหญิงเมแกนพูดด้วยความเป็นห่วง
“ห่วงว่ากระหม่อมจะตายหรือห่วงว่ากระหม่อมจะผ่านการทดสอบกันแน่ เจ้าหญิง” วานด้าพูดไปเรื่อยเปื่อย

และแล้วเจ้าหญิงเมแกนผู้ซุ้มซ้ามก็เดินสะดุดกระโปรงของเวลเข้า วานด้าจึงรีบวิ่งเข้าไปรับ ทั้งคู่ซบตากันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เจ้าหญิงจะลุกออกจากอ้อมแขนของวานด้า
“เอ่อ กระหม่อมขอโทษด้วยที่ล่วงเกินไป กระหม่อมขอลา” วานด้าหน้าแดงทันที เขาเดินออกไปพร้อมกับชายชราและเวล ปล่อยให้เจ้าหญิงเมแกนยืนหน้าแดงอยู่คนเดียว
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #4 on: December 30, 2005, 12:27:12 AM »

ทันทีที่ข่าวแพร่กระจายไปทั่วเมือง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันไปยังหนองน้ำคอซัส องค์ราชินีและเจ้าหญิงเมแกนต่างก็ขึ้นประทับบนเรือเหาะพระที่นั่งบินวนอยู่รอบๆหนองน้ำ ชาวบ้านบางคนก็ขึ้นเรือเหาะมาชมการทดสอบนี้เช่นกัน

หนุ่มน้อยวานด้านั้นกลุ้มใจยิ่งนักเมื่อรู้จุดประสงค์ขององค์ราชินี สักพักชายชราก็เดินเข้ามาหา
“พ่อหนุ่ม นี่คือดาบศักดิ์สิทธิ์ ดาบแห่งแสงตะวัน มันเป็นดาบที่ตระกูลของข้าปกป้องรักษาดูแลมันไว้เป็นเวลาหลายชั่วอายุคน ตอนนี้ข้าคิดว่า เจ้าควรเก็บมันไว้ดูแลแทนข้าแล้ว” ชายชรายื่นดาบที่ถูกห่อด้วยผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่ง
“ข้าไม่มั่นใจว่าจะไหวมั้ย” วานด้าตอบ ชายชราจึงตบบ่าของวานด้า
“เชื่อมั่นในตัวเอง ทำเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด อย่าหมายคิดถึงสิ่งใด” ชายชราพูดเสร็จก็เดินจากไป

วานด้า... วานด้า... วานด้า...

เสียงเรียกร้องจากประชาชนจำนวนมากที่มาเฝ้าดูการทดสอบสุดโหดขององค์ราชินี
“พี่ชาย สู้ๆ นะค่ะ” เวลให้กำลังใจ สักพักวานด้าใจกล้า ก้าวเท้าเดินตรงไปยังหนองน้ำ

เบื้องหน้าของเบาเป็นโบราณสถานขนาดใหญ่ ซึ่งมีเนินเรียบแคบๆสูงขึ้นไปยังลานกว้างข้างบนที่ตั้งอยู่กลางหนองน้ำ เขาเริ่มลงแหวกว่ายในน้ำไปยังทางเรียบเพื่อเดินขึ้นไปยังลานกว้างข้างบน

“เราจะยังตายที่นี่ไม่ได้ เราต้องอยู่รอด” วานด้าพูดให้ขวัญกำลังใจแก่ตัวเอง ระหว่างที่เขาเดินขึ้นไปที่สูงขึ้นเรื่อยๆ เขาก็มาจนสุดทาง เป็นทางขาด เขามองลงไปข้างล่างที่สูงจากหนองน้ำราวๆ 50 เมตร เขาเริ่มหวาดกลัวขึ้นมาทันที เขากลืนน้ำลายอึกหนึ่ง จากนั้นจึงตัดสินใจกระโดดข้ามไปอีกฝั่ง ทันทีที่เขากระโดด ชาวบ้านต่างทึ่งกับความกล้าของหนุ่มน้อย เขาใช้แขนทั้งสองข้างจับขอบระเบียงเอาไว้ และปีนขึ้นมา เขาตั้งหลักพักเหนื่อยอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็เดินวนขึ้นไปตามทางเรื่อยๆจนมาถึงลานกว้าง

เมื่อขึ้นมาถึงเขาก็ประหลาดใจ เพราะเขาไม่พบสิ่งใดเลยนอกจากซากปรักหักพัง เขาก้าวเท้าแรกปุ๊บ แผ่นดินก็เริ่มสะเทือนโดยที่เขาไม่รู้สาเหตุ แต่พอเขาก้มมองดูเส้นอักขระที่เขียนไว้ซึ่งเขาก้าวเท้าเข้ามาเหยียบนั่นเอง จู่ๆ ซากปรักหักพังนั้นก็ค่อยก่อตัวขึ้น จนกายเป็นอัศวินยักษ์ที่มีขนาดใหญ่ราวๆ 100 เมตร ที่แขนข้างหนึ่งของมันเป็นแท่นหินยาว ราวกับทวนยักษ์

วานด้าจึงชักดาบแห่งตะวันออกมา ทันทีที่ชักดาบนั้นออกมา แสงจากดาบก็เปร่งแสงส่องไปยังหน้าท้องของยักษ์ตนนั้น จากนั้นหน้าท้องของยักษ์ตนนั้นก็มีอักขระบางอย่างเปร่งออกมา แล้วแสงจากดาบก็ดับหายไป

“ท่านแม่ค่ะ มันจะไม่รุนแรงไปเหรอค่ะ” เจ้าหญิงเมแกนถาม
“เพื่อที่จะหาเจ้าหญิงผู้กล้าหาญและเก่งกาจตัวจริงมาเป็นคนคุ้มครองลูกแทนแม่ยังไงล่ะ แม่จำเป็นต้องหาบททดสอบแบบนี้” ราชินีมาเรียตอบ

อัศวินยักษ์ตนนั้นชูแขนซ้ายที่เป็นแท่นหินยาวขึ้นฟ้า วานด้าเห็นก็รู้ทันทีว่ามันจะใช้แท่นหินยักษ์นั้นทุบใส่ตน เขาจึงรีบวิ่งหนีออกมาด้านข้าง ทันทีที่มันเหวี่ยงแขนซ้ายฟาดลงมาวานด้า วานด้าจึงกระโดดพุ่งหลบทันที แรงฟาดนั้นทำให้พื้นสั่นสะเทือนไปทั่วจนถึงผิวหนองน้ำ วานด้าไม่รีรอเขารีบลุกขึ้นทันที แต่แล้วเขาก็ไปสังเกตเห็นอัศวินยักษ์นั้นชะงักดึงแท่นหินออกจากฟื้น เขาจึงคิดที่จะไปปีนแท่นหินนั้นไต่ขึ้นไป แต่พอจะวิ่งไป อัศวินยักษ์ก็ดึงแท่นหินออกจากพื้นได้ วานด้าเห็นจึงรีบวิ่งหนีไม่ยืนเป็นเป้านิ่ง

ไม่นานนัก อัศวินยักษ์ก็ชูแขนซ้ายขึ้นอีกครั้ง วานด้าจึงหยุดอยู่ในตำแหน่งที่มันเคยนั่งอยู่ เขายืนดูวิถีทางการเหวี่ยงของแท่นหินนั้น  จากนั้นอัศวินยักษ์ก็เหวี่ยงแท่นหินทุบใส่วานด้า แต่เขาวิ่งตรงไปยังขอบลานกว้าง แต่ไม่ทัน แท่นหินนั้นสั้นไปนิด ปลายแท่นหินนั้นฟาดใส่พื้นปูนที่เป็นฐานที่มันนั่งอยู่ ทำให้แท่นหินนั้นร้าวและซากหินบนแขนซ้ายนั้นแตกพัง และทำให้มันเสียหลักหงายหลังตกลงมาจากลานกว้างลงสู่หนองน้ำข้างล่าง วานด้าที่โดนแรงสะเทือนจากการฟาดนั้น กระเด็นไปเกาะที่ขอบลานกว้าง ประชาชนข้างล่างเห็นแล้วถึงกับตกใจทันที

วานด้า... วานด้า... วานด้า...

ประชาชนต่างเรียกชื่อของเขาเพื่อสร้างกำลังใจให้หนุ่มน้อยผู้ใจกล้าผู้นี้ เขาออกแรงปีนขึ้นมาอีกครั้ง แต่อัศวินยักษ์ตัวนั้นก็ลุกยืนขึ้นพอดี พื้นบนลานกว้างนั้นอยู่ในระดับเอวของมันพอดี เขารีบวิ่งตรงเข้าไปหาอัศวินยักษ์ที่กำลังยืนโซเซอยู่ เมื่ออัศวินยักษ์ตนนั้นตั้งหลักได้ มันจึงปีนขึ้นมาบนลานกว้าง แต่หนุ่มน้อยผู้นี้กระโดดพุ่งเข้าไปเกาะที่หน้าท้องของอัศวินยักษ์ตนนั้น

“แทงมันเลย พ่อหนุ่ม” ชายชราตะโกนบอกจากเรือเหาะ

เมื่อวานด้าได้ยินดังนั้น เขาจึงใช้มือซ้ายดึงขนของมันไว้และใช้มือขวาจับดาบง้างเต็มที่ และแทงใส่กลางอักขระที่เปร่งแสงออกมา เลือดของมันพุ่งกระฉูดจนวานด้านั้นเปลื้อนไปด้วยเลือดของอัศวินยักษ์ จากนั้นมันจึงหงายลงทันทีทั้งๆที่ยังปีนขึ้นมาไม่เสร็จ หนุ่มน้อยวานด้าเองก็ตกลงมายังหนองน้ำพร้อมๆกับอัศวินยักษ์

เมื่อวานด้าโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ เขาจึงรีบว่ายตรงไปยังทางขึ้นทันที แต่คราวนี้อัศวินยักษ์ตนนี้กลับลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันใช้แท่นหินฟาดใส่วานด้า แต่เขาก็ยังคงหลบได้ โดนเพียงแต่แรงสั่นสะเทือนจากแรงฟาด แต่การฟาดครั้งนั้นทำให้ทางขึ้นนั้นพังทลายลง วานด้าจึงรีบวิ่งขึ้นไปให้สุดทาง

ทุกครั้งที่อัศวินยักษ์ตนนี้โจมตีใส่วานด้า ประชาชนต่างตกใจแทนวานด้า รวมทั้งเจ้าหญิงเมแกนที่ทนดูสภาพการทารุนขององค์ราชินีไม่ได้

และแล้วอัศวินยักษ์ก็ใช้แท่นหินฟาดใส่อีกครั้ง วานด้าจึงกระโดดข้ามไปเกาะยังระเบียงอีกฝั่งทันที แล้วเนินขึ้นแคบๆก็พังทลายลงจนหมด เขารีบปีนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และวิ่งกลับขึ้นไปยังลานกว้างข้างบน

ทันทีที่ขึ้นมาได้ อัศวินยักษ์ก็ใช้แท่นหินฟาดใส่อีกครั้ง วานด้าจึงวิ่งสุดชีวิตเพื่อหลบแท่นหินอันยาว จนในที่สุดเขาก็ออกแรงพุ่งหลบไปได้ทัน แต่คราวนี้แท่นหินนั้นเกิดแตก เศษหินแหลมๆขนาดเล็ก หลายแท่งแตกระจายไปทั่ว ซึ่งมีอยู่แท่งหนึ่งแทงเข้าทะลุไหลซ้ายของวานด้า เสียงของประชาชนที่เคยเฮกันนั้นกลับนิ่งเงียบไปทันที ร่างของหนุ่มน้อยวานด้าค่อยๆล้มลง

“ไม่นะ” เจ้าหญิงเมแกนแทบน้ำตาไหล
“เอาเถอะ เอาเถอะ เขาทำอย่างสุดความสามารถแล้ว เจ้าชายคนก่อนๆ ยังไม่มีใครทำอันตรายอัศวินสวรรค์ที่หลับใหลตนนี้ได้เลย” ราชินีมาเรียพูดปลอบใจ

อัศวินยักษ์ตนนั้นจึงปีนขึ้นมายังลานกว้างข้างบนสำเร็จ มันเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าร่างของวานด้า มันหันหัวแท่งหินที่แตกจนแหลมคมดั่งปลายทวนเล็กมาที่ร่างของวานด้า มันยกขึ้นสูง และในที่สุดก็แทงลง

“หนูทนดูภาพแบบนี้ไม่ได้” เจ้าหญิงเมแกนรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากพระที่นั่ง

เธอต้องอยู่รอดกลับมาหาฉันนะ

เสียงแผ่วเบาดังขึ้นมาหูของวานด้า เขาฟื้นคืนสติกลับมาเห็นปลายแหลมขนาดใหญ่แทงลงมาที่เขา เขาจึงกลิ้งตัวหลบได้ทัน ประชาชนต่างประหลาดใจทันที

วานด้ายังไม่ตาย

เสียงของชาวบ้านคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เจ้าหญิงเมแกนหันกลับมาดูทันที

“พ่อหนุ่ม ทำเอาซะฉันใจหายหมด” ชายชราเห็นแล้วก็ยิ้มทันที

พอวานด้าตั้งสติได้เขาก็ใช้แขนซ้ายจับร่องหินที่แตกอยู่ตามแท่งหินของอัศวินยักษ์ พอมันดึงออกได้ ร่างของวานด้าก็ลอยตามขึ้นมาตามแท่งหิน มันยกแท่งหินขึ้นมาดู วานด้าจึงฉวยโอกาสเหวี่ยงตัวไปเกาะที่บ่าของอัศวินยักษ์ ตอนนี้มันลนทันที มันใช้มือนั้นควานหาวานด้าบนบ่าของมัน แต่แล้ว ชาวบ้านและองค์ราชินี และทุกคนที่อยู่บริเวณต่างต้องตะลึง วานด้านั้นปีนขึ้นไปยืนบนหัวของอัศวินยักษ์ เข้าชูดาบแห่งตะวันขึ้น ประชาชนต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ แสงจากตะวันสาดส่องมากระทบดาบเล่มนี้ ทำให้เกิดแสงสว่างขนาดใหญ่เปร่งออกมา

“จงหลับใหลไปตลอดกาล อัศวินยักษ์” วานด้าพูดเสร็จก็ปักดาบแห่งตะวันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแสงสว่างลงกลางหัวของอัศวินยักษ์ เลือดของมันพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุ จากนั้นไม่นานมันก็สิ้นใจ ร่างของมันล้มลงตายอยู่บนลานกว้าง อัศวินยักษ์แห่งสวรรค์ก็ได้หลับใหลไปตลอดกาล  

วานด้าจงเจริญ วานด้า....

ชาวบ้านต่างดีใจให้กับหนุ่มน้อยวานด้า แต่แล้ววิญญาณของยักษ์หลับที่เต็มไปด้วยโทสะนั้นพุ่งเข้ามาที่ดาบแห่งตะวันซึ่งสะเก็ดวิญญาณของมันนั้นทำให้หนุ่มน้อยวานด้าที่เหนื่อยล้าและอ่อนแรงนั้นทนรับพลังไม่ได้จึงสลบไป

“หนูรู้ไว้อยู่แล้วว่าพี่ชายต้องทำได้” เวลกอดชายชราไว้แน่นในช่วงที่ช่วยลุ้น
“พ่อหนุ่มนั่นต้องมีบางอย่างที่เกี่ยวกับแสงตะวันและจันทรา” ชายชราพูดพรางๆ

“คงถึงเวลาแล้วซินะ” องค์ราชินีพูดอย่างมีปริศนาก่อนที่ลุกขึ้นเดินกลับเข้าไปในห้องบนเรือเหาะ ปล่อยให้เจ้าหญิงเมแกนปลื้นปิติดีใจให้กับวานด้า
« Last Edit: December 30, 2005, 12:28:27 AM by !!! Unknow !!! » Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #5 on: January 01, 2006, 08:59:45 AM »

ภาพตัวอย่างการต่อสู้ของหนุ่มน้อยวานด้า







เผื่อบางคนนึกภาพไม่ออก หรือนึกสภาพอัศวินยักษ์ว่าใหญ่ขนาดไม่ได้ T-T
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #6 on: January 03, 2006, 07:53:14 PM »

เอามาจากเกมนี้จริง ๆ ด้วย ถึงว่าชื่อกระทู้คุ้น ๆ หุ ๆ โค่นยักษ์
Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.086 seconds with 21 queries.