Summoner Master Forum
November 27, 2024, 01:25:13 PM *
Welcome, Guest. Please login or register.

Login with username, password and session length
News: ประกาศใช้เวบบอร์ดใหม่ http://www.stmagnusgame.com/webboard/index.php

 
   Home   Help Login Register  
Pages: [1]
  Print  
Author Topic: FANTASY DESTINY VII : Meteor Heaven  (Read 2356 times)
0 Members and 4 Guests are viewing this topic.
!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« on: November 13, 2005, 07:38:34 AM »

สงสัยภาคเก่า เนื้อเรื่องมันคงจะดูซ้ำซากเดิม เลยไม่ค่อยมีคนอ่าน เลยคิดจะทำเนื้อเรื่องใหม่ ไม่รู้จะเหมือนเดิมรึเปล่า
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Fantasy Destiny VII : Meteor Heaven

ตอนที่ 1 โลกอนาคต

         ในปี ค.ศ.2032 วันที่ 15 เดือน มิถุนายน โลกแห่งเทคโนโยลีที่กำลังค่อยๆเปลี่ยนแปลงธรรมดาและบรรดาโลกใบน้อยๆของเหล่านักเวทย์ ภูติ หรือแม้กระทั่งสัตว์ ด้วยเทคโนโยลีอันล้ำสมัย ย่อมมีอันตรายตามมาอยู่ทุกขณะ จึงมีองค์กรหนึ่งเกิดขึ้นเพื่อปกป้องคุ้มครองอันตรายต่างๆ และทันใดนั้นเกิดหลุมดำขนาดเล็กพุ่งชนพื้นผิวโลก หน่วยงานลับขององค์กรนี้จึงถูกส่งไปที่นั่นทันที

“นี่อีเกิลไนท์เรียก เรากำลังใกล้ถึงจุดหมายแล้ว เราจะส่งคนลงไป” นายทหารผู้ที่ขับยานนั้นรายงาน แล้วเหล่าทหาร 6 นายก็ถูกหย่อนเชือกลงไปยังพื้นด้านล่าง
“พื้นที่ปลอดภัย” ทหารนายหนึ่งรายงาน
“พงวิช ไปตรวจสอบบริเวณจุดที่หลุมดำตก เก็บชิ้นส่วนพื้นบริเวณนั้นมา แล้วพวกเราจะกลับบ้านกัน” ทหารนายหนึ่งสั่ง
“ครับจ่า” พงวิชรีบวิ่งตรงไปยังจุดที่หลุมดำตก

เมื่อเขาไปถึงเขาก็เห็นลูกกลมๆสีดำสลับม่วงน้ำลอยอยู่ตรงกลางก้นหลุม เขาจึงค่อยๆเดินลงไป
“จ่า มีตัวบางอย่างกำลังตรงไปทางพวกจ่า” คนขับยานบอก
“อือ ตั้งแนวรับซี มีบางอย่างอยู่ข้างหน้า” จ่าสั่งทหารอีก 4 นายจึงจัดขบวนตั้งรับ พงวิชเองเมื่อได้ยินก็แปลกใจ เขาจึงรีบวิ่งกลับขึ้นไปดู
“ยิง” จ่าสั่งลุยทันที แล้วพงวิชก็เห็นมังกรสีแดงขนาดใหญ่อยู่เบื้องหน้า เขาจึงยกปืนขึ้นเล็งทันที แล้วมังกรตัวนั้นก็พ่นไฟใส่เหล่าทหาร ทำให้ทหารนายหนึ่งถูกไฟไหม้ตายในทันที ส่วนที่เหลือต่างหลบหลังก้อนหิน
“อีเกิลไนท์ ล้มมันให้ได้” จ่าสั่งอย่างเร่งด่วน ยานเหาะลำนั้นจึงบินวนกลับลำ และยิงมิสไซด์โจมตีใส่มังกรตัวนั้น แต่มันก็หลบได้และบินพุ่งเข้ามาชนจนยานตก แล้วพงวิชก็ลั่นไกกระสุนของเขานั้นฝั่งเข้าไปที่ตาซ้ายของมังกรตัวนั้น มันจึงหันมาทางพงวิชและวิ่งไล่เข้ามาทันที
“พงวิช วิ่ง” จ่าสั่งแล้วพวกเขาก็กระหน่ำยิงสกัดมังกรตัวนั้นไว้ พงวิชจึงรีบหันหลังวิ่งทันที มังกรไฟตัวนั้นจึงพ่นไฟใส่พงวิชแต่เขากระโดดหลบลงไปในหลุมดำได้ทัน แต่มังกรตัวนั้นก็ยังเดินตรงเข้ามาเมื่อมันอยู่ปากขอบหลุม มันก็อ้าปากขึ้น แต่ทันใดนั้นเอง ลูกกลมๆสีดำนั้นก็ขยายกว้างขึ้นทันทีดูดทุกอย่างเข้าไปข้างในรวมทั้งพงวิช

เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็พบว่าตัวของเขานั้นได้มาอยู่ที่ภูเขาแห่งหนึ่ง เขาจึงรีบลุกขึ้นกว้างสายตามองไปรอบๆเพื่อเช็คความปลอดภัย
“ที่นี่มันที่ไหนกัน” พงวิชยังมึนในตอนที่เขาถูกหลุมดำดูดเข้ามา แล้วสักพักเจ้ามังกรไฟตัวนั้นก็คำรามขึ้นแล้วมันก็ปีนขึ้นภูเขามา พงวิชจึงกระหน่ำยิงใส่ทั้งกระสุนเลอเซอร์ หรือระเบิด แล้วก็ตามมันก็ยังไม่ท้อถอย มันจึงพุ่งเข้ามากัด พงวิชจึงกระโดดลงไปในเหวข้างๆ แล้วเขาก็ตกกระแทกกับผิวน้ำในแม่น้ำจนสลบไป

 ทันทีที่เขาตื่นขึ้นมา
“ฟื้นแล้วเหรอค่ะ” เขาเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งอายุราวๆ 8 ขวบ ยืนก้มมองดูตัวเขา เขาจึงสะดุ้งตัวขึ้นมาทันที
“มังกรตัวนั้นละ” พงวิชรีบกวาดสายตามองหาทันทีพร้อมกับคว้าปืนขึ้นมาทันที เด็กน้อยคนนั้นก็หัวเราะเล็กๆ
“มังกรที่ไหนกัน หนูเห็นคุณลอยน้ำมา ชินนีสม้าของหนูก็เลยช่วยคุณไว้” เด็กน้อยคนนั้นบอกแล้วพงวิชก็โล่งอกและนอนลงไปทันที
“แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน” พงวิชถาม
“ดูจากชุดของคุณแล้ว คุณคงจะเป็นทหารซินะ” เด็กน้อยคนนั้นถาม
“ใช่ ฉันเป็นทหาร ตอนฉันทำภารกิจ ฉันถูกหลุมดำดูดเข้ามา แล้วก็มาโผล่ที่นี่ พอจะรู้มั้ยว่าเมืองแอสเวิร์ดไปทางไหน” พงวิชถาม
“รู้ซิ ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกลหรอก แต่จะไปเมืองร้างที่นั่นทำไมเหรอ” เด็กน้อยคนนั้นตอบแล้วก็ยื่นน้ำให้พงวิชดื่มกระหาย
“เมืองร้างเหรอ ฉันมาจากที่นั่นนะ” พงวิชตกใจขึ้นทันทีกับคำพูดของเด็กน้อยคนนี้
“คุณปู่เล่าว่า เมื่อ 50 ปีที่แล้ว มีหลุมดำขนาดเล็กจำนวนมากพุ่งชนใส่โลก และหลุมดำเหล่านั้นตกไปบริเวณเมืองแอสเวิร์ด หลุมดำเหล่านั้นดูดดวงจันทร์พุ่งชนใส่เมืองนั้น และเมืองข้างเคียงจะพินาศไปหมด” เด็กน้อยคนนั้นเล่าให้ฟัง
“แล้วปีนี้ปีอะไร” พงวิชถาม
“ปี 2082 มาซิ เดี๋ยวจะพาไปพักที่หมู่บ้านของหนูก่อน” เด็กน้อยคนนั้นตอบ พงวิชถึงกับตกใจอย่างหนัก
“นี่เราถูกหลุมดำดูดเข้ามาในอนาคตอีก 50 ปีเหรอเนี่ย แปลว่าหลังจากวันนั้นหลุมดำนั้นดูดดวงจันทร์เข้าชนโลก เรานี่มันแย่จริงๆ” พงวิชพูดพึมพำด้วยความเจ็บใจ แล้วสักพักเขาก็ทำใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ เขาจึงลุกขึ้นเดินตามเด็กน้อยคนนั้นไป

เมื่อตามออกมาได้สักพักเขาก็เห็นม้ายูนิคอนสีขาวมีเขาเรียวยาวสวยสง่า
“นี่ชินนีส ม้าของหนูเอง ไปเถอะ หมู่บ้านของหนูอยู่ค่อนข้างไกล ถ้าเดินทางอย่างเร็วก่อนค่ำก็ถึงแน่” เด็กน้อยคนนั้นบอก แล้วยูนิคอนตัวนั้นก็ก้มตัวลงให้เด็กน้อยขึ้นขี่หลัง
“ลืมไป พี่ชื่ออะไรเหรอค่ะ หนูชื่อ แคลร์” แคลร์ถาม
“พงวิช สปินคอส” พงวิชตอบแล้วเขาก็เดินตามยูนิคอนไปทันที

เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เหล่าหมู่ดาวบนท้องฟ้าก็สว่างจ้าทันที พงวิลและแคลร์ก็เดินทางผ่านพ้นป่าออกมา พงวิชตะลึงในทันที ภาพเบื้องหน้าของเขาเป็นทุ่งดอกไม้ที่มีเหล่าหิ่งห้อยและภูติตัวเล็กออกมาร่ายรำเล่นกันสนุกสนาน แสงสว่างจากหิ่งห้อยและภูติตัวน้อยๆนั้นระยิบระยับไปทั่วทุ่ง เขาตื่นตะลึงกับความงามธรรมชาติเหล่านี้
“คุณคงไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนละซิ” แคลร์ถาม
“อาจจะเป็นเพราะฉันคุกคีอยู่งานในเมืองจนไม่รับรู้เห็นถึงความงามธรรมชาติเหล่านี้ก็ได้” พงวิชตอบ
“แต่เอาเถอะ หลังจากวันนี้เป็นต้นไป คุณคงอาจจะไม่ต้องทำงานหนักอีกแล้วก็ได้ ฉันเชื่อว่าอย่างนั้นนะ” แคลร์บอก แล้วทั้งคู่ก็ออกเดินทางไปต่อโดยชมความงดงามของการร่ายรำของเหล่าผีเสื้อ หิ่งห้อย และภูติน้อยทั้งหลาย ไปตามทางจนอิ่มใจ

แล้วแคลร์ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าผาบนทุ่งดอกไม้นี้ เธอลงจากหลังยูนิคอนแล้วก็หันกลับมาหาพงวิช
“อยู่อีกฟากของแม่น้ำข้างหน้าตรงนั้นมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ตอนเช้าค่อยออกเดินทางต่อก็แล้วกันนะ คืนนี้ท่านนอนใต้ต้นไม้นี้ก่อนเถอะ พักเอาแรงซะ ในยามค่ำคืนทุ่งดอกไม้นี้จะปลอดภัยจากอันตรายทุกชนิด ท่านจงไว้วางใจได้” แคลร์บอก
“ก็ดีเหมือนกัน เหนื่อยมาทั้งวัน ได้พักสักนิดก็ยังดี” พงวิชก็เดินที่นอนที่ใต้ต้นไม้ที่ตั้งอยู่หกลางหน้าผานี้ เขามองดูดวงดาวบนท้องฟ้าอยู่นาน เขาไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้เขาจะนอนได้ไม่สบายเท่ากับนอนบนเตียงอันอ่อนนุ่มที่บ้านของเขาแล้ว แต่เขาก็ได้เห็นในสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น เขานอนลำพังได้ยินเพียงเสียงหัวเราะของเด็กสาวตัวน้อยๆที่เล่นสนุกกับเหล่าภูติและแมลงในยามราตรี ไม่นานนักเขามองดูดาวบนท้องฟ้าเพลินจนเผลอหลับไป
« Last Edit: November 13, 2005, 07:40:25 AM by !!! Unknow !!! » Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #1 on: November 19, 2005, 07:40:48 PM »

ออกกึ่ง sci-fi ผสม fantasy หรือครับ น่าสนใจดีครับ  :D
ที่คนไม่ค่อยตอบกันเพราะคนไม่ค่อยสังเกต และ เข้ามาหมวดนี้เสียเท่าไหร่มากกว่านะครับ  :P
Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #2 on: November 19, 2005, 08:38:42 PM »

เรื่องนี้จะทำออกแนว Action/Sci-fi ครับอาจจะมีการนำบางอย่างจาก Summoner หรือต่างๆเพื่อที่จะทำให้เรื่องดูออกแนว Fantasy ตามชื่อเรื่อง
และภาคนี้จะแต่งออกมาไม่ยาวมากครับสัก 30-40 ตอนซึ่งสั้นกว่าภาคก่อนๆ เพื่อที่จะให้เรื่องมันจบลงเร็วๆ เพราะคิดว่า ถ้าทำออกมาเป็นภาพยนต์ 1 ชั่วโมงครึ่ง น่าจะจบลงได้ (เพ้อหนักแล้วเรา)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอนที่ 2 หน่วยรบพิเศษ

“ผม พงวิช สปินคอส เป็นหน่วยรบพิเศษแห่งองค์กรลับที่มีรหัสบังหน้าว่า Meteor Heaven องค์กรนี้ทำหน้าที่ป้องกันภัยลับต่างๆบนโลก องค์กรลับของผมนี้มีผู้นำที่ก่อตั้งขึ้นคือมาร์คัส ทิมเบอสัน เขาได้เสียชีวิตไปหลายปีมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่ผมจะมาเข้าองค์กรนี้ซะอีก หลังจากนั้นองค์กรของพวกเรานี้ ก็ค่อยๆถอดถอยลดลง เหลือหน่วยรบพิเศษเพียงหน่วยของผมเพียงหน่วยเดียว นำทีมโดยจ่าปื๊ด และมีเพื่อนร่วมทีมกับผมอีก 3 คนคือ อรุณ วอสเตม ถนัดแนวบู๊ บ้าเลือด กล้าเสี่ยงที่จะลุยเป็นแนวหน้าตายแทนเพื่อน ชอบใช้ปืนกล M249 และปืนยิงจรวด มาก คนต่อมา นพ นารูอิส มีความแม่นยำที่สุดในกลุ่ม เขาถนัดปืนไรเฟิลมากที่สุด และคนสุดท้าย อาทร มัสแตน ใช้ปืนกลชนิดเดียวกับผม พวกเราลุยกันเป็นทีม แต่ตอนนี้ผมเองกลับต้องมาลุยเดี่ยว วิทยุของผมก็ติดต่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมไม่ได้เลย และดูเหมือนว่าผมจะถูกสะเก็ดหลุมดำดูดผมเข้ามาในอนาคตอีก 50 ปี และตอนนี้ผมได้รับการช่วยเหลือจากเด็กน้อยคนหนึ่งที่ชื่อ แคลร์ เธอจะนำผมไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง หลังจากนั้น ผมก็ต้องหาเบาะแสสาเหตุเกี่ยวกับหลุมดำลึกลับเหล่านี้ จบรายงานภาคสนาม ผม สปินคอส Report 1” พงวิชพูดอัดเสียงใส่วิทยุของเขาเพื่อบันทึกและอัดเสียงของเขาไว้
“เอาละ พี่ชาย เราไปกันได้แล้ว” เสียงของเด็กน้อยนั้นตะโกนเรียก พงวิชจึงรีบลุกขึ้นวิ่งตามไปทันที

ในขณะที่พงวิชนั้นหลุดไปโลกอนาคตอีก 50 ปี ในโลกปัจจุบันจ่าปื๊ดผู้นำทีมพิเศษนั้นก็กลับไปยังหน่วยลับ
“บอกครอบครัวของเขา และจัดงานศพอย่างสมเกียรติ” จ่าปื๊ดสั่งลูกน้องนายหนึ่ง
“ในตอนนี้สถานการณ์หน่วยของพวกเราเริ่มย่ำแย่ ทหารหน่วยรบพิเศษของเราเสียชีวิต 1 หายสาบสูญไป 1 เราต้องเร่งจัดออกตามหาตัวให้ได้ ทหารทุกคนเข้าใจมั้ย” จ่าปื๊ดตะโกนบอก
“แต่ขอโทษครับจ่า ทั้งองค์กรเรามีกันไม่กี่ 10 คน สูงสุดก็คือจ่า เราน่าจะยืมมือจากพวกทหารนะครับ” มิ้งพูดคัดค้านขึ้น จ่าปื๊ดจึงหยิบรายชื่อขึ้นมาดู
“นายซินะ มิ้ง ม๊อกโก อยู่หน่วยช่างกล ส่วนคำถามที่ถามมานั้น ฉันจะตอบเลยว่าไม่ องค์กรของเราถึงจะคนน้อยแต่ทุกคนล้วนแต่มีฝีมือดีๆกันทั้งนั้น ผู้นำมาร์คัส ผู้ก่อตั้ง องค์กรนี้ยังเคยทำงานใหญ่กว่านี้เองเพียงคนเดียวได้เลย พวกเรา 10 กว่าคน ทำกันไม่ได้รึไง” จ่าปื๊ดพูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งก้าว
“คราวนี้เราต้องทำงานกันอย่างเข้มแข็งขึ้น เราจะออกตามหาเพื่อนของเราที่หายไป พวกเราทุกคนนั้นมีความสำคัญมากกว่าทหารงี่เง่าพวกนั้นอีก หากประเทศของเราถือปกครองอย่างเผด็จการแบบนี้ ต่อไป ประชาชนก็จะอยู่กันอย่างไม่เป็นสุข พวกเรา 10 กว่าคนนี่แหละจะกอบกู้อิสระและเสรีภาพคืนสู่ประชาชน” จ่าปื๊ดบอก
“จ่าครับ สะเก็ดหลุมดำขนาดเล็กที่พวกเราเก็บมานั้นเริ่มมีปฏิกิริยาแล้วครับ” ทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน แล้วทุกคนต่างก็เดินไปที่ห้องทดลอง

“เกิดอะไรขึ้นเหรอ” จ่าปื๊ดถาม
“ทุกอย่างหลังกระจกที่พวกเราเห็นนี้ถูกหลุมดำขนาดเล็กเท่าลูกแก้วดูดหายเข้าไปหมดเลย” ทหารนายหนึ่งบอก และระหว่างที่พวกเขาได้ดูกันอยู่นั้น หลุมดำนั้นก็ขยายตัวออกจนพวกเขาต่างตกใจรีบถอยออกห่าง แล้วหลุมดำนั้นก็ยุบหายกลับไปเท่าเดิม แต่ปรากฏร่างของชายคนหนึ่งแต่งตัวราวกับเป็นนักวิจัย จ่าปื๊ดจึงรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องกระจกช่วยนักวิจัยคนนั้นออกมา
 
“ตื่นเว้ย ตื่น” จ่าปื๊ดตบหน้าชายคนนั้นอยู่หลายครั้ง จนชายคนนั้นฟื้นขึ้นมา
“เกิดอะไร แกมาจากไหน” จ่าปื๊ดถาม
“ขอพักแปป” ชายคนนั้นตอบแล้วก็สลบไป
“รีบพาไปห้องพยาบาล” จ่าปื๊ดบอกแล้วทหารภายในห้องนั้นต่างก็หามร่างของนักวิจัยรีบไปที่ห้องพยาบาล

ไม่นานนักหลังจากที่แพทย์ในหน่วยได้ช่วยดูแลรักษานักวิจัยคนนี้ จ่าปื๊ดก็เดินเข้าไปในห้องพยาบาล
“จะเล่าได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น” จ่าปื๊ดถาม
“เจ้าหลุมดำนั่น มันเป็นเสมือนเครื่องแห่งกาลเวลา ผมถูกมันดูดเข้าไปมาอยู่ 3 รอบ แต่ละสถานที่ที่ผมไปโผลนั้น ล้วนแต่เป็นเวลาก่อนและหลังจากในปัจจุบันที่พวกเราอยู่ จนในที่สุดผมก็กลับมายังโลกเดิมได้” นักวิจัยคนนั้นเล่าให้ฟัง
“ถ้างั้น พงวิชก็คงถูกดูดไปยังอดีตหรืออนาคตสักแห่ง อรุณ นพ อาทร จัดเตรียมอุปกรณ์พร้อมรบ เราจะออกไปลุยตามหาพงวิชกัน” จ่าปื๊ดสั่ง แต่แล้วทันใดนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวสะเทือนไปทั่ว ทุกคนภายในองค์กรต่างหาที่ยึดจับกันไว้
“ท่านครับ หลุมดำมันขยายอีกแล้วครับ” ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งมารายงาน แล้วหลุมดำก็ขยายออกกว้างเป็นอย่างมากจนครอบคลุมสถานที่ตั้งองค์กรนี้ไว้ทั้งหมด แล้วองค์กรนี้ก็ถูกดูดเข้าไปในอนาคตอีก 50 ปี

เมื่อทุกอย่างจบลง พวกเขาทั้งหมดต่างก็ออกมาข้างนอกตึก พวกเขาเห็นทุ่งกว้างขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทุ่งหญ้า
“เอาล่ะทุกคนฟังคำสั่งของฉัน อรุณ นพ อาทร เตรียมอุปกรณ์ออกเดินทาง มิ้ง ศรัน แบมบู อยู่ที่ฐานคอยสื่อสารผ่านระบบ ที่เหลือแยกย้ายกันทำงานตามหน้าที่” จ่าปื๊ดแล้วทหารทุกคนต่างก็รีบไปทำตามหน้าที่ที่สั่งไว้

แต่ในขณะที่พวกเขากำลังเตรียมอุปกรณ์กันอยู่นั้น สัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นทุกคนจึงรีบวิ่งไปที่ห้องบังคับการ
“เกิดอะไรขึ้นแบมบู” จ่าปื๊ดถาม
“มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างที่มีขนาดใหญ่ฝูงหนึ่งกำลังตรงมาทางนี้ครับ” แบมบูตอบ
“ทุกคนขึ้นป้อมดาดฟ้า” จ่าปื๊ดสั่งและนำทีมวิ่งขึ้นไปยังบนดาดฟ้าพร้อมกับอาวุธครบมือ

เมื่อขึ้นมาถึงจ่าปื๊ดก็ตะลึงค้างกับภาพฝูง(Troian) ขนาดใหญ่ฝูงหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ขึ้นป้อม” จ่าปื๊ดสั่ง แล้วเหล่าทหารก็วิ่งไปที่ป้อมปืนกล และปืนยิงจรวดต่างๆ
“!!! ยิง !!!” จ่าปื๊ดตะโกนสุดเสียงสั่งโจมตีอย่างเข้มแข็ง เมื่อสิ้นเสียงพวกทอเรี่ยนฝูงนั้นต่างก็กระโจนเข้าใส่ ป้อมปืนปราการต่างกระหน่ำสวนใส่ทอเรี่ยนฝูงนั้น จนพวกมันกระเด็นออกไป แต่ก็มีบางตัวที่รอดจากการยิงครั้งนั้นได้ อรุณจึงใช้ปืนยิงจรวดยิงใส่จนทอเรี่ยนที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มนั้นกระเด็นตกไปจากดาดฟ้าตึก
“แจกไป 1 ลูก มาเลยน้องหนู” อรุณบรรจุหัวจรวดใส่ แต่พอยกขึ้นเล็งทอเรี่ยนตัวหนึ่งก็ง้างกงเล็บฟาดใส่ แต่แล้วก็มีเสียงปืนดังลั่น ทอเรี่ยนตัวนั้นก็ล้มลง
“อรุณ อย่ามัวแต่ยืนบ้า จัดการมันให้เร็วหน่อยซิวะ” นพตะโกนบอกแล้วก็บรรจุกระสุนไรเฟิล

การต่อสู้ของบรรดาเหล่าทหารหน่วยรบพิเศษกับฝูงทอเรี่ยนนั้น ทำให้บริเวณนั้นเต็มไปด้วยเสียงปอกกระสุนที่ตก เสียงปืน เสียงร้องโหยหวนและเสียงคำรามของพวกทอเรี่ยน

แต่ไม่นานนักก็มีเสียงคำรามอันดังลั่นไปทั่ว เสียงคำรามนั้นทำให้เหล่าทอเรี่ยนต่างเกรงกลัวและวิ่งหนีหายไปทันที ทิ้งไว้เพียงซากตายของพวกมันบางตัวและอาคารตึกที่ผุพังในบางส่วนและป้อมที่พังทลาย
“พวกมันไปไหนกัน” จ่าปื๊ดพูดขึ้นด้วยความสงสัย
“จ่าฝูงมันเรียกกลับ” นักวิจัยคนนั้นบอก
“แล้วรู้ได้อย่างไร” จ่าปื๊ดถาม
“ผมลืมแนะนำตัว ผมเป็นนักวิจัย ชีวิตสัตว์ และสัตว์ประหลาด ผมชื่อ อิศรา ผมรู้ข้อมูลในหลายๆเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้โดยที่พวกคุณไม่รู้” อิศราตอบ
“งั้นทหาร เก็บซากทอเรี่ยนพวกนี้ไปทิ้งนอกฐาน และบอม(ชื่อทหารนายหนึ่ง) จัดตั้งวางสนามกับดักระเบิดไว้รอบฐานและป้อมปืนต่างๆให้แน่นหนาขึ้น” จ่าปื๊ดสั่งแล้วก็เดินกลับเข้าไปในตึก

“อรุณ เก็บกวาดที่แกทำไว้ด้วย ล่อซะจรวดตูม ตูม ฐานจะพังเอา” นพบอกแล้วก็เดินไปช่วยทหารนายอื่นเก็บกวาดบนดาดฟ้า
“อาทร มาช่วยหน่อยดิ” อรุณเรียก
“ช่วยทำไม ใครทำ เราทำแค่ป้อมปืนเลเซอร์เป็นรอยข่วน เอาผ้าไปเช็ดๆขัดๆจบ ไปละ” อาทรบอก
“เฮ๊ย โหยแล้วทำไมเราต้องมาเก็บซากตึกและซากเจ้าแมวบ้าพวกนี้ด้วยวะ” อรุณบ่นแล้วก็แบกร่างพวกมันโยนลงไปนอกตึกจากดาดฟ้า

ตกเย็น ฐานองค์กร Meteor Heaven ต่างผุพังไปบ้างเพียงการโจมตีของฝูงทอเรี่ยน ทหารทุกคนรวมทั้งนักวิจัยคนเดียวก็ไปรวมกันที่ห้องโถง
“เอาล่ะ พวกเราต้องระมัดระวังภัยต่างหลังจากนี้ พวกมันจากที่เจอในวันนี้ มันต่างจากพวกโจรบ้าบอที่เคยเจอมาก่อน และสุดท้าย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ศรัน อาหารเสร็จยัง” จ่าปื๊ดตะโกนบอก
“เสร็จแล้วจ้า” ศรันตะโกนกลับมาแล้วเขาก็ยกจานอาหารมาวางบนโต๊ะ เหล่าทหารที่เหน็ดเหนื่อยกับวันนี้ต่างกินอาหารกันอย่างอร่อยด้วยความหิว
“เชน คืนนี้ 3 ทุ่มมาหาผมที่ห้องบังคับการ อรุณ นพ ด้วย” จ่าปื๊ดสั่งแล้วก็ยกจานอาหารไปนั่งกินที่อื่น
“เดี๋ยว จ่า คือผมอยากจะบอกจ่าว่า ทุ่งหญ้ากว้างแบบนี้ ย่อมมีสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เพื่อเดินทางได้อย่างรวดเร็ว และในเมื่อมีพื้นที่กว้างขนาดนี้ อาจจะมีสิ่งมีชีวิตอื่นที่อันตรายอีกก็เป็นได้ ผมจึงคิดว่า หน่วยรบแบบนี้น่าจะมีอุปกรณ์เตือนภัยจากระยะไกล ผมเลยอยากให้ จ่า นั้นตั้งอุปกรณ์เหล่าให้ไกลขึ้นเพื่อจะได้เตรียมการได้ทัน” อิศราบอก
“นี่คุณนักวิจัย ผมงงและไม่เข้าใจกับสิ่งที่คุณพูด เอาเป็นว่า ผมใหญ่สุดในที่นี้ และคุณต้องทำตามที่ผมสั่ง กินข้าวเสร็จแล้วไปนอนซะ นี่เป็นคำสั่ง” จ่าปื๊ดบอกแล้วก็เดินออกไป

แล้วทหารทุกคนต่างก็ได้พักผ่อนกันภายในฐานของพวกเขาที่พวกเขาคิดว่าปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ แต่ภัยอันตรายต่างๆจากสัตว์ร้ายข้างนอกยังมีอยู่มากหลาย นักวิจัยอิศรานั้นยังกลุ้มใจและวิตกกับสิ่งที่เขานั้นคิดและบอกแต่จ่าปื๊ดผู้บังคับการฐานกลับไม่สนใจที่จะฟัง และห่างออกไป 2 กิโลเมตร มีสายตาเพชฌฆาตดวงโตใหญ่คู่หนึ่งจ้องมองมาที่ฐานหน่วยรบพิเศษ แล้วมันก็คำรามดังลั่นจนอิศราได้ยินถึงกับตกใจกลัวทันที จ่าปื๊ดเองที่ได้ยินเสียงแต่เขากลับคิดวางแผนบางอย่างอยู่ในหัว เพียงแต่รอทหารที่เขาเรียกพบนั้นจะมาตามที่สั่ง

------------------------------------------------------------จบตอนที่ 2--------------------------------------------------
เหอๆ แต่งหลายเรื่องพร้อมกันอาจจะทำให้เนื้อเรื่องแต่ละภาคดำเนินเรื่องไปช้าสักนิด
« Last Edit: November 19, 2005, 08:39:58 PM by !!! Unknow !!! » Logged


!!! Unknow !!!
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 362


Email
« Reply #3 on: November 24, 2005, 11:53:16 PM »

ตอนที่ 3  มนุษย์ทดลอง

เมื่อพงวิชและแคลร์มาถึงหมู่บ้าน ทั้งคู่ก็พบว่าผู้คนในหมู่บ้านนั้นหายไปหมด
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น พี่ค่ะ พี่อยู่ที่ไหน” แคลร์ตกใจรีบกระโดดลงจากหลังชินนีสและวิ่งเข้าไปในบ้านของตน พงวิชก็เดินสำรวจอยู่หน้าบ้าน
“แคลร์” พงวิชเรียก
“พี่สาว พี่อยู่มั้ย” แคลร์ตะโกนเรียกอยู่ภายในบ้าน
“แคลร์ หลบอยู่ภายในบ้านนะ” พงวิชตะโกนบอก
“ทำไม” แล้วชินนีสก็ร้องขู่ จนทำให้แคลร์นั้นรู้ว่าข้างนอกนั้นมีบางอย่าง เธอจึงวิ่งไปที่หน้าต่างเพื่อดู
“แคลร์ หมู่บ้านนี้มีทางออกทางไหนมั้ย” พงวิชตะโกนถามพร้อมกับชักปืนและขึ้นเล็ง
“นอกจากทางเข้าแล้ว มีอีกทางก็คือแม่น้ำมีเรือ” แคลร์ตอบแล้วเธอก็ตกใจจนอึ้งเมื่อเห็นยักษ์ตนหนึ่งเดินตรงเข้าไปหาพงวิช
“แคลร์รีบออกจากบ้านวิ่งไปที่แม่น้ำเตรียมรอดรอไว้ให้ด้วย” พงวิชบอกแล้วก็ลั่นไกปืนยิงจู่โจมใส่ทันที แล้วแคลร์ก็วิ่งออกจากบ้านอ้อมไปทางด้านหลังหมู่บ้าน แต่ทันทีที่เธอวิ่งออกไป ยักษ์ก็หันไปสนใจจึงเดินตาม พงวิชเห็นจึงยิงกระสุนเล็งไปที่เสาจนผุ แล้วเขาก็วิ่งไปถีบให้เสานั้นล้มไปชนใส่ยักษ์

“แคลร์ หนีไป” พงวิชตะโกนบอก พอยักษ์ตัวนั้นได้สติ มันจึงหันมองไปมาเห็นเพียงพงวิช มันจึงดึงเสาต้นนั้นมา และฟาดใส่พงวิช จนเขากระเด็นทะลุเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ยักษ์ตนนั้นก็เดินตามไปทันที แต่ชินนีสนั้นก็หลอกล่อยักษ์ตัวนั้นไว้โดยการวิ่งเข้าเอาเขาแทงใส่ขาของยักษ์ตนนั้น พอพงวิชลุกขึ้นได้เขาก็วิ่งออกมาจากบ้านพร้อมกับถอดสลักระเบิดเขว้งไป ยักษ์ตนนั้นเห็นจึงคว้ามือกำระเบิดไว้ พงวิชจึงยิ้ม แล้วระเบิดนั้นก็ระเบิดขึ้นใส่มือของยักษ์ตนนั้น มันร้องโหยหวนด้วยความทรมาน แล้วมันก็มองพงวิชด้วยสายตาโกรธแค้น มันจึงวิ่งตรงเข้ามา แต่พอมันเข้ามาในระยะ 20 เมตรก่อนถึงตัวพงวิช ก็มีชายร่างใหญ่คนหนึ่งกระโดดเข้าชนใส่ยักษ์ตนนั้นพร้อมกับมือข้างซ้ายของชายร่างใหญ่คนนั้นใหญ่โตนิ้วยาวมีเล็บแหลม แทงเข้าที่ใต้คางของยักษ์ตนนั้น แล้วยักษ์ตนนั้นก็ล้มลงทันที หลังจากนั้นชายร่างใหญ่คนนั้นก็หันมามองพงวิช แล้วเขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาบ้านและวิ่งหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงซากของยักษ์ตนหนึ่งและความทึ่งตะลึงของพงวิช

“นั่นมันใครกัน” พงวิชตะลึงอยู่สักพักแล้วชินนีสก็เดินเข้ามาหา เขาจึงมองดูมันซึ่งมีแผลอยู่ที่ข้างลำตัว
“เจ้าคงจะเจ็บละซิท่า ไปเถอะ เราไปหาแคลร์กัน เดี๋ยวฉันจะหาวิธีรักษาแผลให้” พงวิชลูบหัวของมันเบาๆแล้วทั้งคู่ก็เดินตรงไปที่หลังหมู่บ้านไปด้วยกัน

เมื่อมาถึงท่าเรือแม่น้ำ
“พงวิช” แคลร์ตะโกนเรียก พงวิชจึงเดินเข้าไปหา
“แคลร์ เธอปลอดภัยดีใช่มั้ย” พงวิชถาม
“ค่ะ หนูปลอดภัยดี แล้วชินนีสละ” แคลร์ตอบแล้วก็มองหา
“ว๊าย ชินนีส เธอไปโดนอะไรมา” แคลร์ตกใจทันทีที่เห็นบาดแผลบนลำตัวม้าของเธอ เธอจึงรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าปากอดมันไว้
“พงวิช คุณช่วยกลับไปที่บ้านของหนูได้มั้ย ที่หลังบ้านจะมีถังน้ำที่มีดอกไม้สีทองแช่อยู่ ช่วยยกถังน้ำมาให้หนูที” แคลร์บอก พงวิชเองก็พยักหน้าแล้วก็กลับไปที่หมู่บ้านอีกครั้ง

เมื่อเขาวิ่งกลับมาถึงหมู่บ้าน เขาก็ยังคงพบซากยักษ์ตนนั้นนอนแน่นิ่ง เขาจึงเดินเข้าไปหลังบ้านของแคลร์และยกถังน้ำนั้น แต่เมื่อออกมาเขาก็มองไปที่ร่างของยักษ์ตนนั้น เขาก็ตกใจจนเสียวสันหลังอยู่วูปหนึ่งเมื่อเขามองดูร่างของยักษ์ตนนั้นที่นอนล้มลงหันพลิกตัวแปลกไปจากท่าเดิม เขาค่อยๆเดินถอยหลังอย่างช้าๆ จนเมื่อเขาออกห่างมาได้ไกลสักระยะ เขาก็หันหลัง แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นมาจากด้านหลัง เขาจึงหันกลับไปดู เห็นแมลงยักษ์ตัวหนึ่งโผล่ออกมาจากหลังของยักษ์ตนนั้นและมันก็วิ่งตรงเข้ามาหาพงวิช พงวิชเองก็รีบวิ่งหนีทันที

เมื่อเขาวิ่งหนีมาถึงท่าเรือ เขาส่งถังน้ำนั้นให้แคลร์ แล้วเขาก็ชักปืนขึ้นและหันกลับมาเล็ง แต่เขาไม่เห็นแมลงตัวนั้นแล้ว
“ชินนีสอยู่นิ่งๆนะ ดอกไม้นี้จะรักษาบาดแผลให้เจ้า” แคลร์หยิบดอกไม้ในถังน้ำออกมา 1 ดอกแล้วเธอก็บี้ดอกให้เละและทาลงไปที่บาดแผลบนลำตัวของชินนีส
“แคลร์รีบขึ้นเรือพาชินนีสขึ้นไป พายเรือออกไปทันที” พงวิชบอก แล้วแมลงยักษ์ก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินมันตะหวัดหัวใส่พงวิชจนกระเด็นตกน้ำ ส่วนแคลร์นั้นก็พายเรือหนีออกไปได้ทัน พอพงวิชโผล่ขึ้นเหนือน้ำ เขาก็ยกปืนขึ้นเล็ง
“เอาปืนจรวดน้ำกรดพิษสูตรเข้มข้นไปกินซะ” พงวิชเล็งรอจังหวะ แล้วแมลงตัวนั้นก็อ้าปากพุ่งเข้ามา แต่ทันใดนั้นพงวิชก็ได้ยินเสียงปืนยิงจรวดนั้นยิงจรวดออกไป เขาจึงหันหลังกลับไปมองที่เนินเขาลูกหนึ่งเห็นชายร่างใหญ่คนนั้น แต่ตอนนี้เขากลับไม่เห็นแขนประหลาดข้างซ้ายของชายคนนั้น เห็นเพียงแต่ปืนยิงจรวด แล้วเขาก็ตกใจเมื่อสังเกตเห็นกระสุนจรวดยิงตรงมาที่เขา พงวิชจึงดำน้ำลงไป กระสุนจรวดลูกนั้นจึงยิงเข้าปากแมลงยักษ์ตนนั้นและระเบิดร่างของแมลงจนกระจายไปหมด พอพงวิชลอยขึ้นมาเหนือน้ำก็ไม่เห็นชายคนนั้นอีกแล้ว

“พงวิช นี่ฉันอยู่นี่” แคลร์โบกมือพร้อมตะโกนเรียก พอพงวิชหายตะลึงค้าง เขาก็ว่ายน้ำไปหาแคลร์ทันที
“ชายคนนั้นหายไปไหน เธอมองทันมั้ย” พงวิชถาม
“คนไหน หนูเห็นคุณคนเดียวเองนะ” แคลร์ตอบ แล้วก็ยื่นมือไปดึงพงวิชขึ้นมาบนเรือ
“เธอไม่เห็นจริงๆเหรอ” พงวิชถามอีกครั้ง แคลร์ก็ส่ายหน้าปฏิเสธ
“แล้วนั่นมันใครกัน” พงวิชเองก็ยังคงนึกสงสัย

เมื่อเรือของแคลร์นั้นล่องแม่น้ำมาจนถึงน้ำตก
“พงวิชเราจะทำยังไงกันดี” แคลร์ถาม
“ม้าเธอเดินบนน้ำไปปะ” พงวิชถาม แคลร์ก็พยักหน้า
“งั้นเธอ ขี่ม้าเธอไปขึ้นฝั่งก่อน เดี๋ยวฉันจะตามไป” พงวิชชี้ไปยังฝั่ง แคลร์จึงขึ้นขี่หลังชินนีสแล้วม้าของเธอก็กระโดดจากเรือข้ามแม่น้ำไปยังริมฝั่ง พงวิชเองก็เริ่มกวาดสายตามองหาสิ่งของบนเรือ จนไปเจอเชือก เขานำมาผูกเป็นบ่วง แต่เขากลับลืมดูหน้าผาน้ำตก เรือที่เขายืนอยู่นั้นล่วงตกลงไปยังข้างล่าง เขาจึงเหวี่ยงเชือกโยนไปมัดกับโขดหิน แล้วเขาก็ปีนขึ้นมายังริมฝั่ง

เมื่อเขาปีนขึ้นฝั่งมาได้ เขาก็เห็นเท้าของแคลร์และเท้าของชายอีกคน เมื่อเขาเงยหน้ามองขึ้น ก็เห็นชายร่างใหญ่ล๊อคคอพร้อมกับเอาปืนช๊อตกันเล็งมาที่พงวิช
“แกต้องการอะไร” พงวิชถาม แล้วก็ค่อยๆขยับตัว เมื่อชายคนนั้นเห็นก็เอาปืนมาจ่อที่ใต้คอของแคลร์
“อย่า ปล่อยเธอไปซะ” พงวิชบอก แต่ชายคนนั้นกลับยืนนิ่ง
“แกเป็นใคร แล้วทำแบบนี้ทำไม” พงวิชถาม แต่ชายคนนั้นก็ไม่ยอมตอบ แล้วชินนีสก็พุ่งเข้ามาจากด้านหลังชายคนนั้น แต่ชายคนนั้นหลบได้ แคลร์จึงฉวยโอกาสดิ้นหลุดออกมา พงวิชจึงดีดตัวขึ้นพร้อมกับเอาปืนกลยิงใส่ชายคนนั้น แต่เมื่อเขายิงไปได้สักพักแล้ว แต่ชายคนนั้นกลับยังยืนอยู่ได้ แล้วเขาก็มองมาที่พงวิช แล้วก็ใช้ปืนช๊อตกันยิงใส่พงวิชจนกระเด็นล่วงหน้าผาน้ำตกไป แคลร์จึงขี่หลังชินนีสแล้วก็กระโดดตามพงวิชไป

“ถ้ารอดได้ หาความจริงจากนี่ซะ” ชายคนนั้นพูดขึ้นแล้วก็ควักหยิบกระดาษใบหนึ่งออกมา แล้วก็ปล่อยให้กระดาษใบนั้นลอยไปตามกระแสลมลงไปยังน้ำตกข้างล่าง แล้วเขาก็เดินหายไป

--------------------------------------------------จบตอนที่ 3--------------------------------------------------------
Logged


Nihil
Administrator
Member
*****
Offline Offline

Gender: Male
Posts: 12423


Email
« Reply #4 on: November 26, 2005, 06:58:06 AM »

ตอนนี้แคลร์กลายเป็นมีตัวตนจริง ๆ ใน smn แล้ว
เป็น Unicorn Maiden ด้วย  ;D

Logged


Pages: [1]
  Print  
 
Jump to:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2015, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
Page created in 0.083 seconds with 20 queries.